คัมภีร์วิถีเซียน 1402-1406

 ตอนที่ 1402

 

 ปีศาจหมูกับลูกอสูร

 


 


 


สตรีแซ่เสี้ยวทะลวงเข้าไปในเขตอาคมลำแสงยักษ์แล้ว ชั่วขณะนั้นเขตอาคมลำแสงทั้งเขตก็เปล่งเสียงหึ่งๆ ดังขึ้นสองสามเท่า เในเวลาเดียวกันรอบด้านเกิดระลอกคลื่นรุนแรงขึ้น


 


 


อากาศภายใต้เขตอาคมลำแสงยักษ์ที่ปกคลุมอยู่เริ่มบิดเบี้ยว เห็นได้ชัดว่าเขตอาคมส่งตัวกำลังจะเริ่มแล้ว


 


 


กระบี่บินทั้งหมดที่วางเขตอาคมไว้ก็ทยอยกันคืนสภาพเป็นกระบี่บินเจ็ดสิบสองเล่มในชั่วพริบตาที่ทาสพุ่งออกจากเขตอาคมกระบี่ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับเข้าไปในร่าง


 


 


แต่ครานี้เป็นเพราะชั้นบรรยากาศที่บิดเบี้ยว หานลี่ที่กลายเป็นลำแสงสีเขียวพลันหยุดชะงัก ความเร็วอดที่จะช้าลงสองสามเท่าไม่ได้


 


 


หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี ไม่ทันได้สยายปีกวายุอัสนีที่หลอมขึ้นใหม่ที่แผ่นหลังออก การโจมตีของราชันย์สามง่ามราตรีก็มาอยู่เบื้องหน้า


 


 


พลังของกำปั้นที่มีเสียงร้องคำรามตามมาด้วย กลายเป็นกำปั้นเงายักษ์สีเขียวมรกตโจมตีไปยังเขตอาคมลำแสง หานลี่จึงตกอยู่ในอานุภาพของมันอย่างพอดิบพอดี


 


 


หานลี่รู้ดีว่าหากไม่รับมือการโจมตีครั้งนี้ก่อน คงไม่อาจหนีไปได้ ทันใดนั้นจึงสูดลมหายใจลึกๆ เข้าไปเฮือกหนึ่ง สองมือชูขึ้น ลำแสงสีทองเงินสิบกว่าลูกพุ่งออกมาทันที แล้วถึงสะบัดปีกของตนเองที่แผ่นหลัง คนก็เปล่งแสงสว่างวาบหายวับไปจากที่เดิม ครู่ต่อมาก็ปรากฏอยู่ห่างจากใจกลางของเขตอาคมลำแสงไปแค่คืบ ร่างกายพลิ้วไหว จมหายเข้าไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด


 


 


ครานี้ลำแสงสีโลหิตอีกสายหนึ่งที่ตามมาด้านหลังก็เปล่งแสงสว่างวาบ สับลงไปที่มุมหนึ่งของเขตอาคมลำแสงขนาดยักษ์


 


 


ในเวลาเดียวกันลำแสงสีทองเงินเหล่านั้นพลันโจมตีไปยังกำปั้นเงา ทั้งสองระเบิดออกพร้อมกัน


 


 


ลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ สับลงไป คาดไม่ถึงว่าจะทำให้เขตอาคมลำแสงขนาดใหญ่เปิดแยกออก


 


 


เสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นอีกเสียงดังขึ้น เมฆอัสนียักษ์สีทองเงินกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น กว้างถึงร้อยจั้ง แยกออกมีพายุเฮอร์ริเคนพวยพุ่งขึ้นมา


 


 


ชั่วพริบตาพายุเฮอร์ริเคนก็กลืนกินทุกอย่างเข้าไปข้างใน


 


 


ขอบของเมฆอัสนีมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ร่างของราชันย์สามง่ามราตรีสองตนปรากฏขึ้นอีกครั้ง เผชิญหน้ากับการโจมตีที่มีอานุภาพมหาศาลเทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาสิบกว่าคน แม้ว่าจากความสามารถของพวกเขาแล้วจะต้องจำใจหลบหลีกไปชั่วคราว ทำให้แผนเดิมของพวกเขาที่คิดจะเคลื่อนย้ายเข้าไปตะปบพวกของหานลี่ในเขตอาคมลำแสงถูกขจัดไป


 


 


ภายใต้การขวางกั้นของเมฆอัสนี ลำแสงสว่างวาบพลิ้วไหวท่ามกลางเขตอาคมลำแสงที่อยู่กลางอากาศ ทันใดนั้นก็กะพริบวาบสองสามครั้ง เขตอาคมลำแสงทั้งเขตแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หายวับไปจากกลางอากาศ


 


 


ภายใต้การร่วมมือของราชันย์สามง่ามราตรีสองตน ชั่วครู่ก็สลายการโจมตีของเมฆอัสนีสีทองเงินออก จากนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นด้านล่างของใจกลางเขตอาคมลำแสง


 


 


ตรงนั้นมีเพียงจานอาคมสีขาวที่ผิวมีร่องรอยปริแตกอยู่จานหนึ่ง ลอยอยู่ตรงนั้นอย่างไร้ซึ่งไอวิญญาณ


 


 


ราชันย์สามง่ามราตรีคนหนึ่งดูดจานอาคมจานนั้นเข้ามาในมือ พิจารณาอยู่นานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็โยนไปให้ราชันย์สามง่ามราตรีอีกคนหนึ่งโดยไม่ปริปากใดๆ


 


 


“ด้านในมีไอวิญญาณเที่ยงแท้อยู่เล็กน้อย ดูแล้วพวกเราคงดูถูกมนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรสองคนนั้นไปหน่อย คาดไม่ถึงว่าจะมีความสามารถส่งตัวเปล่าๆ ไปได้ไกลขนาดนี้” ราชันย์สามง่ามราตรีด้านหลังมองจานอาคมเสร็จแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง


 


 


“เรื่องนี้แม้แต่ข้าก็คิดไม่ถึง โชคดีที่การโจมตีสุดท้ายของข้า สะเทือนเขตอาคมส่งตัวของมัน พวกมันจะส่งตัวออกไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ยากแล้ว ไม่แน่ว่าระหว่างทางอาจจะตกไปในรอยแยกของมิติเวลาแล้วหายสาบสูญไปจากแดนนี้ก็เป็นได้” สามง่ามราตรีนามว่าราชันย์อมตะ กลับหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาขณะเอ่ย


 


 


“ก็มีเพียงต้องคิดเช่นนั้น แต่ไม่รู้ว่าทาสของพวกเราสองคนถูกส่งตัวไปที่ใด คิดจะตามกลับมาคงยากหน่อยจริงๆ” ราชันย์วัฏสงสารพลันขมวดคิ้ว หลังจากผ่านไปชั่วครู่ถึงได้พยักหน้าขณะเอ่ย


 


 


“ไม่มีอะไร ทาสของเจ้ากับข้าไม่ใช่สิ่งที่ยังไม่เบิกเนตร ขอแค่ไม่ได้ส่งตัวไปแดนอื่น คงจะหาวิธีกลับมาหาเราสองคนเอง แต่ว่าเรื่องร่วมมือกันที่พวกเราเคยคุยกันก่อนนะจำต้องหยิบออกมาใช้แล้ว มิเช่นนั้น…”


 


 


แม้นว่าราชันย์สามง่ามราตรีสองคนจะรู้สึกประหลาดใจที่หานลี่และพวกหนีออกไปได้ แต่ก็โยนทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นถึงปรึกษากันเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า


 


 


ห่างจากกองทัพเผ่าสามง่ามราตรีไปไม่รู้กี่หมื่นลี้ กลับยังคงตรงไปยังที่ตั้งของเมืองเทวะสวรรค์ของเผ่ามนุษย์ เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างยิ่งใหญ่…


 


 


หานลี่รู้สึกเพียงว่าปวดหัวอย่างรุนแรง หน้ามืดวิงเวียน จากความแข็งแกร่งของกายเนื้อของเขาคาดไม่ถึงว่าหลังจากส่งตัวมาแล้วจะรู้สึกรุนแรงเช่นนี้ นั่นหมายความว่าการส่งตัวในชั่วพริบตาเมื่อครู่จะต้องเป็นการส่งตัวที่ไกลมากครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน


 


 


 หลังจากที่หลับตาทั้งสองข้างอยู่ชั่วครู่ หานลี่ถึงได้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นกวาดมองไปรอบๆ


 


 


ที่นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นกองหินระเกะระกะกองหนึ่ง ใต้ดินทุกแห่งล้วนเป็นก้อนหินกลมๆ ขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน สีเทาขาว


 


 


รอบด้านไม่ไกลนักล้วนเป็นหมอกสีเทา ไม่อาจมองออกไปได้ไกลนัก


 


 


ในหัวยังคงมีเสียงวิ้งๆ ไม่รู้ว่าที่นี่มีเขตอาคมอะไร หรือว่าเขายังไม่หายจากการถูกส่งตัวระยะไกล จึงไม่อาจแผ่จิตสัมผัสออกไปจากร่างได้


 


 


ขมวดคิ้วมุ่นหานลี่หันศีรษะไปรอบๆ ด้าน แววตามีแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบในเวลาเดียวกัน


 


 


ฉับพลันนั้นหานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี สองมือพันร่ายอาคมกลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ทะลวงเข้าไปในม่านหมอก


 


 


หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งกาน้ำชา หานลี่ที่เอามือไพล่หลังปรากฏตัวขึ้นด้านข้างลำธารเล็กๆ กว้างสองสามจั้ง มองไปยังน้ำใสๆ ใต้ฝ่าเท้า ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย


 


 


มือหนึ่งตะปบไปด้านล่าง ชั่วขณะนั้นวารีกลุ่มเล็กๆ พลันพูดดูดขึ้นมา กลายเป็นลูกบอลวารีขนาดเท่ากำปั้น ลอยพลิ้วอยู่บนฝ่ามือ


 


 


หานลี่ตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่ชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าวารีนี้ไม่มีปัญหาอะไร ถึงได้อ้าปากออก ลูกบอลวารีกลายเป็นสายน้ำสายหนึ่งถูกดูดเข้าไปในปาก


 


 


รสชาติหวานล้ำมาก


 


 


หานลี่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ตอนที่กำลังคิดจะตักน้ำในลำธารขึ้นมาอีกครั้ง กลับขมวดคิ้วมุ่น อีกมือหนึ่งกำหมัดแน่นขณะโจมตีไปยังกลางอากาศ


 


 


พลังมหาศาลที่ไร้รูปร่างไล่ตามไป


 


 


เสียง “ตูม” ดังขึ้น หมอกด้านหลังหมุนวน พลังมหาศาลราวกับโจมตีเข้ากับอะไรสักอย่าง ไม่เพียงจะมีเสียงถอยร่นฝีเท้าไปจะดังขึ้น มีเสียงแค่นเสียงดังขึ้นอีกสองสามเสียง


 


 


ร่างของหานลี่ลางเลือนไปเล็กน้อย คนกลับหัวกลับหางราวกับผี สะบัดแขนไปทางหมอกด้านหลัง


 


 


และไม่รู้ว่าเขาสำแดงอาคมอะไร วายุบ้าคลั่งกลุ่มหนึ่งทะลักออกมาจากแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นเบื้องหน้าในระยะยี่สิบสามสิบจั้งหมอกสีเทาพลันถูกพัดและกระจายออก เผยร่างของตัวประหลาดสูงสองสามจั้งออกมา


 


 


ถึงแม้ว่าหานลี่จะมีความรู้มากมาย แต่เมื่อเห็นรูปร่างของเจ้าตัวประหลาดชัดเจน ก็ยังตะลึงงัน


 


 


ตัวประหลาดเบื้องหน้าแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ตาเล็กปากยาว หัวเป็นหมูตัวเป็นคน ท่อนบนสวมเกราะเต่าสีเขียวปกป้องร่างกายเอาไว้


 


 


ครานี้แขนขาทั้งสี่ของตัวประหลาดพลันหงายท้องชี้ฟ้า เห็นได้ชัดว่าถูกกำปั้นเมื่อครู่ของหานลี่ต่อยจมล้มหงาย ปากก็เปล่งเสียงร้องพยายามดิ้นรนไปมาไม่หยุด


 


 


แต่จากกระดองเต่าที่โค้งนู้น แขนขาทั้งสี่สั้นกว่าคนปกติครึ่งหนึ่ง กลับไม่อาจพลิกตัวกลับได้ในทันที ท่าทางเหมือนตะขาบยักษ์หงายท้องอย่างไรอย่างนั้น


 


 


“ปีศาจตะพาบหมู”


 


 


ลำแสงวิญญาณบนหานลี่เปล่งแสงสว่างวาบ ในหัวมีคำประหลาดๆ ปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตนเองก็ทนไม่ไหวหัวเราะเบาๆ ออกมา


 


 


กลิ่นอายบนร่างของปีศาจหมูตนนี้ไม่แข็งแกร่งนัก และน่าจะมีพลังยุทธ์เทียบเท่ากับมนุษย์ระดับฝึกปราณ


 


 


กลิ่นอายที่อ่อนแอเช่นนี้ แน่นอนว่าหานลี่จึงรู้สึกผ่อนคลายลง แต่ปีศาจหมูที่ค่อนข้างประหลาดตัวนี้รับการโจมตีด้วยพลังมหาศาลเมื่อครู่ของตนเองได้อย่างไร


 


 


แววตาเปล่งประกาย ตกลงบนกระดองเต่าบนร่างของปีศาจหมู ทรวงอกของกระดองเต่ามีรอยกำปั้นลึกลงไปสองสามชุ่น


 


 


หานลี่มีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่าน มือหนึ่งตะปบไปทางเขากลางอากาศ


 


 


ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ มือสีเขียวขนาดสองสามจั้งปรากฏขึ้นเหนือปีศาจหมู ตะปบไปด้านล่าง คว้าที่ขอบของกระดองเต่าเอาไว้ แล้วยกปีศาจหมูขึ้น


 


 


หานลี่ยังไม่ได้ตรวจสอบกระดองเต่าอย่างละเอียด ปีศาจตะพาบหมูกลับหดตัวอย่างชาญฉลาด ชั่วครู่ก็ร่วงลงมาจากกระดองเต่า กลายเป็นหมูป่าสีน้ำตาล กระโจนเข้าไปในหมอกแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


ชั่วพริบตาในมือจึงเหลือเพียงกระดองเต่าที่ว่างเปล่า หลบหนีไปโดยไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว


 


 


หานลี่มุมปากกระตุก รู้สึกหมดคำพูดไปเล็กน้อย


 


 


จากความเร็วในการหลบหนีของปีศาจหมู การแกล้งทำเป็นลุกขึ้นจากพื้นไม่ได้เมื่อครู่ คาดไม่ถึงว่าจะใช้เพื่อตบตาศัตรู


 


 


ปีศาจตะพาบหมูดูเหมือนจะโง่เขลา แต่กลับเจ้าเล่ห์เพทุบาย เกรงว่าคงจะมีสติปัญหาไม่ต่ำต้อย


 


 


ระดับฝึกปราณคนหนึ่ง แน่นอนว่าหานลี่ไม่มีทางสนใจมากนัก จึงขี้เกียจจะไล่ตามไป แค่ดึงกระดองเต่ามาไว้เบื้องหน้า พลิกไปพลิกมาพลางสังเกตอย่างละเอียด ใบหน้าค่อยๆ เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา


 


 


“ทว่ากระดองเต่ายักษ์อายุสองสามร้อยปี คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานกำปั้นของข้าได้ นี่คือกระดองเต่าชนิดไหน ช่างมหัศจรรย์นัก” หานลี่เอ่ยพึมพำกับตัวเอง หลังจากลังเลเล็กน้อย ก็เก็บกระดองเต่าเข้าไปในกำไลเก็บของชั่วคราว


 


 


จากนั้นหานลี่ก็ไม่ได้เสี่ยงไปที่ใดอีก จึงนั่งสมาธิลงข้างลำธาร หลับตาทั้งสองข้างลง


 


 


ลำธารน้อยเงียบสงัด แต่ไอหมอกด้านข้างกลับเริ่มบางเบาลง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เมื่อไอหมอกแตกกระจายออก ด้านข้างลำธารมีอสูรฝูงหนึ่งที่คล้ายกับกวางและคล้ายกับม้ารวมตัวกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กำลังแลบลิ้นกินน้ำอยู่ข้างลำธาร ลูกอสูรสองสามตัวหนึ่งในนั้นมีขนาดสองสามฉื่อ กำลังหยอกล้อเล่นกันอยู่อย่างคึกคัก


 


 


นั่นเป็นเพราะหานลี่เก็บกลิ่นอายเอาไว้ คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนก้อนหินที่ไม่ดึงดูดสายตาของอสูรฝูงนี้เลยสักนิด แม้กระทั่งมีลูกอสูรตัวหนึ่งกระโดดเข้ามาหาเขา


 


 


ลูกอสูรตัวนี้ดูเหมือนจะสัมผัสอะไรได้ มันหันกายมาใช้ดวงตาอันสวยงามสีฟ้าอ่อนจับจ้องหานลี่ จากนั้นก็วงรอบหานลี่สองสามครั้งด้วยความสงสัยใคร่รู้ ยื่นหัวที่มีขนปุกปุยมาดมหน้าของหานลี่ฟุตฟิตๆ แล้วทนไม่ไหวยื่นลิ้นสีชมพูออกมาเลีย


 


 


ฉับพลันนั้นดวงตาของหานลี่พลันเบิกตาขึ้นอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน อสูรน้อยกลับมีปฏิภาณไหวพริบว่องไวมาก ชั่วขณะนั้นพลันกระโดดถอยกลับไปด้วยความตกใจ คิดจะหนี แต่ชั่วพริบตานั้นลำแสงสีเขียวพลันเปล่งประกาย ยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งที่มีกลิ่นหอมพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของหานลี่ พุ่งเข้าไปในปากของอสูรน้อยอย่างแม่นยำ และยิ่งไปกว่านั้นยังกลายเป็นกลิ่นหอมฟุ้งไหลเข้าไปในปากของอสูรน้อย


 


 


ในเวลาเดียวกันเสียงที่ราบเรียบของหานลี่พลันดังขึ้นในหูของอสูรน้อย


 


 


“ในเมื่อเจ้ากับข้ามีวาสนาต่อกร ยาเบิกเนตรเม็ดนี้มอบให้เจ้าก็แล้วกัน แต่วันข้างหน้าจะเบิกเนตรได้จริงๆ หรือไม่ ก็แล้วแต่บุญวาสนาของเจ้าแล้ว”


 


 


เสียงนี้กลับทำให้อสูรน้อยตกใจจนเปล่งเสียงร้องคล้ายๆ แพะออกมา ชั่วขณะนั้นอสูรโตเต็มวัยตัวอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ จึงพบการดำรงอยู่ของหานลี่ ทันใดนั้นจึงเคลื่อนไหวทันที ล้อมรอบอสูรน้อยสองสามตัวเอาไว้ตรงกลาง จากนั้นก็ใช้เขาแหลมๆ บนหัวชี้มาทางหานลี่อย่างตื่นตระหนก


 


 


หานลี่ยังคงนิ่งงันอยู่ที่เดิม แค่จ้องเขม็งไปยังอสูรน้อยตัวนั้นสองครั้งด้วยสีหน้าราบเรียบ จากนั้นก็หลับตาลงอีกครั้ง แล้วไม่สนใจฝูงอสูรฝูงนั้นอีก

 

 

 


ตอนที่ 1403

 

 ริมมหาสมุทร

 


 


 


แม้นว่าฝูงอสูรจะมองออกว่าหานลี่ไม่มีเจตนาร้ายอะไร แต่ก็ยังคงปกป้องลูกอสูรแล้วค่อยๆ ถอยออกไป หลังจากนั้นไม่นาน ฝูงอสูรก็หันหัววิ่งออกไป หายวับไปจากหลังเนินเขา


 


 


หานลี่นั่งสมาธิที่ริมลำธารต่ออีกชั่วครู่ หลังจากที่ม่านหมอกรอบๆ สลายหายไปแล้ว ถึงได้พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า หนีไปทางอากาศสูง


 


 


ครานี้ไม่ว่าลมปราณหรือว่าจิตสัมผัสของเขาก็ฟื้นฟูกลับมาหมดแล้ว จึงลองแผ่จิตสัมผัสออกไปอีกครั้ง กลับพบว่าแม้จะแผ่ออกไปนอกร่างได้ แต่กลับถูกกดเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด คาดไม่ถึงว่ามากสุดจะทำได้เพียงจับตาดูรอบๆ ในระยะเล็กๆ เพียงสิบกว่าลี้ได้เท่านั้น


 


 


เช่นนั้นเขาจึงบินสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เอาซะเลย เพื่อจะได้เตรียมใช้ความสามารถของเนตรวิญญาณวารีกระจ่างตรวจสอบในบริเวณนี้


 


 


อย่างน้อยที่สุดทุกอย่างในระยะร้อยลี้ก็จะเข้ามาสู่ครรลองสายตา


 


 


เมื่ออยู่สูงขึ้นไปพันจั้ง ดวงตาของหานลี่ก็เปล่งแสงสีฟ้าระยิบระยับ กวาดมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว


 


 


เห็นเพียงทั้งสองฟากฝั่งทางทิศตะวันออกและตะวันตกยังคงเป็นสีขาวโพลนเหมือนกองหิน ส่วนทางด้านทิศใต้ห่างออกไปสามสิบลี้กลับเป็นสีเขียวขจี มองออกไปไกลๆ คาดไม่ถึงว่าจะมีเทือกเขาขนาดไม่เล็กอยู่แห่งหนึ่ง ทางทิศเหนือกลับมีไอวิญญาณวารีจำนวนมากทะลักออกมา เหมือนจะมีแม่น้ำสายใหญ่หรือว่ามหาสมุทรอยู่ตรงนั้น


 


 


หลังจากลังเลเล็กน้อย รอบกายของหานลี่ก็มีลำแสงหลีกหนีปรากฏขึ้น กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่ง พุ่งไปยังทิศเหนือ


 


 


จากความเร็วในครานี้ของหานลี่ ระยะห่างเพียงแค่นี้จึงมาถึงได้ในพริบตา


 


 


ผลคือเบื้องหน้ามีลำแสงสว่างจ้า มหาสมุทรที่ไร้ขอบเขตพลันปรากฏขึ้น แต่ผิวน้ำกลับแปลกประหลาดอยู่นิดหน่อย คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสีแดงสด ตรงชายหาดมีเต่ายักษ์ขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันนับพันตัว กำลังนอนอาบแดดอยู่บนพื้นทราย เต่ายักษ์ที่ตัวใหญ่หนึ่งในนั้นมีขนาดสามสี่จั้ง เล็กน้อยก็มีขนาดแค่สองสามฉื่อ ร่างของทุกตัวล้วนฝังอยู่ในเม็ดทรายครึ่งหนึ่ง ท่าทางเกียจคร้าน


 


 


ส่วนบนผิวน้ำกลับมีวิหคประหลาดสีแดงสดที่มีปากยาวแหลมอยู่ฝูงหนึ่ง กำลังบินวนเวียนอยู่ตรงนั้น บางครั้งก็จะมีตัวหรือสองตัวโฉบปากและกรงเล็บลงไปในมหาสมุทรพลางโฉบปลาทะเลขนาดสองสามฉื่อโยนขึ้นมากลางอากาศ ชั่วขณะนั้นวิหคประหลาดตัวอื่นก็จะทะลักเข้ามา ชั่วพริบตาก็จะกัดกินปลาทะเลเหล่านั้นไปจนเกลี้ยง


 


 


หานลี่พิจารณาทุกอย่างด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ฉับพลันนั้นก็ดูเหมือนว่าจะนึกอะไรออก จึงมองขึ้นไปบนท้องฟ้า


 


 


ยังคงมีดวงอาทิตย์ที่แผดเผาเจ็ดดวงลอยอยู่ หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี


 


 


ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาถึงได้รู้สึกว่าลำแสงที่สาดส่องลงมาของดวงอาทิตย์เหมือนจะน้อยกว่าก่อนหน้า มืดหม่นลงเป็นอย่างมาก ดูแล้วค่อนข้างรางเลือน


 


 


ดูแล้วที่ที่เขาถูกส่งตัวมาในครั้งนี้ คงจะห่างจากแดนของเผ่ามนุษย์มาก มิเช่นนั้นคงไม่เกิดเหตุการณ์ที่แม้แต่พระอาทิตย์ที่อยู่กลางอากาศก็ยังเปลี่ยนแปลงเช่นนี้


 


 


โชคดีที่จุดนี้หานลี่เดาออกตั้งแต่ที่ตนเองรู้สึกว่าร่างกายผิดปกติหลังจากส่งตัวมาแล้ว ครานี้จึงไม่ได้ตกตะลึงมากนัก กวาดสายตาไปตกอยู่บนฝูงเต่าที่อยู่ด้านล่าง


 


 


บนผืนทรายนอกจากฝูงเต่าแล้ว รอบด้านยังมีกระดองเต่าที่ว่างเปล่าจำนวนมากเรียงรายอยู่ประมาณสองสามพันกระดอง ส่วนใต้ผืนทรายนั้นก็ไม่รู้ว่ามีเรียงรายกันอยู่เท่าไหร่


 


 


หรี่ตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย หานลี่พลิกฝ่ามือ ในมือมีกระดองเต่าสีเขียวขนาดสองสามจั้งปรากฏขึ้น


 


 


หานลี่ใช้มือหนึ่งถือกระดองเต่าเอาไว้ เปรียบเทียบกับฝูงเต่าด้านล่าง


 


 


ชั่วครู่หานลี่ก็เผยสีหน้าตะลึงงันออกมา


 


 


หากมองผ่านๆ กระดองเต่าด้านล่างดูเหมือนว่าจะคล้ายคลึงกับในมือของหานลี่เป็นอย่างมาก แม้กระทั่งใหญ่กว่าสองสามเท่า


 


 


แต่หานลี่กลับมองเห็นจุดที่แตกต่างกัน


 


 


แม้ว่ากระดองเต่าในมือจะไม่ถือว่าใหญ่นัก แต่ลวดลายทุกเส้นล้วนแฝงไว้ด้วยลายสีเงินจางๆ ลายด้านล่างของกระดองเต่ากลับเป็นแค่รอยแตกสีขาวธรรมดาๆ เท่านั้น


 


 


หานลี่เอียงศีรษะครุ่นคิด ตะปบไปกลางอากาศตรงกระดองเต่าด้านล่าง กระดองเต่าขนาดสองจั้งกระดองหนึ่งบินขึ้นมา


 


 


เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น ถูกหานลี่โจมตีไปอย่างสบายๆ กระดองเต่านี้ระเบิดออกในทันที กลายเป็นผุยผงสลายไป


 


 


เสียงอันดังสนั่นทำให้ฝูงเต่าเกิดความโกลาหลขึ้น เต่ายักษ์จำนวนไม่น้อยยื่นหัวสีดำสนิทออกมา มองมาบนท้องฟ้าแวบหนึ่ง


 


 


แต่พวกมันดูเหมือนจะรู้สึกว่าหานลี่ไม่ได้มีท่าทีคุกคามอะไร ส่วนใหญ่จึงหดกลับไป ฝูงเต่าฟื้นฟูกลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง


 


 


“ไม่ใช่กระดองเต่าธรรมดาๆ เหล่านั้นจริงๆ ด้วย! แต่กระดองนี้น่าจะมาจากที่นี่ไม่ผิดแน่” หานลี่ไม่ได้เผยสีหน้าสิ้นหวังออกมา กลับเอ่ยพึมพำกับตัวเอง


 


 


ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างของหานลี่ร่อนลงไปด้านล่าง ในเวลาเดียวกันก็หลับตาทั้งสองข้างลง แผ่จิตสัมผัสอันแข็งแกร่งออกไป ห่อหุ้มรอบๆ ในระยะสองสามลี้เอาไว้ เริ่มตามหาอะไรสักอย่างอย่างละเอียด


 


 


ชั่วครู่ดวงตาของหานลี่เบิกกว้างอย่างเป็นประกาย ร่างกายก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไป วนรอบผืนทรายไปมาอย่างรวดเร็วสองสามรอบ แต่รอบกายกลับมีกระดองเต่ายักษ์อีกสามกระดองลอยอยู่ด้านหลัง


 


 


อันหนึ่งใหญ่สี่ห้าจั้ง อีกอันสองสามจั้ง อันสุดท้ายกลับมีขนาดแค่สองสามฉื่อ


 


 


ลวดลายบนกระดองเต่าทั้งสามเป็นสีเงินเหมือนกัน แค่ระดับสีแตกต่างกันเล็กน้อย


 


 


กระดองเต่าที่เล็กที่สุด ลายดูเหมือนจะเป็นแสงสีเงินที่บริสุทธิ์ ขนาดสองสามจั้งเหมือนกับกระดองที่อยู่ในมือของหานลี่อย่างไรอย่างนั้น ส่วนกระดองเต่าที่ใหญ่ที่สุด แค่มีลายสีเงินจางๆ ปะปนอยู่เท่านั้น


 


 


กระดองเต่าสามชิ้นล้วนฝังอยู่ส่วนลึกของใต้ผืนทรายในบริเวณรอบ หากไม่ใช่เพราะหานลี่มีจิตสัมผัสทะลวงแทรกผ่านไป เกรงว่าคงไม่อาจหาสามกระดองนี้เจอ


 


 


ลำแสงหลีกหนีของหานลี่หยุดชะงักอยู่กลางอากาศ กลับกวักเรียกกระดองเต่าสองสามกระดองนั้น


 


 


ชั่วขณะนั้นเสียงผิวปากพลันดังขึ้น กระดองเต่าสามกระดองเรียงตัวอยู่เบื้องหน้า


 


 


เสียง “ปังๆ” ดังขึ้น นิ้วของหานลี่ร่ายไปมา ไอกระบี่สีเขียวสองสามสายพุ่งแหวกอากาศไป แยกออกปรากฏเป็นรูขนาดตื้นลึกหนาบางไม่เท่ากันบนกระดองเต่า


 


 


ไอกระบี่ทะลุผ่านกระดองเต่าที่ใหญ่ที่สุดไป แต่กลับสร้างรอยแค่ครึ่งฉื่อให้กับกระดองเต่าที่เล็กที่สุด กระดองเต่าขนาดสองสามจั้งพลันมีหลุมลึกสามสี่ชุ่นปรากฏขึ้น


 


 


หานลี่พยักหน้าสะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งออกมา


 


 


ชั่วขณะนั้นกระดองเต่าทั้งสามพลันหมุนวนท่ามกลางม่านลำแสง ชั่วพริบตาก็หดเล็กลงหลายเท่า ถูกหานลี่ดูดเข้ามาอยู่ในมือ


 


 


ลำแสงในมือเปล่งแสงสว่างวาบ พวกมันถูกดูดเข้าไปในกำไลเก็บของ


 


 


และในตอนนั้นเอง ฉับพลันนั้นบนผิวที่ไกลออกไปพลันมีเสียงเพรียกของวิหคดังขึ้น หานลี่เงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความตกใจ ผลคือทำให้ตกตะลึง


 


 


เห็นเพียงบนผิวน้ำเบื้องหน้ามีปีศาจยักษ์ความยาวสิบจั้งตนหนึ่งปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กายท่อนบนคือบุรุษที่มีผัวหนังสีดำสนิท สองแขนถือสามง่ามกระดูกเอาไว้ หน้าตาโหดเ**้ยม แต่กายท่อนล่างกลับเป็นเหมือนปลาหมึกยักษ์ตนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น หนวดหนาๆ ปรากฏขึ้นรางๆ บนผิวน้ำ


 


 


ปีศาจที่เหมือนกับปลาหมึกตนนั้นพลันอ้าปากออก พ่นลำแสงสีดำมะเมื่อมออกมา ม้วนเอาวิหคประหลาดสีแดงสดสองสามร้อยตัวเข้าไปข้างใน และดูดเข้าไปในปากทีละตัวๆ ราวกับว่ากำลังเพลิดเพลินกับอาหารอันโอชะก็ไม่ปาน


 


 


ส่วนวิหคประหลาดเหล่านั้นก็พยายามดิ้นรนอยู่ท่ามกลางม่านลำแสงอย่างสุดฤทธิ์ แต่กลับไม่อาจดิ้นให้หลุดพ้นได้ ชั่วพริบตาก็ถูกกลืนลงไปกว่าครึ่ง


 


 


สิ่งที่น่าแปลกก็คือเต่าทะเลที่จับต้องสถานการณ์นี้อยู่กลับนอนนิ่งอยู่บนผืนทราย และไม่มีท่าทางลนลาน ส่วนปีศาจยักษ์ตนนี้เองก็ไม่มีท่าทีจะแตะต้องฝูงเต่า


 


 


หานลี่รู้สึกประหลาดใจไปเล็กน้อย แต่ปีศาจเบื้องหน้าน่าจะเป็นอสูรปีศาจระดับแปด แน่นอนว่าจึงไม่ได้หวาดกลัวอะไร แค่ยืนดูทุกอย่างอยู่ที่เดิมพร้อมกับขมวดคิ้วน้อยๆ คาดคะเนความเป็นมาของอีกฝ่ายอยู่ในใจ


 


 


ความจริงแล้วในแดนวิญญาณสิ่งที่เรียกว่าอสูรปีศาจ อสูรโบราณนั้นล้วนเป็นแค่การแบ่งแยกอย่างคร่าวๆ เท่านั้น


 


 


สำหรับเผ่ามนุษย์ในแดนวิญญาณ โดยทั่วไปแล้วอสูรโบราณจะหมายถึงสิ่งมีชีวิตประเภทอสูรที่เกิดและเติบโตในแดนวิญญาณ


 


 


อสูรปีศาจกว่าครึ่งล้วนหมายถึงลูกหลานที่สืบพันธุ์มาจากปีศาจผู้บำเพ็ญเพียรที่บินขึ้นมาจากแดนล่างจำนวนมากจนกลกายเป็นเผ่าอสูรต่างๆ หนึ่งในนั้นยังผสมกับเผ่าอสูรโบราณระดับต่ำอื่นๆ ที่ได้รับการยอมรับ


 


 


สำหรับอสูรโบราณแล้ว แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่อาจเบิกเนตรได้ แต่ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนอะไรก็จะมีความสามารถติดตัวหนึ่งหรือสองสามชนิดอยู่แล้ว พละกำลังแข็งแกร่งมาก ส่วนอสูรปีศาจกลับตรงกันข้าม ขอแค่ไม่ใช่อสูรที่ได้รับการถ่ายทอดอย่างพิเศษหรือว่าอสูรแมลงที่ไม่อาจเบิกเนตรได้ ปกติแล้วล้วนสามารถเบิกเนตรได้ แต่ความสามารถจากการฝึกฝน ปกติแล้วจะด้อยกว่าความสามารถของอสูรโบราณ


 


 


แน่นอนว่าอสูรโบราณและอสูรปีศาจนั้นไม่ได้เข้มงวดต่อกันมากนัก อสูรโบราณบางเผ่าที่อยู่ใกล้ๆ กับเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจเมื่อเบิกเนตรแล้ว ก็ใคร่ครวญถึงข้อดีข้อเสีย แล้วเป็นฝ่ายนำฝูงเข้าไปร่วมกับเผ่าปีศาจ อสูรโบราณบางชนิดก็ถูกเผ่าปีศาจและเผ่ามนุษย์ให้ความสำคัญ และนำพวกมันมาเลี้ยงดู เอาเข้าเผ่า แน่นอนว่าจากนั้นพวกมันก็กลายเป็นหนึ่งในอสูรปีศาจแล้ว


 


 


ดังนั้นหานลี่เห็นปีศาจเบื้องหน้าไม่มีเจตนาประหลาดอะไร จึงแค่เอามือสองมือไพล่หลังลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ


 


 


หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ปีศาจในมหาสมุทรก็กลืนกินวิหคทะเลเหล่านั้นเข้าไป หนวดยักษ์สะบัดไปทางผิวน้ำด้วยความตื่นเต้นดีใจ หันหัวมามองเห็นหานลี่ที่อยู่ใกล้ๆ


 


 


หานลี่ที่ก่อนหน้านี้เก็บกลิ่นอายมาตลอด ประกอบกับที่อสูรปีศาจตนนี้กำลังชะล่าใจ จึงไม่พบว่ากลางอากาศใกล้ๆ มีอีกคนหนึ่งดำรงอยู่


 


 


แต่สถานการณ์ที่ทำให้หานลี่ตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น!


 


 


ปีศาจตนนี้เห็นหานลี่ใบหน้าพลันเผยสีหน้าตกตะลึงระคนหวาดกลัวออกมา หลังจากเปล่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมาแล้ว ร่างกายก็พลิ้วไหวกลายเป็นไอสีดำ จมหายเข้าไปในมหาสมุทร


 


 


ทันใดนั้นหมอกสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกจำนวนนับไม่ถ้วนก็ทะลักออกมาจากใต้มหาสมุทร ชั่วครู่ก็ย้อมผิวน้ำในระยะสองสามลี้เอาไว้จนกลายเป็นสีดำสนิท ทำให้ผู้คนไม่อาจมองเห็นสิ่งใดได้


 


 


หานลี่หางตากระตุก รูม่านตาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ ชั่วพริบตาสายตาก็ทะลุผ่านหมอกสีดำไป มองเห็นสถานการณ์ด้านล่างอย่างชัดเจน


 


 


ปีศาจปลาหมึกยักษ์ตัวนั้นกำลังพยายามหนีไปทางใต้มหาสมุทร อยู่ห่างออกไปสองสามลี้แล้ว


 


 


แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา ปีกที่แผ่นหลังของหานลี่เปล่งประกาย หมายจะกระตุ้นปีกวายุอัสนีหนีไปจากกลางอากาศ ครั้นเมื่อจับปีศาจตนนี้ได้ ใต้ทะเลกลับมีเสียงคำรามยาวๆ ประหลาดๆ ดังขึ้น เสียงทุ้มต่ำราวกับฟ้าร้องอย่างไรอย่างนั้น


 


 


ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงไอปีศาจที่แข็งแกร่งมากกลุ่มหนึ่งในท้องทะเลลึกห่างออกไปสิบลี้เศษ เหมือนว่าจะแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลง


 


 


หานลี่ได้ฟังเสียงคำราม พลันมีสีหน้าตะลึงงัน จ้องเขม็งไปยังเสียงคำรามด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบ ใบหน้าเผยแววลังเลออกมา


 


 


ครู่ต่อมากลิ่นอายปีศาจที่แผ่ออกมาก็ผนึกรวมกันกับปีศาจปลาหมึก ทันใดนั้นก็พุ่งไปใต้ทะเลลึกอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด


 


 


หลังจากสะบัดศีรษะ ปีกที่เพิ่งปรากฏขึ้นที่แผ่นหลังของหานลี่พลันหายวับไปอีกครั้ง


 


 


แม้นว่าจะเป็นอสูรปีศาจระดับเทพแปลง เขาก็ไม่หวาดกลัวเลยสักนิด แต่เพิ่งมาถึงแดนประหลาด เขาก็ไม่อยากต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับเดียวกัน


 


 


หลังจากที่มองไปยังทะเลลึกอีกแวบหนึ่ง ลำแสงหลีกหนีของหานลี่ก็ปรากฏขึ้น หันหัวพุ่งไปทางทิศใต้


 


 


หลังจากผ่านไปชั่วครู่หานลี่ที่กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวพลันปรากฏขึ้นบนเทือกเขายักษ์สีเขียวขจีที่กว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา


 


 


ลำแสงหลีกหนีหม่นแสงลงที่ขอบของเทือกเขา ร่างของหานลี่ปรากฏขึ้น 

 

 

 


ตอนที่ 1404

 

 ทะเลหมอกสีดำ

 


 


 


มองจากที่ไกลๆ เทือกเขาเทือกนี้ล้วนเต็มไปด้วยยอดเขาสูงชัน ติดกันเป็นลูกๆ หนาแน่นจนไม่รู้ว่ามีมากเท่าไหร่


 


 


แม้ว่าจะยังไม่ได้เข้าไป แต่กลิ่นอายชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากในภูเขา ก็ทำให้หานลี่รู้สึกตกตะลึงไปส่วนหนึ่ง


 


 


ทว่าเช่นเดียวกันไอวิญญาณในเทือกเขานั้นมีมากกว่าด้านนอกเป็นอย่างมาก แค่จุดนี้ก็ไม่ได้ทำให้หานลี่ขบคิดอะไร พลันควบคุมลำแสงหลีกหนีอีกครั้ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปข้างใน


 


 


เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจ หานลี่ก็กดลำแสงหลีกหนีให้ต่ำลง และยิ่งไปกว่านั้นก็ลดระดับความเร็วลง แฉลบผ่านเนินเขาทีละลูกๆ ไป


 


 


เขาที่อยู่ในลำแสงหลีกหนีพลันแผ่จิตสัมผัสเข้าไปด้านในห่อหุ้มเอาไว้ในระยะสองสามลี้ ในเวลาเดียวกันสองตาก็ตรวจสอบรอบๆ ไม่หยุด


 


 


แค่บินเข้าไปในเทือกเขาได้พันกว่าลี้ สีหน้าตกตะลึงระคนดีใจของหานลี่ก็ไม่อาจปกปิดได้อีกครั้ง


 


 


ภายในเทือกเขาคาดไม่ถึงว่าทุกแห่งจะเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า แม้นว่าส่วนใหญ่จะเป็นแดนที่อันตราย และยิ่งไปกว่านั้นส่วนใหญ่ยังเป็นสมุนไพรวิญญาณระดับต่ำ แต่จำนวนมากขนาดนี้ ก็ทำให้หานลี่รู้สึกดีใจเกินคาด


 


 


ถึงอย่างไรเสียเขาก็แค่พุ่งผ่านไปอย่างเร็วๆ เท่านั้น หากพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว อาจจะได้ประโยชน์รับผลประโยชน์จากเทือกเขาแห่งนี้เป็นอย่างมาก


 


 


คิดดูแล้วสมุนไพรระดับสูงก็น่าจะมีปะปนอยู่ไม่น้อย


 


 


นอกจากสมุนไพรวิญญาณแล้ว ฝูงอสูรในภูเขาก็มีอยู่จำนวนมากเกินกว่าที่หานลี่คาดคิดเอาไว้


 


 


แม้กระทั่งหานลี่ก็มองเห็นฝูงอสูรกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดด้วยแววตาที่ประหลาดใจ


 


 


ตอนนั้นเขาบินแฉลบผ่านระหว่างภูเขายักษ์สองลูกที่ค่อนข้างเป็นที่ราบที่โอบล้อมด้วยภูเขา ฉับพลันนั้นเสียงร้องของวานรและเสียงคำรามของอสูรชั่วร้ายพลันดังขึ้นจากภูเขายักษ์ทั้งสองลูก


 


 


จากนั้นกลางภูเขายักษ์ลูกหนึ่งพลันมีวานรยักษ์ขนสีขาวสูงสองจั้งจำนวนมากปรากฏขึ้น ภายใต้การนำของวานรยักษ์ร่างสีทองเรืองรอง มือถือพวกไม้กระบอง และกระบองหินเอาไว้ กระโจนเข้าไปหาภูเขายักษ์อีกลูกหนึ่งที่อยู่ตรงข้าม


 


 


และกลางภูเขาอีกลูกหนึ่งก็มีอสูรหัววัวตัวเป็นสิงโตที่ดูโหดร้ายกรูกันออกมา ผู้นำกลับเป็นอสูรยักษ์ที่ร่างกายใหญ่โตกว่าพรรคพวกสองสามเท่า


 


 


ตรงกลางระหว่างทั้งสองเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างราบ กำลังยืนประจันหน้ากัน จิตสังหารแผ่ออกอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด


 


 


วานรยักษ์เหล่านั้นกระโดดไปมาดุจเหาะเหิน ร่างกายมีพลังมหาศาล ส่วนอสูรโหดเ**้ยมหัววัวนั้นก็มีเขี้ยวและกรงเล็บที่แหลมคม หนังหนา ทั้งสองต่างดูพัดฟัดพัดเหวี่ยงกัน


 


 


สิ่งที่ทำให้หานลี่รู้สึกสนใจก็คือ วานรที่เป็นผู้นำและอสูรโหดร้ายเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะมีบางส่วนที่เบิกเนตรแล้ว ตนหนึ่งยิงก้อนหินยักษ์ในมือ ตนหนึ่งพ่นลำแสงสีเหลือง ส่วนใหญ่ล้วนเป็นอสูรปีศาจระดับสามและสี่


 


 


วานรยักษ์ขนสีทองหนึ่งในนั้นอาศัยความว่องไวของร่างกายมาเป็นข้อได้เปรียบ แต่จ่าฝูงของอสูรโหดเ**้ยมหัววัวเองก็ไม่ได้แย่เท่าใดนัก


 


 


ดังนั้นหลังจากที่ฝูงอสูรทั้งสองเข่นฆ่ากันได้ครึ่งชั่วยามจนรู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว ในที่สุดจ่าฝูงทั้งสองก็เปล่งเสียงร้องคำรามยาวๆ ออกมา หมายความว่าหมายจะกลับไปยังยอดเขาของตนเอง


 


 


แค่ระหว่างยอดเขานั้นมีซากศพจากฝูงอสูรทั้งสองชนิดกองอยู่จำนวนมาก ดึงดูดความสนใจของวิหคประหลาดสองหัวที่ดูอัปลักษณ์ ให้มากัดกินซากศพเหล่านี้


 


 


หานลี่หลบซ่อนอยู่กลางอากาศสูง มองดูการต่อสู้ของฝูงอสูรอย่างออกรสชาติ เมื่อเห็นวานรยักษ์เหล่านั้นกำลังล่าถอย คาดไม่ถึงว่าจะมีวิธีเหมือนกับการสู้รบอย่างไรอย่างนั้น เขาพลันใจเต้นมีความคิดผุดขึ้นมาในหัว


 


 


นอกจากนี้แล้วขณะที่เข้าลึกเข้าไปในเทือกเขา แน่นอนว่าหานลี่ก็พบว่าอสูรประหลาดประเภทอื่นกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง บนยอดเขาสองสามลูกที่มีไอวิญญาณหนาแน่นที่สุด ดูเหมือนว่าจะมีแม้กระทั่งอสูรปีศาจระดับหกและเจ็ดหลบซ่อนตัวอยู่


 


 


หานลี่เองก็ขี้เกียจจะไปสนใจสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีอำนาจคุกคามเพียงพอ จึงแค่ขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีบินลึกเข้าไปในเทือกเขาไม่หยุด


 


 


เทือกเขาแห่งนี้กว้างใหญ่มากกว่าที่หานลี่คิดเอาไว้


 


 


บินไปได้สองเดือนเต็ม คาดไม่ถึงว่าเขาจะยังบินออกจากเทือกเขาแห่งนี้ไม่ได้


 


 


นี่จึงทำให้หานลี่รู้สึกประหลาดใจ


 


 


ขณะที่เขากำลังลังเลว่าจะย้อนกลับไปดีหรือไม่ กลับมีทะเลหมอกสีดำที่ไร้ขอบเขตปรากฏขึ้น ปกคลุมยอดเขายักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้


 


 


หานลี่หยุดลงห่างจากทะเลหมอกไปสองสามลี้ อาศัยความสามารถของเนตรวิญญาณวารีกระจ่าง มองดูสถานการณ์ในทะเลหมอกด้วยสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส


 


 


เขามองเห็นอย่างชัดเจนว่าตรงปลายของทะเลหมอกไม่มีต้นไม้ใบหญ้าเลยสักนิด แม้กระทั่งก้อนหินดินทรายบนพื้นก็ยังออกเป็นสีดำและแตกระแหงเป็นอย่างมาก


 


 


ภายใต้สถานการณ์ประหลาดเช่นนี้ แน่นอนว่าหานลี่จึงไม่ได้เสี่ยงบุกเข้าไป แต่ตะปบมือไปทางต้นไม้ที่หนาเท่าปากชามต้นหนึ่งด้านล่าง


 


 


ชั่วขณะนั้นพลันถอนต้นไม้ออกมา ถูกหานลี่ใช้มือหนึ่งตะปบลำต้นเอาไว้ในคราเดียว


 


 


รอบกายเปล่งลำแสงสีทองออกมา แขนข้างหนึ่งของหานลี่มีเกล็ดสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น โบกสะบัดอย่างรุนแรง


 


 


หลังจากที่เสียงแหวกอากาศดัง “สวบ” ดังสนั่นขึ้น ต้นไม้น้อยๆ ็พุ่งออกไปหาหมอกสีดำเป็นระยะทางสองสามลี้ราวกับลูกธนู


 


 


แววตาของหานลี่เปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ จ้องมองต้นไม้เล็กต้นนั้นโดยไม่ปริปากใดๆ


 


 


ฉากที่ทำให้เขาใจเต้นพลันปรากฏขึ้น


 


 


ชั่วพริบตาที่ต้นไม้น้อยๆ บินเข้าไปในหมอกสีดำ ต้นไม้ทั้งต้นก็เปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีเขียว ชั่วพริบตาก็เ**่ยวเฉากลายเป็นผุยผง


 


 


หานลี่มีสีหน้าดูไม่ได้เล็กน้อย


 


 


เขามองไปทางซ้ายทีขวาที หลังจากขบคิดชั่วครู่ ฉับพลันนั้นก็ควบคุมลำแสงหลีกหนีก็บินไปอีกด้าน


 


 


คาดไม่ถึงว่าเขาจะตัดสินใจบินไล่ตามขอบของทะเลหมอกไป ดูว่าจะเจอทางออกอะไรหรือไม่


 


 


หลังจากผ่านไปครึ่งวัน หานลี่พลันมาปรากฏตัวใกล้ๆ กับภูเขาขนาดย่อมที่อยู่ติดกับทะเลหมอก และภูเขาอีกด้านด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


 


 


ภูเขาลูกนี้สูงประมาณสองสามร้อยจั้ง แต่ที่อยู่ตรงข้ามกับหานลี่กลับแบนราบ ราวกับว่าถูกผู้ใดใช้ความสามารถตัดออกอย่างไรอย่างนั้น


 


 


และตรงด้านที่เรียบเกลี้ยงของภูเขา มีตัวอักษรสีแดงโลหิตขนาดสองสามจั้งสามตัวเขียนอยู่


 


 


ช่วงเวลาที่หานลี่อยู่ในเมืองเทวะสวรรค์นั้นได้เคยศึกษาตัวอักษรโบราณของเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจ รวมทั้งตัวอักษรของเผ่าประหลาดมาสองสามชนิด แต่ตัวอักษรประหลาดทั้งสามตัวนั้น กลับไม่จัดอยู่ในนั้น เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นตัวอักษรของเผ่าประหลาดเผ่าอื่นที่เผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจไม่เคยคบค้าสมาคมด้วย


 


 


แม้นว่าจะไม่เข้าใจความหมายของตัวอักษรเหล่านี้ แต่ตัวอักษรเหล่านี้ล้วนเป็นเส้นขีดดุจดาบ คาดไม่ถึงว่าจะให้ความรู้สึกถึงจิตสังหารที่รุนแรงต่อเขาเป็นอย่างมาก


 


 


เชื่อว่าหากเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่มีพลังยุทธ์ต่ำต้อย แค่มองตัวอักษรเหล่านี้ ก็น่าจะถูกบีบให้ล่าถอยออกไป ไม่อาจมองดูภูเขาด้านนี้ได้นานแน่


 


 


แน่นอนว่าจากความสามารถของหานลี่ในตอนนี้ แน่นอนว่าจึงไม่ได้สนใจจิตสังหารนี้ เมื่อมองดูอย่างละเอียดกลับพบว่าตัวอักษรเหล่านี้ดูเหมือนจะเก่าแก่มากแล้ว ภูเขาหินรอบๆ ก็ผุกร่อนไปไม่น้อย แม้แต่ตัวอักษรทั้งสามก็ยังรางเลือนไม่ชัดเจน


 


 


หานลี่ครุ่นคิดอยู่ที่เดิมเงียบๆ ชั่วครู่ เมื่อไล่ตามทะเลหมอกสีดำไปเบื้องหน้าอีกครั้ง ผลคือหลังจากผ่านไปสองสามวัน ในที่สุดก็บินออกจากเทือกเขาได้


 


 


แต่ไม่รอให้เขาได้รู้สึกดีใจ หลังจากมองเห็นสถานการณ์อย่างชัดเจนแล้ว ร่างทั้งร่างกลับตะลึงงัน


 


 


ที่นี่คือทะเลที่ติดกับทะเลทราย ไกลออกไปมีน้ำทะเลสีแดงสดที่กำลังปะทะเข้ามาชะล้างหินโสโครกไม่หยุด


 


 


หานลี่ลูบใต้คางยืนอยู่กลางอากาศ มองไปยังทะเลผืนนี้โดยไม่ปริปากใดๆ


 


 


หลังจากผ่านไปชั่วครู่ฉับพลันนั้นลำแสงหลีกหนีพลันปรากฏขึ้น กลายเป็นสายรุ้งสายหนึ่งบินกลับไปทางที่บินมา ตรงไปยังอีกด้านของทะเลหมอกสีดำ


 


 


ครั้งนี้หานลี่ใช้กำลังเต็มเหยียด หลังจากผ่านไปสิบกว่าวัน กลับมาปรากฏตัวบนเนินเขาที่ใกล้กับทะเลอีกแห่งหนึ่ง


 


 


ในที่สุดหานลี่ก็มั่นใจว่าตนเองน่าจะอยู่ในเกาะยักษ์แห่งหนึ่ง


 


 


เกาะยักษ์แห่งนี้น่าจะเป็นเกาะที่มีอยู่น้อยมาก และยิ่งไปกว่านั้นเกาะแห่งนี้น่าจะมีรูปทรงยาว ครึ่งหนึ่งคือที่เขาอยู่ อีกครึ่งหนึ่งกลับเป็นที่ที่ทะเลหมอกสีดำปกคลุมอยู่


 


 


เดิมทีหานลี่ยังคิดจะอ้อมทะเลหมอสีดำไป ดูว่าอีกด้านของเกาะคืออะไรกันแน่


 


 


ผลคือเขาอ้อมเกาะแห่งนี้ไปได้หนึ่งเดือน คาดไม่ถึงว่าจะไม่เห็นปลายทาง ในเกาะยังคงมีทะเลหมอกสีดำปกคลุม


 


 


หานลี่พลันรู้สึกตกตะลึง หันหัวกลับไปทางเดิมเอาเสียเลย


 


 


ดูแล้วเขาน่าจะอยู่ในคาบมหาสมุทรยักษ์ ไม่ใช่เกาะที่โดดเดี่ยวอะไร มิเช่นนั้นเกาะกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ คงกลายเป็นแผ่นดินที่เป็นเอกเทศแล้ว


 


 


ทว่าไม่ว่าที่นี่จะเป็นคาบสมุทรหรือว่าเกาะ ก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรสำหรับเขา


 


 


นอกจากทะเลหมอกสีดำที่แปลกประหลาดเหล่านั้นแล้ว สถานที่ที่เหลือบนเกาะก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งนัก ส่วนไอวิญญาณที่หนาแน่นมากในเทือกเขา ก็เป็นสถานที่ฝึกบำเพ็ญเพียรที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว


 


 


แต่เมื่อหานลี่นึกถึงสิ่งมีชีวิตระดับเดียวันที่ปรากฏตัวที่ชายหาดแล้ว คาดไม่ถึงว่าเกราะที่กว้างใหญ่ขนาดนี้จะไม่มีปีศาจที่แข็งแกร่งยึดครองอยู่ ช่างแปลกประหลาดจริงๆ


 


 


และยิ่งไปว่านั้นอสูรปีศาจแปลงกายระดับแปดอย่างปีศาจปลาหมึกตัวนั้น เมื่อเห็นเขาก็หันกายหนีโดยไม่สนสิ่งใด ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกกังขาในใจ


 


 


หานลี่ขบคิดอยู่นานก็ไม่อาจหาข้อสรุปอะไรได้ แต่เพื่อเป็นการป้องกัน ควรเตรียมเวลาหาว่าใกล้ๆ นี้มีเกาะอื่นๆ หรือมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งพอจะคุกคามเขาได้หรือไม่ก่อนจะดีกว่า


 


 


ดังนั้นหนึ่งเดือนที่เหลือ หานลี่จึงใช้ครึ่งหนึ่งของเกาะแห่งนี้เป็นศูนย์กลาง ตรวจสอบผิวน้ำทุกอย่างอย่างละเอียดในรัศมีแสนกว่าลี้


 


 


ผลคือนอกจากเกาะร้างสองสามเกาะที่ไม่มีมูลค่าแล้ว ก็ไม่พบสิ่งใดอีก


 


 


ก้นทะเลรอบๆ มีอสูรทะเลอยู่สองสามตัว แต่ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่ต่างอะไรกับปีศาจปลาหมึกที่เคยพบมากนัก และยังไม่เบิกเนตร จึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร


 


 


เช่นนั้นหานลี่จึงรู้สึกวางใจ กลับไปยังเทือกเขายักษ์ เตรียมฝึกบำเพ็ญเพียรที่นี่สักระยะแล้วค่อยว่ากัน


 


 


ภายใต้การคัดเลือกอย่างละเอียด เขาเลือกภูเขายักษ์ที่มีไอวิญญาณยอดเยี่ยมที่สุด ขุดเนินเขากว่าครึ่งให้กลายเป็นถ้ำพำนักขนาดยักษ์ หลังจากวางเขตอาคมเรียบร้อย ตนเองก็ย้ายเข้าไป


 


 


ถ้ำพำนักถ้ำนี้อยู่ใกล้กับขอบของเทือกเขา ห่างจากทะเลหมอกสีดำไปเป็นระยะทางประมาณสิบกว่าวัน แม้ว่าทะเลหมอกจะมีอันตรายอะไรจริงๆ ก็ไม่อาจสร้างผลกระทบอะไรให้เขาได้แน่


 


 


เพียงพอจะให้เขามีปฏิกิริยาตอบสนองและเตรียมตัวได้ทัน


 


 


หลังจากที่หานลี่นำสมุนไพรที่พกมาทั้งหมดปลูกลงไปในถ้ำพำนักแล้วคนก็เข้าไปในห้องลับทันที เริ่มสาละวนอยู่กับงาน


 


 


ชั่วขณะนั้นกำไลเก็บของบนข้อมือพลันพุ่งออกมาจากมือ หลังจากหมุนวนอยู่กลางอากาศ ลำแสงสีเขียวก็ม้วนออกมา ซากคางคกเที่ยงแท้ดวงตาสีเขียวมรกตตัวใหญ่สองตัวตัวเล็กเจ็ดตัวพลันปรากฏขึ้นบนพื้น แทบจะกินพื้นที่กว่าครึ่งของห้องลับเอาไว้


 


 


ซากศพทั้งหมดต่างมียันต์ประหลาดๆ หลากสีสันสองสามสายแปะอยู่ เพื่อไม่ให้รางของอสูรเน่าเปื่อย และทำให้ประสิทธิภาพของโลหิตวิญญาณลดลง


 


 


หานลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ชี้ไปที่กำไลเก็บของอีกครั้ง ขวดหยกสีขาวบริสุทธิ์ขวดหนึ่งปรากฏขึ้น


 


 


อีกมือหนึ่งพลันตะปบไปทางคางคกน้อยจากกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นคางคกตัวนั้นพลันลอยขึ้น


 


 


ร่ายนิ้วมือไปมาเบาๆ ลำแสงสีเขียวสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นบนซากของคางคกน้อยพลันมีไอกระบี่สายหนึ่งพุ่งทะลุผ่านเป็นรูเล็กๆ


 


 


หลังจากผ่านไปชั่วครู่ด้านในพลันมีของเหลวเหนียวๆ ไหลรินออกมา เปล่งแสงระยิบระยับ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสีเงินขาว

 

 

 


ตอนที่ 1405

 

 ฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก

 


 


 


ลำแสงสีขาวเปล่งประกาย ขวดหยกปรากฏขึ้นใต้รู ชั่วขณะนั้นของเหลวสีเงินพลันกลายเป็นเส้นสีเงินสายหนึ่งไหลเข้าสู่ปากขวด


 


 


ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น!


 


 


เมื่อของเหลวสีเงินไหลออกมา ร่างกายของคางคกน้อยก็แห้งเ**่ยวหดเล็กลงทันที


 


 


ของเหลวสีเงินที่ไหลออกมาจากซากศพไม่ถือว่ามากนัก แค่ชั่วครู่ก็ไหลออกมาจนเกลี้ยง ส่วนซากศพกลับเล็กลงไปกว่าครึ่ง


 


 


หานลี่เลิกคิ้วอ้าปากออก ชั่วขณะนั้นพลันพ่นลูกบอลเพลิงสีเงินออกมา โจมตีไปยังซากศพ


 


 


เสียง “ตูมๆ” ดังขึ้น คางคกน้อยกลายเป็นเถ้าถ่านหายวับไป


 


 


แต่หลังจากที่เปลวเพลิงสีเงินหายวับไป กลางอากาศกลับมีของเหลวขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารสีเงินแวววาวจำนวนมาก


 


 


คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะอาศัยพลังของพระจันทร์และอาทิตย์เที่ยงแท้ของเพลิงกลืนวิญญาณ หลอมโลหิตที่หลงเหลืออยู่ในร่างของคางคกน้อยออกมา


 


 


สะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมา


 


 


หลังจากลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ลำแสงก็ทำให้ของเหลวทั้งหมดรวมตัวกัน กลายเป็นกลุ่มกำปั้นสีเงิน จากนั้นก็ห่อหุ้มเอาไว้แล้วส่งเข้าไปในขวดหยด


 


 


โลหิตของคางคกเที่ยงแท้ หานลี่ไม่อาจเร่งการเจริญเติบโตออกมาได้ แน่นอนว่าจึงไม่ยอมสิ้นเปลืองไปแม้แต่หยดเดียว


 


 


เช่นนั้นหานลี่จึงจัดการเช่นเดียวกันกับซากคางคกเที่ยงแท้ตาสีเขียวมรกตทั้งหมดรอบหนึ่ง บรรจุโลหิตคางคกเที่ยงแท้ในตำนานลงไปในขวดหยดสองสามขวด


 


 


จากนั้นเขาถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง นับว่าสบายใจแล้ว


 


 


ครานี้ได้โลหิตคางคกเที่ยงแท้มาแล้ว เขาก็ไม่ได้รีบร้อนจะหลอมของเหลวคางคกเที่ยงแท้ แต่จำต้องฝึกบำเพ็ญเพียรให้ตนเองขึ้นไปอยู่ในชั้นยอดสุดของระดับขั้นกลางก่อน เพื่อทะลวงจุดคอขวดแล้วค่อยว่ากัน


 


 


จะว่าไปแล้วหนทางที่เขาเลือกการเป็นผู้ฝึกตนคู่บำเพ็ญเพียร ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ผิดจริงๆ


 


 


ภายใต้สถานการณ์ที่มีร่างกายอันแข็งแกร่งและมียาสมุนไพรจำนวนมากนัก สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ อาจจะต้องใช้เวลาสองสามร้อยปีถึงจะฝึกฝนจนไปถึงขั้นนั้นได้ แต่บางทีเขาอาจจะใช้เวลาแค่ร้อยปีหรือแม้กระทั่งยี่สิบสามสิบปีก็น่าจะไปถึงขั้นนั้นได้อย่างง่ายดาย ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือ การทะลวงจุดคอขวดนั้น เกรงว่าจะต้องใช้เวลามากสักหน่อย


 


 


ดังนั้นหลังจากที่หานลี่ปล่อยหุ่นเชิดวานรยักษ์สองสามตัวออกไปแล้ว ก็ลูบศีรษะปล่อยทารกวิญญาณตัวที่สองออกมา ให้เขารับหน้าที่ดูแลเรื่องทุกอย่างในถ้ำพำนัก ส่วนตัวเองก็เข้าไปกักตนในห้องลับ ตั้งใจฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ด้านใน


 


 


ภายใต้การมีสมุนไพรที่เพียงพอ ประกอบกับกินผลเกล็ดมังกรเข้าไปอย่างต่อเนื่อง และมีคาถาดับกระดูกที่น่าอัศจรรย์คอยช่วยเหลือ ลมปราณของหานลี่จึงหนาขึ้นเรื่อยๆ ความแข็งแกร่งก็กายภาพก็เปลี่ยนแปลงขึ้นไปตามเวลา


 


 


ช่วงเวลานี้นอกจากเขาจะฝึกเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์เที่ยงแท้อย่างหนักแล้ว ยังนำภูเขาเทวะดูดปราณ และห้ามารใจเดียวออกมาหลอมด้วยมือทั้งสองมือ และเริ่มหลอมกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาทั้งเจ็ดสิบสองเล่มตามคาถาร้อยชีพจรสมบัติ ให้เข้าไปในจุดอันตรายตามส่วนต่างๆ ของกระดูก


 


 


หากหลอมเคล็ดวิชาสำเร็จจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น แค่ประสานอานุภาพกับเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์เที่ยงแท้ พลังการป้องกันที่แข็งแกร่งก็อยู่ในขั้นที่น่าตกตะลึงแล้ว


 


 


เกรงว่าต่อให้ปะทะกับการโจมตีของผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตา ก็สามารถต้านทานได้ด้วยกายเนื้อเพียงลำพัง


 


 


แน่นอนว่านี่ไม่เหมือนกับการหลอมมือทั้งสองมือ กระดูกจุดต่างๆ ที่สำคัญของร่างกายนั้นซับซ้อนกว่ามาก ต้องเสียเวลานานขนาดไหนไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว


 


 


ดังนั้นประตูห้องลับที่หานลี่พำนักอยู่ จึงปิดสนิทมาโดยตลอด แค่ทุกๆ สองสามเดือน ทารกวิญญาณที่สองจะกลายเป็นเงาลวงตากลุ่มหนึ่งพุ่งจมหายเข้าไปในกำแพง เพื่อส่งสมุนไพรและผลวิญญาณให้กับหานลี่!


 


 


แต่ละเดือนและปีผ่านพ้นไป ชั่วพริบตาเวลาหกสิบปีก็ผ่านพ้นไป


 


 


วันนี้บนภูเขาเล็กๆ อีกลูกหนึ่งที่หางจากภูเขายักษ์ที่มีถ้ำพำนักของหานลี่ตั้งอยู่ไปสิบว่าลี้ ไอปีศาจสีดำเหลืองสองกลุ่มกะพริบเรืองๆ อยู่บนยอดเขา ด้านในมีเสียงพูดคุยดังขึ้น ดูเหมือนว่าจะมีปีศาจอะไรสักอย่างพูดคุยอะไรกันสักอย่างอยู่


 


 


ดวงตาสีเงินทั้งสองในไอสีดำพลันกะพริบปริบๆ ไม่หยุด ในไอสีเหลืองมีดวงตาข้างหนึ่งสีแดงสดเปล่งประกาย


 


 


คาดไม่ถึงว่าปีศาจทั้งสองจะมองเขตอาคมลวงตาด้านนอกถ้ำพำนักที่าหานลี่วางเอาไว้ก่อน จึงมองมาทางเขาไม่หยุด


 


 


ทว่าดูเหมือนว่าปีศาจทั้งสองจำรู้สึกหวาดกลัวถ้ำพำนักของหานลี่เป็นอย่างมาก จึงไม่ได้ลงมือในทันใด กลับปรึกษากันอยู่ไม่นานก็แยกย้ายไป


 


 


สามวันต่อมา เหนือถ้ำพำนักของหานลี่มีไอปีศาจสองสามกลุ่มรวมตัวกันอยู่อีกครั้ง ครั้งนี้ปีศาจเหล่านี้ไม่อำพรางกายแล้ว กลับมีพายุปีศาจปรากฏขึ้นอย่างเปิดเผย บนพื้นดินมีอสูรและแมลงประหลาดนานาชนิดนับพันตัวปรากฏขึ้น รวมตัวกันอยู่ตรงนั้นอย่างดุดัน คาดไม่ถึงว่าจะโจมตีถ้ำพำนักของหานลี่อย่างเปิดเผย


 


 


ปีศาจสองสามตัวปรากฏขึ้นกลางอากาศ ล้วนมีรูปร่างประหลาดๆ ตัวหนึ่งคืองูเหลือมยักษ์หลายดอกไม้สามหัว หัวทั้งสามใหญ่หัวหนึ่งเล็กสองหัว ท่าทางดุดัน อีกตัวหนึ่งคือหมูป่ายักษ์ขนาดเจ็ดจั้ง เขี้ยวยักษ์คู่หนึ่งเปล่งแสงสีเงินระยิบระยับ คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนสร้างขึ้นจากเงินบริสุทธิ์อย่างไรอย่างนั้น ปีศาจสองตัวสุดท้าย กลับคล้ายคลึงกับจ่าฝูงปีศาจสองตัวที่หานลี่เคยเห็นในการต่อสู้ของฝูงอสูร วานรยักษ์เรือนกายสีทองสูงสองสามจั้ง มือหนึ่งถือสามง่ามยักษ์สีดำเอาไว้ อีกตัวหนึ่งคืออสูรประหลาดขนาดจิ๋วหัวเป็นวัวตัวเป็นสิงโต มีขนาดตัวแค่สองสามฉื่อ แต่เรือนกายเป็นสีเขียวมรกต ราวกับรูปปั้นแกะสลักสีเขียวมรกตอย่างไรอย่างนั้น


 


 


หากหานลี่อยู่ที่นี่แน่นอนว่ามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่า ปีศาจเหล่านี้ล้วนเป็นอสูรปีศาจระดับหกหรือเจ็ดที่เคยสัมผัสได้ในเทือกเขาบริเวณนี้


 


 


และในบรรดาอสูรปีศาจเหล่านั้น อสูรหัววัวที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในระดับอสูรปีศาจระดับเจ็ด อีกก้าวเดียวก็จัดอยู่ในระดับอสูรปีศาจแปลงกายแล้ว


 


 


และไม่รู้ว่าอสูรปีศาจเหล่านี้มารวมตัวกันด้วยเหตุใด คาดไม่ถึงว่าจะมาโจมตีถ้ำพำนักของเขา


 


 


แต่แม้นว่าหานลี่จะกักตนอยู่จึงไม่รู้เรื่องที่ภายนอกนั้น แต่จากเขตอาคมของผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงที่เขาวางเอาไว้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะอาศัยแค่พลังของอสูรปีศาจระดับกลางก็ทำลายลงได้


 


 


ฝูงอสูรและแมลงทั้งหมดถูกกระตุ้นโดยปีศาจสองสามตัวที่อยู่กลางอากาศ พยายามทะลวงเขตอาคมลวงตาชั้นนอกสุดเข้ามาอย่างดุดัน และสัมผัสกับเขตอาคมป้องกันที่หานลี่วางเอาไว้ทันที


 


 


เห็นเพียงเบื้องหน้ามีลำแสงสีเขียวเจิดจ้า ทันใดนั้นพายุพลันก่อตัวขึ้น หินดินทรายปลิวว่อน หินผาขนาดยักษ์สองสามร้อยก้อนปลิวว่อนท่ามกลางพายุ หลังจากเกิดเสียงตูมๆ ดังสนั่นขึ้น ชั่วขณะนั้นก็ทุบอสูรที่โหดเ**้ยมฝูงหนึ่งจนเละ


 


 


ชั่วขณะนั้นฝูงอสูรพลันเกิดความวุ่นวายขึ้น บางพวกเกิดรู้สึกเสียใจในภายหลังพลางหนีเตลิดไปเสียเลย


 


 


แต่ปีศาจหัววัวที่อยู่กลางอากาศเห็นเช่นนั้น พลันอ้าปากออก เปล่งเสียงร้องแหลมๆ ออกมา ฝูงอสูรที่อยู่ด้านล่างได้ยินพลันแข้งขาอ่อนแรง ร่างกายสั่นเทา ปีศาจที่เหลืออีกสามตนเองก็ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันเช่นกัน เปล่งเสียงขู่คำรามออกมา


 


 


ภายใต้ความจนปัญญานั้นฝูงอสูรก็หันหัวกลับ ทำได้เพียงพุ่งไปหาลำแสงสีเขียวที่อยู่ตรงข้ามอีกครั้งอย่างใจดีสู้เสือ


 


 


ผลคือหลังจากที่เกิดพายุขึ้นอีกครั้ง ด้านในก็ไม่มีหินยักษ์บินออกมาอีก กลับเป็นมีดวายุสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนที่เปล่งเสียงร้องแหลมๆ พุ่งผ่านอากาศมา มันหนาแน่นเสียจนไม่อาบหลบหลีกได้


 


 


ชั่วขณะนั้นอสูรปีศาจสองสามพันตัว ก็ร้องโหยหวน ทยอยกันไม่หัวหันหนี ร่างกายก็ถูกสับออกเป็นเจ็ดแปดส่วน รอจนวายุลูกนั้นหยุดพัดอีกครั้ง อสูรที่ยังเหลือรอดอยู่ก็มีอยู่ไม่ถึงสองสามร้อยแล้ว ส่วนอสูรป่าเหล่านั้นแม้นว่าจะเบิกเนตรแล้ว แต่ก็ตกใจจนขวัญกระเจิง แม้กระทั่งยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม ทยอยกันถอยร่นกลับไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้


 


 


ปีศาจสองสามคนที่อยู่เหนือหัวเห็นเช่นนั้น ก็อดที่จะมองสบตากันไปมาไม่ได้


 


 


ปีศาจหัววัวตัวนั้นอ้าปากออก เปล่งเสียงไพเราะของสตรีออกมาอย่างชัดเจน แต่กลับไม่ใช่คำพูดของเผ่ามนุษย์หรือเผ่าปีศาจใดๆ


 


 


ปีศาจสามตัวที่เหลือเองก็กำลังสนทนาด้วยภาษาเดียวกัน


 


 


หลังจากผ่านไปชั่วครู่พวกมันก็ดูเหมือนว่าจะปรึกษากันเสร็จแล้ว ทันใดนั้นอสูรปีศาจทั้งสี่ตัวก็ไม่สนเหล่าอสูรที่ออกวิ่งหนีอีก แต่ละคนพลันมีวายุปีศาจพัดลงมา แต่พลันผนึกรวมตัวกันระหว่างทาง กลายเป็นพายเฮอร์ริเคนสีดำ พุ่งตรงไปหาถ้ำพำนักของหานลี่ที่อยู่ด้านล่างอย่างรุนแรง


 


 


คาดไม่ถึงว่าปีศาจเหล่านี้หมายจะอาศัยพลังมหาศาลทลายเขตอาคมที่หานลี่วางเอาไว้


 


 


หากอสูรปีศาจเหล่านี้มีพลังในระดับแปดขึ้นไป ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่พลังระดับหกและเจ็ดนั้น จะไปทำอะไรเขตอาคมของผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงของหานลี่ได้


 


 


ทันใดนั้นลำแสงที่อยู่เบื้องหน้าถ้ำพำนักพลันเปลี่ยนสี กลายเป็นห้าสี หมุนวนกระโจนเข้ามาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด


 


 


ผลคือเมื่อพายุเฮอร์ริเคนสีดำปะทะกับลำแสงห้าสี ขณะที่พัวพันตัดสลับกันไปมานั้น ก็ถูกบดจนละเอียดในทันที


 


 


ชั่วขณะนั้นพายุเฮอร์ริเคนพลันกระจายออก ปีศาจสี่หัวทยอยกันกระโจนออกมาในทันใด และรวมตัวกันกลางอากาศมองไปทางด้านล่างอีกครั้ง แต่ละตนล้วนเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา


 


 


แม้นว่าพวกมันจะไม่ได้ปะทะกับลำแสงห้าสีตรงๆ แต่กลิ่นอายความน่ากลัวที่แฝงอยู่ในใจ ก็ทำให้ปีศาจสองสามตนอกสั่นขวัญแขวน


 


 


ทันใดนั้นพวกมันก็ปรึกษากันด้วยเสียงแผ่วเบาอีกสองสามประโยค แล้วกลายเป็นพายุปีศาจสี่กลุ่ม ทยอยกันแยกย้ายจากไป


 


 


หลังจากนั้นเบื้องหน้าถ้ำพำนักของหานลี่ไม่เพียงจะไม่มีปีศาจตนใดเฉียดเข้าใกล้ แม้กระทั่งในทุกตารางนิ้วในรัศมีวงกลมร้อยลี้ ก็ไม่มีแม้แต่วิหคอสูรตนใดสักตัว…


 


 


ตั้งแต่ต้นจนจบประตูถ้ำพำนักของหานลี่ยังคงปิดอยู่ ไม่มีท่าทีจะเปิดออกเลยสักนิด


 


 


วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาก็ผ่านไปแล้วสามสิบปีเศษ


 


 


ฉับพลันนั้นเสียงกู่ร้องยาวๆ ดุจมังกรพลันดังออกมาจากประตูห้องลับ ทันใดนั้นเสียงดังสนั่นก็ดังขึ้น ประตูห้องลับระเบิดออก


 


 


มองจากด้านนอก กลางอากาศในห้องลับมีลำแสงสีทองเจิดจ้าอยู่ดวงหนึ่ง หานลี่นั่งสมาธิอยู่ตรงกลาง แผ่นหลังมีเงาสีทองลวงตาสามหัวหกแขนปรากฏออกมา


 


 


เงาลวงตานี้ก็อยู่ในลำแสงสีทองด้วย ใบหน้ายังคงรางเลือน แต่ชัดเจนกว่าก่อนหน้าเป็นอย่างมาก และนั่งขัดสมาธิอยู่เหมือนกับหานลี่อย่างไรอย่างนั้น ในเวลาเดียวกันแขนทั้งหกก็ร่ายอาคมไปมา


 


 


ฉับพลันนั้นหานลี่และเงาสีทองพลันสั่นเทาพร้อมกัน ลวดลายสีทองเป็นชั้นๆ ทะลักออกมาจากลำแสง กวาดไปทั่วทั้งกำแพงของห้องลับ ชั่วขณะนั้นลำแสงห้าสีพลันเปล่งประกาย ห้องลับเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ทันใดนั้นลำแสงพลันพลิ้วไหวไปมาไม่หยุด


 


 


หานลี่ที่อยู่ในลำแสงสีทองเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา เหงื่อเท่าเมล็ดข้าวผุดขึ้นเต็มหน้าผาก ลำแสงสีทองขนาดยักษ์สั่นเทาไม่หยุด แม้แต่เงาลวงตาสีทองที่แผ่นหลัง ก็ยังสั่นเทาเลือนรางไม่ชัดเจน


 


 


เสียง “ครืน” ดังขึ้น ลำแสงสีทองมีรอยแยกยาวๆ สายหนึ่งปรากฏขึ้นที่ตรงกลางราวกับกระจก และสิ่งที่ได้รับผลกระทบจากมัน ก็คือสามหัวหกแขนสีทอง พลันแตกออกเป็นเสี่ยงในชั่วพริบตา หายวับไปจากกลางอากาศ


 


 


หานลี่กลับถอนหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง ใบหน้าเจ็บปวดสลายหายไป ทั้งห้องลับกลืนคืนสู่ความเงียบสงบ


 


 


หลังจากผ่านไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ในที่สุดหานลี่ก็เบิกตาทั้งสองข้างขึ้น แต่มุมปากกลับเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา 

 

 

 


ตอนที่ 1406

 

 เผ่าวิหคสวรรค์กับการบวงสรวง

 


 


 


“ทะลวงจุดคอขวดล้มเหลวเป็นครั้งที่สามแล้ว ดูแล้วแค่อาศัยการฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก คงไม่อาจทะลวงจุดคอขวดได้ในระยะเวลาสั้นๆ มีเพียงต้องหาหนทางอื่นแล้ว” หานลี่เอ่ยพึมพำกับตัวเอง ทันใดนั้นก็พลิกฝ่ามือ สิ่งที่มีมีลายหงส์เพลิงสีดำปรากฎขึ้น


 


 


นั่นก็คือขวดขวดสีเงินที่บรรจุยาลูกกลอนเพลิงทมิฬเอาไว้สามเม็ด


 


 


แม้นว่ายาลูกกลอนเพลิงทมิฬจะเลื่องเชื่อว่าเป็นยาลูกกลอนที่ดีที่สุดในทะลวงจุดคอขวดของระดับเทพแปลงขั้นปลาย แต่จากประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งของมันแล้ว จึงนำมาใช้กับผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงขั้นกลางได้ แต่แค่อานุภาพจะมากเกินไปสักหน่อย หากผู้บำเพ็ญเพียรที่มีพลังยุทธ์ไม่ถึงหรือว่ากายเนื้ออ่อนแอกินเข้าไป กลับจะทำให้ถูกเพลิงหงส์ทมิฬที่แฝงอยู่ในตัวยาเผาไหม้จนตาย


 


 


หานลี่มีกายเป็นเพลิงกลืนวิญญาณ ประกอบกับเป็นผู้ฝึกตนคู่บำเพ็ญเพียร แน่นอนว่าจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ หลังจากกินเข้าไปแล้ว ก็ช่วยให้เขาทะลวงจุดคอขวดได้


 


 


แต่เช่นนั้นการพัฒนาขึ้นไปอยู่ระดับหลอมสูญ หากขาดยาลูกกลอนเพลิงทมิฬไปเม็ดหนึ่ง อัตราการทะลวงจุดคอขวดก็ลดลงไปไม่น้อยแล้ว


 


 


ถึงอย่างไรเสียยาลูกกลอนเพลิงทมิฬระดับนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่ายๆ การทะลวงจุดคอขวดขั้นกลางของเขา เป็นปัญหาที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว มีผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนนับไม่ถ้วนที่ติดอยู่ในระดับเทพแปลงขั้นกลางไปชั่วชีวิต จากจำนวนผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสูญที่น้อยกว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงนั้น ก็ทำให้รู้ว่าการพัฒนาระดับของมันยากขนาดไหน ดังนั้นเมื่อทะลวงจุดคอขวด แน่นอนว่ายิ่งมียาลูกกลอนช่วยมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น


 


 


เมื่อขบคิดซ้ำๆ ในใจอยู่นาน มุมปากของหานลี่ก็เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา แล้วเก็บขวดยาในมือเข้าไปในกำไลเก็บของ


 


 


ทว่าหานลี่เองก็ไม่ได้คิดจะกักตนต่อ หยัดกายลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้องลับ


 


 


ด้านนอกห้องลับ ไม่รู้ว่าหุ่นเชิดวานรยักษ์รออยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้


 


 


หานลี่พลันขมวดคิ้ว ไม่ทันได้พูดอะไร หุ่นเชิดกลับสาวเท้ายาวๆ ออกมาข้างหน้า สองมือประสานเข้าด้วยกันส่งของที่เหมือนกับไม้กระบองสีเหลืองอ่อน ด้านบนมีลวดลายสีเขียวเข้มที่เป็นเอกลักษณ์มาให้ นั่นก็คือผลสวรรค์ทมิฬ


 


 


           หานลี่เห็นเจ้าสิ่งนี้ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น


 


 


           มือหนึ่งตะปบออกไปดูดของสิ่งนั้นเข้ามาอยู่ในมือ ในเวลาเดียวกันลำแสงสีฟ้าพลันเปล่งแสงสว่างวาบ เข้ามาอยู่ในครรลองสายตาของเขา


 


 


           ผลคือลำแสงขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองที่อยู่ด้านในในครานี้มีขนาดเท่าหัวมือมือแล้ว


 


 


           หานลี่ชั่งน้ำหนักสมบัติชิ้นนั้นในมือ ในใจอดที่จะรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้


 


 


           ข้อมูลของผลสวรรค์ทมิฬ หานลี่ได้ค้นคว้าอย่างละเอียดในร้านคัมภีร์โบราณของเมืองเทวะสวรรค์มาแล้วรอบหนึ่ง


 


 


           แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ ไม่ว่าคัมภีร์จะมีเก่าแก่ขนาดไหน ก็ไม่เอ่ยถึงสิ่งนี้เลยสักนิด หากไม่ใช่เพราะเขาเคยได้ข้อมูลเกี่ยวกับเถาวัลย์เซียนทมิฬมาแล้วตอนที่อยู่ในแดนมนุษย์ เกรงว่าแม้แต่ผลสวรรค์ทมิฬคือสิ่งใด ก็คงไม่อาจรู้ได้


 


 


           ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ในเมื่อผลสวรรค์ทมิฬมีพลังแห่งกฎเกณฑ์สะสมอยู่ แน่นอนว่าจึงเป็นสมบัติขั้นสุดยอด


 


 


           แน่นอนว่าหานลี่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน


 


 


           หลังจากที่บรรจุพลังลมปรารเข้าไปในผลสวรรค์ทมิฬแต่ไร้ผลอีกครั้ง หานลี่ก็ใช้นิ้วลูบไปบนเจ้าสิ่งนั้น เผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา


 


 


           สองสามปีที่ผ่านมา เขาแทบจะหยดของเหลวสีเขียวมรกตลึกลับลงไปในผลนี้มาโดยตลอด นอกจากลำแสงสีขาวที่สว่างขึ้นเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่เห็นว่าเจ้าสิ่งนี้จะมีความพิเศษอะไรอีก


 


 


           แม้นไม่รู้ว่าใส่ของเหลวต่อไป ผลนี้จะมีประโยชน์ต่อเขาจริงๆ หรือไม่ แต่ตอนนี้ก็มีเพียงต้องทำต่อไปเท่านั้น


 


 


           หลังจากที่เก็บผลสวรรค์ทมิฬเข้าไปอย่างระมัดระวังแล้ว หานลี่ก็ไปดูในสวนสมุนไพรอีกเล็กน้อย


 


 


           เห็นเพียงในสวนสมุนไพรผลเห็ดมังกรและสมุนไพรอื่นๆ ที่ปลูกไว้เริ่มโตเต็มวัยแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นยังถูกหุ่นเชิดเก็บรวบรวมไว้ในกำไลเก็บของอีกวงอยู่ชุดหนึ่ง


 


 


           แน่นอนว่าหานลี่พลันรู้สึกดีใจ ทันใดนั้นก็ย้ายผลวิญญาณเหล่านี้ไปในกำไลเก็บของที่ตนเองสวมอยู่ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น หานลี่ก็ใช้มือหนึ่งกวักเรียกหุ่นเชิดที่อยู่อยู่ข้างกายมาโดยตลอด


 


 


           ชั่วขณะนั้นทารกวิญญาณที่สองพลันบินออกมาจากร่างของหุ่นเชิดวานรยักษ์ หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งก็จมหายเข้าไปในร่าง


 


 


           หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะได้รับข่าวสารอะไรสักอย่าง หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ก็ตบไปที่ท้ายทอย ปล่อยทารกวิญญาณที่สองกลับไปที่หุ่นเชิดอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา


 


 


           “เป็นแค่ปีศาจระดับกลางสองสามตนยังกล้ามาหาเรื่องข้าถึงที่ ดูแล้วคงมีผู้ช่วยแน่”​


 


 


เอ่ยจบหานลี่ก็สาวเท้ายาวๆ ตรงไปยังห้องโถงในถ้ำพำนัก


 


 


เขตอาคมขนาดยักษ์และแท่นสูงๆ ราวกับแท่นบูชาปรากฎอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ตรงตาอาคมบนแท่นสูงๆ มีจานอาคมแปดเหลี่ยมตั้งอยู่!


 


 


หานลี่เองก็มิได้พูดมาก ชูมือขึ้นร่ายอาคมสองสามสายไปทางเขตอาคม


 


 


หลังจากเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น เขตอาคมทั้งเขตก็เปล่งแสงสีขาวสว่างจ้า จากนั้นจานอาคมแปดเหลี่ยมที่อยู่ท่ามกลางลำแสงสีขาวก็มีม่านลำแสงสีเงินชั้นหนึ่งปรากฎขึ้น ด้านบนมีดวงไฟสีขาวกระพริบระยิบระยับ แทบจะกินพื้นที่ทั้งหมดของม่านลำแสงไป


 


 


ในเวลาเดียวกันที่หานลี่สร้างถ้ำพำนักแห่งนี้ คาดไม่ถึงว่าจะวางไข่มุกหมื่นมังกรจำนวนมากไว้รอบๆ ถ้ำพำนักในระยะสองสามร้อยลี้


 


 


ครานี้สายตาของเขากวาดไปบนม่านลำแสง และพบจุดลำแสงสีดำสองสามจุดที่กำลังกระพริบวาบๆ อยู่ห่างออกไปยี่สิบลี้เศษในทันที


 


 


สองมือของหานลี่พลันร่ายอาคม รอบกายเปล่งแสงสีเขียวสว่างจ้า กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไปจากห้องโถง หลังจากกระพริบวาบ ก็สลายหายไปจากประตูของถ้ำพำนัก


 


 


ระยะห่างแค่นี้จากความเร็วที่น่าเหลือเชื่อของหานลี่ ก็แทบจะมาถึงเป้าหมายได้ในพริบตา


 


 


ตรงนั้นมีมังกรยักษ์ลายดอกไม้สามหัวอยู่ตนหนึ่ง อสูรน้อยสีเขียวมรกตหัวเป็นวัวตัวเป็นสิงโตอีกตนหนึ่ง และเงาลำแสงสีเทาจางๆ สายหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศต่ำๆ กำลังปรึกษาอะไรกันสักอย่างอยู่


 


 


หลังจากที่หานลี่เปล่งแสงสว่างจ้า ปรากฎกายขึ้นกลางอากาศแล้ว ปีศาจสามตนที่อยู่ด้านล่างก็มิได้มีปฏิกิริยาเชื่องช้า กลายเป็นวายุปีศาจสองกลุ่ม ลำแสงสีเทาสายหนึ่งแตกฮือไป


 


 


แต่เมื่อหานลี่แค่นเสียงอย่างเย็นชา เส้นสีแดงสามสายก็พุ่งออกมาจากแขนเสื้อ หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบก็หายวับไป มาปรากฎอยู่ด้านหลังวายุปีศาจและลำแสงสีเทา ลำแสงสีแดงสว่างจ้า พันรัดปีศาจและลำแสงทั้งสามเอาไว้แน่นจนไม่อาจขยับกายได้เลยสักนิด


 


 


หานลี่สะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง ดึงเส้นไหมสีแดงสามสายกลับมา ปีศาจทั้งสามถูกดึงให้มาอยู่เบื้องหน้า


 


 


อสูรน้อยหัววัวและงูเหลือมยักษ์ต่างเผยสีหน้าหวาดผวาออกมา ปีศาจตนเดียวที่อยู่ในลำแสงสีเทากลับเอ่ยปากพูดภาษาอะไรสักอย่างออกมา


 


 


แม้นว่าสำเนียงจะแปลกประหลาด หานลี่จึงฟังไม่ออกเลยสักนิด แต่ฟังจากน้ำเสียงกลับดูเหมือนว่าจะมีเจตนาคุกคาม


 


 


หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร แค่กวักมือกลางอากาศไปทางปีศาจที่อยู่ในลำแสงสีเทาเท่านั้น


 


 


ลำแสงห้าสีที่งดงามพุ่งออกไป


 


 


ลำแสงสีเทาที่ปกป้องปีศาจถูกลำแสงห้าสีกระทบเข้า ก็ละลายออกในชั่วพริบตาราวกับหิมะ


 


 


           ส่วนตัวของปีศาจเองพลันเปล่งเสียง “สวบ” ดังขึ้น ถูกหานลี่ดูดเข้ามาอยู่ในมือ นิ้วทั้งห้ากดไปที่ส่วนหัวของมัน


 


 


           เดิมทีปีศาจตนนี้มีขนาดความยาวแค่ครึ่งจั้ง เกล็ดสีทองรอบกายเปล่งแสงระยิบระยับ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นปีศาจปลาที่มีแขนขาสี่ข้างงอกออกมาจากท้อง หัวของปีศาจปลาตนนี้มีแม้กระทั่งใบหน้าของมนุษย์ผู้ชาย แน่นอนว่าจึงทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกซู่


 


 


           หานลี่ไม่เคยพบปีศาจอะไรมาก่อน แม้นว่าปีศาจปลาระดับหกเบื้องหน้าจะน่ากลัว แต่แน่นอนว่าไม่มีทางทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีใดๆ ได้


 


 


           เห็นเพียงมือที่กดไปบนหัวของปีศาจตนนั้นของเขาเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ  


 


 


           ชั่วขณะนั้นปีศาจตนนั้นพลันร้องครวญครางออกมา ร่างกายสั่นเทาสองสามครั้ง แล้วร่างกายพลันแข็งทื่อเป็นลมสลบไป


 


 


           คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะสำแดงเคล็ดวิชาคนวิญญาณ เริ่มค้นหาสิ่งที่ตนเองต้องการในจิตสัมผัสของปีศาจตนนี้


 


 


           งูเหลือมสามหัวและอสูรน้อยหัววัวที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์นี้ พลันตกใจจนร่างกายสั่นเทา แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว


 


 


           จากความสามารถของหานลี่ในตอนนี้ การค้นวิญญาณอสูรปีศาจระดับหกตนหนึ่ง แน่นอนว่าจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดาย แค่เวลาเพียงหนึ่งกาน้ำชาก็ค้นหาทุกสิ่งในหัวของปีศาจตนนี้อย่างละเอียด


 


 


           “เผ่าวิหคสวรรค์ บวงสรวง องค์เป่ากวง” รอจนตัวหนังสือในประโยคปรากฎขึ้นในสมองของหานลี่แล้ว ก็ทำให้เขาตกตะลึง ทันใดนั้นลำแสงสีทองพลันหม่นแสงลง นิ้วทั้งห้าคลายออกในทันที


 


 


           ชั่วขณะนั้นปีศาจปลาพลันตกลงมาจากกลางอากาศ!


 


 


           และครู่ต่อมาเส้นไหมสีแดงที่มัดปีศาจตนนี้อยู่พลันขยายใหญ่ขึ้น ชั่วครู่ก็กลายเป็นโซ่เพลิงหนาๆ เส้นหนึ่ง จากนั้นก็หมุนวน เปลวเพลิงสีแดงสดกลุ่มหนึ่งพลันห่อหุ้มปีศาจตนนี้เอาไว้ ชั่วพริบตาก็หายวับไป


 


 


           โซ่เพลิงเปล่งแสงสว่างวาบกลายเป็นเส้นไหมสีแดงสายหนึ่ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในแขนเสื้อของหานลี่


 


 


           หานลี่เพิ่งจะหันหน้าไป สายตาพลันตกไปอยู่บนร่างของปีศาจที่เหลืออีกสองตน ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก


 


 


           “พวกเจ้าช่างโอหังไม่น้อย เพียงเพื่อดอกกระดิ่งพฤกษาถึงกับวางแผนกับถ้ำพำนักข้า?” หลังจากที่เขาเงียบกริบไปชั่วครู่ ก็เอ่ยปากออก คาดไม่ถึงว่าจะเอ่ยภาษาของเผ่าประหลาดออกมา


 


 


           จากการค้นวิญญาณไม่เพียงจะเข้าใจภาษาของเผ่าประหลาด และยังเข้าใจว่าเหตุใดอสูรปีศาจระดับกลางเหล่านี้ถึงสนใจถ้ำพำนักของตนเองอยู่หลายครั้ง


 


 


           “ไม่มีดอกกระดิ่งพฤกษา กลุ่มผู้ฝึกตนในระดับเดียวกันอย่างพวกเราในภูเขาเฮยอิ่นก็ไม่อาจรวบรวมของบวงสรวงได้ คงถูกเผ่าวิหคสวรรค์ขูดรีด และถูกสลายสติปัญญาอีกครั้ง ต่อให้รู้ว่านายท่านมีความสามารถขนาดไหน ก็จำใจต้องลองดูสักครั้ง” อสูรน้อยหัววัวเผยสติปัญญาที่สูงส่งออกมา มันเอ่ยปากตอบเขา


 


 


           “ดอกกระดิ่งพฤกษา เจ้าหมายถึงสมุนไพรชนิดนี้สินะ!” หานลี่หัวเราะหึๆ ออกมา มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ ในมือมีดอกเล็กๆ สีม่วงดอกหนึ่งปรากฎขึ้น ภายนอกดูคล้ายกระดิ่ง กลิ่นหอมโชยออกมาเป็นระลอกๆ


 


 


           “ใช่แล้วเจ้าสิ่งนี้แหล่ะ แม้นว่าเทือกเขาเฮยอิ่นของพวกเราจะมีภูเขาวิญญาณอยู่ไม่น้อย แต่ดอกนี้ปรากฎในภูเขาที่ถ้ำพำนักของนายท่านตั้งอยู่” อสูรน้อยหัววัวจ้องเขม็งไปยังของที่อยู่ในมือของหานลี่อยู่นาน แล้วถึงได้เอ่ยพร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่น


 


 


           “ดอกนี้มีไอวิญญาณอยู่ไม่มากนัก ไม่อาจนำไปปรุงยาลูกกลอนอะไรได้ แต่กลับจัดอยู่ในอันดับแรกๆ ในบรรดาของบวงสรวงพันปีของพวกเจ้า ช่างแปลกประหลาดเสียจริง หากไม่มีมัน พวกเจ้าอาจจะถูกเผ่าวิหคสวรรค์ลงโทษอย่างเฉียบขาด ทว่าพวกเจ้าเพิ่งจะเจออสูรมังกรทะเลที่เพิ่งจะบรรลุระดับเทพแปลงสักตน ก็คิดว่าโจมตีถ้ำพำนักของข้าได้ มันโอหังเกินไปหน่อยกระมัง จุ๊ๆ นำแมลงผลึกกระดูกทองสิบคู่มาเป็นรางวัลก็พอจะยอมเสียทุนได้ ทว่าจากที่ข้ารู้ครึ่งผลึกครึ่งแมลงเหล่านี้มักจะซ่อนตัวอยู่ในหินแร่ล้ำค่าใต้ดิน หายากมาก ต่อให้พบหากถูกจับก็จะตายลงทันที กลายเป็นผลึกศิลาก้อนหนึ่ง พวกเจ้าจับแมลงผลึกกระดูกทองที่ยังเป็นๆ ได้อย่างไร” หานลี่ลูบใต้คาง หลังจากที่แววตาเปล่งประกาย ดูเหมือนว่าจะเอ่ยถามอีกครั้งอย่างตามอำเภอใจ


 


 


           “เรื่องนี้บอกนายท่านสักหน่อยก็ไม่เป็นไร ตอนนั้นหลังจากที่ที่นี่ถูกคนของเผ่าวิหคสวรรค์พบเข้า ในเทือกเขาเฮยอิ่นนั่นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้ที่มีพลังยุทธ์ลึกล้ำมากกว่าพวกเรา แต่พวกมันต่างถูกสามอาวุโสของเผ่าวิหคสวรรค์จกำจัดไปจนเกลี้ยง ที่พวกเราที่เหลืออยู่ได้รับอนุญาตให้ฝึกบำเพ็ญเพียรต่อ แน่นอนว่าเป็นเพราะพวกเรามีพรสวรรค์วิเศษ เมื่อร่วมมือกันก็สามารถรวบรวมของบวงสรวงทั้งหมดที่พวกมันต้องการได้ มิเช่นนั้นไหนเลยจะมีชีวิตอยู่จนมาถึงทุกวันนี้!” ฉับพลันนั้นอสูรน้อยหัววัวพลันเปล่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)