ลำนำบุปผาพิษ 1369-1374

 บทที่ 1369 เรือนกายแฝงไอเซียนอันน่าเกรงขาม


ตามคำพูดของตาเฒ่าเทพศักดิ์สิทธิ์เช่นเขา งานราชกิจเหล่านี้เดิมทีเขาต้องจัดการด้วยตัวเองเสมอมา สิ้นเปลืองสติปัญญายิ่งนัก ยามนี้แต่งศรีภรรยาเข้ามาแล้ว ภรรยาย่อมต้องแบ่งเบาภาระเขา ภายหน้าการช่วยเขาจัดการเรื่องยุ่งยากเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่ชอบธรรมตามเหตุผล ดังนั้นต้องเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่ยามนี้…


เริ่มแรกกู้ซีจิ่วคัดค้านอย่างหนัก รู้สึกว่าเขาดูเอ้อระเหยลอยชายนัก ท่าทางเหมือนคนที่ต้องสิ้นเปลืองสติปัญญาเพื่อจัดการงานราชกิจตรงไหนกัน?


แถมเธอยังยุ่งง่วนอย่างยิ่ง ยุ่งจนเท้าแทบไม่ได้แตะพื้น ไหนเลยจะมีเวลาว่างมาเรียนรู้การสะสางงานราชกิจอันใด?


จะเรียนก็รอให้ออกไปจากสถานที่ผีสางแห่งนี้แล้วค่อยว่ากันเถอะ


แต่ตี้ฝูอีผู้นี้เมื่อต้องการบรรลุเป้าหมายใดแล้ว ก็จะอุตสาหะพากเพียร กู้ซีจิ่วถูกเขาพัวพันจนหมดปัญญา ทำได้เพียงหาวิธีประนีประนอม “จะให้ข้าเรียนก็ย่อมได้ เอาเวลาจากการประกอบกิจสามีภรรยามาเรียนก็แล้วกัน!”


กู้ซีจิ่วไม่ทราบว่าชีวิตสมรสของสามีภรรยาคู่อื่นๆ ดำเนินกันอย่างไร แต่เธอรู้สึกว่าหลังจากแต่งกับตี้ฝูอีไปแล้ว เจ้าคนผู้นี้ก็กลายเป็นหมาป่าไม่รู้จักพอตัวหนึ่ง ชีวิตคู่ช่วงสามปีแรก เขาจะบำเพ็ญร่วมคู่กับเธอสองถึงสามครั้งต่อวัน หนึ่งครั้งก็กินเวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม ทำให้เธอค่อนข้างรับไม่ไหวยิ่งนัก


ต่อมาภายใต้การประท้วงอย่างหนักหน่วงของเธอ จึงเปลี่ยนเป็นวันละครั้ง จากนั้นก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้อีกแล้ว…


ที่เกินเหตุกว่านั้นคือ ในหนึ่งครั้งนี้เขาต้องใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยาม ถึงแม้การบำเพ็ญร่วมคู่จะทำให้สมรรถภาพร่างกายเธอยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่ทำให้อ่อนล้าเกินไป แต่กู้ซีจิ่วมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าช่วงเวลาอันมีค่ายิ่งนักของตน ต้องมาสิ้นเปลืองอย่างแสนสาหัสกับวันละหนึ่งครั้งนี้


ด้วยเหตุนี้เมื่อก่อนจึงเสนอไปว่าสัปดาห์ละสองสามครั้งก็พอ จนปัญญาที่เจ้าคนผู้นี้ไม่ยอมฟัง เขามักจะมีวิธีมาหลอกล่อเธอขึ้นเตียงอยู่ทุกวัน…


ยามนี้กู้ซีจิ่วจึงใช้เรื่องนี้มาข่มขู่เขา นึกไม่ถึงว่าเขาจะใคร่ครวญอยู่หนึ่งแล้วตอบตกลงด้วยสีหน้าปานนักรบที่สละข้อมือเพื่อรักษาชีพ


ด้วยเหตุนี้การประกอบกิจของสามีภรรยาจึงเปลี่ยนเป็นสี่ครั้งต่อสัปดาห์ ช่วงเวลากว่าหนึ่งชั่วยามของอีกสามวันที่เหลือเธอต้องเรียนรู้งานราชกิจ…


เพียงแต่ระหว่างที่เรียนรู้งานราชกิจนั้นก็ค่อนข้างพูดยากยิ่งนัก เขามักจะทดสอบเธออยู่เนืองๆ หากว่าไม่ผ่าน ก็จะได้รับบทลงโทษจากเขา และบทลงโทษของเขามักจะเป็นการประกอบกิจระหว่างสามีภรรยาเพิ่มขึ้นหนึ่งครั้ง


ดังนั้นช่วงเวลาที่ร่ำเรียนสามวันนี้ เธอจึงถูกลงโทษด้วยการเล่นพลิกผ้าห่มอยู่บ่อยครั้ง…


ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้สิ่งที่เรียกว่ากิจของสามีภรรยาจะลดน้อยลง ทว่าความจริงแล้วก็ไม่ได้ลดลงสักเท่าไหร่ หนึ่งสัปดาห์ลดลงสักครั้งสองครั้งก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว


….


การคาดคะเนของตี้ฝูอีแม่นยำยิ่งนัก ย่างเข้าครึ่งปีแรกของปีที่แปด ในที่สุดพลังวิญญาณของกู้ซีจิ่วก็บรรลุขั้นสิบแล้ว!


วินาทีที่พลังวิญญาณฝ่าทะลวงขั้น เมฆมงคลนับไม่ถ้วนก็ห้อมล้อมอยู่รอบกายเธอ บนร่างมีแสงสีเงินที่คล้ายกับแสงจันทร์สาดส่องออกมา มีสีรุ้งเหลือบอยู่ในแสงสีเงินนี้ สาดส่องทั้งห้องโถงให้เปี่ยมสีสันละลานตา


เคราะห์ดีที่ยามนั้นเธออยู่ในสถานที่ฝึกฝนลับแห่งนั้นของตี้ฝูอี มิเช่นนั้นเกรงว่าคงดึงดูดให้ผู้คนมากมายมามุงดูแล้ว


เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา ก็เห็นว่าตี้ฝูอีนั่งอารักขาเธออยู่ที่ด้านหนึ่ง สายตาที่มองเธอลุ่มลึกดั่งบึงน้ำ


แต่งงานกันมาแปดปี ทั้งสองคนแทบไม่เคยแยกจากกันเลย ต่างฝ่ายต่างคุ้นเคยกันดีราวกับมือซ้ายมือขวาของตน แต่ทุกครั้งที่ตี้ฝูอีมองเธอเช่นนี้ หัวใจเธอจะเต้นกระหน่ำขึ้นมา


เธอกระโดดผลุงขึ้นมาหมุนตัวรอบหนึ่ง โอ้อวดอยู่ตรงหน้าเขา “เป็นยังไงบ้าง? ข้างดงามขึ้นมากเลยใช่ไหม?”


การทะลวงจากขั้นแปดสู่ขั้นสิบ อันที่จริงเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด หากว่าขั้นเก้าถือเป็นเซียน เช่นนั้นขั้นสิบก็นับว่าทะลวงผ่านด่านเคราะห์แล้ว หากไม่เกิดเหตุเหนือความคาดหมายขึ้น จะมีชีวิตอมตะไม่แก่ชรา ร่างของเธอในยามนี้ก็เป็นร่างเซียนแล้ว ผิวพรรณย่อมเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น ริมฝีปากแดงเรื่อโดยไม่ต้องแต้มชาด คิ้วเข้มโดยไม่ต้องวาด เรือนกายแฝงไอเซียนอันน่าเกรงขามประการหนึ่ง


————————————————————————————-


บทที่ 1370 ข้าเป็นแม่น้ำสายเล็กท่านเป็นมหาสมุทรใหญ่


เมื่อก่อนถึงแม้เธอจะงดงามยิ่งนัก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงกายหยาบของมนุษย์ บนร่างมีไอโลกียะอยู่ ยามนี้ไอโลกียะนั้นสลายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว


เธองดงามยิ่งนัก งดงามจนสะท้านจิตสะเทือนวิญญาณ


ตี้ฝูอีตวัดแขนเสื้อคราหนึ่ง เสาเล่มหนึ่งก่อตัวขึ้นกลางห้องโถง นัยน์ตาเขาวาววับ “มาเถอะ เต้นรูดเสาให้ข้าชมหน่อย”


กู้ซีจิ่วหน้าแดงทันที ไม่หลงกลเขา ทุกครั้งที่เจ้าคนผู้นี้ให้เธอเต้นรำเช่นนี้ จะโผเข้าใส่เธออย่างเร่าร้อนทุกที…


เธอยังต้องรีบออกไปดูพวกเจ้าหอยยักษ์ ดังนั้นเธอจึงหมุนกายทันที “ไม่มีทาง!”


หนีไปหาพวกเจ้าหอยยักษ์อย่างลิงโลดปรีดา


แต่ก่อนตอนที่เธอฝึกฝนจนบรรลุขั้นเก้า ก็สามารถเข้ามาที่นี่เองได้แล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องให้ตี้ฝูอีพาเธอมาอีก เพียงแต่เจ้าคนผู้นี้ประหนึ่งแผ่นยาหนังสุนัข ชอบติดหนึบอยู่ข้างกายเธอ ทุกครั้งที่เธอเข้ามาฝึกฝนเขาก็จะเข้ามาฝึกฝนด้วย


แปดปีมานี้วรยุทธ์ของเธอเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตี้ฝูอีกลับดูคล้ายว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย


กู้ซีจิ่วเคยสอบถามสาเหตุจากเขา ตี้ฝูอีใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามเธอ “เมื่อลำธารสายน้อยมาบรรจบกันในแม่น้ำสายเล็กถึงจะมองเห็นกระแสน้ำเชี่ยวกราก หากว่าลำธารสายน้อยมาบรรจบกันในมหาสมุทรเล่า? เจ้าจะมองเห็นความเชี่ยวกรากของมันอยู่หรือไม่?”


กู้ซีจิ่วเงียบไปครู่หนึ่ง


เธอกระโดดขึ้นหลังเขาแล้วข่วนเขา “ความหมายของท่านคือข้าเป็นแม่น้ำสายเล็กส่วนท่านเป็นมหาสมุทรใหญ่สินะ?”


ตี้ฝูอีดึงเธอลงมาจากแผ่นหลังตน รั้งเข้าสู่อ้อมกอด ยิ้มละไมแล้วขบใบหูเธอ “เปรียบเปรย เป็นการเปรียบเปรยเท่านั้น อย่าโมโหสิ”


กู้ซีจิ่วย่อมไม่โมโหแล้ว เนื่องจากขณะที่เขาดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดก็ทำการลอกคราบเธอเสมือนแกะบ๊ะจ่าง กดเธอลงบนเตียงเมฆาหลังนั้น “เด็กน้อย ยากนักกว่าเจ้าจะฝ่าทะลวงข้นได้สำเร็จ พวกเรามาฉลองกันดีกว่า”


“สุนัขหื่น! ท่านมันสุนัขหื่นโดยกำเนิด!” กู้ซีจิ่วหน้าแดงก่ำ


“อืม ประโยคนี้ดูเหมือนเจ้าจะกล่าวมาหลายรอบแล้ว เปลี่ยนคำเถอะ ข้ารู้สึกว่าสุนัขหื่นไม่คู่ควรจะใช้บรรยายตัวข้า” ตี้ฝูอีคร่อมอยู่บนร่างเธอ มือลูบไล้ริมฝีปากจิ้มลิ้มของเธอเบาๆ “เป็นเสือหื่นมังกรหื่นจะเหมาะกว่าหรือเปล่า?”


กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย


นัยน์ตาเธอวูบไหว ร่างกายเปล่งแสงสีขาวแวบหนึ่ง ร่างกายตี้ฝูอีพลันเหน็บชา จากนั้นฟ้าดินก็พลิกตาลปัตร รอจนปฏิกิริยาตอบสนองของเขากลับคืนมา คนทั้งสองก็สลับตำแหน่งบนล่างกันแล้ว เธอค่อมอยู่บนเอวเขา แย้มยิ้มปานจิ้งจอกน้อย “ในเมื่อเป็นการฉลองให้ข้า เช่นนั้นก็สมควรฟังความคิดเห็นข้า ครั้งนี้เปลี่ยนให้ข้าอยู่ด้านบนบ้าง!”


เดิมทีตี้ฝูอีคิดจะทำอะไรบางอย่าง เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเธอ ก็ไม่ดิ้นรนอีก นอนแผ่อยู่ตรงนั้นประหนึ่งปลาบนเขียง “เชิญ!”


กู้ซีจิ่วอับจนวาจาแล้ว


กู้ซีจิ่วมองร่างกายที่เปลือยเปล่าของตน แล้วมองเขาที่ยังสวมเสื้อผ้าครบถ้วน รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าตนค่อนข้างเสียเปรียบ!


ทุกครั้งยามที่ประกอบกิจ เขาล้วนชมชอบลอกคราบเธอจนเปลือยเปล่าไร้สิ่งกีดขวาง ส่วนเขากลับถอดอาภรณ์ออกเพียงครึ่งเดียว ทำให้เธอที่แต่งงานกับเขามาแปดปีเคยเห็นร่างกายของเขาอย่างแท้จริงเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น หนนี้…เธอจรดนิ้วทำมุทรา ชี้ไปที่ร่างเขา ด้วยเหตุนี้จึงมีเสียงแคว่กดังขึ้น อาภรณ์บนร่างตี้ฝูอีขาดออกเป็นชิ้นๆ ในทันใด…


ตี้ฝูอีนิ่งไปครู่หนึ่ง เขามีสีหน้าปานจะสละชีพเพื่อรักษาพรหมจรรย์ “เสี่ยวซีจิ่ว นี่เจ้าจะเป็นป้าอ๋องฝืนน้าวธนู[1]หรือ?”


จากนั้นก็ถอนหายใจ “ที่แท้เจ้าก็รีบร้อนถึงเพียงนี้…” พลันหลับตาลง “เช่นนั้นมิสู้ข้ายอมโอนอ่อนเสีย”


ยอมโอนอ่อนกับหัวเจ้าสิ!


กู้ซีจิ่วอยากร่ำไห้ทว่าไร้น้ำตา อันที่จริงเธอก็แค่อยากเปลื้องผ้าเขาเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าเนื่องจากไม่คุ้นชินกับเวทวิชานี้ จึงผิดพลาดไปอย่างใหญ่หลวงถึงเพียงนี้


เดิมทีเธอคิดจะเป็นหญิงแกร่งแทะโลมลูบไล้เขาสักหน่อยเท่านั้น ยามนี้กลับค่อนข้างทำไม่ลงแล้ว ขณะที่หมายจะลุกขึ้น กลับถูกเขารั้งไว้


————————————————————————————-


[1] ป้าอ๋องฝืนน้าวธนู หมายถึง คนที่ชอบใช้กำลังบังคับในเรื่องต่างๆ และหมายถึงการบังคับขืนใจด้วย


บทที่ 1371 มีผู้ใดสมัครใจอยู่ต่อ


เขานอนหนุนมือ ดูท่าทางสบายยิ่งนัก “เหตุใดไม่ทำต่อเล่า?”


“ช่างเถิด!” กู้ซีจิ่วดึงมือเขา ผุดลุกขึ้นมา กำลังจะใช้วิชาเรียกชุดคลุมมาแต่งตัวให้เรียบร้อย ทว่าเธอเพิ่งจะใช้วิชานี้ได้เพียงกึ่งหนึ่งก็ถูกเขาขัดจังหวะ “ในเมื่อให้ผลประโยชน์แก่เจ้า เจ้าไม่อยากได้ เช่นนั้นข้าก็จะเอาคืน…”


ดังนั้น เธอจึงถูกเขาทาบทับอีกแล้ว…


กู้ซีจิ่วกระชับนิ้วมือ ยามนี้เธอฝึกฝนถึงขั้นสิบแล้ว ทว่าด้านสมรรถภาพร่างกายยังคงสู้เขามิได้ หากไม่ระวังเพียงนิดก็จะถูกเขาทับเข้า…


อีกทั้งเขายังชอบอยู่ด้านบน หลายต่อหลายครั้งที่กู้ซีจิ่วอยากพลิกกายล้วนถูกเขาหยุดไว้ ตามที่เขากล่าว เรื่องแบบนี้จะคว้าชัยชนะหรือพ่ายแพ้ก็ต้อง pk[1] กันแล้ว ทุกคนใช้ความแข็งแกร่งมาตัดสินบนล่างกัน…


เขายังบอกว่าเรื่องอื่นนั้นพูดง่าย ทำให้เธออยู่เหนือเขาได้อย่างภาคภูมิใจ ถึงแม้จะมาแทนที่เขาก็ไม่สนใจ ทว่าในเรื่อง ‘การใช้ชีวิตคู่’ เขาไม่อาจออมมือได้!


กู้ซีจิ่วตอบโต้อยู่หลายครั้งล้วนล้มเหลวทั้งนั้น ครั้งนี้ไม่ง่ายเลยที่เขาจะเชื่อฟังสักครั้ง เธอกลับยอมปล่อยมันให้เสียเปล่า!


ในช่วงที่อารมณ์พุ่งพล่านสูงสุด เธอกัดหัวไหล่เขาอย่างแรง “ช้าเร็วอย่างไรข้าก็ต้องพลิกกาย! จับท่านพลิกไว้ข้างล่างให้ได้!”


“ตั้งตารอคอย!” ลมหายใจอันเร่าร้อนของตี้ฝูอีรินรดข้างหูนาง “ข้าจะรอคอยวันนั้น! ตอนนี้จงรับรู้ความรู้สึกข้าเสีย…”



วันนี้อากาศบริสุทธิ์แจ่มใส ภายใต้ต้นถันภังคี ทุกคนต่างมารวมตัวกันที่นี่


วันที่เก้าเดือนเก้า นี่คือวันที่ตี้ฝูอีตีความว่าเป็นวันที่จะออกจากที่นี่ได้


เพราะมีอาจารย์ดีอย่างตี้ฝูอีคอยชี้แนะคน ความเร็วในการฝึกฝนของคนที่นี่จึงรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า วันนี้หลังจากผ่านไปแปดปี มีทั้งหมดสิบเอ็ดคนที่ทะลวงขั้นเก้าได้!


กู้ซีจิ่ว ตี้ฝูอี หลัวจั่นอวี่ ไป๋หลี่เช่อ เมิ่งซู่เหยียน พี่เหลิ่งเอ้อร์ เมียเหลิ่งเอ้อร์ ยังมีผู้ชายอีกสี่คน สองคนไร้คู่ อีกสองคนมีคู่


บรรยากาศค่อนข้างประหลาด ตื่นเต้น โศกเศร้า พลัดพราก สุขใจ กระวนกระวาย…อารมณ์ทั้งหลายผสมปนเปอยู่ในใจผู้คน ทุกคนกำลังตั้งตารอให้กู้ซีจิ่วเลือก…


ความจริง แปดปีมานี้มีผู้มาใหม่เข้ามาสองคน ผู้มาใหม่ทั้งสองคนนี้ยังคงเป็นคนที่ไม่ใช่สานุศิษย์สวรรค์ถูกโยนเข้ามาในป่าทมิฬ ทว่าพวกเขาโชคดีกว่าคนอื่น ไม่ได้ถูกทำลายพลังวิญญาณ ดังนั้นหลังจากรักษาตัวหายแล้วก็เป็นทหารกล้าสองนาย มีความสัมพันธ์อันดีกับทุกคนในช่วงนี้ แต่ระดับพวกเขาต่ำต้อย ยามนี้ยังไม่ถึงขั้นเจ็ด ย่อมไม่มีความหวังแม้เพียงน้อย จึงยืนชมความครึกครื้นอยู่ท่ามกลางผู้คน


ไม่มีผู้ใดไม่โหยหาอิสรภาพ แม้แต่ในดินแดนสุขาวดีก็ยังมีวันที่ทุกข์ใจ


โดยเฉพาะชายหนุ่มที่หยิ่งทะนงตนเหล่านั้น ยิ่งต้องการออกไปทำการทำงานด้านนอก


ช่วงเวลาแปดปี ทำให้คนเหล่านี้ยอมศิโรราบต่อกู้ซีจิ่ว คนเหล่านี้ก็เคยชินกับการที่มีกู้ซีจิ่วเป็นผู้นำ เคยชินกับการเชื่อฟังคำสั่งเธอ


ส่วนตี้ฝูอี เนื่องจากแปดปีนี้เขาแทบไม่สนใจเรื่องราวอันใด ถึงแม้สนใจก็ทำไปเพราะช่วยเหลือกู้ซีจิ่วเท่านั้น แรกเริ่มทุกคนยังถามไถ่ความคิดเห็นเขาเป็นประจำ แต่เขากลับผลักปัญหาไปที่กู้ซีจิ่ว ให้นางแก้ไข วันเวลาล่วงเลยผ่านไป ทุกคนเลยไม่คาดหวังในตัวทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้แล้ว เพียงมองเขาเป็นผู้ช่วยกู้ซีจิ่วเท่านั้น


กู้ซีจิ่วกวาดตามองคนที่มีคุณสมบัติเพียงพอตามเงื่อนไขทั้งหลาย ถามอีกรอบหนึ่งว่า “ยามนี้พวกเจ้ามีเก้าคน แต่ข้าเลือกได้เพียงเจ็ดคน มีผู้ใดสมัครใจอยู่ต่อหรือไม่?”


ทั้งเจ็ดคนเจ้ามองข้าข้ามองเจ้า ไม่มีผู้ใดส่งเสียง เห็นได้ชัดว่าทุกคนอยากออกไป


สายตากู้ซีจิ่วร่อนลงบนร่างของบุรุษที่แต่งงานแล้วสองคน “โจวเทียนชื่อ หวังอวิ่นหยวน เจ้าทั้งสองก็อยากออกไปหรือ? ภรรยาของพวกเจ้าจะทำอย่างไร?”


ทั้งสองคนชะงักงัน ต่างคนต่างเหลือบมองไปที่ภรรยาของตนเอง


————————————————————————————-


บทที่ 1372 ไม่เสียใจภายหลัง!


ทั้งสองคนชะงักงัน ต่างคนต่างเหลือบมองไปที่ภรรยาของตนเอง


ใบหน้าภรรยาของพวกเขาค่อนข้างซีดเผือด ขบเม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดจาอันใด


โจวเทียนชื่อกลับตอบอย่างตรงไปตรงมา “เดิมทีข้ากับภรรยาก็อยู่ด้วยกันอย่างไม่มีทางเลือก ความจริงพวกเราไปกันไม่ได้ตั้งนานแล้ว เพียงเห็นแก่กฎของหัวหน้าหลัวจึงไม่ได้เลิกรา อยู่ด้วยกันมานานหลายปี ข้าทำหนังสือหย่าร้างไว้แล้ว หลังจากข้าออกไป ภรรยาของข้าก็แต่งงานใหม่กับคนอื่นได้อีกครั้ง…”


กู้ซีจิ่วเคลื่อนสายตาร่อนลงบนร่างภรรยาโจว “พี่สะใภ้โจว เจ้าว่าอย่างไร?”


ริมฝีปากแดงระเรื่อของนางโจวสั่นเครือ หลุบตาลง “ข้าเต็ม…ข้าเต็มใจช่วยให้เขาสมหวัง


กู้ซีจิ่วยิ้ม “เจ้าเต็มใจช่วยให้เขาสมหวังเป็นเรื่องของเจ้า ข้าถามว่าที่เขาพูดมาเป็นความจริงหรือไม่?”


นางโจวนิ่งงัน เป็นใบ้อยู่นาน ในที่สุดก็หลับตาลง “จะ…จริง”


กู้ซีจิ่วถอนใจเบาๆ “เจ้าบอกว่าพวกเจ้าไปกันไม่ได้ตั้งนานแล้ว? ไม่มีความรู้สึกอันใดแล้ว เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด?”


นางโจวตกตะลึง เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่โจวเทียนชื่อกลับแย่งพูดเสียก่อน “เมื่อยี่สิบปีก่อน ข้ากับนางสนิทสนมกันแค่เพียงภายนอก”


กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “ยี่สิบปีก่อน? ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้ามา ยังได้ยินคนที่นี่พูดกันว่าพวกเจ้าทั้งสองรักใคร่กันเป็นที่สุด เจ้ากลับบ้านดึกหน่อย นางก็ยืนพิงประตูรอ เจ้าขึ้นไปเก็บผลไม้บนต้นไม้ ไม่ว่ากลับมาดึกแค่ไหน นางก็จะรอเจ้า ล้างเท้าให้เจ้า บีบนวดให้เจ้า ส่วนเจ้าหากมีสิ่งใดดีงามก็ชอบมอบให้นาง ผู้ใดยักคิ้วหลิ่วตาให้นางเพียงเล็กน้อย เจ้าก็ต้องบังคับคนผู้นั้นให้มาขอโทษนาง ข้าเห็นมากับตาข้าเองหนึ่งครั้ง นี่คือสนิทสนมกันแค่เพียงภายนอกหรือ?”


โจวเทียนชื่อนิ่งอึ้ง เขานึกไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วจำเรื่องราวได้ชัดเจนถึงเพียงนี้!


เขาจำต้องแก้ตัว “ข้าจำผิดไปแล้ว เมื่อเจ็ดปีก่อน…”


ใบหน้างดงามของกู้ซีจิ่วเย็นชาขึ้น “เจ็ดปีก่อน ตอนนั้นได้ป่าวประกาศเงื่อนไขไปแล้ว ดูเหมือนเพื่อบรรลุเงื่อนไขการออกไปจากที่นี่ เจ้าก็เริ่มไม่แยแสนางตั้งแต่ตอนนั้น!”


โจวเทียนชื่อกล่าวไม่ออก


กู้ซีจิ่วพูดไม่มีผิด เขาเริ่มไม่แยแสภรรยาตั้งแต่ตอนนั้นจริง เขาไม่ทำร้าย ไม่ด่าทอ เพียงแต่เฉยชาใส่ภรรยาราวกับก้อนน้ำแข็ง ไม่ถามไม่ไถ่ ทำเป็นมองไม่เห็นท่าทีที่ภรรยาแสดงออกให้เขา…


วันเวลาล่วงเลยผ่านไป นางโจวก็รู้ความคิดของเขาเช่นกัน นางรักเขา ดังนั้นจึงไม่อยากเหนี่ยวรั้งเขาไว้ ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทนเงียบๆ เพราะโจวเทียนชื่อไม่แยแสนาง นางก็ไม่มีทางไปเรียกร้องความยุติธรรมจากผู้อื่นได้…


เมื่อคืนเขาคุกเข่าลงต่อหน้านาง ขอร้องให้นางปล่อยให้เขาได้สมหวัง นางถูกเฉยชาใส่มาเกือบเจ็ดปี จิตใจด้านชาไปจนหมดสิ้น จึงเลือกที่จะปล่อยให้เขาสมหวัง…


คำพูดกู้ซีจิ่วทำให้ดวงตาของนางโจวแดงก่ำ เมื่อมาถึงจุดนี้ ถึงแม้เป็นสตรีก็ต้องยืนหยัดจนถึงที่สุด ดังนั้นนางจึงยิ้ม “ซีจิ่ว แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน ข้าหย่าร้างกับเขาแล้วจริงๆ นับจากนี้ บุรุษแต่งงานสตรีออกเรือน ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป ข้าหมดใจให้เขาแล้ว หากเขามีคุณสมบัติเพียงพอตามเงื่อนไขก็ให้เขาเข้าร่วมการคัดเลือกเถิด”


กู้ซีจิ่วมองไปทางโจวเทียนชื่อ “เจ้าไม่เสียใจภายหลังหรือ? ตอนแรกนางไม่สนใจเจ้าแม้แต่น้อย เป็นเจ้าที่คอยเกี้ยวพานางอย่างไม่ลดละอยู่หกปี เคยบาดเจ็บเจียนตายเพื่อนาง นางถึงได้ประทับใจในตัวเจ้า ยอมแต่งงานกับเจ้า…”


นิ้วมือของโจวเทียนชื่อภายใต้แขนเสื้อกระชับแน่น กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่เสียใจภายหลัง!”


คนสมัยก่อนฆ่าภรรยาเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ เขาเพียงแค่ทอดทิ้งภรรยา ไม่ถือว่าทำการร้ายแรงอะไร


กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขาอีก มองไปทางอีกคู่หนึ่ง “หวังอวิ่นหยวน เจ้าว่าอย่างไร?”


หวังอวิ่นหยวนมองไปที่ภรรยาของเขา นางหวังก้าวไปด้านหน้า “ซีจิ่ว ไม่ต้องถามหรอก ข้าเต็มใจช่วยให้เขาสมหวัง เขาเกิดในตระกูลสูงส่งและเป็นลูกชายคนโต หากเขาได้ออกไปจะมีอนาคตสดใสรออยู่ ความจริงเขาก็อยากออกไปมาตลอด”


————————————————————————————-


[1] pk (Player Kill) ในที่นี่เป็นคำศัพท์เฉพาะของคนเล่นเกม ความหมาย คือ การกำจัดผู้เล่นในเกม


บทที่ 1373 ถือเสียว่าหลายปีมานี้ข้าตาบอด


กู้ซีจิ่วมองหวังอวิ่นหยวน “เจ้าก็ไม่มีเยื่อใยใดๆ ต่อภรรยาอีก เขียนหนังสือหย่าร้างแล้ว ต่อจากนี้ บุรุษแต่งงานสตรีออกเรือนมิมีอันใดเกี่ยวข้องกันอีก?”


สีหน้าหวังอวิ่นหยวนแปรเปลี่ยน เขาสูดลมหายใจเข้าลึก เดินไปข้างกายภรรยาทันใด “ไม่! ข้าเสียนางไปไม่ได้! ข้ายอมละทิ้งโอกาสนี้…”


สีหน้านางหวังเปลี่ยนไป “ท่านไม่อาจเป็นเพราะข้า…”


หวังอวิ่นหยวนกุมมือนาง “ลวี่เอ๋อร์ ข้าไม่ต้องการแยกจากเจ้า!” บุรุษแต่งงานสตรีออกเรือนมิเกี่ยวข้องกันอีก เขาทำไม่ได้! เมื่อคิดถึงว่าภรรยาตัวเองต้องออกเรือนไปกับคนอื่นในอนาคต หัวใจของเขาก็เหมือนถูกแผดเผา…


ดวงตาของภรรยาหวังแดงก่ำ “ท่าน…ท่านอย่าทำอะไรโง่ๆ…”


หวังอวิ่นหยวนกอดนาง “ข้ารู้ดีว่าข้าต้องการอะไร เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว” แล้วเงยหน้าขึ้นมองกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว ข้าขอเลือกอยู่ที่นี่ต่อ”


กู้ซีจิ่วโล่งใจ แย้มยิ้มครู่หนึ่ง ไม่ได้พูดจาอันใด


สามีภรรยาเดิมทีก็คือวิหคในพงไพร เมื่อเกิดภัยพิบัติ พวกเขามีทางเลือกโบยบินแยกจากหรือร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน เคราะห์ดีที่ทางเลือกของพวกเขาไม่ได้ทำให้เธอสิ้นหวังในธรรมชาติของมนุษย์


กู้ซีจิ่วหันหน้าไปมองโจวเทียนชื่อ กล่าวอย่างเรียบเฉย “ข้าพาไปได้แต่คนที่เห็นความสำคัญของความรู้สึกและศีลธรรมเท่านั้น ขออภัย ครั้งนี้ข้าไม่อาจพาเจ้าไปได้”


อยู่ที่นี่ เขาละทิ้งภรรยาที่รักเขามาโดยตลอดได้เพื่อเห็นแก่อิสรภาพ เช่นนั้นหลังจากออกไป ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย เขาอาจทรยศต่อมโนธรรมของตัวเอง และอาจทรยศสหายของตนได้อย่างง่ายดาย เธอจะพาคนเช่นนี้ออกไปเพื่ออะไร? สร้างความรำคาญใจให้ตัวเองหรือ?


โจวเทียนชื่อหน้าถอดสี “เจ้า…เจ้าไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน! เห็นได้ชัดว่าเจ้า…”


เดิมทีตี้ฝูอีมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ด้านข้างด้วยรอยยิ้ม ยามนี้สีหน้าไม่สู้ดี น้ำเสียงเย็นชา “เห็นได้ชัดอะไร? แม้แต่ภรรยาเจ้ายังละทิ้งได้ ยังมีอะไรที่เจ้าละทิ้งไม่ได้อีก?”


พลังอำนาจของเขากล้าแข็งนัก โจวเทียนชื่อตกตะลึงอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเขียวคล้ำและซีดสลับไปมา “ข้า…ข้าไม่ได้ละทิ้งนาง ข้าเพียงแค่…เพียงแค่…ข้ากับนางไม่มีความรู้สึกอันใดต่อกันแล้วจริงๆ ไม่มีผู้ใดตั้งกฎเกณฑ์ว่าชอบใครคนหนึ่งแล้วจะต้องชอบคนนั้นไปชั่วชีวิตไม่ใช่รึ? พวกเจ้าตัดสินกันเยี่ยงนี้ไม่ยุติธรรม!”


“เจ้ากับนางไม่มีความรู้สึกสักเพียงนิดต่อกันแล้วจริงหรือ? กู้ซีจิ่วไล่เลียง


“ใช่!”


“เช่นนั้นเจ้าจงให้สัตย์สาบาน เจ้ากับนางกรวดน้ำคว่ำขันกันไปแล้ว ต่อจากนี้ไปไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางหวนคืนดี หากผิดคำสาบานขอสวรรค์จงลงโทษทัณฑ์!” ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเย็นชา


โจวเทียนชื่อตะลึงงัน เพื่อพิสูจน์ตัวเองเขาจึงตัดสินใจให้สัตย์สาบานตามที่ตี้ฝูอีบอก


เสียงฟ้าร้องดังครืนกลางท้องนภา แสดงถึงการรับคำสัตย์สาบาน


สีหน้านางโจวซีดขาวดังหิมะ กล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ถือเสียว่าหลายปีมานี้ข้าตาบอด!”


ใบหน้าโจวเทียนชื่อซีดเผือดไม่พูดไม่จา เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไร


ตี้ฝูอียิ้มเล็กน้อย “ดีมาก!” เขากวาดตามองฝูงชนโดยรอบ พูดขึ้นอย่างเชื่องช้า “ความจริง ลิขิตสวรรค์ยังมีอีกแถวหนึ่ง ข้าเพิ่งตีความได้เมื่อไม่กี่วันมานี้ เกี่ยวกับการออกไปของฝูงชนที่อยู่ต่อที่นี่”


ฝูงชนต่างหูตั้งกันหมด


ตี้ฝูอีกล่าวอีก “พวกเจ้าใช่ว่าจะไม่มีโอกาสอีกเลย ยังออกไปกันเป็นกลุ่มได้ ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณถึงขั้นเก้าครบเก้าคนนับเป็นหนึ่งกลุ่ม สามารถใช้วิธีพิเศษเปิดเขตแดนนี้ ออกกันไปได้ตามลำดับ”


แววตาทุกคนพลันวาบไหว!


ความจริงหลายวันมานี้ทุกคนฝึกฝนประลองแข่งขันกัน คนที่บรรลุขั้นแปดแล้วมีไม่น้อย พวกเขาฝึกฝนกันต่ออีกไม่กี่ปีก็บรรลุขั้นเก้าได้แล้ว โดยเฉพาะภรรยาของโจวเทียนชื่อ เพื่อการเดิมพันครั้งนี้ พลังวิญญาณของนางบรรลุถึงขั้นแปดตอนปลายแล้ว อีกนิดเดียวก็จะบรรลุขั้นเก้า…บางทีอาจใช้เวลาไม่ถึงสองปี นางก็จะทะลวงขั้นเก้าได้แล้ว!


กู้ซีจิ่วหยิบถุงเล็กออกมาถุงหนึ่งยื่นให้นางโจว…


————————————————————————————-


บทที่ 1374 ทุกคนมีความหวังที่จะออกไปแล้ว


กู้ซีจิ่วหยิบถุงเล็กออกมาถุงหนึ่งยื่นให้นางโจว “นี่คือยาลูกกลอนทะลวงขั้นเก้าหนึ่งร้อยเม็ดสำหรับทุกคน เมื่อผู้ใดใกล้จะทะลวงขั้นเก้าให้มารับจากเจ้าไปใช้ คนกลุ่มถัดไปที่จะได้ออกไปก็ให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจ”


แววตาของนางโจวพลันวาบไหว กล่าวขอบคุณแล้วจึงรับไป นางไม่ได้เอ่ยปาก ทว่ารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของกู้ซีจิ่วอย่างสุดซึ้ง


กู้ซีจิ่วกวาดตามองฝูงชน เลือกคนอีกสองสามคนมาเป็นผู้ช่วยของนางโจว ให้พวกเขามาคอยคุ้มครองนาง พร้อมกับตั้งกฎข้อหนึ่ง ให้นางเป็นผู้นำคนกลุ่มถัดไปที่จะออกจากที่นี่…


นางโจวมั่นคงหนักแน่น พลังยุทธ์ไม่เลวทีเดียว มีปฏิสัมพันธ์อันดีกับคนที่นี่ อีกทั้งยังรู้จักจัดการ โดยปกตินางก็เป็นผู้นำการทำงานของพวกผู้หญิงในหมู่บ้าน ยามนี้ให้นางเป็นคนบังคับใช้กฎที่หลัวจั่นอวี่ตั้งขึ้น ก็ไม่ทำให้ที่นี่เกิดปัญหาต่างๆ และถือว่าเป็นการร่วมมือซึ่งกันและกัน


ทุกคนมีความหวังขึ้นใหม่อีกครั้ง ย่อมสุขใจกันเป็นอย่างมาก เมื่อทำลายบรรยากาศอึมครึมเมื่อสักครู่ออกไป ก็กลับมาครึกครื้นกันไม่น้อย


หวังอวิ่นหยวนและภรรยากุมมือกระชับแน่น สบตากันและกัน หวังอวิ่นหยวนดึงภรรยาเข้าสู่อ้อมกอด “ข้าจะเร่งฝึกฝนเจ้า เมื่อถึงเวลาพวกเราออกไปพร้อมกัน!”


ภรรยาหวังพยักหน้า กอดรัดเอวเขาแนบแน่นมิคลาย


โจวเทียนชื่อยืนทึ่มทื่อตรงที่เดิม!


เขามองภรรยาของตนเอง “เสี่ยวถง…”


ชื่อของนางโจวก็คือเล่อเสี่ยวถง นางเหลือบมองเขาอย่างเย็นชาแล้วเดินจากไป


เล่อเสี่ยงถงอ่อนโยนทว่าหนักแน่น ทำการสิ่งใดเป็นขั้นเป็นตอน รูปโฉมงดงาม เคยเป็นที่หมายปองของบุรุษที่นี่นับไม่ถ้วน


ยามนี้นางได้รับคืนอิสรภาพแล้ว ในที่สุด พวกผู้ชายที่ยังคงพึงใจนางก็มีโอกาส มีชายสามสี่คนรายล้อมข้างกายพูดคุยกับนางแล้ว


เดิมทีโจวเทียนชื่อเป็นคนขี้หึงมาก ชายอื่นพูดคุยกับเล่อเสี่ยวถงมากหน่อยก็จะหึงหวงอยู่นาน ยามนี้กลับไม่มีที่เหลือให้เขาหึงหวงได้อีกแล้ว ไม่มีที่ให้เขายืนเคียงข้างนางอีกต่อไปแล้ว


เล่อเสี่ยวถงผู้นี้ดูเหมือนอ่อนโยน แต่ความจริงเด็ดขาดยิ่งนัก หากปล่อยวางสิ่งใดแล้วจะไม่หันหลังกลับไปอีก ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเพิ่งให้สัตย์สาบานไปอีก…


นางไม่ใช่ภรรยาของเขาอีกต่อไปแล้ว…


ตี้ฝูอีเหลือบมองเบื้องล่างอีกครั้ง “กลุ่มที่สองที่จะออกไปจากยอดเขาที่แปดนี้ ต้องให้กู้ซีจิ่วนำทางนอกเขตแดน มิเช่นนั้น ต่อให้พวกเจ้าทั้งหมดฝึกฝนจนเลื่อนขั้นสิบกันได้ทุกคนก็ออกไปไม่ได้ นางจะกำหนดวันเพื่อมารับพวกเจ้า ต่อไปทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้…”


เมื่อฝูงชนได้ยิน ย่อมส่งเสียงโห่ร้องขึ้นมาอีกระลอกหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนมีความหวังที่จะออกไปแล้ว!


มีเพียงโจวเทียนชื่อเท่านั้นที่ใบหน้าซีดเผือด


หากกลุ่มถัดไปมีเพียงเล่อเสี่ยวถงเป็นผู้นำ ถึงเวลานั้นเขาขอร้องนางมากหน่อยก็ได้ อย่างไรเสียนางก็เคยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาเขา อีกทั้งยังเคยชอบเขามากขนาดนั้น ตัวเองแค่เพียงต้องเยินยอเอาใจนางหลายครั้งหน่อย บางทีอาจจะหว่านล้อมนาง ให้นางเลือกเขาได้


ทว่าหลังจากออกไปแล้วยังต้องให้กู้ซีจิ่วนำทาง กู้ซีจิ่วรังเกียจเขาแล้วอย่างเห็นได้ชัด…


เขาคงไม่มีความหวังที่จะออกไปได้แล้ว!


ทั้งหมดนี้จัดกาได้อย่างเรียบร้อย คนที่จะจากไปกลับห้องจัดเก็บข้าวของ บอกลามิตรสหาย…


กู้ซีจิ่วก็กลับไปในห้องของตัวเอง เธอมองไปรอบห้อง อยู่ที่นี่มาแปดปี วันนี้ต้องจากไปแล้ว ต่อไปคงไม่ได้กลับมาอีก ในใจกลับรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง


“นายท่าน พวกเราจะกลับมาอีกหรือไม่?” เจ้าหอยยักษ์ใช้ฝาหนีบชายเสื้อกู้ซีจิ่ว


“ไม่กลับมาอีกแล้ว สถานที่แห่งนี้เสมือนห้องคุมขัง โลกภายนอกดีกว่ามากนัก” เสียงเด็กน้อยดังกังวานขึ้น เด็กน้อยในชุดสีแดงคนหนึ่งเบ้ปากอยู่ด้านข้าง


มันคือลู่อู๋น้อย แปดปีมานี้ ในบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งสามตัว การฝึกฝนของมันรวดเร็วที่สุด ฝึกจนกลายเป็นร่างมนุษย์ได้แล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)