พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1377-1378

 บทที่ 1377 แขวนไว้บนเสาธง

Ink Stone_Fantasy

สภาพสะบักสะบอมจนจำไม่ได้ก็ว่าแย่แล้ว เสียงร้องไห้เปลี่ยนจากสะอึกสะอื้นกลายเป็นแหกปากคร่ำครวญ เป็นการร้องไห้เหมือนเจ็บปวดรวดร้าวใจ ไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่ตาย


มองออกเลยว่าจ้านหรูอี้ที่กำลังร้องไห้ไม่ได้อยากร้องไห้ หลายครั้งที่พยายามจะยืนเพื่อยื่นมือไปหยิบอาวุธที่ลอยอยู่ข้างกาย แต่จนใจที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ร้องไห้อย่างเจ็บปวดถึงขนาดอาศัยวรยุทธ์ทั้งหมดของตัวเองก็ควบคุมได้ยาก เป็นเพราะเหมียวอี้วางยาในปริมาณที่มากเกินไป


สีแดงคืออารมณ์โกรธ สีเขียวคือโศกเศร้า สีฟ้าคือหวาดกลัว สีม่วงคือเคารพรัก สีส้มคือราคะ


ทุกคนไม่ถึงขั้นดูไม่ออกว่าเหมียวอี้วางยาอะไรไว้บนตัวจ้านหรูอี้ สีเขียวก็คือ ‘โศกเศร้า’ ในเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา ‘อารมณ์โศกเศร้า’ ที่กลั่นเป็นของเหลวไว้เต็มขวดถูกใช้บนตัวจ้านหรูอี้หมดดแล้ว นี่ต้องใช้ลูกแก้วพลังปรารถนามากเท่าไรถึงจะหามาได้เยอะขนาดนี้ ไม่ร้องไห้ตายก็แปลกแล้ว


เหมียวอี้ยกมือขึ้นขยุ้ม เก็บทวนวิเศษของจ้านหรูอี้เข้าในกำไลเก็บสมบัติของเขาแล้ว ก็ก็ก้าวเข้าไปดึงคอจ้านหรูอี้ขึ้นมา รีบลงมือผนึกวรยุทธ์ของจ้านหรูอี้ ยกจ้านหรูอี้ที่ร้องไห้ครวญครางราวกับถือไก่ตัวหนึ่ง แล้วหันตัวกลับไปที่ดาวหกนิ้วโดยตรง


“หนิวโหย่วเต๋อ รีบปล่อยผู้บัญชาการใหญ่ของพวกเรา” พวกคังเต้าผิงตะคอกอย่างเกรี้ยวกราดร้อนใจ


“ถ้ายังกล้าบ่นอีก ก็จับมาให้ข้าให้หมด” เสียงแสยะหัวเราะของเหมียวอี้ดังก้องอยู่ในดาราจักร สวีถังหรานโบกมือทันที


เก่งแค่ไหนก็โดนสถานการณ์บีบบังคับ เมื่อเห็นกำลังพลกลุ่มหนึ่งประชิดเข้ามา พวกคังเต้าผิงก็จำต้องหุบปาก ไม่ค่อยกล้าพูดอะไรแล้ว


กำลังพลส่วนใหญ่ทยอยกันตามเหมียวอี้กลับดาวหกนิ้วไปแล้ว


เจ้าสำนักหกนิ้วไป๋หลันและคนอื่นๆ มองหน้ากันเลิกลั่ก พากันแอบเดาะลิ้น นี่ยังไม่ได้ประมือกันเท่าไรเลย ผู้บัญชาการใหญ่จ้านหรูอี้ของธงพยัคฆ์น้ำเงินที่เป็นฝ่ายมาท้าสู้เอง ชั่วพริบตาเดียวก็โดนผู้บัญชาการใหญ่หนิวจับเป็นกลับไปแล้ว ได้ยินว่าเป็นหลานสาวของอ๋องสวรรค์อิ๋งด้วย ผู้บัญชาการใหญ่หนิวท่านนี้ช่างใจกล้านัก


เมื่อกลับมาในค่ายกลป้องกัน เฟยหงก็รีบก้าวตามหลังเหมียวอี้ทันที พวกหยางชิ่งก็ตามไปเช่นกัน ไม่รู้ว่าการที่เหมียวอี้หิ้วจ้านหรูอี้ที่ร้องไห้ค่ำครวญเพื่อจะทำโทษอย่างไร


จะลงโทษอย่างไรได้อีกล่ะ? เขาหิ้วจ้านหรูอี้กลับมาโยนลงบนพื้น แล้วสั่งให้ซิงเอ๋อร์ เยว่เอ๋อร์ค้นยึดของทุกอย่างบนตัวจ้านหรูอี้จนเกลี้ยง


ที่สำคัญคือต้องทำต่อหน้าฝูงชนเพื่อไม่ให้ตกเป็นที่ต้องสงสัย เขาสามารถเอาชนะจ้านหรูอี้ได้ แต่ชายหญิงมีความแตกต่างกัน เขาไม่สะดวกจะค้นตัวจ้านหรูอี้เอง เรื่องบางเรื่องก็ต้องดูตามหลักความเป็นจริง ถ้าเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ไม่มีภูมิหลังอะไร เหมียวอี้ก็จะลงมือไปเสียเลย แต่อ๋องสวรรค์อิ๋งที่อยู่เบื้องหลังจ้านหรูอี้ก็ไม่ได้ฝีมืออ่อนด้อย ภายใต้สถานการณ์ที่ตัวเองชนะแล้ว เขาก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเองเช่นกัน


หลังจากค้นยึดสิ่งของบนตัวจ้านหรูอี้ไปหมดแล้ว เหมียวอี้ก็ยิ้มมุมปากแอบขำ พูดได้เพียงว่าร่ำรวยแล้ว เมื่อของพวกนี้มาถึงมือตนแล้ว ก็อย่าได้หวังว่าจะได้คืนกลับไปอีกเลย แน่นอน ของประจำตำแหน่งทางการของจ้านหรูอี้ก็ยังต้องคืนให้ แต่ของอย่างอื่นก็เลิกคิดไปได้เลย ใครใช้ให้ผู้หญิงคนนี้เป็นฝ่ายมาท้าทายก่อนเองล่ะ


ที่จริงตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยมั่นใจกับการต่อสู้ระหว่างตัวเองกับจ้านหรูอี้สักเท่าไร ในปีนั้นที่ประมือกับจ้านหรูอี้ ก็รู้แล้วว่าศักยภาพของจ้านหรูอี้นั้นดูถูกไม่ได้ ในปีนั้นที่เอาชนะได้ล้วนเป็นเพราะจ้านหรูอี้ประมาท ไม่ใช่เพราะทวนเดียวของตนมีอานุภาพมากมายอะไรนัก ไม่ได้ตรวจสอบจึงโดนตนโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส


ใคจะคิดว่าครั้งนี้จะยิ่งทำให้เหมียวอี้เหนือความคาดหมาย ขนาดเขาเองก็แอบรู้สึกขำ ยังไม่ทันได้ประมือแบบจริงๆ จังๆ เลย ไม่น่าเชื่อว่าจะจับเป็นจ้านหรูอี้ได้แล้ว เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ดี


พอค้นของบนตัวหมดเกลี้ยงแล้ว จ้านหรูอี้ก็โดนคนหิ้วขึ้นมาอีก ถูกจับมัดเอาไว้แล้ว กำลังห้อยอยู่บนเสาธง ตำแหน่งด้านบนที่อยู่ห่างกันครึ่งจั้งก็คือธงพยัคฆ์ดำที่ปลิวสะบัดตามลม จ้านหรูอี้ที่โดนถอดเกราะรบกำลังร้องไห้ ร้องแบบครวญคราง!


กำลังพลทัพกลางที่เห็นฉากนี้ร่าเริงทันที ก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนี้อวดดีแทบตาย ทั้งยังจะให้พวกเขาเดินอ้อมเวลาเห็นคนของธงพยัคฆ์น้ำเงินด้วย นึกไม่ถึงว่าคนปากจัญไรจะโดนกรรมตามสนองเร็วขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะโดนแขวนประจานอยู่ใต้ผืนธงของธงพยัคฆ์ดำ อยากจะตบหน้าธงพยัคฆ์ดำแต่ก็ตบไม่ได้ กลับกลายเป็นตบหน้าตัวเองแทน ช่างน่าสนุกจริงๆ ครั้งนี้ธงพยัคฆ์น้ำเงินเสียหน้าหมดแล้ว


คนที่ไม่ได้ออกไปดูการต่อสู้ไปถามเรื่องนี้กับคนที่ได้ออกไปดูทันที เป็นผู้บัญชาการใหญ่จับได้เหรอ?


หยางชิ่งที่ยืนอยู่นอกลานบ้านเอามือไขว้หลังมองอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอียงหน้าพูดกับหยางเจาชิงที่อยู่ข้างกันว่า “วิธีการของนายท่านสุดโต่งเกินไป เบื้องบนไม่ให้ฆ่าจ้านหรูอี้ แต่นายท่านกำลังกดดันให้จ้านหรูอี้ตายเอง!”


หยางเจาชิงกลับไม่ได้สนใจอะไรแบบนั้น


ขณะที่มองดูจ้านหรูอี้ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ข้างบน เสวี่ยหลิงหลงก็ดึงแขนสวีถังหรานที่กำลังเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมา นางชี้จ้านหรูอี้พร้อมถามอย่างสงสัยว่า “นายท่าน จ้านหรูอี้เป็นอะไรไปแล้ว? แพ้ให้กับผู้บัญชาการใหญ่แล้วใช่มั้ย?”


สวีถังหรานได้ยินแล้วขำขัน หันกลับไปมองเงาคนบนเสาธง แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ผู้บัญชาการใหญ่เป็นใครล่ะ นั่นคือคนที่สามารถกลิ้งออกมาจากคลื่นลม พลิกฝ่ามือควบคุมเมฆได้นะ ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ประเมินกำลังตัวเองเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้ามาหาเรื่องผู้บัญชาการใหญ่ ในปีนั้นที่แดนอเวจีก็สู้ผู้บัญชาการใหญ่ไม่ได้แม้แต่ทวนเดียวด้วยซ้ำ เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้วยังไม่รู้จักหลาบจำกับบทเรียนอีก ยังกล้าเป็นฝ่ายมาหาถึงที่ ครั้งนี้ก็ยิ่งเคราะห์ร้ายแล้ว ไม่มีสิทธิ์จะสู้กับผู้บัญชาการใหญ่ด้วยซ้ำ โดนผู้บัญชาการใหญ่ตบหมอบซะแล้ว ยังคิดจะให้คนของธงพยัคฆ์ดำเจอพวกเขาแล้วเดินอ้อมอีกเหรอ ครั้งนี้เล่นเกินขอบเขตไปแล้วทั้ง ผู้บัญชาการใหญ่จึงจับนางแขวนประจานไว้บนเสาธงของธงพยัคฆ์ดำเสาธงเสียเลย ไม่ว่านางจะพูดอะไรออกมา ก็ให้นางกลืนคำพูดนั้นไปเองแล้วกัน นี่เป็นการการตบหน้าชัดๆ คาดว่าทั้งชีวิตนี้คงไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว ผู้บัญชาการใหญ่ใช้วิธีนี้ได้โหดทีเดียว จุจุ”


“ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะสู้ก็โดนตีหมอบแล้ว หมายความว่ายังไง?” เสวี่ยหลิงหลงแปลกใจ


สวีถังหรานไม่พูดต่อ กลับหยิบระฆังดาราที่มีคนส่งข่าวขึ้นมาฟัง หลังจากเข้าใจแล้วก็ขมวดคิ้ว “ฮูหยิน มีเรื่องอะไรก็ค่อยคุยกันทีหลัง ข้าจะไปหาผู้บัญชาการใหญ่สักเที่ยว” พูดจบก็รีบก้าวออกไป เสวี่ยหลิงหลงรีบก้าวตาม ไปส่งเขาออกประตูลานบาน


ผ่านไปไม่นาน ในท้องฟ้าไกลๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวอย่างมโหฬารพันลึก สัญลักษณ์ธงก็คือธงพยัคฆ์น้ำเงิน。


กำลังพลสามหมื่นเหาะลงมาจากฟ้า กำลังลอยอยู่นอกค่ายกลป้องกัน ทำท่าชักกระบี่ง้างหน้าไม้เพื่อมาช่วยชีวิตคน แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขานึกไม่ถึงว่าผู้บัญชาการใหญ่ของตัวเองจะมีสภาพเป็นแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะโดนจับแขวนอยู่บนเสาธงพยัคฆ์ดำและกำลังร้องไห้ไม่หยุด


กำลังพลทัพกลางธงพยัคฆ์ดำที่อยู่ในค่ายกลป้องกันทำท่าเหมือนสบายอกสบายใจ มีคนไม่น้อยชี้มาที่คนของธงพยัคฆ์น้ำเงินด้วยสีหน้าเยาะเย้ย เหมือนไม่กลัวว่าพวกที่ฝั่งพวกเขาคนเยอะกว่าเลยสักนิด และก็ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยจริงๆ ว่ากันว่าถ้าจะจับโจรก็ต้องจับหัวหน้าโจรก่อน เจ้าบ้านของธงพยัคฆ์น้ำเงินกลายเป็นตัวประกันของพวกเขาแล้ว ใครกล้าขยับก็ลองดูสิ


พวกคังเต้าผิงที่ระดมพลมาแทบจะทนมองไม่ไหว นึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะทำอะไรสุดโต่งขนาดนี้ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกคงไม่เรียกคนอื่นๆ มาหรอก ให้คนอื่นๆ ของธงพยัคฆ์น้ำเงินเห็นฉากนี้แล้ว ในภายหลังจ้านหรูอี้ยังจะมีที่ยืนในธงพยัคฆ์น้ำเงินได้อย่างไร


ในขณะนี้ กำลังพลทุกคนของธงพยัคฆ์น้ำเงินได้เห็นภาพนี้แล้วก็เรียกได้ว่าอับอายเกินทน วันนี้นับว่าธงพยัคฆ์น้ำเงินเสียหน้าหมดแล้ว


“หนิวโหย่วเต๋อรังแกธงพยัคฆ์น้ำเงินเกินไปแล้ว!”


“จริงๆ เลย…เฮ้อ! วุ่นวายอะไรกัน ไม่มีความสามารถนั้นแล้วจะก่อเรื่องทำไม”


ทุกคนของธงพยัคฆ์น้ำเงินเรียกได้ว่า ‘อับอายขวยเขิน’ ร้องตะโกนไปต่างๆ นาๆ ตำหนิธงพยัคฆ์ดำที่รังแกกันเกินไป คนที่บ่นจ้านหรูอี้ก็มีไม่น้อยเช่นกัน สิ่งที่ยิ่งทำให้คนรำคาญใจกว่านั้นก็คือ ผู้บัญชาการใหญ่จ้านกำลังร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุด ฝั่งธงพยัคฆ์น้ำเงินมีคนที่อยากจะยิงจ้านหรูอี้ให้ตายไปเสียเลย ตายแล้วปัญหาทุกอย่างจะได้จบ


“พอแล้ว!” คังเต้าผิงตะคอก ข่มกำลังพลฝ่ายตัวเองที่กำลังวุ่นวาย แล้วกันมาตะโกนบอกค่ายกลป้องกันที่อยู่ตรงหน้าว่า “คนของธงพยัคฆ์ดำฟังให้ดีนะ ปล่อยผู้บัญชาการใหญ่ของพวกเราเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นก็อย่าโทษที่พวกเราพังทำลายค่ายกล!”


“ปล่อยคน!”


“ปล่อยคน!”


“ปล่อยคน!”


กำลังพลสามหมื่นร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนพร้อมกัน เสียงดังก้อนสะเทือนฟ้าดิน สะเทือนจนฝุ่นบนผิวดินกระเพื่อมขึ้นมา เป็นพลังอันน่าทึ่งตกตะลึง


ศิษย์สำนักหกนิ้วที่อยู่สองฝั่งแม้น้ำอกสั่นขวัญผวา รู้สึกได้ว่าศึกใหญ่ใกล้เข้ามาแล้ว กลัวว่าฝั่งตัวเองจะซวยติดร่างแหไปด้วย


ทว่า จู่ๆ ในค่ายกลป้องกันก็มีเสียงของสวีถังหรานดังขึ้นอย่างไม่หวาดกลัวอะไร “ทหาร ถือแส้ขึ้นไป ถ้าข้างนอกมีเสียงตะโกนหนึ่งครั้ง ก็เฆี่ยนคนบนเสาธงหนึ่งครั้ง”


เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ทัพใหญ่สามหมื่นข้างนอกก็อ้าปากค้าง ถ้าฆ่าจ้านหรูอี้ให้ตายไปเสียเลยก็ว่าไปอย่าง นี่จับมาแขวนเฆี่ยนอยู่ตรงหน้าพวกเขา แล้วจะให้พวกเขาทนความรู้สึกได้อย่างไร


เป็นอย่างที่คาดไว้ ทหารเลวคนหนึ่งถือแส้เหาะขึ้นไป เหาะไปอยู่ข้างกายจ้านหรูอี้ที่อยู่ใต้ธง สะบัดแส้ในมือรอ รอให้คนข้างนอกตะโกนอีกครั้ง


เสียงที่ผ่อนคลายของสวีถังหรานดังขึ้นอีกครั้ง “ข้างนอกฟังข้านะ อย่าหาว่าข้าไม่ให้โอกาสพวกเจ้า ทัพใหญ่ธงพยัคฆ์ดำของข้าอยู่ระหว่างทางกลับแล้ว ถ้าพวกเจ้าไม่ไปตอนนี้ อีกประเดี๋ยวเกรงว่าจะไปไม่ได้แล้ว เป็นพวกเจ้าที่รวมตัวกันท้าทายเพื่อนทหาร อีกประเดี๋ยวถ้าพวกเราโจมตีกลับ ล้อมพวกเจ้าเอาไว้ ไม่ว่าใครก็ว่าอะไรไม่ได้ทั้งนั้น”


“แล้วที่พวกเจ้าแขวนผู้บัญชาการใหญ่ของเราไว้ที่นี่ ไม่เป็นการท้าทายเพื่อทหารรึไง?” คังเต้าผิงตะโกนถาม


สวีถังหรานขี้เกียจแม้กระทั่งโผลหน้า ตอบกลับไปว่า “เป็นใครกันที่ต้องการให้พี่น้องธงพยัคฆ์ดำเห็นคนของธงพยัคฆ์น้ำเงินแล้วเดินอ้อม เจ้าไม่มีหูรึไง? เป็นใครกันที่ถ่อมาท้าสู้ก่อน เป็นใครกันที่ดึงดันจะประลองเดี่ยวกับผู้บัญชาการใหญ่ของพวกเราให้ได้ ใครกันที่ต้องการจะสร้างความอับอายให้ธงพยัคฆ์ดำ ตาเจ้าไม่ได้บอดละมั้ง? ต่อให้พวกเจ้าพูดจนปากฉีก ฝั่งพวกเราก็มีเหตุผลมากกว่า ถึงอย่างไรพวกเราก็เมตตาเต็มที่แล้ว ถ้าพวกเจ้าไม่ไปตอนนี้ อีกประเดี๋ยวอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจนะ ถ้ายั่วยุเกิดสงครามขึ้นมา พวกเราก็ไม่ต้องรับผิดชอบสักนิดเลย”


คังเต้าผิงย่อมรู้ว่าเรื่องนี้จ้านหรูอี้เป็นคนท้าทายก่อน แต่ก็ช่วยไม่ได้ ห้ามไม่ไหว!


ด้านนอกค่อนข้างชักช้าลังเล เขาเองก็ดูออกเช่นกัน อาศัยแค่พวกเขาไม่มีทางช่วยจ้านหรูอี้ออกมาได้ ทำได้เพียงขอให้เบื้องบนช่วยแก้ไขปัญหา ถ้ารอต่อไปอาจจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ภายใต้ความอับจนหนทาง เขาทำได้เพียงรีบระดมพลให้ถอนทัพ แล้วรอให้เบื้องบนแก้ไขปัญหา


กำลังพลกลุ่มใหญ่ถอยไปแล้ว มีลูกน้องคนสนิทสองคนของจ้านหรูอี้ที่ยังอยู่ คอยเฝ้าอยู่บนภูเขาด้านนอก ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรขึ้นจะได้ติดต่อกับทางตระกูลจ้านได้ทัน


ในตอนนี้ตระกูลจ้านได้ข่าวจากฝั่งนี้แล้ว เรียกได้ว่าแตกตื่นเป็นมดซ่านบนหม้อร้อน พวกเขาเองก็ไม่มีอำนาจจะไปสั่งให้คนของหน่วยองครักษ์ซ้ายทำอะไรได้


สองชั่วยามหลังจากนั้น ทัพใหญ่ของธงพยัคฆ์ดำก็รวมตัวกันมาถึงแล้วเช่นกัน ผู้บัญชาการธงอินทรีรวมตัวกันไปคารวะเหมียวอี้ในค่ายกลป้องกันของทัพกลาง พอเห็นคนที่อยู่บนเสาธงก็แปลกใจนิดหน่อย ลิ่งหูหลานจื่อเรียกทหารเลวคนหนึ่งเข้ามา แล้วชี้เสาธงพร้อมถามว่า “คนคนนั้นเป็นใคร ทำไมไปร้องไห้อยู่บนเสาของธงพยัคฆ์ดำ?”


ทหารเลวหัวเราะเบาๆ แล้วตอบว่า “ผู้บัญชาการใหญ่จ้านหรูอี้ของธงพยัคฆ์น้ำเงิน ดึงดันจะหาเรื่องใส่ตัว มาท้าประลองเดี่ยวกับผู้บัญชาการใหญ่ของพวกเรา ผลก็เป็นอย่างที่เห็นขอรับ”


“หา! จ้านหรูอี้? นี่…เอ่อ…” ผู้บัญชาการหลายคนตกใจ ตกใจจนแทบจะกลืนลิ้นตัวเองเข้าไปแล้ว


“รีบบอกมาว่ามันเรื่องอะไรกันแน่?” หวังลี่คุนรีบถาม


“นางดึงดันจะประลองเดี่ยวกับผู้บัญชาการใหญ่ของพวกเราให้ได้…” ทหารเลวเล่าสถานการณ์ให้ฟังรอบหนึ่ง


พอได้ยินว่าจ้านหรูอี้ต้องการจะให้คนของธงพยัคฆ์ดำเดินอ้อมหลบเมื่อเจอคนของธงพยัคฆ์น้ำเงิน พวกผู้บัญชาการก็พากันหัวเราะเยาะทันที รู้สึกสมน้ำหน้าจ้านหรูอี้ทันที เพียงแต่วิธีการนี้ของผู้บัญชาการใหญ่อาจจะโหดเกินไปหน่อย!


จ้านหรูอี้ยังคงร้องไห้อยู่บนเสาธงไม่หยุด แต่เมื่อเสียงนั้นมาถึงหูของกำลังพลธงพยัคฆ์ดำ ทำไมมันฟังดูไพเราะเสนาะหูอย่างนั้นล่ะ?


บทที่ 1378 แต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อเถอะ

Ink Stone_Fantasy

“อะไรนะ?”


กองมังกรดำ เนี่ยอู๋เซี่ยวกำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะยาว พอได้ยินข่าวก็อุทานถามอย่างตกใจ เขาลุกพรวดขึ้นมา ดวงตาทั้งคู่แทบจะถลันออกมาแล้ว “เจ้าบอกว่าหนิวโหย่วเต๋อจับจ้านหรูอี้แขวนประจานคนบนเสาธงพยัคฆ์ดำเหรอ?”


“ใช่ขอรับ!” โป๋เยวหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังคร่าวๆ ด้วยใบหน้าขื่นขม สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ทางนี้สั่งไม่ให้หนิวโหย่วเต๋อฆ่าจ้านหรูอี้ แต่หนิวโหย่วเต๋อทำแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับกดดันให้จ้านหรูอี้ตาย! ต่อให้ปล่อยจ้านหรูอี้ไปแล้ว แต่จ้านหรูอี้มีจิตใจที่หยิ่งผยองอวดดีแบบนี้ จะทนรับการโจมตีแบบนี้ไหวได้ยังไง ยังจะมีหน้ามีชีวิตต่อไปได้อีกเหรอ? ถ้าพูดในกรณีที่เลวร้ายที่สุด จ้านหรูอี้ไม่มีหน้าจะอยู่ธงพยัคฆ์น้ำเงินต่อไปได้แล้ว เขากำลังตบตากดดันให้จ้านหรูอี้ออกไป จ้านหรูอี้จะได้ไม่ต้องมาหาเรื่องเขาบ่อยๆ”


“เจ้าหมอนี่…ลูกหลานผู้มีอำนาจคนหนึ่งที่ไม่เคยผ่านอุปสรรคอะไรมาก่อนสู้กับพวกไม่กลัวตายที่กล้าพลิกเมฆคว่ำฝนที่ตลาดสวรรค์ ก่อนหน้านี้ข้าก็กังวลนิดหน่อย ว่าจ้านหรูอี้สู้กับเขาแล้วอาจจะเสียเปรียบ ให้เจ้าวาดเส้นตายเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ผลปรากฏว่ายังป้องกันไม่ไหว ยอมใช้ทุกวิธีการเพื่อกดดันให้จ้านหรูอี้ออกไป! เบื้องบนส่งสองคนนี้เป็นแบบนี้มาที่กองมังกรดำ มันช่าง…” เนี่ยอู๋เซี่ยวถอนหายใจ แล้วโบกมือบอกว่า “ได้เปรียบไปแล้ว ได้หน้าได้ตาไปแล้ว เจ้าบ้านั่นเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไปแล้ว ให้เขารีบปล่อยคน ผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์น้ำเงินที่สง่าภูมิฐานโดนแขวนอยู่บนเสาธงพยัคฆ์ดำ มันเรื่องเสียที่ไหนกัน”


“เขาไม่ยอมปล่อย!” โป๋เยวตอบอย่างจนใจ


เนี่ยอู๋เซี่ยวหันขวับ แล้วถามด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “เขากล้าขัดคำสั่งเหรอ?”


โป๋เยวตอบว่า “ก็ไม่ใช่การขัดคำสั่งหรอกขอรับ เขาบอกว่า ถ้าจ้านหรูอี้ต้องการจะสู้ตายกับเขาขึ้นมา เขาก็ย่อมต้องปกป้องตัวเองอยู่แล้ว ไม่มีมีทางปล่อยให้จ้านหรูอี้เข่นฆ่า ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นกับจ้านหรูอี้ เรื่องนี้ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับเขาแล้ว”


“…” เนี่ยอู๋เซี่ยวพูดไม่ออก คิดไปคิดมาเขาก็รู้เช่นกัน ด้วยนิสัยหยิ่งผยองอวดดีของจ้านหรูอี้ ถ้าหนิวโหย่วเต๋อปล่อยนาง นางไม่สู้ตายก็แปลกแล้ว เกรงว่าจะสมปรารถนาหนิวโหย่วเต๋อพอดี จะได้ถือโอกาสเอาชีวิตจ้านหรูอี้ได้สะดวก ถึงตอนนั้นตัวจ้านหรูอี้อยู่ในทัพกลางธงพยัคฆ์ดำ จะยังมีชีวิตได้อยู่อีกเหรอ


เห็นได้ชัดว่าหนิวโหย่วเต๋อพูดแบบนี้ก็เพื่อปัดความรับผิดชอบไว้ก่อน! เนี่ยอู๋เซี่ยวส่ายหน้าเบาๆ “เจ้าเวรนี่…อย่าให้เกิดเรื่องอะไรจะดีกว่า เจ้าไปด้วยตัวเองสักเที่ยวเถอะ พาคนไปเยอะๆ หน่อย อย่าให้เกิดเรื่องขึ้นกับจ้านหรูอี้ จ้านหรูอี้หัวสูงแต่ฝีมือต่ำ ไม่มีทางเล่นชนะหนิวโหย่วเต๋อได้ จำเป็นต้องรับประกันความปลอดภัยของนาง ไม่ว่าจะนางจะเป็นหรือตาย ก็จะให้อยู่ที่ธงพยัคฆ์น้ำเงินต่อไปไม่ได้แล้ว นั่นเป็นเรื่องของนาง หลังจากออกจากที่นี่ไปแล้ว นางจะเป็นจะตายอย่างไรก็ได้ สรุปก็คืออย่ามาตายบนอาณาเขตกองมังกรดำให้พวกเราเดือดร้อน”


“รับทราบ!” โป๋เยวเอ่ยรับ แล้วบอกอีกว่า “ที่จริงจ้านหรูอี้ไปแล้วก็อาจจะไม่ใช่เรื่องไม่ดี เห็นได้ชัดว่านางตามมาเพื่อล้างแค้นหนิวโหย่วเต๋อ ถ้านางไปแล้ว กองมังกรดำของพวกเราก็จะสงบเงียบแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าวุ่นวายต่อไปก็ไม่รู้จะจบเมื่อไร จะว่าไปแล้วหนิวโหย่วเต๋อก็ทำเรื่องที่ดีขอรับ” เขายังลำเอียงเข้าข้างเหมียวอี้ เพราะก่อนหน้านี้ชวีหย่าหงกับมู่อวี่เหลียนส่งข่าวมาบอกเขาแล้ว ว่าจ้านหรูอี้กำเริบเสิบสานเกินไป น่ารังเกียจเกินไปแล้ว


เนี่ยอู๋เซี่ยวพยักหน้าเบาๆ แล้วโบกมือบอกว่า “รีบไปจัดการ คนยังแขวนอยู่บนเสาธงตลอด เบื้องล่างจะปะทะกันภายในจนวุ่นวายขนาดไหน ถ้าข่าวแพร่ออกไปกองมังกรดำก็จะมีชื่อเสียงไม่ดี”


“ขอรับ!” โป๋เยวกล่าวขอตัวแล้วจากไป


“อะไรนะ? แขวนอยู่บนเสาธงเหรอ?”


ประมุขชิงเดินเล่นเนิบนาบอยู่ในวังสวรรค์ พอได้ยินข่าวก็หยุดฝีเท้า หันกลับมามองซือหม่าเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างหลังด้วยสีหน้างงงัน


ซือหม่าเวิ่นเทียนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ให้ฟังรอบหนึ่ง แล้วสุดท้ายก็พูดสรุป “ยังไม่ได้ประมือกันซึ้งๆ หน้าเลย แค่เผชิญหน้ากันไม่กี่ครั้ง หนิวโหย่วเต๋อก็โยนของวิเศษสองสามชิ้นออกไปวางกับดักนางแล้ว”


ประมุขชิงเดินช้าๆ ไปข้างหน้าต่อ แล้วส่ายหน้าบอกว่า “นางหนูนั่นตาไม่ค่อยมีแววเลย ไม่ดูเสียบ้างว่าเจ้าลูกลิงนั่นใช้วิธีการกระโดดขึ้นกระโดดลง กล้าหลับหูหลับตาพุ่งเข้าใส่โดยไม่เตรียมตัวให้เต็มที่ นี่ไม่ใช่การหาเรื่องใส่ตัวหรอกเหรอ”


ซือหม่าเวิ่นเทียนเดินตามหลัง “เป็นเพราะโดนความแค้นทำให้สมองเลอะเลือน หรือไม่ก็สำคัญตัวผิดจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว ไม่เคยรับความลำบากขื่นขมแบบจริงจังมาก่อน เพียงแต่ว่า จ้านหรูอี้นั่นโดนทรมานจนสะบักสะบอมขนาดนี้ เกรงว่าจะชื่อเสียงไม่ดี เรื่องเข้าวัง…” เขายังพูดไม่ทันจบ


แต่ประมุขชิงเข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ หัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “ตราบใดที่ไม่เสียความบริสุทธิ์ก็ไม่เป็นไร เสียเปรียบมากหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร หวังว่าจะเรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วกัน ถ้าไม่เฉลียวฉลาดขึ้นสักหน่อย แล้วจะมีที่ยืนในวังหลังได้อย่างไร? วังหลังเป็นสถานที่ที่กินคนไม่คากระดูกนะ”


ซือหม่าเวิ่นเทียนไม่พูดอะไรอีก ในใจแอบทอดถอนใจแทนเหมียวอี้ ฝ่าบาทดึงดันจะแต่งตั้งจ้านหรูอี้ให้เป็นสนมโปรด หนิวโหย่วเต๋อล่วงเกินจ้านหรูอี้ยับเยินขนาดนี้ หากวันใดจ้านหรูอี้กลายเป็นสนมโปรดของฝ่าบาท ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อถึงเวลานั้นหนิวโหย่วเต๋อจะมีปฏิกิริยาอย่างไร…


“วุ่นวายไม่เข้าเรื่อง!”


ณ จวนอ๋องสวรรค์อิ๋งที่กว้างใหญ่ไพศาล ในตำหนักประชุม อ๋องสวรรค์อิ๋งอิ๋งจิ่วกวงโบกมือตะคอกอย่างเดือดดาล โมโหจนเดินไปเดินมาไม่หยุด โมโหจนส่ายหน้าบอกว่า “เสียหน้านัก! ถ่อไปหาเรื่องเขาแต่โดนเขาจับแขวนบนเสาธง ตระกูลอิ๋งเสียหน้าเพราะพวกเจ้าหมดแล้ว!” ให้ความรู้สึกเหมือนโมโหจนขนและหนวดจะตั้งขึ้นมา


เบื้องล่างเป็นสตรีวัยกลางคนที่กำลังยืนด้วยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ นางเกล้ามวยผมสูง ผิวขาวหมดจด หน้าตางดงามมีเสน่ห์ หน้าตาคล้ายจ้านหรูอี้อยู่เจ็ดส่วน มีรูปร่างสูงสง่าเช่นเดียวกัน ดูโตกว่าจ้านหรูอี้ไม่เท่าไร แต่ให้ความรู้สึกว่ามีความเป็นผู้ใหญ่กว่าจ้านหรูอี้ นางคืออิ๋งลั่วหวน มารดาของจ้านหรูอี้นั่นเอง


“ท่านพ่อ หรูอี้ไม่อยากให้ตระกูลอิ๋งเสียหน้า ถึงได้ไปหาเรื่องเจ้าเวรนั่น แต่เจ้าเวรนั่นเจ้าเล่ห์เกินไป หรูอี้ถึงได้เสียเปรียบ” น้ำเสียงของอิ๋งลั่วหวนเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ


“เจ้า…ตระกูลอิ๋งจำเป็นต้องให้ลูกสาวของคนที่แต่งงานออกไปแล้วแบบเจ้ามาออกหน้าให้ด้วยเหรอ? พวกเจ้าสร้างปัญหาให้น้อยๆ หน่อยตระกูลอิ๋งก็ขอบคุณฟ้าขอบคุณดินแล้ว” อิ๋งจิ่วกวงหันตัวมา ปลายนิ้วแทบจะจิ้มหน้าอิ๋งลั่วหวน “พ่อแม่รังแกฉัน! แบบนั้นเรียกว่าเจ้าเล่ห์อะไรกัน เจ้ายังมีสมองอยู่มั้ย หนิวโหย่วเต๋อนั่นเริ่มต้นมาจากทหารต่ำต้อย ภายใต้ความอับจนก็สังหารฝ่าหนทางให้ตัวเอง ประสบการณ์โชกโชน เดินมาถึงวันนี้ได้โดยไม่มีที่พึ่งใดๆ ขนาดข้าที่เป็นพ่อเจ้ายังต้องชมเขาเลย เจ้ามีสิทธิ์อะไรไปดูถูกเขา? แค่เพราะตระกูลเจ้ามาจากกองเงินกองทองเหรอ เด็กสาวที่หัวสูงแต่ฝีมือต่ำ สำคัญตัวผิด ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะถือรองเท้าให้อีกฝ่ายด้วยซ้ำ คิดว่าอาศัยภูมิหลังวงศ์ตระกูลของตัวเองแล้วจะกร่างไปทั่วแผ่นดินได้แล้วเหรอ? ไร้ความรู้! โง่เง่า! ไม่ทันได้เตรียมตัวก็ถ่อไปประลองกับอีกฝ่าย ตอนนี้สูงส่งพอรึยังล่ะ ให้เขาแขวนไว้บนเสาธงสูงส่งเชียว!”


“ท่านพ่อ!” จู่ๆ อิ๋งลั่วหวนก็กอดแขนอิ๋งจิ่วกวง ตระกูลอิ๋งมีคนทำแบบนี้น้อยมาก แต่ผู้หญิงอย่างนางกลับเป็นข้อยกเว้น นางออดอ้อนด้วยความคับแค้นใจ “ถึงอย่างไรหรูอี้ก็เป็นหลานสาวแท้ๆ ของท่าน โดนคนรังแกจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว ท่านจะไม่สนใจไม่ได้หรอก ลูกเข้าไปแทรกแซงที่หน่วยองครักษ์ซ้ายไม่ได้ ไม่ว่ายังไงท่านก็ต้องช่วยลูกสาวระบายความโกรธนี้นะ”


อิ๋งจิ่วกวงสะบัดแขน แล้วกล่าวอย่างโมโห “เจ้าคิดว่าบิดาเจ้าเป็นคนสร้างตำหนักสวรรค์เหรอ คิดว่าอยากจะทำอะไรก็ทำได้รึไง? หน่วยองครักษ์ซ้ายใช่ที่ที่ตระกูลอิ๋งจะลงมือได้ตามอำเภอใจเหรอ?”


อิ๋งลั่วหวนตาแดงก่ำทันที หันตัววิ่งออกไปแล้ว ตอนที่หันหลังให้ก็กล่าวเสียงสะอื้นว่า “ท่านแม่! พอท่านจากไปก็ไม่มีใครรักลูกสาวคนนี้แล้ว ลูกช่างน่าสงสาร โดนคนรังแกก็ยังไม่มีใครสนใจ…”


อิ๋งจิ่วกวงกระตุกมุมปาก แล้วตะคอกถาม “หยุดอยู่ตรงนั้น! เจ้าจะไปไหน?”


อิ๋งลั่วหวนหยุดฝีเท้าแล้วหันตัวมา มองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ “ข้าจะยังไปไหนได้ล่ะ ลูกผู้หญิงที่แต่งงานออกไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป หรูอี้ได้รับความอัปยศแบบนี้ เกรงว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว ลูกก็ต้องกลับไปรอรับศพหรูอี้อยู่แล้วล่ะ”


อิ๋งจิ่วกวงชี้นางอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสุดท้ายก็สะบัดแขนเสื้อ พยามระงับความโกรธให้สงบลง ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วบอกว่า “จ้านผิงผู้ชายของเจ้าไปไหนแล้วล่ะ ทำไมให้เจ้ามาคนเดียว?”


อิ๋งลั่วหวนบ่นว่า “เกลี้ยกล่อมทางหรูอี้ไม่ไหว พอจ้านผิงได้ยินก็กลัวว่าจะเกิดเรื่อง จึงไปหาหรูอี้ด้วยตัวเองแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะไปช้าเกินไป ยังคงเกิดเรื่องขึ้นเหมือนเดิม”


อิ๋งจิ่วกวงเอามือลูบเครา หลังจากหรี่ตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็กล่าวว่า “เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ให้ดี เตรียมให้หรูอี้แต่งงานเถอะ เรื่องเกลี้ยกล่อมหรูอี้ก็ยกให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ง”


“แต่งงานเหรอ?” อิ๋งลั่วหวนอึ้งไปชั่วขณะ ไม่เจ็บปวดรวดร้าวใจแล้ว กลับรีบเดินไปตรงหน้าเขา แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “หรูอี้แต่งงาน แต่งกับใครคะ?”


อิ๋งจิ่วกวงเหล่ตามองพร้อมบอกว่า “ยังจะแต่งกับใครได้อีกล่ะ? วันนี้นางกลายเป็นแบบนี้แล้ว ชื่อเสียงเสียหายแล้ว ผู้ชายดีๆ ที่ไหนจะมาแต่งงานกับนาง หรือเจ้าอยากจะให้ลูกสาวแต่งงานออกไปแล้วโดนตระกูลผู้ชายตำหนิวิจารณ์ลับหลัง? ถ้าไม่แต่งงานแล้วให้อยู่ในบ้านต่อไป ก็จะก้าวข้ามความรู้สึกผิดไม่ได้ แต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อแล้วกัน”


“อะไรนะ? แต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อหรอ?” อิ๋งลั่วหวนอุทานอย่างตกใจ “ท่านพ่อ ท่านไม่ได้แก่จนเลอะเลือนใช่มั้ย?”


อิ๋งจิ่วกวงตะคอกตำหนิว่า “เจ้าจะเข้าใจอะไรล่ะ? หรูอี้จิตใจหยิ่งยโส ผู้ชายทั่วไปสยบนางไม่ได้หรอก เจ้าเองก็เห็นแล้ว หนิวโหย่วเต๋อจัดการนางได้เหมาะสมกันพอดี นางเสียเปรียบรับความอัปยศด้วยน้ำมือหนิวโหย่วเต๋อ ถ้าแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อก็ไม่ใช่แค่จะหลบเลี่ยงคำนินทาได้ ในตอนหลังจะกลับกลายเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ ข้ากำลังช่วยลูกสาวเจ้า ไม่ได้ทำร้ายนาง แล้วอีกอย่าง ข้าก็ได้ยินมาว่าหนิวโหย่วเต๋อนั่นหน้าตาไม่ได้แย่ เป็นบุคคลที่มีความสามารถ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ เป็นบุคคลอัจฉริยะโดดเด่นในหมู่คนรุ่นเดียวกัน เจ้าสงบจิตสงบใจแล้วคิดดูให้ดีๆ เจ้าเด็กคนหนึ่งที่สามารถหักหน้าขุนนางใหญ่ทั้งราชสำนักได้ ทั้งใต้หล้านี้มีเขาคนที่สองอีกมั้ย? เจ้าเด็กนี่เป็นดาวเด่นเหมือนหงส์มังกรในฝูงมนุษย์ นอกจากจะห้าวหาญชำนาญรบ ยังเป็นคนที่มีทั้งความฉลาดและกล้าหาญแบบที่หาได้ยากด้วย ถ้าได้รับการสนับสนุนจากตระกูลอิ๋งของข้า อนาคตก็จะยาวไกลไร้ขอบเขต จะต้องเก่งกว่าผู้ชายของเจ้าแน่ ลูกเขยดีๆ แบบนี้ต่อให้จุดโคมไฟหายังหาไม่ได้เลย ในภายหลังถ้ากลุ่มฮูหยินชั้นสูงอย่างพวกเจ้าเอ่ยถึงเวลาคุยกัน พอเจ้าบอกว่าลูกเขยเจ้าคือหนิวโหย่วเต๋อผู้โด่งดังที่บุกเดี่ยวโจมตีฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้าน ตัดหัวข้าทาสของตระกูลผู้มีอำนาจทั้งราชสำนัก คนอื่นก็จะมีแต่อิจฉาเจ้า เจ้ายังมีอะไรไม่น่าพอใจอีก?” น้ำเสียงของประโยคท้ายฟังดูแปลกๆ นิดหน่อย ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงหรือแววตาก็ล้วนให้ความรู้สึกเหมือนกำลังหลอกลวงคน


เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักลูกสาวตัวเองอีก รู้ว่าต้องมืออย่างไร


เป็นอย่างที่คาดไว้ เมื่อได้ยินแบบนี้ อิ๋งลั่วหวนก็แววตาวูบไหว ในดวงตาฉายแววจินตนาการเพ้อฝันเล็กน้อย เหมือนกำลังวาดฝันถึงภาพที่ตัวเองกำลังอวดลูกเขยอยู่ท่ามกลางกลุ่มฮูหยินจนคนอื่นๆ อิจฉา


แต่ก็สมกับเป็นลูกหลานผู้มีอำนาจ เรื่องบางเรื่องที่ผ่านหูผ่านตามาเยอะก็ไม่ทำให้นางอ่อนต่อโลกเหมือนกัน หลังจากได้สติกลับมา ก็เหลือบมองอิ๋งจิ่วกวงแล้วแสยะยิ้ม “ท่านพ่อ ทำไมข้ารู้สึกว่าที่ท่านบอกว่าท่านคำนึงถึงหรูอี้เป็นเรื่องโกหกล่ะ ที่ชอบหนิวโหย่วเต๋อก็เพราะอยากจะฉวยโอกาสรับหนิวโหย่วเต๋อเข้ามาใช้งานในตระกูลอิ๋งมากกว่ามั้ง? ท่านคงไม่ได้เห็นหลานสาวของตัวเองเป็นเครื่องมือให้ใช้ประโยชน์หรอกใช่มั้ย? ข้าจะบอกท่านให้นะ ถ้าท่านทำแบบนี้จริงๆ ข้าก็ไม่ตอบตกลงหรอก!”


อิ๋งจิ่วกวงจึงบอกว่า “เรื่องนี้สำคัญด้วยเหรอ? ถ้ามันขัดหูขัดตาเจ้าจริงๆ ข้าก็ไม่ฝืนใจ เดี๋ยวต่อไปถ้ามีคนอื่นมาแย่งไปแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)