ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1334-1341
ตอนที่ 1334 ทางตำรวจทำคดี
เฮ่อเหลียนเช่อยิ้มจนปากแทบฉีก ความรู้สึกหึงหวงเมื่อกี้ก็มลายหายไป ในใจเหลือเพียงความกระหยิ่มใจและพึงพอใจ คนที่เหมยซูหานสนใจคือเขา จ้าวเหมยเป็นใครกัน!
ไม่สิ ยังมีความสำคัญอยู่บ้างที่อย่างน้อยก็เป็นเจ้าหนี้ของเหมยซูหานนี่นา!
ชีวิตสองชีวิตแค่นี้เรื่องขี้ปะติ๋ว หากไม่ได้จริง ๆไว้วันหลังเขาจะสั่งคนไปฆ่าจ้าวเหมยแล้วค่อยให้เหมยซูหานไปช่วยชีวิต สองครั้งก็ถือว่าใช้คืนหมดแล้ว
“อาเช่อ…” เหมยซูหานพูดเร่งเร้า หากไม่รีบไปจัดการคนที่มามุงก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
“จะรีบจัดการเดี๋ยวนี้ ไว้ใจได้ แค่เรื่องเล็กน้อย!”
เฮ่อเหลียนเช่อดึงสติกลับมาพลางหันมองอู่เยวี่ยที่นอนอยู่บนพื้นแล้วหยิบสมุดเล่มเล็กจากกระเป๋าแสร้งทำเป็นพูดเสียงดัง “ถอยไปถอยไป…อย่ามาขัดขวางการทำคดีของทางตำรวจ ถอยออกไปไกล ๆ ถ้าทำลายสถานที่เกิดเหตุ พวกคุณมีโทษฐานขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่นะ”
เจ้าหมอนี่แม้มีหน้าตาที่นับว่าหล่อเหลาเอาการแต่ความที่ฆ่าคนมาหลายปีต่อให้เขาไม่อยากฆ่าใครก็จะแผ่ความอาฆาตออกมาจากตัวเป็นธรรมชาติ ทำเอาทุกคนถอยกรูดด้วยความตกใจ
เฮ่อเหลียนเช่อขยิบตาให้เหมยซูหานอย่างได้ใจ มีคุณชายเช่ออย่างเขาออกโรงทีไร เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่มีอะไรน่าห่วง!
เขาก้มตัวนั่งยองลงไปแล้วรีบลุกขึ้นอย่างไว หยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่ลักษณะคล้ายก้อนอิฐออกมา คุยเสียงไม่ดังใช้เวลาเพียงครู่เดียวเฮ่อเหลียนเช่อก็วางสาย หันกลับมามองเหมยซูหานแวบหนึ่งพลางทำท่าสัญลักษณ์มือที่ให้เขาวางใจได้
ไม่นานลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อก็มาถึง ไม่รู้ว่าพวกเขาไปหาชุดตำรวจจากไหนมาแถมยังขับรถตำรวจมาอีกคัน ผู้ป่วยที่ยืนมุงอยู่รอบด้านจะไม่เชื่อได้อย่างไรเล่า
เพียงแต่พวกเขารู้สึกว่าสิทธิประโยชน์ของตำรวจเองก็ดีไม่น้อย ออกมาทำคดีหน่อยยังต้องพกโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของชิ้นนี้ได้ยินมาว่าราคาตั้งหมื่นหยวนแหนะ!
ลูกน้องเฮ่อเหลียนเช่อทำอะไรคล่องแคล่วฉับไว ไม่นานก็เก็บศพของอู่เยวี่ยเข้าถุงเก็บศพก่อนจะยกขึ้นรถ ทันใดนั้นเองลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นก็วิ่งลงมา เขาได้รับคำสั่งให้มาดูอาการของอู่เยวี่ยเพราะเหยียนหมิงซุ่นยังอยู่ระหว่างทางกลับมา
ลูกน้องเหยียนหมิงซุ่นเห็นเฮ่อเหลียนเช่อเก็บศพอู่เยวี่ยไปก็ตาค้าง แต่นึกถึงคำสั่งของลูกพี่ก็จำต้องแข็งใจเดินไปร้องขอดูศพของอู่เยวี่ย
“คนตายมีอะไรน่าดู? ไปไปไป…อย่ามาขัดขวางเจ้าหน้าที่ทำงาน” เฮ่อเหลียนเช่อไม่สบอารมณ์อย่างมากเลยดึงหน้าขึงขังทันที ลูกน้องเหยียนหมิงซุ่นตกใจจนขาสั่นพรึ่บแต่ก็ขืนใจยืนอยู่ตรงนั้น
“ถ้าคุณชายเช่อไม่ยอมงั้นก็ต้องขอให้คุณชายเช่อรอก่อนสักครู่ รอคุณชายหมิงมาแล้วค่อยคุยกับคุณชายเช่ออีกที”
ดีที่ลูกน้องคนนี้เป็นคนพูดเก่งเสมอมา แม้จะเกรงกลัวเฮ่อเหลียนเช่อแต่ก็ยังใช้เหตุผลเข้าสู้ทั้งยังผิวปากเรียกคนอื่นๆ ที่อยู่ชั้นบนลงมา รวมถึงคนที่เฝ้าเหยียนซินหย่าเองก็มีถึงเจ็ดแปดคนแล้ว ยืนขวางหน้าพวกเฮ่อเหลียนเช่อไว้
ถึงเฮ่อเหลียนเช่อจะอยากบีบคอพวกไม่เจียมตัวพวกนี้ให้ตายให้รู้แล้วรู้รอดแต่เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เวลา เขาทำตาวาววับพลางส่งสัญญาณให้ลูกน้องแวบหนึ่ง ลูกน้องเข้าใจความหมายเลยเปิดถุงเก็บศพเผยให้เห็นอู่เยวี่ยที่อาบด้วยเลือด
ลูกน้องเหยียนหมิงซุ่นสอดนิ้วไปตรงใต้จมูกอู่เยวี่ย ไม่มีลมหายใจแสดงว่าตายแล้วจริงๆ เลยไม่กล้าให้เฮ่อเหลียนเช่ออยู่ต่อ กลัวว่าจะทำเจ้าโรคจิตนี่โกรธเข้าจริง ๆ พวกเขาต้องไม่ได้ตายดี
อีกอย่างคุณชายหมิงแค่สั่งให้พวกเขาพิสูจน์ว่าอู่เยวี่ยตายจริงหรือไม่ อย่างอื่นเขาไม่ได้สั่งไว้ ลูกน้องแต่ละคนส่งสายตากันแวบหนึ่งเลยปล่อยให้พวกเฮ่อเหลียนเช่อกลับไปโดยไม่รั้งไว้อีก
ทางเหยียนหมิงซุ่นเองไม่รู้ทำไม ระหว่างทางกลับเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยเลยทำให้รถติดจนต้องเสียเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงถึงจะเดินทางสัญจรได้ ตอนที่เหยียนหมิงซุ่นตีลีตาเหลือกรีบมาโรงพยาบาลเฮ่อเหลียนเช่อก็พาตัวอู่เยวี่ยกลับไปแล้ว
……………………………………………..
ตอนที่ 1335 ตายแล้วจริงๆ
ในที่สุดเหมยซูหานก็ไม่ได้ไปเยี่ยมเหมยเหมย เขารู้จากเฮ่อเหลียนเช่อว่าคนที่ร่วงตกลงมาคืออู่เยวี่ยจึงเข้าใจทันที เหมยเหมยต้องเคยฝันเหมือนกันแน่ ๆ
ฉะนั้นเมื่อห้าปีก่อนเหมยเหมยถึงได้มีนิสัยเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เจาะจงเล่นงานอู่เยวี่ยมาตลอด…
ทุกอย่างเป็นเพราะฝันนั่น!
ต่อให้เป็นแค่ฝันแต่ฝันนั่นกลับเสมือนจริง เหมยเหมยไม่เกลียดสิแปลก!
เหมยเหมยน่าจะเกลียดเขาเหมือนกันสินะ ฉะนั้นเขาอย่าไปรบกวนเหมยเหมยเลยดีกว่าจะได้ไม่เป็นการหาเรื่องให้ตัวเอง คอยปกป้องเหมยเหมยอยู่ห่าง ๆจะดีกว่า!
สำหรับการตายของอู่เยวี่ยไม่ได้มีผลต่อใจของเหมยซูหานเลย ต่อให้เหมยเหมยไม่ลงมือเขาก็จะลงมือจัดการอู่เยวี่ยอยู่ดี ตายไปเสียได้ก็ดี
เหยียนหมิงซุ่นรู้เรื่องที่เฮ่อเหลียนเช่อเอาศพอู่เยวี่ยไปจากลูกน้องจึงนึกแปลกใจ ช่วงนี้สิ่งที่เฮ่อเหลียนเช่อทำมันเรียกให้คนเดาทางไม่ถูกจริง ๆ ตอนแรกช่วยตามหา จากนั้นยังช่วยชีวิตเขาไว้หนหนึ่ง ตอนนี้วิ่งแจ้นมาเก็บศพอู่เยวี่ยไปอีก ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่!
“แน่ใจนะว่าอู่เยวี่ยตายแล้ว?” เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าเคร่งขรึม
“ตายแล้ว พวกผมตรวจสอบกันดีแล้ว” ลูกน้องรู้สึกไม่สบายใจ กลัวว่าเหยียนหมิงซุ่นจะไม่พอใจเอา
เหยียนหมิงซุ่นไม่พอใจจริง ๆ แต่เขาไม่พอใจตัวเองต่างหากไม่ใช่ลูกน้องพวกนี้
เขาคิดว่าวิธีการจัดการรับมือต่าง ๆยังเป็นรองพ่อบุญธรรมอย่างเฮ่อเหลียนชิงอยู่มากโข
เลยทำให้พวกลูกน้องของเขาเทียบกับคนที่ผ่านการอบรมจากเฮ่อเหลียนชิงไม่ติด ไม่ว่าจะเรื่องความสามารถในการปฏิบัติภารกิจหรือไหวพริบแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ใช่ว่าห่างชั้นแค่นิดเดียวแต่ถึงขั้นสู้คนของเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้ด้วยซ้ำ
สิ่งนี้ยิ่งทำให้เหยียนหมิงซุ่นนึกขุ่นใจมากกว่าเดิม แต่เป็นการกระตุ้นความต้องการเอาชนะของเขาขึ้นมา
เฮ่อเหลียนเช่อติดตามเฮ่อเหลียนชิงมาตั้งแต่เด็กซึ่งนานกว่าระยะเวลาสามปีของเขามาก ซึ่งเป็นธรรมดาที่เขาจะเป็นรองเฮ่อเหลียนเช่อ รออีกไม่กี่ปีเขาจะต้องเอาชนะเฮ่อเหลียนเช่อได้แน่นอน!
เขามั่นใจ!
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ถามต่อ แม้คนพวกนี้จะมีความสามารถด้อยไปบ้างแต่ยังพอมีทักษะตรวจสอบดูว่าคนคนหนึ่งตายไปแล้วหรือไม่ ไม่มีทางดูผิด แต่ปกติเหยียนหมิงซุ่นถือว่าความจริงคือสิ่งที่เห็นแต่ไม่ใช่สิ่งที่ได้ยิน ดังนั้นเขาตัดสินใจไปดูเองกับตาสักครั้ง
ตอนที่เหยียนหมิงซุ่นหาตัวเฮ่อเหลียนเช่อเจอ เจ้าหมอนี่ก็กำลังเตรียมเผาศพอู่เยวี่ยเสียแล้ว ดีที่เขาไปทันเวลาเลยยังเหลือสภาพศพครบส่วนของอู่เยวี่ยไว้อยู่
ใบหน้าของอู่เยวี่ยไม่น่าดูนักเพราะโดนกรีดเหมือนผี แต่เหยียนหมิงซุ่นจำได้ตั้งแต่แวบแรก เขาจึงยื่นมือไปทดสอบดูก่อนจะวางใจ
“ทำไมกัน? คุณชายหมิงคงไม่ได้มีรักแท้กับอู่เยวี่ยหรอกนะ? ตายแล้วยังไม่ยอมปล่อยอีก?”
เฮ่อเหลียนเช่อมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างเย้ยหยันพร้อมสายตานึกสนุก
เหยียนหมิงซุ่นตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “ช่วงนี้เฮ่อเหลียนเช่อนายมักช่วยฉันช่วยหาคนช่วยออกแรงให้อยู่เรื่อย ต้องขอบคุณจริง ๆ!”
เฮ่อเหลียนเช่อแค่นเสียงเย็นชาทีหนึ่ง รู้สึกอัดอั้นจะแย่แต่ภายนอกกลับต้องทำทีไม่สนใจ
“คนของฉันต้องทำงานเก่งกว่าคนของนายร้อยเท่าอยู่แล้ว ให้คนของนายหัดเรียนรู้ไว้บ้างนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย คร้านจะต่อปากต่อคำกับเจ้าหมอนี่ แต่เฮ่อเหลียนเช่อเองก็พูดไม่ผิดที่คนของเขาสู้ไม่ได้จริง ๆ
ไม่นานอู่เยวี่ยก็ถูกส่งเข้าไปในเตาเผา ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็มีกลิ่นเหม็นชวนอ้วกคลุ้งไปทั่วอากาศ สักพักอู่เยวี่ยก็เหลือแค่ผงขี้เถ้า
“เหมยเหมย อู่เยวี่ยตายแล้ว ถูกเผาเหลือแค่ขี้เถ้าแล้ว!”
เหยียนหมิงซุ่นกลับไปที่โรงพยาบาลขณะที่เหมยเหมยยังหลับใหลอยู่ เขากระซิบพูดข้างหูเสียงเบาก่อนที่เหมยเหมยจะฉีกยิ้มที่มุมปากสูงเผยรอยยิ้มหวานกว่าเดิม นอนฝันที่งดงามหาที่เทียบไม่ได้
เรื่องที่อู่เยวี่ยตกตึกไม่ได้เป็นเรื่องฮือฮาในโรงพยาบาลเพราะเหยียนหมิงซุ่นได้สั่งคนไปกระจายข่าวลือข้างนอกว่าอู่เยวี่ยเป็นโรคประสาท คิดสั้นกระโดดตึกตายเอง
ดังนั้นไม่นานก็ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก จนค่อยๆ เงียบหายไป
……………………………………………….
ตอนที่ 1336 กลายเป็นเถ้ากระดูก
อู่เจิ้งซือไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้เลยสักนิด เขายังตกอยู่ในห้วงฝันที่มีแต่คนคอยยกย่องเชิดชูเขาหลังจากเขากลายเป็นพ่อตาของเฮ่อเหลียนเช่อ แต่เขาก็นึกแปลกใจเหมือนกันที่อู่เยวี่ยไม่ได้กลับบ้านติดต่อกันหลายวันแล้ว
แต่อู่เจิ้งซือลองขบคิดดูก็พลันดีใจขึ้นมา ยุคสมัยนี้ไม่เหมือนยุคสมัยเดียวกันกับเขาตอนหนุ่ม ๆ คู่รักชายหญิงหลับนอนด้วยกันอยู่มากโข ทุกคนไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องประหลาด อีกอย่างอู่เยวี่ยก็ไม่ใช่หญิงพรหมจรรย์อะไร ไม่กลับบ้านเป็นเรื่องปกติมากและเป็นการดีที่สุด
หลับนอนให้ท้องป่องเลยสิยิ่งดี!
อู่เจิ้งซือได้วางแผนเอาไว้แล้วว่าทันทีที่อู่เยวี่ยแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อเขาจะลาออกจากบริษัทของเหมยซูหานแล้วแยกออกมาเปิดบริษัทบันเทิงของตัวเอง หลายปีมานี้ที่เขาอยู่บริษัทหัวหยู่ได้เรียนรู้เรื่องบริษัทบันเทิงเป็นอย่างดี เขาไม่ขาดแคลนเงินทุน เหตุผลที่ไม่ลงมือสักทีเพราะกลัวจะไม่มีคนหนุนหลังเท่านั้น
ในยุคสมัยนี้การหาเงินนิดหาเงินหน่อยเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าอยากขยายกิจการใหญ่โตมีเพียงเงินคงไม่พอ
สิ่งสำคัญที่สุดคือคนรู้จักกับคนคอยหนุนหลัง!
เขาไม่ขาดแคลนคนรู้จักเพราะการเป็นผู้จัดการใหญ่มาหลายปีก็ใช่ว่าสูญเปล่า เขาเสียเปรียบตรงที่ไม่มีใครคอยหนุนหลังเขาเท่านั้น
ตอนนี้เขากลับไม่กลัวอะไรแล้ว มีแหล่งบ่อเงินบ่อทองเฮ่อเหลียนเช่ออยู่เขาต้องผลักดันบริษัทบันเทิงของตัวเองให้แข็งแกร่งที่สุดในประเทศได้อย่างแน่นอน เหมยซูหานยังไงก็ไล่ตามเขาไม่ทัน
เหอะ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นถึงคุณครูแล้วจะทำงานให้นักเรียนไปตลอดชีวิตได้อย่างไร?
อู่เจิ้งซือที่วาดฝันดิบดีช่วงนี้เวลาทำงานก็ไม่ค่อยมีกะจิตกะใจเสียเท่าไร จดจ่อกับการทำงานได้ไม่นานเท่าไรก็พัก ตอนนี้เขารอเพียงอู่เยวี่ยแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อ จากนั้นเขาจะได้โบยบินเป็นอิสระจากบริษัทหัวหยู่สักที
ชีวิตที่ดีจวนจะมาถึง เขาคงโง่หากทำงานให้เหมยซูหานต่อ!
อู่เยวี่ยโดนเผากลายเป็นเถ้าธุลีและใส่ในโถราคาถูกที่ลูกน้องเฮ่อเหลียนเช่อซื้อมา แต่ไม่ใช่เพราะเฮ่อเหลียนเช่อขี้เหนียว เขาค่อนข้างใจป้ำกับสิ่งของนอกกายพวกนี้แต่กลับไม่เคยใส่ใจ เม็ดเงินที่หลุดจากง่ามนิ้วไปเพียงพอให้ชาวบ้านปกติใช้ชีวิตสุขสบายแล้ว
และเพราะเฮ่อเหลียนเช่อไม่ใส่ใจกับเรื่องแบบนี้ฉะนั้นลูกน้องของเขาเลยซื้อโถราคาถูกที่สุด เวลากลับมาแจ้งทางบัญชีต้องแจ้งราคาที่แพงที่สุดอยู่แล้ว
ในเมื่อคุณชายเช่อก็ไม่มีทางถามเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ ไม่หากินกับเงินแบบนี้สิถึงเรียกว่าโง่
เหมยซูหานเห็นโถเก็บเถ้ากระดูกของอู่เยวี่ยก็ลอบถอนหายใจเงียบ ๆ แม้จะเกลียดผู้หญิงคนนี้แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เติบโตมาด้วยกัน เดิมทีเขาควรดื่มด่ำกับช่วงวัยรุ่นที่ดีที่สุด แต่ณ ตอนนี้กลับต้องแยกจากกันอยู่สองโลก กลายเป็นเศษขี้เถ้าหนึ่งกำมือ
เขาไม่ได้ดีใจเลย!
เพียงรู้สึกเสียดายกับเสียใจ!
เดิมทีอู่เยวี่ยไม่ควรมีจุดจบแบบนี้นี่นา!
ทุกอย่างเป็นกรรมที่เธอก่อเอง จะโทษคนอื่นไม่ได้!
“ทำไม? ทำใจไม่ได้หรือไง?” เฮ่อเหลียนเช่อเห็นท่าทางอาลัยอาวรณ์ของเหมยซูหานก็เกิดอาการหึงทันที
เขาไม่ชอบเห็นท่าทางมีเยื่อใยของเหมยซูหานแบบนี้ที่สุด ดูมีเยื่อใยกับทุกคนรอบตัว ไม่เด็ดขาดเลยสักนิด!
“นายพูดอะไรของนายเนี่ย? ฉันก็แค่เห็นเถ้ากระดูกอู่เยวี่ยแล้วใจเสียเท่านั้นแหละ นายว่าชีวิตคนเราจะแก่งแย่งชิงดีไปทำไมกัน? แย่งไปแย่งมาสุดท้ายก็กลายเป็นแค่ขี้เถ้าหนึ่งกำมือ”
เหมยซูหานกลอกตาใส่เฮ่อเหลียนเช่อทีหนึ่ง นับตั้งแต่ได้เปิดใจคุยกันในวันนั้นเขาผ่อนคลายขึ้นมากยามอยู่ต่อหน้าเฮ่อเหลียนเช่อ ระหว่างทั้งคู่เริ่มมีความรู้สึกเหมือนคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมานาน
เฮ่อเหลียนเช่อนัยน์ตาเป็นประกายพลางแย่งโถมาจากมือเหมยซูหาน “มีอะไรให้ใจเสีย ลุงฉันบอกว่าเดิมทีโลกนี้เป็นโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เนื้อมีแค่นี้ถ้าไม่แย่งกินก็จะหิวตาย และสุดท้ายก็กลายเป็นเนื้อในปากของคนอื่น”
…………………………………………………
ตอนที่ 1337 ปล่อยวางทุกอย่างดีไหม
เหมยซูหานมุ่นคิ้วเล็กน้อย ความจริงเขาไม่ชอบหนิงเฉินเซวียนมาก แม้เขาจะเพิ่งเคยเจอคนคนนี้เพียงครั้งเดียว แต่ความรู้สึกที่หนิงเฉินเซวียนมีให้เขากลับแย่มากเหมือนผุดมาจากบ่วงที่มืดมน เจ้าตัวดูเย็นยะเยือก
ไม่เหมือนเฮ่อเหลียนเช่อที่ถึงแม้เขาจะมีความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน แต่เหมยซูหานรู้ว่านิสัยที่แท้จริงของเฮ่อเหลียนเช่อไม่ใช่แบบนี้
เฮ่อเหลียนเช่อฉลาดมากและมากความสามารถ เขาเคยเห็นสมุดบันทึกในวัยเด็กของเฮ่อเหลียนเช่อรวมถึงสมุดวาดรูปเต็มไปด้วยความสดใสมีชีวิตชีวา เฮ่อเหลียนเช่อถึงขั้นเคยเขียนบรรยายแบบนี้ไว้ในสมุดบันทึก
‘แม่น้ำสายเล็กรู้สึกคัน…นกน้อยช่วยเกาให้มัน…แม่น้ำสายเล็กยิ้มหน้าบานเหมือนดอกไม้…’
ประโยคที่งดงามขนาดนี้ อีกทั้งยังมีหัวใจความเป็นเด็กน้อยอย่างล้นเหลือ!
แต่ตอนนี้เฮ่อเหลียนเช่อกลับพูดเป็นแค่ว่า ‘แม่งเอ้ย แม่น้ำสายนี้ขัดหูขัดตาจริง เผามันทิ้ง!’
เหมยซูหานคิดว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเฮ่อเหลียนเช่อ เดิมเขาเป็นเด็กน้อยใจดีโรแมนติกและกระตือรือร้นแต่กลับถูกหนิงเฉินเซวียนอบรมสั่งสอนให้กลายเป็นคนนิสัย…ป่าเถื่อน คลุ้มคลั่ง สุดโต่ง
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหนิงเฉินเซวียนถึงทำแบบนี้?
ทั้งที่เฮ่อเหลียนเช่อเป็นลูกชายแท้ ๆของเขานะ!
คนเป็นพ่อที่ไหนไม่อยากให้ลูกตัวเองเติบโตอย่างมีความสุขและมีจิตใจที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นดั่งแสงอาทิตย์บ้าง!
แน่นอนว่าไม่เสมอไป เหมยซูหานฉุกคิดถึงพ่อตัวเองในทันที นับตั้งแต่เขารู้ความจนถึงตอนนี้พ่อคนนี้ไม่เคยทำเรื่องดี ๆเลยสักอย่าง มีแต่ทำร้ายคุณแม่มาทั้งชีวิตและทำให้เขาต้องโดนคนหัวเราะเยาะตั้งแต่เด็ก
เฮ่อเหลียนรู้ว่าเหมยซูหานรังเกียจและแค้นเคืองพ่อของเขา วิธีของเขาง่ายดายดิบเถื่อนโดยถามไปตรง ๆว่าจะให้หาคนจัดการมันไหมแต่เหมยซูหานก็ปฏิเสธ
ในเมื่อนั่นเป็นพ่อแท้ ๆของเขา เอาให้ตายก็เกินไปแค่ให้เงินนิดๆ หน่อยๆ เลี้ยงอยู่ทุกเดือนก็พอ
อีกอย่างเขาไม่อยากให้เฮ่อเหลียนเช่อมือเปื้อนเลือดเพิ่มอีกหนึ่งชีวิต!
“อาเช่อ เราไปผจญโลกกันเถอะ? ไปทั่วโลกเลยดีมั้ย?” เหมยซูหานไม่ได้สนใจเรื่องนี้เพียงอารมณ์ชั่ววูบ เขามีความคิดแบบนี้มาโดยตลอด
ในฝันเขาจำได้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อพาเขาไปมาหลายที่ ไปทั้งชนเผ่ากินคนในป่าอเมซอน พวกเขาเล่นกันอย่างสนุกสนาน
แต่เพิ่งเที่ยวได้ครึ่งโลกเฮ่อเหลียนเช่อได้รับข้อความจากเมืองหลวงจึงต้องรีบกลับมา
ก่อนไปเฮ่อเหลียนเช่อคล้ายสังหรณ์ใจบางอย่างเลยโอนทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้เขา หนำซ้ำยังส่งคนมาปกป้องเขาโดยให้เขาอพยพไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์
ก่อนไปเฮ่อเหลียนเช่อบอกให้เขารอที่สวิตเซอร์แลนด์ แต่เขารออยู่ครึ่งปีเฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่กลับมาสักที
ในที่สุดเขาก็ทนต่อไปไม่ไหวเลยแอบหนีกลับมา กลับได้ยินข่าวที่ทำให้เขาใจแตกสลาย–
เฮ่อเหลียนเช่อตายแล้ว!
ยิ่งกว่านั้นยังตายไม่เจอศพอีก!
สาเหตุหลักเขาตามสืบไม่พบรู้เพียงว่าเป็นความลับระดับชาติ เขาทุ่มเงินมหาศาลก็รู้เพียงว่าเพราะเกิดเรื่องกับคุณอาของเฮ่อเหลียนเช่อ เฮ่อเหลียนเช่ออยากกลับไปช่วยคุณลุงแต่โดนกับดักเข้าเสียเอง
เหมยซูหานมองเฮ่อเหลียนเช่ออย่างวิงวอน “ดีไหม? ยังไงเงินของเราก็พอใช้หลายสิบชาติแล้ว ทำไมยังต้องหาเพิ่มอีก? ถือโอกาสตอนที่เรายังอายุน้อยไปท่องเที่ยวดูวิวสวย ๆทั่วโลกกันดีไหม? แค่เราสองคน!”
เฮ่อเหลียนเช่อใจเต้นดังตุบ ๆ ๆ เขาต้องดีใจอยู่แล้ว!
มีเพียงเขากับเหมยซูหานสองคน ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานมันดีจะตายไป!
แต่เขาทำไม่ได้!
“คุณอาไม่ยอมแน่ ฉันต้องช่วยทำงานให้เขา รอไว้ไปวันหลังนะ!” เฮ่อเหลียนเช่อพูดอย่างใจเย็น
“คุณอาของนายมีลูกน้องมากมายขนาดนี้จะยังขาดคนช่วยทำงานได้ไง? อาเช่อ ยอมฟังฉันสักครั้งได้หรือเปล่า? อย่าทำงานแทนคุณอาของนายอีกเลย!”
แม้เหมยซูหานไม่รู้ว่าหนิงเฉินเซวียนต้องการทำอะไรแต่เขารู้ว่าคนคนนี้ไม่มีทางทำสิ่งดี ๆแน่ ในฝันเฮ่อเหลียนเช่อตายเพราะบุคคลนี้ เขาจะต้องห้ามไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นอีกเด็ดขาด
ตอนที่ 1338 แสดงอำนาจ
“คนอื่นทำงานเก่งกว่าฉันที่ไหนกัน? นั่นเป็นพ่อแท้ ๆของฉันเลยนะ ฉันไม่ช่วยเขาแล้วจะช่วยใคร พอแล้ว เรื่องนี้ค่อยคุยกันวันหลัง!”
เฮ่อเหลียนเช่อไม่ค่อยชอบใจนัก เขาทั้งกลัวทั้งรักหนิงเฉินเซวียน กลัวว่าตัวเองจะทำได้ไม่ดีพอแล้วโดนหนิงเฉินเซวียนทำโทษ ดังนั้นปกติแล้วเขาถึงได้รักษาระยะห่างกับหนิงเฉินเซวียนไม่กล้าเข้าใกล้
แต่ในใจเขาหนิงเฉินเซวียนกลับมีตำแหน่งสำคัญอย่างมาก บางทีอาจสำคัญกว่าเหมยซูหานเสียด้วยซ้ำ
เหมยซูหานไม่ได้พูดอะไรต่อ เขารู้ว่าไม่ควรใจร้อนเกินไป ควรค่อย ๆวางแผนจะดีกว่า เขาไม่มีทางให้เฮ่อเหลียนเช่อเป็นอะไรไปแน่!
โถเถ้ากระดูกนั่นเหมยซูหานเตรียมเอากลับไปให้อู่เจิ้งซือ เขาไม่รู้ว่าควรอธิบายเรื่องนี้ให้อู่เจิ้งซืออย่างไรดีที่อยู่ดี ๆคนที่มีชีวิตอยู่ก็จากไปเสียแล้ว เรื่องนี้อธิบายไม่ถูกเลยจริง ๆ
เพราะหลายวันนี้เหมยซูหานได้รับบาดเจ็บที่มือจึงไม่ได้เข้าบริษัท เขาเอาโถเก็บเถ้ากระดูกไปหาอู่เจิ้งซือที่บริษัทแล้วค่อยตรวจเช็คสถานการณ์ของบริษัทในช่วงนี้ด้วย
คราวก่อนเขาตรวจได้เพียงครึ่งเดียวก็ถูกเรื่องของเหมยเหมยขัดเสียก่อน ครั้งนี้ต้องตรวจเช็คให้เรียบร้อย
อู่เจิ้งซือไม่อยู่บริษัทเห็นว่าไปคุยงานข้างนอกคงต้องรอทานมื้อเที่ยงเสร็จถึงกลับเข้ามา เหมยซูหานจำต้องเอาโถเก็บเถ้ากระดูกไว้ที่ห้องทำงานโดยเริ่มตรวจเช็คงานก่อนค่อยว่ากันทีหลัง
แต่เหมยซูหานยิ่งดูหัวคิ้วก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้น แม้เขาไม่ได้เรียนจบด้านการบริหารโดยตรงแต่ทำการค้าขายมาหลายปี กับเรื่องดูตารางสินค้าเทียบบัญชีอะไรเทือกนี้ย่อมไม่มีปัญหา เขาแค่ดูบัญชีได้เพียงสองเดือนก็พบปัญหาเข้าแล้ว
ผลกำไรของบริษัทไม่เป็นไปตามสภาวะการดำเนินงานของบริษัทอย่างชัดเจน
เหตุผลที่เปิดบริษัทบันเทิงเพราะเหมยซูหานได้รับแรงบันดาลใจจากความฝันถึงได้ช่วงชิงเนื้อก้อนโตนี้ก่อนเวลาหลายปี ความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเขามองการณ์ไกลใช้ได้ที่เดียว แค่ระยะเวลาสั้น ๆไม่กี่ปีฮวาหยู่ก็ทำเงินให้เขาได้เกือบร้อยล้าน สายธุรกิจที่ทำกำไรได้ประมาณนี้มีเพียงด้านอสังหาริมทรัพย์แล้วล่ะ
อีกทั้งไม่กี่ปีมานี้เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว แนวโน้มของบริษัทสื่อมีเดียร์ดีขึ้นเรื่อย ๆ ต่อให้เขาไม่เข้าบริษัทกว่าครึ่งปีก็รู้ว่าปีนี้บริษัทได้ถ่ายภาพยนตร์และละครโด่งดังหลายเรื่อง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักร้องที่กำลังโด่งดังอย่างสยงชิงชิง แค่อัลบั้มก็ทำกำไรมหาศาลแล้ว
ฉะนั้นกำไรของบริษัทในปีนี้ต้องมากกว่าปีที่แล้ว และมากกว่าปีก่อน ๆตามแนวโน้มของตลาดถึงจะถูกสิ แต่ตอนนี้รายงานที่อู่เจิ้งซือให้เขาดูกลับแสดงผลว่ากำไรของครึ่งปีแรกนี้กลับแย่กว่าครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว
มันไม่ปกติแน่นอน!
แม้ครึ่งปีหลังของปีที่แล้วจะเป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวประจำปี ครึ่งปีแรกนับว่าเป็นฤดูจืดจางที่หากดูผิวเผินคงเป็นเรื่องปกติที่ทำกำไรได้น้อย แต่ปีนี้บริษัทได้ยกระดับขึ้นไม่น้อยทั้งยังเซ็นสัญญาศิลปินเพิ่มขึ้นอีกมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงครึ่งปีแรกเลยเพราะได้ลงฉายภาพยนตร์และละครขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอีก
ฉะนั้นกำไรต้องมากกว่าปีที่แล้ว ไม่มีทางน้อยกว่า
รายงานฉบับนี้ต้องผ่านการปลอมแปลงมาก่อน เหมยซูหานมุ่นคิ้วแน่นกว่าเดิม เขาเข้าใจคำกล่าวที่ว่าน้ำที่ใสเกินไปย่อมไม่มีปลา เป็นคนอย่าเข้มงวดเกินไปไม่อย่างนั้นคงไม่มีเพื่อนคบ ดังนั้นก่อนหน้านี้อู่เจิ้งซือเคยเล่นตุกติกอะไรกับบัญชีบ้างเขาก็ทำเป็นลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่งมาตลอด ทำเหมือนมองไม่เห็นไป
แต่เขาไม่อนุญาตให้อู่เจิ้งซือปั่นหัวเขาเหมือนคนโง่!
ยิ่งไปกว่านั้นเงินขนาดหลายล้านเหยียบสิบล้าน เห็นเขาเป็นคนที่หลอกง่ายขนาดนั้นเชียว?
อู่เจิ้งซือที่ได้ทานข้าวกลับบริษัทอย่างพึงพอใจ กลางวันได้ทานข้าวกับดาราหญิงหลายคน ข้างกายมีสาวงามรุมเร้าจึงต้องดื่มหลายแก้วหน่อย หน้าแดงก่ำกลิ่นเหล้าโชยออกจากตัวทำเอาเหมยซูหานหัวคิ้วผูกเป็นปมแน่น
“ผู้จัดการอู่ กฎบริษัทกำหนดไว้ว่าเวลางานห้ามดื่มเหล้า ในฐานะที่คุณเป็นผู้จัดการใหญ่ทำไมถึงไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกน้อง?”
เหมยซูหานแสดงอำนาจใส่เขาก่อน ตอนนี้เขาไม่พอใจต่ออดีตครูผู้มีพระคุณอย่างอู่เจิ้งซือมาก
……………………………………………………….
ตอนที่ 1339 จัดการอย่างเข้มงวด
อู่เจิ้งซือโดนว่าจนชะงักค้างสติล่องลอยไปชั่วขณะ เมื่อก่อนเหมยซูหานมักแสดงท่าทีนอบน้อมเคารพต่อเขาในฐานะนักเรียน แต่แสดงทีท่าเหมือนไร้ซึ่งความเกรงใจทั้งยังตำหนิต่อหน้าเลขาแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เขาสร่างเล็กน้อยและเริ่มหน้าเสีย ความอับอายเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความคุกรุ่น
“ฉันทำเพื่อบริษัทไงล่ะเลยห้ามตัวเองได้ยาก คราวหลังจะระวังแล้วกัน!” อู่เจิ้งซือตอบปัด
วันนี้เหมยซูหานจงใจจะเล่นงานอู่เจิ้งซือย่อมไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆอยู่เอ่ยต่อว่า “ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไร แค่ทำผิดกฎบริษัท ต่อให้เป็นตัวผมเองก็ต้องยอมรับบทลงโทษของบริษัท”
ว่าแล้วเขามองไปยังเลขาสาวที่ทำหน้าอึดอัดอยู่ข้าง ๆ “ไปเรียกหัวหน้าหลิวแผนกธุรการมา”
เลขาเหมือนได้วางภูเขาออกจากอกรีบวิ่งเหยาะๆไปตามหาคนพร้อมกลับพึมพำในใจว่าดูท่าทางจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในบริษัทแล้ว?
ไม่นานหัวหน้าหลิวก็มาถึง เหมยซูหานบอกเรื่องที่อู่เจิ้งซือดื่มเหล้าช่วงกลางวันให้ฟังก่อนจะให้เขาไปออกใบประกาศลงโทษฉบับหนึ่งติดไว้กลางโถงใหญ่บริษัทให้คนทั้งบริษัทได้เห็นกันถ้วนหน้า
อู่เจิ้งซือดึงหน้าขึงขังทันที กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ซูหาน มีความจำเป็นต้องจริงจังขนาดนี้เหรอ? ฉันจ่ายค่าปรับก็ได้”
นับตั้งแต่รู้ว่าอู่เยวี่ยใกล้แต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อแล้ว อู่เจิ้งซือก็ได้เปลี่ยนคำสรรพนามเรียกเหมยซูหานกลับมาเหมือนเดิมโดยใช้คำว่าซูหาน ท่าทีก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
ปกติเหมยซูหานไม่รู้สึกอะไร แต่พอวันนี้ได้ยินคำว่า ‘ซูหาน’ กลับรู้สึกแสลงหูเหลือเกิน
“ขณะอยู่ในบริษัททางที่ดีเรียกชื่อตามตำแหน่งดีกว่า ถ้าเป็นพนักงานทั่วไปแค่ปรับแล้วก็เขียนรายงานสำนึกผิดก็พอ แต่ผู้จัดการอู่คุณเป็นถึงระดับผู้บริหารของบริษัท ในเมื่อคุณทำผิดถ้าไม่ลงโทษจริงจังหน่อยคนในบริษัทจะเอาเป็นแบบอย่างได้ ถึงตอนนั้นจะทำเอาวุ่นวายอลหม่านไปกันหมดจนจัดการไม่ได้ขึ้นมาล่ะ ฉะนั้นต้องจัดการอย่างเคร่งครัด หัวหน้าหลิว ไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
เหมยซูหานสีหน้าดุดันขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังพูดกระแทกเสียงในประโยคสุดท้ายพลันทำให้คนเห็นเริ่มหวาดผวา แม้เดิมทีเขาจะเป็นคนใจเย็นอ่อนโยนก็ตาม แต่เวลานี้กลับทำให้ผู้คนต่างตื่นกลัว
หัวหน้ายังจะกล้าชักช้าเสียที่ไหนเลยรีบขานรับก่อนจะกลับไปร่างใบประกาศลงโทษที่ห้องทำงาน ไม่นานก็เขียนเสร็จจึงเอามาส่ง เหมยซูหานกวาดตาอ่านผ่าน ๆแล้วเซ็นชื่อของเขาลงบนนั้น
“ค่าปรับหักจากเงินเดือนของผู้จัดการอู่ ตอนนี้เอาไปติดเสีย” เหมยซูหานเองก็เริ่มฉุนไม่คิดจะไว้หน้าอู่เจิ้งซือเลยสักนิด
หัวหน้าหลิวเหลือบมองอู่เจิ้งซือที่ทำหน้าถมึงทึงแวบหนึ่ง จนถึงตอนนี้เขาที่มีประสบการณ์ทำงานอย่างโชกโชนจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น
เห็นทีใกล้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงกับบริษัทครั้งใหญ่แล้ว!
หัวหน้าหลิวตื่นเต้นยิ่งกว่าใคร เขาไม่ชอบใจอู่เจิ้งซือมานานแล้วและคนในบริษัทที่มีความคิดเช่นเดียวกับเขามีจำนวนนับไม่ถ้วน ผู้จัดการใหญ่คนนี้ไม่ค่อยมีความสามารถเท่าไรแต่กลับคิดว่าตัวเองเก่งที่สุดในโลกเสมอ
ไม่ว่าจะแผนกไหนก็ชอบเข้าไปจุ้นจ้านเสียหมด ไม่รู้กลับแสร้งทำเป็นรู้!
เรื่องยังพอช่างมันไปได้แต่เรื่องสำคัญที่ทำให้ทุกคนไม่ชอบคืออู่เจิ้งซือละโมบเกินไป!
ยักโยกเงินจำนวนมหาศาลของบริษัทก็พอแล้วสิ อย่างไรเสียเงินพวกนั้นก็ไม่ใช่เงินของพวกเขา เอามากเอาน้อยพวกเขาก็ไม่มีความคิดเห็นใด
แต่อู่เจิ้งซือไม่ควรมาแตะต้องของกำนัลของพวกเขาสิ!
ทั้งที่เรื่องของกำนัลในทุกงานเทศกาลเป็นงานของฝ่ายจัดซื้อ แต่ไม่รู้ว่าอู่เจิ้งซือไปหลอกล่อฝ่ายจัดซื้ออย่างไรทำให้ของกำนัลที่ซื้อกลับมาทุกครั้งล้วนเป็นสินค้าด้อยคุณภาพ
ปลาสายพานที่ใกล้เสีย ลูกแอปเปิ้ลที่รสชาติเปรี้ยวเหลือเกิน ปลาดาบเงินที่บางยิ่งกว่าสายเข็มขัด…
ทำใจทิ้งไปไม่ได้แต่ก็รู้สึกอัดอั้นตันใจเมื่อได้กิน พวกเขาทนมาสามปีแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็หลุดพ้นสักที!
ให้ฝนฟ้าพายุโหมกระหน่ำมายิ่งกว่านี้หน่อยเถอะ!
เหมยซูหานมองใบหน้าขึงขังของอู่เจิ้งซือแล้วลอบแค่นหัวเราะ เรียกเขาเข้ามาในห้องทำงานแล้วโยนเอกสารรายงานม้วนหนึ่งไว้ตรงหน้าเขาแล้วถามเสียงเย็นชา “ผู้จัดการอู่ เรื่องนี้จะอธิบายอย่างไร?”
ตอนที่ 1340 มองการณ์ตื้นเขิน
อู่เจิ้งซือใจหล่นตุบเริ่มหวั่นใจขึ้นมา แต่ไม่นานเขาก็คิดได้ว่ามีอะไรต้องกลัวกัน บัดนี้ไม่เหมือนอดีตอีกต่อไป ตอนนี้เขาเป็นว่าที่พ่อตาในอนาคตของเฮ่อเหลียนเช่อเชียวนะ จะต้องกลัวอะไร?
“อธิบายอะไร? เธออยากให้ฉันอธิบายอะไร?” อู่เจิ้งซือแกล้งโง่
เหมยซูหานปวดใจ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เคยคิดว่าคุณครูอู่ผู้ได้รับความเคารพจากผู้คนมากมายจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ คนเรามันเปลี่ยนกันได้ขนาดนี้เลยหรือ?
หรือว่าเมื่อก่อนอู่เจิ้งซือเสแสร้งมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ไม่ได้เสแสร้ง เผยตัวตนที่แท้จริงออกมากันนะ?
“คุณครูอู่คิดว่าผมหลอกง่ายนักใช่ไหม? หรือคุณคิดว่าตัวเองฉลาดเกินคน? ปลอมบัญชีกันโจ่งแจ้งขนาดนี้คุณคิดจะตบตาใครกัน?” เหมยซูหานแค่นหัวเราะพลางชี้ไปที่เอกสารรายงาน
อู่เจิ้งซือก้มหน้าไม่ปริเสียง แค่เขาปิดปากสนิทไม่ยอมรับ ดูสิเหมยซูหานจะทำอะไรเขาได้!
“คุณคิดว่าไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไรแล้วงั้นเหรอ? ผมสามารถเชิญนักบัญชีผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบบัญชีดูว่าคุณยักยอกไปเท่าไหร่ ยักยอกเมื่อไหร่ เงินแต่ละก้อนจะต้องโดนสืบอย่างละเอียด ถึงเวลานั้นเข้าจริง ๆจะไม่ใช่แค่เรื่องระหว่างเราสองคนแต่จะโยงไปถึงคดีแพ่งพาณิชย์ คุณครูอู่อยากเข้าไปอยู่ในคุกอีกครั้งเหรอ?”
เหมยซูหานทำหน้าเย็นชา พูดกระแทกเสียงใส่
หากไม่จำเป็นเขายังไม่อยากแตกคอกับอู่เจิ้งซือ
ในเมื่ออู่เจิ้งซือเคยมีบุญคุณต่อเขาทั้งยังเป็นบุคคลที่เขาเคารพเสมือนพ่อ!
อู่เจิ้งซือสีหน้าเลิ่กลั่ก เขาไม่คิดเลยว่าเหมยซูหานจะเด็ดขาดขนาดนี้ จู่ ๆก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือซึ่งทำให้เขาโกรธมากกว่าเดิม เขารู้สึกว่าเหมยซูหานทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่และยังเนรคุณอีกด้วย
ไม่ลองคิดดูว่าในยามที่ยากจนถึงขั้นไม่มีเงินกินข้าว ใครกันที่ให้ความช่วยเหลือเขา!
“ตอนนี้ประธานเหมยประสบความสำเร็จแล้ว น้ำเสียงคำพูดคำจาก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตาแทบจะเชิดติดฟ้าอยู่แล้วมั้ง!” อู่เจิ้งซือพูดอย่างน้อยใจและเย้ยหยันให้ถึงที่สุด
เหมยซูหานส่ายศีรษะ กระทั่งเวลานี้อู่เจิ้งซือยังไม่สำนึกความผิดอีก ช่างน่าผิดหวังเหลือเกิน
ในเมื่อแป็นแบบนี้ก็อย่าหาว่าเขาไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่รู้จักกันมาช้านานแล้วกัน!
“เลขาหู ช่วยติดต่อสำนักงานบัญชีรื่อชางให้ผมที แล้วต่อสายมาที่ห้องทำงานผม” เหมยซูหานกดกดเบอร์โทรไปที่โต๊ะเลขา ทำเอาอู่เจิ้งซือใจเต้นตุบตับสีหน้าย่ำแย่เหลือทน
ไม่นานสำนักงานบัญชีก็ติดต่อมาซึ่งเหมยซูหานให้พวกเขามาตรวจสอบบัญชีที่บริษัทในวันพรุ่งนี้ อู่เจิ้งซือมองเขาอย่างเหลือเชื่อ นี่เอาจริงหรือ?
“ซูหาน เธอต้องทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอ?”
“ผมให้โอกาสคุณแล้วแต่คุณไม่สำนึกผิด ในเมื่อคุณทำแบบนี้มาก่อนผมก็ต้องเอาคืน ผมได้ทำหน้าที่ตัวเองอย่างถึงที่สุดแล้ว!” เหมยซูหานนวดไหล่ซ้าย แขนซ้ายค้างท่านั้นไว้นานไม่ค่อยสบายเท่าไรนัก
อู่เจิ้งซือสีหน้าเปลี่ยนไปพลางพูดกัดฟัน “เยวี่ยเยวี่ยใกล้จะแต่งงานกับคุณชายเช่อแล้ว ถึงตอนนั้นบริษัทของเราจะต้องเติบโตขึ้นไปอีกหลายระดับ เธอจะแตกคอกับฉันจริง ๆเหรอ?”
เหมยซูหานชะงัก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าอู่เจิ้งซือจะพูดคำแบบนี้ออกมาได้?
คิดว่าคนอย่างเหมยซูหานไม่มีคนหนุนหลังงั้นสิ?
น่าขำเสียจริง หากเขาเหมยซูหานไม่มีเฮ่อเหลียนเช่อคอยหนุนหลังอยู่ เขาจะมีสิทธิ์อะไรไปแย่งเนื้อก้อนโตกับบรรดาลูกหลานเศรษฐีในวงการนั่นได้
เกรงว่าคงโดนพวกคุณชายดิบเถื่อนพวกนั้นกำจัดให้สิ้นซากไปแล้ว!
เหมยซูหานทั้งขำทั้งโกรธ ขณะนี้ภาพลักษณ์ของอู่เจิ้งซือในดวงใจเขาพังสลายจนสิ้น เหลือแต่ความผิดหวัง
อู่เจิ้งซือที่เขาให้ความเคารพดั่งคุณพ่อ ที่แท้ก็เป็นเพียงคนที่มองการณ์ตื้นเขินจิตใจคับแคบเท่านั้น!
และยังไม่รู้จักสำนึกบุญคุณอีกต่างหาก!
อย่างไรเสียเขาก็เป็นพ่อสื่อให้เฮ่อเหลียนเช่อกับอู่เยวี่ยหรือเปล่า!
เดิมทีเหมยซูหานอยากบอกเรื่องอู่เยวี่ยให้อู่เจิ้งซือรับรู้แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้เลยชะงักไว้ก่อน รอดูว่าตกลงอู่เจิ้งซือคิดจะทำอะไรกันแน่!
………………………………
ตอนที่ 1341 เงินและหุ้นอย่าคิดว่าจะเอาไปได้
เหมยซูหานไม่เปลืองคำพูดไร้สาระกับอู่เจิ้งซืออีก พูดตรง ๆว่า “มีสองทางเลือก จะคืนเงินที่ยักยอกบริษัทไปมาด้วยตัวเอง หรือจะรอให้ผมตรวจสอบพบแล้วเชิญตำรวจมาจัดการ”
ใบหน้าของอู่เจิ้งซือโกรธเกรี้ยวหน้าเขียวหน้าแดง เพราะดื่มเหล้าเข้าไปด้วยจะให้อดกลั้นต่อความโกรธได้อย่างไรไหว ไฟโทสะพุ่งสูงปรี๊ด ดวงตาแดงก่ำไปหมด
“ฉันไม่เลือกทั้งสองอย่างแหละ เหมยซูหานนายอย่าให้มันมากเกินไป ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาฉันทำเพื่อบริษัททุกอย่าง ทนลำบากทำงานหนัก ถ้าไม่เห็นแก่ความดีก็เห็นใจกันบ้าง แบ่งเงินมาสักนิดสักหน่อยจะเป็นอะไรไปเล่า? อีกอย่างฉันจะเป็นพ่อตาของคุณชายเช่อในเร็ว ๆนี้แล้ว เงินพวกนั้นยังไม่พอตอบแทนบุญคุณเลยด้วยซ้ำ นายอย่าแกล้งโง่ไปหน่อยเลย!”
เหมยซูหานไม่อยากจะพูดกับเขาให้มากความจริง ๆ ด้วยศักยภาพของอู่เจิ้งซือ ถ้าไม่เห็นแก่น้ำใจที่ช่วยเหลือกันในปีนั้น เขาจะทนได้อย่างไรตั้งหลายปี?
“ในเมื่ออาจารย์อู่มีที่ ๆดีกว่านี้ ที่ตรงนี้คงเล็กเกินไปสำหรับคุณ คงรองรับคนเก่งขนาดคุณไว้ไม่ได้หรอก อาจารย์อู่เชิญตามสบายเถอะ!”
อู่เจิ้งซือใจเต้นระส่ำ คำพูดของเหมยซูหานนั้นเหนือความคาดหมายของเขาอยู่บ้าง
เขาวางแผนไว้นานแล้ว อู่เยวี่ยแต่งงานปีหน้าและเขาจะทำงานที่นี่อีกหนึ่งปี แบบนี้เขาจะสามารถสร้างรายได้และทำความรู้จักคนมากขึ้น วันหลังเปิดบริษัทของตัวเองจะยิ่งมีหลักประกันที่มั่นคง
แต่ตอนนี้ใช่ว่าจะยึดตามคำพูดของเขาได้เสียที่ไหนล่ะ!
อู่เจิ้งซือคิดอยากจะพูดจานุ่มนวลเอาใจเขาอีกเสียหน่อยแต่เหมยซูหานไม่ฟังอย่างสิ้นเชิง เพียงแต่บอกให้เขาเอาเงินที่ยักยอกบริษัทไปคืนมา ไม่พูดเรื่องอื่นอีก เขาจะตัดใจคืนไปได้อย่างไรเล่า?
นั่นมันไม่ใช่แค่หลายหมื่นหลายแสน แต่มันมากกว่าสิบล้าน!
เงินเยอะขนาดนี้ต่อให้เขาไม่ทำงานก็มีกินมีใช้ไปทั้งชีวิตแล้ว หากให้เขาคืนเงินนั้นไปก็เหมือนดั่งเอาชีวิตเขาไปเลยนะ!
อู่เจิ้งซือที่เคยเสพสุขกับชีวิตสุขสบาย มุมมองชีวิตและทัศนคติคุณค่าชีวิตได้เปลี่ยนไปนานแล้ว เขาไม่ใช่อดีตอาจารย์อู่ที่ไม่สนใจของเปลือกนอกอีกต่อไปแล้ว
อู่เจิ้งซือคิดแล้วคิดอีกจึงเป็นฝ่ายเปิดปากต่อรองขอคืนแค่หนึ่งล้าน เหมยซูหานแสยะยิ้มใส่ “หนึ่งล้านเหรอ? ผมไม่อยากเสียเวลากับคุณ เศษเงินผมไม่เอาหรอก สิบล้านถ้วน…คุณเอาออกมาคืนผมสิบล้าน แล้วผมจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เกี่ยวกับเรื่องนี้เสีย”
เงินเดือนที่เขาให้อู่เจิ้งซือนั้นไม่น้อยเลย และยังแบ่งหุ้นของเขาให้ด้วย แค่เงินปันผลหลายแสนทุกปีก็มีชีวิตที่ดีกว่าคนอื่น ๆมากแล้ว เขาไม่เข้าใจจริง ๆว่าทำไมอู่เจิ้งซือถึงต้องทุจริตด้วย?
แน่นอนว่าอู่เจิ้งซือไม่ยินยอม เงินสิบล้านเทียบเท่ากับตัดเนื้อของเขาเลยนะ จะพูดอย่างไรเขาก็ไม่มีทางที่จะมอบคืนให้หรอก
“ในเมื่อนานเหมยซูหานไม่เห็นแก่ไมตรีจิตครั้งเก่าก่อน ไม่มีที่ให้ฉันแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไป!”
อู่เจิ้งซือตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ต่อให้ตอนนี้อู่เยวี่ยและเฮ่อเหลียนเช่อยังไม่แต่งงานกัน แต่ก็เป็นเรื่องที่กำหนดไว้แล้ว คิดอยากเปิดบริษัทเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ คุณชายเช่อคงไม่ว่าอะไรหรอก
แค่แวบเดียวเหมยซูหานก็มองความคิดของอู่เจิ้งซือออก เขาเองก็ไม่ได้ขัดอะไร การปฏิบัติงานของอู่เจิ้งซือว่องไวมากไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ยื่นจดหมายลาออก เหมยซูหานก็ไม่ได้ยื้อเขาไว้จรดปากกาเซ็นชื่ออย่างสบายใจ
“อีกสักครู่คุณไปฝ่ายบุคคลเพื่อทำเรื่องรับเงินเดือน ใช่แล้ว พรุ่งนี้ผมคงต้องรบกวนคุณให้มาที่บริษัทอีกสักรอบ ช่วยให้ความร่วมมือตรวจสอบบัญชีด้วย”
อู่เจิ้งซือหน้าถอดสี “ฉันไม่ทำงานที่บริษัทนี้แล้ว มีสิทธิ์อะไรมาเช็คบัญชีของฉัน?”
เหมยซูหานได้ยินเช่นนั้นก็นึกขัน อธิบายอย่างใจดี “ตัวไปได้แต่เงินคงเอาไปด้วยไม่ได้หรอก แน่นอนว่าต้องตรวจสอบบัญชีอยู่แล้ว แต่เห็นแก่น้ำใจที่ผ่านมา ถ้าคุณคืนเงินมาผมก็จะไม่แจ้งตำรวจ”
อู่เจิ้งซือตะลึงงัน งงเป็นไก่ตาแตก ทว่า ——
เหมยซูหานพูดเสริมต่อ “ยังมีหุ้นบริษัทของคุณอีก ตั้งแต่นี้ไปจะกลับคืนเป็นของบริษัท วันหลังจะไม่มีเงินปันผลอีก!”
“ก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าเป็นหุ้นที่นายให้ฉันนะ!” อู่เจิ้งซือร้องเสียงดัง
…………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น