ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1398-1417

 ตอนที่ 1398 แผนการต่อสู้ครั้งใหญ่ของฉิวฉิว


คุณชายฉิวมองเรือนร่างแสนอัปลักษณ์ของหนูทะเลทรายสีดำตัวเมียที่ตะเกียกตะกายไปมาต่อหน้าตัวเอง แถมยังส่งสายตายั่วยวนใส่เขาอีกหลายทีก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้ รีบหลับตาท่องบทสวดเพื่อขับไล่ความรู้สึกสะอิดสะเอียนออกไป


ไม่นานเขาก็ระเบิดอารมณ์…


ฉิวฉิวตะปบกรงเล็บลงไปจนหัวของหนูทะเลทรายตัวเมียหน้าไม่อายแบนยุบก่อนจะถลึงตาดวงตาเม็ดเท่าถั่วดำด้วยความโกรธเคืองส่งเสียงร้องโอดครวญยาวเป็นพรวน


“ฉันเป็นหนูที่กินไม่เลือกแบบนี้เหรอ?”


“ของแบบนี้ยังมีหน้าบอกว่าสวยอีกเหรอ?”


“ทำไมนายไม่เลือกเมียเป็นคนผิวดำล่ะ?”


“อย่างน้อยฉันก็เป็นสัตว์ระดับเทวะ หนูทะเลทรายต่ำช้าแบบนี้คู่ควรกับฉันเหรอ?”


“โกรธจะบ้าตายอยู่แล้ว ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด!”


……


ฉิวฉิวโกรธจนยืดตัวตรงพลางเอาขาคู่หลังยันตัวไว้โดยใช้กรงเล็บด้านหน้าตบหัวเหยียนหมิงซุ่นหลายที ทำคุณชายฉิวอย่างเขาโกรธแทบแย่ ของชั้นต่ำแบบนี้มีแต่จะทำให้หนูมีระดับอย่างเขาแปดเปื้อน!


เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองหนูตัวเมียที่ตายอย่างอนาถในมือแวบหนึ่งแล้วรู้สึกถึงแรงตะปบจากหัวเลยท่องบทสวดในใจเพื่อสงบสติอารมณ์


ทนไว้…


ยังต้องหวังพึ่งน้ำจากเจ้าหนูบ้านี่อีก!


จะล่วงเกินเขาไม่ได้!


ของที่กินได้ในทะเลทรายมีไม่น้อย งูพิษ กิ้งก่า หนูทะเลทรายเป็นต้นที่ล้วนจับมากินได้ทั้งหมด แต่แหล่งน้ำกลับหายากนัก หากไม่ใช่เพราะฉิวฉิวมีช่องมิติเก็บของอยู่ เหยียนหมิงซุ่นยังพอทนได้แต่ฉาฉาอาจยากจะเอาตัวรอดได้


ครั้งนี้ที่สามารถหนีเข้าทะเลทรายได้อย่างราบรื่นเจ้าฉาฉาตัวน้อยเองก็ออกแรงไม่น้อยทีเดียว พิษของเขามีฤทธิ์รุนแรงสามารถล้มคนนับสิบในพริบตา เสียชีวิตภายในหนึ่งนาทีสั้น ๆจนไม่ทันช่วยชีวิตด้วยซ้ำ


แน่นอนว่าเจ้ากระรอกบ้านี่เก่งยิ่งกว่า เจ้าสองตัวนี่เคลื่อนไหวรวดเร็วปานสายฟ้าอย่างน่าแปลกล้มศัตรูได้มากกว่าเขาหลายเท่า ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่หนีออกมาได้อย่างราบรื่นขนาดนี้ ไม่แน่อาจเจ็บตัวหรือถึงขั้นถูกจับกุมตัวไปแล้ว


ในเมื่ออีกฝ่ายส่งกองทัพมาเชียวนะ!


เหยียนหมิงซุ่นสูดหายใจเข้าเฮือกใหณ่ไม่สนใจใด ๆอีก กระทั่งถึงช่วงเวลากลางคืน หนูบางตัวกลับยังส่งเสียงร้องโวยวายไม่หยุด เขาใช้มีดสั้นถลกหนังของหนูออกแล้วก่อไฟเตรียมปิ้งหนูทาน ลำพังหนูทะเลทรายตัวนี้ก็หนักห้าร้อยกรัมกว่าแล้ว เนื้อน่าจะไม่น้อย


คุณชายฉิวโวยวายอยู่พักใหญ่เห็นเหยียนหมิงซุ่นไม่มีปฏิกิริยาใด ๆเลยอดรู้สึกหวาดผวาไม่ได้ แต่ไม่นานเขาก็กลับมายืดอกหลังตรงเหมือนเดิม


น้ำอยู่ที่มันนะจะกลัวไปไย?


กลิ่นหอมฉุยของเนื้อลอยเตะจมูกเขาทำเอาฉิวฉิวอดกลืนน้ำลายไม่ได้ แม้ช็อกโกแลตจะอร่อยแต่กินทุกวันก็มีเลี่ยนกันบ้าง บางทีก็จำเป็นต้องกินเนื้อย่างบ้างสิ!


หนูตัวดำต่ำช้าตัวนั้นหน้าตาอัปลักษณ์แต่เนื้อพอใช้ได้นะเนี่ย!


ฉาฉาได้กลิ่นหอมของเนื้อก็มุดออกจากแขนเสื้อเหยียนหมิงซุ่น แลบลิ้นสีแดงสองแฉกออกพลางจ้องเนื้อบนฟืนเขม็ง


เหยียนหมิงซุ่นชอบงูตัวเล็กนุ่มนิ่มน่ารักตัวนี้มาก มันให้ความรู้สึกเหมือนเหมยเหมยที่ทั้งเป็นเด็กดีและเชื่อฟัง ดีกว่าเจ้าหนูบ้านั่นร้อยเท่า


“อร่อยไหม?” เหยียนหมิงซุ่นฉีกเนื้อหนึ่งชิ้นป้อนฉาฉา


ฉาฉากลืนลงท้องอย่างรวดเร็วแล้วพยักหน้าระรัว อย่างอดไม่ได้พร้อมทั้งหันไปทางฉิวฉิว “พี่ฉิว เนื้ออร่อยมาก!”


ดวงตาเท่าเม็ดถั่วดำของฉิวฉิวกลอกตาไปมา ฉาฉามีรสนิยมการกินพอ ๆกับเขา หากอีกฝ่ายบอกว่าอร่อยก็ไม่มีทางจะไม่อร่อยแน่นอน พอเห็นเหยียนหมิงซุ่นไม่มีท่าทีจะป้อนเขาสักนิดฉิวฉิวก็ได้แต่ลูบหนวดไปมา ไม่ได้เข้าไปแย่งเนื้อกินแต่อย่างใด


เขาสู้แรงนายผู้ชายไม่ได้สักหน่อย แย่งก็แย่งไม่ได้!


เหยียนหมิงซุ่นใช้หางตาคอยจับสังเกตอยู่ เห็นเขาใช้มือลูบจับหนวดไปมา กระรอกที่เผยสีหน้าครุ่นคิดเหมือนมนุษย์และทำหน้าเคร่งขรึมกลับให้ความรู้สึกตลกแปลก ๆ เลยโบกมือเรียกเจ้ากระรอกมากินด้วยกัน


อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้ใหญ่ แล้วจะคิดเล็กคิดน้อยกับเจ้ากระรอกตัวน้อยไปทำไม?


ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ากระรอกตัวนี้เป็นสัตว์สุดรักสุดหวงของภรรยาเขาเชียว หากปล่อยให้หิวเหมยเหมยจะต้องงดซุป ‘เนื้อ’ เขาสามเดือนแหง!


………………………..


ตอนที่ 1399 คนของเขาย่อมต้องคอยปกป้อง


ไม่รอให้เหยียนหมิงซุ่นโบกมือเรียก คุณชายฉิวก็กระโดดลงไปกะทันหันเอามือแตะสัมผัสผืนทรายที่ยังไม่คลายร้อนอย่างสวยงามก่อนจะเด้งตัวขึ้นเหมือนติดสปริงด้วยท่วงท่าที่แสนเร้าใจ


ในสถานที่แบบนี้ต่อให้วันหน้าจะมีกระรอกตัวเมียสุดสวยจริง ๆ คุณชายฉิวอย่างเขาก็…


อืม…ถ้ามีกระรอกตัวเมียแสนสวยจริง ๆ จะมาสักครั้งก็ไม่เป็นไร!


เหยียนหมิงซุ่นมองฉิวฉิวที่กระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความแปลกใจ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตาเดียว เจ้ากระรอกบ้านั่นไปทำอะไร?


จะฉี่ก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งไปไกลขนาดนี้หรือเปล่า?


เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่สนใจเขา แม้เจ้ากระรอกตัวนี้จะน่ารำคาญไปสักหน่อยแต่กลับมีวิทยายุทธ์สุดล้ำที่แม้แต่งูหางกระดิ่งในทะเลทรายยังทำอะไรเขาไม่ได้ เขาปิ้งหนูต่อไปเรื่อย ๆอย่างสบายใจ เนื้อส่งกลิ่นหอมฉุยมาเรื่อย ๆ น้ำมันหยดใส่กองไฟเป็นพัก ๆก่อให้เกิดสะเก็ดไฟสีฟ้า ฉาฉาได้แต่แลบลิ้นสีแดงสองแฉกด้วยความหิวโหย


“โอเค เรามากินข้าวมื้อเย็นได้แล้ว!”


เหยียนหมิงซุ่นทานไปป้อนฉาฉาไปแถมยังเหลือเนื้อชิ้นหนึ่งไว้ให้ฉิวฉิว ไม่นานหนูทะเลทรายหนึ่งตัวก็ถูกพวกเขาหนึ่งคนสองตัวแบ่งจัดสรรปันส่วนเรียบร้อย เหยียนหมิงซุ่นจุ๊ปากชื่นชม ไม่คิดว่าหนูหน้าตาอัปลักษณ์แบบนี้รสชาติกลับดีเกินคาด สดใหม่ยิ่งกว่าเนื้อแกะอีก


หรือว่าเดี๋ยวไปล่ามากินอีกหลาย ๆตัวดี?


“ตุ๊บ”


เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งเกิดความคิดนี้ขึ้นมาจู่ ๆเจ้าหนูทะเลทรายตัวดำหนึ่งพรวนก็หล่นตุบตกลงมาตรงหน้าเขา แต่ละตัวอวบอ้วนที่แค่ดูสภาพการตายของพวกมันก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือใคร!


ฉิวฉิวชี้ไปที่ผลงานของเขาอย่างได้ใจทั้งชี้ไปที่กองไฟอีกทีร้องเสียงจี๊ด ๆ จากนั้นก็ลงมือทานเนื้อที่เหยียนหมิงซุ่นเหลือไว้ให้เขาอย่างไม่เกรงใจอีกต่อไป


เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้ม นี่ไปจับหนูทะเลทรายแถมยังพังรังของเขามาอีกหรือเนี่ย!


เขาจัดการอย่างคล่องมือ เริ่มปิ้งทีละตัว ๆ หนึ่งคน ทั้งสามก็อิ่มแปล้ไปหนึ่งมื้อ


เหยียนหมิงซุ่นไปเก็บฟืนแห้งอีกหน่อยเตรียมค้างคืนที่นี่แล้วค่อยตามหาทางออกต่อในวันพรุ่งนี้ เขาเดินอยู่ในทะเลทรายมาสามวันแล้ว หากไม่ออกไปอีกเกรงว่าทางประเทศจะคิดว่าเขาตายไปแล้ว อีกอย่างถ้าเหมยเหมยรู้เข้ายายเด็กโง่คนนี้ต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่เลย!


นั่งล้อมกองไฟที่มอบความอบอุ่น เหยียนหมิงซุ่นฉิวฉิวและฉาฉาต่างแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว พาลนึกถึงฮว่าเซี่ย…


ฉิวฉิว ‘ก่อนมาที่นี่เพิ่งจีบกระรอกตัวอ้วนแสนสวยตัวหนึ่งได้ จนตอนนี้ยังไม่ได้กลับไปเลย หวังว่าจะไม่โดนกระรอกตัวผู้ตัวอื่นตัดหน้าไปนะ’


ฉาฉา ‘อยากกลับไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้านาย ที่นี่ร้อนเกินไป ฉันทนไม่ไหวแล้ว!’


เหยียนหมิงซุ่น ‘ยายเด็กโง่ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่นะ? อยู่ในค่ายทหารทนไหวไหม? คนที่เขาส่งตัวไปน่าจะรู้ความหมายแล้วสินะ?’


……


พวกเหมยเหมยกำลังยืนอยู่ใต้แสงแดดร้อนจ้า ชุดฝึกทหารเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อและดวงตาพร่ามัวเพราะหยาดเหงื่อไหลย้อยจนแทบลืมตาไม่ขึ้น


ทุกคนต่างมีใบหน้าซีดเซียว โดยทั่วไปนักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับศิลปะมักมีฐานะทางบ้านไม่แย่นัก ต่อให้เป็นเด็กจากชนบทก็มาจากครอบครัวที่ฐานะทางบ้านไม่ย่ำแย่ ณ ตอนนี้ยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์มาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว นักศึกษาทุกคนชักจะเริ่มทนไม่ไหวแล้ว


“สองแขนชิดกัน”


“ยืดอกตัวตรง”


“ยืนตรง…ห้ามพักขา!”


ครูฝึกวัยรุ่นสุดเข้มงวดเดินมาข้างนักศึกษาชายคนหนึ่งแล้วเตะขาใส่ทีหนึ่งจนนักศึกษาชายคนนั้นรีบยืนตรงด้วยความตกใจ น้ำตาคลอเบ้าสีหน้าขมขื่นยิ่งกว่าอะไร


นักศึกษาคนอื่นๆ เห็นเข้าก็ล้มเลิกความคิดสนุก ๆแอบยืดตัวตรงไปตาม ๆกัน พวกเขาไม่อยากโดนครูฝึกเตะต่อหน้าคนมากมายแบบนี้หรอกนะ!


อับอายขายขี้หน้าชะมัด!


เหมยเหมยเองก็รู้สึกปวดขามากราวกับฝ่าเท้าโดนตะปูตำ สองขาเหมือนไม่ใช่ขาของตัวเองแต่เธอยังกัดฟันทนต่อไป หากความลำบากแค่นี้ยังทนไม่ได้ วันหลังเฮ่อเหลียนชิงต้องบอกว่าเธอไม่คู่ควรเป็นภรรยาของพี่หมิงซุ่น!


เฮ่อเหลียนชิงกอดต้าหวงที่อ้วนจนแทบไม่เห็นกรงเล็บพลางถามอย่างไม่ใส่ใจ “ยัยบ้านั่นเป็นอย่างไรบ้าง? มีไหวพริบดีมั้ย? ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง?”


เสี่ยวเมิ่ง “สบายใจได้ครับ หมิงซุ่นสั่งกำชับมาโดยเฉพาะ ไหวพริบดีเลิศ ไม่มีทางทำให้เหมยเหมยลำบากแน่นอน!”


เฮ่อเหลียนชิงยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วลูบต้าหวงไปมาไม่หยุด ต่อให้เขาจะไม่ชอบใจยัยบ้านั่นสักเท่าไร แต่อยู่ข้างนอกก็ถือว่าเป็นคนของเขาย่อมต้องดูแลเป็นพิเศษสิ!


ตอนที่ 1400 ระดับความยากสูงเกินไป


ครูฝึกวัยรุ่นที่แสนจะ ‘ไหวพริบดี’ จากปากเสี่ยวเมิ่ง ณ เวลานี้กำลังมองเหมยเหมยที่แสนดื้อรั้นอย่างจนใจ


เขาจำคนรักสุดรักสุดหวงของลูกพี่ตัวเองได้ตั้งแต่เช้าแล้ว จากคุณสมบัติของเขาไม่จำเป็นต้องมาฝึกนักศึกษาเลยสักนิด แต่เพื่อคนรักของลูกพี่ตัวเขาเลยรับภารกิจอันทรงเกียรตินี้ไว้


“อย่าให้ว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ลำบากแม้แต่น้อย ห้ามให้เหนื่อยแม้แต่นิดเดียว เข้าใจไหม?”


ก่อนมาที่นี่รองกัปตันได้ย้ำเตือนเขาโดยเฉพาะซึ่งแน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมาย ก็ต้องการให้ว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่กินดีอยู่ดีนี่นา!


ง่ายมาก


แต่ตอนนี้เขากลับไม่คิดว่ามันง่ายอีกต่อไป!


ทำไมว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ปริเสียงออกมาสักแอะ?


หากปริเสียงสักนิดหรือตัวโงนเงนสักหน่อย เขาจะให้คนพาไปส่งที่ห้องพยาบาลเลย!


ครูฝึกมองเหมยเหมยที่ยืนตัวตรงยิ่งกว่าเพื่อนผู้ชายเลยลอบชื่นชมอยู่ในใจ สมแล้วที่เป็นคนรักของลูกพี่ ศักยภาพด้านกายภาพและความยืดหยุ่นมันช่างน่าเหลือเชื่อ แต่สิ่งที่มีมากกว่านั้นคือความเครียด หากภารกิจไม่สำเร็จล่ะจะทำอย่างไรดี?


รองกัปตันจะต้องเอาไม้ท่อนใหญ่ไล่ทุบเขาแน่!


‘ตุบ’


เป็นครั้งแรกที่สีอันน่าหน้าซีดยิ่งกว่ากระดาษโดยไม่ต้องพึ่งพาแป้งฝุ่น เธอเป็นลมล้มไปกองกับพื้นเป็นคนแรกอย่างมีเกียรติ ครูฝึกเดินเข้าไปหาพลางกดบางจุดตรงข้อแขนพับของสีอันน่าแต่กลับไร้ปฏิกิริยาจึงงให้อาสาสมัครระดับสูงที่ยืนคอยอยู่ด้านข้างหามสีอันน่าไปพักในที่ร่ม


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองสีอันน่าที่นอนพักใต้ต้นสีเขียวอย่างนึกอิจฉาแวบหนึ่ง เพียงชั่วครู่ก็ล้มลงไปกองกับพื้นเสียงดังอีกคนแล้วรีบหลับตาแน่นปี๋


ครูฝึกเดินเข้าไปหากดอีกที เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกเพียงเสมือนมีไฟแล่นพ่านไปทั้งตัว ความรู้สึกปวดเมื่อยทำให้เธอกระเด้งตัวลุกทันควันในสภาพที่ดูแข็งแรงดี


“จงใจทุจริต เพิ่มเวลายืนอีกครึ่งชั่วโมง!” เสียงครูฝึกเย็นยะเยือกแทรกเข้ากระดูกทุกคน


ทุกคนตัวสั่นเทาอย่างพร้อมเพรียง เหล่านักศึกษาที่คิดจะเลียนแบบเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบล้มเลิกความคิดทันที คอยยืนตัวตรงตามคำสั่ง


ณ เวลานี้พวกเขาเกลียดร่างกายที่สุขภาพดีของตนยิ่งนัก ในเวลาคับขันแบบนี้ทำไมถึงไม่เจ็บป่วยเลยนะ?


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหน้ามืดแทบกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว บวกเพิ่งอีกครึ่งชั่วโมงแล้วขาของเธอยังจะมีความรู้สึกอยู่อีกไหม?


ให้ตายสิ ครูฝึกคนนี้ทำไมไม่รู้จักทะนุถนอมผู้หญิงบ้างเลย!


จากนั้นสวีจื่อเซวียนเองก็ ‘เสียสละ’ ล้มลงไปอย่างมีเกียรติ หลังจากผ่านการตรวจสอบของครูฝึกแล้วจึงถูกหามไปอยู่ใต้ร่มเงาอีกคน ไม่นานก็มีผู้ชายสองคนเป็นลมตาม ๆกัน ทำเอาอาสาสมัครระดับสูงเหนื่อยจนหอบเพราะเดินหามไปมา


เหมยเหมยกลับยังยืนนิ่งตระหง่านเหมือนเดิมแม้หมวกจะเปียกชุ่ม ไม่มีฉาฉาคอยปรับอุณหภูมิเธอเองก็เริ่มร้อนแทบทนไม่ไหว ทั้งสองขายิ่งให้ความรู้สึกเหมือนใกล้จะหักแล้ว


เจิ้งเสวี่ยซานเองก็เป็นลมไปอีกคน เนื่องจากเหล่าอาสาสมัครยุ่งเกินไปเลยไม่ทันวิ่งกลับมา ครูฝึกที่กำลังอับจนหนทางตาวาววับรีบชี้ไปที่เหมยเหมยแล้วออกคำสั่งเสียงดัง “เธอพาตัวเพื่อนผู้หญิงคนนี้ไปตรงนั้น”


เหมยเหมยชะงักแล้วตอบรับก่อนพยุงเจิ้งเสวี่ยซานไปอยู่ใต้ร่มไม้


ครูฝึกแอบยิ้มร่าในใจ เขาช่างฉลาดเสียจริง ใต้ต้นไม้ร่มเย็นว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องรีบกลับมาถือโอกาสพักสักหน่อย!


แต่ว่า–


เหมยเหมยวางเจิ้งเสวี่ยซานลงแล้ววิ่งเหยาะกลับมารายงานด้วยเสียงดังให้ครูฝึกที่ยังได้ใจไม่เลิก “รายงานครูฝึก ส่งตัวเรียบร้อยแล้วค่ะ”


ครูฝึกสะดุ้งโหยงพลางมองเหมยเหมยด้วยสีหน้าเรียบนิ่งก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “กลับแถว!”


“รับทราบ!”


เหมยเหมยรีบเดินกลับเข้าแถวเดิมแล้วยืนท่าทหารต่อ หลังตั้งตรงเหมือนเด็กหัวดื้อไม่มีผิด


ครูฝึกกลับสบถหยาบอยู่ในใจ ว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ทำไมถึงซื่อสัตย์ขนาดนี้นะ?


เธอแอบอู้หรือโกงกันสักหน่อยจะเป็นไรไป?


นี่เขาให้โอกาสที่ดีขนาดนี้แล้ว!


รองกัปตันเอ๋ย ระดับความยากของภารกิจนี้ไม่ธรรมดาแล้ว!


จะทำอย่างไรดีล่ะ?


………………………..


ตอนที่ 1401 สายตาไม่พอใจ


การเข้าค่ายฝึกทหารเพิ่งผ่านไปได้เพียงสามวันทุกคนก็มีสภาพราวกับตกขุมนรกชั้นสิบแปด แต่ละคนผิวถลอกเป็นชั้น วัน ๆ ดื่มน้ำปริมาณนับไม่ถ้วนแต่กลับไม่ต้องเข้าห้องน้ำ เสื้อผ้าด้านหลังเต็มไปด้วยเกร็ดสีขาว—เกลือสังเคราะห์


ทุกคนในล้วนผิวไหม้เกรียมไม่ว่าจะชายหรือหญิง เหมยเหมยเองก็ผิวคล้ำขึ้นบ้างแต่เพราะเธอมีผิวขาวดุจหิมะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คล้ำขึ้นเล็กน้อยเห็นไม่ชัดเจนนักดูอย่างไรก็ยังขาวมากอยู่ดี ทำให้พวกสีอันน่าต่างพากันอิจฉาเหลือเกิน


สีอันน่าโมโหแทบตาย พกเครื่องสำอางมาเป็นกองแต่ผลสุดท้ายยังลืมครีมกันแดดที่สำคัญที่สุดไป เธอจึงไปขอยืมจากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างหน้าด้าน ๆ แต่ยายอ้วนนี่กลับบอกว่าตัวหล่อนเองยังไม่พอใช้เลย


เธอผู้น่าสงสารตากแดดมาสามวันจนหน้าลอก แค้นใจเหลือเกิน!


“จ้าวเหมยทำไมเธอถึงไม่ดำขึ้นเลยล่ะ? ขนาดไม่ทาครีมกันแดดด้วยซ้ำ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอิจฉาอย่างหาที่เทียบไม่ได้พลางแทะหมั่นโถวอย่างอ่อนแรง วันนี้ยืนท่าทหารไปมากกว่าปกติครึ่งชั่วโมงจนสองขาของเธอแทบหักจนไร้ความรู้สึกอยากอาหาร โดยเฉพาะหลังจากเห็นก้อนเนื้อติดมันท่ามกลางเส้นบะหมี่ก็ยิ่งพะอืดพะอมจวนอยากอาเจียน


ให้ตายสิหมาที่บ้านเธอยังกินดีกว่านี้เสียอีก!


เหมยเหมยยื่นแขนตัวเองออกมาแล้วยิ้มกล่าว “ไม่ดำขึ้นตรงไหนล่ะ เธอดูสีช่วงบนกับช่วงล่างสีต่างกันชัดเจนเลย”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเหลือบมองช่วงแขนที่สีต่างกันตามที่ว่านั่นอย่างปวดใจ ต่อให้เธอมีค่าสายตาที่ 2.5 ก็ไม่เห็นความแตกต่างอะไรมาก พอเห็นแขนอวบของตัวเองที่ใกล้คล้ำเหมือนสีอันน่าก็ยิ่งปวดใจกว่าเดิม


พอเกิดการเปรียบเทียบแล้วมันช่างน่าโมโหเสียจริง ให้ตายเถอะ!


สวยกว่าเธอขาวกว่าเธอมีความสามารถมากกว่าเธอแล้วยังมีพื้นเพครอบครัวดีกว่าเธอ…ดีกว่าเธอไปเสียทุกอย่าง ชีวิตอย่างจ้าวเหมยมีไว้ทำลายความมั่นใจคนอื่นชัด ๆ!


ฟ้าไม่มีตา ทำไมถึงให้เธอมาอยู่ห้องเดียวกับจ้าวเหมยกันนะ?


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นเนื้อติดมันเหล่านี้ก็ยิ่งหงุดหงิดใจจึงโยนตะเกียบทิ้ง “ไม่กินแล้ว นี่ใช่อาหารสำหรับคนหรือเปล่าเนี่ย!”


ยังดีที่เธอพกขนมขบเคี้ยวมาถุงใหญ่ที่ไม่ทานข้าวก็ไม่หิวตาย ทว่า–


“ทานกับข้าวที่เหลือนี้ให้หมดอย่าให้เหลือ ในค่ายห้ามกินทิ้งกินขว้าง!” ประโยคที่เย็นยะเยือกยิ่งกว่าใบมีดดังแว่วมาเรียกให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสะท้านเฮือกหันกลับไปช้า ๆก็เห็นครูฝึกหน้าเย็นชาของตนเลยแอบโอดครวญในใจ


ให้ตายเถอะทำไมครูฝึกต้องมาเพ่งเล็งเธอด้วย?


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้ว่าลำพังแขนสู้ต้นขายังไม่ได้ หากปะทะกับครูฝึกตัวต่อตัวมีแต่ตนที่จะเสียเปรียบเลยจำใจต้องนั่งลงด้วยใบหน้าขมขื่น หยิบหมั่นโถวที่ยิ่งกว่ายาพิษมาทานด้วยความคับแค้นใจ


ครูฝึกกระตุกปากยิ้มแล้วมองไปทางเหมยเหมยที่นั่งทานข้าวอย่างเรียบร้อยแวบหนึ่ง ตักเพียงหมั่นโถวหนึ่งลูกกับบะหมี่ผักกาดขาวหนึ่งถ้วยโดยไม่ตักเมนูเนื้อเลยสักนิด พลันใจกระตุกวูบอย่างอดไม่ได้ ว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่กินแย่ขนาดนี้นับว่าเป็นความผิดของเขาฐานละเลยหน้าที่!


“เข้าค่ายฝึกทหารจะเสียแรงมากฉะนั้นควรกินเนื้อและผักอย่างเหมาะสม กินแต่ผักไม่ได้” ครูฝึกเอ่ยเสียงเย็น


เหมยเหมยยังไม่รู้ตัวว่าครูฝึกกำลังหมายถึงตน ฉีฉีเก๋อเป็นคนประสาทสัมผัสว่องไวเรื่องกินอยู่แล้วเลยกวาดตามองโต๊ะอาหารของพวกเธอรอบหนึ่งเลยพบว่าเหมยเหมยตักแต่เมนูผักมาจึงกระทุ้งศอกใส่เธอ พลางพูดเสียงเบา “ครูฝึกว่าเธอว่ากินแต่ผักมากเกินไป!”


“…อา…”


เหมยเหมยถึงเข้าใจถึงจิตวิญญาณของครูฝึกเลยลุกยืนยืดอกตัวตรงตอบกลับ “รายงานครูฝึก เพราะฉันไม่กินเนื้อติดมัน เพื่อไม่ให้เป็นการสิ้นเปลืองเลยไม่ได้ตักเมนูเนื้อมาค่ะ”


เมนูกับข้าวในค่ายทหารไม่ถือว่าแย่นักมีทั้งเนื้อมีทั้งผัก ทั้งบะหมี่และหมั่นโถว บอกตามตรงไม่แย่แล้ว นักศึกษาที่ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีนักต่างพากันทานอย่างเอร็ดอร่อยเพราะที่บ้านพวกเขาอาจไม่ได้ทานกับข้าวดี ๆแบบนี้เสียด้วยซ้ำ!


แต่ปัญหาคือเมนูเนื้อพวกนี้มีแต่เนื้อติดมันขาว ๆ เหมยเหมยแค่เห็นก็อิ่มแล้วไหนเลยจะทานลงได้ จึงตัดสินใจตักแต่เมนูผัก เพื่อไม่ให้กินเหลือแล้วโดนครูฝึกตำหนิ


ครูฝึกพูดเองเออเองในใจ ‘ขอร้องกินเหลือบ้างก็ได้ ต่อให้เขาเห็นก็รับรองได้ว่าจะหลับตาปี๋เลย!’


เหมยเหมยนึกสงสัยเล็กน้อย เมื่อสักครู่เหมือนเธอรู้สึกได้ว่าสายตาของครูฝึกดูไม่พอใจหน่อย ๆ?


หรือว่าเธอดูผิดไป?


ตอนที่ 1402 พ่อครัวแสนเมตตา


ครูฝึกกัดฟันเดินไปตรงเคาน์เตอร์โรงอาหารพลางนึกขุ่นใจต่อฝ่ายจัดซื้อวัตถุดิบของโรงอาหารเหลือเกิน ไม่รู้หรืออย่างไรว่าว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ในอนาคตของเขาไม่ชอบทานเนื้อติดมัน?


ซื้อเนื้อไร้มันหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร?


หากว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ผอมลงเพราะอดอยาก รองกัปตันจะไม่เอาไม้หน้าสามทุบเขาหรือ?


ครูฝึกแทะหมั่นโถวสามลูกบวกเนื้อหมูตุ๋นวุ้นเส้นหนึ่งถ้วยใหญ่พลางทานเนื้อติดมันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ไม่ชอบทานเนื้อติดมัน?


ไม่นานครูฝึกที่แสนจะไหวพริบดีก็คิดหาทางแก้ได้ จึงอมยิ้มอย่างเลศนัยเดินตรงไปหลังครัวของโรงอาหาร


วันรุ่งขึ้นรอไปทานข้าวที่โรงอาหารถึงคราวเหมยเหมยที่ตอนแรกเธอแค่อยากตักเมนูผัดเส้นมันฝรั่ง แต่พอนึกถึงสายตาไม่พอใจของครูฝึกเมื่อวานนี้เลยเปลี่ยนใจให้คุณลุงที่ตักกับข้าวช่วยเพิ่มเมนูหมูตุ๋นน้ำแดง เมนูของวันนี้คือหมูตุ๋นน้ำแดง


ความหวังดีของครูฝึก เธออย่าทำลายมันเลยดีกว่า!


“คุณลุงคะ ไม่ต้องเอาเนื้อมากเท่าไหร่ ให้แค่สองสามชิ้นก็พอค่ะ” เหมยเหมยพูดเสียงเบา


ต่อให้เป็นหมูตุ่นน้ำแดงก็ต้องเป็นเนื้อติดมันเสียส่วนใหญ่แน่ ๆ หากมากไปเธอคงกลืนไม่ลงแหง


คุณลุงเป็นพ่อครัวหลักของโรงอาหาร เขาเหลือบมองเหมยเหมยแวบหนึ่งก็ตื่นเต้นเสียจนเกือบทำช้อนหลุดมือ โอ้แม่เจ้า ในที่สุดคุณผู้หญิงก็มาได้สักที!


นี่เขาจ้องมองทุกคนแทบทะลุอยู่แล้ว!


เมื่อวานเขาโดนตัวกาลกิณีนั่นจับมาเทศน์อย่างลึกซึ้งจนจำฝังใจ!


“สองสามชิ้นได้ไง วัยรุ่นเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต ต้องทานเนื้อเยอะ ๆหน่อย วางใจได้ หมูตุ๋นน้ำแดงที่ฉันทำวันนี้รับรองว่าอร่อยเหาะ!”


พ่อครัวกวาดตามองรอบ ๆด้วยไหวพริบ พอเห็นว่านักศึกษาอื่นไม่ทันสังเกตเลยรีบตักหมูส่วนไร้มันแล้วตักผัดเส้นมันฝรั่งราดทับอีกชั้น ท่วงท่ารวดเร็วปานสายฟ้าให้สมชื่อพ่อครัวหลักของค่ายทหาร


หมูตุ๋นน้ำแดงถ้วยนี้เขาเตรียมมันไว้โดยเฉพาะ หากไม่อร่อยอีกเขาค่อยเอามาทำเป็นหมูตุ๋นพะโล้!


เหมยเหมยจะรู้ได้อย่างไรว่ากับข้าวของเธอจะมีแผนการลึกลับเช่นนี้ เธอเห็นกับข้าวที่กองพูนเหมือนภูเขาลูกเล็กก็อดทำหน้าขมขื่นไม่ได้ เยอะขนาดนี้เธอต้องทานไปถึงชาติไหนเนี่ย?


สายตายิ้มหยีของพ่อครัวพาดผ่านความเมตตาออกมา แต่ยิ้มให้เหมยเหมยราวกับหมาป่าตัวหนึ่ง “กินเยอะ ๆหน่อย ดูเธอสิแขนเล็กขาเล็ก ผอมเกินไปแล้ว!”


มิน่าเจ้าหมอนั่นถึงเครียดขนาดนี้!


เดิมทีตัวเท่านี้แค่ลมพายุระดับห้าก็พัดปลิวไปได้ หากหลังจบการเข้าค่ายทหารอีกหนึ่งเดือนไม่แน่ลมพายุระดับสามก็พัดเจ้าตัวให้ลอยล่องขึ้นฟ้าได้แล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าหมอนั้นคงโดนนายถลกหนังหัวแน่!


ทว่าสายตาของลูกพี่หมิงช่างแหลมคมเสียจริง  ภรรยาของเขาดูดีกว่าคนในรูปวาดสวยราวกับนางฟ้าอีก เสียก็แต่ผอมเกินไปหน่อย มิน่าลูกพี่หมิงถึงกังวลเรื่องอาหารการกินของภรรยาขนาดนี้!


เรื่องเล็กแบบนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่เขาเถอะ!


รับรองภายในหนึ่งเดือนนี้จะเลี้ยงภรรยาของลูกพี่หมิงให้กลมกลึงขาวผ่อง รอลูกพี่หมิงกลับจะได้กอดภรรยาได้เต็มไม้เต็มมือเลยล่ะ!


เหมยเหมยรู้สึกถึงความเมตตาของพ่อครัวตัวอ้วนเลยอดตัวสะท้านเฮือกไม่ได้ ทำไมเธอถึงรู้สึกลางสังหรณ์แปลก ๆ?


เธอรับถ้วยมาด้วยใบหน้าหงิกงอและคิดจะแบ่งครึ่งหนึ่งให้ฉีฉีเก๋อเพราะตนไม่มีทางทานหมดแน่ ๆ ถ้าหากเหลือขึ้นมาครูฝึกต้องตำหนิอีกแล้ว!


ครูฝึก ‘ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!’


“โอ้ย…นี่มันหมูตุ๋นน้ำแดงบ้าอะไรเนี่ย? เนื้อทั้งหมดแปดชิ้นมีแค่สองชิ้นที่เป็นเนื้อไร้มัน ที่เหลือมีแต่เนื้อติดมันแล้วจะให้กินอย่างไร?”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองหมูตุ๋นน้ำแดงในจานอย่างขุ่นเคือง ช่างปวดใจเหลือเกิน


เนื้อติดมันที่เห็นเมื่อวานจนถึงตอนนี้ยังรู้สึกพะอืดพะอมไม่หายเลย!


พวกสีอันน่ากับสวีจื่อเซวียนเองก็เครียดเช่นกัน เนื้อติดมันมากมายขนาดนี้พวกเธอจะยัดลงท้องอย่างไร?


ถังม่านลี่กับฉีฉีเก๋อกลับทานอย่างมีความสุขโดยเฉพาะถังม่านลี่ เพราะที่บ้านเธอนาน ๆทีจะได้ทานเนื้อแต่ตอนนี้กลับได้ทานเนื้อติดมันทุกวัน เธอรู้สึกมีความสุขมากจริง ๆ!


…………………………..


 ตอนที่ 1403 เนื้อไม่เหมือนกัน


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดวงตาเป็นประกายแล้วแบ่งหมูในจานไปให้ของถังม่านลี่ “เธอกินหมูเยอะ ๆนะ ของฉันให้เธอหมดเลย ดูสิว่าช่วงนี้เธอผอมลงไปไม่น้อย ต้องบำรุงเยอะ ๆ”


ถังม่านลี่นึกเห็นด้วยเพราะเธอก็คิดว่าตนผอมลงมากทีเดียว ต้องบำรุงเสียหน่อย


สีอันน่ากับสวีจื่อเซวียนต่างลอกเลียนแบบหมายจะแบ่งเนื้อให้ถังม่านลี่ทั้งคู่ แต่ถังม่านลี่จะทานหมดอย่างไรไหว ต่อให้เนื้อติดมันอร่อยแค่ไหนแต่พอทานกันมาก ๆก็ต้องมีพะอืดพะอมกันบ้าง!


“กินไม่ไหวแล้ว…เอิ้ก…ฉันกินอิ่มแล้ว…เอิ้ก!”


ถังม่านลี่เอามือปิดจานไว้พลางมองสีอันน่ากับสวีจื่อเซวียนด้วยความระแวง เมื่อวานเธอเองก็เห็นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถูกครูฝึกตำหนิ เธอไม่โง่ขนาดนั้นหรอกนะ!


สีอันน่ากับสวีจื่อเซวียนจึงจำใจต้องจัดการมันด้วยตัวเองและตัดสินใจเงียบ ๆว่าหลังจากนี้จะไม่ตักเมนูเนื้ออีก ถือว่าเป็นการลดความอ้วนแล้วกัน!


เหมยเหมยทานเนื้อในถ้วยชามตนด้วยความรู้สึกผิด เนื้อชิ้นแรกเป็นเนื้อไร้มัน อืม ดวงดีไม่เบา…ชิ้นที่สองก็เป็นเนื้อไร้มัน…ดวงดีไม่หยอกจริงๆ!


ชิ้นที่สาม…ชิ้นที่สี่…ชิ้นที่ห้า…เป็นเนื้อไร้มันทั้งหมดอีกทั้งยังนุ่มละลายในปากไม่ธรรมดาเลย อร่อยกว่าหมูตุ๋นน้ำแดงตามภัตตาคารขนาดใหญ่เสียอีก


วันนี้เป็นเพราะดวงดีจริงหรือ?


ไม่มีเนื้อติดมันเลยสักชิ้นเดียว!


แน่นอนว่าเหมยเหมยไม่มีทางคิดว่าตนจะโชคดีเกินเหตุ พอนึกถึงสายตาเมตตาแปลก ๆ ของพ่อครัวจ้ำม้ำเมื่อสักครู่ เหมือนเธอจะรู้อะไรเข้าแล้วล่ะ ต้องเป็นเหยียนหมิงซุ่นแอบกำชับไว้แน่


เธอรู้สึกหวานหยดเยิ้มในใจขึ้นมาชั่วขณะจนไม่ได้แบ่งเนื้อให้ฉีฉีเก๋อเลยแม้แต่ชิ้นเดียว


ความหวังดีของพี่หมิงซุ่น เธอจะทำใจเอาให้คนอื่นได้ที่ไหนล่ะ?


ทว่าพอได้ยินเสียงบ่นเป็นระลอก ๆ ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับสีอันน่าเหมยเหมยก็ยิ่งมีสบายใจ กังวลว่าจะโดนพวกเธอจับได้เลยก้มหน้าทานเนื้อแทะหมั่นโถวเงียบ ๆ เก็บผัดเส้นมันฝรั่งไว้สุดท้ายเพราะตอนนี้ยังต้องเอาไว้ปกปิดเนื้อ


สีอันน่าเห็นเหมยเหมยทานเนื้ออย่างมีความสุข ทานลงไปทีละชิ้น ๆโดยไม่แม้แต่กะพริบตาเลยอดสงสัยไม่ได้


ทั้งที่เมื่อวานเหมยเหมยบอกว่าเธอไม่ชอบทานเนื้อติดมัน ทำไมวันนี้ถึงทานอย่างเอร็ดอร่อยขนาดนี้ล่ะ?


หรือว่า…


“จ้าวเหมย เธอกินอร่อยขนาดนี้คงไม่ใช่เพราะของเธอคือเนื้อไร้มันหมดหรอกนะ?” สีอันน่าจงใจถามขึ้นแถมยังยืดตัวหมายจะดูเนื้อในถ้วยชามของเหมยเหมยให้เต็มสองตา


เหมยเหมยยกมือขึ้นมาปิดไว้พลางกล่าวอย่างไม่พอใจ “เธอช่วยอย่าพูดใส่ถ้วยคนอื่นได้ไหม? น้ำลายกระเด็นเข้ามาหมดแล้ว!”


สีอันน่าหน้าเสียไปเล็กน้อยเลยได้แต่ยิ้มขอโทษ “เอ่อ…เมื่อกี้ฉันลืมไปนี่นา ทำไมเธอถึงกินเนื้อได้มีความสุขขนาดนี้ล่ะ? ของเธอคือเนื้อไร้มันหมดเลยเหรอ?”


สัญชาตญาณของผู้หญิงช่างแรงเสียจริง สีอันน่ารู้สึกว่าเนื้อของเหมยเหมยไม่เหมือนของพวกเธอ ไม่แน่อาจได้รับการดูแลเป็นพิเศษก็ได้!


เหมยเหมยตอบกลับนิ่ง ๆด้วยสีหน้าเดิมไม่เปลี่ยน “ก็เหมือนของพวกเธอนี่”


“ไหนเมื่อวานเธอบอกว่าไม่กินเนื้อติดมันไง?” สีอันน่าถาม


“หมูตุ๋นน้ำแดงของวันนี้อร่อยไง อีกอย่างเหนื่อยจากการฝึกขนาดนี้ก็ต้องกินเนื้อเพิ่มพลังอยู่แล้ว” เหมยเหมยชักเริ่มไม่สบอารมณ์ ความรู้สึกที่วัน ๆโดนคนจับจ้องมันช่างน่ารำคาญเสียจริง


สีอันน่ายังคิดจะซักถามต่อแต่ลมหนาวจากขั้วโลกเหนือพัดผ่านมา “เวลากินข้าวอย่าคุยกัน ถ้าคุยกันอีกออกไปวิ่งรอบสนามสิบรอบ!”


ทุกคนต่างก้มหน้างุดด้วยความตกใจทำให้ภายในโรงอาหารเงียบเป็นป่าช้าไปชั่วขณะ เหลือเพียงเสียงเคี้ยวอาหาร


ครูฝึกเห็นว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ของตนซัดหมูตุ๋นน้ำแดงจนเรียบก็แอบยิ้มร่าในใจ


ในที่สุดภารกิจให้กินดีกินอิ่มก็สำเร็จสักที!


ไม่ต้องโดนไม้หน้าสามของรองกัปตันแล้ว!


ไว้กลับไปเกลี้ยกล่อมพ่อครัวใหญ่อีกทีพยายามให้ว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่น้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกสักห้าโลภายในหนึ่งเดือน รอลูกพี่หมิงกลับมาต้องชมเชยเขาแน่ ๆ!


เหมยเหมยที่กำลังแทะเนื้ออย่างมีความสุขรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ทำไมเธอถึงรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆนะ?


ตอนที่ 1404 สิทธิพิเศษ


การฝึกทหารหลายวันหลังจากนั้นเหมยเหมยยังคงดื้อรั้นไม่เปลี่ยน ไม่เคยปริปากบ่นสักคำทำเอาครูฝึกทั้งดีใจทั้งเสียใจ แต่สิ่งที่เขารู้สึกปลื้มใจมากที่สุดคงไม่พ้นเรื่องที่พ่อครัวคนอ้วนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี รู้สึกว่าปลายคางของว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่เริ่มมนขึ้นบ้างแล้ว!


พอรับจานจากมือพ่อครัวจ้ำม้ำผู้เมตตาอีกครั้งก็เห็นเนื้อสันในผัดเปรี้ยวหวานที่ถูกกลบด้วยผัดผักกาดดอง เหมยเหมยก็ไม่ตกใจอะไรพลันเริ่มทานเมนูพิเศษนี้เงียบ ๆ


แน่นอนว่าพวกสีอันน่าไม่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษเช่นนี้ ซึ่งยังคงเป็นหมูตุ๋นน้ำแดงที่เนื้อน้อยมันเยอะเช่นเดิม ต่างบ่นเสียงอุบอิบกันถ้วนหน้า พวกเธอไม่อยากตักเมนูเนื้อมาหรอกแต่พอทานเมนูผักไปหลายมื้อก็รู้สึกกระเพาะโล่งเหมือนมีมือตะกุยอยู่ข้างใน ให้ความรู้สึกทรมานอย่างมากพวกเธอเลยจำต้องตักเนื้อติดมันอีกครั้ง อย่างน้อยแทะเนื้อชโลมกระเพาะลำไส้สักหน่อยก็ยังดี


“เฮ้อ ถ้ากินต่อไปแบบนี้วันหลังฉันเห็นเนื้อหมูจะต้องอ้วกแน่ ๆ!” สีอันน่าบ่นและดวงตาเหลือบมองไปทางเหมยเหมยที่อยู่ข้าง ๆเป็นระยะ


เธอกล้ามั่นใจว่าอาหารที่จ้าวเหมยผู้นี้ทานไม่เหมือนของพวกเธอ ไม่เคยให้เห็นกับข้าวใต้ผักเลยสักครั้ง ทำตัวลึกลับอยู่ได้


อีกอย่างเธอดูออกว่าครูฝึกหน้านิ่งคอยแอบดูแลเหมยเหมยอย่างหลบ ๆซ่อน ๆ


อย่างเช่นทุกครั้งที่มีคนเหนื่อยจนล้มลงกับพื้นครูฝึกจะให้จ้าวเหมยพาไปส่งทุกครั้ง รวมถึงทุกครั้งที่เธออยากเห็นกับข้าวในจานจ้าวเหมยครูฝึกจะก้าวออกมาตำหนิ ครั้งสองครั้งก็ช่างแต่เป็นแบบนี้ทุกครั้งจนเธออดสงสัยไม่ได้


เหอะ เข้าค่ายทหารยังมีสิทธิพิเศษ วางท่าให้ใครดูกัน!


สีอันน่ามองเหมยเหมยที่ยังคงผิวขาวผุดผ่องดังเดิมแวบหนึ่งด้วยความอิจฉาแล้วมองไปยังครูฝึกที่นั่งทานข้าวเพียงลำพังอยู่ไกลออกไปอีกแวบหนึ่ง ยิ่งสงสัยในความสัมพันธ์ของครูฝึกกับจ้าวเหมยกว่าเดิม


หรือว่าครูฝึกหน้านิ่งกับจ้าวเหมยมีความสัมพันธ์อะไรกัน?


แล้วสองคนนี้จงใจทำเป็นไม่รู้จักกัน?


สีอันน่ายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่ครูฝึกหน้านิ่งจะเป็นแฟนหนุ่มของจ้าวเหมยหรืออาจเป็นคนรัก ฉะนั้นจ้าวเหมยถึงได้มีกับข้าวที่ไม่เหมือนพวกเธอแล้วยังได้รับการดูแลพิเศษจากครูฝึกเสมอ


ต้องเป็นแบบนี้แน่ ๆ!


เหอะ สักวันเธอจะต้องเปิดโปงให้ได้!


ไม่นานการเข้าค่ายก็ผ่านไปอีกครึ่งเดือนจนทุกคนเริ่มชิน ตอนยืนตรงท่าทหารก็มีคนเป็นลมน้อยลงเรื่อย ๆ ซึ่งสร้างความปวดใจแก่ครูฝึกมาก เขาหาข้ออ้างให้ว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ในอนาคตพักผ่อนไม่ได้อีกแล้ว


วันนี้การเดินตบเท้าที่จะมีการทดสอบหลังจบการฝึกในหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ฉะนั้นเลยต้องฝึกเดินตบเท้าหลายชั่วโมงทุกวัน


เพียงแต่ครูฝึกยิ่งปวดใจกว่าเดิมเพราะมีนักศึกษาชายในห้องคนหนึ่งที่เดินตบเท้าไม่เป็น ฝึกฝนอยู่เกือบครึ่งเดือนแต่เด็กคนนี้ก็ยังคงเดินแขนขาไม่เข้าจังหวะ ไม่ว่าอย่างไรแขนขานั่นก็ไม่ยอมฟังคำสั่งสักทีจนครูฝึกเริ่มมีโมโห จึงสั่งให้เด็กผู้โชคร้ายคนนี้แยกตัวไปฝึกคนเดียว รอให้แขนขาเข้าจังหวะได้เมื่อไรค่อยกลับเข้าแถว


เด็กผู้โชคร้ายคนนี้หลังฝึกไปหลายวันก็เริ่มได้ผลอยู่บ้าง เดินสิบก้าวมีสองถึงสามก้าวที่แขนขาไปไม่พร้อมกัน แต่ส่วนมากก็ยังผิดอยู่ดีเลยทำให้ดูตลกไม่น้อย


ห้องของพวกเหมยเหมยกำลังฝึกเดินตบเท้าอยู่โดยครูฝึกให้นักศึกษาคนนี้คอยเดินตามอยู่ข้าง ๆ เริ่มแรกยังเดินได้ค่อนข้างดีแต่พอเดิน ๆ ไปชักเริ่มไม่เป็นจังหวะ ทว่าเขาดันไม่รู้ตัวยังคงเดินต่อไปด้วยความตั้งใจ ทำเอาเพื่อน ๆด้านหลังหัวเราะกันแทบบ้า


“โอ๊ย ขำจะตายอยู่แล้ว ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้?” ถังม่านลี่ขำจนปวดท้องไปหมดเลยอดพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งไม่ได้


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็พูดตอบรับประโยคหนึ่งรวมถึงพวกสีอันน่าที่แม้แต่ฉีฉีเก๋อเองก็ร่วมด้วย บรรยากาศดีเหลือเกินเลยอดไม่ไหวทำเอาเพื่อนผู้ชายที่เดินแข้งขาไม่เข้าจังหวะได้ยินเข้าก็หน้าแดงก่ำด้วยความอาย ไม่กล้าแม้แต่เงยหน้าขึ้นมอง


มีเพียงเหมยเหมยที่รู้สึกเสียดหูราวกับเธอเห็นตัวเองในวัยเด็ก โดนคนอื่นหัวเราะเยาะแบบนี้เหมือนกัน คนที่หัวเราะอาจไม่มีเจตนาร้ายอะไรแต่สำหรับคนที่โดนหัวเราะเยาะแล้วเหมือนเอามีดกรีดที่หัวใจอย่างไม่ต้องสงสัย


“ทุกคนมีเรื่องที่ถนัดไม่เหมือนกัน มีอะไรให้น่าขำเหรอ” เหมยเหมยอดพูดขึ้นไม่ได้


……………………..


 ตอนที่ 1405 ยอมรับบทลงโทษ


เพื่อนนักเรียนชายได้ยินคำของเหมยเหมยความอบอุ่นก็พลันแล่นผ่านเข้ามาในใจ จึงไม่ได้รู้สึกแย่มากแล้วขณะเดียวกันก็รู้สึกขอบคุณเหมยเหมยอย่างมาก


ดาวมหาวิทยาลัยคนใหม่ไม่เพียงแต่สวยภายนอก ภายในกลับงดงามยิ่งกว่า!


ถังม่านหัวเราะเสียงดังที่สุดเมื่อได้ยินดังนั้นจึงคิดว่าเหมยเหมยเจาะจงมาที่เธอก็ย่อมรู้สึกสบายใจเป็นธรรมดา เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “จ้าวเหมยเธอจะควบคุมทุกอย่างเลยหรือไง แม้แต่คนอื่นจะหัวเราะก็ต้องสอดเข้ามายุ่งด้วยใช่ไหม? นี่เธอมีอำนาจมากกว่าอธิการบดีอีกนะเนี่ย!”


สีอันน่าเองก็คันปากยุบยิบอยากพูดกระแนะกระแหนจ้าวเหมยอีกสักหน่อย แต่เธอนึกถึงจ้าวเสวียเอ๋อร์ผู้หล่อเหลาแถมยังร่ำรวยอีกด้วยจึงพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไว้


หลายวันที่ผ่านมาเธอลองสงบจิตสงบใจครุ่นคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าจ้าวเหมยต้องกำลังโกหกอยู่แน่ ๆ ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นจะเป็นยาจกได้อย่างไร?


ดูจากลักษณะการแต่งกายรวมถึงบุคลิกภาพเป็นหนุ่มโสดฝังเพชรไม่ผิดแน่ จ้าวเหมยเธอจงใจพูดเช่นนั้นแน่นอน


แม้จะเกลียดเหมยเหมยที่ไม่มีความหวังดีแต่สีอันน่ากลับไม่กล้าล่วงเกินเธอ หากตนไปได้ดีกับจ้าวเสวียเอ๋อร์จริง ๆ ถ้าเช่นนั้นเธอก็ต้องเป็นพี่สะใภ้ของจ้าวเหมยแล้ว ดูจากระดับความห่วงใยที่จ้าวเสวียเอ๋อร์มีต่อจ้าวเหมยก็เห็นได้ชัดว่าจ้าวเสวียเอ๋อร์ใส่ใจลูกพี่ลูกน้องคนนี้มากเพียงไหน!


ฉะนั้นนอกจากเธอจะห้ามทะเลาะกับจ้าวเหมยแล้วยังต้องผูกมิตรไว้ให้ดีด้วย!


สีอันน่าตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วเลยเกิดความคิดที่อยากจะเอาใจเหมยเหมยถึงแสร้งพูดขึ้นว่า “ถังม่านลี่เธอพูดให้น้อย ๆหน่อย ทำไมพูดมากขนาดนี้เนี่ย!”


เหมยเหมยมองสีอันน่าด้วยความแปลกใจแวบหนึ่ง หลายวันก่อนยังคอยจ้องเนื้อเธออยู่วันยังค่ำ ทำไมวันนี้จู่ ๆ ถึงช่วยออกตัวพูดแทนเธอได้ล่ะ?


ทำไมเปลี่ยนท่าทีไม่ซ้ำกันสักวัน?


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็ท่าทีของสีอันน่าด้วยความฉงน ทว่าไม่นานเธอก็เข้าใจทันที เห็นทียังไม่ตายใจจากพี่ชายจ้าวเหมยสินะ!


ซึ่งเธอไม่ยอมปล่อยให้สีอันน่าชิงดีชิงเด่นไปคนเดียวอยู่แล้วเลยตะคอกใส่ถังม่านลี่เช่นกัน “วัน ๆเธอเอาแต่พูดมากอยู่ได้ ไม่พูดจะตายหรือไง?”


ถังม่านลี่อ้าปากพะงาบรู้สึกน้อยใจอย่างถึงที่สุด


ไม่ใช่มีแค่เธอที่หัวเราะสักหน่อย?


ทำไมทุกคนต้องว่าเธอด้วย?


เห็นเธอรังแกข่มเหงได้ง่ายน่ะสิ!


ถังม่านลี่ชักเริ่มมีน้ำโหเลยตะเบ็งเสียงดังกว่าเดิม “เมื่อกี้พวกเธอก็หัวเราะเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? มีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน?”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชะงักไปก่อนครู่หนึ่งก่อนจะรู้สึกเดือดพล่าน โอ้โห ยายเด็กบ้านนอกกล้าโมโหใส่เธอเหรอ?


ปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่!


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถกเถียงกับถังม่านลี่อยู่หลายประโยคจนลืมตัว เสียงค่อยๆ ดังกลบเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินตบเท้าอยู่ สีหน้าของครูฝึกถมึงทึง นี่ไม่เห็นหัวเขาหรืออย่างไร?


“ตัว—ตรง!”


ครูฝึกคำรามทีหนึ่งด้วยเสียงอันดังทำเอาทุกคนใจเต้นตึกตักเหมือนรัวกลอง ครูฝึกชี้นิ้วไปที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับถังม่านลี่ก่อนตวาดเสียงเย็นชา “พวกเธอ คุยกันเวลาฝึก ลงโทษให้ไปวิ่งรอบสนามสิบรอบ!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหน้ามืดทันที ใบหน้าหงิกงอจนแทบจะเป็นลูกมะระอยู่แล้ว!


ทำไมคนที่โดนทำร้ายมักเป็นเธออยู่เรื่อย?


แม้จะรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมเหลือเกินแต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ยอมรับชะตากรรม เตรียมไปวิ่งรอบสนามสิบรอบถือว่าเป็นการลดความอ้วนแล้วกัน!


ถังม่านลี่ไม่อยากจำนนต่อชะตากรรมโดยดีเลยชี้ไปที่เหมยเหมยร้องขึ้น “ครูฝึกคะ คนที่พูดไม่ได้มีแค่หนูกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสักหน่อย จ้าวเหมยก็พูดเหมือนกัน”


ฉีฉีเก๋อเริ่มร้อนใจเลยแย่งพูดขึ้น “เหมยเหมยก็แค่บอกให้เราหยุดหัวเราะได้แล้ว เราต่างหากที่เป็นฝ่ายผิดตั้งแต่แรก”


เหมยเหมยกับครูฝึกขมวดคิ้วพร้อมกัน


ครูฝึกลอบคิดในใจ ‘เจ้างั่งนี่มาจากไหน?’


เหมยเหมยมุมปากกระตุก เอาล่ะสิทีนี้ เธออยากแก้ตัวก็แก้ไม่พ้นตัวแล้ว


ถังม่านลี่กลับได้ใจ “ครูฝึกคะ หนูไม่ได้พูดผิดใช่ไหมคะ จ้าวเหมยก็พูดเหมือนกัน ครูฝึกก็ต้องมีความเท่าเทียมกันด้วยสิคะ!”


ครูฝึกลอบสบถด่าอยู่ภายในใจ เท่าเทียมบ้าบออะไรกัน!


อย่างหล่อนหรือจะเทียบกับว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ของเขาได้?


ขณะที่ครูฝึกเตรียมจะพูดแก้ต่างว่าเหมยเหมยช่วยหยุดพฤติกรรมผิด ๆต่างหาก ไม่ใช่แค่จะไม่ลงโทษแต่ยังต้องชมเชยด้วยซ้ำ เหมยเหมยกลับก้าวออกมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “รายงานครูฝึกค่ะ เมื่อกี้หนูพูดจริง ๆหนูยอมรับโทษค่ะ!”


ตอนที่ 1406 หนูวิ่งครบแน่นอน


ครูฝึกก่นด่าในใจไม่หยุด แม้การลงโทษจ้าวเหมยจะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดแต่เขาจะกล้าได้อย่างไร?


หากรองกัปตันรู้เข้าว่าเขากล้าลงโทษว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่วิ่งรอบสนามสิบรอบ สิ่งที่รอคอยเขาอยู่ไม่ใช่แค่ไม้หน้าสามแต่เป็นตะบองฟันหมาป่าซัดเข้าให้แทน!


เหมยเหมยไม่อยากให้ครูฝึกลำบากใจ หลายวันมานี้เธอสังเกตอยู่ตลอด หากครูฝึกเป็นคนที่เหยียนหมิงซุ่นสั่งมาเช่นนั้นเธอก็ยิ่งควรรับการลงโทษด้วยตัวเอง ก็แค่วิ่งสิบรอบไม่ใช่หรือ เธอต้องผ่านมันไปได้แน่!


เธอพุ่งไปที่สนามแล้วเริ่มวิ่งทันทีพาลทำเอาทุกคนมองกันตาค้าง พลางแหงนมองดวงอาทิตย์แดดแรงจ้าค่อยหันไปมองครูฝึกที่ทำสีหน้าถมึงทึงมากขึ้นเรื่อย ๆพาลเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลือกวิ่งตามหลังไปติด ๆ จะตายเร็วตายช้าก็ตายอยู่ดี เธอรีบออกมาเร็วหน่อยจะดีกว่า!


ฉีฉีเก๋อเองรู้ตัวว่าพูดผิดไปเลยรู้สึกแย่จับใจ เห็นดังนั้นเลยก้าวออกมาพูดด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “รายงานครูฝึก เมื่อกี้หนูเองก็หัวเราะเหมือนกัน หนูก็ต้องโดนลงโทษค่ะ”


ตะโกนเสียงดังทีหนึ่งเสร็จฉีฉีเก๋อก็วิ่งตัวปลิวออกไปทันควัน หญิงสาวจากแดนทุ่งหญ้ามีศักยภาพด้านกายภาพดีอยู่แล้ว วิ่งแซงเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดั่งสายลมพัด จากนั้นก็วิ่งนำหน้าเหมยเหมยก่อนจะโบกมือให้เธอทีหนึ่ง ฉีฉีเก๋อถึงรู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นสักหน่อย


เพื่อนกันก็ต้องเผชิญหน้ากับความลำบากด้วยกันสิ!


เวลานี้จะเรียกให้เหมยเหมยกลับมาคงเป็นไปไม่ได้ ครูฝึกพอจะจินตนาการถึงท่าทางที่รองกัปตันของตนเดือดพล่านแล้วยืนถือตะบองฟันหมาป่ากวักเรียกเขาอยู่ เขากัดฟันปรายตามองต้นเหตุอย่างเย็นชาแผ่ไอเย็นจนถังม่านลี่ตัวสั่นเทิ้ม


“พวกเธอขำมากใช่ไหม? ดี ดีมาก…” ครูฝึกแสยะยิ้มแวบหนึ่ง เพียงครู่เดียวก็ชี้ไปที่ถังม่านลี่แล้วตะโกนเสียงดัง “ผู้หญิงทุกคนออกมา เธอวิ่งสิบห้ารอบ คนที่เหลือวิ่งสิบรอบ ผู้ชายพักอยู่กับที่ได้!”


ถังม่านลี่ที่โดนเรียกชื่อเสียใจจนดวงตาแดงก่ำ ทำไมมีเพียงเธอที่ต้องวิ่งสิบห้ารอบ?


พวกเจิ้งเสวี่ยซานกับสวีจื่อเซวียนยิ่งรู้สึกน้อยใจกว่าใคร แค่หัวเราะตามไม่กี่ทีแถมยังหัวเราะไม่เห็นฟันอีกต่างหาก ทำไมพวกเธอต้องไปวิ่งสิบรอบเหมือนกันด้วยล่ะ?


ครูฝึกคำรามในใจ ‘ว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ในอนาคตของเขากำลังวิ่งอยู่พวกเธอแต่ละคนก็อย่าคิดจะหนี! ไปวิ่งรอบสนามให้หมดเลยนะ!’


เหมยเหมยวิ่งได้หกรอบก็เริ่มลดความเร็วลง แม้พละกำลังกายของเธอดีขึ้นไม่น้อยแต่สุดท้ายเนื่องด้วยร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงสู้คนทั่วไปที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงไม่ได้ การวิ่งรอบสนามหกรอบนับว่าถึงขีดจำกัดของเธอแล้ว


ขณะวิ่งมาถึงรอบที่เจ็ดก็รู้สึกเหมือนมีไฟสุมอยู่ในลำคอ หน้าอกเจ็บแปลบ ตอนหายใจเข้าปอดเหมือนมีมีดปักอยู่ก็ไม่ปาน ส่วนสองขาเหมือนโดนถ่วงด้วยสมอที่พอยกขึ้นมาหนึ่งก้าวก็เหมือนหนักราวห้าร้อยกิโลได้


“สู้ๆ…เหลืออีกสามรอบครึ่ง…”


เหมยเหมยคอยให้กำลังใจตัวเองแล้วส่ายแขนไปมา


เมื่อก่อนเหยียนหมิงซุ่นเคยสอนเธอไว้ว่าเวลาวิ่งขอแค่ขยับแขนไปมาไม่อยู่นิ่งขาก็จะไม่หยุดเช่นกัน ฉะนั้นต่อให้เธอเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องพยายามขยับแขนเข้าไว้ แถมต้องขยับเร็วกว่านี้อีกหน่อยเช่นนี้เธอถึงจะวิ่งเร็วขึ้นบ้าง


ครูฝึกดูออกว่าเหมยเหมยหมดแรงแล้วจึงวิ่งช้าราวกับหอยทาก เกรงว่าใกล้จะทนไม่ไหวแล้วจึงถลาวิ่งเข้าไปหาหมายอยากจะเรียกให้เหมยเหมยมาพักผ่อน


ส่วนสิ่งที่รองกัปตันเคยบอกไว้ว่าให้ดูแลลับๆ เขาก็คร้านจะสนใจแล้ว!


อยากดูแลแล้วจะทำไม?


เขาดูแลว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ในอนาคตของตัวเองแล้วทำไมเหรอ?


ใครกล้าว่าอะไร?


จะเอาให้ตายเลย!


ครูฝึกเดินไปตะโกนทีหนึ่ง “จ้าวเหมยไม่ต้องวิ่งแล้ว กลับไปพักผ่อนได้”


ถังม่านลี่ที่กำลังหอบแฮก ๆวิ่งผ่านมาพอดีจึงได้ยินคำพูดนั้นพาลเกิดความไม่พอใจ ตะโกนแย้งเสียงดัง “ครูฝึกคะ จ้าวเหมยเพิ่งวิ่งไปแค่เจ็ดรอบครึ่งเอง!”


ความหมายก็คือครูฝึกอย่าคิดจะช่วยจ้าวเหมย!


ครูฝึกหน้าขรึม กำลังจะโต้กลับเหมยเหมยวิ่งเข้ามาพูดเสียงหอบว่า “ครูฝึกคะ หนูวิ่งสามรอบครึ่งให้จบได้ค่ะ!”


เธอมองถังม่านลี่แวบหนึ่งด้วยความรั้นก่อนจะเริ่มวิ่งต่อไป


วันนี้ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะวิ่งให้ครบสิบรอบจะให้ถังม่านลี่จับจุดอ่อนเธอไม่ได้!


………………..


 ตอนที่ 1407 สงสัย


ครูฝึกดูออกถึงความมุ่งมั่นของเหมยเหมยจึงรู้ว่าเธอไม่มีทางยอมพักแน่ พาลทำให้โมโหถังม่านลี่ยิ่งกว่าเดิม


“ใครอนุญาตให้เธอหยุด เพิ่มอีกหนึ่งรอบ!”


ครูฝึกตวาดเสียงดังด้วยแรงโทสะ ถังม่านลี่น้ำตาแทบไหล หลังจากวิ่งจบสิบหกรอบเธอจะยังมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่นะ?


คนที่กำลังวิ่งสภาพปางตายในเวลาเดียวกันยังมีเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ซึ่งตอนนี้กำลังเขม่นใส่ถังม่านลี่อย่างเหยียดหยามแวบหนึ่ง โง่เง่าสิ้นดี ถึงตอนนี้ยังดูไม่ออกอีกว่าครูฝึกดูแลจ้าวเหมยเป็นพิเศษ?


ไม่เพียงแต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ดูออกแต่รวมถึงคนอื่น ๆต่างก็ดูออกเช่นกัน นอกจากฉีฉีเก๋อสาวคนก๋ากั่นนั่น


พวกเจิ้งเสวี่ยซานรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก ดึงดูดเพศตรงข้ามแต่ตกเป็นที่อิจฉาของเพศเดียวกัน หากคนที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษคือเพื่อนผู้ชาย อย่างมากพวกเธอก็แค่พูดจาเสียดสีใส่ไม่กี่คำแต่จะไม่มีความคิดอื่นใด


แต่ตอนนี้คนที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษคือจ้าวเหมย อีกทั้งยังเป็นคนที่พวกเธอนึกอิจฉาอยู่ในใจเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งขณะนี้ความอิจฉาริษยาใกล้จะทำพวกเธอขาดสติ!


จ้าวเหมยก็อาศัยเส้นสายจากคนรู้จักไม่ใช่หรือไง?


ทั้งออกหนังสือ ทั้งเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่ แค่นี้ยังพอช่างมันได้แต่ตอนนี้ขนาดเข้าค่ายยังได้รับการปฏิบัติเป็นข้อกรณียกเว้น พวกเธอจะยอมได้อย่างไร?


ในที่สุดเหมยเหมยก็วิ่งครบสิบรอบพลันทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น ไม่อยากกระดิกตัวอีกแล้ว ครูฝึกเดินมาตวาดใส่ “ลุกขึ้นย่ำเดินอยู่กับที่!”


หากนั่งแบบนี้อีกวันต้องลุกจากเตียงไม่ได้แหง เขาพอจะจินตนาการได้แล้วว่าฟันหมาป่าบนตะบองนั่นหนาขนาด!


เหมยเหมยรู้ว่าสิ่งที่ครูฝึกพูดคือสิ่งที่ถูกต้อง การเดินถึงจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงแต่ตอนนี้เธอเดินไม่ไหวแล้วจริง ๆ ฉีฉีเก๋อจึงรีบช่วยพยุงตัวเธอขึ้นแล้วทั้งคู่ก็ค่อย ๆเดินไปมาเพื่อยืดคลายกล้ามเนื้อ


คนอื่น ๆก็ทยอยวิ่งเสร็จตามกันมาจนแต่ละคนเหนื่อยสายตัวแทบขาด ต่างกลายเป็นคนเฒ่าคนแก่ที่ไร้เรี่ยวแรง


มีเพียงถังม่านลี่คนเดียวที่ยังวิ่งอยู่บนลู่ต่อไป ดีที่สมรรถภาพร่างกายของผู้หญิงคนนี้ดีใช้ได้ ขนาดวิ่งตั้งหลายรอบยังทนไหวอยู่ ดูท่าทางน่าจะวิ่งต่อได้อีกสิบรอบ


หลังจากวิ่งรอบสนามสิบรอบเสร็จเพื่อนในชั้นเรียนคนอื่นก็เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเหมยเหมยไปจากเดิมมาก สาวน้อยที่ภายนอกเดิมทีดูเหมือนดอกไม้เล็ก ๆที่อยู่ในห้องรักษาอุณหภูมิกลับมียืดหยุ่นถึงเพียงนี้ มิน่าคนเขาถึงได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่เด็ก!


เพราะวิ่งมาสิบรอบสนามทำให้ตกดึกเหมยเหมยไม่แม้แต่จะวาดต้นฉบับหรือทานข้าวก็ล้มตัวนอนทันที เดี๋ยวคิดเรื่องโครงสร้างของบทในนิยาย เดี๋ยวเป็นห่วงเหยียนหมิงซุ่น จากนั้นก็ผล็อยหลับไปอย่างสะลืมสะลือ


ส่วนฉีฉีเก๋อเพิ่งขึ้นเตียงไม่ทันไรก็หลับทันทีแถมยังส่งเสียงกรนเบา ๆ มุมปากจุดยิ้มเล็กน้อย


“นี่ พวกเธอว่าครูฝึกกับจ้าวเหมยมีความสัมพันธ์อะไรกันเหรอ?” สุดท้ายสีอันน่าก็ทนไม่ไหว นอนอย่างไรก็นอนไม่หลับเลยโพล่งถามออกมา


จะว่าไปสีอันน่ามีดวงสมพงษ์กับพวกเหมยเหมยพอสมควร สาขาออกแบบโฆษณากับสาขาศิลปะจีนได้มาเข้าค่ายพร้อมกัน หลังจากนั้นเธอก็ถูกจัดให้มาอยู่หอพักเดียวกับพวกเหมยเหมยอีกต่างหากเช่นเดียวกับที่มหาวิทยาลัย


กลางคืนทุกคนเหนื่อยกันแทบแย่แต่กลับนอนไม่หลับเพราะมีเรื่องอัดอั้นอยู่ในใจ!


พอสีอันน่าโพล่งขึ้นมาทุกคนก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ถังม่านลี่นวดขาไปเอ่ยด้วยความน้ำเสียงอิจฉาไปพลาง “จะมีความสัมพันธ์อะไรได้ ครูฝึกเห็นจ้าวเหมยหน้าตาสวยเลยถูกใจเธอน่ะสิ!”


แม้ถังม่านลี่ไม่ใช่คนช่างสังเกตใครแต่เธอก็ไม่ใช่คนโง่ เพราะจ้าวเหมยเธอถึงโดนลงโทษเพิ่มหกรอบ ต่อให้โง่มากแค่ไหนก็ดูออกถึงความพิเศษที่ครูฝึกมีต่อจ้าวเหมย!


เธอคิดว่าเกือบร้อยละแปดสิบเก้าสิบต้องเป็นเพราะครูฝึกหลงความงามของจ้าวเหมยเลยทำดีเข้าสู้พิชิตใจ!


เจิ้งเสวี่ยซานกลับเดาเหตุผลได้พอประมาณ คู่หมั้นลึกลับของจ้าวเหมยได้ยินมาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพอย่างแน่นแฟ้น คิดว่าครูฝึกคนนี้คงถูกคู่หมั้นจ้าวเหมยฝากฝังไว้ล่วงหน้าถึงจะได้ดูแลจ้าวเหมยอย่างดีขนาดนี้


แน่นอนว่าเธอก็ต้องอิจฉาอยู่แล้ว หญิงสาวคนไหนบ้างที่ไม่เคยมีความฝันอยากมีฮีโร่เป็นของตัวเองกันล่ะ?


จ้าวเหมยมีฮีโร่คอยปกป้องแล้วแต่เธอกลับต้องต่อสู้ชีวิตด้วยตัวเอง!


พระเจ้าช่างไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย!


ตอนที่ 1408 แผนในใจ


แม้เจิ้งเสวี่ยซานพอจะรู้ความสัมพันธ์ของครูฝึกกับจ้าวเหมยแต่เธอกลับไม่พูดอะไรและไม่ยอมพูดถึงด้วย เธอต้องจำบทเรียนคราวก่อนจากพี่ชายของเธอไว้ให้ดี อย่าแสดงความคิดเห็นเรื่อยเปื่อย อีกอย่างสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ต้องให้เธอคอยชักนำก็มุ่งไปทางที่เธอต้องการให้อยากจะเป็น


สีอันน่าแค่นเสียงแล้วจงใจพูดว่า “ถังม่านลี่พูดมีเหตุผลดี ครูฝึกแซ่เฉา ไม่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของจ้าวเหมย ถ้างั้นก็อาจเป็นแฟนกันสินะ!”


คิ้วสวยของสวีจื่อเซวียนย่นเข้าหากัน “น่าแค้นใจครูฝึกมาก ทำไมถึงใช้อำนาจกับเรื่องส่วนตัวได้?”


นี่เธอยังให้ความเคารพต่อพี่ทหารตั้งมากนะ!


แต่ความประพฤติของครูฝึกช่างทำให้เธอผิดหวังเหลือเกิน!


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทนเห็นคนอย่างสีอันน่าที่ต่อหน้าพูดอย่างลับหลังพูดอย่างไม่ไหว หากจ้าวเหมยยังตื่นอยู่ดูสิว่าผู้หญิงพวกนี้ยังจะกล้าพูดอีกไหม?


ก็ดีแต่พูดลับหลังเท่านั้นแหละ!


“จะเป็นลูกพี่ลูกน้องไม่ได้หรือไง? สีอันน่าเธอนามสกุลเดียวกับลูกพี่ลูกน้องเธอเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดขึ้นอย่างไม่พอใจนัก


แม้เธอจะสงสัยในความสัมพันธ์อันคลุมเครือระหว่างครูฝึกกับจ้าวเหมยแต่เธอไม่ชอบใจผู้หญิงกลุ่มนี้เลย วัน ๆทำตัวเหมือนไม้ปั่นขี้ ไม่สงบเสงี่ยมเอาเสียเลย!


สีอันน่าพูดด้วยท่าทีลับ ๆล่อ ๆว่า “ลูกพี่ลูกน้องก็อาจเป็นไปได้ แต่ปัญหาในตอนนี้คือลูกพี่ลูกน้องไม่ใส่ใจขนาดนั้นหรอก พวกเธอสังเกตไหมว่ากับข้าวที่จ้าวเหมยกินไม่เหมือนของเรา!”


“ไม่เหมือนตรงไหน?” ถังม่านลี่ไม่เชื่อ


ทั้งที่ทุกคนคอยตักข้าวด้วยกันแล้วจะไม่เหมือนได้อย่างไร?


สีอันน่ายิ้มอย่างได้ใจ “ไม่เหมือนแน่นอน ฉันกล้าฟันธงว่าเนื้อในกับข้าวของจ้าวเหมยต้องเป็นเนื้อไร้มัน พวกเธอดูสิว่าช่วงนี้มื้อไหนบ้างที่เธอไม่กินอย่างเอร็ดอร่อย สองวันก่อนเธอไม่ได้ทำท่ากินเอร็ดอร่อยขนาดนี้หรอกนะ”


“นั่นสิ เมื่อวานฉันยังแปลกใจอยู่เลยว่าจ้าวเหมยกินเนื้อติดมันได้ลื่นคอขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน!” ถังม่านลี่ตบต้นขาทีหนึ่งราวกับเจอเรื่องเหนือคาด ไม่นานเธอก็เริ่มไม่พอใจ “สีอันน่าเธอหมายความว่าจ้าวเหมยได้กินแต่เนื้อไร้มันงั้นเหรอ?”


สีอันน่าเหลือบมองเธอเหยียด ๆแวบหนึ่ง “ใช่สิ ถ้าไม่ใช่เนื้อไร้มันจ้าวเหมยจะกินอร่อยขนาดนั้นเหรอ? จ้าวเหมยไม่กินเนื้อติดมันหรอกนะ”


ถังม่านลี่ตบต้นขาด้วยความโกรธพลางกล่าวด้วยเสียงคับแค้นใจ “น่าโมโหนัก ทำไมเรากินเนื้อติดมันแต่เธอกลับได้กินแต่เนื้อไร้มัน?”


หลายวันนี้เธอทานเนื้อติดมันสองถ้วยแทบทุกมื้อจนทำเอารู้สึกพะอืดพะอมเมื่อเห็นเนื้อติดมัน ฉะนั้นตอนนี้ถังม่านลี่แค่อยากทานเนื้อไร้มันสักนิด พอฟังสิ่งที่สีอันน่าบอกก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากกว่าเดิม


“อยากรู้ว่าจริงไหมง่ายนิดเดียว พรุ่งนี้เวลากินข้าวคอยจับตาดูกับข้าวในจานของจ้าวเหมยก็พอแล้วนี่นา!” ในที่สุดเจิ้งเสวี่ยซานเอ่ยขึ้นกล่าวอย่างอดไม่ได้


คนพวกนี้ช่างโง่เหลือทน นอนพูดอยู่บนเตียงตั้งนานจะมีประโยชน์อะไร สู้คิดหาวิธีให้เห็นกับข้าวในจานจ้าวเหมยในวันพรุ่งนี้ได้ก็พอแล้วนี่นา!


ถังม่านลี่ตาลุกวาวรีบหุบปากไม่ตอบโต้อีก ทว่าในหัวกลับกำลังขบคิดบางอย่าง ไม่นานภายในหอพักก็เงียบจนได้ยินเพียงเสียงนอนกรนเบา ๆของฉีฉีเก๋อ


วันรุ่งขึ้นเหมยเหมยไปฝึกทหารตามเดิมแต่อาจจะเพราะได้ยืดเส้นยืดสายก่อนเธอถึงไม่รู้สึกปวดขามากนัก รู้สึกดีไม่หยอก


รอมื้อเที่ยงถังม่านลี่ก็เข้าแถวอยู่หลังเหมยเหมย  ดวงตาเป็นประกายดูท่าทางลับ ๆล่อ ๆ


รอถึงคราวเหมยเหมยตักข้าวถังม่านลี่จึงจงใจเขย่งปลายเท้าหมายจะมองให้ชัดว่าพ่อครัวใหญ่ตักกับข้าวอะไรให้จ้าวเหมย แต่สมแล้วที่พ่อครัวใหญ่เป็นถึงพ่อครัวมือหนึ่งในค่ายทหาร มือไวจนน่าตกใจราวกับเล่นมายากล ถังม่านลี่จะเห็นชัดได้ที่ไหนกัน ต่อให้เบิกตาจ้องจับผิดก็เห็นเพียงผัดเส้นมันฝรั่งในจานของเหมยเหมยโดยไม่เห็นชิ้นเนื้อเลยสักชิ้น


ถังม่านลี่ยังคาใจอยู่จึงรอเหมยเหมยยกจานหมุนตัวหันกลับมา เหมือนเธอคิดอะไรออกโดยพลันจึงพุ่งตัวชนเหมยเหมย


สัญชาตญาณของเหมยเหมยรู้สึกไม่ชอบมาพากล แม้ไม่เข้าใจว่าทำไมถังม่านลี่ต้องพุ่งเข้ามาชนตัวเองด้วยแต่ก็เบี่ยงตัวหลบการจู่โจมจากถังม่านลี่


หญิงสาวผู้นี้ชนเข้ากลางอากาศโดยไม่ทันตั้งตัวจึงล้มชนเพื่อนนักเรียนชายที่อยู่ด้านหลังของเหมยเหมย


………………………


 ตอนที่ 1409 โผเข้ากอด


แม้ถังม่านลี่จะเป็นคนตัวสูงแข็งแรงในหมู่เด็กสาวแต่เมื่อเทียบกับเพื่อนผู้ชายแล้วกลับดูตัวเล็กอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อเธอชนกับหนุ่มร่างสูงอวบอ้วนคนหนึ่งที่ในมือถือจานหมั่นโถวและต้มวุ้นเส้นเลือดหมูร้อนฉ่าไว้สองข้าง เจ้าตัวร่างบึกบึนกำยำย่อมกระเพาะใหญ่กว่าคนปกติอยู่แล้ว


“โอ๊ย…ทำไมถึงเข้ามาชนได้ล่ะ?”


เพื่อนผู้ชายเป็นคนซื่อสัตย์ พอเห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยปานดอกไม้โผเข้าหาพลันก็ละล่ำละลักไม่รู้ควรหลบหรือรับไว้ดี?


หากหลบกลัวว่าสาวงามจะเจ็บตัวเวลาล้มกับพื้น!


หากรับไว้ก็กลัวจะเป็นการล่วงเกินสาวงาม!


ติดไม่ออกเลย…


เพื่อนชายผู้ซื่อสัตย์ลังเลไม่นานเท่าไรเพราะถังม่านลี่ปะทะเข้ามาชนเร็วซึ่งไม่นานก็ชนเข้าร่างเขาอย่างจัง เพื่อนผู้ชายเผลอยื่นแขนรับไว้อัตโนมัติพร้อมคิดในใจว่าไม่ว่าอย่างไรจะปล่อยให้สาวงามล้มลงพื้นปูนซีเมนต์ไม่ได้!


ทว่าเพื่อนชายผู้นี้กลับลืมไปว่าในมือตนมีวุ้นเส้นต้มเลือดหมูร้อนระอุอยู่ เฮ้อ…คนซื่อน่ะนะ!


“กรี๊ด…”


ถังม่านลี่เพียงรู้สึกแสบ ๆร้อน ๆ จากนั้นก็เหมือนมีของบางอย่างที่มันเยิ้มร้อนฉ่าและลื่น ๆไหลเข้าไปยังจุดที่อธิบายไม่ได้จากปกคอเสื้อ และแน่นอนต้นตอคือบนศีรษะไหลลงไป


ใครให้เธอตัวเล็กกว่าเพื่อนผู้ชายคนนั้นล่ะ!


โชคดีที่ถังม่านลี่ไม่ได้ล้มลงพื้น เพราะมีเพื่อนผู้ชายแสนใจดีช่วยประคองไว้ได้ทัน แต่ทว่า–


ทุกคนเห็นเลือดหมูร้อนระอุบนศีรษะเธอรวมถึงวุ้นเส้นที่เหนียวลื่น ปะปนไปด้วยต้นหอมสีเขียวเล็กน้อย…


ทุกคนต่างระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่แถมยังมีคนผิวปากแซว โดยมีเหล่าเพื่อนผู้ชายซุกซนโห่ขึ้นมาก่อน


“เหล่าหวง คนสวยเป็นฝ่ายโผเข้ามากอดเองนายก็รับไว้เถอะ!”


“นั่นสิ…สัมผัสตัวกันแล้ว เหล่าหวงนายก็รับไว้เถอะ!”


……


เพื่อนผู้ชายกลุ่มนั้นล้วนอยู่กองเดียวกับหนุ่มร่างสูงใหญ่คนนั้นซึ่งอยู่ด้วยกันไม่กี่วันก็เริ่มสนิทกันแล้ว จากนั้นก็พูดจาหยอกล้อโดยไม่ทันคิด ใบหน้าทรงเหลี่ยมผิวเข้มของหนุ่มร่างสูงใหญ่กลายเป็นสีตับหมูในพริบตา แน่นอนว่าสีสองสีนี้ไม่มีความต่างอะไรมาก


“อย่า…อย่าพูดซี้ซั้วไป…”


หนุ่มร่างสูงใหญ่พูดตำหนิเหล่าเพื่อนผู้ชายที่โห่แซวอยู่หลายคำ เขาทำทีไม่ใส่ใจนักแต่ก็ยังรู้สึกดีใจอยู่บ้าง แม้เมื่อสักครู่สองร่างจะชนกันอย่างจังแต่เขาตาดีเพียงแวบเดียวก็เห็นโฉมหน้าของถังม่านลี่ชัดเต็มสองตา พบว่าเป็นหนึ่งในเพื่อนผู้หญิงจากสาขาศิลปะจีนที่เหล่าผู้ชายอย่างพวกเขาคอยพูดถึงหลังปิดไฟก่อนเข้านอน


อีกทั้งยังเป็นคนที่อยู่ในลำดับที่สามเสียด้วย!


เขาไม่ดีใจสิแปลก!


ที่แท้พวกผู้ชายกลุ่มนี้ก็ซุบซิบนินทาไม่เบาเหมือนกัน สิ่งที่เอ่ยถึงบ่อยที่สุดเวลานอนบนเตียงก็ไม่พ้นเรื่องสาวในมหาวิทยาลัยไม่ใช่หรืออย่างไรกัน ส่วนห้องที่ถูกพูดถึงบ่อยที่สุดคือสาขาศิลปะจีน เพราะสาขาศิลปะจีนก็คือสาขาที่ดาวมหาวิทยาลัยเรียนอยู่


ดาวมหาวิทยาลัยไกลเกินเอื้อมทำให้พวกผู้ชายกล้าแต่วิจารณ์ลับหลังซึ่งไม่มีใครกล้าคิดเกินเลย ใช่ว่าจะไม่มีแต่เป็นฝ่ายล้มเลิกไปเองเสียก่อน


เพื่อนผู้หญิงห้าคนที่เหลือพวกเขาเองก็ได้แอบเมาท์กัน—ให้แต่ละคนอย่างพร้อมเพรียง คนที่อยู่อันดับสองต้องเป็นสวีจื่อเซวียนอยู่แล้ว พวกผู้ชายคิดว่าหญิงสาวผู้นี้โชคไม่ดีนัก หากไม่มีจ้าวเหมยคอยสกัดอยู่ล่ะก็ ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาและความสามารถของหญิงสาวผู้นี้มีสิทธิ์เป็นดาวมหาวิทยาลัยได้อย่างไม่เป็นข้อกังขาเลย


แต่ตอนนี้กลับต้องมาตกอับเป็นดาวคณะแทน!


เวลาก็ด้วย โชคก็ด้วย ชะตากรรมก็ด้วย!


คนที่สามย่อมเป็นถังม่านลี่ อีกทั้งผู้ชายพวกนี้คิดเรื่องต่ำทราม จัดให้ถังม่านลี่อยู่ในอันดับหนึ่งของคู่นอนที่น่าเชยชมมากที่สุด


ทำไมน่ะเหรอ?


เพราะถังม่านลี่อกตูมบั้นท้ายเด้งแล้วยังมีเรียวขายาวที่มีแรงไม่น้อย ซึ่งดูได้จากหญิงสาวผู้นี้วิ่งสนามสิบห้ารอบแล้วยังไม่เป็นลมเลย


“ถ้าจะพูดถึงเรื่องหาแฟน ประเภทอย่างจ้าวเหมยกับสวีจื่อเซวียนนางฟ้าเกินไป ดูเอื้อมไม่ถึง คนที่เหมาะที่สุดก็คือประเภทอย่างถังม่านลี่ พี่น่ะผ่านมาแล้ว รอถึงตอนขึ้นเตียงพวกนายก็เจ้าเข้าใจในสิ่งที่พี่พูด…”


คนที่เอ่ยประโยคนี้คือชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งในห้องที่อ้างว่าตนมากประสบการณ์ด้านจีบสาว คนอื่น ๆเลยหลงเข้าใจไปตามนั้น


และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าหนุ่มร่างสูงใหญ่คนนี้เห็นคนที่โถมตัวเข้ามาหาคือถังม่านลี่ หัวใจ…เต้นระรัวตึกตักตั้งแต่แรกแล้ว!


ตอนที่ 1410 วุ้นเส้นต้มเลือดหมูร้อนฉ่า


“คุณถังไม่เป็นไรใช่ไหม?”


หนุ่มร่างสูงใหญ่ถามด้วยความเป็นห่วง ณ เวลานี้เขายังไม่รู้ตัวว่าวุ้นเส้นต้มเลือดหมูร้อนฉ่าของตัวเองได้ย้ายตำแหน่งไปแล้ว ในสายตามีเพียงถังม่านลี่และในหัวพาลนึกถึงคำพูดของเจ้าหมอนั่น เมื่อได้เชยชมระยะใกล้จึงเห็นว่าด้านหน้าของถังม่านลี่ค่อนข้างตูมอย่างว่าจริง ๆ ทำเอาเขามองจนตามืดเบลอไปเลย


“…นายเดินอย่างไรกัน…หน้าของฉัน…”


ถังม่านลี่เป็นฝ่ายผิดแต่กลับโบ้ยความผิดเสียอย่างนั่น สองมือประคองหน้าและลูบดวงตาที่แสบเพราะในน้ำซุปใส่พริกป่นเข้าไปด้วย ไม่แสบสิแปลก!


หนุ่มร่างสูงใหญ่รู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง ทั้งที่สาวงามเป็นฝ่ายชนก่อนแท้ ๆ แต่ผู้ชายมักใจกว้างต่อหญิงงามเสมอ หนุ่มร่างสูงใหญ่เลยมองข้ามจุดนี้ไปแล้วยังเป็นฝ่ายเอ่ย ‘ขอโทษ’ ก่อน


เหมยเหมยยืนมองด้วยสายตาเย็นชา เมื่อกี้ถังม่านลี่จงใจจะชนเธออย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เกิดสติแตกอะไรอีก ทำชั่วได้ชั่วจริง ๆ ทำไมในน้ำซุปเลือดหมูถึงไม่ใส่พริกป่นเยอะกว่านี้นะ!


“ถังม่านลี่เธออย่าเป็นคนไร้เหตุผลสิ ทั้ง ๆที่เธอเป็นคนชนเพื่อนเขาก่อนแล้วยังเปลืองกับข้าวชามโตของเขาอีก เธอคิดว่าตัวเองมีเหตุผลนักหรือไง?” ฉีฉีเก๋อที่เห็นถึงความไม่เป็นธรรมจึงก้าวออกมาตำหนิ


“ตาของฉัน…ตาของฉันลืมไม่ขึ้นแล้ว…”


ถังม่านลี่จะมีอารมณ์ทะเลาะกับฉีฉีเก๋อเสียที่ไหนอีก เอาแต่ร่ำไห้ร้องบอกว่าตาใกล้บอดแล้ว


ครูฝึกคนอื่น ๆเดินเข้ามาหา ถามไถ่เรื่องราวว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ให้ฉีฉีเก๋อพยุงถังม่านลี่กลับไปทวนท่าระเบียบที่หอพัก เมื่อสักครู่ใครใช้ให้สองคนนี้เสียงดังกันล่ะ!


วันนี้ครูฝึกหน้านิ่งไม่อยู่โรงอาหารเลยไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเขาถูกใครบางคนเรียกตัวกลับไปถามอะไรบางอย่าง


ครูฝึกหน้านิ่งที่ดูเฉิดฉายมีมาดยามอยู่ต่อหน้านักศึกษา ในขณะนี้กลับเหมือนเด็กนักเรียนชั้นประถมที่ยืนหลังตรงอย่างเชื่อฟังไม่กล้าแม้แต่กรอกตาไปมา


ลำคอแห้งผาก หนังท้องตึง อยากไปเข้าห้องน้ำจัง


เฮ่อเหลียนชิงอุ้มต้าหวงไว้ไม่ปริเสียงทำให้บรรยากาศอึดอัดในชั่วขณะ และทำให้ครูฝึกหน้านิ่งอยากไปเข้าห้องน้ำมากกว่าเดิม


เสี่ยวเมิ่งเองก็หมดคำจะพูด นายท่านกำลังทานข้าวอยู่ จู่ ๆก็สั่งให้เรียกตัวเสี่ยวเฉามาถามอะไรสักหน่อย แต่พอเรียกเจ้าตัวมานายท่านกลับไม่ถามอะไรเลย ให้อีกฝ่ายยืนรออยู่อย่างนั้น


“จ้าวเหมยเป็นยังไงบ้าง?” เสี่ยวเมิ่งจำต้องเอ่ยถามแทนนายท่านผู้แสนเย่อหยิ่งของตน


ครูฝึกหน้านิ่งถอนหายใจโล่งอกไปทีพลางตอบกลับเสียงดัง “ผู้บัญชาการเมิ่งไว้วางใจได้ ดีมากครับ กินเนื้อหนึ่งถ้วยทุกมื้อจนมีเหนียงยื่นออกมาแล้ว”


เอ่ยถึงเรื่องนี้ครูฝึกหน้านิ่งยังค่อนข้างได้ใจพอสมควร ดูสิว่าเขาเลี้ยงว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ในอนาคตได้ดีขนาดไหน!


เสี่ยวเมิ่งชะงัก เหนียงนี่มันอะไรกัน?


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้สั่งให้ช่วยเลี้ยงภรรยาให้อุดมสมบูรณ์ขนาดนั้นหรือเปล่า?


เขาเหลือบมองใครบางคนที่ยังได้ใจอยู่แวบหนึ่งก็ยิ่งรู้สึกขบขันเลยพูดให้กำลังใจ “ไม่เลว พยายามต่อไป!”


“ครับ!”


ครูฝึกหน้านิ่งตอบรับเสียงดังลั่นด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างท้วมท้น ในที่สุดเขาก็ได้เจอ ‘นายท่าน’ ในตำนานแล้ว รวมถึงผู้บัญชาการเมิ่งที่ไม่ดุขรึมเลยสักนิด แต่กลับใจดีเป็นมิตรขนาดนี้แท้ ๆ


เฮ่อเหลียนชิงเองก็รู้สึกขำ ยายบ้านั่นวัน ๆแหกปากแต่จะลดความอ้วน หากเธอรู้ว่าหลังจากจบการเข้าค่ายนอกจากจะไม่ผอมลงแล้วยังอ้วนขึ้นไม่รู้ว่าจะโกรธขนาดไหนเชียว!


จู่ ๆก็เริ่มรู้สึกคาดหวังขึ้นมาเสียเหลือเกิน!


เสี่ยวเมิ่งถามชีวิตประจำวันในระหว่างเข้าค่ายของจ้าวเหมยอีกนิดหน่อย เมื่อรู้ว่ายายเด็กคนนี้ไม่อู้ไม่ขี้เกียจสักนิด แถมยังประพฤติดีกว่าคนอื่น ๆ เฮ่อเหลียนชิงก็ยิ่งกระตุกยิ้มอย่างพอใจ ยัยบ้านี่ยังนิสัยดื้อรั้นดีเหมือนเดิม


หัวใจที่ตื่นเต้นของครูฝึกหน้านิ่ง หลังจากกลับมายังค่ายทหารแล้วแต่ยังคงใจเต้นเร็วเหมือนรัวกลองเหมือนเดิม ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาเคลิบเคลิ้ม หน้าตาเหมือนคนที่เพิ่งไปสวีทหวานแหววกับคนรักมาเสียอย่างนั้น เพราะเมื่อกี้ก่อนจะกลับเฮ่อเหลียนชิงจับมือเขาแล้ว


จับมือแล้ว!


ครูฝึกหน้านิ่งมองมือข้างขวาอย่างอาลัยอาวรณ์ ตัดสินใจนับตั้งแต่นี้ไปจะไม่ใช้มือข้างขวาอีกเพราะทำใจใช้ไม่ลง!


…………………….


 ตอนที่ 1411 ร่างกายอ่อนแอภูมิต้านทานต่ำ


เหมยเหมยหยิบกะละมังล้างหน้าและเสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วกลับหอพัก ยังมีกาต้มน้ำเปล่าสองใบ การอาบน้ำในค่ายไม่สะดวกนัก โชคดีที่มีน้ำร้อนไม่จำกัดไม่งั้นเธอคงกลุ้มใจตายแน่ สำหรับเธอแล้วต่อให้เป็นวันที่ร้อนที่สุดของปีเธอก็ต้องอาบน้ำร้อน ไม่เหมือนพวกถังม่านลี่และฉีฉีเก๋อที่ต่อให้จะสาดน้ำเย็นบนร่างกายก็ไม่กลัวหนาวเลยสักนิด


ในหอพักถังม่านลี่ดวงตาบวมแดง โดนพริกป่นจนแสบไปหมด บนใบหน้ายังมีรอยแดงลวกปรากฏอยู่อีกหลายที่


เหมยเหมยเพิ่งจะก้าวเข้าหอพัก ถังม่านลี่ก็หันไปมองเธอด้วยสายตาแห่งความโกรธ เป็นเพราะนังผู้หญิงคนนี้ถึงได้ทำให้เธอปล่อยไก่ต่อหน้าผู้คนมากมาย และหน้าแตกยับไม่เหลือชิ้นดี


เพียงแต่ถังม่านลี่ก็ถือว่ายังมีสติมีเหตุผลอยู่บ้าง รู้ว่าจ้าวเหมยร่ำรวยและมีอำนาจ นักเรียนยากจนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างเธอ แน่นอนว่าไม่ควรจะไปหาเรื่องด้วย ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่แสดงความโกรธทางสายตาเท่านั้น


“โห ถังม่านลี่หน้าของเธอกลัวว่าจะอักเสบเข้าแล้วน่ะสิ! มันจะทิ้งรอยแผลเป็นไหม?” สีอันน่าอุทานพูดเกินจริงขึ้นมา


ถังม่านลี่ตกใจยกใหญ่ ใบหน้ารูปไข่งามของเธอคือไม้เด็ดสุดไว้ใช้ในเมืองหลวง ถ้าหากทิ้งรอยแผลเป็นไว้จริง เธอยังจะจับสามีรวย ๆได้อย่างไร?


จะกระโดดขึ้นไปอยู่ที่สูงได้เช่นไร?


จะกลับไปโอ้อวดที่บ้านเกิดได้ไช่นไร?


ถังม่านลี่ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห และยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกปวดใจจึงฟุบลงโต๊ะและเริ่มร้องไห้ ทำเอาทุกคนต่างตกอกตกใจกันหมด ไม่คิดว่าถังม่านลี่บทจะร้องไห้ก็ร้องเลย อีกทั้งยังร้องไห้อย่างน้อยเนื้อต่ำใจเสียขนาดนี้


ตอนนี้คนอื่น ๆต่างก็เห็นใจถังม่านลี่ขึ้นมาอยู่บ้าง รู้สึกว่าเธอโชคไม่ดีเอามากจริง ๆ


คนส่วนใหญ่มักเป็นแบบนี้ชอบเห็นอกเห็นใจผู้อ่อนแอโดยไม่รู้ตัว แทนที่จะตรวจสอบถูกหรือผิดเสียก่อน


“หน้าของฉันเป็นแบบนี้ไปแล้ว……ถ้าหากว่าไม่หายจะทำอย่างไร?” ถังม่านลี่ร้องไห้สะอึกสะอื้นพูดถึงความกังวลของตัวเองออกมา


“แค่แผลพุพองเล็กน้อยแค่นั้นเอง ไปโรงพยาบาลและเอาครีมมาทามันก็หายแล้ว มีอะไรน่าร้องไห้กัน?“ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเกิดอาการรำคาญอยู่บ้าง พลางทานของว่างเสียงดังจ๊อบแจ๊บ


ถังม่านลี่สะอื้นอีกครั้งพลางพูดว่า “ฉัน…บาดแผลของฉันมักจะหายช้า สมัยเด็ก ๆตอนฉันเจาะหู พี่สาวของฉันไม่กี่วันก็หายแล้ว แต่ฉันต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนถึงจะหาย ถ้าหน้าของฉันต้องเละไปอีกหนึ่งเดือน ฉันจะมีหน้าไปเจอคนอื่นอย่างไร…ฮือ…”


สงสัยว่าผู้หญิงคนนี้จะมีภูมิต้านทานร่างกายที่ไม่ค่อยดีเท่าไร!


ถ้าหากว่าเป็นจริง ตุ่มพองบนใบหน้าของเธอนี่คงจะสร้างความลำบากให้เธอจริง ๆ!


“ฉันจำได้ว่าโรงพยาบาลมียาแขนงหนึ่งที่รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้มีประสิทธิภาพมาก ต่อให้โดนไฟไหม้ไฟลวกก็หายได้ไม่เหมือนเดิม เพียงแต่แพงไปหน่อย ยาหลอดหนึ่งก็หลายสิบหยวนอยู่”


เจิ้งเสวี่ยซานพูดอย่างนุ่มนวล ไม่พอเธอยังเอื้อมมือไปตบหลังถังม่านลี่เบา ๆเหมือนพี่สาวคนสนิทที่รู้ใจ


ถังม่านลี่ตกใจจนลืมร้องไห้ ยาราคาหลายสิบหยวน?


เธอจะเอาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน?


ทุกคนมองออกถึงความยากลำบากของเธอ อย่ามองแค่ว่าถังม่านลี่เอาแต่โอ้อวดถึงความร่ำรวยถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีอย่างนู้นอย่างนี้ทั้งวันแต่ต่างก็ไม่มีใครเชื่อ เกรงว่าคนที่มีสถานะต่ำต้อยที่สุดในหอพักก็น่าจะเป็นผู้หญิงคนนี้แล้วล่ะ ยาหลายสิบหยวนสำหรับพวกเธอยังว่าแพง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถังม่านลี่


“ฉัน…ฉัน…ฉันซื้อยาที่แพงขนาดนั้นไม่ไหวหรอกนะ”


ถังม่านลี่ใบหน้าแดงก่ำ พูดตะกุกตะกักออกมาว่า เธอซื้อไม่ไหวจริงๆ เงินหลายสิบหยวนคือเงินค่าอาหารเดือนหนึ่งของเธอเลยนะ


เธอตัดใจซื้อไม่ลงหรอก!


แต่ถ้าจะเหลือแผลเป็นไว้บนใบหน้าก็ไม่ได้เช่นกัน


คนอื่น ๆไม่ได้พูดอะไรอีก พวกเธอก็คงไม่ออกปากจ่ายเงินสิบกว่าหยวนแทนให้ได้หรอกนะ พวกเธอไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น บรรยากาศภายในห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงเคี้ยวขนมของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อดังชัดเจน


ถังม่านลี่เข้าใจความหมายของคนพวกนี้ ไม่มีทางที่จะยื่นมือช่วยอย่างแน่นอน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมดหวัง แถมยังรู้สึกเกลียดเพื่อนร่วมชั้นเรียนขึ้นมา


เห็นอยู่ชัด ๆว่าซื้ออาหารซื้อเสื้อผ้าอย่างมือเติบขนาดนั้น เงินสิบกว่าหยวนก็แค่เงินอันน้อยนิด ช่วยซื้อยาให้เธอหน่อยไม่ได้เลยหรือไง?


ตอนที่ 1412 ไม่มีเงิน


เจิ้งเสวี่ยซานนึกขึ้นได้พูดเสียงอ่อนเสียงหวานว่า “ฉันแนะนำเธอข้อหนึ่งแล้วกัน ทุกคนมีวาสนาต่อกันเดินทางมาหลายพันลี้มาที่นี่เพื่อเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันและยังอยู่ในหอพักด้วยกัน ถึงแม้จะไม่ใช่พี่น้องกันแต่เป็นมากกว่าพี่น้อง ตอนนี้ถังม่านลี่เกิดปัญหา พวกเราก็ต้องยื่นมือเข้าช่วยหรือเปล่า”


เธอหยุดไปครู่หนึ่ง เหลือบมองเหมยเหมยที่ไม่หือไม่อือแขวนเสื้อผ้าที่ขอบหน้าต่าง แล้วพูดต่อไปว่า “ตอนนี้ถังม่านลี่มีปัญหา พวกเราทุกคนมารวมเงินกันช่วยถังม่านลี่ซื้อยา พวกเธอมีความเห็นว่าไง?”


เธอพูดไปก็หยิบเงินห้าหยวนออกมาจากกระเป๋าเงินวางตรงหน้าถังม่านลี่ “ฉันมีเงินไม่มาก ช่วยออกห้าหยวนแล้วกัน ใครเงินมากหน่อยก็ให้มากหน่อย มีน้อยก็ให้น้อยหน่อย ไม่ว่ามากหรือน้อยมันก็คือความปรารถนาดีของพวกเรา”


ถังม่านลี่มองเจิ้งเสวี่ยซานอย่างซาบซึ้งใจ ที่แท้คนที่ไม่หนีเราไปไหนยามเราเผชิญกับความยากลำบากคนนั้นคือเพื่อนแท้จริง ๆ เมื่อก่อนเธอยังว่าเจิ้งเสวี่ยซานนั้นเสแสร้งจอมปลอม


ไม่สมควรเลยจริง ๆ!


สีอันน่าเบะปาก ผู้หญิงคนนี้จบได้สวยงามจริง ๆ เพียงออกเงินแค่ห้าหยวนก็ซื้อใจคนได้แล้ว อีกทั้งยังลากพวกเธอทั้งหลายเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย!


เธอก็หยิบออกมาห้าหยวน พูดน้ำเสียงออดอ้อนว่า “หัวหน้าห้องเจิ้งพูดถูก มีคนตกทุกข์ได้ยากก็ต้องร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือกัน ฉันก็ออกห้าหยวนแล้วกันคงไม่ข้ามหน้าข้ามตาหัวหน้าห้องเจิ้งหรอกใช่ไหม?”


สวีจื่อเซวียนคิดแล้วคิดอีก ก็หยิบออกมาห้าหยวนเช่นกัน


ถังม่านลี่แอบดีใจแค่เวลาชั่วครู่ก็ได้มาแล้วสิบหยวน!


เธอมองไปทางเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและจ้าวเหมยอย่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย พวกเขาสามคนรวยจะตายคงช่วยออกมากกว่าพวกนั้นใช่ไหม?


ฉีฉีเก๋อยังไม่ทันได้คิดเสร็จดีว่าจะให้หรือไม่ให้ เธอรู้สึกว่าให้เงินแบบนี้ไม่ค่อยดีสักเท่าไร เหมือนกับให้ขอทานอย่างไรก็ไม่รู้ เหมือนเป็นการดูถูกถังม่านลี่เสียมากกว่า


โธ่สาวน้อย ถังม่านลี่น่ะไม่รู้สึกว่าอับอายขายขี้หน้าเลยสักนิด


เธอปรารถนาอย่างแรงกล้าว่าจะมีคนเอาเงินมาฟาดหน้าเธอแรง ๆอย่างดูถูกด้วยซ้ำ!


ถึงแม้ว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะไม่ชอบครอบครัวเล็ก ๆพื้นเพไม่ดีอย่างเช่นถังม่านลี่ ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยยอมน้อยหน้าคนอื่นเรื่องเงินอยู่แล้ว โดยเฉพาะต่อหน้าสีอันน่า จึงหยิบออกมาสิบหยวนโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น โยนไปด้านหน้าถังม่านลี่ แถมยังตั้งใจหันไปชำเลืองมองสีอันน่าอย่างยียวนแล้วก็เคี้ยวขนมต่อไป


ถังม่านลี่ใจสั่นระริก ยี่สิบห้าหยวนแล้ว


หาเงินในเมืองใหญ่นี่ง่ายจริงๆ!


เหลือแค่ฉีฉีเก๋อและจ้าวเหมยแล้ว พวกเธอก็คงจะให้ไม่น้อยเหมือนกัน โดยเฉพาะตัวการหลักอย่างจ้าวเหมยที่ทำเธอได้รับบาดเจ็บ!


แต่เธอรออยู่นาน เสื้อผ้าของเหมยเหมยก็แห้งแล้ว แถมยังหยิบไดร์เป่าผมมาเริ่มเป่าผมแล้วก็ยังไม่เห็นเงาของเงิน ฉีฉีเก๋อก็เหมือนกัน เพราะเธอเห็นว่าเหมยเหมยไม่แสดงท่าทีอะไร แน่นอนว่าก็ไม่หยิบเช่นกัน


เรื่องกฎระเบียบเหมยเหมยเข้าใจแจ่มแจ้งมากกว่าเธอ เธอก็แค่ทำตามเพื่อนไปก็พอแล้ว!


เจิ้งเสวี่ยซานอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเตือน “จ้าวเหมย พวกเราให้เงินถังม่านลี่เพื่อรวบรวมไปซื้อยา เธออยากจะสมทบช่วยสักหน่อยไหม?”


เหมยเหมยปิดไดร์เป่าผม ดวงตาเย็นชามองไปทางเจิ้งเสวี่ยซานสามวินาที แล้วค่อยมองไปทางถังม่านลี่ แล้วพูดเสียงเบาว่า “ไม่จำเป็นต้องซื้อยาหรอก ก็แค่ตุ่มพองใส ๆเอง ไม่บีบมันแตกก็ได้แล้ว ถ้ายังไม่วางใจก็ทายาสีฟันเสียหน่อย ฉันอยู่บ้านก็ทำแบบนี้ ไม่นานก็หายแล้ว”


เมื่อครู่เธอฟังจนปวดฟันไปหมด ก็แค่ตุ่มพองใส ๆไม่กี่ตุ่มเองทำท่าจะเป็นจะตาย เสียอกเสียใจเสียยิ่งกว่ามีคนเอามีดมาแทงเสียอีก


เสแสร้งจอมปลอม!


เจิ้งเสวี่ยซานพูดอธิบายว่า “ถังม่านลี่ผิวแพ้ง่ายภูมิต้านทานต่ำ ใช้ยาทาจะปลอดภัยกว่า”


จู่ ๆเหมยเหมยก็หัวเราะ “ก็ใช่ ถังม่านลี่ถูกเลี้ยงดูมาหยั่งกับเจ้าหญิงมาตั้งแต่เด็ก ไม่ขาดเงินซื้อยาเล็กน้อยแค่นี้หรอก งั้นก็ไปซื้อสิ!”


คิดจะให้เธอควักเงินเหรอ?


ไม่มีทาง!


ให้เงินขอทานข้างถนนยังจะดีเสียกว่า!


…………………………………………..


 ตอนที่ 1413 ทำไมไม่ไปห้องพยาบาล


ฉีฉีเก๋อตบขาพลันตะโกนเสียงดังว่า “ใช่แล้ว ถังม่านลี่บ้านเธอก็ไม่ได้ขาดเงินซื้อยาเล็กน้อยแค่นี้สักหน่อย ทำไมต้องทำตัวเหมือนขอทานด้วยล่ะ?”


หญิงโง่คนนี้เป็นคนเดียวในหอพักที่เชื่อคำพูดโกหกตอแหลพวกนั้นของถังม่านลี่ สีหน้าท่าทางดูจริงใจ ช่างไม่เข้าใจวิธีการของถังม่านลี่เอาเสียมากเลยจริงๆ


คนชาวฮั่นไม่ได้มีคำพูดที่ว่า ต่อให้หิวตายก็ไม่มีทางกินของขอทานไม่ใช่หรือไง!


ถังม่านลี่จุกอยู่ในอก เพราะว่าเธอไม่มีเหตุผลมาหักล้างฝ่ายตรงข้าม


โต้แย้งไปก็แสดงให้เห็นว่าเมื่อก่อนที่เธอพูดไว้คือคำโกหกทั้งหมดว่าบ้านเธอยากจนแร้นแค้นไม่มีอะไรเลย


แต่ถ้าไม่โต้แย้งบ้างเธอก็อึดอัดใจ อีกอย่างเงินค่ายาเธอจะเอามาจากไหน?


ผิวของเธอแพ้ง่ายภูมิต้านทานต่ำจริง ๆ สาเหตุที่มือของเธอหยาบกร้านก็เป็นเพราะตอนเด็กเธอมักจะได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน บ่อยครั้งที่รอยแผลเก่ายังไม่หายดีก็มีแผลใหม่เกิดขึ้นมาอีก ทั้งแผลใหม่ทั้งแผลใหม่จนสุดท้ายตอนนี้หยาบกร้านเสียกว่าผู้ชายอีก


ความทรงจำที่น่าเศร้าของถังม่านลี่เหมือนเป็นการยกก้อนหินทับเท้าตัวเอง ยิ่งเคียดแค้นเหมยเหมยมากขึ้นไปอีก


ทั้งหมดเป็นความผิดของผู้หญิงคนนี้!


ทำร้ายจนตัวเองต้องบาดเจ็บแถมยังไม่ออกเงินเลยสักนิด แล้วยังปลุกปั่นไม่ให้ฉีฉีเก๋อออกเงินอีกต่างหาก จิตใจชั่วร้ายมาก!


“ฉัน…ฉันไม่ใช่ขอทานนะ…ฉัน…” ถังม่านลี่รู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้น ต่อให้เธอจะชอบเงินมากแค่ไหนก็ไม่อยากให้คนอื่นเรียกเธอว่าขอทาน เธอยังมีความภาคภูมิใจในตนเองอยู่


เจิ่งเสวี่ยซานรีบตบหลังเธอเบา ๆ พูดปลอบใจว่า “ไม่ใช่ไม่ใช่ เงินพวกนี้เป็นแค่เพียงการช่วยเหลือระหว่างเพื่อนก็เท่านั้น ในเวลานั้นฉันก็ยืนข้างเธอ ถ้าหากว่าดึงเธอเอาไว้ทันเวลา เธอก็คงจะไม่ล้มลงไป พูดขึ้นมาแล้วฉันก็ควรต้องรับผิดชอบด้วย”


ในใจของถังม่านลี่พลันรู้สึกผิดขึ้นมา เห็นอยู่ชัด ๆว่าเธอตั้งใจจะล้มลงไปเอง


อยู่ดี ๆสวีจื่อเซวียนก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันจำได้ว่าตอนที่ถังม่านลี่ล้ม จ้าวเหมยสามารถรับเอาไว้ได้นี่นา แต่เธอก็เลือกที่จะหลบ”


ความหมายก็คือบาดแผลของถังม่านลี่จ้าวเหมยต้องรับผิดชอบ เงินก็จำเป็นต้องออกให้ด้วย


ฉีฉีเก๋อพูดเสียงดังว่า “สวีจื่อเซวียนเธอหมายความว่าอะไร? จ้าวเหมยเธอไม่หลบหรือว่าจะให้รอถังม่านลี่ล้มลงมาทับใส่? ถังม่านลี่เธอแข็งแรงขนาดนี้ จ้าวเหมยตัวแค่นี้เธอจะรับถังม่านลี่ไหวเหรอ?”


ผู้หญิงคนนี้พูดไปก็ทำท่าทางประกอบไปด้วย ตอนพูดถึงถังม่านลี่ทำท่าวาดวงกลมเสียใหญ่ แต่กับเหมยเหมยกลับวาดมือเล็กยิ่งกว่าไข่ไก่ ต่างกันราวฟ้ากับเหว


สีหน้าของถังม่านลี่คล้ำเขียวด้วยความโกรธ เหมยเหมยกลับอดไม่ได้อยากจะหัวเราะขึ้นมา รู้สึกอบอุ่นใจต่อการลุกขึ้นมาเรียกร้องความเป็นธรรมของฉีฉีเก๋อมาก คบเพื่อนไม่ผิดคนจริง ๆ


เหมยเหมยพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันหลบถังม่านลี่ตามสัญชาตญาณของคนเมื่อเจอกับอันตราย หากว่าฉันโดนถังม่านลี่ชนจนได้รับบาดเจ็บ ส่งผลกระทบต่องานของฉัน ถ้าอย่างนั้นค่าเสียหายก็คงไม่ใช่แค่เงินค่ายาแค่ขวดเดียวแน่นอน”


ทุกคนก็รู้สึกใจสั่นขึ้นมา พลันนึกถึงสถานภาพของจ้าวเหมยในฐานะนักเขียน และหนังสือที่ขายดีที่สุดของเธอ


ดูเหมือนว่าเสียหายไม่น้อยจริง ๆ!


เหมยเหมยพูดต่อไปว่า “ข้อสอง ถังม่านลี่เป็นแค่เพียงตุ่มพองใสเล็ก ๆไม่กี่ตุ่มเท่านั้นเองไม่จำเป็นต้องระดมทุนเลย อีกอย่างค่ายก็มีห้องพยาบาล ต่อให้เธอจะมือขาดก็รักษาฟรี ไหนเลยจะต้องซื้อยากัน?”


เธอรู้สึกจริง ๆว่าถังม่านลี่เสแสร้ง ใครบ้างไม่เคยโดนลวกมาก่อน เมื่อก่อนเธอโดนน้ำแกงที่เพิ่งทำเสร็จร้อน ๆจากหม้อลวกจนมือแดงเถือกไปหมด เหอปี้อวิ๋นเอาซีอิ้วขาวทาให้เธอ ไม่ได้ใช้ยาอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ก็เหมือนเดิมไม่ได้เป็นอะไร อีกอย่างแค่มองก็รู้ว่าเจิ้งเสวี่ยซานมีเจตนาไม่ดี ไปรักษาที่ห้องพยาบาลไม่ต้องใช้เงิน แต่จะวิ่งไปซื้อยารักษาแผลเป็นอะไรนั่น?


พูดจบเหมยเหมยก็เป่าผมต่อ ไม่สนใจพวกผู้หญิงนิสัยเสียที่ดีแต่หน้าตาแต่วันวันทำแต่เรื่องไร้สาระ


อยู่ดี ๆเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ยื่นมือไปหยิบเงินสินหยวนของตัวเองกลับมา “ทำไมฉันถึงได้ลืมเรื่องห้องพยาบาลไปเสียสนิทเลยนะ ที่นั้นไม่ต้องใช้เงินแม้แต่แดงเดียว”


สีอันน่าคิดอยู่ในหัวแล้วเอาเงินห้าหยวนของตัวเองคืนมา หยิบกระจกและเริ่มจัดผมจัดผมไปเรื่อย ไม่สนใจอะไรอีก


สวีจื่อเซวียนและเจิ้งเสวี่ยซานรู้สึกทำตัวม่ถูก ถังม่านลี่ก็ยิ่งอึดอัด เธอกัดฟันหยิบเอาเงินห้าหยวนคืนพวกเธอไป พยายามทำหน้ายิ้มแย้ม


“ขอบคุณ ฉันจะไปห้องพยาบาลเดี๋ยวนี้แหละ”


ตอนที่ 1414 ชายหญิงทำงานร่วมกันไม่เหนื่อย


ถังม่านลี่กลับมาอย่างรวดเร็ว ในมือไม่มีอะไรเลย เจิ้งเสวี่ยซานถามเธอว่าทำไมเธอถึงไม่หยิบยาทาสำหรับแผลโดนลวกกลับมาทาด้วยล่ะ ถังม่านลี่ยิ้มเจื่อน ๆพลางพูดว่า “หมอบอกว่าแผลฉันไม่ได้รุนแรงอะไรมากนัก ไม่จำเป็นต้องใส่ยา ผ่านไปสองสามวันก็หายเองแล้ว”


เมื่อครู่หมอห้องพยาบาลก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอมากมายนัก มีหมอคนหนึ่งยังพูดว่าเธอทำตัวอ่อนแอเกินไป แค่ตุ่มพองใสไม่กี่ตุ่มเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นต้องเปลืองยา เพียงแต่ระวังอย่าไปทำให้มันแตกก็เท่านั้น


อันที่จริงหมอก็พูดถูก ตุ่มพองใสเล็ก ๆแบบถังม่านลี่นี้ไม่จำเป็นต้องใช้ยาจริง ๆ เพียงแต่ระวังอย่าไปทำมันแตกจนแผลติดเชื้อก็พอแล้ว หมอในค่ายเป็นหมอที่ทางกองทหารจัดมา แต่ละวันต้องเห็นทหารแขนขาดก็ยังไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ แน่นอนว่าไม่ชินกับผู้หญิงที่อ่อนแอแบบนี้หรอก


ถังม่านลี่กลับคิดไปอีกอย่าง กลับรู้สึกว่าหมอจะต้องเห็นว่าเธอเป็นนักเรียนที่จนแน่ ๆถึงไม่ให้ยาเธอ ถ้าหากว่าเป็นจ้าวเหมยได้รับบาดเจ็บแทน หมอพวกนั้นคงจะรีบกรูกันเข้ามาใส่ยาให้แน่นอน!


เชอะ ทุกคนต่างก็เป็นพวกนิสัยชอบดูถูกคนอื่น!


ถังม่านลี่สนใจใบหน้าของตัวเองมากเกินไปจริง ๆ ถึงแม้ว่าหมอจะบอกว่ามันไม่เป็นไร แต่เธอก็ยังไม่สบายใจ แม้กระทั่งเวลาว่างช่วงการฝึกทหาร ก็แอบเอากระจกเล็ก ๆมาส่องอยู่บ่อยครั้ง เพื่อดูว่าตุ่มพองใสแตกไหม


บนโลกใบนี้ช่างน่าประหาด บ่อยครั้งที่ยิ่งคุณสนใจมันมากเท่าไร พระเจ้าก็จะยิ่งทำให้คุณสูญเสียมันไป


ถึงแม้ว่าถังม่านลี่จะระวังมากถึงเพียงนี้แต่ตุ่มพองใสของเธอก็แตกไปหนึ่งตุ่ม น่าจะเป็นเล็บของตัวเธอเองไปกดโดนเข้าแต่เธอกลับไม่รู้สึกตัว


เดิมทีถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นคนอื่นทำตุ่มพองใสแตกก็คงไม่เป็นอะไรผ่านไปไม่กี่วันก็คงจะหายดี แต่ผิวของถังม่านลี่แพ้ง่ายติดเชื้อง่าย เพิ่งทำแตกวันแรกวันต่อมาก็เกิดอาการอักเสบทันที รอถังม่านลี่ตระหนักรู้ตัวการติดเชื้อก็เริ่มลุกลามแดงไปครึ่งหน้าและยังมีอาการบวมเล็กน้อย มันออกจะดูน่ากลัวอยู่พอสมควร


ทำเอาถังม่านลี่ตื่นตระหนกจนต้องรีบร้อนวิ่งไปห้องพยาบาลเพื่อใส่ยา หมอทายาน้ำสีม่วงให้เธอ ใบหน้าครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยจุดสีม่วง ดูตลกมาก ทุกวันที่ไปฝึกทหาร เพื่อนนักเรียนทุกคนที่เห็นถังม่านลี่ต่างก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ แม้แต่นายทหารครูฝึกก็ยังหัวเราะตามไปด้วย ทำให้ถังม่านลี่อับอายและโกรธเป็นอย่างมาก ความเกลียดชังที่มีต่อจ้าวเหมยก็ยิ่งทวีขึ้น


ใบหน้าที่สวยงามดั่งหยกในตอนนั้น บัดนี้กลับกลายว่าหน้าลายพร้อยเต็มไปหมด ทั้งหมดเป็นเพราะจ้าวเหมยทำร้ายเธอ!


แล้วอีกอย่างเงินพวกนั้น เดิมทีอย่างน้อยเธอก็ทำเงินได้ถึงยี่สิบห้าหยวนแล้ว แต่เพราะจ้าวเหมยจึงทำให้เธอไม่เหลือสักแดงเดียว


ใบหน้าและเงิน สองสิ่งนี้คือสิ่งที่ถังมานลี่ให้ความสำคัญมากที่สุด เมื่อใครก็ตามทำให้หนึ่งในสองอย่างนี้ต้องเป็นพังเสียหาย ถังม่านลี่ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่แล้ว ตอนนี้ทั้งเหมยเหมยได้ทำลายไปทั้งสองอย่าง ถังม่านลี่คิดอยากจะฆ่าเธอเสียด้วยซ้ำ


แน่นอนว่าเหมยเหมยก็รับรู้ได้ถึงแววตาแห่งความเกลียดชังที่ถังม่านลี่ส่งมาเป็นระยะ ๆ แน่นอนเธอไม่ใส่ใจเลยอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งเธอก็ไม่มีอารมณ์จะไปสนใจผู้หญิงโง่ ๆคนนี้ด้วย เธอเข้ารับการฝึกทหารเป็นเวลาสิบแปดวันแล้ว อาเหลาไม่โทรศัพท์หาเธอเลย นั่นหมายความว่าเหยียนหมิงซุ่นยังไม่กลับมา


ออกไปจะหนึ่งเดือนแล้ว จะไม่ให้เธอกังวลใจอย่างไรไหว?


เหมยเหมยร้อนใจเป็นกังวลมากจนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงตัดสินใจฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครสนใจ ไปหาครูฝึกเพื่อให้ช่วยเปิดประตูหลังพาเธอไปโทรศัพท์ที่ห้องทำงาน คราวนี้เธอเลือกจะถามเสี่ยวเมิ่งโดยตรง


ต้องให้เสี่ยวเมิ่งให้คำตอบที่ชัดเจนให้ได้!


เหมยเหมยวางแผนไว้ว่าหลังจากฝึกทหารเสร็จวันนี้ก็จะไปหาครูฝึก แต่ว่าชีวิตคนเรามักเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ คุณไม่ไปขุดหาปัญหา แต่ปัญหากลับชอบที่จะมาหาคุณเสมอ


วันนี้ยังคงเป็นการเดินท่วงท่าแบบทหาร ผู้ชายคนนี้ก็ยังเดินผิดจังหวะอยู่ ครูฝึกจึงหมดคำพูดกับเขาแล้วจริง ๆ พอคิด ๆดูแล้วจึงเรียกถังม่านลี่ให้ไปช่วยสอนนักเรียนชายคนนั้นตามลำพัง


ต้องพูดว่าครูฝึกไม่มีความหมายอย่างอื่นเลยจริง ๆ แค่เห็นว่าถังม่านลี่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แต่การขยับท่าทางของเธอกลับมีสไตล์และดูดี ทำได้มาตรฐานกว่าผู้ชายทั้งหมดเสียอีก อีกทั้งครูฝึกเองก็แอบมีแผนในใจอยู่บ้าง


ต่างก็พูดว่าชายหญิงทำงานร่วมกันจะช่วยลดความเหนื่อยลงไปได้ไม่ใช่หรือไง!


เขาจึงให้สาวสวยไปประกบคู่กับนักเรียนชายที่มือเท้าแกว่งไม่พร้อมกัน แบบนี้ก็คงเรียนรู้ท่วงท่าอย่างถูกต้องได้อย่างรวดเร็วแล้วล่ะ


……………………………………………….


 ตอนที่ 1415 นายแขนขาไม่สมดุลกับยัยหน้าด่าง


ความคิดของครูฝึกนั้นเรียบง่ายมาก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบนักเรียนฝึกวิชาทหารพวกนี้แต่ในเมื่อรับภารกิจนี้มาแล้วก็ต้องทำออกมาให้ดี ห้องที่เขาดูแลจะต้องได้ที่หนึ่งอย่างแน่นอน เป็นธรรมดาว่าเรื่องแขนขาแกว่งไม่พร้อมกันแบบนี้ห้ามให้เกิดขึ้น


ถังม่านลี่นึกรำคาญใจนักเรียนชายที่เดินไม่ได้เรื่องอย่างมาก เพื่อนคนนี้เป็น GX (ไม่ชอบเขียนมณฑลที่อยู่จริงเพราะกลัวว่าคนอื่นจะรู้กำพืด) คนส่วนใหญ่ทางนั้นพูดจากันค่อนข้างเนิ่บนาบและสำเนียงหนัก ตัวเขาเองก็ไม่ได้สูงมาก หน้าตาก็อัปลักษณ์


อีกอย่างนักเรียนชายคนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในสาขาศิลปะจีนแต่อยู่สาขาเดียวกับสีอันน่า ตามที่อันน่าบอกก็มาจากชนบท คะแนนสอบเข้ามหาลัยยังไม่สูงเท่าถังม่านลี่เลย


นอกจากจะไม่มีเงิน หน้าตาไม่ดีแถมยังไม่มีความสามารถอีก เข้าตาถังม่านลี่ได้สิถึงจะแปลก!


ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะเพื่อนนักเรียนชายคนนี้เธอถึงโดนลงโทษวิ่งสิบห้ารอบ!


นอกจากจ้าวเหมยแล้ว ถังม่านลี่ก็เกลียดเพื่อนนักชายคนนี้เป็นอันดับที่สอง ถ้าหากไม่ใช่เพราะไม่กล้าต่อต้านครูฝึกแล้วล่ะก็ เธอคงกระโดดถีบเลยทันที


ด้วยอำนาจการบีบบังคับของครูฝึก ถังม่านลี่จำต้องเดินตามเพื่อนนักเรียนชายไปฝึกเดินอย่างไม่เต็มใจ ทั้งสองเดินอยู่ด้านข้างของขบวน คนหนึ่งเดินแขนขาแกว่งพร้อมกัน อีกคนใบหน้าด่างพร้อยลาย อีกทั้งถังม่านลี่ยังสูงกว่าเพื่อนนักเรียนชายของเธอถึงหนึ่งเมตร


การรวมตัวกันเช่นนี้มองดูแล้วช่าง…


ทำไมมองดูแล้วถึงน่าตลกขนาดนี้กันนะ!


“นี่……ทำไมนายถึงได้โง่ขนาดนี้? ขนาดเดินยังเดินไม่เป็น!”


ถังม่านลี่แก้ไขอยู่หลายครั้ง เพื่อนนักเรียนชายก็ยังเดินไม่ถูก ตรงกันข้ามเขายังเดินไม่ถูกมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอโมโหจะตายอยู่แล้ว


นักเรียนชายมองไปที่ใบหน้าด่าง ๆของถังม่านลี่อย่างระมัดระวัง มุมปากของเขากระตุกอีกครั้ง อยากจะหัวเราะจริงๆทำอย่างไรดี?


แต่ไหนแต่ไรมาเขาเป็นคนเส้นตื้นมาก เรื่องตลกที่คนอื่นรู้สึกไม่ตลก แต่พอเขาฟังกลับสามารถหัวเราะได้เป็นครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ครูฝึกดันจัดยัยหน้าด่างมาประกบด้วยอีก นี่ไม่ใช่ว่ามีเจตนาลงโทษเขาหรอกหรือ?


ยังจะมีสมาธิได้เดินอีกหรือไง!


“ขอโทษ…ฉันจะเริ่มเดินใหม่…”


นักเรียนชายโดนด่าจนหน้าแดงก่ำไปหมด รู้สึกอับอายขายหน้ามาก แต่เขาก็อยากจะหัวเราะ ขอแค่ได้เห็นหน้าของถังม่านลี่เขาก็อยากระเบิดหัวเราะออกมาแล้ว อึดอัดชะมัด


ถังม่านลี่เห็นรอยยิ้มมุมปากของนักเรียนชาย แล้วก็เห็นมือเท้าที่ไปพร้อมกัน อีกทั้งเสียงหัวเราะลับหลังของเพื่อนร่วมชั้นด้านข้างอีก ไม่มีทางเลยที่เธอจะไม่สะเทือนใจ……


ความโมโหก็พุ่งสูงปรี๊ด!


“อิงจวี้กัง ตั้งใจหน่อย……”


ขบวนใหญ่เดินกันเสียงดังตึง ๆเข้ามา มีเพื่อนักเรียนชายหันมาส่งเสียงเรียกพวกถังม่านลี่ คนอื่น ๆก็ขยิบตาส่งตามมาให้ ดูคลุมเครือเสียเหลือเกิน


อิงจวี้กังก็คือเพื่อนนักเรียนชายที่เดินไม่ปกติคนนี้แหละ ใบหน้าเหลี่ยมได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดงก่ำ จากนั้นก็เหลือบมองถังม่านลี่ที่ทำหน้าเคร่งเครียดอย่างระวัง อยู่ดี ๆก็นึกถึงคำพูดที่นักเรียนชายในหอพักพูดกันตอนกลางคืนพวกนั้น ใบหน้าของเขาแดงซ่านราวกับมีเลือดไหล


ถังม่านลี่ไหนเลยจะมองไม่ออกว่าคนพวกนั้นแซวเธอกับอิงจวี้กัง ในยามปกติยังพอจะช่างมันได้ การแซวเล่นแบบนี้เธอได้ยินมามากแล้วไม่ได้ใส่ใจอะไร


แต่วันนี้เธอกลับรู้สึกทิ่มแทงหูเสียเหลือเกิน มีสิทธิ์อะไรมาผูกเธอกับอิงจวี้กังคนที่ไม่มีเงินไม่มีหน้าไม่มีตาไม่มีความสามารถรวมเข้าด้วยกัน?


หรือว่าเธอถังม่านลี่เหมาะสมกับแค่เพียงกับผู้ชายแย่ ๆแบบนี้หรือ?


เชอะ ถ้าเธอจะแต่งงานเธอก็จะแต่งกับผู้ชายเมืองหลวง พวกปลาฝอยกุ้งฝอยอื่น ๆไหนเลยจะคู่ควรกับเธอได้!


“หัวเราะอะไร? กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำแล้วหรือไง!”


ถังม่านลี่โมโหจนหันไปตวาดใส่พวกเขาหนึ่งประโยค นักเรียนทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง แต่ในไม่ช้าพวกผู้ชายบางคนก็ตื่นเต้นขึ้นมา พวกเขาชอบที่จะต่อล้อต่อเถียงกับผู้หญิงสวย ๆ ยังกลัวว่าจะเล่นได้ไม่ใหญ่พอเลย!


เพราะว่าขบวนเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีนักเรียนชายสามสี่คนที่หันตัวกลับมามองถังม่านลี่กะจะทำซ้ำ ท่าทางดูตื่นเต้นมาก


เพื่อนนักเรียนชายพวกนี้ต่างก็อยู่ในสาขาออกแบบโฆษณา เป็นคนเมืองหลวง ชื่อเสียงฉายาคุณชายเสเพลที่ได้มานั้นสอดคล้องกับความเป็นจริง ถ้าที่บ้านไม่มีเงินก็ต้องมีอำนาจ กินดื่มเที่ยวผู้หญิงเล่นการพนันครบวงจร พ่อแม่จัดการพวกเขาไม่ไหวก็เลยส่งพวกเสเพลพวกนี้มาขังไว้ที่โรงเรียน


ไม่ขอว่าต้องเติบโตก้าวหน้า แค่ขอว่าอย่าหลงผิดก็พอ!


Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1416 หยอกล้อ


ฝึกมาเกือบยี่สิบวันแล้ว เหล่าคุณชายไม่ได้กินไม่ได้เล่นไม่ได้ก่อความวุ่นวายเลย รู้สึกอัดอั้นมาตั้งนานแล้ว ได้แต่หวังว่าจะมีคนก่อกวนพวกเขา!


ถังม่านลี่พูดหาเรื่องก่อน อีกทั้งเธอเป็นเพื่อนนักเรียนหญิงที่สวย พวกเขาไม่ตื่นเต้นสิแปลก!


อิงจวี้กังรู้จักพวกคุณชายเสเพลพวกนี้อยู่สองสามคน เขามองถังม่านลี่อย่างกังวล พูดตักเตือนด้วยความหวังดีว่า “ทางที่ดีเธออย่าไปยุ่งคนพวกนั้นจะดีกว่า เธออาจจะซวยได้นะ”


เขาและคุณชายเสเพลสองคนนั้นพักอยู่หอพักเดียวกัน วัน ๆได้ยินแต่สองคนนี้คุยโม้กัน คุยโวกันว่าใครนอนกับผู้หญิงมากที่สุดจนถึงขั้นพูดเรื่องบนเตียงอีกต่างหาก ฟังพวกเขาพูดจนหน้าแดงฟุ้งซ่านไปหมด


ในนั้นมีคุณชายเสเพลคนหนึ่งพูดถึงการหลับนอนร่วมเตียงกับถังมานลี่เป็นคนแรก เขายังพูดอีกว่าผู้หญิงอย่างถังม่านลี่นอนด้วยคงสนุกไม่หยอก แต่ถึงอย่างไรก็พูดอย่างสถุนหยาบคายมาก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนิทกับคนพวกนี้แต่ก็รู้ว่าพวกเขามีเจตนาที่ไม่ดีต่อถังม่านลี่


แต่ว่าถังม่านลี่กำลังหัวร้อน ไหนเลยจะฟังคำตักเตือนของเขา!


“นายสนใจแต่เรื่องของตัวเองไปเถอะ ขนาดเดินยังเดินไม่เป็นเลย หมูมันยังฉลาดกว่านายอีก!”


น้ำเสียงถังม่านลี่เต็มไปด้วยความโกรธ ในดวงตาเต็มไปด้วยความดูถูก


นิสัยของเธอและเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ต่างกันมาก ดีกว่าก็แค่ขยันมุมานะกว่า แย่กว่าก็แค่ไม่ใช่คนมีหน้ามีตาอะไร เพียงแต่ว่าฐานะของตัวเธอเองต่ำเตี้ยเรี่ยดินกว่าคนอื่น คนที่เธอสามารถเหยียบย่ำได้มีไม่มากจริง ๆ


ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะคว้าอิงจวี้กังไว้ได้คนหนึ่ง แน่นอนว่าต้องแดกดันให้สุดหน่อย


แน่นอนว่าอิงจวี้กังก็รับไม่ได้ ถึงแม้ว่าในสายตาของถังม่านลี่เขาจะไม่ถือสา แต่คนที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้ ใครล่ะจะไม่ใช่ที่รักของครูและเพื่อนร่วมชั้นในสมัยมัธยมปลาย?


ใครจะไม่หยิ่งในศักดิ์ศรีบ้าง?


ถังม่านลี่แสดงท่าทีเช่นนี้ ในใจของเขาแน่นอนว่าต้องไม่สบายใจอยู่แล้วจึงปิดปากเงียบ คร้านจะสนใจเรื่องไร้สาระอีกแล้ว!


ทางด้านพวกเหมยเหมยนั้นเดินไปแล้วสามรอบ นายทหารครูฝึกสั่งให้พักผ่อนที่เดิมได้ แต่ถังม่านลี่และอิงจวี้กังยังคงฝึกกันอยู่ ใครใช้ให้พวกเธอไม่ก้าวหน้าอะไรเลยกันล่ะ!


ครูฝึกไม่พอใจต่อท่าทีการแสดงออกของถังม่านลี่เป็นอย่างมาก เพราะตอนที่เขาชำเลืองมองไป ถังม่านลี่ก็เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเดิน ไม่สนใจอิงจวี้กังที่อยู่ข้าง ๆ ทำเป็นหูทวนลมกับคำพูดของเขา


แต่เขาก็ไม่ทำให้ถังม่านลี่ลำบากใจ วางแผนว่าอีกครู่ค่อยเปลี่ยนคน ส่วนที่ว่าจะเปลี่ยนเป็นใคร เขาควรต้องคิดให้ดี ๆ


ทางด้านถังม่านลี่เองยิ่งรู้สึกแย่ขึ้นกว่าเดิม คนอื่น ๆกำลังนั่งพักผ่อนกันหมด เธอเป็นคนเดียวที่ยังเดินกับอิงจวี้กัง รู้สึกเหมือนเป็นตัวตลกเสียมากกว่า


โดยเฉพาะการชี้ไม้ชี้มือของคนพวกนั้นและการพูดจาขบขันเป็นระยะ ๆ มันยิ่งทำให้ความโกรธของถังม่านลี่พุ่งทะลุฟ้า


เกลียดจ้าวเหมย เกลียดครูฝึก แล้วก็เกลียดอิงจวี้กังและคนพวกนั้นที่หัวเราะเยาะเธอ


“เฮ้ย เห็นแบบนี้แล้ว อิงจวี้กังและยัยหน้าด่างไม่ใช่ว่าดูเหมาะสมกันมากหรอกหรือ!”


“ใช่แล้ว……พลานุภาพของครูฝึกช่างร้ายกาจเสียจริง!”


“อิงจวี้กัง นายตั้งใจแกว่งแขนผิดใช่ไหม? เพื่อดึงดูดสาวสวยใช่ไหมล่ะ..”


“ฮ่าๆ…”


ก่อนที่พวกคุณชายเสเพลสามสี่คนนี้จะทำตัวตามอำเภอไปมากกว่านี้ แต่ก็ยังถือว่าเก็บอาการอยู่บ้างพอสมควร ไม่ได้พูดอะไรที่เลวร้ายเกินไป คนอื่นต่างพากันหัวเราะ ครูฝึกไม่สนใจพวกเขา ปกติระหว่างเวลาพักผ่อนเขาจะไม่เข้าไปยุ่ง อีกทั้งเขายังรู้สึกว่าคำพูดพวกนี้จะใหญ่โตอะไร


ในกองทัพมีคำพูดที่แย่ยิ่งกว่านี้อีก สิ่งเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นแค่กิมจิก่อนอาหารก็เท่านั้น


ดังนั้นครูฝึกไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง ยังคงคิดถึงเรื่องอื่นอยู่ แต่เขาก็ถูกเรียกตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนออกไปเขาก็ให้หัวหน้าห้องทุกช่วยควบคุมความประพฤติของเพื่อนนักเรียนด้วย


ทางด้านถังม่านลี่กลับยิ่งฟังยิ่งโมโห สุดท้ายก็อดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ——


“เมื่อตอนเช้าพวกเธอกินขี้มาหรือไง? ทุกคนถึงได้มีกลิ่นปากที่เหม็นมากขนาดนี้!”


ถังม่านลี่ชะงักแล้วหันไปตวาดใส่พวกคุณชายนั่น เสียงดังอย่างกับห่านป่า คนในสนามต่างพากันมองมาอย่างพร้อมเพรียง


……………………………………………


 ตอนที่ 1417 พวกเธอทำไมไม่รังแกจ้าวเหมย


คนที่ได้สติขึ้นมาก่อนก็คือคนเจนโลกคนหนึ่ง นั่นก็คือคุณชายที่ตั้งฉายาให้ถังม่านลี่เป็นคนแรกนั้นเอง ชื่อโจวซื่อซิน หัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วพูดเสียงเบาว่า “โอ๊ย สะใจจริง ๆ ฉันจะพูดอะไรให้ฟังนะ ผู้หญิงแบบนี้ถ้าอยู่บนเตียงรับรองว่าร้อนแรงฟินสุด ๆ เชื่อพี่แล้วจะมีชีวิตเป็นนิจนิรันดร์!”


ตระกูลโจวถือว่ายังติดอันดับในเมืองหลวง แถมเขายังเป็นลูกชายคนเดียวอีก ถูกคุณย่าและแม่ของเขาตามใจจนเสียนิสัย โชคดีที่ไม่ได้ใจกล้าอะไรขนาดนั้น อย่างมากกล้าแค่หลอกลวงลูกสาวครอบครัวที่ดี ๆ แต่ขนาดฆ่าคนนั้นยังไม่กล้าพอ


พวกคุณชายเสเพลคนอื่น ๆต่างก็ดูทิศทางลมตามโจวซื่อซินไป หลังจากได้ยินคำพูดของเขาเช่นนั้นต่างก็คล้อยตามไปตาม ๆกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้ง แต่ทุกคนฟังออกอย่างชัดเจน


นักเรียนชายคนอื่นต่างเอือมและดูถูกพฤติกรรมของพวกเขา แต่ก็ไม่มีใครอยากจะส่งเสียงห้าม ไม่มีใครอยากมีปัญหากับคนก่อกวนพวกนี้


เพื่อนนักเรียนหญิงยิ่งอับอาย ถึงอย่างไรก็คนที่ถูกลวนลามก็เป็นเพื่อนร่วมชาติ ฟังแล้วรู้สึกไม่ดีเท่าไร แต่ก็ยังไม่มีใครออกหน้า


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้จักพวกโจวซื่อซินไม่กี่คน รู้ว่าพวกคุณชายเสเพลพวกนี้ไม่ควรไปแหย่ แน่นอนว่าเธอคงไม่ออกหน้า


ส่วนพวกเจิ้งเสวี่ยซานและสีอันน่าต่างก็เป็นพวกเอาตัวรอดไว้ก่อน ยิ่งไม่มีทางที่จะออกหน้าแทนถังม่านลี่แน่นอน!


ถังม่านลี่ทั้งโมโหทั้งอับอาย ไม่ทันได้ใส่ใจอะไรมากมายเพราะด่ากับคนพวกนี้ ต่อให้ฝีปากเธอดีแค่ไหนแต่คงไม่มีความสามารถปะทะฝีปากทำสงครามน้ำลายเท่ากับกลุ่มขุนศึกของขงเบ้งได้หรอก แค่ไม่กี่ประโยคก็โดนพวกคุณชายเสเพลพวกนี้พูดจนน้ำตาไหลพราก


“โธ่ คนสวยร้องไห้แล้วเว้ย แต่น่าเสียดายที่เป็นลำต้นแก่ แข็งแรงทนทาน แถมยังหน้าด่างอีกต่างหาก…” มีคุณชายเสเพลคนหนึ่งพูดอย่างโหดร้าย


รสนิยมของเขาและโจวซื่อซินไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง สไตล์ที่เขาชอบคือสาวสวยอ่อนหวานอย่างจ้าวเหมย สวี่จื่อเซวียนประเภทนี้มากกว่า อย่างถังม่านลี่ผู้หญิงบ้านๆแบบนี้ ต่อให้รูปร่างจะดีแค่ไหนก็ไม่สามารถดึงดูดเขาได้แม้แต่นิดเดียว


คนอื่นก็พูดตาม ๆกันมาอยู่สองสามประโยค ไม่มีอะไรมากไปกว่าการด่าทอถังม่านลี่ว่าแข็งแรงบึกบึน แถมยังบ้านนอกสุด ๆ


ใบหน้าของถังม่านลี่เดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาวด้วยความโกรธ เกลียดพวกคุณชายเสเพลพวกนี้มาก คนอื่นจะด่าว่าเธอจนหรืออะไรก็ได้ แต่เธอไม่อนุญาตให้ด่าว่าเธออัปลักษณ์!


เธอถือว่าเป็นสาวงามที่นับได้ว่างามที่สุดในแปดหมู่บ้านระยะสิบเมตร มัธยมต้นถึงมัธยมปลายเป็นดอกไม้ประจำโรงเรียนมาโดยตลอด คนเหล่านี้เป็นพวกไม่มีสติ!


“พวกนายอาศัยว่าเป็นคนเมืองหลวง ถึงได้จงใจรังแกคนต่างถิ่นอย่างฉัน พวกแกทำไมถึงไม่กล้าด่าจ้าวเหมยบ้างล่ะ…”


ถังม่านลี่ร้องไห้ขึ้นมาอย่างรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แต่คำพูดที่พูดออกมากลับทำให้คนหมดคำจะพูด เหมยเหมยหันไปกรอกตามองบนใส่ฟ้าอย่างนึกรำคาญในใจ


นี่คือใครแหย่ใครให้โมโหกันแน่?


อันที่จริงเมื่อครู่เธอยังลังเลว่าจะมาช่วยออกหน้าพูดให้ถังม่านลี่เสียหน่อย แต่พอเธอนึกถึงหน้าตาที่น่าเกลียดของถังม่านลี่ สุดท้ายจึงปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป


เธอเกลียดพวกคุณชายเสเพลพวกนี้ แต่ถังม่านลี่ก็ไม่ใช่คนดีอะไร งั้นก็ให้พวกมันเป็นหมากัดกันเอง!


อีกอย่างหัวหน้าห้องของทั้งสองห้องก็ไม่ได้พูดอะไรสักแอะ เธอจะกังวลไปทำไม?


แต่สงครามนี้อยู่ดี ๆก็ลากเธอมาเอี่ยวด้วย คิดอยากจะนั่งอย่างสงบนึกถึงพี่หมิงซุ่นก็ไม่ได้!


พวกโจวซื่อซินนิ่งตะลึงไป ด่าถังม่านลี่อยู่ในใจ แค่เพียงการล้อเล่นไม่กี่ประโยคก็เท่านั้น คาดไม่ถึงว่าจะกล้าลากจ้าวเหมยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว!


ไหนเลยพวกเขาจะกล้ารังแกจ้าวเหมย?


ไม่ใช่ว่าใช้ชีวิตจนเบื่อแล้วเสียหน่อย!


“พวกเรา…นังอัปลักษณ์นี่บอกว่าพวกเรารังแกเขา? พวกเรารังแกเขาแล้วเหรอ?” โจวซื่อซินทำหน้าทะเล้นเก็บอาการ ในดวงตามีความเย็นชาซ่อนอยู่


“เป็นไปได้ไง? พวกเราไม่ใช่ทหารที่เกณฑ์มาแล้วสามปีสักหน่อย ใช่ว่าเห็นหมูตัวหนึ่งก็เห็นเป็นสาวงามไปได้ ดูหน้าตาชนบทแบบนี้ แก้ผ้าหมดทั้งตัวฉันยังไม่มองให้เสียสายตาหรอก” คุณชายเสเพลอีกคนหนึ่งพูดอย่างฝืนใจ


อันที่จริงเขาค่อนข้างชอบความแปลกหายากของถังม่านลี่เลยทีเดียว!


……


ได้รับการยอมรับเป็นนัย ๆของโจวซื่อซิน พวกคุณชายเสเพลพรุ่งพรูคำพูดออกมาไม่หยุด


แสดงท่าทีหยาบคายกว่าเดิม!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)