ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1294-1305
บทที่ 1294 สะใจคูณสอง
ในตอนนี้ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องกำลังสนุกกันสุดขีด อาหารในฟาร์มปลาอุดมสมบูรณ์ ตั้งแต่มาถึงพวกมันก็ไม่เคยต้องหิวเลย เรื่องน่าเสียดายเพียงเรื่องเดียว ก็คือไม่มีกิจกรรมน่าสนุกอะไรให้เล่นนั่นเอง
แน่นอนว่าสำหรับสามสหายตัวน้อยบอลหิมะ เฮยป้าหวัง บีน และกองกำลังทหารงูทะเลแล้ว กิจกรรมเล่นสนุกของพวกมันก็คือการได้แกล้งฉลามแมวเจ็ดพี่น้องนั่นเอง…
การปรากฏตัวของแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือในครั้งนี้ทำให้เหล่าฉลามเจ็ดพี่น้องพากันตาลุกวาว ที่พวกมันมาเจอกับแมงกะพรุนขนสิงโตได้ก็เป็นตอนที่กำลังไล่ฝูงปลาแฮร์ริ่งกันนั่นแหละ ตอนนั้นฝูงปลาแฮร์ริ่งที่พวกมันไล่ว่ายหนีไปโดยไม่ดูทาง ทำให้มีบางพวกที่ตกเข้าไปอยู่ในเงื้อมหนวดของแมงกะพรุนขนสิงโต จากนั้นก็เป็นอัมพาตแล้วถูกกินเข้าไป
แรกเริ่มเหล่าฉลามเจ็ดพี่น้องก็ตกใจสุดขีดเหมือนกัน ให้ตายสิทำไมอยู่ดีๆ อาหารที่กำลังมีชีวิตชีวาพวกนี้ถึงตัวแข็งไปเลยแบบนี้ล่ะ? ให้ตายสิแล้วทำไมอยู่ดีๆ พวกมันถึงถูกกินเข้าไปแล้วล่ะ?
เหล่าฉลามเจ็ดพี่น้องเองก็ได้รับพลังโพไซดอนไปไม่น้อยเหมือนกัน ทำให้ไอคิวไม่ถือว่าต่ำมาก หลังจากว่ายวนอยู่รอบๆ ตัวแมงกะพรุนขนสิงโตเพื่อสังเกตการณ์อยู่สองรอบแล้ว ก็เข้าใจได้ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร นี่น่ะคือนักล่าที่เก่งมากตัวหนึ่งนี่เอง!
พวกมันเคยได้รับคำสั่งสอนมาจากเฮยป้าหวังและคราเคนแล้ว พวกมันรู้ว่าไม่ควรจะไปหาเรื่องนักล่าเหยื่อที่น่ากลัวพวกนี้ แต่ว่านี่ไม่ใช่อุปสรรคที่พวกมันจะหาความสนุกจากนักล่าเหยื่อที่เก่งกาจตัวนี้ได้
พวกมันสังเกตเห็นว่าแสงบนตัวของแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือจะเปล่งแสงสีสวยงามออกมาขณะที่กำลังล่าเหยื่อ ดังนั้นจึงทำการไล่ต้อนปลาที่อยู่บริเวณรอบๆ มาเพื่อป้อนให้กับแมงกะพรุนขนสิงโตนี้ จากนั้นก็มามุงดูสายรุ้งของมหาสมุทรพร้อมกัน
ฉันอยู่ข้างกายเธออย่างเงียบๆ มองดูสายรุ้งที่ส่องประกายทั่วฟ้า สายรุ้งส่องประกายบินไปสู่นภา ใจฉันก็บินไปพร้อมกับเธอ…
ในตอนนี้เหล่าฉลามเจ็ดพี่น้องได้เปลี่ยนตัวเองไปเป็นนักกวีรุ่นเยาว์ไปแล้ว พวกมันไม่เคยออกจากมหาสมุทรเลย ระบบการมองเห็นของพวกมันก็ไม่เหมือนกับของพวกเฮยป้าหวังกับบีนที่สามารถโผล่ไปบนผิวน้ำเพื่อมองท้องฟ้าได้ ดังนั้นพวกมันจึงไม่เคยเห็นรุ้งกินน้ำมาก่อน
สำหรับพวกมันแล้ว แมงกะพรุนขนสิงโตที่ใหญ่โตตัวนี้ ก็คือกลุ่มก้อนเมฆที่สวยงามนั่นเอง
แต่สำหรับฉินสือโอวเหรอ ก้อนเมฆที่สวยงามบ้านนายสิ! นักกวีบ้านนายสิ! ถึงว่าช่วงนี้ฉันรู้สึกว่าปริมาณปลาที่จับได้ลดลง นี่พวกนายไม่เพียงแต่จับกินเองเท่านั้น ยังเอามาเล่นอีกเหรอ?
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนพุ่งเข้าไปม้วนน้ำทะเลขึ้นมาเป็นคลื่นลูกใหญ่ สาดซัดไปบนตัวของฉลามเจ็ดพี่น้อง คลื่นใหญ่หมุนเกลียวราวกับเครื่องซักผ้ากำลังหมุนอยู่ เล่นงานฉลามเจ็ดพี่น้องไปรอบหนึ่ง
ฉลามเจ็ดพี่น้องตะเกียกตะกายออกมา พวกมันเกาะกลุ่มกันแล้วมองไปรอบด้านอย่างตกใจ ใคร ใครกันที่มาซุ่มอยู่ตรงนี้เพื่อโจมตีพวกฉัน?
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนพัดคลื่นขึ้นมาอีกลูก สาดไปที่ตัวของฉลามเจ็ดพี่น้อง เพื่อพัดพวกมันไปทางแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือตัวนั้น พวกนายอยากเห็นเมฆสีรุ้งกันไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ไปดูใกล้ๆ เลยแล้วกัน ให้พวกนายได้เมามายไปกับโลกแห่งความงามไปเลย!
กระแสน้ำพัดพา ฉลามเจ็ดพี่น้องถูกม้วนเข้าไปในหนวดของแมงกะพรุนขนสิงโต จากนั้นหนวดมากมายที่เหมือนกับแส้นั้นก็ได้กอดรัดไปบนตัวของพวกมัน
ตอนนี้แหละที่ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องได้รับบทเรียนกันจริงๆ แล้ว การถูกไนโตไซต์แทงเพื่อฉีดสารพิษเขาไปไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย
ดีที่พวกมันฉลาดเอาตัวรอดได้ เมื่อรู้ว่าตัวเองเข้าไปอยู่ในตัวของแมงกะพรุนขนสิงโตแล้วก็รีบออกแรงสุดขีดเพื่อออกมา การที่เมื่อกี้พวกมันมองดูแมงกะพรุนขนสิงโตล่าอาหารนั้นไม่ได้เสียเปล่า เพราะทำให้ได้รู้ว่าหากอยากมีชีวิตรอดก็ต้องรีบออกมาแต่เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้นหากถูกทำให้เป็นอัมพาตแล้วล่ะก็ คงทำได้แต่มีใจอยากฆ่าโจรแต่ไร้เรี่ยวแรงแล้ว
ดังนั้น หลังจากถูกพัดเข้าไปในตัวแมงกะพรุนขนสิงโตแล้ว ทำให้พวกมันรู้สึกอยากให้พ่อฉลามแม่ฉลามให้ครีบหลังครีบท้องและครีบหางเพิ่มมาเพิ่มอีกอย่างละสองครีบเลยทีเดียว พร้อมกับนำเอาความเร็วในการพุ่งตัวออกไปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนหน้านี้ออกมาใช้ด้วย
หนวดของแมงกะพรุนขนสิงโตไม่ได้มีเรี่ยวแรง ไม่เหมือนกับคราเคน ที่หากถูกหนวดรัดตัวไว้แล้วแม้แต่วาฬหัวทุยก็หมดสิทธิ์รอดเหมือนกัน ด้วยแรงของฉลามแมว การจะหลุดพ้นออกจากเงื้อมมือของหนวดของแมงกะพรุนขนสิงโตจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
หลังจากหนีออกมาได้แล้ว ฉินสือโอวนึกว่าตัวเองคงได้ให้บทเรียนกับพวกมันแล้ว เรื่องนี้ก็ถือว่าจบลงได้ พวกมันเองก็คงว่ายหนีออกไปไกล ไม่กล้าเข้าใกล้แมงกะพรุนตัวนี้อีกแน่นอน
แต่ผลสุดท้ายกลับไม่เป็นแบบนั้น
หลังจากฉลามแมวเจ็ดพี่น้องหนีออกมาได้แล้วก็คิดที่จะหนีไปให้ไกลอยู่ แต่ว่าตอนที่พวกมันรวมตัวกันเพื่อเตรียมจะไปแล้ว ซันเดย์กลับหยุดกลางคัน หลังของมันถูกแทงไปหลายที ทำให้ตอนนี้รู้สึกชาไปหมด
ดูเหมือนว่า ความรู้สึกเหน็บชาแบบนี้จะรู้สึกดีไม่น้อยเลย ซันเดย์กะพริบตาปริบๆ มองไปที่ลูกพี่ใหญ่
พี่น้องอีกหกคนที่ได้ลิ้มรสความรู้สึกนี้มานิดหน่อยก็รู้สึกว่าจริงด้วยแฮะ ความรู้สึกนี้มันดีใช้ได้เลย ดีกว่าการเสแสร้งเป็นนักกวีวัยเยาว์แล้วป้อนอาหารให้แมงกะพรุนขนสิงโตเยอะเลย
ดังนั้น ฉลามเจ็ดพี่น้องจึงพากันหันหลังโดยไม่ได้นัดหมาย จ้องไปที่แมงกะพรุนขนสิงโตด้วยสายตามีลับลมคมใน แล้วค่อยๆ ส่ายหางว่ายเข้าไปใกล้
แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือไม่มีสมอง เมื่อรู้สึกว่าอาหารเข้ามาใกล้แล้วก็เริ่มสะบัดหนวดออกไปทำการจู่โจมทันที
เมื่อเข็มพิษบนหนวดทิ่มไปบนตัวฉลามแล้ว ก็รีบปล่อยท่อที่ว่างเปล่าออกมา และในท่อนี้แหละ ที่ปล่อยสารพิษที่ออกมาจากอวัยวะเก็บพิษไปที่ตัวของพวกฉลามแมว
เมื่อฉลามเจ็ดพี่น้องถูกหนวดฟาดไปสองสามทีแล้วก็ถอยหลังออกไปสองสามเมตร เพื่อดื่มด่ำกับความรู้สึกดีตอนที่พิษอัมพาตเริ่มทำงาน และพอพิษเริ่มหมดฤทธิ์ลง พวกมันก็ค่อยมุดเข้าไปในตัวของแมงกะพรุนขนสิงโตใหม่อย่างระมัดระวัง
เป็นแบบนี้ ฉลามแมวเจ็ดตัวก็พากันมุดเข้าไป นายเข้าฉันออก ฉันออกนายเข้า สนุกจนไม่รู้ว่าจะส่ายหางไปทางไหนแล้ว
ฉินสือโอวมองดูจนตาค้าง ให้ตายสิ นี่ยังมีเจ้าตัวชั้นเยี่ยมแบบนี้อยู่ด้วยเหรอนี่!
แต่ว่าเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน การที่ฉลามแมวอยู่ที่นี่ ทำให้กุ้งปลาตัวอื่นๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ เป็นการปกป้องฟาร์มปลาได้ อีกอย่างพิษของแมงกะพรุนขนสิงโตก็ไม่สามารถทำให้ฉลามแมวถึงตายได้ด้วย ให้พวกมันอยู่เล่นกันแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
ฉินสือโอวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เขาพาเฮยป้าหวังว่ายไปมารอบๆ ก็พบว่าการมาถึงของแมงกะพรุนขนสิงโตนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเดียว แต่ว่ามีเป็นฝูง
ในน่านน้ำระยะสิบกิโลเมตร มีเหล่าแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือลอยล่องอยู่เต็มไปหมด แต่ว่าไม่ได้มีตัวไหนที่ใหญ่กว่าตัวเมื่อกี้เลย และดูเหมือนว่าเฮยป้าหวังกำลังหาตัวที่ใหญ่ที่สุดเพื่อทำการดูลาดเลาอยู่ด้วย
เมื่อได้เห็นแมงกะพรุนขนสิงโตที่ใหญ่ยักษ์พวกนี้แล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าค่อนข้างเสี่ยง เขาต้องคิดหาวิธีจัดการพวกมันเสียแล้ว
แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือตัวเดียวยังพอว่า แต่การปรากฏตัวกันเป็นฝูงแบบนี้ พวกมันคงได้ทำการล่าอาหารมากมายที่เป็นพวกลูกปลา กุ้ง ปู ที่มีค่าทางเศรษฐกิจไปด้วย
นอกเหนือจากนี้ น่านน้ำแถบนี้มักจะมีฝูงปลาโผล่มาให้เห็นเป็นประจำอยู่แล้ว เวลาพวกชาร์คจะมาเก็บเกี่ยวปลาก็มักจะมาหว่านแหลงที่นี่เป็นประจำ แมงกะพรุนขนสิงโตมีรูปร่างใหญ่โตเพราะในร่างกายมีปริมาณน้ำมาก น้ำหนักก็มาก สามารถทำให้การเก็บแหขึ้นมาลำบาก บางครั้งยังถึงขั้นที่สามารถทำให้อุปกรณ์ในการหว่านแหเสียหายได้ด้วย ซึ่งเป็นการส่งผลกระทบต่อปริมาณในการเก็บเกี่ยวอย่างมาก
ฉินสือโอวถอดจิตสำนึกออกจากตัวเฮยป้าหวัง เพื่อจะให้จิตสำนึกออกไปจากทะเลแถบนี้ เฮยป้าหวังหันไปเห็นฉลามแมวเจ็ดพี่น้อง สำหรับมันแล้วนี่น่ะคือของเล่น จึงอยากเข้าไปแกล้งพวกมันเสียหน่อย
ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องกำลังเล่นกันอย่างสนุกเมามัน แม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าเฮยป้าหวังที่ไม่ประสงค์ดี พวกมันก็ไม่สนใจ ยังคงตัวหนึ่งเข้าตัวหนึ่งออกเล่นต่อไปอย่างสบายอารมณ์
เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้เฮยป้าหวังแปลกใจมาก ปกติแล้วฉลามเจ็ดพี่น้องเห็นมันแล้วต่างก็พากันตกใจกลัวจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ทำไมครั้งนี้ถึงไม่กลัวแล้วล่ะ?
มันจ้องมองดูอย่างแปลกใจสักพัก ไอคิวที่เรียบง่ายของมันทำให้มันคิดได้ว่า ดูเหมือนฉลามเจ็ดพี่น้องที่กำลังเข้าๆ ออกๆ แมงกะพรุนขนสิงโตอยู่นั้นจะสนุกไม่เบาเลย
ดังนั้น มันจึงเข้าไปเพื่อลองเล่นด้วย
ด้วยสัญชาตญาณของแมงกะพรุนขนสิงโต ทำให้มันยื่นหนวดที่มีอยู่ยั้วเยี้ยนั้นออกไปทิ่มไปบนตัวของเฮยป้าหวัง สำหรับฉลามขาวใหญ่ยักษ์ที่มีความยาวลำตัวสิบกว่าเมตรแล้ว สารพิษแค่นี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
ความรู้สึกที่มันได้รับไม่เหมือนกับของพวกฉลามแมว สารพิษในไนโตไซต์ไม่เพียงพอที่จะทำให้มันเป็นอัมพาตได้ เพียงแค่รู้สึกชานิดๆ บริเวณที่ถูกหนวดทิ่มโดนเท่านั้น รู้สึกดีไม่เลวเลย
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ในระหว่างที่แมงกะพรุนขนสิงโตขยับตัวไปมาอย่างเชื่องช้านั้น มันจึงทำการเปลี่ยนจุดที่ให้แมงกะพรุนแตะไปเรื่อยๆ และยังคิดวิธีที่จะทำให้ตัวสนุกสุดเหวี่ยงออกแล้วอีกด้วย
ฉินสือโอวที่ได้มองเห็นฉากนี้แล้ว ก็ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว!
บทที่ 1295 การเก็บกวาดฟาร์มปลาครั้งใหญ่
ฉินสือโอวส่ายแล้ว แล้วก็ออกไปจากน่านน้ำแถบนี้ ก่อนจะไปเขาเห็นพี่น้องฉลามขาวของเฮยป้าหวังที่ต่างพากันมุงดูอยู่รอบๆ แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือและพร้อมจะออกตัวแล้ว ดูท่าไม่นานพวกมันเองก็คงจะไปเข้าร่วมกลุ่มเล่นสนุกกับกลุ่มนั้นด้วยแล้วล่ะ
เขาตรวจตรารอบๆ ฟาร์มปลารอบหนึ่ง พบว่าที่อื่นๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไร น้ำทะเลใสสะอาด บรรยากาศก็เงียบสงบ
เช้าวันที่สองหลังตื่นนอน บัตเลอร์ไปตรวจดูไลน์การผลิตปลาโอแถบแห้ง ในห้องแช่แข็งมีปลาโอแถบที่จับได้ก่อนหน้านี้อยู่ ปลาโอแถบลังแล้วลังเล่าถูกส่งเข้าไป สิ่งที่ออกมาก็คือปลาโอแถบแห้งที่แห้งกรอบกันทุกตัว
ปลาโอแถบที่ผ่านการอบแล้วล้วนมีสีเหลืองทองอ่อน เพราะว่าได้ทำการผ่าครึ่งออกไปอบ ทำให้สามารถมองเห็นคุณภาพของเนื้อได้ คุณภาพของเนื้อปลาโอแถบที่ฟาร์มปลาผลิตออกมานั้นคุณภาพดีมาก สามารถดูออกได้จากปลาโอแถบแห้งได้ ก็คือเนื้อปลาจะมีลายหินอ่อนเป็นวงๆ อยู่บนนั้น
บัตเลอร์หยิบขึ้นมาตัวหนึ่งแล้วดมดู ปิดตาแล้วทำท่าดื่มด่ำ พร้อมพูดด้วยเสียงที่โอเวอร์ว่า “โอ้พระเจ้า ไม่แปลกที่จะมีคนเป็นโรคเสพติดสิ่งของ เมื่อก่อนฉันไม่มีทางเข้าใจเลย แต่ตอนนี้เหรอ ดูปลาโอแถบแห้งพวกนี้สิ จะให้ฉันไม่ติดใจพวกมันได้อย่างไร?”
“นายเอาไปกอดนอนไป” ฉินสือโอวพูดพร้อมหัวเราะ
พวกของเชอร์ลี่ย์พากันวิ่งเข้ามาหาอย่างด้วยความดีใจ ไวส์ กอร์ดอนและชาร์คน้อยกำลังเล่นหยอกล้อกันอยู่ ตอนแรกชาร์คน้อยเป็นฝ่ายถูกไล่ตาม แต่จากนั้นเขาก็เก็บกิ่งไม้ขึ้นมาอันหนึ่ง แล้วหันหลังไปไล่ตีไวส์กับกอร์ดอน ทำเอาสองคนนั้นกรีดร้องออกมาเสียงหลง
กอร์ดอนตะโกนร้องว่า “ไวส์ ลมปราณนายอยู่ไหน? รีบแทงเขาสิ!”
ไวส์วิ่งไปพลางร้องออกไปว่า “พวกเราจะต้องมีคุณธรรม! นี่น่ะเป็นการแข่งขันของสายกระบี่ ไม่สามารถใช้พลังวิชาลมปราณได้! อ้อ ชิท มีใครหาดาบให้ฉันได้บ้าง?”
ตอนนี้ปลาโอแถบแห้งลังหนึ่งถูกผลักออกมา ไวส์เห็นแล้วก็ตาลุกวาว รีบวิ่งเข้าไปหยิบมาสองกำมือ มือข้างหนึ่งถือหางของปลาโอแถบแห้งไว้ แล้วทันใดนั้นความมั่นใจก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมากทันที
ชาร์คน้อยหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “นายถึงกับใช้ปลาแห้งเลยเหรอ? หาที่ตายจริงๆ!”
“นี่คือปลาโอแถบแห้งต่างหาก นายมันหน้าโง่!” คราเคนน้อยลูกของชาร์คตกใจจนวิญญาณแทบจะออกจากร่าง
ปลาแห้งสองตัวของไวส์ฟันลงไป ตัดจนกิ่งไม้ที่อยู่ในมือของชาร์คน้อยหักไปในทันที จากนั้นก็ถึงตาที่เขาต้องกรีดร้องบ้างแล้ว
กอร์ดอนเองก็หยิบปลาโอแถบแห้งไปสองตัวด้วยเหมือนกัน พร้อมเลียนแบบการจู่โจมแบบล้อมเข้าหาศัตรูของหู่จือและเป้าจือ โดยการแอบเข้าไปทำร้ายชาร์คน้อยจากด้านข้าง ฟาร์มปลาเริ่มวุ่นวายขึ้นมาทันที
หลังจากพวกเด็กๆ หยอกเล่นกันเสร็จแล้ว ไวส์กับกอร์ดอนเดินกลับมาวางปลาโอแถบแห้งลง พร้อมกับพูดชมไม่ขาดปากว่า “นี่เป็นดาบวิเศษจริงๆ แข็งแรงไม่สะทกสะท้านเลย!”
บัตเลอร์พูดว่า “พวกเธอคิดว่ามันราคาถูกกว่าดาบวิเศษเหรอ? ดาบเล่มหนึ่งก็มีราคาแค่ไม่กี่สิบดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่ปลาโอแถบแห้งหนึ่งตัวสามารถขายได้ถึงหลักร้อยดอลลาร์สหรัฐเลยนะ!”
ฉินสือโอวเห็นว่าพวกเด็กๆ ดูจะร่าเริงเป็นพิเศษ จึงเรียกเชอร์ลี่ย์มาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เชอร์ลี่ย์ยิ้มแล้วตอบอย่างมีความสุขว่า “พวกหนูปิดเทอมแล้วค่ะ! เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเราก็จะสามารถดื่มด่ำกับชีวิตที่สวยงามได้แล้ว!”
ฉินสือโอวเข้าใจในทันที ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง เขาเองก็ลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันปิดเทอมของโรงเรียนประถมแกรนท์
ตอนทานอาหารค่ำกัน ฉินสือโอวถามวินนี่ว่าในเมืองมีงานเร่งด่วนอะไรไหม วินนี่ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าในเมืองเล็กๆ นี้จะมีเรื่องมากมายแค่ไหนกันคะ? ตอนนี้ทุกอย่างกำลังไปได้ดี เหลือก็แค่รอให้เรือยอช์ตลำเล็กกับลูกม้าที่สั่งไว้มาถึง แค่นี้โครงการท่องเที่ยวของเมืองก็สามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้แล้ว”
ฉินสือโอวทำทีเป็นว่าเสียดายแล้วพูดว่า “งั้นก็ไม่มีโอกาสให้ผมได้แสดงฝีมือแล้วสิ”
วินนี่เอียงคอมองไปที่นอกประตูทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “หากว่าคุณว่าง งั้นก็จัดการฟาร์มปลาสิคะ ตัดสนามหญ้า จัดถนนเสียใหม่ คุณดูสิ ฟาร์มปลาค่อนข้างยุ่งเหยิงแล้วนะคะ ”
ฟาร์มปลาเลี้ยงไก่เป็ดห่านตั้งเยอะ ไหนจะมีหมูป่ากับกวางป่าอีก ไม่ยุ่งเหยิงสิแปลก
พอดีกับที่เชอร์ลี่ย์และพวกเด็กๆ ปิดเทอมกันหมดแล้ว ฉินสือโอวจึงจับพวกเขามาเป็นแรงงานเด็ก บอกว่าพรุ่งนี้พวกเราจะมาจัดระเบียบฟาร์มปลาพร้อมกัน
กอร์ดอนถามด้วยความคาดหวังว่า “มีค่าจ้างไหมครับ?”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “แน่นอน ค่าจ้างรายชั่วโมงสูงมาก หนึ่งชั่วโมงยี่สิบเหรียญเป็นอย่างไร?”
“หนึ่งวันทำงานกี่ชั่วโมงครับ?” มิเชลถาม
ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดว่า “ช่วงเช้าสี่ชั่วโมง ช่วงบ่ายสี่ชั่วโมง”
พาวลิสกับมิเชลปรบมือ กอร์ดอนจ้องไปที่ทั้งสองคนทีหนึ่ง แล้วเริ่มต่อรองราคาอย่างกระตือรือร้นว่า “ไม่ครับ ฉิน นี่เป็นราคาที่ไม่ยุติธรรมเลย คุณดูนะครับ ตอนบ่ายอากาศร้อนขนาดไหน ยี่สิบเหรียญน้อยเกินไปนะครับ”
ฉินสือโอวบอกว่า “งั้นอย่างนี้แล้วกัน ช่วงเช้ายี่สิบเหรียญ ช่วงบ่ายสามสิบเหรียญดีไหม?”
กอร์ดอนพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วจับมือกับฉินสือโอวอย่างมีพิธีรีตองพร้อมพูดว่า “ตกลงครับ”
พอหันหลังกลับ เขาก็เริ่มต่อหน้าพาวลิสกับมิเชลว่า “เรื่องทำธุรกิจนี่พวกนายไม่ได้เรื่องเลย ดูสิ ฉันพูดแค่คำเดียว พวกเราก็สามารถหาเงินได้มากขึ้นตั้งเยอะ”
พาวลิสกับกอร์ดอนทำหน้าอึ้ง มองไปที่กอร์ดอนราวกับคนโง่
เชอร์ลี่ย์ตบบ่ากอร์ดอนสองที แล้วพูดพร้อมรอยยิ้มราวดอกไม้บานว่า “ถือว่านายยังพอมีประโยชน์อยู่บ้างนะ กอร์ดอน ฉันต้องยอมรับแล้วล่ะว่าก่อนหน้านี้ฉันดูถูกนายเกินไปหน่อย”
“ใช่ไหมล่ะ? ฮ่าๆๆ!” กอร์ดอน
พาวลิส มิเชล ไวส์ “…”
ตอนเช้าหลังจากที่วินนี่ไปทำงาน ชาวประมงออกทะเลแล้ว ฉินสือโอวก็พาพวกเด็กๆ ไปเก็บกวาดฟาร์มปลา
ฟาร์มปลามีพื้นที่เยอะมาก ไม่สามารถเก็บกวาดได้หมด ขอแค่เก็บกวาดพื้นที่ส่วนบ้านพักก็พอแล้ว ที่อื่นๆ ทำความสะอาดลำบาก ก่อนหน้านี้ที่ฉินสือโอวอยู่ไม่สุข อยากปลูกหญ้าสำหรับให้อาหารสัตว์ ตอนนี้พอหญ้าโตแล้ว ปกติก็ไม่ได้รับการดูแลที่ดี ทำให้หญ้าขึ้นรกเต็มไปหมด
ฉินสือโอวสวมแว่นกันแดดเสร็จแล้วก็แจกจ่ายงานให้พวกเด็กๆ “พาวลิส นายโตสุด งั้นงานที่หนักที่สุดก็มอบให้นายแล้วกัน ไปหยิบปืนฉีดน้ำมา นายไปฉีดทำความสะอาดถนนเส้นนี้”
ชาร์คเอาปืนฉีดน้ำมาจากบ้านด้วยอันหนึ่ง หลังจากเชื่อมกับถังน้ำแล้วก็สามารถใช้น้ำแรงดันสูงฉีดทำความสะอาดถนนได้แล้ว
“กอร์ดอน ไปใส่หมวก นายไปจัดการกับขยะ ฟาร์มปลามีขยะเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? อ่ะ ถุงขยะให้นาย นายกับชาร์คน้อยไปจัดการกัน”
“คราเคนน้อย นายไปถอนหญ้า ฉันคิดว่าพ่อนายคงสอนนายแยกแยะแล้วว่าอันไหนคือวัชพืชใช่ไหม? ไปถอนวัชพืชออกให้หมด รีบไปเลย”
“ไวส์ อืม ตอนนี้นายยังไม่ต้องทำงาน อีกสักพักจะมีคนมาส่งทรายวิทยาศาสตร์ ถึงตอนนั้นนายพาคนงานยกของไปเก็บไว้ก็พอ”
“แล้วผมล่ะครับ?” มิเชลถาม
ฉินสือโอวยิ้มอย่างเป็นมิตร ลูบไปที่หัวของมิเชลแล้วพูดว่า “นายไปซ้อมบาสเกตบอลเถอะ วันนี้ต้องชู้ตลูกลงให้ได้สองร้อยลูกถึงจะกินข้าวได้เข้าใจไหม? ไปเถอะ”
“ชิท ไม่ยุติธรรม!” ชาร์คน้อยหัวเสียขึ้นมาในทันที
“ยังมีเชอร์ลี่ย์ เชอร์ลี่ย์ทำอะไรครับ?” คราเคนน้อยถาม
ฉินสือโอวทำหน้าเข้มแล้วพูดว่า “เชอร์ลี่ย์เป็นเด็กผู้หญิง เด็กผู้หญิงสามารถทำงานแบบนี้ได้เหรอ?”
“หากอยากได้ผลตอบแทน ก็ต้องทำงาน! ครูของเราบอกไว้แบบนี้ ” คราเคนน้อยพูดอย่างเจ้าเล่ห์
ฉินสือโอวคิดอยู่สักพัก แล้วพูดว่า “โอเค เชอร์ลี่ย์ไปเตรียมเครื่องดื่มเย็นๆ พวกนายอยากดื่มอะไรก็บอกเธอแล้วกัน หากทำเองได้ก็ทำเอง ถ้าทำเองไม่ได้ก็ไปซื้อในเมือง”
ต้องทำแบบนี้พวกหนุ่มๆ ถึงจะพอใจ แล้วหยิบเครื่องมือไปทำงานของตัวเอง
ตัวฉินสือโอวเองก็ต้องทำงานเหมือนกัน เขานั่งอยู่บนรถตัดหญ้า แล้วผิวปากขับรถไปบนหญ้าอย่างสบายใจ
เสียงรถตัดหญ้าร้องดังหึ่มๆ พงหญ้าที่สูงต่ำไม่เท่ากันพวกนั้นถูกตัดแต่งให้เป็นระเบียบในเวลาอันรวดเร็ว
เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว พวกเด็กๆ ต่างก็พากันตาค้าง แม้แต่เชอร์ลี่ย์เองก็ตาค้าง จะมีงานไหนที่สบายกว่านี้อีกไหม?
ฉินสือโอวทำท่ามั่นใจเต็มอก เขาชี้ไปที่พงหญ้าด้านหลังแล้วพูดว่า “พวกเธอสามารถตัดจนเรียบเหมือนฉันแบบนี้ได้เหรอ?”
“ทำได้!” พวกเด็กๆ พูดออกมาเสียงเดียวกัน
ฉินสือโอวอึ้งไปทันที จากนั้นก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “พวกเธอมีใบขับขี่เหรอ? ไม่มีใบขับขี่ขับรถไม่ได้นะ!”
บทที่ 1296 การมาถึงของเม่นน้อย
ฉินสือโอวสวมแว่นกันแดดขับรถตัดหญ้า ทุกที่ที่รถตัดหญ้าไปถึงก็จะมีเศษหญ้าสีเขียวขจีลอยขึ้นมาจากด้านหลัง ราวกับกำลังโต้คลื่นอย่างไรอย่างนั้น
หู่จือกับเป้าจือมองดูแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจ จึงวิ่งตามอยู่ข้างหลัง โดนเศษหญ้าปลิวติดไปทั่วตัว ดีใจจนหาที่เปรียบไม่ได้
จากนั้นก็มีรถกระบะคันหนึ่งขับเข้ามา บนรถเต็มไปด้วยทรายเป็นถุงๆ ในทรายพวกนี้เติมส่วนผสมทางเคมีเข้าไป ฉินสือโอวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเติมอะไรเข้าไปบ้าง แต่ว่าการจัดสวนของหมู่บ้านในแคนาดาต่างก็ใช้ทรายชนิดนี้ เพราะสามารถป้องกันการเติบโตของวัชพืช และไม่เป็นอันตรายต่อคนด้วย
เครื่องวิทยุสื่อสารที่ฉินสือโอวห้อยไว้ตรงอกดังขึ้นมาว่า “บอส มีเรือลำหนึ่งใกล้เข้ามา ดูเหมือนว่าจะเป็นเรือบรรทุกของคุณบิลครับ”
“โอเค ฉันรู้แล้ว” ฉินสือโอวตอบกลับไป
เขายืนอยู่บนสนามหญ้าของฟาร์มปลาแล้วมองออกไป เห็นเงาของเรือบรรทุกลำเล็กลำหนึ่งรางๆ ไม่ต้องรีบ ด้วยความเร็วของเรือบรรทุกแล้ว รอจนมันเทียบท่าก็คงจะเกือบเที่ยงได้
ไวส์บอกทางให้รถกระบะขับไปตามทางเดินหิน ผ่านไปประมาณยี่สิบเมตรก็ต้องลงถุงทรายแล้ว มีทรายต้องลงทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าถุง หลังจากขนถุงทรายลงมาหมดแล้วเขาเองก็ร้อนจนเหงื่อท่วมตัวเลย
ฟาร์มปลามีถนนเส้นหนึ่งที่สามารถผ่านตรงไปยังประตูใหญ่ของบ้านพักได้ ถนนปูด้วยหินทางเดิน เออร์บักบอกว่านี่คือผลงานชิ้นเอกชิ้นสุดท้ายที่คุณปู่รองของฉินสือโอวทำให้ฟาร์มปลา เวลายังไม่ถือว่านานมาก ยังสามารถใช้ต่อไปได้อีกหลายปี
พาวลิสถือปืนฉีดน้ำค่อยๆ เดินไปตามทางเดินหิน ปืนฉีดน้ำฉีดน้ำแรงดันสูงออกมา ทำความสะอาดแผ่นหินที่สกปรกจนสะอาดหมดจด
ช่วงกลางคืนในฤดูหนาวของเซนต์จอห์นอากาศหนาวเย็นมาก ตอนนั้นแผ่นหินจะกรอบมาก ไม่กี่ปีมานี้มีแผ่นหินที่กรอบจนแตกไปแล้วบ้างเหมือนกัน
ในโรงเก็บของมีแผ่นหินวางเก็บไว้อยู่ นี่เป็นของที่เตรียมไว้ตอนที่มีการทำถนนคราวก่อน ตอนที่ฉินสือโอวเพิ่งมาถึงคิดอยากจะเก็บกวาดโรงเก็บของ และเกือบจะทิ้งแผ่นหินพวกนี้ไปด้วย ดีที่ชาร์คมาเก็บไว้ให้เขา ไม่อย่างนั้นตอนนี้การที่เขาต้องเสียเงินเพิ่มนั้นยังถือเป็นเรื่องเล็ก แต่การจะหาแผ่นหินรุ่นเดียวกันได้นี้คงยากแล้ว
หลังจากรถกระบะขนถุงทรายลงหมดแล้ว ฉินสือโอวคิดเงินให้เขา จากนั้นก็ให้ไวส์ไปขับรถตัดหญ้า ตัวเขาจะจัดการกับทางเดินหินพวกนี้ จากนั้นจะเติมทรายวิทยาศาสตร์เข้าไปในช่องว่างพวกนี้ด้วย
เขาใช้ค้อนแกะแผ่นหินที่แตกแล้วออกมา ตอนนี้นี่เองที่จุดไม่ไกลนักมีเสียงร้องดีใจดังขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ แล้วก็เห็นปอหลัวที่กำลังทำหน้ากวางหน้าบูดเดินตามหลังกอร์ดอนอยู่
ส่วนด้านหลังของปอหลัวก็คือรถลากเลื่อนหิมะ สนามหญ้ายังถือว่าเรียบอยู่ รถลากเลื่อนหิมะจึงยังพอเคลื่อนที่ไปได้ แต่เหนื่อยกว่าลากอยู่บนหิมะมากอย่างไม่ต้องสงสัย สีหน้าปอหลัวจึงเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
เมื่อได้เห็นภาพนี้ ฉินสือโอวก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี เจ้าเด็กกอร์ดอนนี่ช่างสรรหาวิธีอู้เสียจริง ไม่ต้องพูดก็รู้ รถลากเลื่อนหิมะในตอนนี้ได้กลายไปเป็นรถขยะแล้ว
เขายืนขึ้นมาโบกมือแล้วตะโกนว่า “กอร์ตอน นี่นายกำลังทำอะไรน่ะ? รีบเก็บรถลากไปเลย การเอามาลากอยู่บนสนามหญ้ามันจะเสียเอาได้นะ!”
กอร์ดอนก็โบกมือด้วยเช่นกัน แล้วพูดด้วยเสียงดีใจว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ ฉิน ไม่ต้องกลัวมันจะเสีย เดี๋ยวรอจนถึงฤดูหนาวแล้วค่อยให้คุณลุงทำอันใหม่ให้ก็ได้ครับ ของเก่าไม่ไปของใหม่ไม่มานะครับ!”
ฉินสือโอวส่ายหัว จำใจต้องให้พวกเด็กๆ เล่นกันต่อ งานบ้านแบบนี้จำเป็นต้องพึ่งความสนุกในการดึงดูดพวกเขา ไม่อย่างนั้นทำได้ไม่นานพวกเขาคงต้องเบื่อแน่
เขาเปลี่ยนแผ่นหินเก่าเป็นแผ่นใหม่ทั้งหมด แผ่นหินพวกนี้เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยาวครึ่งเมตร กว้างครึ่งเมตร จึงเป็นเรื่องยากที่จะไม่มีช่องว่างระหว่างแผ่นเลย ทรายวิทยาศาสตร์ที่เขาซื้อมาก็เพื่อเติมเต็มช่องว่างเหล่านี้
ถนนเล็กในฟาร์มปลามีความกว้างขนาดหนึ่งเมตร เมื่อก่อนตอนที่มีแค่คุณปู่รองของฉินสือโอวกับเออร์บัก ถนนนี้ยังถือว่าพอใช้ แต่ตอนนี้คนในฟาร์มปลาเยอะขึ้น จึงรู้สึกว่าค่อนข้างแคบไป
หลังจากฉินสือโอวปูแผ่นทางเดินหินเสร็จ แล้วยืนมองย้อนกลับไปตรงสุดทางเดิน ก็ตัดสินใจว่าตอนที่ตกแต่งสวนใหม่จะซื้อแผ่นหินมาเพิ่มอีก เพื่อขยายถนนเส้นนี้ให้กว้างขึ้น
เปลี่ยนแผ่นหินเสร็จแล้ว ต่อไปก็คือการเติมทรายเข้าไป นี่เป็นงานที่ต้องอาศัยความละเอียดมาก ฉินสือโอวทำไปได้เพียงครู่เดียวเสื้อผ้าก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว เชอร์ลี่ย์จึงรีบนำน้ำบลูเบอร์รีเย็นมาให้เขาดื่ม
ฉินสือโอวยกน้ำผลไม้แก้วใหญ่ขึ้นมาดื่มพรวดเดียวจนหมด ไม่นานก็รู้สึกว่าร่างกายกระปรี้ประเปร่าขึ้นมาทันที เริ่มตั้งแต่กระเพาะอาหารจากภายในสู่ภายนอก เขารู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผ่ไปทั่วตัวเขาเลย
ตอนนี้พาวลิสใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันทำความสะอาดทางเดินหินเสร็จแล้ว ก็เก็บปืนฉีดน้ำแล้วรีบมาช่วยเติมทราย เขาไม่พูดไม่จา ทำงานคล่องแคล่ว แม้ว่าบนผิวที่ดำเข้มนั้นจะเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่เขากลับไม่บ่นอะไรออกมาสักคำ
เด็กๆ ที่เขาได้รู้จักมา คนที่ฉินสือโอวรู้สึกดีด้วยที่สุดก็คือพาวลิส เขาเชื่อว่าเด็กชายผิวดำคนนี้มีอนาคตที่สว่างไสวรออยู่ ทั้งมุมานะ มีวินัย พัฒนาตัวเอง ทนความลำบากได้ ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี เขามีคุณสมบัติทั้งหมดของคนที่จะเป็นผู้นำ
ฉินสือโอวบอกให้พาวลิสไปพักก่อนครู่หนึ่ง แต่อีกฝ่ายกลับฉีกริมฝีปากคู่หนานั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ผมไม่เหนื่อยครับ ต้องจัดการทางเดินหินนี้ให้เสร็จก่อน เท่านี้งานของตอนบ่ายจะได้ง่ายขึ้นครับ”
เชอร์ลี่ย์รินน้ำมะนาวเย็นมาให้พาวลิสแก้วใหญ่ ตัวเธอเองก็ดื่มด้วยเหมือนกัน ฉินสือโอวรู้สึกว่าเด็กผู้หญิงดื่มของเย็นๆ เยอะไปไม่ค่อยดี แต่ผู้หญิงผิวขาวนั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง ผู้หญิงในเซนต์จอห์นมากมายที่แม้จะเป็นฤดูหนาวแต่ก็ยังดื่มน้ำเย็น กินไอศกรีมกันอยู่
ทำงานกันถึงสิบโมงครึ่ง ดวงอาทิตย์อยู่กลางฟ้าพอดี ฉินสือโอวจึงหยิบกระเป๋าเงินออกมาแล้วเรียกให้พวกเด็กๆ ออกมารับเงินกันโดยคิดเป็นรายชั่วโมง หนึ่งชั่วโมง 10 เหรียญตามที่ได้ตกลงกันไว้ ไม่มีให้เกิน และไม่มีให้ขาด
สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวแปลกใจก็คือ กอร์ดอนกับเชอร์ลี่ย์ยังคงไม่เข้าใจแผนการเจ้าเล่ห์ที่ฉินสือโอวเล่นไปตอนเช้า
แต่นี่ก็ถือว่าปกติ เชอร์ลี่ย์เป็นคนฉลาด แต่มีอยู่สองสิ่งที่เธอทำไม่ได้เลย หนึ่งก็คือไวโอลิน ส่วนอีกอย่างก็คือคณิตศาสตร์ คะแนนสอบคณิตศาสตร์ของการสอบปลายภาคของปีนี้ยังไม่ประกาศออกมา ฉินสือโอวไม่รู้ แต่ว่าเชอร์ลี่ย์ไม่เคยได้เกรดสูงกว่าบีเลยสักครั้ง
ส่วนพาวลิสเหรอ? เกรดวิชาคณิตศาสตร์ของเขาไม่เคยต่ำกว่าเอเลย! ความจริงแล้ววิชาอื่นๆ เขาก็ไม่เคยได้เกรดต่ำกว่าเอ ตอนสอบกลางภาค สอบไปทั้งหมดหกวิชาเขาก็ได้เอบวกมาถึงห้าวิชาเลย!
การทำงานเหนื่อยมาก การโดนแดดเผาก็ลำบากมาก แต่ว่าพวกเด็กๆ ล้วนมีนิสัยสนใจเรื่องกินไม่สนใจเรื่องเหนื่อย เมื่อได้เห็นเงินแคนาดาสีแดงสดแล้วก็ดีใจกันสุดขีด ต่างพากันคิดวางแผนว่าจะซื้ออะไรกันดี
ตอนนี้เรือบรรทุกของบิลเข้าใกล้ท่าเรือแล้ว ฉินสือโอวออกไปรับเขา บิลที่พอลงเรือแล้วก็มองไปที่เครื่องมือต่างๆ ที่ถูกวางไว้หน้าบ้านพัก แล้วก็มองไปที่ฉินสือโอว คิดวิเคราะห์สักพักเขาก็เข้าใจแล้วพูดว่า “คุณกำลังจัดสวนใหม่เหรอครับ? ”
ฉินสือโอวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ความจริงหลักๆ คือการหางานให้พวกเด็กๆ ทำมากกว่า พวกเขาปิดเทอมแล้วน่ะ”
บิลหัวเราะแล้วพูดว่า “ถึงว่าสิ คุณน่ะเป็นเศรษฐีคนแรกเลยนะครับที่ผมเห็นมาจัดสวนเองน่ะ”
ฉินสือโอวพูดว่า “ไม่ขนาดนั้นมั้ง? อย่างในโทรทัศน์ พวกเศรษฐีอเมริกาก็ชอบทำงานบ้านกันเองนี่ครับ”
เมื่อได้ฟังคำนี้แล้วบิลก็หัวเราะอย่างไม่สบอารมณ์ออกมาแล้วพูดว่า “ที่คุณพูดน่ะมันในละครทีวีหรือหนังหรือเปล่า? เศรษฐีชาวอเมริกาน่ะเป็นหมูขี้เกียจกันทั้งนั้น แม้แต่เสื้อของพวกเขาเองยังไม่ซักเลย ยังจะคาดหวังว่าพวกเขาจะมาทำความสะอาดสวนอีกเหรอ? นั่นน่ะเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น คนระดับชนชั้นกลางขึ้นไป ก็ไม่มีใครมาทำงานแบบนี้กันแล้วครับ”
ฉินสือโอวยักไหล่ เขากลับรู้สึกว่าการได้ลงมือทำงานบ้านเองไม่ได้มีอะไรไม่ดีเลย แน่นอนว่าต้องเป็นการที่เขาชวนพวกเด็กๆ มาทำด้วยกันนะ ให้เขาทำเองเหรอ? ไม่มีทาง มันน่าเบื่อไร้สีสันเกินไป!
บิลนำหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสมาด้วย มีทั้งหมดหนึ่งแสนตัว อย่างไรเสียก็เป็นถึงบริษัทค้าผลิตภัณฑ์ทางทะเล ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านนี้โดยเฉพาะ ไม่เหมือนกับพวกเจ้าของฟาร์มปลา ทุกครั้งที่มีการให้ลูกปลามาก็ให้แบบกะปริบกะปรอยทีละหมื่นสองหมื่นตัว
ฉินสือโอวส่งข่าวให้บัตเลอร์รีบกลับมาจากทะเล กลับมาดูหอยเม่นพวกนี้ บัตเลอร์บอกว่าเขามีความรู้เกี่ยวกับเจ้าพวกนี้อยู่บ้าง
บทที่ 1297 งานพึ่งทักษะ
เมื่อรู้ว่าหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสมาถึงแล้ว บัตเลอร์ก็ขับเรือยอชต์ลำเล็กกลับมาอย่างดีอกดีใจ หลังจากกระโดดขึ้นมาบนท่าเรือแล้วเขาก็เริ่มร้องตะโกนออกมาว่า “ฉิน ฉิน หอยเม่นของฉันอยู่ที่ไหน?”
ฉินสือโอวขยับมุมปากไปมา พาเขาขึ้นไปบนเรือบรรทุกสินค้า ให้เขาไปตรวจดูลูกบอลหนามกลมเล็กเหล่านี้ที่อยู่ในกล่องเพาะพันธุ์
บัตเลอร์ใช้คีมหนีบหอยเม่นตัวหนึ่งขึ้นมาดู สายตาแน่นิ่ง ราวกับประติมากรที่กำลังชื่นชมหินอ่อนชั้นดีอยู่อย่างไรอย่างนั้น
หลังจากดูไปสักพักแล้ว ลุงหนวดก็พูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจว่า “โอ้พระเจ้า นี่ก็คือหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสเหรอ? ที่คนจีนกับคนญี่ปุ่นชอบกินก็คือเจ้าตัวนี้นี่เองเหรอ? มองไปแล้วพวกมันนั้นช่างน่ารักน่าชังเสียจริงเลย”
มุมปากฉินสือโอวกระตุกขึ้นมาถี่ๆ บิลดึงเขาไปแล้วพูดกับเขาเสียงเบาว่า “นี่ก็คือคนที่คุณบอกว่าจะเป็นคนตรวจเช็กหอยเม่นที่เก่งกาจคนนั้นเหรอครับ? แหม จะพูดอย่างไรดี ดูจากภายนอกแล้วดูไม่ออกเลยนะครับ”
เมื่อเจอเข้ากับสายตาอำมหิตของฉินสือโอวแล้ว บัตเลอร์ก็หัวเราะฮ่าออกมา เขาตบไปที่บ่าของท่านชายฉินแล้วพูดว่า “โอเคๆ ใจเย็นๆ เพื่อน ฉันล้อเล่นเฉยๆ เท่านั้นแหละ ต้องรู้นะว่าตอนฉันอายุสิบสี่ก็ได้ออกไปยังทะเลทางตอนเหนือของน่านน้ำจีนเพื่อจับหอยเม่นมาแล้ว”
บัตเลอร์ตรวจเช็กกล่องเพาะเลี้ยงอย่างละเอียดถี่ถ้วนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหาอะไร นี่เป็นหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสจริงๆ แถมมีชีวิตชีวามากด้วย ทำได้ดีมากเพื่อน ในปัจจุบันของดีแบบนี้หาเจอได้ยากมากเลย”
เมื่อได้ยินคำนี้แล้ว ใบหน้าของบิลก็เผยสีหน้าได้ใจออกมา แล้วพูดว่า “ก็ถือว่าไม่เลวครับ ผมเองก็ต้องพึ่งเส้นสายนิดหน่อยถึงจะหามาได้เหมือนกัน”
บัตเลอร์จับมือกับบิลแล้วพูดกับฉินสือโอวว่า “คุณได้รู้จักกับเพื่อนที่มีความสามารถคนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ตลาดหอยเม่นวุ่นวายมาก ไม่กี่วันก่อนที่ญี่ปุ่นผมได้ยินมาว่าฟาร์มเพาะพันธุ์ที่สิงคโปร์ตอนนี้ชอบเอาเม่นมุราซากิไปหลอกขายว่าเป็นหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัส ทำให้พ่อค้าอาหารทะเลในญี่ปุ่นเสียหายกันหลายคนเลย”
หอยเม่นคือหนึ่งในอาหารรสเลิศในตำนานของประเทศในทวีปเอเชียตะวันออก ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอัญมณีทั้งแปด ส่วนของเจ้าตัวนี้ที่สามารถกินได้ก็คือไข่หอยเม่น อุดมไปด้วยสารอาหาร รสชาติอร่อย เป็นประโยชน์ต่อการบำรุงและเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายมาก
ส่วนอาหารที่นำไข่หอยเม่นไปเป็นส่วนประกอบหลักในการแปรรูปอย่างเช่นผงหอยเม่น หอยเม่นหมักน้ำแอลกอฮอล์ หอยเม่นแช่แข็ง หอยเม่นนึ่งหรือซอสหอยเม่นนั้นก็ยิ่งได้รับความนิยมจากคนระดับที่มีรายได้สูงมากด้วย
เนื่องด้วยอิทธิพลของประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกกับโลกมีมากขึ้น และเนื่องด้วยผู้คนเชื้อสายจีน เชื้อสายญี่ปุ่นและเชื้อสายเกาหลีได้กระจายไปอยู่ทั่วทุกมุมโลก ทำให้ไข่หอยเม่นค่อยๆ เข้าไปสู่ตลาดนานาชาติ
ในปัจจุบันไข่หอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสที่เมืองแถบตะวันออกเฉียงเหนือของจีนผลิตออกมาก็คือผลิตภัณฑ์เม่นทะเลที่ดีที่สุดในโลก ได้รับความนิยมในทวีปเอมริกามากเช่นเดียวกัน ถึงขั้นว่าไม่พอกับปริมาณความต้องการของตลาด งานอภิเษกสมรสของเจ้าชายวิลเลี่ยมที่เพิ่งจัดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ในงานเลี้ยงก็มีหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสด้วยเช่นกัน
หอยเม่นมุราซากิที่บัตเลอร์พูดถึงมีรูปร่างภายนอกที่คล้ายกับหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัส ภายนอกเป็นสีม่วงดำเหมือนกัน ดังนั้นจึงมีพ่อค้าบางคนที่มักจะเอามันมาหลอกขายเป็นหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัส
ความจริงแล้วหอยมุราซากิก็เป็นของล้ำค่าเช่นกัน แต่ว่าก็ยังเทียบกับหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสไม่ได้ หอยมุราซากิเป็นสัตว์ที่โตในน่านน้ำแถบร้อน แต่หอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน่านน้ำแถบหนาวเย็น โดยปกติแล้วสำหรับสัตว์พันธุ์เดียวกัน สัตว์ที่เติบโตในน่านน้ำหนาวเย็นจะมีราคาสูงกว่าที่เติบโตมาจากน่านน้ำเขตร้อน
หอยเม่นที่บิลส่งมาพวกนี้ก็คือลูกหอยเม่น ชื่อทางวิทยาศาสตร์คืออนุบาลเม่น ในช่วงนี้พวกมันจะพิถีพิถันในคุณภาพน้ำมาก แน่นอนว่าคุณภาพน้ำของฟาร์มปลาต้าฉินแทบจะเป็นหนึ่งในอเมริกาเหนือแล้ว จึงเหมาะสมเป็นที่สุด
การเพาะเลี้ยงหอยทะเลจะลำบากกว่าการเพาะเลี้ยงกุ้งปูมาก เพราะจำเป็นจะต้องนำพวกมันไปวางไว้บนแผ่นเพาะพันธุ์ก่อน ไม่สามารถโยนพวกมันลงไปในทะเลแล้วไม่สนใจเลยได้ หากว่าเห็นแก่ความสะดวกสบายเลือกใช้วิธีเลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติแล้วล่ะก็ ผ่านไปไม่กี่วันก็คงเห็นหอยเม่นที่โยนลงไปลอยขึ้นมาทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าพวกมันคงตายไปแล้ว
การที่บิลสามารถร่วมงานกับฉินสือโอวได้ดีมาตลอด ก็เพราะว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ ทำงานดี การมาในครั้งนี้ของเขาก็ได้เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการเพาะเลี้ยงมาครบหมดแล้ว ฉินสือโอวเพียงแค่นำมาใช้ก็ได้แล้ว
อุปกรณ์ที่จำเป็นในการเพาะเลี้ยงก็คือแผ่นเพาะพันธุ์กับโครง แผ่นเพาะพันธุ์ใช้สำหรับเก็บอนุบาลเม่นที่กลายพันธุ์ แถมยังสามารถใช้เป็นที่เลี้ยงดูอนุบาลเม่นกับให้อาหารจำพวกไดอะตอมให้กับอนุบาลเม่นที่กลายพันธุ์ได้ด้วย ส่วนโครงหลักๆ ก็ใช้เพื่อจัดเก็บแผ่นเพาะพันธุ์นั่นเอง เพื่อให้ง่ายต่อการเลี้ยงดูมากขึ้น
ที่จริงแล้ว แผ่นเพาะพันธุ์ก็คือแผ่นลอนคลื่นที่ทำจากพอลิไวนิลคลอไรด์ที่ปลอดสารพิษนั่นเอง มีความยาวครึ่งเมตร ความกว้างสี่สิบเซนติเมตร หนาครึ่งมิลลิเมตร มีลอนคลื่นบนแผ่น ความสูงของลอนคลื่นคือ 1.5 มิลลิเมตรโดยประมาณ
โครงสำหรับยึดแผ่นเพาะเลี้ยงมีทั้งแบบทรงตะกร้าและแบบพับได้ โครงแต่ละอันสามารถบรรจุแผ่นเพาะพันธุ์ได้ 20 แผ่น
โครงที่บิลลี่นำมาด้วยเป็นแบบพับได้ เขาให้คนงานทำการเปิดออกให้ดูอันหนึ่ง แล้วพูดว่า “คุณดูสิ ไม่ว่าจะวางแบบแนวนอนหรือแนวตั้ง หากใช้โครงอันนี้แล้ว แผ่นเพาะพันธุ์ก็จะไม่หลุดออกไปได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน อีกอย่างโครงแบบนี้มีพื้นที่มาก ทำให้แผ่นเพาะพันธุ์มีพื้นที่ให้เว้นระยะห่างเยอะ และไม่ทับซ้อนกันได้ง่าย เหมาะมากสำหรับการใช้กับลูกหอยเม่น”
เมื่อตรวจดูทั้งหมดว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ก็ถึงเวลาทำการเพาะพันธุ์แล้ว
ฟาร์มปลาทั่วไปจะทำการขุดสระเพาะพันธุ์ก่อน แต่ว่าที่ฟาร์มปลาต้าฉินมีแบบพร้อมใช้เลย นั่นก็คือสระเพาะพันธุ์แบบต่อสำเร็จรูป ทันสมัยกว่า และมีพื้นที่มากกว่าด้วย
ก่อนหน้านี้ในสระเพาะพันธุ์มีการเลี้ยงกุ้งไว้ ฉินสือโอวให้พวกชาวประมงเปิดจุกปิดน้ำออกเพื่อปล่อยกุ้งลงไปในฟาร์มปลา อย่างไรเสียเขาก็ได้ถ่ายพลังโพไซดอนให้กุ้งไปพอสมควรแล้ว ปลาตัวเมียที่สามารถวางไข่ได้ก็วางไข่แล้ว การปล่อยไปอยู่ในทะเลตอนนี้จึงไม่มีปัญหา
หลังจากจัดการสระเพาะพันธุ์เสร็จแล้ว บิลก็สั่งการให้คนงานและชาวประมงนำโครงไปวางไว้ข้างในทีละอัน จากนั้นค่อยวางแผ่นเพาะพันธุ์ไว้ข้างบน สุดท้ายจึงจะนำอนุบาลเม่นไปวางไว้
แผ่นเพาะพันธุ์หนึ่งแผ่นสามารถเลี้ยงอนุบาลเม่นได้ประมาณสี่สิบตัว ตอนนี้พวกมันยังตัวเล็ก อีกหน่อยพอโตแล้วยังต้องมีการขยายพันธุ์อีก ทำให้สามารถเพาะได้มากกว่านี้อีก
หลังจากปล่อยพวกหอยเม่นไปในสระเพาะพันธุ์แล้ว บิลก็พูดกับฉินสือโอวว่า “อนุบาลเม่นค่อนข้างพิถีพิถันเรื่องอุณหภูมิน้ำด้วยนะครับ แต่ว่าฤดูร้อนไม่เป็นไร คุณแค่ระวังเรื่องคุณภาพน้ำก็พอแล้ว”
ฉินสือโอวเปิดดูคู่มือการเพาะเลี้ยง แล้วพูดว่า “ทุกวันต้องทำการเปลี่ยนน้ำ 2 ครั้ง น้ำที่เปลี่ยนในแต่ละวันก็ต้องเท่ากันด้วยใช่ไหม? ไม่มีปัญหา ปริมาณออกซิเจนก็ไม่มีปัญหา เครื่องผลิตออกซิเจนของผมเป็นรุ่นใหม่ทั้งนั้น”
บิลพูด “ไม่เพียงแต่ต้องเปลี่ยนน้ำเท่านั้น ปริมาณการกินอาหารของอนุบาลเม่นเยอะมาก ปริมาณการถ่ายอุจจาระก็เยอะมากเช่นกัน ดังนั้นทุกๆ 10 วันจะต้องทำการล้างสระ ทำความสะอาดเศษซากของอาหาร อุจจาระ และซากของตัวที่ตายด้วย”
อนุบาลเม่นจะเกาะอยู่บนแผ่นเพาะเลี้ยง อาหารที่พวกมันกินก็คือไดอะตอมที่ปูไว้บนแผ่นเพาะเลี้ยง เจ้าพวกนี้กินเก่งมาก เพราะว่าการเจริญเติบโตของพวกมันต้องเผชิญกับการกลายพันธุ์หนึ่งครั้ง ดังนั้นจึงทำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
ในกระบวนการปกติแล้ว ก่อนที่จะนำอนุบาลเม่นไปวางบนแผ่นเพาะพันธุ์ จะต้องทำการปูเมล็ดพันธุ์ไดอะตอมก่อน จากนั้นในระหว่างเพาะเลี้ยง ค่อยเพิ่มพวกเกลือเสริมอาหาร เพื่อเป็นการเพาะพันธุ์หอยเม่นโดยผ่านทางการเพาะพันธุ์ไดอะตอม
ฟาร์มปลาต้าฉินไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ การเพาะพันธุ์ไดอะตอมคืองานที่เสียเวลามาก ฉินสือโอวแค่วางไดอะตอมบนแผ่นเพาะพันธุ์ก็พอ เพราะฟาร์มปลาของเขาขึ้นชื่อเรื่องการผลิตสาหร่ายชั้นดีอยู่แล้ว ดังนั้นสามารถทำการเติบโตด้วยตัวเองได้
บิลเป็นคนค่อนข้างรอบคอบ จึงพูดว่า “อย่างไรเสียผมก็แนะนำให้ทำการเพาะพันธุ์ไดอะตอมบนแผ่นเพาะพันธุ์จะดีกว่านะครับ คุณเองก็เห็น แผ่นเพาะพันธุ์มีสองชั้น ชั้นล่างสามารถใช้มาเพาะพันธุ์สาหร่ายได้”
ฉินสือโอวปัดมือไปมา แล้วพูดว่า “เรื่องนี้ผมเอาอยู่แน่นอน คุณวางใจเถอะ ไม่มีปัญหาหรอก”
เขาให้บูลที่อยู่ต่อพาคนนำแหเพาะพันธุ์ที่บรรจุไดอะตอมมา บดให้ละเบียดแล้วก็ใส่ลงไปในสระเพาะพันธุ์แล้วพูดว่า “ดูสิ พวกมันไม่ต้องรอ สามารถกินได้ทันทีเลย ส่วนที่กินเหลือเหรอ? ก็คงไม่เหลือสิ่งปนเปื้อนไว้หรอก ผมสามารถเปลี่ยนน้ำทุกวันได้”
บทที่ 1298 คำเชิญสองอัน
บิลคือผู้เชี่ยวชาญทางด้านผลิตภัณฑ์ทางทะเล ความรู้ด้านทฤษฎีของเขาอาจจะไม่มากนัก แต่ว่าทางด้านปฏิบัติรับรองว่าประสบการณ์เต็มเปี่ยมแน่นอน
เมื่อได้เห็นไดอะตอมที่ฟาร์มปลาต้าฉินตักขึ้นมาแล้ว เขาก็ตาลุกวาว เข้าไปหยิบมาดมกำหนึ่ง จากนั้นก็ยัดเข้าไปเคี้ยวในปากทันที
บูลเผยท่าทีชวนแหวะออกมา ชาวประมงคนอื่นๆ ก็มีท่าทีนี้เช่นเดียวกัน
บิลสังเกตเห็นท่าทีของพวกเขา ก็หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดว่า “พวกคุณเป็นชาวประมงเก่าแก่จริงเหรอ? ไม่ต้องบอกผม ตอนที่พวกคุณออกไปจับปลาในทะเลต่างก็ไม่เคยลิ้มรสของสาหร่ายทะเลมาก่อนแน่เลย”
จุดที่ยากที่สุดในการออกทะเลหาปลาก็คือการหาร่องรอยของฝูงปลา ชาวประมงเก่าแก่บางพวกจะทำการหาร่องรอยของพวกมันโดยใช้รสชาติของสาหร่ายทะเลในปากของพวกเขา สาหร่ายทะเลที่อยู่ห่างกันร้อยไมล์ทะเลนั้นจะไม่เหมือนกัน และฝูงปลาที่แตกต่างกันก็จะชอบสาหร่ายที่รสชาติต่างกันด้วย
บูลพูดว่า “ไม่ๆ เพื่อน แน่นอนว่าพวกเราเคยกินสาหร่ายทะเลมาก่อน แต่ว่าตอนที่ลากสาหร่ายทะเลพวกนี้ขึ้นมาบนฝั่ง เจ้าตัวเล็กพวกนั้นฉี่อึไปบนนั้นแล้วนะ”
พวกชาวประมงพากันมองไปยังจุดที่ไม่ไกลนัก เป็นที่ที่พวกหู่เป้าฉงหลัวกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่
สีหน้าของบิลเขียวขึ้นมาในทันที
ฉินสือโอวทำสายตาดุดันขึ้นมา พวกชาวประมงจึงรีบหัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า “ล้อเล่น ล้อเล่นครับ”
พอถูกพวกชาวประมงพูดแบบนี้แล้ว บิลก็ไม่มีอารมณ์จะชิมต่อไป เขาพูดออกไปว่า “ฉิน สาหร่ายทะเลของคุณไม่เลวเลย ผมรู้สึกว่าคุณสามารถเปิดโรงงานผลิตอาหารได้เลยนะ โดยการใช้สาหร่ายพวกนี้แหละมาเป็นส่วนผสม จะต้องทำกำไรได้มากอย่างแน่นอน”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ผมต้องทำการวางแผนให้ดีก่อน คุณก็รู้ ผมยังไม่เคยเปิดโรงงานมาก่อนเลย”
บิลมองออกว่าเขาดูไม่ค่อยสนใจนัก จึงทำการเปลี่ยนเรื่องคุย กลับมาพูดถึงเรื่องหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสต่อ “ผมกล้ารับประกันนะ ฉิน คุณเลี้ยงเจ้าพวกนี้จะต้องทำกำไรได้ไม่มีขาดทุนแน่นอน ต่อไปหากว่าฟาร์มปลาสามารถผลิตหอยเม่นทะเลได้แล้ว หากว่าหาช่องทางการขายไม่ได้ สามารถมาหาผมได้นะ”
“ว้าว บริการครบวงจรเลยเหรอ?” บัตเลอร์พูดด้วยเสียงประชดประชัน ล้อเล่นหรือเปล่า มีแบรนด์อาหารทะเลต้าฉินอยู่เสียอย่าง หอยเม่นทะเลของที่นี่จะไม่มีช่องทางการขายได้เหรอ? อีกอย่างว่าตามความจริง เขาไม่เชื่อหรอกว่าบิลจะสามารถหาช่องทางการขายได้ดีกว่าแบรนด์อาหารทะเลต้าฉิน
ฉินสือโอวเองก็ไม่ห่วงเรื่องช่องทางการขายเหมือนกัน รัฐบาลของแคนาดากับสภาการประมงนั้นค่อนข้างระมัดระวังและหัวโบราณ ถึงขั้นว่าพวกเขาตัดสินใจที่จะนำเข้าหอยเม่นชนิดนี้จากประเทศจีนแล้ว ก็หมายความว่าหอยเม่นทะเลชนิดนี้จะต้องมีตลาดรองรับอย่างแน่นอน
งานยุ่งกันตลอดช่วงบ่าย ถึงช่วงค่ำแล้วจึงจะสามารถนำอนุบาลเม่นทั้งหนึ่งแสนตัวปล่อยลงไปในสระเพาะเลี้ยงได้หมด
ฉินสือโอวเชิญให้บิลอยู่กินข้าวด้วยกัน หลังจากกินข้าวเสร็จเขาก็ถามถึงสถานการณ์ตลาดของหอยเม่นในปัจจุบัน
ถึงว่าบัตเลอร์ถึงได้อยากเพาะหอยทะเลพันธุ์นี้นัก ช่วงนี้เขาอยู่แต่ในญี่ปุ่น จะต้องคุ้นเคยกับเจ้าพวกนี้อย่างดีแน่นอน
ที่ญี่ปุ่นการขยายพันธุ์และการนำหอยเม่นทะเลมาแปรรูปถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางทะเลที่มีรสนิยมและสำคัญมากๆ อย่างหนึ่ง ราคาในตลาดสูงมาก ปริมาณการบริโภคก็มากด้วยเช่นกัน แม้ว่าในญี่ปุ่นจะมีปริมาณการผลิตที่มากเกือบสองหมื่นตันต่อปี แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาด และยังคงต้องทำการนำเข้าอีกหลักพันตัน
ตอนนี้อุตสาหกรรมการเพาะพันธุ์และขยายพันธุ์ลูกหอยเม่นทะเลในญี่ปุ่นได้ถือว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดของ ‘การพัฒนาการประมง’ แล้ว จำนวนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการศึกษาการเพาะเลี้ยง การขยายพันธุ์และการผลิตหอยเม่นทะเลนั้นมากถึงหลักร้อยหน่วยงาน ปริมาณการเพาะลูกพันธุ์ใหม่ของแต่ละปีแค่ที่ฮอกไกโดที่เดียวก็สูงถึงสามหมื่นตัวขึ้นไปเลยทีเดียว
ประเทศจีนคือประเทศหลักในการส่งออกหอยเม่นทะเล ด้วยอิทธิพลของตลาดระหว่างประเทศ ทำให้ราคาส่งออกหอยเม่นทะเลของประเทศจีนในสิบปีมานี้สูงขึ้นถึง 10 เท่าด้วยกัน และด้วยเหตุนี้ทำให้ปริมาณการเก็บเกี่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี และทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่ลดน้อยลงเรื่อยๆ
หอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสอยู่ในระดับสูงที่สุดของของล้ำค่า และด้วยการบริโภคในตลาดระดับสูงที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไม่เพียงพอแม้จำหน่ายในประเทศ ยิ่งประเทศแถบทวีปอเมริกาเหนือนั้นยิ่งไม่พอส่ง ดังนั้นทางแคนาดาจึงอยากจะผลิตขึ้นมาเองบ้าง
ในการทำแผนกลยุทธ์ขยายขอบเขตมหาสมุทรในครั้งนี้ที่แคนาดากับจีนร่วมมือกัน เพราะต้องการที่จะแลกทรัพยากรของหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัส สิ่งที่พวกเขาต้องให้เป็นการตอบแทนก็คือลูกพันธุ์หอยงวงช้างที่ล้ำค่านั่นเอง
ตอนบ่ายฉินสือโอวมัวแต่วุ่นอยู่กับการเพาะพันธุ์หอยเม่นทะเล ทำให้ไม่มีเวลาไปสนใจการเก็บกวาดฟาร์มปลา แถมวันที่สองยังมีงานต้องทำต่ออีก จึงไปเรียกพวกเด็กๆ มาเตรียมตัวกัน
กอร์ดอนเดินมาด้วยท่าทีโกรธเคืองแล้วพูดว่า “นี่ไม่ยุติธรรม ฉิน ไม่ยุติธรรม! คุณแกล้งพวกเรา ใช่ไหมครับ คุณกำลังแกล้งพวกเราใช่ไหม?”
ฉินสือโอวนึกว่าในที่สุดเขาก็คิดได้แล้วเรื่องเมื่อวานที่ว่าสิบเหรียญสำหรับทำงานช่วงเช้าและสามสิบเหรียญสำหรับทำงานช่วงบ่าย จึงยักไหล่แล้วพูดว่า “นั่นเป็นเรื่องที่พวกเธอยินยอมเองนี่ไม่ใช่เหรอ?”
กอร์ดอนพูดอย่างไม่ยอมว่า “พวกเราตกลงกันตอนไหนครับ? ค่าแรงช่วงเช้าต่ำกว่าช่วงบ่ายตั้งสามเท่า แต่สุดท้ายคุณกลับไม่มาทำงานในช่วงบ่ายเลย ทำแค่ช่วงเช้าเท่านั้น นี่น่ะเป็นการผิดกฎแรงงานนะ!”
ฉินสือโอวหมดคำจะพูด ที่แท้เป็นเรื่องนี้นี่เอง
“โอเค งั้นค่าแรงช่วงเช้าวันนี้คือสามสิบเหรียญ ไปทำงานที่ทำค้างไว้เมื่อวาน เป็นอย่างไร?”
“ได้ งั้นเอาตามนี้! พวกพ้อง รีบไปหาเงินกันเถอะ!” กอร์ดอนกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
บัตเลอร์หัวเราะแล้วพูดว่า “ความรู้สึกที่ได้แกล้งนกอ่อนหัดมันดีมากเลยใช่ไหม หืม?”
ฉินสือโอวขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “อย่าพูดไปเรื่อยนะ เด็กพวกนี้จะเป็นนกอ่อนหัดได้อย่างไร? พวกเขาน่ะเป็นไก่อ่อนหัดชัดๆ!”
บัตเลอร์ “…”
เพราะได้แรงกระตุ้นจากค่าแรงที่สูงขึ้นสามเท่า พวกเด็กๆ จึงทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ชาร์คน้อยถึงขั้นไปเรียกเพื่อนๆ ของเขามาช่วย จากนั้นเพื่อนของเขาก็ไปเรียกเพื่อนมาอีก ไม่ช้าฟาร์มปลาก็เต็มไปด้วยฝูงเด็กๆ ในทันที
แน่นอนว่า เด็กพวกนี้ใช่ว่าจะมาเพราะเงินอย่างเดียว ตอนที่พวกเขาทำงานกันก็พากันแอบมองดูเชอร์ลี่ย์กันไม่หยุด ท่าทีแบบนั้นทำให้ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะคิดถึงตอนที่แอบมองดาวของคณะเซี่ยจือหลินตอนอยู่เรียนมหาวิทยาลัยขึ้นมา
นึกถึงเรื่องเก่าๆ ของตัวเองสมัยอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมา อาณุภาพของเวลานั้นแข็งแกร่งจริงๆ ใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มที่ใส่เสื้อที่ซื้อตามข้างทางตลอดสี่ปีที่เรียนมหาวิทยาลัย ในวันนี้จะสามารถครองมหาสมุทรได้
เด็กหนุ่มที่มาทำงานที่ฟาร์มปลามีมากมาย ฉินสือโอวจึงไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เขาสามารถนั่งอยู่ใต้ร่มไม้สั่งการพวกเขาได้
เมื่อเป็นแบบนี้ ตอนที่ท่านชายฉินที่มองอยู่ไกลๆ มองดูเงาของเด็กหนุ่มที่แอบมองเชอร์ลี่ย์แล้ว กลับเห็นแต่เงาของตัวเองสมัยตอนอายุยี่สิบเต็มไปหมด
เขาตัดสินใจที่จะช่วยเด็กหนุ่มพวกนี้ จึงลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “ทุกคนมาแบ่งกลุ่มแข่งขันกันเถอะ กลุ่มละสองคน ตาละสิบนาที ใครสามารถทำงานได้มากที่สุดสามารถพักผ่อนได้ห้านาที อ้อ ตอนพักสามารถให้เชอร์ลี่ย์ทำเครื่องดื่มเย็นให้ได้ด้วย”
พวกเด็กหนุ่มพากันคลุ้มคลั่งขึ้นมาในทันที เด็กหนุ่มที่ตอนแรกได้แต่แอบมองเชอร์ลี่ย์อยู่ห่างๆ เริ่มโห่ร้องออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย พลังนี้ทำเอาเออร์บักที่เดินผ่านมาเห็นก็ตกใจ แล้วพูดว่า “ฉิน เด็กพวกนี้เล่นยากันหรือไง?”
ฉินสือโอวยิ้มร่า
ฉินสือโอวยื่นมือถือให้เขา บอกว่าแฮมเล็ตโทรหาเขา ให้เขาโทรกลับ
ฉินสือโอวโทรกลับไปถามว่ามีเรื่องอะไร แฮมเล็ตบอกว่า “คือแบบนี้นะ วันที่สองกันยายนเป็นวันรำลึกถึงการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่สอง ทางจังหวัดเลยคิดจะจัดตั้งกิจกรรมนัดรวมตัวทหารเชื้อสายจีนที่กล้าหาญ จึงอยากเชิญนายไปร่วมด้วยน่ะ”
จนถึงวันนี้สงครามโลกครั้งที่สองได้จบลงกว่าเจ็ดสิบปีแล้ว ฉินสือโอวถามด้วยความแปลกใจว่า “ยังมีทหารเชื้อสายจีนในสงครามโลกครั้งที่สองที่ยังมีชีวิตอยู่เหรอครับ?”
แฮมเล็ตบอกว่า “แน่นอน ยังมีเยอะด้วยล่ะ”
กิจกรรมแบบนี้มีส่วนช่วยในการยกระดับฐานะให้ชาวเชื้อสายจีนในแคนาดา แน่นอนว่าฉินสือโอวต้องเข้าร่วมด้วย เขาจึงพยักหน้าตอบรับไป
หลังวางสายจากแฮมเล็ตได้ไม่นาน ก็มีโทรศัพท์โทรมาอีก ครั้งนี้ยังคงเป็นคำเชิญไปร่วมงานเช่นกัน
แต่ว่างานนี้นั้น ค่อนข้างแปลกใหม่ไปหน่อย…
บทที่ 1299 เริ่มการถ่ายทำโฆษณา
ตอนที่ได้รับโทรศัพท์เชิญให้ไปร่วมงานนี้ ฉินสือโอวนึกว่าพวกเขาโทรผิด หรือไม่ก็มีใครมาแกล้งเขาแน่เลย
“คุณฉิน งานแข่งวิ่งเปลือยอ่าวเรืออับปางที่จัดขึ้นปีละครั้งจะทำการจัดงานขึ้นที่อ่าวเรืออับปางวันหยุดสุดสัปดาห์แรกในเดือนหน้า หลังจากการคัดสรรแล้ว ทางเราอยากจะเชิญคุณเข้าร่วมด้วย ไม่ทราบว่าคุณสนใจไหมครับ”
ตอนที่ได้ฟังคำพูดนี้แล้ว ท่านชายฉินมีท่าทีอึ้งไปเลยทีเดียว อะไรนะ? วิ่งเปลือย? ทำไมเรื่องนี้ถึงมาเกี่ยวข้องกับเขาได้ล่ะ?
เขานึกว่ามีคนแกล้งเขา จึงตัดสายไปในทันที แต่ตอนทานอาหารค่ำที่เขายกเรื่องนี้มาพูดขำๆ นั้น ผู้คนบนโต๊ะต่างพากันมองไปที่เขาด้วยสายตาประหลาดใจ
“ทำไมเหรอ มีอะไรผิดปกติหรือไง?” ฉินสือโอวถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
วินนี่กลั้นหัวเราะไว้แล้วพูดว่า “ไม่ค่ะ ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ แต่ฉันคิดว่าเรื่องนั้นไม่ได้มีใครแกล้งคุณหรอก พวกเขาพูดจริงค่ะ การแข่งวิ่งเปลือยที่อ่าวเรืออับปางเป็นหนึ่งในการวิ่งการกุศลที่มีอิทธิพลมากที่สุดของเมืองแวนคูเวอร์ เรียกได้ว่ามีอิทธิพลมากเทียบเท่ากับงานวิ่งการกุศลในอ่าวเหิงตู้ที่คุณเคยเข้าร่วมเลย ที่พวกเขาโทรมาหาคุณ น่าจะเพราะอยากให้คุณไปวิ่งนำนะคะ”
ฉินสือโอวเกาหัว แล้วถามว่า “มีคนไปเข้าร่วมการแข่งแบบนี้จริงเหรอ?”
“คนเข้าร่วมมีไม่น้อยเลยค่ะ ครั้งนี้น่าจะเป็นการจัดงานครั้งที่ 19 แล้วมั้งคะ? ปีที่แล้วก็มีคนเข้าร่วมอย่างน้อยหนึ่งร้อยคนแล้ว โด่งดังมากเลย” วินนี่อธิบายให้เขาฟัง
ฉินสือโอวกินข้าวไปพลางหยิบมือถือขึ้นมาค้นหาข้อมูลไปพลาง ข่าวเกี่ยวกับการแข่งขันนี้มีเยอะมาก เห็นได้ชัดว่ามีอิทธิพลมากจริงๆ
ในเมื่อไม่ได้เป็นแก๊งต้มตุ๋นหรือพวกโทรมาก่อกวน ฉินสือโอวจึงโทรกลับไปตามมารยาท พร้อมกับถามให้กระจ่างว่าทำไมกิจกรรมนี้ถึงติดต่อเขามาด้วย? มันแปลกมากจริงๆ
คนที่โทรหาเขาเมื่อตอนกลางวันคือผู้จัดงานหลัก จูดี้ วิลเลียมส์ พอได้รับโทรศัพท์จากฉินสือโอวแล้วเขาก็ดีใจมาก ถึงขั้นนึกว่าฉินสือโอวยินดีที่จะเข้าร่วมเสียอีก แต่ท่านชายฉินก็แค่อวยพรให้กับการแข่งขันของพวกเขา แล้วบอกว่าอาทิตย์หน้าเขางานยุ่งมาก และปฏิเสธคำเชิญไปอย่างสุภาพ
ในตอนท้ายฉินสือโอวก็ได้ยกสิ่งที่คาใจขึ้นมาถาม เขาอยากรู้ว่าทำไมงานนี้จึงคิดจะเชิญเขาไปร่วมงานด้วย
วิลเลียมส์อธิบายว่า เหตุผลที่เชิญเขานั้นเกี่ยวเนื่องกับวัตถุประสงค์ของการแข่งขันนี้ การจัดกิจกรรมขึ้นในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการรณรงค์วิธีการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ให้ทุกคนใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติอย่างเป็นมิตร หรือมีความหมายว่าให้ออกกำลังโดยร่างกายที่ถือกำเนิดมานั่นเอง
และเนื่องจากท่านชายฉินคือคนที่มีฟาร์มปลาที่สวยและใหญ่ที่สุดในแคนาดาตะวันออก บวกกับที่เขาจัดตั้งพื้นที่อาศัยเพื่ออนุรักษ์เต่ามะเฟือง ทำให้ถูกมองว่าลักษณะการใช้ชีวิตนี้เข้ากับวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ ดังนั้นทางทีมผู้จัดจึงได้เชิญเขาไปร่วมงานด้วย
และเป็นอย่างที่วินนี่คาดเดาไว้ ทีมผู้จัดอยากเชิญให้เขาไปวิ่งนำ ระยะทางในการแข่งขันคือ 5 กิโลเมตร ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะถูกแบ่งโดยอายุออกเป็น 8 กลุ่ม ก็คือกลุ่มอายุต่ำกว่า 12 ปี กลุ่มอายุ 13 ถึง 16 ปี กลุ่มอายุ 17 ถึง 25 ปี กลุ่มอายุ 26 ถึง 35 ปี กลุ่มอายุ 36 ถึง 45 ปี กลุ่มอายุ 46 ถึง 55 ปี กลุ่มอายุ 56 ถึง 65 ปี และกลุ่มอายุมากกว่า 66 ปีขึ้นไป
ในทุกกลุ่มเล็กๆ นี้จะมีคนนำวิ่งหนึ่งคน คนนำวิ่งสามารถทำตามกติกาของงานคือวิ่งเปลือย หรือจะใส่เป็นเสื้อกีฬาธรรมดาก็ได้
แต่ฉินสือโอวก็ยังคงปฏิเสธไป แค่คิดภาพว่าเขาวิ่งอยู่ข้างหน้า ส่วนข้างหลังก็คือหนุ่มๆ ที่เปลือยวิ่งตามอยู่ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
นอกเหนือจากนั้นเขาก็ไม่ได้โกหก ช่วงนี้เขามีงานไม่น้อยเลยจริงๆ หลังจากที่บัตเลอร์นำปลาโอแถบแห้งกับอาหารทะเลจากไปแล้ว ก็มีคนจากบริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงแอนนาแมร์มาหา อยากให้หู่จือกับเป้าจือไปถ่ายภาพโฆษณา เพื่อเป็นการวอร์มอัพ เสร็จแล้วก็จะเริ่มถ่ายโฆษณาทันที
ผู้นำทีมที่ทางบริษัทแอนนาแมร์ส่งมาก็ยังคงเป็นเอริก้า มัวริส ดูท่าว่าพวกเขาจะให้ความสำคัญกับหู่จือและเป้าจือจริงๆ เพราะหลังจากนั้นขอแค่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการถ่ายทำโฆษณา ก็จะให้ผู้จัดการทั่วไปของสาขาในแคนาดาเอริก้าเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
ทีมงานถ่ายทำนำอุปกรณ์มาให้หู่จือกับเป้าจือมากมาย ผู้ชายที่มัดผมหางม้าและเจาะหูไว้หลายๆ รูคนหนึ่งมาหาฉินสือโอว แล้วถามว่า “ไม่ทราบว่า คุณช่วยทำให้สุนัขของคุณร่วมมือโดยให้พวกมันสวมเสื้อที่เตรียมไว้ให้ได้ไหมครับ?”
ฉินสือโอวดูอุปกรณ์พวกนี้ทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหา ความจริงแล้วนะ เพื่อน ไม่ต้องให้ผมช่วยหรอก พวกคุณไปแต่งตัวให้พวกมันได้เลย ผมกล้ารับรองว่าพวกมันต้องให้ความร่วมมือแน่นอน”
หู่จือกับเป้าจือตอนนี้กลายเป็นแลบราดอร์เต็มตัวแล้ว ร่างกายแข็งแรงกำยำ ไม่เหมือนกับแลบราดอร์ทั่วไปที่ร่างกายค่อนข้างผอมเล็ก กล้ามเนื้อบนตัวพวกมันแน่นมาก ขาทั้งสี่ก็ใหญ่กว่าแลบราดอร์ทั่วไปถึงหนึ่งเท่า ไม่แปลกที่คนไม่คุ้นเคยจะรู้สึกกลัวพวกมัน
ทีมงานถ่ายทำที่บริษัทแอนนาแมร์จ้างมามีช่างแต่งหน้าสองคน พวกเขามาขอให้มัดหู่จือกับเป้าจือไว้ พร้อมกับใส่ที่ครอบปากให้พวกมัน เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันกัดคน
ฉินสือโอวไม่อยากทำแบบนี้ จึงพูดว่า “ผมบอกไปแล้วนะเพื่อน ผมกล้ารับประกัน สุนัขของผมไม่ทำอะไรพวกคุณหรอก พวกมันอยู่นิ่งๆ ให้พวกคุณแต่งตัวให้แน่นอน โอเค?”
ชายมัดผมหางม้าหรือก็คือผู้กำกับยักไหล่ แล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าพวกผมไม่เชื่อคุณนะครับ คุณผู้ชาย แต่เรื่องแบบนี้ใครจะรู้ว่าจะเกิดเหตุสุดวิสัยอะไรหรือเปล่า? ดังนั้นพวกเรามาร่วมมือกันหน่อยได้ไหมครับ?”
ฉินสือโอวไปหาเอริก้า แล้วพูดว่า “คนของคุณจะมัดหู่จือกับเป้าจือไว้เหรอครับ? ขอโทษนะครับ จุดนี้ผมทำให้ไม่ได้ พูดตามตรงนะครับ ตั้งแต่ผมเลี้ยงเจ้าเด็กสองตัวนี้มา ยังไม่เคยมัดพวกมันมาก่อนเลย แม้ว่าจะไปขึ้นศาลก็เถอะ ก็ไม่เคยมัดพวกมันเลยสักครั้ง”
จุดนี้เขาไม่กลัว เพราะตอนที่เซ็นสัญญากันได้มีการเพิ่มสัญญาไปอีกหนึ่งข้อ ก็คือฉินสือโอวมีสิทธิ์ชี้ขาดในการถ่ายทำโฆษณา หากเขารู้สึกว่าการถ่ายทำนี้เป็นการทำร้ายหู่จือกับเป้าจือ อย่างนั้นก็สามารถไม่ถ่ายทำได้
บรรยากาศอึดอัดขึ้นมาในทันที ทีมงานไม่ยอมเข้าใกล้หู่จือกับเป้าจือหากไม่มัดพวกมันไว้ หากถูกกัดขึ้นมาจะทำอย่างไร? ปัจจุบันโรคพิษสุนัขบ้ายังคงเป็นเรื่องรุนแรงอยู่ อัตราการเสียชีวิตสูงกว่าโรคเอดส์ด้วยซ้ำ
เอริก้าจึงทำได้แต่ไกล่เกลี่ยให้ เธอนำข่าวที่ลงเรื่องของหู่จือกับเป้าจือให้ทีมถ่ายทำดู ในรูปพวกนี้หู่จือกับเป้าจือก็ไม่เคยถูกมัดเลยจริงๆ
เมื่อเป็นแบบนี้ทีมถ่ายทำจึงจำใจต้องตกลง ช่างแต่งหน้าสองคนเข้าไปหาหู่จือที่ดูสงบก่อน หู่จือนั่งหาวอยู่บนพื้นหญ้าอย่างเบื่อหน่าย แต่ทว่าแค่มันเพิ่งจะอ้าปากเท่านั้น ช่างแต่งหน้าสองคนก็รีบโยนอุปกรณ์ทิ้งแล้วหันหลังวิ่งไปเลยทันที
หู่จือมองไปที่ทั้งสองคนด้วยสายตาดูถูก แค่หาวเท่านั้นเอง ไม่ได้จะกินคนสักหน่อย เจ้าพวกปอดแหกจะกลัวอะไรนักหนา?
ผู้กำกับเองก็มองทั้งสองคนด้วยสายตาดูถูกเช่นกัน ก็เขาเป็นคนยืนพูดนี่จึงไม่ปวดเอว (เปรียบกับคนที่ไม่ลงมือทำเองจึงพูดได้) จากมุมมองของเขาแล้ว หู่จือไม่ได้มีทีท่าว่าจะจู่โจมหรือต่อต้านเลย ก็แค่หาวเท่านั้นเอง
ช่างแต่งหน้าสองคนเข้าไปใกล้อีกครั้ง คนหนึ่งลองเชิงโดยการผูกเนกไทให้หู่จือ หู่จือคุ้นเคยกับของแบบนี้อยู่แล้ว เพราะวินนี่เคยแต่งตัวให้พวกมันแบบนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว
ตอนที่ช่างแต่งหน้าหยิบเนกไทขึ้นมา มันก็ยกหัวชูคอให้เขาผูกให้ ส่วนอีกคนที่หยิบแว่นกันแดดสำหรับสุนัขมาสวมให้มัน มันก็ไม่มีการต่อต้านใดๆ เช่นกัน
ช่างแต่งหน้าทั้งสองคนจึงวางใจได้ในที่สุด และเริ่มทำการแต่งตัวให้มันเต็มรูปแบบ รวมทั้งการโปะแป้งกลิตเตอร์ให้มันด้วย การทำแบบนี้จะทำให้ขนของสุนัขดูสวยขึ้นกว่าเดิม
ผู้กำกับผมหางม้าพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจว่า “สุนัขสองตัวนี้เชื่องจริงๆ เหมือนกับที่ในข่าวพูดไว้เลย พวกมันฉลาดมากอย่างคาดไม่ถึง หรือว่าในยุคสมัยหน้าผู้นำของโลกจะเป็นคนจากดาวสุนัข?”
ฉินสือโอวหัวเราะ หู่จือกับเป้าจือไม่เชื่องสิแปลก พวกมันสองตัวชอบอวดตัวเป็นที่สุด มีคนมาแต่งหน้าแต่งตัวให้พวกมันแบบนี้ พวกมันจะไม่ร่วมมือได้อย่างไร?
บทที่ 1300 หมีที่กินอาหารหมา
ขั้นตอนแรกในการถ่ายทำเป็นการถ่ายภาพนิ่งโดยส่วนใหญ่ แล้วนำไปพิมพ์เป็นโปสเตอร์ เพื่อใช้เป็นรูปโฆษณาทางออนไลน์
การแต่งตัวของหู่จือและเป้าจือมีหลากหลายมาก มีทั้งสวมหมวก สวมแว่นกันแดด แว่นธรรมดา สวมผ้าคลุม ผูกโบหูกระต่าย ผูกเนกไท และยังมีชุดของซูเปอร์ฮีโร่ในอเวนเจอร์ที่กำลังโด่งดังในปัจจุบันอีกด้วย
การได้เห็นหู่จือสวมชุดและหมวกของกัปตันอเมริกา ส่วนเป้าจือก็แต่งชุดของสไปเดอร์แมนแล้ว ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกแปลกใจ จึงถามว่า “นี่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ไหมครับ? สามารถนำมาใช้ได้เหรอ?”
เอริก้าบอกว่า “อ้อ ไม่มีปัญหาค่ะ เราได้ทำการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้กับมาร์เวลแล้ว สามารถใช้ชุดซูเปอร์ฮีโร่ของพวกเขาได้ค่ะ”
ฉินสือโอวพูดด้วยน้ำเสียงตกตะลึงว่า “ว้าว ดูท่าว่าพวกคุณจะจัดหนักกันเลยนะครับ”
ค่าใช้จ่ายที่บริษัทแอนนาแมร์เสียไปกับการโฆษณาในครั้งนี้ถือว่าไม่น้อยเลย ไม่แน่ว่าค่าพรีเซนเตอร์ที่พวกเขาให้กับหู่จือและเป้าจืออาจจะสูงกว่าค่าซื้อลิขสิทธิ์การแต่งกายที่พวกเขาให้กับบริษัทมาร์เวลด้วยซ้ำ
เอริก้านำอาหารสุนัขรุ่นใหม่ล่าสุดของพวกเขามาด้วย โดยมีชื่อว่าอาหารสุนัขสูตรปลาน้ำเย็นจากทะเลลึกในขั้วโลกเหนือที่ไร้ข้าวสาลี เป็นอาหารที่ขึ้นชื่อว่าไม่มีส่วนผสมของข้าวสาลี แต่มีส่วนผสมหลักเป็นปลากุ้งจากทะเลน้ำลึก เป็นการคำนึงถึงสุขภาพและการเจริญเติบโตของสุนัขแบบเต็มรูปแบบ
ฉินสือโอวมองดูแล้วเพิ่งจะเข้าใจ อาหารสุนัขในปัจจุบันก็เหมือนกับนมผงของเด็ก ล้วนมีกันเป็นซีรีส์ทั้งนั้น อย่างเช่นอาหารสุนัขสูตรปลาน้ำเย็นจากทะเลลึกขั้วโลกเหนือไร้ข้าวสาลีตัวนี้ ก็มีทั้งหมดสี่ชนิด โดยแบ่งเป็นสำหรับสุนัขแรกเกิด สุนัขตัวเล็ก สุนัขโตเต็มวัยและสุนัขสูงอายุ วัยที่ต่างกันก็จะกินอาหารที่ต่างกัน
หลังจากถ่ายชุดภาพนิ่งเสร็จแล้ว ช่างถ่ายภาพที่คิดอยากจะหยุดถ่าย แต่ทางผู้กำกับส่งสายตาให้กับเอริก้า ทั้งสองคนซุบซิบกันเสียงเบาสักพัก ผู้กำกับก็ไปเรียกช่างถ่ายภาพให้ทำการถ่ายต่อ
ฉินสือโอวสังเกตเห็นท่าทีเล็กๆ ของพวกเขา จึงถามว่า “เฮ้ ผู้จัดการ ไม่ทราบว่าพวกคุณกำลังทำอะไรครับ?”
เอริก้ายิ้มตาใส ฉินสือโอวจึงชิงพูดก่อนว่า “หากมีเรื่องที่เกี่ยวกับงานของเราสองคน ผมหวังว่าคุณจะพูดกับผมอย่างตรงไปตรงมานะครับ คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนอย่างไร ความเชื่อใจที่ผมมีให้จะมีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
เอริก้าหัวเราะขืนๆ ทีหนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่ค่ะ คุณฉิน คุณระแวงเกินไปแล้ว พวกเราไม่ได้มาทำร้ายหู่จือกับเป้าจือตัวน้อยนะคะ คือแบบนี้ค่ะ ตามขั้นตอนปกติแล้ว งานถ่ายทำขั้นแรกถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว แต่หลังจากดิฉันกับผู้กำกับปรึกษากัน ก็คิดว่าจะทำการถ่ายรูปต่ออีกสักหน่อยค่ะ”
ฉินสือโอวถามอย่างระวังไว้ก่อนว่า “ทำไมครับ?”
เอริก้าพูดออกมาตามตรงว่า “เพราะว่าแผนงานของเราเกิดปัญหาค่ะ! โดยทั่วไปแล้ว การถ่ายรูปให้สัตว์เลี้ยงจะเริ่มจากถ่ายภาพเดี่ยวของพวกมันก่อน จากนั้นก็กลับไปทำการแต่งรูป เพราะว่าไม่ว่าอย่างไรพวกมันก็มีไอคิวต่ำ ไม่สามารถให้ความร่วมมือกับการถ่ายภาพได้ แต่ว่าหู่จือกับเป้าจือสามารถทำได้ นี่ทำให้พวกเราประหลาดใจมาก ดังนั้นพวกเราเลยตัดสินใจว่าจะให้ถ่ายต่อ และภาพที่จะถ่ายก็คือภาพที่จะเอาไปใช้จริงค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำนี้แล้ว ฉินสือโอวก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เอริก้ายักไหล่แล้วพูดว่า “ขอโทษนะคะ คุณฉิน นี่เป็นความผิดของพวกเราเอง พวกเรารู้จักหู่จือกับเป้าจือไม่มากพอทำให้เกิดเรื่องผิดพลาดพวกนี้ขึ้นมา”
ฉินสือโอวเข้าใจ เขาก็แค่รู้สึกเห็นใจหู่จือกับเป้าจือเท่านั้น แต่รับเงินมาแล้วก็ต้องทำงาน อีกอย่างเอริก้าเองก็มีท่าทีนอบน้อมขนาดนี้ เขาเองก็เกรงใจที่จะพูดอะไรต่อ
ดังนั้น เขาจึงพูดได้แต่ว่า “ไม่เป็นไรครับ เอริก้า พวกเรายังอยู่ในช่วงทำความคุ้นเคยกัน หวังว่าคราวหน้าจะมีการระมัดระวังในด้านนี้นะครับ”
ตอนนี้นี่เองที่ผู้ช่วยของเอริก้านำอาหารสุนัขมาหนึ่งลัง ฉินสือโอวขอมาดูหนึ่งถุง ส่วนเธอก็เปิดออกมาถุงหนึ่งวางไว้ตรงหน้าหู่จือกับเป้าจือ เพื่อเตรียมถ่ายภาพตอนที่พวกมันกินอาหาร
หู่จือกับเป้าจือเคยกินอาหารสุนัขแค่ตอนที่ยังเด็กมากๆ จากนั้นฉินสือโอวก็สังเกตเห็นว่าพวกมันชอบกินอาหารที่มีพลังโพไซดอนมากกว่า จึงให้พวกมันกินข้าวด้วย เขากินอะไรเจ้าสองตัวนี้ก็กินอย่างนั้น
เอริก้ามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมกับอาหารสุนัขของบริษัทเธอ แต่สุดท้ายหู่จือกับเป้าจือกลับแค่ดมๆ เบะปากแล้วเดินออกไปเลย
ผู้กำกับร้องออกมาอย่างประหลาดใจว่า “คัท นายถ่ายไว้หรือเปล่า? โอ้ ชิท สีหน้าของพวกมันเมื่อกี้นี้ นายได้ถ่ายไว้ไหม?”
ช่างภาพยังไม่ทันได้ตอบ เพราะกำลังกดชัทเตอร์ ‘แชะๆๆ’ ไปที่หู่จือกับเป้าจือรัวๆ อยู่
เอริก้าอึ้งไปทันที เธอถามขึ้นมาอย่างแปลกใจว่า “เกิดอะไรขึ้น? เด็กสองตัวนี้ทำไมถึงไม่กินอาหารสุนัขของเรา? นี่เป็นไปไม่ได้!”
เธอเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว เปิดอีกถุงหนึ่งออกแล้วยื่นให้กับเจ้าสองตัวนี้ แต่พวกมันกลับไม่ยอมแม้แต่จะดม แล้วใช้สายตาดูถูกมองไปที่เอริก้ากับอาหารสุนัขนั้น พร้อมตีตัวออกไปห่างๆ
เอริก้ากับลูกน้องสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เธอพูดอย่างแปลกใจว่า “เกิดอะไรขึ้น? เกิดปัญหาอะไรขึ้นมา? อาหารชุดนี้ไม่ได้ทำการทดลองให้อาหารกับสุนัขพันธุ์แลบราดอร์มาก่อนเหรอ?”
ผู้ช่วยของเธอตอบอย่างร้อนรนว่า “แน่นอนว่าทำแล้วนะคะ สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ชอบอาหารแบบนี้มาก เพราะว่าพวกเราเลือกใช้ปลาจากทะเลน้ำลึก และแลบราดอร์ก็ชอบกินอาหารที่ทำมาจากปลาด้วยค่ะ”
ฉินสือโอวรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพูดว่า “เรื่องนี้จัดการยากหน่อยนะครับ เคยมีเรื่องเกิดขึ้นกับสุนัขของผมตอนกินอาหารสุนัขมาก่อน พวกมันเลยกินเหมือนกับผมทุกอย่างตั้งแต่นั้น ไม่ใช่แค่อาหารสุนัขของพวกคุณหรอกครับ พวกมันไม่กินอาหารสุนัขยี่ห้อไหนเลย”
กอร์ดอนที่กอดอกดูการถ่ายโฆษณาอยู่จึงพูดขึ้นมาว่า “พวกเราปฏิบัติกับหู่จือและเป้าจือเหมือนเป็นคนคนหนึ่ง แน่นอนว่า พวกมันเองก็คงคิดว่าตัวเองเป็นคน ดังนั้น จึงคิดว่าอาหารสุนัขไม่โอเค”
เอริก้าเรียกให้ผู้ช่วยไปเอาอาหารสุนัขยี่ห้ออื่นมา แต่กลายเป็นว่าของพวกนี้หู่จือกับเป้าจือยิ่งไม่กินเลย พวกเขาพยายามยัดเยียดโดยการนำไปวางไว้ข้างหน้าหู่จือ มันยกขาขึ้นมาอย่างโกรธเคือง แล้วเตะจนกระเด็นออกไปเลย
ฉงต้าที่กำลังปิดตานอนกรนอยู่ใต้ต้นเมเปิลเปิดตาขึ้นมา มันกระดิกจมูกไปมา แล้วก็ยื่นขาทั้งสี่ออกเพื่อลุกขึ้น พวกช่างภาพกับผู้กำกับต่างรีบพากันวิ่งมาอยู่ข้างฉินสือโอว
“ไม่เป็นไรครับ เพื่อน หมีของผมเชื่องมาก มันไม่ทำร้ายพวกคุณแน่นอน” ฉินสือโอวพูดปลอบใจ
ผู้กำกับผมหางม้ายิ้มร่าแล้วพูดว่า “พวกเราเข้าใจ แต่พวกเราก็ยังกลัวอยู่ดี! พระเจ้า นี่เป็นสัตว์ที่ดุร้ายเสียจริง! ถ้าหากว่าเจอมันที่ในป่าแล้วล่ะก็ ผมต้องตกใจตายแน่เลย!”
ฉงต้าเดินไปหาอาหารสุนัขที่หู่จือเตะออกไปด้วยท่าทีขี้เกียจ พร้อมมองสำรวจดูอย่างสนใจ จากนั้นก็ใช้เล็บฉีกถุงออก แล้วเลียกินอาหารสุนัขขึ้นมา
‘กรุบกรุบ’ ฉงต้ากินอาหารสุนัขทั้งถุงหมดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็บิดตัวขี้เกียจอีกรอบ แล้วเดินไปทางเอริก้าอย่างกระตือรือร้น ตาน้อยๆ ที่ส่องประกายนั้นจ้องไปที่ถุงอาหารสุนัขในมือของเอริก้า
“นี่ นี่คือหมีสีน้ำตาลหรือว่าสุนัขเนี่ย?” ช่างภาพถามออกมาด้วยน้ำเสียงอึ้ง “หรือว่าหมีสีน้ำตาลก็ชอบกินอาหารสุนัขด้วย?”
ฉินสือโอวยิ้มขืนๆ แล้วพูดว่า “ในสายตาหมีของบ้านผม สิ่งของแบ่งได้แค่กินได้กับกินไม่ได้เท่านั้นครับ ไม่มีคำว่าอร่อยหรือไม่อร่อยหรอก เห็นได้ชัดเลย มันในตอนนี้ได้ถูกของกินที่ไม่เคยเจอดึงดูดเข้าแล้ว”
เอริก้าที่ถูกหมีจ้องอยู่นั้นมีเหงื่อไหลออกมาเต็มหลัง เธอลองชูอาหารสุนัขขึ้นสูง ฉงต้าก็ยื่นมือทั้งสองที่อวบอ้วนมาประกบกันไว้แล้วมองไปที่เอริก้าอย่างใจจดใจจ่อ
ผู้จัดการสาวเทอาหารสุนัขลงบนฝ่ามือมัน ฉงต้านั่งลง ยืดคอออกมาในทันที แล้วก็ก้มหน้าแลบลิ้นออกมาเริ่มเลีย เพียงครู่เดียวก็เลียเอาขนมครึ่งหนึ่งเข้าไปในปาก
หลังจากกินหมดแล้ว ฉงต้าหยีตาเล็กๆ ลง มุมปากฉีกออก แล้วเผยให้หน้ายิ้มสไตล์หมีสีน้ำตาลออกมา
“คิดไม่ถึงจริงๆ!”
“ชิท! จะมีหมีที่ไหนเจ๋งกว่านี้อีก?”
“เอริก้า พวกคุณควรเชิญให้มันมาเป็นพรีเซนเตอร์เถอะ! ตลาดของหมีตัวนี้มีหลายสิบล้านแน่!”
บทที่ 1301 เหล่านักล่ารางวัล
เอริก้าแกะถุงอาหารสุนัขอีกสองถุงป้อนให้ฉงต้า มันกินอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมส่งเสียงร้องอาวๆ เพื่อเรียกเพื่อนสนิทต้าป๋ายมากินข้าวด้วยกัน ต้าป๋ายค่อยๆ เดินมาอย่างช้าๆ กินไปสองคำก็หยุดกิน แล้วมองดูฉงต้ากินแทน
ช่างภาพถ่ายภาพไว้ภาพหนึ่ง ขมวดคิ้วอย่างสงสัยแล้วพูดว่า “สายตาของกระรอกตัวนี้แปลกจัง”
ฉินสือโอวลูบหัวเบาๆ เขารู้ว่านั่นเป็นสายตาอะไร สายตาของต้าป๋ายคือสายตาแห่งความเมตตานั่นเอง
ท่าทีที่ฉงต้ามีต่ออาหารสุนัขทำให้พวกของเอริก้าดีใจเป็นอย่างมาก น่าเสียดายดีใจไปก็ไม่มีประโยชน์ที่จะถ่ายโฆษณาคือหู่จือกับเป้าจือ ไม่ใช่ฉงต้า แต่หู่จือกับเป้าจือกลับไม่มีความสนใจในอาหารสุนัขเลยสักนิด
ผู้กำกับผมหางม้าเป็นคนที่มีประสบการณ์มากมาย เขาเริ่มสั่งการให้เอริก้าไปเตรียมอาหารสุนัขของยี่ห้ออื่นมาก่อน เพราะว่ามีโฆษณาอันหนึ่งจะถ่ายแบบการเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นการถ่ายแบบดั้งเดิม ก็คือถ่ายให้เห็นว่าหู่จือกับเป้าจือไม่ชอบกินอาหารของยี่ห้ออื่น ชอบกินแต่ของยี่ห้อแอนนาแมร์เท่านั้น
จุดนี้ง่าย แล้วก็มีคนเอาอาหารสุนัขไปวางอยู่ตรงหน้าหู่จือกับเป้าจืออีก หู่จือก็เตะไปข้างหน้าต่อ เป็นการเตะที่ท่าทางเหมือนกับอาวุธนิวเคลียร์แชวแชนกอเตะทำประตู พวกมันเตะจนอาหารสุนัขลอยโด่งไปไกล
แล้วต่อไปจะทำอย่างไรต่อล่ะ? เอริก้ากับผู้กำกับผมหางม้าต่างจ้องไปที่ฉินสือโอว
ฉินสือโอวจึงทำได้แต่ต้องไปปลอบหู่จือกับเป้าจือ ให้พวกมันยอมกินอาหารสุนัข
แลบราดอร์ดึงหน้าสุนัขลงไปยาวๆ พวกมันไม่ยอมกิน หลังจากถูกรบเร้าจนเบื่อแล้ว ก็หนีไปเลย สวมแว่นตาดำวิ่งไปกลิ้งไปมาบนสนามหญ้า
เอริก้าร้อนรนขึ้นมา ถามว่า “มีวิธีอื่นที่ทำให้พวกเขายอมกินอาหารสุนัขไหมคะ?”
ผู้ช่วยของเธอก็หมดหนทาง พูดว่า “แลบราดอร์ที่ไม่กินอาหารสุนัข ผมก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก อีกอย่างสุนัขที่ไม่กินอาหารสุนัขยังถือว่าเป็นสุนัขอยู่เหรอครับ?”
ฉินสือโอวปลอบพวกเขาว่า “ไม่เป็นไรครับ พวกคุณพักผ่อนก่อน เรื่องนี้เป็นหน้าที่ผมเอง พอถึงเวลากินข้าวแล้ว พวกมันไม่อยากกินก็ต้องกิน ไม่อย่างนั้นก็ให้พวกมันทนหิวไปเลย!”
พวกกอร์ดอน เชอร์ลี่ย์มองตากันทีหนึ่ง แล้วขยับเข้าไปซุบซิบข้างหูกันว่า “ทำไมฉินถึงใจร้ายกับหู่จือเป้าจือแบบนี้ล่ะ? ค่าพรีเซนเตอร์อ่ะนะ เป็นเพราะเรื่องเงินทั้งนั้น!” “เอ๋ ฉินที่เป็นคนดีขนาดนั้น ได้เปลี่ยนไปแล้วเหรอ!” “จะพ่อหรือจะแม่ก็สู้ดอลลาร์แคนาดาไม่ได้หรอกนะ”
เมื่อเป็นแบบนี้เวลาอาหารค่ำจึงกลายเป็นเวลาที่จะพลิกสถานการณ์ได้ หู่จือกับเป้าจือเห็นว่าไม่มีของให้พวกมันกิน ส่วนฉินสือโอวก็เทอาหารสุนัขของแอนนาแมร์ไว้ในถ้วยพวกมัน
มองดูหู่จือกับเป้าจือกินอาหารสุนัขชื่อดังสูตรพรีเมียมที่ตัวเองภูมิใจอย่างหมดอาลัยตายอยากแล้ว เอริก้าก็รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูกขึ้นมา
อาหารสุนัขของบริษัทตัวเองเป็นถึงยี่ห้อดังในหมู่ยี่ห้อดังเลยนะ และยังได้ตั้งเป้าหมายว่าสูตรพรีเมียมตัวนี้จะกลายเป็นตัวท็อปในตลาดของอาหารสุนัขอีกด้วย ทำไมถึงถูกสุนัขพวกนี้ไม่เหลียวแลได้ล่ะ? หรือว่าอาหารสุนัขของตัวเอง แย่กว่าอาหารของฟาร์มปลาขนาดนั้นเลยเหรอ?
เอริก้าคิดอย่างไม่เข้าใจ จากนั้นก็ใช้มีดสำหรับตัดอาหารตัดเนื้อปลาทะเลตัวแบนมาชิ้นหนาๆ ชิ้นหนึ่งแล้วยัดเข้าปาก ดื่มไอซ์ไวน์ไปอีกอึกหนึ่ง จากนั้นก็ตามด้วยเนื้อกุ้งล็อบสเตอร์ชิ้นขาวเนียนชิ้นหนึ่ง อื้ม รสชาติอร่อยมาก…
ฉินสือโอวรู้สึกว่าหู่จือกับเป้าจือกินอาหารสุนัขสูตรนี้ก็ดีเหมือนกัน จากชื่อก็ดูออกแล้ว อาหารสุนัขจากทะเลน้ำลึกสูตรไร้ข้าวสาลี เป็นอาหารระดับพรีเมียมอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาไม่ค่อยมีความรู้เรื่องอาหารของสัตว์เลี้ยง แต่เอริก้าบอกว่าอาหารสุนัขของพวกเขาสูตรนี้มีแต่สารกันบูดธรรมชาติ เป็นอาหารออแกนิค ในสูตรนี้อุดมไปด้วยโอเมก้าสามแถมยังเคี้ยวอร่อย เป็นอาหารสุนัขระดับชั้นยอด
เมื่อเป็นแบบนี้ การให้หู่จือกับเป้าจือกินอาหารสุนัข ก็ไม่ถือว่าทำร้ายพวกมัน ฟังจากคำพูดที่เอริก้าพูดแล้ว ฉินสือโอวเองยังอยากกินเลย
การถ่ายทำดำเนินการไปสองวัน หลังจากหู่จือกับเป้าจือกินตอนกินอาหารค่ำแล้ว ตอนหลังจึงเริ่มถ่ายทำง่ายขึ้น ฉินสือโอวใช้แกงตุ๋นปลาลิ้นหมาที่มีพลังโพไซดอน อาหารสุนัขพวกนี้สามารถใส่น้ำแกงเข้าไปกินด้วยได้ การเติมน้ำแกงลงไปนิดหน่อยระหว่างการถ่ายทำ ทำให้หู่จือกับเป้าจือกินกันได้อย่างเอร็ดอร่อย
ส่วนอาหารสุนัขยี่ห้ออื่นเหรอ? ท่าทีของหู่จือกับเป้าจือยังคงเป็นการเตะโด่งออกไปเหมือนเดิม แถมยังมีการพัฒนาไปเป็นการเตะส่งให้กันด้วย สงสัยคงเอาความแค้นที่มีต่อแอนนาแมร์ไปลงกับอาหารสุนัขรากหญ้าพวกนี้แทนแน่เลย
ถ่ายคลิปสั้นๆ เสร็จ งานถ่ายทำก็ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว ผู้กำกับผมหางม้ามาจับมือกับฉินสือโอวเพื่อบอกลา บอกว่าเขาไม่เคยเจอสุนัขที่ทั้งเชื่องและฉลาดอย่างหู่จือกับเป้าจือมาก่อนเลย ตอนแรกยังวางแผนกันว่าจะต้องถ่ายหนึ่งอาทิตย์ แต่สุดท้ายถ่ายแค่สองวันก็เสร็จแล้ว ประสิทธิภาพแบบนี้ถือว่าสูงจนน่าตกใจเลย
ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ อย่างหยิ่งทะนง ผู้กำกับผมหางม้าพูดต่อว่า หากว่าได้ถ่ายหนึ่งอาทิตย์จริงๆ พวกเขายังสามารถหาเงินได้เยอะขึ้นอีกครึ่งหนึ่ง แต่สุดท้ายกลับจบงานในสองวัน ทำให้ได้เงินน้อยเลย…
การถ่ายทำโฆษณาถ่ายทำกันที่ฟาร์มปลา หลังจากพวกของเอริก้ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวจึงไปเก็บกวาดเสียหน่อย กอร์ดอนรีบไปรั้งเขาไว้ แล้วพูดว่า “งานพวกนี้ให้ผมทำเถอะ ให้เท่าไรครับ?”
ฉินสือโอวขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หนุ่มน้อย นายในตอนนี้มีความคิดที่อันตรายมากนะ ทำไมอะไรก็จะเอาแต่เงินล่ะ? แล้วความสัมพันธ์ล่ะ?”
กอร์ดอนคิดสักพักแล้วก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “โอเค เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ลดให้คุณยี่สิบเปอร์เซ็นต์”
ฉินสือโอวเห็นว่าพวกเด็กๆ เสพติดการทำงานหาเงินค่าขนมแล้ว จึงได้ทีเอางานที่คิดว่าจะทำเองให้พวกเขาทั้งหมด ทุกวันจะมีการจ่ายงาน ให้พวกเขามารับงานกันเอง พอถึงเวลาเขาจะไปตรวจงาน หากตรวจงานแล้วไม่มีปัญหาอะไรจึงจะจ่ายค่าแรงให้พวกเขา
หลังจากได้ยินข้อเสนอนี้แล้ว พวกเด็กๆ ก็พากันให้กำลังใจกันอย่างอบอุ่น ชาร์คน้อยพูดว่า “เท่ไปเลยครับ ฉิน จุดนี้มีส่วนคล้ายกับนักล่ารางวัลในช่วงจักรวรรดินิยมของตะวันตกเลยใช่ไหมครับ? ตอนนี้พวกเราก็คือนักล่ารางวัล”
“งั้นเหยื่อรายแรกของพวกเราคืออะไรครับ?” พวกเด็กๆ ถาม
ฉินสือโอวคิดสักพัก แล้วพูดว่า “งั้นไปเก็บกวาดที่ดินที่ปลูกฟักทองของพวกเราแล้วกัน? จะต้องทำการถอนหญ้า นี่คือภารกิจราคายี่สิบเหรียญ…”
“ผมไป!” กอร์ดอนรีบแย่งพูด
“แล้วยังต้อง เอ่อ พรวนดิน แบบนี้จะได้เป็นการเพิ่มอุณหภูมิให้ดิน เพื่อเป็นการถ่ายเทออกซิเจน สามารถเร่งการเจริญเติบโตของฟักทองได้ นี่น่ะคือภารกิจยี่สิบห้าเหรียญ”
“ผมรับเอง!” ชาร์คน้อยพูดพลางตบอกตัวเอง
“จากนั้นก็ตามด้วยให้ปุ๋ย ใครจะให้ปุ๋ยล่ะ? นี่คือภารกิจสามสิบเหรียญ”
“เป็นหน้าที่ผมเอง” พาวลิสพูด
“หลังจากให้ปุ๋ยแล้วต้องรดน้ำด้วย แต่เรื่องนี้ฉันทำเองได้” ฉินสือโอวพูด มิเชลกับเชอร์ลี่ย์จ้องไปที่เขาอย่างคาดหวัง “แล้วพวกเราล่ะ?”
“ยังมีงานที่สำคัญกว่ามากอีก นั่นก็คือการตัดแต่งและตอนกิ่ง พวกเธอสองคนทำพวกนี้กัน นี่คืองานสำหรับแปดสิบเหรียญ พวกเธอสองคนแบ่งกันได้คนละสี่สิบเหรียญพอดี” ฉินสือโอวพูดเสร็จ มิเชลกับเชอร์ลี่ย์ก็ร้องเสียงดีใจ ปรบมือยินดีกัน
กอร์ดอนคิดทบทวนพักหนึ่ง สุดท้ายก็รู้สึกว่าไม่ถูก “พระเจ้า ฉิน ทำไมหลังๆ ค่าจ้างถึงมากขึ้นเรื่อยๆ ละครับ? เงินที่ผมหาได้น้อยที่สุดเลย!”
ฉินสือโอวชูนิ้วชี้ขึ้นมาแล้วพูดว่า “นี่คือบทเรียนภาคฤดูร้อนบทแรกที่ฉันจะสอนให้พวกเธอ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ควรรีบร้อน ต้องใจเย็น เข้าใจไหม?”
กอร์ดอนถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างหมดหนทาง ทำได้แต่เพียงยอมรับความจริงนี้เท่านั้น
จ่ายงานเสร็จแล้ว ฉินสือโอวพาพวกเขาไปที่แปลงปลูกฟักทอง ต้นกล้าฟักทองที่ปลูกไว้โตแล้ว เถาวัลย์สีเขียวขจีเติบโตยั้วเยี้ยไปทั่วแปลงผัก ทั้งยังเต็มไปด้วยต้นหญ้าและวัชพืชด้วย
งานถอนหญ้าเป็นงานที่เหนื่อยที่สุด แต่ค่าแรงกลับถูกที่สุด กอร์ดอนไม่อยากทำ จึงอืดอาดอยู่ตรงนั้น
ฉินสือโอวชี้ไปที่เขาแล้วพูดว่า “เฮ้ เด็กน้อย รีบทำงาน ตอนนี้พวกเธอก็คือนักล่ารางวัลเข้าใจไหม? รับงานแล้วก็ไม่สามารถคืนได้ พวกเธอต้องมีจรรยาบรรณในอาชีพ ไม่อย่างนั้นก็อย่ามาทำงานนี้!”
บทที่ 1302 ผักสวนครัวปลูกเอง
แปลงฟักทองพื้นที่ไม่ใหญ่ มีเพียงแค่หนึ่งเอเคอร์ครึ่งเท่านั้น ฉินสือโอวปลูกฟักทองก็เพื่อจะนำไปฉลองวันฮาโลวีน คนในฟาร์มปลาก็มีไม่มาก ฟักทองสิบกว่าลูกก็เพียงพอแล้ว
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ นี่ก็ไม่ใช่งานง่ายสำหรับพวกเด็กๆ เลย แปลงผักขนาดหนึ่งเอเคอร์ครึ่ง แถมวัชพืชในแปลงก็มีไม่น้อยอีก กอร์ดอนเหงื่อไหลท่วมตัวอยู่ในแปลงผัก ทำไปสักพักแล้วเงยหน้าขึ้นมาดู เฮ้ย ทำไมถึงทำไปได้แค่นี้เอง?
ชาร์คน้อยสะบัดจอบไปมาเพื่อพรวนดิน นีลเซ็นเดินผ่านมาเห็นท่าทีการสะบัดจอบที่รวดเร็วของเขาแล้ว ก็พูดว่า “ตั้งใจทำนะ เจ้าหนู หากใช้จอบได้ดีแล้วล่ะก็ อีกหน่อยพอขึ้นชั้นมัธยมปลายกับมหาลัยแล้ว จะต้องได้ใช้อย่างแน่นอน”
ชาร์คน้อยเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยเสียงใสซื่อว่า “ชิท ขึ้นชั้นมัธยมปลายกับมหาวิทยาลัยแล้วยังต้องพรวนดินอีกเหรอ? ถ้าอย่างนั้นผมยอมเป็นชาวประมงดีกว่า ผมไม่อยากเป็นชาวสวนหรอก!”
นีลเซ็นหมดคำจะพูด ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ขอแค่ใช้จอบได้ดี ก็ไม่มีกำแพงไหนที่ล้มไม่ได้ นายไม่เคยได้ยินประโยคนี้เหรอ?”
ชาร์คน้อยตกใจมากกว่าเดิมแล้วพูดว่า “ชิท ขึ้นมัธยมปลายกับมหาวิทยาลัยแล้ว ยังต้องทำงานก่อสร้างด้วยเหรอ? งั้นผมก็ยังยอมเป็นชาวประมงอยู่ดี”
“นายอยู่รอเป็นสุนัขโสดไปเถอะนะ” นีลเซ็นพูดด้วยน้ำเสียงเคืองกับความไม่ได้เรื่องของเด็กคนนี้
ฟักทองเหมือนกับผักประเภทแตงอื่นๆ จำเป็นต้องพึ่งรากที่แข็งแรงมากในการดูดน้ำและสารอาหาร ไม่อย่างนั้นต่อไปหากมีลูกฟักทองออกมาแล้ว ลูกจะเติบโตได้ช้ามาก
ดังนั้น ขั้นตอนการพรวนดินของชาร์คน้อยและการใส่ปุ๋ยของพาวลิสจึงสำคัญมาก ดีที่เด็กน้อยที่แข็งแรงอย่างกับวัวสองคนนี้ทำงานได้ดี ฉินสือโอวตามดูอยู่ข้างหลัง เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรจึงไปช่วยเชอร์ลี่ย์กับมิเชลตัดกิ่งและตอนกิ่งแทน
ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องตัดแต่งและตอนกิ่งเถาวัลย์ของฟักทองแล้ว หากว่ามีใบเยอะเกินไป จะทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของแตงได้ง่าย
ฉินสือโอวสอนให้ทั้งสองคนเด็ดกิ่งด้านบนสุดออก เก็บไว้แต่กิ่งด้านข้างเถาวัลย์แทน ให้พวกมันเติบโตไปตามแนวขวาง แบบนี้ต้นกล้าฟักทองหนึ่งต้นจึงจะสามารถออกลูกฟักทองได้มากขึ้น
พวกเด็กๆ ใช้เวลาทำงานกันถึงครึ่งช่วงบ่ายถึงได้ทำงานในแปลงฟักทองจนเสร็จ แต่ละคนเหงื่อไหลไคลย้อย เนื้อตัวเต็มไปด้วยใบหญ้าและดิน ดูไปแล้วเหมือนกับลิงแม็กแคก
กอร์ดอนเดินหายใจเฮือกออกมา กำลังจะอ้าปากบ่น ฉินสือโอวหยิบเงินออกมายื่นให้ ทันใดนั้น ดวงตาทั้งสองของเด็กๆ ก็เปล่งประกาย นำความลำบากที่มีในช่วงครึ่งบ่ายนี้โยนไปสู่สวรรค์ชั้นเก้าไปเลย
ต่อไปก็เหลือแค่งานรดน้ำ ฉินสือโอวขับรถรดน้ำออกมา งานนี้ง่ายจนไม่รู้จะง่ายอย่างไรแล้ว รถรดน้ำของฟาร์มปลาดัดแปลงมาจากปืนฉีดน้ำแรงดันสูง เพื่อนำมาใช้รดน้ำแปลงองุ่นที่กว้างขวางโดยเฉพาะ ขอบเขตในการรดน้ำทีหนึ่งก็ครอบคลุมได้ถึงหนึ่งเอเคอร์ครึ่งแล้ว หรือก็คือเป็นการใช้แรงจากเครื่องยนต์ทั้งหมด ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งนาทีก็สามารถรดน้ำได้ทั่วแปลงฟักทองแล้ว
ฉินสือโอวแผ่พลังโพไซดอนเข้าไปในน้ำ ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเดินเครื่อง ม่านสายน้ำก็ปรากฏไปสู่ด้านบนของแปลงฟักทอง ใช้เวลาแค่ไม่นานก็เสร็จงานตรงนี้แล้ว เป็นการแสดงศักยภาพของวิวัฒนาการในปัจจุบันได้อย่างเต็มที่
จอดรถรดน้ำเสร็จ เขาก็ไปเดินดูที่แปลงผักสวนครัวข้างๆ กลางฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่ดีในการเก็บเกี่ยวของผักสวนครัว ถั่วแขก ถั่วฝักยาว พริก แตงกวา และมะเขือเทศ ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็เก็บได้มาเป็นกองเลย
ตอนค่ำพวกชาวประมงทำงานเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็เรียกพวกเขาให้มาแบ่งผักสวนครัวไปกิน
ผักสวนครัวที่ปลูกเองของฟาร์มปลากลายเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่งที่ให้กับชาวประมง ตั้งแต่สร้างโครงผักสวนครัวเสร็จแล้ว พวกชาวประมงก็ไม่ต้องไปซื้อผักกันอีกเลย พากันมากินพร้อมกับฉินสือโอวทั้งนั้น
อย่าเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย การทำแบบนี้เดือนหนึ่งสามารถประหยัดเงินได้มากโขเช่นกัน ราคาของผลไม้และผักสดที่แคนาดาสูงมาก แถมยังขึ้นราคาเร็วมากอีกด้วย ตั้งแต่ฉินสือโอวมาที่เกาะแฟร์เวลจนถึงปัจจุบัน เวลาผ่านไปไม่ถึงสามปี ราคาโดยรวมของผักสดก็ขึ้นมาเกินกว่า 20% แล้ว!
จุดนี้ยังไม่เกินไป ฉินสือโอวดูข่าว บริษัทแคนาเดียน บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่นประกาศว่า จากบันทึกของสำนักงานสถิติในแคนาดา ราคาอาหารใน 6 เดือนนี้สูงขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 3.5% ในนั้นแบ่งเป็นราคาผักสดขึ้นมา 11.5% ซึ่งสูงกว่าพวกเนื้อสัตว์ถึง 4.4%
และนี่ยังเป็นแค่สถิติในปีเดียวเท่านั้น!
อ้างอิงจากบริษัทแคนาเดียน บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น ในบรรดาผักสดราคาของขึ้นฉ่ายขึ้นสูงที่สุด เดือนมิถุนายนในปีนี้ราคาสูงขึ้นกว่าเดือนมิถุนายนของปีที่แล้วถึง 19% ราคาของผักสลัดแก้ว มะเขือเทศและถั่วแขกก็ไม่ธรรมดา ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนในปีนี้ เพียงแค่เดือนเดียวก็ขึ้นมาถึง 8.5%
ผักพวกนี้ล้วนมีปลูกในฟาร์มปลาทั้งหมด พวกชาวประมงกินผักที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ แถมเพราะผักพวกนี้ถูกพลังโพไซดอนปรับปรุงใหม่ ทำให้รสชาติดีกว่า สารอาหารมากกว่า และไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของอาหารด้วย
เหตุผลที่ทำให้เกิดปัญหานี้ ก็เพราะผลไม้และผักสดของแคนาดามาจากการนำเข้าถึง 80% อัตราการผลิตเองของพวกเขาแย่มาก ส่วนทางด้านเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ทางทะเล เช่นเนื้อแพะ เนื้อวัวและเนื้อหมู ในแคนาดาถือว่าผลิตได้พอกินพอใช้
ความจริงแล้วในสองปีมานี้ เนื่องจากค่าเงินแคนาดาที่ต่ำลงเรื่อยๆ ทำให้สินค้าที่แคนาดานำเข้ามาขึ้นราคากันหมด ไม่ใช่แค่ผักสดและผลไม้เท่านั้น เพียงแต่ว่าผักสดและผลไม้เป็นสิ่งที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินได้ง่ายเท่านั้น
พวกชาวประมงพากันเลือกผักกันอย่างเอะอะโวยวาย ฉินสือโอวก็พูดด้วยเสียงทอดถอนใจว่า “ชิท ได้ข่าวว่าข้างนอกราคาผักสดและผลไม้ขึ้นกันเป็นว่าเล่นเลย ตอนนี้ประชาชนกำลังใช้ชีวิตอยู่ในความลำบากแร้นแค้นหรือไง?”
ชาร์คพูดด้วยเสียงโกรธเคืองว่า “นั่นน่ะสิครับ เงินแคนาดาในมือของพวกเราก็มีค่าน้อยลงเรื่อยๆ อัตราเงินเฟ้อก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ภาษีก็เก็บแพงขึ้นเรื่อยๆ ใครกันที่บอกว่าแคนาดาคือหนึ่งในห้าประเทศของโลกที่เหมาะแก่การอพยพที่สุด? ถ้าเจอจะใช้ฉมวกแทงปลาทำให้เขาดื่มด่ำกับความรู้สึกที่หนาวเย็นไปสุดขั้วหัวใจให้ดู”
พวกผู้ชายอยู่ด้วยกัน สิ่งที่ชอบทำมากที่สุดก็คือคุยโม้กัน ส่วนเรื่องคุยโม้ที่สนุกมากที่สุดก็คือเรื่องการเมืองของประเทศ เป็นเรื่องที่ดึงดูดคนได้ดีกว่าเรื่องผู้หญิง รถยนต์และการออกกำลังกายเสียอีก
ฉินสือโอวแค่เอ่ยปาก พวกชาวประมงก็พากันตื่นตัวขึ้นมาแล้ว พากันแบ่งผักกันไปพลางด่ารัฐบาลแคนาดาไปพลาง
ในเวลานี้ เรื่องดำมืดในหมู่รัฐบาลค่อยๆ เปิดฉากออกมา ทุกคนต่างก็พูดว่าพวกเขาได้รับข่าววงในมา ประมาณว่าธนาคารแคนาดาเตรียมจะพิมพ์ธนบัตรอีกหลายร้อยล้านเพื่อมารับมือกับวิกฤตทางเศรษฐกิจ และแคนาดาเตรียมจะเปิดศึกที่ไหนสักที่เพื่อทำการพลิกวิกฤตทางเศรษฐกิจ ฉินสือโอวฟังไปอย่างสนุกสนาน
ไม่นาน พวกทหารทั้งหลายก็เข้าร่วมการสนทนาด้วย ดังนั้นรัฐบาลที่โดนด่าในตอนนี้นอกจากแคนาดาแล้ว แม้แต่อเมริกาเองก็โดนไปด้วย
ฉินสือโอวให้พาวลิสกับกอร์ดอนไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นห้องครัวมา ไหนๆ ก็ไหนแล้วให้ทุกคนมาดื่มเบียร์นั่งคุยกันแล้วกัน อย่างไรเสียตอนนี้ก็ไม่มีงานอะไรต้องทำอยู่ดี
พอเบียร์ได้เข้าปากไปเล็กน้อย บรรยากาศก็ครึกครื้นขึ้น คำพูดแนวๆ ‘ชิท’ ‘ฟัค’ ได้หลุดออกมาไม่ขาดสาย ทุกคนต่างพากันก่นด่าอย่างบ้าคลั่ง ข่าวลือวงในต่างๆ นานาถูกพูดออกมาไม่หยุด ฟังจนฉินสือโอวเหมือนได้เปิดโลกกว้าง
พวกแบล็คไนฟ์ถือว่าตัวเองมีเพื่อนร่วมรบหลายคนที่ทำงานในหน่วยราชการลับ ทำให้พอได้คุยโม้แล้ว ก็เบรกกันไม่อยู่เลยทีเดียว ราวกับว่าพวกเขาได้กินข้าวดื่มเหล้ากับพวกโอบามาและฮิลลารีทุกวันอย่างนั้นแหละ ไม่ว่าข่าววงในอะไรก็มีออกมาเรื่อยๆ ไม่หยุด
ฉินสือโอวฟังอย่างออกรสออกชาติ ไวส์ก็สนใจมากเหมือนกัน จึงเข้ามาร่วมวงฟังพวกเขาคุยโม้ด้วย
เพราะว่าพวกชาวประมงกับพวกทหารต่างก็เป็นพวกคนเถื่อนทั้งนั้น พอได้พูดเรื่องแบบนี้แล้วทำให้มีคำหยาบผุดออกมาไม่หยุด ฉินสือโอวจึงไม่ให้ไวส์มาฟังด้วย ไวส์ไม่พอใจแล้วพูดว่า “ผมเป็นคนอเมริกัน อาจารย์ ผมจำเป็นต้องรู้เรื่องวงในของประเทศพวกนี้นะ ไม่อย่างนั้นอีกหน่อยจะออกไปสู่ยุทธภพได้อย่างไร?”
ฉินสือโอวกลอกตา กล่าวว่า “กลับบ้านไปถามพ่อนายสิ พ่อนายรู้เรื่องวงในมากกว่าอีก ใช่แล้ว นายจะกลับบ้านเมื่อไร?”
ไวส์ยักไหล่แล้วพูดว่า “ไม่รู้ครับ พ่อบอกว่าถึงเวลาจะมีเครื่องบินมารับผมเอง จากนั้นก็ให้พวกเราบินไปวอชิงตันด้วยกัน รู้สึกว่าที่วอชิงตันจะมีการประชุมอะไรสักอย่าง เป็นการประชุมของประธานาธิบดีของเรากับผู้นำประเทศในทวีปยุโรป พ่อผมก็ต้องไปร่วมงานด้วย”
เขาเพิ่งพูดจบเท่านั้น พวกทหารที่เมื่อกี้กำลังคุยกันน้ำลายพุ่งอยู่ก็พากันมองหน้ากันในทันที แบล็คไนฟ์เลียนแบบการพูดของฉินสือโอวว่า “น้องชาย นายนี่วางมาดได้มีระดับจริงๆ นะ ฉันจะต้องจัดการหมุนตัวนายสามร้อยหกสิบองศาสักหน่อยแล้ว!”
บทที่ 1303 แมงกะพรุนยักษ์ที่ถูกเล่นจนพัง
วินนี่กลับมาแล้ว พวกชาวประมงก็ยังคงคุยโม้กันอยู่ และเพราะดื่มเบียร์เข้าไปด้วย ทำให้ยิ่งโม้กันอย่างออกรส
ฉินสือโอวก็โม้ด้วยสองสามประโยค พวกชาวประมงจึงพากันจ้องไปที่เขา พอดีกับที่วินนี่กลับมาถึง เขาก็รีบวิ่งไปช่วยวินนี่ปลดสัมภาระ ถือกระเป๋า เปลี่ยนรองเท้า เปลี่ยนเสื้อ นวด
“ว้าว พ่อบ้านแสนดี!”
“บอส อย่าเป็นแบบนี้สิครับ คุณเป็นลูกพี่ใหญ่ของพวกเรานะ!”
“มีการเปลี่ยนรองเท้าให้นายหญิงด้วย! ชิท ทำไมพวกเราไม่ใช่ผู้หญิงนะ?”
“กัปตันคุณกลับมาเลย คืนนี้พวกเราไปเที่ยวสาวด้วยกันเถอะ!”
ฉินสือโอวหันกลับไปด้วยสีหน้าตกใจ ชี้ไปที่คนทั้งกลุ่ม แล้วตะโกนว่า “ไปกับผีสิ พวกสารเลวพวกนี้! รีบไสหัวไปกินข้าวเลย พรุ่งนี้ยังมีงานต้องทำนะ!”
“พรุ่งนี้วันหยุดสุดสัปดาห์ บอส หยุดวันหนึ่งเถอะครับ!”
“ฝันไปเถอะ!” ฉินสือโอวด่าว่า “พรุ่งนี้เช้าออกทะเลกันให้หมดเลย ช่วงนี้ตำแหน่งปลาของฟาร์มปลาไม่นิ่งเลย ไปเช็กให้ฉันว่าเกิดอะไรขึ้น!”
พวกชาวประมงพากันแยกย้ายกลับไป ในที่สุดฉินสือโอวก็สบายใจสักที จึงให้วินนี่นั่งอยู่บนโซฟาแล้วนวดให้เธอ
แต่ทว่าเมื่อกี้เขาก็ไม่ได้พูดไปเรื่อย พรุ่งนี้ต้องให้พวกชาวประมงไปตรวจเช็กจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฟาร์มปลา ดูจากบันทึกของฟาร์มปลาแล้ว ตำแหน่งของฝูงปลาไม่นิ่งจริงๆ
ปลาในฟาร์มปลาไม่ค่อยเหมือนกับปลาตามธรรมชาติ เพราะมีอาหารที่อุดมสมบูรณ์กว่า พวกมันจึงไม่มีการว่ายตามกระแสน้ำลึกไปหาอาหารเหมือนกับปลาธรรมชาติ ตำแหน่งจึงค่อนข้างแน่ชัด ฝูงปลาแบบไหนก็จะอาศัยอยู่ในที่นั้นๆ ปกติแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
นี่ก็คือสาเหตุที่พวกชาวประมงต้องออกทะเลทุกวัน พวกเขาจะต้องทำการสรุปแผนที่มาตราส่วนของการเก็บเกี่ยวปลาในฟาร์มปลาออกมาเป็นตัวเลขโดยการใช้เครื่องโซนาร์ แบบนี้ทำให้เวลาไปจับปลา ต้องการปลาอะไรก็ไปจับที่จุดนั้นก็ได้แล้ว
เวลาผ่านไปจนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์อีกโดยไม่รู้ตัว ฉินสือโอวคิดย้อนกลับไป รู้สึกเหมือนเขาเพิ่งกลับมาจากขี่ม้ากับเหมาเหว่ยหลงอยู่เลย แต่ความจริงกลับผ่านมาห้าวันแล้วเหรอเนี่ย? ว้าว เวลาเป็นดังสายน้ำไหลผ่านจริงๆ!
เขาทอดถอนใจขนาดนี้ วินนี่กลับยิ้มแล้วจ้องไปที่เขาทีหนึ่ง พูดว่า “คุณอยู่แต่ที่ฟาร์มปลาทุกวัน แน่นอนว่าต้องรู้สึกว่าเวลาผ่านไปรวดเร็วสิคะ แต่สำหรับฉันแล้วกลับไม่ใช่อย่างนั้น เวลาผ่านไปช้ามากเลย การรอคอยให้ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นอะไรที่ยากลำบากมาก เป็นฉันไม่ง่ายเลยใช่ไหม ช่วยนวดคอให้ฉันหน่อยสิคะ รู้สึกปวดจัง”
ฉินสือโอวทำหน้าทะเล้น “แน่นอนว่าคุณภรรยาต้องเหนื่อยอยู่แล้ว พูดมาเลย วันหยุดคุณอยากทำอะไร? ผมจะทำเป็นเพื่อน!”
วินนี่หยีตาเพื่อดื่มด่ำกับการนวดของฉินสือโอว แล้วใช้น้ำเสียงแบบ**พูดว่า “อืม ฉันไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นค่ะ แค่อยากนั่งรับลมเย็นกับลูกสาวเท่านั้น”
ฟังวินนี่พูดแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวรู้ว่าเธอคงเหนื่อยจริงๆ นั่นแหละ จึงรู้สึกปวดใจขึ้นมา คิดไปคิดมา เขาก็คิดกิจกรรมที่ไม่เลวออกมาได้อันหนึ่ง คิดว่าน่าจะลองทำดูได้
ฉินสือโอวคิดๆ อยู่ ผ่านไปสักพักรู้ตัวอีกที ก็เห็นเจ้าตัวเล็กพวกหู่เป้าฉงหลัวกับราชาเจ้าป่าพากันกระโดดขึ้นไปบนโซฟา พี่น้องเฟอเรทลากหางอันฟูฟ่องมานั่งอยู่บนพื้นแล้วมองดูอย่างประหลาดใจ พวกมันไม่รู้ว่าพวกพี่ชายกำลังทำอะไรกันอยู่
คำตอบไม่ต้องบอกก็รู้ เจ้าตัวเล็กมองดูฉินสือโอวนวดให้วินนี่แล้วก็รู้สึกสนใจขึ้นมา แต่ละตัวจึงพากันกระโดดขึ้นโซฟาแล้วเบียดกันอยู่บนนั้น พร้อมทั้งยื่นคอรอให้ฉินสือโอวนวดให้
ฉินสือโอวยิ้มแล้วด่าไปสองทีพร้อมผลักพวกมันลงไป พวกเด็กๆ ร้องอาวๆ อย่างไม่พอใจ ยิ่งฉงต้ายิ่งแล้วใหญ่ที่ยังคงหน้าด้านพยายามปีนขึ้นไปต่อ พร้อมกับเบียดวินนี่ออกเพื่อให้ฉินสือโอวนวดให้
ที่พวกมันต้องการไม่ใช่การนวดหรอก แต่เป็นความเอ็นดูต่างหาก นี่คือสัญชาตญาณของพวกสัตว์เลี้ยง
ฉินสือโอวหมดทางเลือก จำใจต้องเกาตัว หวีขนให้พวกมันทีละตัว พวกตัวน้อยสบายตัวกันจนตาหยีเป็นเส้นเดียว พร้อมกับเผยสีหน้าฟินกันถ้วนหน้าออกมา
พี่น้องเฟอเรทรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที พวกมันกระโดดสองสามทีขึ้นไปบนโซฟา จนบนโซฟาอัดแน่นไปหมดแล้ว ดังนั้นพวกมันจึงแสดงศักยภาพความคล่องตัวและความสมดุลของเฟอเรทแบลคฟุตออกมา โดยการกระโดดขึ้นไปอยู่บนพนักโซฟาแทน
เฟอเรทตัวเล็ก มือฉินสือโอวหนึ่งข้างก็สามารถควบคุมได้หนึ่งตัวแล้ว พี่น้องเฟอเรทเห็นดังนี้แล้วก็รีบ ‘ฟึ่บ’ พลิกตัวในทันที เผยเอาท้องน้อยๆ ที่นุ่มนิ่มนั้นออกมาให้เขาเกาให้
อยู่เล่นกับเจ้าพวกตัวเล็กมาทั้งคืนแล้ว พอฉินสือโอวเข้าไปถึงห้องนอนก็ปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปในฟาร์มปลา ไม่กี่วันมานี้เขาไม่ค่อยสนใจฟาร์มปลามากนัก คืนนี้จึงต้องไปสำรวจดูให้ได้ ไม่รู้ว่าตอนนี้แมงกะพรุนขนสิงโตเป็นอย่างไรบ้าง
เขาเดาว่าการเปลี่ยนแปลงของฝูงปลาน่าจะเกี่ยวข้องกับแมงกะพรุนขนสิงโตนั่นแหละ หากว่าใช่แล้วล่ะก็ งั้นก็ต้องให้พวกชาวประมงใช้อวนลากเจ้าตัวใหญ่นี้ออกไปแล้ว
มาถึงน่านทะเลน้ำลึก เขาใช้จิตสำนึกเข้าควบคุมเฮยป้าหวัง มองไปแวบหนึ่งก็ตกใจขึ้นมาทันที ดูเหมือนสถานการณ์ของแมงกะพรุนตัวนี้จะไม่สู้ดีนักนี่นา
แมงกะพรุนขนสิงโตที่เขาเห็น ก็คือตัวที่ใหญ่ที่สุดตัวนั้น หนวดยื่นออกมา หนวดสองข้างที่แผ่ออกไปเป็นเส้นทแยงมุมมีความยาวกว่าหลักร้อยเมตร เท่าที่ฉินสือโอวได้ยินมา นี่คงจะเป็นแมงกะพรุนขนสิงโตที่ใหญ่ที่สุดในมหาสมุทรแล้ว
ตอนจากไปครั้งก่อน พวกแมงกะพรุนยังมีพลังชีวิตเต็มเปี่ยม ห้าวหาญอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ไม่ว่าจะปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะ ปลากะพงญี่ปุ่น หรือปลาทะเลตัวแบน หากได้เข้าไปในหนวดของมันแล้วก็คือตายสถานเดียว
แต่ว่าในตอนนี้ แมงกะพรุนยักษ์ตัวนี้กลับไม่ได้มีพลังชีวิตมากขนาดนั้นแล้ว แสงที่ส่องสว่างอยู่บนตัวกลายเป็นสีอึมครึมไร้ซึ่งความสว่าง หนวดที่มีกว่าพันข้างนั้นว่ายอยู่ในน้ำอย่างไร้เรี่ยวแรง แม้ว่าจะมีการขยับเป็นพักๆ แต่นั่นกลับเหมือนกับเป็นการกระตุกเสียมากกว่า
ใต้ร่มของแมงกะพรุนตัวนี้ คือเฮยป้าหวัง ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องและฉลามขาวยักษ์อีกหลายตัว พวกมันว่ายวนเวียนอยู่บริเวณที่หนวดเอื้อมถึงอย่างไม่สบอารมณ์ เห็นได้ชัดว่าอยากจะได้รับสารพิษเพื่อมากระตุ้นต่อมสนุกกัน
ก่อนหน้านี้ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องที่ว่ายเข้าๆ ออกๆ ตอนนี้ทำแบบเดียวกับเฮยป้าหวัง ก็คือหยุดพักอยู่ข้างในยาวเลย แต่ความสนุกที่ตามมานั้นกลับมีน้อยจนน่าสงสาร แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องปกติมาก แมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้ใกล้จะจบเห่แล้ว!
รูปร่างใหญ่โตก็หมายถึงการใช้พลังงานที่มากมาย ฉินสือโอวรู้ แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือจำเป็นต้องล่าอาหารตลอดเพื่อเติมเต็มพลังงานที่เสียไป แมงกะพรุนตัวนี้ คิดว่าคงหิวนั่นแหละถึงได้มีสภาพน่าเวทนาอย่างนี้
ว่าไปแล้วแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือตัวนี้ก็ซวยเหมือนกันนะ ที่จริงการที่ร่างกายของมันเปล่งแสงออกมาก็เพื่อดึงดูดให้พวกปลากุ้งที่ชอบไล่ตามแสงเข้ามาติดกับ แล้วกินพวกมันเป็นอาหาร แต่ทว่ามีพวกเฮยป้าหวังและฉลามเจ็ดพี่น้องนักเลงอยู่ที่นี่แบบนี้ ปลากุ้งที่ไหนล่ะจะกล้าเข้าใกล้?
และเมื่อพวกปลากุ้งไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้ ทำให้แมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้ไม่สามารถล่าอาหารได้ ไหนจะพวกเฮยป้าหวังที่มุดอยู่ในหนวดของมันอีก มันไม่มีสมอง ไม่รู้จักการจากไปหรือหลบหลีก เมื่อถูกกระตุ้นแล้วก็ใช้หนวดทิ่มไปที่พวกมันไม่หยุด เพื่อเป็นการปล่อยสารพิษออกไป
การผลิตสารพิษของแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือเป็นกระบวนการที่ใช้ทรัพยากรและพลังงานเป็นอย่างมาก เมื่อพวกมันทำการปล่อยสารพิษออกไปไม่หยุดแต่กลับไม่สามารถเติมพลังงานได้ การที่ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้วหิวจนกลายเป็นสภาพแบบนี้จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย
แมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้ไม่จำเป็นต้องถูกเก็บกวาดแล้ว ไม่นานมันต้องตายอย่างแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้นจะมีพวกปลากุ้งมาจัดการมันเอง
ฉินสือโอวไปดูแมงกะพรุนขนสิงโตตัวอื่น เฮยป้าหวังและฉลามเจ็ดพี่น้องที่รับรู้ถึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ก็สะบัดหัวสะบัดหางว่ายตามไปด้วย
พวกมันไม่สามารถหาความสนุกจากแมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้ได้อีกแล้ว ดังนั้นจึงจากไปได้อย่างไม่ลังเล ความเลือดเย็นแบบนั้น ทำให้ฉินสือโอวอยากจะชมคำเดียวว่า สุภาพบุรุษผู้ได้เสียแล้วแยกทาง!
น่านน้ำแถบนี้ยังมีแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนืออีกเยอะ ฉินสือโอวเจอเข้ากับอีกตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นแบบนี้ พวกเฮยป้าหวังก็มุดเข้าไปต่ออย่างกระตือรือร้น และเริ่มแกล้งแมงกะพรุนตัวนี้ต่อ
ฉินสือโอวส่ายหัว จากนั้นเขาก็เห็นเงาของฉลามหางยาวตัวหนึ่ง ที่เขาสังเกตเห็นฉลามหางยาวตัวนี้ ที่จริงแค่เพราะรู้สึกคุ้นตาเท่านั้น แต่หลังจากจ้องไปสักพักแล้วก็พบว่า งานที่ฉลามหางยาวตัวนี้ทำอยู่นั้น ไม่ธรรมดาเลย
บทที่ 1304 กับดักแมงกะพรุน
ฉลามหางยาวตัวนี้กำลังทำอะไรล่ะ?
เห็นแค่ว่ามันกำลังสะบัดตัวส่ายหางอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ใต้ร่มของแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือตัวหนึ่ง ร่างกายอันเรียวยาวสะบัดไปมาสุดฤทธิ์สุดเดช จากนั้นก็สร้างกระแสน้ำขึ้นมา พัดไปที่ร่มของแมงกะพรุนขนสิงโต เพื่อเป็นการพัดมันออกไปอย่างช้าๆ
ความจริงตัวแมงกะพรุนขนสิงโตสามารถเคลื่อนไหวเองได้อยู่แล้ว มันใช้การหดตัวของภายนอกร่างกายรัดไปที่เครื่องใน เพื่อเปลี่ยนขนาดพื้นที่ด้านในร่างกาย แล้วพ่นน้ำในร่างกายออกมา จากนั้นก็ใช้วิธีการพ่นน้ำในการเคลื่อนไหวร่างกาย นี่ค่อนข้างคล้ายกับหมึกกล้วย ที่ต่างก็พึ่งการดีดตัวจากการพ่นน้ำในการเคลื่อนไหว
นี่คือวิธีที่พวกมันใช้ในการว่ายไปบนผิวน้ำ หากว่าต้องการจะว่ายไปข้างบนหรือข้างล่าง ก็จะพึ่งต่อมเฉพาะตัวหนึ่งที่อยู่ในร่างกาย ต่อมนี้สามารถผลิตคาร์บอนมอนอกไซด์ออกมา ให้ร่างกายพองขึ้นเพื่อดูดน้ำจนสามารถทำให้ลอยขึ้นมาได้
ตอนที่พวกมันอยากจะดำลงไป ก็จะปล่อยคาร์บอนมอนอกไซด์ออกมา หากว่าอยากจะลอยตัวอีก ก็จะทำการปล่อยออกซิเจนเข้าไปในถุงอากาศ ทำให้ลอยขึ้นไปได้อีกครั้ง
โดยทั่วไปแล้ว หลังจากที่พวกมันเลือกสถานที่ใดแล้ว ก็จะไม่เปลี่ยนที่อีก แต่จะทำการสยายหนวดออกไปเพื่อรอให้อาหารเข้ามาหาแทน เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงตอนที่พวกมันโดนศัตรูทำร้ายหรือไม่ก็เจอเข้ากับพายุใหญ่ จึงจะดำลงไปสู่ใต้ท้องทะเล หรือไม่ก็น่านน้ำแถบนี้ไม่มีอาหารแล้ว พวกมันจึงจะเปลี่ยนที่อยู่
แต่ว่าแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือนั้นตัวใหญ่เกินไป การย้ายที่ครั้งหนึ่งต้องใช้แรงมาก ดังนั้นจึงว่ายน้ำไม่ค่อยเก่ง และมักจะยืมแรงลม แรงคลื่นและกระแสน้ำเพื่อเปลี่ยนที่อยู่แทน
ตอนนี้ไม่มีคลื่นลมใหญ่ และไม่มีกระแสน้ำลึกที่แรงพอ แถมรอบตัวยังอุดมไปด้วยอาหารอีก เป็นธรรมดาที่แมงกะพรุนขนสิงโตพวกนี้จะไม่มีแรงผลักที่จะช่วยให้พวกมันย้ายที่
สิ่งที่ฉลามหางยาวตัวนี้กำลังพยายามทำอยู่นั้น ก็คือการสร้างแรงนั้นขึ้นมา มันสะบัดหางไปมาราวกับเป็นใบพัดเรือ เพื่อสร้างกระแสน้ำที่ถือว่ามีความแรงมากพอในอาณาเขตเล็กๆ เพื่อเป็นการขยับแมงกะพรุนขนสิงโตไปตามทิศทางที่มันกำหนดไว้
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตล้วนมีความเคยชินกันทั้งนั้น ยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำมากเท่าไรความเคยชินก็จะมากขึ้นเท่านั้น
แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือไม่มีสมองไม่มีไอคิว พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำมาก ดังนั้นเมื่อรู้สึกได้ถึงกระแสน้ำที่ฉลามหางยาวทำขึ้นมาแล้ว หลังจากพวกมันไหลไปตามกระแสน้ำสักพัก ก็จะว่ายต่อไปเองโดยอัตโนมัติ
แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือตัวนี้ก็เป็นแบบนี้ ตอนนี้มันได้เข้าสู่ภาวะการว่ายไปด้วยตัวเองแล้ว
ภายใต้การควบคุมของเซลล์เนื้อเยื่อตั้งแต่ด้านบนสุดของผิวภายนอกจนถึงปลายสุดของร่ม ทำให้อวัยวะภายในของพวกมันบีบและพองตัวไม่หยุด เมื่ออวัยวะพองโต กระแสน้ำจะค่อยๆ ถูกดูดเข้าไป จากนั้นอวัยวะจะหดอย่างรวดเร็ว เพื่อบีบกระแสน้ำออกจากอวัยวะภายใน แรงผลักที่เกิดขึ้นจากการพ่นน้ำนั้นก็จะทำให้มันสามารถเคลื่อนที่ได้
แต่ว่า ร่างกายของมันใหญ่โตเกินไป แรงผลักแบบนี้ถือว่าค่อนข้างน้อย ความเร็วในการเคลื่อนที่จึงค่อนข้างช้า
ฉลามหางยาวรออยู่อย่างใจเย็น แถมยังพยายามสุดฤทธิ์ในการทำให้แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือตัวนี้เคลื่อนที่ ฉินสือโอวไม่รู้ว่ามันอยากทำอะไร จึงมองดูอยู่ข้างๆ อย่างแปลกใจ
ความตื้นตันที่เขามีให้ฉลามหางยาวตัวนี้มีมากมาย เจ้าหมอนี่ดูเหมือนจะไอคิวไม่ต่ำเลย อย่างเช่นครั้งที่แล้วที่มันวางแผนให้คราเคนกับแมลงยักษ์สีดำต่อสู้กันก็ด้วย หากไม่ใช่เพราะฉินสือโอวเข้าไปช่วย เห็นทีตอนนี้คราเคนคงถูกฆ่าตายไปแล้ว
หรือก็คือว่า หมึกยักษ์ที่ไร้เทียมทานของมหาสมุทร เกือบจะถูกฉลามหางยาวตัวหนึ่งฆ่าตายนั่นเอง นี่มันช่างเป็นสีสันแห่งความมหัศจรรย์เสียจริง!
เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง หลังจากที่แมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้ขยับไปได้สี่ห้ากิโลเมตรแล้ว ฉลามหางยาวก็จากไป จากนั้นความเร็วในการเคลื่อนที่ของมันก็จะลดลง เพราะมันไม่รู้สึกถึงกระแสน้ำแล้ว มันจึงไม่ว่ายต่อให้เป็นการเสียพลังงานร่างกายไปเปล่าๆ
หลังจากฉลามหางยาวจากไปแล้วฉินสือโอวก็อยากกลับด้วยเหมือนกัน เขานึกว่าฉลามหางยาวตัวนี้แค่อยากเล่นเท่านั้น แต่ว่าพอจิตสำนึกแห่งโพไซดอนจากไปได้ระยะหนึ่งแล้วหันกลับไปมอง เขากลับสังเกตเห็นถึงจุดที่แปลกประหลาดเข้า
ตำแหน่งที่แมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้อยู่นั้นพิเศษมาก มันอยู่ในฝูงแมงกะพรุนขนสิงโต บนล่างซ้ายขวายังเต็มไปด้วยแมงกะพรุนขนสิงโตตัวใหญ่อีกเจ็ดแปดตัว การที่แมงกะพรุนพวกนี้หยุดอยู่ในน้ำแบบนีเหมือนกับว่าพวกมันครอบคลุมน่านน้ำแถบนี้ไปเลย
ฉินสือโอววิเคราะห์อยู่สักพัก ก็มีความคิดหนึ่งค่อยๆ ผุดขึ้นมา ฝูงแมงกะพรุนพวกนี้ ดูเหมือนเป็นกับดักเลย
แล้วที่ฉลามหางยาวทำกับดักนี้ขึ้นมาเพื่อใครกันล่ะ? รู้ตัวอีกที ฉินสือโอวก็นึกถึงคราเคนขึ้นมา
จริงตามนั้น ประมาณสิบกว่านาทีหลังจากนั้น ฉลามหางยาวก็ว่ายกลับมาด้วยความรวดเร็ว ส่วนจุดที่ไม่ไกลด้านหลังของมัน ปีศาจยักษ์ขนาดมหึมาผิวสีแดงก่ำกำลังไล่ตามมาอย่างโกรธเคือง คราเคนออกมาแล้ว!
หางของฉลามหางยาวสะบัดไปมาอย่างรวดเร็ว มันเป็นราวกับธนูที่แหลมคม ที่พุ่งไปด้านหน้าแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนืออย่างรวดเร็วจนไม่มีใครได้ทันตั้งตัว จากนั้นก็พุ่งเข้าไปข้างใน!
ระหว่างแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือนั้นมีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่ กับดักอันนี้ไม่ถือว่ามิดชิดนัก ฉลามหางปลาก็ใช้ช่องว่างพวกนี้ให้เป็นประโยชน์ มันว่ายผ่านเข้าไปข้างในจนทะลุฝูงแมงกะพรุนออกมา แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด
เป็นการเดินผ่านหมู่ดอกไม้นับหมื่น แต่กลับไม่มีใบไม้ติดตามตัวมาเลยจริงๆ! ฉินสือโอวพูดได้เพียงคำเดียวว่า ท่านชายฉินยอมแล้ว!
คราเคนไล่ตามอยู่ข้างหลังอย่างหัวเสีย หนวดของมันถือกระบองฟันหมาป่าที่หนักอึ้งอยู่ ดังนั้นแม้ว่าความเร็วจะไม่ช้า แต่ก็ยังไล่ฉลามหางยาวไม่ทัน
โดยเฉพาะกับฉลามหางยาวที่เจ้าเล่ห์เป็นพิเศษตัวนี้แล้ว ที่พอคราเคนใกล้เข้ามาแล้วมันก็รีบโค้งเปลี่ยนทิศทาง พอดีกับที่การโค้งเป็นเหมือนจุดบอดของคราเคนอีก
หลังจากพุ่งเข้าไปในฝูงแมงกะพรุนขนสิงโตแล้ว คราเคนรับรู้ได้ถึงอันตรายจึงอยากจะหยุด
แต่ว่าสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลล้วนมีความเคยชินในการเคลื่อนที่ คราเคนมีร่างกายที่ใหญ่โตมาก ทำให้ความเคยชินมากขึ้นไปด้วย ตอนที่มันอยากจะหยุดนั้นก็สายไปเสียแล้ว สุดท้ายก็ยังคงมุดไปอยู่ในตัวแมงกะพรุนยักษ์อยู่ดี
ระหว่างแมงกะพรุนขนสิงโตมีช่องว่าง แต่ช่องว่างนี้ต้องดูด้วยว่าใช้กับใคร สำหรับฉลามหางยาวนั้นมันคือช่องว่าง แต่สำหรับคราเคนที่ตัวใหญ่มหึมาแล้ว ไม่ได้มีความหมายอะไรทั้งนั้น
ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะกัน แมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้รีบสะบัดหนวดทุกเส้นเพื่อโจมตีคราเคน
คราเคนก็ใจกล้าสุดฤทธิ์ จะงัดก็งัด จะสู้ก็สู้ อย่างข้าจะกลัวพวกอ่อนอย่างแกเหรอ?
คำเดียว ไม่ยอมความก็แค่สู้!
คราเคนยื่นหนวดสองเส้นที่ยาวที่สุดออกมา สะบัดไปโดนหนวดของแมงกะพรุนขนสิงโตแล้วฟาดฟันกันขึ้นมา นอกเหนือจากนี้มันยังใช้กระบองฟันหมาป่าในมือโจมตีออกไปด้วย ฟาดไปโดนร่มของแมงกะพรุนขนสิงโตจนฉีกออกเป็นแผลใหญ่
การที่แมงกะพรุนยักษ์ไม่ขาดน้ำ ทำให้พลังชีวิตแข็งแรงมาก พวกมันไม่มีสมองไม่มีหัวใจ แทบจะพูดได้ว่าไม่มีจุดบอดเลย สิ่งมีชีวิตใดที่อยากจะฆ่าพวกมัน ทำได้เพียงแต่กลืนมันไปทั้งตัว เหมือนกับเต่ามะเฟือง
แต่วิธีการแบบนี้ใช้ได้กับแค่แมงกะพรุนตัวเล็กเท่านั้น สำหรับแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือที่สยายหนวดออกไปได้กว่าหลายสิบเมตรแล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นปีศาจยักษ์ที่แท้จริงของทะเลทางตอนเหนือแล้ว ไม่มีทางกลืนลงไปทั้งตัวได้นี่นา
และเพราะไม่สามารถกลืนพวกมันได้ ทำให้ได้แค่สู้กับพวกมันเท่านั้น
ฉินสือโอวเข้าใจแผนการของฉลามหางยาวแล้ว เจ้าหมอนี่ฉลาดเป็นกรดเสียจริง หรือจะบอกว่ามันใจสกปรกเกินไปดี ที่วางกับดักแบบนี้มาทำร้ายคราเคนได้
ครั้งนี้ก็ยังคงเป็นการนั่งดูการต่อสู้อยู่ห่างๆ อีกเช่นเคย คราเคนถูกล่อให้มาสู้กับแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือ แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือหนึ่งตัวอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคราเคน เพราะว่าความสามารถในการต้านพิษของคราเคนนั้นแข็งแกร่งมาก
แต่ว่า รอบๆ ก็ยังมีแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนืออีกถึงเจ็ดแปดตัวนี่…
สไตล์การต่อสู้ของคราเคนเป็นการต่อสู้แบบรวดเร็วราวสายฟ้า และรุนแรงดั่งพายุ หลังจากถูกแมงกะพรุนขนสิงโตตัวแรกรัดไว้แล้ว ก็เริ่มพามันว่ายไปทั่วทั้งสี่ทิศ การลอยไปแบบนี้ทำให้ไปเจอเข้ากับแมงกะพรุนขนสิงโตตัวที่สอง และแน่นอนว่าก็ถูกรัดไว้อีก…
การที่คราเคนพลิกตัวไปมาไปทั่ว จะทำให้ไปพันเข้ากับแมงกะพรุนขนสิงโตตัวอื่นอีก เมื่อเป็นแบบนี้ก็จะยิ่งพันยิ่งเยอะ ปริมาณมากกว่าทำให้สถานการณ์เปลี่ยน สถานการณ์ของมันจึงยิ่งอยู่ยิ่งอันตราย
ฉลามหางยาวว่ายอยู่ไกลๆ อย่างสบายใจ แล้วมองดูฉากนี้อยู่เงียบๆ เหมือนกับนักฆ่าคนหนึ่ง ที่หาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ แล้วก็จัดการให้จบในทีเดียว!
บทที่ 1305 แข่งสมองแข่งความกล้าหาญ
ใต้ทะเลโกลาหลในชั่วพริบตา
ร่างอันใหญ่โตของคราเคนเผยท่าทีราวกับพร้อมจะทำลายทุกสรรพสิ่ง แล้วพุ่งเข้าไปในกับดักแมงกะพรุน ส่วนแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือก็ทำการปิดล้อมมันเข้าไปทีละตัวๆ ปิดการเข้าออกทุกทาง
พวกเฮยป้าหวังและฉลามเจ็ดพี่น้องที่อยู่ไกลๆ ยังรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของน้ำทะเล พวกมันว่ายเข้าไปอย่างแปลกใจ ทันใดดวงตาก็ได้เบิกโพลงขึ้นมา เฮ้ย เกิดสงครามโลกขึ้นมาแล้วเหรอ?
การสู้กันในระยะประชิดของคราเคนและแมงกะพรุนขนสิงโตยิ่งทำให้ฝูงปลารอบๆ รีบพากันหนีเอาชีวิตรอด การที่ประตูเมืองไฟไหม้จะส่งผลไปถึงปลาในสระ เทพต่อสู้กันก็ลำบากไปถึงผีน้อย พวกมันสองตัวไม่เป็นไร แต่หากว่าดึงปลาตัวอื่นเข้าไปด้วยแล้วล่ะก็ งั้นก็คือตายสถานเดียว!
แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือก็คงไม่อยากต่อกรกับคู่ต่อสู้อย่างคราเคนหรอก แต่หลักๆ คือมันไม่มีสมอง และเป็นเพราะคราเคนเองที่เข้าไปพัวพันก่อน พวกมันน่ะเป็นผู้บริสุทธิ์ เห็นภาพนี้แล้ว ฉินสือโอวพูดได้เพียงประโยคเดียวว่า คนท่องไปในยุทธภพ ใครบ้างที่จะไม่โดนคมมีด?
แต่ว่าแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือก็ไม่ใช่พวกที่ต่อกรได้ง่ายเหมือนกัน พวกมันมีร่างกายที่ใหญ่โตมหึมา แม้ว่าบนร่างกายจะไม่มีกล้ามเนื้อทำให้ไม่มีความสามารถในการจู่โจมทางฟิสิกส์ได้ แต่การที่มีขนาดตัวที่ใหญ่ขนาดนั้นไปพันคราเคนเอาไว้ ก็เพียงพอให้คราเคนเจ็บปวดได้แล้ว
คราเคนหมุนตัวไปมาในน้ำอย่างบ้าคลั่ง ทำให้มันรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาในไม่ช้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสารพิษของแมงกะพรุนขนสิงโตออกฤทธิ์แล้วหรือเปล่า กล้ามเนื้อของมันเริ่มชาขึ้นมา พลังชีวิตก็แย่ลงเรื่อยๆ
ฉินสือโอวไม่ได้ร้อนรนอะไร และไม่ได้เข้าไปช่วยด้วย จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล เขารู้ว่าเรื่องไม่ได้ง่ายอย่างนี้หรอก
ฉลามหางยาวว่ายไปมาอยู่รอบๆ ด้วยความสบายใจ หลังจากเห็นคราเคนค่อยๆ หมดแรงแล้ว มันก็ว่ายเข้าไปหาอย่างช้าๆ อ้าปากกว้างเผยให้เห็นฟันอันแหลมคม สายตาจับจ้องไปที่หนวดที่หมดแรงจนร่วงลงไปของคราเคน ส่วนจุดประสงค์นั้นไม่บอกก็รู้
ทำให้บาดเจ็บสิบนิ้วไม่เท่าทำให้ขาดเพียงนิ้วเดียว!
เห็นได้ชัดว่าฉลามหางยาวคิดจะโจมตีคราเคน แต่มันไม่ได้รีบร้อนโจมตีไปที่หัวซึ่งเป็นอวัยวะจุดสำคัญ แต่คิดจะทำลายหนวดของคราเคนข้างหนึ่งแทน
มันไม่ได้คิดจะแหย่คู่ต่อสู้เหมือนกับแมวเล่นกับหนู แต่นี่คือความรอบคอบของมัน ก่อนที่จะทำลายหนวดของคราเคนได้หมด มันจะไม่รีบร้อนจู่โจมไปที่จุดอ่อนของคราเคนเด็ดขาด
ฉลามหางยาวค่อยๆ เข้าไปใกล้ พอเข้าใกล้ได้ระยะประมาณสี่ห้าสิบเมตรแล้ว หางที่ส่ายไปมาของมันจึงเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่ตรงเป็นเส้นตรงฝ่าลมโต้คลื่นออกไป ราวกับตอร์ปิโดที่ปล่อยออกไป พุ่งทะยานไปยังตำแหน่งที่คราเคนอยู่
ฉินสือโอวตื่นตัวขึ้นมา จ้องไปที่ฉากนี้อย่างไม่ละสายตา
เมื่อเห็นว่าฉลามหางยาวพุ่งมาถึงด้านหน้าของหนวดของคราเคนแล้ว คราเคนที่ร่อแร่อยู่ก็เบิกตาที่ก่อนหน้านี้หยีไว้เพราะหมดแรงขึ้นมา ส่วนหนวดที่ร่วงลงไปเส้นนั้นก็ดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ถือกระบองฟันหมาป่าแล้วฟาดไปที่ฉลามหางยาว!
กลยุทธ์หลอกล่อศัตรู คราเคนได้แสดงให้เห็นถึงไอคิวที่สูงที่ไม่แพ้กันให้กับของฉลามหางยาวออกมา
ฉลามหางยาวอยากจะทำลายหนวดหนึ่งเส้นของคราเคน แต่คราเคนกลับอยากทุบหัวของมันให้ละเอียด เพื่อเป็นการฆ่าให้ตายในคราเดียว!
แต่ฉลามหางยาวได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักหนีเอาชีวิตรอดตัวยงในมหาสมุทร หางอันยาวนั้นสามารถให้แรงที่ดีได้ ทำให้มันมีความคล่องตัวที่ดีที่สุดในหมู่ฉลามด้วยกัน
หางสะบัดไปมาอย่างรวดเร็วราวกับใบพัดเรือ ฉลามหางยาวบิดตัวราวกับบินครั้งหนึ่ง ในตอนนี้กระบองฟันหมาป่าของคราเคนฟาดมาถึงตรงหน้ามันแล้ว แต่มันกลับบิดตัวหลบหลีกกระบองฟันหมาป่าที่ฟาดลงมาได้อย่างเหลือเชื่อ
แต่ว่าหนวดของคราเคนอยู่ใกล้กับมันมาก เพื่อที่จะซุ่มโจมตีมัน คราเคนลงแรงไปมาก ท่าไม้ตายแบบนี้ มีเหรอจะให้ฉลามหางยาวหลบไปได้ง่ายๆ อย่างนี้?
แม้ว่ากระบองฟันหมาป่าจะฟาดไม่โดนฉลามหางยาวก็จริง แต่หนวดที่คล่องแคล่วราวกับงูของคราเคนก็ถือโอกาสแตะไปบนตัวของฉลามหางยาว จากนั้นจานดูดก็เริ่มทำงาน ทำการจับฉลามหางยาวไว้ในเงื้อมมือ
ฉลามหางยาวมีความยาวแค่สี่ห้าเมตร เมื่ออยู่ในหนวดของคราเคนที่มีความยาวถึงยี่สิบกว่าเมตรแล้วก็เหมือนกับปลาตัวเล็กตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่าจะดิ้นรนเพียงใด ก็ไม่สามารถหนีออกมาได้
นอกเสียจากว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นฉลามหางยาวตัวนี้ต้องตายอย่างแน่นอน บนหนวดของหมึกยักษ์นั้นเต็มไปด้วยจานดูดทรงกลม ตรงขอบของจานดูก็มีสีเขียวเล็กๆ เป็นวงอยู่ นี่คืออาวุธที่ร้ายกาจมากอย่างหนึ่ง หลังจากรัดตัวเหยื่อไว้แล้ว สามารถดูดเนื้อบนตัวออกมาได้
หนวดเส้นหนึ่งจับตัวฉลามหางยาวไว้ หนวดอีกเก้าเส้นของคราเคนก็ออกตัวไปพร้อมกัน เพื่อเป็นการใช้กระบวนท่า พายุหมุนกระบองหมาป่า!
เห็นเพียงแค่หนวดเก้าเส้นหมุนไปมา หมุนตัวอย่างต่อเนื่อง แมงกะพรุนที่พันอยู่รอบๆ ตัว ต่างก็ถูกฉีกให้ขาดเป็นชิ้นๆ แบบนี้แล้วถึงแม้ว่าพลังชีวิตพวกมันจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็คงตายจนตายอีกไม่ได้แล้ว!
ฉลามหางยาวสิ้นหวังไปในทันที!
การต่อสู้ครั้งนี้ทำเอาฉินสือโอวประทับใจอย่างมาก การยืมมือคนอื่นฆ่าของฉลามหางยาว การทำทีว่าอ่อนแอเพื่อจะจัดการศัตรูของคราเคน ทั้งสองฝ่ายสู้กันทางสมองและความกล้าหาญ ความสามารถที่แสดงออกมานี้ไม่มีตรงไหนที่ทำให้คนรู้สึกว่านี่คือสิ่งมีชีวิตไอคิวต่ำของมหาสมุทรเลย
ฉลามหางยาวแบบนี้จะตายไม่ได้ ฉินสือโอวรู้สึกว่านี่แหละคือกุนซือมือสกปรกระดับสูงของมหาสมุทร หากตายไปแล้วคงน่าเสียดายมาก เขาควบคุมให้คราเคนคลายหนวดออก ฉลามหางยาวจึงรอดจากความตาย รีบมุ่งหน้าขึ้นไปบนผิวน้ำอย่างบ้าคลั่ง
การตัดสินใจของมันถูกต้องมาก แม้ว่าคราเคนจะสามารถออกไปที่ทะเลน้ำตื้นได้ แต่กลับไม่สามารถเป็นอิสระได้เหมือนมัน จำเป็นต้องเผื่อเวลาให้ปรับตัวก่อน และเวลาที่ใช้ในการปรับตัวนี้ ก็เพียงพอที่จะให้ฉลามหางยาวหนีไปได้แล้ว
ถูกคราเคนพันรัดไว้เพียงครู่เดียวเท่านั้น คราเคนยังไม่ได้ทันได้จู่โจมอะไรเลย บนตัวของฉลามหางยาวก็เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ผิวด้านนอกได้มีแผลเปิดมากมายปรากฏออกมาให้เห็น ส่วนบางจุดก็ถึงขั้นว่าเนื้อหายไปส่วนหนึ่งเลย
ทั้งหมดล้วนถูกจานดูรูปร่างเลื่อยจากหนวดของคราเคนดูดไปทั้งนั้น
ฉินสือโอวแผ่พลังให้กับฉลามหางยาวไปบางส่วน เพื่อรอดูการลงมือครั้งต่อไปของมัน หากว่าไม่ใช่เจ้าหมอนี่แล้วล่ะก็ เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าคราเคนเก่งกาจแค่ไหน
เขารู้สึกว่าต่อไปฉลามหางยาวจะนำเซอร์ไพรส์มาให้เขาได้อีก อย่างตอนแมลงยักษ์สีดำความจริงก็เป็นมันนี่แหละที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นมา
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนจากไป คราเคนกลับมาควบคุมร่างกายตัวเองได้อีกครั้ง มันหันหัวไปรอบด้านอย่างสงสัย เอ๋ อาหารที่อยู่ในมือล่ะ?
ฉลามหางยาวไม่อยู่แล้ว รูปร่างของฉลามขาวยักษ์และฉลามเสือที่คล้ายคลึงกันได้เข้ามาในสายตาของมันแทน
คราเคนใช้ดวงตาคู่โตที่แผ่รังสีอำมหิตจ้องไปที่เจ้าพวกนี้ แม้จะเป็นเฮยป้าหวังที่ชอบวางมาดก็ยังตกใจจนฉี่ราด มันรีบหันหัวหนีไปทันที ต้องถูกเห็นว่าเป็นอาหารแล้วทำให้ตายแน่เลย!
พอหันหัวแล้วเฮยป้าหวังค่อนข้างแปลกใจ ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องที่ตัวเล็กขนาดนั้น ยังชิงหนีไปก่อนเลย แถมความเร็วยังเร็วอย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย
แหมน้องชายนี่เป็นมือดีในด้านการหนีเอาชีวิตรอดเลยแฮะ พี่เฮยนับถือๆ เฮยป้าหวังทอดถอนใจ
ไม่หรอกๆ ไม่ใช่อะไร ก็แค่ทำจนชินแล้วเท่านั้น มันเดย์ถ่อมตัว
ให้ตายรีบหนีเอาชีวิตรอดเถอะ ยังจะมาวางมาดตรงนี้อีกทำไมกัน? มันเดย์ด่าออกไปอย่างเหยียดหยามทีหนึ่ง
น้องชายท่านนี้พูดไม่ถูกนะ พี่เฮยท่องยุทธภพพึ่งได้ก็แต่ความใจกล้านี่แหละ อีกอย่างตระกูลฉลามขาวยักษ์ของฉันก็เกรี้ยวกราดไม่เป็นรองใคร เหตุใดต้อง เฮยป้าหวังหันหลังกลับไปมองทีหนึ่ง คราเคนคาบชิ้นส่วนของแมงกะพรุนไล่ตามพวกมันมาจากข้างหลัง เฮ้ยให้ตายสิ มันตามมาจริงๆ เหรอ? ซวยแล้ว รีบวิ่งกันเถอะ!
คราเคนไล่ฉลามขาวยักษ์กับฉลามแมวเจ็ดพี่น้องออกไปได้แล้ว ก็หยุดลง แล้วเริ่มกินแมงกะพรุนขนสิงโตอย่างค่อยเคี้ยวค่อยกลืน
เห็นภาพนี้แล้ว สิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรทั้งหลายล้วนพากันถอยหลบไปหมด ถึงขั้นกินของอย่างแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเลยเหรอ? เหล่าพี่น้องพูดได้คำเดียวว่าพวกเราฝูงปลายอมแล้ว!
คราเคนทำท่าทางว่านี่นับประสาอะไร? ตระกูลหมึกยักษ์อย่างฉันกินอาหารทุกอย่าง อย่าว่าแต่แมงกะพรุนขนสิงโตเลย แม้แต่ของที่แย่กว่านี้ก็เคยกินมาแล้ว!
ที่มันไล่ฝูงฉลามขาวยักษ์กับฉลามแมวออกไป ก็เพราะอยากจะครอบครองน่านน้ำแถบนี้ สำหรับมันแล้ว แมงกะพรุนขนสิงโตพวกนี้เพียงพอให้มันไม่ต้องออกล่าอาหารไปได้อีกสักพักหนึ่งเลย…
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น