ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1374-1377
ตอนที่ 1374 แผนหนูงาม
เหมยเหมยใจหล่นวูบ เธอจะไม่เข้าใจความหมายของคำพูดเหยียนหมิงซุ่นได้อย่างไร หัวใจเหมือนโดนมีดกรีดทีหนึ่งช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
เธอไม่อยากคิดเลยว่าหากเหยียนหมิงซุ่นกลับมาไม่ได้เธอควรทำอย่างไรต่อ?
เธอเองก็มีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้เช่นกัน!
ไม่ได้การแล้ว เธอต้องหาทางช่วยเหยียนหมิงซุ่น เธอจะมาหลบเสพสุขอยู่หลังผู้ชายอย่างเดียวไม่ได้!
หางตาเหลือบเห็นฉิวฉิวที่ยังงอนเธอไม่หายเหมยเหมยก็ตาลุกวาวในทันที รีบถาม “พี่หมิงซุ่น ของที่พวกพี่จะเอาใหญ่ไหม? หนักไหม? อันตรายไหม? พี่อย่าปกปิดฉัน ไม่แน่ฉันอาจจะหาทางช่วยพี่เอาออกมาได้”
เหยียนหมิงซุ่นชะงักไป เขากับลูกน้องคิดแผนมานับไม่ถ้วนยังหาหนทางไม่ได้เลย แล้วเหมยเหมยจะมีวิธีการอะไรเล่า?
แม้จะไม่ค่อยเชื่อเท่าไรแต่เหยียนหมิงซู่นก็ตอบกลับไปอย่างซื่อสัตย์ เขารู้ว่าเหมยเหมยไม่ใช่คนปากสว่าง ไม่เป็นไรหรอก
“เป็นแค่แผ่นฟิล์มนิดหน่อย เล็กกะทัดรัด”
เหมยเหมยชำเลืองมองไปทางฉิวฉิวอีกที ฉิวฉิวเสียวสันหลัววูบชักจะรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ
เหมือนมีใครกำลังคิดจะวางแผนใส่เขา!
“พี่หมิงซุ่น พี่ให้คนมารับฉิวฉิวสิ ฉิวฉิวเก่งเรื่องขโมยของมากเลยนะ พี่แค่บอกว่าจะขโมยอะไรบอกให้มันรู้ก็พอ มันต้องช่วยพี่ได้แน่ ๆ” เหมยเหมยพูดเสียงร่าเริง
เหยียนหมิงซุ่นตาเป็นประกาย นั่นสิ ทำไมเขาถึงลืมฉิวฉิวไปได้นะ!
ก่อนหน้านี้มัวแต่นึกถึงแต่คน แต่กลับไม่เคยคิดจะอาศัยแรงช่วยเหลือจากสัตว์ตัวอื่น ๆ ฉิวฉิวมีรูปร่างขนาดตัวที่เล็กกะทัดรัดและมีไหวพริบดีขนาดนี้ อีกอย่างสิ่งสำคัญที่สุดยังมีช่องมิติเล็ก ๆอีกด้วย มันเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
“เหมยเหมย เธอเป็นภรรยาที่ดีของพี่จริงๆ พี่จะส่งคนไปรับฉิวฉิวเดี๋ยวนี้ จะถึงในอีกหนึ่งชั่วโมง” เหยียนหมิงซุ่นดีใจมาก พอวางสายแล้วเตรียมโทรหาเฮ่อเหลียนชิงให้เขาส่งคนไปรับฉิวฉิวเพราะเวลากระชั้นชิดมาก
เหมยเหมยเขินจนหน้าแดงเพราะคำว่า ‘ภรรยาที่ดี’ แต่กลับรู้สึกหวานชุ่มไปทั้งใจ ชอบสรรพนามนี้มากจริงๆ
“ตื่นตื่น…เรียกสติกลับมาได้แล้ว…เธอรีบอธิบายให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้!”
คุณชายฉิวที่กำลังเดือดดาลปีนป่ายขึ้นมาบนไหล่เหมยเหมย แล้วใช้หางฟูฟ่องของเขาตบหน้าเธอระรัว ไม่ทันไรก็ขายตัวเขาไปเสียแล้วไม่มีแม้แต่คำอธิบาย นี่ยังมีมารยาทอยู่ไหม!
จามติดต่อกันไปหลายทีเหมยเหมยก็ตะครุบหางขนฟูไว้ทีเดียวแล้วอุ้มคุณชายฉิวที่กำลังไม่สบอารมณ์มาไว้ในอ้อมแขน ฉีกถุงช็อกโกแลตป้อนใส่ปากอย่างเอาใจ คุณชายฉิวกลับตั้งใจจะเล่นตัวไม่สนใจเหมยเหมย แต่กลิ่นหอมของช็อกโกแลตพุ่งพรวดเข้ามาในจมูกอยู่เรื่อย
ความตั้งใจอะไรนั่นลอยไปกับสายลมแล้ว!
“พูดมาสิ!”
คุณชายฉิวแทะช็อกโกแลตเสียงดังกรุบ ๆ เหมือนคุณชายจริง ๆ
เหมยเหมยเล่าเรื่องที่ต้องแอบขโมยของให้ฟัง ฉิวฉิวได้ยินว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เลยไม่เก็บมาคิดมาก ทว่าเขาเองก็ไม่ได้รับปากตอบตกลงไป
ใครให้เมื่อสักครู่นายผู้หญิงยึดช็อกโกแลตของเขากันล่ะ!
คุณชายฉิวอย่างเขาใจแคบที่สุดเลยไม่รู้หรือไง?
“ไม่ไป อาหารต่างประเทศไม่ถูกปากฉัน ปรับตัวไม่ได้แน่ ๆ” คุณชายฉิววางท่าแล้ว
เหมยเหมยกางอุ้งมือ พยายามห้ามใจไม่ให้ถอนขน แล้วยิ้มอย่างอ่อนหวาน “แกลองคิดดูสิ แกเคยคบหากับกระรอกตัวเมียแสนสวยมาทั่วประเทศแล้วแต่แกยังไม่เคยจีบกระรอกตัวเมียแสนสวยของต่างประเทศเลยนะ แบบนี้ก็เสียหน้าแย่สิ!”
ฉิวฉิวตาวาววับ หวั่นไหวเข้าแล้ว
กระรอกตัวเมียแสนสวยของต่างประเทศ สำหรับเขาแล้วพลังยั่วยวนช่างรุนแรงเหลือเกิน!
เหมยเหมยเห็นแล้วก็นึกขำเลยเพิ่มข้อแลกเปลี่ยน “ขอแค่แกยอมช่วยเอาของกลับมาให้พี่หมิงซุ่นได้ เดือนนี้ฉันจะไม่จำกัดขนมแกแล้วกัน”
“ไม่ได้ ห้ามจำกัดทั้งปีสิ” ฉิวฉิวที่ตกหลุมพรางแล้วรีบต่อรองทันที
“อย่างมากสองเดือน ไม่งั้นฉันไปหาต้าหวงแล้วนะ ต้าหวงก็เก่งเหมือนกันแล้วยังเชื่อฟังคำสั่งมากด้วย” เหมยเหมยจงใจลุกยืน ฉิวฉิวกัดฟันรับปากโดยไม่รู้ว่าตกหลุมพรางเข้าแล้ว “สองเดือนก็สองเดือน…ขี้เหนียวจริงๆ!”
……………………………..
ตอนที่ 1375 ตั้งใจแต่งตัว
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นมีคนมาหาถึงบ้านตามคาดซึ่งเป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง เขาพาตัวฉิวฉิวไปโดยที่เหมยเหมยให้เขาพาฉาฉาไปด้วย ตอนนี้ฉาฉาก็เก่งมากแล้วคงช่วยได้ไม่มากก็น้อย
“ที่รัก พวกแกต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ!”
เหมยเหมยยังกอดฉิวฉิวกับฉาฉาอย่างอาลัยอาวรณ์ หากไม่ใช่เพื่อช่วยเหยียนหมิงซุ่นเธอไม่ยอมให้พวกเขาไปเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด ไม่ว่าใครจะบาดเจ็บเธอต้องปวดใจเจียนตายแน่ ๆ
“เธอเป็นห่วงนายผู้ชายเถอะ แค่ความสามารถของคุณชายอย่างฉันไปไหนก็ไม่หวั่น จะเกิดอะไรขึ้นได้!” ฉิวฉิวมั่นอกมั่นใจเห็นแค่ว่าไปเพื่อหาคู่ เขาเหลือบมองน้องเล็กอย่างฉาฉาแวบหนึ่งแล้วยื่นกรงเล็บไปตบปุ ๆ “วางใจได้ พี่ฉิวไม่มีทางทิ้งนายแน่นอน”
ฉาฉาแลบลิ้นสีแดงสองแฉกให้ฉิวฉิวอย่างนึกขอบคุณแล้วสัมผัสใบหน้าเหมยเหมยทีเพื่อปลอบใจเจ้านาย
หลังส่งเจ้าสองตัวนี้ไปเหมยเหมยก็รู้สึกใจโหว่ง ๆ เป็นห่วงไปเสียทุกอย่าง กังวลว่าเหยียนหมิงซุ่นจะเป็นอะไรไป กังวลว่าฉิวฉิวกับฉาฉาจะบาดเจ็บ ยิ่งเกลียดที่ตัวเองไร้ความสามารถไม่อาจช่วยอะไรได้เลยแม้แต่นิดเดียว
บทสุนทรพจน์เธอเองก็คร้านจะท่องแล้วเลยตัดสินใจไปฝึกวิชาต่อสู้ที่ห้องชั้นใต้ดิน
สองปีก่อนเสียเปรียบจากเหอปี้อวิ๋นกับอู่เยวี่ยมากขนาดนั้นเหมยเหมยทั้งปวดกายและปวดใจตัดสินใจจะฝึกวิชาต่อสู้ให้ดี นับว่าความพยายามยังเกิดผลที่เรียนเทควันโดถึงสายดำแล้ว ตอนนี้ให้เธอต่อสู้กับชายวัยบรรลุนิติภาวะสิบคนไม่ใช่เรื่องยากเกินตัวอีกต่อไป หากมีอาวุธอยู่ในมือด้วยก็สามารถเพิ่มจำนวนคนได้อีก
นอกจากนี้เธอยังฝึกยิงปืนด้วย ถึงแม้ไม่นับว่าเป็นนักแม่นปืนแต่ก็ฝีมือไม่เลว ไหนจะมวยปล้ำอื่น ๆอีกที่เรียนรู้มาบ้างเล็กน้อย เธอจะไม่ยอมเป็นตัวถ่วงเหยียนหมิงซุ่นอีกแล้ว
ห้องชั้นใต้ดินถูกเหยียนหมิงซู่นปรับแก้เป็นห้องซ้อมต่อสู้ที่นับว่าค่อนข้างกว้างพอสมควร แม้แต่ห้องยิงปืนก็ยังมีเลย
เหมยเหมยฝึกปาเป้าครู่หนึ่งแล้ววิ่งไปยิงปืนอีกหลายสิบนัดจนทั้งสองมือชาไปหมด เช่นนี้ถึงใจเย็นลงได้บ้างก่อนจะอาบน้ำเข้านอน
พิธีปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ในวันรุ่งขึ้นถูกจัดขึ้นในเวลาเก้าโมงเช้าที่กลางสนามมหาวิทยาลัย โดยเหล่านักศึกษากลุ่มใหญ่ยืนอยู่ตรงนั้นและมีอธิการบดีรวมถึงบอร์ดบริหารอื่น ๆยืนอยู่บนเวที
เหมยเหมยตั้งใจแต่งตัวมาอย่างดีโดยเกล้าผมดำขลับที่ยาวถึงกลางเอวขึ้นแต่ไม่ได้เกล้าผมให้ดูแก่แต่มัดรวบเป็นจุกดูทันสมัย มัดหลวม ๆให้ดูซุกซนตามสไตล์สาวน้อยหน่อยๆ
วันนี้อากาศค่อนข้างเย็นเหมยเหมยเลยเลือกใส่เสื้อไหมพรมแขนกว้างตัวบางสีเบจ ด้านล่างเป็นกางเกงยีนส์รัดรูปสีฟ้า รองเท้าผ้าใบส้นหนาสีขาว เนื่องจากว่าวันนี้ฉาฉาไม่อยู่เธอเลยสวมกำไลคาเทียร์สีทองมาหนึ่งเส้น
รูปสลักลายเสือดาวของคาเทียร์เป็นสิ่งที่ชื่นชอบของเธอ ในบรรดาสัตว์นักล่าขนาดใหญ่เธอชอบความสง่าและความดุร้ายของเสือดาวที่สุด ชื่นชมความโดดเดี่ยวและจงรักภักดีของหมาป่าที่สุด
กำไลเส้นนี้เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนซื้อให้เธอซึ่งยุคนี้ก็ใช้เงินราว ๆแสนหยวนแล้ว ชาติที่แล้วเธอได้ซื้อเส้นลายนี้เหมือนกันในราคาเก้าแสนเก้าหมื่นหยวน
ทว่าคุณภาพสินค้าขึ้นอยู่กับราคา แม้เงินส่วนมากจะฟุ่มเฟือยกับของมียี่ห้อแต่เครื่องประดับยี่ห้ออื่น ๆสู้คาเทียร์ไม่ได้จริง ๆ มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันลิบลับ
ขณะเดียวกันเธอยังสวมแหวนที่มีหัวเสือดาวตรงนิ้วนางข้างซ้ายซึ่งเป็นสินค้าชุดเดียวกับกำไล ปกติไม่ค่อยใส่เท่าไรแต่วันนี้เธอไม่อยากถ่อมตัว อยากเจิดจรัสให้มากที่สุด
ปกติเหมยเหมยแต่งตัวเรียบง่ายแต่เพราะผิวดีเลยมีออร่าโดดเด่นสะดุดตาเป็นทุนเดิม แต่พอตอนนี้เธอเติมแต่งสักหน่อย ลงเครื่องสำอางบาง ๆพลันก็เป็นประกายเจิดจ้าให้คนลืมตาแทบไม่ขึ้น
อธิการบดีเป็นคนกล่าวเปิดงานก่อนต่อด้วยรองอธิการบดี รวมถึงนักวิชาการที่มีชื่อเสียงผู้คนต่างเคารพ มีคุณลุงผมขาวโพลนที่ได้พูดให้กำลังใจแก่ทุกคน เหมยเหมยปรบมือให้ด้วยความจริงใจ
นักวิทยาศาสตร์ที่ได้เสียสละเพื่อประเทศชาติแบบนี้เธอรู้สึกนับถือจากใจ นับถือยิ่งกว่าอธิการบดีมากโข
หากดำเนินการตามตารางไม่นานก็ถึงคิวเธอกล่าวสุนทรพจน์แล้ว เหมยเหมยอดตื่นเต้นไม่ได้ เหงื่อซึมออกฝ่ามือ
ตอนที่ 1376 พิธีเปิดการศึกษา
พิธีกรงานปฐมนิเทศน์เปิดการศึกษาคือหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยที่พูดจาเสียงดังฉะฉาน ซึ่งคิดว่าต้องเคยเรียนวิชาประสานเสียงมาอย่างแน่นอน ต่อให้ไม่ใช้โทรโข่งก็ได้ยินเสียงดังออกไปไกลถึงสิบลี้
“ต่อไปขอเชิญนักศึกษาจ้าวเหมยมากล่าวสุนทรพจน์ ในที่นี้ฉันต้องขอแนะนำนักศึกษาจ้าวเหมยให้รู้จักกันสั้น ๆก่อน คิดว่าหลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อนี้นัก แต่ถ้าฉันพูดถึงหนังสือชื่อเรื่อง ‘การตอบโต้ของเจ้าหญิงอัปลักษณ์’ ทุกคนคงคุ้นเคยดีใช่ไหมคะ?”
หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์นับว่าช่ำชองมากจริง ๆ พูดจามีระดับโทนน้ำเสียงมีจังหวะขึ้นลง ช่วยกระตุ้นบรรยากาศให้เหล่านักศึกษาใหม่ข้างล่างได้ในพริบตาจนเกิดเสียงฮือฮาไปทั่ว ต่างกระซิบกระซาบถามถึงจ้าวเหมยกันถ้วนหน้า
เจิ้งเสวี่ยซานกับสวีจื่อเซวียนใจดิ่งถึงก้นเหว สวีจื่อเซวียนสีหน้าดูแย่ยิ่งกว่า เมื่อคืนพ่อของเธอกลับไปที่บ้านเกิดซึ่งก่อนไปได้ยินเธอเอ่ยถึงเรื่องจ้าวเหมยเลยตักเตือนเธอว่าอย่าคิดเพ้อฝันในสิ่งที่เปล่าประโยชน์ ตั้งใจเรียนหนังสือต่างหากเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง
แต่สวีจื่อเซวียนไม่พอใจ เห็นชัด ๆว่าเธอเก่งกว่าจ้าวเหมยมาก แล้วมีสิทธิ์อะไรไม่ให้เธอเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่?
เมื่อวานเธอไปหาเจียงจื้อหรู่ แถมยังส่งเอกสารหนังสือยื่นคำร้อง เขียนถึงผลงานรางวัลต่าง ๆของเธอในตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำเอาเจียงจื้อหรู่จับต้นชนปลายไม่ถูก คิดแค่ว่าสวีจื้อเซวียนจริงจังเกินไปแต่พอเห็นการแนะนำผลรางวัลของเธอกลับชื่นชมเธออย่างมาก
ที่จริงนับว่าเป็นยอดอัจฉริยะหญิงที่เฉลียวฉลาดจริงๆ แต่เสียดายที่มาไม่ถูกเวลา ใครให้เธออยู่รุ่นเดียวกับจ้าวเหมยกันล่ะ!
เจียงจื้อหรู่จำต้องปฏิเสธไปอ้อมๆ ว่าได้กำหนดตัวแทนไว้แล้วแต่ไม่ได้บอกเธอว่าเป็นจ้าวเหมย สวีจื่อเซวียนผิดหวังอย่างมากแม้จะแอบมีคำตอบอยู่ในใจว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นจ้าวเหมย แต่ก็ยังหวังว่าจะไม่ใช่จ้าวเหมย
หมาแมวที่ไหนหรือแม้แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังได้ แต่จะเป็นจ้าวเหมยไม่ได้!
สวีจื้อเซวียนได้ยินชื่อจ้าวเหมยจากปากหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์หัวใจก็เหมือนโดนมีดทิ่มแทง ทำไมดันเป็นจ้าวเหมยไปได้?
เจิ้งเสวี่ยซานแม้ไม่แสดงออกทางสีหน้าแต่กลับไม่พอใจยิ่งกว่าสวีจื้อเซวียน เมื่อคืนเธอไปหาคุณปู่ที่แม้ปกติไม่ค่อยจะติดต่อกันเท่าไรแต่คุณปู่ดีกับเธอไม่น้อยเลยรับปากเอาไว้ว่าวันนี้จะไปคุยเรื่องนี้กับอธิการบดีของพวกเขา หากไม่มีเรื่องเหนือคาดก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
แต่ตอนนี้ทำอย่างไรดีล่ะ?
ทั้งที่เมื่อวานอาจารย์เจียงก็ไม่ได้บอกว่าจะมีตัวแทนนักศึกษาใหม่กล่าวสุนทรพจน์นี่นา?
ไหนว่ากล่าวในงานเลี้ยงต้อนรับไม่ใช่หรือ?
หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์บนเวทียังพูดไม่หยุด “นักศึกษาจ้าวเหมยคือนักเขียนนิยายเรื่อง ‘การตอบโต้ของเจ้าหญิงอัปลักษณ์’ นั่นเอง เชื่อว่ามีนักศึกษาหลายคนคงเคยอ่านนิยายชุดนี้แล้ว ลูกสาวฉันเป็นถึงแฟนหนังสือตัวยงของนักศึกษาจ้าวเหมยเชียว เดี๋ยวหลังจบงานฉันต้องขอลายเซ็นนักศึกษาจ้าวเหมยด้วย เช้านี้ลูกสาวฉันกำชับไม่หยุดเลย”
เสียงหัวเราะดังครืนมาจากล่างเวทีทำให้บรรยากาศร้อนระอุมากกว่าเดิม
หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์พูดไม่ผิด พวกเขาไม่รู้จักจ้าวเหมยหรอกแต่เจ้าหญิงอัปลักษณ์พวกเขารู้จักนี่นา!
คนหนึ่งคือคุณชายน่าหลัน อีกคนคือเจ้าหญิงอัปลักษณ์ แล้วก็เพลงของเสี่ยวสยงสยง (สยงมู่มู่) ที่ก้าวผ่านเวลาในช่วงวัยรุ่นมากับพวกเขา
แล้วจะไม่รู้จักได้อย่างไร?
ฉางชิงซงอยู่ฝ่ายกรรมการนักศึกษาซึ่งพวกเขาคอยรักษาระเบียบอยู่ข้าง ๆ เขาชะงักก่อนจะตบหน้าขาทีหนึ่ง “บ้าเอ้ย ฉันก็ว่าทำไมหน้าคุ้นจัง!”
เมื่อวานเขารู้สึกคุ้นหน้าตั้งแต่เห็นหน้าเหมยเหมยแล้วพอได้ยินชื่อก็ยิ่งคุ้นแต่กลับนึกไม่ออกสักที พอมาฟังหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์พูดถึงจำได้ จ้าวเหมยคือเจ้าหญิงอัปลักษณ์ที่น้องสาวชั้นมัธยมปลายของเขาพูดถึงอยู่ทุกวันนี่นา!
ตัวจริงสวยกว่าในโทรทัศน์เยอะเลย!
หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์แนะนำประวัติของเหมยเหมยอีกเล็กน้อยแล้วเป็นฝ่ายปรบมือนำก่อน “ต่อไปเชิญนักศึกษาจ้าวเหมยขึ้นมากล่าวสุนทรพจน์ข้างบน ขอเชิญเลยค่ะ!”
…………………………
ตอนที่ 1377 แขนเสื้อครึ่งท่อนยังไม่มีปัญญาซื้อ
เสียงปรบมือราวกับฟ้าฝ่าดังสนั่นยิ่งกว่าปรบมือให้อธิการบดีหรือรองอธิการบดีในก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ เหล่านักศึกษาต่างยื่นคอหมายอยากเห็นจ้าวเหมยที่หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์พูดยกยอปอปั้นให้ชัด ๆ ว่าเป็นใครมาจากไหนกันแน่!
ฉีฉีเก๋อปรบมืออย่างหนักหน่วงแล้วทำท่าส่งกำลังใจให้เหมยเหมยทีหนึ่ง เหมยเหมยสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่พลางก้มมองประเมินว่าสภาพตัวเองไม่มีจุดบกพร่องตรงไหนถึงก้าวเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างไม่ช้าไม่เร็วและมองตรงไปข้างหน้า
เหมยเหมยเดินผ่านผู้คนขึ้นไปยังบนเวทีโดยเสียงปรบมือล่างเวทีเงียบไปชั่วอึดใจจนสนามเงียบผิดปกติ ทุกคนเหมือนหยุดลมหายใจพร้อมกันแต่ไม่นานเสียงปรบมือก็ดังขึ้นระลอกใหม่แถมยังอึกทึกกว่าก่อนหน้านี้
“โอ้โห ฉางชิงซง สาวงามคนนี้คือคนที่เมื่อวานนายไปรับมาไม่ใช่เหรอ? สารเลวอย่างนายมันโชคดีเรื่องผู้หญิงจังวะ?” ผู้ชายข้างฉางชิงซงพูดด้วยความอิจฉาริษยา
ฉางชิงซงกลอกตาทีหนึ่ง แม้สายตาจะจ้องบนเวทีไม่กะพริบแต่สีหน้ากลับเรียบนิ่งเหลือเกิน “นายไม่ลองคิดดูว่านี่คือดอกฟ้าเชียวนะ คนธรรมดาอย่างเราเอื้อมถึงเหรอ? นายกล้าเด็ดเหรอ?”
ผู้ชายคนอื่นมองเหมยเหมยที่ประกายออร่าเจิดจ้าเกินใครเลยส่ายหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง
คนที่เจียมตัวยังพอมีอยู่บ้างรู้ว่าคนสวยแบบนี้ต่อให้พวกเขาเด็ดมาได้ก็รักษาไว้ไม่ได้ สู้ไปเด็ดดอกท้อที่ธรรมดาหน่อยดีกว่า
เหมยเหมยเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วโค้งให้เหล่าผู้บริหารอธิการบดีก่อนทีหนึ่งค่อยเดินมาหน้าไมค์ด้วยความมั่นใจ เหล่าอธิการบดีลอบหยักศีรษะน้อย ๆ ตัวแทนนักศึกษารุ่นใหม่นี้น่าจะทำได้ดีที่สุดในช่วงหลายปีนี้แล้วล่ะ
เสียงปรบมือหยุดลง ทุกคนมัวแต่จดจ้องเหมยเหมยตาแทบไม่กะพริบ ทุกคนต่างคิดในใจตรงกันว่า–
ทำไมถึงได้มีคนสวยขนาดนี้นะ?
เหมยเหมยปรับระดับความสูงของไมค์ก่อนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณสำหรับเสียงปรบมือของทุกคนค่ะ ฉันคือจ้าวเหมย จ้าวที่เป็นจ้าวเฉียนซุนหลี่ เหมยที่แปลว่าคิ้ว เป็นนักศึกษาใหม่คณะศิลปกรรมศาสตร์สาขาศิลปะจีน”
เธอหยุดเว้นช่วงไปทีพลางพูดต่อ “ขอบคุณผู้บริหารที่ให้ฉันได้เป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่กล่าวสุนทรพจน์ ความจริงแล้วฉันคิดว่าฉันไม่ได้เก่งไปกว่าพวกคุณมากเท่าไหร่ อาจจะเพราะฉันดวงดีหน่อยเท่านั้น”
การกลับมาเกิดใหม่แล้วได้เจอกับเหยียนหมิงซุ่นและฉิวฉิวฉาฉา เธอโชคดีมากจริงๆ
“ฉันไม่มีพรสวรรค์ด้านการเรียน ตอนประถมชั้นปีที่ห้ายังเคยสอบได้ที่โหล่ของห้องและไม่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับใครเลย ที่จริงเจ้าหญิงอัปลักษณ์คือประสบการณ์ของตัวฉันเอง ตรงนี้ฉันคงไม่พูดมากแล้ว ที่โชคดีคือฉันได้เจอคุณครูที่ดีเพื่อนที่ดี พวกเขาได้ให้ความช่วยเหลือฉันมากมาย…”
เหมยเหมยเล่าอยู่บนเวทีไปเรื่อย ๆด้วยเสียงที่อ่อนหวานจับใจ ต่อให้ถูกขยายเสียงก็ยังอ่อนนุ่มเช่นเดิมให้ความรู้สึกจักจี้หูตอนได้ยิน
“เสื้อไหมพรมที่จ้าวเหมยใส่สวยจัง ฉันจะไปซื้อมาสักตัวหนึ่ง!” ถังม่านลี่เพ่งความสนใจไปยังเสื้อผ้าเครื่องประดับทั้งหมด ดวงตาเป็นประกายวาว เมื่อวานเพิ่งหาเงินมาได้หนึ่งร้อยหยวนน่าจะซื้อเสื้อได้หลายตัวเลยสินะ
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหลุดขำทีหนึ่ง “ถอดใจซะเถอะ เงินแค่นั้นของเธอสงสัยแขนเสื้อครึ่งท่อนยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“เธออย่าดูถูกกันเกินไป ก็แค่เสื้อไหมพรมไม่ใช่หรือไง ต่อให้ทำจากขนแกะก็แค่ยี่สิบหยวนต่อหนึ่งจิน ฉันว่าเสื้อไหมพรมตัวนี้อย่างมากก็ใช้ขนไปแค่หนึ่งจินจะต้องใช้เงินมากแค่ไหนเชียว? สามสิบหยวนก็มากเกินพอแล้ว!” ถังม่านลี่ไม่พอใจอย่างมาก คิดว่าเธอไม่เคยเห็นโลกข้างนอกมาก่อนหรือไงกัน!
“โอ้โห…เธอนึกว่านี่เป็นบะหมี่แถวบ้านเธอเหรอ ตั้งสามสิบหยวน? เติมศูนย์อีกหนึ่งตัวยังไม่พอเลย!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตาไวมากเพียงปราดเดียวก็จำได้ว่าเสื้อไหมพรมของเหมยเหมยเป็นสินค้ายอดนิยมในหลายปีนี้ของยี่ห้อ ‘มอริส ลาครัวซ์’ เป็นสินค้าชั้นดีเยี่ยมที่ราคาเสื้อผ้าไม่เคยถูก อย่างเสื้อไหมพรมบนตัวจ้าวเหมยก็เป็นสินค้าตัวใหม่ประจำฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงของปีนี้
ตัวละสี่ร้อยเก้าสิบเก้าหยวน ต้องเป็นลูกค้ากิตติมาศักดิ์ถึงได้ลดราคาห้าเปอร์เซ็นต์
เธอเองก็ซื้อมาตัวหนึ่งแต่ตอนนี้เห็นจ้าวเหมยใส่แล้วเผยทรวดทรงองค์เอวชัดเจนเธอเลยตัดสินใจเก็บเสื้อไหมพรมที่อยู่บ้านตัวนั้นไว้ตลอดไปดีกว่า
เทียบกันคนต่อคนแล้วน่าโมโหจะแย่!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น