เทพปีศาจหวนคืน 1338
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1338 ภาพลวงตาทั้งเจ็ด
แปลโดย iPAT
ก่อนที่ไห่ลั่วหลันจะกล่าวจบ ราชันภูเขาม่วงก็ชิงตอบ “ถูกต้อง แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถูกดัดแปลงโดยเทพอมตะสวรรค์พิภพ มันไม่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใดๆและกลายเป็นสวรรค์ของมนุษย์เห็ด ที่นี่พิเศษมากเพราะเทพอมตะสวรรค์พิภพเคยบ่มเพาะอยู่ที่นี่ก่อนจะบรรลุเป็นเทพอมตะ”
“เห้ย…” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เห็ดถอนหายใจ “ตั้งแต่ข้าได้รับมรดกที่แท้จริง ข้ารู้ว่าวันนี้จะมาถึงในวันหนึ่ง ข้าต้องจ่ายค่าตอบแทน แต่หากเจ้าต้องการให้ข้าช่วยทำความชั่ว นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ เพียงฆ่าข้าซะ”
“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า” ราชันภูเขาม่วงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าต้องการให้เจ้าพาพวกเขาไปยังถ้ำแตงที่เทพอมตะสวรรค์พิภพเคยอาศัยอยู่ เจ้าจะไม่ปฏิเสธคำขอนี้ใช่หรือไม่?”
การแสดงออกของผู้อมตะเผ่ามนุษย์เห็ดกลายเป็นยิ่งขมขื่น เขาคิดก่อนจะพยักหน้า “เอาล่ะ ข้าตกลง”
สวรรค์ของมนุษย์เห็ด ถ้ำแตงจักร
ถ้ำแห่งนี้ได้รับการปกป้องโดยผู้อมตะเผ่ามนุษย์เห็ด
ราชันภูเขาม่วงหลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์และตระหนักถึงแผนการของมัน เขาใช้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เห็ดผู้นี้เพื่อส่งไห่ลั่วหลันและไป่หนิงปิงมายังสถานที่มหัศจรรย์แห่งนี้
“นี่คือถ้ำแตงจักรที่เผ่าของข้าปกป้องมาตลอด พวกเจ้าสามารถบ่มเพาะอยู่ที่นี่ได้อย่างลับๆ แต่อย่าทำลายแตงเหล่านั้น” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เห็ดกล่าว
แตกจักร?
ไป่หนิงปิงและไห่ลั่วหลันมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
แตงจักรเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม พวกมันสามารถใช้หลอมรวมวิญญาณได้ทุกชนิด
ดังนั้นมันจึงได้รับความนิยมมาก
และตอนนี้ทั้งสองกำลังอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยแตงจักร
ราชันภูเขาม่วงอธิบาย “ไม่จำเป็นต้องคาดเดา นี่คือแหล่งผลิตแตงจักรที่ใหญ่ที่สุดของสวรรค์สีเหลือง พวกมันครองส่วนแบ่งตลาดเกือบหกสิบส่วนของทั้งหมด”
“แน่นอนว่าข้าไม่ได้พาพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อแตงจักร สิ่งสำคัญคือค่ายกลวิญญาณของที่นี่”
“มันเป็นค่ายกลวิญญาณที่ใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎเป็นแกนกลางและยังมีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดเป็นส่วนสนับสนุน เมื่อพวกเจ้าฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะที่นี่ พวกเจ้าจะเชี่ยวชาญมันมากขึ้นในเวลาอันสั้น”
“นอกจากนั้นมันยังช่วยเร่งการสร้างพลังงานอมตะให้กับพวกเจ้าอีกด้วย”
ไห่ลั่วหลันและไป่หนิงปิงมีความสุขมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้
นี่เป็นสวรรค์แห่งการบ่มเพาะที่เหมาะสมกับพวกนางมากที่สุดในเวลานี้
ไห่ลั่วหลันบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งไฟ นางมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งไม่มากแต่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟมากมายรวมถึงมรดกที่ป้าของนางทิ้งไว้ให้
ไป่หนิงปิงพึ่งได้รับมรดกที่แท้จริงของไป่เซียง นางไม่อ่อนแอเช่นกัน นางมีวิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะจำนวนมาก
แต่สิ่งที่จำกัดความสามารถของพวกนางเอาไว้คือเวลา พวกนางต้องการเวลาในการฝึกฝน
ราชันภูเขาม่วงต้องการเพิ่มพลังการต่อสู้ของกลุ่ม ดังนั้นเขาจึงนำคนทั้งสองมาที่นี่เพื่อฝึกฝน
ถ้ำแตงจักรมีขนาดใหญ่โตมาก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เห็ดจัดเตรียมพื้นที่ส่วนตัวให้กับไป่หนิงปิงและไห่ลั่วหลัน
วันเวลาผ่านไป
ฟางหยวนยังอยู่ในค่ายกลวิญญาณและสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันอย่างไม่หยุดยั้ง
ภายนอกทุกคนคิดว่าเขากำลังบ่มเพาะอยู่อย่างสันโดษ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขากำลังสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันและได้รับผลประโยชน์มหาศาล
จื่อซานเป็นตัวอย่างที่ดี
เขาเป็นศิษย์เอกของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อและค้นคว้าเกี่ยวกับเส้นทางแห่งค่ายกลมานานกว่าร้อยปีก่อนจะสามารถบรรลุระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล ความสามารถและความสำเร็จของเขาถือว่าหาได้ยากท่ามกลางผู้อมตะทั้งหมด
ในขณะเดียวกันฟางหยวนใช้เวลาเพียงหนึ่งหรือสองเดือนเพื่อคลี่คลายอาณาจักรแห่งความฝันและกลายเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล
อาณาจักรแห่งความฝันช่วยประหยัดเวลาให้กับผู้อมตะในการสะสมรากฐาน
อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟางหยวนไม่ได้เป็นเพียงปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลแต่ยังเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งความมืดอีกด้วย
ด้วยระดับความสำเร็จดังกล่าว ฟางหยวนเกิดแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดทันที
‘ตอนนี้ข้าสามารถใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดเป็นแกนกลางเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะที่สามารถป้องกันการอนุมานจากผู้อื่น’
‘ข้ายังสามารถใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดเป็นแกนกลางเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะที่สามารถปลดปล่อยการโจมตีที่คล้ายกับวิญญาณอมตะศรทมิฬได้อีกด้วย’
‘ยังมีอีกแนวคิดหนึ่ง ข้าสามารถใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดในท่าไม้ตายอมตะอื่นเพื่อปกปิดกลิ่นอายของท่าไม้ตายเหล่านั้น หลังจากใช้มัน ข้าจะสามารถโจมตีศัตรูโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว’
ในความเป็นจริงฟางหยวนต้องการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งข้อมูลและเส้นทางอาหารมากที่สุด
เส้นทางอาหารจะช่วยเรื่องการให้อาหารวิญญาณอมตะและลดค่าใช้จ่าย
เส้นทางแห่งข้อมูลยิ่งสำคัญกว่า
ตอนนี้ฟางหยวนมีข้อตกลงพันธมิตรมากเกินไป
นี่ทำให้เขาสูญเสียอิสระ เมื่อเขากระทำการต่างๆ เขาต้องคำนึงถึงข้ดตกลงเหล่านั้น
หากระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งข้อมูลของฟางหยวนเพิ่มสูงขึ้น เขาจะสามารถถอดรหัสกับดักบนเส้นทางแห่งข้อมูลและอีกมากมาย เขาจะสามารถร่วมมือกับนิกายเงาได้อย่างสบายใจ
แต่สิ่งต่างๆมักไม่เป็นไปตามความปรารถนาของผู้คน
สถานที่ที่ฟางหยวนเฝ้ามองอยู่เหมือนหน้าต่าง หลังจากอาณาจักรแห่งความฝันของจ้าวเย่ฮุ้ยหายไป อาณาจักรแห่งความฝันใหม่ที่ไร้สาระก็เข้าปกคลุมพื้นที่แห่งนี้เอาไว้
ฟางหยวนไม่ต้องการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันประเภทนี้แม้เขาจะสามารถคลี่คลายความฝันก็ตาม
เขาทำได้เพียงอดทนรอ
อาณาจักรแห่งความฝันจะเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราว
แต่เนื่องจากเขาพบอาณาจักรแห่งความฝันที่ไร้สาระติดต่อกัน ฟางหยวนจึงทำได้เพียงหันไปให้ความสนใจกับเรื่องอื่น
การพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นเป้าหมายหลัก หลังจากนั้นคืการสร้างท่าไม้ตายอมตะที่มีประโยชน์บนเส้นทางแห่งความมืด
หลังจากวังสวรรค์สูญเสียผู้อมตะระดับแปดไปสามคน ความแข็งแกร่งของพวกเขาลดลงอย่างมาก
ห้าภูมิภาคอยู่ในสถานการณ์ที่เงียบสงบ
แต่ปัญหาของตระกูลวูยังไม่จบ แม้วูหยงจะสามารถจัดการทุกสถานการณ์ แต่กองกำลังอื่นๆก็ยังสร้างปัญหาให้เขาอย่างต่อเนื่อง
ไม่นานมานี้เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้น
สาเหตุคือเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟที่ถูกผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ค้นพบโดยบังเอิญ
เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ตระกูลเหยาและตรกูลวูไม่สามารถนิ่งเฉย
เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะนี้เป็นมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะที่น่าทึ่งผู้หนึ่ง
หนึ่งพันปีก่อน ตระกูลวูและตระกูลเหยาเป็นศัตรูกัน หลังจากต่อสู้เพื่อแย่งชิงมรดกบนเส้นทางแห่งไฟนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับความสูญเสียและไม่มีฝ่ายใดได้รับมัน
มรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งไฟถูกทำลาย แต่เมื่อเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟปรากฏขึ้น พวกเขาจึงเริ่มมีความหวังอีกครั้ง
โดยเฉพาะตระกูลวูและตระกูลเหยา พวกเขาต่างต้องการเคล็ดลับการหลอมรวมนี้ แม้พวกเขาจะไม่ได้รับมัน พวกเขาก็ไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายได้รับ
ดังนั้นวูหยงจึงส่งวูอี้เหรินออกไปและยอมแพ้ต่อแหล่งทรัพยากรบ่อเลือด
วูอี้เหรินเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขามีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่น เขาปฏิบัติภารกิจอย่างรวดเร็วและพบว่าไม่มีมรดกที่แท้จริง มันเป็นเพียงเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางแห่งไฟเท่านั้น
ตระกูลเหยาไม่ยอมแพ้ พวกเขาส่งเหยาเกิ้งออกมาเช่นกัน
วูอี้เหรินและเหยาเกิ้งต่อสู้กันสี่รอบ ผลลัพธ์คือชนะสองแพ้สอง แต่ในการต่อสู้ครั้งที่ห้า ราชันภูเขาม่วงลอบมายังสถานที่แห่งนี้
บนภูเขาไร้นาม เขาได้พบกับผู้อมตะลึกลับ
ร่างของผู้อมตะลึกลับถูกปกคลุมด้วยแสงสีรุ้ง “ท่านเรียกข้ามาที่นี่งั้นหรือ?”
ราชันภูเขาม่วงพยักหน้า “ถูกต้อง ไม่ว่าเจ้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงภาพลวงตาทั้งเจ็ดมาได้อย่างไร เจ้าก็ได้ทำข้อตกลงพันธมิตรแล้ว เจ้าต้องทำเจ็ดสิ่งเพื่อข้า”
“ตกลง บอกมา” ผู้อมตะลึกลับตอบอย่างตรงไปตรงมา
ริมฝีปากของราชันภูเขาม่วงม้วนตัวขึ้น “ก่อนอื่น ฆ่าวูอี้เหริน”
ผู้อมตะลึกลับตะลึง “ท่านแน่ใจงั้นหรือ?”
ราชันภูเขาม่วงยิ้ม “สอง สังหารเหยาเกิ้ง”
ผู้อมตะลึกลับถามอย่างระมัดระวัง “ท่านกำลังจะทำสิ่งใด?”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนั้น เพียงฆ่าคนทั้งสอง” ราชันภูเขาม่วงหัวเราะคิกคัก
ผู้อมตะลึกลับก่นเสียงเย็นก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปในพริบตา
รอยยิ้มของราชันภูเขาม่วงค่อยๆจางหายไป เขามองไปยังภูเขาที่อยู่ห่างออกไปด้วยสายตาลึกลับ
“เหลือเวลาอีกไม่มาก ข้าต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว” เขาพึมพำ
ไม่กี่วันต่อมา ข่าวที่น่าตกใจก็แพร่กระจายออกไป
วูอี้เหรินและเหยาเกิ้งหายตัวไป ไม่มีผู้ใดทราบผลการต่อสู้
ตระกูลวูและตระกูลเหยาสั่นคลอนเพราะป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของคนทั้งสองบอกว่าพวกเขาตายแล้ว
ผู้ใดกระทำการโหดเหี้ยมเช่นนี้?
วูหยงโกรธมาก แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะส่งผู้อมตะออกไปตรวจสอบเรื่องนี้ บ่อเลือดกลับปะทุขึ้นและสร้างความเสียหายครั้งใหญ่
วูหยงเร่งส่งผู้อมตะออกไปหยุดสถานการณ์ แต่พวกเขาพบร่องรอยของท่าไม้ตายอมตะในที่เกิดเหตุ
ค่ายกลวิญญาณพังทลายลงด้วยท่าไม้ตายเฉพาะตัวของเหยาเกิ้ง
สถานการณ์กลายเป็นซับซ้อน
“ไม่ใช่ว่าเหยาเกิ้งตายไปแล้วงั้นหรือ?”
“นี่เป็นแผนการของตระกูลเหยาหรือไม่?”
“นอกจากตระกูลเหยา ยังมีตระกูลใดที่จะทำสิ่งนี้?”
วูหยงรู้สึกถึงความผิดปกติ เขาสัมผัสได้ถึงพายุใหญ่ที่กำลังก่อตัวขึ้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น