ลำนำบุปผาพิษ 1382-1386

 บทที่ 1382 หุนหันพลันแล่นคือปีศาจ! เฮ้อ!


การเคลื่อนไหวของตี้ฝูอีเบามากพอแล้ว ทว่ายังทำให้หน้าผากเธอมีเหงื่อออก ยามที่ตี้ฝูอีพันแผลให้ มือของเธอจึงกระตุกโดยไม่รู้ตัว ส่งเสียงแหบแห้งแผ่วเบา “เจ็บ…”


การเคลื่อนไหวมือของตี้ฝูอีเบายิ่งขึ้น “รู้จักเจ็บแล้วหรือ?”


นางใช้มือจับวงกบประตูเช่นนั้นช่างเหมือนยื่นมือเข้าไปในรังผึ้งเพื่อจับผึ้ง คนอื่นถูกต่อยนิดเดียวก็วิ่งหนีไปนานแล้ว! แต่นางกลับจับรังผึ้งไว้ไม่ปล่อย…ช่างกล้าหาญชาญชัยเป็นที่สุด!


กู้ซีจิ่วหลับตาลง สงบจิตใจที่ตื่นตระหนกเกินไปจนสับสนยิ่งนัก จากนั้นจึงรู้สึกโกรธขึ้นมา!


เธอไม่สนใจความเจ็บปวด ยกมือที่เพิ่งพันแผลเรียบร้อยคว้าสาบเสื้อเขา ดวงตาดำขลับมีความโกรธลุกโชน “ตี้ฝูอี ต่อไปท่านไม่อาจทอดทิ้งข้าได้อีก! หากรอดก็รอดด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกัน! หากท่านทอดทิ้งข้าอีก…หากท่านทอดทิ้งข้าเช่นนี้อีก ข้า…ข้าจะเกลียดท่านชั่วชีวิต! ไม่มีทางยกโทษให้ท่านอีก!”


ตี้ฝูอีนำมือเล็กของนางที่พันแผลดั่งหัวผักกาดมาวางไว้บนฝ่ามือตัวเอง ถอนใจเบาๆ “ซีจิ่ว เจ้าต้องเชื่อใจข้า”


“หืม?” กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วขึ้นสูง


“เจ้าไม่วางใจความสามารถของข้าขนาดนั้นเลยหรือ? ข้าทำการสิ่งใดล้วนมีกระบวนท่าไม้ตายเสมอ บางครั้งก็ไม่ทันได้อธิบาย ต่อไปหากพบเจอสถานการณ์เช่นนี้อีก เจ้าหนีออกไปก่อนพอ ข้ามีวิธีหลบเลี่ยงของข้าเอง…”


กู้ซีจิ่วทอดถอนใจ ใช่สิ เขาเป็นถึงเทพของทวีปนี้ จะเป็นอะไรไปได้อย่างไร? เหมือนตัวเองจะตอบสนองมากเกินไปหน่อย


แต่เมื่อกี้เธอหวาดกลัว กลัวเขาจะออกมาไม่ได้อีก กลัวเขาจะจากเธอไป…


เป็นเพราะใส่ใจมากเกินไปถึงได้เป็นทุกข์ร้อนใจขนาดนี้ใช่หรือไม่?


เจ้าหอยยักษ์พูดเกินความจริงอยู่ด้านข้าง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ต่อไปท่านอย่าทำแบบนี้อีก ท่านรู้ดีว่าตัวเองตายไม่ได้ แต่เจ้านายข้าไม่รู้นี่ เมื่อสักครู่นางเหมือนเป็นบ้าไปแล้ว ข้าเป็นกังวลจริงๆ ว่าหากท่านยังไม่ออกมาอีก นางต้องโขกศีรษะตายอยู่ตรงนี้แน่…”


ใบหน้ากู้ซีจิ่วแดงในที่สุด ยกเท้าถีบเจ้าหอยยักษ์ไปหนึ่งที “ไสหัวไป! เจ้านั่นแหละเหมือนบ้าไปแล้ว!”


เธอสงบจิตใจลงแล้ว และหวนคิดถึงการกระทำของตัวเองเมื่อสักครู่ รู้สึกว่าค่อนข้างน่ากลัว ตอนนั้นเธอถูกความหวาดกลัวที่จะสูญเสียเขาเข้าครอบงำ ไม่สนใจสิ่งใด เกือบจะทำลายล้างโลกใบนี้แล้ว…


ตัวเธอเองก็นึกไม่ถึงว่าจะมีช่วงที่หุนหันพลันแล่นขนาดนี้


หุนหันพลันแล่นคือปีศาจ! เฮ้อ!


เธอมองเขตแดนนั้นด้วยความรู้สึกผิด เคราะห์ดีที่ดูเหมือนเขตแดนจะไม่ได้รับความเสียหาย มิเช่นนั้นเธอจะกลายเป็นคนบาปของทวีปนี้ หากมันถูกเธอทำลายลงจริงๆ!


ในที่สุดบรรยากาศตึงเครียดก็คลี่คลายลง ถึงแม้ครั้งนี้ทุกคนจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ทว่าโชคดีที่แค่ตื่นตระหนก ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ทุกคนล้วนเป็นผู้ที่ฝ่าพายุคลื่นลมต่างๆ มามากมาย ย่อมสงบจิตใจลงได้ ทุกคนกลับมาพูดคุยหัวเราะกันเหมือนเดิม รักษาบาดแผล นั่งสมาธิ คุยเล่นกันไป


ครานี้ทุกคนบาดเจ็บกันถ้วนหน้าไม่มากก็น้อย เนื่องจากนิ้วมือกู้ซีจิ่วบาดเจ็บ หน้าที่รักษานี้ย่อมต้องตกเป็นของหลัวจั่นอวี่


เดิมทีกู้ซีจิ่วอยากหาก้อนหินสักก้อนฟื้นฟูพลังด้วยตัวเอง เมื่อครู่เธอยุ่งวุ่นวาย รีบร้อนจนไม่รู้สึกอะไร ยามนี้เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงก็รู้สึกเจ็บปวดกระดูกจนทนไม่ไหว อยากจะหาสถานที่พักพิงอยู่บ้าง


เธอยังโกรธตี้ฝูอี ไม่อยากอยู่ใกล้เขา ทว่าตี้ฝูอีกลับไม่พูดไม่จาดึงเธอไว้ในอ้อมกอด และกดจุดฝังเข็มให้เธอ


กู้ซีจิ่วดิ้นรนในอ้อมกอดเขา “ไม่ต้องมาสนใจข้า! คนหลอกลวง!”


ตี้ฝูอีกอดนางไว้ “ขอโทษ” เขาทำให้นางตกใจจริงๆ ในสถานการณ์เช่นนั้นไม่มีทางแบ่งสมาธิไปได้เลย


——————————————————


บทที่ 1383 ครั้งนี้เป็นความผิดของข้าเอง ไม่โกรธแล้วดีไหม? หืม?


ในสถานการณ์เช่นนั้นไม่มีทางแบ่งสมาธิไปได้เลย ย่อมไม่สามารถอธิบายให้นางเข้าใจอย่างละเอียดได้ ส่วนนางก็ดึงดันที่จะอยู่กับเขาให้ได้ เขาจึงทำได้เพียงหลอกนาง อาศัยช่วงที่นางเผลอโยนนางออกมา…


อันที่จริงกู้ซีจิ่วทราบว่าในสถานการณ์เช่นนั้นไม่เอื้อต่อการอธิบาย เพียงแต่รู้สึกว่าในใจยังมีเพลิงโทสะปะทุอยู่


เธอจ้องตาเขา “วรยุทธ์ของข้าในยามนี้น่าจะยืนเคียงข้างท่านร่วมหัวจมท้ายกับท่านได้แล้วกระมัง? เหตุใดท่านต้องโยนข้าออกมาก่อนด้วย?”


ในเมื่อเขาอยากล่อสัตว์ร้ายไปแล้วค่อยเปิดประตูมิติอีกครั้ง ก็ร่วมมือกับเธอได้นี่ เขาโยนเธอออกมาเช่นนี้แล้วเหลือตัวเองไว้ เขาไม่คิดบ้างหรือว่าเธอจะกังวลใจมากแค่ไหน?


ตี้ฝูอีลูบหัวเธอเบาๆ “เคยชินไปแล้วน่ะ”


เคยชินที่ต้องปกป้องนางก่อน เคยชินที่ต้องให้นางอยู่ในจุดที่ปลอดภัยก่อน


เนื่องจากอย่างไรเสียเมื่อครู่เขาก็ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อยเช่นกัน เป็นการอาศัยประสบการณ์เนิ่นนานปีเดิมพันดูเท่านั้น


โชคดีที่เขาชนะเดิมพัน มิเช่นนั้นนางคง…


เขาหลุบตามองนางที่อยู่ในอ้อมแขน ดวงหน้าน้อยๆ ของนางยังคงซีดเผือดอยู่ ถึงแม้นางจะพยายามสงบเยือกเย็น แต่ร่างกายยังสั่นสะท้านอยู่บ้าง เห็นทีว่าเมื่อครู่จะขวัญเสียจริงๆ


กู้ซีจิ่วกลับขมวดคิ้วแวบหนึ่ง แทบจะเดือดดาลแล้ว “เคยชินอะไร? เคยชินกับการหลอกข้าน่ะหรือ? ตี้ฝูอี ท่านเสพติดการหลอกลวงข้าไปแล้วกระมัง?! ข้าจะบอกไว้นะ ครั้งหน้าถ้าท่านหลอกข้าอีก แม้ว่าท่านมีเจตนาดี แม้ว่าจะทำเพื่อข้า ข้าก็จะเลิกกับท่าน ไม่อยู่กับท่านอีกต่อไปแล้ว!” เธอชิงชังการหลอกลวงมากที่สุด ทว่าเขาก็ชอบท้าทายขีดจำกัดของเธออยู่เสมอ


ตี้ฝูอีจุมพิตหน้าเธอทีหนึ่ง “ครั้งนี้เป็นความผิดของข้าเอง ไม่โกรธแล้วดีไหม? หืม?”


“เฮอะ!” กู้ซีจิ่วสะบัดหน้าหนี ดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนเขาอีกครั้ง “ท่านปล่อยข้าก่อน”


ตี้ฝูอีจุมพิตริมฝีปากเธอ ทำหน้าหนา “ไม่ปล่อย!”


กู้ซีจิ่วทำอะไรไม่ถูกแล้ว


คนห้อมล้อมมากมายปานนี้ เขาทั้งกอดทั้งจูบเธออย่างโจ้งแจ้งถึงเพียงนี้จะดีจริงๆ น่ะหรือ?


เธออดไม่ได้ที่จะกวาดตามองรอบข้างแวบหนึ่ง คนอื่นๆ ยังคงรู้ความยิ่งนัก หลีกห่างจากพวกเขาเล็กน้อยด้วยตัวเอง


ทุกคนรอดชีวิตจากความตายแล้ว และเหนื่อยล้ากันแทบตาย ยามนี้จึงก่อกองไฟขึ้นบนที่โล่งผืนหนึ่ง แล้วนั่งล้อมวงพักผ่อนสนทนากัน


ที่นี่คือยอดเขาที่เจ็ด มีสัตว์ดุร้ายมากมายเช่นกัน อันที่จริงก็อันตรายอย่างยิ่ง เพียงแต่วรยุทธ์ของทุกคนสูงส่ง อีกทั้งมีลู่อู๋น้อยอยู่ที่นี่ สัตว์ร้ายอื่นๆ ไม่กล้ากล้ำกราย


ก่อนหน้านี้กู้ซีจิ่วทุ่มเทที่สุด ย่อมเหนื่อยล้าที่สุดเช่นกัน อีกทั้งได้รับความตกใจถึงเพียงนั้น ยามนี้แข้งขาจึงอ่อนเปลี้ย ต้องการพักผ่อนอย่างยิ่ง


บัดนี้ซุกอยู่ในอ้อมอกของตี้ฝูอี สูดดมกลิ่นอายที่คุ้นเคยบนร่างเขา ในที่สุดเธอก็รู้สึกสงบใจแล้ว


เธอยังคงมีเหตุผลอยู่ เขาขออภัยอยู่ตลอดเธอจึงไม่อาจทำตัวขวางโลกไร้เหตุผลได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอระบายโทสะใส่เขาไปแล้ว ยามนี้เขาออกมาได้อย่างปลอดภัย เช่นนั้นทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว


“ง่วงหรือ? เจ้าพักผ่อนก่อนสักหน่อยสิ” ตี้ฝูอีโอบเธอไว้ในท่าอุ้มเจ้าหญิง เสื้อคลุมของเขาหลวมกว้าง อยู่ในอ้อมแขนเขาแล้วสบายยิ่งนัก


อันที่จริงเธอยังคงฉงนอยู่บ้าง “ประหลาดนัก ก่อนหน้านี้ที่ประตูบานนั้นข้าคิดจะใช้วิชาเคลื่อนย้าย ผลคือใช้ไม่ได้ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าตอนสู้กับสัตว์ร้ายข้ายังใช้ได้อยู่เลย…” มิเช่นนั้นในตอนสุดท้ายเธอคงใช้วิชาเคลื่อนย้ายกอดตี้ฝูอีแล้วพาเข้าประตูไปแล้ว และไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนกับเรื่องนี้


ตี้ฝูอีถอนหายใจ “มีสาเหตุมาจากประตูบานนั้น มิเช่นนั้นข้าคงเตือนให้เจ้ากอดข้าแล้วพาหนีเช่นกัน”


“ที่แท้ท่านก็ยังเปิดประตูบานนั้นด้วยตัวเองได้ ประตูที่ท่านเปิดแตกต่างกับประตูที่ข้าเปิด…”


ตี้ฝูอีถอนใจเบาๆ “โง่งม วิธีเปิดประตูเป็นข้าที่สอนให้เจ้า ข้าย่อมเปิดได้อยู่แล้ว ส่วนที่ว่าแตกต่างกัน…เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าคือเทพ?”


บทที่ 1384 ท่านทำให้นางตกใจจนผวาไปแล้ว!


กู้ซีจิ่วเข้าใจแล้ว เขาเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ ประตูที่เปิดจะแตกต่างกับเธอเป็นเรื่องปกติยิ่งนัก ประตูที่เขาเปิดดูเหมือนจะมีแสงสีรุ้งด้วย…


เธอไม่พูดอะไรอีก ยื่นมือออกมาช้าๆ กอดเอวเขาไว้ ซบหน้ากับอกเขา หลับตาฟังเสียงหัวใจของเขา


หัวใจเขาเต้นมั่นคงยิ่งนัก ทำให้ใจคนสงบมั่นคง


เธอยังข้องใจอยู่นิดหน่อย “ข้าจำได้ว่ายามที่ต่อสู้ก่อนหน้านี้ท่านได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้หายดีแล้วหรือ?”


ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ “บาดแผลเล็กน้อย สำหรับข้าไม่นับว่าเป็นอันใด โอสถไม่กี่เม็ดก็จัดการได้แล้ว วางใจเถอะ”


เขาไม่คิดจะบอกว่าก่อนหน้านี้ยามที่อยู่ด้านใน เขารับเอาไอพิฆาตส่วนใหญ่จากร่างสัตว์ร้ายทั้งสี่มา ค่อยๆ สลายไอพิฆาตบนร่างของพวกมัน นี่ถึงทำให้ทุกคนไม่ถึงขั้นถูกไอพิฆาตกดทับให้ล้มคว่ำไป จนสูญเสียความสามารถในการต่อสู้


สัตว์ร้ายบรรพกาลเหล่านี้ต่อกรด้วยตัวสองตัวยังพอว่า ทว่ามาทีเดียวสี่ตัว ทำให้เขาค่อนข้างปวดหัวอยู่บ้าง


หากว่าเขาอยู่สภาพสมบูรณ์พร้อม อย่าว่าแต่สี่ตัวเลย ต่อให้มาทีเดียวแปดตัวก็มีแต่จะถูกเขาทุบตีจนกระเจิงไป แต่ตอนนี้…


ตอนนี้อาการบาดเจ็บเล็กน้อยก็ยากจะหลีกเลี่ยงได้แล้ว


โชคดีที่อาการบาดเจ็บนี้ไม่หนักหนา เขาปรับลมปราณครู่เดียวก็ฟื้นฟูได้แล้ว


คนทั้งสองแอบอิงกันอยู่ตรงนั้นไม่มีใครพูดไปพักหนึ่ง กู้ซีจิ่วที่ง่วงงุนอย่างหนัก ยามนี้โล่งอกแล้ว ซ้ำยังอยู่ในอ้อมกอดของคนรัก ความง่วงเข้าครอบงำ ผล็อยหลับไปด้วยความงุนงง


ตี้ฝูอีหลุบตามองนางอยู่ตลอด ไม่ขยับเขยื้อนและไม่พูดไม่จา ไม่ทราบเช่นกันว่าคิดอะไรอยู่


หลัวจั่นอวี่เดินเข้ามา มองน้องสาวที่หลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนเขา แล้วมองตี้ฝูอี “นางถลำตัวลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ท่านจะผิดต่อนางไม่ได้เด็ดขาด! ข้ายังไม่เคยเห็นนางคลุ้มคลั่งเหมือนเมื่อครู่มาก่อน!”


แขนของตี้ฝูอีที่โอบกอดนางไว้พลันรัดแน่น จากนั้นก็เงยหน้ามองหลัวจั่วอวี่ “เจ้าเป็นพี่ชายของนาง ภายหน้าก็ต้องดูแลนางให้มากหน่อย ตัวนางอันที่จริงแล้ว…อ่อนไหวยิ่งนัก…”


หลัวจั่นอวี่ร้องเฮอะคราหนึ่ง “นั่นมันแน่อยู่แล้ว นางเป็นน้องสาวของข้าข้าย่อมเห็นนางเป็นดั่งสมบัติล้ำค่า!”


เขายังไม่พอใจอยู่บ้าง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ข้าเห็นท่านเปิดประตูได้ง่ายดายยิ่งนัก แล้วเหตุใดท่านยังให้นางทำงานหนักถึงเพียงนั้นอีก! ท่านจะเอาเปรียบนางหรือ?”


ตี้ฝูอีมองคนที่อยู่ในอ้อมแขน “ท้ายที่สุดแล้วนางก็ต้องพึ่งพาตัวเอง ข้าจึงฝึกฝนนาง”


หลัวจั่นอวี่ไม่ยอมรับ “บุรุษหนักแน่นเด็ดเดี่ยว มือถือกระบี่หนึ่งคือพิทักษ์ดินแดน สองคือปกป้องสตรีข้างกาย ป้องกันไม่ให้นางเสียขวัญป้องกันไม่ให้นางบาดเจ็บ ท่านมีความสามารถถึงเพียงนี้ ยังไม่เพียงพอจะปกป้องคุ้มครองให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขปลอดภัยอีกหรือ? ยังต้องฝึกฝนเคี่ยวกรำนางอีกหรือ?”


ตี้ฝูอีเอ่ยเรียบๆ ว่า “นางคือคุนเผิงบนท้องนภา เจ้าอยากให้ข้าเลี้ยงดูนางเยี่ยงนกน้อยในกรงทอง?”


หลัวจั่นอวี่เงียบไป


ใช่แล้ว เขายอมรับว่าน้องสาวเลิศล้ำมากจริงๆ แข็งแกร่งยิ่งกว่าบุรุษ กระทำการรวดเร็วเด็ดขาด คล่องแคล่วปราดเปรียว จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวก็คือตี้ฝูอี…


เหมือกู้ซีจิ่วจะหลับอย่างไม่สงบเท่าไหร่ จู่ๆ ก็ขยับอยู่ในวงแขนของตี้ฝูอี มือน้อยๆ ที่บวมเป่งเหมือนหัวผักกาดขยุ้มสาบเสื้อเขา ปากน้อยๆ เอ่ยพึมพำ “ท่านตายไม่ได้นะ…ข้ากลัวมากเลย…”


น้ำตาหลิ่งรินออกมา เปียกชุ่มขนตานาง


หลัวจั่นอวี่ปวดใจนัก ถลึงตาใส่ตี้ฝูอีอีกแวบหนึ่ง “ท่านทำให้นางตกใจจนผวาไปแล้ว!” เขาไม่สนใจว่ากู้ซีจิ่วจะได้ยินหรือไม่ เอ่ยขึ้นอีกว่า “เสียวจิ่ว วางใจเถอะ เขาเป็นคนเช่นใดกัน? ทูตสวรรค์ฝ่ายผู้แข็งแกร่งที่สุดเชียวนะ จะตายได้อย่างไรกัน? เจ้าเคยได้ยินหรือไม่? คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนนับพันปี คนชั่วร้ายแบบเขามีชีวิตอยู่ได้เป็นหมื่นปีด้วยซ้ำ!”


ตี้ฝูอีพูดไม่ออก ไอ้เด็กนี่ชักจะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!


เขาคร้านจะสนใจหลัวจั่นอวี่อีก เอนหลังพิงต้นไม้ เงยหน้ามองท้องฟ้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย


สีสันของท้องฟ้าค่อนข้างอึมครึมชั่วร้าย…


————————————————————————


บทที่ 1385 ข้าไม่ต้องการความรู้สึกผิดของเขา! (1)


หลัวจั่นอวี่ก็มองท้องฟ้าตามเขาด้วย เขามองไม่เห็นอะไร เห็นเพียงสีเทาขมุกขมัวทั้งแถบ และมองไม่ออกว่าเป็นกลางวันหรือว่าค่ำแล้ว


“หลังจากออกไปได้แล้วเจ้าวางแผนไว้อย่างไร?” จู่ๆ ตี้ฝูอีก็ถามเขา


หลัวจั่นอวี่ชะงักค้าง เรื่องนี้เขาไม่ได้คิดเลยจริงๆ…กล่าวอีกอย่างก็คือไม่อยากคิด


“ลูกผู้ชายย่ำไปทั่วหล้า ข้าอยากไปชมดูใต้หล้า”


เขาถูกขังไว้ในตาค่ายแห่งนั้นตั้งแต่อายุราวสิบสองปี ยามนี้กว่าจะออกมาได้ไม่ง่ายเลย อีกทั้งมีฝีมือติดตัว ย่อมต้องการแยกตัวไปตามเส้นทางของตัวเอง


ตี้ฝูอีมองเขา “ไม่ลองกลับบ้านดูหรือ?”


สีหน้าหลัวจั่นอวี่แปรเปลี่ยนเล็กน้อย “นั่นไม่ใช่บ้านข้า!”


เขาไม่สามารถให้อภัยบิดาผู้นั้นได้ ย่อมไม่คิดจะไปเยือนประตูจวนแม่ทัพ


แปดปีมานี้ถึงแม้เขาจะอยู่กับกู้ซีจิ่วทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ก็ไม่เคยเป็นฝ่ายเอ่ยถามเรื่องราวใดของจวนแม่ทัพเลย


เป็นกู้ซีจิ่วที่บางครั้งก็เล่าเรื่องราวในอดีตออกมาบ้าง กลับทำให้เขาไม่พอใจบิดาตนยิ่งกว่าเดิม ที่แท้น้องสาวที่ตนรักใคร่หวงแหนเป็นที่สุดตอนอยู่จวนแม่ทัพเคยถูกกลั่นแกล้งรังแกมากมายถึงเพียงนั้น หากว่าเขาอยู่ด้วย จะต้องสั่งสอนคนเหล่านั้นให้ลงไปนอนโอดโอยควานหาฟันเป็นแน่!


เคราะห์ดีที่น้องสาวไม่ได้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้น มิเช่นนั้นเขาจะไม่มีทางให้อภัยบิดาคนนั้นยิ่งกว่าเดิม


“เจ้าไม่อยากพบมารดาของเจ้าหรือ?” ตี้ฝูอีคล้ายจะช่างเจรจาขึ้นมา


หลัวจั่นอวี่ทราบจากปากของกู้ซีจิ่วแล้ว ย่อมรู้เรื่องที่มารดายังไม่ตายและออกเรือนกับผู้อื่นไปแล้ว เขาเม้มริมฝีปากบางนิดๆ “ไม่จำเป็นกระมัง? นางมีครอบครัวใหม่มีลูกใหม่แล้ว…”


“ความหมายของเจ้าคือ เมื่อออกไปแล้วในสองคนนี้จะไม่พบสักคนเลยใช่ไหม?”


หลัวจั่นอวี่เชิดหน้าเล็กน้อย “ไม่อยากพบ!”


เดิมทีกู้ซีจิ่วก็หลับไม่สนิทอยู่แล้ว เมื่อหลัวจั่นอวี่เสียงดัง จึงปลุกให้เธอตื่นขึ้น “ไม่อยากพบอะไรหรือ?”


หลัวจั่นอวี่กระแอมคราหนึ่ง “เสียวจิ่ว เจ้าคงไม่บังคับให้พี่ไปพบบิดามารดาใช่ไหม?”


กู้ซีจิ่วทราบปมในใจของเขาดี จึงส่ายหน้านิดๆ แล้วเอ่ยว่า “แล้วแต่ท่านเถิด อันที่จริงท่านแม่รู้สึกผิดต่อท่านมาโดยตลอด…ส่วนท่านพ่อ หลายปีมานี้เขาตามหาท่านอยู่เสมอ ไม่เคยหยุดเลย”


หลัวจั่นอวี่เช็ดถูอาวุธของตน น้ำเสียงเฉยเมย “เขาแค่รู้สึกผิดที่ตามหาข้าไม่พบเท่านั้น ข้าไม่ต้องการความรู้สึกผิดของเขา! บิดาเช่นนี้ข้าไม่มีวันยอมรับ!”


ยามนั้นกู้เซี่ยเทียนต้องการสั่งสอนหลัวซิงหลาน ให้หลัวซิงหลาน ‘รู้ความ’ จึงหมางเมินบุตรชายคนโตผู้นี้เสมอมา ทุบตีด่าทออยู่ทุกวัน ซ้ำยังสั่งสอนเขาต่อหน้าหลัวซิงหลานเป็นประจำ เพียงเพื่อทำให้หลัวซิงหลานยอมจำนนเพราะเป็นห่วงบุตรชาย ไม่เคยคิดเลยว่าบุตรชายที่เยาว์วัยจะทนรับเรื่องนี้ไหวหรือไม่


เขาในวัยเด็กใช้ชีวิตอย่างคับข้องหมองใจทุกวัน หากมิใช่เพราะสิ้นหวังจนถึงขีดสุด เด็กน้อยอายุสิบสองปีคนหนึ่งจะหนีออกจากบ้านได้อย่างไร?


กู้ซีจิ่วก็ไม่คิดจะเกลี้ยกล่อม สิ่งที่กู้เซี่ยเทียนเคยทำในอดีตเธอรู้สึกว่าเป็นสวะทั้งสิ้น แล้วจะเกลี้ยกล่อมหลัวจั่นอวี่ให้ยอมรับบิดาได้ยังไง?


หากว่ากู้เซี่ยเทียนต้องการให้บุตรชายยอมรับ คาดว่าหนทางคงยาวไกลยิ่งนัก


ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ตามลูกชายกลับมาให้กู้เซี่ยเทียนได้แล้ว ส่วนจะยอมรับหรือไม่ก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขาพ่อลูก


ตี้ฝูอีก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของพวกเขา เขาใส่ใจเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น แปดปีแล้ว กู้เซี่ยเทียนยังโวยวายก่อกวนที่หน้าบ้านเขาอยู่หรือเปล่า?


กู้ซีจิ่วก็ค่อนข้างใส่ใจเรื่องหนึ่งเช่นกัน “เช่นนั้นในงานแต่งข้าพี่จะมาในฐานะอะไรล่ะ?”


ในอดีตตี้ฝูอีรับปากไว้ว่าหลังจากออกมาได้จะจัดงานแต่งชดเชยให้ แน่นอนว่าต้องย่างกรายเข้าไปในจวนแม่ทัพด้วย ขอเพียงหลัวจั่นอวี่เข้าร่วมจะต้องถูกกู้เซี่ยเทียนเห็นเข้าเป็นแน่…


ถ้ากู้เซี่ยเทียนเห็นหลัวจั่นอวี่แล้วจะเป็นยังไง? คาดว่าคงตื่นเต้นมากกระมัง?


เพียงแต่ลูกชายไม่ยอมรับเขา น่าจะทำให้เขาปวดร้าวแสนสาหัส…


จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็เกิดความคาดหวังอันชั่วร้ายประการหนึ่งต่อฉากสองพ่อลูกหน้ากัน


บทที่ 1385 ข้าไม่ต้องการความรู้สึกผิดของเขา! (2)


หลัวจั่นอวี่เงียบไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาก็คิดถึงปัญหานี้เช่นกัน  งานแต่งของน้องสาวเขาจะเข้าร่วมแน่นอน และจะเข้าร่วมในฐานะพี่ชายแท้ๆ ด้วย ไม่อาจหลีกเลี่ยงการถูกกู้เซี่ยเทียนพบเห็นได้อยู่แล้ว…


พบแล้วอย่างไรเล่า?


เขายังคงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาอยู่ดี!


กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างไม่เจตนา ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ท้องฟ้าด้านนอกค่อนข้างแดง เป็นแสงอัสดงของยามเย็นหรือ?”


หลัวจั่วอวี่มองฟ้าตาม มองอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ฉงน “อยู่ที่นี่มองไม่เห็นท้องฟ้าด้านนอกกระมัง? ข้ามองเห็นแต่สีเทาขมุกขมัว ไม่เห็นสีแดงอะไรเลย…เสียวจิ่ว เจ้าตาฝาดหรือเปล่า?”


ตี้ฝูอีลุกขึ้นยืน “เอาล่ะ พักกันพอสมควรแล้ว เดินทางได้!”


….


เมื่อคนเหล่านี้ออกมาได้แต่ละคนย่อมมีแผนการของตัวเอง พวกเขาจากบ้านมานานถึงเพียงนี้ ยามนี้เมื่ออกมาได้ปฏิกิริยาแรกก็คือกลับไปเยี่ยมครอบครัว ดังนั้นพวกเขาจึงปรึกษากัน หลังออกจากป่าทมิฬจะกินอาหารเลี้ยงส่งมื้อหนึ่ง แล้วทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ทางใครทางมัน


แน่นอนว่าทุกคนได้ปรึกษากันแล้ว ตอนที่กู้ซีจิ่วกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายวิวาห์ จะมารวมตัวกันอีกครั้ง


ทุกคนวางแผนกันอย่างยอดเยี่ยม ทว่าหลังออกมาจากป่าทมิฬ ยามแวะกินข้าวในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่ตีนเขาก็พบว่าโลกนี้แปรเปลี่ยนไปแล้ว


ความสงบสุขที่เคยมีถูกทำลาย สามอาณาจักรก่อสงครามกัน อาณาจักรเฮ่าเยวี่ยถูกอาณาจักรเฟยซิงตีแตกแล้ว ยามนี้อาณาจักรเฟยซิงกำลังเปิดศึกกับอาณาจักรเจาหยาง…


เมื่อสงครามบังเกิด ชีวิตของประชาชนดั่งวัชพืช ถูกถอนไปทีละต้นๆ บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน แผ่นดินที่เคยสงบสุขรุ่งเรืองถูกปกคลุมไปด้วยควันไฟจากสงคราม ผืนดินแห้งผากพันลี้ อดอยากหิวโหยกันทั่วหัวระแหง บ้านเมืองลุกเป็นไฟ


ส่วนที่นี่เนื่องจากอยู่ใกล้ป่าทมิฬ มิใช่จุดยุทธศาสตร์ในการรบ จึงไม่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ไม่ถึงกับมีซากศพกองเกลื่อนกลาด


แต่ผู้คนก็ตื่นตระหนกร้อนใจเช่นกัน บนถนนผู้คนสัญจรกันอย่างเร่งรีบ


สงครามทำให้ข้าวยากหมากแพง ข้าวของในชีวิตประจำวันล้วนแพงขึ้น และไม่แน่ว่าจะหาซื้อได้


ยามที่กินข้าวอยู่ในโรงเตี๊ยม ทุกคนยังได้ยินข่าวซุบซิบอย่างหนึ่งด้วย กล่าวกันว่าสงครามครั้งนี้จักรพรรดิหรงเจียหลัวของอาณาจักรเฟยซิงเป็นคนริเริ่ม แถมเขายังได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอีด้วย


ลือกันว่าสองปีก่อนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมองดาวคำนวณชะตา กล่าวอะไรทำนองว่าใต้หล้ารวมนานเข้าก็ต้องแยก แยกนานแล้วก็ต้องรวม ความเป็นปึกแผ่นของทวีปซิงเยวี่ยก็ดำเนินมาถึงแล้วเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงส่งเสริมให้หรงเจียหลัวเปิดศึกครั้งนี้…


ยังกล่าวกันอีกว่า สองปีก่อนที่ยามที่ราษฎรของอาณาจักรเจาหยางขุดลอกแม่น้ำ ได้ขุดพบมนุษย์ศิลาตัวหนึ่ง บนมนุษย์ศิลามีอักษรตัวใหญ่สี่คำจารึกไว้ ‘ใต้หล้าปรองดอง’


ด้วยเหตุนี้จักรพรรดิของอาณาจักรเจาหยางก็รู้สึกเช่นกันว่าตนคือเจ้าชะตา เข้าร่วมศึกนี้ด้วยจิตใจฮึกเหิมทะเยอทะยาน


ในอดีตแต่ละสำนักของทวีปนี้ไม่ข้องแวะกับสงครามระหว่างอาณาจักร แต่หนนี้คงจะมีเหตุมาจากการที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเข้าร่วม สำนักเหล่านี้จึงเข้าร่วมด้วย โดยรวมแล้วพวกเขาล้วนช่วยเหลืออาณาจักรเฟยซิง…


กล่าวกันว่าจะอาศัยกำลังเข้าหักหาญสยบอีกสองอาณาจักรที่เหลือ ให้ยอมรับลิขิตสวรรค์


ในบรรดาสานุศิษย์สวรรค์ทั้งห้ามีเพียงสำนักถามสวรรค์ของหลงซือเย่เท่านั้นที่เป็นกลาง ไม่เข้าร่วมสงครามใด


เมื่อทั้งแผ่นดินร้อนระอุด้วยไฟสงคราม ต่อให้เป็นชาวบ้านะรรมดาในโรงเตี๊ยมก็กังวลเรื่องการเมืองเช่นกัน บอกเล่าเก้าสิบ พูดคุยถกเถียงกันอยู่ตรงนั้น


ดังนั้นทุกคนที่กินข้าวอยู่ตรงนี้ จึงเข้าใจสภาพการณ์ของภายนอกกันพอสมควรแล้ว


แน่นอนว่าเนื้อหาในความซุบซิบนั้นทำให้ทุกคนตะลึงกันถ้วนหน้า


สองปีก่อนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเข้าร่วมด้วยตัวเองรึ? เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเขาถูกขังอยู่ในตาค่ายแห่งนั้นมิใช่หรือไง?!


สายตาประหลาดใจของทุกคนมองไปทางตี้ฝูอี สีหน้าตี้ฝูอีลึกล้ำดั่งวารี ลุกขึ้นแล้วหลบฉากไป หยิบป้ายหยกสื่อสารที่ไม่ได้มาร่วมแปดปีออกมา เริ่มติดต่อสี่ทูต…


—————————————————————-


บทที่ 1386 เรื่องนี้มีเลศนัยแอบแฝงยิ่งนัก!


ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาค่อยๆ กำป้ายหยกแน่น!


สี่ทูตก็ติดต่อไม่ได้เช่นกัน! ไม่มีการตอบรับจากใครเลย!


เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!


ในอดีตช่วงเวลาที่ตี้ฝูอีปิดด่านนานที่สุดคือห้าปี ในระยะเวลาห้าปีเขาไม่ถามไถ่เรื่องราวใต้หล้าเลย แต่เรื่องทั้งหมดของโลกภายนอกสี่ทูตล้วนจัดการได้อย่างเป็นระเบียบแบบแผน ไม่เคยเกิดเรื่องโกลาหลใหญ่โตถึงเพียงนี้ขึ้น


ยามนี้เขาถูกขังอยู่ในตาค่ายเพียงแปดปี ด้านนอกพลิกผันจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?


ก่อนเขาจะเข้าไปในตาค่ายได้จัดการสะสางเรื่องทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วชัดๆ!


ตอนนี้สี่ทูตก็ติดต่อไม่ได้เลยสักคน หรือว่าพวกเขาจะประสบเหตุกันทั้งหมด? มิเช่นนั้นแม้ว่าพวกเขากำลังต่อสู้อยู่ก็ต้องรับกระแสเสียงจากเทพศักดิ์สิทธิ์ให้ได้!


แต่ใครล่ะที่สามารถทำให้สี่ทูตประสบเหตุได้?!


ต้องทราบก่อนว่าบนโลกนี้ นอกจากตี้ฝูอีแล้ว ก็เป็นพวกเขาสี่เทวทูตที่มีวรยุทธ์สูงส่งที่สุด


มู่เฟิงบรรลุขั้นสิบแล้ว อีกสามคนที่เหลือก็เป็นขึ้นเก้าขึ้นไป ต่อให้เป็นสานุศิษย์สวรรค์อีกสี่คนที่เหลือลงมือด้วยตัวเอง หากเอาจริงขึ้นมา ก็มิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา มิเช่นนั้นตี้ฝูอีคงไม่วางใจมอบหมายเรื่องสำคัญมากมายให้พวกเขาไปจัดการ


ถึงแม้สี่ทูตจะไม่ใช่สานุศิษย์สวรรค์ ทว่าเลิศล้ำกว่าสานุศิษย์สวรรค์ เป็นแขนขาให้เขาในหลายปีมานี้ การที่ติดต่อไม่ได้เหมือนในยามนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


เขาสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง เรื่องนี้มีเลศนัยแอบแฝงยิ่งนัก!


“เป็นหลงฟั่นปลอมตัวเป็นท่านหรือเปล่า?” กู้ซีจิ่วนึกถึงจุดนี้ก่อน อย่างไรเสียไอ้สารเลวผู้นั้นก็มีประวัติมาก่อน


ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างเฉยชา “ความเป็นไปได้ข้อนี้ขจัดทิ้งไม่ได้!”


เดิมทีทุกคนคิดว่ากินข้าวที่นี่กันดีๆ สักมื้อก็แยกย้ายกันกลับบ้านไปพบพ่อแม่ญาติพี่น้องแล้ว แต่ยามนี้โลกภายนอกเกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ขึ้น พวกเขาก็ไม่อยากกลับบ้านแล้ว!


มีคนแอบอ้างเป็นอ้างเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายแล้วก่อสงครามใหญ่โตขนาดนี้ขึ้น นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เกี่ยวพันถึงชะตากรรมของทั้งแผ่นดิน เป็นพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองที่พาพวกเขาออกมา ย่อมคิดจะติดตามพวกเขาเป็นธรรมดา


เรื่องกลับบ้านพักไว้ก่อนชั่วคราว ต้องตรวจสอบความจริงเรื่องนี้ก่อน


เพียงแต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ถูกขังอยู่ด้านในมากว่าสิบปีบ้าง หลายสิบปีบ้าง ไม่คุ้นเคยกับโลกภายนอกยิ่งนัก ดังนั้นจึงงุนงงไปหมดว่าควรจะทำอย่างไรดี


ไป๋หลี่เช่อก็ตรงไปตรงมายิ่ง “มีอะไรที่ต้องการให้พวกเราทำหรือไม่?”


ตี้ฝูอีกอดอก มองไปที่กู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว ในสถานการณ์เช่นนี้ต้องทำอย่างไร?”


ทดสอบเธอหรือไง?


กู้ซีจิ่วมองตี้ฝูอี เกิดเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้เขากลับสงบนิ่งไม่สะทกสะท้านอยู่ตลอด ดูผ่อนคลายอย่างยิ่ง นี่ทำให้จิตใจของทุกคนสงบลงไม่น้อยเลย เธอใคร่ครวญเล็กน้อย และเริ่มแบ่งหน้าที่ “ไป๋หลี่เช่อ พี่เหลิ่งเอ้อร์ เมียเหลิ่งเอ้อร์ จางรุ่ย เมิ่งซู่เหยียน พวกท่านแยกย้ายกันกลับไปดูที่บ้านก่อน ดูว่าที่บ้านยังสงบสุขดีหรือไม่ อีกสิบวันให้หลัง พวกเราจะมารวมตัวกันอีกครั้งที่นี่ พี่ ท่านกับฟั่นเทียนอวิ๋นไปตรวจสอบสงครามระหว่างสองอาณาจักรในตอนนี้ ว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ จำไว้ว่าต้องสืบอย่างลับๆ อย่าเปิดเผยฐานะตัวตน ที่ข้ามียันต์ถ่ายทอดเสียงอยู่ ถ้ามีเรื่องอะไรก็ใช้ยันต์ถ่ายทอดสียงสื่อสารกัน”


เธอแจกจ่ายยันต์ถ่ายทอดเสียงที่ตนประดิษฐ์ขึ้นให้ทุกคน อันที่จริงทุกคนก็อยากกลับไปหาที่บ้านจริงๆ มีเพียงฟั่นเทียนอวิ๋นที่กำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก ขอข้าวชาวบ้านกินจนเติบใหญ่ ต่อให้ออกมาได้ก็ไม่มีญาติมิตรให้ไปหา ดังนั้นเขาจึงไปสืบข่าวกับหลัวจั่นอวี่


ทุกคนแยกย้ายกันจากไป


ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ มองกู้ซีจิ่ว “พวกเราล่ะ?”


“ไปวังทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายของท่านก่อน ไปดูว่าที่นั่นถูกผู้อื่นยึดครองแล้วหรือไม่ ถือโอกาสติดต่อกับลูกน้องเก่าๆ ของท่านด้วยเลย ลูกน้องของท่านมีอยู่ทั่วหล้า น่าจะไม่ถูกควบคุมทั้งหมด ตัวปลอมยังไงก็เป็นตัวปลอม เมื่อตัวจริงอย่างท่านออกมาแล้ว ตัวปลอมก็จะถูกเปิดโปง เมื่อถึงเวลาผู้ที่ติดตาม ‘ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย’ เหล่านั้นย่อมทราบกระจ่างแจ้ง อีกทั้งท่านตะโกนหนึ่งครั้งมีผู้ขานรับนับร้อย ข้าสงสัยว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่ต่างกับครั้งที่แล้วเท่าไหร่ เกรงว่าหรงเจียหลัวจะถูกผู้อื่นควบคุมอีกแล้ว! ดังนั้นถึงได้ทำเรื่องที่ขัดต่อมโนธรรมเช่นนี้ ข้าจะไปดูหรงเจียหลัวที่วังหลวง พวกเราก็แยกกันไปเถอะ”


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)