ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 141-144
บทที่ 141 นายมาไหมล่ะ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เวลาโพล้เพล้พลบค่ำ ตะวันลาลับขอบฟ้า
ลมทะเลอ่อนๆ พัดโชย เกลียวคลื่นเคลื่อนตัวอยู่บนผิวน้ำ เมื่อแสงสุดท้ายสาดส่องลงบนท้องทะเล มันก็เปลี่ยนผิวน้ำทะเลให้กลายเป็นสีชมพูน่าหลงใหล
เหมาเหว่ยหลงยืนหน้าบ้านพักตากอากาศพลางมองไปทางทิศตะวันตก ท้องฟ้าใสสะอาดเต็มไปด้วยก้อนเมฆที่มากมากมาย ท้องฟ้าขาวโพลนราวกับถูกสายน้ำชำระล้าง ส่วนก้อนเมฆก็กลายเป็นสีแดงบริสุทธิ์ เมื่อทั้งสองผสานเข้าด้วยกันจึงให้ความรู้สึกเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก
นกนางนวลหลายตัวบินล่องอยู่บนท้องฟ้าอย่างมีความสุขพร้อมส่งเสียงร้องออกมาเป็นครั้งคราว บางครั้งพวกมันก็จุ่มหัวลงไปในน้ำ และเมื่อบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้งก็มักจะคาบปลาตัวเล็กๆ ขึ้นไปด้วย
ช่วงโพล้เพล้เป็นเวลาทองช่วงสุดท้ายที่ฝูงปลาจะออกหาอาหาร เพราะอีกไม่นานก็จะมืดค่ำแล้ว มีปลาจำนวนไม่น้อยที่ตอบสนองต่อแสงแดด ดังนั้นจึงจำต้องอาศัยแสงสว่างช่วงสุดท้ายนี้ในการขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อหาอาหาร
ช่วงนี้ในฟาร์มปลามีปลากระโทงร่มเพิ่มจำนวนขึ้นไม่น้อย พวกมันชอบกางครีบออกแล้วกระโดดออกมาโบยบินบนผิวน้ำทะเล และในช่วงไม่กี่นาทีมานี้ก็มีปลากระโทงร่มกระโดดขึ้นมาบนผิวน้ำได้ตัวสองตัวแล้ว
เหตุการณ์ดังกล่าวดึงดูดนักล่าที่อยู่บนท้องฟ้าเข้ามา อีกาดำร่างกายกำยำตัวหนึ่งบินลงมาอย่างรวดเร็วราวกับเครื่องบินรบ มันอ้าปากแหลมของมันออกแล้วคาบปลากระโทงร่มตัวหนึ่งที่กระโดดขึ้นมาบนผิวน้ำอย่างแม่นยำ จากนั้นมันก็กระพือปีกทั้งสองข้างบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
“นั่นนกอะไรน่ะ? เก่งจริงๆเลย” เหมาเหว่ยหลงพูด
ฉินสือโอวไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าอะไรกันที่สามารถทำให้เหมาเหว่ยหลงตกตะลึงได้ขนาดนี้ จกานั้นเขาก็พูดขึ้น “ไร้วิชา ช่างน่ากลัวจริงๆ นั่นก็คือนกฟรีเกตที่มีชื่อเสียงโด่งดังยังไงล่ะ มันเป็นเจ้าแห่งท้องฟ้าที่สามารถโบยบินในพายุไต้ฝุ่นระดับ 12 ได้เชียวล่ะ”
“ไปไกลๆ เลย” เหมาเหว่ยหลงยิ้มไปพูดไป “พายุไต้ฝุ่นระดับ 12 สามารถทำให้มันไม่เหลือแม้แต่ขนได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วิเลยนะ”
จากนั้นเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาในอินเทอร์เน็ตก่อนจะพูดขึ้น “เห้ย นายพูดจริงเหรอเนี่ย นกนี้เก่งขนาดนั้นเชียว”
ฉินสือโอวพูดไปจัดการกับปลาค็อดไป “นายคิดว่ายังไงล่ะ? เจ้าเวหาแห่งทวีปอเมริกาเหนือเชียวล่ะ”
หู่จือและเป้าจือหยอกล้อกันอยู่ในสนามหญ้า ลูกทั้งสี่ของพาวลิสกำลังนั่งทำการบ้านกันด้วยสีหน้าบึ้งตึง
การบ้านนี้ฉินสือโอวเป็นคนมอบหมายให้พวกเขาเอง โรงเรียนประถมในแคนาดานั้นสบายเกินไป เจ้าเด็กพวกนี้ดูว่างกว่าเด็กอนุบาลในประเทศจีนเสียอีก
หลังจากนั้นฉงต้าก็เดินโก่งตูดอ้วนๆ ของมันออกมา เมื่อเห็นปลาค็อด ปลาแฮร์ริ่ง ปลาลิ้นหมาและปลาแซลมอนโคโฮที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ววางอยู่บนชั้นวางจาน ตาของมันก็เป็นประกายขึ้นมาในทันทีก่อนที่มันจะยื่นอุ้งเท้าออกไปเตรียมจะจับปลา
ทว่ามือใหญ่ขนฟูข้างหนึ่งกลับคว้าอุ้งเท้าของมันเอาไว้ มันเงยหน้าขึ้นมองอย่างหงุดหงิดก่อนจะต้องกลัวจนฉี่ราดขึ้นมาในทันที จากนั้นมันก็รีบเก็บอุ้งเท้า โก่งตูด แล้ววิ่งไปหลบหลังต้นเมเปิล
ฉินสือโอวให้อีวิลสันมาเฝ้าปลาเหล่านี้เอาไว้ และฉงต้าผู้ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดนั้นก็หวาดกลัวอีวิลสันยิ่งกว่าอะไร
เหมาเหว่ยหลงยืนมองอยู่หน้าบ้านพักตากอากาศสักพักหนึ่งก็ถอนหายใจแล้วพูดออกมา “เหล่าฉิน ชีวิตของนาย ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นการใช้ชีวิต! คิดๆ แล้ว ตอนที่ฉันอยู่ประเทศจีนน่ะไม่ต่างอะไรกับการติดคุกเลย เทียบอะไรกับนายไม่ได้เลย”
ฉินสือโอวทาซอสปรุงรสลงบนตัวปลาหิมะที่ล้างสะอาดแล้ว จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วพูดออกมา “ฟังดูน่าสนใจนะ ฉันอยู่ที่นี่ก็มีแค่ฟาร์มปลากับทะเลเท่านั้น ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย ตอนอยู่ประเทศจีนนายใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยงขนาดไหนล่ะ? เที่ยวคลับ ช้อปปิ้ง นัดเดต พอเปรียบเทียบกันแล้วที่นี่ต่างหากที่เหมือนติดคุก”
เหมาเหว่ยหลงส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “แสงสีพวกนั้นล้วนเป็นของปลอมทั้งนั้น อันที่จริงชีวิตก็วนๆ อยู่กับแค่ของพวกนั้นแหละ ทำงานอย่างหนัก นั่งเบื่อทั้งวัน เลิกงานก็เที่ยวคลับ นั่งดื่มถึงเที่ยงคืน กลับไปนอนพร้อมความเมา แล้วพอตื่นมาวันที่สอง ทุกอย่างก็เป็นเหมือนเดิม วนแบบเดิมซ้ำๆ ทุกวัน ไม่เห็นจะสนุกเลย มันต่างอะไรกับติดคุกล่ะ?”
ฉินสือโอวกล่าว “เพราะนายกำลังทำเพื่ออนาคตยังไงล่ะ ถ้านายชอบชีวิตความเป็นอยู่ที่นี่ของฉันจริงๆ นายก็ลาออกจากงานแล้วมาอยู่ที่นี่เสียสิ”
ความจริงแล้วเขาก็ชอบชีวิตความเป็นอยู่ลักษณะนี้ไม่น้อย ในทุกๆ วันก็เพียงต้องออกไปลาดตระเวนในท้องทะเลเสียหน่อย และไม่จำเป็นต้องกังวลกับผลผลิตในฟาร์มปลาด้วย เพราะอย่างไรเสียเขาก็มีพลังพิเศษแห่งจิตใต้สำนึกโพไซดอนซึ่งสามารถลงไปขุดค้นสมบัติในเรือที่จมลงใต้ทะเลได้ เพราะงั้นชีวิตจึงไม่ต้องกังวลกับเรื่องใดๆ อยู่แล้ว
อีกอย่าง แม้จะไม่เจอสมบัติ ก็ยังมีของมีค่าอย่างปลาทูน่าครีบเหลือง ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน และหอยนมสาวทะเลยักษ์ที่สามารถเอาไปขายได้
ฉินสือโอวเพียงแค่พูดไปอย่างนั้นแหละ งานของเหมาเหว่ยหลงนั้นเป็นสิ่งที่พ่อของเขาจัดเตรียมเอาไว้ให้ และมันยังเป็นความคาดหวังของวงศ์ตระกูลเขาอีกด้วย ดังนั้นใช่ว่าคิดอยากลาออกแล้วจะลาออกได้
แต่เหมาเหว่ยหลงกลับแสดงสีหน้าคล้อยตาม เขากลอกตาไปมาโดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากนั้นเออร์บักก็เดินออกมา ตอนนี้ชายชราที่ดูเหนื่อยล้าและไร้ชีวิตชีวาเมื่อสองสามวันก่อนกลับมามีแววตาสดใส ฝีเท้าหนักแน่นและอกผายไหล่ผึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะฟื้นฟูกลับไปเหมือนตอนที่ฉินสือโอวเจอเขาครั้งแรกแล้ว
“เออร์บัก ตอนนี้คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง” ฉินสือโอวรีบถามขึ้นหลังจากเห็นเขา
เออร์บักพูด “ฉิน ผมพูดอะไรมากไม่ได้ แต่ยาสมุนไพรที่เพื่อนคุณเอามาช่างน่าอัศจรรย์เหลือเกิน ตอนบ่ายผมนอนหลับในน้ำพุร้อนไปหนึ่งงีบ และตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ หลังจากดื่มยาสมุนไพร ผมก็ไม่รู้สึกปวดหัวอีกเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา แม้ไม่กล้าพูดว่าพลังพิเศษแห่งจิตใต้สำนึกโพไซดอนสามารถรักษาเนื้องอกในสมองได้ แต่เห็นได้ชัดว่าพลังพิเศษนี้สามารถรักษาโรคได้
ตามสุภาษิตที่ว่า ‘รักเขา ให้รักสิ่งรอบตัวของเขาด้วย’ เออร์บักจึงยื่นมือไปจับมือของเหมาเหว่ยหลงอย่างเป็นมิตร เพราะฉินสือโอวบอกเขาว่ายาสมุนไพรล้ำค่านี้ เหมาเหว่ยหลงเองที่เป็นคนเอามา
ผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์ของยาแพทย์แผนจีนนี้ทำให้เออร์บักมีความมั่นใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไป แม้ปากจะบอกว่าตัวเองปล่อยวางแล้วและถึงเวลาที่เขาต้องกลับไปพบพระเจ้าแล้ว แต่การตายไปยังไงก็ไม่สู้การได้มีชีวิตต่อ ดังนั้นคนปกติคนไหนเล่าที่อยากจะไปพบพระเจ้าจริงๆ
หลังจากเหมาเหว่ยหลงได้ทราบถึงเหตุผลที่เออร์บักขอบคุณตัวเอง เขาก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมถ่อมตนหลายประโยคและหันไปพูดกับฉินสือโอว “ฉิน โซ่ว กล่องที่ฉันเอามาด้วยล่ะ ในนั้นมีของขวัญของนาย!”
“มีอะไรบ้างล่ะ” ฉินสือโอวถาม เขาหันไปพูดบางอย่างกับอีวิลสัน จากนั้นอีวิลสันก็เดินไปยังห้องฝากของแล้วกลับมาพร้อมแขนสองข้างที่หนีบกล่องเอาไว้ข้างละใบ และมือทั้งสองข้างที่ถือกล่องเอาไว้ข้างละใบเช่นกัน จากนั้นเขาก็วางลงอย่างง่ายดาย
เหมาเหว่ยหลงเปิดกล่องทั้งแปดใบออก เผยให้เห็นของที่อยู่ด้านใน
ซอสสะเต๊ะ ซอสถั่วเต้าซี่ น้ำจิ้มบ๊วย ซอสXO ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ ซอสถั่วเหลือง น้ำมันกุ้งสด ซีอิ๊วหวาน ซอสเห็ด ซอสบาร์บีคิว ซอสเกลือ วูสเตอร์ซอส ซอสOK พริกไทยป่น ผงขิง ผงกระเทียม เต้าซี่ ผงพะโล้ น้ำพริกเผาเหล่ากานมา เป็นต้น
นอกจากนี้ในนั้นยังมีเครื่องเทศปรุงรสสำเร็จรูปสำหรับปลาต้มซอส หมูต้มซอส บะหมี่ซอสผัด หมูเส้นผัดเปรี้ยวหวานและไก่ตุ๋นจำนวนมากอีกด้วย
เมื่อเห็นของเหล่านี้ฉินสือโอวก็ตาเป็นประกาย เขาหัวเราะแล้วถามขึ้น “เป็นของขวัญที่ไม่เลวเลยจริงๆ ต่อไปนี้ถ้ามีของพวกนี้ การทำอาหารก็เป็นเรื่องง่ายแล้วล่ะ”
ในเซนต์จอห์นมีร้านอาหารจีน แต่ไม่มีไชน่าทาวน์และไม่มีซูเปอร์มาเก็ตสำหรับคนจีนโดยเฉพาะ ดังนั้นเครื่องปรุงรสอาหารจีนดั้งเดิมหลายชนิดจึงไม่สามารถหาซื้อได้ที่นั่น
กลับมาครั้งก่อนฉินสือโอวเองก็วางแผนที่จะเอาเครื่องปรุงรสบางส่วนกลับมาด้วย แต่ตอนนั้นมีทั้งเป็ดทั้งไก่และเมล็ดพันธุ์พืชจนไม่สามารถขนอะไรกลับมาได้มากกว่านี้แล้ว เขาจึงต้องทำใจ
แต่ตอนนี้เหมาเหว่ยหลงได้สร้างความเซอร์ไพรส์ให้แก่เขา สมแล้วที่เป็นเพื่อนที่รู้ใจเขามากที่สุด
เวลาล่วงเลยมามากแล้ว นีลเซ็นเริ่มเตรียมมื้อเย็น ชาร์คตั้งเตาย่างของเขา เมื่อเนื้อหมูป่าชิ้นสุดท้ายถูกเสียบลงไม้ พวกเราก็ทำการจุดไฟและเริ่มย่าง
ตอนนี้เขาสามารถมีสมาธิจดจ่อกับการทาน้ำมันและซอสปรุงรสได้แล้วเพราะมีอีวิลสันรับหน้าที่คอยควบคุมการย่างอยู่ข้างๆ เนื้อหมูชิ้นหนึ่งเป็นเหมือนไม้กวาดในมือที่เขาจะปัดไปตรงไหนก็ง่ายดายไปเสียหมด
ส่วนซีมอนสเตอร์นั้นมีหน้าที่ย่างปลาทะเล นอกจากนี้มื้อเย็นวันนี้ยังเป็นอาหารทะเลที่ทำมาเพื่อต้อนรับเหมาเหว่ยหลงโดยเฉพาะด้วย ดังนั้นนอกจากอาหารจานเด่นอย่างปลาย่างแล้ว ยังมีกุ้งย่าง หอยเชลล์ย่าง และปลาดาวย่างด้วย
ไม่นาน กลิ่นปิ้งย่างที่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นยี่หร่าและอาหารทะเลก็กระจายไปทั่ว หู่จือ เป้าจือเดินวนอยู่รอบๆ พลางกระดิกหางไปด้วย ฉงต้านั่งอยู่ข้างๆ ซีมอนสเตอร์ สองตาของมันมองเนื้อหมูป่าชิ้นนั้นด้วยดวงตาเป็นประกาย แต่น่าเสียดายที่อีวิลสันเป็นผู้ดูแลส่วนนั้น มันจึงไม่กล้าเดินเข้าไปอ้อน
……………………………………….
บทที่ 142 ออกทะเลก่อน
โดย
Ink Stone_Fantasy
“อาศัยช่วงที่ยังพอมีแสงอาทิตย์ เราออกไปหาหอยอุ้งเท้าหมามากินกันเถอะ” ฉินสือโอวพูดขึ้นพร้อมสตาร์ทรถคาดิลแลควัน
เหมาเหว่ยหลงถือว่าเป็นทายาทเศรษฐีรุ่น 3 ในกรุงปักกิ่ง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะเคยกินหอยอุ้งเท้าหมาแล้ว รสชาติของมันยังติดอยู่ในความทรงจำสดใหม่ของเขา เมื่อได้ยินที่ฉินสือโอวพูด เขาจึงเลียริมฝีปากแล้วพูดออกมา “ที่นี่มีหอยอุ้งเท้าหมาด้วยเหรอ?”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดขึ้น “แน่นอน มากับฉันสิ รับรองว่าสดใหม่ ไม่เหมือนที่แกเคยกินที่ปักกิ่งหรอก เพราะพวกนั้นมีแต่เป็นของค้างคืนทั้งนั้น”
รถคาดิลแลควันแล่นไปถึงหน้าผาที่อยู่ด้านหลังโรงงานทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ ขณะเดินผ่านโรงงาน ฉินสือโอวก็ได้เล่าความขัดแย้งระหว่างโรงงานและหมู่บ้านให้เขาฟัง
ตอนนี้โรงงานหยุดงาน ถ้าไม่มีธุระอะไรก็จะไม่มีใครมาแถวนี้ โรงงานที่เคยมีผู้คนเข้าออกไม่ขาดสาย ตอนนี้กลับเงียบเหงาไร้ผู้คน
เมื่อปราศจากคลื่นทะเลที่หนุนนำโดยกระแสน้ำอุ่น ด้านหลังหน้าผาจึงเงียบสงัด หอยอุ้งเท้าหมาต่างซ่อนตัวอยู่ใต้ท้องทะเล ดังนั้นจึงไม่มีทางได้เห็นตัวของพวกมันและแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะจับพวกมันมา
แต่แน่นอนว่าหากมีคนต้องการก็สามารถใส่ชุดดำน้ำแล้วลงไปช้อนจับที่ใต้ทะเลก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ต้องรู้เอาไว้เลยว่าหอยอุ้งเท้าหมานั้นมีความสามารถในการเกาะเกี่ยวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตอนอยู่ในน้ำ หากต้องการดึงพวกมันออกมาเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้
เพราะฉะนั้นหากคลื่นลมทะเลไม่ได้นำพาหอยอุ้งเท้าหมามาพร้อมกับคลื่นทะเล ผู้ที่อาศัยในหมู่บ้านก็แทบไม่มีโอกาสได้มาซึ่งของมีค่าเหล่านี้เลย
แต่ฉินสือโอวมีวิธีของตัวเอง เขาให้เหมาเหว่ยหลงจับเชือกไว้แล้วตัวเองก็เดินลงไปตามหน้าผา เขาใช้จิตใต้สำนึกโพไซดอนควบคุมหอยอุ้งเท้าหมาแต่ละตัวให้คลายตัวออกจากโขดหิน จากนั้นเขาก็เพียงแค่เก็บพวกมันขึ้นมา
เล่นละครต้องเล่นให้เนียน ฉินสือโอวแสร้งทำเหมือนเก็บพวกมันมาอย่างยากลำบากและรอจนกว่าตะวันลาลับขอบฟ้าจึงยอมปีนขึ้นมา
เหมาเหว่ยหลงรู้สึกกลัวเล็กน้อยเขาจึงเร่งฉินสือโอวไม่หยุด ด้านล่างน้ำทะเลมีแต่หลุมดำและหินขรุขระหน้าตาประหลาด สำหรับสัตว์บกอย่างเขาแล้ว นั่นมันนรกชัดๆ เขากลัวว่าฉินสือโอวจะเป็นอะไรไป
เมื่อฉินสือโอวกลับฟาร์มปลามาพร้อมกับหอยอุ้งเท้าหมา ชาร์คและซีมอนสเตอร์ต่างพากันตะลึงกันเป็นแถว ฉินสือโอวจึงอธิบายว่า “บนโขดหินเหนือผิวน้ำก็มีอยู่บ้างประปราย สองวันก่อนฉันไปสำรวจมาแล้ว วันนี้ก็เลยเก็บพวกมันมาทั้งหมด”
เขาเก็บหอยอุ้งเท้าหมามาได้กว่าสิบกิโล เมื่อประเมินค่าแล้วก็พบว่าในยุโรปอาจมีมูลค่ากว่าสองพันยูโรเลยทีเดียว
เหมาเหว่ยหลงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อเขาเห็นพวกหอยอุ้งเท้าหมามีสีขาวสะอาด และขนาดเท่าฝ่ามือก็รู้ได้เลยว่าเป็นของชั้นยอด หอยอุ้งเท้าหมาเหล่านี้หากอยู่ที่ปักกิ่งแล้ว แม้ยังไม่ได้ทำการชำระล้างก็ต้องมีมูลค่าถึงสี่ห้าหมื่นหยวนเป็นแน่
หากนำไปไว้ในโรงแรมหรูแล้วให้พ่อครัวนำไปปรุงอาหาร เรื่องราคานั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขั้นต่ำสองก็แสนหยวนเข้าไปแล้ว
ฉินสือโอวนำหอยอุ้งเท้าหมามาปรุงสุก อาหารจานอื่นๆ ก็ใกล้สุกแล้วเช่นกัน ตอนนี้บนโต๊ะมีกุ้งมังกรวางอยู่สองตัว กุ้งมังกรหนึ่งตัวต่อหนึ่งจานรอง ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นจานขนาดใหญ่อีกด้วย แต่ละตัวมีความยาวเท่ากับแขนเด็กและยังมีน้ำหนักกว่าสิบกิโล
นอกจากนั้นยังมีปูขนาดใหญ่อีกสองตัว พวกมันเป็นปูราชินีที่มีชื่อเสียง และปูหนึ่งตัวก็ใช้จานรองหนึ่งจานเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นปูหรือกุ้งมังกร ล้วนแต่ถูกต้มจนกลายเป็นสีแดง เมื่อแสงไฟสาดส่องเข้ามากระทบก็ราวกับเปลวไฟที่กำลังเผาไหม้สี่กอง ซึ่งแตกต่างกับปูที่เพาะเลี้ยงเองในประเทศจีนอย่างสิ้นเชิง
เดิมทีฉินสือโอววางแผนที่จะทำกุ้งแตร์มีดอร์ แต่คิดไปคิดมา อันที่จริงเมนล็อบสเตอร์เพียงแค่นำไปนึ่งซีอิ๊วก็เพียงพอแล้ว แค่นี้รสชาติก็อร่อยเกินพอแล้วล่ะ
เหมาเหว่ยหลงถือได้ว่าเป็นคนมีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง แต่กุ้งมังกรและปูขนาดใหญ่อย่างนี้ก็ไม่ค่อยได้เห็นเหมือนกัน เขามองไปมาแล้วจึงถามขึ้น “นี่ก็คือเมนล็อบสเตอร์และปูราชินีเหรอ?”
เมนล็อบสเตอร์เป็นกุ้งมังกรที่เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจหนึ่งเดียวในโลกที่สามารถเทียบได้กับนอร์เวย์ล็อบสเตอร์ พบได้มากในภาคเหนือของสหรัฐอเมริกาและชายฝั่งแคนาดา พวกมันชอบอาศัยในเขตน้ำเย็น ดังนั้นจึงเติบโตช้า กุ้งมังกรน้ำหนักกว่าสิบกิโลเช่นนี้ ต้องใช้เวลาเติบโต 30 – 40 ปีเชียวล่ะ
แต่เนื่องจากอาศัยอยู่ในเขตน้ำเย็นและเติบโตได้ช้า จึงทำให้เนื้อของเมนล็อบสเตอร์มีความนุ่มและละเอียดมาก ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมมีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ และอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี ดี และแคลเซียม โพแทสเซียม โซเดียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก ธาตุกำมะถัน ทองแดง และธาตุอื่นๆ อีกมากมาย รสชาติก็อร่อยสดใหม่ไม่แพ้กัน
ฉินสือโอวยืนยันด้วยรอยยิ้ม เหมาเหว่ยหลงจึงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “หาได้จากฟาร์มปลานายเหมือนกันเหรอM”
ฉินสือโอวพยักหน้า ความจริงแล้วเขาโกหกเหมาเหว่ยหลงต่างหาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฟาร์มปลาแห่งนี้ แต่มันไม่มีกุ้งมังกรเลย ส่วนกุ้งมังกรเหล่านี้เขาก็ไปช้อนจับมาจากใต้ทะเลลึกด้วยพลังพิเศษแห่งจิตใต้สำนึกโพไซดอนต่างหาก
เนื้อย่างสีทองถูกยกมาเสิร์ฟเป็นจานๆ โดยมีปลาลิ้นหมาเผาเป็นอาหารจานหลักอีกหนึ่งจาน ฉินสือโอวใช้มีดผ่าหนังปลาลิ้นหมาที่ถูกเผาจนดำออก ทันใดนั้นเนื้อปลาที่ขาวดั่งหิมะก็ปรากฏออกมาพร้อมไอร้อน
ลูกทั้งสี่ของพาวเวลล์นั่งบนโต๊ะกินข้าวอย่างสงบเสงี่ยม พวกเขาคั้นน้ำผลไม้กันเอง ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงดื่มไอซ์ไวน์ ชาร์คกับพวกสามคนดื่มเบียร์ ส่วนอีวิลสันน่ะเหรอ? เขาแค่ดื่มน้ำเปล่าก็ทำให้ฉินสือโอวจนลงได้แล้ว
ตากลมทะเลไป ดื่มไอซ์ไวน์ไป เพลิดเพลินกับอาหารทะเลเหล่านั้นไป เหมาเหว่ยหลงรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก
เนื่องจากหน้าที่การงานและครอบครัว ตอนอยู่ประเทศจีนเขาจึงมีงานเลี้ยงเกือบทุกวัน แต่เมื่อเทียบกับอาหารมื้อนี้แล้ว งานเลี้ยงเหล่านั้นจึงไม่ต่างอะไรกับการชดใช้กรรม นี่สิถึงจะเรียกว่าการเพลิดเพลินไปกับชีวิต
จิบไอซ์ไวน์หนึ่งคำ กินเนื้อปลาเผาหอมๆ หนึ่งชิ้น รอบกายคือเหล่าวีรบุรุษแห่งรัฐนิวฟันด์แลนด์ เด็กๆ ผู้ไร้เดียงสา และเหล่าสัตว์เลี้ยงผู้น่ารัก เหมาเหว่ยหลงรู้สึกว่าตัวเองได้ผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“การที่ฉันมาฟาร์มปลาของแกในครั้งนี้นับว่าไม่เสียเที่ยวจริงๆ เลย” เหมาเหว่ยหลงกล่าว “เอาเถอะ ไม่สนใจแล้วล่ะ กลับไปลาออกดีกว่า เฮ้อ ฉันเองก็อยากเพลิดเพลินไปกับชีวิตเหมือนกัน”
ฉินสือโอวหัวเราะ “แกอย่าทำอะไรซี้ซั้วสิ กว่าจะได้เป็นถึงหัวหน้าวิชาการอย่างตอนนี้ก็ไม่ง่ายเลย หัดรู้จักเห็นค่ามันซะบ้าง”
เหมาเหว่ยหลงอาศัยความเมาตบโต๊ะหนึ่งทีแล้วพูดขึ้น “ไม่ไหวแล้วล่ะ ตอนนี้มาคิดๆดูแล้ว ชีวิตก่อนหน้านี้เป็นการชดใช้กรรมชัดๆ! เฮ้อ ฉันไม่เคยคิดอยากจะเป็นคนใหญ่คนโตอะไรเลย อีกอย่างฉันก็ไม่มีหัวนักการมืองด้วย เพราะงั้นต่อให้อนาคตจะดีกว่านี้ ฉันก็เป็นได้แค่กรรมการเล็กๆ เท่านั้นแหละ ให้ตายเถอะ ไม่ทำแล้วล่ะ”
ฉินสือโอวคิดว่าเขาเพียงพูดไปอย่างนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เขามีเรื่องจะให้เหมาเหว่ยหลงช่วยจริงๆ จึงพูดต่อ “แกมาที่นี่ก็ได้เห็นแล้วว่าหมู่บ้านนี้ไม่เลวเลย มีภูเขา ทะเล ทิวทัศน์ที่สวยงามแถมยังมีชายหาดด้วย ฉันวางแผนที่จะทำเส้นทางการท่องเที่ยวโดยมุ่งเป้าไปที่นักท่องเที่ยวจากประเทศจีน แกคิดว่ายังไง?”
เหมาเหว่ยหลงตาเป็นประกายแล้วพูดขึ้น “ไม่เลว เรื่องนี้ให้ฉันเป็นคนจัดการเถอะ รับรองว่าทำออกมาดีแน่นอน!”
“บอส ฟาร์มปลาของเราจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้วเหรอ?” อีวิลสันถามด้วยรอยยิ้ม
ฉินสือโอวมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว และเมื่อตอนนี้มีเงินนับล้านที่ถูกเก็บไว้ใต้ทะเล อีกทั้งเขายังไม่ได้ขาดเงิน ดังนั้นฟาร์มปลาของเขาคงไม่เข้าร่วมโครงการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวครั้งนี้
จะว่าไปเกาะแฟร์เวลแห่งนี้ก็ไม่ได้มีเพียงฟาร์มปลาของเขา ตอนนี้ในเกาะมีฟาร์มปลาใหญ่น้อยรวมทั้งหมด 6 แห่ง
นอกจากฟาร์มปลาต้าฉินของเขาแล้วยังมีอีก 5 แห่ง ฟาร์มปลา 5 แห่งนี้ล้วนอยู่ในสภาวะกึ่งปิด เจ้าของของพวกมันต่างก็หนีไปทำงานที่อื่นซึ่งสามารถนำมาใช้กับโครงการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวได้ ขอเพียงทำเงินได้ เจ้าของเหล่านี้จะต้องยินดีมากอย่างแน่นอน
“ดื่ม ดื่ม วันนี้มีเหล้าให้ดื่ม ก็ดื่มเสียให้สะใจ!” เหมาเหว่ยหลงลุกขึ้นยืนแล้วยกแก้วขึ้นเพื่อชวนดื่มเหล้า
ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ อีวิลสันยกแก้วเบียร์ขนาดเท่าถังใบเล็กขึ้น พวกเขาดื่มไปเพียงอึกเดียวก็หมดไปครึ่งแก้ว
อาหารมื้อเดียวใช้เวลากินกว่าสองชั่วโมง เหมาเหว่ยหลงเริ่มรื้อฟื้นเรื่องราวในอดีตกับฉินสือโอว ชาร์คกับพวกกำลังวางแผนงานในฟาร์มปลากันสามคน เออร์บักเองก็พาเด็กทั้งสี่คนเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ
ส่วนอีวิลสันนั้นกำลังกินอย่างดุเดือดและไม่เคยมีใครสู้เขาได้สักคน
สุดท้ายเหมาเหว่ยหลงก็ดื่มมากไปหน่อย เขาและฉินสือโอวต่างอ่อนกำลังจนทำอะไรไม่ไหวแล้ว อีวิลสันทำท่าเหมือนกำลังหิ้วกระสอบ เขาจับพวกฉินสือโอวเอาไว้ข้างละคนแล้วส่งพวกเขากลับไปยังห้องนอน
ฉินสือโอวตื่นหกโมงเช้าและออกกำลังกายจนเป็นนิสัย นอกจากวิ่งแล้วตอนนี้เขายังได้เพิ่มรายการออกกำลังกายเข้ามาอีกหนึ่งรายการ นั่นก็คือการเล่นบาสเกตบอล เขากำลังเตรียมพร้อมที่จะเป็นตัวแทนของหมู่บ้านแฟร์เวลไปเข้าร่วมการแข่งขันบาสเกตบอลชิงถ้วยฤดูร้อน
เหมาเหว่ยหลงนอนจนถึงแปดโมงครึ่ง ท้ายที่สุดฉินสือโอวทนรอไม่ไหว เขาพาฉงต้าบุกเข้าไปในห้องแล้วลากเหมาเหว่ยหลงออกมาจากห้อง ไม่อย่างนั้นเจ้านี่ต้องนอนจนถึงสิบโมงแน่นอน
“วันนี้มีกิจกรรมอะไรเหรอ?” เหมาเหว่ยหลงนอนถามบนเตียงเหมือนหมีแกล้งตาย
“กิจกรรมมีเยอะแยะไป ตกปลากลางทะเล ล่าสัตว์บนเขา ยิงปลาในทะเลสาบ โต้คลื่นและเล่นสกีน้ำ ต้องดูว่าแกชอบอะไร” ฉินสือโอวบอกรายการกิจกรรมออกมาไม่น้อย
เหมาเหว่ยหลงรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที เขาลุกจากเตียงและใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วก่อนจะตะโกนออกมา “ออกไปตกปลากลางทะเลก่อน เฮ้อ ตั้งแต่เรียนจบและออกจากเมืองไหเต่าไป ฉันก็ไม่เคยออกทะเลอีกเลย”
……………………………………….
บทที่ 143 สักหน่อยไหมล่ะ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวพานีลเซ็นไปตกปลาที่ทะเลตามปกติ พวกเขาพากันขับเรือหัวกว้างสไตล์ไครเมียออกไป และเมื่อมันออกตัวไปจากท่าเรือมันก็พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงทันที
ส่วนเหมาเหว่ยหลงก็แต่งตัวด้วยชุดสบายๆ พร้อมสวมแว่นกันแดดและกางเกงชายหาดขาสั้นทรงหลวม ขณะที่ช่วงบนก็เผยถึงกล้ามแขนเป็นมัดๆ กับกล้ามท้องน้อยๆ ของเขา เขานอนอยู่บนเก้าอี้เปลอย่างเคลิบเคลิ้มและมีเบ็ดตกปลาไฟเบอร์กลาสวางอยู่ข้างๆ เขาหนึ่งคัน
ฉินสือโอวเกาหูเกาหางให้หู่จือกับเป้าจือ เพื่อนตัวน้อยสองตัวหมอบลงอย่างว่านอนสอนง่ายอยู่ข้างๆ ตัวเขา จากนั้นไม่นานพวกมันก็หาวออกมา ดูท่าน่าจะเคลิ้มกว่าเหมาเว่ยหลงซะอีก
“ฉินโซ่ว ฉันถามหน่อย ทำไมที่นี่ไม่มีเรือจับปลาเลยล่ะ? เรือที่เอาไปจับปลาโดยเฉพาะล่ะ?” เหมาเหว่ยหลงถามสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจออกไป
ฉินสือโอวยิ้มแล้วตอบกลับ “มีสิ แถมไม่ใช่เรือเล็กๆด้วยนะ มันสามารถบรรทุกได้ถึงสองร้อยตันเลยล่ะ ฉันตั้งชื่อให้มันว่า ‘ฮาวิซท’ ตอนนี้ก็ใกล้จะออกจากโรงผลิตแล้วล่ะ แต่ตอนนี้ต้องหยุดการเดินเรือไว้ชั่วคราวก่อน รอให้ท่าเรือฉันสร้างเสร็จก่อนถึงค่อยขับมาได้น่ะ”
เขาไม่รีบร้อนใช้เรือเพราะตั้งแต่ที่เขาสั่งซื้อเรือจับปลาลำหนึ่งจนกว่ามันจะสามารถออกทะเลได้ก็ต้องใช้เวลาถึงสองเดือน พอถึงตอนนั้นฟาร์มปลาก็น่าจะเปิดให้จับปลาได้พอดี
เหมาเหว่ยหลงส่ายหัวแล้วพูดขึ้นมา “ฉันรู้สึกว่านายเป็นคนที่ตั้งชื่อไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ดูนะ หมาสองตัวนายตั้งชื่อให้มันว่าหู่จือ(เสือ)กับเป้าจือ(เสือดาว)? หมีนายก็ตั้งให้มันว่าฉงต้า? กระรอกนายก็เรียกมันว่าเสี่ยวหมิง? พวกนี้น่ะช่างมันเถอะ แต่เรือจับปลาเนี่ยนายตั้งชื่อให้มันว่าฮาวิซท? อย่างน้อยก็น่าจะเรียกว่าแจ๊คดอว์อะไรพวกนี้ก็ได้ หรือไม่อย่างนั้นก็เรียก ‘แบล็คเพิร์ล’ ‘อินเทอร์เซปเตอร์’ ‘ฟลายอิงดัตช์แมน’ เป็นไง อย่างน้อยก็ยังดีกว่าฮาวิซทของนายปะ?”
“ยุ่งน่า ฉันไม่ได้อยากเป็นโจรสลัดนะเว้ย” ฉินสือโอวขำพร้อมกับเตะเขาไปหนึ่งที
แจ๊คดอว์เป็นเรือธงของเอ็ดเวิร์ดในเกมที่ชื่อว่า Assassin’s ส่วนแบล็คเพิร์ล อินเทอร์เซปเตอร์ ฟลายอิงดัตช์แมนก็ล้วนแต่เป็นเรือรบของหนังเรื่อง Pirates of the Caribbean
เมื่อขับมาได้สองชั่วโมงนีลเซ็นก็ทำการหยุดเรือแล้วปล่อยให้มันไหลไปเองตามกระแสน้ำ จากนั้นฉินสือโอวก็นำอุปกรณ์และคันเบ็ดตกปลาชนิดที่มีความยืดหยุ่นยี่ห้อเคฟล่าร์ออกมาแล้วห้อยเหยือตกปลาไว้กับตะขอก่อนจะหย่อนเบ็ดตกปลาลงไปในน้ำ
เมื่อเห็นเบ็ดตกลงไปน้ำ หู่จือกับเป้าจือก็พากันลุกขึ้นอย่างว่องไวแล้วไปหมอบอยู่ตรงขอบเรือพลางมองลงไปด้วยสายตาปริบๆ ด้วยความคิดที่ว่าถ้าปลาติดเบ็ดมาก็แสดงว่ามีโอกาสที่พวกมันจะได้กินด้วย
ส่วนเหมาเหว่ยหลงก็โยนเบ็ดลงไปเหมือนกัน แต่เขาคิดว่าโยนลงไปแล้วรออย่างนี้ดูไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไรเขาเลยพูดขึ้นมา “ฉินโซ่ว เรามาพนันกันสักรอบเป็นไง? ใครที่ตกได้ปลาก่อนหนึ่งตัวจะถือว่าชนะ ส่วนคนที่แพ้จะต้องออกเงินในการไปนวด”
การนวดในที่นี้ผู้ชายจีนส่วนใหญ่จะรู้กันดีว่าหมายถึงนวดแบบไหน
ฉินสือโอวหันไปมองเขาอย่างแปลกใจแล้วพูดขึ้น “นายจะเล่นจริงอะ?”
ถึงแม้แคนาดาจะเป็นพวกอนุรักษนิยม แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาได้รับอิทธิพลมาจากอเมริกาหรือเปล่า เพราะคนที่ทำงานทางเพศก็มีอยู่ไม่น้อย และอาชีพแบบนี้ยังเป็นที่นิยมอย่างมากในหลายๆ เมืองอีกด้วย
นอกจากนี้ช่วงนี้แคนาดาก็กำลังมีเรื่องฉาวที่ถูกโจษจันไปทั่วอีกด้วย ตามข้อกฎหมายของแคนาดาแล้วการค้าประเวณีถือเป็นการกระทำที่ถูกกฎหมาย แต่พฤติกรรมเช่นการที่โสเภณีออกมาเรียกแขกตามริมถนน ไหนจะธุรกิจซ่องโสเภณีและอื่นๆ พวกนี้แทบจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย
และเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิของโสเภณี ทางกระทรวงยุติธรรมของแคนาดาได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับการต่อต้านการค้าประเวณีมาใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว โดยจะเน้นหนักไปเอาเรื่องกับผู้ที่มาซื้อประเวณีแทน ซึ่งก็คือ “ปรับผู้ที่มาซื้อไม่ปรับผู้ขาย”
เหมาเหว่ยหลงถอนหายใจแล้วพูดออกมา “เฮ้ย ล้อเล่นน่า ฉันก็พูดโม้ไปงั้นแหละ พูดไปก็อย่างกับจะมีใครเชื่อ ฉันเนี่ยเป็นถึงลูกชายรองอธิบดีสำนักงานตำรวจเมืองหลวงแถมยังเวอร์จิ้นอยู่ด้วยนะ”
ฉินสือโอวได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับ “ฉันก็ไม่เชื่อ ไม่งั้นนายลองติดคำว่าโสเภณีไว้บนตัวแล้วไปเดินรอบซานหลี่ถุนสักรอบดูสิ ถึงรถจี๊ปจะไม่ใช่รถดีเด่อะไรแต่ก็ไม่ถือว่าแย่ไม่ใช่เหรอ? นายจะพาสาวกลับมาด้วยสักคนไม่ได้เลยเหรอ?”
เหมาเหว่ยหลงกลอกตาแล้วพูดขึ้น “ที่บ้านฉันเคร่งมากนายก็รู้นี่ คิดเหรอว่าพอฉันเลิกงานแล้วฉันจะไปเหลวไหลต่อที่บาร์ได้? บ้าแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้นนะ สภาพแวดล้อมการทำงานในตอนนี้ก็วุ่นวายมาก คู่แข่งก็เยอะขึ้น ทำอะไรก็ต้องระวังเพราะกลัวว่าจะโดนจับผิดน่ะสิ”
“ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก นายดูสิตอนนี้ฉันก็นับได้ว่าเป็นวัยรุ่นอายุน้อยร้อยล้านเลยก็ว่าได้ ถึงจะเทียบนายไม่ติดแต่ก็ใกล้เคียงนี่นา?” ฉินสือโอวพูดเอาใจเหมาเหว่ยหลง
เหมาเหว่ยหลงพยักหน้า เนื่องว่าพวกเขาสองคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เขาจึงเชื่อว่าฉินสือโอวจะต้องเป็นเหมือนเขาอย่างแน่นอน เพราะชายหนุ่มคนนี้ขึ้นชื่อด้านมีความคิดในเรื่องไม่ดีแต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะทำมัน
จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็หันมามองกันด้วยสายตาที่ผูกพันลึกซึ้ง
เมื่อพูดถึงตรงนั้นสายเอ็นทางฝั่งของเหมาเหว่ยหลงก็เริ่มตึง เขามักจะมาตกปลาอยู่บ่อยๆ เมื่อมีเวลาว่างทำให้มีเทคนิคในการตกปลาดีทีเดียว ดังนั้นเมื่อเห็นว่าปลากินเบ็ดแล้วเขาก็ไม่ได้รีบดึงขึ้นมาอย่างสะเพร่า แต่ค่อยๆ กระตุกเพื่อวัดน้ำหนักก่อน แล้วค่อยๆ ปล่อยสายลงอย่างช้าๆ
ถ้าฉินสือโอวตกปลาตัวใหญ่ได้ หู่จือกับเป้าจือคงจะพุ่งตัวเข้าไปไล่จับปลาตัวนั้นตั้งนานแล้ว แต่กับปลาที่อยู่ในมือของเหมาเหว่ยหลง เจ้าสองตัวนี้กลับไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเลยแม้แต่น้อย พวกมันยังคงหมอบอยู่ที่เดิมและเฝ้ามองดูเบ็ดของฉินสือโอว หนำซ้ำมันยังหันไปมองฉินสือโอวอยู่บ่อยๆ และดูจะกระวนกระวายใจกว่าเจ้านายเสียอีก
เวลาก็ปาไปสิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว แสงแดดของดวงอาทิตย์สาดส่องลงมายังพื้นผิวทะเลจนร้อนระอุ เมื่อกี้พวกเขาคุยกันไปเรื่อยเปื่อย และตอนนี้เหมาเหว่ยหลงกับปลาในทะเลก็กำลังสู้กันอยู่นานสองนานจนเหงื่อไหลอาบหน้าของเหมาเหว่ยหลง
ฉินสือโอวมองไปยังเหมาเหว่ยหลงที่ดูตื่นเต้นในการดึงปลาติดเบ็ดขึ้นมาด้วยความสนใจ จากนั้นฉินสือโอวจึงพูดขึ้น “ดูท่าน่าจะเป็นปลาตัวใหญ่เลยนะ เสี่ยวอู่หลางสู้ๆนะ ฉันจะเตรียมถ่ายรูปให้นายเลย”
เหมาเหว่ยหลงหาช่องว่างในการพูดออกมา “ไม่บอกก็รู้น่า มันต้องเป็นปลาตัวใหญ่แน่ๆ ไม่เมตรหนึ่งก็น่าจะครึ่งเมตร! เหยดเข้ กำลังขนาดนี้ แรงปะทะขนาดนี้ แรงอึดแบบนี้! ดูให้ดีเถอะ ฉันจะจับแกให้ได้เลย!
ฉินสือโอวแอบขำ เขาควักโทรศัพท์ออกมาตั้งท่าจะถ่ายรูปให้เหมาเหว่ยหลง
เสียเวลาไปสิบห้าสิบหกนาที ในที่สุดเหมาเหว่ยหลงก็ดึงเบ็ดขึ้นมาได้ แต่สุดท้ายปรากฏว่าปลาที่เขาได้มามีน้ำหนักแค่ยี่สิบห้ายี่สิบหกกิโลกรัมเท่านั้นเอง แถมยังเป็นปลากะพงลายจุดที่เห็นได้ทั่วไปเท่านั้นด้วย
ตอนที่ฉินสือโอวรอให้เหมาเหว่ยหลงยกปลาขึ้นมา เขาก็ได้ถ่ายสแนปช็อตไปยี่สิบกว่ารูปแล้ว จากนั้นเขาก็หัวเราะชอบใจขึ้นมา
หลังจากเหมาเหว่ยหลงยกปลาขึ้นมาอย่างโมโหแล้วเขาก็พูดขึ้น “นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย ปลาตัวเล็กแค่นี้แต่ทำไมแรงเยอะได้ขนาดนั้นล่ะ?”
ปลากะพงถูกจัดอยู่ในจำพวกสัตว์กินเนื้อ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์กินเนื้อขนาดเล็ก แต่มันก็ถูกจัดอยู่ในประเภทที่มีพละกำลังมากและกล้าหาญ ดังนั้นนักตกปลารุ่นเก่าๆ จะเกลียดการตกปลากะพงได้เป็นที่สุด และถึงแม้เนื้อมันจะมีรสชาติดี แต่สิ่งที่ต้องแลกมาก็เยอะอยู่ไม่น้อย เพราะกำลังแบบเดียวกันสามารถตกปลาจะละเม็ดหรือปลาหิมะได้สองเท่าตัวเลยทีเดียว
ฉินสือโอวจึงได้อธิบายขึ้น “อาจเป็นเพราะมันคือปลาทะเลที่โตมาตามธรรมชาติ นายจะเอาไปเทียบกับปลาที่เพาะเลี้ยงในทะเลสาบเทียมที่นายเคยตกได้ไงเล่า?”
เหมาเหว่ยหลงทำท่าเบ้ปากแล้วพูดขึ้น “หรือจะเปรียบกับนายที่ตกปลาไม่เคยได้เลยดีล่ะ?”
เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ เบ็ดที่ดูหย่อนๆของฉินสือโอวตอนนี้กลับดึงขึ้น เขารีบจับไปที่คันเบ็ดแล้วพูดขึ้นมา “นายดูสิ ที่ฉันจับอยู่เนี่ยไม่ใช่ปลารึไง?”
พูดเสร็จเขาก็ดึงเบ็ดกลับ เหมาเหว่ยหลงเห็นเขาจับคันเบ็ดโดยที่ไม่ได้ออกแรงเยอะเท่าไร อีกทั้งยังไม่ต้องออกแรงสู้กับปลาที่ติดเบ็ดเขาก็พูดขึ้น “นายจะดีใจอะไร มันต้องเป็นปลาตัวเล็กอยู่แล้ว ฮ่าฮ่า ไม่แน่นะอาจจะยาวแค่ยี่สิบเซนติเมตรก็ได้”
ฉินสือโอวคิดในใจ เจ้าหมอนี่! แกรอให้พวกฉันมาก่อนเถอะเดี๋ยวพ่อจะตบให้หน้าหงายเลย แกคงไม่รู้สินะว่าพี่ใหญ่ของเรามีแรงมากขนาดไหน ไม่ต้องพูดถึงพวกตัวเล็กๆ พวกนี้เลย ถ้าเป็นฉลามหัววัวขึ้นมาแล้วเราจะได้เห็นดีกัน!
เขาดึงเบ็ดไปทางด้านหลัง จากนั้นก็ลากปลาจากในทะเลขึ้นมาสู่บนพื้นผิวทะเลเพื่อสร้างโอกาสให้ทีมเชียร์เขาสักหน่อย
หู่จือกับเป้าจือเห็นอย่างนั้นก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรจึงกระโดดลงน้ำอย่างรวดเร็ว ส่วนเหมาเหว่ยหลงที่ไม่รู้ว่าแลบราดอร์สองตัวนี้คิดจะทำอะไรก็ถามออกไปอย่างสงสัย “หมานายลงน้ำไปทำไมล่ะ?”
หลังจากที่หู่จือกับเป้าจือกระโดดลงน้ำไปและว่ายแยกออกไปเป็นสองทางตามแนวของเบ็ด ฉินสือโอวก็ม้วนสายเบ็ดเข้ามาอีกจนทำให้ปลาตัวนั้นถูกดึงขึ้นมาจนถึงผิวน้ำ จากนั้นหู่จือและเป้าจือก็โอบล้อมและไล่ต้อนปลาที่ติดเบ็ดจนทำให้ปลาตกใจแล้วว่ายกลับมาตามแนวสายเบ็ด
ฉินสือโอวใช้จังหวะนี้ดึงสายเอ็นขึ้นมาแรง จากนั้นก็มีเสียง ‘โครม’ ดังขึ้นมาก่อนที่ปลาตัวใหญ่จะถูกดึงขึ้นจากพื้นน้ำ
เหมาเหว่ยหลงตาค้าง “เช็ดเข้ นี่นายเลี้ยงหมาหรือเลี้ยงมอนสเตอร์กันแน่เนี่ย? พวกมันช่วยนายไล่ต้อนปลาได้ด้วย?! แล้วทำไมปลาที่นายตกได้ถึงตัวใหญ่ขนาดนี้ล่ะ ดูแล้วเหมือนนายไม่ได้ออกแรงไปเท่าไรเลยนี่!”
…………………………………..
บทที่ 144 โชคลาภอันคาดไม่ถึง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ปลาที่ฉินสือโอวตกได้ คือปลากระโทงร่มตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ที่ขนาดตัวยาวถึงหนึ่งเมตร
ปลาชนิดนี้ขายได้ราคาดี จะงอยปากยาวของมันมีรูปร่างเหมือนดาบยาวอันเเหลมคม ลำตัวหนาใหญ่แต่ก็เรียวยาว หางสองแฉกเหมือนตัวอักษร ‘ปา (เลขแปดในภาษาจีน)’ มีลักษณะเหมือนเคียวขนาดใหญ่
ในความเป็นจริงแล้ว ปลากระโทงร่มเป็นหนึ่งในปลาทะเลที่มีแรงในการโจมตีเหยื่อและมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดชนิดหนึ่ง นอกจากมันจะไม่กลัวฉลามแล้ว เมื่อปลากะพงเผชิญหน้ากับพวกมันก็จะกลายเป็นเพียงปลาตัวเล็กๆ เท่านั้น
ฉินสือโอวรู้ว่าปลากระโทงร่มตัวที่เขาตกได้ไม่ได้ถือว่ามีขนาดใหญ่ มหาสมุทรแอตแลนติกเป็นมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาล ปลากระโทงร่มสามารถยาวได้ถึงสามเมตรกว่า เรียกว่าเป็นนักฆ่าแห่งท้องทะเลโดยแท้เลย
การที่สามารถตกปลากระโทงร่มได้ ถือว่าฝีมือการตกปลาของฉินสือโอวนั้นค่อนข้างเก่งกาจ เนื่องจากปลาชนิดนี้นั้นจับได้ยากมาก
ปลากระโทงร่มมีแรงเยอะ นิสัยไม่เชื่อง และเจ้าเล่ห์อย่างมาก พวกมันมีครีบยาวสองอันอยู่แยกกันบนหลัง หนึ่งในครีบหลังนั้นมีครีบหนึ่งอันเป็นครีบอ่อนที่มีขนาดสูงใหญ่ ลักษณะเหมือนผ้าใบขนาดใหญ่ที่กำลังโต้ลมอยู่ ครีบอ่อนนี้สามารถขยับไปมาได้อย่างอิสระ
ทุกครั้งเวลาที่พวกมันว่ายน้ำอย่างรวดเร็ว ครีบหลังอันใหญ่โตของพวกมันจะถูกพับเก็บลงในร่องเว้าบนหลัง เพื่อลดแรงต้านของน้ำในขณะที่ว่ายไปข้างหน้า ถึงแม้ว่าจะถูกตะขอของเบ็ดตกปลาเกี่ยวเข้า มันก็จะระเบิดพลังอันแข็งแกร่งของมันออกมาเพื่อกระชากสายเบ็ดออกแล้วหลบหนีไป
นอกจากนี้ พวกมันยังสามารถคลี่ครีบของตัวเองออก เพื่อเพิ่มแรงต้านในน้ำ แบบนั้นจะทำให้นักตกปลาดึงตัวมันขึ้นมาได้ยาก
ฉินสือโอวถ่ายรูปคู่ปลากระโทงร่มสองสามรูป นีลเซ็นหยิบกล่องที่ใส่น้ำแข็งเตรียมไว้แล้วขึ้นมา มันเป็นกล่องไม้ธรรมดาที่ข้างในเต็มไปด้วยน้ำแข็งบด กล่องนี้เอาไว้สำหรับใส่ปลาที่ตกขึ้นมาได้
เมื่อรับปลากระโทงร่มมา นีลเซ็นก็ใช้มีดกรีดเลือดของมันออกมาทันที ฉินสือโอวอธิบายให้เหมาเหว่ยหลงฟังว่า “ปกติแล้วปลาในมหาสมุทรมักจะอาศัยอยู่ในน้ำลึก ดังนั้นเมื่อจับมันขึ้นมาแล้ว อย่างแรกที่ต้องทำคือต้องเอาเลือดของมันออกมาให้หมด เพื่อป้องกันการระเบิดของเส้นเลือดเนื่องจากปัญหาเรื่องความดันอากาศ หากเลือดเข้าไปในเนื้อของปลาล่ะก็ จะส่งผลต่อคุณภาพของเนื้อปลานั้นๆ ”
หลังจากที่ใช้มีดกรีดลงไป ก็เผยให้เห็นเนื้อของปลากระโทงร่ม เหมาเหว่ยหลงมองภาพนั้นด้วยความสงสัย คาดไม่ถึงว่าเนื้อมันเป็นสีเขียว เขาถามขึ้นมาด้วยความตกใจว่า “เนื้อปลาไม่ใช่สีขาวหรือสีชมพูเหรอ? ทำไมถึงมีสีเขียวด้วยล่ะ?”
ฉินสือโอวตอบกลับว่า “ไม่เป็นไร แค่เนื้อส่วนที่ถูกมีดกรีดเท่านั้นที่เปลี่ยนสี เนื้อของปลากระโทงร่มเมื่อถูกกรีดจะผลิตสารไฮโดรเจนซัลไฟด์ออกมา แต่เลือดของพวกมันนั้นอุดมไปด้วยไมโอโกลบินและฮีโมโกลบิน เมื่อสารทั้งสองเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ก็จะทำให้เกิดซัลฟ์ไมโอโกลบินและซัลฟ์ฮีโมโกลบิน สารทั้งสองตัวเป็นสีเขียว ดังนั้นส่วนที่เปื้อนเลือดก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว”
เหมาเหว่ยหลงเข้าใจในทันที ฉินสือโอวมีความสุขอยู่ภายในใจ ต่อหน้าชาร์คและพวกซีมอนสเตอร์นั้น เขาเจ้าของฟาร์มปลาคนนี้ถือว่าเป็นมือใหม่ในวงการปลาทะเล แต่ตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเหมาเหว่ยหลง เขาได้สัมผัสความรู้สึกของการเป็นผู้เชี่ยวชาญในที่สุด
สำหรับความคิดของเพื่อนร่วมห้องคนนี้เหมาเหว่ยหลงมองได้ทะลุปรุโปร่ง เขาเห็นฉินสือโอวยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจจึงพูดขึ้นว่า “เหอะเหอะ เก่งจริงๆ นายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องมหาสมุทรจอมปลอมตั้งแต่เมื่อไหร่? อีโก้มันหนัก ระวังอย่าตกน้ำลงไปล่ะ”
ทั้งสองคนยังคงตกปลาไปด้วยพลางปะทะฝีปากกันไปด้วย เบ็ดที่ตั้งไว้เพื่อจับปลาด้านหลังสองสามคันยังไม่มีปลามาติดเบ็ดเลยสักตัว ฉินสือโอวมองไปยังเหมาเหว่ยหลงที่เริ่มหัวเสีย พลางพูดขึ้นมาว่า “นายจะรีบร้อนไปไหน วันนี้พวกเราออกทะเลมาตกปลา ต้องใช้ความอดทนหน่อย สัมผัสกับการใช้ชีวิตแบบช้าๆ บ้าง”
เหมาเหว่ยหลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “ก็จริง ได้ ค่อยเป็นค่อยไป”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เบ็ดของฉินสือโอวก็สั่น เมื่อเขาดูจากขนาดของแรงดึงแล้วจึงไม่ได้ปล่อยหู่จือกับเป้าจือออกมา เดินไปดึงเบ็ดขึ้นมาโดยตรง เขาตกได้ปลากระบอกยลตัวหนึ่งที่มีความยาวไม่ถึงยี่สิบเซนติเมตร
เหมาเหว่ยหลงเริ่มมีอาการกังวล หลังจากที่ดึงเบ็ดตกปลาขึ้นมาหลายอัน เบ็ดเหล่านั้นกลับไม่มีปลามากินเบ็ดเลย
ฉินสือโอวยิ้มออกมา จิตสำนึกแห่งโพไซดอนของเขานั้นทำให้เขามองเห็นว่ามีปลากะพงแดงหลายตัวอยู่รอบๆ เรือ ปลาชนิดนี้ถือว่าเป็นปลาที่ดีชนิดหนึ่ง เพียงแค่ควบคุมให้มาติดเบ็ดสักตัว ก็สามารถทำให้เหมาเหว่ยหลงได้รับความสนุกแล้ว
เหมาเหว่ยหลงยกเบ็ดขึ้น เมื่อเห็นว่าที่ปลายเบ็ดมีปลาที่ความยาวสามสิบกว่าเซนติเมตรติดอยู่ ก็ดีใจขึ้นมาทันที เขายิ้มออกมาพลางพูดว่า “เฮ้อ ตกปลาที่ทะเลสาบกับทะเลนี่ไม่เหมือนกันเลยแฮะ ปลาที่ได้มามีแต่ตัวใหญ่ทั้งนั้น ปลาตัวนี้ยาวครึ่งเมตรได้มั้ง?”
ฉินสือโอวกรอกตามองบน แล้วพูดว่า “ครึ่งเมตรกะผีน่ะสิ นายตาบอดรึไง จากหัวถึงหางอย่างมากก็ยาวแค่สามสิบห้าเซนติเมตรเท่านั้น ปลาพวกนี้ก็ตัวใหญ่หมดทั้งนั้น ปลาที่พวกเราตกได้ ถ้าขนาดต่ำกว่าครึ่งเมตรก็จะปล่อยมันคืนทะเลไป แต่ถือว่านายโชคดี ปลาตัวนี้เป็นปลาที่ดี เพราะมันคือปลากะพงแดง”
สีของปลากะพงแดงนั้นสวยงาม ทั่วทั้งลำตัวของมันเต็มไปด้วยสีสันสวยงาม ช่วงล่างของมันเป็นสีเงิน ส่วนช่วงบนรวมถึงครีบนั้นเป็นสีแดงสด มีเพียงดวงตากลมโตทั้งสองข้างเท่านั้นที่เป็นสีทอง
เมื่อหนึ่งร้อยล้านปีก่อนในยุคมีโซโซอิกตอนปลายปลาชนิดนี้มีจำนวนมากมายมหาศาล โดยนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลคาดเดาว่ามันคือบรรพบุรุษของปลาตระกูลเดียวกับกะพงที่มีมากมายในปัจจุบัน พวกมันมักอาศัยอยู่ในระดับน้ำทะเลที่ลึกกว่าสองร้อยเมตร การที่จะเห็นพวกมันบนผิวน้ำนั้นถือว่าหาได้ยาก
นีลเซ็นจัดการกับปลาตัวนี้พลางพูดกลั้วหัวเราะไปด้วยว่า “ปลาชนิดนี้ สามารถเรืองแสงได้ เมื่อปลากะพงแดงที่โตเต็มที่นี้เรืองแสง มันจะทำให้คนที่อยู่ห่างออกไปสองเมตรสามารถเห็นตัวเลขบนนาฬิกาข้อมือได้ชัดเจน นักดำน้ำมักจะจับมันใส่ไว้ในถุงพลาสติก และใช้เป็นไฟฉายมือถือ”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ เหมาเหว่ยหลงก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาพูดกลั้วหัวเราะว่า “มิน่าล่ะสมัยที่ฉันยังเรียนหนังสืออยู่ ในหนังสือมีเขียนไว้ว่าโลกใต้ทะเลนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวแปลกประหลาด เจ้าปลาตัวนี้ที่สามารถเรืองแสงได้สว่างขนาดนั้น น่าเสียดายที่มันถูกจับมาตัวเดียว ถ้าจับมาได้ทั้งฝูงคงจะดี”
ปลากะพงแดงมักอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง ในเมื่อพวกมันปรากฏตัวแถวนี้ไม่กี่ตัว ฝูงของมันจะต้องอยู่บริเวณน้ำลึกใกล้ๆ นี้แน่นอน ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนตามพวกมันไป เขาคิดจะล่อพวกมันไปที่ฟาร์มปลา เนื้อปลาชนิดนี้อร่อยมาก นอกจากนี้ยังเป็นปลาที่เป็นที่นิยมและราคาแพง
ปรากฏว่า ปลากะพงแดงตัวที่เหลือต่างตกใจจนพากันว่ายน้ำหนีไป หลังจากที่พวกมันว่ายน้ำไปมาสักพักพวกมันก็เจอฝูงของตัวเอง
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนปกคลุมพวกมันไว้ แล้วสั่งให้ปลาผู้นำพาฝูงกะพงแดงฝูงนี้ว่ายน้ำไปยังทางฟาร์มปลา อือ ไม่เลว ออกทะเลครั้งนี้ถือว่าโชคดีอยู่บ้าง
หลังจากที่ตกปลากันอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองคนก็ตกปลาได้อีกเจ็ดแปดตัว ปลาที่ตกได้ก็เป็นพวกปลาแซลมอลชัมเกล็ดใหญ่ ปลากระพงขาว ปลาค็อด และปลาแฮร์ริ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป
วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ฉินสือโอวและคนทั้งสามจึงมานั่งหลบแดดที่ห้องบังคับเรือพลางดื่มเบียร์และย่างปลากินไปด้วย
เรือหัวกว้างไม่จำเป็นต้องมีเครื่องปรับอากาศ ฉนวนกันความร้อนทั้งหมดของหลังคาเรือลำนี้ทำจากแผ่นใยฝ้ายไฟเบอร์กลาสที่ประกอบเข้ากับแผ่นโฟมโพลียูรีเทนทำให้กันความร้อนได้อย่างดี ทำให้แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาโดนนั้นกระจายตัวและถูกสะท้อนกลับ ดังนั้นบนเรือลำนี้จึงไม่ร้อนเลยสักนิด นอกจากนี้รอบเรือทั้งสี่ทิศยังเป็นแบบเปิด ทำให้ไม่มีอะไรกีดขวางลมทะเลได้ ซึ่งลมทะเลนั้นทำงานได้ดีกว่าเครื่องปรับอากาศเสียอีก
เมื่อกินกันไปพอสมควร ฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลงก็นอนอยู่ใต้ที่ร่มพลางดื่มเบียร์และพูดคุยกัน นีลเซ็นค่อยๆ แล่นเรือไปช้าๆ เมื่อถึงเวลาบ่ายสามโมงกว่า เมื่ออากาศไม่ได้ร้อนมากแล้ว ทั้งสองคนจึงออกมาตกปลาอีกครั้ง
ตอนนี้พวกเขาใกล้ถึงฟาร์มปลาแล้ว ทรัพยากรปลาที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก ทำให้เกือบทุกครั้งที่หย่อนเบ็ดลงไปจะได้ปลาติดขึ้นมา ปลาที่จับได้ส่วนใหญ่เป็นปลาค็อด ปลาแฮร์ริ่ง และปลาทู
เมื่อถึงเขตของตัวเอง ฉินสือโอวก็เลิกตกปลาเพราะเริ่มหมดสนุก เขาสังเกตไปยังการพัฒนาฟาร์มปลาของตัวเอง
เมื่อเริ่มการพัฒนาฟาร์มปลาอย่างเป็นทางการ อาหารและสาหร่ายทะเลที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ดึงดูดปลาทะเลต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ให้เข้ามาในฟาร์มไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะปลาจำพวกปลาตาเหลือก ปลาขี้ตังเบ็ด หรือแม้แต่ปลาเรดดรัม ปลาจำนวนมากที่ก่อนหน้าไม่เคยเห็นตอนนี้สามารถเห็นพวกมันแถวๆ นี้ได้แล้ว
เมื่อเหมาเหว่ยหลงเห็นความอุดมสมบูรณ์ที่ได้รับ ก็ร้องออกมาเสียงดังไม่หยุด ฉินสือโอวมองเขาแล้วหัวเราะคิกคัก ให้เขาทำเป็นโพสท่าแล้วถ่ายรูปเขาไม่หยุด การกลับมายังท่าเรือเช่นนี้ เหมาเหว่ยหลงมีความสุขจนแทบจะเสียสติไปเลย
ฉินสือโอวให้นีลเซ็นจัดการปลาที่อยู่ในถังน้ำแข็ง เขาถือโอกาสนี้พาเด็กๆ ทั้งสี่คนมาทานอาหารที่ร้านอาหารของคุณลุงฮิคสัน
“เย็นนี้จะให้นายได้ชิมอาหารฝีมือเชฟที่ดีที่สุดในเมือง” ฉินสือโอวบอกกับเหมาเหว่ยหลงหลังจากที่พวกเขาเข้ามาในร้านอาหาร
เมื่อนีลเซ็นได้ยินคำพูดนั้นก็ยิ้มจนตาหยีเป็นเส้นตรง เขาจับมือเหมาเหว่ยหลงพลางพูดว่า “คู่หู ฉินพูดได้ตรงจุดพอดีเลย ใช่แล้ว เย็นนี้นายจะได้กินอาหารอร่อยๆ จากเชฟที่ดีที่สุดในเมืองแฟร์เวล”
เมื่อทักทายกันเรียบร้อย ฉินสือโอวก็นำปลากะพงแดงให้นีลเซ็น แล้วพูดขึ้นว่า “นี่เป็นปลาที่คู่หูฉันตกได้ เอาไปทำอาหารดีๆ สักจาน อาหารเย็นวันนี้จะต้องทำให้เขากินให้เกลี้ยง”
เออร์บักไม่ได้มาด้วย เขาดื่มเครื่องดื่มสมุนไพรที่พึ่งต้มเสร็จ เลยถือโอกาสไปแช่บ่อน้ำพุร้อนตอนที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกลงสู่ทะเล ฉินสือโอวให้เขารับพลังของโพไซดอนต่อไปอีกหน่อย
……………………………………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น