ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1390-1397
บทที่ 1390 ลูกชายของคุณ
ฉินสือโอวเอาตั๋วรางวัลส่งให้เชอร์ลี่ย์ จากนั้นก็ยิ้มพูดว่า “เมื่อกี้เธอพลาดมาก เธอไม่ได้เห็นสีหน้าของเจ้าของร้าน มันตลกมาก เขาแทบจะตกตะลึงไปเลยล่ะ”
วินนี่ยักไหล่ใส่และพูดว่า “เจ้าของร้านคนนี้ก็ฉลาดเหมือนกันนะคะ เขารู้ว่าจะซ่อนตั๋วรางวัลที่หนึ่งไว้ที่ด้านบนของกล่องจับรางวัล สุดท้ายก็จะไม่มีใครจับรางวัลที่หนึ่งได้แน่นอน แต่การกระทำแบบนี้มันดูถูกคนอื่นเกินไป”
ฉินสือโอวมองไปที่เธอและพูดว่า “คุณล้อเล่นหรือเปล่า? แบบนี้เรียกว่าฉลาดเหรอ? นี่มันเรียกว่าโง่ต่างหาก!”
“ใช่ คนมีเล่ห์เหลี่ยมมักจะเอารัดเอาเปรียบใช่ไหมคะ?” เชอร์ลี่ย์พูดเสริม
ฉินสือโอวจึงมองไปที่โลลิต้าและสุดท้ายก็ถามเธอว่า “เธอไม่รู้มาก่อนใช่ไหมว่าสามารถทำแบบนี้ได้? นี่คือการโกงการสุ่มจับฉลากที่อยู่ในระดับต่ำสุด”
วินนี่พูดอย่างงุนงงว่า “ระดับต่ำเหรอ? ถ้าเป็นฉันล่ะก็ คงคิดไม่ออกแน่นอน”
เชอร์ลี่ย์พยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “หนูรู้สึกว่านี่เป็นวิธีโกงที่ฉลาดมาก”
ฉินสือโอวไม่ได้พูดอะไรต่อ ไม่ใช่ว่ากองทัพของเขาแข็งแกร่งเกินไป แต่ศัตรูนั้นโง่เกินไปต่างหาก
มีกิจกรรมมากมายในสถานจัดแสดงแห่งนี้ และยังมีคอสเพลย์ที่ถ่ายภาพโดยช่างภาพมืออาชีพ และยังมีซุ้มเกมขายของ ทั้งได้เล่นเกมและยังได้ทำความรู้จักกับเพื่อนอีกด้วย แน่นอนว่าทั้งหมดนี้มีไว้สำหรับเด็กๆ โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ก็ยังมีการตั้งแผงขายสินค้าของใช้สำหรับเด็ก หลักสูตรชั้นเรียนที่น่าสนใจและอื่นๆ ซึ่งจะครอบคลุมทั่วทุกขอบเขตสำหรับเด็กๆ
สุดท้ายฉินสือโอวก็ไปหากอร์ดอนและคนอื่นๆ เพื่อเตรียมเรียกพวกเขาให้ออกมา แต่เมื่อมาถึงที่ที่พวกเขาตั้งแผงขายของ ก็เห็นผู้ปกครองบางคนกำลังชี้นิ้วมาที่พวกเขา แต่เด็กทั้งสามคนก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยและยังวิ่งเพ่นพ่านไปมาอย่างสนุกสนาน
เมื่อเห็นฉินสือโอว กอร์ดอนชี้ไปที่ของเล่นและขนมกองหนึ่งที่วางตรงหน้าอย่างตื่นเต้นแล้วพูดว่า “ดูสิ พวกเรามีพรสวรรค์ในด้านธุรกิจใช่ไหมล่ะครับ?”
ในขณะที่ฉินสือโอวกำลังจะชื่นชมพวกเขา เชอร์ลี่ย์ที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “พวกนายนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ รังแกเด็กแบบนี้สนุกมากเหรอ? หลอกเอาของของเด็กไม่อายบ้างเหรอไง?”
กอร์ดอนพูดอย่างไม่พอใจว่า “หลอกอะไรกัน? เราเรียกมันว่าการล่อลวงต่างหาก!”
แผงขายของที่กำลังตั้งอยู่ข้างๆ พาวลิสและมิเชล เจ้าของแผงนั้นคือหนุ่มน้อยผมบลอนด์อายุประมาณห้าถึงหกขวบและมีรถขุดของเล่นขุดวางอยู่ตรงหน้าหนึ่งชิ้น
มิเชลหยิบอมยิ้มออกมาและอ้าปากเลีย ‘แผล่บๆ’ ด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม จึงทำให้หนุ่มน้อยคนนั้นรู้สึกอยากกินไปด้วย พาวลิสจึงถือโอกาสหยิบออกมาอีกอันและถามหนุ่มน้อยคนนั้นว่าอยากได้ไหม ถ้าอยากได้ก็เอารถขุดมาแลกกัน
ในสายตาที่กังวลของพ่อแม่ หนุ่มน้อยจึงส่งรถขุดให้โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย จากนั้นถืออมยิ้มขึ้นมาเลีย หลังจากเลียได้คำสองคำก็เบื่อและส่งให้พ่อแม่กิน
ฉินสือโอวจึงมองอย่างตกตะลึง ไม่แปลกใจที่เชอร์ลี่ย์จะดูถูกพวกเขา ตอนนี้เขาเองก็ทนไม่ได้แล้วเหมือนกัน
เขาจึงเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ทั้งสามคนเก็บข้าวของและกลับไป กอร์ดอนจึงพูดด้วยความไม่พอใจว่า “ทำไมนะ? ธุรกิจของเราเพิ่งจะเริ่ม ฉันก็ต้องการจะหารายได้อีกแล้ว”
ฉินสือโอวจึงส่งสายตาให้พวกเขาหันกลับมามองและกัดฟันพูดว่า “เจ้าเด็กโง่ ตอนนี้ผู้ปกครองที่อยู่ที่นี่อยากจะจัดการพวกนายจะแย่แล้ว เข้าใจไหม? จะทำอะไรอย่าให้มันมากจนเกินไปเข้าใจไหม? รีบไปเลย! ไม่อย่างนั้นคืนพรุ่งนี้พวกนายไม่ต้องแต่งตัวเป็นผีเลย!”
เด็กๆ วัยรุ่นทั้งสามคนจึงหันหน้ามองไปรอบๆ จากนั้นท่ามกลางสายตาอันเศร้าหมองของกลุ่มผู้ปกครองก็ทำให้พวกเขาตัวแทบสั่น จึงรีบเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว จากนั้นทั้งสามคนก็รวมตัวกันและพูดคุยปรึกษากันสักพัก และตามคืนของเล่นให้เด็กคนอื่นๆ ทีละคน
พ่อแม่ของเด็กๆ ต่างพากันประหลาดใจ ฉินสือโอเองก็ประหลาดใจมากเช่นกันจึงถามว่า “ทำไมพวกนายถึงเอาของเล่นไปคืนล่ะ?”
กอร์ดอนยักไหล่และพูดว่า “เราก็แค่เล่นกับเด็กๆ พวกนี้ ไม่ใช่ว่าจะเอาของเล่นของพวกเขาจริงๆ นอกจากนี้ เรายังให้บทเรียนกับพวกเขาอีกด้วย ธุรกิจไม่ใช่แค่การสร้างรายได้ ถ้าพวกเขาต้องการเพิ่มประสบการณ์ทางธุรกิจจริงๆ ก็จะต้องทำธุรกิจกับคนอย่างเรา”
พ่อแม่ที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ยินสิ่งที่เขาพูด จึงแสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมา จากนั้นก็พูดกับฉินสือโอวว่า “นี่คุณ ลูกชายของคุณพูดถูก เขาเป็นเด็กดี วันนี้เขาได้ให้บทเรียนที่มีชีวิตชีวาแก่พวกเด็กๆ”
ฉินสือโอวกลอกตาไปมา นี่คุณตาบอดเหรอ? ผมยังอายุน้อยขนาดนี้ คุณคิดได้อย่างไรว่าผมจะมีลูกโตขนาดนี้แล้ว?
หลังจากทานอาหารกลางวันแล้ว ฉินสือโอวจึงขับรถไปหาแบรนดอนเพื่อทำเรื่องกู้ยืม แบรนดอนบอกเขาว่าเงินจากแร่ทองคำไม่สามารถจ่ายให้เขาได้จนกว่าจะถึงวันปีใหม่ ทองคำนี้ค่อนข้างลำบากในการจัดการ เขาและเบลคก็ช่วยกันหาสาเหตุมาจัดการแก้ไข
ฉินสือโอวไม่สามารถช่วยในเรื่องนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่อดทนรอต่อไป
ชื่อที่ลงนามในชุดใบเสร็จและกดลายนิ้วมือ ในที่สุดก็จัดการเสร็จเรียบร้อย ฉินสือโอวถอนหายใจพร้อมกับโยนเช็คจำนวนมากแล้วพูดว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันก็จะเป็นลูกหนี้เหมือนกันแล้ว”
แบรนดอนเก็บเอกสารอย่างระมัดระวังพลางพูดไปด้วยว่า “ฉันพนันได้เลยว่า เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของชาวแคนาดาต้องการเป็นหนี้เหมือนกับนาย”
ฉินสือโอวตบเช็คเบาๆ ไปมาและพูดว่า “แต่ฉันไม่อยากเป็น รอก่อนเถอะ ขอเวลามากสุดแค่ครึ่งปี ฉันจะจ่ายหนี้ห้าร้อยล้านให้หมด”
ถ้าคนอื่นพูดแบบนี้ แบรนดอนคงต้องคิดว่าคนโง่กำลังพูดเพ้อเจ้ออยู่แน่ๆ แต่หลังจากได้ยินฉินสือโอวพูดแล้ว เขากลับรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาและพูดอย่างมีความสุขว่า “นายเตรียมไปขุดซากเรืออับปางหรือยัง?”
ฉินสือโอวพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ หลังวันฮาโลวีนผ่านไปแล้ว ฉันจะรีบปล่อยวาฬเบลูกาตัวน้อยของฉันออกไปและพยายามหาเรืออับปางให้ได้มากที่สุดและหาเงินมาคืน”
แบรนดอนพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับทุบหน้าอกเบาๆ และบอกว่าเขายินดีให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง ตามสัดส่วน ถ้าฉินสือโอวได้เงินห้าร้อยล้านดอลลาร์แคนาดา เขาก็จะได้เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านด้วย
ในช่วงเย็นแบรนดอนจะจัดงานเลี้ยงจึงเชิญฉินสือโอวและวินนี่ด้วย เขาบอกว่าตั้งแต่ทั้งสองคนแต่งงานกัน เขาก็ยังไม่เคยได้เลี้ยงข้าวเลย
ฉินสือโอวปฏิเสธแบรนดอนอยู่หลายครั้ง เขาจึงทำได้เพียงทิ้งพวกเด็กๆ ไว้แล้วไปรับประทานอาหารราคาแพงในภัตตาคารสุดหรู
เขาไม่ค่อยชอบสภาพแวดล้อมแบบนี้เท่าไรนัก นอกจากสภาพแวดล้อมจะหรูหราแล้ว เขายังไม่เห็นว่าร้านอาหารสามระดับมิชลินนี้จะมีรสชาติดีอะไรขนาดนั้น รสชาติของอาหารก็แค่นั้นและยังสู้อาหารที่พ่อแม่ทำอยู่บ้านไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ในความเป็นจริงนี่คือความแตกต่างของวัตถุดิบ เนื้อและผักเกือบทั้งหมดในฟาร์มปลาล้วนได้รับการปรับปรุงโดยพลังโพไซดอน รสชาติของตัวมันเองจึงอร่อยกว่าเนื้อและผักจากข้างนอกมาก
ในขณะที่ทานอาหารอยู่ เอ็นแอลซีซีก็โทรศัพท์เข้ามาและพูดแสดงความยินดีเรื่องที่ฟักทองของเขาได้สร้างสถิติการปลูกฟักทองของนิวฟันด์แลนด์ ครั้งนี้รางวัลจึงตกเป็นของเขาและขอให้เขามารับรางวัลในวันรุ่งขึ้น
ในวันที่ 31 ฉินสือโอวจึงขับรถไปที่ตลาดเกษตร จากนั้นประธานของเอ็นแอลซีซีจึงออกใบรับรองและเซ็นเช็คให้เขาด้วยตัวเองและเขาก็ได้รับเงินห้าพันดอลลาร์แคนาดา
หลังจากมอบรางวัลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีคนถามฉินสือโอวว่าฟักทองลูกนี้ขายไหม ฉินสือโอวจึงถามกลับว่าให้ราคาเท่าไร คนคนนั้นจึงบอกว่าหนึ่งพันดอลลาร์แคนาดา
เดิมทีเขาขี้เกียจที่จะขนฟักทองกลับ ถ้าราคาเหมาะสมพอใช้ได้ แต่หนึ่งพันดอลลาร์แคนาดาราคานี้มันต่ำเกินไปไหม? ฉินสือโอวรู้สึกว่าขนกลับไปทำพายฟักทองยังจะดีกว่า ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธ
เขานำฟักทองขึ้นเรือข้ามฟากและกลับเข้าไปในเมือง ซึ่งขณะนี้ในเมืองก็จัดเตรียมงานฮาโลวีนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากพากันเปลี่ยนเป็นชุดฮาโลวีนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ทุกครัวเรือนจะนำฟักทองมาวางไว้ที่หน้าประตู พอตกกลางคืนก็จะสามารถใช้เป็นโคมไฟฟักทองได้
บทที่ 1391 คุณคือสิงโตตัวน้อย
ฉินสือโอวยังวางโคมไฟฟักทองไว้ที่ทางเข้าฟาร์มปลาและทางเข้าของวิลล่า ก่อนหน้านี้พวกเด็กๆ ทำโคมไฟมากกว่ายี่สิบอัน ฟักทองถูกขวักเอาเนื้อออกและส่วนด้านนอกก็จะมีรู หลังจากจุดเทียนไว้ข้างใน พอตกกลางคืนก็จะดูเหมือนสัตว์ประหลาดกำลังแสยะยิ้มอยู่จริงๆ
พ่อฉินและแม่ฉินจึงมองดูอย่างสงสัยและพูดว่า “คนแคนาดานี่แปลกจริงๆ พวกเขาไม่กลัวผีกันเหรอ? คิดไม่ถึงว่าเทศกาลผีที่นี่มีอะไรแปลกๆ มากมายเลย ไม่กลัวว่าจะเรียกผีมาจริงๆ เหรอ?”
ฉินสือโอวจึงตอบว่า “พวกเขาก็กลัวผีเหมือนกัน แต่นี่เป็นเทศกาล พวกเขาไม่เชื่อว่าจะเจอผีจริงๆ ในวันนี้หรอก ขอแค่ไม่เจอผี แล้วจะกลัวอะไร?”
ในช่วงเย็น เด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งรีบพุ่งไปที่ฟาร์มปลาราวกับสายลม พวกเขาแต่งตัวแตกต่างกัน โดยสวมหน้ากากที่วาดด้วยสีสำหรับทาหน้า หลังจากพวกเขาก็วิ่งมาถึงประตูวิลล่าและเริ่มเคาะประตูก๊อกๆ พร้อมกับตะโกนว่า “ทริกออร์ทรีต! ทริกออร์ทรีต! ทริกออร์ทรีต!”
ทริกออร์ทรีตหมายถึงการก่อความวุ่นวายเมื่อไม่มอบลูกอมให้ สโลแกนที่เด็กๆ พากันตะโกนออกมาในคืนวันฮาโลวีนเป็นวิวัฒนาการจากประเพณีการพูดต่อกันมาในแต่ละช่วง อันที่จริงเด็กๆ ในปัจจุบันไม่ใช่ว่าไม่มีลูกอม พวกเขาแค่พูดเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น
ฟาร์มปลาจัดเตรียมลูกอมไว้จำนวนหนึ่ง ฉินสือโอวจับมันยัดใส่ให้พวกเขา เด็กวัยรุ่นที่สวมหน้ากากเป็นสไปเดอร์แมนคนหนึ่งก็ยกหน้ากากขึ้นอย่างผิดหวังและพูดว่า “ฉิน ทำไมคุณถึงเตรียมลูกอมล่ะ?”
ฉินสือโอวจึงเห็นว่าเป็นชาร์คน้อยและพูดว่า “นายทำตัวละครที่ไม่สร้างสรรค์แบบนี้ได้อย่างไร? สไปเดอร์แมนหมายความว่าอะไร?”
ซีมอนสเตอร์น้อยจึงยกหน้ากากขึ้นแสดงใบหน้าเช่นกัน จากนั้นก็ตะโกนว่า “เชอร์ลี่ย์ กอร์ดอนรีบออกมาเถอะ พวกเราไปในเมืองด้วยกัน”
มีเสียงฝีเท้าวุ่นวายดังขึ้นที่บันได เด็กวัยรุ่นทั้งสี่ก็วิ่งลงมา เชอร์ลี่ย์สวมหมวกพระ สวมเสื้อคลุมพระสีแดงเหลืองและถือไม้เท้ายาวไว้ในมือ เธอแต่งตัวเป็นผู้ชาย ม้วนผมยาวขึ้น โกนคิ้วและดวงตาดูแข็งกร้าว ดูแล้วเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญทั้งหล่อดูดีและยังมีลักษณะอันสง่างามของพระถังซำจั๋ง
กอร์ดอนแต่งตัวเป็นซุนหงอคง แบกห่วงสีทองไว้บนบ่า พาวลิสเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ จึงแต่งตัวเป็นซัวเจ๋ง มีเคราดำอยู่ใต้คางและห้อยโครงกระดูกหนาๆ ที่เหมือนกับลูกประคำไว้ที่คอ ดูแล้วเขาทรงพลังมากที่สุด
มิเชลแบกคราดตะปูเก้าซี่เดินตามหลังมาติดๆ ด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง เขาแต่งตัวน่าสมเพชมากที่สุด มีหูหมู จมูกหมูและมีพลาสติกคลุมท้อง ซึ่งดูเหมือนกับเต่ามะเฟืองตัวหนึ่งกำลังนอนอยู่บนท้องของเขา
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ชาร์คน้อยและพรรคพวกก็หัวเราะเสียงดังขึ้นและชี้ไปที่มิเชลแล้วพูดว่า “นายเป็นหมูเหรอ?”
มิเชลชูคราดฟันตะปูเก้าซี่ใส่แล้วพูดว่า “หุบปากซะชาร์ค! ตามกฎของวันฮาโลวีน ใครก็ตามที่หัวเราะเยาะชุดของคนอื่นจะต้องถูกวิญญาณชั่วร้ายครอบงำอย่างแน่นอน!”
ชาร์คพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผีมาหลอกฉันเลยสิ กลัวซะที่ไหน? ใช่สิ นายยังไม่ได้ตอบเลยว่านายเป็นหมูหรือเปล่า?”
มิเชลหันคราดกลับมาและตะโกนว่า “หุบปาก ถ้านายยังพล่ามไม่หยุด ฉันจะเอาคราดนี่แทงนายจนเป็นรูเลย”
ชาร์คน้อยโบกมือไปมาและเชือกสีขาวเส้นหนึ่งก็ออกมาจากแขนเสื้อของเขา มิเชลจึงออกห่างจากเขาได้เพียงสองหรือสามเมตรและถูกยิงเข้าที่หน้า
“ยิ่งมีความสามารถมากเท่าไร ความรับผิดชอบก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น!” ในขณะที่ชาร์คน้อยตะโกนดังลั่น กอร์ดอนก็ใช้ข้อศอกชนกับแขนของมิเชลอย่างสะใจและพูดว่า “น้องชาย นายโดนเขาโจมตีแล้ว นายมันน่าสมเพชเกินไปแล้วจริงๆ”
มิเชลฉีกเชือกเหนียวๆ ด้วยความไม่พอใจจนขาดแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ฟังนะกอร์ดอน นายมันก็แค่คนงี่เง่าคนหนึ่งที่ไม่ควรแต่งตัวเป็นซุนหงอคงและฉันก็ต้องมาทนทุกข์กับนาย! ตอนนี้นายต้องแก้แค้นให้ฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่เล่นด้วย!”
กอร์ดอนรีบโบกมืออย่างรีบร้อนและพูดว่า “ใจเย็นน้องชาย นายต้องใจเย็น ทำไมถึงไม่เล่นล่ะ? ตอนนี้นายหล่อมากเลยนะ เอาล่ะ ไม่ต้องกังวล ฉันจะแก้แค้นให้นายเอง!”
เมื่อพูดจบ เขาหันกลับไปวิ่งเป็นวงกลมและชูกระบองพลาสติกสีทองขึ้นแล้วตะโกนว่า “สิ่งชั่วร้ายภายใต้ท้องนภาอันกว้างใหญ่!”
ทั้งสี่คนต่างมีอาวุธอยู่ในมือ ชาร์คน้อยและคนอื่นๆ ไม่มี ดังนั้นชาร์คน้อยและพรรคพวกที่ติดตามทั้งสี่คนจึงตื่นตระหนกตกใจและแตกกระเจิงกันเข้าไปในตัวเมือง
จากนั้นไวส์จึงรีบวิ่งออกมา ชุดของเขาเรียบง่ายมาก ท่อนบนของเขาเปลือย ส่วนท่อนล่างเป็นกางเกงขายาวและรองเท้าส้นแบน ที่ด้านซ้ายของเอวใช้ลิปสติกสีแดงวาดรอยแผลสองสามจุด หลังจากที่เขาออกมาเขาก็ร้องตะโกนว่า ‘อะๆๆๆ’ เขาตะโกนสองสามครั้งและมองไปรอบๆ อย่างงุนงงและถามว่า “อาจารย์ กอร์ดอนกับคนอื่นๆ ล่ะครับ?”
ฉินสือโอวชี้ไปที่ตัวเมืองพร้อมพูดว่า “พวกเขาหายไปแล้ว”
ไวส์จึงรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ทั้งวิ่งทั้งโกรธไปด้วย “เป็นเพื่อนที่ไม่น่าไว้วางใจจริงๆ ผมบอกให้พวกเขารอผมด้วยแท้ๆ…”
ฉินสือโอวเรียกเขาและพูดว่า “ข้างนอกหนาวขนาดนี้ นายจะใส่แบบนั้นเหรอ? ไม่ได้ ต้องจะกลับไปใส่เสื้อผ้าหนาๆ นะ!”
ไวส์ปฏิเสธว่า “ไม่ครับอาจารย์ คุณดูไม่ออกเหรอว่าผมเป็นใคร?”
ฉินสือโอวพูดอย่างจนปัญญาว่า “ฉันรู้จัก บรูซ ลี หลี่เสี่ยวหลงใช่ไหม? แต่ต่อให้จะเป็นหลี่เสี่ยวหลงจริงๆ ก็ตาม อากาศแบบนี้เขาคงไม่ปลือยท่านบนออกไปอยู่ข้างนอกหรอก!”
วินนี่หยิบเสื้อกันลมของฉินสือโอวออกมาแล้วสวมให้เขาพร้อมกับจัดแต่งแขนเสื้อให้ จากนั้นมัดดาบไม้ลูกท้อไว้ที่หลังของเขาและพูดว่า “ดูสิ ตอนนี้นายก็ไม่ได้กลายเป็นหยางกั้วจอมยุทธคู่อินทรีเทพยดาแล้วเหรอ?”
เมื่อไวส์ได้ยินเช่นนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันทีและเขามองไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “แล้วนกอินทรีของผมล่ะครับ?”
ฉินสือโอวกลอกตาไปมาและพูดว่า “นายตัวเล็กแบบนี้จะไปเอานกอินทรีมาจากไหน? นายมีนกน้อยเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้นแหละ!”
วินนี่ตีเขา ไวส์ไม่เข้าใจที่เขาพูด แต่เธอกลับเข้าใจ จึงผิวปากเรียกแคลร์มา วินนี่จึงเอามันให้ไวส์และพูดว่า “ดูสิ จะไม่มีนกอินทรีได้อย่างไร? รีบไปเล่นเถอะ แต่ห้ามถอดเสื้อผ้านะ!”
ไวส์วิ่งออกไปพร้อมกับกอดแคลร์ไว้อย่างมีความสุขและพูดว่า “ไม่ถอดเสื้อผ้าแน่นอนครับ!”
ฉินสือโอวมองไปที่วินนี่พร้อมรอยยิ้มแล้วพูดว่า “คุณไม่ไปเปลี่ยนเหรอ? ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องเปลี่ยนก่อน”
วินนี่ยิ้มอย่างมีเสน่ห์พร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากแล้วพูดว่า “เราเปลี่ยนด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอคะ?”
ฉินสือโอวหัวเราะแหะแหะและแอบบีบสะโพกของเธอแล้วพูดว่า “คุณนี่สวยจริงๆ เลยนะ”
หลังจากเข้าไปในห้องแล้ว ฉินสือโอวก็หัวเราะแทบไม่ออก เขามองไปที่ของที่วินนี่ยื่นมาให้และถามว่า “นี่มันอะไรกัน? ให้ตายเถอะ เราจะไปแสดงถล่มสิงโตคำรามกันเหรอ?”
วินนี่ถักผมเปียสองข้างแล้ววางไว้ที่ไหล่ซ้ายและขวา จากนั้นสวมกระโปรงแม่บ้านสีฟ้าอ่อนและเสื้อเชิ้ตสีขาวแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ ‘ถล่มสิงโตคำราม’ มันคือ ‘พ่อมดมหัศจรรย์แห่งเมืองออซ’ ฉันคือโดโรธี ส่วนคุณคือสิงโตตัวน้อยผู้น่ารัก ไม่ดีเหรอคะ?”
‘พ่อมดมหัศจรรย์แห่งเมืองออซ’ เป็นนิทานสำหรับเด็กที่มีชื่อเสียงที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์อเมริกา เล่ากันว่าโดโรธีเด็กหญิงตัวเล็กๆ จากแคนซัสถูกพายุทอร์นาโดพัดเข้าสู่โลกมหัศจรรย์และในที่สุดก็กลับบ้านอย่างปลอดภัยหลังจากได้พบกับการผจญภัยใน ‘เมืองออซ’
หนึ่งในนั้น โดโรธีจะเป็นตัวเอก เป็นหญิงสาวที่น่ารักและจริงใจแล้วสิงโตตัวน้อยล่ะ? ฉินสือโอวไม่สนใจว่าสิงโตตัวน้อยจะเป็นอย่างไร เพราะเขาไม่ได้ต้องการเป็นสัตว์ร้าย!
บทที่ 1392 ค่ำคืนที่สนุกสุดเหวี่ยง
ฉินสือโอวพูดอย่างหนักแน่นว่า “ผมจะไม่เป็นสิงโตตัวน้อยเด็ดขาด ผมมีตัวแสดงของตัวเองแล้ว”
“คืออะไรคะ?” วินนี่ถามพร้อมรอยยิ้ม
ฉินสือโอวเอาชุดที่ตัวเองซื้อออกมาพร้อมกับโล่ป้องกันและกระบี่สั้น “นักรบสปาร์ตา! ฮ่าฮ่า!”
เขาเป็นผู้เชิดชูสุนทรียะแห่งความรุนแรง ภาพยนตร์เรื่อง ‘สามร้อยขุนศึกพันธุ์สะท้านโลก’ เคยทำให้เขาเลือดร้อนจนเขาอยากเป็นนักรบเหมือนพระเจ้าลีออนิดัสราชาแห่งสปาร์ตา ในที่สุดเขาก็คว้าโอกาสนี้แต่งคอสเพลย์เป็นตัวละครนี้
“หนาวขนาดนี้ คุณยังอยากใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเหรอคะ? ไม่ได้ ถ้าคุณเป็นหวัดขึ้นมาจะทำอย่างไร? คุณลืมไปเหรอว่าปีที่แล้วคุณก็เป็นหวัดก่อนที่ฉันจะมีลูกแล้วก็ต้องให้ฉันไปอยู่ที่บ้านของคุณลุงฮิคสัน” วินนี่กล่าว
ฉินสือโอวพูดอย่างไม่พอใจว่า “นั่นก็ไม่ได้เกิดจากการใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นสักหน่อย สมรรถภาพทางกายของผมดีมากอยู่แล้ว ผมวิ่งเช้าเย็นทุกวัน ยังจะให้ผมใส่เสื้อคลุมหนาๆ อีกเหรอ”
วินนี่เข้ามากอดเขาแล้วพูดว่า “คนดี ใส่ชุดสิงโตนี้เถอะ มันจะทำให้คุณอบอุ่นมากนะ”
ฉินสือโอวส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ได้จริงๆ ที่รัก ผมและชาร์คเรานัดกันไว้แล้วว่าคืนนี้พวกเราจะเป็นนักรบสปาร์ตา!”
วินนี่ส่ายหัวไปมาและใช้มือลูบวนที่หน้าอกของเขาแล้วพูดด้วยสายตาที่แสดงถึงความรู้สึกรักใคร่ว่า “หรือว่าคุณไม่เข้าใจความหมายของชุดของฉันเหรอคะ? คืนนี้กลับบ้านไปเราจะได้เป็นโฉมงามกับเจ้าชายอสูรไง”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นี้ ฉินสือโอวถึงกับกลืนน้ำลายถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงพอได้
วินนี่พูดต่อว่า “ปีหน้าคุณจะตัดสินใจแล้วหรือยัง? อันที่จริงเดิมทีปีนี้ฉันอยากจะแสดงเป็นนางพญางูขาว คุณก็แสดงเป็นสวี่เซียน แต่ฉันหาซื้อเสื้อผ้าไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงแสดงเรื่องนี้เท่านั้น”
ฉินสือโอวไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยอมรับสิ่งที่วินนี่พูด เมื่อเขาได้เห็นภรรยาแสนไร้เดียงสา…
ในพ่อมดมหัศจรรย์แห่งออซ นอกจากสิงโตตัวน้อยที่เป็นเพื่อนตัวน้อยของโดโรธีแล้ว ยังมีหุ่นไล่กาอีกด้วย
ฉินสือโอวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็รู้สึกว่าแม้ว่าสิงโตตัวน้อยจะไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ที่สูงส่งและสง่างามของเขาสักเท่าไร แต่ถ้าทำให้วินนี่แล้วให้ไปอยู่บนหญ้าแทน นั่นจะยิ่งน่าสมเพชมากกว่า
เมื่อเขาสวมชุดสิงโตเดินลงไปข้างล่าง พ่อฉินก็หัวเราะชอบใจและพูดว่า “โอ้ ไอ้ลูกชาย แกจะไปเป็นเล่นสิงโตเหรอ?”
ฉินสือโอวเดินออกจากประตูอย่างหดหู่ และข้างๆ โคมไฟฟักทองอันสลัวข้างๆ มีหัวที่เปื้อนเลือดก็ขยับไปมาอย่างรุนแรง ทำให้เขากระโดดและร้องตะโกนว่า “ให้ตายเถอะ!”
เสียงของเออร์บักดังขึ้น “เป็นอะไรไปฉิน นายกลัวฉันเหรอ?”
ฉินสือโอวชี้ไปที่เขาและพูดว่า “ปู่อะ อะ อะเออร์? ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้ล่ะ?”
เออร์บักหัวเราะแหะแหะแล้วพูดว่า “แบบนี้ไม่ดีเหรอ? ซอมบี้ไง กำลังนิยมแต่งแบบนี้กันมากในตอนนี้เลยนะ”
ฉินสือโอวก็หัวเราะ ปู่นี่เข้าใจเล่นจริงๆ เลย ทำตัวเป็นเด็กไปได้ แก่แล้วยังแต่งตัวแบบนี้อีก?
เขาขับรถไปในเมือง ขณะนี้ถนนในเมืองเต็มไปด้วยโคมไฟฟักทองและผีต่างๆ ในชุดแปลกๆ กำลังกวัดแกว่งไปมา
ฉินสือโอวหยุดรถ ชายกลุ่มหนึ่งสวมผ้าคลุมสีแดงมือซ้ายถือโล่และมือขวาถือดาบสั้นเข้าล้อมรอบเขา
“เพื่ออิสรภาพ! เพื่อเกียรติยศ! บุก! นักรบของข้า! ตายซะพวกเปอร์เซีย!” ฉินสือโอวร้องตะโกน
ชาร์ตและคนอื่นๆ ก็เข้ามารวมตัวกันรอบๆ และมองเขาอย่างเย็นชา “พระเจ้าลีออนิดัส คุณใส่ขนสิงโตมาหมายความว่าอย่างไร?”
วินนี่ผลักประตูรถออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชายิ่งกว่าว่า “เหล่าทหาร พวกนายมาล้อมรอบสิงโตของฉันไว้หมายความว่าอะไร?”
เมื่อเห็นวินนี่ ชาวประมงและทหารก็โศกเศร้ากันทันที แบล็คไนฟ์พูดว่า “ไปกันเถอะ พระเจ้าลีออนิดัสทรยศต่อความศรัทธาของเขา! ปล่อยให้เราไปรับมือกับพวกเปอร์เซียกันเอง!”
“เฮ้เฮ้! พระเจ้าลีออนิดัสไปตายซะ!”
“เฮ้เฮ้! หนาวจะตายแล้ว ใครสาดน้ำ?!”
“ใช่ ใครสาดน้ำวะ? รนหาที่ตายเหรอ?”
ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดเกล็ดปลาสีทองและกางเกงขายาวสีเขียวกลอกตาไปมาพร้อมพูดว่า “ฉันคืออะควาแมน ทำไมฉันจะสาดน้ำไม่ได้ล่ะ?”
ฉินสือโอวและวินนี่ที่เดินอยู่บนถนน ก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังข้ามผ่านอะไรบางอย่างไป ซอมบี้กระหายเลือดกำลังเผชิญหน้ากับเขา ฉินสือโอวจึงทักทายว่า “เฮ้ ปู่เออร์ คุณเดินได้ค่อนข้างเร็วนะ”
ซอมบี้ตัวนั้นกะพริบตาและพูดว่า “ไม่ฉิน ผมคือแซนเดอร์ส ไม่ใช่เออร์บัก”
“ให้ตายสิ!” ฉินสือโอวแทบจะพูดอะไรไม่ออก
จากนั้นกัปตันอเมริกาและวูล์ฟเวอรีนก็เดินเข้ามา ในขณะที่เดินวูล์ฟเวอรีนก็ลูบแขนไปด้วยแล้วบ่นว่า “มันหนาวเกินไปแล้ว คุณเอาโล่ที่หลังให้ผมเถอะ มันป้องกันลมหนาวที่พัดมาจากด้านหลังได้”
มนุษย์หมาป่ากลุ่มหนึ่งก็ผลักออกจากกันและดันตัวเองเดินเข้ามาจากข้างหลัง คนที่เป็นหัวหน้าก็พูดอย่างพึงพอใจว่า “ดูสิ ฉันบอกแล้วว่าเราควรซื้อเสื้อผ้ามนุษย์หมาป่าตั้งแต่แรก มันอุ่นมากใช่ไหมล่ะ? และเรายังสามารถสลับกันใช้ในปาร์ตี้พระจันทร์สีเลือดกับวันฮาโลวีนได้อีกด้วย มันมีประโยชน์มากใช่ไหมล่ะ?”
ฉินสือโอวฟังออกว่าเป็นเสียงของฮิวจ์คนน้อง จึงทักทายว่า “เฮ้ มนุษย์หมาป่า ไปดื่มด้วยกันสักแก้วไหม?”
ฮิวจ์คนน้องมองเขาด้วยความประหลาดใจและสังเกตเขาอย่างละเอียดสักพักแล้วถามอย่างสงสัยว่า “นายคือฉินเหรอ? ให้ตายเถอะ นายนี่เอาเรื่องจริงๆ นี่คือมนุษย์สิงโตใช่ไหม?”
มนุษย์สิงโตเป็นเกมแฟมิคอม ที่ไม่เป็นที่รู้จัก ดังนั้นหัวขโมยอย่างฮิวจ์คนน้องที่เล่นเกมนี้เป็นจึงจำสิ่งนี้ได้
ฉินสือโอวพยักหน้ายอมแพ้ ฮิวจ์คนน้องจึงมองไปที่ วินนี่ที่อยู่ข้างๆ ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้น “นายพยักหัวนกเหรอ? นายเป็นมนุษย์สิงโตที่กลัวเสียงนกใน ‘พ่อมดมหัศจรรย์แห่งเมืองออซ’ ใช่ไหม?”
ฉินสือโอวพูดอย่างไม่พอใจว่า “ใช่แล้วพวกฮัสกี แล้วพวกนายมีความคิดเห็นอย่างไร?”
หนุ่มสาวที่อยู่รอบๆ ฮิวจ์คนน้องจึงพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “พวกเราเป็นมนุษย์หมาป่า ไม่ใช่ฮัสกี!”
ฉินสือโอวหัวเราะเยาะและพูดว่า “ฉันไม่เรียกพวกนายว่าชิวาวาก็ดีแค่ไหนแล้ว รู้จักพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีเถอะ!”
เสียงอุทานของผู้คนมาแต่ไกล ฉินสือโอวและคนอื่นๆ จึงหันไปมอง และเห็นว่ามีคนขี่ม้าบนถนนในขณะที่แสงไฟสว่างขึ้นก็จะเห็นหน้าตาของคนที่อยู่บนม้า หน้าตาหล่อเหลาและดูดี ซึ่งเข้ากันกับม้าตัวเล็กสง่างามที่อยู่ข้างล่าง ซึ่งหล่อและดูดีจริงๆ
โดยปกติแล้วนี่คือพระถังซำจั๋งที่เชอร์ลี่ย์แต่ง พาวลิสจูงม้าอยู่ข้างหน้าให้เธอและมิเชลก็ลากคราดเดินอยู่ข้างหลังอย่างหดหู่ ส่วนกอร์ดอนไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว นอกจากนี้ ยังมีหมีอีกหนึ่งตัวตามหลังหลังม้าตัวน้อยมาติดๆ และหมีตัวนี้ยังถูกมัดด้วยห่วงสีขาว
ฉินสือโอวจึงสังเกตดูอย่างละเอียด ก็รู้สึกว่าห่วงนี้น่าจะเป็นที่คาดหัวของมิเชล ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้ซับเหงื่อบนหัวของเขาเมื่อเล่นบาสเกตบอล…
“ว้าว หนุ่มหล่อคนนี้เป็นใคร? อย่าได้ให้กลุ่มชาวเกย์ของเซนต์จอห์นเห็นเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นฉันกล้าพนันได้เลยว่าดอกเบญจมาศของเขาจะระเบิดแน่” ฮิวจ์คนน้องพูดพร้อมหัวเราะชอบใจ
ฉินสือโอวได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มแปลกๆ เแล้วร้องตะโกนว่า “เชอร์ลี่ย์ ฮิวจ์คนน้องของเธอพูดกับเธอไม่ดีเลยนะ!”
เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนของเขา เชอร์ลี่ย์ก็สะบัดบังเหียนของม้าและลู่ม้ายก็วิ่งเข้ามาก้าวสั้นๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าอันเรียวยาวของม้าจะแสดงให้เห็นถึงความโอ้อวดแสนยานุภาพ ราวกับว่ามันเป็นม้ามังกรขาวจริง เมื่อเข้าไปใกล้ๆ ฉินสือโอวจึงมองดูอย่างละเอียด ก็พบว่าร่างกายของชายคนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยแผ่นอะลูมิเนียมฟอยล์ระยิบระยับเป็นจำนวนมาก ซึ่งมันเหมือนกับเกล็ดมังกร…
“หมีดำ มาสิ มาให้ฉันจัดการพวกชั่วร้ายต่างถิ่นอย่างพวกแกเถอะ!” เชอร์ลี่ย์โบกไม้เท้าของเธอและชี้ไปที่ฮิวจ์คนน้องอย่างน่าเกรงขาม
ฮิวจ์คนน้องหัวเราะและพูดว่า “ที่แท้ก็คือโลลิต้าตัวน้อยนี่เอง เธอเป็นหมีตัวใหญ่จริงๆ ด้วย ให้ตายสิ เธอโยนอะไรออกมา? ”
เชอร์ลี่ย์โบกไม้เท้าและโยนอะไรบางอย่างออกมา ทันใดนั้นเขาเหล้าก็หกใส่เขา
ทันทีหลังจากนั้น ฉงต้าก็โผเข้าใส่อย่างเต็มกำลัง…
บทที่ 1393 จินตนาการ
เมื่อค่ำคืนค่อยๆ มืดลง ปาร์ตี้ในคืนวันฮาโลวีนก็ยิ่งบ้าคลั่ง
ฮิวจ์คนน้องนั่งอยู่ข้างถนนอย่างโศกเศร้า กลุ่มมนุษย์หมาป่าก็นั่งยองๆ ลงข้างๆ เขาและพูดปลอบเขาว่า “ไม่เป็นไรนะ ก็แค่โดนหมีสีน้ำตาลเลียเท่านั้นเอง ไม่ได้โดนผสมพันธุ์สักหน่อย” “ถ้าโดนผสมพันธุ์ก็ไม่ต้องกลัวหรอก มันมีการแยกการสืบพันธุ์ เพราะฉะนั้นจึงตั้งท้องไม่ได้”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างสะใจอยู่ข้างๆ สิ่งที่เชอร์ลี่ย์เพิ่งโยนไปนั้นคือน้ำเชื่อมเมเปิลหนึ่งซอง หลังจากที่มันหกใส่ฮิวจ์คนน้อง ฉงต้าที่ได้กลิ่นหอมหวานเลยกระโจนใส่เขาอย่างสุดกำลัง ทำให้ฮิวจ์คนน้องกรีดร้องอย่างน่าเวทนา
ฉงต้านั่งยองๆ ลงข้างๆ และเชอร์ลี่ย์ที่กำลังจะกลับไป จึงกวักมือเรียกมันแต่มันก็ไม่สนใจและเข้าไปหาฉินสือโอวแล้วหยุดอยู่ตรงนั้น โลลิต้าก็ยังคงตะโกนว่า ‘เจ้าหมีดำ เจ้าหมีดำ’ อยู่ตรงนั้น ฉงต้าที่ไม่สนใจจึงเดินมาหาฉินสือโอว
ฉินสือโอวที่ยิ้มๆ อยู่ก็แทบจะยิ้มไม่ออก เมื่อเขามองเห็นสายตาของฉงต้าก็รู้สึกว่าสายตาของเจ้าตัวนี้ดูไม่พอใจเล็กน้อย
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นทันที ไม่ใช่ว่าขนที่หนาและนุ่มของเขาในตอนนี้ดูเหมือนกับหมีควาย? พูดอีกอย่างแม้ว่าเขาจะร่างกายกำยำล่ำสัน แต่ถึงอย่างไรเอวนั้นก็เป็นเอวของมนุษย์ การใส่ชุดหมีควายก็น่าจะถือว่าเป็นเอวเล็กๆ ของหมีตัวเมียและฉงต้าอาจจะเข้าใจผิดใช่ไหม?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ฉินสือโอวจึงรีบถอดชุดออกทันทีและเข้าไปใกล้ๆ ฉงต้า “ฉงต้า ฉันเอง ฉันไง พ่อของแก แกอย่าทำอะไรตามอำเภอใจสิ”
ฉงต้าเลียไหล่ของเขา จากนั้นก็จากไปอย่างเงียบเหงา
ทันใดนั้นฉินสือโอวก็รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องไปหาหมีตัวเมียตัวน้อยให้มันบนเขาและให้พวกมันรู้จักกัน เขากล้าสาบานเลยว่าหลังจากที่เขาเปิดหัวออกมา เห็นได้ชัดว่าสายตาของฉงต้าดูผิดหวังเป็นอย่างมาก!
เด็กๆ ต่างก็เติบโตกันแล้ว ฉินสือโอวจึงถอนหายใจด้วยความเศร้าใจ ก่อนหน้านี้เป็นหู่จือและเป้าจือ แต่ตอนนี้เป็นฉงต้า
ในช่วงเทศกาลฮาโลวีน หลายคนยังคงขายของ โดยเฉพาะเบอร์เกอร์ เครื่องดื่มและไอศกรีม ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆ คนที่นี่ถึงทั้งตะโกนและกรีดร้องและกระโดดโลดเต้นไปด้วย มันต้องง่ายต่อการทำอะไรไม่ดีแน่ๆ ในคืนนี้ฉินสือโอวจึงซื้อน้ำมาดื่มแค่สองขวด
เสียงดนตรีโหยหวนเหล่านั้นกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่งบนท้องถนนและมีบางคนเอาเสียงในภาพยนตร์สยองขวัญจากอินเทอร์เน็ตมา มักจะมีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น แต่ก็ผู้คนจำนวนมากก็ไม่มีใครกลัว
เมื่อเวลาสิบสองนาฬิกา ผู้คนบนถนนก็เริ่มลดลง ฉินสือโอวรู้สึกอบอ้าวจนเหงื่อออก จึงลากวินนี่กลับบ้านและวินนี่ก็ง่วงนอนแล้วด้วย ดังนั้นจึงอุ้มลูกสาวขึ้นรถอย่างเชื่อฟัง
เมื่อกลับมาถึงวิลล่า ฉินสือโอวก็ฮัมเพลงธีม ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ พร้อมกับโยนเสื้อคลุมขนฟูตัวนี้ทิ้งแล้ววิ่งไปล้างหน้าล้างตา
หลังจากล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินออกมาอย่างมีความสุขและเดินไปที่ข้างๆ เตียง จึงเห็นว่าวินนี่หลับไปพร้อมกับอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยอยู่ สาวสวยสองคนคนหนึ่งตัวใหญ่และตัวเล็กกำลังนอนกรนไปด้วยกัน ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ลมทะเลเบาๆ ในยามค่ำคืนอบอุ่นขึ้นมาทันที
หลังจากจูบลงบนหน้าผากของสาวสายทั้งสองแล้ว ฉินสือโอวก็นอนลงบนเตียงเช่นกันและปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปเดินเล่น ตามหาสมบัติที่จมอยู่ใต้น้ำ
งานในวันนั้นมีมากมายและทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า เหมือนว่าเขาจะค้นพบเรืออับปางลำหนึ่งในขณะที่สะลึมสะลือ แต่ด้วยความที่เขาง่วงเกินไป เขาจึงไม่สนใจและดึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับมาจากนั้นก็นอนหลับสนิท
รายงานหลังวันฮาโลวีนล้วนเกี่ยวข้องกับเทศกาล ฉินสือโอวดูข่าวในตอนเช้า ก็พบว่าตำนานสัตว์ประหลาดในทะเลและหายนะของเรือผีที่เขาสร้างขึ้นได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เมื่อคืนนี้สถานีโทรทัศน์หลายแห่งตั้งใจออกอากาศและแน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นการคาดเดาด้วยความตั้งใจ
ในขณะที่ดูข่าวผ่านๆ อยู่ ทันใดนั้นเขาก็เห็นข้อความแจ้งเตือนขึ้นว่า หลังวันฮาโลวีนจะมีฟักทองจำนวนมากถูกทิ้งลงบนถนนและเต็มถังขยะในหลายเมือง ยังมีฟักทองขนาดใหญ่จำนวนมากในพื้นที่ชนบทบางแห่งที่ยังไม่เก็บออกไปจึงทำได้เพียงทิ้งให้เน่าเสีย
ในขณะรับประทานอาหารเขาก็ทำเป็นพูดเล่นๆ ออกมา หลังจากวินนี่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มคิดต่าง แล้วพูดว่า “ฟักทองลูกใหญ่มากมายขนาดนี้มีที่ไว้เหรอ? บางทีเราอาจจะจัดกิจกรรมขึ้นมาได้นะ การแข่งเรือฟักทองไง เป็นอย่างไรบ้าง?”
เธอพูดเป็นภาษาจีน ฉินสือโอวจึงรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินและถามว่า “โจ๊กฟักทอง? แค่ให้ทุกคนร่วมต้มโจ๊กด้วยกันและดูว่าใครทำอาหารได้อร่อยเหรอ?”
วินนี่ยิ้มและพูดว่า “ไม่ใช่เรือเล็ก แต่เป็นเรือฟักทองเล็กเราสามารถจัดการแข่งขันแบบนี้ได้ไหม? และยังสามารถโปรโมตเมืองได้อีกด้วย”
ฉินสือโอวได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีและเห็นด้วยกับความคิดของเธอ “แบบนี้ก็โอเคนะ แต่ต้องเป็นเด็กๆ เท่านั้นที่จะพายเรือได้ ที่รัก คุณจัดการเถอะ เรายังมีฟักทองขนาดใหญ่อีกหลายลูกในไร่ มีเพียงฟาร์มปลาของเราที่จะสามารถจัดกลุ่มแข่งขันได้”
เชอร์ลี่ย์พูดอย่างตื่นเต้นว่า “พวกเราเป็นอย่างไรบ้าง? ฟาร์มปลามีเด็กแปดคน เราก็สามารถออกเรือได้แปดลำใช่ไหมคะ?”
วินนี่ยิ้มพร้อมกับบีบแก้มของโลลิต้าและพูดว่า “แน่นอนไม่มีปัญหา พี่จะกลับไปวางแผนประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับเงินรางวัล จากนั้นก็สามารถประกาศให้ทุกคนรู้ได้”
รอยยิ้มบนใบหน้าของโลลิต้าหายไป เธอเกลียดการถูกบีบแก้มมาก ได้โปรด ทุกคนใกล้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วโอเค?
วินนี่ทำงานไม่ผัดวันประกันพรุ่งเหมือนกับฉินสือโอว เธอทำงานได้อย่างรวดเร็วและวันรุ่งขึ้นแผนงานก็ออกมาแล้ว
การแข่งขันแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกคือการแข่งขันวิ่งผลัดสองร้อยเมตร และอีกประเภทคือการแข่งขันวิ่งผลัดสองคูณหนึ่งร้อยเมตร ผู้เข้าร่วมต้องเป็นเด็กอายุระหว่างแปดถึงสิบสี่ปีเท่านั้น
ระบบการแข่งขันแต่ละประเภทจะแบ่งออกเป็นรางวัลที่หนึ่ง สองและสาม บังเอิญที่เชอร์ลี่ย์ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการท่องเที่ยว จึงสามารถเปลี่ยนได้ สองรางวัลแรกคือแพ็กเกจท่องเที่ยวแบบครอบครัว รางวัลที่สองคือคูปองช้อปปิ้งมูลค่าสองพันดอลลาร์แคนาดาและรางวัลที่สามคือของขวัญมูลค่าหนึ่งพันดอลลาร์แคนาดา
หลังจากเห็นรางวัลฉินสือโอวถึงกับส่ายหัวและบอกว่าวันฮาโลวีนเพิ่งจะจบไป ทุกคนก็เข้าร่วมการแข่งขันมากมายขนาดนี้เลยเหรอ เงินรางวัลดังกล่าวไม่น่าสนใจสำหรับพวกเขา ถ้าจะเล่นต้องเล่นให้ใหญ่ไปเลย รางวัลที่สามคือแพ็กเกจท่องเที่ยวแบบครอบครัวมูลค่าสามพันดอลลาร์แคนาดา รางวัลที่สองเป็นคูปองช้อปปิ้งมูลค่าห้าพันดอลลาร์แคนาดาและรางวัลที่หนึ่งคือเงินสดหนึ่งหมื่นดอลลาร์แคนาดา ตรงๆ ไปเลย!
ในฐานะที่เป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ฉินสือโอวจึงจัดหาสปอนเซอร์มาครึ่งหนึ่ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์อาหารทะเลต้าฉิน
วินนี่รู้สึกว่าแบบนี้ก็ดี รายได้ทางการเงินของเมืองก็มีมากเพียงพอที่จะรองรับกิจกรรมการแข่งขันนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
ดังนั้นฉินสือโอวจึงเริ่มเตรียมการสู้รบ การแข่งขันนี้กำหนดขึ้นหลังสองสัปดาห์ เขาต้องทำเรือฟักทองแปดลำในระหว่างสองสัปดาห์นี้
การแข่งขันเรือฟักทองเป็นการแข่งขันประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากการวิจัยแรงลอยตัวพบว่าฟักทองที่มีเนื้อที่ขุดเนื้อออกได้มากกว่าหนึ่งพันปอนด์สามารถรองรับน้ำหนักของผู้ใหญ่ที่นั่งพายเรืออยู่ข้างในนั้นได้ถึงสองพันปอนด์
แต่สำหรับครอบครัวส่วนใหญ่แล้ว พวกเขายังไม่สามารถปลูกฟักทองขนาดพันปอนด์ได้ ดังนั้นวินนี่จึงปรับเปลี่ยนเล็กน้อย จึงเปลี่ยนเป็นงานสำหรับเด็กๆ ดังนั้นจึงจะสามารถดึงดูดให้ครอบครัวมาเข้าร่วมและเพิ่มขอบเขตของผู้เข้าร่วมการแข่งขันได้
รวมทั้งราชาแตงที่เคยสร้างสถิติ ฉินสือโอวยังหาฟักทองขนาดใหญ่มาได้ทั้งหมดแค่แปดลูกเท่านั้น จากนั้นจึงเรียกชาร์คและคนอื่นๆ มาและพูดว่า “พวกเรา สองวันข้างหน้านี้เราจะไม่ออกทะเล ดังนั้นไปทำเรือฟักทองแปดลำให้ฉันซะ!”
ซีมอนสเตอร์ถนัดลงมือ เขาลูบที่เคราไปมาและยิ้มอย่างมั่นใจแล้วพูดว่า “เอาฟักทองลูกที่ใหญ่ที่สุดมาให้ผม แล้วผมจะสร้างเรือรบขั้นสุดยอดให้คุณเอง!”
ฉินสือโอวจึงเลือกฟักทองออกมาหนึ่งลูกและชี้ไปที่เขาแล้วพูดว่า “อย่าโม้นะซีมอนสเตอร์ สิ่งที่ฉันต้องการสร้างคือยานอวกาศ เรามาลองเปรียบเทียบกันดูสิ”
บทที่ 1394 สร้างเรือรบฟักทอง
ซีมอนสเตอร์ทำเรือฟักทองและหาวิธีการผลิตได้ด้วยตัวเอง เขาอธิบายให้ทุกคนฟังหลังจากแยกกันไปหาอุปกรณ์และเครื่องมือแล้ว ก็มีสิ่งของหลายอย่างที่ต้องใช้
ฉินสือโอวเดินไปเลือกฟักทองที่ใหญ่เป็นอันดับสอง ถ้ากะด้วยสายตาคงจะมีน้ำหนักมากกว่าหนึ่งพันแปดร้อยปอนด์ อันที่จริงฟักทองที่ใช้และเหมาะสมกับเด็กๆ มากที่สุดคือฟักทองที่มีน้ำหนักแปดร้อยปอนด์ เพราะถ้ามีขนาดใหญ่กว่านี้มันจะเป็นภาระต่อพวกเขา
แต่เขาทำเรือฟักทอง ไม่เพียงแต่เพื่อการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังต้องใช้ในอนาคตอีกด้วย หลังจากที่เรือฟักทองใส่สารกันบูดแล้ว ก็จะสามารถทิ้งไว้นานได้
จากนั้นจึงตัดส่วนบนสุดของฟักทองออก เพื่อให้เห็นเนื้อข้างในของฟักทอง ส่วนนี้จะโยนทิ้งไม่ได้ ฟักทองจากฟาร์มปลามีรสชาติหอมอร่อย สองสามวันมานี้พวกเขากินพายฟักทองด้วยกันมาตลอดจนตอนนี้ก็ยังไม่เบื่อ
ฟักทองสุกเปล่งแสงสีเหลืองสดใสและรสชาติจะค่อนข้างแปลกเล็กน้อย แต่ก็พอทนได้ ฉินสือโอวใช้มีดคมขุดเนื้อข้างในออกจนไม่เหลือเนื้ออย่างรวดเร็ว
พ่อฉินเดินเข้ามาและพูดว่า “แกกำลังทำอะไร? ไม่มีอะไรทำแล้วเหรอ? พืชผลในไร่ก็สุกแล้ว ทั้งองุ่นมากมายในสวน ต่อให้มีคนงานแต่ก็ไม่สู้แกไปจัดการเองหรอกนะ”
ฉินสือโอวพูดอย่างเฉยเมยว่า “พ่อ ไม่ต้องห่วงหรอก องุ่นที่ใช้ทำไอซ์ไวน์ จะเก็บได้ก็ต่อเมื่อหิมะตกเท่านั้น พืชผลในไร่นั่นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แค่กลับไปหาเครื่องจักรที่จะเก็บเกี่ยวก็พอแล้ว”
พ่อฉินเห็นว่าเขาไม่เอาจริงเอาจัง จึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “แค่ไร่ละหมู่สองหมู่ มันคุ้มกับการใช้เครื่องจักรตรงไหน? เอาเวลาที่แกมาเล่นอยู่ที่นี่ไปจัดการกับพ่อสองคนเถอะ”
ฉินสือโอวลุกขึ้นยืนพร้อมกับเกลี้ยกล่อมให้ชายชราออกไป “พ่อรีบไปดูเถียนกวาเถอะ ผมติดธุระอยู่ วินนี่ก็กำลังจะจัดกิจกรรมการแข่งขันเรือฟักทอง ผมไม่ควรสนับสนุนงานของเธองั้นเหรอ?”
หลังจากได้ยินอย่างนั้น พ่อฉินจึงไม่พูดอะไรต่อ เพราะการสนับสนุนงานของวินนี่ก็เป็นสิ่งที่เขาขอให้ฉินสือโอวทำ
เมื่อขุดเนื้อฟักทองออกมาจนพอประมาณแล้ว ข้างในก็จะเหลือความหนาประมาณฝ่ามือ ฉินสือโอวเจอเข้ากับเบิร์ดและขอให้เขาใช้มีดหั่นบางลงจนเหลือแค่ครึ่งหนึ่งของความหนาฝ่ามือ เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว
เบิร์ดควงมีดเหมือนบินได้ แค่เห็นข้อมือของเขาสะบัดอย่างรวดเร็วและเนื้อฟักทองแต่ละชิ้นที่ถูกหั่นก็เหมือนเนยชิ้นที่มีขนาดเกือบเท่ากันหมด แสดงให้เห็นว่าทักษะการใช้มีดของเขานั้นยอดเยี่ยมขนาดไหน
“โอเคบอส” ยี่สิบนาทีผ่านไป เบิร์ดจึงพยักหน้าเพื่อแสดงว่าโอเคทำได้
ตอนนี้เค้าโครงของเรือฟักทองก็ได้ออกมาแล้ว ฉินสือโอวโผล่หน้าเข้ามามองดูและเห็นว่าเนื้อฟักทองถูกขูดจนเกลี้ยงและข้างในก็เนียนกว่าข้างนอกมาก ซึ่งมันเหมือนกับใช้กระดาษทรายขัด ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมว่า “ทำได้สวยงามจริงๆ เบิร์ด เพียงแค่ใช้ทักษะมือนี้ก็สำเร็จแล้ว ฉันคงจะต้องเพิ่มเงินเดือนให้นาย”
เบิร์ดถูมือไปมาอย่างเขินอายและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเท่าไรล่ะครับจึงจะเหมาะสม?”
ฉินสือโอวเหลือบมองเขาและพูดว่า “นายเอาจริงใช่ไหม? รีบไปทำงานเถอะ บอสก็แค่แกล้งนายเล่นเท่านั้นเอง”
เบิร์ดไม่สนใจ เขายิ้มและไปช่วยคนอื่นหั่นเนื้อฟักทองต่อ
ตามเงื่อนไขของสหภาพแรงงานแคนาดา พนักงานจะต้องขึ้นเงินเดือนทุกๆ สิบสองเดือน โดยเริ่มต้นที่แปดเปอร์เซ็นต์ ฉินสือโอวพิจารณาเรื่องนี้อยู่สักพักเขาก็รู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องขึ้นเงินเดือนให้ชาวประมงและทหาร
“เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ” ฉินสือโอวเริ่มรู้สึกหดหู่ใจอีกครั้ง
หลังจากหั่นฟักทองแล้ว ก็ต้องแช่ในฟอร์มาลินทันที จุดประสงค์คือกันเน่าเสีย ขอเพียงแค่ฟักทองไม่เน่าและปล่อยให้แห้ง มันก็จะมีความคงทนมาก ซีมอนสเตอร์บอกว่ามันมีความเหนียวเหมือนผิวหนัง
เมื่อใช้แปรงขัดฟักทองทั้งด้านในและด้านนอกหลายๆ ครั้งจนเนื้อฟักทองไม่สามารถดูดซับฟอร์มาลินได้แล้ว ฉินสือโอวถึงจะหยุดลงมือ ในเวลานี้พื้นที่ทุ่งหญ้ากำลังส่งกลิ่นฟอร์มาลินฟุ้งไปทั่ว
เมื่อถือฟักทองขึ้นมา เล็งไปทางทิศใต้และเริ่มตากแดด สภาพอากาศแบบนี้ไม่เหมาะเท่าไร ต่อให้เมืองเซนต์จอห์นส์จะอยู่ทางตอนใต้ของแคนาดา แต่แสงอาทิตย์จะอบอุ่นเกินไปในช่วงเดือนพฤศจิกายน ข้อดีคือลมทะเลฟาร์มปลาจะค่อนข้างแรงและลมทะเลยังสามารถทำให้เกิดการคายน้ำได้ดีอีกด้วย
ซีมอนสเตอร์บอกว่าเขามีความคิดอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการใช้เครื่องทำความร้อนไฟฟ้าในการอบ
ฤดูหนาวของเกาะแฟร์เวลจะทั้งเย็นและชื้น แค่เตาผิงและเครื่องปรับอากาศจึงไม่เพียงพอ ดังนั้นทุกครอบครัวจะต้องมีเครื่องทำความร้อนไฟฟ้า ซึ่งก็เป็นแสงดวงอาทิตย์น้อยๆ จากบ้านเกิดของฉินสือโอว
สิ่งนี้มีประสิทธิภาพในการแปลงความร้อนไฟฟ้าสูงมาก ซึ่งเปิดด้วยพลังงานสูง จะไม่อ่อนไปกว่าแสงดวงอาทิตย์ในฤดูร้อน
ฟักทองมีขนาดใหญ่มาก เครื่องทำความร้อนไฟฟ้าสองตัววางหันหลังพิงกันไว้และเปิดข้างในออก จะสามารถย่างจากภายในสู่ภายนอกได้
ในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ ฉินสือโอวจำเป็นต้องใช้ฟอร์มาลินอย่างต่อเนื่องในระหว่างกระบวนการคั่วไฟฟ้าและจะต้องแช่ให้สะอาด เพื่อให้ได้มาตรฐานการป้องกันการเน่าเสียที่มีความเข้มข้นสูง
สองวันต่อมา เนื้อฟักทองจะเป็นสีดำและสีเหลืองเมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกแข็งและมีกลิ่นฟอร์มาลีนที่เข้มข้นอยู่ข้างใน ดังนั้นจึงสามารถดำเนินการต่อในขั้นตอนต่อไปได้ ซึ่งขั้นตอนต่อไปก็คือการติดกาวและทาสี
ขั้นแรกให้ทากาวแห้งเร็วแบบขุ่นที่ผิวด้านนอกและด้านในของเรือฟักทอง จุดประสงค์ของขั้นตอนนี้คือการแยกฟอร์มาลินออกไป เพราะถึงอย่างไรสิ่งนี้ก็ยังคงเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์และอีกอย่างมันสามารถกันน้ำได้
หลังจากทากาวแห้งเร็วหนาชั้นหนึ่งแล้ว ขั้นตอนที่สองคือการทาสี จุดประสงค์ของการทาสีนี้มีสองอย่าง อย่างแรกคือกันน้ำและอย่างที่สองก็เพื่อความสวยงาม
ฟักทองของฉินสือโอวจะให้เชอร์ลี่ย์ใช้ เขาถามโลลิต้าว่าจะทาสีรองพื้นเป็นสีอะไร โลลิต้าจึงพูดโดยไม่คิดว่า “ใช้สีขาวแน่นอน ใครให้หนูเป็นสาวน้อยแสนงดงามงามที่บริสุทธิ์อย่างไม่มีใครเทียบได้ล่ะ?”
ฉินสือโอวกระตุกมุมปากพร้อมกับทาสีขาวไปแบบไม่พูดไม่จา จากนั้นจึงถามอีกว่า “แล้วเธออยากวาดอะไรลงไปหน่อยไหม?”
เชอร์ลี่ย์ถามด้วยความคาดหวังว่า “วาดแผนที่โลกได้ไหมคะ? หรือจะแผนที่มหาสมุทรโลกก็ได้ มันหมายความว่าต่อจากนี้เราจะพิชิตโลก”
ฉินสือโอวทำท่าทาง ‘โอเค’ อย่างมั่นใจและพูดว่า “ดูฉันไว้ก็พอ”
เมื่อได้รับการยืนยันจากเขา โลลิต้าก็กระโดดโลดเต้นไปโรงเรียน เมื่อเธอกลับมาจากโรงเรียนก็ถึงกับตกตะลึง เธอกรีดร้องจนหาฉินสือโอวเจอแล้วชี้ไปที่สีน้ำเงินเข้มบนฟักทองและถามว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฉินมีคนจงใจทำลายเรือรบของเราใช่ไหม?”
ฉินสือโอวพูดอย่างเจ็บใจว่า “ไม่ เชอร์ลี่ย์ เธอไม่ได้ต้องการแผนที่มหาสมุทรโลกเหรอ? นี่ก็ไม่ใช่มหาสมุทรเหรอ?”
เชอร์ลี่ย์ถามอย่างประหลาดใจว่า “มหาสมุทรโลกเป็นสีน้ำเงินเข้มเหรอคะ?”
ฉินสือโอวพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “จะเป็นสีน้ำเงินเข้มได้อย่างไร? เธอดู วงกลมด้านนอกเป็นสีฟ้าอ่อน ซึ่งแสดงถึงทะเลตื้น ด้านในยิ่งลึกสีก็จะยิ่งเข้มขึ้น บางพื้นที่ก็เป็นสีดำด้วยซ้ำ ทำไมล่ะ? เพราะมันคือทะเลลึก!”
“เธอดูนี่อีก ตรงนี้มีจุดด่างมากมายใช่ไหม? นี่คืออะไรล่ะ? เกาะกลางทะเลไง! ดูสิ จุดเล็กๆ น้อยๆ นี่คือเกาะแฟร์เวลของเรา ฉันตั้งใจทำเครื่องหมายเป็นสีทองโดยเฉพาะเลยนะ เป็นอย่างไรล่ะ?”
โลลิต้ามองเขาด้วยสายตาโง่เง่า ปากเล็กๆ ก็อ้ากว้างขึ้นพร้อมกับเบิกตาอย่างจนปัญญา ฉินสือโอวคิดว่าเธอโง่และไร้เดียงสา ทั้งสวยงามและน่ารัก
“โอเคฉิน คุณชนะแล้ว ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันว่าฟักทองของคนอื่นจะทาสีอะไรดีไหมคะ?” เชอร์ลี่ย์พูดอย่างหมดแรง
ฉินสือโอวเห็นด้วยทันที สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นคือเรือฟักทองลำใหญ่ที่ซีมอนสเตอร์สร้างให้กับกอร์ดอน โดยชั้นนอกของรอบตัวเรือทั้งซ้ายขวาจะทาสีแตกต่างกันไป “นี่มันเรือประจัญบานไอโอวา! นี่คือเรือประจัญบานบิสมาร์ มันสุดยอดไปเลยใช่ไหม?!”
บทที่ 1395 การเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง
เชอร์ลี่ย์พูดชมว่า “โอ้พระเจ้า คุณลุงซีมอนสเตอร์คุณวาดภาพได้สุดยอดมาก นี่คุณวาดมันเองใช่ไหมคะ? เรือรบที่เหมือนจริงขนาดนี้ ฉันยังคิดว่ามันเป็นของจริงเลย”
กอร์ดอนคุกเข่าลงแล้วลูบลายเส้นของเรือรบและพูดอย่างอิ่มอกอิ่มใจว่า “นี่ไม่ใช่ภาพวาด นี่เป็นลุงซีมอนสเตอร์ใช้มีดแกะสลัก เธอสัมผัสลายเส้นดูสิ มันหยาบเกินไปนะ! มันไม่ตายตัว! ไอโอวา ยิงถล่ม! ตูมๆๆ!!!”
ต่างคนต่างก็ของดูแลตัวเอง กอร์ดอนกอดฟักทองไว้แน่น
เชอร์ลี่ย์พูดอย่างอิจฉาว่า “ทำได้ดีมาก”
โลลิต้าแทบจะไม่ชื่นชมใคร เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น ซีมอนสเตอร์ก็ภาคภูมิใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาสางเคราที่ถักเป็นเปียน้อยๆ พร้อมกับหัวเราะชอบใจไปด้วย
จากนั้นทั้งสองก็ไปดูเรือฟักทองที่ชาร์คสร้างให้ลูกชาย ดูก็รู้ว่ามันชื่ออะไร ชาร์คในภาษาอังกฤษของชื่อเขาแปลว่าฉลาม เขาวาดฉลามอันดุร้ายที่ด้านนอกของฟักทอง
“โอ้พระเจ้า คุณลุงซีมอนสเตอร์คุณวาดภาพได้ยอดเยี่ยมมาก คุณวาดเองใช่ไหมคะ? ฉลามเหมือนจริงขนาดนี้ ฉันยังคิดว่ามันเป็นของจริงเลย” เชอร์ลี่ย์ยังคงชื่นชมไม่หยุด ฉินสือโอวจึงกลอกตาใส่ คำพูดนี้มันคุ้นๆ นะ?
แน่นอนว่าเขารู้ว่าทำไมโลลิต้าถึงชมเชยเมล็ดฟักทองของคนอื่นมากจนแทบจะขายหน้าเขาอยู่
ชาร์คน้อยหัวเราะแหะแหะแล้วพูดว่า “แน่นอน นี่คือฉลามเสือน่ากลัวไหม? พ่อบอกว่าฉลามเสือเป็นนักล่าที่เก่งกาจที่สุดในมหาสมุทร! เรือฟักทองของฉันคือฉลามเสือ ใครกล้ามาขวางฉันจะกลืนกินคนนั้น! อาวู…”
เมื่อเห็นชาร์คน้อยอ้าปากกว้างทำตามท่าทางการกินของกินฉลาม ฉินสือโอวจึงงับนิ้วและพูดว่า “ฉันต้องบอกความจริงนายอย่างหนึ่งนะ พ่อของนายคิดผิดแล้ว ฉลามเสือไม่ใช่นักล่าที่เก่งกาจที่สุดในมหาสมุทร เพราะยังมีหมึกยักษ์และหมึกโคลอสซัล!”
“นั่นก็เป็นแค่ตำนานเท่านั้น!” ชาร์คน้อยพูดด้วยความไม่เชื่อว่า “พ่อของผมพูดถูก”
ฉินสือโอวเริ่มเล่นเปิดสงครามทำให้หลานชายสับสน เขาเผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งจนยากที่คาดเดาพร้อมกับเอื้อมมือออกไปลูบหัวของชาร์คน้อยแล้วพูดว่า “เด็กโง่นี่น่ารักจริงๆ พ่อนายจะต้องภูมิใจในตัวนาย อืม ก็เป็นอย่างนั้นแหละ ฉลามเสือเก่งกาจที่สุด”
ชาร์คน้อยขมวดคิ้วและมองไปที่ด้านหลังของเขา จากนั้นก็วิ่งไปหาชาร์ค “พ่อครับพ่อครับ พ่อโกหกผมเหรอ?”
ต่อไปคือเรือฟักทองของมิเชลที่วาดด้วยโลโก้เอ็นบีเอไว้ด้านนอกและยังมีบาสเกตบอลสองลูกอยู่ทางซ้ายและขวา ซึ่งดูแล้วโดดเด่นมาก
ฉินสือโอวถอนหายใจ เชอร์ลี่ย์ก็กำลังจะเริ่มต้นอีกครั้งตามที่คาดไว้ “โอ้พระเจ้า คุณลุงแบล็คไนฟ์คุณวาดภาพได้ยอดเยี่ยมมาก คุณวาดเองใช่ไหมคะ? เงาและลูกบาสเหมือนจริงขนาดนี้ ฉันยังคิดว่ามันเป็นของจริงเลย”
มิเชลพูดอย่างเจ็บใจว่า “ไม่เชอร์ลี่ย์ ฉันวาดภาพนี้เอง ขอบคุณสำหรับคำชม…”
ถึงคราวที่ฉินสือโอวจะออกตัว เขาตบไหล่ของมิเชลแล้วพูดว่า “เด็กๆ ทำได้ดี ทักษะการวาดภาพของนายไม่เลวเลย ก้าวหน้ากันมาก มา มาเรียนรู้การวาดด้วยการใช้มือซ้ายกัน นายต้องพัฒนามือทั้งสองข้างอย่างสมดุล”
หลังจากการเยี่ยมชมเสร็จ ฉินสือโอวก็แผ่มือออกให้เชอร์ลี่ย์และพูดว่า “ดูสิ มิเชลและคนอื่นๆ วาดภาพเองกันหมดเลย หรือไม่ก็ชอบอะไรก็วาดอันนั้นใช่ไหมล่ะ? วาดม้าตัวเล็กหนึ่งตัว? วาดเจ้าชายขี่ม้าขาวหนึ่งคน? เธอชอบอะไรก็สามารถวาดอันนั้นได้”
เชอร์ลี่ย์มองเขาด้วยความไม่พอใจและพูดว่า “คุณวาดภาพไม่เป็น ดังนั้นจึงทาสีน้ำเงินเข้มทับแค่หนึ่งชั้นก็จบแล้วใช่ไหมคะ? คุณหลอกหนู?”
ฉินสือโอวแบะปากและพูดว่า “ฉันวาดภาพไม่เป็น? เธออยากได้แผนที่มหาสมุทรนั่นเอง แล้วนั่นไม่ใช่แผนที่มหาสมุทรเหรอ?”
เชอร์ลี่ย์เดินจากไป สักพักก็หันหน้ากลับมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “ฉิน หนูต้องการวาดภาพคุณ จากนั้นก็จะบอกพี่วินนี่ว่าหนูจะส่งคุณไปแข่งขัน”
ฉินสือโอว “…”
การสร้างเรือฟักทองไม่ได้มีเพียงเท่านี้ แต่งานที่เหลือจะต้องรอจนกว่าฟักทองสีและกาวจะแห้งสนิทถึงจะใช้ได้
ฉินสือโอวจึงต้องใช้โอกาสนี้ไปทำงานเกี่ยวกับพืชผลที่ไร่
พ่อฉินหาชุดยีนที่ไม่ได้ซักมาให้เขาและพูดว่า “แกดูสิว่าบ้านใครไม่เก็บเกี่ยวพืชผลในไร่จนเดือนพฤศจิกายนบ้าง? น่าขำจริงๆ แกไม่ได้ไปดูเลยว่าพืชผลในไร่เน่าเสียไหม?”
ตอนนั้นฉินสือโอวปลูกข้าวโพด ถั่วลิสง ข้าวฟ่างและถั่วต่างๆ ได้ยินมาว่าพวกเขาจะต้องเก็บเกี่ยวในเดือนกันยายนและตุลาคม แต่เขาจะมีเวลามาจากไหน? เขาแค่โยนเมล็ดลงพื้นไปเท่านั้น
แต่เขายังป้อนพลังโพไซดอนให้กับพืชผลด้วย ดังนั้นแม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นแค่ไหน แต่ใบของมันก็ยังคงเป็นสีเขียวและสามารถสังเคราะห์แสงอ่อนๆ ข้าวโพด ถั่วลิสงก็จะสุกแล้ว แต่จะยังคงรักษาความนุ่ม ข้าวโพดสีเหลืองทองที่พอเด็ดเมล็ดพืชแล้วยังสามารถผลิตน้ำได้อีกด้วย
ข้าวฟ่างจะไม่ค่อยดี ข้าวฟ่างสุกเร็วมาก ตอนนี้ใบของมันแห้งและรวงข้าวฟ่างก็เหี่ยวเฉาห้อยอยู่บนยอดและยังมีนกมาจิกอยู่เรื่อยๆ
แบล็คไนฟ์ที่เข้ามาจึงช่วยมองไปที่ฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นที่บินกำลังจากไปและพูดอย่างหดหู่ว่า “ข้าวฟ่างพวกนี้ขุนนกจมูกหลอดหางสั้นจนอ้วน ที่แท้พวกมันก็ยังกินอาหารอยู่ ผมคิดว่าพวกมันกินแค่ปลา กุ้งและสาหร่ายทะเลซะอีก”
ฉินสือโอวส่งเสียงแสดงความไม่พอใจพร้อมกับดึงข้าวโพดไปด้วย จากนั้นเขาก็หัวเราะและพูดอย่างมีลับลมคมในกับแบล็คไนฟ์ว่า “เจ้านี่มันนุ่มจริงๆ พอเด็ดแล้วก็มีน้ำออกมาด้วย”
แบล็คไนฟ์ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “บอส คุณเปลี่ยนไปมากหลังจากที่แต่งงานแล้ว”
ชาร์คเดินเข้ามาแล้วพยักหน้าตามและพูดอย่างเห็นด้วยว่า “เปลี่ยนแปลงไปอย่างยิ่งใหญ่มากจริงๆ ตอนนี้เรื่องตลกลามกนี่ชำนาญจริงๆ”
ฉินสือโอวจังเปลี่ยนเรื่องและพูดว่า “เฮ้ ชาร์ค นายไปที่เมืองและหารถเกี่ยวข้าวมา เราจะจัดการข้าวโพด ถั่วลิสงและถั่วอื่นๆ กัน”
ชาร์คยักไหล่และพูดว่า “ขอโทษนะบอส ผมไม่สามารถทำได้ คุณเป็นคนแรกในเมืองที่ปลูกสิ่งเหล่านี้ ผมไม่ได้บอกเหรอว่าไม่มีใครปลูกมาก่อน แต่ทุกคนจะปลูกแค่ในสวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีเครื่องเก็บเกี่ยว”
“ทำไมถึงมีเครื่องจักรอย่างเครื่องมือไถนาและทำลายวัชพืชในเมืองล่ะ?” ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ
ชาร์คหัวเราะและพูดว่า “แน่นอนว่าบนเกาะมีพื้นที่การเกษตรมากมาย ทุกคนไม่ได้ปลูกข้าวโพดและถั่วลิสงเท่านั้น แต่ยังสามารถปลูกอย่างอื่นได้อีกด้วย”
ฉินสือโอวมองไปที่พื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่พร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องลงมือเองใช่ไหม? ถ้าฉันรู้เร็วกว่านี้จะไม่ปลูกมากมายขนาดนี้ ฉันยังคิดว่านายสามารถยืมรถเกี่ยวข้าวมาใช้ได้”
พ่อฉินถ่มน้ำลายลงในฝ่ามือและเช็ดมือไปมา จากนั้นก็ถือจอบแล้วพูดว่า “ทำเถอะ มันไม่เยอะเท่าไรหรอก เรามีกันตั้งหลายคนจะไม่เร็วได้อย่างไร?”
อันดับแรกคือการเก็บข้าวโพด ซึ่งฉินสือโอวคุ้นเคยเป็นอย่างดี คนข้างหน้าใช้มือดึงฝักข้าวโพดออกแล้วโยนไปไว้รวมกัน คนข้างหลังใช้จอบตัดก้านข้าวโพดและใช้เชือกมัดเข้าด้วยกัน เมื่อตอนอยู่ที่บ้านก็จะเผาทำเป็นอาหาร แต่อยู่ที่นี่ฉินสือโอวทำได้เพียงโยนทิ้งไปเท่านั้น
แบล็คไนฟ์ถือจอบอยู่ด้านหลังและตัดก้านข้าวโพดอย่างสบายๆ เขาตัดได้สักพักก็พูดว่า “เฮ้ มาร้องเพลงกันเป็นอย่างไรล่ะ?”
ฉินสือโอวหยิบกาต้มน้ำขึ้นมากำลังจะดื่มก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เอาล่ะ มาร้องเพลงเพื่อเพิ่มบรรยากาศในการเก็บเกี่ยวกันเถอะ”
แบล็คไนฟ์กระแอมและร้องเพลง “ลูกสาวตัวน้อยคนสวยมาเป็นเพื่อนกัน ปลอกข้าวโพดแล้วป้อนให้ชายรูปร่างสูงใหญ่กิน อร่อยที่สุดในสามโลก แบ่งข้าวโพดก็มาป้อนให้ชายรูปร่างสูงใหญ่กิน…”
ฉินสือโอวที่เพิ่งจะดื่มน้ำเข้าไป พอได้ฟังเพลงที่เขาร้องแล้ว ก็แทบจะสำลักน้ำออกมาทันที
บทที่ 1396 เขาถูกพิษ
หลังจากที่แบล็คไนฟ์เปิด ชาร์คและคนอื่นๆ ก็หัวเราะขึ้น พ่อฉินฟังภาษาอังกฤษไม่เข้าใจจึงถามแปลกๆ ว่า “นี่มันเพลงอะไร? ฟังแล้วดูคล้องจองกันมากเลย”
ฉินสือโอวหัวเราะเจื่อนและพูดว่า “น่าจะเป็นเพลงพื้นบ้านของแคนาดา”
ชาร์คไม่เคยถูกดูถูกแบบนี้จึงส่ายหัวและพูดว่า “มันไม่ใช่เพลงพื้นบ้านของแคนาดา ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเคยฟัง”
แบล็คไนฟ์ว่า “นี่คือเพลงพื้นบ้านของคนผิวดำ เมื่อก่อนเคยร้องโดยทาสผิวดำ พวกคุณไม่รู้สึกเหรอว่าจังหวะมันร่าเริงมาก? อย่าให้เขามองฉันด้วยหน้าตาแบบนี้ เพลงนี้เป็นเพลงที่ดีจริงๆ!”
“มาร้องเพลงกับฉัน! ลูกสาวตัวน้อยคนสวยมาเป็นเพื่อนกัน ปอกข้าวโพดแล้วป้อนให้ชายรูปร่างสูงใหญ่กิน อร่อยที่สุดในสามโลก แบ่งข้าวโพดก็มาป้อนให้ชายรูปร่างสูงใหญ่กิน ลูกสาวตัวน้อยคนสวยมาเป็นเพื่อนกัน ไวน์ที่กลั่นมีรสหวานมาก…” แบล็คไนฟ์ฮัมเพลงในลำคอ
เพลงประเภทนี้ร้องกันอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา บีบีซวง ทริกเกอร์และออสเปรก็ร้องตามเพลงนี้ได้
เนื้อเพลงนั้นง่ายมาก เพียงแค่ร้องสี่หรือห้าประโยคซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากนั้นไม่นานคนอื่นๆ ก็เห็นพวกทหารกำลังร้องเพลงกันอย่างร่าเริง พวกเขาจึงเริ่มร้องตาม
ฉินสือโอวส่ายหัวพร้อมกับมองไปที่พวกเขาและถอนหายใจแล้วพูดว่า “กลุ่มอันธพาลกันทั้งนั้น เพลงที่ร้องเพลงมันคือเพลงอะไร? ฉันแค่เคยพูดเรื่องตลกเท่านั้นเอง…ลูกสาวตัวน้อยคนสวยมาเป็นเพื่อนกัน ปอกข้าวโพดแล้วป้อนให้ชายรูปร่างสูงใหญ่กิน…”
คนกลุ่มหนึ่งร้องเพลงอย่างมีความสุขและก็ทำให้การทำงานมีความสุขและผ่อนคลายมากขึ้นจริงๆ แน่นอนว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับข้าวโพดเป็นอย่างมาก
ในช่วงบ่ายการเก็บเกี่ยวถั่วลิสงและถั่วอื่นๆ ฉินสือโอวจะรอจนกว่าพวกเด็กๆ จะเลิกเรียนแล้วค่อยมาทำ พร้อมกับประกาศเงินรางวัลให้พวกเขา เหล่านักล่าเงินรางวัลจะเริ่มปฏิบัติการอีกครั้ง
ในเมื่อยังไม่มีเครื่องจักร ข้างหน้าก็คือฉินสือโอวและอีกสองสามคนถือจอบตามา และมีพวกเด็กๆ นั่งยองๆ อยู่ข้างหลังกำลังก้านข้าวโพดออกมาใส่ในตะกร้า
ลอเรนซ์ลูกสาวของแลนซ์ที่ทำอยู่สักพักก็ร้องขึ้นอย่างประหลาดใจพร้อมกับถือไข่สีเหลืองสลับสีขาวสองสามฟองไว้ในมือและตะโกนว่า “มาดูเร็ว นี่มันไข่อะไร?”
เมื่อก่อนไร่ถั่วลิสงที่บ้านของฉินสือโอว มักจะมีงูเคลื่อนไหวไปมาและที่นั่นก็จะมีไข่งูอยู่ แต่ไข่จะมีขนาดใหญ่ไปหน่อย จึงดูไม่เหมือนกับไข่งู แน่นอนว่าเกาะแฟร์เวลก็ดูเหมือนจะไม่มีงู
แต่เขาจึงเตือนว่า “ระวังหน่อยนะ มันอาจจะเป็นไข่งู”
หลังจากได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เด็กวัยรุ่นที่เดิมทีไม่ได้สนใจในอะไรก็เข้ามารวมตัวกัน “นี่มันคือไข่งูเหรอ? ฉันไม่เคยเห็นไข่งูมาก่อนเลย”
“เอากลับไปฟักไข่กันเถอะ เราจะได้เห็นว่างูน้อยหน้าตาเป็นอย่างไร”
ฉินสือโอวรู้สึกอึดอัดมาก จึงพูดว่า “พวกนายกำลังรนหาที่ตายเหรอไง? เคยได้ยินเรื่องการเพาะพันธุ์งูเป็นโรคไหม?”
กอร์ดอนพูดอย่างไม่สนใจว่า “มีอะไรเหรอ เมื่อก่อนเราก็เคยกินงูมาแล้ว ตัดหัวลอกหนังแล้วก็ตุ๋นกับน้ำซุป อร่อยมากเลยนะ หลังดื่มแล้วจะทำให้ร่างกายอุ่น”
ชาร์คแสดงความเลื่อมใสออกมาและพูดว่า “นี่นาย นายแข็งแกร่งกว่าฉันอีกนะ!”
ไวส์ถามอย่างรีบร้อนว่า “น้ำดีงูล่ะ น้ำดีงูล่ะ? ใครจะกิน? มันสามารถเพิ่มกำลังภายในได้!”
“ของแบบนั้นจะกินได้อย่างไร? โยนทิ้งไปเลย” กอร์ดอนกล่าว
ไวส์พูดอย่างเสียดายว่า “แย่มาก นายนี่ไม่มีวัฒนธรรมเลย กอร์ดอน ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกว่านายโง่มากที่ทิ้งน้ำดีงูที่มีประโยชน์ไปและเลือกที่จะกินแต่เนื้องู…”
“นายพูดว่าใครโง่นะ?” กอร์ดอนถามด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ไวส์มองไปที่เขาพร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า “กอร์ดอน ทำไมนายต้องจริงจังขนาดนี้ด้วย? ฉันก็แค่ถามไปงั้นๆ เอง…”
“นายพูดว่าใครโง่นะ? ฉันก็แค่ถามนาย” กอร์ดอนยังคงถามอย่างต่อเนื่อง
ไวส์โยนตะกร้าในมือลงแล้วพุ่งไปข้างหน้าและชนกอร์ดอนล้มลงไปในไร่ถั่วลิสงและชกเข้าไปที่ขุมตาเขาก่อน จากนั้นกอร์ดอนโต้กลับ ทั้งสองจึงเริ่มกลิ้งไปมาบนพื้น
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ฉินสือโอวที่ทำงานอยู่ข้างหน้าก็กังวลและด่าว่า “ให้ตายเถอะ จะชกกันไปทำไม? พวกนายกำลังทำอะไร? พวกนายดูคนรอบๆ สิ?”
ชาร์คน้อยและซีมอนสเตอร์น้อยมองหน้ากัน จากนั้นก็วิ่งเข้าไปและตะโกนว่า “ไวส์สู้ๆ! เตะเขาเลย!” “กอร์ดอนนายเก่งที่สุด รวบพลังความแข็งแกร่งของนายออกมาสิ!”
ฉินสือโอว “…”
เมื่อดึงทั้งสองคนแยกออกจากกัน กอร์ดอนยังต้องการที่จะพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ยอมแพ้ ฉินสือโอวจึงพูดว่า “ใครยังคิดจะลงมืออีก ต่อไปนี้อย่าคิดจะมาเป็นนักล่ารางวัล ฉันจะไม่ให้พวกนายทำงานอีกแล้ว!”
หลังจากที่ได้ยินอย่างนั้น กอร์ดอนและไวส์ก็หยุดลงมืออย่างไม่เต็มใจ เชอร์ลี่ย์มองไปที่กอร์ดอนด้วยความสงสารและพูดว่า “ตาซ้ายนายเขียวหมดแล้ว หมัดของไวส์นี่หนักจริงๆ เลย”
ประโยคนี้เกือบจะจุดชนวนให้เกิดสงครามอีกครั้ง
ฉินสือโอวเช็ดหน้าให้กอร์ดอน หมัดแรกของไวส์นั้นแข็งแกร่งจริงๆ จนทำให้ดวงตาของกอร์ดอนเขียวช้ำเป็นวง กอร์ดอนหยิบโทรศัพท์ออกมาดูและตะโกนว่า “ฉิน นี่จะทำอย่างไร? พรุ่งนี้ผมไม่มีหน้าไปโรงเรียนแล้ว ผมต้องแก้แค้น”
ฉินสือโอวจ้องมองเขาและพูดว่า “แก้แค้นอะไร? ตอนเย็นให้วินนี่ม้วนไข่ให้นายแล้วกัน เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”
หลังจากทำงานต่อไปเรื่อยๆ ก็พบไข่นกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาต่อมา นอกเหนือจากไข่นกจมูกหลอดหางสั้นที่คุ้นเคยแล้วยังมีไข่นกอื่นๆ อีก ดูเหมือนว่าจะมีนกหลายตัวบินมาหาอาหารที่ไร่
ไข่สีสวยที่สุดในไข่นกคือไข่เป็ดป่า ซึ่งมีสีเขียวอ่อนและมีลวดลายสวยงาม แน่นอนว่าสิ่งนี้ยังมีรสชาติอร่อยที่สุดด้วย…
วินนี่กลับมาในตอนเย็นและวางรองเท้าส้นสูงลง เท้าบอบบางก้าวลงบนพรมจึงทำให้รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย เธอจึงอุทานอย่างสบายอกสบายใจว่า “การจัดกิจกรรมนี่เหนื่อยมากจริงๆ พระเจ้า คุณกำลังทำร้ายฉันที่รัก”
ฉินสือโอวกอดเธอบนโซฟาพร้อมกับช่วยนวดเท้าให้เธอแล้วถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง? ผมไปทำร้ายคุณได้อย่างไร?”
วินนี่ทำเสียงสบายๆ พ่อฉินจึงกระแอมอยู่ข้างๆ วินนี่ปิดปากทันทีและทำหน้าตลกใส่ฉินสือโอว
“เป็นอะไรกันแน่?” ฉินสือโอวถาม
วินนี่กล่าว “เงินรางวัลของเราสูงไปหน่อยนะ มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก มีผู้ลงชื่อสมัครมากกว่าสองร้อยคนแล้ว นี่เป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่มากเลยนะคะ!”
ฉินสือโอวพูดอย่างประหลาดใจว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณควรขอบคุณผมนะ กิจกรรมที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ก็ยิ่งมีอิทธิพล และยิ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากเท่าไร เมืองก็จะยิ่งได้กำไรมากขึ้นเท่านั้น ถึงเวลาก็สามารถสร้างรายได้ด้วยการตั้งแผงขายสินค้าได้”
วินนี่นั่งลงพร้อมกับจูบเขาและพูดว่า “จากมุมมองของนายกเทศมนตรี ฉันควรจะขอบคุณคุณ แต่กลับมาบ้านแล้วฉันเป็นภรรยาของคุณ ภรรยาของคุณถูกความคิดของคุณครอบงำเกินไปแล้ว”
ทั้งสองกำลังกะหนุงกะหนิงกันอยู่ คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์อยู่บ้างจะไม่รำคาญ แต่กอร์ดอนจงใจโน้มตัวเข้าไปใกล้
เมื่อเห็นวงกลมตาซ้ายม่วงช้ำเป็นวงของกอร์ดอน วินนี่ก็สะดุ้งก่อน จากนั้นลากเสียงยาวแล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “กอร์ดอน นายมีเรื่องที่โรงเรียนอีกแล้วใช่ไหม?!”
ไวส์ที่อยู่ข้างหลังก็รีบพูดขึ้นว่า “ไม่ครับ เขาแค่ถูกพิษ!”
วินนี่จ้องมองพวกเขาแต่ละคนและรู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับไวส์ จึงให้เขาต้มไข่และเตรียมน้ำร้อน ดวงตาเป็นสิ่งที่อ่อนไหวง่ายมาก ไม่สามารถใช้น้ำยาฉีดพ่นลดอาการบวมได้ จึงทำได้เพียงใช้วิธีดั้งเดิมเท่านั้น
ไวส์ยิ้มเยาะและพูดว่า “เตรียมเรียบร้อยแล้ว ไข่อยู่ตรงนี้ น้ำร้อนก็อยู่ตรงนั้น”
เขาช่วยกอร์ดอนอย่างกระตือรือร้น กอร์ดอนจึงกัดฟันและพูดว่า “อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วผมจะยกโทษให้คุณนะ!”
วินนี่มองทั้งสองคนอย่างจริงจังและพูดว่า “เพื่อนแท้จะไม่เกลียดกันเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้! ความรู้สึกที่แท้จริง จะไม่แตกหักเพราะการทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ!”
กอร์ดอนพูดอย่างไม่ยอมว่า “แต่…”
ไวส์เข้าไปกอดเขาแล้วพูดว่า “ขอโทษนะกอร์ดอน ฉันไม่น่าลงมือก่อนเลย”
กอร์ดอนถึงกับตกตะลึง จากนั้นก็กอดเขากลับและพูดด้วยความคับแค้นใจว่า “โอเค ฉันก็ผิดเหมือนกัน ฉันไม่ควร…โธ่เอ๊ย เรื่องนี้ฉันไม่รู้ว่าฉันผิดตรงไหน?”
บทที่ 1397 ผู้คนล้นหลาม
ในวันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน เมืองแฟร์เวลได้จัดการแข่งขันเรือฟักทองที่ทะเลสาบเฉินเป่า
วินนี่พูดถูก เงินรางวัลนี้มีแรงดึงดูดเกินไป ภายในครึ่งเดือนมีผู้ลงชื่อสมัครทั้งหมดสี่ร้อยคน ครอบคลุมครึ่งหนึ่งของแคนาดา ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ไกลที่สุดมาจากเขตแม็คเลนแนนในรัฐแอลเบอร์ตา
แน่นอนว่าพ่อลูกจากเขตแม็คเลนแนนเป็นนักกีฬาของกิจกรรมนี้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะเป็นได้แค่ตั๋วบวกค่าฝากขนส่งของเรือฟักทอง
หลังจากการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ฉินสือโอวจึงได้ทำการสร้างเรือฟักทองขั้นสุดท้าย ก่อนอื่นเขาต้องติดตั้งห่วงเหล็กห้าอันไว้ด้านนอกของเรือฟักทอง นี่คือโครงของเรือฟักทอง เพื่อป้องกันไม่ให้เสียรูปทรง เมื่อเรือฟักทองถูกกระแทกอย่างแรงเมื่อผิดรูปแล้วจะทำให้แตกได้ง่าย
ต่อมาเขาได้สร้างไม้พายสองอันบนเรือฟักทอง เพื่อให้คนบนเรือพายตรงกลางเท่านั้น เรือฟักทองของพวกเขามีขนาดใหญ่มาก ถ้าพายหนึ่งอันจะพายไปทางซ้ายขวาได้ก็จะต้องเป็นผู้ใหญ่พาย แต่สำหรับเด็กๆ แล้วจะถือว่าเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่
พาวลิส เชอร์ลี่ย์ กอร์ดอน มิเชล ชาร์คน้อย ไวส์ ซีมอนสเตอร์น้อยและลอเรนซ์ เด็กๆ ทั้งแปดคนพร้อมกับเรือแปดลำจะไปฝึกกันทุกวันหลังเลิกเรียน อันดับหนึ่งคือรางวัลเงินสดหนึ่งหมื่นดอลลาร์แคนาดา
เนื่องจากมีคนสมัครเป็นจำนวนมาก วินนี่จึงทำการแบ่งกลุ่มเป็นการแข่งขันชายและหญิงแยกกัน ดังนั้นจึงต้องมีการตั้งเงินรางวัลทั้งหมดสี่ส่วน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มภาระในการแข่งขันและเพิ่มความน่าดึงดูดของการแข่งขันด้วย
วินนี่ไม่สนใจการเพิ่มเงินรางวัล แต่วิธีการของฉินสือโอวทำให้เธอมีความคิดสร้างสรรค์ จากนั้นเธอก็ออกเดินทางไปในเมืองเพื่อหาผู้สนับสนุน เมื่อเธอหาสปอนเซอร์ได้และยังได้รับการสนับสนุนอีกมากมาย กิจกรรมของเมืองนี้จึงไม่จำเป็นต้องออกเงินก็สามารถจัดกิจกรรมได้
ในเช้าวันเสาร์ ฉินสือโอวตื่นนอนและพาพวกเด็กๆ ทั้งแปดคนไปออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับพวกเขา การแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะมีคู่ต่อสู้ที่แข็แกร่งและทรงพลังเป็นจำนวนมาก!
หลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็เอาเรือฟักทองของเชอร์ลี่ย์และมิเชลไปไว้บนตู้โบกี้เอฟหกร้อยห้าสิบและขับรถไปที่ทะเลสาบเฉินเป่า ดังนั้นสถานที่ในการแข่งขันครั้งนี้จึงอยู่ที่ทะเลสาบเฉินเป่า
มีรถกระบะสี่คันตามหลังเอฟหกร้อยห้าสิบมาติดๆ และบนรถหนึ่งคันจะสามารถขนส่งเรือฟักทองได้สองลำ เนื่องจากเรือฟักทองค่อนข้างมีขนาดใหญ่ จึงทำได้เพียงติดตั้งแยกกันเท่านั้น
รถแต่ละคันขับผ่านไปอย่างยิ่งใหญ่และดูเหมือนจะมีพลังมากพอที่จะสามารถทำลายขวัญกำลังใจของคู่ต่อสู้ได้
เมื่อเขามาถึงริมทะเลสาบ ฉินสือโอวจึงยื่นหน้าออกไปมองดูและอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ “ให้ตายเถอะ คนเยอะมากจริงๆ!”
ทะเลสาบเฉินเป่าน่าจะอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะแฟร์เวล และเมืองนี้ก็บังเอิญตั้งอยู่ตรงกลางของเกาะพอดี ดังนั้นจากตัวเมืองไปยังเกาะแฟร์เวล จะต้องไปทางตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งอยู่ใกล้กันมาก โดยทั่วไปแล้วชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบเฉินเป่าจะได้รับการพัฒนามากที่สุด เพราะอยู่ใกล้ตัวเมืองมากที่สุด
สิ่งที่ฉินสือโอวมองเห็นในตอนนี้ก็คือพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบเฉินเป่าที่เต็มไปด้วยผู้คนผ่านไปผ่านมา พ่อค้าจำนวนมากก็ตั้งแผงขายของที่นี่ นอกจากนี้ยังมีรถเข็นมาขายเครื่องดื่ม อาหาร ขนมหรือแม้กระทั่งยังมีคนมาขายประกันภัยและอสังหาริมทรัพย์ที่นี่
อย่าเชื่อคำโกหกที่บริษัทประกันภัยบอกว่าอุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างมากในต่างประเทศและไม่จำเป็นต้องมีพนักงานในการขายเพียงแค่รอให้ลูกค้ามาหาก็พอ เท่าที่ฉินสือโอวรู้ อุตสาหกรรมประกันภัยของแคนาดามีการพัฒนาอย่างมาก แต่การแข่งขันก็รุนแรงมากเช่นกัน
ดังนั้นพนักงานขายของบริษัทประกัน บางทีอาจจะไม่ต้องวิ่งไปขายให้ลูกค้า แต่กลับต้องโทรศัพท์ติดต่อ และสาเหตุที่พวกเขาไม่ไปนั้น ไม่ได้มาจากการพิจารณาด้านจริยธรรม แต่เป็นเพราะย่านที่อยู่อาศัยในแคนาดากระจัดกระจายมากและถ้าขับรถไปที่หาเองก็จะไม่ได้รับค่าน้ำมัน
นี่คือการพูดนอกเรื่อง สรุปแล้วตอนนี้ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบเฉินเป่าถูกพ่อค้าเข้ายึดครอง และในส่วนของริมทะเลสาบก็คือเรือฟักทองลำใหญ่หรือเล็กแต่ละลำ
ฉินสือโอวและอีวิลสันเอา ‘เรือเจ้าหญิงตี้หลู’ ของเชอร์ลี่ย์ลงมา หลังจากจัดการวางอย่างเหมาะสมแล้วก็ใส่สายสะพายเด็กแล้วอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยลงไปเหมือนกับจิงโจ้
เด็กหญิงตัวน้อยมีจุกหลอกดูดนมอยู่ในปากและเธอมองไปที่ผู้คนรอบๆ ตัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น จู่ๆ ระหว่างนั้นเธอก็ดิ้นอย่างกระวนกระวายพร้อมกับเหยียดแขนออกไปและร้องตะโกนว่า “ป่าป๊า หม่าม๊า หม่าม๊า!”
ฉินสือโอวจึงหันหน้าไปดูและเห็นวินนี่ที่สวมเครื่องแบบโอแอลกำลังพาลูกน้องเดินตรวจสอบรอบๆ
หลายคนต่างพากันถ่ายรูปกับวินนี่ วันนี้นายกเทศมนตรีหญิงสวมเครื่องแบบโอแอลสีดำ ซึ่งเป็นชุดเซ็ตสูทตัวเล็กและกางเกงเอวสูง
ดังนั้น เธอจึงกลายเป็นบุคคลที่มีผู้ชมมากที่สุดในสถานที่นี้ หลังจากที่วินนี่ปรากฏตัว ฉินสือโอวก็ได้ยินนักท่องเที่ยวหรือไม่ก็ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่รอบๆ ตัวเธอคุยกันอย่างต่อเนื่องและมีบางคนเดินมาอยู่ต่อหน้าเขาแล้วพูดตรงๆ ว่า “ว้าว นายกเทศมนตรีหญิงคนนี้ฮอตมาก!”
ยิ่งไปกว่านั้น วินนี่ยังสวมแว่นตาที่ไม่มีขอบและผมมวยไว้ด้านหลัง ทำให้ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยเสน่ห์
ความสวยของผู้หญิงที่กำลังเต็มที่ทำให้เพิ่มลมปราณ ผลก็คือฆ่าผู้ชายตายเรียบ!
ฉินสือโอวยิ้มและพูดว่า “ใช่ เธอฮอตมาก แต่นิสัยของเธอกลับอ่อนโยนเหมือนน้ำ”
ชายคนนั้นส่ายหัวด้วยความอิจฉา “ไม่รู้ว่าไอ้บ้าคนไหนได้แต่งงานกับเธอกันนะ!”
หลังจากได้ยินที่เขาพูด ฉินสือโอวไม่รู้ว่าตัวเองควรจะโกรธหรือดีใจดี เพราะเขาเป็น ‘ไอ้บ้า’ คนนั้น
เด็กหญิงตัวน้อยดิ้นอย่างสุดแรง ฉินสือโอวลูบผมสั้นที่ศีรษะของเธอและพาเธอไปที่บริเวณด้านข้างๆ
วินนี่ยุ่งจนเท้าแทบไม่ติดพื้น เขาจึงไม่ต้องการทำให้เธอลำบากอีก
ฉินสือโอวไม่ได้จ่ายค่าสปอนเซอร์โดยเปล่าประโยชน์ มีบอลลูนขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือทะเลสาบเฉินเป่า ซึ่งมันเป็นบอลลูนของฟาร์มปลา ด้านล่างจะห้อยป้ายประกาศและในนั้นเขียนว่า อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินขออวยพรให้นักกีฬาที่เข้าร่วมได้รับผลการแข่งขันตามที่หวังไว้
นอกจากนี้ ในเมืองนี้ยังได้จัดรถประชาสัมพันธ์ ซึ่งฝั่งหนึ่งของรถตู้จะมีโลโก้และสโลแกนของอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน ส่วนอีกฝั่งหนึ่งจะเป็นการประชาสัมพันธ์ของผู้ให้การสนับสนุนอื่นๆ และบรรดารถขายของที่เข้ามาขายของในสถานที่จัดกิจกรรมนี้ จำเป็นจะต้องมีธงแขวนไว้ด้วย ด้านบนจะเป็นชื่อของผู้สนับสนุนรายใหญ่และเมืองนี้ก็จะทำการประชาสัมพันธ์ให้อย่างรอบด้าน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อากาศอบอุ่นขึ้นและแสงดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าก็ทั้งอบอุ่นและสบาย วันนี้ค่อนข้างมีลมแรงเล็กน้อย แต่คลื่นในทะเลสาบเฉินเป่ากลับไม่ใหญ่มาก มีเพียงลูกคลื่นเล็กๆ เท่านั้นที่ซัดขึ้นมาบนฝั่ง
นี่เป็นเครดิตของฉินสือโอว เพื่อการแข่งขันครั้งนี้วินนี่ต้องจ่ายเงินไปเท่าไรเขารู้ดีที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปล่อยให้สภาพอากาศทำลายการแข่งขันในครั้งนี้ได้ จึงส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งแปดออกไปควบคุมแทบทั่วทุกพื้นผิวของทะเลสาบเฉินเป่าไว้และรักษาพื้นที่น่านน้ำไม่ก่อให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่
มีคนสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ จึงบอกว่าวันนี้ลมก็ค่อนข้างแรงแต่ทำไมถึงไม่มีคลื่นลูกใหญ่เลย แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจมากขนาดนั้น ทุกคนก็แค่สงสัยเท่านั้น
เวลาสิบโมงตรง ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะเริ่มรวมตัวกันเพื่อจับฉลากตัวเลข การแข่งขันแบ่งออกเป็นชายและหญิงสองกลุ่ม นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันเดี่ยวและการแข่งขันคู่ ดังนั้นจึงมีทั้งหมดสี่กิจกรรมการแข่งขัน
เด็กๆ วัยรุ่นที่เข้าร่วมการแข่งขัน ส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงมีจำนวนค่อนข้างน้อย ซึ่งมีเพียงประมาณหนึ่งร้อยคน แต่การแข่งขันเดี่ยวและการแข่งขันคู่จะได้รับอนุญาตให้ลงสมัครซ้ำได้ ดังนั้นถ้านับเรื่องนี้ด้วย ก็จะมีรอบการแข่งขันเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น