ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1362-1369

 บทที่ 1362 พันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์

 

ฉินสือโอวและแมทธิว จินคุยธุระกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เวลานี้ในฟาร์มปลาไม่มีสถานที่ที่สะอาดเหลืออยู่แล้ว โดยเฉพาะหลังจากสงครามดื่มหนักผ่านไป เดิมทีเป็นการสงครามระหว่างพวกชาวประมงและเพื่อนสมัยเรียนของเขา แต่เพื่อนของเขาจะไปสู้พวกชาวประมงที่โจมตีราวกับเครื่องบินทิ้งระเบิด ทั้งเบียร์ทั้งเหล้าขาวได้อย่างไรกัน?


ต่อมาเรื่องราวก็เพิ่มความเข้มข้นจนกลายเป็นศักดิ์ศรีระดับเชื้อชาติ ญาติส่วนหนึ่งของฉินสือโอวจึงเข้าร่วมด้วย ฟาร์มปลาพลันเปลี่ยนเป็นครึกครื้นขึ้นมาทันที


ในร้านกาแฟไม่ได้มีแค่แมทธิว จิน แต่ยังมีเจ้าของฟาร์มปลาที่เป็นเพื่อนที่ดีกับเขาอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง อย่าง โดนัลด์ บราวน์ และแอนดรูว์ ทัคเกอร์ ซึ่งก็เป็นแขกในงานแต่งงานครั้งนี้เช่นกัน


หลังจากที่เห็นฉินสือโอว แมทธิว จินก็เชิญให้เขานั่งลง แล้วพูดขึ้น “ต้องมารบกวนคุณเวลานี้ ขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ ตามวัฒนธรรมของคนจีน คืนนี้เป็นคืนเข้าหอของคุณใช่ไหม?”


ฉินสือโอวยักไหล่ “ใช่ครับ เป็นเรื่องมงคล 4 เรื่องในชีวิตของคนจีน สอบติดข้าราชการ เจอเพื่อนรู้ใจที่บ้านเกิด ฝนตกในยามแล้ง และคืนเข้าหอ”


ไม่ต้องเกรงใจอะไร ณ ที่นี้ เพราะแมทธิว จิน ก็ไม่สมควรรบกวนเขาในเวลายามนี้จริงๆ


รัฐมนตรีกล่าวขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่ว่าไม่มีหนทางอื่นครับเพราะว่าพรุ่งนี้ผมก็ต้องบินกลับจากเมืองเซนต์จอห์นไปโทรอนโตแต่เช้าตรู่ จำเป็นต้องเข้าร่วมประชุมสำคัญ”


ฉินสือโอวยิ้ม “ผมแค่ล้อเล่นครับ อย่าเก็บเอามาคิดมากท่านรัฐมนตรี เชิญพูดได้เลยครับ มีอะไรต้องให้ผมช่วยเหรอครับ?”


แมทธิว จินพยักหน้า “ใช่แล้วล่ะ ฉิน ครั้งนี้มีเรื่องที่ต้องรบกวนคุณให้ช่วยออกหน้าจัดการ เท่าที่ผมรู้ คุณยื่นเรื่องสมัครการจัดตั้งสมาคมอิสระใช่ไหม?”


ฉินสือโอวนายใหญ่ไม่เข้าใจว่าอยู่ดีๆ เขาจะเปลี่ยนเรื่องพูดทำไม จึงทำได้เพียงคล้อยตาม “ใช่ครับ สมาคมอิสระจริงๆ อันนั้นก็เล่นๆ ไม่มีอะไร ทำไมเหรอครับ”


แมทธิว จินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณตั้งใจจะจัดตั้งสมาคมคล้ายๆ แบบนี้จริงจังไหม ผมหมายถึงการจัดสมาคมอิสระแนวนี้ เช่น พันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์”


โดนัลด์และแอนดรูว์และคนอื่นๆ มองไปที่ฉินสือโอวอย่างมีความหวัง แสดงให้เห็นแน่ชัดว่าเขาได้คุยกับแมทธิว จินมาก่อนหน้านี้แล้ว


ฉินสือโอวลังเลและสงสัย เขาจึงถามอย่างระมัดระวัง “พันธมิตรนี้มีลักษณะเป็นอย่างไรครับ? จุดประสงค์คืออะไร? สไตล์เป็นแบบไหน? สมาชิกที่จะรับคือเป็นแบบไหนครับ?”


แมทธิว จินตอบว่า “ลักษณะของพันธมิตรคือเป็นการรวมตัวกันของเจ้าของฟาร์มปลา พวกคุณก็จะช่วยแชร์ในเรื่องข้อมูลข่าวสาร ทรัพยากร แบบนี้ก็จะสามารถพัฒนากิจการฟาร์มปลาได้ดีกว่าเดิมไม่ใช่เหรอ?”


หลังจากผ่านงานแต่งงานครั้งนี้ไป ฉินสือโอวก็รับรู้ถึงความสำคัญของคอนเนคชั่นได้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่อยากเข้าร่วมสมาคมแบบนี้ ถ้าจะให้เขามาจัดตั้งด้วยยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะอย่างไรเขาก็เป็นคนจีน ไม่รู้ว่าอุตสาหกรรมการประมงมีคนแอบหาโอกาสทำร้ายเขาแบบลับๆ มากเท่าไร


ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างอ้อมๆ ว่า “ผมจะต้องพิจารณาอีกทีครับ คุณก็รู้รัฐมนตรีแมทธิวว่ามันไม่ได้ง่าย การจัดตั้งสมาคมที่มีประโยชน์เป็นเรื่องที่วุ่นวายมากเรื่องหนึ่งทีเดียว ผมจึงต้องคิดให้ละเอียด ว่าจะสามารถรับภาระตรงนี้ไหวไหม”


โดนัลด์พูดอย่างร้อนใจ “ฉิน เรื่องงานจัดตั้งพวกเราสามารถช่วยได้ รัฐมนตรีแมทธิวก็สามารถที่จะจัดหาคนที่มีประสบการณ์จากกรมประมงมาช่วยในด้านงานหลักๆ ได้ แต่สิ่งที่เราต้องการเลยคือผู้นำที่มีเกียรติซึ่งแน่นอนว่าคุณก็คือคนที่เราต้องการ”


ฉินสือโอวแอบคิดในใจว่าเขาเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? ที่แท้หัวใจโพไซดอนให้พลังอำนาจแบบนี้ได้เหรอ?  ไม่เช่นนั้นจะมีเอี๋ยนตงเหล่ยมาชมว่าเขาเป็นผู้นำคนจีนในนิวฟันด์แลนด์ได้อย่างไร แล้วตอนนี้จะยังมีแมทธิว จินให้เขาออกหน้าเป็นผู้นำในการจัดสมาคมแบบนี้อีก?


แน่นอนเขาเข้าใจว่า แมทธิว จินและเจ้าของฟาร์มปลาคนอื่นๆ สนใจไม่ใช่ตัวเขา แต่เป็นชื่อเสียงของฟาร์มปลาต้าฉินต่างหาก


เนื่องด้วยแผนการขยายกิจการทางทหารอย่างดุเดือดของบัตเลอร์ และความสามารถในการผลิตที่น่ากลัวของฟาร์มปลาต้าฉิน อาหารทะเลต้าฉินจึงสามารถก่อตั้งสาขาในอเมริกาไปมากกว่า 12 สาขา โดยครองตลาดอาหารทะเลระดับไฮเอนด์ในสิบเมืองชั้นนำในสหรัฐอเมริกาได้


ตอนนี้ถ้าพึ่งแค่การส่งออก เจ้าของฟาร์มปลาในแคนาดาหลายคนไม่มีรายได้ แต่ถ้าพวกเขาสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ต้าฉินอาหารทะเลโดยผ่านทางฉินสือโอว กลายเป็นคนจัดหาสินค้าให้ ถ้าเช่นนั้นโอกาสในการพัฒนาก็มากอยู่ทีเดียว


แมทธิว จินไม่ได้บีบบังคับฉินสือโอว หลังจากที่เขาบอกว่าจะขอพิจารณาก่อน ท่านรัฐมนตรีก็เปลี่ยนหัวข้อเรื่องที่จะคุย มาคุยถึงแผนการพัฒนาครึ่งปีหลังของกรมประมงกับเขาและเจ้าของฟาร์มปลา ถามความคิดเห็นของพวกเขา


พอคุยได้สักพัก ฉินสือโอวก็ขอตัวกลับก่อน การดวลเหล้าด้านนอกยังไม่จบลง พวกทหารก็เข้าร่วมด้วย เพราะคืนนี้ไม่ต้องให้พวกเขาเฝ้าเวรกะกลางคืน พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทจัดงานแต่งงานเป็นคนสอดส่องดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่องทั่วทั้งเกาะ


หลังจากที่ฉินสือโอวกลับไปถึงฟาร์มปลาก็ถูกครอบครัวบรูซเรียกเข้าไปหา สกอตต์ สเตราส์โบกมือทักทายเขา ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ฉิน ครั้งนี้ผมต้องขอบคุณคุณแล้ว งานแต่งงานของคุณทำให้ร้านค้าของเรามีรายได้เข้ามา”


แคนาดาจะมีความคล้ายคลึงกับอเมริกาอยู่ในเรื่องของขวัญวันแต่งงาน คู่บ่าวสาวที่แต่งงานที่นี่ แขกจะไม่ได้ออกเงินช่วยในการจัดงานแต่ง แต่จะเป็นการมอบของขวัญให้แทน แล้วตอนนี้ก็ไม่ได้มอบเป็นสิ่งของ แต่ให้เป็นบัตรกำนัล ซึ่งมักจะเป็นบัตรกำนัลจากห้างสรรพสินค้าเมย์ซี


แม้ว่าขนาดของห้างสรรพสินค้าเมย์ซีจะไม่ใหญ่เท่าวอลมาร์ท แต่ก็มีระดับเป้าหมายของลูกค้าที่ระดับกลางไปจนถึงระดับสูง จึงเป็นตัวเลือกที่จะมอบเป็นของขวัญมากที่สุด ซึ่งกิจการงานของห้างสรรพสินค้าเมย์ซีก็เป็นของครอบครัวสเตราส์


ฉินสือโอวกำลังคุยเล่นอยู่กับพวกมีอิทธิพลทั้งหลาย แล้วท้ายสุดก็คุยกันถึงเรื่องเครื่องบินหรูส่วนตัว


เขาจำได้ว่าชากูนิสเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทโบอิ้ง ตำแหน่งจำได้ไม่ชัดเจน รู้แต่ว่าค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เพราะไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถมาคุยกับสเตราส์หรือบรูซและคนอื่นๆ ได้หรอก


ดังนั้นเขาจึงถามชากูนิสขึ้นว่า “ผมอยากซื้อเครื่องบินลำใหญ่ เพื่อนคุณมีอะไรแนะนำไหม?”


โมล ฟริตซ์ผู้ประกอบการบริษัทบริษัทยูเนียน แปซิฟิก เรลโรดพูดขึ้นว่า “ครั้งนี้คุณถามถูกคนละฉิน ชากูนิสเพิ่งเข้ารับตำแหน่งซีอีโอที่บอมบาร์เดียร์ เพราะฉะนั้นเขาให้คำแนะนำที่ดีกับคุณได้แน่นอน”


สกอตต์ สเตราส์พูดขึ้น “ฉินเป็นชายที่อบอุ่นจริงๆ เพิ่งสนับสนุนธุรกิจของร้านค้าเรา ตอนนี้จะมาสนับสนุนธุรกิจของชากูนิสอีก มา ให้ผมดื่มขอบคุณชายหนุ่มผู้ใจดีคนนี้ด้วยเถอะ”


เมื่อฟังคนสองคนพูดแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกตกใจเล็กน้อย ชากูนิสไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทโบอิ้งหรอกเหรอ? เมื่อไรที่ไปเป็นซีอีโอที่บอมบาร์เดียร์แล้ว? ตอนนี้ตำแหน่งก็สูงและยังมีอำนาจมากด้วย


ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งกับคนเหล่านี้เลย ฉินสือโอวมีข้อสงสัยก็ถามขึ้นมาตรงๆ เพียงแต่เขาเปลี่ยนวิธีพูดเล็กน้อย “ยินดีด้วย ชากูนิส ผมไม่รู้เลยจริงๆ ว่าคุณออกจากบริษัทโบอิ้งไปอยู่ที่บอมบาร์เดียร์แล้ว ผมนี่เสียมารยาทจริงๆ ให้ผมดื่มให้อีกแก้วหนึ่งเถอะ”


ชากูนิสยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดขึ้น “อย่าเพิ่งรีบยินดีไป สถานการณ์มันไม่ได้ดีขนาดนั้น ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทไม่ค่อยดีเท่าไร บางทีผมอาจจะรับช่วงต่อวิกฤตมาพอดี”


คำพูดของเขาทำให้เกิดหัวข้อใหม่ในการสนทนา พวกเขาก็เริ่มถกประเด็นนี้กันขึ้นมา


หลังจากฟังที่พวกเขาคุยกัน ฉินสือโอวถึงเพิ่งจะรู้ว่า ตอนนี้สถานการณ์ของบอมบาร์เดียร์เข้าสู่ช่วงลำบาก จนถึงขณะนี้การขาดดุลของงบบริษัทสูงถึง 4.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถ้ามากกว่านี้ไปอีกนิดก็จะเข้าสู่การล้มละลายแล้ว


ในขณะที่คุยกัน สกอตต์ สเตราส์จู่ๆ ก็ถามฉินสือโอวว่า “ฉิน ตอนนี้ในบัญชีของคุณน่าจะมีเงินทุนไม่น้อยใช่ไหม สนใจมาร่วมลงทุนเสี่ยงดูสักตั้งไหม?”

 

 

 


บทที่ 1363 เสี่ยงกับบอมบาร์เดียร์

 

มิน่าการจะได้มาซึ่งคอนเนคชั่นต้องปีนให้สูงเพิ่มขึ้นไป มีเพียงแบบนี้ถึงจะสามารถสัมผัสได้ถึงทรัพยากรที่ตัวเองเอื้อมไม่ถึง อย่างเช่นจังหวะนี้เองที่ฉินสือโอวเจอกับโอกาสในการลงทุนที่ดี


แน่นอนว่าตอนนี้บริษัทบอมบาร์เดียร์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเครื่องบินซีรีส์ C ที่พวกเขากำลังจะเปิดตัว


เครื่องบินรุ่นนี้เป็นเครื่องบินเจ็ทแบบไฮเอนด์ ให้บริการกับตลาดเฉพาะด้าน ซึ่งถ้าหากเปิดตัวตามแผนเดิม ป่านนี้ก็คงได้รับความนิยมไปทั่วโลก แต่ปัญหาคือตอนนี้ช้ากว่าแผนที่วางไว้ถึงสองปีก็ยังไม่ผลิตออกมา จึงทำให้บริษัทคู่แข่งอย่างบริษัทแอร์บัสและบริษัทโบอิ้งมีเวลา ‘ชิงตัดหน้า’ ไปเสียก่อน


สองปีมานี้ เศรษฐกิจของแคนาดานับวันยิ่งแย่ขึ้นเรื่อยๆ กระแสเงินสดหมุนเวียนของบริษัทบอมบาร์เดียร์ บริษัทยักษ์ใหญ่จำพวกนี้จึงมาจากธนาคารทั้งนั้น เมื่อเงินในธนาคารหดตัว ชีวิตของพวกเขาก็ไม่ง่ายแล้ว


ฉินสือโอวยักไหล่ “เงินของผมนิดเดียวแค่นั้น คงไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับบริษัทบอมบาร์เดียร์หรอกมั้งครับ?”


“คุณมีใช้เงินได้เท่าไรครับ?” จอร์จถามขึ้น


อยู่ต่อหน้าคนพวกนี้ไม่จำเป็นต้องแกล้งทำเป็นจน ฉินสือโอวจึงตอบไปว่า “เงินสดที่เอามาใช้ได้ ตอนนี้พูดยาก หนึ่งเดือนหลังจากนี้จะมีมูลค่าประมาณ 400 ถึง 500 ล้านดอลลาร์แคนาดา”


ตอนนี้ตัวเขามีเงินเก็บประมาณ 200 กว่าล้านดอลลาร์แคนาดา เมื่อรวมกับรายได้จากฟาร์มปลาในไตรมาสที่สาม และดอกเบี้ยจากแร่ทองคำ เขาจะสามารถสะสมเงินได้ถึง 400 กว่าล้านดอลลาร์แคนาดา


ทุกคนต่างรู้ดีว่าฉินสือโอวเป็นมหาเศรษฐี แต่ไม่มีใครคิดว่าจะร่ำรวยขนาดนี้ 400 กว่าล้านดอลลาร์แคนาดา คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ถ้าแค่พูดถึงค่าตัวก็มีค่าถึงมูลค่านี้แน่ๆ เพราะพวกเขาถ้าไม่เกิดมาในฐานะครอบครัวดี ก็มีหุ้นของกิจการใหญ่โตอยู่ในมือ แต่ถ้าพูดถึงกระแสเงินสดหมุนเวียน คงห่างไกลจากจำนวนนี้มากเหลือเกิน


แววตาของซิต ชวาร์ซที่มองฉินสือโอวสุกสกาวขึ้นมาในทันใด แล้วพูดขึ้นว่า “เพื่อน เอาเงินส่วนนี้มาให้ผมสิครับ หลังจากนั้นหนึ่งปี ผมมีดอกเบี้ยให้คุณมากถึง 40%!”


เขาเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัท Onex ลงทุนด้านไพรเวท อิควิตี้ ซึ่งเป็นแนวใช้เงินผลิตเงิน


ชากูนิสชี้ไปที่ซิตแล้วพูดขึ้น “เพื่อนชวาร์ซของผม ตอนนี้สิ่งที่คุณต้องทำคือนั่งฟังเงียบๆ ไม่ต้องพูดอะไรอีก เงินก้อนนี้คุณเอาไปไม่ได้ เข้าใจไหม? คุณเอาไปไม่ได้เพราะมันเป็นของผมแล้ว มันจะเป็นเงินที่มาช่วยชีวิตผมไว้!”


จอร์จหัวเราะ บอกเป็นนัยๆ ว่าให้ทุกคนหยุดล้อเล่น เขาเริ่มแนะนำฉินสือโอว “เงินก้อนนี้ของคุณไม่น้อยเลย ถ้าจะลงทุนไพรเวทอิควิตี้กับซิต ก็ได้เช่นกัน แต่ตอนนี้มีโอกาสที่ดีกว่าอยู่ข้างหน้าของคุณแล้ว ซื้อหุ้นบอมบาร์เดียร์”


ฉินสือโอวถามด้วยความสงสัย “มูลค่าตลาดของบอมบาร์เดียร์คือเท่าไรครับ? ผมคิดว่าคงต้องมีสักหลายพันล้านไม่ใช่เหรอครับ? เงินผมแค่นี้ใส่ลงไปก็คงไม่นับว่ามีค่าอะไรได้”


ตอนนี้ในเอเชีย ชื่อของบอมบาร์เดียร์ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ในยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือดังพอๆ กับโบอิ้งและแอร์บัส ส่วนที่บ้านเกิดในแคนาดา บอมบาร์เดียร์ยังมีสมญานามเป็นถึง ‘ไฟฟ้าที่ใช้ไปทุกทิศในแคนาดา’


บริษัทบอมบาร์เดียร์ปัจจุบันมีพนักงานประมาณ 80,000 คนใน 24 ประเทศในอเมริกา ยุโรปและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทไม่เพียงสร้างเครื่องบินเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำของโลกในด้านอุปกรณ์การบิน และการขนส่งทางรถไฟและผลิตภัณฑ์ความบันเทิงที่ใช้ในเครื่องยนต์


เมื่อไม่นานมานี้ตอนที่เขาวางแผนจะซื้อเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว เขาเคยศึกษามานิดหน่อย ปัจจุบันบอมบาร์เดียร์เป็นผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่อันดับสามของโลกรองจากโบอิ้งและแอร์บัส แต่ในด้านอากาศยานภูมิภาค และเครื่องบินบิซิเนสเจ็ต บริษัทบอมบาร์เดียร์มีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก!


“ดังนั้นผมถึงบอกว่าคุณเจอโอกาสดีๆ แล้ว” จอร์จพูดขึ้น เขามองไปทางชากูนิส ชากูนิสยักไหล่ แล้วพูดขึ้น “เวลานี้ผมพูดอะไรไม่ได้ ผมต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพใช่ไหม?”


จอร์จหัวเราะออกมา เขาบอกกับฉินสือโอวว่า “มูลค่าตลาดของบอมบาร์เดียร์นั้นมหาศาลจริงๆ เงินของคุณก้อนนี้ถ้าลงทุนเข้าไปแม้แต่เสียงน้ำกระเซ็นก็ยังไม่ได้ยิน แต่ว่าฉิน คุณอาจจะไม่รู้ว่า ตอนนี้เครื่องบินบิซิเนสเจ็ตซีรีส์ C ของบอมบาร์เดียร์กำลังดำเนินการอยู่และจะผลิตออกมาในไม่ช้า ซึ่งตอนนี้ก็ขาดเงินทุนจำนวนหนึ่งที่จะคลอดผลผลิตนี้ออกมา แล้วตอนนี้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่เช่นนี้ หากบอมบาร์เดียร์อยากได้เงินก้อนนี้ก็จำเป็นต้องเสียสละอะไรบางอย่าง เช่นเงินปันผลรายได้ของซีรีส์ C”


“แต่ว่าอยากได้เงินทุนแค่ 400 ล้านดอลลาร์แคนาดาเหรอ?” ฉินสือโอวถามอย่างไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้


จอร์จส่ายหน้า “ไม่ ผมเดาว่าคงเป็น 400 ล้านดอลลาร์แคนาดาคูณสี่”


พูดไปเขาก็มองไปทางชากูนิส ฝ่ายหลังก็ได้แต่ยิ้มไม่ได้พูดอะไร แต่ความหมายโดยนัยก็คือยอมรับคำพูดของจอร์จ


“ผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดคือรัฐบาลควิเบก พวกเขาก็คงไม่สามารถนั่งดูความเฉื่อยชาของบอมบาร์เดียร์ได้ เพราะฉะนั้นเขาจึงจะต้องช่วยทำให้ซีรีส์ C ประสบผลสำเร็จและออกสู่ตลาดอย่างแน่นอน” จอร์จกล่าวต่อ


ตอนนี้ฉินสือโอวเข้าใจมากขึ้น เขาจึงพูดต่อ “แต่ว่ารัฐบาลก็ไม่น่าจะออกเงินทุนทั้งหมด เพราะบอมบาร์เดียร์ก็คงไม่อยากให้รัฐบาลถือจำนวนเยอะมากไป ใช่ไหม? ซึ่งนี่ก็จะเป็นโอกาสของผม ตามติดรัฐบาลแล้วได้ส่วนแบ่งสักหน่อย?”


“ไม่ใช่แค่นี้ เพราะตัวรัฐบาลเองก็ไม่กล้าลงเงินทั้งหมด เพราะก็ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เมื่อซีรีส์ C เข้าสู่ตลาดแล้วจะได้เค้กออกมากี่ชิ้น เพราะถึงอย่างไรตอนนี้คนที่กินเค้กก็คือโบอิ้งและแอร์บัส” ในที่สุดชากูนิสก็เอ่ยปากออกมา


ฉินสือโอวบอกว่า “ถ้าอย่างนั้น ความเสี่ยงก็มากเกินไปสิ?”


ชากูนิสยอมรับในจุดนี้ จึงพูดขึ้นว่า “ใช่ มีความเสี่ยง แต่รัฐบาลจำเป็นต้องลงเงิน พวกเขาจำเป็นต้องเสี่ยง เพราะการตัดสินใจนี้เกี่ยวข้องกับโอกาสในการมีงานถึง 40,000 ตำแหน่ง”


ฉินสือโอวเข้าใจอย่างรวดเร็ว รัฐบาลควิเบกจำเป็นต้องแทรกแซงเข้ามาจริงๆ แค่ปัญหาเรื่องการมีงานทำ รัฐควิเบกก็มีพนักงานโดยประมาณ 17,000-18,000 คนทำงานที่บอมบาร์เดียร์ รวมไปถึงงานทั้งทางตรงและทางอ้อมของพวกซัพพลายเออร์รองอีก สิ่งที่ชากูนิสพูดไม่ผิดเลยสักนิดเดียว รัฐควิเบกมีราวๆ 4 หมื่นคนที่ยังต้องพึ่งบอมบาร์เดียร์ในการหาเลี้ยงชีพ


“รัฐบาลคาดว่าจะลงทุนประมาณ 1 พันล้านเพื่อช่วยในการปรับปรุงซีรีส์ C แต่พวกเขาจะไม่ได้อัดฉีดเงินลงไปตรงๆ แต่จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างรัฐบาลและบอมบาร์เดียร์ขึ้นมา 1 บริษัท ชื่อว่า บริษัท ซีวิลแอโรสเปซ บอมบาร์เดียร์ รายได้จะแบ่งตามสัดส่วนการถือหุ้น และแน่นอนว่าถ้ายังมีคนอื่นเข้ามาร่วมลงทุนด้วย ก็จะได้รับเงินในส่วนของกำไรเช่นกัน” ชากูนิสบอกรายละเอียดของภายในบริษัทให้ฟังมากกว่าเดิม


ชวารซ์เตือนฉินสือโอวตรงๆ “ความเสี่ยงของเงินก้อนนี้ไม่ได้เล็กน้อยเหมือนที่พวกเขาพูดหรอกนะ เพราะโบอิ้งและแอร์บัสได้ครองตลาดสำหรับเครื่องบินบิซิเนสเจ็ตระดับไฮเอนด์รุ่นใหม่แล้ว พวกเขาก็อาจจะแย่งเค้กได้ไม่สำเร็จ แล้วถ้าหากแย่งไม่ได้…”


คำพูดที่เหลือเขาไม่ได้เอ่ยออกมาต่อ แต่ยิ้มออกมาแทน ซึ่งความหมายก็เรียบง่ายเลยนั่นก็คือบริษัทบอมบาร์เดียร์จะล้มละลาย บอมบาร์เดียร์มีบริษัทลูกหลายบริษัท เช่น บริษัทการบินและอวกาศ บอมบาร์เดียร์ เป็นต้น ซึ่งต่างก็มีโอกาสในการล้มละลาย


“ใช่ ต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสียเงิน” ชากูนิสพูดต่อ “ไม่อย่างนั้นทำไมรัฐบาลถึงต้องผลักดันเค้กออกไปล่ะ?”


“ตอนนี้ก็ต้องมาดูแล้ว ว่าใครจะกล้า” จอร์จกล่าวเสริม


ฉินสือโอวยักไหล่ “โอเค ถ้าอย่างนั้นผมลองดูก็ได้ เหลือตำแหน่งไว้ให้ผมด้วยนะ ผมจะเตรียมเงิน 400 ล้านไว้ให้ดี”


คนเหล่านี้ที่นั่งอยู่ล้วนมีความคิดและจิตใจแบบกล้าเสี่ยง การลงทุนที่ได้กำไรสูงทุกครั้งมักจะตามมาด้วยความเสี่ยงที่สูงเสมอ พวกเขาจึงเป็นประเภทคนรุ่นใหม่ที่กล้าได้กล้าเสีย และก็ชื่นชมคนประเภทเดียวกัน ฉินสือโอวหากคิดจะเข้าไปอยู่ในวงจรของคนพวกนี้ ถ้าอย่างนั้นอย่างน้อยที่สุดก็ต้องทำให้พวกเขาไม่ดูถูกเขาให้ได้

 

 

 


บทที่ 1364 นำทีมเข้าป่า

 

คำพูดที่ลอยๆ ของฉินสือโอว ทำให้พวกตัวใหญ่เหล่านี้จ้องมองมาที่เขา


ชากูนิสถามขึ้น “คุณไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม? ตัดสินใจร่วมลงทุนด้วยแล้วเหรอ?”


จอร์จก็เตือนด้วยความหวังดี “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ฉิน ทางที่ดีคุณกลับไปค่อยๆ คิด กลับไปดูเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้วค่อยตัดสินใจ เพราะเรื่องนี้ก็ไม่ได้รีบ อย่างน้อยก็มีอีก 2 เดือนก่อนที่บอมบาร์เดียร์จะจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา”


“อันที่จริงแล้วหลายปีก่อนมันยากที่จะทำขึ้นมาจริงๆ” ชากูนิสกล่าวเสริม


ฉินสือโอวยักไหล่อย่างเฉยเมย “ไม่ต้องคิดล่ะครับ เพราะก็แค่เงินทุน 400 ล้านเท่านั้น ตอนที่ผมเพิ่งมาถึงแคนาดาตอนผมไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท แถมยังติดหนี้กรมสรรพากรอีกหลายล้าน ต่อให้ลงทุนล้มเหลว แต่ผมก็ยังมีฟาร์มปลา ยังมีมากกว่าตอนที่ผมมาใหม่ๆ ด้วยซ้ำ ผมจะลังเลไปทำไมอีกกันล่ะครับ?”


เมื่อมองเห็นสีหน้าลังเลของชากูนิสและคนอื่นๆ เขาก็พูดต่อว่า “ที่ประเทศจีนมีสุภาษิตอยู่ประโยคหนึ่งว่า ‘ถ้าอยากจะร่ำรวยก็ต้องลองพนันดูสักตั้ง รถจักรยานก็อาจจะกลายเป็นมอเตอร์ไซค์ รถมอเตอร์ไซค์ก็อาจจะกลายเป็นรถจี๊ป’ ถ้าอย่างนั้นผมจึงอยากลองดูสักตั้ง”


“400 ล้าน คุณคิดดีแล้วนะ” ชวารซ์ไม่กล้าพูดเล่นแล้ว เพราะนี่เป็นเงินก้อนโตที่ทำให้พ่อลูกทะเลาะกันได้ พี่น้องก็เป็นคู่แค้นกันได้


ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูด “เป็นคุณชากูนิสที่ต้องคิดให้ดีนะครับ เขาจะต้องรีบรับเงินลงทุนของผมก้อนนี้ ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้ผมหายเมาแล้วก็อาจจะเปลี่ยนใจได้นะครับ”


เมื่อได้ยินคำพูดล้อเล่นของเขา ทุกคนก็หัวเราะขึ้นมา ชากูนิสยื่นมือไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “โอเคครับ ยินดีต้อนรับเข้าสู่วงการ ฉิน ผมอยากจะบอกว่าคุณเป็นหนุ่มที่โหดร้ายมาก ในบรรดาวัยรุ่นนี่ คุณเป็นหนุ่มที่โหดร้ายที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลย!”


จอร์จกระซิบกับฉินสือโอวจากด้านหลัง “คุณทำถูกแล้ว ฉิน การลงทุนมีความเสี่ยงทั้งนั้น แต่ความเสี่ยงในเงินลงทุนครั้งนี้ยังน้อยกว่าที่มองเผินๆ นะ เพราะแน่นอนว่ารัฐบาลควิเบกจะไม่ยอมให้บริษัทต้องปิดตัวลง”


ฉินสือโอวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขาจับมือกับชากูนิสถือเป็นการตกลงกันเรียบร้อย ฝ่ายหนึ่งจึงกลับไปเตรียมสัญญาการลงทุน ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็เตรียมรวบรวมเงิน เมื่อถึงระดับอย่างพวกเขา บางครั้งการตกลงร่วมมือกันแค่พูดตกลงก็โอเคแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร


เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว หน้าตาและความเชื่อใจสำคัญกว่าเงินทองมากนัก


มอร์แกน ฟริตซ์และคนอื่นๆ เห็นทั้งสองคนจับมือกัน ต่างก็ลอบถอนใจในความกล้าเสี่ยงของฉินสือโอว พวกเขาเริ่มนึกย้อนไปตอนที่พวกเขาอายุสามสิบ พวกเขามีหยอกล้อกันเองบ้าง หรือไม่พอใจกันเองบ้าง แต่ทุกคนต่างยอมรับว่าตอนอายุสามสิบไม่มีใครมีเสน่ห์เท่าฉินสือโอวแบบนี้


ฉินสือโอวยิ้ม นี่เกี่ยวอะไรกับการมีเสน่ห์ ก็แค่ 400 ล้านซึ่งก็คือเรือจมอยู่ในมหาสมุทร 4 ลำ เพราะถ้าเขาอยากจะลงทุนจริงๆ ต่อให้รัฐบาลควิเบกไม่ลงเงิน ตัวเขาเองก็จะหาอีกพันล้านมาให้ได้


พวกผู้ประกอบการจึงเป็นกลุ่มที่สองที่ออกเดินทางจากไป ในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ฉินสือโอวต้อนรับพวกเขาด้วยการจัดอาหารเช้าที่ทำจากผักในฟาร์มปลา แต่ละคนก็ทยอยกันกลับไป


คู่สามีภรรยาบรูซยังอยู่ ไวส์จะเปิดเทอมแล้ว แน่นอนว่าเขาจะกลับไปชิคาโกกับพวกเขาไม่ได้ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงอาศัยโอกาสนี้อยู่กับลูกให้มากขึ้นอีกหน่อย อีกอย่างทั้งสองคนก็อยากจะเรียนรู้เพิ่มเติมจากฉินสือโอวด้วย


“อาจารย์ฉิน เทคนิคการหายใจที่คุณสอนมันน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ หลังจากที่ฉันกับจอร์จฝึกฝนมา รู้สึกได้เลยว่าร่างกายและจิตใจดีมากขึ้นเรื่อยๆ” วิเวียนพูดด้วยความชื่นชม


จอร์จพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี งานที่ผมต้องทำจึงมีเยอะมาก เมื่อก่อนทำงานเหนื่อยมาก ผมต้องนอนให้ได้ 7 ชั่วโมงและออกกำลังกายอีก 2 ชั่วโมงถึงจะโอเค แต่หลังจากที่ฝึกฝนเทคนิคการหายใจของคุณแล้ว เวลาพักผ่อนของผมก็ลดลงเหลือ 5 ชั่วโมงแถมยังเต็มไปด้วยพลัง!”


พอได้ยินคำพูดของพ่อและแม่ ไวส์ก็ถามขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นพ่อแม่รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของสวรรค์และโลกได้หรือยังครับ? ตอนที่หายใจกลิ่นอายของสวรรค์และโลกจะไหลหมุนเวียนไปตามช่องลมปราณทั้งแปดช่อง”


ฉินสือโอวเกือบพ่นชาที่อยู่ในปากออกมา เจ้าลูกศิษย์น้อยคนนี้นับวันจะมีศักยภาพในการโปรโมทขายต่อแล้วเหรอ? มีกลิ่นอายสวรรค์และโลกบ้าบออะไร บางครั้งเขาแค่ถ่ายพลังโพไซดอนให้สองคนนั้นเพื่อปรับร่างกายภายในเท่านั้นเอง จริงๆ แล้วไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเทคนิคการหายใจเลย


บรูซและภรรยาของเขาเป็นที่พึ่งพิงหลักให้เขาในสังคมระดับสูง สองคนนี้ดีเขาก็จะยิ่งดีตาม


ตำแหน่งและฐานะของเจ้าชายน้อยสององค์และแมทธิว จินมีอิทธิพลเหนือกว่าสามีภรรยาคู่นี้ได้ แต่ความสัมพันธ์ของเขากับคนพวกนี้เป็นแค่ความสัมพันธ์แบบพยักหน้าให้กัน แต่กับบรูซและภรรยา ตอนนี้เขาและทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นดีมาก นั่นก็เป็นเพราะไวส์ ทั้งสองฝ่ายจึงต่างไว้ใจและเชื่อใจกัน


หลังจากที่สอนศิลปะการต่อสู้ให้ทั้งครอบครัวไปแล้ว ฉินสือโอวก็เริ่มวางแผนฮันนีมูนของเขา เขากับวินนี่ไม่เคยออกเดินทางไปไหนด้วยกันมาก่อนเลย ครั้งนี้อาศัยโอกาสในการฮันนีมูนจะต้องไปเที่ยวสักรอบจะได้มีช่วงเวลาที่ดี


ฉินสือโอวถามวินนี่ว่าอยากไปที่ไหน วินนี่บอกว่า “เรื่องนี้ไม่รีบค่ะ ที่รัก ถ้าจะต้องไปฮันนีมูน ฉันจะต้องส่งงานต่อ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งเดือนนะคะ”


ไม่รีบจริงๆ เพราะตัวฉินสือโอวเองก็ยังต้องต้อนรับญาติและเพื่อนสมัยเรียนที่มาจากบ้านเขา พวกญาติๆ ยังดีหน่อย เพราะมีพ่อแม่ พี่สาวและพี่เขยช่วยกันต้อนรับ คนพวกนี้อยู่ด้วยกันก็จะมีความเป็นตัวของตัวเองมากกว่า แต่พวกเพื่อนสมัยเรียนก็เป็นเขาที่ต้อนรับเอง


ฉินสือโอวถามว่าอยากเล่นอะไร พวกเขาก็ถกกันเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็บอกแบบใจกว้างว่าให้เขาเป็นคนจัดการ พวกเขาเล่นอะไรก็ได้ทั้งนั้น


“ถ้าอย่างนั้นไปตกปลาที่ทะเลกัน ไปตกปลาตอนกลางคืน ช่วงนี้เป็นช่วงที่ปลาอวบอ้วนเป็นพิเศษด้วย” ฉินสือโอวเสนอขึ้นมา


“เอ่อ คืออย่างนี้ ตกปลาเนี่ยก็ไม่รีบนะ”


“ถ้าอย่างนั้น ฉันพาพวกนายไปยิงปลาดีไหม? กิจกรรมแบบนี้ไม่มีในประเทศจีนด้วย ที่นี่เขานิยมกันมาก แล้วเดี๋ยวพวกเราก็มาย่างปลากินกัน” ฉินสือโอวรู้สึกว่าข้อเสนอนี้ไม่เลวเลย


“เอ่อ อันนี้ ยิงปลาคืออะไร? ใช้ปืนไหม? ถ้าใช้ปืนก็โอเค”


“ใช่ๆๆ เล่นปืนกัน ครั้งที่แล้วมาที่โคโกโร่แล้วไม่ได้เล่นปืนกัน น่าเสียดายมาก”


พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวก็รู้จุดประสงค์ของพวกเขาแล้ว เพื่อนสมัยเรียนของเขาอยากสัมผัสถึงปืนจริงกระสุนจริง แน่นอนว่าสิ่งนี้เขาเข้าใจดี เพราะตอนที่เขาเพิ่งมาแคนาดาก็ซื้อปืนมาเล่นสนุกก่อนเลย


ฉินสือโอวโทรหาหวงเฮ่าเจีย ให้เขามาพากลุ่มเพื่อนเขาไปร้านปืน หลังจากนั้นก็บอกพวกเพื่อนๆ ว่า “ฉันเข้าใจความหมายของพวกนายตัวแสบละ พวกนายอยากเล่นปืนออกล่าสัตว์จำพวกนี้ใช่ไหม? ไม่มีปัญหา แต่ต้องฝึกก่อน 1 วัน อย่างน้อยก็เพื่อรู้ว่าจะป้องกันตัวเองอย่างไร”


ทุกคนในกลุ่มเต็มไปด้วยความโหยหา พอได้ยินคำพูดของเขาก็รีบพยักหน้า เช่นเดียวกับลูกสุนัขกลุ่มหนึ่งตามหวงเฮ่าเจียอย่างว่านอนสอนง่ายไปที่สนามยิงปืนในร้านขายปืน


ฉินสือโอวรีบตามหลังไป พิงผนังรถมองกลุ่มคนเดินไปเข้าสู่โลกใบใหม่


เนื่องด้วยธุรกิจกำลังมาแรง เคาเตอร์ สไตรก์จึงขยายตัว กลายเป็นร้านค้าด้านนอก ล้อมรอบไปด้วยอาวุธปืนและอาวุธเย็น มีสินค้าประเภทต่างๆ มากมายให้เลือกครบครัน


ฉินสือโอวเป็นเจ้าของ ครั้งนี้เขาจึงใจสปอร์ตเต็มที่ เขาให้เสื้อแจ็กเกตลายพราง H55 คนละหนึ่งชุดก่อน ทั้งให้ความอบอุ่น กันลมกันฝน และยังมีความพรางตัวได้ดีด้วย เป็นแจ็กเกตที่กำลังได้รับความนิยมมากในตลาดขณะนี้ ราคาที่ขายตอนนี้คือ 400 ดอลลาร์แคนาดา


นอกจากนี้แล้ว เขายังแจกชุดล่าสัตว์แบบครบชุดทั้งหมวกแก๊ป ถุงมือ อุปกรณ์พยุงเข่า รองเท้าปีนเขา เป็นต้น ทั้งชุดเมื่อบวกรวมกัน คนหนึ่งก็ตกประมาณ 1,000 กว่าดอลลาร์แคนาดา


แต่ทว่าสิ่งนี้สำหรับเขาถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เพราะในอาหารทะเลต้าฉิน 1,000 ดอลลาร์แคนาดาซื้อปลาตัวใหญ่หน่อยยังไม่ได้ด้วยซ้ำ

 

 

 


บทที่ 1365 เปิดโครงการใหม่

 

รอทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ โหวจื่อเซวียนก็เดินออกมาอย่างสง่า


เขาสวมชุดลอกเลียนเครื่องแบบ 05 ของหน่วยรบพิเศษแคนาดา สีโดยรวมเป็นสีเขียวเข้มพร้อมปลอกแขนสีทอง บนปลอกแขนมีปีกอยู่คู่หนึ่งและใต้ปีกก็มีใบเมเปิลอยู่หนึ่งใบ นอกจากนี้ยังสวมหมวกเบเร่ต์สีแดง ดูๆ แล้วก็เหมือนทหารจริงๆ


ทำงานที่ร้านปืนมาสองปี ผู้ชายแปลกๆ ผอมโซก่อนหน้านั้นได้หายไปแล้ว แทนที่ด้วยชายหนุ่มร่างกายแข็งแกร่ง


หวงเฮ่าเจียกระแอมหนึ่งที แล้วพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “นี่คือครูฝึกมังกี้ หนึ่งวันหลังจากนี้ก็จะมีครูฝึกมังกี้ เป็นคนฝึกฝนพวกเรา ขอให้ทุกคนถนอมโอกาสครั้งนี้เอาไว้ให้ดี”


“ครูฝึกมังกี้? ชื่อนี้มันค่อนข้างจะ เหอๆ” เหยียนตง ยิ้มเจื่อนขึ้นมา มังกี้ก็แปลว่าลิง ต่อให้ภาษาอังกฤษของทุกคนจะแค่พอได้ แต่อันนี้ก็เข้าใจดี


โหวจื่อเซวียนใช้สายตาพิฆาตจ้องไปที่หวงเฮ่าเจีย ฉินสือโอวมองอยู่ข้างๆ อย่างสนุกสนาน ดูท่าแล้วสองคนนี้จะเล่นอะไรพิสดารอีกแล้ว


หวงเฮ่าเจียทำเป็นมองไม่เห็นสายตาของโหวจื่อเซวียน เขาพูดอย่างจริงจังต่อไปว่า “ไม่ต้องหัวเราะ มังกี้เป็นรหัสของครูฝึกเมื่อก่อนที่ใช้ในหน่วยรบพิเศษตอบโต้อย่างรวดเร็ว!”


“หน่วยรบพิเศษตอบโต้อย่างรวดเร็ว?” คนทั้งกลุ่มตกตะลึง


เหมาเหว่ยหลงมองไปที่ฉินสือโอวอย่างสงสัย กระซิบถาม “แม่ง ไอ้ลิงนี่ไม่ได้มาจากอีสานเหรอ?”


ฉินสือโอวกระซิบตอบเช่นกัน “อย่าเพิ่งพูดอะไรออกมา ดูมันสองคนเล่นสนุกกันไปก่อน”


เหมาเหว่ยหลงพยักหน้าด้วยความเข้าใจขึ้นมาทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมในทันใด ร่วมมือกับหวงเฮ่าเจียแล้วพูดขึ้นว่า “สิ่งที่หวงบอกก็คือ CMT ซึ่งแปลว่าหน่วยรบพิเศษฉุกเฉินของแคนาดา โดยทั่วไปเรียกว่า หน่วยรบพิเศษตอบโต้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็คือการมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างว่องไว”


โหวจื่อเซวียนกวาดมองไปที่ทุกคนด้วยสายตาเย็นชา หลังจากนั้นก็พูดด้วยภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่วว่า “นั่งลง พวกทหารทั้งหลาย พวกคุณสามารถเรียกผมว่าครูฝึกมังกี้ได้ แต่ผมมีชื่อภาษาจีนด้วยเช่นกันว่า โหวรื่อหวง[1] ผมชอบให้พวกคุณเรียกผมชื่อจีนมากกว่า”


พอได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของหวงเฮ่าเจียพลันเปลี่ยนสี พี่สาวของเขาชื่อ หวงเจียเจีย…


“วันนี้ผมจะจัดการฝึกฝนที่เข้มงวด ถ้าใครทนไม่ได้ ก็ออกไปตอนนี้ซะ ในทีมของเราจะไม่ให้มีใครที่อ่อนแอเหมือนผู้หญิงเป็นเด็ดขาด!” โหวจื่อเซวียนค่อยๆ ขึ้นเสียง


“แต่ถ้าพวกคุณผ่านการฝึกฝนของผม คนที่แสดงออกมาได้ดีที่สุดเพียงหนึ่งเดียว ผมจะมอบปลอกแขนให้หนึ่งอัน” โหวจื่อเซวียนยกมือที่ไพล่หลังไว้ออกมา ในมือมีปลอกแขนสีดำหนึ่งอัน ด้านบนมีลายปีกดาบและคำขวัญที่ว่า ‘พวกเรากล้า’ อยู่บนนั้น


“ปลอกแขนอันนี้คือสิ่งที่ผมใช้ตอนฝึกพิเศษ S.A.S ซึ่งมีความหมายที่ต่างกัน เข้าใจไหม?” เขาถามอย่างเกรี้ยวกราดหลังจากที่ไร้สาระมา


“เข้าใจแล้ว!” เฉินเหลยและคนอื่นๆ ตะโกนตอบ


โหวจื่อเซวียนก้าวออกไปด้านหน้า จ้องไปที่กลุ่มคนอย่างดุดันแล้วตะคอกใส่ “พวกคุณเป็นผู้หญิงเปล่า? บ้าชิบ ผมไม่ได้ยินว่าพวกคุณพูดอะไรกันเลย! ตอบ เข้าใจไหม?”


“เข้าใจ!” คนกลุ่มนั้นร้องตอบกลับด้วยเสียงที่ดัง


ฉินสือโอวนั่งแท็กซี่กลับ หลังจากนั้นก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา คนพวกนี้ถูกโหวจื่อเซวียนขู่จนกลัวไปหมดแล้ว ต่างร้องตะโกนเต็มที่ เขาเห็นบนหน้าผากของเฉินเจี้ยนหนานปูดเส้นเลือดขึ้นมา จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเก็บไว้


เหมาเหว่ยหลงก็เข้ามานั่งข้างในแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมา หลังจากนั้นพูดขึ้นว่า “จริงด้วย ไอ้โค้ชมังกี้นี่มันเก่งจริงๆ นะ นายรู้สึกไหมว่ามันแสดงเก่งมากเลย? นี่ถ้าไม่ใช่ว่าฉันเคยกินข้าวด้วยกันกับมันมาก่อน ฉันคงถูกมันขู่จนตกใจกลัวไปด้วยจริงๆ”


ฉินสือโอวมองไป แล้วก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา เดินไปหาซาโกรแล้วพูดว่า “เฮ้ ผองเพื่อน ฉันมีไอเดียใหม่ วันหลังร้านปืนเราจัดกิจกรรมการฝึกอบรมกันเถอะ ให้โค้ชมังกี้เป็นคนนำ เขามีพรสวรรค์ด้านนี้อยู่”


ซาโกรมีความสนใจในทุกธุรกิจที่หาเงินได้ เขาจึงถามขึ้น “กิจกรรมการฝึกอบรมอะไร?”


ฉินสือโอวตอบว่า “ก็พวกกิจกรรมที่แกล้งหลอกคนอื่น บอกว่าโหวจื่อเป็นมือปืนจากหน่วยรบพิเศษที่เกษียณแล้วที่เราจ้างมา ให้นีลเซ็นกับเบิร์ดฝึกเขาสักสองสามวัน พอถึงเวลาก็หลอกนักท่องเที่ยวให้มารับรู้การฝึกทหารแบบแคนาดา ผมคิดว่าตลาดด้านนี้ทำได้”


ซาโกรพูดอย่างลำบากใจ “อันนี้มันออกจะผิดศีลธรรมไปหน่อยไหม?”


ฉินสือโอวตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เพิ่มนีลเซ็นเข้าไป แต่โดยหลักแล้วให้โหวจื่อเป็นคนฝึก แล้วถ้าคนมีจำนวนเยอะค่อยให้นีลเซ็นมาช่วย ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ถือว่าหลอกกันแล้วนะ?”


ซาโกรดีใจขึ้นมาทันที “ดีมากๆ ฉันจะรีบไปออกโครงการฝึกอบรม โอ้ว นั่นของนาย กระสุนลำกล้องจุด 303 อยู่ในลังนั้นทั้งหมด เล่นให้สนุกนะผองเพื่อน”


เขาชี้ไปที่กล่องขนาดมือถือที่อยู่บนเคาน์เตอร์ หลังจากนั้นก็วิ่งไปที่หน้าคอมพิวเตอร์พิมพ์เสียงดังแต๊กๆ ขึ้นมา


ฉินสือโอวเปิดลังออกมา ในกล่องมีกระสุนทองสัมฤทธิ์อยู่กองหนึ่ง นอกจากนี้แล้วยังมีแผงกระสุนเต็มๆ สองแผงด้วย


กระสุนเหล่านี้ใช้สำหรับปืนไรเฟิล เอ็นฟิลด์และปืนกลเบรนที่เขาเพิ่งประมูลได้มา ตอนนี้อาวุธปืนในโลกส่วนมากจะใช้ลำกล้องจุด 38 และจุด 50 เป็นหลัก ส่วนจุด 303 หาได้ยากแล้ว


ด้านนอกโหวจื่อเซวียนกำลังแสดงให้เห็นถึงข้อควรระวังในการใช้อาวุธปืนให้กับทุกคน เขายังสรุปเป็นชุดไว้อีกด้วย จำพวกข้ออนุญาต 3 อย่าง ข้อห้าม 3 อย่าง สิ่งที่ทำได้ไม่ได้ 5 สิ่ง จนคนที่ฟังตกตะลึง


ตั้งแต่เขาประมูลปืนนี้ได้ ฉินสือโอวก็ยังไม่เคยจับเอามาเล่น ครั้งแรกก่อนเล่นเขาจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ หลังจากที่ตรวจสองรอบแล้วไม่มีปัญหา เขาจึงใส่แม็กกาซีน ยื่นปืนออกไปแล้วเล็งไปที่เป้า


ปืนกลเบรนกับปืนกลZB26 ที่คนจีนคุ้นเคยช่างคล้ายกันมาก หรืออาจจะพูดได้ว่า มันเป็นปืนฉบับรุ่นปรับปรุงของปืนรุ่นนี้ที่ใช้กันที่อังกฤษ


ปืนนี้ใช้ขายึดแบบสองขา แม็กกาซีนจะคว่ำลงบนตัวปืน ฉินสือโอวถือปืนวางอยู่บนกองกระสอบทราย ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกเหมือนกองทัพจีนกำลังต่อสู้กับปีศาจญี่ปุ่นอยู่


ตามปกติ เขาก็จะถ่ายรูปเซลฟี่ตัวเองก่อนสองใบ หลังจากนั้นเขาก็เอากระบอกปืนไม้พาดบนไหล่ เล็งไปที่เป้าหมายแล้วเหนี่ยวไก


“ปังๆๆ ปังๆๆ…” เสียงดังหลายครั้งสนั่นขึ้น ปากกระบอกปืนเกิดเป็นประกายไฟแวบๆ กระสุนปืนกระเด็นออกมา ทีละลูกๆ เหมือนน้ำไหล ยิงโดนเป้าจนเละไปหมด


ก่อนหน้านั้นฉินสือโอวเคยเล่นปืนเล็กยาวระบบกึ่งอัตโนมัติมาก่อน AR-15 ของเขาเป็นรุ่นดัดแปลงซึ่งสามารถยิงกระสุนต่อเนื่องได้ แม็กกาซีนเป็นแบบยิงได้เลย 30 นัด แต่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากการใช้ปืนกล


ยิ่งไปกว่านั้นปืนกลยังมีลำกล้องขนาดใหญ่ ความสามารถในการทำลายของปืนไรเฟิลลำกล้องเล็กเทียบอะไรไม่ได้เลย เมื่อลูกกระสุนสาดออกไป ฉินสือโอวรู้สึกเลยว่าเขาถือปืนนี่อยู่จะขึ้นเขาก็เอาชนะเสือได้ จะลงทะเลก็สามารถฆ่ามังกรได้


เหมาเหว่ยหลงมองจนเครื่องร้อน จึงลงไปลองเล่นด้วย ฉินสือโอวยื่นปืนให้เขา ปรากฏว่าปืนกลที่นิ่งเหมือนก้อนหินแปรเปลี่ยนเป็นเด้งกระดอนขึ้นมา แรงถีบของกระสุนปืนที่หนักหน่วงก็กระแทกไปที่ปากเขา


เฉินเหลยและคนอื่นๆ หลังจากที่เข้ารับการฝึกอบรมภาคทฤษฎีเรียบร้อยก็เข้าแถวเพื่อเข้าสู่สนามยิงปืน เหมือนกับเด็กประถมที่ออกกำลังกายตอนเช้า ซึ่งนั่นเรียกว่าเชื่อฟัง พอฉินสือโอวเห็นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาอีก


เมื่อทุกคนเห็นปืนกลเบาในมือของฉินสือโอว แววตาก็ระยิบระยับขึ้นมา เหยียนตงที่คลั่งไคล้การทหารก็ร้องด้วยเสียงตกใจว่า “เชี่ย ปืนกลเบา ZB26?!”


ปืนกลเบา ZB26 คือชื่ออย่างเป็นทางการของปืนกลของสาธารณรัฐเช็ก เขาอยากจะโอ้อวดถึงร้องตะโกนออกไปแบบนั้น เขารู้สึกว่าเรียกชื่อนี้ดูดีมีระดับมากกว่า ‘ปืนกลสาธารณรัฐเช็ก’


แต่ปรากฏว่าเขากลับถูกดูหมิ่นมากกว่าเดิม โหวจื่อเซวียนพูดขึ้น “ถ้าคุณบอกว่านั่นเป็นปืนสาธารณรัฐเช็กยังถูกครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าคุณบอกว่านั่นคือ ZB26 ช่างไร้สาระสิ้นดี เพราะนั่นคือปืนเบรนรุ่นเก่า!”


……………………………………….


[1] 日 รื่อ ในภาษาจีนมีความหมายว่ามีความสัมพันธ์ด้วย ซึ่งในที่นี้โหวรื่อหวง จึงหมายถึง โหวจื่อเซวียนมีความสัมพันธ์กับหวงเจียเจีย

 

 

 


บทที่ 1366 ล่าสัตว์บนเขาในฤดูใบไม้ร่วง

 

หลังจากฝึกมาทั้งวัน แน่นอนว่านอกจากที่โหวจื่อเซวียนและหวงเฮ่าเจียร่วมมือกันแกล้งข่มขู่พวกเขาแล้ว เวลาส่วนมากก็คือเวลาพักผ่อน


ฉินสือโอวกำชับทั้งคู่ พวกเขาไม่ได้บอกสถานการณ์จริงกับคนเหล่านี้ ดังนั้นพอทุกคนได้ปืนมา โหวจื่อเซวียนก็เปลี่ยนเป็นคนอ่อนโยน เป็นคนอดทนขึ้นมาทันใด ทุกคนพอได้รับความอ่อนโยนนี้ก็ตกใจ จึงต่างชมกันใหญ่ว่าพี่ชายหน่วยรบพิเศษคนนี้เป็นคนดีจริงๆ


อาวุธปืนพวกนี้ถือเป็นของอันตรายโหวจื่อเซวียนใช้เวลาหนึ่งวันสอนพวกเขาว่าจะป้องกันตัวเองและคนรอบข้างอย่างไร สำหรับการวิธีการยิงปืนนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องสนใจ สิ่งที่เขาต้องทำก็คือสอนให้ทุกคนห้ามใช้อาวุธปืนทำร้ายคนอื่นให้ได้รับบาดเจ็บ


ในช่วงเวลาพักผ่อนทุกคนก็จะยืนห้อมล้อมโหวจื่อเซวียนถามเกี่ยวกับความลับของกองทัพแคนาดากันยกใหญ่ โหวจื่อเซียนรู้ความลับบ้าบออะไร? เขาก็ไม่เคยเข้าไปสักหน่อย แต่เขาก็มีไหวพริบมาก เขาเปลี่ยนหัวข้อ บอกว่าเขาเคยเป็นทหารรับจ้างด้วยนะ แล้วเล่าข่าวลือเกี่ยวกับทหารรับจ้างให้พวกเขาฟัง


โหวจื่อเซวียนถือเป็นเซียนทางด้านนี้แล้ว นั่นก็เพราะว่าพอว่างเขาก็ชอบท่องไปในกระทู้ที่ถกเกี่ยวกับพวกทหาร ข่าวข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มีหมด หลอกจนทุกคนจะกลายเป็นกวางน้อยโง่ๆ ไปหมดแล้ว


ยามพลบค่ำ เมื่อการฝึกฝนเสร็จสิ้นลง ทุกคนก็แสดงความเคารพต่อโหวจื่อเซวียน แววตามีความเคารพอย่างสูงสุด


โหวจื่อเซวียนตะเบ๊ะกลับ หลังจากนั้นก็ตะโกนขึ้นว่า “พลทหารหม่าจิน ก้าวออกมา!”


หม่าจินวิ่งออกไปอย่างมีความสุข ชูคอแล้วตะโกนเสียงดังว่า “รายงานตัวครูฝึก หม่าจินออกมาแล้วครับผม”


โหวจื่อเซวียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หยิบเอาปลอกแขนออกมาวางตบอยู่บนแขนขวาของเขา แล้วพูดขึ้นว่า “คุณคือคนที่ขยันที่สุดในการฝึก ปลอกแขนอันนี้เป็นของคุณแล้ว หวังว่าความประพฤติของคุณในอนาคตจะไม่ต้องทำให้มันแปดเปื้อน!”


หม่าจินรู้สึกตื่นเต้นมาก น้ำตาร้อนๆ เอ่อคลออยู่ที่ตา “ขอให้ครูฝึกวางใจได้ครับผม!”


คนอื่นๆ มองไปที่หม่าจินด้วยความอิจฉา ส่วนหม่าจินพอกลับเข้าไปก็จงใจยกแขนขวาขึ้นมา เพื่อให้เห็นปลอกแขนของเขา


หลังจากนั้น โหวจื่อเซวียนก็พาทุกคนเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วพูดขึ้นว่า “ยังมีใครจะเอาปลอกแขนไหม? มีตั้งแต่ 5 ดอลลาร์แคนาดาไปจนถึง 50 ดอลลาร์แคนาดา ทุกคนเลือกได้ตามใจชอบเลย มี S.A.S มีมอสสาด มีเดลต้าฟอร์ซ มีเนวีซีล โอ้ว ใช่กองทหารของจีนเราก็มีนะ เสือดาวหิมะ ดาบทางใต้ มีหมดทุกอย่าง”


ทุกคน “แม่ง”


หม่าจิน “แม่ง อย่างเยอะ!”


“ออกใบเสร็จได้ด้วย” หวงเฮ่าเจียพูดเสริม “นอกจากนี้แล้วทุกคนเป็นเพื่อนบ้านเดียวกันหมด ซื้อเยอะลดเยอะ ผมลดให้พวกคุณได้เลย 20% ทุกคนไม่ต้องเกรงใจ อยากได้อะไรก็ซื้อเลย”


เหมาเหว่ยหลงมองไปที่เพื่อนร่วมชั้นที่มีสีหน้าหมองคล้ำด้วยความสงสาร “มีดของหวงครั้งนี้แทงได้เจ็บมาก”


แต่ทว่าการฝึกฝนในวันนี้ได้ผลดีมาก เพราะวันที่สองตอนที่จะเตรียมขึ้นเขา ทุกคนใส่เสื้อแจ็คเก็ตลายพราง แบกเป้ขึ้นเขาเหมือนกัน จิตวิญญาณแตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก


ฉินสือโอวถือคันธนูของเขาตามปกติ เขาเอาปืนกลเบาเบรนและ A-15 ให้กับอีวิลสัน พาหู่จือ เป้าจือ ฉงต้าและหลัวปอไปด้วย บนบ่ายังมีบุช นิมิตส์ และแคลร์ เดินเปิดทางอยู่ด้านหน้า


เขายังแบกปืนไว้อีกหนึ่งกระบอกซึ่งเป็น AWP ขึ้นชื่อ ครั้งนี้เขาคิดไว้ดีแล้ว หากมีโอกาสเจอครอบครัวอินทรีทอง เขาจะใช้ปืนไรเฟิลฆ่าพวกมันทั้งหมด ครั้งที่แล้วที่เจอการโจมตีของอินทรีทองในทะเลยังคงทิ้งความกลัวให้เขาอยู่ภายในใจจนถึงตอนนี้


เขาไม่ได้กลัวว่าอินทรีทองจะโจมตีตัวเอง แต่กลัวว่ามันจะโจมตีเสี่ยวเถียนกวา!


พอหู่จือและเป้าจือขึ้นเขาก็ทำเหมือนเคย ออกไปล่ากระต่ายสโนว์ชูตัวอวบอ้วนกลับมาก่อน


ในที่สุดหัวหน้าห้องจงต้าจวิ้นที่เงียบขรึมก็เอ่ยปาก ดวงตาของเขาเป็นประกาย “เพื่อนฉิน หมาสองตัวนี้ที่นายเลี้ยงไว้นี่ไม่เลวจริงๆ มันเรียกว่าอะไรนะ? กลับไปฉันจะไปเลี้ยงบ้าง”


“สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก” ฉินสือโอวลูบไปที่หัวเจ้าสองตัวตอบด้วยความภาคภูมิใจ เหมือนพ่อที่กำลังชมลูกอยู่อย่างไรอย่างนั้น


อีวิลสันยกกระต่ายสโนว์ชูขึ้นมาคว่ำไปมา ปรากฏรอยยิ้มเรียบง่ายบนใบหน้า “สองชาม”


เฉินเหลยที่อยู่ด้านข้างถามด้วยความสงสัยว่า “แปลว่าอะไร สองชาม?”


ฉินสือโอวอธิบายว่า “อีวิลสันหมายถึงกระต่ายตัวนี้สามารถเอามาต้มเนื้อได้สองชาม ทุกคนรีบหน่อย เดี๋ยวพวกเราจะไปล่าหมูป่ากัน วันนี้ตอนกลางวันพวกเรากินหมูป่าย่างดีไหม?”


ทันใดนั้นทุกคนก็เริ่มมีพลังกลับมา เฉินเหลยพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เชี่ย เมื่อก่อนเห็นไอ้ฉินมันโชว์อยู่ในไทม์ไลน์ คราวนี้พวกเราจะได้ออกล่าหมูป่ากันจริงๆ ละ เดี๋ยวพอล่าออกมาได้ใครก็ไม่ต้องแย่งฉันทั้งนั้น เข้าใจไหม?”


จำนวนของหมูป่าบนเทือกเขาเคอร์บัลเพิ่มขึ้นมาก สาเหตุเพราะว่าเทศบาลท้องถิ่นได้ดำเนินการเลี้ยงหมูป่าเทียม ปีนี้นักท่องเที่ยวมีมาก ถ้าไม่เลี้ยงเทียมแล้วปล่อยให้ขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ ก็จะตามไม่ทันจำนวนของนักล่าที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่อให้เทศบาลจะกำหนดปริมาณจำกัดในการล่าสัตว์ต่อนักท่องเที่ยวแล้วก็ตาม


นี่ก็คือความเก่งกาจของคนจีน เมื่อก่อนไม่มีนักท่องเที่ยว จำนวนของหมูป่ามีมากเกินจนเกิดเป็นเหตุเภทภัย ทุกปีเมื่อถึงฤดูหนาวพวกชาวประมงจะต้องผลัดกันป้องกันไม่ให้หมูป่าลงมาจากเขา ปรากฏว่าใช้เวลาอยู่สองปี จำนวนหมูป่าก็อยู่ในอันตรายเสียแล้ว…


เป็นครั้งแรกที่คนทั้งกลุ่มขึ้นเขาเคอร์บัล ดังนั้นพอเห็นอะไรก็สงสัยใคร่รู้ไปหมด


เทือกเขาเคอร์บัลในฤดูใบไม้ร่วงช่างงดงามและอุดมสมบูรณ์ มีต้นเชอร์รี่ขึ้นแซมเป็นระยะๆ ในกลุ่มวัชพืชตามทาง ใบเมเปิลทั่วทั้งเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้ม ลมทะเลพัดหวิว ส่งเสียงสวบสาบ ในบางครั้งก็เห็นต้นสนยักษ์ที่ตั้งตระหง่านเสียดฟ้า เป็นระบบนิเวศวิทยาแบบดั้งเดิม


เดินไปบนพื้นดินที่ราบเรียบ ไม่มีสัตว์ร้ายออกหาล่าเหยื่อแถวนี้ ทุกคนสามารถเก็บผลเบอร์รี่กินได้ ซึ่งไม่มีพิษ และเป็นธรรมชาติมาก แค่เอามาเช็ดนิดหน่อยก็สามารถกินเข้าปากได้


กินบลูเบอร์รีที่สามีเด็ดมาให้ ซ่งจวินเหมยมองไปรอบข้างแล้วก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ “ฉิน ไม่น่านายถึงย้ายถิ่นมาอยู่ที่นี่ ที่นี่สวยมากจริงๆ เหมือนกับสวรรค์เลย”


ฉินสือโอวยิ้ม “เดินขึ้นไปบนภูเขาอีก จนถึงทางลาด นั่นแหละคือสวรรค์จริงๆ”


ในขณะที่เขาพูดอยู่ ฝูงนกอวบอ้วนตัวสีแดงก็โบยบินมา ห้อยหัวส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว


หม่าจินพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “โอว นี่ไม่ใช่นกขี้โมโหเหรอ?”


ฉินสือโอวแนะนำว่า “นี่คือนกนอร์ธเธิร์น คาร์ดินาล เป็นนกประจำถิ่นประเภทหนึ่ง พวกมันหวงอาณาเขตของตัวเองมาก ถ้าใครรุกล้ำเข้าไปในอาณาเขตของมันก็จะต่อต้าน นิสัยรุนแรง ถ้าบอกว่ามันเป็นนกขี้โมโหก็ไม่ผิดหรอก”


เขาเพิ่งพูดจบได้สักพัก นกน้อยตัวหนึ่งก็เดินเป็นวงกลมอยู่บนหัวของหม่าจิน หลังจากนั้นขี้นกของตกลงบนหน้าผากของหม่าจินดัง ‘แปะ’


ตอนนี้หม่าจินแทบคลั่ง เฉิยเหลยที่เดินอยู่ด้านหลังเขาหัวเราะเสียงดัง “เชี่ย ไอ้หม่านายน่าสมเพชจริง นี่เรียกว่าอะไรดี? ขี้นกนำโชค?”


คนอื่นๆ ก็หัวเราะเช่นกัน แต่หัวเราะได้ไม่เท่าไรก็หัวเราะไม่ออก เพราะว่าฝูงนกขี้โมโหพวกนี้กำลังบินไปแล้วก็ปล่อยขี้นกออกมา เหมือนเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ทิ้งระเบิดลงมา ทุกคนต่างคลุมหัวตัวเองวิ่งหนีกันใหญ่


เหมาเหว่ยหลงยกปืนขึ้นแล้วถาม “ยิงปืนขู่พวกมันดีไหม?”


ฉินสือโอวห้าม หลังจากนั้นก็เป่านกหวีดขึ้นมา เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น ร่างสองร่างไม่ไกลออกไปโผล่ออกมาจากในพุ่มไม้ บินมาหาด้วยความเร็วสูงดุจสายฟ้า กระพือปีกเหล็กของมันจนพวกนกคาร์ดินาลแดงตกใจกลัววิ่งพล่านไปทั่วทุกทิศ


หลังจากแคลร์ไล่นกคาร์ดินัลแดงไปได้ก็บินไปอยู่ด้านหน้าฉินสือโอว กรงเล็บที่หยาบกร้านของมันหนีบไก่ป่าตัวหนึ่งไว้อยู่ ดูลักษณะแล้วค่อนข้างอวบอ้วน อย่างน้อยก็น่าจะมีสองกิโลกว่าได้


พวกสัตว์ต่างๆ ได้เหยื่อมาไม่น้อย แต่คนกลุ่มนี้กลับไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง เก็บได้เพียงผลเบอร์รี่หนึ่งถุง จึงทำให้รู้สึกอับอายขึ้นมา จึงส่งเสียงโหวกเหวกขึ้นมา “ล่าสัตว์! ล่าสัตว์!” “พวกเราแยกกัน เป็นสองฝั่ง จะต้องล่าหมูป่ากวางป่าให้ได้!”

 

 

 


บทที่ 1367 ช่องว่าง

 

หลังจากเดินไปตามทางบนภูเขาเป็นเวลาชั่วโมงกว่าแล้ว เดินมาจนจะครึ่งทางแล้ว พวกเขาก็ยังไม่เจอสัตว์ใหญ่อย่างหมูป่า กวางป่า แต่กลับเจอสัตว์เล็กๆ อย่าง ห่านแคนาดา เป็ดน้ำ กระต่ายสโนว์ชู กระต่ายป่าสีเทา ไก่ป่าเฮเซล เป็นต้น ตลอดทาง


ถ้าไม่มีสัตว์ใหญ่ ล่าสัตว์เล็กก็ได้เช่นกัน เพราะอย่างไรก็ตามตอนที่พวกเขาอยู่ประเทศจีนก็ไม่มีโอกาสในการล่าสัตว์ แต่ตอนนี้พวกสัตว์เล็กพวกนี้ก็ฉลาดมากขึ้น พอเห็นคนก็วิ่งหนี แล้วจะให้คนที่เพิ่งฝึกหัดจับปืนมีโอกาสในการล่าได้อย่างไร?


เสียงปืนดังไปตลอดทาง แต่ก็ไม่สามารถจับอะไรได้ จึงทำให้คนกลุ่มนี้รู้สึกหดหู่เหลือเกิน เฉินเหลยถามอย่างกังวล “ฉิน นายบอกมาตามจริง ว่าภูเขาทั้งลูกนี้ยังมีหมูป่า กวางป่าอยู่ไหม ทำไมถึงไม่เจอสักตัวเลยล่ะ?”


ฉินสือโอวกลอกตามองบน “พวกนายยังมีหน้ามาพูด ดูที่พวกนายทำ ราวกับโจรเข้ามาในหมู่บ้าน ฝูงหมูป่ากวางป่าก็ไม่ได้โง่นะ จะได้วิ่งออกมาให้พวกนายจับ?”


ปีนเขามาหนึ่งชั่วโมง ทุกคนไม่ว่าจะชายหรือหญิงต่างก็เริ่มหอบด้วยความเหนื่อย ตอนนี้สมรรถภาพทางกายของพวกเขาแตกต่างกันมาก สำหรับฉินสือโอวเหงื่อสักเม็ดก็ไม่มี เพราะว่าพวกเขาเดินกันไปช้ามาก


เหมาเหว่ยหลงก็มีเหงื่อไม่เยอะ แต่สำหรับคนอื่นๆ ส่วนมากเหนื่อยจนก้าวไม่ออกแล้ว


ไม่มีความรู้สึกแปลกใหม่ใดๆ แล้ว ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมจะสวยงามเพียงใด แต่ทุกคนก็เหนื่อยจนสภาพเป็นแบบนี้ ไม่มีแรงปีนเขาแล้ว ทุกคนต่างหาพื้นหญ้าร้องเรียกจะนั่งพักกัน


ฉินสือโอวจึงทำได้แค่ออกล่าเอง เขาทิ้งฉงต้าไว้ แล้วพูดว่า “ฉันจะออกไปดูสักหน่อย พวกนายพักก่อน”


เฉินเหลยผงกศีรษะด้วยความเหนื่อยล้า แล้วพูดว่า “โอเค นายไปเถอะ หมีตัวนี้พวกเราจะดูให้นายเอง”


ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบนอีกรอบ เขาพูดขึ้นว่า “ใครให้ความกล้ากับนายพูดประโยคแบบนี้ออกมาได้? ฉันทิ้งฉงต้าไว้ให้ปกป้องพวกนาย อย่าไปเจอฝูงหมาป่าสีเทาละกัน ไม่มีฉงต้าพวกนายก็เตรียมตัวตายได้เลย”


“บนเขามีหมาป่าด้วยเหรอ?” ซ่งจวินเหมยบีบแขนของเหยียนตงแน่นโดยไม่รู้ตัว


ฉินสือโอวตอบว่า “มี แต่พวกนายไม่ต้องกลัว มีแค่ไม่กี่ตัวเอง ไม่มีอะไร อีกอย่างมีฉงต้าอยู่พวกนายจะกลัวอะไร? อย่าว่าแต่หมาป่าเลย เสือ สิงโต ฉงต้าก็จัดการได้หมด”


คนทั้งกลุ่มหันไปมอง ฉงต้ากำลังยืนพิงต้นไม้อ้าปากหายใจอยู่ ท้องโตเดี๋ยวพองเดี๋ยวแฟบ ลักษณะหัวใหญ่หูใหญ่ดูอย่างไรก็ดูไม่ออกว่าสามารถจัดการเสือกำราบสิงโตได้


ฉินสือโอวเข้าไปบีบท้องอ้วนๆ ของฉงต้า เพื่อบอกให้มันอยู่ที่นี่อย่าซนนะ หลังจากนั้นก็รีบพาหู่จือ เป้าจือออกจากเส้นทางเดินเขาแล้วเข้าไปในป่าทันที


เดิมทีรอบๆ ทางเดินเขาก็ไม่มีสัตว์ป่าอยู่แล้ว แล้วนับประสาอะไรกับพวกเขาที่มากันกลุ่มใหญ่ แล้วยังมีคนยิงปืนส่งเสียงดังอยู่ตลอดอีก ต่อให้เป็นฝูงหมาป่าก็ต้องถูกทำให้ตกใจกลัวจนวิ่งหนีไป


เขาคนเดียวพาสุนัขสองตัวไป ฉินสือโอวเดินออกไปได้ไม่ไกลก็เจอหมูป่าตัวน้อยสีน้ำตาลเทา


เจ้าหมูป่าน้อยตัวนี้ตัวยังยาวไม่ถึงครึ่งเมตรด้วยซ้ำ แม้แต่เขี้ยวก็ยังไม่งอกออกมา กำลังร้องฮึมฮัมหาหญ้าและพวกวัชพืชกินอยู่


หลังจากหู่จือและเป้าจือเห็นมันก็อยากเข้าไปตะครุบตามสัญชาตญาณ ฉินสือโอวตะโกนบอกให้พวกมันหยุดก่อน ลูกหมูป่าตัวนี้น่าจะถูกปล่อยออกมาให้เจริญพันธุ์ ไม่เช่นนั้นก็คงอยู่กับฝูงหมูป่าแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ก็ควรจะปกป้องไว้สักหน่อย รอมันเติบใหญ่ค่อยฆ่าแล้วเอาไปกิน


เมื่อได้ยินเสียง หมูป่าน้อยหันกลับไปมองหู่จือ และเป้าจือด้วยความระแวดระวัง แต่พอค้นพบว่าพวกมันไม่ได้เข้ามาโจมตีตัวมัน จึงหันกลับไปมุ่ยก้นและร้องฮึมฮัมก้มหาวัชพืชเป็นอาหารกินต่อไป


ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ฉินสือโอวหันกลับไปมองเห็นเป็นจงต้าจวิ้นหัวหน้าห้อง เขาก็เห็นหมูป่าน้อยเช่นกัน ถามด้วยความประหลาดใจว่า “เจ้าหมูป่าตัวนี้ทำไมถึงไม่วิ่งมาโจมตีพวกเราล่ะ?”


ฉินสือโอวตอบว่า “สงสัยเป็นหมูทึ่ม”


จงต้าจวิ้นหัวเราะ “ทึ่มแบบน่ารักด้วย เมื่อก่อนฉันมักได้ยินจากผู้ใหญ่ในบ้านบอกว่าหมูป่าดุร้ายมาก กล้าสู้กับทั้งเสือและหมีดำบนภูเขา ตอนนี้ดูๆ แล้วไม่เหมือนกับที่เห็นเลย”


หู่จือและเป้าจือพอเห็นว่าฉินสือโอวไม่ให้พวกมันโจมตีหาหมูป่าน้อย จึงเข้าไปแกล้งมันแทน พวกมันสองตัวมีขนาดใหญ่กว่าหมูป่า ตัวหนึ่งอยู่หน้า ตัวหนึ่งอยู่หลังกันหมูป่าไว้ตรงกลาง หมูป่าน้อยเริ่มกระวนกระวายขึ้นมาทันที


หมูป่าน้อยไม่ได้ส่งเสียงคำราม แต่กลับหดหางแล้วถอยเข้าไปในต้นไม้ หู่จือไล่ตามไปให้ทำให้มันนอนพลิกคว่ำอยู่บนพื้น หลังจากหมูป่าน้อยดันตัวขึ้นมาก็โดนเป้าจือทำให้ลงไปนอนคว่ำอีก พอหลายครั้งเข้ามันก็ไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย แต่มุดเข้าไปในกองใบไม้ซ่อนตัวอยู่ในนั้นแทน


พอเห็นฉากนี้ ฉินสือโอวก็นึกถึงพล็อตเรื่องในซีรีส์ทางทีวีที่พวกเด็กชั่วร้ายขัดขวางสาวใหญ่และลูกสะใภ้ตัวน้อยเพื่อลวนลามผู้อื่นตามซอยต่างๆ เขาส่ายศีรษะไปมา แล้วจึงเป่านกหวีดเรียกให้หู่จือและเป้าจือไปข้างหน้าต่อ


จงต้าจวิ้นก็เดินตามมา ฉินสือโอวจึงถามเขาว่าไม่ต้องพักผ่อนหน่อยเหรอ เขาบอกว่าแรงกายไม่มีปัญหา


“ตอนนี้ธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำและฉันต้องวิ่งไปมาตลอดทั้งวัน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาฉันวิ่งไปมารวมๆ แล้วยังมากกว่าที่ฉันทำงานเมื่อก่อนอีก” จงต้าจวิ้นพูดหัวเราะเยาะตัวเองเล็กๆ


ฉินสือโอวตบไปที่บ่าของเขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไร สมัยมหาวิทยาลัยจงต้าจวิ้นมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองมาก เขาเรียนดี ความสามารถในการควบคุมตัวเองและการปรับตัวก็ดี ยังเป็นหัวหน้าห้องอีก ได้รับคำชื่นชมจากอาจารย์มากมาย แต่ผลปรากฏว่าพอจบการศึกษาเขากลับเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีชีวิตย่ำแย่


เมื่อเดินออกไปได้สักระยะ ก็มีฝูงกวางหางขาวปรากฏตัวขึ้น ฉินสือโอวส่งสัญญาณให้หู่จือและเป้าจือเงียบ หลังจากนั้นก็สอนจงต้าจวิ้นให้วางปืนบนกิ่งไม้ให้ดี แล้วก็ใช้การเคลื่อนไหวสอนเขาว่าเล็งอย่างไร คาดคะเนอย่างไร และควรยิงไปที่กวางตัวไหน


กวางฝูงนี้มีทั้งหมดสิบกว่าตัว กวางตัวใหญ่สี่ตัวนำฝูงกวางตัวเล็ก เดินมาจากในป่าตรงเนินเขา ดูท่าแล้วมาหาน้ำดื่มเฉยๆ จึงไม่ได้ระมัดระวังตัวอะไร


ฉินสือโอวให้จงต้าจวิ้นเล็งไปที่กวางขนาดใหญ่ประมาณหนึ่งที่มีความยาวลำตัวประมาณ 1.2 เมตร กวางชนิดนี้เมื่อโตเต็มที่สามารถมีขนาดใหญ่ถึง 2 เมตรกว่า แต่ถ้าถึงตอนนั้นเนื้อกวางจะแห้งไป เนื้อของกวางที่โตประมาณหนึ่งจึงเหมาะที่สุด


เนื้อกวางเป็นเนื้อระดับสูงในกลุ่มเนื้อตามธรรมชาติ เนื้อนุ่มอร่อย เนื้อไม่ติดมัน มีพวกพังผืดน้อย อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน เกลืออนินทรีย์ น้ำตาลและวิตามินจำนวนหนึ่ง ร่างกายย่อยและดูดซึมได้ง่าย แต่ไม่เหมาะสำหรับการปิ้งย่าง ดังนั้นเมื่ออยู่ในป่า ฉินสือโอวจึงไม่แนะนำให้ล่ากวางป่า


หลังจากเล็งเป้าแล้ว จงต้าจวิ้นหายใจเข้าลึกด้วยความประหม่า ระยะห่างประมาณ 40-50 เมตรซึ่งระยะห่างแบบนี้ฉินสือโอวคาดเดาได้เลยว่าเขาไม่น่าจะยิงโดนกวางตัวนี้แน่


เป็นจริงดั่งคาด ‘ปัง’ เสียงปืนดังขึ้น กระสุนไม่รู้ร่อนไปอยู่ไหนแล้ว ฝูงกวางเมื่อตกใจ จึงวิ่งกระจายกันออกไป และไม่รู้ว่าวิ่งไปทางไหนด้วย


หู่จือและเป้าจือวิ่งเข้าไปอย่างตื่นเต้น แต่วิ่งวนหาไปหนึ่งรอบก็กลับมาด้วยความมึนงง หลังจากนั้นจงต้าจวิ้นก้ไม่กล้ามองแลบราดอร์อีกเลยเพราะมักจะรู้สึกว่าเขาถูกพวกมันดูถูก


ฉินสือโอวยิงธนูออกไป เขาพบกับห่านแคนาดาฝูงหนึ่งและยิงไปได้สองตัว ส่วนหู่จือและเป้าจือก็พบรังของกระต่ายป่าสีเทา ซึ่งเจ้าพวกนี้ง่ายต่อการแพร่พันธุ์มาก ถ้าจะจับต้องจับทั้งรัง ไม่เช่นนั้นพอมันแพร่พันธุ์แล้วก็ยากที่จะจัดการ


เมื่อได้กระต่ายป่าสีเทาทั้งรังและห่านดำสองตัว ฉินสือโอวจึงกลับไป หลังจากพักผ่อนแล้วพวกเขาก็เดินทางต่อและในที่สุดก็มาถึงที่พักที่ราบเรียบครึ่งทางบนภูเขา


ฉินสือโอวเอาพวกเนื้อป่าโยนทิ้งไป ให้อีวิลสันจัดการเก็บให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็เริ่มจุดไฟทำกับข้าว


ทุกคนไม่ได้หาของกิน แต่ต่างยืนอยู่บนภูเขาและมองไปด้านล่าง ได้แต่ประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า


สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการชมวิว มีทิวทัศน์กว้างขวาง ทางทิศตะวันตกเป็นทะเลกว้างใหญ่ ทางทิศใต้มองเห็นเชิงเขา คนกลุ่มหนึ่งรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป

 

 

 


บทที่ 1368 ออกล่าสัตว์

 

ตอนเที่ยงของฤดูใบไม้ร่วง พระอาทิตย์กำลังส่องแสง


มองจากภูเขาลงไปด้านล่าง จะเห็นผิวน้ำทะเลเป็นเกลียวคลื่น คลื่นซัดสาดแต่ละระลอกจะมีแสงสีทองเปล่งประกาย ราวกับผิวน้ำถูกเคลือบด้วยผงทองหนึ่งชั้น เป็นความงดงามของแสงที่ทอประกายออกมา


ใต้ภูเขามีป่าเมเปิลเป็นหย่อมๆ เมื่อลมพัดมาใบเมเปิลก็พลิ้วไหว ใบสีเหลืองอมส้มพลิ้วไสวไปตามสายลมเกิดเป็นเสียงราวกับคลื่นทะเล พวกต้นสนมังกร ต้นสนยักษ์ตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้า ให้ความรู้สึกได้ถึงความแข็งแรงมั่นคง


มองลงไปอีกก็จะเป็นใต้เชิงเขา เห็นถนนที่เป็นระเบียบทอดยาวไปสู่เมืองเล็กๆ เมืองเก่าที่มีกลิ่นอายของความเรียบง่าย บ้านแต่ละหลังเรียงรายกันเป็นทอดๆ ราวกับหมู่บ้านยุโรปในยุคกลาง


“แม่งเอ๊ย!” แววตาของเฉินเหลยที่มองลงไปด้านล่างเขา เอ่ยด้วยความประหลาดใจ


“พี่เหลย ด่าคนทำไม? ทำลายบรรยากาศจริงๆ!” ซ่งจวินเหมยพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ


เฉินเหลยหัวเราะเบาๆ แล้วยกมือขึ้นด้วยท่าทางเหมือนยอมจำนน “นั่นฉันไม่ได้ด่าคนนะ แค่หลุดคำอุทานออกมา เป็นคำเสริมช่วยน้ำเสียง เหมือนพวกคำสร้อยล่ะ”


ฉินสือโอวเข้ามาตบบ่าของเฉินเหลย แล้วพูดว่า “พี่เหลยเป็นคนตรงๆ”


เฉินเหลยพูดอย่างมีความสุขมาก “ใช่ ยังไงไอ้ฉินก็เข้าใจฉันเสมอ”


ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดว่า “มันแน่นอนอยู่แล้ว คนที่สามารถพูดเรื่องไร้สาระได้มากมายเหมือนนายขนาดนี้ฉันก็รู้จักไม่เยอะหรอก”


ทุกคนหัวเราะขึ้นมา เริ่มล้อเฉินเหลยกัน


จงต้าจวิ้นทอดถอนใจแล้วพูดว่า “พอเห็นวิวที่นี่ ฉันก็ไม่อยากกลับไปทำงานแล้ว ยังไม่สู้อยู่คนเดียว สร้างบ้านไม้สักหลังบนภูเขาแล้วอาศัยอยู่ตลอดไป”


คนอื่นๆ พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ฉินสือโอวพูดขึ้น “อย่าเลย วิวต่อให้งดงามแค่ไหน มองนานๆ ไปก็เบื่อ ชีวิตก็คือการต่อสู้ ความสับสน และความยากลำบาก การเผชิญหน้ากับชีวิตที่ไม่รู้อนาคต ถือเป็นเสน่ห์ของการใช้ชีวิตนะ”


หม่าจินมองไปที่ฉินสือโอวด้วยความประหลาดใจ “เชี่ย ฉิน ไม่ได้เจอแค่ปีกว่านายเปลี่ยนไปมากจริงๆ นี่มีมุมมองเกี่ยวกับชีวิตแล้ว สักพักพวกเราต้องดื่มซุปไก่จิตวิญญาณที่นายตุ๋นด้วยไหมเนี่ย?”


เฉินเจี้ยนหนานโบกมือไปมา พูดขึ้น “ทุกคนอย่าเพิ่งโวยวายไป ฉันถามหน่อย ฉิน นายรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เหรอ?”


ฉินสือโอวหัวเราะฮา “เป็นแบบนั้นที่ไหนล่ะ? ฉันคิดว่าชีวิตที่มีเงินต่างหากถึงเรียกว่าชีวิต อะไรนะต่อสู้ ความสับสนให้มันไปลงนรกซะ ชีวิตของฉันหลังจากย้ายถิ่นฐานแล้วสบายสุดๆ เลยพวกนายรู้ไหม?”


คนทั้งกลุ่มกลอกตามองบนแล้วชูนิ้วกลางให้เขา ครั้งนี้แม้แต่ซ่งจวินเหมยและผู้หญิงคนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ ด่าเขาว่าเป็นคนเลวด้วย


เหมาเหว่ยหลงก็ด่าสมทบ ด่าเสร็จเขาก็บอกว่า “พี่น้อง ถ้าทุกคนทนความเหงาได้ พูดตามตรงเลยว่าย้ายถิ่นฐานมาที่แคนาดามันดีจริงๆ ตอนนี้ฉันก็ทำฟาร์มเล็กๆ กินดื่มล้วนเลี้ยงได้ด้วยตัวเอง ไม่มีกิจกรรมบันเทิงใดๆ แต่กลับรู้สึกว่ามีความสุขมากกว่าตอนอยู่ในเมืองมาก”


ฉินสือโอวไม่แนะนำให้คนพวกนี้ย้ายถิ่นฐาน เพราะเขาเจออะไรมามากกว่าเหมาเหว่ยหลง ตอนนี้สิ่งที่ดึงดูดทุกคนคือสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของเกาะแฟร์เวล อีกทั้งมีเขาที่เป็นเศรษฐีที่คอยสนับสนุนอยู่ ถ้าเกิดไปทะเลตกปลาจริงๆ สักสองสามวัน คนพวกนี้จะต้องรู้สึกแน่ๆ ว่าแคนาดาก็ธรรมดาทั่วไป


ตอนหลังเขาไม่ได้ร่วมสนทนาด้วย เขาหยิบเตาเล็กๆ ออกมาสองสามอันเพื่อเตรียมอาหารกลางวัน อาหารกลางวันแสนจะเรียบง่าย เพราะพวกเขาพกแฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า เป็นต้น มาจากฟาร์มปลา แล้วยังมีเกี๊ยวต้มแช่แข็งที่แม่ฉินเป็นคนห่อไว้ด้วย


พอเป็นแบบนี้ต้มซุปไก่ป่าเป็ดป่าสักหน่อย กินคู่กับอาหารฟาสต์ฟู้ดพวกนี้ก็โอเคแล้ว จุดสำคัญคือปีนเขาและชมวิวทิวทัศน์ พวกเขาอยากจะตั้งแคมป์บนภูเขา ดังนั้นมื้อค่ำของนี้คืนถึงจะเป็นไฮไลต์


เตาสองสามอันนี้เป็นเตาไม้ DIY ที่ฉินสือโอวทำเอง ตอนทำอาหารไฟแรงใช้ได้เลย ฉินสือโอวใช้ก้อนหินและโคลนในแม่น้ำแยกกันไว้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เตาไฟล้มขึ้นมาแล้วเกิดไฟไหม้ ฤดูใบไม้ร่วงจะเกิดอัคคีภัยไม่ได้เด็ดขาด


เปลวไฟเลียก้นหม้ออยู่ ฉินสือโอวรอน้ำเดือดแล้วค่อยใส่เกี๊ยวลงไป เฉินเหลยหิวแล้วจึงไม่ได้รอให้สุกก็ตักขึ้นมาชิมก่อน หลังจากนั้นก็อุทานขึ้นมาว่า “แม่ง ฉิน แม่นายห่อเกี๊ยวได้สุดยอดเลย อร่อยโคตร”


“ไหน ไหน?” คนทั้งกลุ่มรวมตัวกันเข้ามาค่อยๆ หยิบไปกิน หม่าจินพอกินไปหนึ่งอันก็สบถด่า “เชี่ย ไอ้เหลยแกหลอกฉันเหรอ? ยังไม่สุกเลย แค่กๆๆ!”


เฉินเหลยพอเห็นพวกเขาหลงกลก็หัวเราะใหญ่ พอเห็นแบบนี้ หม่าจินที่กำลังโกรธเขาอยู่จึงพาคนไปรุมหยิกเขา


ฉินสือโอวแบ่งเนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อกระต่ายที่ต้มสุกแล้วให้กับฉงต้า หู่จือ เป้าจือ หลัวปอและซิมบ้า เจ้าสัตว์พวกนี้กินด้วยกันอย่างมีความสุข ช่วงนี้ฉงต้าไม่ค่อยสนใจที่จะกินพวกเนื้อ หลักๆ จะกินผลไม้และปลาที่ฉินสือโอวตกขึ้นมาได้ จึงไม่ได้ไปแย่งพวกพี่น้องที่กำลังกินเนื้อตุ๋น


ในขณะที่กำลังกินพิซซ่า เฉินเจี้ยนหนานก็เดินเข้ามาถามว่า “ฉิน ตอนบ่ายทำอะไรต่อ? เดินเขาต่อเหรอ?”


ฉินสือโอวตอบว่า “ไม่ล่ะ ตอนบ่ายพวกเราไปล่าสัตว์และตกปลากัน สถานที่แห่งนี้เหมาะที่จะทำไว้พักผ่อนที่สุดละ พวกนายดูสิตรงนั้นก็มีกระท่อมไม้ ตอนกลางคืนพวกเราก็นอนกันที่นี่แหละ”


เมื่อกินอิ่มเรียบร้อย พวกฉินสือโอวก็คุยกันถึงเรื่องเก่าๆ สมัยมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นก็เริ่มแบ่งกลุ่มออกล่าสัตว์


ฉินสือโอวนำกลุ่มหนึ่ง เหมาเหว่ยหลงนำอีกกลุ่มหนึ่ง เขาจัดให้อีวิลสัน ฉงต้าและหู่จือไปกับเหมาเหว่ยหลง พวกเขาไปตกปลากัน ด้วยเหตุนี้ถ้าเจอสัตว์ป่าดุร้ายอะไรก็ไม่ต้องกลัว


ฉินสือโอวนำทีมไปล่าสัตว์ มีหม่าจิน เฉินเหลยและผู้ชายอีก 5 คนไปกับเขา เหยียนตงก็อยากไปด้วย แต่ผลปรากฏว่าโดนซ่งจวินเหมยลากไปตกปลา เขาทำได้เพียงยอมจำนนผู้เป็นภรรยา จึงไปตกปลาด้วยกัน


“พวกเราล่าอะไรเป็นหลักเหรอ?” เฉินเหลยถามด้วยความตื่นเต้น


ฉินสือโอวตอบว่า “กวางหางขาวหรือไม่ก็กวางปักกิ่ง แล้วก็ล่าหมูป่าตัวเดียวก็พอแล้ว แต่ถ้าหากเจอแพะป่า ก็เยี่ยมไปเลย เนื้อแพะป่าอร่อยกว่าหมูป่าเยอะเลย”


เป้าจือและหลัวปอวิ่งเหยาะๆ อยู่ด้านหน้า พวกเขาแบกปืนและถือคันธนูเดินไปตามไหล่เขาที่สูงชันสักพัก แล้วกวางมูสฝูงหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงที่ดินว่างเปล่าในป่าใหญ่


เนื้อกวางมูสก็อร่อยเช่นกัน แต่เนื่องด้วยที่บ้านเลี้ยงปอหลัวอยู่ ฉินสือโอวจึงรู้สึกว่ากินกวางมูสไม่ค่อยจะดีเท่าไร จึงให้เพื่อนสมัยเรียนหัดยิงปืน ให้พวกเราลองฝึกยิงโดยมีระยะห่างราว 40-50 เมตร


ปืนที่พวกเขาใช้ล้วนเป็นปืนที่เช่ามาจากร้านค้าด้านนอก เป็นปืนลูกซองเดี่ยวทั้งหมด เสียงปืน 7 นัดถูกยิงออกไป หลังจากเสียงดังราวกับประทัด ฝูงกวางมูสก็วิ่งออกไปไกล ไม่เหลือให้เห็นสักตัวเดียว


เฉินเหลยมองอย่างเหลือเชื่อ “แม่ง ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ฉันก็เล็งดีแล้วแท้ๆ นี่นา”


หม่าจินมองไปที่ฉินสือโอวที่แบก AWP อยู่แล้วพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวฉันจะใช้อันนี้ ตอนที่ฉันเล่น CF และ CS ชอบใช้สไนเปอร์มากที่สุดแล้ว ถ้าใช้อันนี้ต้องยิงได้แน่ๆ”


ฉินสือโอวหัวเราะ “พวกนายไม่อยากกินเนื้อแล้วเหรอ? นี่มันปืนไรเฟิลเลยนะ อย่าคิดว่าลำกล้องปืนไม่ใหญ่แล้วจะมีแรงยิงต่ำ ไอ้ของเล่นนี้แค่ยิงไปจุดเล็กๆ บนตัวกวาง ก็สามารถแบ่งมันเป็นสองท่อนได้เลยทีเดียว!”


เป้าจือยังคงนำทีมเดินต่อไป พวกเขาโชคดีไม่น้อยเลย เจอฝูงแพะป่าโดยไม่คาดคิดมาก่อน


จำนวนของแพะป่าบนเทือกเขาเคอร์บัลมีค่อนข้างน้อย พวกมันเป็นเนื้อสัตว์ป่าที่ดีที่สุด เนื้อหอมรสชาติเข้มข้น มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ไขมันต่ำ อุดมไปด้วยกรดอะมิโน 17 ชนิด และมีกรดไลโนเลอิค ฉินสือโอวไม่เคยล่าได้เลย


แพะป่าจะระแวดระวังตัวมาก ฝูงแพะนี้มีประมาณ 10 กว่าตัว แพะแต่ละตัวมีความเสถียรและมีการทรงตัวที่ดีเยี่ยม เมื่อรับรู้ว่ามีฉินสือโอวและคนอื่นๆ เข้ามาใกล้ พวกมันก็วิ่งหายเข้าไปในป่าทันที

 

 

 


บทที่ 1369 ลงยันต์จับปลา

 

มองฝูงกวางที่หายเข้าไปในป่า ฉินสือโอวก็ทอดถอนใจว่า “ดูท่าแล้ว ฉันจะไม่มีลาภปาก”


เป้าจือยังคงตื่นตัวอยู่ตรงนั้น พอเห็นแพะป่าวิ่งหนี มันก็อ้าปากร้องเห่าโฮ่งๆ ลักษณะท่าทางเหมือนไม่พอใจ ราวกับว่าถ้าฉินสือโอวสั่งมันสักคำมันจะไล่ล่าไปเดี๋ยวนั้นเลย


ฉินสือโอวเบะปาก พูดกับมันว่า “โอเคล่ะ ไม่ต้องตามแล้ว ดูขาสั้นๆ ของแกสิ ถ้ากลิ้งลงไปจากเขาจะทำยังไง?”


ถ้าเป็นพื้นเรียบ เป้าจือสามารถไล่ตามฝูงแพะป่าได้สบาย แต่บนเขาไม่ใช่ถิ่นของมัน แพะป่าสามารถกระโดดไปมาบนโขดหินขรุขระได้ดี ดังนั้นพวกมันจึงสามารถใช้ชีวิตบนภูเขาได้ดี แม้แต่หมาป่าเองในบางครั้งก็รู้สึกทนไม่ได้กับพวกมัน


เดินวนรอบภูเขาไปอีกรอบ ครึ่งชั่วโมงกว่าผ่านไปนอกจากล่ากระต่ายป่าได้สองสามตัวกับไก่ฟ้าสีทองก็ไม่สามารถล่าอะไรอย่างอื่นได้อีก ฉินสือโอวรู้สึกเหนื่อยใจ เมื่อมองไปด้านหลังแล้วเห็นเพื่อนกลุ่มสมัยเรียนเหนื่อยหอบ เขาจึงทำได้แค่พาทีมไปริมแม่น้ำ


“นี่เชื่อถือได้ใช่ไหม?” หม่าจินถามไปหอบไป


ฉินสือโอวบอกว่า “รอเหยื่อมาหา เชื่อถือได้แน่นอน เว้นเสียแต่ว่าพวกมันจะไม่ดื่มน้ำ”


แล้วก็เป็นจริงดั่งคาด ผ่านไปไม่นานก็มีสัตว์ป่าโผล่มา แถมพวกเขายังโชคดีมากๆ ด้วย เพราะเป็นฝูงกวางหางขาวฝูงหนึ่งและกวางอูฐคู่หนึ่งที่มีเขาใหญ่บนหัวมันเดินมาจากในป่าอย่างสบายๆ มาที่ริมน้ำ


พอเห็นเขาใหญ่บนหัวของกวางอูฐ หม่าจินและคนอื่นๆ ต่างก็ตื่นเต้นมาก รีบยกปืนอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมายเล็งเป้าไปที่กวางอูฐ


ฉินสือโอวโบกมือเพื่อบอกพวกเขาเป็นนัยว่าอย่าเพิ่งรีบทำอะไรลงไป หลังจากนั้นก็กระซิบบอกว่า “อย่า อย่ายิงไปที่กวางอูฐสองตัวนั้น ให้ยิงไปที่กวางหางขาว”


เฉินเหลยพูดขึ้น “กวางอูฐหัวทั้งใหญ่เนื้อก็เยอะ แล้วอีกอย่างนายดูเขากวางใหญ่นั่นของพวกมัน น่าจะมีถึง 10 กิ่ง? เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นกวางป่าแบบนี้”


ฉินสือโอวพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เนื้อเยอะพวกเราก็กินไม่หมด ทั้งหมดแล้วมีกี่คนเอง? 14 คนใช่ไหม? แล้วอีกสักพักต้องไปล่าหมูป่าอีก กินเนื้อเยอะแยะขนาดนั้นได้ยังไง? ยิงไปที่กวางหางขาวฝูงนั้นดีกว่า แล้วต้องเป็นกวางขนาดใหญ่ระดับหนึ่งด้วย อร่อยที่สุด”


นอกจากเหตุผลที่ว่าหัวของกวางอูฐมีขนาดใหญ่ เนื้อเยอะเกินไปกินไม่หมด เสียดายของแล้ว การที่ฉินสือโอวเลือกกวางหางขาวอีกเหตุผลหนึ่งก็คือปัญหาของจำนวนของกวางหางขาวในเทือกเขาเคอร์บัลที่มากเกินไป จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่แค่เกาะแฟร์เวล ทั้งแคนาดาหลายต่อหลายที่จำนวนกวางหางขาวมีมากจนล้น


อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดี อะไรที่แพร่พันธุ์มากจนเป็นภัยพิบัติย่อมไม่ก่อผลดีทั้งนั้น  การแพร่ขยายพันธุ์ของกวางหางขาวอาจทำให้เกิดการแย่งอาหารของสัตว์ชนิดอื่น และเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ พวกมันสามารถแพร่กระจายศัตรูพืชและทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ที่ร้ายแรงที่สุดคือการแพร่ระบาดของโรคระบาดทุกๆ ฤดูหนาว ผู้คนในแคนาดาจะติดโรคลายม์จากกวางหางขาว


ดังนั้นจึงมีปรากฏการณ์แปลกๆ ในแคนาดา นั่นคือสัตว์ป่าบางชนิดต้องมีนโยบายในการลดจำนวนของพวกมัน อย่างเมื่อก่อนคือหมาป่าสีเทา และปัจจุบันคือกวางหางขาวและกระต่ายเทา


ฉินสือโอวจำได้ตอนที่เขาดูข่าวเมื่อปีที่แล้ว กรมอุทยานแห่งชาติของแคนาดาจัดสรรเงิน 1.8 ล้านดอลลาร์แคนาดาเพื่อรับสมัครนักล่าสัตว์เพื่อทำการล่ากวางหางขาวสามตัว


นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ตามกฎหมายและข้อบังคับของแคนาดาที่เกี่ยวข้อง คนธรรมดาไม่สามารถล่ากวางในอุทยานได้ ดังนั้นจำนวนของพวกมันจึงเพิ่มขึ้น อย่างที่ราบแพร์รีแคนาดามีความหนาแน่นของกวางถึง 230 ตัวต่อตารางไมล์ ซึ่งค่าปกติคือ 15 ถึง 20 ตัวต่อตารางไมล์ เมื่อจำนวนยิ่งมากจะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ต่อพืชพรรณ


แต่การเพิ่มขึ้นของจำนวนกวางอูฐกลับช้า จึงไม่ได้เป็นวิกฤตในเรื่องของจำนวน


ฉินสือโอวไม่ยอมให้ทุกคนยิงโดยตรงเลย เขาบอกว่าเขาขอหาที่ซ่อนก่อน และรอจนเขาส่งสัญญาณในเครื่องรับส่งวิทยุ หม่าจินและคนอื่นๆ ค่อยยิงออกไป


 เขาพาเป้าจืออ้อมไปที่ต้นน้ำอย่างรวดเร็ว พอเป็นแบบนี้เมื่อหม่าจินและคนอื่นๆ ที่อยู่ทางปลายน้ำยิงปืน โดยพื้นฐานแล้วไม่น่าโดนกวางหางขาว พอฝูงกวางตกใจก็จะวิ่งไปทางต้นน้ำ เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็ยิงได้


เพื่อให้ทุกคนสนุกสนาน ฉินสือโอวก็เหนื่อยไม่น้อย


ฝูงกวางจะหยุดอยู่ริมน้ำดื่มน้ำโดยใช้เวลาค่อนข้างนาน นอกจากจะดื่มน้ำแล้วพวกมันยังเล่นน้ำด้วย แม้กระทั่งทำความสะอาดปรสิตตามร่างกาย ดังนั้นเมื่อเห็นกวางที่มีขนเปียกอย่าไปยุ่งด้วยเป็นอันขาด เพราะกวางพวกนี้จะมีปรสิตและแบคทีเรียอยู่เยอะที่สุด เพราะพวกมันเพิ่งล้างตัวมาจากในน้ำ


เมื่อรอเขาซุ่มโจมตีเสร็จ เขาก็ออกคำสั่ง ฝั่งตรงข้ามเสียงปืนดังขึ้นทันใด แล้วยังยิงรัวๆ ราวกับต้องการให้มันตายหมด ฉินสือโอวยังได้ยินเสียงร้องแปลกๆ ของเฉินเหลยและหม่าจินอีกด้วย


ฝูงกวางถูกทำให้ตกใจกลัวดั่งที่ฉินสือโอวคาดการณ์ไว้ พวกมันวิ่งไปตามกระแสน้ำตามสัญชาตญาณแล้วจึงค่อยเลี้ยวเข้าป่าไป


ฉินสือโอวเห็นฝูงกวางที่กำลังจะวิ่งเข้าไปในป่าพอดี เมื่อเขาเลือกตัวที่จะยิงได้ ก็ยืนขึ้นมาทันที ดึงคันธนูออกโค้งเหมือนพระจันทร์เต็มดวง เมื่อปล่อยมือ ลูกธนูดัง ‘ฟิ้ว’ ปลิวออกไปไกล พุ่งผ่านด้านข้างทะลุไปที่คอของกวางตัวใหญ่ประมาณหนึ่ง


ฝูงกวางไปแล้วไม่กลับมา เพียงพริบตาเดียวก็หายตัวไปหมด เหลือเพียงกวางป่าตัวหนึ่งที่พยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้ายแล้วก็ตายจากไป


หม่าจินและคนอื่นๆ ตามมาจากทางด้านหลัง ฉินสือโอวพอเห็นลักษณะที่พวกเขาถือปืนก็ตกใจ “พวกนายทำอะไรกันอยู่? เก็บปืนให้เรียบร้อย เชี่ยพวกนายไม่กลัวปืนลั่นหรือไง?”


เฉินเหลยยิ้มเยาะ “แม่งเอ๊ย เมื่อกี้เล็งไม่ดี ทำให้ฝูงกวางหนีไปหมดเลย เหอๆ โชคดีที่มีนายอยู่”


ฉินสือโอวโบกมือ เพื่อบอกให้คนทั้งกลุ่มช่วยกันมัดกวางตัวนี้ขึ้นมา ใช้ไม้ดามไว้แล้วเดินไปด้านหลัง


ขณะที่เดินทาง เฉินเหลยก็นำทีมและเริ่มตะโกนว่า ‘พระราชาเรียกข้าไปลาดตระเวนบนภูเขา’ คนอื่นพอได้ยินเขาตะโกนแล้วก็รู้สึกสนุกตามไปด้วย จึงตะโกนตาม เสียงมีขึ้นมีลง ตะโกนไปตลอดทาง


ฉินสือโอวกลับไป แล้วค้นพบว่ากลุ่มของเหมาเหว่ยหลงและคนอื่นๆ ตกได้แค่ปลากะพงดำปากใหญ่สองตัวและปลาไพค์อีกสองตัว ซึ่งทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก จึงถามขึ้น “พวกนายจะทำอะไรกิน หายไปตั้งนานจับมาได้แค่ปลาไม่กี่ตัว?”


เหยียนตงพูดอย่างไม่พอใจว่า “นี่ตกในแม่น้ำนะ นายนึกว่าเป็นฟาร์มปลาของนายหรือไง มีปลาเยอะขนาดนั้นที่ไหนล่ะ?”


สถานที่ที่พวกเขาตกปลาฉินสือโอวตั้งใจเลือกไว้ ลำห้วยส่วนใหญ่บนภูเขาทั้งตื้นและแคบ ตรงกลางภูเขามีมุมอยู่มุมหนึ่งที่กลายเป็นอ่างเก็บน้ำเล็กๆ ในนั้นมีปลาอยู่ไม่น้อย


เขาใช้จิตใต้สำนึกแห่งโพไซดอนตรวจดู ก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่ามีปลาดุกว่ายไปมาอยู่ตรงริมฝั่ง


ปลาดุกเป็นชื่อเรียกทั่วไปของคนแคนาดา ฉินสือโอวก็ลืมแล้วว่าชื่อทางวิทยาศาสตร์คืออะไร อย่างไรก็ตามมันเป็นปลาตัวใหญ่ที่พบเห็นได้น้อยในกลุ่มปลาน้ำจืด ปลาที่นี่หลายตัวมีขนาดยาวครึ่งเมตรกว่า


ปลาชนิดนี้มีนิสัยดุร้ายและโหดเหี้ยมตอนที่ออกล่าเหยื่อ มันชอบกินปลาขนาดเล็ก ดังนั้นจึงสามารถโตจนมีขนาดตัวที่ใหญ่ได้ขนาดนี้ แต่นี่ก็หมายความว่าพวกมันเหมาะกับที่จะตกปลาด้วยวิธีเดียว


ดังนั้นฉินสือโอวจึงหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า “ตัวเองแพ้ก็ยอมรับมา ไม่ต้องอ้างเหตุผล ฉันถ้าตกปลาที่นี่ไม่ต้องใช้คันเบ็ดด้วยซ้ำ ทำยังไงดีล่ะ? แล้วเป็นปลาตัวใหญ่ด้วย!”


“ไร้สาระ” เหยียนตงหัวเราะใหญ่


ฉินสือโอวชี้ไปที่เขา “พนันไหมล่ะ ทุกคนเป็นพยาน”


ขณะที่พูดไป เขาก็นั่งยองๆ ที่ริมฝั่งแล้วเอามือค่อยๆ กวักไปมาบนผิวน้ำ ทุกคนไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร เฉินเจี้ยนหนานพอเห็นก็หัวเราะใหญ่ “นี่กำลังร่ายมนตร์อยู่มั้ง”


เหยียนตงพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่ายุ่งนะ พี่ฉินโซ่วกำลังลงยันต์ รู้เปล่าลงยันต์จับผี? พี่ฉินโซ่วลงยันต์จับปลาได้…”


เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ ฉินสือโอวก็เอื้อมมือลงไปจับอย่างรวดเร็ว เสียงดัง ‘ซู่’ ตอนเขาชูมือขึ้นมาในมือเขาก็คือปลาดุกยาวครึ่งเมตรกว่าจริงๆ ด้วย!


”เชี่ย!” ทุกคนจ้องด้วยความตะลึง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)