พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1323-1324
บทที่ 1323 ตอนนี้เบื้องบนไม่พอใจเจ้ามาก
โดย
Ink Stone_Fantasy
สำหรับเขา ขอเพียงผู้บัญชาการใหญ่ก่อเรื่อง นั่นก็จะถึงเวลาแสดงความสามารถของเขาแล้ว ดังนั้นจึงมานั่งเฝ้าอยู่บนหอประตูกำแพงเมืองด้วยตัวเอง!
ตรงประตูของอีกสามเขตเมืองก็เกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กัน ในเมืองมีทหารเดินลาดตระเวนตรวจสอบขวักไขว่ไปมากลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ทำให้ร้านค้าทุกร้านไร้ลูกค้ามาเยือนอย่างแท้จริง ทั้งตลาดสวรรค์ดูเงียบเหงาซึมเซา
“นี่นายท่านต้องการจะทำอะไร?” ช่างไม้ที่อยู่ด้านหลังกลุ่มคนในเมืองถ่ายทอดเสียงถามอวิ๋นจือชิว
อวิ๋นจือชิวส่ายหน้าพลางถอนหายใจ ตั้งแต่เหมียวอี้กลับมาจากแดนอเวจี ก็เรื่องราวมากมายที่ไม่ปรึกษานางแล้ว
พ่อค้าระดับล่างไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่บรรดาร้านค้าที่มีอำนาจหนุนหลังตระหนักได้แล้วว่ามีปัญหาบางอย่างอยู่ ร้านสาขาอื่นที่อยู่ในในอาณาเขตจวนแม่ทัพภาคตงหัวก็เผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้เหมือนกัน พวกเขาได้รับข่าวมาแล้ว ต่างก็คิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเหมียวอี้ แต่เป็นท่านโหวเทียนหยวนกับฮูหยินที่งัดข้อกัน
ตลาดสวรรค์สิบแห่งในจวนแม่ทัพภาคตงหัวว่างเปล่าหมดแล้ว เรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ไม่มีทางปิดบังหูตาของท่านโหวเทียนหยวนไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้บัญชาการส่วนใหญ่ในจวนแม่ทัพภาคตงหัวก็ล้วนเป็นของคนของท่านโหวเทียนหยวน
ตำหนักสูงตระหง่านโดดเด่นบนยอดเขา เมฆขาวลอยวนเวียนบนตึกสูง ขณะที่ยืนพิงระเบียง ท่านโหวเทียนหยวนสีหน้ามืดครึ้ม แววตาเย็นเยียบดุร้าย
ผู้การถูเหย่รายงานข่าวที่ได้รับมาจากทางจวนแม่ทัพภาคตงหัว ถูเหย่ติดตามรับใช้อยู่ข้างกายท่านโหวเทียนหยวน จึงถูกเรียกว่าผู้การใหญ่ นี่ก็คือที่มาที่ไปของคำเรียก ‘ผู้การสองหลันเซียง’ ที่อยู่ข้างกายปี้เยว่
ยิ่งไปฟังไปเรื่อยๆ สีหน้าของท่านโหวเทียนหยวนก็ยิ่งแย่ สุดท้ายก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถามว่า “นางตัวแสบนั่นคิดจะทำอะไร?”
คิดจะทำอะไรท่านยังไม่รู้ชัดอีกเหรอ? ถูเหย่เงียบงันไม่ตอบคำถาม ในใจแอบทอดถอนใจ สามีภรรยากันจำเป็นต้องทะเลาะกันจนกลายเป็นแบบนี้มั้ย?
เขาได้ยินมาแล้ว ว่าท่านโหวตบตีทำร้ายฮูหยินต่อหน้าฝูงชน
ในขณะนี้เอง เทียนหยวนก็ขมวดคิ้ว พลิกมือหยิบระฆังดาราอันหนึ่งออกมา ตอบว่า : เทพประจำดาว มีอะไรจะกำชับขอรับ?
ผู้ที่ส่งข่าวมาคือเทพประจำดาวคนฉลู และเป็นผู้บังคับบัญชาของท่านโหวเทียนหยวนเช่นกัน เทพประจำดาวคนฉลูถามว่า : เทียนหยวน พวกเจ้าสองสามีภรรยาเล่นบ้าอะไร?
เรื่องที่ตลาดสวรรค์เพิ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่นาน ผู้บังคับบัญชาก็ถามแล้ว เทียนหยวนค่อนข้างพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี สุดท้ายก็แข็งใจถามไปว่า : เทพประจำดาว เรื่องเล็กๆ แค่นี้ทำไมสะเทือนถึงท่านได้ล่ะ?
เทพประจำดาวคนฉลู : เรื่องเล็กเหรอ? นี่เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่กับข้า? ตอนนี้มันเวลาไหนแล้ว เจ้าก่อเรื่องนี้ในช่วงเวลาแบบนี้ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่? ตลาดสวรรค์สิบแห่งลูกค้าหายหมดเกลี้ยง เจ้าเคยได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อนมั้ย? เรื่องนี้สะเทือนไปถึงจอมพลเฉิงที่คุ้มรักษาการณ์ที่นรกแล้ว อ๋องสวรรค์อิ๋งถามจอมพลเฉิงว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่ ตอนนี้จอมพลเฉิงมาถามข้าแล้ว เจ้าว่าข้าควรจะตอบยังไงดีล่ะ?
ท่านโหวเทียนหยวน : เทพประจำดาว ท่านวางใจเถอะ ข้าน้อยจะจัดการให้ดีแน่นอน
เทพประจำดาวคนฉลู : วางใจเหรอ? ได้ยินว่าเรื่องนี้เริ่มขึ้นเพราะเจ้าตบเมียตัวเองไม่ใช่เหรอ?
ท่านโหวเทียนหยวนหน้าดำคร่ำเครียดทันที ตอบว่า : เทพประจำดาว นั่นเป็นข่าวลือทั้งนั้น
เทพประจำดาวคนฉลู : ข้าไม่สนใจว่าจะเป็นข่าวลือหรือไม่ งานแต่งงานของเจ้ากับปี้เยว่ข้าเองก็เห็นมากับตาแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาปี้เยว่ก็เชื่อฟังคล้อยตามเจ้าเสมอ ครั้งนี้ทะเลาะกันจนหลายเป็นแบบนี้ ยังต้องให้พูดอีกเหรอว่าใครผิดหรือใครถูก? เทียนหยวนเอ๊ยเทียนหยวน เจ้าจะให้ข้าว่าเจ้ายังไงดีล่ะ? ถึงยังไงปี้เยว่ก็เป็นฮูหยินของเจ้า ถ้าเจ้าอยากจะตบตีนาง เมื่ออยู่ลับสายตาคนเจ้าจะตบตีนางยังไงก็ได้? แต่การตบตีนางต่อหน้าฝูงชน นางก็ต้องการศักดิ์ศรีหน้าตาเหมือนกัน น้ำเข้าสมองเจ้าจนโง่ไปหมดแล้วเหรอ?
ตอนแรกที่เทียนหยวนตบปี้เยว่ เจ้าตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องจะวุ่นวายถึงขนาดนี้ ตอนนี้เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้น ไม่ว่าใครจะมองมา ปี้เยว่แค่ทำนิสัยดื้อดึงแบบผู้หญิงไปชั่วขณะ ผลปรากฏว่าโดนเทียนหยวนตบตีแบบนั้น ตบจนเกิดเรื่องแล้ว
เรื่องที่เทียนหยวนตบปี้เยว่ ไม่ใช่คนฝั่งปี้เยว่หรือคนฝั่งเหมียวอี้ที่ปล่อยข่าวออกไป ที่จริงแล้วลูกน้องของเทียนหยวนเป็นคนปล่อยข่าวเอง ตอนนั้นก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เหมียวอี้ออกอุบายรีดไถตบตีพวกผู้บัญชาการใหญ่ คนที่อยู่เบื้องหลังพวกผู้บัญชาการใหญ่กำลังโมโหเรื่องที่ปี้เยว่โดนตบ ดังนั้นจึงพูดชี้แนะนิดหน่อย เบื้องล่างมีคนที่รู้เรื่องนี้เยอะมาก เรื่องราวย่อมต้องแพร่ออกไปอยู่แล้ว
กุญแจสำคัญของปัญหาก็คือ ลูกน้องของเทียนหยวนไม่มีทางเอาเรื่องที่เทียนหยวนตบเมียไปพูดข้างนอกอย่างละเอียดชัดเจน และไม่มีทางบอกเรื่องที่ปี้เยว่ไม่ไว้หน้าเทียนหยวนจนทำให้ท่านโหวเสียหน้าด้วย คนสมองมีปัญหาเท่านั้นที่จะพูด พอเป็นแบบนี้คนส่วนใหญ่จึงรู้แค่ว่าเทียนหยวนตบเมียตัวเอง
ในตอนนี้ ต่อให้เทียนหยวนมีเหตุผลแต่ก็แก้ตัวไม่ได้อยู่ดี ถ้าพูดแก้ตัวให้ชัดเจนเขาก็ยิ่งเสียหน้า และไม่มีทางพูดเรื่องในครอบครัวต่อภายนอกเช่นกัน
ขุนนางที่ยศใหญ่กว่าสามารถกดดันให้คนตายได้ เขาตอบเพียงว่า : เทพประจำดาว ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้ดี
เทพประจำดาวคนฉลู : ข้าหวังว่าเจ้าจะจัดการได้ดี ถ้าแค่เมียตัวเองยังคุมไม่ได้ เจ้ายังจะไปทำอะไรได้อีก? เทียนหยวน ข้าคิดว่าเจ้าก็น่าจะรู้ ว่าการที่ร้านค้าในตลาดสวรรค์สิบแห่งไม่มีธุรกิจให้ทำนั้นเกี่ยวข้องกับผลประโยคของคนจำนวนไม่น้อย ความเสียหายที่เกิดขึ้นติดต่อกันหลายวัน เจ้าสามารถรับผิดชอบได้หรือเปล่า? ถ้าก่อเรื่องจนเบื้องบนรวมตัวกันแสดงความเห็นอย่างไม่พอใจ แท้แต่พวกเดียวกันก็ดูแลเจ้าไม่ได้เหมือนกัน ถึงตอนนั้นข้าก็จะปกป้องเจ้าไม่ได้ด้วย ดังนั้นตอนนี้เจ้าต้องให้ข้อมูลที่แน่นอนกับข้า ว่าเมื่อไรสถานการณ์ของตลาดสวรรค์ถึงจะกลับมาเป็นปกติ? คนอื่นถามข้า ข้าจะได้ให้คำตอบได้สะดวก!
เทียนหยวนย่อมรู้อยู่แล้วว่าถ้าร้านค้ามากมายถูกดดันให้หยุดกิจการจะมีผลที่ตามมาเป็นอย่างไร จึงรีบตอบว่า : สามวันขอรับ! เทพประจำดาวให้เวลาข้าสามวัน สามวันหลังจากนี้ข้าจะทำให้ธุรกิจในตลาดสวรรค์ของจวนแม่ทัพภาคตงหัวกลับมาเป็นปกติแน่นอน
เทพประจำดาวคนฉลู : ดี! นี่เจ้าพูดเองนะ อย่าบอกนะว่าข้าไม่ช่วยเจ้า ข้าจะแบกรับให้เจ้าสามวัน ถ้าหลังจากสามวันนี้เจ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เจ้าก็ต้องสละตำแหน่งตัวเอง เปลี่ยนให้คนอื่นไปจัดการแทน!
เทียนหยวน : ขอรับ! ข้าน้อยจะจัดการให้ดีแน่นอน
เทพประจำดาวคนฉลู : เทียนหยวน มีข่าวข่าวหนึ่งที่ข้าจะเปิดเผยให้เจ้าได้รู้สักหน่อย แผนนี้ที่เจ้าใช้ เดิมทีก็อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของเบื้องบนเช่นกัน เดิมทีเบื้องบนเตรียมจะใช้แผนนี้กดดันพวกไร้อำนาจหนุนหลังที่ตลาดสวรรค์ให้ยอมศิโรราบ นี่คือแผนสำรองที่เบื้องบนปลุกระดมให้ผู้ร้ายมาสังหารล้างเลือด ถ้าคนที่มารับตำแหน่งใหม่พวกนั้นอ่านสถานการณ์ไม่เป็นก็จะใช้วิธีการนี้กดดัน ปรากฏว่าตอนนี้โดนเมียเจ้าโจมตีทีเดียวจนแผนพังหมดแล้ว ถ้าเบื้องบนใช้แผนนี้อีก คนพวกนั้นที่ตลาดสวรรค์ก็จะเอาเยี่ยงอย่างแน่นอน เจ้าคิดดูสิว่าเจ้าทำอะไรลงไป ตอนนี้เบื้องบนไม่พอใจเจ้าเป็นอย่างมาก ต่อให้ข้าจะช่วยพูดให้เจ้าเต็มที่แล้ว แต่ถ้าเจ้าจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดี เจ้าก็รู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง ข้าเองก็ปกป้องเจ้าไม่ได้เหมือนกัน เจ้าชั่งน้ำหนักให้ดี!
ตอนยังไม่รู้ก็ยังดีอยู่ แต่พอรู้เบื้องลึกของเรื่องนี้ เทียนหยวนก็รู้สึกอับอายจนเหงื่อตก ในใจเขารู้แจ่มแจ้ง ว่าถ้าไม่ใช่เพราะแผนนี้พัง เทพประจำดาวก็คงไม่พูดออกมาให้ตัวเองรู้ จึงตอบอย่างเคารพว่า : ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!
เทพประจำดาวคนฉลู : เมื่อก่อนปี้เยว่เชื่อฟังเจ้าทุกอย่าง เจ้ากลบบังความยอดเยี่ยมของนางไว้ มองไม่ออกจริงๆ เลยนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีความสามารถ ตอนนี้แม้แต่เบื้องบนก็มองเมียเจ้าด้วยสายตาใหม่ ข้าว่าเจ้าน่ะ มีเมียแบบนี้คอยช่วยเหลือก็ไม่รู้จักเห็นคุณค่า ทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่ข้างนอกนานๆ โดยไม่สนใจก็ว่าแย่แล้ว ไม่ง่ายเลยกว่านางจะรอดชีวิตกลับมาจากนรกได้ เจ้ายังไปตบนางต่อหน้าฝูงชนอีก ต่อให้เป็นตุ๊กตาดินเผา แต่ก็มีธาตุไฟอยู่สามส่วน ไม่ว่าเปลี่ยนเป็นใครก็รับไม่ไหวทั้งนั้น ถ้านางไม่ให้บทเรียนเจ้าสักหน่อยก็แปลกแล้ว ปลอบใจนางให้ดีล่ะ!
กลบบังความยอดเยี่ยมของนางไว้เหรอ? เทียนหยวนโมโหจนแทบกระอักเลือด แต่ย่อมไม่กล้าตีฝีปากกับเบื้องบน ได้แต่เขย่าระฆังดาราตอบว่า : ขอรับ!
เมื่อรับมือกับเบื้อบนเสร็จแล้ว เทียนหยวนที่เก็บระฆังดาราก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “นางตัวแสบ!” พูดจบก็เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมา เรียกได้ว่าโมโหจะแย่อยู่แล้ว
ผู้การใหญ่ถูเหย่ยืนเก็บมือเงียบๆ อยู่ด้านข้าง ไม่พูดอะไรเช่นกัน
จู่ๆ เทียนหยวนที่เดินไปเดินมาหลายรอบก็หยุดฝีเท้า หันมาชี้ถูเหย่พร้อมบอกว่า “ไปถามหลันเซียง ดูว่าใครออกความคิดให้นางตัวแสบนั่น ข้าไม่เชื่อหรอกว่านางตัวแสบนั่นจะคิดวิธีการแบบนี้ได้”
ถูเหย่หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อหลันเซียง หลังจากติดต่อแล้วก็ตอบว่า “ท่านโหว หลันเซียงบอกแล้ว ว่าหลังจากตลาดสวรรค์แต่ละแห่งรายงานขึ้นไปว่าจำนวนลูกค้าลดลง ฮูหยินก็สังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากล รีบออกตรวจที่ตลาดสวรรค์แต่ละแห่งด้วยตัวเอง ตอนที่ผ่านประตูดวงดาวถึงได้รู้ว่าเป็นแผนของท่านโหว หลังจากออกตรวจเสร็จแล้วก็วางแผนรับมือทันที ไม่พบว่ามีใครช่วยออกความคิดให้ฮูหยินขอรับ เออใช่ หลันเซียงบอกว่าตอนที่ฮูหยินวางแผน ก็เหมือนจะกลัวนางจะส่งข่าวให้ท่านโหวรู้ จึงกันนางเอาไว้นอกแผนแล้ว”
เทียนหยวนใบหน้าบูดเบี้ยว ถามกลับว่า “อย่าบอกนะว่านางตัวแสบนั่นเบิดสติปัญญาแล้วจริงๆ?”
แล้วก็เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอีกหลายรอบ จากนั้นก็หยุดฝีเท้า ดวงตาฉายแววเย็นเยียบ แล้วกล่าวอย่างดุร้ายว่า “นางตัวแสบ อยากจะสู้กับข้า เจ้ายังอ่อนหัดไปหน่อย! เฒ่าถู เจ้าไปตำหนักคุ้มเมืองที่ดาวอวี้หลัวสักเที่ยว ไปหาเซี่ยโห้วหลงเฉิง…ช่างเถอะ เวลากระชั้นชิดแล้ว เบื้องบนให้เวลาข้าสามวัน ข้าจะไปด้วยตัวเอง ข้าจะออกหน้าไปกดดันเขาด้วยตัวเอง!”
“ท่านโหว! เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ทำไมต้องทะเลาะกันเอาเป็นเอาตาย ฮูหยินเคยชินกับการฟังคำสั่งท่านโหว เพียงแต่ครั้งนี้ลำบากตัวเองนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง เรื่องระหว่างสามีภรรยาไงขอรับ ใครชนะใครแพ้ก็ไม่สำคัญ ท่านโหวแค่ก้มศีรษะไปปะเหลาะฮูหยินดีๆ เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว” ถูเหย่โน้มน้าวด้วยความหวังดี
“ฮึ! จะให้ข้าก้มศีรษะเหรอ?” เทียนหยวนแสยะยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ข้าว่านางพลิกบทบาทแล้ว ครั้งนี้ถ้าไม่ให้บทเรียนนางสักหน่อย ในภายหลังจะไม่แย่หรอกเหรอ?” ที่สำคัญคือก็ ครั้งนี้เขาควบคุมไม่ได้แม้กระทั่งเมียตัวเอง เรื่องนี้จะไม่ทำให้เพื่อนร่วมงานหัวเราะเยาะหรอกเหรอ จะมีคนเอาเขาไปล้อเลียนอย่างเลี่ยงไม่ได้ คิดไปคิดมาก็พบว่าไม่มีทางทนรับไหว จะต้องทำให้ปี้เยว่ยอมแพ้แต่โดยดีให้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องสะอิดสะเอียนกับคำว่า ‘ความยอดเยี่ยมของปี้เยว่’ ไปทั้งชีวิต
“ท่านโหว! ท่านโหว…” ถูเหย่ตะโกนบอกอย่างร้อนใจ ขณะมองคล้อยหลังเทียนหยวนเหาะขึ้นท้องฟ้าไป ก็ส่ายหน้าอย่างอับจนปัญญา
ขณะกำลังอยู่ระหว่างทาง ยังไม่ทันถึงดาวอวี้หลัว ท่านโหวเทียนหยวนก้ได้รับข้อความจากบรรดาเพื่อนร่วมงานติดต่อกัน ส่วนใหญ่อยากจะโน้มน้าวให้สองสามีภรรยาดีกัน
ท่านโหวเทียนหยวนยิ่งอับอายจนโมโห นี่เป็นการโน้มน้าวให้คืนดีเสียที่ไหนกัน เทียนหยวนรู้ดีอยู่แก่ใจ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าร้านค้าที่อยู่ใต้สังกัดของตัวเองจะหยุดดำเนินกิจการไปจนถึงเมื่อไร เลยอยากจะมาสืบข่าวจากเขา
ในใจเขารู้ชัด ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของคนจำนวนมาก ตอนแรกทุกคนก็ยังข่มอารมณ์ไหว เพียงแค่อาศัยฐานะเพื่อนร่วมงานมา ‘แสดงความห่วงใย’ พวกเขาสองสามีภรรยาเท่านั้นเอง ถ้าปล่อยให้เรื่องนี้ยืดยาวต่อไป ความขัดแย้งระหว่างสองสามีภรรยาก็จะตัดช่องทางรายได้ของพวกเขา ไม่มีใครว่างมาจ่ายเงินเพื่อยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว มิหนำซ้ำตอนนี้ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ปกติด้วย
เทียนโหวเร่งความเร็วในการเดินทางทันที เหาะด้วยความเร็วสุดกำลัง เตรียมตัวจะงัดข้อกับปี้เยว่สักหน่อย ให้ปี้เยว่ได้รับรู้ถึงวิธีการของเขา พยายามแก้ไขเรื่องนี้ให้ทุกคนเห็นอย่างรวดเร็วที่สุด จะได้ทำให้ทุกคนรู้ว่าเทียนหยวนก็ไม่ใช่ไก่อ่อน
ใช้เวลาเพียงหนึ่งวันกว่าๆ เทียนหยวนก็ไปถึงดาวอวี้หลัวแล้ว หลังจากปลอมตัวแล้วก็มาโผล่นอกตำหนักคุ้มเมือง เขาไม่อยากให้คนเห็นเยอะเกินไปว่าตัวเองมาที่นี่
ผู้จัดการร้านค้าในสังกัดของเขาได้รับข่าวจากผู้การใหญ่ถูเหย่แล้ว จึงมารอที่นี่ล่วงหน้า
เมื่อเจอหน้ากับผู้จัดการร้านซุน เทียนหยวนเหลือบมองตำหนักคุ้มเมืองที่สูงตระหง่าน พร้อมถามว่า “เซี่ยโห้วหลงเฉิงยังไม่ได้ไปไหนใช่มั้ย?”
ผู้จัดการร้านซุนตัวสั่นเล็กน้อย ตอบว่า “หลังจากผู้การใหญ่แจ้งมา ข้าน้อยก็ไปสืบมาแล้ว ว่าเมื่อวานนี้หลังจากดื่มสุรากับลูกน้องเสร็จ ผู้จัดการใหญ่เซี่ยโห้วก็กลับเข้าตำหนักคุ้มเมืองเลย วันนี้ยังไม่ออกจากประตูมาเลย ทางนี้ส่งคนมาเฝ้าตำหนักคุ้มเมืองไว้ตลอด ไม่มีใครเห็นเขาออกมาขอรับ”
เทียนหยวนเองก็ไม่สะดวกจะเปิดเผยตัวตนและบุกเข้าไป จึงเอียงหน้าเล็กน้อย บอกใบให้เขาไปรายงาน
ผู้จัดการร้านซุนที่เตรียมการไว้ตั้งแต่แรกเดินมาที่ตีนบันไดนอกตำหนักคุ้มเมืองทันที หลังจากถูกขวางไว้ก็กุมหมัดคารวะ “ไปรายงานให้หน่อย บอกว่าข้าน้อยมีสมบัติชิ้นหนึ่งจะมามอบให้ผู้บัญชาการใหญ่”
สมบัติเหรอ? ทหารยามมองหน้ากันเลิกลั่ก แล้วหนึ่งในนั้นก็หยิบระฆังดาราออกมารายงาน
บทที่ 1324 เซี่ยโห้วขวัญผวา
โดย
Ink Stone_Fantasy
เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่ใช่แค่ยังไม่ออกไปไหน เมื่อวานดื่มเยอะจนเมามายกลับมา จนกระทั่งตอนนี้ยังนอนกอดสาวงามเปลือยกายสองคนอยู่เลย หลังจากได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์แล้ว ก็ได้สัมผัสความรู้สึกยามเมาได้นอนหนุนตักหญิงงาม ยามตื่นได้กุมอำนาจของขุนนาง ใช้ชีวิตอย่างสุขสันต์หรรษา เขามีอำนาจตัดสินใจในอาณาเขตนี้
สิ่งที่ทำให้คนพูดไม่ออกที่สุดก็คือ เวลาเขาออกไปกินดื่มและนอนกับผู้หญิงก็ไม่ยอมควักเงิน ถ้าร้านไหนกล้าเอ่ยถึงเรื่องเงินก็จะจบเห่แล้ว
ผู้หญิงที่เป็นดาวเด่นแบบเสวี่ยหลิงหลง เขาก็นอนด้วยไปหลายคนแล้ว พอเล่นเบื่อแล้วก็โยนกลับไป อย่าว่าแต่ไม่ยอมควักเงินจ่ายเลย แม้แต่รับผิดชอบก็ไม่เคยเลยสักนิด นางรำพวกนั้นโดนเขาเล่นงานจนอยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา พอฝึกสาวงามคนไหนให้โด่งดังได้ ก็จะโดนเซี่ยโห้วหลงเฉิงเอาไปย่ำยีทันที ทั้งวงการหาดาวเด่นไม่เจอสักคน ทำให้วงการนี้หม่นมัวไม่คึกคัก
เผชิญหน้ากับคนที่ไม่ใช้เหตุผลอะไรเลย ทั้งยังทำอะไรเขาไม่ได้ พวกนางระบำทนรับไม่ไหวอีกแล้ว ขายร้านแล้วไปเติบโตอยู่ที่ตลาดสวรรค์แห่งอื่นแล้ว
แต่จะว่าไปแล้ว ถ้ามีผู้หญิงที่อยู่ในกรอบประเพณีทำแบบนี้ต่อเนื่องกัน แล้วโดนคนเปิดโปงฟ้องร้องขึ้นไป เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็รับผิดชอบไม่ไหวเหมือนกัน การมีระบบขนาดใหญ่ย่อมต้องมีกฎระเบียบอยู่แล้ว ถ้าแม้แต่กฎระเบียบพื้นฐานยังไม่มี ก็จะทำให้ใต้หล้าวุ่นวายใหญ่โต ส่วนผู้หญิงพวกนั้นที่เดิมทีก็มีไว้ขายอยู่แล้ว ในด้านศีลธรรมจรรยา ผู้หญิงพวกนี้เกิดมาเพื่อเสียเปรียบ ต่อให้มีคนฟ้องร้องขึ้นไป ก็เป็นแค่เรื่องที่ต้องชดใช้เงินนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ว่าใครก็กลายเป็นจุดอ่อนที่เล่นงานเซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่ได้ ใครจะไปเอ่ยเรื่องที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงเที่ยวหอนางโลมแล้วไม่จ่ายเงินในการประชุมราชสำนักที่ตำหนักสวรรค์บ้างล่ะ? เรื่องเยอะโดยใช่เหตุ!
ใช่ว่าปี้เยว่จะไม่เคยได้ยินวีรกรรมของเซี่ยโห้วหลงเฉิงมาก่อน แต่ขนาดปี้เยว่ยังไม่คิดเลยว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร แม้แต่ถามก็ยังไม่เคยถามเลย
“ผู้บัญชาการใหญ่! ผู้บัญชาการใหญ่…”
ด้านนอกมีเสียงตะโกนติดต่อกัน ทำให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่นอนหมอบอยู่บนเตียงเงยหน้าขึ้นมา แล้วตะโกนถามว่า “มีเรื่องอะไร?”
“ผู้บัญชาการใหญ่ มีคนมอบของขวัญล้ำค่าให้” ด้านนอกมีเสียงตอบ
“มอบของขวัญล้ำค่า?” เซี่ยโห้วหลงเฉิงได้สติในชั่วพริบตาเดียว ลุกขึ้นนั่งทันที
แขนขาวดุจหยกของสาวงามข้างๆ พัวพันเข้ามาประจบสอพลอ เซี่ยโห้วหลงเฉิงยกมือขึ้นมา คว้าแขนนางโยนไปด้านข้างทั้งตัว “ไสหัวไปทางนั้น”
เรียกได้ว่าตอนเมาเป็นชายที่มีความรักใคร่ พอสร่างเมาก็เป็นชายหัวใจเหล็ก จะมีความรักความห่วงใยสักนิดได้อย่างไร มีอยู่จุดหนึ่งที่ในใจเขารู้ชัดเจน นั่นก็คือไม่ว่าจะมีสาวสวยแบบไหนมาประจบ อาศัยฐานะวงศ์ตระกูลอย่างเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะรับผู้หญิงจากหอนางโลมเข้าตระกูล ไม่อย่างนั้นจะโดนตีตายแน่นอน เอามาเล่นเฉยๆ ได้ แต่อย่าจริงจังเด็ดขาด ถ้ารักษากฎพื้นฐานได้ก็จะไม่เกิดเรื่องอะไรทั้งนั้น ถ้ารักษาไม่ได้ก็เท่ากับแกว่งเท้าหาเสี้ยน
เขาเก็บชุดคลุมตัวนอกออกมาคลุม แล้วเดินเท้าเปล่าออกไป พอเปิดประตูก็ถามทันทีว่า “มอบของขวัญล้ำค่าอะไร?”
ลูกน้องตอบว่า “ไม่ทราบขอรับ ผู้จัดการหูของร้านค้าตระกูลท่านโหวเทียนหยวนกำลังรออยู่นอกตำหนักคุ้มเมือง”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงโบกมือ “เชิญ”
“ขอรับ!” ลูกน้องเพิ่งจะหันตัวมา จู่ๆ เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ตะโกนอีกว่า “ช้าก่อน เจ้ากำลังบอกว่าคนของร้านไหนนำของขวัญล้ำค่ามามอบให้นะ?” มัวคิดแต่เรื่องร่ำรวยจนเกือบลืมเรื่องสำคัญแล้ว
ลูกน้องหันตัวมากล่าวซ้ำอีกครั้ง “เป็นผู้จัดการหูร้านค้าของท่านโหวเทียนหยวนขอรับ”
“ฟื้ด…” เซี่ยโห้วหลงเฉิงสูดหายใจลึกเมหือนตกตะลึง เอามือลูบคางที่เต็มไปด้วยหนวดเครา กะพริบตาที่โตเหมือนวัว แล้วโบกมือบอกว่า “บอกไปว่าข้าไม่อยู่ ข้าไปทำงานที่จวนแม่ทัพภาค ให้เขาไสหัวไป!” พูดจบก็หันตัวกลับเข้าไปในห้อง พอปิดประตูแล้ว ในห้องก็มีเสียงร้องโวยวาย “เงินของข้าล่ะ! มองอะไรของเจ้า ยังไม่มาปรนนิบัติใส่เสื้อให้ปู่คนนี้อีก!”
หลังจากทหารยามตรงประตูตำหนักคุ้มเมืองหยิบระฆังดาราขึ้นมาฟัง ก็บอกคนที่อยู่ตรงตีนบันไดว่า “ผู้จัดการหู ขออภัย ผู้บัญชาการใหญ่ไปที่จวนแม่ทัพภาคแล้ว ไม่อยู่ที่ตำหนักคุ้มเมืองแล้ว ข้าว่านะผู้จัดการหู เจ้ามอบของขวัญล้ำค่าอะไรกันแน่ เปิดเผยให้ดูหน่อยได้มั้ย?”
ท่านโหวเทียนหยวนกวาดสายตาเย็นเยียบมองผู้จัดการร้านซุน เหมือนกำลังถามว่า เจ้าบอกว่าอยู่ข้างในไม่ใช่เหรอ?
“…” ผู้จัดการร้านซุนที่ตาค้างอ้าปากกว้างเหงื่อออกท่วมศีรษะทันที รีบถ่ายทอดเสียงบอกท่านโหวเทียนหยวนที่กำลังทำสายตาไม่เป็นมิตรว่า “ท่านโหว ข้าน้อยไม่กล้าพุดเล่นต่อหน้าท่านโหวแน่นอน ข้าน้อยส่งคนไปเฝ้าไว้รอบๆ ตำหนักคุ้มเมืองแล้วจริงๆ ถ้าผู้บัญชาการใหญ่เซี่ยโห้วออกไปแล้วจริงๆ ไม่มีทางที่ข้าน้อยจะไม่รู้ นอกเสียจากจะขุดหลุมหนีไปเท่านั้น หรือไม่ก็ปลอมตัวออกไป”
ท่านโหวเทียนหยวนเชื่อว่าผู้จัดการร้านซุนไม่มีความกล้าที่จะหลอกเขา สายตาพลันจ้องไปที่ตำหนักคุ้มเมือง นั่นก็แสดงว่าปัญหาอยู่ข้างในแล้ว
เขาหรี่ตาทั้งคู่อย่างอดไม่ได้ ในปีนั้นเซี่ยโห้วหลงเฉิงเป็นลูกน้องปี้เยว่ที่ตลาดสวรรค์ของดาวเทียนหยวนตั้งหลายปี ปี้เยว่มักจะปวดหัวเพราะเซี่ยโห้วหลงเฉิงเสมอ เขาย่อมรู้ดีว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงมีนิสัยเป็นอย่างไร ขนาดอ้างเหตุผลว่า ‘มอบของขวัญล้ำค่า’ ยังล่อให้ออกมาไม่ได้ ถ้าไม่อยู่จริงๆ ก็แปลว่ามีปัญหาอะไรบางอย่างแล้ว
เบื้องบนให้เวลาเขาเพียงสามวัน นี่ก็ผ่านไปหนึ่งวันกว่าๆ แล้ว เขาเสียเวลาต่อไปไม่ไหวอีก ในดวงตาฉายแววคับแค้น พลิกมือหยิบบัตรขุนนางของตัวเองออกมา แล้วโยนไปให้ทหารยามโดยตรง พอทหารยามเห็นบัตรขุนนางสีรุ้งนี้ก็ตกใจมาก พอดูสถานะขุนนางอีกครั้งจนรู้ว่าเป็นใคร พวกเขาก็ตกใจอีกรอบ
ท่านโหวเทียนหยวนกางนิ้วทั้งห้า ดูดบัตรขุนนางกลับมาไว้ในมือ แล้วบีบคอทหารยามคนนั้นไว้ หิ้วเขาให้คอยเบิกทางให้ตลอดทาง
ทหารยามอีกคนรีบหยิบระฆังดารามาติดต่อข้างใน
“นายท่าน ท่านโหวเทียนหยวน ท่านโหวเทียนหยวนมาแล้ว!”
นอกห้องมีเสียงร้องตกใจดังอยู่พักหนึ่ง
สาวงามสองคนในห้องกำลังช่วยหวีผมให้เซี่ยโห้วหลงเฉิง พอเขาได้ยินแบบนั้นก็ผลักพวกนางไปไว้ด้านข้าง พุ่งออกไปในขระที่ผมยาวสยาย แล้วเบิกตากว้างถามว่า “อยู่ที่ไหน?”
ลูกน้องเล่าสถานการณ์ให้ฟัง
“แม่งเอ๊ย มาแล้วจริงๆ” เซี่ยโห้วหลงเฉิงพุ่งตัวกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ดึงมือสาวงามสองคนที่แต่งตัวไม่เรียบร้อย พร้อมบอกว่า “ไป! ไปหลบในร้านของพวกเจ้า”
พอดึงพวกนางออกมาแล้วก็วิ่งไปที่ประตูหลังทันที
คนในครอบครัวเตือนเขาแล้วว่าต้องทำอย่างไร ให้เชื่อฟังปี้เยว่ที่เป็นผู้บังคับบัญชา แต่ทางที่ดีก็อย่ามีเรื่องกับท่านโหวเทียนหยวน ไม่อย่างนั้นถ้าสองสามีภรรยาคืนดีกัน คนที่ซวยก็จะเป็นเจ้า เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่ได้อยากเจอท่านโหวเทียนหยวนเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องลำบากใจขนาดนี้
ท่านโหวเทียนหยวนที่ลากคอทหารยามเดินมาตลอดทางบุกเข้าตำหนักหลัง ร่ายอิทธิฤทธิ์กวาดหาทั้งตำหนักคุ้มเมือง ทำให้พบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติทันที แม้แต่บทสนทนาระหว่างเซี่ยโห้วหลงเฉิงกับสองสาวงาม เขาก็ได้ยินอย่างชัดเจน จึงถลันตัวเหาะไปทันที มาขวางอยู่ตรงหน้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงที่กำลังหลบหนีแล้ว กำลังยืนหันหลังให้และเก็บหนังปลอมบนใบหน้า
เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่หยุดอย่างกะทันหันผลักผู้หญิงสองคนไว้ข้างหน้า ส่วนตัวเองก็หดหัวหลบอยู่ข้างหลัง เป็นภาพที่ตลกขบขันยิ่งนัก
ท่านโหวเทียนหยวนหันกลับมามองด้วยสายตาเย็นเยียบ พอโบกมือหนึ่งครั้ง สาวงามสองคนที่กำลังตื่นตระหนกก็ไม่ทันได้ร้องออกมาด้วยซ้ำ มีเสียงระเบิดดังขึ้นสองครั้งพร้อมเศษเลือดเนื้อที่ปลิวกระจาย เศษเนื้อหนังตกลงบนใบหน้าและร่างกายของเซี่ยโห้วหลงเฉิง ทำเอาเซี่ยโห้วหลงเฉิงมีเศษเนื้อเศษเลือดปนกันมั่วไปหมด
ท่านโหวเทียนหยวนเดินเหยียบเลือดเนื้อเข้ามาทีละก้าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาโมโหแล้วจริงๆ!
เซี่ยโห้วหลงเฉิงราวกับเห็นผี เดินถอยหลังทีละก้าว พร้อมทั้งโบกมือสองข้า “ท่านโหว! ท่านบุกเข้ามาที่ตำหนักคุ้มเมืองได้ยังไง” เขาเองก็ตกใจแล้วจริงๆ
ท่านโหวเทียนหยวนตอบเสียงเย็นว่า “บุกเหรอ? ข้าเผยตัวตนเดินมาตลอดทาง ไม่เห็นมีใครขวางสักคน ทำไมปากเจ้าถึงบอกว่าข้าบุกได้ล่ะ? ข้าเห็นผู้หญิงสองคนนี้ทำให้เจ้าตกใจจนปล่อยผมสยายวิ่งหนีไปทั่ว ก็เลยจะมาลงมือช่วยแก้ปัญหาสักหน่อย หรือว่าเจ้าจะไม่รับไมตรีนี้? ทำไมล่ะ หรือว่าคิดจะลงมือกับข้าอีก?” ขณะที่พูดก็กวาดตามองทหารยามที่อยู่รอบข้างด้วยสายตาเย็นชาดุดัน
เซี่ยโห้วหลงเฉิงมองซ้ายมองขวา แล้วรีบโบกมือบอกว่า “ถอยไป ถอยไป!”
ต่อให้เขาจะโง่กว่านี้แต่ก็รู้เช่นกัน ว่าถ้าหากท่านโหวเทียนหยวนจะลงมือกับตนจริงๆ คนพวกนี้ก็ปกป้องเขาไม่ได้เลย
เซี่ยโห้วหลงเฉิงถอยไปอยู่บนภูเขาจำลอง แผ่นหลังติดผนังแล้ว ถอยจนไม่มีทางให้ถอยแล้ว ใบหน้าที่เปื้อนเลือดพยายามเจียดรอยยิ้ม “ท่านโหว ท่านมาได้ยังไง?”
ท่านโหวเทียนหยวนยืนอยู่ตรงหน้าเขา ยื่นนิ้วมาเขี่ยเศษเนื้อชิ้นหนึ่งบนใบหน้าเขาออก ทั้งยังแกว่งเศษเนื้อที่ยังอุ่นๆ ชิ้นนั้นตรงหน้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงด้วย “ทำไมต้องทำให้ตัวเองสะบักสะบอมขนาดนี้? ว่ามาเถอะ เจ้าหลบข้าทำไม?” พูดจบก็ดีดนิ้ว เศษเนื้อเด้งไปติดบนจมูกเซี่ยโห้วหลงเฉิงอีกครั้ง
เซี่ยโห้วหลงเฉิงจ้องปลายจมูกตัวเอง ดวงตาเหล่เล็กน้อย ตอนนี้ถึงได้รู้แล้ว รีบใช้สองมือเช็ดใบหน้าตัวเอง “อุ…” เขาอมลมในกระพุ้งแก้ม ยอดหญิงงามสองคนที่เมื่อคืนยังเคล้าเคลียอยู่กับเขา ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นเศษเนื้ออยู่บนร่างกายเขาแล้ว ทำให้เขาสะอิดสะเอียนจนแทบจะอ้วกออกมา
เขาเอามือทาบอก พยายามฝืนทนไม่ให้อาเจียนออกมา พลางพูดจาเหลวไหลแบบตาไม่กะพริบ “ไม่ได้หลบเสียหน่อย!”
ท่านโหวเทียนหยวนยกมือขึ้นตรงหน้าเขา คลึงขยี้รอยเลือดตรงปลายนิ้ว พร้อมกล่าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่งว่า “ถ้าปี้เยว่ให้เจ้าหลบข้า พวกเราก็เจรจากันดีๆ ได้ ดูก่อนว่าเจ้าชอบของที่อยู่ข้างในนี้รึเปล่า” พอเขากระดกนิ้ว กำไลเก็บสมบัติที่ห้อยอยู่บนปลายนิ้วที่เปื้อนเลือดก็ส่งไปตรงหน้าอีกฝ่ายแล้ว
เซี่ยโห้วหลงเฉิงร่ำร้องในใจ ‘ทางท่านโหวเทียนหยวนอาจจะใช้เงินทองจำนวนมากมาซื้อเจ้า’ สงสัยคนในครอบครัวตัวเองจะพูดถูกแล้ว แต่สิ่งที่คนในบ้านไม่ได้คาดการณ์ไว้ก็คือ ท่านโหวเทียนหยวนมาเยือนด้วยตัวเองแล้ว แรงกดดันนี้ใหญ่เกินไปหน่อย!
เขาเองก็อยากจะรับไว้ แต่คนในบ้านลั่นวาจาออกมาแล้ว ต่อให้เขาใจกล้ากว่านี้หมื่นเท่าแต่ก็ไม่กล้าทำซี้ซั้วอยู่ดี จึงตอบด้วยสีหน้าลังเลสับสนว่า “ท่านโหว ข้ารู้ว่าท่านหมายความว่ายังไง ไม่ต้องดูของสิ่งนี้แล้วล่ะ ข้าไม่ชอบแน่นอน ต่อให้ท่านมอบเหมืองผลึกแดงให้ข้าหนึ่งแห่ง ข้าก็ไม่สนใจอยู่ดี”
พอพูดหยั่งเชิงมาแบบนี้ ท่านโหวเทียนหยวนก็เข้าใจแล้ว ที่เขาดึงดันจะบุกเข้ามาในนี้ ก็เพราะอยากจะเห็นว่าสาเหตุเกิดมาจากปี้เยว่หรือไม่ เพราะเขาไม่เชื่อว่าปี้เยว่จะมีสมองทำเรื่องแบบนี้ได้ ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะคาดคะเนได้และถือโอกาสตัดทางหนีทีไล่เขาไว้ล่วงหน้า ตอนนี้เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่แม้แต่จะดูของข้างในด้วยซ้ำ เขาเข้าใจแล้วว่าใครเป็นคนลงมือ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับปี้เยว่ เขาถึงขั้นสงสัยด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นแผนของตระกูลเซี่ยโห้ว
เขาพลิกมือเก็บกำไลเก็บสมบัติ แล้วแสยะยิ้มบอกว่า “กลับไปบอกคนในบ้านเจ้าด้วยนะ ว่าข้าจะจดจำบัญชีนี้ไว้ ถ้ามีโอกาสจะต้องเอาคืนแน่นอน” พูดจบก็หันตัวเดินจากไป ไม่ทำให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงลำบากใจอีก
สำหรับเขา ครั้งนี้ถือว่าแพ้อย่างยุติธรรม เพราะตระกูลเซี่ยโหว้ที่อยู่เบื้องหลังลงมือเองแล้ว ถ้ากลับไปรายงานเบื้องบนแบบนี้ ก็ไม่ถือว่าตัวเองเสียหน้าเหมือนกัน นับว่าหาบันไดลงให้ตัวเองได้แล้ว
“ท่านโหว กลับดีๆ นะ ส่งตรงนี้!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงโบกมือกล่าว
รอจนกระทั่งเบื้องล่างรายงานขึ้นมา แน่ใจว่าท่านโหวเทียนหยวนไปแล้ว เขาถึงได้หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อคนในตระกูล แล้วเล่าสถานการณ์ให้ฟังรอบหนึ่ง
บิดาของเขากล่าวว่า : ท่านโหวเล็กๆ คนเดียวก็กล้ามาขู่ตระกูลเซี่ยโห้วของเราเหรอ ท่านโหวที่ตระกูลเราบีบคอตายไปก็มีเจ็ดแปดคนแล้ว เป็นตัวอะไรกัน ไม่ต้องสนใจเขา!
เทียนหยวนที่เหาะเพียงลำพังอยู่บนฟ้าก็หยิบระฆังดาราติดต่อเทพประจำดาวคนฉลูเช่นัน เล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ แล้วสุดท้ายก็กล่าวสรุป ว่าเรื่องนี้ตระกูลเซี่ยโห้วเป็นคนลงมือ
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเซี่ยโห้วลงมือหรือไม่ เพื่อหน้าตาศักดิ์ศรีของตัวเอง เขาจึงผลักเรื่องนี้ไปให้เซี่ยโห้วแล้ว ต้องการลดผลกระทบไม่ดีที่จะเกิดกับตัวเอง ประการต่อมาเป็นเพราะในใจเขาโมโหที่ตระกูลเซี่ยโห้วเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ สามารถพูดได้ว่าถือโอกาสล้างแค้น ให้เบื้องบนได้รู้ว่าตระกูลเซี่ยโห้วอยากจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเขา
เทพประจำดาวคนฉลูตอบว่า : ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ สมกับเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงเก่าแก่ ลงมือได้อย่างไม่ธรรมดา พอได้ลงมือก็ตัดขาดทางหนีทีไล่ของเจ้าเลย โชคดีที่เบื้องบนไม่ได้บุ่มบ่ามลงมือ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงจะเสียหน้าแย่ ช่างเถอะ ครั้งนี้คิดเสียว่าให้เจ้าไปหยั่งเชิงจนไม่ได้รับความเป็นธรรม ข้าจะบอกเบื้องบนให้ เรื่องนี้ดึงดูดความสนใจของวังสวรรค์แล้ว ไม่รู้ว่ากำลังคิดจะเคลื่อนไหวอะไร ทางเจ้ารีบถือโอกาสวางมือแต่เนิ่นๆ อย่าทำให้เรื่องราวใหญ่โตในช่วงเวลานี้ ไม่อย่างนั้นจะไม่เป็นผลดีกับทุกคน
ท่านโหวเทียนหยวน : ขอรับ! ข้าน้อยเข้าใจแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น