ลำนำบุปผาพิษ 1355-1357

 บทที่ 1355 ขอแต่งงานในอ่างอาบน้ำ 6


“เช่นนั้นอาบน้ำด้วยกันกับข้า?” ตี้ฝูอีไม่ปล่อยนาง กลับกอดนางแน่นยิ่งขึ้น


ใบหน้ากู้ซีจิ่วแทบจะระเบิดแล้ว “อะ…อ่างอาบน้ำใบนี้เล็กเกินไป ไม่เหมาะ…ไม่เหมาะสำหรับสองคน…” น้อยครั้งนักที่จะเห็นเธอพูดจาติดขัด


ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ ข้างหูนาง “เมื่อกี้ข้าบอกว่าอ่างอาบน้ำเล็กไปเจ้ายังโมโห…”


กู้ซีจิ่วเงียบงัน เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยากอาบน้ำด้วยกันเล่า!


แขนด้านหนึ่งของเธอผลักอกเขาไว้ ให้ตัวเองอยู่ห่างจากเขาเล็กน้อย เลิกคิ้วมองเขา “ข้าไม่ได้ยินยอมอาบน้ำด้วยกันกับท่านเสียหน่อย ท่านไม่ได้เป็นอะไรกับข้า…”


พิธีแต่งงานยกเลิกแล้ว แหวนเธอก็คืนให้เขาแล้ว เมื่อคืนเขายังบอกให้เธอ ‘ทำตัวดีๆ’ อยู่เลยนี่


แขนข้างหนึ่งของตี้ฝูอีโอบเธอไว้ ป้องกันไม่ให้เธอเคลื่อนย้ายพริบตาหนีไปตอนเขาไม่ทันระวัง ทำให้เขาต้องตามหาอีกนาน…


เขามองตาของเธอ “แต่งงานกับข้าไหม?”


หัวใจภายในโพรงหน้าอกของกู้ซีจิ่วเต้นระรัว เธอเหลือบมองเขา “ท่านให้ข้า ‘ทำตัวดีๆ’ ให้ข้า ‘รักษาตัว’ ไม่ใช่หรือ? ข้าคิดว่าท่านพูดคำเหล่านั้นเพราะอยากเลิกรากับข้าอย่างเด็ดขาด…”


เลิกรา? พูดเป็นเล่น! เขาชอบนางขนาดนี้ ตามหานางอย่างลำบากเพียงนี้ จะให้เลิกรากันอีกได้อย่างไร? นางต้องเป็นของเขา!


นิ้วหัวแม่มือของตี้ฝูอีเคลื่อนมาที่ปากเล็กๆ ของนาง “อืม ข้าเคยพูด แต่ทำตัวให้ดีกับรักษาตัวสองคำนี้ไม่ได้หมายความว่าเลิกรากระมัง? แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าก่อเรื่องอยู่บ่อยครั้ง หากไม่ระวัง เจ้าอาจไปก่อเรื่องใดขึ้นอีก ให้เจ้ารักษาตัวเองมิสู้ให้ข้ารักษาเจ้า…”


“นี่ พูดอย่างกับว่าข้าเป็นตัวก่อเรื่องอย่างนั้นแหละ อันตรายบางอย่างของข้าไม่ใช่ว่าท่านก่อขึ้นมาหรอกรึ? ท่านลองดูสิ ท่านไม่อยู่ข้างกายข้าข้าก็ใช้ชีวิตได้สุขสบาย ไม่พบเจอกับภยันตรายใดๆ…” กู้ซีจิ่วโต้ตอบเขา


ท่าทางเช่นนี้ของทั้งสองคลุมเครือยิ่งนัก ทำให้เธอตื่นตระหนกเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงอยากใช้คำพูดทำลายบรรยากาศที่คลุมเครือเป็นที่สุดนี้ทิ้งไป


แววตาของตี้ฝูอีฉายแววเจ็บปวด “เจ้าไม่ต้องการข้าแล้วจริงๆ?”


กู้ซีจิ่วนิ่งงัน เธอจะไม่ต้องการเขาได้อย่างไร?


เธอขบเม้มริมฝีปาก “ท่านไม่ได้แสดงท่าทีอะไร…”


ตี้ฝูอีไม่ตอบสนองไปชั่วขณะ ยังต้องให้เขาแสดงท่าทีอันใดอีกหรือ?


กู้ซีจิ่วเห็นเขาไม่ตอบสนอง อดไม่ได้ที่จะเตือนเขา “ท่านกำลังขอข้าแต่งงานอยู่ไม่ใช่หรือ? อย่างไรก็ต้องแสดงความจริงใจออกมาสิ”


ตี้ฝูอีจุมพิตบนริมฝีปากนาง “จะให้ข้าแสดงความจริงใจอะไร?”


คนผู้นี้ดื่มเหล้าจนกลายเป็นคนสมองช้าไปแล้ว!


กู้ซีจิ่วโมโห เตือนสติเขาเสียเลยว่า “แหวนเล่า?!” เธอยังคิดถึงแต่แหวนนั่น ยามนี้จึงถือโอกาสทวงเสีย


ตี้ฝูอีประทับริมฝีปากลงบนปลายจมูกนาง “เด็กดี หลับตาสิ”


กู้ซีจิ่วหลับตาลง รู้สึกเย็บวาบที่นิ้วมือ มีของสิ่งหนึ่งสวมเข้ามาในนิ้วมือของเธอ


ที่แท้เขาก็เตรียมมา!


กู้ซีจิ่วโล่งใจ ลืมตาขึ้นพบว่านิ้วมือมีแหวนวงหนึ่งสวมอยู่จริงๆ แหวนวงนั้นงดงามและล้ำค่ายิ่งนัก กู้ซีจิ่วตะลึงไปครู่หนึ่ง “แหวนวงใหม่นี่…วง…วงเดิมเล่า?”


ตี้ฝูอีส่ายหน้า “แหวนวงนั้นเคยถูกเจ้าทิ้ง ไม่เป็นมงคล ข้าทำสองวงใหม่นี้ขึ้นมา สวมให้ข้าหน่อย”


เขาหยิบแหวนอีกวงหนึ่งวางบนฝ่ามือและยื่นให้นาง


มองแวบแรกก็รู้ว่าแหวนสองวงนี้เป็นแหวนคู่รัก วัสดุเหมือนกัน สีสันเหมือนกัน แหวนวงที่เธอสวมอยู่ด้านบนเป็นพลอยชมพู บริสุทธิ์ผุดผ่อง สดใสดังแววตาสาวแรกแย้ม


วงที่เขาวางอยู่บนฝ่ามือด้านบนก็ประดับด้วยพลอยสีชมพู รูปแบบหรูหรา มองแวบแรกช่างเหมาะกับนิ้วมือเขาเหลือเกิน


แหวนที่เขาให้เธอคราวก่อนประดับด้วยทับทิม พลอยชมพูมีค่ามากกว่าทับทิม มูลค่าที่แท้จริงของแหวนวงนี้มากกว่าแหวนวงก่อนมากนัก


————————————————————————————-


 


บทที่ 1356 คืนแห่งความสุขมักแสนสั้น นี่คือความรู้สึกของตี้ฝูอี (1)


กู้ซีจิ่วกลับขบเม้มริมฝีปาก “ข้าอยากได้วงเดิม!”


ตี้ฝูอีทอดถอนใจ “วงนั้นข้าไม่ได้เอามา อีกอย่างวงใหม่นี้ก็ดีกว่าไม่ใช่หรือ?”


ครั้งนี้ กู้ซีจิ่วดื้อรั้นผิดปกติ “ข้าไม่สน ข้าอยากได้วงเดิม! ข้าชอบวงนั้น!”


ตี้ฝูอีกล่าวอันใดไม่ออก เขาพบว่าเด็กน้อยของเขาเป็นพวกนิยมของเก่า มักจะชอบอะไรที่เป็นอันแรก อย่างเช่นร่างเดิม กำไลคู่บุพเพ หยกนภา…


เขาลังเลเล็กน้อย กู้ซีจิ่วจึงโอบคอเขา เป็นฝ่ายจุมพิตลงบนริมฝีปากเขาเสีย “เอาวงนั้นคืนให้ข้าได้หรือไม่? ข้าอยากได้วงนั้น”


ยากนักที่กู้ซีจิ่วจะออดอ้อน ยามนี้นางเหมือนเด็กน้อยที่อยากกินขนมหวาน ทำให้หัวใจของตี้ฝูอีสั่นไหว ถอนหายใจบอก “ค่อยให้เจ้าหลังจากออกไป”


เช่นนี้ค่อยดีหน่อย! กู้ซีจิ่วโล่งใจไปเปราะหนึ่ง กำชับอีกหนึ่งคำราวกับกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ “ห้ามคืนคำ!”


“แน่นอน!”


เขามองแหวนวงใหม่ในมือของนาง “วงนี้เจ้าไม่ชอบจริงหรือ?”


กู้ซีจิ่วยื่นนิ้วมือออกไปมองดู แหวนวงนี้งดงามจริงๆ! ด้านบนเป็นรูปทรงดอกไม้ตูม ผลิบานกลางนิ้วของเธอ ระยิบระยับเป็นพิเศษภายใต้แสงมุก ทำให้มือเล็กๆ ของเธอดุจหยกขาวแกะสลัก


“วงนี้ก็ไม่เลว ติดเอาไว้ตรงนี้ก่อนแล้วกัน” ความจริงกู้ซีจิ่วชอบแหวนวงนี้มาก ไม่อยากคืนให้เขาเลย


“ขี้งก!” ตี้ฝูอีหลุดหัวเราะ วางแหวนวงนั้นของตนลงที่มือนาง “ช่วยสวมให้ข้าบ้าง”


กู้ซีจิ่วช่วยสวมให้เขา มือสองข้างแหวนสองวงส่องแสงแวววับ


ภาพเช่นนี้กลมเกลียวดีเหลือเกิน ที่ยิ่งน่าประหลาดใจไปกว่านั้นคือหลังจากที่สวมแหวนวงนี้แล้ว ภายในใจกู้ซีจิ่วดังถูกด้ายแดงเส้นหนึ่งเหนี่ยวรั้งไว้ อบอุ่นใจราวกับมีฟองอากาศลอยล่อง


เธอเงยหน้าขึ้น “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…”


ตี้ฝูอีเอ่ย “เรียกพี่ถู”


กู้ซีจิ่ว “หา?”


“เรียกข้าว่าพี่ถู!”


กู้ซีจิ่วสั่นสะท้าน เธอพูดยืนกราน “ไม่เรียก! สะอิดสะเอียนเกินไป!”


มือข้างหนึ่งของตี้ฝูอีวางลงบนหัวไหล่นาง แววตาอันตราย “ตอนนี้ข้าเป็นสามีเจ้า เจ้าเอาแต่เรียกข้าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายใช้ได้ที่ไหนกัน? คนอื่นเรียกขานเช่นนี้ก็ช่างเถิด เจ้าเรียกข้าเช่นนี้ห่างเหินกันเกินไป”


“เช่นนั้นข้าเรียกท่านว่าฝูอี?”


“เด็กน้อย ชื่อจริงของข้าคือหวงถู”


กู้ซีจิ่วลำบากใจ “หากข้าเรียกชื่อหวงถูของท่านออกมาต่อหน้าคนอื่น พวกเขาก็จะรู้ฐานะเทพศักดิ์สิทธิ์ของท่านไม่ใช่หรือ?”


“ข้าจึงให้เจ้าเรียกข้าว่าพี่ถูเหมาะสมที่สุด ไหนเรียกให้ข้าฟังดู ตอนนั้นเจ้าก็เคยเรียกพี่โม่ไม่ใช่หรือ?”


กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง ที่แท้เขาบังคับให้เธอเรียกพี่ก็เพราะหึงหวงเรื่องตอนนั้น การตอบสนองของเขาช้ายิ่งนัก ภายหลังยังจะมาคิดบัญชี…


“ตอนนั้นข้าถูกทำให้สับสน ถูกโม่เจ้าหลอกลวง พูดตามตรง หากข้าเรียกท่านว่าพี่ถูก็จะนึกถึงคนต่ำช้าคนนั้นขึ้นมา…”


นี่ก็จริง! ตี้ฝูอีไม่ดึงดันต่อไปแล้ว เขาเสนอ “เช่นนั้นเรียกข้าว่าสามีก็แล้วกัน”


สามี เป็นคำเรียกขานเฉพาะเจาะจงนัก กู้ซีจิ่วใจเต้นแรง “ข้าไม่ควรเรียกท่านสนิทสนมเพียงนี้…อีกอย่างพวกเรายังไม่ได้แต่งงานกันอย่างเป็นทางการ…”


ตี้ฝูอีถอนใจเบาๆ “หากเจ้าไม่หนีงานแต่งงานมา ยามนี้พวกเราก็เป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการแล้ว…”


กู้ซีจิ่วไม่พูดแล้ว เธอนึกถึงพิธีแต่งงานที่ยังไม่ทันสำเร็จลุล่วง และความฝันเกี่ยวกับห้องหอ ในใจยังคงรู้สึกเสียดายอยู่


ตี้ฝูอีเหลือบมองแพขนตาที่หลุบลงเล็กน้อยของนาง “เสียใจหรือ? หืม?”


กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วขึ้น “ข้าไม่ได้เสียใจสักหน่อย! ตอนนั้นท่านไม่พูดให้ชัดเจนเองนี่ ท่านไม่รู้หรอกว่าข้าเจ็บปวดแค่ไหนเมื่อได้ยินคำพูดของสองพี่น้องนั่น…” น้ำเสียงของเธอแผ่วลง แฝงความน้อยเนื้อต่ำใจไว้ “ตอนนั้นข้าเสียใจจริงๆ…”


ความจริงวันคืนที่ผ่านมาของเธอก็ยากจะรับไหว เพียงแต่เธอไม่ได้แสดงออกมา


นึกไม่ถึงว่าพิธีแต่งงานจะยกเลิกไปโดยไม่คาดฝัน ทั้งที่เธอตั้งหน้าตั้งตารอคอยมาก กลับผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า…


เธอน้อยใจอย่างมิอาจบรรยายได้ ขอบตาแดงเรื่อ “ท่านคิดว่าเป็นความผิดของข้าใช่ไหม? ข้า…”


เธอไม่อยากอยู่ในอ้อมกอดเขาอีกแล้ว อยากลุกขึ้นเดินออกไป


ตี้ฝูอีจะยอมปล่อยนางไปเช่นนี้ได้อย่างไร? แขนทั้งสองข้างโอบเอวนางไว้อย่างแนบแน่น “ซีจิ่ว เป็นความผิดข้าเอง ไว้รอออกไปก่อน ข้าจะจัดงานแต่งของเราใหม่ ให้ผู้คนทั่วหล้ารู้ว่าเจ้าคือเจ้าสาวของข้า”


กู้ซีจิ่วไม่ได้ขัดขืน อิงแอบใบหน้าซบลงบนอกเขา เอ่ยน้ำเสียงกลัดกลุ้ม “ข้ายังอยากได้พิธีแต่งงานเหมือนเดิม ห้องหอเหมือนเดิม ข้ายังไม่ได้เห็นห้องหอที่ท่านตกแต่งเลย…”


บทที่ 1356 คืนแห่งความสุขมักแสนสั้น นี่คือความรู้สึกของตี้ฝูอี (2)


ตี้ฝูอีถอนหายใจ “เจ้าเห็นห้องหอนั้นแล้ว เจ้าลืมไปแล้วหรือ เจ้าระเบิดอารมณ์ใส่ข้าแล้วหนีไป? หากข้าไม่ได้เห็นเจ้าในห้องหอนั้น ข้าก็ยังตามหาที่นี่ไม่พบ”


กู้ซีจิ่วเงยหน้าอย่างประหลาดใจ “นั่นข้าฝันไปชัดๆ…”


ตี้ฝูอีลูบผมนาง “เจ้ายังคิดถึงข้า จึงไปหาข้าในฝัน”


นั่นเป็นเรื่องจริง


กู้ซีจิ่วนึกถึงห้องหอที่สวยสดงดงาม การตกแต่งทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เธอชอบ


“การตกแต่งในห้องหอนั้นยังไม่เปลี่ยนแปลงกระมัง? ข้าชอบมันมากจริงๆ”


“รื้อแล้ว” ตี้ฝูอีตอบกลับเพียงสองคำ


กู้ซีจิ่วอึ้งงัน


เธอสูดลมหายใจเข้าเบาๆ “ท่านกลับหักใจทำได้ลง!”


เธอพ่นลมหายใจหอมกรุ่นดั่งดอกกล้วยไม้รดหน้าอกเขา น้ำเสียงของตี้ฝูอีแอบตึงเครียดอยู่บ้าง “เจ้าสาวหนีไปแล้ว ห้องหอย่อมต้องหนีตามไปด้วย…”


กู้ซีจิ่วโมโห “ข้าหนีมาท่านก็ไม่คิดจะแต่งกับข้าแล้ว?”


คำพูดนี้ค่อนข้างไร้เหตุผล ทว่าระหว่างคนรักกัน เดิมทีฝ่ายหญิงก็ชอบโวยวายไม่มีเหตุผล โดยเฉพาะตอนทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ แม้แต่กู้ซีจิ่วก็ไม่มีข้อยกเว้น


ตี้ฝูอีกอดนางไว้แน่น “แต่ง! ต้องแต่งสิ! หากไม่อยากแต่งข้าไม่เสี่ยงชีวิตเข้ามาถึงที่นี่หรอก?”


เขาพูดไป นิ้วมือก็พลางลูบบนเสื้อผ้าของนาง ทำให้เสื้อผ้าที่เปียกชื้นหลุดลงจากหัวไหล่ ลำคอระหงสง่างาม กระดูกไหปลาร้างามประณีต หัวไหล่กลมเกลี้ยง หน้าอกเล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม ปรากฏให้เห็นตามลำดับ…


เมื่อกู้ซีจิ่วรู้สึกตัว เสื้อผ้าของเธอก็หายไปแล้ว


ผิวของทั้งสองคนแนบชิดในน้ำ ไม่มีช่องว่างกางกั้น สัมผัสถึงลมหายใจของกันและกันได้ มีเพียงสามีภรรยาหรือคนรักเท่านั้นถึงทำท่าทางเช่นนี้ได้…


ภายในห้องเงียบสงัด ความคลุมเครืออันร้อนแรงพลันเพิ่มพูนขึ้นเป็นเท่าทวี


กู้ซีจิ่วรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงของร่างกายเขาอย่างฉับไว หัวใจเต้นรัวเหมือนตีกลอง ตี้ฝูอีเอนศีรษะแนบชิดใบหูเธอ “เด็กน้อย ข้าทนไม่ไหวแล้ว คืนนี้ถือเสียว่าเป็นคืนส่งตัวเข้าหอของพวกเราดีหรือไม่? ข้าต้องการเจ้า!”


ลมหายใจร้อนของเขารินรดติ่งหูเธอ ทำให้ทั่วทั้งใบหูของเธอร้อนผ่าวราวกับฉาบด้วยพริกแสบร้อน


น้ำเสียงของเขาเปี่ยมด้วยความปรารถนา เธอแทบไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้น เธอที่กล้าหาญชาญชัยมาโดยตลอดยามนี้ก็ขวยอายเหมือนเด็กสาวทั่วไป ตื่นตระหนกคล้ายไม่เป็นตัวของตัวเอง “ทะ…ที่นี่หยาบกระด้างถึงเพียงนี้ ท่าน…ท่านคุ้นชินหรือ…”


ถึงแม้พื้นที่ในกระท่อมหลังนี้ของเธอไม่คับแคบ ทว่าเครื่องเรือนภายในมีน้อยนัก ล้วนเป็นของใช้จำเป็น หากใช้เป็นห้องหอก็ค่อนข้างน่าอับอาย


คนผู้นี้ไม่ได้ชอบความสมบูรณ์แบบหรืออย่างไร? สภาพแวดล้อมเช่นนี้เขารับได้หรือ?


เธอถึงขั้นเริ่มรู้สึกเสียใจ หากรู้เช่นนี้แต่แรก เธอจะเก็บกวาดกระท่อมหลังน้อยของตนให้ดี ตอนนี้ดูไม่ค่อยเหมือนที่อยู่ของสตรีสักเท่าใด


ตี้ฝูอียิ้มบางๆ มองติ่งหูนางที่แดงจนเกือบมีเลือดหลั่งรินได้ “ทุกที่ที่มีเจ้าล้วนเป็นสรวงสวรรค์”


คำพูดนี้หวานเลี่ยนเกินทานทน คนผู้นี้ไม่เคยเอ่ยคำหวาน เมื่อใดเอื้อนเอ่ยก็น่ากลัวเป็นที่สุด


ในใจของกู้ซีจิ่วเริ่มมีฟองอากาศสีชมพู รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะลอยล่องไป


มือข้างหนึ่งของตี้ฝูอีดึงเธอไว้ มืออีกข้างหนึ่งไม่รู้ไปเอากาสุราหยกสีครามกับจอกเหล้าสองใบมาจากที่ใด จากนั้นรินสุราจนเต็ม “เด็กน้อย รับไป”


กู้ซีจิ่วเงยหน้า รับจอกสุรานั้นไป ใบหน้าแดงระเรื่อ ในสมองมีเสียงดังหึ่งๆ ไม่ทันตอบสนองไปชั่วขณะว่านี่คือสุราอะไร กล่าวออกไปโดยสัญชาตญาณว่า “ท่านยังจะดื่มอีกหรือ?”


“สุรานี้ไม่เหมือนกัน เจ้าต้องชอบแน่นอน” สุ้มเสียงของตี้ฝูอีแฝงความแหบพร่าน่าดึงดูดไว้ ประหนึ่งตะขอเล็กที่เกี่ยวหัวใจของกู้ซีจิ่ว


กู้ซีจิ่วก้มหน้ามองสุรานั้น สุราเป็นสีชมพูดั่งกลีบดอกท้อโปร่งใส มีกลิ่นหอมจางๆ เป็นเอกลักษณ์ เธอเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “นี่คือ…เหล้าบ๊วยหิมะ?”


สุรานี้เหมือนกับสุราที่ตี้ฝูอีถืออยู่ในห้องหอภายในฝันของเธอไม่มีผิด


ตี้ฝูอีกล่าว “ดูเหมือนเจ้ามีความประทับใจอันลึกซึ้งยิ่งนักต่อสุรานี้”


แน่นอนอยู่แล้ว สุราที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้เธอย่อมประทับใจอย่างลึกซึ้ง ตอนนั้นที่มองเห็นสุราจอกนี้ยังรู้สึกเสียใจที่หนีงานแต่งมาอยู่เลย


“นึกไม่ถึงว่าท่านพกมันเข้ามาด้วย” กู้ซีจิ่วดอมดมกลิ่นหอมของสุรา สุราไม่ทำให้คนเมามาย มีแต่คนมอมเมาตัวเอง


ตี้ฝูอีตอบ “แน่นอน”


————————————————————————————-


บทที่ 1356 คืนแห่งความสุขมักแสนสั้น นี่คือความรู้สึกของตี้ฝูอี (3)


พอเขาเข้ามาก็วางแผนจะจัดคืนวันส่งตัวเข้าหอกับนางใหม่ ย่อมต้องเตรียมตัวรอบคอบ นี่เป็นครั้งแรกของเขาและนาง ถึงแม้เขาเคยอ่านหนังสือทำนองนี้มาบ้าง ทว่าไม่เคยมีประสบการณ์จริง เกรงว่าหากไม่ระวังจะทำให้นางเจ็บปวดและทิ้งเงามืดฝังใจ จนทำให้นางต่อต้านเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องสร้างประสบการณ์ดีที่สุดไว้ให้นาง สุรานี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น


“มา พวกเรามาดื่มกัน” ตี้ฝูอียกจอกสุราไปทางนาง


ถึงแม้ใบหน้ากู้ซีจิ่วแดงก่ำ แต่กลับไม่เหนียมอาย ยกจอกสุราในมือขึ้นเช่นกัน เธออดไม่ได้หัวเราะออกมา “คนอื่นคล้องแขนดื่มสุรากันที่โต๊ะ พวกเราดื่มกันในอ่างอาบน้ำ”


ถึงแม้อ่างอาบน้ำไม่ใหญ่มาก แต่เธออยู่ในอ้อมกอดเขา ย่อมไม่รู้สึกอึดอัดเบียดเสียดเป็นธรรมดา


ตี้ฝูอีมองใบหน้าดั่งอาบแสงตะวันแรกของนาง เขาต้องการนางขนาดนี้ทั้งที่อยู่ในน้ำ!


ทว่าราตรีนี้ยังอีกยาวไกล เขาไม่อาจรีบร้อนเกินไป จึงฝืนข่มจิตใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน อุ้มนางลุกขึ้นยืนในทันใด เรือนกายพลันวูบไหวมาอยู่นอกอ่างอาบน้ำ


กู้ซีจิ่วขึ้นจากน้ำกะทันหัน ร่างกายหนาวเหน็บ สะดุ้งส่งเสียงแผ่วเบา แต่ยังคงถือจอกสุราไว้อย่างดี สุราสักหยดก็ไม่มีกระฉอกออกมา


“เด็กน้อย ข้ามีบางสิ่งให้เจ้าประหลาดใจ หลับตาลงก่อน” ตี้ฝูอีแทบจะกัดหูของนางแล้ว


ยังมีอะไรให้แปลกใจอีกหรือ?


กู้ซีจิ่วหลับตาลงตามคาด รู้สึกว่าเขาเคลื่อนไหวเล็กน้อย ดูจากระยะทางแล้ว เขาน่าจะเคลื่อนย้ายจากด้านในผ้าม่านไปด้านนอกผ้าม่าน


“ลืมตาดูสิ”


เธอลืมตาขึ้นช้าๆ จากนั้นก็ตกตะลึง!


ในช่วงเวลาอันน้อยนิด กระท่อมหลังนี้ของเธอเปลี่ยนแปลงไปมาก!


ภายในห้องเต็มไปด้วยสีแดงสวยสด เครื่องเรือนเรียบง่ายสง่างาม ฉากกั้นลมประหนึ่งขุนเขาสายธารงดงาม พรมประหนึ่งเมฆาแดง และเปลือกหอยแก้วผลึก ภายในมีมุกราตรีสีชมพูอ่อน


ม่านเตียงสีแดงเข้ม เตียงหยกสีชมพูอ่อนฉลุลายเมฆา…


ทั้งหมดทั้งมวลนี้กู้ซีจิ่วไม่รู้สึกแปลกตา เธอเคยเห็นห้องหอทั้งหมดนี้แล้วในความฝัน!


ที่แท้เขารื้อของทั้งหมดในห้องหอมาใส่มิติเก็บของ แล้วนำมาตกแต่งในห้องของเธอยามนี้ ทำให้กระท่อมของเธอที่เดิมทีแสนธรรมดายกระดับขึ้นไปมากทันที!


ตี้ฝูอีอุ้มเธอเดินไปทางเตียงหลังนั้น…


กู้ซีจิ่วตื่นตระหนก มือยังถือสุราจอกนั้นไว้ “นี่ พวกเรายังไม่ได้คล้องแขนดื่มสุรา…”


“เดี๋ยวค่อยดื่ม” ตี้ฝูอีหยิบจอกเหล้าออกจากมือเธอ


เธอถูกวางไว้บนเตียง นั่งอยู่บนเครื่องนอนอ่อนนุ่ม เธอในตอนนี้เสมือนทารกแรกเกิด ไม่มีผ้าสักชิ้นห่อหุ้มกาย ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก เมื่อถึงเตียงเธอจึงดึงผ้าห่มมาห่มตัวทันที


ตี้ฝูอีหยุดนาง “ช้าก่อน”


กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองเขา กำลังจะปริปากพูดบางอย่างก็ต้องตกตะลึง


ตี้ฝูอีที่เดิมทีควรจะเปลือยเปล่าอยู่เช่นกัน ยามนี้กลับแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว!


เขาสวมชุดแต่งงานแบบเดียวกันกับที่เขาสวมในห้องหอวันนั้น


เขาเพิ่งอาบน้ำ ชุดสีแดงเข้มดูกลมกลืนสมบูรณ์แบบเป็นพิเศษบนตัวเขา ขับให้ใบหน้าราวกับหยก ดวงตาดั่งดวงดารา เมื่อทั้งสองสบตากัน เธอแทบไม่อาจละสายตาได้


แม้แต่ชุดแต่งงานเขาก็เอามาด้วย!


กู้ซีจิ่วหลุบตาลงด้วยความเสียใจ น่าเสียดายที่เธอไม่ได้เอาชุดเจ้าสาวมา เดิมทีตี้ฝูอีเป็นคนจัดเตรียม เมื่อเธอกลับจวนแม่ทัพกู้จึงนำกลับไปด้วย หลังจากหนีมาแม้แต่ชุดเจ้าสาวชุดนั้นก็วางทิ้งไว้บนเตียง…


“ซีจิ่ว ความจริงข้าอยากเห็นเจ้าสวมชุดแต่งงานมาโดยตลอด สวมให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”


ตี้ฝูอีหมุนปลายนิ้ว ชุดแต่งงานที่พับอยู่ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือเขา ก่อนวางลงข้างกายเธอ


หัวใจกู้ซีจิ่วพลันเต้นตึกตัก มองแวบเดียวก็ดูออกว่านี่คือชุดแต่งงานของเธอ ดูเหมือนคนผู้นี้ไตร่ตรองทุกเรื่องมาเป็นอย่างดี


ความจริงเธอเคยแอบลองชุดนี้แล้ว ซ้ำยังหมุนอยู่หน้ากระจกหลายรอบ หัวใจเต็มเปี่ยมด้วยความเฝ้ารอคอยพิธีแต่งงาน


นี่ไม่เหมือนชุดเจ้าสาวทั่วไปสมัยนี้ที่ไม่เผยให้เห็นทรวดทรงองเอว เผยให้เห็นเพียงความมั่งคั่ง ทั้งชุดทอจากไหมเงือก เนื้อเนียนเข้ารูป เมื่อสวมใส่แลดูเอวบาง อรชรอ้อนแอ้น พลิ้วไหวดังลอยล่อง


ตอนเธอลองใส่ก็ไม่คิดจะถอดออก ตอนนั้นที่วางมันลงแล้วจากไปคือวันที่เธอคิดว่าจะไม่ได้สวมใส่มันอีก นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้สวมอีกครั้ง


ในใจตื่นเต้นยิ่งนัก เธอยกมือกำลังจะสวมมัน ตี้ฝูอีกลับหยุดไว้ “ข้าสวมให้”


บทที่ 1356 คืนแห่งความสุขมักแสนสั้น นี่คือความรู้สึกของตี้ฝูอี (4)


กู้ซีจิ่วจึงให้เขาสวมให้ เสื้อด้านใน เอี๊ยมชั้นใน กระโปรงด้านใน กระโปรงด้านนอก…


เขาสวมใส่ให้เธอทุกชิ้นด้วยมือตนเอง ไม่ได้ใช้วิชาคาถาอันใด เธอหลับตาลง ปล่อยให้เขาสวมชุดให้ คืนนี้เธอคือเจ้าสาวของเขา


หลังจากแต่งตัวเรียบร้อย เขาถอยหลังไปสองก้าวแล้วพินิจมอง


ถึงแม้ผมของเธอเคยตัดสั้น ทว่าตั้งแต่ที่รู้ว่าจำเป็นต้องใช้ร่างกายนี้ เธอก็ไว้ผมยาว หากนับจากการยาวขึ้นตามปกติ ในเวลาไม่กี่เดือนผมย่อมไม่ยาวขึ้นเท่าใด แต่เธอใช้วิชาช่วยเร่ง…


ยามนี้ถึงแม้จะยังยาวไม่พอ แต่ก็อยู่ระดับเอวแล้ว เส้นผมดำขลับถูกเขาม้วนขึ้นเป็นมวย ปักด้วยปิ่นหงส์ประดับมุกล้ำค่าห้อยระย้า พร่างพราวเป็นภาพเงาใต้แสงนวล


ใบหน้าเธอแดงดุจแสงตะวันรอน ริมฝีปากชุ่มชื้นอิ่มเอิบ ในดวงตาคู่นั้นคล้ายมีน้ำเอ่อล้นขึ้น ยามกลอกไปมามีเสน่ห์เย้ายวนใจ ชุดสีแดงเข้มแผ่พลิ้วปลิวไหวอยู่บนตัว


เธองดงามเสมอมา สวมชุดเจ้าสาวแล้วจึงยิ่งงดงามมากขึ้น เธอไม่ค่อยใส่ชุดสีแดง นึกไม่ถึงว่าเมื่อสวมแล้วจะน่าตกใจเช่นนี้


แววตาตี้ฝูอีลุ่มลึกลง ทั้งที่สวมถุงเท้ารองเท้าให้นางเรียบร้อยแล้ว เขากลับอุ้มนางขึ้นมา จุมพิตริมฝีปากนางหนึ่งครา “เด็กน้อย เจ้าเป็นเจ้าสาวที่งามที่สุด!”


กู้ซีจิ่วโอบคอเขาไว้ ทั่วทั้งตัวประหนึ่งเมฆาลอยล่อง ไม่รู้ด้วยเหตุใดจึงรู้สึกแสบร้อนนัยน์ตา ที่แท้เธอมีความสุขขนาดนี้ได้เหมือนกัน! ที่แท้เธอก็ทำได้


ต่อจากนี้เธอไม่ใช่คนเดียวอีกต่อไป เธอจะจับมือเขาเดินไปด้วยกัน


บนโลกที่ต้องฟันฝ่าลมพายุฝน ยังมีเขาคอยปกป้อง ยามเธอเหนื่อยล้า อ้อมกอดของเขาเป็นที่ที่เธออยากพักพิงมากที่สุด


ความรู้สึกของการมีที่พึ่งเช่นนี้ช่างดีจริงๆ!


สตรีแม้แข็งแกร่งเพียงใดภายในก็ยังมีด้านที่อ่อนโยน และมีด้านของเด็กน้อย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าคนรัก


เธออยากออดอ้อนเขา อยากให้เขาโอบกอด


ชั่วชีวิตนี้เธอยังไม่เคยมีอารมณ์ที่ซับซ้อนแบบนี้ เธอเคยคิดว่าคนสองคนร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันเหมือนพี่น้อง ร่วมบุกน้ำลุยไฟ เมื่อใดบาดเจ็บก็พึ่งพาซึ่งกันและกัน นี่ก็คือความรักแล้ว


เธอเคยคิดว่าตัวเองไม่มีเซลล์ความโรแมนติก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพื้นฐานความเป็นจริง พิจารณาสิ่งใดก็ตามความเป็นจริง ในชีวิตนี้เธอไม่เคยได้ลิ้มรสความรู้สึกที่แค่ได้อยู่กับใครสักคนก็พลิ้วไหวลอยล่องแล้ว


แต่เดิมทีเป็นเพราะคู่หมายไม่ถูกต้อง นั่นคือก่อนที่จะได้พบเขา


ยามนี้แค่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างนี้ เธอก็สุขสมพึงพอใจมากแล้ว ความสุขนั้นราวกับจะเอ่อล้นออกมา


เธออดไม่ได้เงยหน้าขึ้นจูบที่ปลายคางของเขา จูบไปคราหนึ่งรู้สึกว่ายังไม่หนำใจ จึงจูบไปอีกหนึ่งครา “เสี่ยวอีอี ข้าชอบท่าน”


ตี้ฝูอีซวนเซเล็กน้อย หลุบตาลงมองเธอ “เสี่ยวอีอี?”


กู้ซีจิ่วโอบคอเขาไว้พลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ข้าเพิ่งคิดคำเรียกนี้ออก ชอบหรือไม่?”


ตี้ฝูอียิ้ม “ชอบ!” หากไม่ใช่ตาแก่อีอีก็ได้ทั้งนั้น มิเช่นนั้นเขาจะรู้สึกว่านางรังเกียจที่เขาอายุมาก…


เขาอุ้มนางไปนั่งลงที่โต๊ะ ยื่นจอกสุราส่งให้ที่มือนางอีกครั้ง “พวกเรามาคล้องแขนดื่มสุรา”


ยามนี้กู้ซีจิ่วว่านอนสอนง่ายนัก จึงรับสุราไปชนกับเขาเสียก่อน จากนั้นค่อยคล้องแขน หน้าผากสัมผัสกัน เธอพูดแผ่วเบาว่า “ขอให้เรามีวันคืนที่ดีงามเช่นนี้ทุกวัน สุขเช่นนี้ทุกวันไป”


ตี้ฝูอีอดหัวเราะไม่ได้ “เด็กโง่ เจ้าอยากเป็นเจ้าสาวทุกวันอย่างนั้นหรือ?”


กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขา “ข้าอยากให้ท่านเอาใจข้าอย่างที่เอาใจเจ้าสาวทุกวัน ไม่ได้หรือ?”


“ได้!” ตี้ฝูอีประกบริมฝีปากแดงระเรื่อของนาง “ภรรยาตัวเองก็ต้องเอาใจสิ”


กู้ซีจิ่วพึงพอใจมาก จึงค่อยดื่มสุราจอกนั้นกับเขา


สุรานั้นมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของบ๊วย ในความอ่อนนุ่มละมุนลิ้นแฝงความเผ็ดร้อนไว้ ไหลผ่านลำคอดุจระลอกคลื่นน้ำอุ่นกระทบในท้องเบาๆ


อร่อยเหลือเกิน!


กู้ซีจิ่วเหลือบมองกาสุราใบน้อยบนโต๊ะ ปรึกษาเขาว่า “พวกเราดื่มกันอีกจอกหนึ่งได้หรือไม่? เป็นคู่กันนี่”


ตี้ฝูอียื่นมือเก็บกาสุราบนโต๊ะ แล้วเคาะหน้าผากเธอเบาๆ ครั้งหนึ่ง “สุรานี้ดื่มมากไม่ได้ ไม่ดีต่อสุขภาพ”


ก็ได้ เชื่อเขาก็แล้วกัน!


————————————————————————————-


บทที่ 1356 คืนแห่งความสุขมักแสนสั้น นี่คือความรู้สึกของตี้ฝูอี (5)


กู้ซีจิ่วครุ่นคิด เอ่ยขออีกสิ่งหนึ่ง “แล้วดื่มจอกเล็กๆ เช่นนี้ทุกคืนได้หรือไม่?”


ตี้ฝูอีเขยิบเข้าไปใกล้ “เด็กน้อย สุรานี้มีอีกชื่อหนึ่งว่าสุราเริงรมย์ ใช้เมื่อร่วมอภิรมย์ เจ้ากล่าวเช่นนี้เป็นการเชื้อเชิญให้ทุกคืนข้ากับเจ้า…”


ใบหน้ากู้ซีจิ่วที่เพิ่งจะหายแดงกลับแดงขึ้นมาอีกครั้ง เธอผลักใบหน้าเขาที่เข้ามาใกล้ออกอย่างไม่ลังเล “เช่นนั้นไม่ต้องจะดีกว่า…”


ตี้ฝูอีหัวเราะ ยื่นมือดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด “เด็กน้อย ช่วงเวลาแห่งความสุขมีค่าดังทองพันชั่ง พวกเราเริ่มกันได้แล้ว!”



เสื้อผ้าที่เพิ่งสวมใส่ค่อยๆ ถูกปลดลงทีละชิ้น จุมพิตอันดุเดือดเหมือนจะทำให้อากาศร้อนระอุขึ้นมา


กู้ซีจิ่วนอนลงบนเครื่องนอนสีแดงเข้ม เขาคร่อมอยู่บนร่างเธอ ภาพงดงามปรากฏทีละนิดตามอาภรณ์ที่ปลดเปลื้องออก


รอยจูบประทับไปทั่วทุกจุด ปลายนิ้วอ้อยอิ่งแผดเผาบนตัวเธอทำให้เลือดลมพุ่งพล่านตาม ลมหายใจถี่กระชั้น สองร่างเปลือยเปล่า…


นี่คือค่ำคืนเร่าร้อนที่ชายหญิงส่วนมากจะได้สัมผัส เขารุกรานเข้ามา ยึดครองตามอำเภอใจ เธอก็ตอบสนองเขาอย่างเร่าร้อน ดุจเถาวัลย์พันพฤกษา…


ทักษะด้านนี้ของเขาเริ่มต้นติดขัดอยู่บ้างจนค่อยๆ ช่ำชอง เป็นงานรวดเร็วยิ่ง กู้ซีจิ่วรู้สึกเหมือนตัวเองถูกวางไว้บนเปลวเพลิง และเหมือนจะลอยล่องไปในยอดเมฆ ในใจปรากฏต้นไม้แห่งความโหยหา กิ่งก้านเถาวัลย์ต้องการพันเกี่ยวเขาไว้ แล้วหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว…


ชั่วเวลาที่เขาแทรกกายเข้าไป เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดเล็กน้อย ทว่าความเจ็บนั้นอยู่ในขอบเขตที่ทนรับไหว


“เจ็บหรือไม่?” เขาหยุดชะงัก หางตานางคล้ายมีน้ำตา ทั้งที่เขาอยากจะควบทะยานไปในทันที ทว่าน้ำตาของนางทำให้หัวใจเขาดั่งถูกลวก ไม่กล้าขยับเขยื้อนแล้ว


ถึงแม้จะให้นางดื่มสุราชนิดนั้นแล้ว แต่อย่างไรก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยทดลอง ไม่รู้ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไรกันแน่ เขาก็ไม่เหมือนคนทั่วไป เขากลัวว่านางจะรับไม่ไหวในตอนนี้


เข้าไปทีละนิด ดื่มด่ำความเปรมปรีดิ์ ทำให้ชายที่มีความปรารถนาแรงกล้าอย่างเขาปั่นป่วนอยู่เช่นกัน สัญชาตญาณของบุรุษหากไร้การควบคุมก็เหมือนม้าป่าไร้ซึ่งบังเหียน เลือดลมพุ่งพล่านด้วยเหตุนี้


กู้ซีจิ่วย่อมไม่ร้องไห้เพราะความเจ็บปวด ในฐานะที่เคยเป็นนักฆ่าต่อสู้เสี่ยงตายมาตลอด การบาดเจ็บเป็นเรื่องธรรมดา เธอย่อมอดทนความเจ็บได้มากนัก กระดูกหักเธอยังไม่ส่งเสียงร้องสักแอะได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความเจ็บในตอนนี้


สุรานั้นยังถือว่าได้ผลอยู่ ความเจ็บปวดก็เป็นเพียงกึ่งหนึ่งของการร่วมอภิรมย์ครั้งแรก สำหรับเธอแล้วแทบไม่สลักสำคัญอันใด


ส่วนเรื่องร้องไห้…


อาจจะมีความสุขมากเกินไปกระมัง? มีความสุขราวกับไม่ใช่เรื่องจริง คนมักจะร้องไห้เมื่อมีความสุขมากเกินไป


แน่นอนว่า เธอไม่อยากพูดความรู้สึกเช่นนี้ออกไป เธอเพียงยกแขนโอบคอเขาไว้แล้วจุมพิตที่ปลายคางของเขา พูดแผ่วเบาว่า “ไม่เจ็บ…”


ไม่เจ็บ เพียงแต่สุขใจ ราวกับความสุขใจนั้นจะทะลักล้นออกมา


รัตติกาลหนักอึ้ง ค่ำคืนนี้เธอแนบชิดเขา ไม่รู้ว่าปีนป่ายถึงเมฆาไปกี่ครา ดื่มด่ำความสมบูรณ์แบบซึ่งกันและกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า


พละกำลังของเขาน่าทึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังเป็นคืนวันแต่งงานที่มอบทั้งกายและใจให้แก่กัน เขาย่อมปลดปล่อยโดยสมบูรณ์…


คืนแห่งความสุขมักแสนสั้น นี่คือความรู้สึกของตี้ฝูอี


เมื่อลำแสงบางๆ ด้านนอกสาดส่องเข้ามา เขาปล่อยนางอย่างไม่เต็มใจนัก แต่นางเหน็ดเหนื่อยมากจริงๆ ถึงขั้นนอนหลับไปก่อนโดยไม่รอให้เขาชำระล้างให้เสร็จ



เมื่อกู้ซีจิ่วตื่นขึ้นมาก็บ่ายคล้อยแล้ว ที่น่าแปลกคือทั้งที่ยามนี้มีหลายสิ่งให้ทำแล้ว ทุกคนต่างยุ่งง่วน แต่กลับไม่มีผู้ใดมารบกวนพวกเขาเลย


แสงตะวันสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่าง ทำให้ห้องสีแดงสดคล้ายอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ของวสันตฤดู


ตี้ฝูอีไม่อยู่ในห้อง กู้ซีจิ่วลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มอ่อนนุ่มดังเมฆลื่นลงจากตัวเธอ เผยให้เห็นชุดนอนที่เนื้อนุ่ม ชุดนอนผ้าไหมพอดีตัว เนียนนุ่มราวกับไม่ได้สวมใส่อะไร สบายตัวยิ่งนัก ไม่ต้องถามเลย เขาสวมชุดนี้ให้เธอ


เธอบิดขี้เกียจ ว่าไปแล้วก็แปลก ทั้งที่เมื่อคืนเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก ทว่านอนหลับเพียงตื่นเดียวความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็พลันมลายหายไป สดชื่นกระปรี้กระเปร่าจนแทบอยากจะโบยบิน


เธอเลิกผ้าห่มลงจากเตียง เมื่อขาถึงพื้นก็ซวนเซเล็กน้อย


บทที่ 1357 เจ้าคนผู้นี้ พูดไปพูดมาก็หนีไม่พ้นเรื่องกินเนื้อ! (1)


ส่วนอื่นยังพอไหว ทว่าส่วนหนึ่งของร่างกายยังค่อนข้างเจ็บ ความเจ็บนี้ทำให้เธอแข้งขาอ่อนไปบ้าง


เขาไปไหนแล้ว?


กู้ซีจิ่วมองไปรอบห้อง เครื่องเรือนทั้งหมดดูงดงามยิ่งนัก แม้แต่แจกันที่เธอทำขึ้นเองใบหนึ่งที่มุมกำแพงยังสวยงาม


ข้างเตียงมีเสื้อผ้าวางพับไว้ สีเหลืองอ่อน เนื้อผ้านุ่มลื่น ละเอียดอ่อนราวบุบฝาผลิบานท่างกลางแสงวสันต์


เสื้อผ้านี้ย่อมเป็นชุดที่จัดเตรียมไว้ให้เธอ กู้ซีจิ่วสวมใส่แล้วดึงกระจกมาส่อง ดวงตาของคนในภาพสะท้อนดุจสายน้ำฤดูใบไม้ผลิ ริมฝีปากดังเติมแต่ง พวงแก้มแดงระเรื่อ อ่อนโยนประหนึ่งดอกไม้ผลิบานสดใส


เธอลูบไล้ริมฝีปาก ส่วนอื่นยังดีอยู่ แต่ริมฝีปากบวมแดงเล็กน้อย อีกทั้งยังมีรอยแดงที่ชวนให้คิดไกลบริเวณลำคอ คนสายตาดีมองแวบแรกก็รู้ว่าผ่านอะไรมา เธอไม่กล้าออกไปข้างนอกแล้ว!


“ตื่นแล้วหรือ? เหตุใดไม่นอนต่ออีกสักหน่อย?” ตี้ฝูอีผลักประตูเข้ามา


เขาเปลี่ยนเป็นอาภรณ์สีม่วงที่ใส่ประจำแล้ว ดูไปแล้วมีชีวิตชีวา ท่าทางกระปรี้กระเปร่า


หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย นึกถึงพละกำลังเขาเมื่อคืน หนังหน้าที่หนามาตลอดแดงแล้วแดงอีก


น่าแปลก เมื่อวานตอนเย็นคนผู้นี้ตากฝนอยู่ค่อนคืน ตอนที่พาเขากลับมาก็ไม่ได้สติ เมื่อคืนเขายัง ‘ยุ่ง’ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนฟ้าสางได้


ว่ากันด้วยเหตุผล เขาควรจะเหนื่อยเป็นที่สุด กลับนึกไม่ถึง…


ตี้ฝูอีมองใบหน้าน้อยที่แดงระเรื่อของนาง หัวใจพลันสั่นไหว โอบเอวนางไว้ “เหนื่อยหรือไม่? ข้าคิดว่าเจ้าจะนอนจนฟ้ามืดเสียอีก”


กู้ซีจิ่วเอนศีรษะซบกายเขา หยอกล้อว่า “ท่านไม่เหนื่อยกว่าหรือ? ข้าคิดว่าสายฝนเมื่อคืนจะทำให้ท่านอ่อนแอลงบ้าง”


ตี้ฝูอีโอบรัดเอวเธอแน่นขึ้น หรี่ตาลง มุมปากยิ้มมิเชิงยิ้ม “ดูเหมือนเมื่อคืนเจ้าไม่ค่อยพึงใจสามีเท่าใด?”


เขาพลันอุ้มเธอขึ้นเดินไปข้างเตียง เห็นได้ชัดว่าอยากทำให้เธอ ‘พึงพอใจ’


กู้ซีจิ่วตื่นตระหนก ดิ้นในอ้อมกอดเขาจนร่วงหล่นลงพื้น แล้วถอยหลังไปหลายก้าวติดกัน “ท่านยังไม่จบไม่สิ้น…”


ไม่น่าให้คนผู้นี้ได้กินเนื้อเลย พอได้กินแล้วเขาก็อยากกินมันทุกเมื่อเชื่อวัน…


ตี้ฝูอีไม่ได้กดดันนาง อย่างไรเสียเมื่อคืนก็เป็นครั้งแรกของนาง และเขาก็ต้องการนางติดต่อกันสามสี่ครั้งอย่างไม่อาจควบคุมได้ ถึงแม้ดื่มสุรานั้นแล้ว นางก็ยังถือว่าเจ็บปวด ตื่นขึ้นมาเช้านี้ไม่เหมาะให้ต้องการถี่เกินไป…


ดังนั้นเขาจึงยิ้ม “ข้าคิดว่าเจ้าไม่พึงพอใจ…”


เธอพึงพอใจยิ่งนัก!


เธอที่ร่างกายแข็งแกร่งได้รับบาดเจ็บสาหัสยังเป็นคนแข็งแรงมีชีวิตชีวาได้ ยามนี้ต้องมาขาแข้งอ่อนแรง! ทั้งหมดเป็นเพราะเขา…


กู้ซีจิ่วไม่อยากพูดคุยหัวข้อคลุมเครือเช่นนี้กับเขาอีกต่อไป เพื่อไม่ทำให้เขาแปลงกายดุดันขึ้นมาอีก เธอถามเขา “ท่านหิวหรือไม่? อยากกินอะไร?”


ถึงแม้ตี้ฝูอีมาที่นี่หลายวันแล้ว ทว่าหากเขาไม่บาดเจ็บนอนอยู่บนเตียง ก็ไม่รู้ว่าจะไปกักตนอยู่ที่ใด ทั้งยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนี้อย่างเป็นทางการ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดยปกติที่นี่กินอะไรกัน และไม่รู้ว่าห้องครัวอยู่ที่ไหน ยิ่งไม่รู้ว่าที่นี่มีอะไรอร่อยกันแน่…


ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี อยากให้เขาได้กินอาหารที่อร่อยที่สุดของที่นี่


ตี้ฝูอียิ้ม จุมพิตเบาๆ ลงบนริมฝีปากนาง “ข้าอยากกินเจ้า…”


เจ้าคนผู้นี้ พูดไปพูดมาก็หนีไม่พ้นเรื่องกินเนื้อ!


กู้ซีจิ่วพลิกมือกอดเอวเขาไว้ ประทับรอยจูบที่ปลายคางเขา “ข้าไม่เหมือนท่านนะ ท่านอดข้าวอดน้ำได้ แต่ข้าหิวแล้วจริงๆ…”


เมื่อคืนเธอดื่มสุรากับพี่ชายไปไม่กี่จอก ยังไม่ได้กินอะไรเลยจนถึงตอนนี้ หนำซ้ำเมื่อคืนยังใช้เรี่ยวแรงไปมากมาย ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกหิวจนจะตายอยู่แล้ว


————————————————————————————-


บทที่ 1357 เจ้าคนผู้นี้ พูดไปพูดมาก็หนีไม่พ้นเรื่องกินเนื้อ! (2)


ตี้ฝูอียกชายเสื้อขึ้น บนโต๊ะเต็มไปด้วยขนมหลายจานกับข้าวหลายอย่าง โจ๊กผลถันภังคีสองชาม ก่อนโอบนางลงนั่งข้างโต๊ะ “ข้ารู้ว่าเจ้าหิว สิ่งเหล่านี้ข้าจัดเตรียมมาให้เจ้า พอหรือไม่?”


แค่โจ๊กผลถันภังคีที่เป็นอาหารพื้นเมืองของที่นี่ก็พอแล้ว ทว่าขนมและกับข้าวแค่มองแวบแรกก็รู้ว่าเอามาจากด้านนอก ประณีตเป็นพิเศษ รสชาติดียิ่งนัก เป็นประเภทที่กู้ซีจิ่วชอบกินเป็นที่สุด


อาหารที่นี่ถึงแม้มีคุณประโยชน์ ทว่าโภคทรัพย์ยังคงเร้นแค้น พืชผักเป็นผักป่าในภูเขา เนื้อก็คือเนื้อสัตว์ร้าย ไม่มีเครื่องปรุงรสใดๆ ไม่ว่าทำกับข้าวอะไรก็จะใส่เพียงเกลือเล็กน้อยเท่านั้น ธัชพืชก็ไม่มี ย่อมไม่มีพวกข้าวต้มหรือโจ๊กข้าวฟ่าง อาศัยกินน้ำผลถันภังคีถึงจะอิ่มท้อง แต่ก็ไม่ได้กินดีอยู่ดีแน่นอน สำหรับคนที่ค่อนข้างเลือกกินอย่างกู้ซีจิ่ว กินอาหารที่นี่ทุกวันทำให้เธอกลืนลำบาก กินก็เพื่ออยู่เท่านั้น


ความจริงแล้วเธอโหยหาอาหารเลิศรสด้านนอกมาก เพียงแต่ออกไปไม่ได้จึงไม่คิดถึงมันอีก


เธอนึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีไม่เพียงแต่พกของในห้องหอมา ยังพกกับข้าวติดมาด้วย จิตใจของคนผู้นี้ละเอียดรอบคอบเหนือธรรมดาจริงๆ!


ได้ดอมดมขนมและกับข้าวที่ไม่ได้กลิ่นมาเป็นเวลานาน กู้ซีจิ่วยิ้มแย้มปานบุปผา หอมแก้มเขาไปฟอดหนึ่ง“เสี่ยวอีอี ท่านรู้ใจข้าเสียจริง!”


หลังจากนั้นจึงปล่อยเขา หยิบขนมชิ้นหนึ่งกำลังจะกินอย่างมีความสุข ตี้ฝูอีก็จับแขนนางไว้ ยิ้มมิเชิงยิ้มมองนาง “ข้ารู้ใจเจ้าขนาดนี้ เจ้าหอมแก้มข้าพอเป็นพิธีแค่นี้หรือ?”


หอมยังไม่พอหรือ? หรือว่าเธอต้องขึ้นเตียงกับเขาอีกรอบเพราะอาหารมื้อนี้?


กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขา “ท่านยังต้องการอะไรอีก?”


ตี้ฝูอีชี้นิ้วไปที่ริมฝีปากตัวเอง “จูบตรงนี้”


กู้ซีจิ่วเป็นคนใจกว้าง จุมพิตริมฝีปากเขาอย่างมีความสุข สัมผัสเพียงเล็กน้อยและจากไปดังแมลงปอ


ตี้ฝูอีย่อมไม่อยากให้เธอทำอย่างขอไปทีเช่นนี้ ไม่ทันรอให้ลุกขึ้นก็ดึงเธอไว้ในอ้อมกอดทันที หลังจากจุมพิตดูดดื่มอันแข็งกร้าว เขาจึงปล่อยเธอไป และกล่าวอย่างเชื่องช้า “ต้องเช่นนี้สิ!”


หัวใจกู้ซีจิ่วเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อถูกเขาจุมพิต เธอพบว่าตนไม่อาจปฏิเสธความสนิทชิดเชื้อของเขาได้ จูบของเขาทำให้ใบหน้าเธอร้อนผ่าว ใจเต้นรุนแรง ฟองอากาศหอมหวานในจิตใจปรากฏขึ้นอีกครั้ง…


เธอส่งเสียงฮึ่มหนึ่งคราแล้วไปกินอาหาร


ระหว่างกินกู้ซีจิ่วพูดคุยกับตี้ฝูอี ถามเขาว่ามีวิธีออกไปจากที่นี่หรือไม่


เขาเป็นถึงเทพของทวีปนี้ เขาควรจะพาทุกคนออกไปได้กระมัง?


ตี้ฝูอีลังเลครู่หนึ่ง ก่อนทอดถอนใจ “สถานที่แห่งนี้…ออกไปได้ไม่ง่าย ยามนี้ข้ายังอับจนหนทาง”


หัวใจกู้ซีจิ่วหนักอึ้ง “ไม่หรอกกระมัง? แม้แต่ท่านก็ไม่มีวิธีหรือ? สถานที่แห่งนี้คือที่ใดกันแน่?”


“ใจกลางค่ายในยอดเขาที่แปด” ตี้ฝูอีไม่ปิดบังนาง


“ที่แท้ที่นี่คือยอดเขาที่แปด บนยอดเขาที่แปดไม่ได้มีแต่สัตว์ขั้นแปดหรือ? เหตุใดจึงไม่พบเจอสักตัวเลย” กู้ซีจิ่วงงงวย


ตี้ฝูอีถอนหายใจเอ่ย “ที่นี่คือใจกลางค่ายของยอดเขาที่แปด ต้นถันภังคีนี้เป็นต้นไม้เทพที่ถือกำเนิดจากฟ้าดิน บริเวณที่มันปกคลุมมีพลังวิญญาณเปี่ยมล้น ย่อมก่อตัวเป็นอาณาเขตบริสุทธิ์คอยชำระล้างไอพิฆาตด้านนอกด้วยตัวเอง ทำให้สัตว์ร้ายขั้นแปดที่ก่อกำเนิดจากไอพิฆาตออกไปด้านนอกไม่ได้ มันคือกุญแจสำคัญในการค้ำจุนป่าทมิฬ หากเกิดเหตุอันใดขึ้นกับมัน ทั่วทั้งป่าทมิฬนี้จะทลายลงอย่างรวดเร็ว สัตว์ร้ายที่ถือกำเนิดจากไอพิฆาตฟ้าดินจะร่วงลงสู่โลกมนุษย์ เป็นมหันตภัยร้ายต่อทวีป…”


กู้ซีจิ่วนิ่งงัน เธอเหงื่อออกโซมกาย! ตอนที่เธอเพิ่งเข้ามาก็รู้สึกรางๆ ว่าต้นไม้ยักษ์นี้เป็นจุดสำคัญของผืนแผ่นดินนี้ เคยคิดถึงว่าจะลองตัดออกดู…ยามนี้เคราะห์ดีที่ไม่ได้ตัดไป! มิเช่นนั้น เธอก็ก่อเรื่องไปแล้ว!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)