ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1306-1313
บทที่ 1306 ลอยขึ้นไป
การล่าแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือมาเป็นอาหารของคราเคน ทำให้ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของฉินสือโอวที่ว่าการปล่อยฉลามหางยาวไปเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ตอนแรกเขาคิดจะให้พวกชาวประมงมาลงมือจัดการพวกมันเพราะแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือส่งผลกระทบต่อการอยู่เป็นของฝูงปลาในฟาร์มปลา
แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า พวกชาวประมงไม่ต้องลงมือกันเองแล้ว เพราะคราเคนจะกินพวกมันเอง เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
การจับแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือเป็นงานที่เปลืองแรงอย่างมาก ตามปกติแล้วจะต้องให้บริษัทกู้เรือในมหาสมุทรมาจัดการ เพราะพวกมันตัวใหญ่ และมีน้ำหนักมาก จำเป็นต้องใช้เรือลำใหญ่ที่มีแรงม้ามากๆ จึงจะสามารถจับพวกมันขึ้นมาได้
ฉินสือโอวคิดว่าจะใช้งานเรือปริ้นเซสเมล่อน เพราะในบรรดาเรือหาปลาก็มีแต่เรือลำนี้นี่แหละที่มีแรงมากพอจะจับแมงกะพรุนขนสิงโตขึ้นมาได้
แต่ว่าตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว ด้วยกระเพาะของคราเคนแล้ว อย่างไรก็ต้องจัดการแมงกะพรุนขนสิงโตพวกนี้ได้หมดแน่นอน
ฉินสือโอวเรียกจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับมา จากนั้นก็โล่งใจราวกับได้ยกภูเขาออกจากอกแล้ว
วินนี่กอดเขาไว้ แนบใบหน้าเรียวยาวไว้บนอกเขาแล้วพูดเสียงสะลึมสะลือว่า “มีอะไรเหรอคะ? รู้สึกว่าทุกครั้งที่คุณนอนอยู่บนเตียง อารมณ์ไม่ค่อยปกติเลย”
ฉินสือโอวยิ้มๆ ลูบเส้นผมที่นุ่มลื่นของเธอ แล้วพูดว่า “ผมชินกับการนอนอยู่บนเตียงแล้วใช้ความคิดน่ะ นอนเถอะที่รัก พรุ่งนี้ตื่นเช้าหน่อยดีไหม ผมมีเซอร์ไพรส์เล็กๆ ให้คุณด้วย”
“คุณพูดแบบนี้แล้วจะให้คนอื่นนอนได้อย่างไรคะ? เซอร์ไพรส์อะไรคะ? บอกฉันมาเถอะ”
“บอกไปแล้วจะเซอร์ไพรส์เหรอ จะบอกคุณได้อย่างไร? นอนเถอะ”
“ไม่ได้ ฉันนอนไม่หลับแล้ว รีบพูดๆ เซอร์ไพรส์อะไรคะ? ถ้าไม่พูดคุณก็อย่าหวังว่าจะได้นอนเลย” วินนี่พูดจบ ก็ยิ้มแล้วยื่นมือไปลูบเขา
ฉินสือโอวตื่นตัวขึ้นมาทันที ความจริงเขาก็ไม่ค่อยง่วงอยู่แล้ว จึงลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “เอ้อ ไม่ง่วงแล้วใช่ไหม? อยากได้เซอร์ไพรส์ใช่ไหม? มา ผมจะทำให้คุณเซอร์ไพรส์เอง คุณอยากได้แบบลิงอุ้มแตงหรือว่าด็อกกี้ หรือว่าท่าที่รักจ๋า…”
เวลาตีสี่ ฉินสือโอวตื่นก่อนเวลา ปกติเขาจะตื่นมาตอนตีห้าจากนั้นก็ไปออกกำลังกายและทำอาหารเช้า
เขาลงจากเตียงเงียบๆ เปิดม่านดู ข้างนอกยังมืดอยู่เลย คงอีกประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าฟ้าจะสาง
ใส่เสื้อเสร็จแล้วเดินลงมาชั้นล่าง ฉินสือโอวกำลังออกประตูไปเท่านั้น หู่จือเป้าจือก็กระดิกหางแล้วเดินตามมาด้วยท่าทางขี้เกียจ พี่น้องเฟอเรทยังนอนกอดกันกลมอยู่ มองดูแล้วราวกับว่าพวกเฟอเรทน้อยจะไม่มีความรู้สึกปลอดภัยเลย
คนในฟาร์มปลามีคนที่ตื่นเช้ากว่าเขาอีก เบิร์ด นีลเซ็น ออสเปร ทุกคนตื่นกันหมดแล้ว และกำลังทำงานกันอยู่ตรงสนามบิน พวกเขานำถุงบอลลูนมาต่อเข้ากับตะกร้า จากนั้นก็เทปิโตรเลียมเข้าไปในท่อ พร้อมกับตรวจเช็กความปลอดภัย
ฉินสือโอวขับรถเอทีวีออกไปที่ชายทะเล ตรงแถวทะเลน้ำตื้นมีแสงสีฟ้าส่องประกายระยิบระยับอยู่เป็นจุดๆ ราวกับดวงดาวที่ตกลงไปในทะเลอย่างไรอย่างนั้น
แน่นอนว่า แสงระยิบระยับเล็กๆ พวกนี้ความจริงแล้วคือแมงกะพรุนเวเลลลาต่างหาก พวกมันออกหากินตอนกลางคืน จากนั้นก็จะดำลงไปในทะเลก่อนฟ้าสาง เพื่อหลบหนีแสงอาทิตย์ที่สามารถคร่าชีวิตพวกมันได้
ริมทะเลมีความชื้นในอากาศสูง ตอนที่ฉินสือโอวขับรถไปถึงสนามบิน บนตัวเขาเปียกชุ่มไปหมด เบิร์ดโยนผ้าขนหนูให้เขาผืนหนึ่งแล้วพูดว่า “การอาศัยอยู่ริมทะเลก็มีจุดนี้แหละที่ไม่ดี ใช่ไหมครับ?”
ข้างๆ เขามีกาต้มกาแฟที่กำลังต้มอยู่ ฉินสือโอวรินกาแฟให้ตัวเองแก้วหนึ่งมาดื่ม แล้วพูดว่า “มีได้มีเสีย เพื่อน อากาศแบบนี้ได้ดื่มกาแฟแก้วหนึ่งแล้วรู้สึกดีจะตาย นายไม่มีทางหาความรู้สึกแบบนี้ได้จากในทะเลทรายหรอกนะ”
งานเตรียมการของบอลลูนเสร็จสิ้นแล้ว นีลเซ็นขับรถเติมลมเข้ามา เสียงเครื่องยนต์เดินเครื่อง ‘หึ่มๆๆ’ ถุงลมที่แบนราบนั้นเริ่มพองตัวขึ้นมา
งานเตรียมการนี้จะต้องทำจนถึงหกโมงจึงจะใช้งานได้ ถุงลมของบอลลูนที่ใหญ่โตได้ลอยขึ้นมาแล้ว เบิร์ดจำเป็นต้องนำมันไปมัดไว้กับรถกระบะแร็ปเตอร์ไว้ ไม่อย่างนั้นคงจะลอยออกไปพร้อมกับตะกร้าแล้วเป็นแน่
พวกวินนี่สามารถมองเห็นบอลลูนได้จากที่พัก หลังจากเธอเตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้วก็โทรศัพท์มาถามว่า “นี่ก็คือเซอร์ไพรส์ที่คุณพูดถึงเหรอคะ?”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่ นี่น่ะเป็นแค่จุดเริ่มต้นของเซอร์ไพรส์”
วินนี่นำอาหารเช้ามาด้วย ฉินสือโอว นีลเซ็น และเบิร์ดกินอาหารไปพลางคุยกันไปพลาง หลังจากกินเสร็จทำงานเสร็จแล้ว ฉินสือโอวให้วินนี่ขึ้นไปบนบอลลูน ถามว่า “คุณเคยนั่งเจ้านี่ไหม?”
วินนี่ส่ายหัวเม้มปากแล้วยิ้มออกมา “ไม่ค่ะ ไม่เคยนั่งเลย ฉันรู้สึกว่ามันอันตราย ฉันเกลียดอันตราย”
เบิร์ดและออสเปรเป็นคนขับ นีลเซ็นไปช่วยด้วย ฉินสือโอวกับวินนี่ขึ้นไปบนตะกร้า เขาพูดว่า “วางใจได้ ความปลอดภัยของบอลลูนของเราไม่มีปัญหาแน่นอน มาเถอะ พวกเราไปใช้ชีวิตวันหยุดสุดสัปดาห์บนฟ้ากันเถอะ”
พวกหู่เป้าฉงหลัวก็วิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้นดีใจ เมื่อเห็นฉินสือโอวและวินนี่เข้าไปในห้องนิรภัยบนตะกร้าแล้ว พวกมันก็อยากกระโดดขึ้นไปบ้าง
ฉินสือโอวกลัวว่าเจ้าพวกนี้อยู่บนฟ้าแล้วจะกลัวความสูง จึงไม่ได้ให้พวกมันขึ้นไป แต่สุดท้ายตอนที่บอลลูนลอยขึ้นฟ้าไปแล้ว เขาหันกลับไปมองทีหนึ่งก็เห็นพี่น้องเฟอเรทกำลังเล่นกันอยู่ตรงมุมเฉยเลย
“ชิท เจ้าสองตัวนี้คล่องแคล่วขนาดนี้เลยเหรอ?” ฉินสือโอวปวดขมับ
นีลเซ็นกล่าว “บอส โยนลงไปตอนนี้ยังทันนะครับ เฟอเรทสามารถทำเหมือนกระรอกที่ใช้หางลดแรงกระแทกได้ สูงแค่สามสี่เมตรเอง พวกมันไม่ตายหรอกครับ”
บอลลูนที่ลอยขึ้นไปในตอนนี้พึ่งแต่แรงลอยตัวของตัวมันเองเท่านั้น เบิร์ดยังไม่ได้จุดไฟ ทำให้ไม่มีความร้อนพุ่งออกไปด้านนอก ตอนเช้าแสงแดดอบอุ่น การอยู่ในตะกร้าที่มีห้องนิรภัยอยู่นั้นถือว่าสบายไม่เบาเลย
พี่น้องเฟอเรทไม่ยอมอยู่นิ่ง พวกมันอยู่ตรงมุมกันสักพัก ก็กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะเล็กๆ ตัวหนึ่งแล้วมองออกไปด้านนอกตะกร้า
บอลลูนลอยขึ้นไปบนฟ้าอย่างช้าๆ ภาพทิวทัศน์บนพื้นดินปรากฏเข้ามาสู่สายตาของฉินสือโอว
เริ่มจากสนามบินก่อน แน่นอนว่าตอนที่บอลลูนลอยขึ้นมาสิบกว่าเมตรก็สามารถมองเห็นสนามบินทั้งหมดแล้ว เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินบรรทุกสินค้าและรถอีกหลายคันที่จอดอยู่บนสนามบินเริ่มเล็กลงเรื่อยๆ
จากนั้นก็คือฟาร์มปลา หน้าตาทั้งหมดของฟาร์มปลาปรากฏออกมาแล้ว ฉินสือโอวมองลงไปยังถิ่นของตัวเองจากบนฟ้า มองดูนาแต่ละผืน สวนผัก โรงเพาะเลี้ยง ท่าเรือและยังมีสวนดอกไม้ที่พึ่งออกแบบเสร็จแล้ว เขารู้สึกภูมิใจอย่างมาก
แน่นอนว่าตอนที่บอลลูนลอยขึ้นไปสี่ห้าสิบเมตร ก็สามารถเห็นหน้าตาของเกาะได้ทั้งเกาะจากบนบอลลูนด้วย
ฤดูร้อนของเกาะแฟร์เวลอุดมสมบูรณ์มาก แสงอาทิตย์สีทองส่องประกายไปบนเกาะ ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
ตอนเช้าไม่มีลม นานๆ ทีที่ผิวน้ำของทะเลสาบเฉินเป่าจะสงบแบบนี้ แสงอาทิตย์ที่สาดส่องไปบนนั้นเปล่งแสงสีทองอ่อนๆ ออกมาด้วย
นีลเซ็นยื่นกล้องส่องทางไกลให้ฉินสือโอว เขาใช้มันส่องไปในเมือง เห็นคนคุ้นเคยไม่น้อย ฮิวจ์กำลังโบกมือให้บอลลูนอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ฉินสือโอวก็โบกมือด้วย นีลเซ็นมองไปที่เขาอย่างงงวยแล้วพูดว่า “บอสครับ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรตรงนี้ คนในเมืองก็มองเห็นไม่ชัดหรอกนะครับ”
ฉินสือโอวพูดออกไปว่า “ฉันไม่ได้ให้คนในเมืองดูสักหน่อย แต่เป็นการทำให้ใจตัวเองดูต่างหาก”
ออสเปรมองไปที่เบิร์ดอย่างแปลกใจ แล้วถามว่า “เพื่อน นี่มันหมายความว่าอย่างไร? ฉันเรียนมาน้อย ฟังไม่เข้าใจเลย”
เบิร์ดยักไหล่แล้วพูดว่า “ไม่ต้องใส่ใจหรอก คนที่นั่งบอลลูนครั้งแรกก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น เขาคงตื่นเต้นจนบังคับแขนขาไม่อยู่ล่ะมั้ง”
ฉินสือโอวมองไปที่ทั้งสองอย่างโกรธเคือง วินนี่หัวเราะออกมา แล้วพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “นี่ ตอนนี้คุณไม่กลัวความสูงแล้วเหรอคะ?”
ฉินสือโอวพูดว่า “ผมเคยกลัวความสูงตั้งแต่ตอนไหนกัน?”
วินนี่ยักไหล่ ยิ้มๆ แล้วพูดว่า “นั่นสิคะ ไม่รู้ว่าใครนะที่ตกใจจนฉี่แทบราดกางเกงบนเครื่องบินน่ะ”
ฉินสือโอวพูดว่า “ทำไมคุณไม่คิดว่าผมทำเพื่อจะได้ใกล้ชิดคุณล่ะ?”
วินนี่เดินเข้ามายื่นมือไปลูบหน้าของเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หากว่าคุณมีมารยาขนาดนั้นแล้วล่ะก็ งั้นคุณก็คงกลายเป็นคาสโนว่าโสดลอยไปลอยมาไปนานแล้ว”
บทที่ 1307 สามต่อสาม
พอบอลลูนลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ หน้าตาของเกาะแฟร์เวลทั้งเกาะก็ปรากฏออกมา
เบิร์ดและออสเปรบังคับความเร็วในการลอยขึ้นฟ้าของบอลลูนได้ดีมาก ไม่เร็วไม่ช้า แม้แต่ฉินสือโอวยังไม่สามารถรู้สึกได้ถึงความสูงที่เปลี่ยนไปเลย รู้สึกเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น เกาะเล็กๆ ทั้งเกาะก็ดูเล็กลงไปมาก บ้านเรือนดูราวกับเป็นกล่องไม้ขีดไฟ รถกับคนก็มองเห็นไม่ชัดแล้ว
ตอนแรกฉินสือโอวยังรู้สึกตื่นเต้นจนต้องโน้มตัวลงไปดู แต่พอขึ้นสูงถึงห้าหกร้อยเมตร เขาก็รู้สึกไม่ค่อยสบายขึ้นมา เห็นได้ชัดเลยว่าการขจัดโรคกลัวความสูงของเขาไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นเท่าที่คิด
วินนี่กลับดูสนอกสนใจมาก เธอก้มลงมองทิวทัศน์ด้านล่าง แล้วพูดว่า “ฉันรู้สึกว่านานมากแล้วที่ไม่ได้บินอยู่บนฟ้า ตอนนี้พอได้มาเห็นแบบนี้แล้ว ในที่สุดก็ได้ความรู้สึกแบบเมื่อก่อนกลับมาแล้ว”
พอพูดถึงเรื่องเมื่อก่อน ฉินสือโอวจึงถามขึ้นมาว่า “ที่รัก คุณคิดถึงงานที่ทำก่อนหน้านี้บ้างไหม?”
หากไม่ใช่เพราะเขาเรียกร้องแล้วล่ะก็ วินนี่ไม่มีทางลาออกจากแคนาดาแอร์ไลน์เร็วขนาดนี้หรอก
วินนี่คิดๆ แล้วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “คิดถึงงานเมื่อก่อนเหรอคะ? ไม่นะ ไม่หรอกค่ะ ฉันเป็นพนักงานบริการนะคะ แม้ว่าจะเป็นหัวหน้าก็เถอะ แต่อย่างไรเสียก็ยังถือว่าเป็นพนักงานบริการอยู่ดีไม่ใช่เหรอคะ? แต่ทว่ามีความรู้สึกคิดถึงชีวิตแบบเมื่อก่อนมากเลย”
ทั้งสองคนคุยกันไป ก็มีเสียงเล็กสดใสของนกอินทรีดังขึ้นมา เงาสามตัวที่ดูแข็งแรงบินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
ฉินสือโอวพูดอย่างเต็มไปด้วยความหวังว่า “ฮ้า ในที่สุดพวกของนิมิตส์ก็หาพวกเราเจอแล้ว ให้พวกมันเข้ามา”
เบิร์ดใช้มือบังแสงอาทิตย์แล้วมองไป สีหน้าจริงจังแล้วพูดว่า “ไม่ครับ บอส นี่อาจจะไม่ได้ดีเหมือนที่คุณคิดก็ได้นะครับ นี่ไม่ใช่พวกของนิมิตส์!”
นกตัวใหญ่สามตัวบินใกล้เข้ามา ฉินสือโอวมองเห็นหน้าตาของพวกมันชัดเจน ปากที่โค้งราวกับตะขอ ขนสีน้ำตาลเข้มปนสีทองอ่อน สายตาที่แหลมคมและดุดัน นี่คือนกอินทรีทองสามตัว
นกอินทรีทองที่นำฝูงตาบอดข้างหนึ่งด้วย ไม่ต้องพูดเยอะ นกอินทรีทองสามตัวนี้ก็คือศัตรูคู่อาฆาตของนิมิตส์และบุช พวกตระกูลอินทรีทอง
อินทรีทองสามตัวไม่ได้มาหาเรื่องอะไร พวกมันไม่ได้รู้สึกคุ้นหน้าฉินสือโอว ก็แค่สนใจบอลลูนเท่านั้น พอบินเข้ามาใกล้ๆ แล้วก็บินวนรอบบอลลูน เสียงร้องของอินทรีเปลี่ยนเป็นเสียงสดใสขึ้นมา
อินทรีทองมาถึงได้ไม่นาน ก็มีเงาของนกตัวใหญ่อีกสามตัวปรากฏขึ้นมา ครั้งนี้ก็คือบุช นิมิตส์กับอินทรีทองตัวน้อย แคลร์
เมื่อเห็นเงาของกลุ่มแร็ปเตอร์ในฟาร์มปลาแล้ว นกอินทรีทองสามตัวก็รีบตั้งท่าเตรียมรบทันที อินทรีตัวผู้ตาเดียวอยู่ตรงกลาง ด้านซ้ายคืออินทรีตัวเมียที่สายตาเฉียบคม ด้านขวาคือลูกอินทรีที่ขนาดตัวพอๆ กัน
อินทรีทองเป็นสัตว์ดุร้ายที่เติบโตได้เร็วมากชนิดหนึ่ง แค่เวลาครึ่งปี นกน้อยก็สามารถเติบโตจนมีขนาดตัวพอๆ กับนกโตเต็มวัยได้ แต่ว่าในตอนนี้พวกมันก็แค่มีขนเส้นหนาขึ้นเท่านั้น ที่จริงแล้วกระดูกและกล้ามเนื้อยังไม่ได้เติบโตได้เต็มที่
กลุ่มของบุช นิมิตส์และแคลร์ปรากฏตัวออกมาตั้งท่าจู่โจม พวกมันเห็นอินทรีทองศัตรูคู่อาฆาตบินไปรอบบอลลูน จึงทั้งโกรธและตกใจ นึกว่าศัตรูคู่อาฆาตจะมาทำร้ายพวกของฉินสือโอว
รูปแบบการจู่โจมของกลุ่มแร็ปเตอร์ของฟาร์มปลากับอินทรีทองไม่เหมือนกัน บุชอยู่ตำแหน่งกลาง นิมิตส์บินอยู่ด้านล่าง ส่วนอินทรีทองน้อยแคลร์กลับบินอยู่จุดที่สูงที่สุด
ราวกับเครื่องบินขับไล่สามลำที่พุ่งตรงมา หลังจากกลุ่มแร็ปเตอร์จากฟาร์มปลาปรากฏตัวแล้วก็รีบออกจู่โจมทันที บุชที่อยู่ตรงกลางเป็นกำลังหลัก อินทรีทองตัวน้อยใช้ความเร็วเข้าชน ส่วนนกโจรสลัดที่รูปร่างใหญ่โตก็สะบัดปีกไปมาเพื่อทำการป้องกันให้
กลุ่มหนึ่งคือการจู่โจมแบบเลข ‘สาม’ อีกกลุ่มหนึ่งคือการรับการจู่โจมแบบตัว ‘ผิ่น’ พวกเบิร์ดกับออสเปรโห่ร้องอย่างชื่นชมว่า “โอ้ ชิท ตอนนี้การสู้กันของนกก็มีการวางกลยุทธ์กันแล้วเหรอ?”
“เป็นกลยุทธ์การรบที่นอกเหนือความคาดหมายนะ นายดูพวกของบุชทั้งสามตัวสิ ปิดล้อมทั้งบนและล่าง ปกป้องซึ่งกันและกัน แล้วดูอินทรีทองสามตัวนั้น ตำแหน่งแต่ละตัวเท่าๆ กัน ซึ่งสามารถทำการช่วยเหลือในตอนท้ายได้…”
ภายใต้เสียงตกใจของทุกคน ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากัน จากนั้นบุชก็สู้ตัวต่อตัวกับพี่ตาเดียว นิมิตส์สู้กับอินทรีทองตัวเมีย ส่วนแคลร์ก็จ้องไปที่น้องชายของมัน กลายเป็นการสู้กันของกลุ่มสามกลุ่มไป
“ฟัค กลยุทธ์ขี้หมาจริง!” สีหน้าของคนทั้งกลุ่มเต็มไปด้วยสีหน้าว่านายหลอกฉัน
ฉินสือโอวยังนึกว่า การปรากฏตัวของแคลร์จะเป็นสะพานให้ทั้งสองสื่อสารกันเสียอีก แต่ตอนนี้มองดูแล้วคงจะไม่เกิดขึ้นแล้วล่ะ ความอยากสู้ของแคลร์นั้นมีมากกว่าบุชเสียอีก มันพุ่งตัวเข้าไปเป็นตัวแรกเลย!
ต่างฝ่ายต่างก็เป็นนกอินทรีทองเหมือนกัน แถมยังเป็นน้องชายทั้งสองตัวด้วย แต่แคลร์น้อยแข็งแรงกำยำกว่าน้องชายของมันมาก ดูจากสีของขนแล้ว คือใกล้จะกลายเป็นนกโตเต็มวัยแล้ว แต่สีของน้องชายมันจะเข้มกว่า ขนหางก็ยังเป็นสีขาว ใต้ปีกที่กางออกนั้นมีจุดขาวอยู่ ยังคงเป็นลักษณะของนกน้อยอยู่
ที่จริงกลุ่มอินทรีทองไม่ได้หาเรื่องตัวเองเลย บวกกับตอนนี้ที่แคลร์ได้ทุ่มสุดตัวที่สุดในการสู้กัน ภาพของการฆ่าฟันกันเองในพวกเดียวกันแบบนี้ทำเอาวินนี่ทนไม่ได้ จึงผิวปากเพื่อเรียกกลุ่มแร็ปเตอร์ทั้งสามตัวกลับมา
แต่ทำอย่างไรได้ ลมทะเลพัดแรง แถมตอนนี้พวกเขายังอยู่กลางอากาศอีก ทำให้ลมแรงขึ้นไปอีก ในสถานการณ์ต้านลมแบบนี้ทำให้เสียงผิวปากดังออกไปได้ไม่ไกลนัก ก็ถูกลมทะเลพัดหายไปแล้ว
วินนี่ค่อนข้างร้อนรน ดึงฉินสือโอวไว้แล้วถามว่า “นี่เป็นการเข้าใจผิด รีบหาวิธีให้พวกเขาแยกกันเถอะค่ะ”
ฉินสือโอวจะมีวิธีอะไร? เขาปลอบใจว่า “ไม่เป็นไร ที่รัก พวกมันไม่มีใครทำอะไรใครได้ คุณดูสิ พวกมันสู้กันมานานแค่ไหนแล้ว? ก็ยังไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลยไม่ใช่เหรอ? ผมกลับรู้สึกว่าพวกมันแค่กำลังหยอกเล่นกันเท่านั้น”
วินนี่ไม่ยอมและยังคงผิวปากต่อไป สวรรค์ไม่ทิ้งคนพยายาม พวกแร็ปเตอร์ทำการเปลี่ยนวิธีรบอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็บินไปยังจุดที่เป็นต้นลม ทำให้สามารถได้ยินเสียงผิวปากที่ร้อนรนของวินนี่
นิมิตส์สะบัดปีกสีดำอันใหญ่โตอย่างสง่างาม ชูคอส่งเสียงร้องทีหนึ่ง จากนั้นก็หันหัวบินไปทางบอลลูนแทน
อินทรีตัวเมียที่สู้กับมันก่อนหน้านี้ไม่ได้ไล่ตามมาด้วย แต่กลับลำรีบไปช่วยอีกสองตัวแทน อินทรีทองน้องชายสองตัว แคลร์น้อยกำลังได้เปรียบในทุกด้าน มันไล่ตามน้องชายอินทรีของตัวเองอย่างสะใจ และสู้จนพวกมันส่งเสียงกว๊ากๆ อย่างเจ็บปวดเหลือทน
อินทรีตัวเมียเป็นขิงที่ยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด พอมันร่วมสู้ด้วยเท่านั้นก็กลายเป็นแคลร์น้อยที่ร้องกว๊ากๆ แทน
เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว บุชก็รีบเข้าไปป้องกันอย่างมีคุณธรรม จากนั้นทั้งสองคนก็บินตามกันกลับไปที่บอลลูน
ทางครอบครัวอินทรีทองไม่ได้ไล่ตามไป พวกมันยังไม่เข้าใจว่าบอลลูนคืออะไร สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย หลังจากเห็นว่าศัตรูได้เข้าไปในตะกร้าแล้ว พวกมันกะพริบตา จากนั้นก็รีบบินจากไปทันที
บางทีในสายตาของพวกอินทรีทองนั้น บอลลูนนี้ก็คือปีศาจตัวใหญ่ ศัตรูที่ดวงซวยได้ถูกเจ้าปีศาจตัวนี้กินเข้าไปแล้ว…
วินนี่หวีขนให้กลุ่มสามแร็ปเตอร์จากฟาร์มปลา ส่วนฉินสือโอวก็เริ่มเตรียมอาหารกลางวัน อาหารกลางวันมื้อนี้แหละที่เป็นเซอร์ไพรส์ เขาจะทำอาหารให้วินนี่กินบนบอลลูน
ฉินสือโอวสั่งการออกไป เบิร์ดทำการต่อเตากระจกนิรภัยแบบยึดระเบียงเข้ากับตะกร้าด้านหนึ่ง ส่วนนีลเซ็นก็ติดตั้งแผ่นเหล็กไว้ฝั่งตรงข้าม เพื่อรักษาสมดุล
พื้นผิวของเตาทำอาหารกระจกนิรภัยไม่เรียบเนียน ฉินสือโอวลงแรงนิดหน่อย ต่อท่อแก๊ส วางขวดเครื่องปรุงรสเข้าไป แค่นี้ชุดเตาทำอาหารแบบง่ายๆ และใช้ได้ดีก็ออกมาแล้ว
วินนี่เข้าใจความหมายของเขา จึงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณจะทำอาหารบนนี้เหรอคะ?”
ฉินสือโอวบอกว่า “ใช่แล้ว คุณดูสิ นี่เป็นที่ที่เหมาะจะทำกับข้าวแค่ไหน เมฆสีขาวลอยล่อง ท้องฟ้าสดใส ตอนนี้พวกเราเข้าใกล้พระเจ้ายิ่งกว่าใครๆ อีก อาหารกลางวันแบบนี้ยอดไปเลยใช่ไหม?”
เบิร์ดนำวัตถุดิบที่เตรียมไว้ออกมา แล้วพูดแทรกขึ้นมาว่า “โดยเฉพาะนะ บอส การทำอาหารที่นี่ยังไม่ต้องใช้เครื่องดูดควันด้วย”
บทที่ 1308 อาหารกลางวันบนเมฆขาว
แก๊สบนเตาเป็นการดึงท่ออันหนึ่งจากท่อแก๊สของบอลลูนมาใช้ เพราะว่าบนท้องฟ้าลมแรง ดังนั้นจึงทำการใช้เตาแก๊สในโหมดกันลม หลังจากไฟติดแล้วก็จะเหมือนกับไฟแช็กกันลมที่มีไฟลุกโชนพุ่งออกมา
ฉินสือโอวต้องเตรียมการอะไรหลายอย่าง วินนี่จะเข้ามาช่วย เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ๆ ที่รัก งานวันนี้ทั้งหมดให้ผมจัดการเอง ผมรับผิดชอบเรื่องงาน คุณรับผิดชอบเรื่องความสุข”
ฉินสือโอวถูมือไปมา แล้วมองไปที่วัตถุดิบตรงหน้าที่มีมากมายหลายประเภท มีมะเขือเทศ หัวหอม ชิ้นปลาค็อด และเนื้อจำพวกเบคอนกับแฮม
วัตถุดิบพวกนี้ส่วนมากจะเป็นกึ่งสำเร็จรูป อย่างเช่น สเต๊กเนื้อวัวที่ย่างสุกประมาณสี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เนื้อปลาค็อดและเบคอนก็ทอดเสร็จไว้แล้ว หัวหอมหั่นแว่นไว้ มันฝรั่งก็นึ่งแล้ว เขาใช้แผ่นฟอยล์ห่อวัตถุดิบพวกนี้ไว้ ถือว่าเก็บรักษาได้ไม่เลวเลย
วันนี้เขาวางแผนจะทำอาหารตะวันตก ปกติตอนอยู่บ้าน วินนี่จะเป็นคนทำอาหารตะวันตก เขาทำอาหารจีน วันนี้มาเปลี่ยนรสชาติกันบ้าง
อันแรกเริ่มจากการย่างกระดูกวัว อาหารจานนี้ค่อนข้างง่าย กระดูกวัวย่างเสร็จแล้ว ตอนนี้ที่ต้องทำก็คือซอส หลังจากราดซอสไว้ด้านบน อาหารจานนี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว
กระดูกวัวสามารถย่างล่วงหน้าได้ แต่ซอสไม่สามารถทำไว้ก่อนได้ ฉินสือโอวเตรียมแผ่นหัวหอม แครอทหั่นเต๋า แผ่นมันฝรั่ง และขึ้นฉ่ายมาใส่รวมกัน จากนั้นก็เทน้ำมันลงในกระทะ หลังจากน้ำมันเดือดได้ที่แล้ว ก็ใส่ผักลงไปผัด
พอผัดจนสุกแล้ว ก็นำกระดูกวัวที่ย่างเสร็จแล้วใส่ลงไปในกระทะ อุ่นอาหารโดยใช้ไฟต่ำ เทไวน์แดงลงไป ต้มต่ออีกไม่กี่นาที รอให้ซอสข้น เติมน้ำลงไปเล็กน้อย จากนั้นก็ใส่ผักเพิ่มรสชาติจำพวกใบเบย์ลงไป แล้วก็อบอีกสักพักก็เป็นอันเสร็จ
อาหารจานนี้ทำง่ายมาก แต่การทำอาหารบนบอลลูนก็ต้องเน้นการทำง่ายไว้ก่อน การมาที่นี่ก็เพื่อความโรแมนติก ไม่ได้มาเพราะอยากจะกินข้าวหรอก
อาหารจานที่สองคือสเต๊กเนื้อแพะทอดธรรมดา ตอนอยู่บนพื้นดินเขาได้เตรียมทอดสเต๊กเนื้อแพะจนสุกแล้ว ที่ต้องทำตอนนี้ก็คือซอสอีกเหมือนเดิม การทำซอสเป็นเรื่องที่ยุ่งยากในการทำอาหารตะวันออกหลายเมนู เพราะต้องพึ่งซอสมาเพิ่มรสชาติ
วิธีการทำซอสในครั้งนี้คล้ายกับการทำซอสของกระดูกวัวย่าง จุดที่ไม่เหมือนกันก็คือฉินสือโอวใช้กระเทียมสับ ออริกาโนผง โรสแมรีผงและเกล็ดขนมปังในการเพิ่มรสชาติ หลังจากทำเสร็จแล้วก็นำไปเก็บไว้ในกล่องเก็บอุณหภูมิกับกระดูกวัวย่าง แล้วเริ่มทำจานต่อไป
วินนี่ดูฉินสือโอวยุ่งนู่นยุ่งนี่อยู่ข้างๆ บนหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
พี่น้องเฟอเรทพอได้กลิ่นหอมแล้วก็รุดไปอยู่ตรงหน้าฉินสือโอว กระโดดขึ้นไปบนเตาอาหารเพื่อจะขโมยกินอาหาร
ฉินสือโอวเห็นพวกมันกระโดดขึ้นมาก็ตกใจไปครู่หนึ่ง ข้างนอกคือกลางอากาศนะ หากว่าเจ้าตัวเล็กสองตัวนี้ไม่ระวังแล้วตกลงไป ถึงแม้พวกมันจะมีหางสิบอันก็ไม่เพียงพอกับการลดแรงกระแทกหรอก
เขานำพี่น้องเฟอเรทใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อผ้า เจ้าตัวเล็กสองตัวยังอยากจะปีนออกไปข้างนอก พร้อมกับทำท่าไม่ยอมจำนน ดวงตาน้อยๆ จ้องไปที่เกล็ดขนมปังและแผ่นเนื้อย่างแล้วก็น้ำลายไหลออกมา
ฉินสือโอวกำลังยุ่งอยู่ พอพี่น้องเฟอเรทมาวุ่นวายแบบนี้ ทำให้เขาหมดความอดทนขึ้นมา เขาจับเจ้าสองตัวนี้ส่ายไปมานอกตะกร้า ทันใดนั้นพี่น้องเฟอเรทก็ตกใจจนฉี่ราด
หลังจากเอากลับเข้ามาแล้ว พี่น้องเฟอเรทพอถึงพื้นปุ๊บ ก็รีบวิ่งหัวซุกหัวซุนเข้าไปในอ้อมกอดของวินนี่ แม้แต่ก้นก็ไม่กล้าโผล่ออกมาอีกเลย
เมื่อเป็นแบบนี้ก็ถือว่าฉินสือโอวว่างแล้ว จึงเริ่มทำงานต่อไป
เขานำแผ่นแตงกวา แผ่นมะเขือเทศ หัวหอมหั่นแว่น มันฝรั่งแท่ง มะกอกดำ ผักสลัด กระชายดำ และแผ่นพริกหยวกมาใส่รวมกัน ฉินสือโอวผ่าแบ่งไข่ต้มใส่ลงไป จากนั้นก็ใส่ชิ้นเนื้อกระป๋องลงไป สุดท้ายเทน้ำสลัดน้ำใส เกลือและผงพริกไทยดำลงไป แล้วก็ใช้ซอสสลัดมาคลุกเคล้าให้เข้ากันก็ถือว่าเป็นอันเสร็จ
ทำอาหารรวดเดียวไปเจ็ดแปดอย่าง ฉินสือโอวยังทำซุปทะเลข้นอีกหนึ่งหม้อ แค่นี้อาหารจานหลักก็เสร็จสิ้นแล้ว
นีลเซ็นถอดเสื้อกันลมออก เผยให้เห็นเสื้อแจ็คเก็ตสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน ซึ่งเป็นการแต่งตัวตามมาตรฐานของผู้ติดตาม เขารีบตั้งโต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว เปิดไวน์แดงมาหนึ่งขวด เบิร์ดกับออสเปรนำอาหารไปวางไว้บนโต๊ะ
ฉินสือโอวเปิดกล่องออกมา หยิบดอกกุหลาบออกมาจากข้างในหนึ่งดอก จากนั้นก็ยื่นให้วินนี่แล้วพูดว่า “เฮ้ ที่รัก ผมมอบให้คุณ และขอให้คุณมีความสุขทุกวันนะครับ”
วินนี่รับดอกกุหลาบมา หัวเราะอย่างแปลกใจแล้วพูดว่า “พระเจ้า ฉิน นี่ช่างทำให้ฉัน เอิ่ม ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร คุณทำให้ฉันประหลาดใจมากเลย”
บนดอกกุหลาบยังมีหยดน้ำค้างอยู่ สวยงามราวกับเพิ่งจะเด็ดมาเมื่อกี้เลย
ฉินสือโอวตัดกระดูกวัวออกมาชิ้นหนึ่งไปวางไว้ในจานอาหารของเธอ แล้วพูดว่า “คุณลองชิมฝีมือของผมดู ผมว่าคุณจะต้องแปลกประหลาดใจต่ออีกแน่นอน”
บอลลูนล่องลอยอยู่กลางอากาศ เบิร์ดและออสเปรกำลังควบคุมทิศทางกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้มันเคลื่อนไหวเลียบไปรอบๆ เกาะแฟร์เวล
โต๊ะอาหารตั้งไว้ตรงมุมของตะกร้า ฉินสือโอวกับวินนี่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน มองออกไปข้างนอกก็สามารถก้มลงไปมองเกาะเล็กๆ นี้ได้ ทั้งสองคนกินไปพลางชี้นู่นนี่ไปพลาง คุยถึงพิกัดต่างๆ ของเกาะกันกลางอากาศ
ช่วงเที่ยงแสงอาทิตย์แรงจ้า แต่เพราะกลางอากาศมีลมเย็น คนข้างบนจึงไม่รู้สึกว่าร้อน แค่รู้สึกว่าตากแดดอยู่เท่านั้น แต่นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่แน่นอนว่าวินนี่ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ฉินสือโอวเตรียมเรื่องเล่าสั้นๆ มาเล่าให้เธอฟังก่อนแล้ว ทำให้ดึงดูดความสนใจทั้งหมดของเธอไว้ หลังจากกินข้าวเสร็จ ดวงตาทั้งสองของเธอก็จับจ้องอยู่บนตัวฉินสือโอว ใบหน้ายิ้มแย้ม
บอลลูนลอยอยู่บนอากาศมาครึ่งวัน ตอนบ่ายเบิร์ดเริ่มปล่อยลมออก บอลลูนค่อยๆ ลอยต่ำลง กลับไปสู่ฟาร์มปลาอีกครั้ง
พอใกล้จะถึงพื้นแล้วฉินสือโอวมองลงไปดู แล้วพูดว่า “ครั้งหน้าเราไปเล่นกระโดดร่มกันดีไหม? ได้ยินมาว่าสนุกมาก ผมยังไม่เคยลองเลย”
วินนี่ยิ้มแล้วพูดว่า “ได้สิคะ เรื่องนี้ฉันถนัดมาก ตอนที่ฉันไปเทรนกับแคนาดาแอร์ไลน์ ฉันไปเข้าเรียนชั้นกระโดดร่มโดยเฉพาะเลยนะคะ ฉันจำได้ว่าฉันยังได้คะแนน A+ ด้วย ครูฝึกยังพูดเลยว่าฉันสามารถไปเป็นพลร่มได้เลย”
ฉินสือโอวพูดอย่างประหลาดใจว่า “เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ? งั้นผมคงต้องให้คุณสอนแล้วล่ะ กลับไปผมจะรีบไปซื้อถุงร่มชูชีพเลย เบิร์ด หาคลับโดดร่มแล้วลงทะเบียนให้ฉันด้วย”
เบิร์ดพูดว่า “ไม่ครับ บอส สภาพแวดล้อมของเกาะของเราไม่เหมาะที่จะกระโดดร่มนะครับ ถ้าหากว่าคุณอยากจะให้ทะเลเป็นจุดที่ตกลงมาแล้วล่ะก็ งั้นผมต้องแนะนำให้คุณแบกถังออกซิเจนไว้ด้วย เพราะหากว่าถูกร่มชูชีพพันตัวไว้แล้วจะลำบากเอาได้นะครับ”
ความจริงฉินสือโอวก็พูดไปอย่างนั้น เขาชอบออกกำลังกาย แต่ว่าไม่ชอบการออกกำลังกายที่โลดโผนเกินไป เพราะเขาไม่ต้องการเอาชีวิตน้อยๆ ของเขาไปเสี่ยงอันตราย
เมื่อออกจากบอลลูน วินนี่ถามฉินสือโอวว่าทำไมถึงคิดจะทำเซอร์ไพรส์ให้เธอ ฉินสือโอวหัวเราะแล้วบอกว่าอยู่ดีๆ ก็คิดขึ้นมา ไม่มีเหตุผลอะไร และไม่ใช่เพื่อฉลองอะไรด้วย
เมื่อเห็นทั้งสองคน แม่ของฉินสือโอวก็ถามวินนี่ว่าความรู้สึกที่ได้นั่งบอลลูนเป็นอย่างไรบ้าง วินนี่บอกว่าดีมาก ให้แม่กับพ่อของฉินสือโอวลองไปนั่งบ้าง
แม่ของฉินสือโอวส่ายหัวอย่างแรง แล้วพูดว่า “แม่อายุปูนนี้แล้วใช้ชีวิตธรรมดาหน่อยดีที่สุด พวกเธออายุยังน้อยยังสามารถเล่นได้ แต่แม่กับพ่อน่ะเหรอ ไปเล่นไม่ไหวแล้วล่ะ”
พอได้ทานอาหารกลางวันบนบอลลูนแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าสุดสัปดาห์นี้มีความหมายขึ้นมา
พอถึงวันจันทร์ เขากลับมาจากทะเลตอนค่ำ เห็นมีคนกำลังตกปลาอยู่บนท่าเรือ เมื่อเรือเข้าใกล้ เขาก็แปลกใจที่ได้รู้ว่าคนที่ตกปลาอยู่ก็คือพอลลี่กับเหมาเหว่ยหลง
“พวกนายสองคนมาได้อย่างไร?” ฉินสือโอวพูดพร้อมหัวเราะ
เหมาเหว่ยหลงพูดอย่างไม่พอใจว่า “ไม่ต้อนรับเหรอ?”
ฉินสือโอวตอบว่า “อยากให้มาใจจะขาดเลยล่ะ”
พอลลี่เก็บเบ็ดขึ้นมา ยิ้มแล้วพูดว่า “ผมมาเพื่อส่งลูกม้าให้พวกคุณน่ะ แต่ผมคนเดียวทำเองไม่ไหว เหมาเลยตั้งใจมาช่วย”
ฉินสือโอวพยักหน้าเข้าใจ ใช่แล้ว ยังมีเรื่องนี้ด้วย เขาลืมไปเสียสนิทเลย
บทที่ 1309 ม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์
ขึ้นฝั่งแล้ว ฉินสือโอวถอดถุงมือออกแล้วจับมือกับพอลลี่พร้อมกล่าว “คุณมาฟาร์มปลาของผมในครั้งนี้ ผมจะดูแลคุณเป็นอย่างดีเลย”
พอลลี่ยกถังน้ำขึ้นแล้วพูดว่า “แค่นี้ก็ถือว่าดูแลเป็นอย่างดีแล้วครับ ดูสิ ผมตกได้อะไร? ฮ่าๆ เมนล็อบสเตอร์! ผมไม่ได้กินเจ้านี่มากว่าครึ่งปีแล้ว กุ้งล็อบสเตอร์ตัวใหญ่นี้พอให้ผมกินอิ่มไปมื้อหนึ่งแล้วล่ะ”
เหมาเหว่ยหลงส่ายหัวแล้วบ่นว่า “โรคระบาดนั่น เมื่อก่อนกุ้งล็อบสเตอร์เป็นอาหารที่ธรรมดามาก แต่ตอนนี้น่ะเหรอกลายเป็นอาหารของชนชั้นสูงไปแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว พอลลี่ก็บ่นออกมาด้วยว่า “นอกจากเนื้อวัวกับแพะที่ราคาตกลงเรื่อยๆ แล้ว ยังมีอะไรที่ราคาตกอีก? ผักสด อาหารทะเล อาหารแห้ง โอ้ ชิท พรรคเสรีนิยมบ้านั่น พวกมันหลอกเรา! พวกมันทำให้ใบคะแนนเสียงของเราต้องผิดหวัง!”
พรรคเสรีนิยมเป็นพรรคการเมืองที่ปกครองแคนาดาอยู่ในตอนนี้ การที่พวกเขาขึ้นมาปกครองก็ต้องพึ่งการเลือกตั้งด้วย แต่การเลือกตั้งไม่ได้เอาไว้เลือกประธานาธิบดีแต่เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี หลังจากนายกรัฐมนตรีถูกเลือกแล้ว ก็จะต้องผ่านการเลือกตั้งในสภา พรรคที่ได้คะแนนเสียง 170 คะแนนจะสามารถก่อตั้งรัฐสภาจากพรรคที่มีคะแนนเสียงมากที่สุดได้
นโยบายที่พรรคเสรีนิยมใช้ตอนเลือกตั้งก็คือ “ค่าครองชีพมั่นคง เพิ่มตำแหน่งงาน เพิ่มอัตรามีความสุขของชาวแคนาดา” แน่นอนว่านโยบายตอนเลือกตั้งพวกนี้ แค่ฟังผ่านๆ ก็พอแล้ว ใครเชื่อจริงๆ ก็เท่ากับสมองถูกประตูหนีบแล้วล่ะ
แต่ว่าฉินสือโอวสามารถเติมเต็มความหวังของทั้งสองคนได้ เขาพูดว่า “ผักและอาหารทะเลของคืนนี้ฟรีทั้งหมด พวกนายสามารถกินได้เต็มที่ อยากกินเท่าไรก็กินเท่านั้น แถมยังเอากลับบ้านได้ด้วยนะ”
ระหว่างพูด ฉินสือโอวก็เชิญพวกเขากลับไปที่บ้านพักแล้วชงชาต้มกาแฟให้พวกเขา
ระหว่างดื่มกาแฟ พอลลี่พูดว่า “ฉิน ผมเห็นว่าฟาร์มปลาของคุณมีหญ้าไรย์เยอะแยะเลย คุณคิดจะทำธุรกิจปศุสัตว์ด้วยเหรอครับ?”
ฉินสือโอวอึ้งไปทีหนึ่ง หลังจากได้สติแล้วก็ชี้ไปที่สนามหญ้าผืนใหญ่ตรงทิศเหนือแล้วพูดว่า “คุณบอกว่าอันนั้น คือหญ้าไรย์เหรอครับ?”
พอลลี่พยักหน้า พูดว่า “ใช่ครับ หญ้าไรย์ เป็นหญ้าที่ดีมากสำหรับปศุสัตว์ ผมเห็นคุณปลูกไว้เยอะเลย”
ธุรกิจหญ้าปศุสัตว์เป็นส่วนที่สำคัญมากในอุตสาหกรรมสัตวบาล แคนาดาเป็นที่ที่มีพื้นที่กว้างขวาง ราคาที่ดินก็ค่อนข้างต่ำ บวกกับค่ามลภาวะที่ต่ำและภูมิอากาศที่ดี ทำให้เหมาะแก่การปลูกหญ้าปศุสัตว์ที่คุณภาพดีได้
แต่ทว่าเมื่อเทียบกับอเมริกาแล้ว อุตสาหกรรมหญ้าปศุสัตว์ไม่ได้มีการก่อเป็นรูปเป็นร่างนัก ฟาร์มหลายที่ถึงขั้นเห็นการทำฟาร์มเป็นแค่งานอดิเรกเท่านั้น หญ้าปศุสัตว์ส่วนใหญ่จึงเป็นอาหารของวัวไม่ใช่สำหรับโคนม อุตสาหกรรมถูกจัดให้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีช่องว่างให้เติบโตของแคนาดาในอีกยี่สิบปีข้างหน้า
ที่พอลลี่คิดว่าฉินสือโอวอยากจะทำธุรกิจด้านหญ้าปศุสัตว์ก็เพราะเหตุนี้ ในปัจจุบันมีชาวเชื้อสายจีนมากมายที่มาทำฟาร์มในแคนาดา พวกเขาไม่เพียงแต่ปลูกพืชสำหรับการทำฟาร์มเท่านั้น ยังได้ปลูกหญ้าปศุสัตว์ด้วย จากนั้นค่อยใช้เส้นสายที่มี ส่งกลับไปขายที่ประเทศจีน
อุตสาหกรรมฟาร์มของประเทศจีนเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าในประเทศมีมลภาวะสูง ทำให้มีหญ้าปศุสัตว์น้อยและขาดแคลนมาก ปีที่แล้วกรมปศุสัตว์รายงานว่า ปีนี้หญ้าปศุสัตว์ของประเทศจีนขาดแคลนกว่าหนึ่งร้อยล้านตัน!
ฉินสือโอวหัวเราะพร้อมส่ายหัว แล้วอธิบายถึงสาเหตุที่ปลูกหญ้าไรย์ เขาเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่านี่คือหญ้าปศุสัตว์ ทั้งๆ ที่หมูป่า กวางป่า ไก่เป็ดห่านก็หาของกินในหญ้านี้อยู่ทุกวัน
พอลล่าพูดอย่างเสียดายว่า “คุณสามารถทำธุรกิจหญ้าปศุสัตว์ได้นะครับ ที่รัฐ B.C มีชาวเชื้อสายจีนมากมายเลยที่ทำกัน เท่าที่ผมรู้ทำกำไรได้มากเลย ถึงแม้จะไม่ส่งไปขายที่ประเทศจีน แต่แค่ที่แคนาดาก็สามารถขายได้เหมือนกัน”
รัฐ B.C ก็คือรัฐที่ใหญ่ไม่น้อยไปกว่ารัฐโทรอนโต ขึ้นชื่อว่าเป็นประตูเมืองเอเชียแปซิฟิก การเดินทางสะดวก เป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญของการติดต่อกับอเมริกาเหนือและเอเชีย
เพราะเหตุการณ์หิมะถล่มในฤดูหนาวเมื่อปีที่แล้วเป็นเหตุ ทำให้การเติบโตของหญ้าปศุสัตว์ในแคนาดาไม่สู้ดีนัก ทำให้ราคาสูงขึ้น นี่คือหนึ่งในเรื่องที่ทำให้เหล่าเจ้าของฟาร์มปวดใจอย่างที่สุด
ฉินสือโอวบอกว่าเขาไม่ได้ขายหญ้าปศุสัตว์ ใช้แค่หญ้าปศุสัตว์มาเป็นสนามหญ้าเพื่อให้ฟาร์มปลาสวยงามขึ้นเท่านั้น จึงใช้พวกมันมาปูบนพื้นดินของฟาร์มปลา
เมื่อเป็นแบบนี้พอลลี่จึงไม่พูดอะไรอีก เขาเข้าใจแล้วว่าฉินสือโอวเป็นเศรษฐีที่เอาแต่ใจแค่ไหน
แต่ว่าเขาก็มีความคิดใหม่ขึ้นมาอีก ถามว่า “ฉิน ผมเห็นฟาร์มปลาคุณมีพื้นที่มากมายเลย แถมยังมีหญ้าปศุสัตว์อีก ทำไมคุณถึงไม่เลี้ยงม้าสักตัวสองตัวล่ะครับ?”
ฉินสือโอวหัวเราร่าแล้วพูดว่า “พูดตามตรงนะครับ เพื่อน ผมไม่ค่อยชอบม้าเท่าไรน่ะ”
พอลลี่พูดว่า “แล้วลูกๆ ของคุณล่ะครับ? ผมเห็นฟาร์มปลามีเด็กมากมายเลย คุณต้องรู้นะครับว่า การขี่ม้าเป็นวิธีที่สามารถบ่มเพาะความกล้าหาญและบุคลิกภาพของเด็กได้นะครับ แม้จะเป็นผู้หญิงแต่ก็ต้องเก่งในเรื่องการขับเคลื่อนฝูงชนอย่างมีพลานุภาพด้วยไม่ใช่เหรอครับ?”
เมื่อได้ฟังคำนี้ สมองของฉินสือโอวก็นึกถึงภาพอันสง่างามน่าเกรงขามของวินนี่ตอนขี่ม้าเมื่ออาทิตย์ก่อนขึ้นมา เขารู้สึกว่าวินนี่เหมือนจะชอบขี่ม้ามาก แต่ในทางกลับกันตัวเขาชอบรถยนต์มากกว่า
เมื่อเป็นแบบนี้บางทีการซื้อม้าสักตัวสองตัวมาให้วินนี่เล่นก็ดูไม่เลวเลย ปกติเธอก็ไม่ค่อยมีกิจกรรมเล่นสนุกอะไรอยู่แล้ว เมื่อวานซืนที่ฉินสือโอวพาเธอไปกินมื้อกลางวันลอยฟ้า ก็เพื่ออยากจะชดเชยจุดนี้ให้กับเธอ
พอลลี่อยากจะพูดอะไรต่ออีก แต่ฉินสือโอวถามไปก่อนว่า “เพื่อน งั้นคุณยังมีม้าที่อยากจะจัดการบ้างไหมครับ?”
การที่เขาถามแบบนี้ก็เท่ากับบอกว่าตัวเองอยากจะซื้อม้าแล้ว พอลลี่จึงพูดอย่างดีใจว่า “ไม่ครับ ของผมไม่มีแล้ว แต่ผมมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เขามีม้าดีอยู่สองสามตัว แถมยังเป็นลูกม้าทั้งสองตัว…”
“ม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรตหรือเปล่า?” ฉินสือโอวถามตัดบทเขา
สำหรับม้าแข่งแล้ว คำว่าพันธุ์เธอร์รัพเบรตสื่อความหมายว่าเป็นชื่อของม้าที่ยิ่งใหญ่ ถูกยกให้เป็นศิลปะที่มีชีวิต ที่ได้ผ่านการฝึกฝนมากว่าสองร้อยกว่าปี ทำให้เพียบพร้อมไปทั้งโครงสร้างและเอกลักษณ์ทางร่างกายที่สมบูรณ์แบบ และมีกำลังที่แข็งแกร่ง
เอกลักษณ์อีกอย่างของม้าชนิดนี้ก็คือความแพง ม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรตที่ได้รับรางวัลเหรียญทองตัวหนึ่งจะมีราคาสูงกว่าม้าพันธุ์เดียวกันนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
พอลลี่ลูบจมูกไปมา แล้วยิ้มแห้งๆ ว่า “แฮมิลตันอาจจะมีม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรตก็จริง แต่ว่าไม่ได้อยู่ที่เมืองของผมครับ ความจริงแล้วลูกม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรตสองตัวของเพื่อนผมก็ดีมากนะครับ เพียงแค่พ่อแม่ของพวกมันไม่ได้มีชื่อเสียงเท่านั้น”
ฉินสือโอวมีความรู้เกี่ยวกับม้าแข่งไม่มากนัก เออร์บักจะมีความรู้มากกว่า เมื่อได้ยินว่าเขาอยากจะซื้อม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรต ทนายสูงวัยจึงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉิน ม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรตจำเป็นต้องดูแลอย่างดี พวกมันหัวสูงมากๆ แม้แต่สนามม้าก็ยังต้องทำเป็นพิเศษด้วย ฟาร์มปลาของเราพื้นที่น้อย เพียงพอแค่ให้พวกมันเดินเล่นเท่านั้น แม้แต่วิ่งเหยาะก็ยังไม่พอเลย”
ฉินสือโอวถามพอลลี่ “ม้าสองตัวที่คุณบอกเป็นแบบไหน? เป็นม้าควอเตอร์หรือเปล่า? ราคาเท่าไรครับ?”
พอลลี่บอกว่า “ไม่ครับ ไม่ใช่ควอเตอร์ แต่เป็นม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์ พ่อแม่ของพวกมันเป็นม้าตัวเต็งที่ส่งจากเท็กซัสมาที่แฮมิลตัล ร่างกายสวยงามมาก อายุของม้าทั้งสองตัวอยู่ที่ประมาณหกเดือน รวมๆ แล้วราคาอยู่ที่ประมาณสี่หมื่นเหรียญครับ”
ราคานี้ไม่ถูกเลย ฉินสือโอวมองไปที่เหมาเหว่ยหลงทีนึง ฝ่ายหลังเป็นเพื่อนกับเขามาสิบกว่าปี แค่สะบัดก้นเขาก็รู้แล้วว่าเพื่อนอยากจะตด จึงอธิบายเสียงเบาว่า “ม้าควอเตอร์ที่เมืองนี้ซื้อมา ความจริงเป็นม้าระดับรากหญ้าแบบที่ปล่อยในฟาร์มปศุสัตว์นั่นแหละ ราคาต่ำมาก แต่ม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์สองตัวนี้ไม่ใช่อย่างนั้น ราคาสูงกว่ามาก”
เมื่อได้ฟังเหมาเหว่ยหลงพูดแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวก็ไม่ได้ลังเลมาก พยักหน้าแล้วพูดว่า “ถ้ามีเวลาก็ให้เขาส่งมาแล้วกัน”
พอลลี่กะพริบตาปริบๆ ด้วยความอึ้ง พูดว่า “คุณไม่ไปตรวจเช็กสักหน่อยเหรอครับ? บางทีอาจจะไม่ถูกใจคุณก็ได้นะครับ?”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “แค่สี่หมื่นเหรียญเองเพื่อน ของที่ราคาสี่หมื่นเหรียญ จำเป็นต้องไปตรวจเช็กด้วยเหรอ?”
หากว่าวินนี่ไม่ชอบ งั้นเขาก็แค่ให้กับพวกทหารรับจ้างไป หรือไม่ก็พวกชาวประมง ในหมู่เจ้าพวกนี้น่าจะมีคนที่ชอบม้าบ้างแหละ?
พอลลี่เองก็เป็นถึงเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ที่ไม่ถือว่าเล็กคนหนึ่ง แต่เศรษฐีแบบฉินสือโอวนั้นเขาก็ยังเคยเจอมาไม่มาก
ใช่ สี่หมื่นเหรียญ แต่สี่หมื่นเหรียญก็เยอะมากแล้วไม่ใช่เหรอ? ที่เขาพยายามปิดการขายขนาดนี้ก็เพื่ออยากได้ค่าคอมมิชชั่น แต่นั่นก็แค่เงินจำนวนสองสามพันเหรียญเท่านั้น…
บทที่ 1310 คาดผิดไป
มื้อเย็น ฉินสือโอวเตรียมแต่อาหารทะเลให้พอลลี่ทั้งนั้น
วันนั้นที่ฟาร์มพอลลี่ พวกเขาล้มลูกวัวเลี้ยงเขาเลยนะ ฉะนั้นฉินสือโอวก็ไม่ขี้เหนียว เอาของดีที่สุดของฟาร์มปลาออกมาอย่างไว้หน้า
ปลาตัวเป่าย่าง ปลาไหลอเมริกาตุ๋น เพรียงทะเลนึ่ง ปลาหัวเมือกผัดซอสแดง ส่วนปูหิมะ เมนล็อบสเตอร์กับปลาค็อด แน่นอนว่ายิ่งขาดไม่ได้
แน่นอนว่านอกจากอาหารทะเลก็ขาดไก่งวงย่างกับสเต๊กเนื้อไม่ได้ สองจานนี้เป็นอาหารเลี้ยงแขกที่จำเป็นของครอบครัวคนแคนาดา ฉินสือโอวรู้สึกว่าคนแคนาดานี่ก็เก่งจริง กินกับข้าวสองจานนี้ไม่เบื่อกันบ้าง
ที่จริงแล้วคนแคนาดาก็ไม่ได้เจ๋งอะไรขนาดนั้น เห็นฉินสือโอวเตรียมสเต๊กเนื้อ พอลลี่ก็รีบออกปากห้ามว่า “เฮ้ ฉิน ที่จริงอาหารที่คุณเตรียมก็เยอะพอแล้ว สเต๊กเนื้อจานนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก?”
เดิมทีฉินสือโอวก็ไม่ได้เตรียมสเต๊กเนื้อจริงๆ แต่วันนี้เป็นวันเปิดโถกะปิที่เขาหมักไว้ เขารู้วิธีทำสเต๊กเนื้อโดยใช้กะปิที่อร่อยมากสูตรหนึ่ง นี่เป็นอาหารจานเด็ดของบ้านเกิดเขา พอลลี่ไม่เคยกินอย่างแน่นอน
อาหารจานนี้ก็คือสเต๊กเนื้ออบกะปิ พอเขาเปิดโถกะปิกลิ่นคาวเค็มก็พวยพุ่งขึ้นมา นี่คือกะปิชั้นดี ไม่มีกลิ่นเหม็นมีแต่กลิ่นเค็มและคาว พอกลิ่นทั้งสองแบบนี้รวมตัวเข้าด้วยกัน จะพูดว่าเป็นกลิ่นทะเลก็ได้
กะปิมีสีชมพูเสมอกัน ฉินสือโอวตักออกมาสองช้อน ผสมกับไข่ขาว และแป้งเพราะช่วยดับกลิ่นคาวของซอสกุ้งได้ดี จากนั้นก็ใส่ผักชี ต้นหอม หัวหอม กระเทียมสับ ทีนี้ก็ไม่มีกลิ่นคาวเหลืออยู่แล้ว
เขาทำอาหารนี้เป็นอันดับสุดท้าย กะปิต้องหมักจนเข้าเนื้อถึงจะได้ที่เลยต้องใช้เวลา
พอหมักเสร็จ ก็ต้องเอาลงทอดในน้ำมัน คนแคนาดาทำกับข้าวชอบใช้น้ำมันทอด พวกเขาเห็นว่าอาหารทอดธรรมดาดีกว่าอาหารทอดแบบน้ำมันท่วม
พอทอดสเต๊กเนื้อหมักกะปิเรียบร้อย อาหารจานสุดท้ายก็เสร็จแล้ว กินข้าวได้
เพราะชาวประมงกับพวกทหารไม่สนิทกับพอลลี่ ครั้งนี้ฉินสือโอวเลยจัดงานเลี้ยงในบ้านแบบง่ายๆ พ่อแม่ เออร์บัก พวกเด็กๆ อีวิลสันแล้วก็เขากับวินนี่
อีวิลสันกินข้าวกับพวกเขาตลอด พ่อแม่ฉินชอบเขามาก เพราะเขากินเยอะสุดๆ แถมยังไม่เลือกกิน มีเขาอยู่พ่อแม่ฉินก็ทำอาหารได้ตามสบาย อย่างไรสุดท้ายก็ไม่เหลือทิ้ง
ในสายตาของคนแก่ทั้งสอง เด็กที่ไม่กินทิ้งกินขว้างก็คือเด็กดี
เหมาเหว่ยหลงกัดเนื้อเข้าไปหนึ่งคำ รสชาติอันแปลกใหม่ทำให้เขาประหลาดใจ “ฉิน จานนี้แกทำได้อร่อยมาก ฉันเพิ่งเคยกินสเต๊กเนื้อแบบนี้ครั้งแรก รสชาติไม่เลวเลย”
พอลลี่เองก็กินได้ เขาพยักหน้าพูดว่า “ย่างสเต๊กได้นุ่มมาก ที่สำคัญก็คือมีกลิ่นทะเลด้วย ฉิน คุณทำได้อร่อยมากเลย ต้องยกนิ้วให้คุณเลยล่ะ ฮ่ะๆ”
ตอนที่ฉินสือโอวทำก็ชิมก่อนแล้ว ประเด็นก็คือเพราะกะปิดี กลิ่นคาวไม่หนัก รสออกหวานๆ กะปิแบบนี้ป้ายบนหมั่นโถวกินกับข้าวยังได้เลย
หู่เป้าฉงหลัวโดนกลิ่นหอมของเนื้อทอดดึงให้ตามมา วินนี่ให้อาหารมันไปแล้ว พวกมันก็ยังเงยหน้ามองดูฉินสือโอวรอของกินอย่างคาดหวัง
เหมาเหว่ยหลงอยากเอาของให้มันกิน ฉินสือโอวจึงรีบห้ามพัลวัน “แกดูสิว่าพวกมันอ้วนขนาดไหน? ให้อีกไม่ได้แล้ว มื้อเย็นพวกมันก็ไม่ใช่กินน้อยๆ”
เจ้าพวกตัวเล็กรออยู่ครู่หนึ่งก็ยังไม่ได้ของกินเลยเดินคอตกออกไป ทำเอาพอลลี่ขำจนไม่ไหว
วินนี่พูดขึ้น “พรุ่งนี้ฉันต้องตั้งกฎขึ้นมา ตอนนี้นักท่องเที่ยวก็ให้อาหารโลมาแบบไม่มีขีดจำกัดเหมือนกัน ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้โลมาอ้วนขึ้นเยอะเลย”
เหมาเหว่ยหลงไม่รู้เรื่องโลมาเลยถามว่าเรื่องอะไรกัน ฉินสือโอวอธิบายพักหนึ่ง คนทั้งโต๊ะเลยเริ่มวิพากษ์วิจารณ์คนญี่ปุ่น พอลลี่ก็วิจารณ์ด้วย เพราะเจ้าของฟาร์มแคนาดาเกลียดวัววากิวเป็นที่สุด พวกนั้นโกยเงินไปหมดเลย…
เหมาเหว่ยหลงไม่เคยเล่นกับโลมาเลย จึงบอกว่าพรุ่งนี้เขาก็จะไปเลี้ยงโลมา ให้ฉินสือโอวพาเขาไปเที่ยวหน่อย ฉินสือโอวส่ายหน้าบอกโลมามีอะไรน่าสนุก พรุ่งนี้ถ้าตามเขาไปมีอะไรสนุกกว่านี้อีก
สิ่งที่น่าสนุกกว่านั้นก็คือไปอเมริกาส่งนิมิตส์ให้คาเมรอน…
ฉินสือโอวกลับมาจากท่าเรือบาสก์เกือบจะเดือนหนึ่งแล้วก็ยังไม่ได้ส่งนิมิตส์ไปให้คาเมรอน แต่จะผลัดอีกต่อไปไม่ได้แล้ว
ไปอเมริกาจากแคนาดาสะดวกมาก แต่เงื่อนไขคือห้ามเอาสัตว์เลี้ยงไปด้วย
ตามขั้นตอนทั่วไป ฉินสือโอวจะพานิมิตส์ไปอเมริกา ก็ต้องพานิมิตส์ไปทำการตรวจหาโรค ดีที่คาเมรอนทำเรื่องเสร็จหมดแล้ว ฉินสือโอวสามารถพามันขึ้นเครื่องได้เลย
ครั้งนี้ไปจากเกาะแฟร์เวล นิมิตส์ก็เชื่องขึ้น มันอยู่ข้างฉินสือโอว ตื่นเต้นไปตลอดทาง
หนังเรื่องนี้ของคาเมรอนถ่ายทำที่ไมอามีเป็นหลัก เพราะไมอามีมีหาดและทะเลที่สวยกว่าอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ และหนังภัยพิบัติทางทะเลแบบนี้ก็มีฉากเป็นหนึ่งในจุดขาย
นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลงมาไมอามีด้วยกัน คราวที่แล้วที่มาเมืองนี้ พวกเขาเจอเรื่องจี้ปล้นเป็นครั้งแรก ตอนนี้นึกย้อนกลับไปก็น่าสนใจดี
“ไม่รู้คดีคลี่คลายหรือยัง” เหมาเหว่ยหลงพูด “ว่ากันว่าทีมอาชญากรรมของไมอามีเก่งมาก”
ฉินสือโอวถาม “แกรู้เรื่องกองกำลังตำรวจของไมอามีด้วยเหรอ?”
เหมาเหว่ยหลงพูด “แน่นอน แกคิดว่าหลายปีมานี้ฉันดูหนังฮอลลีวูดกับหนังอเมริกาไปเปล่าๆ หรือไง?”
ฉินสือโอว “…”
คนที่มารับทั้งสองคนก็คือบัตเลอร์ ไมอามีเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นหลักของอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน พอเจอกันลุงหนวดก็กอดเหมาเหว่ยหลงยกใหญ่ จากนั้นก็พูดกับนิมิตส์ “เฮ้ เพื่อน พวกเราเจอกันที่อเมริกาอีกแล้ว? สบายดีไหม? โอ้ ผมสบายดี”
นิมิตส์มองบัตเลอร์ด้วยสายตาดูถูก จากนั้นก็มองไปรอบๆ อย่างลนๆ นี่มันสถานที่แปลกนี่นา นกโจรสลัดใหญ่ร้อนใจกับสิ่งนี้
บัตเลอร์ส่งทั้งสองคนไปที่กองถ่ายที่นอกหาด ตอนที่อยู่บนรถเขาพูดว่า “เพื่อนๆ อวยพรฉันด้วย ฉันกำลังจะร่วมงานกับผู้กำกับคาเมรอนแล้ว”
“หมายถึงอะไร?” ฉินสือโอวถามออกมา
เหมาเหว่ยหลงเข้าใจความหมายเขาในทันที “อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินจะแทรกโฆษณาในหนังเลยใช่ไหม? โอ้ นี่เป็นหนังฟอร์มใหญ่เลยนะ เท่าไรล่ะ?”
บัตเลอร์หันมาพูดยิ้มๆ “ฮะ แม้ว่านี่จะเป็นไอเดียที่ดี แต่ฉันเองคนเดียวตัดสินใจไม่ได้ ที่จริงฉันก็แค่บทบาทเล็กๆ ตัวจริงก็คล้ายกับตัวละครนี้ไม่ใช่เหรอ? ฉันน่ะเป็นถึงผู้จำหน่ายอาหารทะเลฟาร์มปลาต้าฉินรุ่นแรก”
ฉินสือโอวเกาคางแล้วพูดอย่าสนใจ “เพื่อน พวกเราแทรกโฆษณาเข้าไปในหนังเรื่องนี้ได้ หนังของคาเมรอนนะ หนังภัยพิบัติทางทะเลฟอร์มยักษ์ ทำไมไม่ใช้ประโยชน์หน่อยล่ะ?”
พอลุงหนวดเหยียบคันเร่งก็พูดอย่างประหลาดใจ “ให้ตาย เหมือนคุณกำลังผมเล่นเลย! พวกเราไม่จำเป็นต้องแทรกโฆษณา นี่ก็คือหนังโปรโมตที่ทำให้พวกเรา อย่าบอกผมนะว่าฉิน ว่าตอนที่บริษัทหนังกับคุณเซ็นสิทธิ์ในการดัดแปลง คุณไม่ได้ขอให้เพิ่มบริษัทเราเข้าไป?”
ฉินสือโอวพูดอย่างอ่อนแรง “เพื่อน คุณต้องเข้าใจนะ ตอนที่เกิดเรื่องนี้ พวกเรายังไม่ได้ทำอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน!”
อีกอย่าง ตอนนั้นเขาขอให้ผู้ผลิตภาพยนตร์ปกปิดร่องรอยของฟาร์มปลาต้าฉินเพื่อปกป้องตัวเองด้วย…
บทที่ 1311 จิ้งจอกเฒ่า
บัตเลอร์หยุดรถลงแล้วนั่งยองๆ สูบบุหรี่นอกรถ หน้าตาท่าทางอมทุกข์
เหมาเหว่ยหลงถอนหายใจ “แกดูสิ แกเล่นเอาบัตเลอร์อยู่ในสภาพไหนเนี่ย? ฉันว่าแกสมองเพี้ยนแล้วมั้ง? ไม่เอาค่าลิขสิทธิ์และค่าธรรมเนียมการใช้งาน เอาบทให้เขาฟรีๆ? พอมาแคนาดาแล้วแกกลายเป็นเหลยเฟิงหรืออย่างไร?”
ฉินสือโอวก็จนใจ “ตอนนั้นใครจะไปคิดอะไรเยอะแยะ? อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินเพิ่งจะมีมานานแค่ไหนเชียว?”
ลุงผิวสีนั่งยองอยู่ข้างทางจนสูบบุหรี่หมดไปหนึ่งมวนก่อนจะโยนก้นบุหรี่ทิ้ง แล้วก็กลับมาที่นั่งคนขับด้วยสีหน้าดุดัน กัดฟันแล้วพูดว่า “ให้ตาย จะไปมีเรื่องดีขนาดนี้ได้ไง? ฉันตัดสินใจแล้ว ฉิน พวกเราต้องให้พวกเขาจ่ายสักหน่อย!”
ฉินสือโอวยิ้มขมขื่นแล้วพูดว่า “ที่จริง อุตสาหกรรมอาหารทะเลอย่างพวกเราไม่ต้องมีโฆษณาก็ได้มั้ง? พวกเราไม่ได้ทำธุรกิจด้วยความสามารถหรอกเหรอ?”
ลุงผิวสีทำหน้าเคร่งขรึม “ฉิน เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น นี่มันปัญหาที่ตัวตน เข้าใจไหม? ปัญหาของตัวตน! พวกเขาแกล้งคนผิวดำกับผิวเหลืองชัดๆ รังแกคนสีผิวอื่น!”
ฉินสือโอวเกือบจะหัวเราะไปกับประโยคนั้น มุกนี้ของคนผิวดำใช้ได้ดีจริงๆ เรื่องอะไรก็เอาไปผูกกับเรื่องเหยียดสีผิวได้ ปัญหาลิขสิทธิ์เป็นเรื่องที่เขารับปากเองในตอนนั้น
บัตเลอร์ตั้งใจจะแทรกโฆษณาอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินเข้าไปในหนังให้ได้ นี่เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจไว้ ระหว่างทางก็พึมพำตลอด แล้วยังโทรไปหาทนายสองสามคนเพื่อถามปัญหาด้านนี้ด้วย
ทนายถามฉินสือโอวว่าได้ลงนามในข้อตกลงการใช้งานลิขสิทธิ์กับนักลงทุนหรือไม่ เขาบอกว่าตอนนั้นเซ็นสัญญาไปฉบับหนึ่ง จากนั้นทนายก็บอกบัตเลอร์ว่าเปลืองแรงเปล่า ลิขสิทธิ์เป็นของคนอื่นแล้ว
ได้คำตอบนี้มา บัตเลอร์ไม่พอใจมาก ขับรถไปตะโกนไป “แกล้งกันหรือไง แกล้งกันหรือไง แกล้งกันหรือไง? สิทธิมนุษยชนล่ะ? อิสรภาพล่ะ? ประชาธิปไตยล่ะ?”
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเขาใกล้จะบ้าแล้ว อย่างน้อยก็พูดมั่วซั่วแล้ว
กองถ่ายเหมาอพาร์ทเม้นริมทะเลไว้ตึกหนึ่ง บัตเลอร์พาคนสองคนกับนกหนึ่งตัวมุ่งหน้าไปทันที
คาเมรอนพานักแสดงหลักกับโปรดิวเซอร์นักลงทุนมารับเขา พอฉินสือโอวลงจากรถ คาเมรอนก็เข้ามากอดเขาอย่างสนิทสนม และแนะนำเขาให้เหล่านักแสดงรู้จัก
น่าเสียดายฉินสือโอวไม่คุ้นกับหนังฮอลลีวูด ในหมู่ดาราพวกนี้เขาก็รู้จักแค่ดาราที่ดังที่สุดเพียงคนเดียว นอกนั้นก็ไม่คุ้นเลย พระเอกหนุ่มหล่อเป็นคนที่เขาเคยเจอและเคยคุยด้วยนิดหน่อยชื่อเสียวหลี่จือ ลีโอนาร์โด
เสียวหลี่จือไม่ได้ดูมีออร่าความโรแมนติกอย่างสมัยวัยหนุ่ม แต่ว่าก็ยังมีความหล่ออยู่แน่นอน เขาจะรับบทฉินสือโอวในตอนนั้น กัปตันผู้เด็ดเดี่ยว
ฉินสือโอวกับเสียวหลี่จือคุยกันออกรส บัตเลอร์ก็พูดเสียงบูดๆ อยู่ข้างๆ “เฮ้ คุณผู้ชายทั้งหลาย ใช้คนขาวมารับบทของฉินไม่ค่อยเหมาะเท่าไรมั้ง? เขาเป็นกัปตันคนจีนที่ยอดเยี่ยมมาก!”
คาเมรอนพูดยิ้มๆ “หนังเรื่องนี้อ้างอิงมาจากเรื่องจริงบุคคลจริง แต่ที่มากกว่านั้นคือความเคารพ เป็นการแสดงความเคารพนับถือต่อฉินและชาวประมงทั้งหมดในตอนที่เกิดภัยพิบัติทางทะเล ฉะนั้นที่พวกเราต้องการก็คือสปิริตไม่ใช่เหรอ?”
พูดไป เขาก็ตบบ่าของบัตเลอร์ไปด้วย “ก็เหมือนคุณ คุณบัตเลอร์ คุณก็ยินดีแสดงเป็นตัวเองโดยไม่รับค่าตอบแทนหลังจากที่รู้ว่าจะถ่ายหนังเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ? พวกเราก็เหมือนกัน ล้วนเป็นสปิริต ความเคารพและจิตอาสา”
ได้ยินแบบนั้น ฉินสือโอวถือโอกาสที่คนไม่ได้สังเกตดึงบัตเลอร์แล้วพูดเสียงค่อย “ให้ตาย นายก็ยังมาบ่นฉันอีก นายแสดงไม่มีค่าตอบแทนได้อย่างไร?”
บัตเลอร์มองเขาด้วยสีหน้าเคียดแค้น “เรื่องนี้โทษฉันได้เหรอ? ฉันนึกว่าอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินเราจะได้เป็นตัวเอกในหนังเสียอีก! ดังนั้น ฉันเลยคิดว่าทำไมฉันไม่ถือโอกาสโผล่หน้าไปกับอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินบ้างล่ะ? และอีกอย่าง ฉันติดต่อผู้กำกับคาเมรอน เขาบอกว่าบทนี้เป็นบทเล็กไม่สำคัญ ไม่ค่อยมีเนื้อหาสาระ ค่าตอบแทนก็ไม่มาก สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจหุนหันพลันแล่นว่าจะแสดงฟรี…”
พูดไปมือขวาเขาก็กำหมัดแล้วชกหนักๆ ไปที่ฝ่ามือซ้าย “ให้ตาย ใจร้อน ใจร้อนไปแล้ว! ถ้ารู้อย่างนี้ฉันเรียกค่าตอบแทนสูงๆ แล้ว สักล้านสองล้าน!”
ฉินสือโอวหัวเราะฮ่ะๆ ลุงผิวสีบ้าไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย? ถ้าคาเมรอนจะยอมเสียหลายล้านเพื่อให้เขามาแสดงบทเล็กๆ นั่นต่างหากบ้าของจริง
คาเมรอนกอดนิมิตส์ในขณะที่คุยไปด้วย นกโจรสลัดใหญ่ไม่มีเวลามาสนใจเขา มันมองไปมาระหว่างท่านชายฉินกับผู้กำกับสูงวัย ในที่สุดมันก็เข้าใจว่าตรงไหนที่ไม่ชอบมาพากล ข้าถูกพวกไพร่เล่นเข้าให้แล้ว!
หลังจากนั้นกองถ่ายก็จัดที่พักให้ฉินสือโอว เหมาเหว่ยหลง ส่วนบัตเลอร์ไปหาคาเมรอนตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ จากนั้นก็เดินกลับมาคอตก แล้วพูดอย่างหงุดหงิดว่า “ให้ตาย หมอนั่นบอกว่าเรื่องนี้เขาไม่มีสิทธิตัดสินใจ ให้ฉันไปคุยกับโปรดิวเซอร์กับพวกนักลงทุนเอง! แม่งเอ๊ย หลอกฉันอยู่ชัดๆ!”
ฉินสือโอวมีท่าทีเฉยชาต่อเงินมาก ไม่ใช่ว่าเขาแกล้งทำ แต่เป็นความมั่นใจอย่างหนึ่ง เขามั่นใจว่าถ้าเขาขาดเงิน ขอแค่ไม่กี่วันก็หาได้หลายร้อยล้านพันล้าน
ส่วนยี่ห้ออาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน ตั้งแต่ที่ก่อตั้งมาเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ คนที่ใส่ใจจริงๆ คือบัตเลอร์
เห็นบัตเลอร์ร้อนใจขนาดนี้ เขาเห็นว่าไม่จำเป็นต้องขนาดนั้นเลยเข้าไปปลอบ
ได้ฟังคำเขา บัตเลอร์ก็พูดอย่างไม่ยอมจำนน “ฉิน ความคิดของนายอันตรายมาก! พวกเราไม่เอาของที่เป็นของเรา แต่ของของตัวเองคนอื่นก็แตะไม่ได้! ลิขสิทธิ์ก็ของนาย พวกเขาจะใช้ก็ต้องจ่าย นี่คือการค้าขายแบบยุติธรรม!”
ฉินสือโอวเกาคาง ที่บัตเลอร์พูดมาก็ถูก นี่คือของของเขา ถ้าเขาให้ออกไปฟรีๆ ก็โง่แล้วไม่ใช่เหรอ? คนอื่นไม่แน่ว่าจะซาบซึ้งเสียหน่อย
อีกอย่างเขาครุ่นคิดอีกเรื่องอยู่ ทำไมหนังต้องมาถ่ายที่ไมอามี? ทำไมไปถ่ายทำที่เกาะแฟร์เวลไม่ได้? ถ้าไปถ่ายที่เกาะแฟร์เวล ในเมืองก็จะมีรายได้อีกมากมาย พอหนังออกฉาย ยังเอามาต่อยอดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ด้วย
ข้อนี้สำคัญมาก วินนี่กำลังเครียดว่าจะพัฒนาเศรษฐกิจเมืองได้อย่างไร เขาต้องคิดหาวิธีช่วยไม่ใช่เหรอ?
ลิขสิทธิ์เกี่ยวข้องกับกฎหมาย เรื่องทางกฎหมายงั้นก็ต้องถามเออร์บัก และเขาเป็นคนร่างข้อตกลงการโอนลิขสิทธิ์ในตอนนั้น
ฉินสือโอวโทรศัพท์ เออร์บักฟังเขาเงียบๆ จนจบแล้วเอ่ยถาม “นายอยากได้ค่าลิขสิทธิ์หรือเปล่า?”
“ไม่ ผมอยากจะแทรกโฆษณาแบบยัดเยียดของอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน” ฉินสือโอวพูดต่อ “มีทางไหม? เราเซ็นสัญญาไปแล้ว จะยุ่งยากมากใช่ไหม?”
ทนายสูงวัยพูดพร้อมรอยยิ้มบาง “ฉันมีเป็นร้อยวิธี วางใจเถอะ อย่าสนใจข้อตกลงการโอนลิขสิทธิ์ นั่นมันของที่ฉันทำ ในนั้นมีแต่ช่องโหว่ ตอนนั้นฉันกลัวว่าภายหลังจะเกิดขัดแย้งกัน”
ฉินสือโอวพูดอย่างประหลาดใจ “มีวิธีแทรกโฆษณา? มีวิธีให้พวกเขาเลือกเมืองเราเป็นสถานที่ถ่ายทำด้วยเหรอ?”
เออร์บักพูดว่า “ตอนนี้ต่อให้นายไม่อยากให้พวกเขาถ่ายทำแล้ว ฉันก็มีวิธีเอาลิขสิทธิ์กลับมา เชื่อมือทนายสูงวัยคนนี้เถอะ แม้ว่าเขาจะเกษียณมาหลายปีแล้ว”
ฉินสือโอวอุทานประหลาดใจ “ไม่น่าเชื่อจริงๆ ถ้าสัญญามีแต่ช่องโหว่ งั้นฝ่ายนักลงทุนไม่เห็นเหรอ?”
เออร์บักอธิบายว่า “ง่ายมาก ตอนนั้นพวกเขาประเมินนายต่ำไป และประเมินฉันต่ำไป ท่าทีร่วมมือที่นายแสดงออกทำให้พวกเขาลดกำแพงลง และสัญญาที่ฉันทำ ที่จริงมันเป็นโมฆะ!”
“หมายความว่าไง?”
“บทบัญญัติทางกฎหมายทั้งหมดในสัญญาล้วนแล้วแต่ยึดกฎหมายอเมริกาเป็นพื้นฐาน แต่นายเป็นคนแคนาดา กฎหมายของพวกเขาใช้กับนายไม่ได้!
บทที่ 1312 ลู่ทางใหม่
ฉินสือโอวไปหาบัตเลอร์แล้วโบกมือถือไปมาพลางพูดว่า “ข่าวดี บางทีอาหารทะเลแบรนด์ของเราอาจจะแทรกเข้าไปได้”
ลุงหนวดผิวสีออกสีหน้าตื่นเต้น “จริงเหรอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่ “ฉันต้องไปคุยกับคาเมรอนหน่อย ตอนนี้เรื่องเริ่มจะซับซ้อนขึ้นมาแล้ว”
ก็ซับซ้อนจริงๆ ชีวิตคนเราหากไร้กิเลสก็ไร้ความกลัว เมื่อก่อนฉินสือโอวไม่สนใจว่าหนังเรื่องนี้จะถ่ายทำอย่างไร เขายินดีให้นิมิตส์เข้าร่วมการถ่ายทำด้วยซ้ำ
แต่ว่าตอนนี้เขาอยากจะได้ผลประโยชน์จากมันแล้ว แน่นอนไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อเมืองและอาจเพื่อทำให้วินนี่ดีใจ แต่ไม่ว่าจะพูดว่าอย่างไร พอมีความคิดก็ต้องมีแผน และก็จะมีเรื่องยุ่งยากตามมา
ฉินสือโอวผิวปาก นิมิตส์ที่เกาะอยู่บนราวตากผ้ากระพือปีกแล้วบินกลับมาจากนั้นก็มาจับที่ไหล่เขา ดูสง่าผ่าเผยราศีจับ
พอหาคาเมรอนเจอ ฉินสือโอวก็พูดว่า “อาจารย์ ผมมีเรื่องบางอย่างที่คิดว่าเราควรปรึกษากันหน่อย”
การคุยกันระหว่างคนฉลาดนั้นช่างง่ายดาย ไม่ต้องให้เขาพูดต่อ คาเมรอนก็รู้ถึงจุดประสงค์ที่เขามา “เรื่องแทรกโฆษณาอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินเหรอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วเอ่ยถาม “ทำไม่ได้จริงๆ เหรอ?”
คาเมรอนถอนหายใจแล้วพูดว่า “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ฉิน ที่จริงเรื่องนี้น่ะไม่ยาก เพียงแต่ ช่างเถอะ ธุรกิจก็คือธุรกิจ ตอนนั้นคุณไม่ได้คุยเป็นธุรกิจกับผม เพราะฉะนั้นผมเองก็อาจควรเห็นแก่คุณธรรม ความสัมพันธ์อะไรพวกนี้ โอเค แทรกโฆษณาของพวกคุณได้ไม่มีปัญหา”
พอเขาพูดแบบนั้น หัวข้อต่อไปที่ฉินสือโอวจะพูดก็เริ่มพูดยากเสียแล้ว นิสัยของเขาต้องใช้ไม้อ่อนใช้ไม้แข็งไม่ได้ แล้วจะพูดเรื่องที่จะให้พวกเขาไปถ่ายทำที่เกาะแฟร์เวลได้อย่างไร? ออกจะทำคนลำบากใจไปสักหน่อย
ดังนั้นเขาเลยถามลองเชิงดู “เฮ้ เพื่อน ผมอยากถามหน่อย ตอนนี้พวกคุณเลือกสถานที่ถ่ายทำกันหรือยัง? ความหมายผมก็คือ ในหนังพวกคุณจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับฟาร์มปลาด้วยไม่ใช่เหรอ? งั้นพวกคุณจะถ่ายฉากฟาร์มปลาที่ไหน?”
คาเมรอนชี้ไปที่ด้านหลังแล้วพูดว่า “แค่ทำฉากง่ายๆ ที่นี่ก็สร้างฟาร์มปลาออกมาได้แล้ว”
สมองของฉินสือโอวโลดแล่นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็คิดวิธีหนึ่งได้ทันใดจึงรีบพูดขึ้นว่า “คาเมรอนฟังนะ คุณก็รู้ผมเป็นใคร ตอนนั้นผมเคยบอกว่าเรื่องนี้พวกคุณทำได้ตามสบาย ผมไม่ยื่นมือเข้าไปแทรก และผมก็จะไม่แบ่งกำไรของคุณ”
“แน่นอน ตอนนั้นผมก็ไม่ได้ขอให้แทรกโฆษณาไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ผมกลืนคำพูดตัวเอง ฉะนั้นผมเลยเกรงใจ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะชดเชยคุณหน่อย อย่างเช่นฉากฟาร์มปลา คุณสามารถไปถ่ายที่ฟาร์มปลาของผมได้”
ได้ยินแบบนั้น คาเมรอนก็ตื่นเต้นดีใจยกใหญ่และถามว่า “จริงเหรอ? เพื่อน คุณเปลี่ยนไป เอ่อ เป็น เอ่อ ผมไม่รู้ควรพูดว่าอะไร จำได้ว่าก่อนหน้านี้คุณไม่อนุญาตให้ผมไปทำความเสียหายในฟาร์มปลาของคุณไม่ใช่เหรอ”
ใช่ ที่จริงคาเมรอนเคยบอกว่าอยากไปถ่ายทำที่ฟาร์มปลาของเขา แต่ตอนนั้นฉินสือโอวไม่เห็นด้วย เพราะการถ่ายหนังไม่ใช่การเล่นแต่เป็นการทำลาย
การวางราง ติดตั้งทาวเวอร์เครนจะเป็นการทำลายสนามหญ้าและหาดทราย คนกองถ่ายเยอะเสียขนาดนั้น กินอะไรเดี๋ยวก็โยนขยะทิ้งเกลื่อน ตอนถ่ายหนังก็จะทำอุปกรณ์มากมาย พอไม่ได้ใช้แล้ว ของพวกนี้จะจัดการอย่างไร?
ฉินสือโอวยิ้มอย่างใจดี “เพื่อที่จะชดเชย เจมส์ เพื่อที่จะชดเชยไปกับความวุ่นวายที่ผมก่อให้คุณ ผมยินดีสละพื้นที่ในฟาร์มปลาให้”
ชื่อเต็มของคาเมรอนคือเจมส์ คาเมรอน ท่านชายฉินเรียกเขาว่าเจมส์ก็เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองคน
ต้องบอกเลยว่าการทำแบบนี้ออกจะสยองนิดๆ คาเมรอนจงใจขยับตัวสองทีแล้วพูดว่า “การเปลี่ยนแปลงของคุณทำให้ผมแปลกใจมาก ฉิน แต่ว่าผมก็ดีใจมากที่ได้เห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น นี่เป็นเรื่องที่ดี จริงไหม?”
รอจนคาเมรอนเดินจากไป รอยยิ้มบนหน้าของฉินสือโอวก็ค่อยๆ จางลง นี่ก็เป็นเรื่องดีจริงๆ เพียงแต่คงดีได้ไม่เท่าคาเมรอน
เขายินดีให้คาเมรอนยืมพื้นที่ส่วนหนึ่งของฟาร์มปลามาใช้ แต่ไม่ใช่ฟาร์มปลาต้าฉินที่ผู้กำกับคิดไว้ แต่เป็นชายฝั่งฟาร์มปลาสาธารณะของเมือง นั่นก็ฟาร์มปลาเหมือนกัน แล้วอีกอย่างตอนนี้เขาก็ตัดสินใจได้
เริ่มแรก ฉินสือโอวไม่ให้กองถ่ายใช้พื้นที่ฟาร์มปลาของเขาเพื่อป้องกันความเสียหาย เพราะเขาเองไม่มีแรงที่จะเปลี่ยนสถานที่ถ่ายทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เขาไม่อยากเปิดฟาร์มปลาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหรอก
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว เมืองต้องการโปรแกรมท่องเที่ยวใหม่ และแน่นอนว่าสถานที่ถ่ายทำฉากหนังฮอลลีวูดเรื่องหนึ่งก็เป็นลูกเล่นที่เพียงพอ
นอกจากนี้ถ้ากองถ่ายทำความเสียหายให้สิ่งแวดล้อมของเมือง งั้นก็จ่ายเงินชดเชยแล้วกัน เขาเชื่อว่าเทศบาลท้องถิ่นที่วินนี่นำอยู่ไม่มีทางออมมือแน่
เขากับคาเมรอนต่อรองกันแบบง่ายๆ เรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ กองถ่ายกับฝ่ายนักลงทุนยังต้องประชุมกัน เพราะพวกเขาเริ่มลงทุนกันที่ไมอามีแล้ว
พวกเขาปรึกษากันภายในจนได้ผลสรุปเรียบร้อยก็ยังต้องเจรจากับเมืองแฟร์เวลอีก ได้รับการสนับสนุนทางทรัพยากรแบบไหนได้บ้าง มีสิทธิทำอะไรบนเกาะบ้าง ต้องจ่ายอะไรบ้าง เป็นต้น
ฉินสือโอวโทรหาวินนี่แล้วเล่าสิ่งที่เขาคิดให้ฟัง
วินนี่ค่อนข้างจะเฉยๆ กับเรื่องนี้ เธอคิดว่าฉากหนังอาศัยเอฟเฟกต์มากกว่า โดนเฉพาะหนังเรื่องนี้ที่ขายเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ เน้นฝีมือการแสดงไม่ใช่ฉากหลัง ฉะนั้นยังไม่แน่ว่าจะเป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจริง
ยกตัวอย่างเช่นเรื่องอภินิหารแหวนครองพิภพทั้งสามภาค ซึ่งริเริ่มกระแสความคลั่งไคล้ในการชมภาพยนตร์ทั่วโลก เป็นที่รู้จักในเรื่องสภาพแวดล้อมที่งดงามและลึกลับ แต่พอหนังออกฉายก็ไม่ได้ส่งผลที่น่าประทับใจกับการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ เพราะสถานที่ถ่ายทำจริงไม่ได้สวยขนาดนั้น ฉากในหนังก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลจากเอฟเฟกต์คอมพิวเตอร์
นี่ก็คือเหตุผลที่พอฉินสือโอวเปลี่ยนใจแล้วคาเมรอนไม่ได้คิดอะไรมาก ฉินสือโอวสร้างภาพลักษณ์เป็นฤาษีที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก การแทรกโฆษณาอาจมองได้ว่าเป็นเพราะบัตเลอร์ยุยงเขา
เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าจะตัดสินใจได้ในวันสองวัน ฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลงอยู่ที่นั่นต่อ ตอนกลางวันไปอาบแดดที่หาดไมอามี ดูสาวสวย ตกกลางคืนก็นอนคุยกันบนระเบียง
แน่นอน ฉินสือโอวยังมีงานที่สำคัญกว่า นั่นก็คือรีบย้ายแก้วน้ำลึกจากในแอ่งมหาสมุทรไปที่นอกชายฝั่งและสร้างวังคริสทัลขึ้นมา
นิมิตส์ก็ค่อนข้างยุ่งแล้ว มันต้องทำท่าต่างๆ ตามที่เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคต้องการหน้ากล้อง เครื่องบันทึก เครื่องจับภาพสามมิติอยู่เรื่อยๆ และเอามันเป็นพิมพ์เขียวจากนั้นก็สร้างนกโจรสลัดใหญ่ตัวใหม่ที่เชื่องออกมา
ตอนแรกฉินสือโอวจะอยู่เป็นเพื่อนมัน ตอนหลังขอแค่อยู่ในที่ที่มันมองเห็นก็พอแล้ว มันจะทำท่าพื้นฐานตามที่เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคบอกด้วยตัวเอง
ไม่นานบาทหลวงของพระเจ้าก็พิชิตกองถ่าย เสียวหลี่จือลงรูปคู่เขากับนิมิตส์ลงทวิตเตอร์ทุกวัน พอเป็นแบบนั้นความนิยมของนิมิตส์ในอเมริกาเลยพุ่งสูงกระฉูด พอๆ กับความนิยมของหู่จือกับเป้าจือที่แคนาดาเลย
ฉินสือโอวหาดูในเน็ตโดยเฉพาะว่ามีบริษัทที่ทำอาหารนกไหม จะได้ให้นิมิตส์ไปเป็นพรีเซนเตอร์สักอัน…
หลังจากมาไมอามีบิลลี่ก็มาหาเขาอย่างตื่นเต้น พอเจอหน้าก็ตะโกนสุดเสียง “ฉันจะซื้อไมอามี!”
บทที่ 1313 แร่ไปไหน
พอได้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของบิลลี่ ฉินสือโอวก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
แร่ทองคำงมขึ้นมาได้แล้ว!
หลังจากที่กลับมาจากโซมาเลีย ฉินสือโอวก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องนั้นอีก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สนใจเงินก้อนนี้ ต่อให้ตอนนี้เขาค่อนข้างเฉยๆ กับเงินทองก็ตาม
พูดถึงเขาเองก็ช่างกล้าจริงๆ แบรนดอน เบลคจะเชิดทองชุดนี้ไปเลยก็ได้ นี่มันเงินมูลค่าหลายร้อยล้านเลยนะ!
ถ้าเป็นก่อนหน้าที่เขามีหัวใจโพไซดอน ถ้าฉินสือโอวได้โอกาสทำเงินหลายร้อยล้าน ไม่ ไม่ต้องถึงหลายร้อยล้าน ขอแค่หลายล้านดอลลาร์ เขาต้องคิดหาวิธีฮุบเงินจำนวนนี้ไว้เองแน่!
พอคำนึงถึงธรรมชาติของมนุษย์ไปในทางที่ดำมืด งั้นถ้าเบลคกับคนอื่นทั้งสามคนจะจ้างนักฆ่ามาเก็บฉินสือโอวทิ้งเสียก็เป็นไปได้ ไม่มีฉินสือโอว เงินส่วนแบ่งที่พวกเขาจะได้ก็เยอะขึ้นเป็นทวีคูณ
โดยเฉพาะบิลลี่ เขาเป็นคนคุ้ยข่าวเรือขนทองอับปางออกมา พิกัดคร่าวๆ ของเรืออับปางเขาก็เป็นคนหาเจอ สุดท้ายตอนงมก็ได้เขาเป็นคนลงมือ คนแคนาดาอย่างฉินสือโอวทำอะไรบ้าง? ก็แค่ยืนยันพิกัดที่ชัดเจนของเรือขนทองที่อับปาง
แน่นอนว่าถ้ามองตามปกติ ฉินสือโอวมีความดีความชอบมาก เรือขนทองอับปางอยู่ในเขตทะเลลึก ไม่สามารถให้คนดำลงไปได้ ได้แต่ใช้เครื่องกล เป็นงานที่ยากลำบากเอาการ
แต่ว่ามีเงินหลักหลายร้อยล้านเป็นตัวกระตุ้น ใครจะยังเป็นคนปกติอยู่ล่ะ?
ที่จริงฉินสือโอวไม่ค่อยห่วงเรื่องนี้เท่าไร เขา บิลลี่ เบลค แบรนดอนเป็นกลุ่มสี่คนที่ทุกคนต่างจำกัดกันและกัน ข้อมูลเกี่ยวกับเรือขนทองอับปางพวกเขาต่างก็รู้หมด และมีเพียงพวกเขาที่รู้ และพวกเขาต้องเก็บเป็นความลับทุกคน
ในสี่คน ไม่ว่าใครที่ทำความลับรั่วไหล แร่ทองคำนี้ก็อย่าคิดจะขนกลับไป
ตอนนี้เรือกู้ซากคงจะเพิ่งออกจากเขตทะเลโซมาเลีย ขอแค่ข่าวแพร่ออกไป ก็จะมีเรือโจรสลัดหลายร้อยลำมาปล้น และอีกอย่างในหมู่เรือโจรสลัดนี้ จะต้องมีทัพเรือของประเทศอย่างอเมริกา รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่นโผล่มาด้วยแน่
แร่ทองคำที่มากขนาดนี้ ถ้าโผล่ขึ้นมาในที่แจ้ง จะต้องไม่ใช่เรื่องที่ทั้งสี่คนรับได้แน่นอน คำกล่าวที่ว่าซวยเพราะสมบัติก็หมายถึงแบบนี้
ฉะนั้นพวกเขาต้องแบ่งแร่พวกนี้กันเงียบๆ ใครก็ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นใครก็ไม่ได้เงิน
บางทีพวกเขาอาจเลือกร่วมมือกับฝ่ายที่แข็งแกร่งได้ แต่ว่าพวกเขาไม่กล้า พื้นฐานของการร่วมมือกันคืออำนาจที่เท่าเทียม อำนาจที่ฮุบแร่นี้ไปได้จะเป็นสิ่งที่เท่าเทียมกันได้อย่างไร?
ถ้าพวกเขามีฝ่ายไหนที่ไปหารัฐหรือตระกูลใหญ่เพื่อหาหุ้นส่วน เกรงว่าพอข่าวออกไปพวกเขาคงถูกจัดการก่อนเป็นอันดับแรก
ฉินสือโอวรู้ถึงหลักการนี้ดีจึงรักษาท่าทีที่สงบต่อเรือขนทองอับปาง งานของเขาเสร็จแล้ว งานควรถึงมือใครก็ไปทำ ใครทำพลาดก็ซวยไป!
ก็ยังคงคำเดิม แร่ทองคำพวกนี้ไม่สามารถพลาดได้เลย ใครทำผิดพลาด ไม่ต้องรอให้อีกสามคนคิดหาวิธีแก้ปัญหา จะมีคนช่วยพวกเขาจัดการคนที่ทำพลาดอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าถึงตอนนั้นพวกเขาก็ไม่ต้องคิดถึงเรื่องจะได้แร่ทองคำแล้ว
บิลลี่กอดฉินสือโอวพลางตะโกนโหวกเหวก ตะโกนไปว่าจะซื้อไมอามี โค่นอเมริกา ครองทั้งโลกอะไรสักอย่าง คนรอบๆ ที่ได้ยินก็มีไม่น้อยแต่ไม่มีใครสนใจ นึกว่าพวกเขาแค่ล้อเล่น
ฉินสือโอวลากบิลลี่เข้าในห้อง พอปิดประตูก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “นายใจเย็นหน่อยจะได้ไหม? ให้ตายสิ เรื่องนี้ใหญ่ขนาดไหนนายก็ใช่ว่าไม่รู้! แค่ผิดพลาดเพียงนิดเดียว พวกเราต้องจบเห่แน่ นายเข้าใจไหม?!”
บิลลี่พยักหน้ารัวราวกับไก่กำลังจิกกินอาหาร “เข้าใจๆ ฉันเข้าใจแล้ว” หลังจากนั้นน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป พูดอย่างหน้าชื่นตาบานว่า “แต่ตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอ? อย่าห่วงเลยเพื่อน ไม่มีปัญหาอะไรหรอก!”
ฉินสือโอวโยนโค้กให้เขาขวดหนึ่ง บิลลี่โวยว่า “ทำไมถึงไม่ใช่เบียร์ล่ะ?”
“บอกเบลคกับแบรนดอน ก่อนหน้าที่จะได้เงิน ไม่ว่าใครก็ห้ามกินเหล้า!” ฉินสือโอวพูดอย่างจริงจัง
บิลลี่ยักไหล่ก่อนเอ่ยขึ้น “โอเค ไม่ต้องเคร่งเครียดขนาดนั้นก็ได้ พวกเราเข้าใจถึงความสำคัญของเรื่องนี้…”
“ไม่ใช่สำคัญ แต่น่ากลัว!” ฉินสือโอวแก้คำต่อ “บอกฉันที ตอนนี้เรือกู้ซากไปถึงไหนแล้ว? พวกเราต้องวางแผนให้สมบูรณ์แบบ”
ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ใส่ใจก็เพราะงานกู้ซากไม่ต้องมีเขาช่วย ตอนนี้เข้าสู่ขั้นตอนขนส่ง เขาก็ต้องใส่ใจหน่อย คราเคนต้องมาคอยคุ้มกันการขนส่ง อีกอย่างคราวที่แล้วกองกำลังทหารงูทะเลที่เขาส่งไปยังมีส่วนหนึ่งที่ยังอยู่ในแถบมหาสมุทรอินเดีย มีแต่กองกำลังแกร่งๆ ทั้งนั้น
บิลลี่เปิดคอมพิวเตอร์แล้วดึงภาพแผนที่ดาวเทียมที่ชัดเจนขึ้นมา บนรูปมีพวกเส้นสีแดง เขียว ดำ ขาวระโยงระยางเต็มไปหมด พอเขากดเส้นพวกนี้ก็หายไป สุดท้ายเหลือไว้เพียงแค่เส้นสีดำและสีแดง
“เส้นสีดำคือเส้นทางเดินเรือปัจจุบัน เส้นสีแดงคือเส้นทางตามแผน ผ่านประเทศเซเชลส์เพื่อเติมเสบียง น้ำจืด และน้ำมัน แล่นตรงไปที่มาดากัสการ์แล้วก็เติมของอีกครั้งค่อยอ้อมเคปทาวน์และเข้ามหาสมุทรแอตแลนติก” บิลลี่พูดไปในที่สุดสีหน้าก็จริงจังขึ้นมา
เวลาทำเรื่องจริงจังบิลลี่ก็ถือว่าพึ่งพาได้มากๆ อย่างไรก็เป็นทายาทของบริษัทกู้ซากในมหาสมุทรอันดับหนึ่งของโลกที่ถูกฝึกฝนมา
“แร่ทองคำพวกนี้จะเข้าตรวจในศุลกากรได้อย่างไร? ใช้วิธีเดิม บอกว่างมขึ้นมาจากที่ไหนสักที่ในเขตทะเลสาธารณะของมหาสมุทรแอตแลนติกเหรอ?” ฉินสือโอวถาม
ทุกวันนี้กฎนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับโบราณวัตถุจากเรืออับปางก็คือ “ใครงมได้ก็เป็นของคนนั้น” สิ่งนี้ไม่ได้ใช้แค่กับเรืออับปางในน่านน้ำสากล โบราณวัตถุทางวัฒนธรรมจากเรืออับปางภายในน่านน้ำของบางประเทศยังถูกบริษัทกู้ซากยึดไปเป็นของตนเองหลังจากที่กู้ขึ้นมา
การกู้ซากวัตถุโบราณหลายครั้งก่อนนี้ พวกเขาก็ล้วนทำตามกฎนั้น บิลลี่กับเบลคใช้คอนเนคชั่นทำรายงานการค้นพบซากเรือปลอมขึ้นมาก็ได้แล้ว
บิลลี่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ครั้งนี้จะเอาเข้าอเมริกาอีกไม่ได้แล้ว พวกเราต้องเข้าแคนาดา ส่งให้ตระกูลของเบลคกับแบรนดอนจัดการโดยตรง รัฐบาลอเมริกาเคี่ยวมาก ถ้าพวกเขาดันทุรังบอกว่าตำแหน่งของเรืออับปางอยู่ในทะเลอาณาเขตจะทำอย่างไร?”
ความเป็นไปได้นี้ใช่ว่าจะไม่มี รัฐบาลอเมริกามีกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับด้านการจัดการกับโบราณวัตถุภายในทะเลอาณาเขต นั่นก็คือกฎหมายเรืออับปาง
ตามกฎหมายแล้ว กรรมสิทธิ์วัตถุโบราณที่อยู่ภายในทะเลอาณาเขตของอเมริกาจะต้องเป็นของอเมริกาทั้งหมด จากนั้นค่อยโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดให้รัฐที่เรืออับปางอยู่
หรือก็คือ ต่อให้เจอเรืออับปางในฟาร์มปลาอเมริกา สมบัติก็ถือว่าเป็นของรัฐบาลอเมริกา ไม่ค่อยเหมือนกับที่ประกาศใช่ไหมล่ะ? ในประกาศบอกว่าอเมริกาเคารพสมบัติส่วนบุคคล ขอแค่เป็นที่ดินของคุณ แร่ น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติที่ขุดขึ้นมาก็เป็นของคุณ
มีแค่สมบัติจากเรืออับปางที่ไม่ใช่แบบนั้น คำอธิบายที่ทางรัฐบาลแถลงคือพวกพลังงาน แร่มาจากดิน เป็นสารอนุพันธ์ของดิน สมบัติไม่ใช่สารอนุพันธ์ของฟาร์มปลา มันเคยมีเจ้าของมาก่อน ถ้าเจ้าของเดิมไม่อยู่แล้วก็เป็นของรัฐ
กาทั้งโลกเป็นสีดำเช่นไร รัฐบาลบนโลกก็เคี่ยวเช่นนั้น!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น