เทพปีศาจหวนคืน 1403-1404

บทที่ 1403 วิญญาณอมตะรักตัวเอง

 

ที่ราบภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


ในห้องหลอมรวม หลังจากหลอมรวมวิญญาณมานานหลายเดือน ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายืนอยู่ในค่ายกลวิญญาณและเฝ้าสังเกตดวงไฟสีฟ้าที่ลุกไหม้ขึ้นด้านหน้า


 


คิ้วและเคราของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำค้างแข็งสีฟ้าอ่อนบางๆ


 


แต่เขาไม่สนใจเรื่องนี้ เขาจดจ่ออยู่กับเปลวไฟด้านหน้าเท่านั้น


 


หากกล่าวให้ถูกต้องมากขึ้น มันเป็นก้อนน้ำแข็งที่อยู่ใจกลางกองไฟ


 


น้ำแข็งในกองไฟละลายแต่มันก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว


 


“ประตูวายุทั้งห้า” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าว


 


ผมที่หกรีบทำตามคำสั่งโดยใช้วิธีการพิเศษเพื่อจัดการกับทรัพยากรอมตะ


 


ประตูวายุเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ด


 


มันเป็นทรัพยากรที่พิเศษมาก


 


มันไม่ได้เติบโตขึ้นในป่าลึกหรือบนท้องฟ้า แต่มันเติบโตขึ้นในประตูบ้านของมนุษย์


 


เมื่อใดก็ตามที่ทรัพยากรอมตะชนิดนี้ถือกำเนิดขึ้น ประตูบ้านของมนุษย์จะไม่สามารถปิดได้ มันจะเปิดอยู่ตลอดเวลา


 


ปรากฏการณ์พิเศษนี้ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้วิญญาณรวมถึงผู้อมตะมากมาย


 


เดิมทีพวกเขายังไม่สามารถใช้งานทรัพยากรอมตะชนิดนี้ ไม่มีผู้ใดเข้าใจการทำงานของมัน แต่ในปัจจุบันบางคนพบวิธีใช้งานมันเรียบร้อยแล้ว


 


ประตูวายุทั้งห้าถูกส่งเข้าไปยังใจกลางของกองเพลิงอย่างระมัดระวัง


 


ในไม่ช้าสายลมทั้งห้าก็พุ่งเข้าโอบล้อมก้อนน้ำแข็งเอาไว้


 


“โอ้ ไม่!” แต่การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลับเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน


 


ผมที่หกรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติเช่นกัน


 


เขาเห็นเปลวเพลิงดับลงขณะที่ก้อนน้ำแข็งแตกออกพร้อมกับสายลมที่หายไป


 


“อ๊าก…ล้มเหลวอีกครั้ง!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากระทืบเท้าและตะโกนด้วยความโกรธ


 


ผมที่หกถอนหายใจ


 


มันน่าเสียดาย


 


พวกเขามาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว


 


แต่พวกเขากลับล้มเหลว


 


หลายเดือนของการทำงานหนักกลับจบลงด้วยความล้มเหลว


 


“หากข้าใช้วิธีของมนุษย์ขน เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก่นเสียงเย็น


 


ผมที่หกเตือน “แต่ผู้อาวุโสสูงสุด ตามกฎของนิกาย ผู้อาวุโสฟางหยวนจ่ายแต้มผลงานมากมายเพื่อสิ่งนี้ เราต้องปฏิบัติตามคำขอของเขา”


 


“ฮืม! ฟางหยวนผู้นี้เสียสติไปแล้ว เหตุใดเขาถึงต้องการให้ข้าใช้วิธีหลอมรวมของมนุษย์? เขาพยายามสร้างปัญหาให้ข้างั้นหรือ?” ความล้มเหลวทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกไม่ดี


 


ผมที่หกเร่งกล่าวเพื่อฟางหยวน “ผู้อาวุโสฟางหยวนเป็นคนลึกลับ แม้ข้าจะไม่ชอบเขา แต่เขาใช้ทรัพย์สินทั้งหมดกับเรื่องนี้ หากเขาต้องการสร้างปัญหาให้ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งจริง เขาคงไม่จ่ายด้วยราคามหาศาลเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่?”


 


“เห้อ…ข้าแค่อยากระบายอารมณ์” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกท้อแท้ เขาโบกมือ “พักก่อนเถอะ นี่เป็นความล้มเหลวครั้งที่ห้าแล้ว แต้มผลงานของฟางหยวนไม่เพียงพอ ติดต่อเขาและบอกผลลัพธ์ให้เขารู้ หากเขาต้องการให้ข้าพยายามต่อไป เขาต้องจ่ายแต้มผลงานเพิ่ม!”


 


“ทราบแล้ว!” ผมที่หกตอบรับ


 


…..


 


ฟางหยวนบินอยู่บนท้องฟ้าราวกับลูกศร


 


เขาไม่มีอารมณ์ชื่นชมความงามของทะเลทราย เขากำลังคิดถึงการต่อสู้กับฟงจิวเก้อก่อนหน้านี้


 


สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาเป็นแหล่งทรัพยากรที่ถูกเก็บเป็นความลับของนิกายเงา


 


‘ก่อนที่ราชันภูเขาม่วงจะเสียชีวิต เขาสั่งให้ข้าไปที่สายธารแห่งกาลเวลาและพบกับเจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ’


 


แม้ฟางหยวนจะได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง แต่มันยังเป็นเพียงสมบัติส่วนหนึ่งของนิกายเงาเท่านั้น


 


เจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลาครอบครองมรดกเกือบทั้งหมดของนิกายเงา มันยังมีมรดกที่แท้จริงบางส่วนของเทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่ด้วย


 


นิกายเงาก่อตั้งมานับแสนปีแล้ว แม้นิกายเงาจะถูกทำลาย แต่พวกเขายังมีข้อมูลเกี่ยวกับการบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่


 


ตัวอย่างเช่นคฤหาสน์วิญญาณอมตะ


 


ปัจจุบันฟางหยวนรู้รายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะถึงสิบสองหลัง อย่างไรก็ตามนิกายเงาและเทพปีศาจจิตวิญญาณมีข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งนี้มากกว่านั้น


 


ข้อมูลที่เหลือฟางหยวนสามารถรับได้จากใบหน้าภูตผี


 


‘สำหรับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงที่อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา กุญแจสำคัญคือวิญญาณกาลเวลาที่อยู่กับข้า’


 


ฟางหยวนต้องการไปที่นั่นเพื่อรับมรดกอย่างไม่ต้องสงสัย


 


สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาในห้าภูมิภาคคือทางเข้าของมัน


 


แม้ฟางหยวนจะสูญเสียหนึ่งในนั้นเพื่อกำจัดผู้ไล่ล่าจากวังสวรรค์ แต่มันไม่ใช่ปัญหาเพราะนิกายเงายังมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาเก็บไว้อีกห้าหรือหกสาย


 


‘อย่างไรก็ตามในทะเลทรายตะวันตก นิกายเงามีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาในการครอบครองเพียงสายเดียว’


 


‘เพื่อความปลอดภัย ข้าควรไปแหล่งทรัพยากรอีกสองจุดก่อน หากข้ายังไม่พร้อม ข้าไม่ควรไปที่นั่น’


 


ฟางหยวนตัดสินใจ


 


ตอนนี้เขาอยู่ในทะเลทรายตะวันตก มันมีพรมแดนติดกับภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง


 


แต่ฟางหยวนไม่สามารถไปยังภูมิภาคทั้งสาม


 


ภาคกลางมีวังสวรรค์และสิบนิกายโบราณ


 


ภาคเหนือมีถ้ำสวรรค์นิรันดร


 


ภาคใต้มีกองกำลังพันธมิตรฝ่ายธรรมะ


 


ทะเลทรายตะวันตกเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการซ่อนตัว


 


สำหรับทะเลตะวันออก นิกายเงาครอบครองสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาเพียงสายเดียวและน่าเสียดายที่มันถูกยึดครองไปแล้วโดยเมี่ยวหมิงเฉิน


 


กล่าวถึงเรื่องนี้ มันเป็นความผิดของฟางหยวน เขาเป็นคนมอบสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาให้กับเมี่ยวหมิงเฉินด้วยตนเอง


 


ย้อนกลับไปราชันภูเขาม่วงพยายามใช้สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่ทะเลตะวันออกเพื่อเข้าไปพบใบหน้าภูตผี แต่เขากลับไม่พบสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่นั่นและต้องเดินทางไปที่ภาคใต้


 


‘ปัญหาใหญ่ที่สุดของข้าตอนนี้คือท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบ มันกำลังเปิดเผยตำแหน่งที่อยู่ของข้าต่อวังสวรรค์’


 


‘โดยปราศจากวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด เจตจำนงสวรรค์จะวางแผนกำจัดข้าตลอดเวลา’


 


‘ปัญหาคือข้าขาดวิญญาณอมตะที่เกี่ยวข้อง ข้ามีท่าไม้ตายอมตะมากมาย แต่ข้าไม่มีวิญญาณอมตะที่สามารถใช้เป็นแกนกลางของมัน หากข้ามีวิญญาณอมตะที่จำเป็น ข้าจะสามารถกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลและซ่อนตัวจากเจตจำนงสวรรค์’


 


ขณะที่ฟางหยวนกำลังคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ได้รับจดหมายจากผมที่หก


 


เขาอ่านข้อความและขมวดคิ้ว


 


การหลอมรวมล้มเหลวอีกครั้ง


 


บัดซบ!


 


แม้เขาจะประสบความสำเร็จในการวางแผนต่อต้านฟงจิวเก้อ แต่วังสวรรค์ย่อมไม่ส่งฟงจิวเก้อออกมาเพียงผู้เดียว


 


วังสวรรค์ยังมีวิธีอื่น มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น


 


“วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา รักตัวเอง ต้องเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันค่อนข้างยาก ข้าเฝ้าสังเกตการหลอมรวมมาโดยตลอด จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทุ่มเทเต็มที่แล้ว” ผมที่หกกล่าว


 


ฟางหยวนไม่สงสัยคำกล่าวของผมที่หก


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเป็นคนตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์ ฟางหยวนไม่สงสัยเรื่องนี้


 


ความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติ


 


ขณะที่โอกาสประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ดต่ำเกินไป


 


อย่างไรก็ตามวิญญาณอมตะรักตัวเองเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับฟางหยวน เขาต้องได้รับมันอย่างรวดเร็วที่สุด


 


ด้วยสิ่งนี้ฟางหยวนจะสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะของราชันภูเขาม่วงเพื่อกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูล


 


ฟางหยวนมั่นใจกับวิธีนี้


 


‘หลอมรวมต่อไป แม้ข้าจะล้มละลาย เราก็ต้องทำให้สำเร็จ!’ ฟางหยวนกัดฟันและตัดสินใจ


 


ตอนนี้มันเป็นเรื่องง่ายที่จะได้รับแต้มผลงานจากนิกายหลางหยา เหตุผลเป็นเพราะมรดกที่แท้จริงของราชันภูเขาม่วงอุดมสมบูรณ์เกินไป


 


‘แต่…’


 


‘ตอนนี้ข้าไม่สามารถนิ่งเฉย’


 


‘ข้าประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับฟงจิวเก้อเพราะความไม่รู้ของเขา วังสวรรค์ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ’


 


‘แต่ตอนนี้มันถูกเปิดเผยแล้ว ข้าต้องรีบดำเนินการต่อไป’


 


‘ดูเหมือนว่าข้าต้องใช้วิธีนั้น’


 


ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น


 


เขาตอบจดหมายผมที่หกและสั่งให้ผมที่หกเป็นผู้หลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้ขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะเป็นผู้ช่วยอยู่ด้านข้าง


 


ผมที่หกรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้รับคำตอบจากฟางหยวน


 


ทักษะของผมที่หกด้อยกว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่มีความตั้งใจที่จะทำให้การหลอมรวมล้มเหลว แล้วเหตุใดฟางหยวนจึงต้องการให้ผมที่หกเป็นผู้หลอมรวม?


 


…..


 


ในสายธารแห่งกาลเวลา


 


เสียงคลื่นน้ำซัดสาดอยู่รอบตัวเขา


 


ฟงจิวเก้อถูกคลื่นยักษ์กวาดลงไปในแม่น้ำ


 


‘นี่คือสายธารแห่งกาลเวลางั้นหรือ?’ เขาพยายามป้องกันตนเองแต่เขายังรู้สึกถึงพลังงานบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่พุ่งเข้าโจมตีร่างกายของเขาตลอดเวลา


 


ทรงพลังมาก!


 


ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ!


 


การป้องกันของฟงจิวเก้อน่าประทับใจแต่เพียงชั่วครู่การป้องกันของเขาก็พังทลายลง


 


ฟงจิวเก้อเข้าใจเรื่องนี้ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเสียง มันไม่สามารถอยู่ร่วมกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา


 


‘ดังคาด สายธารแห่งกาลเวลาทรงพลังจริงๆ ข้าต้องออกไปอย่างรวดเร็วที่สุด!’ ฟงจิวเก้อต้องการจากไปแต่เส้นทางที่เขาเข้ามาถูกทำลายไปแล้ว มันเหลือเพียงระลอกคลื่นบางๆเท่านั้น


 


ฟงจิวเก้อไม่สามารถเดินทางผ่านเส้นทางสายนี้


 


‘นี่เป็นปัญหา ข้าไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ข้าไม่สามารถออกไปโดยพึ่งพาระลอกคลื่นของกาลเวลา ข้าควรทำอย่างไร?’


 


เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟงจิวเก้อได้ยินเสียงระเบิด


 


อสูรปีขาลโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำ


 


รูม่านตาของฟงจิวเก้อหดเล็กลง เขาเหมือนมดที่อยู่ต่อหน้าช้าง


 


‘อสูรปีแรกกำเนิด!’


 


เงาของความตายกำลังคืบคลานเข้ามาหาฟงจิวเก้อ

 

 

 


บทที่ 1404 จื่อเว่ยควบคุมทุกสิ่ง

 

“ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง…”


 


ฟงจิวเก้อต่อสู้อย่างเต็มที่


 


ท่าไม้ตายอมตะเพลงหยกเขียว!


 


กรงเล็บอสูรปีแรกกำเนิดเริ่มกลายเป็นหยกเขียว


 


แต่กรงเล็บของมันใหญ่เกินไป มันยังพุ่งเข้าโจมตีศัตรูอย่างไม่หยุดยั้ง


 


ฟงจิวเก้อกัดฟันหลบ


 


ในช่วงเวลาวิกฤตเขาสามารถหลบเลี่ยงกรงเล็บของอสูรปีขาลได้อย่างฉิวเฉียด แต่กระทั่งเขาจะไม่ถูกโจมตี คลื่นกระแทกก็ยังส่งร่างของฟงจิวเก้อลอยออกไปราวกับว่าวสายป่านขาด


 


เลือดไหลออกมาเป็นสาย


 


‘ไม่ พลังการต่อสู้ของข้าลดลงมากในสถานที่แห่งนี้’


 


‘สายธารแห่งกาลเวลาเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ด้วยความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงของข้าเหลือพลังเพียงสิบส่วน!’


 


ฟงจิวเก้ออดทนต่อความเจ็บปวดและใช้ท่าไม้ตายรักษาอาการบาดเจ็บของตน


 


แต่วิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพในโลกภายนอกแทบไม่มีผลที่นี่


 


นอกจากนั้นเพลงหยกเขียวของเขาก็สูญเสียพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ อสูรปีขาลสามารถทำลายหยกเขียวที่อยู่รอบๆกรงเล็บของมันออกไปได้อย่างง่ายดาย


 


ฟงจิวเก้อเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เหตุผลที่ทำให้เขาสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดเป็นเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเสียงของเขาที่เทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปด


 


แต่แผนการของฟางหยวนที่ส่งฟงจิวเก้อเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาทำลายข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา


 


ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเสียงของเขาน้อยมากหากเปรียบเทียบกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นาทางแห่งกาลเวลาในสายธารแห่งกาลเวลา


 


นี่เป็นเหตุผลที่ฟางหยวนมั่นใจว่าฟงจิวเก้อจะต้องพบกับความทุกข์ทรมานที่นี่


 


อสูรปีขาลมองฟงจิวเก้อด้วยสายตาดุร้าย


 


ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาในสายธารแห่งกาลเวลาทำให้มันเป็นฝ่ายได้เปรียบ


 


ไม่มีอสูรปีระดับเก้า อสูรปีที่แข็งแกร่งที่สุดคืออสูรปีแรกกำเนิด


 


อสูรปีขาลคำรามและพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้ออย่างดุเดือด


 


ฟงจิวเก้อพยายามป้องกันตัวแต่ไม่นานเขาก็ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง


 


เขาถูกกำหราบอย่างสมบูรณ์และไม่มีโอกาสชนะ หากเขาต้องการมีชีวิตรอด เขาต้องหาสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาและหลบหนีออกไป


 


แต่ความหวังมีน้อยมาก


 


เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา แม้เขาจะพบมัน มันก็ต้องใหญ่พอที่เขาจะข้ามไป


 


ฟงจิวเก้อเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเสียง เขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและไม่มีวิธีหลบหนีจากสายธารแห่งกาลเวลา


 


‘ข้าจะตายอยู่ที่นี่งั้นหรือ?’ ฟงจิวเก้อคิด


 


แต่ในจังหวะนี้เสียงของผู้อมตะหญิงกลับดังขึ้นในใจของเขา “ใช้วิญญาณอมตะระดับแปดดวงนั้น”


 


“วิญญาณอมตะระดับแปดเกราะโชคชะตา?” ฟงจิวเก้อลังเล


 


วังสวรรค์มอบวิญญาณอมตะดวงนี้ให้เขาเพื่อปกป้องชีวิตของเขา


 


มันคือวิญญาณอมตะระดับแปดสายป้องกัน


 


แต่ฟงจิวเก้อยังเคลือบแคลงใจ


 


เพราะเหตุใด?


 


เขาไม่มีจุดอ่อนในการป้องกัน กระทั่งการโจมตีของวูหยง เขาก็ยังสามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่ง


 


ฟงจิวเก้อคิดว่าวังสวรรค์ควรมอบวิญญาณอมตะสายโจมตีหรือสายเคลื่อนไหวให้เขามากกว่า


 


ท้ายที่สุดวิธีการเคลื่อนไหวของฟงจิวเก้อก็ยังไม่โดดเด่นนัก แม้ท่าไม้ตายอมตะทั้งเจ็ดของเขาจะยอดเยี่ยม แต่พวกมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะใช้กำจัดผู้อมตะระดับแปด


 


หลังจากฟงจิวเก้อได้รับวิญญาณอมตะดวงนี้ เขาทดลองใช้งานมันและพบว่ามันกลืนกินพลังงานอมตะจำนวนมาก กระทั่งคนเช่นฟงจิวเก้อก็แทบไม่สามารถตอบสนองความต้องการของมัน


 


‘หากข้าถ่วงเวลา ข้าจะสามารถใช้วิธีการป้องกันเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ หากข้าใช้วิญญาณอมตะระดับแปดเกราะโชคชะตา ข้าจะสูญเสียพลังงานอมตะจำนวนมหาศาล’


 


ฟงจิวเก้อคำนวณ


 


แต่ตอนนี้อสูรปีขาลกลับพุ่งเข้าประชิดตัวเขาอีกครั้ง


 


ในช่วงเวลาสำคัญฟงจิวเก้อเลือกฟังเสียงของผู้อมตะหญิง


 


วิญญาณอมตะระดับแปดเกราะโชคชะตา!


 


ลูกพลัมแดงอมตะของเขาถูกกลืนกินไปอย่างรวดเร็ว เกราะแสงส่องประกายขึ้นบนร่างของฟงจิวเก้อ


 


เกราะแสงป้องกันการโจมตีของอสูรปีขาลแรกกำเนิดได้อย่างสมบูรณ์


 


ฟงจิวเก้อไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ยังถูกส่งลงไปในแม่น้ำ


 


อย่างไรก็ตามเกราะโชคชะตายังน่าประทับใจมาก เผชิญหน้ากับการโจมตีของคลื่นน้ำ มีเพียงรอยแตกร้ายเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนชั้นผิวของมันเท่านั้น


 


สิ่งที่ต้องกล่าวถึงก็คือมันเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับแปดแต่การโจมตีจากสายธารแห่งกาลเวลาเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับเก้า


 


อสูรปีแรกกำเนิดยังไลล่าฟงจิวเก้อ


 


ฟงจิวเก้อถอนหายใจ ‘นี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก’


 


เขาพยายามดิ้นรนเพื่อบินขึ้นจากแม่น้ำ


 


แต่อสูรปีขาลแรกกำเนิดมีสติปัญญาอยู่บ้าง มันไม่ปล่อยให้ฟงจิวเก้อบรรลุเป้าหมายของเขา


 


ฟงจิวเก้อติดอยู่ในแม่น้ำจากการโจมตีของอสูรปีแรกกำเนิดและยังได้รับผลกระทบจากการไหลของสายธารแห่งกาลเวลา


 


สถานการณ์ค่อนข้างเลวร้ายสำหรับฟงจิวเก้อ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปพลังงานอมตะของเขาจะหมดลงในที่สุด เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะตายจริงๆ


 


‘ก่อนหน้านี้ข้าตัดสินใจผิดหรือไม่? เสียงของหญิงผู้นั้นคือกับดักงั้นหรือ?’


 


ขณะที่ฟงจิวเก้อลังเล วังน้ำวนก็ปรากฏขึ้น


 


ฟงจิวเก้อรู้สึกประหลาดใจและกำลังจะต่อต้านมัน แต่ในจังหวะนี้เขากลับได้ยินเสียง “อย่าต่อต้าน ข้าเป็นผู้อมตะของวังสวรรค์ หงซื่อ ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้า!”


 


หลังกล่าวจบคำ วังน้ำวนก็ขยายใหญ่ขึ้นสิบเท่า


 


ละอองน้ำบดบังวิสัยทัศน์ของอสูรปีขาลแรกกำเนิด


 


ฟงจิวเก้อไม่กล้าหยุดใช้งานเกราะโชคชะตาและปล่อยให้ตนเองไหลไปตามกระแสน้ำ สุดท้ายจึงสามารถกลับขึ้นสู่ผิวน้ำได้ในที่สุด


 


ที่นั่นผู้อมตะศีรษะล้านในชุดสีเหลืองกำลังรอเขาอยู่


 


…..


 


วังสวรรค์


 


เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ


 


กระดานหมากรุกกลุ่มดาวที่อยู่ด้านหน้านางแสดงภาพเหตุการณ์ของฟงจิวเก้อที่ได้รับการช่วยชีวิตเอาไว้


 


ในช่วงเวลาสำคัญเสียงของผู้อมตะหญิงก็คือเสียงของเทพธิดาจื่อเว่ย


 


วิญญาณอมตะระดับแปดเกราะโชคชะตาทำให้ผู้อมตะจากวังสวรรค์หงซื่อสามารถค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของฟงจิวเก้อ


 


สายธารแห่งกาลเวลาเป็นสถานที่ลึกลับและอันตราย


 


มันยากที่ผู้อมตะจะเข้าไป


 


หากกล่าวว่าผู้อมตะระดับแปดหาได้ยาก ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลายิ่งหาได้ยากมากกว่า


 


แต่ถึงกระนั้นวังสวรรค์ก็ยังมีผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา


 


หงซื่อเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของเทพธิดาจื่อเว่ย


 


เดิมทีเทพธิดาจื่อเว่ยวางแผนให้ฟงจิวเก้อบังคับให้ฟางหยวนเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง


 


เมื่อเวลานั้นมาถึง ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหงซื่อจะปรากฏตัวขึ้นและโจมตีเขา


 


แต่เทพธิดาจื่อเว่ยไม่คาดหวังว่าฟางหยวนจะไม่ตกลงสู่กับดักของนางและยังพยายามฆ่าฟงจิวเก้อโดยการส่งเขาเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา


 


“ปีศาจต่างโลกฟางหยวน เขาช่างเจ้าเล่ห์นัก”


 


“แต่หลังการต่อสู้ครั้งนี้ เราจะตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน”


 


“แม้เขาจะใช้สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาเป็นกับดัก แต่มันก็ยืนยันการคาดเดาของข้า ฟางหยวนจะเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาเพื่อรับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงอย่างแน่นอน!”


 


“ด้วยธรรมชาติที่ระวังตัวของเขา ดูเหมือนเขาจะยังมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาสายอื่นอยู่ในการครอบครอง”


 


“แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาตราบเท่าที่ตำแหน่งของฟางหยวนยังถูกเปิดเผยต่อหน้าข้า”


 


เมื่อฟงจิวเก้อถูกช่วยชีวิต เทพธิดาจื่อเว่ยจึงใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาวดูสนามรบอื่น


 


อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของฟางหยวนได้รับบาดเจ็บและกำลังบินอยู่ในสวรรค์สีดำ


 


สองผู้อมตะวังสวรรค์กำลังไล่ล่ามัน พวกเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย


 


อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแข็งแกร่ง แต่มันยังไม่สามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปดสองคนที่ร่วมมือกัน


 


เมื่อสัมผัสถึงอันตราย อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจึงเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณและบินไปยังสวรรค์สีดำเพื่อสลัดศัตรูเหล่านี้


 


น่าเสียดายที่การกระทำของมันอยู่ในการคาดเดาของพวกเขา


 


“บึม!”


 


อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดถูกโจมตี


 


มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแต่ยังกระพือปีกบินต่อไป


 


เลือดไหลเป็นสายอยู่ในสวรรค์สีดำ


 


อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดมีความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ แต่ท่าไม้ตายของผู้อมตะจากวังสวรรค์ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน


 


“ผลลัพธ์ถูกำหนดแล้ว” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าว


 


แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะดิ้นรน แต่มันจะพ่ายแพ้ต่อผู้อมตะจากวังสวรรค์ทั้งสองอย่างแน่นอน


 


หนึ่งในท่าไม้ตายของพวกเขาสามารถไล่ล่าเป้าหมาย นี่ทำให้พวกเขามีช่วงเวลาที่ง่ายดายในการต่อสู้


 


หลังจากทั้งหมดสติปัญญาของสัตว์อสูรจะเหนือกว่ามนุษย์ได้อย่างไร?


 


อย่างไรก็ตามผู้อมตะจากวังสวรรค์ต้องการจับเป็นอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระวังไม่ให้มันตาย นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการต่อสู้


 


อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตระหนักถึงสถานการณ์สิ้นหวัง แต่มันยังไม่ยอมแพ้ มันยังกระพือปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้า


 


จากสวรรค์สีดำไปถึงสวรรค์สีขาว


 


กำแพงพลังงานไม่ใช่อุปสรรคของมัน


 


แต่สำหรับผู้อมตะจากวังสวรรค์ มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง


 


ผู้อมตะจากวังสวรรค์ไม่สามารถผ่านกำแพงพลังงานได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขาเตรียมพร้อมมาแล้ว เทพธิดาจื่อเว่ยให้พวกเขายืมคฤหาสน์วิญญาณอมตะมาใช้ในภารกิจนี้


 


“เจ้าอยู่ที่นี่และปิดเส้นทางของมัน ข้าจะไล่ล่ามัน” ผู้อมตะทั้งสองร่วมมือกันได้อย่างสมบูรณ์


 


“แม้จะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นบ้าง แต่ทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุมของข้า ไม่ว่ามนุษย์ สัตว์ หรือมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ไม่มีสิ่งใดที่สามารถหลบหนีจากข้า!” ในวังสวรรค์ ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องประกายขึ้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)