เทพปีศาจหวนคืน 1322-1324
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1322 ข้อจำกัดของฝ่ายธรรมะ
แปลโดย iPAT
ภาคใต้ ภูเขาอี้เทียน ค่ายกลวิญญาณ
“วูอัน (วูเหลียว) คารวะท่านวูอี้ไห่” ในค่ายกลวิญญาณของตระกูลวู วูเหลียวและวูอันทักทายฟางหยวนด้วยความเคารพ
ฟางหยวนพยักหน้า “นั่งลงและอธิบายว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ผู้อาวุโสวูเป่ยได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆงั้นหรือ?”
วูเหลียวและวูอันชำเลืองมองหน้ากัน วูเหลียวเงียบและปล่อยให้วูอันรายงาน “นายท่าน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น…”
เดิมทีตระกูลปาก็พยายามต่อต้านตระกูลวูอยู่แล้ว เมื่อตระกูลวูพบกับความยากลำบากจากปัญหาจากทุกทิศทาง ตระกูลปาจึงร่วมวงเคลื่อนไหว
ปาเต๋อวางแผนมานาน วูเป่ยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้กับเขา
ผลของการประลองคือชัยชนะของตระกูลปา
“เราไม่ได้คาดหวังว่าท่านวูเป่ยจะได้รับบาดเจ็บร้ายแรงถึงเพียงนี้ แม้ท่านวูเป่ยจะแพ้ในการประลอง แต่ท่านก็ประสบความสำเร็จในภารกิจ”
“ถูกต้อง แม้ท่านวูเป่ยจะแพ้ปาเต๋อ แต่ท่านวูเป่ยยังสามารถเข้าประชุมกับตระกูลเฉียวและตระกูลอื่นๆ นั่นทำให้เราคิดว่าอาการบาดเจ็บของท่านไม่ร้ายแรงนัก”
เมื่อวูอันกล่าวจบ วูเหลียวก็กล่าวเสริม
ฟางหยวนเย้ยหยันอยู่ภายในแต่ภายนอกแสดงออกด้วยความกังวล “ข้าเข้าใจสถานการณ์แล้ว ตอนนี้ข้าอยู่ที่นี่ ดังนั้นทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม ข้าจะไม่เคลื่อนไหวหากศัตรูไม่ขยับ”
“รับทราบ” วูเหลียวและวูอันตอบรับทันที
พวกเขาไม่แปลกใจกับคำสั่งดังกล่าว
ความกังวลของทุกคนก็คือความแข็งแกร่งของวูอี้ไห่จะเปรียบเทียบกับปาเต๋อได้อย่างไร?
แม้วูอี้ไห่จะสามารถเอาชนะเซี่ยเฟยกุ้ย แต่มันก็เป็นการประลองที่ตัดสินด้วยกฎ
แม้เขาจะสามารถแก้ปัญหาเกี่ยวกับหอยภูเขา แต่ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น มันเป็นการเจรจากับสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขา
นอกจากนั้นข่าวลือเกี่ยวกับเฉียวซื่อหลิวยังเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนรังเกียจเขา
“หากไม่มีสิ่งใดแล้ว พวกเจ้าสองคนก็ออกไปได้ ข้ารีบมาที่นี่ ข้ารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย” ฟางหยวนโบกมือ
วูเหลียวจากไปทันทีแต่วูอันลังเลก่อนจะกล่าวเบาๆ “นายท่าน มีบางสิ่งที่ข้าต้องรายงาน…”
“พูด” ฟางหยวนรู้ว่าวูอันต้องการรายงานสิ่งใด
แน่นอนว่าคำกล่าวของวูอันไม่ได้อยู่นอกเหนือจากความคาดหมายของฟางหยวน มันเกี่ยวกับธุรกิจซื้อขายโอกาส
“สถานการณ์ค่อนข้างตึงเครียด ตระกูลอื่นๆกำลังวิตกและหวาดกลัว เราควรหยุดธุรกิจนี้สักระยะหรือไม่?” วูอันถาม
ฟางหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง “ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าบอกไปแล้วว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิม หากไม่มีสิ่งใดแล้วเจ้าก็ออกไปได้”
“รับทราบ” ร่องรอยของความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของวูอันขณะที่เขาโค้งคำนับและจากไป
ตราบเท่าที่ธุรกิจซื้อขายโอกาสยังดำเนินต่อไป วูอันก็สามารถทำกำไรได้ต่อไป แล้วเหตุใดเขาจะไม่มีความสุข?
แม้ธุรกิจจะถูกเปิดโปงโดยตระกูลปา ความรับผิดชอบของวูอันก็ยังต่ำมากเพราะหัวหน้าของเขาอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจนี้ต่อไป
ฟางหยวนตระหนักถึงความคิดของวูอันเป็นอย่างดี
เขาเย้ยหยันอยู่ภายใน ‘วูอันผู้นี้ช่างสายตาสั้นนัก’
มันเป็นเรื่องจริงที่สถานการณ์ในปัจจุบันของตระกูลวูดูไม่ดีนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ยังเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของภาคใต้้
ปาเต๋อฉลาดมาก แม้เขาจะเคลื่อนไหว เขาก็ไม่ได้โจมตีธุรกิจซื้อขายโอกาส เขารู้ขีดจำกัดของตนเองเพราะผลประโยชน์นี้ไม่ได้เป็นของตระกูลวูเพียงตระกูลเดียวแต่ยังรวมถึงตระกูลอื่นอีกหลายตระกูล
หากเขาโจมตีธุรกิจนี้ มันจะนำไปสู่ความเป็นอริศัตรูกับกองกำลังอื่นๆ เมื่อเวลานั้นมาถึงกองกำลังพันธมิตรของตระกูลวูจะร่วมมือกันจัดการตระกูลปา
ด้วยความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ของภาคใต้ทั้งหมด ปาเต๋อจึงไม่ได้โจมตีไปที่จุดนี้เพื่อสร้างความยากลำบากให้กับตนเอง หากเขาทำ ผลลัพธ์จะไม่น่าพอใจ เว้นเพียงตระกูลวูจะล้มลง เมื่อเวลานั้นมาถึงมันจะเป็นเวลาเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ
ไม่ว่าจะเป็นปาเต๋อหรือฟางหยวน พวกเขาต่างเข้าใจจุดนี้
เรื่องราวบนโลกใบนี้เหมือนเกมส์หมากรุก ผู้เล่นที่เก่งที่สุดมักวางแผนการเคลื่อนไหวในอนาคตเอาไว้ล่วงหน้า พวกเขาจะรู้ว่าเมื่อใดควรใช้กลยุทธ์ใดและตัวหมากชิ้นไหนที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ด้วยเหตุนี้ธุรกิจซื้อขายโอกาสจึงดำเนินต่อไป สิ่งที่จะทำให้ปาเต๋อเคลื่อนไหวไม่ใช่ธุรกิจนี้แต่เป็นตระกูลวู!
ปัจจัยในการตัดสินใจมักไม่ใช่ตัวปัญหาแต่เป็นปัจจัยภายนอก
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ฟางหยนวก็หันหน้าไปทางตระกูลวูโดยไม่รู้ตัว
วูหยงอาจเป็นผู้อมตะระดับแปดแต่เขายังตกลงสู่กับดักของฟางหยวน
เพราะนี่ไม่ใช่การแข่งขันด้วยความแข็งแกร่งแต่เป็นประสบการณ์
เหตุผลที่ฟางหยวนเริ่มเข้าหาเฉียวซื่อหลิวไม่ใช่เพราะตัวของเฉียวซื่อหลิวเองแต่เขาทำเพื่อให้ได้กลับมายังอาณาจักรแห่งความฝัน
วูหยงสามารถอดทนต่อความโลภของวูอี้ไห่แต่เขาไม่สามารถอดทนต่อการแย่งชิงอำนาจในตระกูลวู
ที่เป็นสิ่งที่สามารถคาดเดา
ก่อนที่วูตู๋ซิ่วจะเสียชีวิต นางต้องการมอบวิญญาณอมตะของนางให้กับวูอี้ไห่
สายเลือดและต้นกำเนิดของวูอี้ไห่ได้รับการยอมรับแล้ว เมื่อเขาได้รับอำนาจบางอย่าง เขาจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับวูหยง
เดิมทีวูตู๋ซิ่วคอยระวังตระกูลเฉียวมาตลอด ตอนนี้วูหยงก็ต้องป้องกันภัยคุกคามจากตระกูลเฉียวและวูอี้ไห่เช่นกัน
เมื่อตระกูลเฉียวกับวูอี้ไห่ใกล้ชิดกัน แล้ววูหยงจะไม่ตื่นตัวได้อย่างไร?
ก่อนหน้านี้วูอี้ไห่กลับเข้าสู่ตระกูลวูด้วยความช่วยเหลือจากตระกูลเฉียว โดยเฉพาะการออกหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามของตระกูลวู มันทำให้วูหยุงต้องระวังตัวมากขึ้น
และตอนนี้ดูเหมือนวูอี้ไห่จะกลับไปร่วมมือกับตระกูลเฉียวอีกครั้ง มันยิ่งทำให้วูหยงวิตกกังวล
การกระทำของวูหยงเป็นแผนการที่เตรียมไว้อย่างพิถีพิถัน
เขาไม่ได้ถามโดยตรงว่าฟางหยวนยังต้องการกลับไปอาณาจักรแห่งความฝันหรือไม่
แต่เขาให้ฟางหยวนเลือกภารกิจสามอย่าง
มีความหมายอยู่เบื้องหลังตัวเลือกทั้งสาม
ภารกิจแรก ภูเขาซวนหมิง มันเป็นงานหนักที่สุดโดยธรรมชาติ มันจะเกิดความขัดแย้งและต่อสู้ขึ้นอย่างแน่นอนเนื่องจากมีวิญญาณอมตะเข้ามาเกี่ยวข้อง หากฟางหยวนเลือกภารกิจนี้ มันหมายความว่าเขายินดีเสี่ยงชีวิตเพื่อตระกูลและวูหยงสามารถใช้ประโยชน์จากเขาได้อีกมากในอนาคต
ภารกิจที่สาม งานเลี้ยงวันเกิดของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของตระกูลอี้ มันคือการทดสอบ ตระกูลอี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทะเลตะวันออก หากฟางหยวนเลือกภารกิจนี้ นั่นหมายความว่าเขายังคงผูกพันกับทะเลตะวันออกอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ
ภารกิจที่สอง ป้องกันอุทกภัยจากแม่น้ำมังกรแดง นี่คือกับดัก
ตระกูลวูและตระกูลเฉียวมีอาณาเขตอยู่ใกล้กับแม่น้ำมังกรแดงทั้งคู่ ตระกูลวูต้องการป้องกันน้ำท่วม ตระกูลเฉียวก็เช่นกัน
ดังนั้นมีโอกาสที่ผู้อมตะของทั้งสองตระกูลจะร่วมมือกัน
เมื่อฟางหยวนเลือกภารกิจนี้ หัวใจของวูหยงกลายเป็นเย็นเยียบ แม้เขาจะยิ้มแย้ม แต่เขาได้ตัดสินใจย้ายวูอี้ไห่ออกไปทันที เขาไม่สามารถปล่อยให้วูอี้ไห่ติดต่อกับตระกูลเฉียวได้อีกต่อไป
เฉียวซื่อหลิวเป็นหนึ่งในสามเทพธิดาที่งดงามที่สุดของภาคใต้ นางมีความงามที่น่าหลงใหล แม้ตอนนี้หัวใจของวูอี้ไห่จะไม่สั่นคลอน แต่ผู้ใดจะสามารถบอกได้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร?
กระทั่งผู้ชายที่โดดเด่นก็ไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของหญิงงาม โดยเฉพาะหญิงงามเช่นเฉียวซื่อหลิว
นอกจากความงามแล้ว นางยังมีความเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่ไม่ธรรมดา
เมื่อวูอี้ไห่แต่งงานกับเฉียวซื่อหลิว มันจะกลายเป็นเรื่องที่ทำกำไรหมาศาลให้กับเขาและตระกูลเฉียว
วูอี้ไห่สามารถใช้ตระกูลเฉียวเพื่อเพิ่มอำนาจในตระกูลวูให้กับตนเอง สุดท้ายตระกูลเฉียวจะสามารถทำลายขีดจำกัดในอดีตของพวกเขาได้สำเร็จ พวกเขาจะสามารถเจาะลึกเข้าสู่แกนกลางของต้นไม้ใหญ่ที่เรียกว่าตระกูลวู
แล้ววูหยงจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองอย่างรุนแรงเพราะมันอาจย้อนกลับมาจัดการเขา
ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายธรรมะก็มีกฎเกณฑ์ที่ต้องทำตาม เขาไม่สามารถกระทำการอย่างตรงไปตรงมาเหมือนฝ่ายปีศาจ
วูหยงคิดและพบว่ามันยากที่จะจัดการวูอี้ไห่ แม้จะมีหลักฐานการทุจริตของวูอี้ไห่แต่วูอี้ไห่ก็เป็นน้องชายของเขา
หลังจากครุ่นคิด วูหยงก็นึกถึงอาณาจักรแห่งความฝัน
เขาสามารถใช้อาณาจักรแห่งความฝันเพื่อเนรเทศวูอี้ไห่ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ความสำเร็จที่ผ่านมาของวูอี้ไห่ทำให้วูหยงตัดสินใจในที่สุด
เขาลงมือทันทีหลังจากตัดสินใจ แม้เขาจะให้ฟางหยวนเลือกภารกิจสามอย่าง แต่ในความเป็นจริงฟางหยวนไม่มีตัวเลือก พวกมันเป็นเพียงบททดสอบเท่านั้น
‘ฝ่ายธรรมะเป็นเช่นนี้’
‘หากผู้ใดไม่อยู่ข้างบนก็จะไม่มีอิสระ’
‘แต่กระทั่งจะอยู่บนจุดสูงสุด องค์กรก็จะกลายเป็นโซ่ตรวนที่ผูกมัดพวกเขาเอาไว้’
ฟางหยวนถอนหายใจอยู่ภายในแต่เขารีบจัดการอารมณ์ของตนเองและเริ่มมองไปที่อาณาจักรแห่งความฝันที่อยู่ข้างหน้า
เขากลับมาที่นี่อีกครั้ง วิญญาณอมตะสองดวงยังเป็นของเขา
อาณาจักรแห่งความฝันขยายตัวและเคลื่อนไหวตลอดเวลา
‘โอ้ อาณาจักรแห่งความฝันนี้ค่อนข้างดี มันเกิดจากความทรงจำและประสบการณ์ของเจ้าของ ไม่ใช่จินตนาการที่ไร้สาระ’
ฟางหยวนตรวจสอบและเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันทันที
วิสัยทัศน์ของเขาเปลี่ยนไป
บนเนินเขาที่ลาดเอียงเล็กน้อย ผู้อมตะวัยกลางคนหันหลังกลับมาหาฟางหยวน “บุตรชายของข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดตระกูลตู้ของเราจึงมีอำนาจเหนือเทือกเขาแห่งนี้?”
ฟางหยวนตรวจสอบตนเองและพบว่าเขากลายเป็นเด็กไปแล้ว
“ท่านพ่อ ข้าไม่รู้” เขาตอบ
“เพราะเส้นทางแห่งค่ายกล!” เสียงของผู้อมตะวัยกลางคนดังขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
“เส้นทางแห่งค่ายกล?” ฟางหยวนพึมพำ
“ถูกต้อง เส้นทางแห่งค่ายกล” ดวงตาของผู้อมตะวัยกลางคนส่องประกายคมชัด
“ท่ามกลางเส้นทางมากมาย เส้นทางแห่งค่ายกลอาจเป็นเส้นทางที่ซับซ้อนที่สุด บุตรชายของข้า ตั้งแต่วันนี้ข้าจะมอบแก่นแท้บนเส้นทางแห่งค่ายกลให้กับเจ้าและแนะนำวิธีการบ่มเพาะของเจ้า” ผู้อมตะวัยกลางคนกล่าวด้วยสายตาที่เร้าร้อน
“ท่านพ่อ ข้าจะตั้งใจเรียนอย่างแน่นอน” ฟางหยวนตอบกลับ
ผู้อมตะวัยกลางคนส่ายศีรษะ “ตั้งใจเรียนยังไม่พอ เจ้าต้องประสบความสำเร็จ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ประสบความสำเร็จ เจ้าต้องเก่งกว่าทุกคนและต้องเป็นผู้อมตะที่อายุน้อยที่สุดเพราะเจ้าคือบุตรของตู้ซื่อเฉิน เพราะเจ้าคือว่าที่ผู้นำตระกูลตู้!”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1323 เส้นทางแห่งค่ายกล
แปลโดย iPAT
‘ตู้ซื่อเฉิน? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน…’ ฟางหยวนคิด
เนื่องจากแซ่ของพ่อเด็กคือตู้ เด็กที่ฟางหยวนสวมบทบาทก็ต้องแซ่ตู้เช่นกัน ความสามารถในการฝากอาณาจักรแห่งความฝันไว้เบื้องหลังหมายความว่าเด็กผู้นี้มีทักษะที่โดดเด่นบนเส้นทางแห่งค่ายกล แต่ฟางหยวนไม่เคยได้ยินว่ามีผู้เชี่ยวชาญแซ่ตู้ในประวัติศาสตร์
ฟางหยวนทบทวนความทรงจำแต่ไม่พบสิ่งใดเลย
โดยธรรมชาติแล้วความรู้ของเขาย่อมไม่ครอบคลุมประวัติศาสตร์ทั้งหมด บางทีนี่อาจเป็นอาณาจักรแห่งความฝันของผู้เชี่ยวชาญที่ซ่อนอยู่
“มานั่งข้างข้า” ผู้อมตะวัยกลางคนนั่งลงบนพื้น
ฟางหยวนรีบนั่งลงข้างๆเขา
“บุตรของข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเส้นทางแห่งการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณมีกี่เส้นทาง?” ตู้ซื่อเฉินถามด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
ฟางหยวนไตร่ตรองและรู้สึกว่ามันมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น เส้นทางแห่งห้วงมิติ เส้นทางแห่งกาลเวลา เส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งพลังปราณ เส้นทางความแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งกฎ และเส้นทางสายอื่นๆ พวกมันค่อยๆปรากฏขึ้นทีละเส้นทาง
‘ห้าร้อยปีหลังจากนี้ยังมีเส้นทางแห่งความฝัน…เส้นทางการบ่มเพาะของผู้อมตะจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ’ ฟางหยวนไตร่ตรองอยู่ในใจก่อนตอบ “ตามที่ข้ารู้มีเส้นทางแห่งห้วงมิติ เส้นทางแห่งกาลเวลา อืม ยังมีเส้นทางแห่งพลังปราณ และเส้นทางแห่งปัญญา”
ตู้ซื่อเฉินพยักหน้า “เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง แต่มันไม่ได้มีเพียงเท่านั้น ให้ข้าบอกเจ้า ในยุคของมนุษย์คนแรกมีเส้นทางแห่งห้วงมิติและเส้นทางแห่งกาลเวลา ทั้งสองเส้นทางได้รับการค้นคว้าทำให้เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง”
“ในอดีตอันไกลโพ้น เทพอมตะแรกกำเนิดได้สร้างเส้นทางแห่งพลังปราณและเส้นทางแห่งทาสขึ้นมา เทพอมตะกลุ่มดาวสร้างเส้นทางแห่งปัญญาและเส้นทางแห่งดวงดาว สำหรับเส้นทางแห่งค่ายกล มันถูกสร้างขึ้นหลังจากนั้น แต่ผู้สร้างเส้นทางสายนี้ไม่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ เส้นทางแห่งการหลอมรวมและเส้นทางแห่งไฟถูกสร้างขึ้นหลังจากนั้น”
“ต่อมาเทพปีศาจไร้ขอบเขตสร้างเส้นทางแห่งกฎ เทพปีศาจคลั่งสร้างเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เส้นทางความแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งวายุ เส้นทางแห่งแสง และเส้นทางแห่งความมืดถูกสร้างขึ้นในยุคนี้เช่นกัน”
“เทพอมตะบัวสวรรค์สร้างเส้นทางแห่งไม้ เทพปีศาจปล้นสวรรค์สร้างเส้นทางแห่งการโจรกรรม เทพอมตะตะวันเดือดสร้างเส้นทางแห่งโชค นอกจากนั้นเส้นทางแห่งโลหะ เส้นทางแห่งวารี เส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็ง เส้นทางแห่งเมฆา เส้นทางแห่งปฐพี เส้นทางแห่งสายฟ้า เส้นทางแห่งข้อมูล และเส้นทางแห่งเสียง พวกมันถูกสร้างขึ้นหลังจากนั้น”
“และในยุคปัจจุบัน เส้นทางแห่งกระดูก และเส้นทางแห่งภูตผีถูกสร้างขึ้น แน่นอนว่ายังมีเส้นทางสาขาเล็กๆเกิดขึ้นอีกมากมาย”
ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ฟางหยวนเข้าใจทันที
‘ดังนั้นอาณาจักรแห่งความฝันนี้ก็อยู่ในยุคโบราณตอนปลาย ตอนนี้เทพปีศาจจิตวิญญาณยังไม่ปรากฏ มิฉะนั้นตู้ซื่อเฉินคงพูดถึงเขาไปแล้ว’
ตู้ซื่อเฉินกล่าวต่อ “บุตรของข้า เส้นทางแห่งค่ายกลของเราเป็นหนึ่งในเส้นทางที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุด แม้จะไม่สามารถเปรียบเทียบกับเส้นทางแห่งห้วงมิติและเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่มันก็ถูกสร้างขึ้นในยุคเดียวกับเส้นทางแห่งพลังปราณและเส้นทางแห่งปัญญา มันยังปรากฏขึ้นก่อนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง”
ตู้ซื่อเฉินถาม “แก่นแท้ของเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงคือการแสดงเส้นทางจำนวนนับไม่ถ้วน บุตรของข้า เจ้าคิดว่าแก่นแท้ของเส้นทางแห่งค่ายกลคือสิ่งใด?”
แม้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนจะอยู่ในระดับสามัญ แต่คำถามนี้ค่อนข้างง่าย
เขาตอบ “เส้นทางแห่งค่ายกลคือการผสานเส้นทางจำนวนนับไม่ถ้วน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ตอบได้ดี!” ตู้ซื่อเฉินสรรเสริญและอธิบาย “เส้นทางแห่งค่ายกลของเราสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณที่ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ เส้นทางแห่งกาลเวลา เส้นทางแห่งโลหะ เส้นทางแห่งไม้ เส้นทางแห่งไฟ เส้นทางแห่งวารี และเส้นทางสายอื่นๆ กล่าวได้ว่าเส้นทางแห่งค่ายกลเป็นเส้นทางที่ซับซ้อนที่สุดในบรรดาเส้นทางทั้งหมด”
“การสร้างค่ายกลวิญญาณเป็นเรื่องยากมากเพราะมันอาจต้องใช้วิญญาณบนเส้นทางสายอื่นอีกมากมาย ดังนั้นเมื่อพวกเราบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งค่ายกล พวกเราต้องมีความเข้าใจเส้นทางสายอื่นด้วย แม้ความเข้าใจจะไม่ลึกซึ้งมากนัก พวกเราก็จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับพวกมัน เราต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับวิญญาณที่เราจะใช้”
ฟางหยวนพยักหน้าและตั้งใจฟัง
นี่คือหนึ่งในความยากลำบากของการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งค่ายกล
ในความเป็นจริงทุกเส้นทางล้วนมีจุดแข็งและจุดอ่อน ตัวอย่างเช่นเส้นทางแห่งทาสทำให้คนผู้หนึ่งสามารถต่อสู้กับศัตรูจำนวนมากด้วยตนเองแต่ผู้ที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งนี้ก็ต้องการทรัพยากรจำนวนมาก
เส้นทางแห่งค่ายกลมีอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่เรื่องการเรียนรู้เพราะมันเกี่ยวข้องกับเส้นทางสายอื่นๆอีกมากมาย
การบ่มสร้างผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งค่ายกลไม่ใช่เรื่องง่าย ด้านหนึ่ง พวกเขาจำเป็นต้องใช้ทรัพยากร เวลา และความรู้ ในทางกลับกัน ผู้ใช้วิญญาณจำเป็นต้องมีพรสวรรค์และทุ่มเท
ดังนั้นในโลกใบนี้จึงมีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลอยู่น้อยมาก
อย่างไรก็ตามผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลยังมีมากกว่าผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา
นี่เป็นเหตุผลที่ฟางหยวนไม่เคยเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งค่ายกลตลอดห้าร้อยปีในชีวิตแรก
อุปสรรคในการเข้าสู่เส้นทางสายนี้สูงมากและเป็นเรื่องยากที่จะเรียนรู้
“บุตรของข้า ตั้งแต่เจ้าเป็นผู้ใช้วิญญาณในวันนี้ ข้าก็จะมอบวิญญาณดวงแรกให้กับเจ้า” ตู้ซื่อเฉินนำวิญญาณดวงหนึ่งออกมา
มันเป็นเต่าทองที่ดูน่ารัก
“นี่คือวิญญาณแก่นแท้ค่ายกล มา ปรับแต่งมัน” ตู้ซื่อเฉินกล่าว
ด้วยความช่วยเหลือจากตู้ซื่อเฉิน ฟางหยวนสามารถปรับแต่งวิญญาณระดับหนึ่งดวงนี้ได้อย่างง่ายดาย
เต่าทองตัวน้อยกระพือปีกและบินไปรอบๆฟางหยวน
วิญญาณดวงนี้ไม่ได้ล้ำค่า อาจเรียกได้ว่ามันเป็นวิญญาณที่ธรรมดามาก
เพราะมันเป็นวิญญาณระดับหนึ่งและพบเห็นได้ทั่วไป
“เอาล่ะ เรามาเล่นเกมส์กัน” ตู้ซื่อเฉินยิ้มและนำวิญญาณอีกสี่ดวงออกมา
“พวกมันล้วนเป็นวิญญาณระดับหนึ่ง ข้าจะให้เจ้ายืมพวกมันชั่วคราว มา ใช้วิญญาณแก่นแท้ค่ายกลเป็นแกนกลาง เลือกวิญญาณเหล่านี้และจัดการพวกมัน แล้วมาดูว่าเจ้าจะสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณชนิดใด”
คิ้วของฟางหยวนยกขึ้นเล็นน้อย เขามองตู้ซื่อเฉินด้วยความประหลาดใจ
นี่เป็นเรื่องตลกหรือไม่?
เด็กผู้นี้พึ่งกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณแต่บิดาของเขากลับต้องการให้เขาสร้างค่ายกลวิญยาณทันที?
แม้ฟางหยวนจะไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งค่ายกล แต่เขาก็มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเส้นทางสายนี้ แต่เด็กผู้นี้อย่างมากก็ได้เรียนรู้บางสิ่งมาเพียงสองหรือสามเดือน มันเป็นเรื่องที่ยากมาก
‘ฮ่าฮ่า วิธีการเรียนรู้แบบดั่งเดิมอย่างแท้จริง โชคดีที่มันเป็นอาณาจักรแห่งความฝัน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้า เด็กธรรมดาจะสามารถทำเรื่องนี้ได้อย่างไร? หรือบางที…อาจเป็นเพราะเขาไม่สามารถทำสิ่งนี้ให้สำเร็จและหมกมุ่นอยู่กับมันทำให้เกิดอาณาจักรแห่งความฝันนี้ขึ้น?’
ฟางหยวนตรวจสอบวิญญาณทั้งสี่ดวงแต่เขารู้จักเพียงสามดวง
นี่เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างน่าอึดอัดใจ
แต่เมื่อคิดดูแล้ว มันไม่แปลก
ช่วงเวลาในอาณาจักรแห่งความฝันนี้คือยุคโบราณตอนปลาย กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณก็ยังไม่ปรากฎ ดังนั้นสถานการณ์ของมันจึงแตกต่างจากปัจจุบัน
บนโลกใบนี้มีวิญญาณอยู่นับไม่ถ้วน นอกจากนั้นยังมีการคิดค้นวิญญาณชนิดใหม่ขึ้นตลอดเวลา แล้วฟางหยวนจะรู้จักวิญญาณทั้งหมดได้อย่างไร?
แม้เขาจะจำพวกมันไม่ได้ทั้งหมด แต่ฟางหยวนยังตระหนักถึงเส้นทางของวิญญาณทั้งสี่ดวง
มันคือวิญญาณบนเส้นทางแห่งปฐพี วารี วายุ และไฟ
สิ่งที่ฟางหยวนไม่รู้จักก็คือวิญญาณบนเส้นทางแห่งปฐพี
‘ในการสร้างค่ายกลวิญญาณ ข้าจำเป็นต้องทำความเข้าใจวิญญาณเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับวิญญาณแก่นแท้ค่ายกล แต่วิญญาณบนเส้นทางแห่งปฐพีดวงนี้มีความสามารถใด?’ ฟางหยวนตั้งใจทดสอบวิญญาณดวงนี้เพื่อดูความสามารถของมัน
แต่การกระทำนี้ถูกหยุดโดยตู้ซื่อเฉิน
ตู้ซื่อเฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ใช้หัวใจของเจ้าสัมผัสมัน ฟังเสียงหัวใจของเจ้า พึ่งพาความรู้สึกของเจ้า และสร้างค่ายกลวิญญาณตามความรู้สึกเหล่านั้น จำไว้ว่าเจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียว”
ฟางหยวนตะลึง
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1324 ไพ่ตายสองใบของฟางหยวน
แปลโดย iPAT
แม้ตู้ซื่อเฉินจะเป็นบิดาของเด็กผู้นี้ แต่เขากลับโหดร้ายมาก
ให้พึ่งพาความรู้สึก? เขาหมายความว่าอย่างไร?
พรสวรรค์โดยกำเนิดสามารถทำสิ่งนี้งั้นหรือ?
หากการสร้างค่ายกลวิญญาณล้มเหลว ในกรณีเล็กน้อย วิญญาณจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกทำลาย ในกรณีร้ายแรง ผู้ใช้วิญญาณจะได้รับผลกระทบจากฟันเฟืองและได้รับบาดเจ็บ หากบางคนสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณโดยอาศัยเพียงความรู้สึก ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลจะหายากงั้นหรือ?
การสร้างค่ายกลวิญญาณเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความแม่นยำและเข้มงวดมาก เช่นเดียวกับเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณ ทั้งคู่มีความคล้ายคลึงกัน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากสถานที่แห่งนี้คืออาณาจักรแห่งความฝัน ฟางหยวนจึงต้องพิจารณาว่าควรจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร แต่เขาคิดว่าต้องทำตามคำกล่าวของตู้ซื่อเฉิน
ฟางหยวนถาม “ข้าจำเป็นต้องใช้วิญญาณทั้งสี่หรือไม่?”
“ไม่อย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยเจ้าต้องเลือกสองดวงเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณ” ตู้ซื่อเฉินตอบ
‘ข้าไม่รู้จักวิญญาณบนเส้นทางแห่งปฐพีดวงนี้ ดังนั้นมันจะดีกว่าหากข้าไม่เลือกมัน’ ฟางหยวนคิดและเลือก
“เร็ว อย่าคิดมาก อาศัยความรู้สึกของเจ้า!” ตู้ซื่อเฉิงกระตุ้น “ข้าจะให้เวลาเจ้าสามลมหายใจ”
สามลมหายใจ?
และมีโอกาสเดียว!
นี่ไม่ยากเกินไปงั้นหรือ?
ความคิดหนึ่งพุ่งเข้ามาในใจของฟางหยวน ‘ข้าต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันหรือไม่?’
คราวก่อนฟางหยวนมีวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันไม่มาก นั่นทำให้จำนวนครั้งในการใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันถูกกำจัด
แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป
ฟางหยวนมีความมั่นใจเพียงพอ
เนื่องจากเขามีม้าอสูรฝันร้ายและสามารถใช้มันหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันจำนวนมาก
ดังนั้นจำนวนครั้งที่เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันจึงอยู่บนจุดสูงสุด
‘ลืมไปมันซะ นี่เป็นเพียงฉากแรกของอาณาจักรแห่งความฝัน แม้มันจะล้มเหลว ข้าก็ยังสามารถสำรวจต่อไป แม้ตอนนี้ข้าจะสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันได้มากขึ้น แต่ข้าก็ไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายมันอย่างฟุ่มเฟือย’
ฟางหยวนปัดเป่าความคิดที่จะใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันออกไป
เขาเริ่มกระตุ้นใช้วิญญาณ
อันดับแรก วิญญาณแก่นแท้ค่ายกล
เต่าทองตัวน้อยบินขึ้นสู่อากาศและหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าฟางหยวน
“เส้นทางแห่งไฟ เส้นทางแห่งวารี เส้นทางแห่งวายุ…” ฟางหยวนพึมพำ
วิญญาณดวงแรกที่เขาเลือกคือวิญญาณบนเส้นทางแห่งวารี
เหตุผลเรียบง่ายมาก เพราะความสำเร็จบนเส้นทางแห่งไฟและวายุของเขาธรรมดามาก แต่เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งวารี
วิญญาณบนเส้นทางแห่งวารีถูกกระตุ้นใช้งาน มันบินไปรอบๆวิญญาณแก่นแท้ค่ายกลในแนวตั้ง
‘เส้นทางแห่งไฟและเส้นทางแห่งวายุ…’
ฟางหยวนเลือกวิญญาณบนเส้นทางแห่งวายุเป็นอันดับที่สอง
เช่นเดียวกับวิญญาณบนเส้นทางแห่งวารี วิญญาณบนเส้นทางแห่งวายุบินไปรอบๆวิญญาณแก่นแท้ค่ายกลโดยมีวงโคจรอยู่ห่างออกมาจากวิญญาณบนเส้นทางแห่งวารี
ฟางหยวนรออยู่ชั่วครู่และพบว่าวิญญาณทั้งสามดวงยังมีเสถียรภาพ
‘แม้พวกมันจะไม่สามารถสร้างค่ายกลวิญญาณที่แท้จริง แต่ความคืบหน้านี้ค่อนข้างดี’ ฟางหยวนพอใจเล็กน้อย
การสร้างค่ายกลวิญญาณเหมือนการสร้างตึก
ผู้ใช้วิญญาณต้องพิจารณาถึงโครงสร้างของมันอย่างละเอียด
แม้ฟางหยวนจะไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างโครงสร้างที่มั่นคงแต่อย่างน้อยวิญญาณทั้งสามดวงก็ไม่พังทลายลงในเวลานี้
นี่ถือเป็นความก้าวหน้าที่ค่อนข้างดี
อย่างไรก็ตามร่องรอยของความโศกเศร้าและผิดหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของตู้ซื่อเฉิน
ฟางหยวนกำลังสนใจค่ายกลวิญญาณ ดังนั้นเขาจึงไม่สังเกตเห็นสิ่งนี้
‘ตอนนี้ข้าต้องแก้ไขมัน’
‘วิญญาณแก่นแท้ค่ายกลต้องอยู่ตรงกลางหรือไม่?’
‘สามารถเปลี่ยนตำแหน่งของวิญญาณบนเส้นทางแห่งวารีและเส้นทางแห่งวายุหรือไม่? ข้าสามารถสลับวิญญาณบนเส้นทางแห่งวารีกับวิญญาณบนเส้นทางแห่งวายุหรือไม่?’
‘บางทีวิญญาณบนเส้นทางแห่งวารีและวิญญาณบนเส้นทางแห่งวายุอาจสามารถอยู่ร่วมกัน ข้าควรปล่อยให้มันดำเนินต่อไปหรือไม่?’
ขณะที่ฟางหยวนกำลังไตร่ตรอง แผนการทุกประเภทผุดขึ้นในใจของเขา
เขาไม่รู้ว่าแผนการเหล่านี้จะส่งผลลัพธ์อย่างไร
หลังจากทั้งหมดความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของเขาต่ำตมมากจริงๆ
“พึ่งพาความรู้สึกของเจ้า หยุดลังเล” ตู้ซื่อเฉินกระตุ้นด้วยความร้อนใจ
ฟางหยวนกัดฟันแน่น เขาไม่ต้องการคำแนะนำจากตู้ซื่อเฉิน เขารู้ว่าเขาต้องลงมือเพราะพลังวิญญาณของเขากำลังเหือดแห้งลงเรื่อยๆ
ในอาณาจักรแห่งความฝัน เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง แม้เขาจะมีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งแต่การกระตุ้นใช้งานวิญญาณสามดวงพร้อมกัน มันเป็นภาระที่หนักหนาสาหัสเกินไป
เขาไม่มีเวลาคิดมาก!
‘มาลองดู!’ ฟางหยวนกัดฟันและกระตุ้นใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งไฟ
เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงรากฐานเดิม
เพราะเขาไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะมีประโยชน์หรือส่งผลอย่างไร
หลังจากทั้งหมดเขาเป็นมือใหม่อย่างสมบูรณ์
‘แต่ข้าโชคดี บางทีข้าอาจประสบความสำเร็จโดยบังเอิญ?’ ฟางหยวนยังมีความหวัง
แต่ไม่นานความหวังของเขาก็พังทลายลง
เมื่อเพิ่มวิญญาณบนเส้นทางแห่งไฟเข้าไป มันเกิดปฏิริยาต่อต้านอย่างรวดเร็ว
ไฟกับน้ำเป็นขั้วตรงข้าม นั่นทำให้มันระเบิดขึ้นทันที
การระเบิดทำให้ใบหน้าของฟางหยวนปกคลุมไปด้วยเขม่าควันสีดำ
มีควันสีขาวลอยขึ้นจากศีรษะของเขา
ในเวลาเดียวกันวิญญาณแก่นแท้ค่ายกลก็ถูกทำลาย วิญญาณอีกสามดวงได้รับบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน วิญญาณบนเส้นทางแห่งไฟและวิญญาณบนเส้นทางแห่งวารีอยู่ในสภาพใกล้ตาย ขณะที่วิญญาณบนเส้นทางแห่งวายุได้รับบาดเจ็บสาหัส
“เจ้าล้มเหลว!” การแสดงออกของตู้ซื่อเฉินเปลี่ยนไป เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”
ทันใดนั้นวิสัยทัศน์ของฟางหยวนก็เปลี่ยนไป เขาถูกผลักออกจากอาณาจักรแห่งความฝัน
ความพยายามครั้งแรกล้มเหลว!
ร่างกายของฟางหยวนสั่นสะเทือนเล็กน้อย ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาว
ฟางหยวนตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตนและพบว่าจิตวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่าที่คาดไว้ไปมาก
แต่มันไม่สำคัญ
วิญญาณความเด็ดเดี่ยว!
อาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณของเขาฟื้นฟูขึ้นทันที
เพราะฟางหยวนมีวิญญาณความเด็ดเดี่ยว เขาจึงไม่กลัวความล้มเหลว
‘ตอนนี้ข้าควรเป็นคนแรกที่สามารถสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน กระทั่งกองกำลังที่เหลืออยู่ของนิกายเงาก็ไม่สามารถทำสิ่งนี้’ ฟางหยวนคิด
นี่เป็นเพราะเขามีไพ่ตายสองใบในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน
ไพ่ใบแรกคือวิญญาณความเด็ดเดี่ยวที่สามารถรักษาจิตวิญญาณ
ไพ่ใบที่สองคือท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงไปตรงมา
วิญญาณความเด็ดเดี่ยวมาจากภูเขาตงฮัน ฟางหยวนวางมันไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและร่วมมือกับนิกายหลางหยาในการทำธุรกรรม
พวกเขาผูกขาดตลาดวิญญาณความเด็ดเดี่ยวเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว
เมื่อเร็วๆนี้ฟางหยวนไม่ได้ขายวิญญาณความเด็ดเดี่ยวเพื่อทำกำไรแต่เก็บพวกมันเอาไว้กับตัว
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงมีวิญญาณความเด็ดเดี่ยวอยู่ในคลังสมบัติเป็นจำนวนมาก
ความล้มเหลวครั้งแรกไม่สำคัญ
ด้วยวิญญาณความเด็ดเดี่ยว ฟางหยวนสามารถฟื้นตัวขึ้นและเข้าไปสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันเป็นครั้งที่สองได้ทันที
แต่เขาไม่รีบร้อน เขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่สวรรค์สีเหลืองและเริ่มรวบรวมข้อมูล
สิ่งแรกที่เขาทำคือรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งปฐพีดวงนั้น
ฟางหยวนไม่รู้จักมัน ดังนั้นเขาจึงต้องทำความเข้าใจมันเป็นอันดับแรก
ในไม่ช้าฟางหยวนก็ซื้อสารานุกรมเกี่ยวกับวิญญาณบนเส้นทางแห่งปฐพีมาจากผู้อมตะบางคน
นี่เป็นธุรกรรมซื้อขายข้อมูลซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เฟื้องฟูของสวรรค์สีเหลือง
ธุรกรรมซื้อขายข้อมูลได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับวิญญาณ เส้นทางการบ่มเพาะ สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน และวิธีการต่างๆอีกมากมาย
ฟางหยวนสามารถพึ่งพาประสบการณ์ห้าร้อยปีของเขาเพื่อขายข้อมูลได้เช่นกัน
แต่ข้อมูลประเภทนี้โดยปกติแล้วจะมีราคาถูกมากและฟางหยวนไม่เคยคิดที่จะขายข้อมูลเหล่านั้น
ฟางหยวนยังไม่พอใจกับข้อมูลที่ได้รับและต้องหาซื้อข้อมูลต่อไป นอกจากนั้นเขายังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางแห่งค่ายกลอีกด้วย
สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาสูญเสียหินวิญญาณอมตะไปสิบก้อน
แต่สำหรับฟางหยวน พวกมันไม่ถือเป็นสิ่งใด
ในไม่ช้าเขาก็สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งปฐพีดวงนั้น มันคือวิญญาณที่ปรากฏขึ้นในช่วงปลายของยุคโบราณ แต่มันสูญพันธุ์ไปแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น