เทพปีศาจหวนคืน 1377-1385

บทที่ 1377 ศาลาริมทะเล

 

กลิ่นอายที่ทรงพลังพุ่งลงมา


 


ฟางหยวนและสมาชิกนิกายเงามองขึ้นไปด้วยความตื่นตระหนก


 


“หนึ่งในคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลอี้ ศาลาริมทะเล!” ฟางหยวนอุทานชื่อของมันออกมา


 


ด้วยข้อมูลที่ได้รับจากตระกูลวู ฟางหยวนสามารถจดจำคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ได้ทันที


 


ศาลาริมทะเลเป็นอาคารสองชั้นที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆที่อยู่กลางทะเล


 


มันเหมือนรูปแบบของทะเลตะวันออก


 


แม้ตระกูลอี้จะเป็นหนึ่งในกองกำลังใหญ่ของภาคใต้แต่ที่ตั้งของพวกเขาอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทะเลตะวันออก


 


ความสามารถที่โดดเด่นของศาลาริมทะเลคือการเดินทางระยะไกล มันสามารถทะลวงผ่านระยะทางกว่าเจ็ดหมื่นลี้ได้โดยตรง


 


ค่ายกลวิญญาณของภาคใต้ถูกรุกรานโดยนิกายเงาและวังสวรรค์ ตระกูลอี้ตัดสินใจใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะศาลาริมทะเลออกไล่ล่า


 


ฟางหยวนวางแผนหลบหนีไปยังรอยแยกใต้พิภพปล้นเงาของภาคใต้


 


แต่หลังจากเรียนรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตระกูลอี้ค้นพบร่องรอยของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและออกไล่ล่า


 


อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดรวดเร็วมากแต่ศาลาริมทะเลสามารถทะลวงผ่านห้วงมิติเพื่อข้ามระยะทางนับหมื่นลี้


 


หลังจากเดินทางข้ามห้วงมิติหลายครั้ง ศาลาริมทะเลก็มาถึงที่นี่ในที่สุด


 


แม้ฟางหยวนและคนอื่นๆจะตกใจ แต่พวกเขาก็สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว


 


“ไป!” ฟางหยวนควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเพื่อโจมตีศาลาริมทะเล


 


ในเวลาเดียวกันฟางหยวนและคนอื่นๆก็กระโดดออกจากแผ่นหลังของมัน


 


ฟางหยวนคว้าร่างของอิงอู๋เซี่ยที่เหมือนศพมีชีวิตออกมาพร้อมกัน


 


“บึม!”


 


อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดสะบัดปีกส่งลมกรรโชกแรงพุ่งเข้าโจมตีศาลาริมทะเล


 


ศาลาริมทะเลถูกผลักออกไปในระยะไกลแต่มันไม่ได้รับความเสียหาย


 


แสงสีฟ้าอ่อนแผ่พุ่งออกมาจากศาลาริมทะเลและอาบย้อมโลกให้เป็นสีฟ้า


 


จากนั้นช้างตัวโตแต่ยังเล็กกว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็ปรากฏตัวขึ้น มีอาคารเจ็ดชั้นอยู่บนแผ่นหลังของมัน


 


“นี่คือสัตว์อสูรของทะเลตะวันออก ช้างน้ำเจ็ดชั้น มีอาคารเจ็ดชั้นอยู่บนแผ่นหลังของมัน นี่หมายความว่ามันเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล” ฟางหยวนจดจำสัตว์อสูรชนิดนี้ได้


 


เขาคุ้นเคยกับช้างน้ำเพราะเขาเคยเห็นมันในงานประชุมการค้าของทะเลตะวันออก


 


อย่างไรก็ตามช้างน้ำที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แท้จริง มันเป็นภาพมายาที่เกิดจากพลังอำนาจของศาลาริมทะเล


 


สำหรับความแข็งแกร่งของมันยังเป็นเรื่องที่ต้องทดสอบ


 


ฟางหยวนออกคำสั่งอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดอีกครั้ง “ฆ่าช้างน้ำตัวนี้!”


 


อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกรีดร้องและปฏิบัติตามคำสั่งของฟางหยวน


 


มันส่งกรงเล็บพุ่งเข้าโจมตีศัตรูโดยตรงขณะที่ช้างน้ำเจ็ดชั้นแตกสลายไปทันที


 


“ความแข็งแกร่งนี้!”


 


“มันเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดจริงๆ!”


 


ผู้อมตะตระกูลอี้ที่อยู่ในศาลาริมทะเลอุทานด้วยความตกใจ


 


อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดได้รับคริสตัลสวรรค์อย่างเพียงพอ นั่นทำให้มันสามารถปลดปล่อยพลังการต่อสู้ระดับแปดที่แท้จริงออกมา


 


ไห่ลั่วหลัน เทพธิดาเมี่ยวหยิน และคนอื่นถอนหายใจด้วยความโล่งอก


 


‘ช้างน้ำตัวนี้อ่อนแอกว่าสัตว์อสูรบรรพกาลทั่วไป’


 


‘แม้จะเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลที่แท้จริง มันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด’


 


แต่ฟางหยวนยังหนักใจ


 


‘ศาลาริมทะเลสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตออกมาอย่างไม่รู้จบสิ้น ตราบเท่าที่แสงสีฟ้ายังอยู่ การสูญเสียของศาลาริมทะเลก็ยังน้อยมาก’


 


ในเวลาต่อมาช้างน้ำระดับสัตว์อสูรบรรพกาลห้าตัวก็ปรากฏขึ้น


 


ฟางหยวนคิด ‘จากการวิเคราะห์ของตระกูลวู นอกจากวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งวารีและการเปลี่ยนแปลง มันยังใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งแสง มันเป็นเรื่องยากที่จะทำลายในระยะเวลาสั้นๆ ข้าไม่ควรเสียเวลาอยู่ที่นี่’


 


เมื่อคิดได้เช่นนี้ฟางหวนตัดสินใจควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดพุ่งเข้าโจมตีศาลาริมทะเลโดยเพิกเฉยต่อช้างน้ำเจ็ดชั้นทั้งห้าอย่างสิ้นเชิง


 


ในเวลาเดียวกันเขาก็ออกคำสั่งสมาชิกนิกายเงา “เราจะช่วยอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดทำลายช้างน้ำเหล่านี้”


 


ไห่ลั่วหลันเป็นคนแรกที่ตอบสนอง


 


นางใช้ฝ่ามือแทงไปที่ช้างน้ำเจ็ดชั้นอย่างแผ่วเบา


 


“ฮูม…”


 


เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นบนฝ่ามือของนางและพุ่งเข้าโจมตีช้างน้ำเจ็ดชั้นตัวหนึ่งด้วยความเร็วสูง


 


นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะอย่างไม่ต้องสงสัย


 


ช้างน้ำเจ็ดชั้นถูกเผาทำลายในครั้งเดียว


 


เทพธิดาเมี่ยวหยินเป็นคนที่สองที่ลงมือ


 


แขนหกข้างปรากฏขึ้นราวกับดอกบัวอยู่บนแผ่นหลังของนาง


 


นิ้วมือทั้งหมดของนางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทุกการเคลื่อนไหวของนางปลดปล่อยแสงดาบที่ส่องประกายระยิบระยับออกมา


 


คลื่นเสียงที่ราวกับบทเพลงอันไพเราะพุ่งเข้าโจมตีช้างน้ำเจ็ดชั้นสามตัวและสร้างบาดแผลขึ้นบนร่างกายของพวกมัน แม้พวกมันจะพยายามหลบหนี แต่คลื่นเสียงยังสามารถติดตามพวกมันไปในทุกที่


 


ในไม่ช้าช้างน้ำเจ็ดชั้นสามตัวก็ถูกสังหารและกลายเป็นแสงสีฟ้าบินกลับไปยังศาลาริมทะเล


 


นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเห็นท่าไม้ตายอมตะสองท่านี้


 


‘ไห่ลั่วหลันใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไฟ ลำแสงเพลิงแดง’


 


‘เทพธิดาเมี่ยวหยินใช้ไพ่ตายของนาง บทเพลงเทวะ’


 


ท่าไม้ตายอมตะทั้งสองมีต้นกำเนิดมาจากราชันภูเขาม่วง ดังนั้นฟางหยวนจึงเข้าใจมันอย่างชัดเจน


 


อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับไป่หนิงปิง


 


ช้างน้ำเจ็ดชั้นอีกตัวถูกจัดการไปแล้วโดยไป่หนิงปิง


 


นางไม่ขยับเขยื้อนแต่นางใช้ท่าไม้ตายอมตะของนางออกไปแล้ว


 


ช้างน้ำเจ็ดชั้นตัวนี้ถูกแช่แข็งอย่างเงียบๆก่อนจะกลายเป็นแสงสีฟ้าและบินเข้าไปยังศาลาริมทะเล


 


ไป่หนิงปิงก่นเสียงเย็นเมื่อเห็นสิ่งนี้


 


การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไตร่ตรองและเข้าใจผู้อมตะเหล่านี้มากขึ้น


 


‘ไห่ลั่วหลันถูกผูกมัดโดยข้อตกลงพันธมิตรและไม่มีทางเลือกนอกจากต้องติดตามข้า ดังนั้นนางจึงตอบสนองโดยไม่ลังเล’


 


‘เทพธิดาเมี่ยวหยินไม่ลังเลที่จะใช้ไพ่ตายของนางจัดการช้างน้ำเจ็ดชั้นสามตัวราวกับนางต้องการพิสูจน์ความภักดีต่อข้า’


 


‘สำหรับไป่หนิงปิง นางได้รับมรดกที่แท้จริงไป่เซียงและเป็นเพียงพันธมิตรกับนิกายเงา ท่าไม้ตายอมตะที่นางใช้เกี่ยวกับดวงตา นางพยายามแช่แข็งช้างน้ำเจ็ดชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้มันกลับไปเป็นแสงสีฟ้า แต่น่าเสียดายที่มันไร้ประโยชน์’


 


ความคิดมากมายพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนขณะที่เขาโยนอิงอู๋เซี่ยไปด้านหลัง


 


ด้านหลังเขาคือเทพธิดากระต่ายข่าว


 


ตอนนี้นางยังอยู่ในร่างผู้อมตะระดับหกและตกอยู่ในความหวาดกลัว


 


“พาเขาหลบไปด้านหลัง” ฟางหยวนออกคำสั่งเทพธิดากระต่ายขาวโดยไม่หันหลังกลับ


 


เทพธิดากระต่ายขาวตอบสนองอย่างรวดเร็วและล่าถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง


 


ฟางหยวนบินไปข้างหน้าขณะที่ร่างของเขาปล่อยแสงสีเงินออกมา


 


พลังงานอมตะถูกมอบให้กับวิญญาณอมตะ


 


วิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ระดับหก


 


วิญญาณอมตะเกล็ดมังกรระดับหก


 


วิญญาณอมตะลมหายใจมังกรระดับเจ็ด


 


วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของมังกรระดับเจ็ด


 


ในเวลาเดียวกันวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากก็ถูกกระตุ้นำช้งานเช่นกัน


 


ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล!


 


ฟางหยวนหายตัวไปขณะที่มังกรดาบบรรพกาลสีเงินที่น่าเกรงขามปรากฏตัวขึ้น


 


มังกรดาบบรรพกาลคำรามเบาๆ มันถือกายาแห่งความฝันสองร่างไว้ในกรงเล็บและสะบัดหาง


 


วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ!


 


มังกรดาบบรรพกาลฟางหยวนหายตัวไป ณ จุดเกิดเหตุ


 


ในเสี้ยวพริบตาต่อมาเขาก็อยู่ด้านบนศาลาริมทะเลแล้ว


 


โดยปราศจากความลังเล ฟางหยวนสะบัดกายาแห่งความฝันทั้งสองลงไปราวกับกระสุนปืน


 


ภายใต้การจ้องมองด้วยความประหลาดใจของเทพธิดากระต่ายขาวและคนอื่นๆ กายาแห่งความฝันทั้งสองระเบิดตัวเองและกลายเป็นอาณาจักรแห่งความฝันปกคลุมศาลาริมทะเลเอาไว้ทันที


 


อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเคลื่อนที่ห่างออกไปอย่างรวดเร็ว


 


กลุ่มผู้อมตะในศาลาริมทะเลตกสู่ความโกลาหล


 


“โอ้ ไม่ นี่คือ…อาณาจักรแห่งความฝัน!”


 


“ไม่ดีแล้ว ศาลาริมทะเลไม่สามารถต่อต้านอาณาจักรแห่งความฝัน คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งหมดกำลังพังทลาย!”



 

 

 


บทที่ 1378 การไล่ล่าของวูหยง

 

กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าหอคอยดวงตาสวรรค์ยังพ่ายแพ้ต่ออาณาจักรแห่งความฝัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดศาลาริมทะเล


 


ทันทีที่มันถูกขังไว้ในอาณาจักรแห่งความฝัน ศาลาริมทะเลก็เริ่มพังทลายลง ผู้อมตะตระกูลอี้สูญเสียการควบคุมวิญญาณจำนวนมาก


 


สถานการณ์นี้ทำให้ผู้อมตะตระกูลอี้ตกใจมาก พวกเขาไม่เคยพบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน


 


พวกเขาเริ่มใช้วิธีการที่ทรงพลังที่สุดของศาลาริมทะเลโดยไม่ลังเล


 


ท่าไม้ตายอมตะท้องฟ้ามหาสมุทรไร้ขอบเขต!


 


ศาลาริมทะเลปลดปล่อยแสงสีฟ้าออกมาแต่มันยังไม่สามารถทะลุผ่านอาณาจักรแห่งความฝัน


 


อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะนี้ยังประสบความสำเร็จ ในวินาทีต่อมาศาลาริมทะเลก็หายไป


 


มันข้ามห้วงมิตินับหมื่นลี้และออกจากสนามรบได้อย่างฉิวเฉียด


 


ศาลาริมทะเลพังทลายลงและอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช


 


ผู้อมตะตระกูลอี้สูดหายใจลึกขณะที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยเหงื่อ


 


“พวกเรารอดแล้ว! อันตรายมาก! หากช้ากว่านี้เพียงเล็กน้อย เราจะติดอยู่ในกับดัก!”


 


“อาณาจักรแห่งความฝันน่ากลัวเกินไป กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะก็ไม่สามารถต่อต้าน”


 


“ไม่แปลกใจเลยที่นักพยากรณ์กล่าวว่าเทพอมตะแห่งความฝันเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุด”


 


“บัดซบ! เราไม่สามารถจับกุมนิกายเงา!”


 


ผู้อมตะตระกูลอี้กัดฟันแน่น ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว แม้พวกเขาจะกลับไป แต่สมาชิกนิกายเงาก็ยังสามารถใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเพื่อหลบหนี


 


พิจารณาถึงความแข็งแกร่ง ตระกูลอี้มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้ในเวลาอันสั้น ตระกูลอี้สามารถโจมตี ป้องกัน หรือล่าถอยได้อย่างอิสระ ในทางกลับกันฝ่ายของฟางหยวนไม่สามารถรวมพลังเหมือนคฤหาสน์วิญญาณอมตะ


 


สิ่งที่ทำให้ตระกูลอี้มั่นใจคือตราบเท่าที่พวกเขาสามารถซื้อเวลา กำลังเสริมจะมาถึงในที่สุด


 


พวกเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะสร้างช้างน้ำขึ้นมาเพื่อการต่อสู้ที่ยาวนาน


 


แต่ฟางหยวนโต้กลับด้วยการใช้กายาแห่งความฝันสร้างอาณาจักรแห่งความฝันขึ้นมาและบังคับให้ผู้อมตะตระกูลอี้ต้องหลบหนี


 


พวกเขาไม่เคยคาดหวังว่าฟางหยวนจะเสียสละพันธมิตรของตนเองและกระทำเรื่องที่โหดร้ายถึงเพียงนี้


 


อีกประการก็คือฟางหยวนเปลี่ยนร่างเป็นมังกรดาบบรรพกาลที่มีความเร็วสูงมาก


 


ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบขณะที่เขาใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเพิ่มความเร็วของมังกรดาบบรรพกาลขึ้นไปอีก


 


นี่ทำให้ผู้อมตะตะกูลอี้ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา


 


สุดท้ายพวกเขาจึงพบกับความพ่ายแพ้และความสูญเสียครั้งใหญ่


 


สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเขาสูญเสียใบหน้า พวกเขาจะเผชิญหน้ากับกำลังเสริมจากกองกำลังอื่นได้อย่างไร


 


ศาลาริมทะเลตกสู่ความเงียบงัน


 


หลังจากไม่นานผู้นำกลุ่มผู้อมตะตระกูลอี้จึงเปิดปากกล่าว “เราต้องซ่อมแซมศาลาริมทะเลอย่างรวดเร็ว แม้เราจะติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันมาก่อนหน้านี แต่วิญญาณอมตะไม่ได้รับความเสียหาย เราสามารถกู้คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้ในเวลาไม่นาน”


 


“ศัตรูทรงพลังมาก เขาสามารถควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือเขาไม่ลังเลที่จะเสียสละพันธมิตรของตนเอง นี้เป็นธรรมชาติที่โหดเหี้ยมเกินไป”


 


“เราพยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่เราไม่สามารถต่อต้านอาณาจักรแห่งความฝัน ข้าต้องการต่อสู้กับปีศาจเหล่านั้น แต่หากมองในภาพรวม เราไม่มีทางเลือกนอกจากต้องล่าถอยและส่งข้อมูลไปยังกองกำลังอื่นๆ”


 


ผู้นำกลุ่มผู้อมตะตระกูลอี้กล่าวอย่างช้าๆขณะที่คนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วย


 


ข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง แต่คำพูดเหล่านี้ยังทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไป


 


หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มติดต่อวูหยงและกองกำลังฝ่ายธรรมะอื่นๆ


 


“กระไรนะ!? พวกเขาแพ้งั้นหรือ?”


 


“ไม่ใช่ว่าพวกเขามีศาลาริมทะเลงั้นหรือ? แล้วพวกเขาจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร?”


 


“ฮ่าฮ่า ดูข้อแก้ตัวของพวกเขา ตระกูลอี้ช่างไร้ยางอายนัก”


 


“แต่เรามีข้อมูลแล้ว ตัวอย่างเช่นอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและท่าไม้ตายเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล…”


 


เมื่อท่าไม้ตายเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาลถูกกล่าวถึง กลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ต่างมองหน้ากัน


 


พวกเขาคิดถึงบางคนอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง


 


หลิวกวนซื่อ!


 


“หลิวกวนซื่อเป็นปีศาจอมตะที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เจ้าคิดว่าสมาชิกนิกายเงาผู้นี้คือเขาหรือไม่?”


 


“ไม่ ท่าไม้ตายปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาลเป็นท่าไม้ตายทั่วไป นอกจากนี้ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ชัดเจนว่าหลิวกวนซื่อเป็นศัตรูกับนิกายเงา”


 


“หลิวกวนซื่อเป็นคนเหนือขณะที่คนผู้นี้ปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะภาคใต้ออกมา แต่พวกเขาอาจมีวิธีการปกปิดกลิ่นอาย ตัวอย่างเช่นตระกูลวูที่มีท่าไม้ตายอมตะที่สามารถเปลี่ยนกลิ่นอายของผู้อมตะ”


 


บางคนมองไปทางวูหยง


 


“ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือไม่ เราก็ต้องตามหาน้องชายของข้า วูอี้ไห่! ผู้ใดต้องการออกไปไล่ล่านิกายเงาพร้อมกับข้า?” วูหยงกล่าวอย่างจริงจัง


 


“ท่านวูหยงยังคงเป็นห่วงน้องชายเสมอ ข้ารู้สึกซาบซึ้งนัก”


 


“เราจะไป!”


 


“ข้ายินดีให้ความร่วมมือกับท่านวูหยง!”


 


ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ตอบรับทีละคน


 


การต่อสู้ของวูหยงในค่ายกลวิญญาณแม่น้ำโลหิตสีม่วงถูกเผยแพร่ออกไปโดยไท่เมี่ยนเฉิน


 


ข้อมูลนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว


 


ทุกการเคลื่อนไหวของผู้อมตะระดับแปดจะได้รับความสนใจจากทุกคนเสมอเพราะมันจะส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อพวกเขา


 


วูหยงเป็นผู้อมตะระดับแปดและเป็นผู้นำตระกูลวู เขาเปิดเผยคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังที่สี่ของตระกูลวูออกมา นี่ทำให้ผู้อมตะภาคใต้ตระหนักถึงพลังอำนาจที่แท้จริงของเขา


 


นอกจากนี้ตระกูลวูยังครองตำแหน่งอันดับหนึ่งของภาคใต้มาตลอด ดังนั้นคำเรียกร้องของวูหยงจึงได้รับการตอบสนองจากผู้คนจำนวนมากในทันที


 


‘คนเหล่านี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก พวกเขาต้องการซ่อนอยู่ข้างหลังข้าและบังคับให้ตระกูลวูออกหน้า’ วูหยงลอบเย้ยหยัน


 


ในความเป็นจริงวูหยงต้องการแสวงหาผลประโยชน์แต่ตอนนี้เขาทำไม่ได้


 


เขาต้องแสดงตัวเป็นวีรบุรุษของฝ่ายธรรมะ


 


น้องชายของเขาหายตัวไป ในฐานะพี่ชาย เขาต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยน้องชายผู้นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของฟางหยวนที่อยู่ในห้องโถงบรรพชนของตระกูลวูยังไม่แตกสลาย


 


ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะผู้นำของฝ่ายธรรมะ เขาต้องควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด มิฉะนั้นศักดิ์ศรีของเขาและตระกูลวูจะตกต่ำลง


 


โดยธรรมชาติแล้วเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือฟาหงยวนยืมวิญญาณอมตะหกดวงไปจากตระกูลวู


 


วิญญาณอมตะหกดวง!


 


นอกจากนั้นยังมีหินวิญญาณอมตะอีกหนึ่งแสนก้อน!


 


วูหยงเป็นคนอนุญาตให้ฟางหยวนยืมวิญญาณอมตะทั้งหมดด้วยตนเอง ตอนนี้เมื่อวูอี้ไห่หายตัวไป ความรับผิดชอบจึงตกอยู่ที่วูหยง


 


หากวูหยงไม่ออกไล่ล่า เขาจะไม่มีคำอธิบายมอบให้กับกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ นอกจากนั้นเขายังไม่สามารถอธิบายต่อตระกูลวู


 


ดั้งนั้นบ้านไม่ไผ่สายลมจึงนำผู้อมตะภาคใต้ออกเดินทางไล่ล่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด


 


แม้ตระกูลอี้จะสูญเสียเบาะแสของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด แต่วูหยงยังมีวิธีอื่น


 


เขาส่งข้อความถึงตระกูลวู “ผู้อาวุโสวูฝานำวิญญาณอมตะออกมาจากคลังสมบัติและค้นหาตำแหน่งของวูอี้ไห่!”


 


วูฝาเป็นผู้ช่วยที่เชื่อถือได้ของวูหยง ดังนั้นเขาจึงรีบดำเนินการทันที


 


วูหยงรวบรวมข้อมูลของวังสวรรค์เช่นกัน แม้วังสวรรค์จะไม่โจมตีผู้อมตะภาคใต้ แต่พวกเขาก็ปล้นสะดมทรัพยากรก่อนจากไป


 


ผู้อมตะภาคใต้จะชำระบัญชีแค้นกับภาคกลางในอนาคต


 


อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับวูหยงก็คือการช่วยวูอี้ไห่


 


วังสวรรค์ทรงพลังมาก มันเป็นเรื่องยากที่จะทวงคืนวิญญาณอมตะจากพวกเขา มันจะฉลาดกว่าที่พวกเขาจะไล่ล่านิกายเงาที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก นอกจากนี้ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของวูอี้ไห่ก็ยังไม่ถูกทำลาย มีความเป็นไปได้ที่เขาจะถูกจับตัวไป


 


‘นิกายเงามีวิธีทำลายป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของข้าเพื่อสร้างข่าวลวงเรื่องการเสียชีวิตของข้า หากพวกเขาฆ่าวูอี้ไห่โดยทิ้งป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณเอาไว้ เป้าหมายของพวกเขาก็คือการหลอกล่อให้พวกเราไล่ล่าพวกเขา’


 


วูหยงคิดถึงความน่าจะเป็นนี้


 


อย่างไรก็ตามเขายังเลือกที่จะไล่ล่า


 


เพราะครั้งนี้เขาไม่ได้มาเพียงผู้เดียว ยังมีผู้อมตะระดับแปดจื่อชิวหยูและคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกหลายหลัง นี่ทำให้วูหยงมีความมั่นใจแม้พวกเขาจะถูกซุ่มโจมตีโดยกองกำลังนิกายเงาก็ตาม


 


ต่อหน้าความแข็งแกร่งอันเป็นที่สุด แผนการทั้งหมดจะกลายเป็นไร้ประโยชน์


 


ในเวลาเดียวกัน อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกำลังโบยบินไปอย่างสุดกำลัง


 


บนแผ่นหลังของมัน ฟางหยวนนั่งไขว้ขาปิดเปลือกตาและลอบใช้วิญญาณอมตะอย่างลับๆ


 


วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า!


 


ไม่นานหลังจากนั้นฟางหยวนก็หยุดใช้งานมัน การแสดงออกของเขากลายเป็นเคร่งขรึม ‘มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลจำนวนมากบนร่างของข้า ข้าอาจถูกโจมตีด้วยวิธีการบนเส้นทางแห่งข้อมูล ความน่าจะเป็นที่พวกมันจะมาจากผู้อมตะภาคใต้มีต่ำมาก มันต้องเป็นเทพธิดาจื่อเว่ยของวังสวรรค์’


 


‘ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ข้าก็ต้องไปยังรอยแยกปล้นเงาอย่างรวดเร็วที่สุดและใช้วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลเพื่อกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลเหล่านี้ทิ้งไป!’



 

 

 


บทที่ 1379 วิธีการของเทพอมตะกลุ่มดาว

 

สวรรค์สีขาว


 


“บึม!”


 


หอคอยดวงตาสวรรค์บินผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่ามันจะบินไปที่ใด ฝูงสัตว์อสูรที่อยู่รอบๆก็ยังพุ่งเข้าโจมตีมันอย่างต่อเนื่อง


 


หลังจากการต่อสู้จบลง วังสวรรค์ปล้นชิงค่ายกลวิญญาณของภาคใต้รวมถึงวิญญาณทั้งหมด


 


ตอนนี้หอคอยดวงตาสวรรค์ได้รับการซ่อมแซมและกลับมาอยู่ในสภาพเดิมเรียบร้อยแล้ว


 


ชั้นบนสุดของหอคอยดวงตาสวรรค์มีราชันมังกรและเทพธิดาจื่อเว่ยอยู่ที่นั่น


 


“ดูเหมือนสวรรค์สีขาวของภาคใต้จะไม่ได้รับอิทธิพลจากวังสวรรค์แห่งโชคของภาคเหนือ” เทพธิดาจื่อเว่ยมองไปด้านนอกก่อนจะหันหน้าไปทางราชันมังกร


 


ร่องรอยความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง


 


ราชันมังกรนั่งไขว้ขาอยู่บนพื้น คิ้วของเขาขมวดแน่น ใบหน้าซีดขาว การแสดงออกของเขาเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมเป็นครั้งคราว


 


ร่างกายของเขาแข็งแกร่งราววับเสาหิน แม้เขาจะนั่งลง แต่เขายังปลดปล่อยความรู้สึกเหมือนเสาขนาดใหญ่ที่สามารถแบกรับท้องฟ้า


 


‘เทพปีศาจจิตวิญญาณยังคงเป็นเทพปีศาจจิตวิญญาณ แม้ดวงวิญญาณของเขาจะเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย เขาก็ยังสามารถสร้างปัญหาให้กับท่านราชันมังกร ท่านราชันมังกรต้องการนำประตูแห่งชีวิตและความตายกลับไปที่วังสวรรค์ แต่ผู้ใดจะคิดว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณจะสามารถใช้ประโยชค์จากมัน’


 


เทพธิดาจื่อเว่ยทั้งกังวลและรู้สึกชื่นชมราชันมังกรในเวลาเดียวกัน


 


การเดินทางครั้งนี้วังสวรรค์สามารถกอบกู้ใบหน้าจากความพ่ายแพ้ที่ภาคเหนือ พวกเขาสามารถอาละวาดและกระทั่งสามารถจับตัวเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


ส่วนใหญ่เป็นผลงานของราชันมังกร


 


หากปราศจากราชันมังกร พวกเขาจะไม่ได้รับผลลัพธ์ที่น่าประทับใจเช่นนี้


 


ขณะที่นางกำลังคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ราชันมังกรก็เปิดเปลือกตาขึ้น


 


“ท่านราชันมังกร มีสิ่งใดให้ข้าช่วยหรือไม่?” เทพธิดาจื่อเว่ยเร่งถาม


 


ราชันมังกรส่ายศีรษะ “อย่ากังวล เทพปีศาจจิตวิญญาณพยายามต่อต้านเป็นครั้งสุดท้าย แต่ข้าสามารถควบคุมสถานการณ์ ตราบเท่าที่เรากลับไปถึงวังสวรรค์ เราจะสามารถกำปราบเขาได้อย่างง่ายดาย”


 


“ยอดเยี่ยม ด้วยความเร็วนี้ เราจะใช้เวลาอีกไม่นาน” เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก


 


อย่างไรก็ตามราชันมังกรกลับกล่าว “แต่เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด หากดวงวิญญาณของข้าถูกเทพปีศาจจิตวิญญาณกลืนกิน เขาจะปลอมตัวเป็นข้า ดังนั้นเมื่อเรากลับไปถึงวังสวรรค์ จงกักขังและผนึกข้าเอาไว้ จากนั้นใช้ทุกวิธีของวังสวรรค์เพื่อตรวจสอบความจริง”


 


“หากข้าสามารถกำหราบเทพปีศาจจิตวิญญาณ ข้าจะให้ความร่วมมือโดยธรรมชาติ หากเทพปีศาจจิตวิญญาณกลืนกินข้า เขาจะแสดงตัวออกมาในเวลานั้น หากเขาถูกผนึกเอาไว้ในวังสวรรค์ เขาจะกลายเป็นลูกแกะที่รอการประหาร”


 


ราชันมังกรพิจารณาในทุกแง่มุมโดยไม่เปิดโอกาสให้เทพปีศาจจิตวิญญาณแม้แต่น้อย


 


เทพธิดาจื่อเว่ยเร่งตอบรับ


 


หลังจากชั่วครู่ราชันมังกรจึงเปิดปากถาม “สถานการณ์ของฟางหยวนเป็นอย่างไร?”


 


เทพธิดาจื่อเว่ยตอบ “เมื่อไม่นานมานี้ศาลาริมทะเลของตระกูลอี้เผชิญหน้ากับฟางหยวน น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถหยุดฟางหยวน”


 


“ฟางหยวนเจ้าเล่ห์เกินไป เขาเดาว่าศาลาริมทะเลอาจใช้วิธีติดตามตัว ดังนั้นเขาจึงใช้วิญญาณอมตะตรวจสอบตนเองและค้นพบบางสิ่ง”


 


“แต่…” เทพธิดาจื่อเว่ยเผยรอยยิ้มมั่นใจ “แม้เขาจะรู้ แล้วอย่างไร? ท่าไม้ตายอมตะของข้าได้รับความช่วยเหลือจากกระดานหมากรุกกลุ่มดาว นี่เป็นวิธีที่เทพอมตะกลุ่มดาวเคยใช้ในอดีต”


 


“ดี” ราชันมังกรรู้สึกมั่นใจและค่อยๆปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง


 


…..


 


ภาคใต้


 


อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแบกฟางหยวนและคนอื่นๆบินข้ามท้องฟ้า


 


เสียงกรีดร้องของมันทำให้นกทุกตัวในบริเวณนั้นต้องหลบออกไป


 


การเดินทางไม่มีสิ่งกีดขวาง พวกเขาไม่เห็นศาลาริมทะเลอีกเลย


 


สมาชิกนิกายเงาลดความระวังตัวลงเล็กน้อย


 


รอยแยกใต้พิภพค่อยๆปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา


 


‘นี่คือรอยแยกปล้นเงา’ ฟางหยวนยืนขึ้นและมองไปยังรอยแยกใต้พิภพที่อยู่ด้านหน้า


 


รอยแยกปล้นเงาเป็นฐานทัพชั่วคราวของนิกายเงา


 


หลังการต่อสู้ครั้งนี้ตัวตนของฟางหยวนในฐานะวูอี้ไห่จะถูกเปิดเผย แม้วังสวรรค์จะไม่เปิดเผย ตัวตนปลอมนี้ก็ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป หลังจากกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายเงา เขาต้องการพักผ่อนและจัดระเบียบองค์กรใหม่


 


อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินลงไปในรอยแยกปล้นเงา


 


ในไม่ช้าฟางหยวนและคนอื่นๆก็หายตัวไปในความมืดอันไร้ขอบเขต


 


แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะมีร่างกายใหญ่โต แต่มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับความกว้างใหญ่ของรอยแยกใต้พิภพแห่งนี้


 


เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้นจากความมืด


 


ส่วนใหญ่เป็นเงาปีศาจ


 


เงาปีศาจเป็นสัตว์อสูรที่มักเกิดขึ้นในสถานที่ที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืด


 


แม้เงาปีศาจจะเป็นอสูรกาย แต่พวกมันยังมีสัญชาตญาณเอาชีวิตรอด กลิ่นอายของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดทำให้พวกมันหวาดกลัวและกระจัดกระจายออกไปโดยที่ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องขับไล่ด้วยตนเอง


 


ฟางหยวนและคนอื่นๆมาถึงจุดหมายอย่างราบรื่น


 


ที่นี่ไม่ใช่ส่วนที่ลึกที่สุดของรอยแยกปล้นเงาแต่เป็นถ้ำบนกำแพงหินที่สูงชันแห่งหนึ่ง


 


ทางเข้าถ้ำกว้างพอให้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินเข้าไปแม้จะยากลำบากอยู่บ้างก็ตาม


 


หลังจากเข้าไปในถ้ำ ฟางหยวนก็เก็บอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ


 


ด้วยมรดกของราชันภูเขาม่วง ฟางหยวนไม่พบอุปสรรคในการควบคุมค่ายกลวิญญาณของที่นี่


 


“เป็นค่ายกลที่ดี”


 


“มันถูกสร้างขึ้นโดยพึ่งพาร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืดของที่นี่ มันใช้เพียงวิญญาณระดับมนุษย์แต่พลังอำนาจของมันเทียบเท่ากับค่ายกลวิญญาณอมตะ สิ่งที่ดีที่สุดของมันคือการป้องกันการอนุมาน”


 


ผู้ที่สามารถใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าตามธรรมชาติในสภาพแวดล้อมเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะต้องมีความสำเร็จอย่างน้อยระดับปรมาจารย์เอก


 


แต่นี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนิกายเงา


 


ด้วยความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวน เขาสามารถมองเห็นรูปแบบการจัดตั้งค่ายกลนี้ได้อย่างคร่าวๆ


 


ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อมาถึงที่นี่


 


เขายังไม่ได้กำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่บนร่างกายออกไปทันทีแต่เขาเรียกสมาชิกคนอื่นๆเข้ามาพูดคุยทีละคน


 


ในฐานะผู้นำของนิกายเงา ฟางหยวนจำเป็นต้องทำเรื่องดังกล่าวโดยธรรมชาติ


 


เทพธิดากระต่ายขาวเชื่อฟังมาก นางตอบคำถามของฟางหยวนอย่างตรงไปตรงมา


 


เทพธิดาเมี่ยวหยินค่อนข้างกล้าหาญ นอกจากตอบคำถามของฟางหยวน นางยังถามฟางหยวนกลับ ดวงตาของนางดูเย้ายวนเป็นครั้งคราวและนางยังถามว่าระหว่างนางกับเฉียวซื่อหลิวผู้ใดงดงามกว่า


 


ในการพูดคุยกับไห่ลั่วหลัน ฟางหยวนเสนอว่าหากไห่ลั่วหลันทำงานได้ดี เขาสามารถพิจารณายกเลิกข้อตกลงพันธมิตรและมอบอิสรภาพคืนให้นาง


 


ในความเป็นจริงสถานการณ์ที่น่าอึดอันใจทั้งหมดของนางก็เกิดขึ้นเพราะฟางหยวนทั้งสิ้น


 


หลังจากฟางหยวนกำเนิดใหม่ เขาเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆมากมาย ก่อนการกำเนิดใหม่ของฟางหยวน ไห่ลั่วหลันประสบความสำเร็จในการสังหารไห่เจิ้งด้วยความช่วยเหลือจากนางมารผลาญสวรรค์ นางสามารถแก้แค้นและค้นพบตัวตนที่แท้จริงของนาง สุดท้ายด้วยวิญญาณทัศนคติ นางสามารถควบคุมเผ่าไห่และมีอนาคตที่สดใส


 


หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ไห่ลั่วหลันสูญเสียป้าทั้งสองของนางและด้วยปัจจัยภายนอกหลายอย่างที่ไม่สามารถควบคุม ในที่สุดนางก็กลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฟางหยวน


 


อิงอู๋เซี่ยคิดว่าไห่ลั่วหลันเป็นสมาชิกคนสำคัญที่สุด ฟางหยวนก็คิดเช่นเดียวกัน


 


ต่อมาเป็นไป่หนิงปิง


 


“แม้เจ้าจะไม่มาหาข้า ข้าก็จะตามหาเจ้า” ไป่หนิงปิงเริ่มกล่าว


 


ทัศนคติของนางแตกต่างจากคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง นางยืนกอดอกและมองฟางหยวนอย่างไม่แยแส


 


“เจ้าเป็นศัตรูของวังสวรรค์ขณะที่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ก็จะไม่ปล่อยเจ้าไป แผนการต่อไปของเจ้าคือสิ่งใด?” ไป่หนิงปิงถาม


 


ไป่หนิงปิงเข้าร่วมในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน ตอนนี้นางอยู่ฝ่ายเดียวกับฟางหยวน ดังนั้นผู้อมตะภาคใต้จะไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน


 


“ก่อนอื่นข้าจะตรวจสอบทรัพยากรของนิกายเงา จากนั้นข้าจะเริ่มวางแผนทีละขั้นตอน” ฟางหยวนกล่าว


 


อาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่ของภาคใต้หายไปแล้วขณะที่ตัวตนของวูอี้ไห่ถูกเปิดเผย ฟางหยวนสูญเสียทางลัดในการฝึกฝนนี้ไปอย่างน่าเสียดาย


 


อย่างไรก็ตามหลังจากกลายเป็นผู้นำของนิกายเงา สิ่งที่ฟางหยวนได้รับกลับยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่เขาสูญเสียไปเป็นอย่างมาก



 

 

 


บทที่ 1380 ค้นพบ

 

แม้นิกายเงาจะล้มเหลว เทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับกุม ร่างแยกของเขาเหลือเพียงอิงอู๋เซี่ยและผมที่หก แต่พวกเขายังมีทรัพยากรเหลืออยู่มากมาย


 


วิญญาณอมตะและทรัพยากรอมตะยังเป็นเพียงส่วนเล็กๆ สิ่งสำคัญคือเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะ ท่าไม้ตายอมตะ คฤหาสน์วิญญาณอมตะ และอื่นๆ


 


มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะมากมาย ท่าไม้ตายอมตะจำนวนนับไม่ถ้วน และเคล็ดลับการสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะถึงสิบสองเคล็ดลับ


 


นอกจากนี้ยังมีเบาะแสเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงทุกประเภท


 


ตัวอย่างเช่นมรดกที่แท้จริงไป่เซียง มรดกที่แท้จริงสวรรค์พิภพที่อยู่ในร่างของวาฬมังกรฟ้า มรดกที่แท้จริงบัวแดง มรดกที่แท้จริงปีศาจคลั่ง


 


รากฐานของนิกายเงาลึกล้ำมาก


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณใช้วิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณสังหารรูปแบบชีวิตทั้งห้าภูมิภาค วิธีกลืนกินดวงวิญญาณของเขาทำให้เขาได้รับประสบการณ์และความทรงจำของเหยื่อ เขาสามารถสร้างร่างแยกเพื่อก่อตั้งนิกายเงารวมถึงสายลับเช่นผมที่หกซึ่งแฝงตัวอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและสายลับที่อยู่ในวังสวรรค์ นอกจากนี้เขายังสามารถบ่มเพาะจิตวิญญาณของตนและสามารถใช้เพียงดวงวิญญาณต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน


 


ตอนนี้มีสองเรื่องสำคัญที่ฟางหยวนต้องพิจารณา


 


หนึ่ง วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูล เขาต้องกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ติดอยู่บนร่างกายรวมถึงข้อตกลงพันธมิตรต่างๆเพื่อให้ได้รับอิสรภาพกลับคืน


 


สอง วิญญาณสติปัญญา ตอนนี้ฟางหยวนเข้าใจวิธีทำลายกับดักที่อยู่ในร่างผีดิบอมตะของเขาแล้ว หากเขาสามารถกู้คืนร่างเดิม เขาจะสามารถใช้แสงแห่งปัญญาได้อีกครั้ง


 


ไป่หนิงปิงกล่าวต่อ “ตอนนี้ข้ามีวิญญาณกงล้อหยินหยางแล้ว แต่ข้าต้องทำให้มันเป็นวิญญาณอมตะเพื่อกลับร่างเดิม แต่เส้นทางแห่งการหลอมรวมทั้งลึกซึ้งและกว้างใหญ่ขณะที่วิญญาณกงล้อหยินหยางไม่ใช่วิญญาณหลักของข้า ข้าไม่มีความมั่นใจที่จะทำเรื่องนี้”


 


ฟางหยวนพยักหน้า “ข้าเข้าใจ นิกายเงาจะช่วยเจ้าหลอมรวมมัน นี่คือข้อตกลงระหว่างเจ้ากับนิกายเงา ตอนนี้ข้าเป็นผู้นำของนิกายเงา ข้าสามารถยอมรับข้อตกลงนี้ ไม่ว่าอย่างไรเราก็ยังต้องพึ่งพากันไปอีกนานถูกต้องหรือไม่?”


 


“ดีที่เจ้าฉลาด” ไป่หนิงปิงชำเลืองมองฟางหยวนเล็กน้อยก่อนจะจากไปด้วยความพึงพอใจ


 


กล่าวถึงเรื่องนี้ นิกายเงามีสมาชิกผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย


 


ไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน เทพธิดากระต่ายขาว และเทพธิดาเมี่ยวหยิน พวกนางล้วนเป็นสตรี มีเพียงฟางหยวนและอิงอู๋เซี่ยเท่านั้นที่เป็นบุรุษ


 


หลังจากการพูดคุยครั้งนี้ ฟางหยวนได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำคนใหม่ของนิกายเงาอย่างสมบูรณ์


 


สำหรับอิงอู๋เซี่ย เขายังอยู่ในสภาพไร้จิตวิญญาณ


 


เขาเพิกเฉยต่อทุกสิ่ง


 


เจตนาสังหารปะทุขึ้นในใจของฟางหยวน เขาต้องการกำจัดอิงอู๋เซี่ยและยึดครองวิญญาณอมตะทั้งหมดรวมถึงท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน


 


อย่างไรก็ตามฟางหยวนตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องรีบร้อน


 


เขาเข้าใจท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันแล้วและขาดเพียงวิญญาณอมตะที่จำเป็นเท่านั้น แต่ท่าไม้ตายนี้ทั้งซับซ้อนและยากลำบากในหลายแง่มุม แม้ฟางหยวนจะได้รับวิญญาณอมตะจากอิงอู๋เซี่ย เขาก็ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการฝึกฝน


 


แน่นอนว่าเขายังมีวิธีการอื่น


 


ตัวอย่างเช่นวิธีกลืนกินดวงวิญญาณ


 


ตราบเท่าที่เขากลืนกินดวงวิญญาณของอิงอู๋เซี่ย เขาจะได้รับความทรงจำและประสบการณ์ทั้งหมดเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน


 


ย้อนกลับไปตั้งแต่อิงอู๋เซี่ยถือกำเนิดได้เพียงไม่นาน เขาก็สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันได้อย่างรวดเร็ว นี่เป็นเพราะเขามีความทรงจำมากมายที่ได้รับมาจากเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


สำหรับผมที่หก


 


ผมที่หกเป็นสายลับที่ถูกวางไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


แต่หลังจากฟางหยวนกลายเป็นผู้นำของนิกายเงา เขายังไม่แน่ใจว่าจะได้รับการยอมรับจากผมที่หกหรือไม่


 


ผมที่หกเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณเช่นกัน ฟางหยวนกับผมที่หกมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดี แม้ราชันภูเขาม่วงจะยอมรับเขา แต่ผมที่หกจะยอมรับหรือไม่?


 


ฟางหยวนไม่มีความมั่นใจในเรื่องนี้


 


สิ่งสำคัญก็คือผมที่หกไม่ถูกผูกมัดโดยข้อตกลงพันธมิตรกับนิกายเงา


 


เขาไม่สามารถทำข้อตกลง


 


หากเขาทำข้อตกลงบนเส้นทางแห่งข้อมูล จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะสังเกตเห็น ตัวตนของผมที่หกจะถูกเปิดเผย


 


ท้ายที่สุดไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนใด พวกเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการหลอมรวม พวกเขามีวิธีการทุกประเภทที่สามารถมองเห็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า


 


ฟางหยวนไม่รู้ว่าท่าทีของผมที่หกจะเป็นอย่างไร แต่เขาเข้าใจว่าหากเขากำจัดอิงอู๋เซี่ย โอกาสที่ผมที่หกจะยอมรับเขาจะยิ่งลดน้อยลง


 


ผมที่หกมีค่าไม่มากแต่เขาเป็นสมาชิกนิกายหลางหยา หากใช้งานอย่างถูกต้อง เขาจะช่วยฟางหยวนโค่นล้มนิกายหลางหยาได้ในอนาคต


 


ฟางหยวนไม่ต้องการสูญเสียความเป็นไปได้นี้


 


กำไรไม่สามารถเปรียบเทียบกับการสูญเสีย ดังนั้นฟางหยวนจึงเลือกที่จะปล่อยเทพธิดากระต่ายขาวและมองข้ามอิงอู๋เซี่ย


 


หลังจากนั้นเขาเริ่มคิดหาวิธีกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูล


 


วิญญาณที่ฟางหยวนได้รับมาจากราชันภูเขาม่วงไม่ใช่ชุดวิญญาณที่สมบูรณ์


 


พวกมันแทบไม่สามารถใช้สร้างท่าไม้ตายอมตะที่เรียกว่า ปัญญาเหนือภัยพิบัติ อย่างไรก็ตามมันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับฟางหยวนในเวลานี้


 


โชคดีที่โครงสร้างของมันเรียบง่าย มันใช้วิญญาณอมตะเพียงไม่กี่ดวงและมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน


 


ลูกพลัมแดงอมตะถูกใช้ขณะที่วิญญาณอมตะเริ่มทำงานด้วยความตั้งใจของฟางหยวน


 


หลังจากไม่นานแสงลึกลับก็ส่องประกายขึ้นบนร่างของเขา


 


วินาทีต่อมาแสงลึกลับก็จางหายไป ร่างของฟางหยวนสั่นสะท้านเล็กน้อย เลือดสองสายไหลออกมาจากจมูกของเขา


 


ล้มเหลว


 


อย่างไรก็ตามสถานการณ์นี้อยู่ในความคาดหวังของฟางหยวน


 


เป็นเรื่องปกติที่ต้องใช้ความพยายามหลายครั้งในการกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายใหม่ก่อนจะประสบความสำเร็จ


 


บุรุษคนก่อนหน้า!


 


ฟางหยวนกลับสู่สภาพเดิม


 


ความพยายามครั้งที่สอง ล้มเหลว


 


ความพยายามครั้งที่สาม ล้มเหลว


 


ความพยายามครั้งที่สี่ ล้มเหลว


 


ความพยายามครั้งที่ห้า ล้มเหลว


 


…..


 


ในเวลาเดียวกัน ตระกูลวู ผู้อาวุโสวูฝายืนอยู่ด้านหน้าค่ายกลวิญญาณขนาดเล็ก


 


ค่ายกลวิญญาณนี้มีขนาดเท่ากับถังน้ำแต่มันใช้วิญญาณมากถึงหนึ่งพันดวง มันอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อมตะตระกูลวูอีกสามคน พวกเขากำลังส่งพลังงานอมตะให้ค่ายกลวิญญาณอย่างต่อเนื่อง


 


ค่ายกลวิญญาณเริ่มหมุนวน


 


“พร้อมหรือยัง?” วูฝาถาม


 


ผู้อมตะตระกูลวูทั้งสามพยักหน้าเล็กน้อย


 


วูฝาค่อยๆกางมือออกและเผยให้เห็นวิญญาณระดับมนุษย์สองดวง


 


พวกมันก็คือป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของฟางหยวน


 


เขาโยนวิญญาณทั้งสองดวงเข้าไปในค่ายกลวิญญาณ


 


ความเร็วในการหมุนวนของค่ายกลวิญญาณเพิ่มขึ้นทันที


 


เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของผู้อมตะทั้งสาม ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นซีดขาวขณะที่ร่างกายเริ่มสั่นเทา


 


หลังจากชั่วครู่ผู้อมตะสองคนก็ทรุดตัวลงบนพื้นและหมดสติ ผู้อมตะคนสุดท้ายค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นและบอกชื่อสถานที่บางแห่งด้วยความเหนื่อยล้า


 


วูฝาเร่งส่งข้อมูลไปยังวูหยง


 


‘วูอี้ไห่น่าจะถูกจับตัวไปโดยนิกายเงา ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของเขาไม่ได้แตกสลาย เราสามารถใช้เบาะแสนี้เพื่อค้นหาตำแหน่งที่ซ่อนของนิกายเงา ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่รอยแยกปล้นเงา’


 


วูหยงคิดก่อนจะตะโกนบอกกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ “ข้าได้รับเบาะแสแล้ว ตามข้ามา!”


 


…..


 


รอยแยกปล้นเงา


 


การแสดงออกของฟางหยวนดูไม่น่ามอง


 


‘ท่าไม้ตายอมตะปัญญาเหนือภัยพิบัติไม่สามารถกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลบนร่างของข้า ดูเหมือนข้าต้องใช้วิธีที่รุนแรงกว่านี้!’


 


เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงของไห่ลั่วหลันดังขึ้นในหูของฟางหยวน “สถานการณ์ไม่ดี ค่ายกลวิญญาณของรอยแยกปล้นเงาถูกทำลายแล้ว มันสามารถป้องกันการอนุมาน แต่ดูเหมือนพวกเขาจะค้นพบตำแหน่งของพวกเราแล้ว”


 


“อืม ข้ารู้แล้ว” ฟางหยวนไม่แปลกใจ เขาเป็นผู้ควบคุมค่ายกลวิญญาณ เขาตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น


 


ฟางหยวนไม่ตื่นตระหนกกับอันตรายที่ใกล้เข้ามา เขาคิดวิธีรับมือกับสถานการณ์นี้เอาไว้แล้ว


 


“ทุกคน มาเถอะ”


 


“เราต้องฝึกใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!”



 

 

 


บทที่ 1381 จดหมายจากวังสวรรค์

 

ค่ายกลวิญญาณในรอยแยกปล้นเงาอาจถูกทำลายแต่มันได้แจ้งเตือนกลุ่มของฟางหยวนแล้ว


 


ตอนนี้ผู้อมตะภาคใต้กำลังบุกเข้ามาแต่ยังมีระยะห่างอยู่บ้าง


 


ฟางหยวนสามารถใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเพื่อหลบหนี


 


อย่างไรก็ตามหลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ เขาตัดสินใจที่จะทดลองใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศและทำความคุ้นเคยกับวิธีการนี้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต


 


เนื่องจากวิธีของฟางหยวนไม่สามารถทำลายร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ติดอยู่บนร่างของเขา นั่นหมายความว่าตำแหน่งของเขาจะถูกเปิดเผยเสมอ


 


มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกซุ้มโจมตีขณะหลบหนี


 


ตัวอย่างเช่นคฤหาสน์วิญญาณอมตะศาลาริมทะเลของตระกูลอี้ก่อนหน้านี้


 


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มันมีความเสี่ยงสูงหากพวกเขาหลบหนีด้วยอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด


 


เนื่องจากอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดไม่ใช่คฤหาสน์วิญญาณอมตะ มันไม่มีวิธีโจมตีหรือป้องกันที่สมบูรณ์แบบ การยืนอยู่บนแผ่นหลังของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดอาจตกเป็นเป้าหมายของศัตรูได้อย่างง่ายดาย


 


ในทางตรงข้ามหากพวกเขาใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ พวกเขาจะเคลื่อนย้ายสถานที่และข้ามผ่านระยะทางอันยาวไกลได้ในครั้งเดียว


 


อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆเคยใช้วิธีนี้หลบหนีจากการไล่ล่าของวังสวรรค์และฟางหยวนมาแล้ว


 


ตอนนี้ฟางหยวนเป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายเงา ข้อได้เปรียบของศัตรูจึงกลายเป็นข้อได้เปรียบของเขา


 


ฟางหยวนเรียกรวมตัวสมาชิกทั้งหมดและมอบวิธีใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศให้กับพวกเขา


 


ไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน และอิงอู๋เซี่ยเคยใช้ค่ายกลวิญญาณนี้มาแล้ว


 


แต่นี่เป็นครั้งแรกสำหรับฟางหยวน เทพธิดาเมี่ยวหยิน และเทพธิดากระต่ายขาว


 


มีเพียงสามคนที่เข้าใจค่ายกลวิญญาณนี้อย่างถ่องแท้ แต่จิตใจของอิงอู๋เซี่ยยังไม่ปกติและไม่สามารถพึ่งพา ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องฝึกซ้อมร่วมกับทุกคน


 


ค่ายกลวิญญาณนี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคน คนเพียงผู้เดียวไม่สามารถกระตุ้นการทำงานของมัน


 


ขณะที่กลุ่มของฟางหยวนกำลังฝึกฝนค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ วูหยงนำกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เดินทางมาอย่างสง่างาม


 


“ท่านวูหยง ตามข้อมูลของท่าน มีความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะอยู่ในรอยแยกปล้นเงา ตอนนี้เราอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น โปรดบอกแผนการของท่านด้วย” จื่อชิวหยูกล่าว


 


จื่อชิวหยูเป็นผู้อมตะระดับแปดเช่นเดียวกับวูหยงและยังมีความอาวุโสมากกว่า อย่างไรก็ตามตระกูลวูมีอำนาจสูงสุด นอกจากนั้นจากข้อมูลที่ถูกเปิดเผยโดยไท่เมี่ยนเฉิน มันทำให้ผู้อมตะภาคใต้รู้สึกวิตกกังวลและกระทั่งหวาดกลัวต่อคนผู้นี้


 


ก่อนหน้านี้กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้พยายามสร้างปัญหาให้กับตระกูลวู บางคนถึงกับบุกยึดแหล่งทรัพยากรของพวกเขาอย่างเปิดเผย


 


หากพวกเขาเข้าใจความแข็งแกร่งที่แท้จริงของวูหยงและตระหนักถึงการคงอยู่ของบ้านไม้ไผ่สายลม พวกเขาจะไม่กระทำการเหล่านั้นโดยประมาท


 


“ตระกูลวูเสียดินแดนไปมาก วูหยงต้องชำระแค้นในภายหลังอย่างแน่นอน”


 


“หลังจากกำจัดนิกายเงา วูหยงอาจเริ่มดำเนินการทันที”


 


“เห้อ…พวกเราคิดผิด วูหยงผู้นี้ช่างมีความอดทน เขาแตกต่างจากวูตู๋ซิ่วอย่างสิ้นเชิง เขาซ่อนตัวเองได้เป็นอย่างดี เมื่อนึกย้อนกลับไป นี่อาจเป็นแผนการของเขา เขาแสร้งทำตัวอ่อนแอเพื่อที่เขาจะได้โต้กลับในภายหลังโดยมีข้ออ้างที่สมเหตุสมผล นั่นจะทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มากขึ้น”


 


ระหว่างทางกลุ่มผู้อมตะภาคใต้พูดคุยกัน


 


วูหยงกลายเป็นหัวข้อสนทนาหลักของกลุ่ม


 


สำหรับฟางหยวนและสมาชิกนิกายเงา ราชันภูเขาม่วงตายไปแล้ว กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณยังถูกจับโดยวังสวรรค์ ตอนนี้เหลือเพียงอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเท่านั้นที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง


 


อย่างไรก็ตามพวกเขาระดมคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมา แล้วพวกเขายังต้องกลัวอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดอีกงั้นหรือ?


 


รอยแยกปล้นเงา


 


“แค๊ก!” ไป่หนิงปิงไอออกมาเป็นเลือด นางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย


 


การกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศล้มเหลวอีกครั้ง


 


ไป่หนิงปิงได้รับผลกระทบย้อนกลับมากที่สุดแต่อาการบาดเจ็บของนางก็ฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


บุรุษคนก่อนหน้า!


 


ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะดวงนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาทั้งตัวเองและคนอื่นๆ


 


ความรู้สึกซับซ้อนเผยให้เห็นในดวงตาของไห่ลั่วหลันขณะที่นางมีความสุขกับพลังอำนาจของวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าอีกครั้ง


 


บุรุษคนก่อนหน้ายังอยู่ แต่สิ่งที่น่าเศร้าเล็กน้อยก็คือไท่เป่ยหยุนเฉิงเสียชีวิตไปแล้ว


 


ยิ่งไปกว่านั้นเขายังถูกสังหารโดยฟางหยวน


 


การฝึกซ้อมหยุดลง


 


ฟางหยวนรักษาอาการบาดเจ็บของตนโดยใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าและเริ่มหาสาเหตุของความล้มเหลว


 


“เอาล่ะ มาลองอีกครั้ง” ฟางหยวนกระตุ้น


 


ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!


 


รัศมีแสงเชื่อมโยงทุกคนเข้าด้วยกันแต่ไม่นานมันก็เริ่มสั่นคลอนและสูญเสียเสถียรภาพ


 


“บึม!”


 


เกิดการระเบิดขึ้น


 


เทพธิดาเมี่ยวหยินกรีดร้อง ใบหน้าของนางกลายเป็นแดงก่ำขณะที่นางได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดในครั้งนี้


 


ฟางหยวนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เขากระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าเพื่อรักษาเทพธิดาเมี่ยวหยิน


 


“การเคลื่อนไหวของเราต้องเป็นหนึ่งเดียว อีกครั้ง!” หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ปรบมือเรียกทุกคน


 


ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!


 


ล้มเหลวอีกหน


 


ไห่ลั่วหลันส่งเสียงครวญคราง คิ้วของนางขมวดเล็กน้อยขณะที่ร่องรอยของความเจ็บปวดปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่งดงามของนาง


 


หลังจากพักฟื้น ฟางหยวนกล่าว “เราจะปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ทำตามข้า”


 


ทุกคนพยักหน้าโดยไม่กล่าวสิ่งใด


 


หลังจากไม่นานฟางหยวนก็พบกับความล้มเหลวอีกครั้งแต่มันยังมีความคืบหน้า


 


“ดี” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น


 


กุญแจสำคัญในการกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศคือการเคลื่อนไหวของทุกคน


 


หลังจากผ่านการทำงานอย่างหนัก พวกเขาก็เริ่มจับจังหวะได้


 


แต่ในเวลานี้ค่ายกลวิญญาณกลับส่งเสียงเตือน


 


“ไม่ดีแล้ว คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลายหลังเข้ามาในรอยแยกปล้นเงาแล้ว” กายาแห่งความฝันผู้หนึ่งรีบเข้ามารายงาน


 


ดวงตาของเทพธิดาทั้งสามมองไปที่ฟางหยวน


 


ฟางหยวนเป็นผู้นำของนิกายเงา พวกนางกำลังรอการตัดสินใจจากเขา


 


“รวดเร็วนักแต่ไม่จำเป็นต้องกังวล” ฟางหยวนยิ้ม “สถานการณ์นี้อยู่ในความคาดหมายของข้า เราจะทำตามแผน”


 


“รับทราบ” กายาแห่งความฝันถอยออกไป


 


“ต่อ” ฟางหยวนกล่าว “ตอนนี้เรามีเวลาจำกัด เราต้องรีบแล้ว”


 


ภายในบ้านไม้ไผ่สายลม วูหยงมองลงไปที่รอยแยกปล้นเงาผ่านช่องหน้าต่าง


 


หลังจากสังเกตอยู่ชั่วครู่ ดวงตาของเขาก็ส่องประกายขึ้น “เป็นค่ายกลวิญญาณที่ไม่ธรรมดา ผู้สร้างสามารถใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากสภาพแวดล้อมและสร้างมันด้วยวิญญาณระดับมนุษย์”


 


“มีเงาปีศาจอยู่ด้วย น่าทึ่ง มันเป็นค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่และยังรวมเป็นพื้นที่เดียวกัน” เฉียวจื่อไคอุทานมาจากด้านข้าง


 


ในเวลานี้เสียงที่ตื่นเต้นของจื่อชิวหยูก็ดังมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลจื่อ “ค่ายกลวิญญาณที่ดี รูปแบบดี ปล่อยให้ชายชราผู้นี้หาจุดอ่อนของมันและทำลายมันได้หรือไม่?”


 


“ไม่จำเป็น” วูหยงปฏิเสธ “เราควรทำภารกิจให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด ค่ายกลวิญญาณแล้วอย่างไร? แม้จะมีเงาปีศาจมากกว่านี้อีกหลายเท่า พวกมันก็ไม่สมารถกีดขวางคฤหาสน์วิญญาณอมตะของเรา”


 


วูหยงหยุดก่อนกล่าวต่อ “ทุกคน โจมตี”


 


บ้านไม้ไผ่สายลมพุ่งลงไปทันที


 


มันกำจัดเงาปีศาจที่กีดขวางอยู่บนเส้นทางทั้งหมด


 


ผู้อมตะภาคใต้ตกตะลึงเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ พลังอำนาจของบ้านไม้ไผ่สายลมเกินความคาดหมายของพวกเขาไปไกลมาก


 


“นี่คือพลังอำนาจของตระกูลวู!?” ผู้อมตะหลายคนถอนหายใจราวกับพวกเขาได้เห็นฉากการต่อสู้ของวูตู๋ซิ่วอีกครั้ง


 


อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง


 


“ฆ่า!”


 


“ไป”!


 


“กำจัดเหล่าปีศาจร้าย!”


 


คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลายหลังอาละวาดราวกับสัตว์ร้าย เงาปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นอ่อนแอต่อหน้าศัตรูที่แข็งแกร่ง


 


เสียงกรีดร้องดังมาถึงหูของฟางหยวน


 


การแสดงออกของเทพธิดาเมี่ยวหยินเปลี่ยนไปเล็กน้อย


 


ไห่ลั่วหลันชำเลืองมองฟางหยวนแต่เขายังไม่ตอบสนอง


 


ไป่หนิงปิงยังแสดงออกอย่างไม่แยแส


 


ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่สามารถหยุดคฤหาสน์วิญญาณอมตะเหล่านั้นและจะพังทลายลงในเวลาอันสั้น


 


ขณะเดียวกันเงาปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังเป็นเพียงเงาปีศาจระดับเจ็ดเท่านั้น พวกมันกำลังถูกสังหารและแตกรังกระจัดกระจายกันไปทุกทิศทาง


 


กลุ่มผู้อมตะภาคใต้บุกเข้ามาในถ้ำอย่างกล้าหาญ กายาแห่งความฝันเริ่มเข้าสู่การต่อสู้


 


“บึม บึม บึม…”


 


เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่อาณาจักรแห่งความฝันก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


“ท่านี้อีกครั้ง ถอย!” ผู้อมตะตระกูลอี้เคยพบกับความทุกข์ทรมานจากอาณาจักรแห่งความฝันมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงเร่งล่าถอย


 


คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังอื่นไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดและเฝ้ามองจากด้านข้าง


 


ตอนนี้อาณาจักรแห่งความฝันกลายเป็นปราการป้องกันด่านหน้าของฟางหยวนและคนอื่นๆ


 


ใบหน้าของวูหยงและผู้อมตะภาคใต้แสดงออกด้วยความรู้สึกซับซ้อน พวกเขาจะทะลวงเข้าไปได้อย่างไร?


 


ราวกับพวกเขาถูกกลั่นแกล้งเพราะพวกเขาไม่มีความรู้และไม่เข้าใจเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝัน


 


อย่างไรก็ตามวูหยงกลับหัวเราะ “ใช้วิธีนี้ป้องกันตัวหมายความว่านิกายเงาหมดสิ้นหนทางแล้ว พวกมันกีดขวางพวกเรา เช่นนั้นพวกเราก็จะขังพวกเขาไว้ภายใน ให้ข้าดูว่าพวกเขาจะสามารถอดทนได้นานเพียงใด”


 


ทั้งสองฝ่ายติดอยู่ในภาวะชะงักงัน


 


เป็นเพียงเวลานี้ที่การแสดงออกของวูหยงเปลี่ยนไปเล็กน้อย


 


เขาได้รับจดหมายจากวังสวรรค์!



 

 

 


บทที่ 1382 ความโกรธและความเกลียดชังขอ...

 

ที่สนามรบอาณาจักรแห่งความฝัน นิกายเงาพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ขณะที่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้พบความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นกัน


 


พวกเขาสูญเสียค่ายกลวิญญาณและวิญญาณอมตะทั้งหมด


 


พวกเขาลงทุนกับเรื่องนี้ไปมากแต่กลับไม่ได้รับกำไร ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังสูญเสียผู้อมตะไปหลายคนในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน


 


ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งนี้คือฟางหยวนและวังสวรรค์


 


วังสวรรค์สามารถจับเทพปีศาจจิตวิญญาณและยังสามารถฉกชิงค่ายกลวิญญาณของภาคใต้รวมถึงวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดของฟางหยวน


 


ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไม่พอใจกับพฤติกรรมดังกล่าวและต้องการคำอธิบายจากวังสวรรค์


 


ท้ายที่สุดพวกเขาก็เป็นฝ่ายธรรมะเช่นเดียวกัน การกระทำของวังสวรรค์ถือว่าไร้เหตุผลเกินไป


 


ระหว่างการไล่ล่ากลุ่มของฟางหยวน วูหยงและผู้อมตะคนอื่นๆพยายามติดต่อวังสวรรค์แต่ไม่สามารถทำได้


 


‘เทพธิดาจื่อเว่ย…’ วูหยงคิดขณะพิจารณาวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ


 


เขาไม่คาดหวังว่าผู้อมตะของวังสวรรค์จะติดต่อเขาโดยตรง


 


เนื้อหาที่อยู่ภายในเกี่ยวกับฟางหยวนและคนอื่นๆ


 


วังสวรรค์มีข้อมูลเกี่ยวกับอิงอู๋เซี่ย ราชันภูเขาม่วง ไป่หนิงปิง ฟางหยวน และคนอื่นๆทั้งหมด


 


นั่นยังรวมไปถึงข้อมูลที่พวกเขาครอบครองค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศเอาไว้


 


ข้อมูลที่น่าตกใจที่สุดคือวูอี้ไห่ตัวจริงตายไปนานแล้ว คนที่เข้าสู่ตระกูลวูในฐานะวูอี้ไห่คือปีศาจต่างโลกฟางหยวน!


 


‘มันเป็นเช่นนี้! ฟางหยวนคือวูอี้ไห่ วูอี้ไห่คือฟางยวน?’ วูหยงพบว่าน้องชายที่เขากำลังมาช่วยกลายเป็นศัตรูที่ปลอมตัวมา


 


วูหยงรู้สึกตกใจกับข้อมูลนี้เป็นอย่างมาก มันเกินกว่าความคาดหมายของเขา


 


หลังจากตกใจ เขารู้สึกโกรธ


 


เขาโกรธฟางหยวน


 


นี่คืออาชญากรที่สังหารวูอี้ไห่และยังกล้าปลอมตัวเป็นเหยื่อเพื่อแทรกซึมเข้าสู่ตระกูลวู


 


มันเป็นการตบหน้าสมาชิกตระกูลวูทั้งหมดรวมถึงวูหยง


 


สิ่งสำคัญที่สุดฟางหยวนยังประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ


 


นี่คือความอัปยศ!


 


ฟางหยวนไม่เพียงดูถูกตระกูลวูที่ยิ่งใหญ่แต่เขายังวิ่งเข้ามาหาตระกูลวูและตบหน้าพวกเขาอย่างรุนแรง


 


ตระกูลวูคือผู้ใด?


 


พวกเขาเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะอันดับหนึ่งของภาคใต้ที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชน!


 


แล้ววูหยงคือผู้ใด?


 


วูหยงเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลวู ผู้อมตะระดับแปดที่ครอบครองวิญญาณอมตะระดับแปดรวมถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด!


 


แต่ฟางหยวนกลับทำเหมือนพวกเขาเป็นตัวตลก


 


อย่างไรก็ตามนอกจากความโกรธที่มีต่อฟางหยวน วูหยงยังโกรธวังสวรรค์


 


วังสวรรค์นำวิญญาณอมตะของตระกูลวูไปจากค่ายกลวิญญาณ นี่เป็นเหตุผลประการแรก


 


ประการที่สองคือวังสวรรค์ส่งข้อมูลนี้มาให้เขา


 


สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร


 


พวกเขากำลังบอกวูหยงโดยไร้เสียงว่า เรามีข้อมูลที่สามารถทำลายชื่อเสียงของตระกูลวู หากเจ้าไม่ทำตามความต้องการของเรา เจ้าจะมีปัญหา


 


มันคือการคุกคามและข่มขู่!


 


เหตุใดข้อมูลที่ฟางหยวนปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่จึงเป็นภัยคุกคามต่อวูหยง?


 


นี่คือความแตกต่างระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจ


 


ฝ่ายธรรมะมีกฎเกณฑ์ของตนเอง


 


พวกเขาให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและใบหน้า แม้พวกเขาจะใช้กำลังเช่นกัน แต่พวกเขาก็ต้องหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผล พวกเขาต้องยืนอยู่เคียงข้างความยุติธรรม


 


ก่อนหน้านี้หลายกองกำลังพยายามสร้างปัญหาให้ตระกูลวูและยึดครองแหล่งทรัพยากรของพวกเขา


 


ตระกูลฮั่วทำอย่างไร?


 


พวกเขาส่งผู้อมตะออกไปและแสร้งแสดงตัวเป็นปีศาจขณะที่ให้ผู้อมตะอีกคนแสร้งไล่ล่า ด้วยวิธีนี้พวกเขาจึงสามารถใช้กำลังบุกยึดครองแหล่งทรัพยากรของตระกูลวู


 


ตระกูลหยางทำอย่างไร?


 


พวกเขาวางแผนและเตรียมความพร้อมมานานแล้ว แรกเริ่มพวกเขาส่งมนุษย์เข้าไปตั้งหมู่บ้านใกล้กับหมู่บ้านของตระกูลวูและสร้างความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ก่อนจะใช้ข้ออ้างที่ชอบธรรมยึดครองแหล่งทรัพยากร


 


วูหยงมีความแข็งแกร่งและครอบครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม่ไผ่สายลม แล้วเหตุใดก่อนหน้านี้เขาถึงเฉยเมยต่อปัญหาต่างๆ?


 


ฮ่าฮ่า


 


นี่คือแผนการของวูหยง


 


เขารู้ว่าตระกูลวูมีอาณาเขตกว้างใหญ่ หากเขาแสดงความแข็งแกร่งออกมาตั้งแต่แรก กองกำลังอื่นๆจะระวังตัวมากขึ้น


 


อย่างไรก็ตามตระกูลวูมีผู้อมตะระดับแปดเพียงผู้เดียว


 


หากเขาปล่อยให้กองกำลังอื่นกลั่นแกล้ง วูหยงจะมีข้ออ้างที่สมเหตุสมผลที่จะจัดการกองกำลังอื่นได้อย่างสมบูรณ์


 


ด้วยวิธีนี้กองกำลังเหล่านั้นจะพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่และไม่กล้าต่อต้านตระกูลวูไปอีกหลายทศวรรษ


 


นี่คือแผนการของวูหยงที่แม้แต่วูฝาผู้ช่วยคนสนิทของเขาก็ยังไม่รู้


 


แท้จริงแล้วก่อนหน้านี้ทุกอย่างค่อยๆดำเนินไปตามแผนการของวูหยง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดกลับรบกวนแผนการนี้ นั่นคือนิกายเงา


 


ฟางหยวนแทรกซึมเข้าสู่ตระกูลวู กระทั่งวูหยงก็ปฏิบัติต่อฟางหยวนราวกับฟางหยวนเป็นน้องชายที่แท้จริงของเขา


 


อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้วูหยงแสดงความห่วงใยอย่างมากต่อวูอี้ไห่เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง


 


หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชื่อเสียงของตระกูลวูจะตกต่ำลง ตระกูลอื่นจะวางแผนต่อต้านพวกเขาอีกครั้ง


 


ตระกูลวูเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะอันดับหนึ่งของภาคใต้แต่กลับถูกปีศาจปั่นหัว


 


แล้วพวกเจ้าจะเป็นผู้นำฝ่ายธรรมะได้อย่างไร?


 


ตระกูลวูมีคุณสมบัติที่จะครอบครองทรัพยากรเหล่านี้งั้นหรือ?


 


พวกเจ้าจะเก็บทรัพยากรเหล่านี้ไว้ให้ปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ในตระกูลของพวกเจ้าใช่หรือไม่?


 


ชื่อเสียงอาจมองไม่เห็นและไม่สามารถจับต้อง แต่แท้จริงแล้วมันคือความแข็งแกร่งชนิดหนึ่งที่จะส่งอิทธิพลในทุกด้าน


 


ในความเป็นจริงแหล่งทรัพยากรเหล่านั้นไม่ถือเป็นสิ่งใดสำหรับวูหยง


 


แต่เขาต้องการสร้างชื่อเสียงใหักับตนเองเพื่อฝากชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ของภาคใต้


 


อย่างไรก็ตามแผนการของเขากลับถูกทำลายโดยฟางหยวน


 


เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผย มันจะเป็นระเบิดครั้งใหญ่สำหรับตระกูลวู


 


ชื่อเสียงที่พวกเขาสะสมมาอย่างยาวนานจะพังทลายลง


 


ตระกูลวูจะไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อีกเป็นเวลานาน


 


‘วายร้ายฟางหยวน!’


 


วูหยงกัดฟันแน่น


 


เขาไม่เคยเกลียดชังผู้ใดมากเท่านี้มาก่อน


 


แต่แท้จริงแล้วเขาต้องโทษตัวเองที่ใช้วูอี้ไห่เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองด้วยการแสดงความรักและความเมตตาอย่างสุดซึ้ง


 


แต่ผลลัพธ์?


 


ความรักครอบครัวกลายเป็นความไร้ความสามารถของวูหยงที่ถูกฟางหยวนปั่นหัว


 


นี่คือความอัปยศตลอดชีวิตของวูหยง


 


‘นางสารเลวจื่อเว่ย!’


 


วูหยงเกลียดชังผู้อมตะหญิงบนเส้นทางแห่งปัญญาของวังสวรรค์ผู้นี้เช่นกัน


 


ความตั้งใจของนางชัดเจนมาก นางกำลังเตือนวูหยงและต้องการใช้วูหยงเป็นเครื่องมือในการกำจัดฟางหยวนและคนอื่นๆ


 


วูหยงต้องการฆ่าฟางหยวน


 


ตราบเท่าที่เขาลอบสังหารฟางหยวนอย่างลับๆ ความตายของวูอี้ไห่จะเป็นความผิดของนิกายเงา


 


เมื่อเวลานั้นมาถึงแม้วังสวรรค์จะเปิดเผยความจริง วูหยงก็ไม่ต้องกลัวสิ่งใด มันจะไม่ทำให้เขาสูญเสียใบหน้า


 


“เทพธิดาจื่อเว่ย…” วูหยงพึมพำชื่อนี้


 


เขารู้อย่างชัดเจนว่าเทพธิดาจื่อเว่ยต้องการให้เขาฆ่าฟางหยวนและคนอื่นๆ นางใช้เขาเป็นเครื่องมืออย่างเปิดเผย แต่ถึงกระนั้นวูหยงก็ไม่มีทางเลือกอื่น


 


สิ่งสำคัญที่สุดคือจดหมายของเทพธิดาจื่อเว่ยมีเพียงข้อมูลของฟางหยวนและคนอื่นๆ มันไม่มีการเจรจาหรือถ้อยคำคุกคามใด


 


“ท่านวูหยง เกิดสิ่งใดขึ้น?” เฉียวจื่อไคถามด้วยความกังวลเมื่อเห็นการแสดงออกของวูหยง


 


วูหยงชำเลืองมองเฉียวจื่อไคและรู้สึกเกลียดชังคนผู้นี้เช่นกัน


 


‘มันเป็นเพราะตาแก่ผู้นี้!’


 


‘เขาต้องการปีนเกลียวตระกูลวูของข้า!’


 


‘หากไม่มีเขา ฟางหยวนจะเข้าสู่ตระกูลวูได้อย่างไร?’


 


แม้จะคิดเช่นนี้แต่ภายนอกวูหยงยังเผยรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่มีสิ่งใด ข้าเพียงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของน้องชายเท่านั้น ผู้ใดจะรู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นเมื่อเขาตกอยู่ในมือของนิกายเงา?”


 


เฉียวจื่อไครู้สึกประหลาดใจ ไม่มีคนนอกอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดวูหยงยังกังวลเกี่ยวกับวูอี้ไห่? เหตุใดเขาถึงทำตัวเช่นนี้?


 


ก่อนหน้านี้ความกังวลของวูหยงที่มีต่อวูอี้ไห่เป็นเพียงการแสดง แต่ครั้งนี้มันดูราวกับเป็นเรื่องจริง


 


ความกังวลที่เขามีต่อฟางหยวนก็คือความปรารถนาที่จะฆ่าเขาทันที!


 


“พวกเจ้ายังติดต่อวูอี้ไห่ไม่ได้อีกงั้นหรือ?” วูหยงลอบติดต่อกลับตระกูลวู


 


กลุ่มผู้อมตะตระกูลวูเงียบกริบ


 


ท่ามกลางพวกเขา มีบางคนกล่าว “ครั้งสุดท้ายที่เราสื่อสารกับท่านวูอี้ไห่คือตอนที่เขายืมวิญญาณอมตะจากตระกูล”


 


อีกคนกล่าวเสริม “ท่านวูอี้ไห่มีวิญญาณอมตะหกดวงที่ยืมไปจากตระกูล จะเกิดเหตุร้ายกับท่านไม่ได้!”


 


ความโกรธของวูหยงปะทุขึ้นอีกมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้


 


เขาเป็นผู้อนุมัติคำขอของฟางหยวนด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังมีหินวิญญาณอมตะอีกหนึ่งแสนก้อน


 


ตอนนี้วูหยงรู้สึกอยากตบหน้าตัวเองเป็นอย่างมาก


 


ในเวลาเดียวกันความเกลียดชังของเขาที่มีต่อฟางหยวนก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก


 


ชายผู้นี้!


 


เขาทำมันจริงๆ!


 


แม้ความจริงกำลังจะถูกเปิดเผย เขาก็ยังไม่ลืมที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์มาก!


 


ข้าวูหยงผู้ยิ่งใหญ่กลับถูกชายไร้ยางอายผู้นี้หลอกลวง!



 

 

 


บทที่ 1383 เผชิญหน้าอย่างลับๆ

 

วูหยงคิดว่าวังสวรรค์อาจส่งข้อมูลเท็จ


 


เทพธิดาจื่อเว่ยไม่มีหลักฐาน ยิ่งไปกว่านั้นฟางหยวนยังเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาไปแล้วขณะหลบหนีออกจากสนามรบ


 


อย่างไรก็ตามการหายตัวไปของวูอี้ไห่เป็นเรื่องฉับพลันและแปลกประหลาดเกินไป หากวูอี้ไห่เป็นฟางหยวน ทุกอย่างจะสามารถอธิบายได้


 


“ส่งป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของวูอี้ไห่ผ่านสวรรค์สีเหลืองมาให้ข้า นอกจากนี้นำวิญญาณอมตะบางดวงออกจากคลังสมบัติมาให้ข้าด้วย” วูหยงลอบออกคำสั่ง


 


ในเวลาเดียวกันเขากล่าวกับจื่อชิวหยูที่อยู่ไกลออกไป “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ โปรดสร้างค่ายกลวิญญาณป้องกันการหลบหนีด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งห้วงมิติไว้ที่นี่ด้วย”


 


“โอ้ ศัตรูมีวิธีการเช่นนั้นงั้นหรือ?” จื่อชิวหยูประหลาดใจก่อนจะพยักหน้าตอบรับ “ข้าสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเพื่อรบกวนการเดินทางผ่านห้วงมิติแต่ข้าไม่มีวิญญาณอมตะที่จำเป็น”


 


“อย่ากังวล” วูหยงหัวเราะ “ตอนนี้เรามีพันธมิตรมากมาย ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีวิญญาณอมตะไม่เพียงพอ”


 


ไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธ ทุกคนปฏิบัติตามคำขอของจื่อชิวหยูและวิญญาณอมตะที่พวกเขามีอยู่สามารถใช้จัดตั้งค่ายกลวิญญาณดังกล่าว


 


หากพวกเขาไม่มีวิญญาณที่จำเป็น พวกเขายังสามารถส่งพวกมันผ่านสวรรค์สีเหลืองแม้จะต้องใช้เงินมหาศาลก็ตาม


 


แต่หลังจากฟางหยวนเริ่มใช้วิธีนี้ ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ก็เริ่มเลียนแบบ


 


ในไม่ช้าฟางหยวนก็รู้เรื่องที่ตระกูลวูส่งวิญญาณอมตะมาให้วูหยง สวรรค์สีเหลืองเป็นตลาดเปิด ทุกธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณอมตะจะสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่


 


“วิญญาณอมตะเหล่านี้มาจากคลังสมบัติของตระกูลวู พวกเขาส่งพวกมันผ่านสวรรค์สีเหลือง”


 


“ยังมีกระทั่งป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของข้า! ฮืม!”


 


ฟางหยวนรู้สึกสังหรณ์ร้าย


 


น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถหยุดมัน


 


การทำธุรกรรมในสวรรค์สีเหลืองปลอดภัยมาก ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน


 


ในไม่ช้าฟางหยวนก็ได้รับวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลจากวูหยง


 


“วูอี้ไห่หรือข้าควรเรียกเจ้าว่าฟางหยวน? เราสามารถพูดคุยและทำธุรกรรม ใช้วิญญาณอมตะเพื่อซื้อชีวิตของเจ้า เป็นอย่างไร?”


 


รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง ‘ดูเหมือนวังสวรรค์จะเปิดเผยความลับนี้แล้ว วิญญาณเหล่านั้นต้องถูกส่งมาให้วูหยง เขาข่มขู่ข้าโดยตรง ดูเหมือนเขาจะมีวิธีการบางอย่าง…’


 


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฟางหยวนก็หยุดการฝึกซ้อม


 


“พวกเจ้าฝึกซ้อมต่อไป ข้าต้องจัดการกับเรื่องน่ารำคาญเล็กน้อย” หลังกล่าวจบคำ เขาก็ก้าวออกไปและกระตุ้นใช้เกราะหวนคืนทันที


 


ในมิติช่องว่างของวูหยง วิญญาณจำนวนมากบินอยู่บนท้องฟ้า


 


‘นี่คือท่าไม้ตายเฉพาะตัวของตระกูลวู มันเคยสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้อมตะของภาคใต้มาแล้ว หลังจากตระกูลวูของข้าได้รับมันมา เราเก็บมันเป็นความลับเพราะกังวลว่าจะถูกต่อต้านโดยกองกำลังอื่นๆ ตอนนี้ฟางหยวนจะได้ลิ้มรสมัน’


 


ดวงตาของวูหยงส่องประกายเย็นเยียบ


 


ท่าไม้ตายอมตะถูกกระตุ้นใช้งาน


 


อย่างไรก็ตามเขาสามารถปกปิดกลิ่นอายของวิญญาณเหล่านั้น กระทั่งเฉียวจื่อไคที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ยังไม่ตระหนักถึง


 


แต่ในเวลาต่อมาวูหยงกลับกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก


 


“ท่านวูหยง เกิดสิ่งใดขึ้น?” เฉียวจื่อไคตกใจและรีบวิ่งเข้าไปสนับสนุนวูหยง


 


‘เป็นไปได้อย่างไร? โชคดีที่ข้าเพียงต้องการเตือนและสอบสวนเท่านั้น ข้ายังไม่ได้ใช้งานมันอย่างเต็มที่’ วูหยงตกใจมาก เห็นได้ชัดว่าเขาโจมตีฟางหยวนแต่สุดท้ายเขากลับถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายของตนเอง


 


วูหยงสะบัดมือของเฉียวจื่อไคออกเบาๆ


 


เขาเร่งแก้ไขสถานการณ์ “ไม่จำเป็นต้องกังวล มันเป็นอาการบาดเจ็บจากการเผชิญหน้ากับค่ายกลวิญญาณแม่น้ำโลหิตสีม่วงจากก่อนหน้านี้”


 


เฉียวจื่อไคเปลี่ยนท่าที “ท่านวูหยงรีบมาช่วยน้องชายโดยไม่คำนึงถึงอาการบาดเจ็บของตน ท่านเป็นแบบอย่างของฝ่ายธรรมะอย่างแท้จริง!”


 


วูหยง “…”


 


เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากกล่าวอีกครั้ง “ท่านน่าทึ่งมาก”


 


เฉียวจื่อไครู้ว่ามันเป็นถ้อยคำประชดประชันของวูหยง แต่เขายังรู้สึกมีความสุขอยู่ภายใน


 


สำหรับอาการบาดเจ็บของวูหยง มันเกิดจากเกราะหวนคืนของฟางหยวน


 


‘แม่น้ำหวนคืนลดลงเล็กน้อย วูหยงมีวิธีการที่น่ากลัวบางอย่างที่สามารถโจมตีร่างกายของข้าโดยผ่านป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณ น่าเสียดายที่เขาต้องเผชิญหน้ากับเกราะหวนคืน ดังนั้นท่าไม้ตายของเขาจึงถูกสะท้อนกลับไปอย่างหมดจด’


 


ฟางหยวนสูดหายใจและคิดต่อ ‘นี่ค่อนข้างแปลก เมื่อวูหยงรู้ว่าข้าคือฟางหยวน เหตุใดเขาไม่พิจารณาถึงเกราะหวนคืนของข้า?’


 


‘เป็นไปได้หรือไม่ว่า…เขาไม่รู้จักตัวตนอื่นข้า เขาไม่รู้ว่าข้าคือหลิวกวนซื่อ? วังสวรรค์ไม่ได้บอกเขางั้นหรือ? หรือบางทีกระทั่งวังสวรรค์ก็อาจไม่รู้?’


 


ฟางหยวนคิดถึงอาณาจักรแห่งความฝัน


 


ครั้งนี้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยเพราะอาณาจักรแห่งความฝันถูกแทรกแซงโดยเจตจำนงสวรรค์


 


เขาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันหลายครั้ง เมื่อดวงวิญญาณของเขาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน มันจะปราศจากการอำพรางโดยท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยและวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด ด้วยวิธีนี้เจตจำนงสวรรค์จึงเห็นร่างจริงของเขา


 


หากเป็นเช่นนี้ นั่นหมายความว่าตัวตนของหลิวกวนซื่อยังไม่ถูกเปิดเผย


 


‘ไม่ดีแล้ว’ หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง ‘ข้าเปิดเผยเกราะหวนคืนออกไป นี่ไม่ได้หมายความว่าข้ากำลังบอกเขาว่าตนเองคือหลิวกวนซื่องั้นหรือ? ไม่ว่าวังสวรรค์จะค้นพบตัวตนนี้มาก่อนหรือไม่ ตอนนี้ข้าก็เปิดเผยเกราะหวนคืนไปแล้ว พวกเขาต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน’


 


นี่เป็นการเผชิญหน้าอย่างลับๆ


 


มันเป็นการต่อสู้ของสามฝ่ายคือฟางหยวน วูหยง และวังสวรรค์


 


วูหยงพบกับความทุกข์ทรมานด้วยวิธีการของตนเองแต่อาการบาดเจ็บของเขาไม่ร้ายแรงขณะที่ฟางหยวนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ อย่างไรก็ตามเขาได้เปิดเผยข้อมูลมากมาย ด้านวังสวรรค์ พวกเขาจัดการอยู่เบื้องหลังและทำให้วูหยงกับฟางหยวนต่อสู้กันโดยที่ตนเองไม่ต้องทำสิ่งใด


 


นี่เป็นแผนการของเทพธิดาจื่อเว่ย


 


วูหยงส่งจดหมายอีกฉบับถึงฟางหยวนแต่ฟางหยวนไม่สนใจมันอีกต่อไป


 


ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศพร้อมใช้งานแล้วแต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับกลายเป็นภาระ


 


เขาต้องรักษาเกราะหวนคืนเอาไว้เพื่อป้องกันการโจมตีที่ไม่คาดคิดของวูหยง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะแบ่งความสนใจให้กับค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ


 


อย่างไรก็ตามในที่สุดพวกเขาก็สามารถกระตุ้นใช้งานมันได้สำเร็จ


 


รัศมีแสงส่องสว่างขึ้นรอบๆก่อนที่มันนำกลุ่มของฟางหยวนหายไปจากจุดนั้น


 


ความปั่นป่วนอย่างรุนแรงของห้วงมิติถูกค้นพบโดยผู้อมตะภาคใต้


 


“พวกเขาจากไปแล้ว บางทีหนึ่งหรือสองคนอาจถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง” วูหยงไม่แปลกใจ


 


“ค่ายกลวิญญาณของเรายังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่พวกเขามีวิธีการเช่นนี้จริงๆ แล้วเหตุใดพวกเขาไม่ใช้มันก่อนหน้านี้? มันต้องมีข้อบกพร่องร้ายแรงอย่างแน่นอน” เฉียวจื่อไคคาดเดา


 


จื่อชิวหยูลูบเคราของเขา “อย่าห่วง แม้ค่ายกลวิญญาณของข้าจะไม่สมบูรณ์ แต่มันยังส่งผลกระทบบางอย่าง ข้าเชื่อว่าตอนนี้พวกเขาควรจะแยกย้ายกันไปแล้ว”


 


ผู้อมตะภาคใต้หลายคนไม่มีความรู้ความเข้าใจแต่ไม่ใช่กับวูหยง เขากล่าวชมเชย “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ ท่านช่างน่าเกรงขามอย่างแท้จริง”


 


วูหยงรู้ว่านิกายเงามีค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ เขาคาดเดาไว้แล้วว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิธีนี้เพื่อหลบหนี ดังนั้นเขาจึงสามารถตอบโต้


 


วูหยงลอบส่งข้อมูลให้กับจื่อชิวหยูและให้เขาเตรียมรับมือ


 


จื่อชิวหยูเป็นผู้อมตะระดับแปดเช่นกันและยังเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกล เมื่อมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เขาจึงสามารถคิดวิธีตอบโต้ที่เหมาะสม


 


“พรวด!”


 


ไป่หนิงปิงก้าวลงบนพื้นและกระอักเลือดออกมาขณะที่ใบหน้ากลายเป็นซีดขาว


 


“นี่ไม่ใช่จุดหมายที่เราตั้งใจไป!” รูม่านตาของนางหดเล็กลง


 


นางรีบติดต่อคนอื่นๆ


 


ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศหยุดชะงักอย่างกะทันหัน สมาชิกนิกายเงาถูกแยกออกจากกัน


 


นอกจากฟางหยวน แต่ละคนได้รับบาดเจ็บในระดับหนึ่ง


 


“เราควรทำอย่างไร?” เทพธิดาเมี่ยวหยินรีบถามฟางหยวน


 


ฟางหยวนลังเลเล็กน้อย


 


เขาควรหลบหนีไปเพียงผู้เดียวโดยใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดหรือไม่? หรือเขาควรช่วยสมาชิกนิกายเงา?


 


กายาแห่งความฝันที่อยู่ในรอยแยกปล้นเงาระเบิดตัวเองไปแล้ว


 


ตอนนี้เหลือกายาแห่งความฝันไม่มากที่อยู่ในมิติช่องว่างของไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆ รวมถึงอิงอู๋เซี่ยที่อยู่ในมิติช่องว่างของเทพธิดากระต่ายขาว


 


อาณาจักรแห่งความฝันถูกแทรกซึมโดยเจตจำนงสวรรค์ ดังนั้นกายาแห่งความฝันจึงถูกจับตามองตลอดเวลา การอนุญาตให้พวกมันอยู่ใกล้ๆก็เหมือนกับการบอกตำแหน่งที่อยู่ของตนเอง


 


นอกจากนั้นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่บนร่างของเขาก็ยังไม่ถูกทำลาย ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของฟางหยวนยังอยู่ในมือของวูหยง สิ่งสำคัญที่สุดคือตระกูลวูมีวิธีโจมตีฟางหยวนผ่านวิญญาณทั้งสองดวง


 


สถานการณ์เรียกได้ว่าเลวร้ายและอันตรายมาก!


 


เป็นเรื่องยากสำหรับฟางหยวนที่จะต่อสู้กับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดไม่น่าเชื่อถือ แม้มันจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่มันจะไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อฟางหยวน


 


วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดถูกฉกชิงไป ตอนนี้เจตจำนงสวรรค์สามารถตรวจสอบและจัดการฟางหยวนได้ตลอดเวลา


 


‘ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาอาจถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบเช่นกัน’ ดวงตาของฟางหยวนกลายเป็นมืดมน


 


จุดหมายปลายทางต่อไปของเขาคือทะเลทรายตะวันตก


 


ในบรรดาห้าภูมิภาค ทะเลทรายตะวันตกมีทรัพยากรของนิกายเงาเหลืออยู่มากที่สุด เนื่องจากอิงอู๋เซี่ย ราชันภูเขาม่วง และคนอื่นๆยังไม่เคยไปที่นั่น


 


‘ข้าควรไปที่ทะเลทรายตะวันตกเพียงผู้เดียวหรือไม่?’


 


‘น่าเสียดายหากข้าต้องทิ้งพวกเขา นอกจากนี้ตราบใดที่ข้ายังไม่สามารถทำลายร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลเหล่านี้ คนอื่นๆก็จะตามหาข้าได้เสมอ’


 


‘นิกายหลางหยา…’



 

 

 


บทที่ 1384 สถานการณ์ของแต่ละคน

 

“ฟิ้ว…”


 


กระแสลมแรงพัดมาพร้อมกับแสงสว่างที่ส่องประกายขึ้น


 


จากภายในแสง ร่างหนึ่งค่อยๆเดินออกมา


 


เขาอยู่ในชุดคลุมยาวที่ดูสง่างาม สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือเขามังกรสีทองม่วงที่อยู่บนหน้าผากของเขา


 


เทพธิดาจื่อเว่ยรอคอยคนผู้นี้มานานแล้ว นางเร่งโค้งคำนับ “ท่านราชันมังกร”


 


เขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากราชันมังกร


 


เขาเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้


 


หอคอยดวงตาสวรรค์รวดเร็วมาก มันเคลื่อนที่ผ่านสวรรค์สีขาวและกลับมาถึงภาคกลางนานแล้ว


 


ผู้อมตะของนิกายโบราณทั้งสิบจากไปขณะที่ราชันมังกรและเทพธิดาจื่อเว่ยกลับมายังวังสวรรค์


 


ตามคำแนะนำของราชันมังกร เทพธิดาจื่อเว่ยใช้ค่ายกลวิญญาณของวังสวรรค์ตรวจสอบตัวตนของราชันมังกรเพื่อป้องกันการถูกครอบงำโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


จากสถานการณ์ปัจจุบันดูเหมือนเทพปีศาจจิตวิญญาณจะไม่ประสบความสำเร็จในการกลืนกินดวงวิญญาณของราชันมังกร


 


แต่…


 


ใบหน้าของราชันมังกรยังซีดขาว คิ้วของเขาขมวดแน่น ทุกย่างก้าวที่เขาเดิน ดวงวิญญาณของเขาจะสั่นไหว


 


“เทพปีศาจจิตวิญญาณไม่สามารถดูแคลนจริงๆ แม้เขาจะตายไปแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดสามารถแข่งขันกับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขา ข้าต้องหยิบยืมพลังอำนาจของสุสานอมตะเพื่อกำหราบเขา” ราชันมังกรกล่าว “เทพธิดาจื่อเว่ย เจ้าต้องเป็นผู้นำวังสวรรค์และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกำจัดฟางหยวนและคนอื่นๆ”


 


เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้า “ข้าแจ้งเตือนวูหยงและหยิบยืนความแข็งแกร่งของผู้อมตะภาคใต้เพื่อแยกกลุ่มของฟางหยวนแล้ว นอกจากนั้นข้ายังส่งจดหมายอีกฉบับถึงวูหยงเพื่อแจ้งตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงของสมาชิกนิกายเงา ข้าคิดว่าเราจะได้รับข่าวดีภายในสองสามวันนี้”


 


ราชันมังกรพยักหน้าเบาๆและรู้สึกยินดีเล็กน้อย


 


นี่คือพลังอำนาจของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา


 


พวกเขาสามารถมองเห็นจิตใจของผู้คนและสามารถวางแผนให้ผู้อื่นต่อสู้เพื่อตนเอง


 


เทพธิดาจื่อเว่ยมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา นางเป็นชนชั้นสูงท่ามกลางผู้อมตะระดับแปด นี่คือเหตุผลที่นางได้รับการยอมรับจากวังสวรรค์ และด้วยการใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาว อาจกล่าวได้ว่านางกลายเป็นหนึ่งในผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคปัจจุบัน


 


เหตุผลที่ไม่สามารถกล่าวได้ว่านางเป็นอันดับหนึ่งเพราะโลกใบนี้กว้างใหญ่มาก มีผู้เชี่ยวชาญซ่อนตัวอยู่มากมาย กระทั่งวังสวรรค์ก็ยังไม่รู้รายละเอียดที่ชัดเจน มีเพียงความโกลาหลครั้งใหญ่เท่านั้นจึงจะทำให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น


 


ก่อนหน้านี้เทพธิดาจื่อเว่ยไม่ประสบความสำเร็จมากนักเพราะนางยังขาดเบาะแสสำคัญ


 


ในเวลานั้นฟางหยวนป้องกันตนเองได้เป็นอย่างดี


 


แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป


 


ราชันมังกรสั่ง “เราต้องกำจัดปีศาจฟางหยวนผู้นี้ เขาเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์และเป็นศัตรูโดยธรรมชาติเพียงหนึ่งเดียวของโชคชะตา เขาเป็นผู้สืบทอดที่เทพปีศาจบัวแดงรอคอยมาอย่างยาวนาน นอกจากเขาจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด เขายังจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง”


 


“ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง วังสวรรค์ของเราจำเป็นต้องมีเทพอมตะคนที่สี่ เทพอมตะแห่งความฝันจะนำทางเรา เราต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขจัดอุปสรรคทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นฟางหยวน เทพอมตะตะวันเดือด หรือเทพปีศาบัวแดง”


 


“เราจะทำทุกสิ่งเพื่อเทพอมตะแห่งความฝัน จื่อเว่ย เข้าใจหรือไม่?”


 


“ข้าเข้าใจ” เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้า “ข้าเห็นด้วยกับท่าน ตอนนี้คนผู้นั้นอยู่ที่ภาคใต้แล้ว”


 


“ดี” ราชันมังกรพยักหน้า เขาไม่พูดต่อแต่จากไปทันที


 


เทพธิดาจื่อเว่ยยืนมองราชันมังกรเดินเข้าไปในสุสานอมตะอย่างเงียบๆ


 


นางถอนหายใจก่อนที่ดวงตาจะส่องประกายขึ้น


 


“วังสวรรค์จะต้องยิ่งใหญ่ที่สุด…ชั่วนิรันดร์!” นางพึมพำเบาๆ


 


…..


 


ภาคใต้


 


ร่างสีขาวพุ่งผ่านอากาศ


 


เสียงระเบิดดังขึ้นด้านหลังร่างนี้อย่างต่อเนื่อง


 


ร่างสีขาวสามารถหลบการโจมตีทั้งหมดและยังสามารถตอบโต้


 


“ฟิ้ว…”


 


พายุหิมะและเกล็ดน้ำแข็งพุ่งออกไปและเปลี่ยนภูเขาทั้งลูกให้กลายเป็นแดนน้ำแข็ง


 


“ผู้อมตะระดับหกแต่มีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ด? น่าสนใจ คู่ควรกับร่างสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืออย่างแท้จริง” ผู้อมตะระดับเจ็ดช่ายโป้จุนยกย่อง


 


“บึม!”


 


ชั้นน้ำแข็งที่ปกคลุมอยู่บนร่างของเขาระเบิดออก


 


เขาเป็นชายร่างผอม ผิวดำ และมีดวงตาที่ดุร้าย


 


คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ในชุดคลุมขาวที่ดูงามสง่า


 


ผมสีเงินยาวลงมาถึงเอว ดวงตามังกรสีฟ้าส่องประกายเย็นเยียบ ผิวของนางขาวราวหิมะ ขณะที่การแสดงออกของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา รูปลักษณ์ที่งดงามทำให้ช่ายโป้จุนรู้สึกหวั่นไหวเมื่อเขาเห็นหญิงผู้นี้เป็นครั้งแรก


 


ส่วนที่สะดุดตาที่สุดคือเขามังกรสีแดงคู่เล็กๆที่ดูน่ารักบนหน้าผากของผู้อมตะหญิงนางนี้


 


แน่นอนว่านางก็คือเทพธิดามังกรไป่หนิงปิง


 


หลังจากใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ ฟางหยวนและคนอื่นๆถูกแยกออกจากกันภายใต้พลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นโดยจื่อชิวหยู


 


ไป่หนิงปิงถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่และได้รับบาดเจ็บทันที นางต้องการไปยังจุดนัดพบแต่ถูกปิดกั้นโดยช่ายโป้จุน


 


ด้วยเหตุนี้การต่อสู้ที่ดุเดือดจึงปะทุขึ้น


 


ทั้งสองต่อสู้กันหลายสิบรอบผ่านระยะทางหลายร้อยลี้แต่ยังไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะ


 


ดวงตาของทั้งสองจ้องมองกันและกัน


 


ไป่หนิงปิงมองผิวของช่ายโป้จุนและไตร่ตรอง ‘นี่คือกายาไม้ พลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะที่โจมตีร่างกายนี้จะลดลง มันอาจลดลงจนกลายเป็นท่าไม้ตายระดับมนุษย์’


 


กายาไม้ของช่ายโป้จุนสามารถป้องกันท่าไม้ตายอมตะดวงตาเยือกแข็งของไป่หนิงปิง


 


เดิมทีท่าไม้ตายนี้ของไป่หนิงปิงเป็นท่าไม้ตายที่รับมือได้ค่อนข้างยากลำบาก


 


อย่างไรก็ตามกายาไม้ของช่ายโป้จุนสามารถเพิกเฉยต่อท่าไม้ตายอมตะนี้


 


แน่นอนว่ามรดกที่แท้จริงไป่เซี่ยงไม่ได้มีเพียงท่าไม้ตายนี้ ดังนั้นหลังจากต่อสู้กับไป่หนิงปิง ช่ายโป้จุนยังได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย


 


“ยอดเยี่ยม” ช่ายโป้จุนยกย่อง “ข้าต้องชื่นชมเจ้าจริงๆ ไป่หนิงปิง”


 


น้ำเสียงของเขาราบเรียบและสงบมาก


 


“เจ้าเป็นผู้อมตะระดับหกแต่กลับสามารถสร้างปัญหาให้ข้า”


 


“ข้าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งไฟที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในภาคใต้ แต่ตอนนี้ข้ากลับไม่สามารถปัดเป่าพลังงานความเย็นเหล่านี้ออกไป”


 


“หนึ่งในสิบสุดยอดกายา กายาน้ำแข็งแห่งความมืดที่ได้รับมรดกที่แท้จริงไป่เซียง…นี่เป็นเรื่องที่น่าอิจฉาจริงๆ”


 


“หากเจ้าเดินบนเส้นทางสายธรรมะ เจ้าจะมีที่ยืนในโลกผู้อมตะภาคใต้ น่าเสียดายที่เจ้าเลือกเส้นทางสายปีศาจและนำภัยพิบัติมาสู่โลกใบนี้ ดังนั้นจุดจบของเจ้ามีเพียงความตายเท่านั้น”


 


หลังกล่าวจบคำ เขาชำเลืองมองไปที่ขอบฟ้า


 


“เปรี้ยง!”


 


เสียงสายฟ้าแลบลั่นดังขึ้นขณะที่ผู้อมตะระดับเจ็ดอีกคนบินลงมา


 


“ไป่หนิงปิง เจ้าคิดว่าสามารถหลบหนีจากพวกเราผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้งั้นหรือ?” ผู้อมตะผู้นี้มองไป่หนิงปิงด้วยสายตาเหี้ยมโหด


 


ช่ายโป้จุนถอนหายใจเมื่อเห็นกำลังเสริม


 


เขาตั้งใจกล่าวถ้อยคำมากมายเพื่อถ่วงเวลา


 


หลังจากต่อสู้กับไป่หนิงปิง เขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของนางและพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะหญิงผู้นี้โดยไม่ต้องกล่าวถึงการสังหาร


 


เขาต้องการกำลังเสริม


 


โชคดีที่วูหยงเป็นคนควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด และด้วยข้อมูลจากเทพธิดาจื่อเว่ย วูหยงจึงสามารถส่งผู้อมตะเหล่านี้ออกมาปิดล้อมสมาชิกนิกายเงา


 


“ระวัง หญิงผู้นี้แข็งแกร่งมาก เราไม่สามารถประมาท”


 


“สบายใจได้ ข้าได้รับข้อมูลจากท่านวูหยงแล้ว ตราบเท่าที่เราสามารถถ่วงเวลา ผู้เชี่ยวชาญด้านท่าไม้ตายเขตแดนจะมาสนับสนุนพวกเรา”


 


พวกเขาลอบสื่อสารกันอย่างลับๆ


 


“โง่เขลา” เสียงที่เย็นชาของไป่หนิงปิงดังขึ้นเป็นครั้งแรกและทำให้ผู้อมตะฝ่ายธรรมะทั้งสองตกตะลึงเล็กน้อย


 


หลังจากนั้นไป่หนิงปิงก็ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา


 


“บัดซบ! มันเป็นท่าไม้ตายอมตะชนิดใด? กลิ่นอายของมันน่ากลัวมาก!”


 


“ข้าพยายามถ่วงเวลาแต่ข้าไม่คาดคิดว่าไป่หนิงปิงจะตั้งใจถ่วงเวลาเช่นกันเพื่อกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังของนาง!”


 


หัวใจของผู้อมตะฝ่ายธรรมะทั้งสองสั่นสะท้านขึ้น ช่ายโป้จุนรู้สึกราวกับตนเองเดินเข้าสู่กับดัก


 


…..


 


“ข้างหน้ามีอุโมงค์ไฟ ตราบเท่าที่ข้าไปถึงที่นั่น ข้าจะสามารถป้องกันการอนุมานและรอความช่วยเหลือ” ไห่ลั่วหลันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว


 


ไห่ลั่วหลันถูกส่งมาที่นี่ด้ายค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศที่ล้มเหลว แต่นางได้รับคำแนะนำจากฟางหยวนอย่างรวดเร็วว่าให้ไปซ่อนตัวในอุโมงค์ไฟที่อยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งร้อยลี้และรออยู่ที่นั่น


 


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโชคของไห่ลั่วหลันค่อนข้างดีเพราะนางอยู่ไม่ไกลจุดหมาย


 


สถานที่แห่งนี้มีค่ายกลวิญญาณที่ถูกจัดตั้งไว้โดยราชันภูเขาม่วงในช่วงเวลาที่เขายังมีชีวิตอยู่ มันถูกสร้างขึ้นด้วยทรัพยากรบนเส้นทางแห่งไฟและสามารถป้องกันการอนุมานจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา


 


ไห่ลั่วหลันเดินทางมาถึงระยะห้าลี้จากอุโมงค์ไฟแต่ในจังหวะนี้นางกลับหยุดเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน


 


นางมองไปยังต้นไม้เล็กๆที่ไม่โดดเด่นด้านหน้า คิ้วของนางขมวดขณะที่กลิ่นอายของวิญญาณจำนวนมากปะทุขึ้นจากร่างของนาง


 


“เจ้าพึ่งค้นพบค่ายกลวิญญาณของข้างั้นหรือ? ไห่ลั่วหลัน สายตาของเจ้าค่อนข้างแย่” เสียงเย้ยหยันดังขึ้นจากบางแห่ง


 


วินาทีต่อมาค่ายกลวิญญาณก็ถูกกระตุ้นใช้งาน


 


วิสัยทัศน์ของไห่ลั่วหลันเปลี่ยนไป ภูเขาและทุ่งหญ้ากลายเป็นทะเลทรายที่ว่างเปล่า


 


รูม่านตาของไห่ลั่วหลันหดเล็กลง


 


การถูกขังอยู่ในค่ายกลวิญญาณถือเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด


 


แต่มีสิ่งหนึ่งที่นางสงสัย


 


‘ความเร็วของข้าไม่ช้า ข้าเคลื่อนไหวตามคำแนะนำของฟางหยวน’


 


‘ศัตรูรู้เส้นทางของข้าและสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณไว้ล่วงหน้า”


 


‘ฟางหยวนใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อศัตรูเพื่อให้เขามีเวลาหลบหนีงั้นหรือ?’



 

 

 


บทที่ 1385 การตัดสินใจฟางหยวน

 

“บึม!”


 


เสียงระเบิดดังขึ้น เปลวเพลิงลุกไหม้ คลื่นความร้อนผลักดันทุกสิ่งออกไป


 


ทรายสีเหลืองลอยขึ้นสู่อากาศก่อนจะจางหายไปและเผยให้เห็นร่างที่อยู่ภายใน


 


มันคือไห่ลั่วหลัน


 


นางหอบหายใจอย่างหนักหน่วงขณะที่ร่างกายของนางปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง


 


‘กระทั่งท่าไม้ตายนี้ก็ไม่สามารถทำลายค่ายกลวิญญาณนี้?’ หัวใจของไห่ลั่วหลันจมดิ่งลง


 


การต่อสู้ดำเนินไปถึงหนึ่งชั่วโมง ไห่ลั่วหลันใช้วิธีทั้งหมดของนางแต่ยังไม่สามารถทำลายค่ายกลวิญญาณของฝ่ายตรงข้าม


 


นางตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสมบูรณ์


 


ในความเป็นจริงนางไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้าของศัตรูระหว่างการต่อสู้


 


ผู้อมตะฝ่ายธรรมะผู้นี้ควบคุมค่ายกลวิญญาณอยู่เบื้องหลังและไม่เคยเปิดเผยตัวตนออกมา


 


“ไห่ลั่วหลัน ข้าต้องยอมรับว่าเจ้าแข็งแกร่งจริงๆ”


 


“น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลแม้แต่น้อย”


 


“ข้าจะกล่าวตามตรง แม้พลังการต่อสู้ของเจ้าจะมากกว่านี้อีกเท่าตัว เจ้าก็ยังไม่สามารถทำลายค่ายกลวิญญาณของข้า”


 


ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลหัวเราะด้วยความพึงพอใจ


 


ไห่ลั่วหลันก่นเสียงเย็น ‘ข้าเหลือพลังงานอมตะอีกไม่มากและข้าก็ใช้วิธีการทั้งหมดไปแล้ว ผู้ใดจะคิดว่าข้า ไห่ลั่วหลัน จะมาตายอยู่ที่นี่! โอ้ ท่านแม่ ข้าไม่สามารถล้างแค้นให้ท่าน แม้เผ่าไห่จะถูกทำลายไปแล้ว แต่ไห่เจิ้งยังมีชีวิตอยู่ นี่เป็นความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า’


 


อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้เสียงหัวเราะของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน


 


“บัดซบ!” เขาอุทานเสียงดังด้วยความหวาดกลัว


 


‘โอกาส!?’ ไห่ลั่วหลันกระตุ้นตัวเอง


 


ในเวลาต่อมานางก็เห็นแสงสีเงินส่องประกายขึ้นเป็นทางยาวพร้อมกับเสียงมังกรคำราม


 


หัวใจของไห่ลั่วหลันสั่นสะท้านขึ้น


 


นางคุ้นเคยกับเสียงคำรามชนิดนี้


 


มันทิ้งความประทับใจอย่างมากไว้ในหัวใจของไห่ลั่วหลัน


 


เพราะไม่นานมานี้ไห่ลั่วหลันถูกไล่ล่าอย่างน่าสังเวชโดยเจ้าของเสียงสายนี้


 


‘ฟางหยวน!’ ไห่ลั่วหลันแทบกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ


 


นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าเสียงคำรามของมังกรดาบบรรพกาลไพเราะและน่าฟังมาก


 


รอยดาบสีเงินพาดผ่านท้องฟ้าที่มืดมิด


 


รอยดาบขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับแสงสว่างที่ส่องประกายเจิดจ้า


 


“ไม่!” ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลกรีดร้อง


 


ในเวลาต่อมาค่ายกลวิญญาณที่ทำให้ไห่ลั่วหลันพบกับความทุกข์ทรมานก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


 


แสงสว่างพุ่งเข้าปิดกั้นวิสัยทัศน์ของนาง


 


ไห่ลั่วหลันค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น หลังจากสามารถปรับสายตา นางก็เห็นฟางหยวนยืนอยู่ด้านข้าง ขณะที่เทพธิดาเมี่ยวหยินและนางเสือดำกำลังต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม


 


‘ข้าปลอดภัยแล้ว’ ไห่ลั่วหลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก


 


แต่ความสุขบนใบหน้าของนางก็หายไปอย่างรวดเร็ว


 


นางเป็นคนทะเยอทะยานและไร้ปรานี นางชำเลืองมองฟางหยวนก่อนจะจะนั่งไขว้ขาและรักษาอาการบาดเจ็บของตน


 


อาการบาดเจ็บของไห่ลั่วหลันรุนแรงมาก ชีวิตของนางกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย


 


ฟางหยวนไม่ได้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของนาง เขาไม่มีวิธีรักษาที่โดดเด่นนอกจากวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า


 


หากฟางหยวนได้รับบาดเจ็บ นอกจากวิญญาญอมตะบุรุษคนก่อนหน้า เขาจะเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลเพื่อพึ่งพาความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองของมัน


 


แต่สำหรับไห่ลั่วหลัน นางไม่สามารถใช้วิธีการเดียวกับฟางหยวน


 


การต่อสู้สิ้นสุดลงในไม่ช้า


 


เทพธิดาเมี่ยวหยินและนางเสือดำเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เมื่อพวกนางร่วมมือกันต่อสู้กับผู้อมตะระดับเจ็ด พวกนางจึงมีความได้เปรียบโดยธรรมชาติ


 


นอกจากนั้นฝ่ายตรงข้ามยังเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งค่ายกล เขาเชี่ยวชาญในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณแต่ไม่ชำนาญการต่อสู้ระยะประชิด


 


สิ่งสำคัญที่สุดก็คือค่ายกลวิญญาณของเขาถูกทำลายไปแล้วโดยฟางหยวน นั่นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที


 


ด้วยวิธีนี้ผู้อมตระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งค่ายกลจึงเสียชีวิตลงอย่างรวดเร็ว


 


ผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งค่ายกลหาได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นฟางหยวนจึงเก็บศพของคนผู้นี้ไว้ในมิติช่องว่างของเขาและไม่ได้กลืนกินมันทันที


 


เขาเรียกอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกมา “ไป! เราจะไปเป็นกำลังเสริมให้ไป่หนิงปิง!”


 


ทุกคนตระหนักถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์ หากล่าช้าเพียงเล็กน้อย พวกเขาอาจถูกปิดล้อมโดยกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้


 


นี่เป็นเหตุผลที่ฟางหยวนไม่รีบกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งคายกลทันที


 


เมื่อพวกเขาพบไป่หนิงปิง การต่อสู้ก็จบลงแล้ว


 


สนามรบถูกเปลี่ยนเป็นโลกน้ำแข็ง


 


ไป่หนิงปิงในร่างไป่เซียงยืนอยู่บนยอดภูเขาน้ำแข็งด้วยความภาคภูมิใจ ขณะที่คู่ต่อสู้สามคนของนาง สองเสียงชีวิต และอีกหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส


 


ไป่หนิงปิงชนะแบบหนึ่งต่อสาม!


 


“ไป่เซียง นี่คือท่าไม้ตายอมตะของไป่เซียง ท่าไม้ตายอมตะที่ครั้งหนึ่งเคยนำความหวาดกลัวมาสู่ภาคใต้ ผู้ใดจะคิดว่ามันจะปรากฏขึ้นอีกครั้งโดยไป่หนิงปิง!”


 


ผู้อมตะภาคใต้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อล่าถอย


 


แต่เมื่อเห็นอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินมาจากขอบฟ้า เขาก็รู้สึกสูญสิ้นความหวังทั้งหมด


 


อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่ได้ไล่ล่าเขาแต่รับไป่หนิงปิงและจากไปทันที


 


ตอนนี้พวกเขาต้องหลบหนี พวกเขาไม่สามารถเสียเวลาอันมีค่าไปกับการไล่จับผู้อมตะระดับเจ็ดผู้นี้


 


เนื่องจากคนผู้นี้สามารถหลบหนีจากความตายขณะที่พันธมิตรอีกสองคนเสียชีวิตไป ไม่ต้องสงสัยว่าเขาต้องมีวิธีการหลบหนีบางอย่างและมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฆ่าเขาในเวลาอันสั้น


 


อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเปลี่ยนทิศทางและบินไปทางทะเลทรายตะวันตก


 


ไป่หนิงปิงยกเลิกท่าไม้ตายเปลี่ยนเป็นไป่เซียงและทรุดตัวลงบนแผ่นหลังของนกอินทรีย์


 


ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นไป่เซี่ยงทรงพลังมากแต่มันก็มีค่าใช้จ่ายมหาศาลเช่นกัน สำหรับไป่หนิงปิงในเวลานี้ มันเป็นภาระที่หนักหน่วงมาก


 


หากการต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ผู้อมตะภาคใต้จะมองเห็นจุดอ่อนนี้ในที่สุด


 


น่าเสียดายที่เขากลัวไป่เซียงมากเกินไป


 


ท่าไม้ตายนี้น่ากลัวในทุกด้าน ผู้ใช้งานสามารถฟื้นคืนชีพจากเศษชิ้นส่วนเพียงเล็กน้อย อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่มีวันตาย


 


เว้นเพียงบางคนจะสามารถทำลายไป่เซี่ยงได้อย่างสมบูรณ์ในครั้งเดียวและไม่ทิ้งเศษชิ้นส่วนแม้เพียงเล็กน้อยเอาไว้


 


ไป่หนิงปิงหมดสติทันทีหลังจากยกเลิกท่าไม้ตายนี้


 


หากฟางหยวนและคนอื่นๆไม่มาช่วยนาง นางอาจเสียชีวิตจากความเหนื่อยล้าทางจิตใจ โชคดีที่ฟางหยวนมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาและสามารถรักษาผลข้างเคียงของไป่หนิงปิง


 


เมื่อไป่หนิงปิงตื่นขึ้น อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็บินมาไกลกว่าแสนลี้เรียบร้อยแล้ว


 


“เจ้ามาช่วยข้าจริงๆงั้นหรือ?” ไป่หนิงปิงมองฟางหยวนและกล่าวด้วยความประหลาดใจ


 


ไป่หนิงปิงไม่เคยคิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวน


 


ไห่ลั่วหลันเคยสงสัยว่าฟางหยวนจะเสียสละนาง ไป่หนิงปิงก็เช่นเดียวกัน


 


ฟางหยวนชำเลืองมองไป่หนิงปิงอย่างไร้อารมณ์ “สถานการณ์ร้ายแรงกว่าที่เจ้าคิด เราทุกคนต่างถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบ นั่นเป็นเหตุผลที่ทุกคนถูกซุ่มโจมตีโดยผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้”


 


แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าที่สามารถตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนร่างของผู้อมตะ แต่เขาไม่รู้ว่าเดิมทีผู้อมตะเหล่านี้มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าอยู่มากน้อยเท่าใด


 


แม้ฟางหยวนจะรู้จำนวนตัวเลขของพลังงานแห่งเต๋าบนร่างของไห่ลั่วหลัน ไป่หนิงปิง และคนอื่นๆ มันก็ไร้ประโยชน์


 


อย่างไรก็ตามเขาสามารถบอกได้ว่าทุกคนถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายที่คล้ายคลึงกัน


 


“มันมาจากผู้อมตะภาคใต้งั้นหรือ? ฟางหยวน ตอนนี้เจ้าเป็นผู้นำนิกายเงาและได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง แต่กระทั่งเจ้าก็ยังไม่สามารถทำลายมันงั้นหรือ?” ไป่หนิงปิงถาม


 


“ข้าพยายามแล้ว” ฟางหยวนถอนหายใจ


 


เขาไม่ได้รับวิญญาณอมตะทั้งหมดของราชันภูเขาม่วง แม้เขาจะมีวิธีที่ดีหลายวิธีแต่ฟางหยวนก็ไม่สามารถใช้งานพวกมันโดยปราศจากวิญญาณอมตะ


 


สายตาของไห่ลั่วหลันสั่นไหวเมื่อได้ยินเรื่องนี้ นางต้องนึกไปถึงนิกายหลางหยา


 


หากมีวิญญาณอมตะไม่เพียงพอ พวกเขาสามารถหลอมรวมมัน นางรู้ความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับนิกายหลางหยา


 


ฟางหยวนสามารถขอความช่วยเหลือจากความสัมพันธ์นี้


 


ในความเป็นจริงฟางหยวนต้องการทำเช่นกัน


 


ก่อนหน้านี้เขาได้ติดต่อผมที่หกไปแล้ว


 


อย่างไรก็ตามผมที่หกไม่ยอมรับสถานะของฟางหยวน เขาสงสัยแรงจูงใจของฟางหยวนและขอให้ฟางหยวนช่วยอิงอู๋เซี่ยเป็นอันดับแรก ท้ายที่สุดร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณก็เหลือเพียงสองคนเท่านั้น


 


แต่อิงอู๋เซี่ยและเทพธิดากระต่ายข่าวอยู่ในมิติช่องว่างของเทพธิดาเมี่ยวหยิน


 


นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฟางหยวนต้องกลับไปช่วยพวกนาง


 


ผมที่หกไม่ให้ความร่วมมือ ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องติดต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนมีความสุขก็คือจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่เย็นชาเหมือนก่อนหน้า ฟางหยวนสามารถใช้แต้มผลงานและขอให้นิกายหลางหยาหลอมรวมวิญญาณให้เขา


 


ฟางหยวนมอบมรดกบางส่วนของราชันภูเขาม่วงให้นิกายหลางหยาเพื่อแลกกับแต้มผลงานก่อนจะขอให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาช่วยหลอมรวมวิญญาณที่เขาต้องการ


 


แม้นิกายหลางหยาจะเริ่มหลอมรวมวิญญาณให้ฟางหยวน แต่มันยังต้องใช้เวลา


 


“สถานการณ์ซับซ้อนมาก ข้าสงสัยว่าวังสวรรค์ร่วมมือกับผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้เพื่อกำจัดพวกเรา วังสวรรค์กำลังใช้ผู้อมตะภาคใต้เป็นเครื่องมือ แต่พวกเขาจะไม่เพียงเฝ้ามองอยู่ข้างสนามรบ นอกจากผู้อมตะภาคใต้ เรายังต้องระวังผู้อมตะจากวังสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่และหาโอกาสซุ่มโจมตีพวกเรา” ฟางหยวนกล่าวอย่างจริงจัง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)