เทพปีศาจหวนคืน 1354-1359

 บทที่ 1354 พลังของไห่และไป่

 

การไล่ล่าของฟางหยวนล้มเหลว แต่ผู้ใดจะคิดว่านิกายเงาจะมอบโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้เขาในครั้งนี้


 


เนื่องจากวิญญาณทารกอมตะ นิกายเงาจะไม่ปล่อยฟางหยวนไป หากฟางหยวนไม่กำจัดพวกเขาและปล่อยให้นิกายเงาสามารถเติบโต เขาจะจบลงเช่นเดียวกับหม่าหงหยุน


 


หลังจากกำจัดนิกายเงา เขาจะสามารถกำจัดจุดอ่อนของการเชื่อมโยงโชค


 


ด้วยวิธีนี้เขาจะค่อยๆพัฒนาขึ้นด้วยการใช้ประโยชน์จากอาณาจักรแห่งความฝัน


 


ในสงครามห้าภูมิภาค เขาจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อหาโอกาสทำลายล้างวังสวรรค์


 


หากสถานการณ์ดำเนินไปตามความคาดหวัง เมื่อเขาก้าวเข้าสู่ระดับเก้า เขาจะเข้าใกล้เป้าหมายชีวิตนิรันดร์อีกก้าวหนึ่ง


 


นี่คือแผนการบ่มเพาะของฟางหยวน


 


แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง


 


อย่างไรก็ตามในความคิดเห็นของฟางหยวน นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เขาจะกำจัดนิกายเงา


 


เพราะนิกายเงาไม่รู้ว่าฟางหยวนอยู่ที่นี่


 


ผู้ใดจะรู้ว่าวูอี้ไห่คือเขา? กระทั่งวูหยงพี่ชายของเขาก็ยังไม่รู้


 


การกำจัดวูอี้ไห่และปลอมตัวเป็นคนผู้นี้ถือเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย


 


แม้จะมีความเสี่ยง แต่มันก็ทำให้เขาได้รับโอกาส


 


และฟางหยวนต้องฉวยโอกาสนี้


 


‘หากเป็นไปได้ข้าควรจับเทพปีศาจจิตวิญญาณ!’


 


‘ด้วยวิธีนี้ ข้าจะได้รับประสบการณ์การบ่มเพาะและความทรงจำที่ล้ำค่ามากมายจากเขา…’


 


สิ่งที่ฟางหยวนสนใจมากที่สุดคือท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน


 


ด้วยท่าไม้ตายนี้ ฟางหยวนจะกลายเป็นตัวตนอันดับหนึ่งในแง่ของการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน เขาจะมีข้อได้เปรียบมหาศาล โลกทั้งใบจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง


 


แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดเพ้อฝันของฟางหยวนเท่านั้น


 


…..


 


ตอนนี้เทพธิดาเมี่ยวหยินมีแขนหกข้าง การโจมตีของนางรุนแรงขึ้นกว่าก่อนหน้าอีกมาก


 


อย่างไรก็ตามเฉียวซื่อหลิวยังสามารถป้องกันตัว


 


ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีเขียว เส้นผมสีดำของนางกลายเป็นกิ่งหลิวที่ยื่นออกมาจนถึงเอว


 


เทพธิดาที่งดงามที่สุดของภาคใต้ทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดและอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ทางออก


 


…..


 


“บัดซบ! ข้าสู้ไม่ไหว ข้าต้องหนี!” ปีศาจอมตะผู้หนึ่งพยายามล่าถอย


 


เป็นเพียงเวลานี้ที่กลิ่นอายที่ทรงพลังปะทุขึ้นด้านหลังเขา


 


“หนูสกปรก ตาย!” ผู้อมตะฝ่ายธรรมะผู้หนึ่งตะโกนและยื่นมืออกมาคว้าศีรษะของปีศาจอมตะเอาไว้


 


ต่อมาสายฟ้าสีน้ำเงินก็ระเบิดออกไปรอบๆ


 


ปีศาจอมตะกลายเป็นโครงกระดูกที่ไหม้เกรียมจนไม่เหลือเค้าโครงของมนุษย์


 


“ฮืม ไม่รู้จักขีดจำกัดของตนเอง กล้ายโสต่อหน้าข้า อี้ไห่ถิง งั้นหรือ!?” ผู้อมตะฝ่ายธรรมะปล่อยมือขณะที่ซากศพของปีศาจอมตะร่วงลงบนพื้นและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


 


…..


 


“พวกเจ้าทำได้เพียงเท่านี้งั้นหรือ?” ผู้อมตะฝ่ายธรรมะที่มีร่างกายเพียวบางและมีจมูกสูงกล่าวด้วยความเย่อหยิ่งและผิดหวัง


 


“อย่ายโสเกินไ!”


 


“ไท่ซินเจี้ยน เราเหนือกว่าเจ้า แต่เจ้ายังมีหน้ากล่าว…อา…”


 


ผู้บ่มเพาะสันโดษสามคนที่โจมตีไท่ซินเจี้ยนเย้ยหยันแต่การแสดงออกของพวกเขากลับเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน


 


กลิ่นอายที่ทรงพลังปะทุออกมาจากร่างของไท่ซินเจี้ยนในเวลานี้


 


ผู้บ่มเพาะสันโดษทั้งสามรีบล่าถอย


 


สายลมทำให้เสื้อผ้าของเขาสะบัดตัวขึ้นสู่อากาศ แต่ไท่ซินเจี้ยนยังสงบนิ่ง เขาปิดเปลือกตาและกล่าวอย่างช้าๆ “ไร้ประโยชน์ ข้าเห็นทุกการเคลื่อนไหวของพวกเจ้า จุดอ่อนทั้งหมดของพวกเจ้าถูกเปิดเผยต่อหน้าข้า ไม่มีความลับใดหลุดรอดจากสายตาของข้า”


 


“บัดซบ!” ผู้บ่มเพาะสันโดษผู้หนึ่งสาปแช่งแต่ในจังหวะนี้ร่างกายของเขากลับสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง


 


“ฉับ ฉับ ฉับ”


 


สามเสียงดังขึ้นเมื่อปราณดาบสามเล่มตัดศีรษะของผู้บ่มเพาะสันโดษทั้งสามออกจากร่างกาย


 


…..


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า” ไห่ลั่วหลันหัวเราะเสียงดังแม้นางจะได้รับบาดเจ็บ


 


เฉิงกุ้ยหลี่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขามองไห่ลั่วหลันด้วยความตกใจ การแสดงออกของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป


 


“ดังคาด ผู้อมตะภาคเหนือบ้าคลั่งการต่อสู้” เฉิงกุ้ยหลี่ไม่เต็มใจยอมแพ้แต่อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสมาก


 


‘ถอย’ ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจของเขา


 


ไห่ลั่วหลันสังเกตเห็นและเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “เจ้าจะหนีไปที่ใด?”


 


“หมายความว่าอย่างไร?” เฉิงกุ้ยหลี่รู้สึกสังหรณ์ร้าย


 


“ฮูม…”


 


เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นจากบาดแผลของเขารวมถึงดวงตา รูหู รูจมูก และปาก


 


“อ๊าก…” เสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวดดังไปทั่วสนามรบก่อนที่เขาจะเสียชีวิต


 


ไห่ลั่วหลันจ้องมองอย่างเย็นชา “ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดงั้นหรือ?”


 


…..


 


“เร็ว ข้าต้องการกำลังเสริม!” ช่ายเฮ่าซิงกรีดร้องขณะล่าถอย


 


หากเปรียบเทียบกับก่อนหน้า เขาได้สูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิตกกังวล


 


เทพธิดามังกรไป่หนิงปิงเดินไปข้างหน้าทีละก้าว


 


นางงดงามมาก แต่ในมุมมองสายตาของช่ายเฮ่าซิง นางไม่ต่างจากปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว ตอนนี้เขาไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากหลบหนีไปให้ไกลที่สุด


 


แต่ในสถานการณ์นี้หากเขาพยายามหลบหนีออกจากสนามรบ เขาจะกลายเป็นเพียงอาหารของจ้าวเย่ฮุ้ย


 


ช่ายเฮ่าซิงต้องต่อสู้ต่อไปอย่างไม่เต็มใจ


 


พลังการต่อสู้ของไป่หนิงปิงและไห่ลั่วหลันสูงมาก


 


ไป่หนิงปิงได้รับมรดกที่แท้จริงของไป่เซียง วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งเข้ากันได้ดีกับสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืดของนาง


 


สำหรับไห่ลั่วหลัน นางมีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง แต่นางใช้วิญญาณอมตะและวิธีการบนเส้นทางแห่งไฟที่ได้รับจากนางมารผลาญสวรรค์


 


ช่ายเฮ่าซิงได้รับกำลังเสริมมาแล้วครั้งหนึ่งแต่พวกเขาถูกไป่หนิงปิงสังหารทั้งหมด


 


แน่นอนว่าไป่หนิงปิงต้องจ่ายด้วยราคาที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน


 


ปาเต๋อเป็นผู้บังคับบัญชาการต่อสู้ของฝ่ายธรรมะในครั้งนี้ เมื่อเขาได้ยินเสียงตะโกนของช่ายเฮ่าซิง ความสนใจของเขาก็ถูกดึงดูดไป


 


“ไท่ซินเจี้ยนโปรดช่วยช่ายเฮาซิงด้วย” ปาเต๋อคิดก่อนจะส่งข้อความ


 


“ตกลง” ไท่ซินเจียงบินไปทางไป่หนิงปิงทันที


 


กลิ่นอายที่ทรงพลังของเขาดึงดูดความสนใจของไป่หนิงปิง รูม่านตาของนางหดเล็กลงขณะที่นางกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ


 


“กำลังเสริมมาแล้ว ข้าอยู่ที่นี่!” เมื่อเห็นร่างของไท่ซินเจี้ยน ช่ายเฮ่าซิงรู้สึกมีความสุขมาก


 


แต่เพียงเมื่อเขาผ่อนคลายจิตใจลง เขาก็เผยจุดอ่อนขณะที่ไป่หนิงปิงฉวยโอกาสโจมตีทันที


 


“บัดซบ!” ไท่ซินเจี้ยนมาสายไปก้าวหนึ่ง เขาสบถด้วยความโกรธเมื่อเห็นช่ายเฮ่าซิงกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งก่อนจะแตกสลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วน


 


ไป่หนิงปิงเผยรอยยิ้มบาง นางมองไท่ซินเจี้ยนและกล่าวเสียงเย็น “ท่าไม้ตายของข้าเรียกว่าน้ำแข็งแตกสลาย เจ้าอยากลองหรือไม่?”


 


…..


 


‘ช่ายเฮ่าซิงตายแล้ว แม้มังกรหญิงผู้นี้จะเป็นผู้อมตะระดับหก แต่พลังการต่อสู้ของนางเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับเจ็ดชั้นแนวหน้า!’ หัวใจของปาเต๋อจมดิ่งลง


 


เขามองไปรอบๆสนามรบและพบว่าแนวป้องกันยังไม่พังทลายลง


 


ฝ่ายธรรมะมีข้อได้เปรียบแม้ค่ายกลวิญญาณจะเสียหาย


 


แม้ฝ่ายธรรมะจะพบกับความสูญเสีย แต่นิกายเงาก็มีคนตายเช่นกัน ขวัญกำลังใจของพวกเขาลดลง บางคนเริ่มหวั่นไหว


 


‘ฝ่ายตรงข้ามมีผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงเพียงสี่คน เทพธิดากระต่ายขาว เทพธิดาเมี่ยวหยิน เทพธิดามังกร และผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งไฟ ตราบเท่าที่เราสามารถกำจัดหนึ่งในนั้น ขวัญกำลังใจของพวกเขาจะตกต่ำลง’ เมื่อคิดได้เช่นนี้ปาเต๋อจึงหันหน้าไปทางฟางหยวนอีกครั้ง


 


สถานการณ์ของฟางหยวนยังไม่เปลี่ยน แต่ความคิดกระดองเต่าเพิ่มขึ้นถึงระดับสามแสนหลังแล้ว พวกมันบินอยู่รอบๆสนามรบและผลักดันนางเสือดำให้ถอยห่างออกไป


 


ปาเต๋อก่นเสียงเย็นด้วยความโกรธ “วูอี้ไห่ หยุดป้องกัน! ในฐานะผู้อมตะตระกูลวู เจ้ากลับไม่มีความกล้าที่จะต่อสู้ เจ้ากลัวตายงั้นหรือ? ให้ข้าบอกเจ้า เจ้าเป็นตัวแปรสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้ เจ้าคือความหวังของพวกเรา ตราบเท่าที่เจ้าสามารถสังหารนางเสือดำและไปสนับสนุนคนอื่นๆ มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ สถานการณ์จะหันมาทางพวกเรา!”


 


ฟางหยวน “…”


 


เต่าพยากรณ์เหมือนภูเขาที่ไม่ตอบสนองต่อคำกล่าวของปาเต๋อ


 


“บัดซบ! คนผู้นี้ยังทำตัวเหมือนเดิม ข้าไม่อยากจะเชื่อ!” ปาเต๋อกัดฟันแน่น


 


“เสร็จแล้ว!” เป็นเพียงเวลานี้ที่จื่อกุ้ยเปิดเปลือกตาขึ้น


 


“สำเร็จ?” ปาฉวนฟงถามด้วยความตื่นเต้น


 


“แน่นอน ข้าอนุมานแล้ว ตอนนี้เราต้องจัดการค่ายกลวิญญาณและกระตุ้นใช้งานแนวป้องกันที่สาม หากประสบความสำเร็จ ท่าไม้ตายอมตะค่ำคืนสีเทาจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป” จื่อกุ้ยพยักหน้า


 


“ดี!” ปาเต๋อถอนหายใจด้วยความโล่งอก


 


เขามองไปที่จ้าวเย่ฮุ้ย


 


สัตว์อสูรแรกกำเนิดกำลังพักผ่อน มันยังไม่ได้เคลื่อนไหว


 


“สถานการณ์หันมาหาฝ่ายธรรมะของเราแล้ว” ปาเต๋อรู้สึกมีความสุขมาก


 


แต่ความรู้สึกของฟางหยวนยังห่างไกลจากคำว่าดี


 


‘ราชันภูเขาม่วงยังไม่ปรากฏตัว เขามีแผนการใด?’ ฟางหยวนรู้สึกเหมือนกำลังถูกผลักเข้ามุม

 

 

 


บทที่ 1355 การทรยศที่โหดร้าย

 

ฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจกำลังต่อสู้กันอยู่ที่ค่ายกลวิญญาณขณะที่อีกสนามรบหนึ่งการต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว


 


บ้านไม้ไผ่ไม่ได้รับความเสียหาย มันยังส่องประกายและลอยอยู่อย่างเงียบๆ


 


ค่ายกลวิญญาณแม่น้ำโลหิตสีม่วงพังทลายลงขณะที่ปีศาจอมตะภาพลวงตาทั้งเจ็ดถูกจับกุม


 


“ให้ข้าดูร่างจริงของเจ้า” วูหยงที่ไม่ได้รับบาดเจ็บปล่อยแสงสีเขียวออกมาจากดวงตา


 


ทันใดนั้นแสงสีรุ้งที่ปกคลุมร่างกายของปีศาจอมตะภาพลวงตาทั้งเจ็ดก็ถูกพัดกระจัดกระจายออกไป


 


ตัวตนที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผย


 


ผู้อมตะทั้งสามตกตะลึง


 


เฉียวจื่อไคจ้องมองด้วยความดวงเบิกกว้างและอ้าปากค้าง “เหยาเกิ้ง!?”


 


ปรากฏว่าปีศาจอมตะระดับเจ็ดผู้นี้ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากสมาชิกของกองกำลังใหญ่ฝ่ายธรรมะตระกูลเหยา เหยาเกิ้ง


 


เดิมทีเขาต่อสู้กับวูอี้เหรินเพื่อแย่งชิงมรดกที่แท้จริงหนึ่ง ในต่อสู้เขาเสียชีวิตพร้อมวูอี้เหริน


 


ป้ายวิญญาณของเขาพังทลาย ทุกคนคิดว่าเขาตายไปแล้ว


 


แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาก็คือปีศาจอมตะภาพลวงตาทั้งเจ็ด!


 


“ดี ดีมาก ตระกูลเหยาเป็นเช่นนี้จริงๆ” ไท่เมี่ยนเฉินกล่าวเสียงเย็น


 


เหยาเกิ้งเผยรอยยิ้มขมขื่น “นี่เป็นการกระทำส่วนตัวของข้า มันไม่เกี่ยวกับตระกูลเหยา”


 


วูหยงถาม “เหตุใดเจ้าถึงวางกับดักพวกเรา?”


 


รอยยิ้มของเหยาเกิ้งยิ่งขมขื่นมากขึ้น “ข้าบอกไปแล้ว ข้าเป็นเพียงตัวละครเล็กๆ หรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือข้าเป็นเพียงตัวหมากเบี้ย ข้าถูกบงการและถูกบังคับให้ทำเรื่องนี้ ตระกูลของข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมัน”


 


การแสดงออกของวูหยงมืดมนลง “เช่นนั้นคนที่บงการเจ้าคือผู้อมตะระดับแปดผู้นั้นงั้นหรือ? บอกทุกอย่างที่เจ้ารู้”


 


ไท่เมี่ยวเฉิงตะโกน “มันเป็นเพราะมรดกที่แท้จริงภาพลวงตาทั้งเจ็ดใช่หรือไม่?”


 


เหยาเกิ้งพยักหน้า


 


ไท่เมี่ยนเฉินถอนหายใจ “ในการรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงภาพลวงตาทั้งเจ็ด เจ้าต้องยอมรับข้อตกลงพันธมิตรบนเส้นทางแห่งข้อมูล ตระกูลของข้าค้นคว้าและพบว่านี่คือกับดัก แต่สิ่งที่เราไม่เข้าใจก็คือมรดกที่แทจ้ริงภาพลวงตาทั้งเจ็ดมีอยู่มากมาย ผู้สืบทอดคนอื่นๆไม่เคยถูกใช้งาน เจ้าเป็นเหยื่อรายแรก”


 


ได้ยินเรื่องนี้ วูหยงและเฉียวจื่อไคเข้าใจทันที


 


“ผู้ชนะสามารถทำทุกสิ่ง พวกเจ้าสามารถฆ่าข้าหรือทำสิ่งใดก็ตาม” เหยาเกิ้งนั่งลงบนพื้นโดยปราศจากเจตจำนงแห่งการต่อสู้


 


“ผู้อมตะระดับแปดผมม่วงอยู่ที่ใด?” วูหยงถามและรู้สึกถึงความผิดปกติ


 


เหยาเกิ้งกล่าวทุกอย่างที่เขารู้ “ข้ารู้เท่าที่บอก ข้าคิดว่าเขาซ่อนตัวอยู่ในค่ายกล เพียงเมื่อพวกเจ้าค้นพบแกนกลางและจับตัวข้า ข้าถึงตระหนักว่าเขาจากไปนานแล้ว”


 


ความรู้สึกสังหรณ์ร้ายของวูหยงยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น


 


เขาคำรามก่อนจะปลดปล่อยการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวของบ้านไม้ไผ่ออกมา


 


“บึม!”


 


แม่น้ำเลือดถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ ท้องฟ้ากลับมาสดใสอีกครั้ง


 


ผู้อมตะทั้งสามได้รับอิสระแต่ก่อนที่พวกเขาจะแสดงออกอย่างมีความสุข ร่างกายของพวกเขากลับสั่นสะท้านขึ้น


 


“โอ้ ไม่ ผ่านไปหลายวันแล้ว”


 


“ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งเลือด เส้นทางแห่งภาพลวงตา เส้นทางแห่งข้อมูล แต่มันยังเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งกาลเวลาอีกด้วย”


 


ในค่ายกลวิญญาณ ผู้อมตะทั้งสามไม่สามารถรับรู้วันเวลาที่แน่ชัด


 


กระทั่งวูหยงยังตกลงสู่หลุมพราง


 


เขาคิดมาตลอดว่าเวลาที่เขาใช้ในค่ายกลวิญญาณแม่น้ำโลหิตสีม่วงไม่นานนัก


 


แต่หลังจากออกมา เขาจึงตระหนักว่าเวลาผ่านไปนานแล้ว


 


“โอ้ ไม่ ดูเหมือนผู้อมตะระดับแปดผู้นั้นไม่ต้องการต่อสู้เป็นตายกับพวกเรา เขาเพียงกักตัวพวกเราไว้ อย่าบอกว่าเขามีจุดประสงค์อื่น?” หัวใจของวูหยงจมดิ่งลง เขารีบติดต่อตระกูลของเขา


 


ค่ายกลวิญญาณแม่น้ำโลหิตสีม่วงแยกพวกเขาออกจากโลกภายนอก พวกเขาไม่สามารถเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลืองโดยไม่ต้องกล่าวถึงการติดต่อกลับตระกูล


 


ใบหน้าของผู้อมตะทั้งสามเปลี่ยนแปลงไปในทันที


 


ข้อมูลจำนวนมากพุ่งเข้าสู่จิตใจของพวกเขา ผู้อมตะทั้งสามตกตะลึงเมื่อตระหนักว่ามีหลายสิ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา


 


ผู้อมตะตระกูลวู ตระกูลหยาง ตระกูลเฉียว ตระกูลจื่อ ตระกูลช่าย ตระกูลเซี่ย ตระกูลปา และตระกูลอื่นเข้าสู่การต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวาย


 


แผนการของราชันภูเขาม่วงคือการกักตัววูหยงและใช้ข่าวการเสียชีวิตของเขาทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในภาคใต้


 


แน่นอนว่าเขาประสบความสำเร็จ


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น?”


 


“ปีศาจอมตะเหล่านี้ช่างกล้าหาญนัก พวกเขากล้าโจมตีค่ายกลวิญญาณได้อย่างไร?”


 


“ไม่เพียงเท่านั้น กระทั่งผู้อมตะภาคเหนือยังเข้าร่วม!”


 


“แม้แต่สัตว์อสูรแรกกำเนิดในตำนานจ้าวเย่ฮุ้ยยังถูกควบคุม!?”

ผู้อมตะทั้งสามรู้สึกคาดไม่ถึง


 


แต่พวกเขาไม่โง่ พวกเขาตระหนักอย่างรวดเร็วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นแผนการใหญ่ที่น่าตกใจมาก


 


และเป้าหมายของผู้บงการก็คืออาณาจักรแห่งความฝัน!


 


“ไป เราจะไปที่ค่ายกลวิญญาณ!” วูหยงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น


 


“พวกเขาสร้างพายุใหญ่ขึ้นในภาคใต้ ข้าอยากรู้นักว่าผู้ใดบงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” ไท่เมี่ยนเฉินกล่าว


 


วูหยงพยักหน้าด้วยความกังวล “น้องชายของข้ายังอยู่ ข้าหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับเขา”


 


ในช่วงเวลาสำคัญวูหยงยังไม่ลืมรักษาชื่อเสียงของตนเอง


 


เฉียวจื่อไคเร่งผสานงาน “ท่านวูหยง ท่านห่วงใยน้องชายของท่านมาก ท่านเป็นคนรักครอบครัวและมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ท่านเป็นแบบอย่างของฝ่ายธรรมะอย่างแท้จริง”


 


หลังจากนั้นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดบ้านไม้ไผ่ก็บินไปทางภูเขาอี้เทียนด้วยความเร็วสูง


 


ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อก็กำลังทำเช่นเดียวกัน หลังจากได้รับจดหมายจากจื่อกุ้ย เขาหยุดการต่อสู้กับตระกูลหยางและนำคฤหาสน์วิญญาณอตะออกเดินไปยังค่ายกลวิญญาณทันที


 


ตระกูลหยาง ตระกูลฮั่ว ตระกูลเหยา และตระกูลเฉิงก็ส่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมาเช่นกัน


 


คนเหล่านี้ไม่รู้ว่าเหตุใดนิกายเงาถึงโจมตีค่ายกลวิญญาณ


 


เพราะตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาไม่เคยรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบนภูเขาอี้เทียน


 


พวกเขารู้เพียงข้อมูลเล็กๆน้อยๆที่วังสวรรค์จงใจเปิดเผยออกมา พวกเขารู้ว่าวังสวรรค์เข้าแทรกแซงและทำลายกองกำลังพันธมิตรผีดิบที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน


 


พวกเขาไม่ทราบสาเหตุของการกำเนิดอาณาจักรแห่งความฝันและไม่รู้ว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกขังอยู่ภายใน


 


วังสวรรค์ซ่อนข้อมูลนี้เพราะเกรงว่ากองกำลังใหญ่ของภาคใต้จะช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังมีสัตว์อสูรแรกกำเนิดในตำนานจ้าวเย่ฮุ้ยเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นกองกำลังใหญ่ของภาคใต้จึงต้องส่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมาจัดการมัน


 


“แม้พวกเราจะถูกโจมตีอย่างกะทันหัน แต่พวกเรามีค่ายกลวิญญาณและผู้อมตะของตระกูลจื่ออยู่ที่นั่น พวกเขายังสามารถป้องกันตัวได้ในขณะนี้” เฉียวจื่อไคกล่าว


 


ไท่เมี่ยนเฉินเงียบ


 


วูหยงส่ายศีรษะ “กล่าวตามตรง ข้ากังวลมาก ฝ่ายตรงข้ามวางแผนมาอย่างแยบยล ตัวหมากเบี้ยของพวกเขาถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี หากเหยาเกิ้งไม่ถูกเปิดเผย ผู้ใดจะคิดว่าเขาคือปีศาจอมตะภาพลวงตาทั้งเจ็ด อีกฝ่ายสามารถแทรกซึมเข้าสู่กองกำลังใหญ่ของฝ่ายธรรมะ ข้าเกรงว่า…”


 


วูหยงหยุดกล่าวอย่างกะทันหัน


 


ไท่เมี่ยนเฉินเข้าใจทันที “ท่านเกรงว่าพวกเขาจะมีคนแทรกซึมอยู่ในค่ายกลวิญญาณงั้นหรือ?”


 


…..


 


“บึม!”


 


การลอบโจมตีอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนไม่มีเวลาเตรียมตัว


 


“ปาฉวนฟง เจ้าทำสิ่งใด?” ปาเต๋อตะโกนด้วยความโกรธ


 


ปาฉวนฟงถูกส่งลอบกลับหลังด้วยการโจมตีของปาเต๋อและเกือบเสียชีวิต


 


จื่อกุ้ยได้รับบาดเจ็บสาหัส ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงทอง เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดของเขา


 


ก่อนหน้านี้


 


การอนุมานของเขาประสบความสำเร็จ แต่ในจังหวะที่เขากำลังกระตุ้นใช้งานแนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณ ปาฉวนฟงกลับพุ่งเข้าโจมตีเขาโดยไม่คาดคิด


 


จื่อกุ้ยไว้วางใจผู้อมตะตระกูลปาเป็นอย่างมากเพราะก่อนหน้านี้คนทั้งสองยังปกป้องเขาขณะที่เขากำลังอนุมาน


 


แต่ผู้ใดจะคิดว่าปาฉวนฟงจะโจมตีเขาในช่วงเวลาสำคัญที่สุด


 


ปาฉวนฟงเป้นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งวายุ ขณะที่จื่อกุ้ยเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งค่ายกล เขาแข็งแกร่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก่อนหน้านี้ความสนใจทั้งหมดของจื่อกุ้ยอยู่ที่ค่ายกลวิญญาณ เขาไม่สามารถป้องกันตัว ดังนั้นเขาจึงถูกปาฉวนฟงโจมตีโดยปราศจากการป้องกัน


 


ไม่เพียงการกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณจะล้มเหลว จื่อกุ้ยยังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของปาฉวนฟง


 


วินาทีต่อมา เขาใกล้ตายและไม่สามารถทำสิ่งใดได้อีก


 


“ปาฉวนฟง!” ปาเต๋อกรีดร้อง ดวงตาสีแดงของเขามองไปที่ปาฉวนฟง


 


หากเขาไม่ได้เป็นพยานในเรื่องนี้ เขาจะไม่มีวันเชื่อว่าปาฉวนฟงจะเป็นคนทรยศ


 


“ยอมแพ้ซะ ปาเต๋อ เจ้าไม่รู้ว่าศัตรูคือผู้ใด!” ปาฉวนฟงที่ใกล้ตายกล่าวอย่างอ่อนแรง


 


อย่างไรก็ตามปาเต๋อยังช่วยเขาให้รอดพ้นจากความตาย


 


“เจ้าจะไม่ตาย ตระกูลจะตัดสินเจ้า การมีชีวิตอยู่น่ากลัวกว่าความตาย เจ้าจะมีชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!” ปาเต๋อกัดฟันกล่าว ตอนนี้เขาเกลียดคนทรยศผู้นี้เป็นอย่างมาก


 


ปาฉวนฟงโหดร้ายมาก


 


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเลือกจังหวะเวลาได้อย่างไร้ที่ติ


 


เขาทำลายความหวังของฝ่ายธรรมะ


 


ไม่เพียงเขาจะทำร้ายจื่อกุ้ยแต่เขายังทำลายวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีดวงใหม่อีกด้วย


 


โดยปราศจากแนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณ ฝ่ายธรรมะจะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

 

 

 


บทที่ 1356 ฟางหยวนกอบกู้สถานการณ์

 

บัดซบ! เต่าตัวนี้ซ่อนตัวตลอดเวลา!” นางเสือดำกัดฟันแน่น


 


ความคิดกระดองเต่าหลายแสนหลังปกคลุมอยู่รอบๆเต่าพยากรณ์ นางเสือดำไม่สามารถเข้าใกล้และยังถูกผลักดันออกไปตลอดเวลา


 


ฟางหยวนเหมือนภูเขาที่ไม่ขยับเขยื้อนแต่เขายังไม่สามารถผ่อนคลาย


 


เพราะราชันภูเขาม่วงยังไม่ปรากฏตัว


 


ฟางหยวนพยายามตรวจสอบสถานที่ทั้งหมด


 


เทพธิดาเมี่ยวหยินและเฉียวซื่อหลิว สองเทพธิดาที่ยิ่งใหญ่ของภาคใต้ติดอยู่ในสถานการณ์ชะงักงัน


 


ไห่ลั่วหลันและไป่หนิงปิงแสดงความแข็งแกร่งที่ทำให้ฟางหยวนตกใจออกมา


 


ในช่วงเวลาที่ฟางหยวนไล่ล่าพวกนาง พวกนางยังไม่คุ้นเคยกับท่าไม้ตายอมตะของตน แต่ตอนนี้พวกนางกลับเชี่ยวชาญพวกมันเป็นอย่างมาก


 


สิ่งนี้ทำให้ฟางหยวนต้องถอนหายใจอีกครั้ง รากฐานของนิกายเงาลึกล้ำอย่างแท้จริง แม้จะอยู่ในสภาพที่เลวร้าย แต่ด้วยความช่วยเหลือจากนิกายเงา ไห่ลั่วหลันและไป่หนิงปิงยังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองได้ในระยะเวลาอันสั้น


 


หากฟางหยวนไม่ได้รับผลประโยชน์จากแม่น้ำหวนคืนและอาณาจักรแห่งความฝัน ความเร็วในการเติบโตของเขาจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับเทพธิดาทั้งสอง


 


อย่างไรก็ตามแม้ไห่ลั่วหลันและไป่หนิงปิงจะแข็งแกร่ง แต่ฝ่ายธรรมะก็ไม่ขาดแคลนคนมีฝีมือ


 


ไท่ซินเจี้ยนและอี้ไห่ถิงเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดชั้นแนวหน้า แม้พวกเขาจะด้อยกว่าวูอวี้ป๋อ แต่พวกเขายังสามารถต่อต้านไป่หนิงปิงและไห่ลั่วหลัน


 


สนามรบของพวกเขาเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด


 


‘อย่างไรก็ตาม…จ้าวเย่ฮุ้ยเกือบฟื้นพลังแล้ว’ ฟางหยวนไม่ลืมการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งตนนี้


 


“วูอี้ไห่ รีบกลับมา!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ปาเต๋าถ่ายทอดเสียงมาหาฟางหยวน


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฟางหยวนรู้สึกถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของปาเต๋อ “ข้ากำลังจะปิดฉากการต่อสู้ที่นี่”


 


“มาเร็ว เราต้องการเจ้า” เสียงที่อ่อนแรงของจื่อกุ้ยถูกถ่ายทอดมาเช่นกัน


 


หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง เขารีบไปทันที


 


เมื่อเห็นปาฉวนฟงและจื่อกุ้ยใกล้ตาย รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง


 


วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลบินมาหาฟางหยวน มันบันทึกฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้ทั้งหมด


 


‘ปาฉวนฟงเป็นสายลับของนิกายเงา!? นิกายเงาอยู่ในทุกที่จริงๆ’ หัวใจของฟางหยวนเต้นผิดจังหวะ เปลือกตาของเขากระตุกเมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้


 


สถานการณ์เลวร้ายมาก


 


วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีถูกทำลายไปแล้ว


 


สถานการณ์ของฝ่ายธรรมะตกสู่ความสิ้นหวัง แต่เมื่อปาเต๋อเกือบสูญเสียความมั่นใจทั้งหมด เขากลับได้ยินจื่อกุ้ยกล่าว “เรายังมีความหวังสุดท้าย แม้ข้าจะไม่สามารถทำสิ่งใด แต่ยังมีวูอี้ไห่ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของเขาเป็นสิ่งที่จื่อซานยกย่อง ระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของเขาใกล้เคียงกับข้า เขาเป็นกึ่งปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล ให้เขาเข้ามา เรายังมีโอกาส”


 


ปาเต๋อรู้ว่าฟางหยวนกับจื่อซานมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับการยืนยันจากตระกูลจื่อว่าระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนสูงมากจริงๆ


 


โดยปกติปาเต๋อจะระวังตัวและอิจฉา แต่ตอนนี้เขาดีใจมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบติดต่อฟางหยวนอย่างรวดเร็ว


 


“ข้อมูลนี้มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่รู้ วูอี้ไห่ เจ้ามีความมั่นใจหรือไม่?” ปาเต๋อรู้สึกประหม่า


 


ในช่วงเวลาสำคัญเขาไม่สามารถเผยแพร่ข่าวนี้ออกไป มิฉะนั้นทุกคนจะท้อแท้และหมดกำลังใจ เมื่อเวลานั้นมาถึงฝ่ายธรรมะจะพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่


 


‘มั่นใจกับตูดเจ้าสิ!’ ฟางหยวนลอบสบถสาปแช่ง


 


เขามองปาเต๋อด้วยความโกรธ


 


จ้าวเย่ฮุ้ยพักผ่อนเพียงชั่วคราว ก่อนหน้านี้จื่อกุ้ยใช้เวลาส่วนใหญ่กับการอนุมานวิญญาณอมตะที่เหมาะสมกับค่ายกลวิญญาณนี้ แต่ตอนนี้ฟางหยวนมีเวลาอีกไม่ถึงสามสิบส่วนจากเวลาทั้งหมด


 


เขาต้องอนุมานวิญญาณอมตะดวงใหม่ที่เหมาะสมกับค่ายกลวิญญาณนี้รวมถึงวิญญาณระดับมนุษย์อีกนับไม่ถ้วนก่อนจะใช้พวกมันสร้างแนวป้องกันที่สาม


 


จื่อกุ้ยรู้ถึงความยากลำบาก ดังนั้นเขาจึงบอกว่ามันเป็นความหวังสุดท้าย


 


“แม้เจ้าจะไม่แน่ใจว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่เราก็ต้องพึ่งพาเจ้าเท่านั้น หากเจ้าล้มเหลว ค่ำคืนสีเทาจะฆ่าพวกเราทุกคน อย่าคิดว่าเจ้าจะสามารถหลบหนี จ้าวเย่ฮุ้ยดุร้ายมาก มันเป็นประวัติศาสตร์ที่นองเลือดของมวลมนุษยชาติ ความหวังเดียวของเราคือค่ายกลวิญญาณนี้!” ปาเต๋อกระตุ้น


 


ฟางหยวนเงียบและคิดอย่างรวดเร็ว


 


ปาเต๋อและจื่อกุ้ยไม่รู้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวน แต่ความจริงก็คือสถานการณ์ของฟางหยวนดีกว่าพวกเขามาก


 


‘ข้ามีเกราะหวนคืน ตราบเท่าที่ข้าใช้มัน ข้าจะสามารถหลบหนี’


 


‘แม้จ้าวเย่ฮุ้ยจะไล่ล่าข้า แต่ข้าสามารถใช้กำแพงภูมิภาคเพื่อทิ้งมันไว้ข้างหลัง’


 


‘แต่หากข้าทำเช่นนั้น ตัวตนที่แท้จริงของข้าจะถูกเปิดเผย นอกจากข้าจะเสียโอกาสที่นี่ ข้ายังจะถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะภาคใต้ ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งผู้ใด เพียงวูหยงก็เป็นศัตรูตัวฉกาจ!’


 


‘ข้าควรลองดูก่อน’


 


‘ยังไม่ถึงเวลาสำหรับหนทางสุดท้าย’


 


ฟางหยวนคิดเรื่องเหล่านี้ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาจื่อกุ้ย “บอกความลับทั้งหมดเกี่ยวกับแนวป้องกันที่สามแก่ข้า”


 


จื่อกุ้ยอยู่ในสภาพเลวร้ายมาก เขาไม่สามารถใช้วิญญาณได้ในขณะนี้ เขาพยายามกล่าว “ประการแรก เราไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้บันทึกรายละเอียดทั้งหมดของค่ายกลวิญญาณนี้เอาไว้”


 


หลังกล่าวจบคำ เขาก็หมดสติไปทันที


 


‘บัดซบ!’ หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง


 


โดยปราศจากคำแนะนำของจื่อกุ้ย เขาต้องใช้เวลาอนุมานอีกมาก


 


แต่เขายังตรวจสอบวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูล


 


หลังจากเห็นมัน ดวงตาของฟางหยวนเบิกกว้าง เขารู้สึกดีใจมากที่ได้รับสิ่งนี้!


 


ค่ายกลวิญญาณสี่ธาตุ!?


 


ปรากฎว่าค่ายกลวิญญาณนี้ใช้แนวคิดของธาตุทั้งสี่


 


หากไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟ วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งวารี และวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งวายุจะไม่สามารถใช้งาน ก่อนหน้านี้จื่อกุ้ยทำงานอย่างหนักเพื่อเติมเต็มวิญญาณบนเส้นทางแห่งปฐพี


 


‘ช่างบังเอิญนัก!’


 


‘ข้าไม่คุ้นเคยกับวิธีการอื่นแต่ข้าเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับธาตุทั้งสี่อย่างลึกซึ้ง’


 


ย้อนกลับไปตู้ซื่อเฉิงในอาณาจักรแห่งความฝันสร้างความเจ็บปวดให้กับฟางหยวนเป็นอย่างมาก


 


‘แนวคิดเรื่องธาตุทั้งสี่เป็นแนวคิดที่เข้มงวดเกินไปสำหรับคนรุ่นหลัง อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี ข้าก็สามารถใช้วิญญาณอมตะชนิดอื่นทดแทนมัน’


 


‘เส้นทางแห่งความมืดเป็นไปได้!’


 


‘ความมืด วารี วายุ ไฟ นี่คือสี่ธาตุเช่นกัน ด้วยวิธีนี้ข้าจะสามารถสามารถสร้างแนวป้องกันที่สามได้อย่างแน่นอน’


 


ฟางหยวนตระหนักรู้ด้วยสัญชาตญาณ


 


เขามั่นใจมาก


 


เพราะเขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล!


 


‘แนวคิดของข้าจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน นอกจากนี้…ด้วยวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความมืด เรายังสามารถป้องกันท่าไม้ตายอมตะค่ำคืนสีเทาได้อย่างมีประสิทธิภาพ’


 


ฟางหยวนมีความเข้าใจเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะค่ำคืนสีเทาของจ้าวเย่ฮุ้ย


 


เหตุผล?


 


เพราะเขาเคยเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันที่เกี่ยวข้องกับมันมาก่อน


 


อาณาจักรแห่งความฝันนั้นยากเกินไป ฟางหยวนเสียชีวิตนับครั้งไม่ถ้วน เขาแทบไม่สามารถข้ามผ่านมันแม้จะใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันมากมายก็ตาม


 


ฟางหยวนมีประสบการณ์เกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะค่ำคืนสีเทาในอาณาจักรแห่งความฝัน


 


อย่างไรก็ตามดูเหมือนท่าไม้ตายอมตะค่ำคืนสีเทาของจ้าวเย่ฮุ้ยจะแตกต่างจากในอาณาจักรแห่งความฝันอยู่บ้าง


 


ในอาณาจักรแห่งความฝัน มันเป็นการโจมตีในวงกว้าง


 


ในปัจจุบันมันเป็นลำแสงสีเทา ชัดเจนว่านี่เป็นท่าไม้ตายที่พัฒนาแล้ว


 


แต่ไม่ว่าอย่างไรแก่นแท้ของมันก็ยังเหมือนเดิม ค่ำคืนสีเทายังเป็นค่ำคืนสีเทา


 


ด้วยประสบการณ์ในการเผชิญหน้ากับค่ำคืนสีเทา ฟางหยวนมั่นใจว่าจะสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันมันได้


 


‘อย่างไรก็ตาม…นี่หมายความว่าข้าต้องใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด มันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความมืดเพียงดวงเดียวของข้า’


 


‘วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดมีประโยชน์มากในการปกปิดตัวตน ข้าควรดำเนินการต่อหรือจากไป?’


 


ฟางหยวนลังเลก่อนจะตัดสินใจ


 


“ข้าต้องซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณ แต่ข้าไม่สามารถเชื่อใจผู้ใด นำจื่อกุ้ยและปาฉวนฟงออกไป ปล่อยข้าไว้ที่นี่ ป้องกันไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้ข้า!”


 


ปาเต๋อรู้ว่าสิ่งใดสำคัญในเวลานี้ เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดและเร่งคว้าร่างผู้อมตะทั้งสองเคลื่อนที่ห่างออกไปหลายร้อยก้าว


 


ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นเต่าพยากรณ์


 


สัตว์อสูรบรรพกาลบนเส้นทางแห่งปัญญามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญาที่จะช่วยในการอนุมานของฟางหยวน


 


เขาลงมือทันทีและคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว


 


“โฮก…”


 


จ้าวเย่ฮุ้ยเงยหน้าคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า


 


สมาชิกนิกายเงามีความสุขเมื่อได้ยินเสียงสายนี้ พวกเขาเร่งล่าถอยและทิ้งศัตรูเอาไว้


 


“โอ้ ไม่ ค่ำคืนสีเทากำลังมา!”


 


“เร็ว เข้าไปในค่ายกลวิญญาณ!”


 


ผู้อมตะฝ่ายธรรมะไม่รู้ความจริง พวกเขาคิดว่ามันยังเป็นปราการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด


 


“ยังไม่เสร็จอีกงั้นหรือ?” ปาเต๋อกระตุ้น เขาเป็นคนที่ประหม่ามากที่สุด หากฟางหยวนไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขาจะตายทั้งหมด


 


“เสร็จแล้ว” เต่าพยากรณ์กล่าว


 


ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้น วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดบินออกไปพร้อมกับวิญญาณระดับมนุษย์อีกมากมาย


 


ปาเต๋อตกตะลึงและตื่นตระหนกมาก “มันคือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความมืด ไม่ใช่ว่าค่ายกลวิญญาณนี้ต้องการวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีงั้นหรือ?”


 


“ข้าไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี ข้ามีเพียงเส้นทางแห่งความมืด” ฟางหยวนตอบอย่างไม่พอใจ


 


ปาเต๋อกรีดร้อง “เหตุใดไม่บอกข้าหากไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี ข้าจะให้เจ้ายืม!”


 


“ไม่รู้สิ่งใด หุบปาก!” ฟางหยวนตำหนิ


 


“เจ้า!” ปาเต๋อสูญเสียความหวังทั้งหมด เขากำลังจะตำหนิฟางหยวนต่อแต่ดวงตาของเขากลับเบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหัน


 


เขาตะลึงเมื่อเห็นแนวป้องกันที่สามก่อตัวขึ้นด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลัง


 


“เขาทำสำเร็จจริงๆ!” ปาเต๋อรู้สึกราวกับสามารถหลบหนีจากนรกและโบยบินขึ้นสู่สรวงสวรรค์


 


เฉียวซื่อหลิวและคนอื่นๆเห็นฉากที่แปลกประหลาดนี้


 


ปาเต๋อสูญเสียความสงบ นี่เป็นเรื่องแปลกมาก


 


“ปาเต๋อ เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดท่านถึงเหงื่อท่วมตัวเช่นนี้?” บางคนถาม

 

 

 


บทที่ 1357 ควบคุมฝ่ายธรรมะ

 

ร่างกายของปาเต๋อสั่นเทาเมื่อเขาฟื้นคืนสติ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอาย


 


ก่อนที่จื่อกุ้ยจะหมดสติ เขาให้ฟางหยวนยืมวิญญาณทั้งหมดของค่ายกลวิญญาณนี้ ดังนั้นตอนนี้ฟางหยวนจึงกลายเป็นผู้ควบคุมค่ายกลวิญญาณทั้งหมด


 


‘ดีมาก ตอนนี้ค่ายกลวิญาณนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า ข้ามีอำนาจเหนือทุกคนในสนามรบแห่งนี้!’


 


การเสียสละวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดไม่ได้ไร้ประโยชน์


 


ด้วยวิธีนี้เขาจะมีพลังอำนาจเพียงพอและสามารถรอคอยโอกาส


 


เขากล่าวกับผู้อมตะฝ่ายธรรมะอย่างเคร่งขรึม “ออกไปให้ห่างจากข้า หากผู้ใดเข้าใกล้ข้าจะถือว่าคนผู้นั้นเป็นคนทรยศและจะถูกขับไล่ออกจากกลุ่ม”


 


“หมายความว่าอย่างไร?” ผู้อมตะฝ่ายธรรมะมองฟางหยวนด้วยความระมัดระวัง


 


ปาเต๋อเร่งอธิบาย “ข้าเห็นด้วยกับวูอี้ไห่ ห้ามผู้ใดเข้าใกล้เขา จื่อกุ้ยได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติไปแล้ว มันเกิดการจากลอบโจมตีโดยคนทรยศปาฉวนฟง!”


 


เขาส่งภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ผ่านวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับผู้อมตะฝ่ายธรรมะทั้งหมด


 


ผู้อมตะฝ่ายธรรมะตกตะลึง พวกเขารู้แล้วว่าหากฟางหยวนไม่กอบกู้ค่ายกลวิญญาณนี้ พวกเขาจะตายกันหมด


 


ผู้อมตะฝ่ายธรรมะรู้สึกยินดีกับเรื่องนี้แต่พวกเขาก็เริ่มระวังตัวมากขึ้นเช่นกัน


 


ปาเต๋อมองฟางหยวนก่อนจะกลับไปจัดการสถานการณ์


 


แม้ปาเต๋อจะไม่สามารถรักษาจื่อกุ้ย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆจะไม่สามารถทำได้


 


ปาฉวนฟงถูกสาปแช่งอย่างหนัก


 


ผู้อมตะฝ่ายธรรมะบางส่วนพักผ่อนและรักษาอาการบาดเจ็บของตนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่รออยู่


 


ในเวลาเดียวกัน ไกลออกไปจากค่ายกลวิญญาณ


 


ร่างสีดำขนาดมหึมาราวกับภูเขาเริ่มขยับเขยื้อน


 


มันอ้าปากและสูดหายใจลึก


 


กลิ่นอายของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนปะทุออกมาก่อนที่มันจะยิงลำแสงสีเทาออกมาอีกครั้ง


 


ปราศจากเสียง ปราศจากการระเบิด


 


มันเงียบมาก


 


แต่แนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณกลับส่องประกายสว่างไสว


 


เสียงดังขึ้นทำให้กลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะรู้สึกประหม่า


 


หากค่ายกลวิญญาณไม่สามารถป้องกันสิ่งนี้ พวกเขาจะกลายเป็นเนื้อที่วางอยู่บนเขียง


 


คนฉลาดหลายคนเริ่มสังเกตการแสดงออกของฟางหยวน


 


ฟางหยวนเป็นผู้ควบคุมค่ายกลวิญญาณทั้งหมด ทุกการเคลื่อนไหวของเขาจะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของทุกคน


 


อย่างไรก็ตามการแสดงออกของฟางหยวนยังสงบนิ่งมาตลอด ไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาความคิดของเขา


 


แต่ความสงบของฟางหยวนก็หมายถึงความมั่นใจและความปลอดภัย นี่ทำให้ผู้อมตะฝ่ายธรรมะรู้สึกผ่อนคลายลง


 


ไม่นานหลังจากนั้นลำแสงสีเทาก็หยุดลงขณะที่แสงหลากหลายสีสันของแนวป้องกันที่สามก็เลือนหายไป


 


“พวกเราป้องกันมันได้!”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า…”


 


“ทำได้ดีมากท่านวูอี้ไห่!”


 


ขวัญกำลังใจของผู้อมตะฝ่ายธรรมะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งขณะที่พวกเขาต้องมองฟางหยวนในมุมมองใหม่


 


“ข้าคิดไม่ผิดจริงๆ วูอี้ไห่ เจ้าช่วยพวกเราเอาไว้” จื่อกุ้ยตื่นขึ้นแล้วและพึมพำด้วยความยินดี


 


ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เขายังต้องการให้ฟางหยวนควบคุมค่ายกลวิญญาณนี้ต่อไป


 


เฉียวซื่อหลิวมองไปที่ฟางหยวนเช่นกัน


 


ฟางหยวนช่วยชีวิตทุกคนเอาไว้ เขากลายเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง ก่อนหน้านี้เฉียวซื่อหลิวไม่มีความรู้สึกใดๆต่อฟางหยวน แต่ตอนนี้เมื่อนางมองเขา หัวใจของนางกลับเต้นแรงขณะที่นางเกิดความรู้สึกที่แปลกประหลาด


 


ท่าไม้ตายอมตะค่ำคืนสีเทากับค่ายกลวิญญาณ มันคือการต่อสู้ระหว่างหอกและโล่


 


แต่ในที่สุดฝ่ายหลังก็ได้รับชัยชนะ โล่ที่แข็งแกร่งสามารถป้องกันหอกที่น่าสะพรึงกลัว


 


เมื่อฝุ่นควันจางหาย จ้าวเย่ฮุ้ยก็มองค่ายกลวิญญาณด้วยดวงตาเบิกกว้าง


 


อาณาจักรแห่งความฝันไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย


 


มันยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง


 


ในแนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณ ฟางหยวน ปาเต๋อ เฉียวซื่อหลิว และผู้อมตะฝ่ายธรรมะคนอื่นๆได้รับการคุ้มครองแต่มันสามารถป้องกันอาณาจักรแห่งความฝันได้เพียงบางส่วนเท่านั้น


 


“เราจะบุกเข้าไปหรือไม่?” อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน ไป่หนิงปิง และคนอื่นๆรู้สึกประหลาดใจมาก นี่ไม่เหมือนสิ่งที่ราชันภูเขาม่วงบอกพวกเขา


 


ไม่นานมานี้พวกเขาได้รับการถ่ายทอดเสียงจากราชันภูเขาม่วง ชายชราบอกว่าค่ายกลวิญญาณจะถูกทำลาย พวกเขาต้องบุกโจมตีในช่วงเวลานั้นเพื่อคว้าชัยชนะ


 


“จื่อกุ้ยหมดสติไปแล้ว มันเกิดสิ่งใดขึ้น?” ไกลออกไป ราชันภูเขาม่วงถอนหายใจ


 


มันกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก


 


พวกเขาสูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้วแต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโจมตีโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด


 


ราชันภูเขาม่วงปกปิดกลิ่นอายของตนมาตลอด คนอื่นๆไม่ตระหนักถึงการคงอยู่ของเขา หลังจากมาถึงที่นี่ เขาได้เตรียมความพร้อมสำหรับแผนการใหญ่ของเขาไว้แล้ว


 


ดังนั้นในเวลานี้เขาจึงต้องใช้วิธีการดังกล่าว!


 


ทันใดนั้นโลกพลันเปลี่ยนสี


 


แสงสีรุ้งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า


 


กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ราวกับคลื่นยักษ์ทำให้กลุ่มผู้อมตะตกตะลึง


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น?” สมาชิกนิกายเงาปิดเปลือกตาลง


 


ค่ายกลวิญญาณสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง


 


ผู้อมตะฝ่ายธรรมะต่างตื่นตระหนก “เกิดสิ่งใดขึ้น? นี่คือท่าไม้ตายอมตะงั้นหรือ?”


 


ใบหน้าของฟางหยวนปรากฏให้เห็นถึงความประหม่า เขาประกาศ “ท่าไม้ตายอมตะนี้ไม่ได้เล็งเป้ามาที่พวกเราหรือค่ายกลวิญญาณ แต่มันเป็นการโจมตีอาณาจักรแห่งความฝันโดยตรง!”


 


หลังจากการระเบิดที่รุนแรง แสงสีรุ้งก็จางหายไปและเผยให้เห็นรังไหมแสง


 


“อาณาจักรแห่งความฝันหายไป พวกมันเปลี่ยนเป็นรังไหมแสงจำนวนนับไม่ถ้วน!”


 


“โอ้ มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?”


 


“วิธีการทั่วไม่สามารถทำเช่นนี้ เว้นเพียงมันจะเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝัน!”


 


“หมายความว่าเป้าหมายของปีศาจอมตะเหล่านี้ก็คืออาณาจักรแห่งความฝัน”


 


ผู้อมตะฝ่ายธรรมะกรีดร้อง


 


ท่ามกลางพวกเขา บางคนมองฟางหยวนด้วยสายตาดุร้าย “ข้าบอกแล้วว่าธุรกิจซื้อขายโอกาสเป็นความคิดที่ไม่ดี! มันจะกระตุ้นความทะเยอทะยานของฝ่ายปีศาจ สิ่งนี้มีประโยชน์มหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย มิฉะนั้นผู้อตะมากมายจะไม่สนใจผลที่ตามมาและโจมตีพวกเราได้อย่างไร?”


 


คำกล่าวเหล่านี้ทำให้การแสดงออกของผู้อมตะส่วนใหญ่เปลี่ยนไป


 


แต่ฟางหยวนไม่ตอบสนอง


 


ปาเต๋อมองผู้อมตะตระกูลเซี่ยด้วยความโกรธธและตะโกน “หุบปาก!”


 


ในเวลาเช่นนี้ตระกูลเซี่ยยังหว่านความไม่ลงรอยโดยเฉพาะเมื่อคนผู้นี้กำลังยั่วยุตัวตนที่สำคัญเช่นฟางหยวน นี่เป็นเรื่องที่โง่เขลาเกินไป ปาเต๋อโกรธมาก


 


แต่ในเวลาต่อมาผู้อมตะตระกูลเซี่ยผู้นั้นกลับหายไปจากจุดเกิดเหตุและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งนอกค่ายกลวิญญาณ


 


“เหตุใดเขาถึงออกไป?” ผู้อมตะฝ่ายธรรมะตกตะลึง


 


ฟางหยวนหัวเราะ “คนผู้นี้มีเจตนาร้าย เขาพยายามหว่านความไม่ลงรอย ดังนั้นข้าจึงส่งเขาออกไปข้างนอก ขยะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ตอนนี้เราควรใช้เขาตรวจสอบความสามารถของศัตรู”


 


“บัดซบ! ผู้ใดให้อำนาจเจ้าทำเรื่องนี้ เจ้ากำลังเพิกเฉยต่อสิทธิ์ของเรา!”


 


“เร็ว ให้ผู้อมตะของตระกูลเรากลับมา!”


 


“เร็ว!”


 


ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาขณะที่กลุ่มผู้อมตะตระกูลเซี่ยที่กรีดร้องหายตัวไปทันที


 


ในเวลาต่อมาพวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้นนอกค่ายกลวิญญาณ เมื่อเห็นค่ายกลวิญญาณอยู่ในระยะไกล พวกเขาต่างตกตะลึง


 


“วูอี้ไห่!” ปาเต่อรู้สึกกระวนกระวายใจ “เจ้าทำเกินไปแล้ว!”


 


ฟางหยวนมองเขาและกล่าว “ท่านต้องการออกไปอีกคนงั้นหรือ?”


 


ปาเต๋อตะลึง


 


ผู้อมตะฝ่ายธรรมะทั้งหมด “…”


 


หน้าอกของปาเต๋อขยับขึ้นลงอย่างรุนแรงด้วยความโกรธ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ แต่เขายังกล่าว “อย่าลืมว่าวิญญาณอมตะที่ใช้สร้างค่ายกลวิญญาณนี้เป็นของพวกเราทั้งหมด”


 


เขากำลังขู่


 


แต่ฟางหยวนกลับหัวเราะ “ท่านคิดว่าตอนนี้วิญญาณเหล่านั้นยังจดจำท่านได้หรือไม่?”


 


การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะเปลี่ยนแปลงไป


 


จื่อกุ้ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เห้อ…ทุกคน นี่คือค่ายกลวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นโดยท่านจื่อชิวหยู ก่อนหน้านี้เพื่อป้องกันคนทรยศและป้องกันไม่ให้ค่ายกลวิญญาณถูกทำลายจากภายใน ดังนั้นแนวป้องกันที่สามและสี่จึงมีเพียงผู้เดียวที่สามารถควบคุม คนอื่นไม่สามารถยุ่งเกี่ยว กระทั่งข้าก็ไม่สามารถทำสิ่งใด เว้นเพียงวูอี้ไห่จะโอนกรรมสิทธิ์คืนให้ข้าอีกครั้งเท่านั้น”


 


จื่อกุ้ยมองฟางหยวนอย่างจริงใจและจริงจัง


 


“ท่านจื่อกุ้ย ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ท่านช่วยพวกเรามามากเกินไปแล้ว ท่านควรพักรักษาตัว” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาและบดขยี้ความหวังของจื่อกุ้ยลงทันที


 


ปาเต๋อเต็มไปด้วยความโกรธ


 


ผู้อมตะคนอื่นๆกระสับกระส่าย


 


มันหมายความว่าตอนนี้ชีวิตของพวกเขาขึ้นอยู่กับฟางหยวน


 


เฉียวซื่อหลิวและคนอื่นๆที่มีความใกล้ชิดกับตระกูลวูรู้สึกยินดี แต่การแสดงออกของผู้อมตะตระกูลปา ตระกูลเหยา และตระกูลอื่นที่มีความขัดแย้งกับตระกูลวูกลับดูน่าเกลียดมาก


 


‘จื่อชิวหยู เจ้าแก่โง่!’ บางคนสบถสาปแช่งอยู่ในใจ


 


จื่อชิวหยูลอบจัดการค่ายกลวิญญาณนี้ภายใต้เหตุผลเรื่องการรักษาความปลอดภัย แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตระกูลจื่อกลับสูญเสียการควบคุมและถูกแทนที่ด้วยคนนอก


 


“อย่ากังวล ข้า วูอี้ไห่ ไม่ใช่คนไร้เหตุผล ในสถานการณ์นี้พวกเราฝ่ายธรรมะต้องร่วมมือกันฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อก้าวข้ามวิกฤต”


 


“ตระกูลวูของข้ายังเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของฝ่ายธรรมะ ในสถานการณ์เช่นนี้เราต้องออกหน้ารับผิดชอบอย่างแน่นอน”

 

 

 


บทที่ 1358 การปรากฏตัวอีกครั้งของกายา...

 

“ข้ามีข่าวดีมาบอก คฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลวูกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อรับข้ากลับไปภูเขาวูอี้ ตอนนี้มันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ มันเป็นกำลังเสริมที่ใกล้ที่สุดของพวกเรา”


 


“ตราบเท่าที่เราร่วมมือกัน พวกเราจะสามารถจากไปได้อย่างปลอดภัย พวกเราอาจได้รับการยกย่องจากทุกคนและกลายเป็นวีรบุรุษของภูมิภาคนี้”


 


ฟางหยวนกล่าวอย่างรวดเร็ว


 


การแสดงออกของปาเต๋อกลายเป็นยิ่งน่าเกลียด


 


ดวงตาของเฉียวซื่อหลิวส่องประกายขึ้น เมื่อมองไปที่ฟางหยวน สายตาของนางเต็มไปด้วยความชื่นชม


 


จื่อกุ้ยมอบข้อมูลทั้งหมดของค่ายกลวิญญาณให้กับฟางหยวน นั่นทำให้ฟางหยวนตระหนักว่าเขาสามารถควบคุมค่ายกลนี้ได้ด้วยตนเองและตัดสินใจก้าวขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะทั้งหมด


 


ผู้อมตะตระกูลเซี่ยผู้โชคร้ายที่ถูกขับไล่ออกไปเป็นสิ่งยืนยันพลังอำนาจของฟางหยวน


 


ด้วยไม้และแครอท ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการปกครองพวกเขา


 


ความได้เปรียบของฟางหยวนมีมากเกินไป ในสถานการณ์นี้ทุกคนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชื่อฟังเขา


 


การกระทำของฟางหยวนทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป ตอนนี้กระทั่งปาเต๋อยังต้องฟังคำสั่งของเขา


 


หลังจากประสบความสำเร็จในการควบคุมผู้อมตะฝ่ายธรรมะ ฟางหยวนก็หันไปให้ความสนใจกับโลกภายนอก


 


รังไหมแสงจำนวนมากก่อตัวขึ้นและลอยนิ่งอยู่บนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ


 


ราคาสำหรับรังไหมแสงเหล่านี้ก็คืออาณาจักรแห่งความฝัน


 


อาณาจักรแห่งความฝันหายไปเกือบทั้งหมด


 


เมื่อเห็นรังไหมแสง ฟางหยวนลอบถอนหายใจ ‘วิธีการของนิกายเงาไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแท้จริง มันคู่ควรกับการเป็นกองกำลังที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณมานานนับแสนปีจริงๆ’


 


“แค๊ก!”


 


เสียงแตกร้าวดังขึ้นจากรังไหมแสง


 


“แค๊ก!”


 


รังไหมแสงแตกออกขณะที่มนุษย์ร่างเปลือกเปล่าปรากฏขึ้น


 


ราชันภูเขาม่วงลงมืออย่างรวดเร็ว


 


วิญญาณจำนวนมากบินเข้าโอบล้อมกายาแห่งความฝันก่อนที่พวกมันจะบินเข้าสู่มิติช่องว่างของพวกเขา


 


ในไม่ช้ากายาแห่งความฝันก็เปิดเปลือกตาขึ้น ร่างกานของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยเสื้อผ้าขณะที่พวกเขาบินไปยังอาณาจักรแห่งความฝันที่เหลืออยู่


 


“นี่!?”


 


ผู้อมตะฝ่ายธรรมะตกตะลึง


 


แต่ดวงตาของฟางหยวนเบิกกว้าง ‘นี่คือกายาแห่งความฝัน!’


 


ฟางหยวนเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน เมื่อเขาเห็นมันอีกครั้งเขาก็ยังรู้สึกตกตะลึงดังเช่นในอดีต


 


ร่างของอิงอู๋เซี่ยก็ถูกสร้างขึ้นจากกายาแห่งความฝันเช่นกัน


 


นิกายเงาเป็นผู้คิดค้นสิ่งนี้ แล้วราชันภูเขาม่วงจะไม่รู้จักวิธีนี้ได้อย่างไร?


 


ก่อนหน้านี้ราชันภูเขาม่วงได้ไปพบเจตนำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลาและได้เรียนรู้หลายสิ่ง


 


ราชันภูเขาม่วงต้องการร่วมมือกับฟางหยวนแต่เขาปฏิเสธ


 


ดังนั้นราชันภูเขาม่วงจึงไม่สามารถใช้วิธีของฟางหยวนเพื่อจัดการอาณาจักรแห่งความฝัน


 


ราชันภูเขาม่วงต้องการช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณแต่อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคืออาณาจักรแห่งความฝันขนาดยักษ์


 


ฟางหยวนไม่ช่วย ดังนั้นราชันภูเขาม่วงจึงต้องใช้กายาแห่งความฝัน


 


ด้วยวิธีนี้มันทำให้อาณาจักรแห่งความฝันจำนวนมากสูญหายไปขณะที่พวกเขาจะสามารถเข้าไปยังจุดศูนย์กลางของอาณาจักรแห่งความฝันเพื่อช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


‘ดังนั้นกายาแห่งคยวามฝันก็ถูกสร้างขึ้นเช่นนี้?’


 


‘วิธีการของนิกายเงานช่างน่ากลัวนัก!’


 


แม้ฟางหยวนจะต่อสู้กับอิงอู๋เซี่ยในเวลานั้น แต่เขาก็ไม่รู้ที่มาของฝ่ายตรงข้าม


 


ฟางหยวนตะโกนออกคำสั่งผู้อมตะฝ่ายธรรมะ “เร็ว ทำลายรังไหม เราต้องฆ่าคนเหล่านั้น!”


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น?”


 


“วูอี้ไห่ เจ้ารู้สิ่งใด บอกเรา!”


 


ผู้อมตะฝ่ายธรรมะถาม


 


แต่ในเวลาต่อมาพวกเขากลับถูกฟางหยวนเคลื่อนย้ายออกจากค่ายกลวิญญาณ


 


“บัดซบ!”


 


“ไม่แม้แต่จะกล่าวสิ่งใด คิดว่าพวกเราคือผู้ใด?”


 


“วูอี้ไห่ เจ้ากำลังใช้วิญญาณอมตะของพวกเรา อย่าให้มันมากนัก!”


 


แม้แต่เฉียวซื่อหลิวก็ถูกส่งออกไป เทพธิดาผู้นี้มึนงงเล็กน้อย นางไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้


 


สองผู้อมตะตระกูลเซี่ยเห็นผู้อมตะคนอื่นๆพบชะตากรรมเดียวกัน นั่นทำให้พวกเขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาตะโกนเสียงดังและต้องการกำจัดวูอี้ไห่


 


แต่ไม่มีผู้ใดสนใจพวกเขา ในสถานการณ์นี้ผู้ใดจะกล้าทำร้ายฟางหยวนที่ควบคุมค่ายกลวิญญาณ?


 


ฟางหยวนกล่าว “หากพวกเจ้าไม่ต้องการตายอยู่ที่นี่ ฟังข้า ศัตรูเหล่านี้จะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะกำจัดพวกมัน!”


 


ขณะที่คนอื่นๆกำลังลังเล วูเหลียวฟังคำสั่งของฟางหยวนและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว


 


ต่อมาผู้อมตะที่ใกล้ชิดกับตระกูลวูรวมถึงเฉียวซื่อหลิวก็เริ่มเคลื่อนไหว แต่เพราะฟางหยวนส่งนางออกมา ใบหน้าของนางจึงดูค่อนข้างน่าเกลียด


 


คนเหล่านี้ลงมืออย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าผู้อมตะฝ่ายธรรมะคนอื่นๆก็เริ่มต่อสู้


 


ด้านหนึ่ง ฟางหยวนควบคุมค่ายกลวิญญาณและคอยช่วยเหลือกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะ อีกด้านหนึ่ง พวกเขาก็รู้สึกสนใจกายาแห่งความฝัน หากพวกเขาสามารถจับพวกมันและค้นคว้า ตระกูลของพวกเขาอาจมีความคืบหน้าบนเส้นทางแห่งความฝัน


 


มีเพียงสองผู้อมตะตระกูลเซี่ยที่ยังลังเล


 


แต่ฟางหยวนไม่ลืมพวกเขา “ตราบเท่าที่พวกเจ้าทำลายรังไหม ข้าจะไว้ชีวิตของพวกเจ้าและปล่อยให้พวกเข้ากลับเข้ามาในค่ายกลวิญญาณ”


 


ผู้อมตะตระกูลเซี่ยโกรธจัด พวกเขากัดฟันแน่นแต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะทำตามคำกล่าวของฟางหยวน


 


ผู้อมตะฝ่ายธรรมะทั้งหมดพยายามทำลายรังไหมแสง


 


มีเพียงฟางหยวนเท่านั้นที่อยู่ในค่ายกลวิญญาณและมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลาย


 


กายาแห่งความฝันปรากฏขึ้นจากรังไหมอย่างต่อเนื่อง


 


ในเวลาเดียวกันเมื่อรังไหมแสงถูกทำลาย อาณาจักรแห่งความฝันก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง


 


‘ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน นิกายเงาวางแผนมาเป็นอย่างดี พวกเขาใช้กายาแห่งความฝันเพื่อบดบังวิสัยทัศน์ของพวกเราและหนึ่งในกายาแห่งความฝันเหล่านั้นอาจเป็นเทพปีศาจจิตวิญญาณ!’


 


ฟางหยวนเฝ้ามองสนามรบอย่างตั้งใจ


 


ค่ายกลวิญญาณนี้ถูกสร้างขึ้นรอบๆอาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่ แม้ค่ายกลวิญญาณจะถูกทำลายไปบางส่วน แต่มันยังครอบคลุมครึ่งหนึ่งของสนามรบ


 


นอกจากกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะ ฟางหยวนยังใช้ค่ายกลวิญญาณทำลายรังไหมแสงโดยตรง


 


น่าเสียดายที่ค่ายกลวิญญาณนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นปราการป้องกัน พลังโจมตีของมันอ่อนแออย่างน่าสมเพช มันยังด้อยกว่าการโจมตีของฟางหยวนอยู่มาก


 


“ฆ่า!” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงตะโกนดังขึ้น


 


เทพธิดาเมี่ยวหยิน ไห่ลั่วหลัน และไป่หนิงปิงนำผู้อมตะของนิกายเงามาถึงแล้ว


 


รังไหมแสงบางส่วนถูกทำลายโดยผู้อมตะฝ่ายธรรมะและกลายเป็นอาณาจักรแห่งความฝันที่มีขนาดแตกต่างกัน


 


กายาแห่งความฝันที่ถูกสังหารกลายเป็นอาณาจักรแห่งความฝัน ณ จุดเกิดเหตุ นี่ทำให้อาณาจักรแห่งความกระจัดกระจายไปทั่ว


 


อย่าลืมว่าอาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่มีการเคลื่อนไหว


 


ดังนั้นบางอาณาจักรแห่งความฝันจึงหลอมรวมเข้าด้วยกัน กล่าวได้ว่าภูมิประเทศกลายเป็นซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ


 


กลุ่มผู้อมตะต้องระวังตัวมากขึ้น ด้านหนึ่งพวกเขาต้องปกป้องอาณาจักรแห่งความฝัน อีกด้านหนึ่งพวกเขาต้องระวังตัวและไม่สามารถปล่อยให้ตนเองตกลงสู่กับดักของอาณาจักรแห่งความฝัน


 


‘สามารถสร้างกายาแห่งความฝันจำนวนมหาศาล นี่ต้องเป็นฝีมือของราชันภูเขาม่วง แต่เขาอยู่ที่ใด?’


 


ฟางหยวนมองไปรอบๆแต่เขายังไม่พบราชันภูเขาม่วง


 


“บึม!”


 


ค่ายกลวิญญาณระเบิดพลังออกมาและส่งกายาแห่งความฝันที่พึ่งออกจากรังไหมพุ่งชนภูเขา


 


หากปราศจากวิญญาณที่ให้ความช่วยเหลือ กายาแห่งความฝันจะถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามกายาแห่งความฝันยังถูกมัดด้วยโซ่สีดำและไม่สามารถเคลื่อนไหว


 


ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเจิดจ้า


 


‘น่าสนใจ หากข้าสามารถจับมันได้สักสองสามตัว ข้าอาจสามารถอนุมานวิธีการของนิกายเงาและสร้างกายาแห่งความฝันของข้าเอง’


 


‘นี่เป็นเส้นทางแห่งความฝัน แม้อายุขัยของมันจะสั้น แต่มันอาจช่วยข้าแก้ปัญหาในช่วงเวลาวิกฤต!’


 


เมื่อคิดได้เช่นนี้ฟางหยวนจึงเริ่มใช้ค่ายกลวิญญาณเพื่อจับกายาแห่งความฝันมากขึ้น


 


รังไหมแสงยังก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่ฟางหยวนสามารถจับกุมกายาแห่งความฝันได้เกือบสิบร่าง


 


ในไม่ช้าเขาก็ค้นพบสิ่งที่น่าตกใจ ระดับการบ่มเพาะของกายาแห่งความฝันเหล่านี้ไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ท่ามกลางพวกมันมีกายาแห่งความฝันระดับหกอยู่บ้าง ส่วนใหญ่เป็นกายาแห่งความฝันระดับมนุษย์ และมีกายาแห่งความฝันระดับเจ็ดอยู่ไม่มาก

 

 

 


บทที่ 1359 การแทรกแซงของวังสวรรค์

 

ฟางหยวนพบสิ่งที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ


 


อายุขัยของกายาแห่งความฝันมีความสัมพันธ์กับระดับการบ่มเพาะของพวกมัน ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูง อายุขัยของพวกมันก็ยิ่งสั้น ในทางตรงข้าม กายาแห่งความฝันระดับมนุษย์มีชีวิตได้ถึงสองหรือสามปี นี่เป็นการวิจัยของฟางหยวนในระยะเวลาสั้นๆนี้


 


‘ก่อนหน้านี้ข้าสงสัยว่าเหตุใดนิกายเงาถึงไม่ใช่วิธีนี้สร้างกายาแห่งความฝันจำนวนมากระหว่างการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน’


 


‘แต่ดูเหมือนการสร้างกายาแห่งความฝันเช่นอิงอู๋เซี่ยจะไม่ใช่เรื่องง่าย’


 


‘เพื่อช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณ พวกเขาต้องสร้างกายาแห่งความฝันจำนวนมากเพื่อลดปริมาณอาณาจักรแห่งความฝัน พวกเขามีความมุ่งมั่นอย่างมาก!’


 


ฟางหยวนถอนหายใจและตระหนักถึงทัศนคติที่แน่วแน่ของนิกายเงา


 


ไม่เพียงฟางหยวนที่จับกายาแห่งความฝัน แต่ผู้อมตะฝ่ายธรรมะคนอื่นๆก็ไม่โง่ พวกเขาเริ่มจับเชลยบางคนเช่นกัน


 


กายาแห่งความฝันคือผลลัพธ์จากงานวิจัยของนิกายเงา ผู้ใดก็ตามที่สามารถค้นคว้าเกี่ยวกับพวกมัน พวกเขาจะมีความก้าวหน้าอย่างมากในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน


 


อย่างไรก็ตามนิกายเงายังทำสิ่งนี้โดยไม่ลังเล


 


นี่เป็นฉากที่วุ่นวายมาก


 


ราชันภูเขาม่วงยังไม่ปรากฏตัว เขายังสร้างกายาแห่งความฝันต่อไป


 


รังไหมแสงปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง


 


อาณาจักรแห่งความฝันกลายเป็นยุ่งเหยิงและทำให้ภูมิประเทศซับซ้อนมากขึ้น


 


ฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจต่อสู้กันอย่างดุเดือด


 


แม้ฝ่ายธรรมะจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่สนามรบวุ่นวายมากเกินไป ดังนั้นกายาแห่งความฝันจึงสามารถออกจากสนามรบท่ามกลางความสับสน


 


‘บัดซบ! เทพปีศาจจิตวิญญาณอาจซ่อนตัวอยู่ในร่างเหล่านี้!’ ฟางหยวนสังเกตและกำลังจะโจมตีจากระยะไกล แต่ทันใดนั้น!


 


แสงที่แหลมคมเหมือนเข็มกลับพุ่งลงมาจากท้องฟ้า


 


กายาแห่งความฝันถูกโจมตีโดยตรงและเสียชีวิตลงทันที


 


‘หือ? ผู้ใด!?’ รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง


 


เขาเป็นคนควบคุมสถานการณ์ ดังนั้นเขาจึงเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นสิ่งนี้


 


ราชันภูเขาม่วงขมวดคิ้ว ‘ในที่สุดวังสวรรค์ก็ลงมือ!’


 


เขาคาดเดาสิ่งนี้ไว้แล้ว ด้วยการเตรียมการบางอย่างในสวรรค์สีขาว หอคอยดวงตาสวรรค์จึงถูกขัดขวางอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง


 


แต่น่าเสียดายที่ฟางหยวนกอบกู้สถานการณ์ไว้ได้ แผนการของราชันภูเขาม่วงจึงหยุดชะงัก


 


ค่ายกลวิญญาณของฝ่ายธรรมะขัดขวางแผนการของราชันภูเขาม่วงเป็นอย่างมาก


 


เขาสูญเสียช่วงเวลาที่ดีที่สุดไปแล้ว หอคอยดวงตาสวรรค์เข้าสู่การต่อสู้ในที่สุด


 


“ครืน…”


 


แสงสีขาวพุ่งลงมาจากท้องฟ้าและกำจัดกายาแห่งความฝันที่พยายามหลบหนีออกจากสนามรบอย่างง่ายดาย


 


ต่อมาคฤหาสน์วิญาณอมตะที่ยิ่งใหญ่ก็ลอยลงมาจากท้องฟ้า


 


ภาพที่น่าตื่นตานี้ดึงดูดความสนใจของผู้อมตะทั้งหมด


 


พวกเขาเงยหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้า บางคนงุนงง แต่ผู้อมตะส่วนใหญ่จำหอคอยดวงตาสวรรค์ได้ในทันที


 


หลังจากทั้งหมดหอคอยดวงตาสวรรค์มีชื่อเสียงมากเกินไป


 


วังสวรรค์!


 


กลุ่มผู้อมตะตกใจมาก


 


การแทรกแซงของวังสวรรค์ทำให้การต่อสู้นี้ยิ่งสับสนวุ่นวายมากขึ้นไปอีก


 


ชั้นบนสุดของหอคอยดวงตาสวรรค์ ราชันมังกรกำลังเฝ้ามองสนามรบ


 


“ปีศาจจิตวิญญาณเจ้าเล่ห์เกินไป เราไม่สามารถปล่อยให้กายาแห่งความฝันหลบหนีไป พวกมันต้องตายทั้งหมด! แน่นอนว่ากายาแห่งความฝันเหล่านี้อาจเป็นเหยื่อล่อ เทพปีศาจจิตวิญญาณอาจแฝงตัวอยู่ในผู้อมตะคนอื่นๆ ดังนั้นผู้อมตะทั้งหมดจะต้องถูกกำจัด!”


 


“รับทราบ” ด้านหลังราชันมังกร เทพธิดาจื่อเว่ยและผู้อมตะอีกจำนวนหนึ่งตอบรับคำสั่ง


 


ราชันมังกรคิดก่อนกล่าว “เราจะกำจัดสมาชิกนิกายเงาก่อน แต่ผู้ใดที่พยายามออกจากสนามรบจะถูกกำจัดทั้งหมด!”


 


หอคอยดวงตาสวรรค์บินลงมาราวกับภูเขาสูงตระหง่านที่ทรงพลังอำนาจ


 


สนามรบที่วุ่นวายกลายเป็นหยุดนิ่ง


 


หอคอยดวงตาสวรรค์ทรงพลังเกินไป การเคลื่อนไหวของมันจะตัดสินทิศทางของการต่อสู้


 


หัวใจของผู้อมตะฝ่ายธรรมะเต้นแรง


 


วังสวรรค์มาจากภาคกลาง พวกเขาจะเป็นกำลังเสริมให้ฝ่ายใด?


 


ฝ่ายนิกายเงาตกตะลึง


 


เห็นได้ชัดว่าวังสวรรค์และนิกายเงาเป็นศัตรู


 


การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นเคร่งขรึม โดยเฉพาะเมื่อเขามองไปที่หอคอยดวงตาสวรรค์ คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นแม้เขาจะคาดคิดไว้แล้วว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นก็ตาม


 


‘วังสวรรค์ปรากฏตัวอีกครั้ง สถานการณ์เลวร้ายมาก พวกเขาสามารถสร้างหอคอยดวงตาสวรรค์ขึ้นมาใหม่ได้ในเวลาอันสั้น ข้าสงสัยว่าคราวนี้มีผู้อมตะระดับแปดมาที่นี่กี่คน!?’


 


การปรากฏขึ้นของหอคอยดวงตาสวรรค์ส่งผลกระทบอย่างมากต่อแผนการของฟางหยวน


 


แต่โชคดีที่ฟางหยวนอยู่ในค่ายกลวิญญาณ มันสามารถป้องกันการโจมตีจากหอคอยดวงตาสวรรค์


 


ฟางหยวนมีประสบการณ์ในการต่อสู้กับหอคอยดวงตาสวรรค์มาก่อน


 


แม้มันจะใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุด แต่ฟางหยวนคาดเดาว่าค่ายกลวิญญาณนี้ยังสามารถรับการโจมตีได้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง


 


ฟางหยวนตัดสินใจสังเกตสถานการณ์ต่อไป


 


ราชันภูเขาม่วงเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งปัญญา แล้วเขาจะไม่มีแผนสำรองได้อย่างไร?


 


ราชันภูเขาม่วงถ่ายทอดคำสั่ง “จ้าวเย่ฮุ้ย ตามข้อตกลงของเรา ศัตรูของเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้ารอสิ่งใดอยู่ พวกเขามาจากวังสวรรค์!”


 


“วังสวรรค์!?” จ้าวเย่ฮุ้ยคำรามและระเบิดคลื่นเสียงออกไปรอบๆ


 


“บึม!”


 


พลังงานความมืดระเบิดออกมาจากร่างของจ้าวเย่ฮุ้ยและทำให้ร่างกายของมันขยายใหญ่ขึ้นท่ามกลางหมอกสีดำ


 


หลังจากนั้นมันก็พุ่งเข้าไปหาหอคอยดวงตาสวรรค์ราวกับกระสุนปืนใหญ่


 


หอคอยดวงตาสวรรค์ระเบิดพลังออกมา แต่หมอกดำที่ปกคลุมร่างของจ้าวเย่ฮุ้ยช่วยปกป้องและอนุญาตให้มันทะลวงผ่านอุปสรรคทั้งหมด


 


จ้าวเย่ฮุ้ยเคลื่อนที่ราวกับอุกกาบาตและเดินทางผ่านระยะทางหลายร้อยลี้ไปยังหอคอยดวงตาสวรรค์ในเสี้ยวพริบตา


 


“ฮืม! อวดดี!” ราชันมังกรก่นเสียงเย็นและกระตุ้นใช้พลังอำนาจของหอคอยดวงตาสวรรค์ทันที


 


ทันใดนั้นโลกทั้งหมดพลันถูกอาบย้อมไปด้วยแสงสีขาว


 


นี่คือการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของหอคอยดวงตาสวรรค์ พ่ายแพ้ต่อโชคชะตา!


 


มันพึ่งพาพลังอำนาจของวิญญาณชะตากรรมระดับเก้า


 


การโจมตีนี้ไม่สามารถหลบเลี่ยง ตราบเท่าที่ยังไม่บรรลุระดับเก้า ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาก็ต้องพ่ายแพ้ต่อการโจมตีนี้


 


แสงสีขาวระเบิดออกไปทุกทิศทุกทาง


 


ไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายปีศาจ ทุกคนต่างกระอักเลือดออกมาและได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้คนส่วนใหญ่หมดสติ ณ จุดเกิดเหตุ


 


ครึ่งหนึ่งของสนามรบถูกเก็บกวาดทันที


 


มีผู้อมตะบางคนที่ได้รับการปกป้องโดยอาณาจักรแห่งความฝัน พวกเขาไม่ถูกแสงและรอดชีวิตมาอย่างฉิวเฉียด


 


กระทั่งจ้าวเย่ฮุ้ยยังไม่สามารถต่อต้าน มันตกลงบนพื้นและกระอักเลือดออกมา แต่ไม่นานมันก็คลานขึ้นมาและอ้าปากคำรามไปยังหอคอยดวงตาสวรรค์


 


ในหอคอยดวงตาสวรรค์ ผู้อมตะภาคกลางแสดงออกด้วยความตกใจ


 


แม้แต่ราชันมังกรยังประหลาดใจ


 


จ้าวเย่ฮุ้ยไม่ตายเพราะการโจมตีพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา นั่นเป็นเรื่องปกติ มันแข็งแกร่งกว่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั่วไปและมีความสามารถในการฟื้นตัวที่ไม่น่าเชื่อ


 


จ้าวเย่ฮุ้ยเป็นปัญหาของโลกผู้อมตะภาคใต้มาอย่างยาวนาน ผู้อมตะภาคใต้เคยระดมคฤหาสน์วิญญาณอมตะเพื่อฆ่ามันแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขาเพียงได้รับชัยชนะเท่านั้น


 


แต่อาการบาดเจ็บของจ้าวเย่ฮุ้ยก็น้อยกว่าการคาดเดาของราชันมังกรไปมาก


 


จ้าวเย่ฮุ้ยสามารถบ่มเพาะ หลังจากหลายปี มันจึงแข็งแกร่งขึ้น นอกจากนั้นมันยังได้รับความช่วยเหลือจากนิกายเงา ราชันภูเขาม่วงจงใจมอบวิญญาณอมตะให้มันเพื่อสร้างท่าไม้ตายมากมาย


 


เมื่อจ้าวเย่ฮุ้ยยืนขึ้นอีกครั้ง อาการบาดเจ็บของมันก็หายดีแล้ว


 


ความเร็วในการฟื้นตัวของมันน่ากลัวมาก


 


มันพุ่งเข้าไปหาหอคอยดวงตาสวรรค์อย่างไม่เกรงกลัว


 


ดวงตาของราชันมังกรส่องประกายเย็นเยียบ เขาใช้การโจมตีพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาอีกครั้ง


 


จ้าวเย่ฮุ้ยล้มลงบนพื้น แต่ในไม่ช้ามันก็ลุกขึ้น แม้มันจะได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง แต่มันยังเต็มไปด้วยพลังงาน


 


ผู้อมตะภาคกลางตกตะลึงเป็นอย่างมาก


 


“นี่คือความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรแรกกำเนิดในตำนานงั้นหรือ? น่าอัศจรรย์นัก!”


 


“มีเรื่องยุ่งยากเล็กน้อย” เทพธิดาจื่อเว่ยแสดงออกด้วยใบหน้าที่น่ากลัว ความแข็งแกร่งของจ้าวเย่ฮุ้ยเกินกว่าจินตนาการของนาง แม้หอคอยดวงตาสวรรค์จะสามารถปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังเช่นพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา แต่มันก็ไม่สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง


 


ท้ายที่สุดวิญญาณชะตากรรมระดับเก้าก็ยังไม่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บอย่างสมบูรณ์

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)