ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1378-1381
ตอนที่ 1378 กำไลราคาเท่าไร
ถังม่านลี่ทำหน้าฉงน “เธอจะขู่ใครเหรอ? เสื้อไหมพรมตัวสั้นขนาดนั้นตั้งสามร้อยหยวน? เธออย่าคิดว่าฉันไม่ใช่คนเมืองใหญ่เลยไม่รู้ราคาหรือไง”
ก่อนที่จะมาเข้ามหาวิทยาลัยในเมืองหลวงแห่งนี้ เธอตั้งใจไปเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอของพวกเธอมาก่อนรอบหนึ่ง เสื้อผ้าในนั้นนับว่าแพงมากแล้วอย่างมากก็หนึ่งถึงสองร้อยหยวนและล้วนเป็นกระโปรงตัวยาว อย่างเสื้อไหมพรมที่จ้าวเหมยกำลังสวมอยู่ทั้งสั้นทั้งบางไหนจะมีรูอีกตั้งเยอะ
แบบนี้ราคาสามร้อยหยวน?
เธอไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้นนะ!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหลุดขำทีหนึ่งแล้วทำหน้าดูแคลน สมแล้วที่เป็นคนเชยจากบ้านนอก สงสัยไม่เคยเห็นด้วยซ้ำว่าเงินหนึ่งร้อยหยวนหน้าตาอย่างไร!
“ใครว่าเสื้อไหมพรมตัวนี้สามร้อยกัน? สี่ร้อยเก้าสิบเก้าไม่ขาดไม่เกิน ถ้าเธอไม่เชื่อเดินออกจากประตูมหาลัยไปนั่งรถเมล์สายห้าแล้วเปลี่ยนไปนั่งสายสิบสองลงรถหน้าห้างสรรพสินค้าในเมืองตรงไปชั้นสาม ตรงนั้นระบุราคาไว้ชัดเจน ดูสิว่าฉันหลอกเธอจริงหรือเปล่า”
เธอพูดยาวเหยียด พอเห็นท่าทางนิ่งงันของถังม่านลี่กับสวีจื่อเซวียนก็ยิ่งนึกดูถูกจากก้นบึ้งหัวใจ
“อุ๊บ ดูท่าทางที่ไม่เคยเจอโลกภายนอกอย่างเธอไปถึงห้างสรรพสินค้าอย่าขาอ่อนเชียว ที่นั่นไม่มีเสื้อผ้าที่ราคาต่ำกว่าหนึ่งร้อยหรอกนะ”
ชั้นสามของห้างสรรพสินค้าเมืองหลวงล้วนเป็นสินค้าจากแบรนด์ทั้งในและต่างประเทศ ต่อให้เป็นเสื้อกล้ามตัวเดียวอย่างน้อยราคาก็หนึ่งร้อยหยวนขึ้นไปแล้ว
ที่นั่นขายแต่สินค้าแบรนด์นี่นา!
คนจนคงไม่ไปซื้อที่นั่น!
ถังม่านลี่ถึงยอมเชื่อทั้งเบิกตากว้างอ้าปากค้าง จู่ ๆก็รู้สึกว่าเสื้อเชิ้ตสีแดงตุ่นที่เสียเงินซื้อจากห้างสรรพสินค้าประจำอำเภอในราคาสิบห้าหยวนช่างเสียดแทงตาเหลือเกิน!
เสื้อเชิ้ตตัวนี้เป็นเสื้อที่ดีที่สุดของเธอด้วยซ้ำเพราะวันนี้เป็นพิธีปฐมนิเทศน์เปิดการศึกษาใหม่เธอเลยตั้งใจสวมมาโดยเฉพาะ เธอรู้สึกว่าสีแดงตุ่นเข้ากับตัวเองมากเพราะจะขับให้เธอดูสวยเด่นมากขึ้น
เดิมทีเธอยังแอบนึกดีใจอยู่คนเดียว คิดว่าบรรดานักศึกษามากมายขนาดนี้มีเพียงเธอที่เตะตาที่สุด!
ให้ความรู้สึกคล้ายจุดแดงท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียว!
แต่ตอนนี้ถังม่านลี่กลับได้ใจกระหยิ่มยิ้มย่องไม่ออกแล้ว เสื้อผ้าที่แต่เดิมเธอคิดว่ามีราคาแพงและดีที่สุดกลับเป็นเพียงขยะในสายตาคนอื่นเท่านั้น แถมยังสู้แขนเสื้อข้างเดียวของเขาไม่ได้ด้วยซ้ำไป
ในขณะเดียวที่ถังม่านลี่นึกอับอายขายหน้า กลับยิ่งกระตุ้นความคิดอยู่เมืองหลวงต่อเพื่อหาผู้ชายฐานะดีขึ้นมา!
เธอจะต้องแต่งงานกับผู้ชายรวยให้ได้!
จะไม่กลับไปบ้านเกิดลำบากยากเข็ญอีกแล้ว!
ผู้หญิงคนนี้มีจุดเด่นที่สำคัญอย่างหนึ่งไม่ถือสาหาความ ต่อให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเยาะเย้ยหล่อนมากแค่ไหนถังม่านลี่ก็ไม่ถือสากลับถ่อมตัวให้อีกฝ่ายสอนแทน
“งั้นจะว่าไปกางเกงรองเท้าบนตัวจ้าวเหมยก็แพงหมดเลยสินะ?” ถังม่านลี่คอยถามอย่างระมัดระวัง เธอคิดว่านี่ก็เป็นความรู้อีกอย่างหนึ่งรู้ไว้ก็ไม่เสียหลาย
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอารมณ์ดีไม่หยอกเลย จึงคอยสอนด้วยเจตนาดีไม่ได้มีท่าทีรำคาญแต่อย่างใด “วันนี้ฉันจะเปิดโลกให้เธอเอง เสื้อผ้ากางเกงรองเท้าของจ้าวเหมยช่างมันไปเถอะ บวกกันแล้วไม่เกินสองพันหยวน เธอรู้ไหมว่าอะไรที่แพงที่สุดบนตัวเธอ?”
ถังม่านลี่กลืนน้ำลายดังเอื๊อก พระเจ้า…สองพันหยวนยังไม่มากพอหรือ?
ครอบครัวเธอหาเงินทั้งปียังไม่ถึงสองพันหยวนเลยนะ!
เพื่อนผู้หญิงร่วมชั้นคนอื่น ๆขยับตัวเข้าใกล้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอีกนิดเพราะถูกดึงความสนใจไปด้วย ตั้งใจจดจ่อรับฟังกันอย่างดี ในเมื่อคนส่วนมากมีฐานะทางบ้านปานกลาง น้อยคนนักที่จะมีฐานะดีอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน
การได้ฟังเรื่องราวชีวิตประจำวันของคนรวยโดยเฉพาะการแต่งกายของเหล่าคุณหนูตระกูลเศรษฐี ยิ่งกระตุ้นความสนใจของเพื่อนผู้หญิงกลุ่มนี้ไปกันใหญ่
“กำไลของจ้าวเหมยเหรอ? อันนั้นราคาเท่าไหร่?” มีเพื่อนผู้หญิงห้องอื่นถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น คนอื่นก็เบียดตัวเขยิบเข้ามาใกล้ขึ้นอีก
แม้สวีจื่อเซวียนจะคิดว่าของนอกกายที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกล่าวมาทั้งหมดไม่มีประโยชน์อะไร แต่เธอก็อดฟังต่อไม่ได้ เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ากำไลบนข้อมือจ้าวเหมยราคาเท่าไรกันแน่!
……………………………
ตอนที่ 1379 ไม่มีเพชรของเธอ
เป็นครั้งแรกที่สวีจื่อเซวียนเคยเห็นกำไลลายหัวเสื้อดาวพลันรู้สึกถึงความสวยแบบดุร้ายแต่ก็ประณีตไม่เบา ทำเอามองจนเธอคันยุบยิบไปทั้งใจ สวยกว่ากำไลดั้งเดิมจากหอเงินที่บ้านเกิดเธอมากโข
เป็นครั้งแรกที่สวีจื่อเซวียนให้ความสนใจของนอกกายนอกเหนือจากตำราเรียน อยากได้มันมาไว้ครอบครองเหลือเกิน!
กำไลทองที่บ้านเกิดน่าจะหนากว่าของจ้าวเหมยและหนักกว่าแต่หนึ่งเส้นราคาไม่เกินสามสี่ร้อยหยวน ต่อให้มาถึงเมืองหลวงราคาขึ้นเป็นเท่าตัวก็ไม่มีทางเกินหนึ่งพันหยวนมั้ง?
ในราคาหนึ่งพันหยวนสวีจื่อเซวียนยังพอรับไหวเพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอแต่งบทความไปไม่น้อยและเงินค่าต้นฉบับคุณพ่อก็ช่วยเก็บไว้ให้เธอทั้งหมด มาเรียนมหาวิทยาลัยครั้งนี้คุณพ่อได้เอาสมุดบัญชีให้เธอ เธอดูแวบหนึ่งเห็นว่ามีเงินประมาณหนึ่งพันสองร้อยกว่าหยวน
เดิมทีเธอคิดจะเอาเงินพวกนี้เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเพื่อแบ่งเบาภาระของคุณพ่อบ้าง แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนใจแล้ว
เธออยากซื้อกำไลเส้นนั้นที่จ้าวเหมยกำลังสวมอยู่ อยากได้มาก ๆ!
ส่วนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน อย่างมากเธอก็แค่เริ่มแต่งบทความใหม่ เช่นนั้นก็ได้ค่าต้นฉบับแล้ว
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโดนคนจำนวนมากมายห้อมล้อมเลยยืดหลังตรงกระแอมเสียงทีหนึ่งเพื่อเตรียมให้เกร็ดความรู้กับเด็กบ้านนอกพวกนี้
สีอันน่าโผล่มาจากไหนไม่รู้พูดเสียงเรียบมาประโยคหนึ่ง “กำไลที่จ้าวเหมยสวมอยู่คือกำไลคาเทียร์ เสือดาวเป็นสัญลักษณ์ของคาเทียร์ที่ให้ความหมายถึงความดุร้ายและสันโดษ ได้รับความนิยมจากผู้หญิงชาวยุโรปอย่างมาก”
คำพูดมาถึงคอหอยแล้วแท้ ๆกลับต้องกลืนลงคอเหมือนเดิม ความรู้สึกก้ำกึ่งอย่างนั้นอย่าให้ต้องอธิบายเลยว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะทรมานแค่ไหน เธอถลึงตาทีหนึ่งอย่างขุ่นเคือง “กลับไปที่ห้องของเธอไป ระวังครูเห็นเข้าจะมาเอาเรื่องเธอ!”
สีอันน่าเองก็ไม่สนใจเธอพลางจงใจยื่นแขนออกมาเผยให้เห็นข้อมือที่ออกสีคล้ำนิด ๆของเธอ บนนั้นกลับมีกำไลอีกเส้นที่ละม้ายคล้ายคลึงกับของเหมยเหมยอย่างมากแต่พอดูดี ๆกลับมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่
เธอชี้ไปที่กำไลแล้วกล่าว “เส้นนี้ของฉันก็ของคาเทียร์ ตอนซื้อมาเสียไปสองหมื่นกว่า คิดว่าของจ้าวเหมยก็น่าจะราคานี้แหละ”
เหล่าหญิงสาวสูดปากทีหนึ่ง สองหมื่นกว่า?
นี่มันเงินมากขนาดไหนกัน?
ทั้งชีวิตของพวกเธอยังไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อน!
สีอันน่าทำหน้าได้ใจอย่างมาก กำไลเส้นนี้เป็นรางวัลสำหรับเธอที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้ ปกติพ่อแม่ไม่มีทางซื้อเครื่องประดับราคาแพงเช่นนี้ให้เธอหรอก
พวกถังม่านลี่ต่างทำหน้าอิจฉาและจ้องกำไลบนข้อแขนสีอันน่าตาไม่กะพริบและลอบถอนหายใจอยู่หลายครั้ง รู้สึกว่าทั้งชีวิตนี้ของพวกเธอคงไม่มีปัญญาซื้อกำไลราคาแพงขนาดนี้ได้แล้วสินะ!
สวีจื่อเซวียนกลับยิ่งทำหน้าเรียบนิ่ง ไม่เคยรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังขนาดนี้มาก่อน
เงินสองหมื่นกว่าหยวน!
เธอต้องเขียนบทความเท่าไรถึงจะพอ?
จ้าวเหมยเธอเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ?
เงินเดือนทั้งปีของพ่อเธอไม่ถึงหนึ่งหมื่นด้วยซ้ำ กำไลเส้นเดียวของจ้าวเหมยต้องให้พ่อเธอกินผงช็อกถึงสามปีถึงจะซื้อได้ ไหนจะห้ามกินห้ามใช้ พระเจ้าไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!
คนรวยก็รวยเหลือเกิน คนจนก็จนเหลือเกิน!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่พอใจอย่างมาก เธอจ้องเขม็งไปที่กำไลของสีอันน่า ดูอยู่พักใหญ่เธอก็จับผิดจนได้ ก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะสองที
“สีอันน่าเธอไม่รู้อะไรมากก็อย่ามาพูดมั่วซั้วสิ กำไลของจ้าวเหมยไม่ใช่ของราคาถูกที่เธอใส่หรอกนะ ของเขามีระดับกว่าเธอเยอะ แค่กำไลก็เจ็ดหมื่นกว่าหยวนไหนจะบวกแหวนวงนั้นอีก อย่างน้อยต้องหนึ่งแสนหยวนแล้วล่ะ”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมั่นใจมาก เดิมทีเธอเองก็ไม่แน่ใจเท่าไรแต่ใครใช้ให้เธอตาดีกันล่ะ กำไลของสีอันน่าไม่เหมือนของจ้าวเหมยอย่างสิ้นเชิง!
ทุกคนสูดหายใจอีกทีหนึ่ง เงินสองหมื่นก็ทำเอาพวกเธอใจเต้นตึกตักแล้ว หนึ่งแสน?
นี่มันเงินจำนวนมหาศาลชัด ๆ!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองสีอันน่าอย่างได้ใจ “เธอยอมจำนนเสียเถอะ กำไลของจ้าวเหมยฝังเพชรแต่ของเธอไม่มี แค่ราคานี้ก็ห่างกันหลายชั้นแล้ว”
ตอนที่ 1380 เพชรหนึ่งกะรัตสืบต่อไปยืนยาวตราบชั่วนิจนิรันดร์
สีอันน่าชะงัก เธอสายตาสั้นเล็กน้อยแต่ไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตใด ๆ ปกติเลยไม่สวมแว่นตาจึงไม่เห็นเพชรที่ฝังอยู่บนกำไลของเหมยเหมย แต่หากมองจากที่ไกลกลับมีแสงวิบวับจริง ๆ น่าจะเป็นเพชรอย่างไม่ต้องสงสัยทำให้ใบหน้าที่ยิ้มได้ใจนิ่งชะงักอย่างควบคุมไม่อยู่
ตอนนั้นกำไลฝังเพชรเส้นนี้เธอก็ถูกตาต้องใจมัน แต่ราคากลับเป็นสามเท่าตัวของเส้นที่ไม่ฝังเพชรเธอเลยไม่กล้าแม้แต่จะถาม เพราะเธอรู้ว่าถามไปคุณพ่อก็ไม่มีทางซื้อให้
พ่อของเธอเปิดบริษัทโฆษณาที่แม้จะหาเงินได้ไม่น้อยโดยในหนึ่งปีคงมีสักสองถึงสามแสนหยวน ไม่นับว่ารวยมาก อาจจะเทียบฐานะทางบ้านเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้ด้วยซ้ำ แน่นอนว่าเธอรู้อยู่แก่ใจดีแต่ไม่มีทางให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้เป็นอันขาด
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่าเพียงประโยคเดียวของตนก็ทำเอาทุกคนตะลึงงันไปได้ก็ได้ใจเหลือเกิน
อีกอย่างสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุดก็คือเธอมั่นใจแล้วว่าฐานะทางบ้านสีอันน่าไม่ได้ดีไปกว่าเธออย่างแน่นอน ดูท่าทางขี้เหนียวนั่นสิ กำไลราคาสองหมื่นกว่าก็รักเหมือนของรักของหวงมันสะท้อนให้เห็นว่าปกติผู้หญิงคนนี้ไม่เคยใส่เครื่องประดับราคาแพงมาก่อน
ดูอากัปกิริยาของสีอันน่าคนไม่รู้คงคิดว่าคนรับใช้จากบ้านไหนเสียอีก!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อย่างไม่ต้องสงสัย มองปราดเดียวก็รู้ทะลุทะลวงถึงฐานะทางบ้านสีอันน่าจึงไม่คิดจะเกรงใจสีอันน่าอีก
คติของคุณหนูใหญ่เหริ่น–ขอแค่คนที่ฐานะยากจนกว่าเธอล้วนมีไว้เรียกใช้งานทั้งสิ้น
ส่วนคนจำนวนน้อยที่ร่ำรวยกว่าเธอก็ต้องคอยประจบประแจง อย่างเช่นจ้าวเหมยเป็นต้น!
นอกจากฉีฉีเก๋อที่ไม่รู้สึกอะไรกับของมีค่าพวกนี้เพราะม้าที่บ้านเธอก็ราคาหมื่นขึ้นไปหรืออาจจะหลานแสนเชียว!
คนอื่น ๆกลับรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อย สายตาที่มองไปยังจ้าวเหมยบนเวทีก็เปลี่ยนไปพลางเต็มไปด้วยความอิจฉา
มีทั้งความสามารถ ทั้งหน้าตาสวยแล้วยังมีเงินอีก พวกเธอจะใช้ชีวิตต่ออย่างไร?
เหมยเหมยจะรู้ได้อย่างไรว่าคนล่างเวทีกำลังอิจฉาริษยาเพราะเสื้อผ้าเครื่องประดับของเธอ เธอไม่ได้ดูแบบร่างสุนทรพจน์แต่พูดสดไปทั้งอย่างนั้น เธอไม่ได้พูดนานเท่าไร เล่าเพียงประสบการณ์ที่ผ่านมาคร่าว ๆของเธอและพูดให้กำลังใจพอเป็นพิธีก่อนจะจบการกล่าวสุนทรพจน์
เธอโค้งตัวให้คนล่างเวทีทีหนึ่งแล้วหันไปโค้งตัวให้เหล่าผู้บริหารถึงเดินลงไปจากเวที เสียงปรบมือจากด้านล่างดังกระหึ่มโดยเฉพาะนักศึกษาชายพวกนั้นที่ปรบมือจนพองไปทั้งมือแล้ว สายตาต่างประกายแสงสีเขียววิบวับ
ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งมีความสามารถขนาดนั้นพวกเขาจะไม่ชอบได้อย่างไรไหว!
เหมยเหมยเดินลงมากลับไปที่ห้องตัวเองแต่พบว่าพวกถังม่านลี่กลับมีสายตาประหลาดเหลือเกิน เหมือนมีไฟกำลังลุกโชนแถมยังจ้องมือของเธอเขม็งเลยอดดึงแขนเสื้อลงหน่อยไม่ได้
“จ้าวเหมย ขอฉันดูกำไลเธอหน่อยได้มั้ย?” ถังม่านลี่เอ่ยขึ้นกะทันหัน
เหมยเหมยไม่ยินยอมเท่าไรแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ยื่นแขนซ้ายออกไปก่อนที่ถังม่านลี่จะคว้าแขนเธอไว้ทีเดียวด้วยแรงมหาศาลจนเหมยเหมยอดขมวดคิ้วไม่ได้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“สวยจัง ที่คล้าย ๆแก้วพวกนี้ก็คือเพชรเหรอ? ทำไมถึงแพงขนาดนี้ล่ะ!” ถังม่านลี่เริ่มลุ่มหลงกับมันเลยออกแรงที่มือหนักขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่เธอยังไม่รู้ตัว
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเริ่มสอนอีกแล้ว “กระจกสู้เพชรได้เหรอ? ทำไมเธอไม่เอาดอกหญ้าเทียบกับโบตั๋นล่ะ? เพชรหนึ่งเม็ดสืบทอดต่อไปตราบชั่วนิจนิรันดร์ได้รู้มั้ย? ผู้หญิงคนหนึ่งถ้าไม่มีเครื่องประดับเพชรสักชิ้นในชีวิต งั้นเธอก็คือ Loser รู้จัก loser สินะ?”
ถังม่านลี่ปาดน้ำลายที่กระเด็นใส่หน้าทีแล้วพยักหน้า เธอเข้าใจคำว่า loser อยู่แล้ว คะแนนวิชาภาษาอังกฤษของเธอไม่แย่นะ!
เหมยเหมยทนแรงของมือถังม่านลี่ต่อไม่ไหวเลยชักแขนกลับแต่ดันเห็นรอยแดงขึ้นรอบข้อแขน พรุ่งนี้เช้าต้องช้ำแน่เลย
ถังม่านลี่ยิ้มแก้เก้อ “ทำไมเนื้อของเธอเหมือนเต้าหู้เลย ฉันยังไม่ได้ใช้แรงอะไรเลยนะ!”
“คุณถังน่าจะทำงานบ้านมาไม่น้อย” เหมยเหมยตอบกลับเสียงเรียบประโยคหนึ่งแต่ในท้องอัดอั้นไปด้วยถ้อยคำหยาบคาย
แต่เธอจะด่าไม่ได้ไม่อย่างนั้นคนอื่นต้องหาว่าเธอทำตัวอ่อนแอ!
อีกอย่างในเมื่อเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน หากไม่จำเป็นจริง ๆเธอไม่อยากผิดใจกัน!
………………………………………………..
ตอนที่ 1381 ฉิวฉิวออกโรง ทุกอย่างโอเค
ถังม่านลี่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วโต้กลับไปทันที “ผิวของเธอนุ่มเกินไปต่างหาก แม่ของฉันไม่เคยให้ฉันทำงาน”
เมื่อวานเธอเพิ่งบอกไปว่าตัวเองเป็นลูกคุณหนู วันนี้จ้าวเหมยกลับว่าเธอทำงานที่บ้านบ่อย ๆ เธอจะยอมรับไม่ได้!
เหมยเหมยยิ้มน้อย ๆไม่พูดอะไรแล้วหันกลับไปฟังผู้บริหารบนเวทีพูดต่อ ขณะที่สมองว่างเปล่าก็พลันนึกถึงเหยียนหมิงซุ่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ฉิวฉิวกับฉาฉาน่าจะไปถึงที่นู้นแล้วสินะ!
เฮ่อเหลียนชิงสั่งให้ลูกน้องพาฉิวฉิวไปส่งถึงที่ให้เร็วที่สุด เมื่อคืนเวลาก็กระชั้นชิดเหลือเกินแต่มีเที่ยวบินไปยังประเทศ Y เที่ยวบินสุดท้ายพอดีเลยทันไปส่งถึงในช่วงเช้ามืด
เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดว่าเหมยเหมยจะส่งฉาฉามาด้วยเลยอุ่นใจอย่างอดไม่ได้ ให้ฉาฉาพันรอบข้อมือก่อนจะอุ้มฉิวฉิวไปที่โรงแรม
เวลากระชั้นชิดแบบนี้จะต้องให้ฉิวฉิวทำความคุ้นเคยกับแผนที่โดยเร็วที่สุด
ข้อมูลขีปนาวุธรูปแบบใหม่อยู่ในฟิล์มม้วนหนึ่งที่มีขนาดกะทัดรัด ต้องบอกเลยว่าระบบป้องกันของตึกใหญ่ไม่ได้เข้มงวดนัก ซึ่งอาศัยแค่ความสามารถของพวกเหยียนหมิงซุ่นก็ลักลอบเข้าไปได้สบายๆ
แต่ปัญหาคือประเทศ Y เล่ห์เหลี่ยมเยอะแอบเก็บม้วนฟิล์มไว้ในห้องคับแคบแห่งหนึ่งซึ่งมีพื้นที่และบานประตูเล็กมากขนาดไม่ถึงหนึ่งเมตรด้วยซ้ำ ผู้ใหญ่ไม่มีทางเข้าไปได้อย่างแน่นอน
ประเทศ Y ได้ชุบเลี้ยงคนแคระคนหนึ่งให้เขารับหน้าที่หยิบและเก็บข้อมูลโดยเฉพาะ ทั้งตึกใหญ่มีเพียงคนแคระคนนี้ที่สามารถหยิบข้อมูลได้
เหยียนหมิงซุ่นและพรรคพวกแต่ละคนล้วนเป็นชายสูงเกินกว่าร้อยห้าสิบเซนติเมตรทั้งสิ้นย่อมไม่มีทางเข้าไปได้ หากอยากเข้าไปมีเพียงอย่างเดียวต้องระเบิดห้องนั้นทิ้ง แต่ระบบป้องกันของห้องนั้นกลับเชื่อมไปทั่วทั้งตึกใหญ่เสียอย่างนั้น
การระเบิดห้องทิ้งเป็นสิ่งสุดท้ายที่หากไม่จำเป็นจริง ๆเหยียนหมิงซุ่นไม่อยากเดินหมากนี้เลย
ตอนนี้มีฉิวฉิว เหยียนหมิงซุ่นเริ่มมีประกายความหวังขึ้นมาแล้ว
ลูกน้องของเขาเห็นฉิวฉิวก็นึกแปลกใจไม่เข้าใจว่าทำไมลูกพี่ถึงไปหากระรอกตัวหนึ่งจากในประเทศมา เรื่องที่แม้แต่ทหารหน่วยรบพิเศษที่ผ่านการฝึกฝนมายาวนานอย่างพวกเขายังทำไม่ได้ แค่กระรอกตัวเดียวจะมีประโยชน์อะไร?
ฉิวฉิวรู้ทันความคิดของคนกลุ่มนี้อย่างชัดเจนจึงกลอกตาทีหนึ่งพลางสะบัดหางใหญ่ฟูไปมาพร้อมทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก
มนุษย์ผู้โง่เขลากล้าดูถูกคุณชายฉิวอย่างเขา?
อีกเดี๋ยวจะให้พวกแกตกใจจนตาถลนออกมาเลย!
เหยียนหมิงซุ่นแกะช็อกโกแลตที่ให้ลูกน้องไปซื้อมาเตรียมไว้แต่เช้าออก ฉิวฉิวตาเป็นประกายและเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย รสชาติไม่เลวเลยเดี๋ยวให้นายผู้ชายซื้อมาเยอะ ๆเอาไว้กลับไปค่อย ๆกิน
“ฉิวฉิว ของที่ฉันอยากได้คือแบบนี้ มันเก็บไว้ตรงนี้…”
เหยียนหมิงซุ่นอธิบายสถานการณ์ของห้องลับนั่นให้ฉิวฉิวฟังคร่าว ๆ รวมถึงแผนที่ตึกใหญ่ เขารู้ว่าฉิวฉิวฟังเข้าใจฉะนั้นเขาถึงได้พูดละเอียดมากทั้งไล่พวกลูกน้องให้ออกไปห้องจนหมด
นี่เป็นความลับของเหมยเหมย เขาไม่มีทางให้คนอื่นรู้เด็ดขาด
ฉิวฉิวคอยฟังเรื่องพวกนี้อย่างไม่สบอารมณ์ เขาจำเพียงจุดเก็บของชิ้นนั้นไว้อย่างแม่นยำแล้วตะปบกรงเล็บใส่หน้าเหยียนหมิงซุ่นเป็นเชิงให้เขาหุบปากได้แล้ว
ตอนนี้นายผู้ชายกำลังอ้อนวอนคุณชายฉิวอย่างเขาให้ช่วยเหลือเชียวนะ หากตอนนี้ไม่เหิมเกริมสักหน่อยอนาคตคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว!
ฉิวฉิวยื่นแขนอวบโบกตรงหน้าเหยียนหมิงซุ่นไปมาเป็นเชิงว่าทุกอย่างโอเค ขอแค่มีคุณชายฉิวอย่างเขาออกโรงรับรองว่าไม่มีปัญหา!
เหยียนหมิงซุ่นก็ยังไม่ไว้วางใจอยู่ดีเพราะเขากลัวว่าฉิวฉิวจะทำภารกิจไม่สำเร็จ ยิ่งเป็นห่วงว่าฉิวฉิวจะได้รับบาดเจ็บ ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาถึงความสำคัญที่ฉิวฉิวมีต่อเหมยเหมยอีกแล้ว!
“เริ่มลงมือคืนนี้!”
เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่ง
อีกหนึ่งวันก็จะทำการเจรจาแล้ว พวกเขาเหลือเวลาอีกไม่มากอีกทั้งพวกเขาเตรียมการมานานขนาดนี้ก็ถึงเวลาปฏิบัติการสักที!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น