ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 137-140

 บทที่ 137 บิ๊กเซอร์ไพรส์

โดย

Ink Stone_Fantasy

วันที่ 10 มิถุนายน สนามบินนครเซนต์จอห์น ฟอกเกอร์F50 เครื่องบินโดยสารลำเล็กก็ค่อยๆลดระดับลงสู่รันเวย์


นี่เป็นเครื่องบินโดยสารขนาดเล็ก มีที่นั่งเพียงสิบหกที่เท่านั้น เป็นเครื่องบินบินตรงสำหรับขนส่ง เครื่องยนต์ที่ใช้ก็ยังเป็นแบบ Twin engine turboprop ผลิตขึ้นมาตั้งแต่สามสิบปีก่อนแล้ว แต่เนื่องจากว่าการบำรุงรักษาไม่ยุ่งยาก ปริมาณการเผาผลาญน้ำมันต่ำ จึงเป็นที่นิยมมากในอเมริกาเหนือ


เครื่องบินหยุดลง เหมาเหว่ยหลงก็สะพายเอากระเป๋าสวิสส์เกียร์ และถือเอากระเป๋าเดินทางเดินออกมา เขามองเครื่องบินที่จอดอยู่ผ่านกระจกที่กั้นอยู่ตรงระเบียงทางเดิน ก็พูดพึมพึมพำพำกับตัวเองว่า “ที่แคนาดาก็ยังมีเครื่องบินเล็กแบบนี้อยู่อีกเหรอเนี่ย น่าสนใจจริงๆ แต่คุณภาพของแอร์โฮสเตสแย่เกินไป ต้องโดนวิจารณ์แน่ๆ!”


เขาบ่นพึมพำมาตลอดทาง ภายใต้การนำทางของพนักงานบริการภาคพื้นดิน เขาก็เดินมาถึงโถงใหญ่ของสนามบินแล้ว เขาหยิบสัมภาระที่เหลืออยู่ของตัวเองออกมาจากสายพาน บนสายพานมีกระเป๋าอยู่ถึงแปดใบเต็มๆ! กระเป๋าเล็กกระเป๋าใหญ่ จำนวนมากกว่าของคนสองคนเสียอีก!


เขาจ่ายเงินร้อยดอลลาร์ เพื่อเช่ารถขนของไฟฟ้ามาหนึ่งคัน เหมาเหว่ยหลงเดินออกมาจากสนามบิน แล้วจึงโทรหาฉินสือโอว


ต่อสายโทรออกไปแล้ว แต่กลับไม่มีคนรับ เหมาเหว่ยหลงเกาศีรษะแกรกๆ ในใจเริ่มจะกังวล ก่อนจะขึ้นเครื่องบิน ฉินโซ่วยังรับโทรศัพท์อยู่เลย เขาก็บอกเวลาลงเครื่องไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่มีคนรับสายโทรศัพท์ล่ะ?


รถขนของไฟฟ้าของสนามบินส่งถึงแค่บริเวณทางออกเท่านั้น เด็กวัยรุ่นใจดีคนหนึ่งที่ขับรถมาก็เตือนเขาว่า “คุณผู้ชาย คุณมาเที่ยวที่นครเซนต์จอห์นเหรอ? อยากให้ผมช่วยเรียกรถให้ไหม?”


เหมาเหว่ยหลงกดโทรศัพท์โทรออกอีกครั้ง เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “ขอบคุณมาก แต่ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวเพื่อนผมมารับ”


เด็กวัยรุ่นคนนั้นไม่ได้พูดอะไรอีก เขาช่วยเหมาเหว่ยหลงยกกระเป๋าลง แล้วพูดว่า ‘ขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับ’ แล้วจึงจากไป


เหมาเหว่ยหลงรออยู่ที่ริมถนนด้วยความวิตกกังวล รถแท็กซี่คันหนังขับเข้ามาถามเขาว่าต้องการจะเรียกรถไหม เขาจึงปฏิเสธไปด้วยความเร่งรีบ


แค่ครู่เดียว รถคาดิลแลคที่หรูหราโอ่อ่าก็ขับเข้ามา เหมาเหว่ยหลงมองดูรถคันนั้น ไม่ต้องดูภาพถ่าย ก็รู้ว่าฉินสือโอวมาถึงแล้ว


รถหยุดลง ฉินสือโอวเดินยิ้มลงมาจากรถ เขาไม่ได้พูดอะไรมากแต่เข้าไปกอดเขาโดยทันที


“เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยไหม? นั่งมาตลอดทางคงจะลำบากแย่เลย”


“เหนื่อยสิ แต่พอได้มาเจอนายก็ไม่เหนื่อยแล้ว ฮ่าฮ่า นายทำได้ไม่เลวเลย แถมยังขับรถคาดิลแลค วันมาด้วย! แต่ว่านะ แล้วกระเป๋าของฉันจะต้องเก็บยังไงอะ?”


มองดูกระเป๋ากองใหญ่ ฉินสือโอวแบะปาก เขาฝืนยิ้ม ไอ้หมอนี่จะย้ายมาอยู่ถาวรหรือยังไง เขาจึงตัดสินใจหารถเพื่อมาขนกระเป๋าไปอีกคัน


เหมาเหว่ยหลงก็กลับมาร่าเริงกระฉับกระเฉงอีกครั้ง เมื่อสิบชั่วโมงก่อนบนเครื่องบินไม่ได้พูดกับใครเลย เขาเกือบจะขาดใจตายแล้ว ดังนั้นเมื่อเจอกับฉินสือโอวเขาจึงพูดออกมาไม่หยุด สุดท้ายก็ลากฉินสือโอวมาแอบถามว่า “นี่ ไหนนายบอกว่าถ้าเจอฉันจะจัดเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ให้ยังไงล่ะ แค่กแค่ก……”


รถกระบะฟอร์ดF150คันใหญ่หนึ่งคันก็ขับเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ต่อมาประตูรถก็ถูกเปิดออก ผู้ชายสูงใหญ่ ร่างกายบึกบึนก็ลงมาจากรถแล้วมุ่งตรงมาทางพวกเขา


ชายสองคนที่ปรากฏตัวล้วนแต่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เนกไทสีดำ สวมสูทสีดำบนใบหน้าสวมใส่แว่นตากันแดด BOLON สีดำ ปรากฏให้เห็นเพียงครึ่งหนึ่งของใบหน้า บนคางเต็มไปด้วยหนวดหนาแน่น เหมาเหว่ยหลงลองมองดู ก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่พุ่งเข้ามา จึงได้รีบหลบ


ทว่า เรื่องนี้ถูกกำหนดไว้ให้มาหาพวกเขา ต่อให้เขาหลบก็ไม่มีประโยชน์อะไร ชายร่างใหญ่คนหนึ่งก็เดินเข้าไปหาฉินสือโอวโดยตรงและพูดต่อหน้าเขาอย่างเย็นชาว่า “สวัสดีครับ คุณฉินจากฟาร์มปลาต้าฉินใช่ไหม?”


เหมาเหว่ยหลงก็นิ่งไปทันที เขารู้สึกได้ถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปของฉินสือโอว ในใจของเขาก็แอบรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร


ฉินสือโอวกระแอมไอแล้วพูดขึ้นว่า “ขอโทษด้วยครับ พวกเราหารถขนของได้แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องใช้รถกระบะของพวกคุณ……โคโกโร่ รีบวิ่งตามฉันมา……”


เมื่อพูดจบ เขาก็ทิ้งกระเป๋าเดินทางที่อยู่ในมือแล้วลากเหมาเหว่ยหลงให้วิ่งตามมา


เหมาเหว่ยหลงตกตะลึง นี่มันอะไรกันเนี่ย?


ชายร่างใหญ่อีกคนที่หน้าตาดูน่ากลัวยิ่งกว่าก็รีบวิ่งเข้าไปขวางฉินสือโอวเอาไว้ ชายร่างใหญ่ท่าทางน่ากลัวทั้งสองคนก็ล้อมเอาไว้ทั้งซ้ายและขวา เหมาเหว่ยหลงก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความลุกลี้ลุกลน “ตำรวจ รปภ. …….”


ชายสองคนประกบพวกเขาไว้ ชายร่างใหญ่ทั้งสองคนลากแขนพวกเขาเอาไว้คนละข้าง เปิดประตูออก แล้วดันพวกเขาเข้าไปในรถ จากนั้นก็ตามมานั่งในรถด้วยกัน


“ปล่อยฉันลงรถ พวกแก……” เหมาเหว่ยหลงทั้งดิ้นรนขัดขืน ทั้งตะโกนไปด้วย ปรากฏว่าพอเขาพูดได้แค่ครึ่งเดียวก็ถูกปิดปากเอาไว้อยู่ดี เขามองด้วยสายตาหวาดกลัว ชายหนุ่มคนขับที่มีใบหน้าเคร่งขรึม ก็ควักปืน M1911A1 ออกมาหนึ่งกระบอก !


มีชายร่างใหญ่อีกคนที่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ ก็หยิบเอาปืนพกออกมา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณฉิน คุณบอกให้เพื่อนของคุณเงียบดีกว่านะ บอส ของพวกเราแค่อยากเชิญคุณไปเป็นแขก ไม่ได้มีเจตนาอื่น”


ในฐานะที่เป็นคนที่ชื่นชอบทหารเหมาเหว่ยหลงมองดูแค่แวบเดียวก็ดูออก ปืนที่อยู่ในมือของผู้ชายคนนั้นคือ ปืนกล็อก 17 ที่มีชื่อเสียงดังระดับโลก และเนื่องจากเหตุผลเกี่ยวกับครอบครัว เขาเคยลองเล่นปืนจริงมาแล้วหลายครั้ง ตอนนี้เมื่อลองวินิจฉัยดู ปืนที่อยู่ในมือของสองคนนี้ ต่างก็ไม่ใช่ของปลอมแน่นอน!


คราวนี้เหมาเหว่ยหลงจึงเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว เขามองฉินสือโอวด้วยความกระวนกระวายใจ ในใจของเขาก็กลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก นี่มันเรื่องอะไรกัน วะเนี่ย? ตัวเขาว่าวางแผนว่าจะมาเที่ยวกับมหาเศรษฐีแท้ๆ ทำไมถึงได้ถูกลักพาตัวมาพร้อมกับมหาเศรษฐีซะได้?”


เขาหันหลังกลับไปดู ก็พบว่าฉินสือโอวมีสีหน้าเรียบนิ่ง สองมือจับโทรศัพท์ไว้ด้านหลังของตัวเองแล้วขยับนิ้วด้วยความรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่ากำลังพยายามส่งข้อความ


ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหมาเหว่ยหลงก็ไม่กล้าพูดออกมา จึงทำได้แค่มองฉินสือโอวตาปริบๆ


ฉินสือโอวยิ้มให้เขาน้อยๆ เพียงแต่รอยยิ้มนี้มองอย่างไรก็ซีดเซียวเหลือเกิน “ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรหรอก เจ้านายของคนพวกนี้แค่สนใจฟาร์มปลาของฉันน่ะ ตอนนี้พวกเรากำลังเจรจาต่อรองราคาขายกันอยู่”


เหมาเหว่ยหลงก็นิ่งไป เขาเดาขึ้นมาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดว่าฟาร์มปลาของฉินสือโอวถูกพวกอันธพาลจับจ้องไว้ ต้องการบังคับให้เขาขาย คาดว่าฉินสือโอวน่าจะไม่ยอม พวกมันถึงได้ลงมือเช่นนี้!


รถถูกสตาร์ทแล้ว ขับออกจากทางด่วนของสนามบินอย่างช้าๆ เหมาเหว่ยหลงร้อนใจเหมือนถูกไฟเผา ที่นี่ไม่ใช่เมืองจีน ที่นี่อำนาจของตระกูลเขาไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย!


เมื่อส่งข้อความแล้ว ฉินสือโอวก็เลื่อนมือถือไปไว้ที่ใต้เบาะ เหมาเหว่ยหลงไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วก็ยังไม่กล้าที่จะพูดขัดขึ้นมาตามอำเภอใจ คิดหาทุกวิถีทางที่พอจะนึกออกว่าจะแก้ไขสถานการณ์ที่ตกอยู่ในอันตรายตอนนี้ได้อย่างไร


ปรากฏว่าถึงแม้เขาจะทำงานสำนักงานตำรวจ แต่เรื่องแบบนี้ก็เหมือนกับชายหนุ่มบริสุทธิ์เจอหญิงสาวครั้งแรก ไม่มีประสบการณ์แม้แต่น้อย เมื่อคิดไปเรื่อยๆก็ยิ่งเริ่มเพ้อเจ้อ


มองดูปืนสีดำขลับที่อยู่ด้านหน้าสองกระบอก ในใจของเหมาเหว่ยหลงก็เศร้ารันทดหาใดเปรียบ เดิมทีเขาหวังว่าฉินสือโอวจะหาเรื่องเซอร์ไพรส์มาให้เขา ตอนนี้เรื่องเซอร์ไพรส์ก็เกิดขึ้นแล้ว แถมยังเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์อีกต่างหาก!


เมื่อดื่มด่ำกับเรื่องเซอร์ไพรส์นี้เสร็จแล้ว เขาก็ต้องคิดถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดกับตัวเขาบ้างแล้ว ลองพิจารณาจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วนั้น มีความเป็นไปได้สูงมากที่พรุ่งนี้สื่อใหญ่ของจีนคงจะออกข่าว


ข้าราชการขาดการติดต่อหลังจากเดินทางไปท่องเที่ยวที่แคนาดา ต่อมาพบว่าเป็นศพอยู่ในป่า กระทรวงการต่างประเทศของจีนจึงขอคัดค้าน……


ปรากฏว่าอันนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว ถ้าแย่กว่านั้นหน่อย ก็คงเป็นหนึ่งปีต่อมาถึงได้เป็นข่าว ข้าราชการขาดการติดต่อหลังเดินทางไปท่องเที่ยวที่แคนาดา จนถึงวันนี้ยังไร้ร่องรอย เพื่อนชาวเน็ตในประเทศตบมือร้องสะใจ……


ในระหว่างที่เขากำลังคิดเพ้อเจ้อ รถก็ลงมาจากทางด่วนสาธารณะแล้วเข้าสู่เส้นทางแคบๆ ยิ่งขับมาทางก็ยิ่งเปลี่ยว


นี่ทำให้เหมาเหว่ยหลงอดเกลียดตัวเองไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าที่ทางด่วนในประเทศของเขามีด่านเก็บเงินก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆแล้ว ถ้าหากเมื่อสักครู่มีคนตรวจรถคันนี้ ไม่แน่ว่าพวกเขาก็คงจะถูกช่วยลงไปแล้ว


รถยังคงขับต่อไปเรื่อยๆ และเมื่อรถขับมาถึงสี่แยกแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีรถขับตรงเข้ามาจากทางแยกทั้งสองทาง


รถสองคันนี้ทาสีเขียวพรางตา ล้วนแต่เป็นรถแลนด์โรเวอร์ที่บุกเข้ามา ที่หน้ารถมีตัวอักษรสีขาวตัวใหญ่เขียนไว้ว่าJTF-2


“น่าตายจริงๆ! JFT!”บรรยากาศของการขับรถก็เปลี่ยนไปทันที เขาเหยียบเบรกหนักๆ รถฟอร์ด150ที่วิ่งมาด้วยความรวดเร็วก็หยุดลงทันที ล้อยางที่หนาและใหญ่ของรถก็เสียดสีกับพื้นถนน หน้ารถหยุดลงส่วนท้ายรถสะบัดไปข้างหน้า ครู่ต่อมาก็หยุดนิ่งลงในที่สุด


ขณะเดียวกัน ขณะที่มีรถบุกเข้ามา ฉินสือโอวก็ลากเหมาเหว่ยหลงไว้แล้วตะโกนว่า “หลบเร็ว นี่คือกำลังทหารกองบัญชาการร่วมปฏิบัติการพิเศษที่สองของแคนาดา!”


กองบัญชาการร่วมปฏิบัติการพิเศษที่สองของแคนาดา เหมาเหว่ยหลงก็รู้จัก นี่คือกองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายแบบพิเศษที่จัดตั้งขึ้นโดยแคนาดาโดยได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังเดลต้าอเมริกา ที่แคนาดามีชื่อเสียงเป็นรองแค่กองกำลังพิเศษฉุกเฉินที่องอาจห้าวหาญ


เขาทายถูกแล้ว เมื่อสักครู่ที่ฉินสือโอวแอบใช้โทรศัพท์อยู่ด้านหลัง น่าจะเป็นการแจ้งเหตุร้ายฉุกเฉินนั่นเอง


………………………………………………………


บทที่ 138 หนังฮอลลีวูด

โดย

Ink Stone_Fantasy

รถจู่โจม JTF-2 ที่บุกเข้ามาก็จอดลงเช่นกัน ประตูรถถูกเปิดออก คนสองกลุ่มที่สวมเสื้อผ้าเพื่อการรบพิเศษสีดำ ในมือถือปืนเตรียมทำการโจมตี สวมหมวกไหมพรมปิดบังบริเวณใบหน้าไว้ก็บุกออกมา เมื่อพวกเขาออกมาก็อาศัยรถจู่โจมเป็นที่กำบัง ดูท่าทางพร้อมบุกได้ทุกเมื่อ


อันธพาลทั้งสองคนบนรถกระบะกลับไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนก คนขับรถที่เย็นชาดึงเอาแผ่นบังงแสงอาทิตย์ลงมา ข้างหลังมีปืนไรเฟิลที่ส่งแสงสะท้อนสีครามเข้มขึ้นมาวาววับ


เมื่อมองเห็นของปืนกระบอกนี้ เหมาเหว่ยหลงก็ร้องครวญครางออกมา “ฉิบหายแล้ว SIG-556! อะไรกันวะเนี่ย นั่นมันเครื่องจักรสังหารขนาดยักษ์เลยนะ!”


ฉินสือโอวรีบเตือนเขาด้วยเสียงเบาๆว่า “หุบปาก!”


อันธพาลตัวใหญ่ที่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับก็แสยะยิ้มออกมา แล้วจึงชักปืนเรมิงตัน โมเดล 870 ออกมา แล้วตะโกนออกมาอย่างป่าเถื่อนว่า “ไอ้เวรเอ๊ย น้องชาย ให้พวกเราได้เอาเลือดลูกหมาพวกนี้ออกทีเถอะ!”


ประตูรถถูกเปิดออก คนขับรถที่ไร้ซึ่งอารมณ์กับอันธพาลโตใหญ่ดุร้ายก็เปิดประตูออกแล้วลากฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลงลงมาจากรถ มีทั้งสองคนเป็นโล่ ทหารหน่วยจู่โจมทั้งหลายจึงไม่กล้ายิง หัวหน้านายทหารคนหนึ่งก็ตะโกนออกมาว่า “ปล่อยตัวประกันซะ……”


เขาเพิ่งจะพูดออกมาได้ไม่กี่คำ อันธพาลร่างยักษ์ป่าเถื่อนก็ยกปืนเรมิงตันขึ้นมา เหนี่ยวไกปืนอย่างโหดเหี้ยม เสียง ‘ตูม’ ดังขึ้นมา กระสุนปืนลูกซองก็ถูกยิ่งถล่มออกมา!


“หุบปากไปซะ! ไอ้พวกหมาดำลูกอีตัว ฮ่าฮ่า วันนี้กูจะทำให้พวกมึงได้เลือดเอง!”หลังจากยิงปืนออกไปแล้วอันธพาลที่เหี้ยมโหดคนนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างกำเริบเสิบสาน


ต่อมา ก็มีรถกระบะอีกคนที่ขับมาจากข้างหลัง รถกระบะคันนี้จอดอยู่ที่ท้ายรถกระบะอีกคนที่จอดลงก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงประกอบกันเป็นบังเกอร์ จากนั้นประตูรถด้านหลังก็ถูกเปิดออก ปรากฏให้เห็นเงาของชายร่างยักษ์ ใบหน้าไร้ซึ่งการแสดงอารมณ์ถามออกมาว่า “เป็นไปได้ยังไง? ทำไม JTF ถึงได้รู้เรื่องนี้?”


เหมาเหว่ยหลงเผลอหันไปมองชายร่างยักษ์ที่เป็นคนถามคำถามนี้ขึ้นมา เมื่อมองออกไป เขาก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้อหูรูดของเขาเริ่มหดตัวทันที เจ้าหมอนี่มีร่างกายที่บึกบึนเกินไป ท้ายรถของรถกระบะฟอร์ด F150ที่กว้างขวางกลับทำให้มีความรู้สึกว่าจะยัดเขาไม่ลง คล้ายกับถ้าว่าเขาที่มีตัวใหญ่เหมือนกับไดโนเสาร์ดิ้นแรงสักหน่อย รถกระบะคนนี้ก็จะปริแตกได้ยังไงยังงั้น


“ไม่รู้ หรือว่าระหว่างทางเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่า?”คนขับรถที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ขมวดคิ้วถาม


ร่างใหญ่กระโดดลงมาจากรถ ในมือของเขาถือปืนDesert Eagleอยู่หนึ่งกระบอก ปืนล่าช้างกระบอกใหญ่อยู่ในมือของเขา ก็ดูเหมือนกับมีดส้อมอันเล็กๆเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าลักษณะภายนอกของเขาน่ากลัวเพียงใด


ส่วนอันธพาลร่างใหญ่อีกคนที่ไปจับตัวฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลงที่สนามบิน ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถือปืน AR-15 แล้วตะโกนว่า “น่าจะให้อีวิลสันพกเอาปืนM60ไป แล้วยิงถล่มไอ้พวกลูกหมานี่ให้เรียบ!”


เหมาเหว่ยหลงถึงกับกลืนน้ำลาย ปืนM60! พระเจ้าช่วย นี่จะรบกันหรือยังไง?! นี่เป็นพวกมาเฟียหรือกองกำลังกบฏกันแน่!


เมื่อมองเห็นชายร่างยักษ์คนนั้น ฉินสือโอวเองก็ลนลานขึ้นมาบ้างแล้ว เขากระซิบเสียงเบาว่า “อีวิลสัน ลูกของปีศาจร้าย! นี่เป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ที่สุดในแคนาดาฝั่งตะวันออก! เรื่องวันนี้หนักหนามากๆ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่แจ้งตำรวจ!”


เหมาเหว่ยหลงยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่แย่ยิ่งกว่าร้องไห้ เขาทำปากแข็งแล้วขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ไอ้น้อง เหอะเหอะ ยังไงคนเราก็ต้องตายอยู่แล้ว น่าเสียดายที่ฉันยังเป็นหนุ่มบริสุทธิ์อยู่เลย!”


“แล้วจะทำยังไงกับไอ้สองคนนี้ดี?”อันธพาลหน้าเหี้ยมหันไปถามชายร่างยักษ์


ชายร่างยักษ์หันไปมองทั้งสองคนด้วยใบหน้าไร้ซึ่งการแสดงอารมณ์หนึ่งครั้ง เส้นเลือดดำบนหน้าผากกระตุกไปมา อ้าๆหุบๆปากอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา คล้ายกับว่าในใจกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง


เหมาเหว่ยหลงก็เต้นตูมตามขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเจ้าหมอนี่กำลังคิดว่าจะฆ่าพวกเขาหรือไม่ฆ่าพวกเขาอยู่หรอกนะ?”


คนขับรถที่เงียบขรึมก็ยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย เขาชักเอาปืน M1911A1ออกมาจากเอวแล้วส่งให้ฉินสือโอว “คุณฉิน วันนี้ถึงคราวเข้าตาจนแล้ว! พวกเราคงหนีได้ยาก โดยเฉพาะถ้าต้องพาภาระอย่างพวกคุณสองคนไปด้วย! ดังนั้น จะให้พวกคุณมาเป็นตัวถ่วงของเราไม่ได้ คุณเป็นคนที่เจ้านายเราต้องการ พวกเราต้องพาคุณไปด้วย ส่วนเพื่อนของคุณ ก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว!”


“แต่ว่านะ คงต้องให้คุณเป็นคนลงมือฆ่าเจ้าหมอนี่เองแล้วล่ะ พวกเราจะได้ลงเรือลำเดียวกัน พวกเราถึงจะมั่นใจได้ว่า คุณยินยอมที่จะต่อต้านทหารตำรวจพวกนี้!”


เข่าทั้งสองข้างของเหมาเหว่ยหลงก็อ่อนลงจนลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้น ไอ้คนชั่วช้าพวกนี้ไม่สำนึกบาปบุญคุณโทษเลยหรือยังไงกัน? ช่างเป็นเดนมนุษย์โดยแท้!


ฉินสือโอวรับเอาปืนมา แต่แค่ครู่เดียวเขาก็เข้ามาบังเหมาเหว่ยหลงไว้ เขาพูดอย่างคนที่ยืนหยัดเพื่อความถูกต้องว่า “พวกแกคิดว่าคนตระกูลฉินอย่างฉันเป็นคนยังไงกัน? นี่คือพี่น้องของฉัน ฉันไม่มีทางทำร้ายเขาเด็ดขาด! ถ้าพวกแกกล้าพอก็จัดการพวกเราที่นี่เลยสิ! ไม่อย่างนั้นพวกแกกับเราสองคนก็ลงหลุมไปด้วยกัน!


เหมาเหว่ยหลงรู้สึกซาบซึ้ง ฉินโซ่ว นายเป็นเหมือนพี่น้องแท้ๆเลยจริงๆ!


ตอนที่เขากำลังรู้สึกซาบซึ้งอยู่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกทะแม่งๆขึ้นมา การลักพาตัวที่อยู่ตรงหน้านี้ยังไม่เท่าไร แต่ตั้งแต่หน่วยJTF ปรากฏตัว เรื่องพวกนี้ก็ไม่ถูกต้องแล้ว


หน่วยJTF เป็นที่รู้จักของทั่วโลกว่าเป็นหนึ่งในสิบหน่วยรบปราบปรามการก่อการร้ายฉุกเฉิน แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้เอาแต่หลบอยู่หลังรถจู่โจมไม่ลงมือยิง? เรื่องนี้ไม่สมกับฐานะของพวกเขาเลยนี่สิ


ไหนจะ เจ้าฉินโซ่วนี่อีก ออกจะรักพี่รักน้องเกินไปเกินไปหน่อยนะ……


เขาลองสังเกตคนขับรถที่เงียบๆคนนั้นกับชายสูงใหญ่ท่าทางดุร้าย ยิ่งหันมาดูปืนAR-15 กับปืนเรมิงตันที่อยู่ในมือของคนพวกนี้อีก ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนขึ้นมาว่า “เฮ้ ชาร์ค ซาร์ดเซ็น!”


ชายร่างสูงใหญ่ที่ถือปืนเรมิงตันไว้ในมือก็หันกลับมาแสยะยิ้มให้เขา ทันทีหลังจากนั้น รอยคิ้มของเขาก็ค้างอยู่บนในหน้า


เหมาเหว่ยหลงเห็นท่าทางอย่างนั้นแล้วก็เดาได้ทันทีว่าแท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาตะโกนออกมาว่า “แม่แกสิ ฉินโซ่ว นายหลอกฉันนี่!”


ฉินสือโอวรู้ว่าแกล้งแสดงต่อไปไม่ได้แล้ว เขาเอาปืน M1911A1 เสียบไว้ที่เอว แล้วหัวเราะฮ่าฮ่าออกมา “ไอ้กากตอนนี้ทักษะการสังเกตของแกของแกแย่เกินไปแล้ว! รูปของเจ้าพวกนี้แกน่าจะเคยเห็นมาตั้งกี่ร้อยรอบแล้วไหม? ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ ส่วนนี่คือเรกจี นีลเซ็น แกเพิ่งจะดูออกตอนนี้น่ะเหรอ?!”


เมื่อเห็นอย่างนี้ ทั้งสี่คนก็เปลี่ยนสีหน้า ชายร่างสูงใหญ่สองคนนั้นก็ก้มหน้าถอดแว่นกันแดด BOLON ออกแล้วจึงถูหน้าตัวเองแรงๆ คนขับรถที่ดูเฉยเมยก็ยิ้มแล้วยื่นมือออกมาหาเหมาเหว่ยหลง “คุณเหมา สวัสดีครับ ผมคือเรกจี นีลเซ็น ยินดีต้อนรับสู่นิวฟันด์แลนด์ ยินดีที่คุณมาเป็นแขกของนิวฟันด์แลนด์นะครับ!”


ชายท่าทางดุดันกำลังเล่นกับปืน Desert Eagle ที่อยู่ในมือ ซีมอนสเตอร์จึงยืนมือออกไปแย่งปืนมาแล้วตะโกนว่า “อีวิลสัน อย่ายิงคนอื่น แล้วก็อย่างยิงตัวเองด้วย! น่าตายจริงๆ บอสไม่น่าให้เขามาเล่นละครด้วยกันเลย!”


รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด เหมาเหว่ยหลงก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรจะพูดอะไร เขาชี้นิ้วไปที่ฉินสือโอวแรงๆ แล้วด่าว่า “ไอ้เวรเอ๊ยฉันเกือบจะโดนแกอำจนตายแล้ว! แม่แกสิ เซอร์ไพรส์เหรอเซอร์ไพรซ์ นี่น่ะเหรอเซอร์ไพรส์ที่แกเตรียมไว้ให้ฉัน?!”


ฉินสือโอวก็พูดอย่างจนปัญญา “แกก็ทำให้ฉันเซอร์ไพรส์เหมือนกันน่า ฉันนึกว่าเมื่อครู่นี้ที่ขึ้นรถมาแกจะดูออกแล้วว่าเป็นนีลเซ็นกับชาร์ค แต่ปรากฏว่าแกดันกลัวซะได้ ฉันเลยต้องส่งข้อความไปบอกให้เจ้าพวกนี้แกล้งเอารถJTS-2 มาแสดงด้วย”


เหมาเหว่ยหลงพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “โคตรแม่แกสิ เมื่อก่อนฉันเคยเห็นแต่รูปถ่าย อีกทั้งพวกเขายังใส่แต่ชุดทำงาน แล้วแกดูตอนนี้สิ ใส่สูทสวมแว่นตาดำกันทุกคน ทำฉันกลัวแทบแย่!”


พูดจบ เขาก็ยื่นมือออกไปทุบฉินสือโอวหนึ่งหมัด


ฉินสือโอวหลบแล้วหัวเราะด้วยความสนุกสนาน


ด้านหน้ากลุ่มคนจากสมาคมการดำรงชีวิตในทุ่งกว้าง A&M ก็โบกมือมาหาเขา พอล ซาโกร หัวหน้าสมาคมก็ถามกับเขาว่า “ไม่ต้องแสดงแล้วเหรอ? น่าตายจริงๆ นายควรจะเล่าบทให้พวกเราฟังก่อนสักหน่อยนะ พวกเราไม่รู้ว่าต้องแสดงอะไรต่อเลย!”


ละครเวทีนี้ออกจะเล่นนอกบทไปนอก เดิมทีฉินสือโอวแค่อยากจะแกล้งเหมาเหว่ยหลงให้ตกใจสักหน่อย แต่พอได้แกล้งก็ดันแกล้งจนเลยเถิดมาถึงตอนนี้ ไม่ได้แกล้งจนเหมาเหว่ยหลงกลัวจนตายก็นับว่าเขายังใจดีอยู่มากนัก


เหมาเหว่ยหลงก็งอนเขาอย่างหนัก รอจนขึ้นรถมา ก็ด่าเขาอีกรอบ “แกนี่มันกวนตีนดีจริงๆ โคตรแม่เอ๊ย ฉันคิดว่าถ้ามาถึงที่ของแกแล้วจะได้ชื่นชมความสวยงามของสาวแคนาดาสักหน่อย ตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินมาฉันก็แข็งจนเหมือนกับปืน แกทำกับฉันแบบนี้ ฉันคิดว่าทั้งชีวิตนี้ฉันคงต้องปล่อยให้มันแข็งอย่างนี้ไปตลอดแล้ว”


ฉินสือโอวหัวเราะคิกๆคักๆ “ไอ้อ่อนแบบแกยังไม่มีความคืบหน้าอีกเหรอ แกคิดแต่เรื่องผู้หญิงทั้งวันทั้งคืน แต่กลับยังเวอร์จิ้นอยู่เนี่ยนะ?” ไหนใครมันบอกกับฉันตอนโทรศัพท์ว่าตัวเองตัวเองมีสาวเป็นร้อยคนกันนะ?”


เหมาเหว่ยหลงอารมณ์เสีย เขาตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องมาพูดจาไร้สาระกับฉัน ไม่ว่ายังไงแกก็ต้องปลอบขวัญให้หัวใจดวงน้อยๆของฉันที่โดนทำร้าย แกคิดหาวิธีเอาเอง ถ้าทำให้ฉันพอใจไม่ได้ ฉันจะไปประจานแกในกลุ่ม!”


……………………………………………..


บทที่ 139 ออกทะเลด้วยกัน

โดย

Ink Stone_Fantasy

เรือยอชต์ทรอลเลอร์ที่จอดอยู่บนท่าเรือนครเซนต์จอห์น ฉินสือโอวตั้งใจขับเรือลำที่หรูหราที่สุดของตัวเองเพื่อมารับเหมาเหว่ยหลง


อีกทั้งเมื่อเหมาเหว่ยหลงได้ขึ้นไปบนเรือนกนางนวล ความร้อนในใจเขาที่เดิมทีก็ไม่ได้มีมากเท่าไรนักก็หายไปอย่างรวดเร็ว


“เช็ดแม่ นี่เรือของแกเหรอ? โคตรสวย นี่มันสุดยอดกว่ารถคาดิลแลคของแกตั้งเยอะ”เหมาเหว่ยหลงเดินแกร่วไปมาอยู่บนเรือหนึ่งรอบ พูดออกมาแล้วทอดถอนหายใจ


ฉินสือโอวหัวเราะเหอะๆ แล้วพูดกับเขาว่า “พอแล้วล่ะ รีบนั่งลงเถอะ แกไม่ได้เหนื่อยแล้วหรอกเหรอ? ถ้าชอบเรือลำนี้พรุ่งนี้ก็ค่อยขับมันออกไปเล่นที่ทะเล ไม่ต้องทำตัวเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงแล้วโอเคไหม?”


เหมาเหว่ยหลงส่ายหัวแล้วทอดถอนอารมณ์ “ไอ้เช็ดแม่ ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลงอย่าดูแคลนคนจนอายุน้อย ตอนอยู่หอมีแต่ฉันที่เรียกแกว่าบ้านนอกเข้ากรุง คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะกลายเป็นฉันซะเองที่โดนแกเรียกว่าไอ้บ้านนอก……”


นีลเซ็นทำการติดตั้งการนำทางด้วยคอมพิวเตอร์ให้กับเรือนกนางนวล แค่เทไอซ์ไวน์แล้วนำออกมา แก้วที่ใช้เป็นแก้วคริสทัลทรงสูง ไวน์องุ่นที่แพรวพราวด้วยประกายคริสทัล น้ำแข็งที่เหมือนกับเพชร ทั้งสองอย่างผสมเข้าด้วยกันอย่างดี แทบจะแยกออกจากกันไม่ได้เลยจริงๆ


ฉินสือโอวรับเอาไวน์มา เหมาเหว่ยหลงก็กระแอมไอออกมาหนึ่งที่ แล้วพูดด้วยเสียงที่ดังราวกับจะประกาศให้รู้ทั่วกันว่า “น้อง! เอาเหล้ามา!”


“พอเลย นั่งดื่มเหล้าสิ แกไม่เมาเรือบ้างหรือไง?” ฉินสือโอวพูดกับเขายิ้มๆ


ตอนนี้เหมาเหว่ยหลงหยุดไม่ได้แล้ว เขาจิบไวน์แล้วจึงยกนิ้วโป้งขึ้นมาชมว่า “ฉันไม่เมารถ ฉันไม่เมาเรือแล้วฉันก็ไม่กลัวความสูงด้วย ไม่เหมือนคนบางคน ได้ยินมาว่าขึ้นเครื่องบินครั้งแรกก็เกือบฉี่รดกางเกง? ใช่แล้ว แล้วสาวแอร์โฮสเตสคนสวยของแกล่ะ?”


ฉินสือโอวตอบไปว่า “ตอนนี้วินนี่กำลังทำงานในสายการบินระหว่างประเทศ เธอยังกลับมาไม่ได้พักหนึ่ง แต่ว่าก็ขอลาหยุดไปแล้วล่ะ เดือนเจ็ดอาจจะขอลาหยุดมาได้”


เหมาเหว่ยหลงส่ายหัวด้วยความเสียดาย ฉินสือโอวพูดต่อว่า “ไม่ต้องเสียดาย เดี๋ยวพวกแกก็ได้เจอกัน ถ้ามีโอกาสพวกเราจะไปหาแกที่ปักกิ่ง”


“ใครเสียดายที่ไม่ได้เจอสาวแอร์โฮสเตสของแกกันล่ะ?”เหมาเหว่ยหลงกลอกตาใส่ “ฉันแค่อยากจะให้เธอแนะนำสาวๆสวยๆให้ฉันสักหน่อยต่างหาก ฉันยังไม่รู้จักสาวแอร์โฮสเตสฝรั่งสักคนเลยนะ”


ฉินสือโอวกลอกตาอย่างจนปัญญา อยากจะปล่อยเจ้าหมอนี่ให้กลิ้งไปกับเรือซะเลย


ปืนทุกกระบอกถูกวางไว้บนเรือ เหมาเหว่ยหลงเข้าไปในห้องขับเรือแล้วจึงมองเห็นปืนพวกนี้ ปืนAR-15 สวยสะดุดตาเป็นพิเศษ


เขาเคยติดตามพ่อของเขาไปเล่นปืนM-16 ส่วนปืนAR-15 ก็พัฒนามาจากชุดปืน M-16 ดังนั้นสำหรับเหมาเหว่ยหลงแล้ว เขาจึงคุ้นชินกับปืนกระบอกนี้ เขาใช้มือปลดตลับกระสุนดู ข้างในไม่มีลูกกระสุน เหนี่ยวไกปืนไปมาเพื่อให้แน่ใจว่าข้างในลำกล้องก็ไม่มีกระสุนเหลืออยู่ แล้วจึงนำออกไปด้วย


ถึงแม้ว่าพ่อของเขาจะเป็นข้าราชการสันติบาลระดับสูง แต่เหมาเหว่ยหลงก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เล่นปืนไรเฟิล โดยเฉพาะช่วงหลายปีมานี้ งานทหารตำรวจจะเข้มงวดเป็นพิเศษ


เช่นนี้เมื่อได้ถือปืน AR15 เหมาเหว่ยหลงก็ชอบมากจนวางไม่ลง ไม่หยุดที่จะทำท่าทางเล็งปืนเตรียมลั่นไก


ฉินสือโอวถามนีลเซ็นว่ามีกระสุนไหม เขาพยักหน้าแล้วหยิบเอากระสุนปืนสีทองหนึ่งตลับออกมาจากใต้แท่นขับเรือ แล้วส่งมันให้เหมาเหว่ยหลง เขาถามอย่างตกตะลึงว่า “แกคงจะไม่ได้ให้ฉันยิงปืนหรอกใช่ไหม?”


“เล่นได้ตามสบายเลย เราอยู่บนทะเล แกจะเล่นปืนกลก็ยังไม่มีปัญหาเลย”ฉินสือโอวพูดอย่างสมเหตุสมผล


เหมาเหว่ยหลงได้ยินเช่นนี้ ก็ตื่นเต้นจนแทบบ้า เขาถามขึ้นอีกว่า “มีเรื่องดีๆแบบนี้ด้วยเหรอ? ที่แคนาดาสามารถยิงปืนได้ตามใจชอบเลยเหรอ?”


ฉินสือโอวส่ายหัวตอบ “ดูเหมือนว่าที่ควิเบกจะควบคุมเข้มงวดกว่าหน่อย ที่เขตชายแดนแบบนิวฟันด์แลนด์ มีบางที่ที่ค่อนข้างหละหลวมหน่อย โดยเฉพาะในทะเล ต่อให้แกมีระเบิดมือ จะใช้ระเบิดตกปลาก็ไม่มีปัญหา”


เหมาเหว่ยหลงเติมกระสุนลงไปในกระบอกปืนจนเต็ม เขานั่งยองๆอยู่บนดาดฟ้าเรือเล็งปืนไปที่ผืนน้ำทะเลแล้วลั่นไกลออกไป ยิงติดต่อกันสามนัดออกไปก่อนสองครั้ง


และเนื่องจากฉินสือโอวมีใบอนุญาตสำหรับปืนเก่า ดังนั้นจึงมีปืนอัตโนมัติเอาไว้ในครอบครองได้ ถ้าไม่อย่างนั้นเหมาเหว่ยหลงอย่าได้หวังเลยว่าจะได้เล่นปืนอย่างมีความสุขแบบนี้


ทว่าอาวุธปืนพวกนี้ ดูแล้วทะนงองอาจ สามารถดึงดูดพวกผู้ชายได้อย่างมาก แต่ในความเป็นจริงพอได้ยิงแล้วกลับรู้สึกทรมาณมาก ปืน AR15 มีแรงสะท้อนกลับที่ค่อนข้างจะรุนแรง เหมาเหว่ยหลงชินกับการทำงานในสำนักงาน หลังจากยิงไปแล้วหลายนัดเขาก็นวดไหล่ของตัวเองแล้วเริ่มแยกเขี้ยวยิงฟัน


ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดัง เขาขึ้นมารับเอาปืนไป พอดีกับที่มีปลากระโทงดาบมหาสมุทรแอตแลนติกตัวหนึ่งถูกเรือยอชต์รบกวนจนกระโดดขึ้นมา เขาคว้าโอกาสนี้แบกกระบอกปืนเอาไว้ แล้วลั่นไกยิงออกไปติดต่อกันสามนัด ‘ปังปังปัง’ ดังกังวานขึ้นสามครั้ง ลูกกระสุนทั้งหมดบินข้ามปลากระโทงดาบตัวนั้นไป


เหมาเหว่ยหลงหัวเราะเยาะฝีมือการยิงปืนที่ไม่ได้เรื่องของเขา แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ ถ้าหากเมื่อสักครู่เขาอยากจะยิงปลาตัวนั้นให้ตาย แน่นอนว่าต้องยิงโดนจังๆอยู่แล้ว


ทว่า เขาไม่ทำอย่างนั้น นอกจากขายเพื่อเอาเงินและนำมาเป็นอาหารแล้ว เขาก็จะไม่ฆ่าปลาในทะเล


หากสังหารเพื่อความสนุกสนาน เรื่องแบบนั้นฉินสือโอวทำไม่ลง แน่นอนว่า เป็นคนละเรื่องกับการขึ้นไปล่าสัตว์บนภูเขา


จากตอนเริ่มต้นจนถึงตอนจบยิงปืนเล่นจนหมดลูกกระสุนไปแล้วสองชุด ในที่สุดเหมาเหว่ยหลงก็อยู่นิ่งๆได้เสียที เขานวดคลึงไหล่ขวาไม่หยุด


แสงแดดสาดส่องลงมาบนเรือ จึงค่อนข้างร้อน ฉินสือโอวถอดเสื้อผ้าท่อนบนออกเพื่ออาบแดด ปรากฏให้เห็นลายเส้นกล้ามเนื้อบนร่างกายเป็นมัดๆ


เหมาเหว่ยหลงที่ขี้อิจฉาก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่น่าใช่นะ ฉินโซ่ว ไอ้หนุ่มขี้ก้างแบบแกหุ่นดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? กล้ามหน้าท้อง อกผายไหล่ผึ่งเอวคอด ฉันล่ะอดที่จะอยากยิงแกไม่ได้”


ฉินสือโอวตอบกลับไปอย่างคร้านๆว่า “ถ้าวันวันแกต้องมาวุ่นกับงานในทะเล เดี๋ยวหุ่นแกก็เปลี่ยนเป็นแบบฉันเองนั่นแหล่ะ”


เหมาเหว่ยหลงอิจฉาเขาจริงๆแล้ว ไม่ใช่แค่อิจฉาหุ่นของเขา แต่ยังมีทัศนคติที่เขามีต่อการใช้ชีวิตอีกด้วย เรื่อยๆสบายๆ เป็นอิสระ และเรียบง่าย


เรือค่อยๆลอยไปช้าๆ เกาะที่มีเส้นฝั่งทะเลที่สวยงามก็ปรากฏขึ้นแก่ทัศนวิสัยของเหมาเหว่ยหลง


แสงแดดสาดส่องไปทั่ว ผิวน้ำทะเลก็ส่องสว่างเป็นประกาย เทือกเขาเคอร์บัลสีเขียวสดที่ทอดตัวต่อกันเป็นผืนกว้างล้อมรอบเกาะเล็กๆแห่งนี้ไว้ครึ่งหนึ่ง ดูคล้ายกับอ้อมแขนทรงพลังที่กำลังปกป้องเมืองนี้อยู่ ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของเหมาเหว่ยหลง ล้วนแต่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ราวกับอยู่ในดินแดนสุขาวดี


ท่าเรือของฟาร์มปลาอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ฉินสือโอวจึงนำเรือมาจอดไว้ที่ท่าเรือในเมืองเล็ก


เมื่อได้เห็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเรียบง่ายแบบยุโรปของเมืองเล็กๆแห่งนี้ เหมาเหว่ยหลงก็ค่อนข้างตื่นเต้น หยิบกล้องออกมาถ่ายรูปไว้อย่างต่อเนื่อง เมื่อลงเรือแล้วเขาก็รีบเข้าไปในเมือง


ฉินสือโอวเรียกเขาไว้ โยนเสื้อผ้ากันฝนให้เขาหนึ่งชุด แล้วถามเขาว่า “แกจะทำอะไร?”


เหมาเหว่ยหลงถือเอาเสื้อผ้ากันฝนมาแล้วตอบอย่างงงๆว่า “ฉันจะไปดูอะไรในเมืองหน่อย แกล่ะจะทำอะไร?”


“เปลี่ยนเสื้อผ้า กลับไปฟาร์มปลาก่อน แกพักผ่อนก่อนสักหน่อย ตอนเย็นมีอาหารชุดใหญ่เตรียมไว้ให้แก”ฉินสือโอวกล่าว


“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขึ้นรถไปน่ะสิ”เหมาเหว่ยหลงพูดกับเขา


ฉินสือโอวชี้นิ้วไปที่เรือสปีดโบ๊ทสองที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล “อันนี้!”


เหมาเหว่ยหลงก็นึกขึ้นมาได้ทันที เขาตบหน้าผากแล้วพูดว่า “โคตรแม่ เหนื่อยจนสมองเลอะเลือนแล้วแท้ๆ ลืมไปเลยว่าแกมีเจ้าพวกนี้อยู่!”


ฉินสือโอวไม่กล้าให้เขาขับเรือสปีดโบ๊ทเอง ถึงแม้ว่าเรือพวกนี้จะไม่ได้มีลักษณะทางเทคนิคมากนัก เขาขับเรือลำหนึ่งด้วยตัวเอง พาเหมาเหว่ยหลงไปสู่มหาสมุทรกว้างใหญ่


เรือสปีดโบ๊ทขับออกไปช้าๆ เหมาเหว่ยหลงก็เร่งให้เพิ่มความเร็วไม่หยุด ฉินสือโอวยิ้มออกมา เขายกเกียร์ขึ้นทันที พร้อมทั้งเหยียบคันเร่งจนสุด


เรือเทพเจ้าสายฟ้ามืดดูราวกับจุติทรราช มันแผดเสียงคำรามออกมาหนึ่งครั้ง พอหางยาวๆของมันบุกฝ่าคลื่นขึ้นไป


เรือสปีดโบ๊ททำให้คลื่นแตกกระจาย มันแผดเสียงร้องพร้อมๆกับบุกไปบนพื้นผิวทะเล ลมทะเลพัดเข้ามา เหมาเหว่ยหลงอ้าปากออกกำลังจะตะโกนออกไป แต่น้ำทะเลกลับสาดกระเด็นเข้ามาในปากเขาเสียก่อน เขารีบ ‘ถุ้ยถุ้ย’ ถุยออกมาไม่หยุด


ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดัง แค่แป๊บเดียว เรือสปีดโบ๊ทก็มาถึงฟาร์มปลา แล้วขับขึ้นไปบนชายหาดทันที


หู่จือและเป้าจือได้ยินเสียงของเรือสปีดโบ๊ทมาตั้งนานแล้ว ลูกหมาสองตัวกระโดดโลดเต้นวิ่งออกมาต้อนรับฉินสือโอว


เหมาเหว่ยหลงที่ยังคงรู้สึกสนุกอยู่ก็ถามเขาขึ้นมาว่า “ฉินโซ่ว ไปวนเล่นอีกสักรอบ? ยังไม่ทันสนุกเลย”


ฉินสือโอวตอบไปว่า “พอก่อน แกไปพักผ่อนก่อน ตอนเย็นจะได้กินอาหารทะเลจัดเต็ม วันต่อๆไปอยากเล่นอะไรก็เดี๋ยวค่อยเล่น ฉันเตรียมไว้ให้แกหมดแล้วล่ะ”


เหมาเหว่ยหลงเดินวนดูรอบๆเรือสปีดโบ๊ทไปสองรอบ จากนั้นก็หยิบเอามือถือออกมาถ่ายรูปเอาไปไว้อวดหลายใบ


หู่จือและเป้าจือเอียงหัวมองเขา เหมาเหว่ยหลงทักทายพวกมัน ลูกหมาทั้งสองแสยะมุมปาก แสดงออกอย่างเหยียดหยาม


เหมาเหว่ยหลงก็รู้สึกทึ่มไปชั่วขณะ “อะไรวะ ลูกหมาสองตัวเมื่อกี้ มันหมายความว่ายังไง?”


“โฮก!”เสียงคำรามหนึ่งครั้งก็ดังขึ้นมาจากหน้าประตูอาคาร


……………………………………………….


บทที่ 140 พลังของจิตสำนึกโพไซดอน

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากเสียงคำรามดังขึ้น เป็นก้อนเนื้ออ้วนๆที่กำลังกลิ้งมาทางนี้


เหมาเหว่ยหลงเคยเห็นฉงต้าจากในรูปของฉินสือโอวมาก่อน ทว่าของที่เห็นจากรูปภาพกับความเป็นจริงก็ย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ฉงต้าที่ขนฟูๆในความเป็นจริงดูบ้องแบ๊วกว่าในรูปแถมยังดูน่าขบขันกว่าในรูปเสียอีก


ก่อนหน้านี้ตอนที่หู่จือและเป้าจือวิ่งไปที่ชายหาด ฉงต้าเองก็วิ่งออกไปด้วยเช่นกัน แต่ขาสั้นๆของมันทั้งสี่ขาออกแรงวิ่งบนชายหาดไม่ไหว อีกทั้งช่วงนี้ยังอ้วนขึ้นมาก ดังนั้นมันจึงวิ่งตามมาท้ายสุด


เมื่อก่อนเวลาเจอคนแปลกหน้า ฉงต้าจะร้องคำรามพร้อมทั้งทำท่าทำทางขู่ขวัญฝ่ายตรงข้าม แต่หลังจากโดนนีลเซ็นและอีวิลสัน สั่งสอน ตอนนี้มันก็นับว่ามีประสบการณ์ที่ยาวนานแล้ว มันจึงวิเคราะห์สถานการณ์ก่อน ไม่กล้าไปยั่วยุคนอื่นโดยทันที เพราะกลัวตัวเองจะถูกตี


เหมาเหว่ยหลงอยากจะลูบหู่จือและเป้าจือ แต่หมาหยิ่งสองตัวนี้กลับไม่ยอมเจอเขา เอาแต่วิ่งหนี ไปหลบอยู่ข้างหลังฉินสือโอว


รอจนฉงต้ามาแล้ว เหมาเหว่ยหลงเห็นว่ามันอ้วนๆขนฟูๆน่ารักแปลกๆ จึงลองหยั่งเชิงยื่นมือเข้าไปลูบหัวของมัน


ฉงต้าไม่ได้มีความทระนงในศักดิ์ศรีของหมีสีน้ำตาลโคดิแอคเลยแม้แต่น้อย มันนั่งลงให้เหมาเหว่ยหลงลูบคลำอย่างน่าเอ็นดู เมื่อรู้สึกสบายจึงหลับตาลงแล้วฟุบลงไปกับพื้น โชว์ให้เห็นถึงส่วนอื่นๆที่อยากโดนลูบคลำ เหลือแค่พูดว่า ’ยินดีให้ลูบคลำ’ ก็เท่านั้น


เหมาเหว่ยหลงก็ชอบใจ เขาช่วยฉงต้าเกาอยู่สักพัก แถมยังช่วยมันนวดคลายกระดูกอีก ปรนนิบัติจนมันรู้สึกสบายตัวสุดๆ


หมีสีน้ำตาลโคดิแอคชอบที่จะนอนตากแดดเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย ดังนั้นจึงจะเห็นได้จากรายการทีวีบางอันว่า หมีสีน้ำตาลมักจะชอบถูตัวกับไม้ใหญ่ไม้พุ่มพวกนั้น พวกมันไม่ได้เกาเพราะคัน ส่วนใหญ่แล้วแค่อยากจะรู้สึกผ่อนคลายที่ขนมากกว่า


ความรู้สึกแปลกใหม่ผ่านไป เหมาเหว่ยหลงก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมา เนื่องจากที่นั่งบนเครื่องบินเล็กเกินไป เขาจึงไม่ได้พักผ่อนอย่างดีพอ


ฉินสือโอวจัดห้องพักแขกที่ชั้นหนึ่งไว้ให้เขาหนึ่งห้อง ห้าหกสิบตาราง นับว่ากว้างขวางแน่นอน


เหมาเหว่ยหลงก็ถ่ายรูปเซลฟี่ไม่หยุด ฉินสือโอวพูดกับเชาอย่างจนปัญญาว่า “แกกลายเป็นพวกชอบเซลฟี่ตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย?”


เหมาเหว่ยหลงแบะปาก แล้วพูดกับเขาว่า “ผิดแล้ว ฉันเป็นพวกชอบโชว์ต่างหากล่ะ!”


ฉินสือโอวชูนิ้วกลางให้เขาไปหนึ่งอัน แล้วถามเขาว่ายาสมุนไพรที่เอามาด้วยอยู่ในกระเป๋าใบไหน แล้วจึงปิดประตูเดินหนีไป


เขาเปิดกระเป๋าหนังสีน้ำตาล ข้างในมียาสมุนไพรที่ถูกจัดไว้ตามแต่ละห่ออย่างดี หนึ่งห่อน่าจะใหญ่ประมาณกำปั้นหนึ่งอันของผู้ใหญ่ ถุงกระดาษสีน้ำตาลถูกยัดของไว้จนตุง ข้างบนเขียนบอกไว้ว่าต้มยังไงใช้ยังไง


ตอนบ่ายฉินสือโอวไม่มีอะไรทำ ฉินสือโอวบอกให้ชาร์คและซีมอนสเตอร์ซื้อหม้อดินจากนครเซนต์จอห์นกลับมาด้วย ของชิ้นนี้มีขายทั้งในร้านอาหารจีนและตลาดขายผัก ทั้งสองคนซื้อมาหลายใบ เพื่อให้ฉินสือโอวเลือกใช้เอง


หม้อดินเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับใช้ต้มยาจีน ตอนเป็นเด็ก ฉินสือโอวเคยเห็นคุณปู่ใช้หม้อดินต้มยาบ่อยๆ ดังนั้นเขาจึงรู้จักวิธีใช้ของสิ่งนี้


เขาเลือกหม้อดินใบที่พอเหมาะมา แล้ววางไว้บนเตาแก๊ส ใส่ยาใส่น้ำลงไปก่อน ยาสมุนไพรจำเป็นต้องแช่น้ำ ถ้าเป็นภาษาบ้านเกิดของฉินสือโอว สิ่งนี้เรียกว่า ‘ฉี่ซิ่ง’ (起性) มีความหมายว่ายาปลุกฤทธิ์ยาให้ตื่นขึ้น


แช่ได้ประมาณยี่สิบนาที ก็สามารถนำไปต้มได้แล้ว


ฉินสือโอวใช้ไฟแรงเพื่อต้มน้ำก่อน รอให้น้ำร้อนจากนั้นจึงปรับความร้อนลงแล้วค่อยๆต้ม ต้มไปได้จนถึงประมาณยี่สิบนาที ก็สามารถเอายาหม้อแรกออกจากเตาได้แล้ว


เวลานี้ต้องมีคนคอยดู การต้มยาจีนต้องพิถีพิถัน น้ำจะมากหรือน้อยเกินไปไม่ได้ ถ้าน้ำเยอะเกินไปยาที่ได้มาจะมีฤทธิ์ยาไม่เพียงพอ ถ้าน้ำน้อยเกินไปก็อาจจะถูกต้มจนแห้ง ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นการสิ้นเปลืองสมุนไพร เนื่องจากจำเป็นต้องเททิ้ง ยาสมุนไพรที่ถูกต้มจนแห้งไม่เพียงแต่ไม่มีสรรพคุณของยาเท่านั้น แต่ยังมีพิษอีกด้วย


ฉินสือโอวนำยาสีน้ำตาลเข้มเทลงไปในชาม จากนั้นจึงนำน้ำตาลกรวดใส่ลงไปอีกหนึ่งก้อน เตรียมให้เออร์บักได้ดื่ม


นีลเซ็นจะเข้ามาหาเขา แต่ปรากฏว่าเมื่อเข้ามาในห้อง เขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก เขาปิดจมูกไว้แล้วตะโกนขึ้นมาว่า “บอส มีกลิ่นยาเคมี รีบออกมาเถอะ มีเรื่องแล้ว!”


ฉินสือโอวจะขำก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ไม่ดี เขากลอกตาแล้วพูดว่า “เงียบน่า นี่เป็นยาที่ฉันต้มต่างหาก! ต้มยาน่ะนายเข้าใจไหม?”


นีลเซ็นก็พูดอย่างงงงวย ขึ้นว่า “อ๋อ ผมก็นึกว่าในบ้านมียาเคมีอะไร”


ชาร์คตามเข้ามา เข้าถามอย่างนึกเป็นห่วงว่า “ฉิน แบบนี้เชื่อถือได้ไหม? คุณมีใบอนุญาตการผลิตยาที่ SFDA ออกให้ไหม?”


ชาวต่างชาติเข้มงวดในเรื่องการผลิตยาเป็นอย่างมาก การจำหน่ายยาปฏิชีวนะมีโทษทีพอๆกันกับการค้ายาเสพติด ไม่อนุญาตให้คนธรรมดากลั่นยาเองเด็ดขาด ถ้าหากไม่มีใบอนุญาตจาก SFDA การกลั่นยาเองเป็นการทำผิดร้ายแรง


นี่ก็เป็นความแตกต่างทางวัฒนธรรมอีกอย่างหนึ่งของสองประเทศ มักจะมีข่าวคนจีนที่ต้มยาอยู่ในบ้านแต่โดนเพื่อนบ้านเข้าใจผิดว่าพวกเขาผลิตยาเสพติดหรือผลิตวัตถุอันตรายจึงไปแจ้งตำรวจพวกนี้อยู่เสมอ


นีลเซ็นดีกว่าชาร์คอยู่ตรงที่ เขาไม่เคยสงสัยในเรื่องที่ฉินสือโอวทำ ฉินสือโอวออกคำสั่ง เขาก็แค่ทำหน้าที่ให้เสร็จ รับฟังและปฏิบัติตามได้ดีมาก


ตอนนี้เออร์บักกำลังพักผ่อนตอนกลางวันอยู่ เนื่องจากอาการปวดหัวในตอนเช้ามืด เขาจึงนอนหลับในตอนกลางคืนได้ไม่ดีนัก อาการของโรคนี้จะทุเลาลงในตอนกลางวัน เวลานี้สามารถนอนหลับได้สบาย ทว่าก็ไม่สามารถหลับได้ลึกมาก ไม่อย่างนั้นก็จะปวดหัวได้


ฉินสือโอวรอเขาตื่น แล้วจึงนำยาที่เก็บไว้ในตู้เก็บความร้อนออกมา ยกไปให้เขาแล้วพูดขึ้นว่า “คุณปู่ คุณทานให้หมดก่อน จากนั้นค่อยไปแช่น้ำอุ่นนะครับ นี่เป็นยารักษาเนื้องอกในสมองโดยเฉพาะ ต้องได้ผลแน่ๆครับ”


เออร์บักหัวเราะเหอะเหอะแล้วพูดกับเขาว่า “โอเค เป็นรสชาติที่คุ้นเคยจริงๆ ตอนฉันเป็นเด็กก็เคยกินมันบ่อยๆ ทุกครั้งที่ป่วย คุณปู่ของนายจะไม่ยอมให้ฉันกินยาแผนปัจจุบัน บอกว่าของพวกนั้นไม่ดีต่อร่างกาย แล้วก็จะต้มยาจีนให้ฉันกินทุกครั้ง”


ตอนนี้บ่อน้ำร้อนยังไม่ถูกบุกเบิก เป็นบ่อน้ำร้อนกลางแจ้งสองบ่อเท่านั้น บ่หนึ่งค่อนข้างจะลึกอุณหภูมิก็ค่อนข้างสูง อีกบ่อหนึ่งลึกแค่ครึ่งเมตรเท่านั้น อุณหภูมิราวๆห้าสิบองศา แต่ปากบ่อที่กว้าง มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเกือบห้าเมตร


ตั้งแต่ทางออก น้ำร้อนก็พุ่งออกมาข้างนอกไม่หยุด ชาร์คและซีมอนสเตอร์ ขุดคลองเส้นเล็กๆ เพื่อถ่ายเทน้ำออกมา จึงทำให้มีน้ำพุบริสุทธิ์พุ่งออกมาข้างนอกไม่หยุด


เออร์บักเปลี่ยนไปใส่กางเกงชายหาดลายดอก ส่วนฉินสือโอวก็นำเก้าอี้นอนไปวางไว้ในบ่อน้ำร้อนที่มีปากบ่อขนาดกว้าง เออร์บักก็ลงไปนอนอยู่บนเก้าอี้ทันที เพื่อที่จะรับประกันการทำงานของพลังของจิตสำนึกโพไซดอน เขาจึงให้ส่วนด้านหลังศีรษะของเออร์บักจมลงไปในน้ำ


จิตสำนึกโพไซดอนแผ่ปกคลุมบ่อน้ำร้อน พลังของจิตสำนึกโพไซดอนที่ไหลเชี่ยวก็ไหลจากด้านหลังศีรษะของเออร์บักไปสู่ภายในร่างกายของเขาทันที


ฉินสือโอวทำการควบคุมไป ก็สังเกตเห็นส่วนที่ผิดปกติ


ปกติแล้วไม่ว่าพลังของจิตสำนึกโพไซดอนจะเป็นการกระตุ้นการเจริญเติบโตของปลาในทะเลหรือเข้าไปหมุนวนกับน้ำทะเล ฉินสือโอวล้วนแต่เป็นคนลงควบคุมการส่งพลังออกไปเอง แต่คราวนี้เมื่อพลังพลังของจิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปใกล้เออร์บักแล้ว กลับเป็นฝ่ายที่ถูกดูดเข้าไปแทน


การค้นพบครั้งนี้กลับทำให้ฉินสือโอวรู้สึกดีใจขึ้นมา นี่สามารถบอกได้แน่ชัดหรือไม่ว่า ร่างกายของเออร์บักกำลังดูดซับพลังเพื่อเข้าไปต่อต้านไม่ให้เซลล์ในร่างกายเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็ง?


ส่งพลังของจิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปอย่างเต็มที่มาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้ว เมื่อฉินสือโอวรู้สึกเหนื่อยล้าจึงได้หยุดมือลง แต่เมื่อหยุดทำ เขากลับพบว่าตอนนี้เออร์บักที่นอนอยู่ในน้ำกลับแน่นิ่งไป!


นี่ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก แต่พอเขาลองตรวจสอบดูจึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้ ชายชราเพียงแค่หลับไประหว่างแช่น้ำก็เท่านั้น


ฉินสือโอวส่ายหัว เขาต้องไปเตรียมอาหารค่ำแล้ว


เหมือนกันกับเออร์บัก เหมาเหว่ยหลงหลับได้อย่างสบายใจ เขาฝันว่าตัวเองได้เจอกับสาวฝรั่งในนิวฟันด์แลนด์คนแล้วคนเล่า ผมสีทอง สีน้ำตาล สีดำ ขาวยาวเอย หน้าอกใหญ่เอย ก้นงอนๆเอย ผู้หญิงสาวๆที่แต่งงานแล้ว สาวน้อยแล้วก็ยังมีเด็กแบบโลลิต้า……


เหมาเหว่ยหลงพยายามปรือตาด้วยความง่วงเหงาหาวนอน ยิ่งเขาสร่างนอนเท่าไรความรู้สึกเหมือนกำลังโดนเลียอยู่ก็ยิ่งชัด เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็เห็นหัวที่มีขนฟูๆ อยู่ใกล้ๆกับหน้าของเขา อีกทั้งลิ้นใหญ่สาก อันเหนียวๆก็กำลังเลียไปทั่วหน้าของเขา


“อะไรวะเนี่ย ฉงต้า!” เหมาเหว่ยหลงร้องตะโกนขึ้นมาอย่างน่าเวทนา เขาดันฉงต้าออกแล้วลุกขึ้นนั่ง แต่เขาก็เห็นเข้ากับฉินสือโอวที่กำลังยืนหัวเราะสะใจอยู่ที่หน้าประตู


ฉงต้าน้อยใจอย่างถึงที่สุด มันถูกเหมาเหว่ยหลงผลักพลิกลงไปกับเตียง อุ้งตีนทั้งสี่ข้างสะบัดไปมาอยู่พักหนึ่ง แต่ปรากฏว่ามันอ้วนเกินไป ทำให้ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ในทันที จนทำให้มันต้องนอนคว่ำหน้าลงไปกับเตียงก่อน จากนั้นจึงค่อยลุกขึ้นมา


ทันใดนั้นฉินสือโอวจึงนึกขึ้นมาได้ว่า ต้องให้ฉงต้าลดความอ้วนซะแล้ว!


…………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)