ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1290-1309

 ตอนที่ 1290 ระเบิดพลีชีพ


เหมยเหมยกับเหยียนซินหย่าเพิ่งวิ่งออกนอกปากถ้ำก็มีเสียงหนึ่งแว่วมา “คิดจะหนีเหรอ? ฝันไปเถอะ!”


อู่เยวี่ยกลับปรากฏตัวที่ปากประตูถ้ำโดยแค่นหัวเราะยืนกอดอกมองพวกเธอ


เหมยเหมยกัดฟันกล่าวต่อเหยียนซินหย่าว่า “แม่รีบวิ่งเร็ว!”


เธอผลักเหยียนซินหย่าออกแล้วพุ่งเข้าหาอู่เยวี่ยเพียงลำพัง เหอปี้อวิ๋นยังยืนห่างจากพวกเธอระยะหนึ่ง เธอต้องรีบทำเวลาแค่ควบคุมตัวอู่เยวี่ยไว้ได้เหอปี้อวิ๋นก็ไม่กล้าดึงสายระเบิดแล้ว


“แม่…เหยียนซินหย่าหนีไปกับซ่างกวนอิงหัวแล้ว!” จู่ๆ อู่เยวี่ยก็ตะโกนเสียงดัง


เหอปี้อวิ๋นหันควับกลับมาเห็นเหยียนซินหย่าที่โดนเหมยเหมยผลักให้พ้นตัวที่ห่างหลายเมตรพอดี พลันดวงตาก็ฉายแววเยือกเย็น “คิดจะแย่งผู้ชายของฉันอีกแล้ว…ไปตายซะ!”


สุดท้ายทั้งเหมยเหมยและเหยียนซินหย่าก็ไม่มีใครหนีพ้น ไม่ใช่ว่าสู้อู่เยวี่ยไม่ได้แต่เหอปี้อวิ๋นที่เอาระเบิดพันตัวไว้มันน่ากลัวเกินไปจริงๆ เธอไม่กล้ายุแหย่เหอปี้อวิ๋นไปมากกว่านี้


ส่วนระเบิดเป็นของจริงหรือปลอมนั้นเหมยเหมยคิดว่าน่าจะเป็นของจริง เพราะอู่เยวี่ยรักษาระยะห่างกับเหอปี้อวิ๋นอยู่ราวสิบกว่าเมตรตั้งแต่ต้น เช่นนี้แล้วหากระเบิดเธอจะได้หนีทัน


อู่เยวี่ยตบหน้าเหมยเหมยแรง ๆหลายที เห็นเลือดไหลจากมุมปากของอีกฝ่าย เธอก็รู้สึกสะใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้


ผ่านไปหลายปี ในที่สุดเธอก็ได้เอาคืนสักที!


เดี๋ยวเปลี่ยนไปอยู่อีกที่เธอค่อยทรมานนางแพศยาจ้าวเหมยนี่ให้สาสม!


ทางนี้ไม่ปลอดภัย คนของเฮ่อเหลียนเช่อเองก็ใกล้ตามมาแล้ว นึกถึงเหมยซูหานที่นอนอยู่โรงพยาบาลอู่เยวี่ยก็นึกขุ่นเคือง ความแค้นที่มีต่อจ้าวเหมยก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว


ใต้ตีนเขามีรถตู้คันหนึ่งจอดอยู่ซึ่งอู่เยวี่ยเป็นคนขับมาเอง ช่วงนี้เธออยู่บ้านไม่มีอะไรทำเลยฝึกขับรถเอง ตอนนี้เอามาใช้ประโยชน์ได้พอดี


หลังขึ้นรถไปอู่เยวี่ยก็ถอดสายระเบิดบนตัวเหอปี้อวิ๋นออก ระเบิดพวกนี้เธอเป็นคนมัดติดตัวเหอปี้อวิ๋นเองกับมือ ส่วนระเบิดเธอฝากคนไปซื้อแถวบ้านนอก ชาวบ้านที่นั่นจำนวนไม่น้อยมีระเบิดไว้ในครอบครอง ยุคสมัยนี้ไม่มีกฎควบคุมระเบิดที่เข้มงวดนักแค่จ่ายเงินก็ซื้อได้แล้ว


ส่วนประกอบระเบิดได้อย่างไรสำหรับอู่เยวี่ยแล้วไม่ใช่เรื่องยาก แค่หาตำราคู่มือที่เกี่ยวข้องมาศึกษาเสียหน่อย สำหรับอดีตนักเรียนเรียนดีอย่างเธอมันไม่ยากเลยแม้แต่น้อย


ระเบิดถูกอู่เยวี่ยปลดออกรวมถึงสายระเบิดที่โดนถอดสายออกไป แบบนี้ข้างในรถถึงปลอดภัย เห็นว่าชีวิตแสนสบายของเธอจวนจะมาถึงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องหาเรื่องตายไปพร้อมกับจ้าวเหมย!


เหมยเหมยกับเหยียนซินหย่าโดนอู่เยวี่ยทุบจนสลบหมดสติ ไม่นานรถยนต์ขับเคลื่อนมาถึงโรงงานร้างแห่งหนึ่งแถบชานเมือง อาคารโครงเหล็กสร้างด้วยก้อนอิฐแดง อาณาบริเวณขึ้นเต็มไปด้วยต้นหญ้าซึ่งไม่รู้ว่าร้างมากี่ปีแล้ว


ทางพี่เสือที่รู้ว่าผู้หญิงในโรงพยาบาลไม่ใช่เหอปี้อวิ๋นก็ได้รับข้อความจากเหมยเหมยอีกฉบับ จึงรู้ว่าเกิดเรื่องกับเหมยเหมยแล้ว เขาพาลูกน้องหลายคนมุ่งสู่ภูเขาเฟิ่งหวงซาน หากเหมยเหมยเป็นอะไรไปเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอเหยียนหมิงซุ่น


ทางฝั่งเฮ่อเหลียนเช่อเองก็กำลังตามหาเหอปี้อวิ๋น หลังเหมยซูหานฟื้นได้สติก็ถามถึงเหยียนซินหย่าจากเขา เฮ่อเหลียนเช่อยังมีกะจิตกะใจนึกถึงยาวิเศษอีกที่ไหนกัน คิดแต่อยากรีบตามเหยียนซินหย่ากลับมาจะได้ให้เหมยซูหานรักษาตัวได้อย่างสบายใจ


ทั้งสองฝ่ายต่างไปถึงภูเขาเฟิ่งหวงซานไล่ ๆกันและเจอกันโดยบังเอิญเลยชักปืนใส่กันในฉับพลัน ลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อกลับมีไหวพริบที่ดี ชิงเอ่ยก่อนว่าพวกเขามาตามหาเหยียนซินหย่า


“จุดประสงค์ของเราเหมือนกัน คนมากพลังก็มาก สงบศึกเป็นมิตรก่อนชั่วคราวเถอะ!”


พี่เสือไม่มีกะจิตกะใจต่อสู้กับพวกเขา พอเห็นว่าคนกลุ่มนี้กำลังตามหาคนจริง ๆ เลยไม่สนใจพวกเขาอีก ไม่นานพวกเขาก็พบสัญลักษณ์ที่เหมยเหมยทิ้งไว้ให้เลยเดินตามสัญลักษณ์พวกนี้มาจนถึงถ้ำที่พวกเธอเคยอยู่ก่อนหน้านี้


เพียงแต่เจ้าตัวกลับไม่อยู่แล้ว


………………………………………


ตอนที่ 1291 เหยียนหมิงซุ่นกลับมา


“คุณชายหมิง คุณหนูปรากฏตัวครั้งสุดท้ายที่ถ้ำภูเขาเฟิ่งหวงซาน ผมพบรอยล้อรถที่เชิงเขา รถมุ่งหน้าไปสู่เมือง ตอนนี้พวกเรากำลังสืบหาอยู่”


พี่เสือพาคนไปค้นหาบนภูเขาพบร่องรอยของรถตู้ที่เชิงเขา จึงยิ่งแน่ใจว่าแม่ลูกเหมยเหมยถูกจับตัวไป แต่เมืองจินใหญ่ขนาดนี้ ท่ามกลางฝูงชนมากมาย


ด้วยกำลังคนเพียงเล็กน้อยของเขา มันยากที่จะหาตัวเจอได้


เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโทรหาเหยียนหมิงซุ่น เรื่องนี้ปิดไว้ไม่ได้อีกแล้ว


และเขาต้องการลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นมาเป็นแรงหนุน ไม่อย่างนั้นยิ่งยื้อเวลาต่อไป เหมยเหมยก็จะยิ่งอันตราย


เหยียนหมิงซุ่นกำหมัดแน่น ไม่กี่วันก่อนเขาเพิ่งจะคุยกับเหมยเหมยทางโทรศัพท์ไปเอง แต่ตอนนี้กลับมาบอกเขาว่า เจ้าหญิงน้อยของเขาถูกคนลักพาตัวไป?


และอีกฝ่ายคือเหอปี้อวิ๋นที่มือเคยเปื้อนเลือดและสติไม่ดี!


หัวใจของเขาพุ่งขึ้นมาที่คอหอย กังวลว่าเหอปี้อวิ๋นจะทำอันตรายเหมยเหมย ผู้หญิงคนนี้โหดร้ายแค่ไหน ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้


เหยียนหมิงซุ่นบอกตัวเลขเป็นพรวนอย่างรวดเร็ว “นายไปติดต่อคนนี้ เขาจะช่วยนายหาคน ฉันจะกลับไปให้เร็วที่สุด”


เขาวางสายโทรศัพท์อย่างไม่ลังเล ตะโกนเรียกลูกน้องที่กำลังพักผ่อนอยู่อีกด้านว่า “ทั้งหมดรวมตัว หลัวหัวออกมา ผมขอแต่งตั้งคุณเป็นหัวหน้าทีมชั่วคราว พาพี่น้องกลับเมืองหลวงไปรายงานภารกิจที่สำเร็จลุล่วง”


“หัวหน้าทีม?”


สมาชิกในทีมทุกคนต่างตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าเหยียนหมิงซุ่นเป็นอะไร


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้อธิบายอะไรมาก งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าเขาจะอยู่ในทีมหรือไม่ก็ไม่มีผล แต่เหมยเหมยต้องการเขาเขาต้องกลับไป แม้ว่าเขาจะถูกเฮ่อเหลียนชิงลงโทษเขาก็ยอมทั้งนั้น


เฮ่อเหลียนเช่อก็ได้รับการตอบกลับจากลูกน้องเช่นกัน เขาอยู่กับเหมยซูหานที่โรงพยาบาลตลอด พวกลูกน้องมารายงานให้ฟัง แน่นอนว่าเหมยซูหานเองก็ได้ยินเช่นกัน เมื่อได้ยินว่าเหมยเหมยก็พลอยเกิดเรื่องไปด้วย ใบหน้าที่ซีดเซียวของเหมยซูหานก็ยิ่งไม่มีเลือดฝาด


“เป็นเพราะนาย…ถ้าหากจ้าวเหมยเป็นอะไรไป ชั่วชีวิตนี้ผมจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย……ผมมีชีวิตต่อไปไม่ได้แล้ว!”


เหมยซูหานตำหนิตัวเองอย่างหนัก เขารู้สึกว่าตัวเขาเองเป็นคนทำร้ายเหมยเหมย ในความฝันเหมยเหมยยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงได้ตายอย่างน่าเวทนา ตอนนี้กลับเป็นเพราะเขาถึงได้เผชิญกับอันตราย เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้างก็ยังไม่รู้


หรือว่าเขาเป็นดาวพิฆาตของเหมยเหมย?


ขอเพียงแค่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเขา เหมยเหมยก็จะไม่มีจุดจบที่ดี


เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกหึงหวงหนักมาก ถ้าหากเป็นตอนปกติเขาคงจะโมโหไปแล้ว แต่ตอนนี้มือของเหมยซูหานเพิ่งจะสมานติดกันกัน ด้วยนิสัยที่เป็นคนมุทะลุเฮ่อเหลียนเช่อกังวลจริง ๆว่าเหมยซูหานจะกรีดมือตัวเองอีก


นี่ก็ถือได้ว่าเป็นผลลัพธ์ที่เหมยซูหานพึงพอใจไม่น้อย เมื่อก่อนเขาติดตามเฮ่อเหลียนเช่อไปทุกที่ ถึงแม้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะชอบเขาแต่กลับไม่ค่อยใส่ใจอารมณ์ของเขาสักเท่าไร แต่คราวนี้เหมยซูหานเริ่มเด็ดขาดจึงปราบเฮ่อเหลียนเช่ออยู่หมัด ตั้งแต่นั้นมาต่อหน้าของเหมยซูห่นเขาก็ยอมเชื่อฟังคล้อยตามทุกอย่าง


“อย่าโมโหไปเลย ฉันจะให้คนไปตามหาจ้าวเหมย”


เฮ่อเหลียนเช่อเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล นึกถึงว่าเขาเป็นถึงคุณชายเช่อแต่โดนผู้หญิงโง่เง่านั่นหลอกเอาได้ เขาจึงอัดอั้นในใจเก็บไว้ไม่ได้อีกต่อไป แม้ว่าเหมยซูหานจะไม่โวยวายเขาก็ต้องหาตัวเหอปี้อวิ๋นมาทรมานอย่างช้าๆ ถึงจะสามารถระบายความโกรธนี้ได้


“คุณไปหาด้วยตัวเองเลย คนพวกนั้นเก่งสู้คุณไม่ได้…ฉันไม่ต้องการให้คุณมาดูแลหรอก คุณรีบไปพาพวกเขากลับมาเถอะ!”


คำพูดของเหมยซูหานทำให้เฮ่อเหลียนเช่อพึงพอใจและสงบสติลงได้ นี่ไม่ใช่เพราะว่าเขาเก่งที่สุดหรอกหรือ!


“ได้ ฉันจะไปหาเอง……”


มาถึงอาคารโรงงานไม่นานเหมยเหมยก็ได้สติ อู่เยวี่ยยังอยู่พูดคุยอยู่กับเหอปี้อวิ๋น เหยียนซินหย่าก็รู้สึกตัวแล้วเช่นกัน ส่งเสียงครวญครางด้วยคำเจ็บปวดทำให้แม่ลูกเหอปี้อวิ๋นตกใจ


“แม่…นังสารเลวสองคนนี้ฟื้นแล้ว แม่ระบายความแค้นได้เลย!” อู่เยวี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา


……………………………………………


ตอนที่ 1292 ยุแยงตะแคงรั่ว


เหมยเหมยอุทานในใจเพราะอู่เยวี่ยเกลียดเธอเข้ากระดูกดำ ตอนนี้ตกอยู่ในกำมือสองแม่ลูกโรคจิตคู่นี้ ยังไม่รู้ว่าจะทรมานเธอและเหยียนซินหย่าอย่างไรเลย!


“อู่เยวี่ย แกนี่มันสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จริง ๆหลอกใช้แม่ของแกครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นแกที่บงการแม่ตัวเองใช่ไหม? แล้วคดีครั้งก่อนที่ฆ่าพ่อเลี้ยงและพี่ชายของแก ทั้งหมดนี้แกจงใจวางแผนสินะ!”


สถานการณ์เบื้องหน้าคับขัน เหมยเหมยไม่สามารถคิดหาหนทางดี ๆได้ ทำได้แค่พยายามยุแยงตะแคงรั่วให้ไม่ลงรอยกัน ดูสิว่าจะทำให้เหอปี้อวิ๋นเคียดแค้นอู่เยวี่ยได้หรือไม่ ยื้อเวลาได้นานเท่าไรก็เท่านั้นแหละ


เดิมทีเหอปี้อวิ๋นกำลังเดินไปทางเหยียนซินหย่า หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเหมยเหมยก็พลันชะงัก สีหน้าท่าทางเหมือนจะลังเล


เหมยเหมยแอบดีใจ โชคดีที่ก่อนหน้านี้เธอเคยไปเยี่ยมหล่อนที่เรือนจำ เอารูปภาพพวกนั้นให้เหอปี้อวิ๋นดู มันเทียบเท่ากับการหว่านปลูกเมล็ดไว้ในหัวใจของเหอปี้อวิ๋น ตอนนี้งานของเธอก็คือทำให้เมล็ดนี้งอกเจริญเติบโต


“เหอปี้อวิ๋น คุณคิดให้ดี ๆนะ คุณดีกับอู่เยวี่ยขนาดนี้ ยอมทำเรื่องทารุณโหดเหี้ยมเพื่อเขากระทั่งยอมสละชีวิตตนเอง แต่อู่เยวี่ยตอบแทนคุณอย่างไรล่ะ? เธอจงใจหลอกล่อพ่อลูกตระกูลซ่ง จงใจให้คุณฆ่า ทำให้คุณถูกทรมานในคุก แต่เธอกลับไปใช้ชีวิตสุขสบายอยู่กับอู่เจิ้งซือ”


เหมยเหมยชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดไม่หยุด สีหน้าท่าทางของเหอปี้อวิ๋นเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วมองไปทางอู่เยวี่ยอย่างข้องใจ


อู่เยวี่ยที่โดนสะกิดเข้ากลางใจทั้งโกรธทั้งโมโห เธอพุ่งขึ้นไปเตะเหมยเหมยอย่างแรงสองสามที “อย่าพยายามมายุแยงความสัมพันธ์ของฉันกับแม่ แกอย่าได้คิดหวังเลย!”


อู่เยวี่ยเตะเข้าตรงท้องน้อย ลำคอมีกลิ่นคาวหวานปะแล่มพุ่งจ่อขึ้นมา เหมยเหมยอดกลั้นไว้ไม่ร้องสักแอะ


เธอจะไม่แสดงท่าทางอ่อนแอขี้แพ้ต่อหน้าอู่เยวี่ยเด็ดขาด!


ไม่มีทางไปตลอดชีวิต!


“เพราะฉันพูดถูกสินะแกถึงได้โมโห อู่เยวี่ยแกช่างใจดำจริง ๆ ครั้งก่อนทำร้ายจนแม่ต้องติดคุก ครั้งนี้ยังบงการให้แม่หนีออกจากคุกมาลักพาตัวทำร้ายคนอื่นอีก เหอะ…ข้อหามากมายขนาดนี้แม่แกโดนยิงร้อยครั้งก็ยังไม่พอเลย!”


เหมยเหมยอดทนต่อความเจ็บ พูดไปก็สังเกตสีหน้าเหอปี้อวิ๋นไปด้วย พอเห็นใบหน้าของเธอลังเลจึงมั่นใจมากขึ้น หากกลัวตายเช่นนี้ก็จัดการได้ง่ายหน่อย


“แกหุบปากเดี๋ยวนี้…หุบปาก…แม่ แม่อย่าไปฟังมันพูดซี้ซั้วนะ มันตั้งใจยุแยงตะแคงรั่วให้พวกเราแม่ลูกแตกคอกัน!”


อู่เยวี่ยเป็นพวกวัวสันหลังหวะ เดิมทียังรู้สึกผิดต่อเหอปี้อวิ๋นอยู่บ้าง เวลานี้โดนเหมยเหมยพูดจี้ใจดำไม่หยุด เธอจะอยู่เฉยได้เช่นไรเล่า ปรารถนาแค่ว่าจะฆ่าเหมยเหมยให้รีบ ๆตายไปเสียจะได้ไม่ต้องพูดต่อ


“ถ้าฉันพูดจาซี้ซั้วจริง ทำไมแกถึงต้องทำตัวเป็นวัวสันหลังหวะด้วยล่ะ? ใช่แล้ว……ฉันได้ยินมาว่าอู่เยวี่ยแกหาคู่หมั้นที่ยอดเยี่ยมได้ไม่ใช่หรือไง? แม้แต่พ่อของฉันซึ่งเป็นผู้นำในเมืองจินยังต้องโค้งคำนับให้!”


เหมยเหมยพนันได้เลยว่าเหอปี้อวิ๋นไม่รู้เรื่องนี้แน่นอน แล้วก็จริงดวงตาที่ขุ่นมัวของเหอปี้อวิ๋นเป็นประกายขึ้นมา มองไปทางอู่เยวี่ยอย่างคาดหวัง


“เยวี่ยเยวี่ย ลูกมีคู่หมั้นแล้ว? ผู้ชายทำอะไร? อายุเท่าไหร่? ใครแนะนำให้?”


เหอปี้อวิ๋นยิงคำถามใส่ระรัวจนอู่เยวี่ยรำคาญเกินจะทน แต่ตอนนี้เธอยังต้องใช้งานเหอปี้อวิ๋นอยู่ แน่นอนว่าไม่กล้าชักสีหน้าใส่ อดทนต่อความรำคาญและตอบกลับไปสองสามประโยคแบบคลุมเครือ


เหมยเหมยจงใจพูดแหย่ต่อ “อู่เยวี่ย คู่หมั้นของแกมีความสามารถมากขนาดนั้น ทำไมแกถึงไม่พาแม่ออกจากคุกมาเสวยสุขล่ะ? อู่เจิ้งซือพูดแล้วว่าคู่หมั้นของแกเป็นคนใหญ่คนโต คิดจะรับแม่แกออกมาคงเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยใช่ไหมล่ะ?”


เหอปี้อวิ๋นสีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง ว่าที่ลูกเขยของเธอเก่งขนาดนี้เลยหรือ? ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่หาทางช่วยเธอออกมาล่ะ?


เหมยเหมยพูดเสริมต่อไปอีก “หรือแกไม่รู้ว่าแม่แกใช้ชีวิตในคุกน่าอนาถกว่าหมาด้วยซ้ำ? ขนาดฉันเห็นยังปวดใจแทบแย่ แกเป็นลูกสาวแท้ ๆไม่ปวดใจบ้างเลยเหรอ? หรือว่าใจของเธอไม่อยากจะให้แม่ออกมาเพราะกลัวว่าแม่จะทำให้เธอขายขี้หน้า?”


เหอปี้อวิ๋นหน้าซีดเผือดมองไปทางอู่เยวี่ยอย่างดุดัน


…………………………………………..


 ตอนที่ 1293 ยุแยงตะแคงรั่วล้มเหลว


เพื่อยื้อเวลาเหมยเหมยจึงพูดเรื่อยเปื่อยตามอำเภอใจ ไม่สนว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ตราบใดที่สามารถทำให้เหอปี้อวิ๋นสงสัยอู่เยวี่ยได้ก็พอแล้ว


แต่เหมยเหมยไม่รู้ว่าการพูดเรื่อยเปื่อยตามอำเภอใจของเธอครั้งนี้ดันพูดถูกจุด ทุกประโยคทิ่มแทงกลางใจของอู่เยวี่ย และเพราะเหตุนี้อู่เยวี่ยถึงได้ตื่นตระหนกกลัวเหอปี้อวิ๋นจะสงสัยเธอ และกลัวว่าหล่อนจะไม่ทำดีต่อเธอและทำเพื่อเธออย่างสุดหัวใจอีกต่อไป


“แม่……”


อู่เยวี่ยพยายามปกปิดความตื่นตระหนกแล้วหันไปหาเหอปี้อวิ๋น น้ำเสียงที่แสนอ่อนโยน ทำตัวออดอ้อนเหมือนตอนเป็นเด็ก


จะมีใครรู้จักลูกดีกว่าแม่ แค่แวบเดียวเหอปี้อวิ๋นก็มองออกถึงความตื่นตระหนกของอู่เยวี่ย ความขมขื่นพาดผ่านเข้ามากลางใจขยายมาถึงดวงตา


เธออยากจะร้องไห้มาก แต่น้ำตาไหลจนเหือดแห้งตั้งแต่อยู่เรือนจำแล้ว


ลูกสาวของเธอ ลูกสาวที่เธอรักเหมือนชีวิต ตอนนี้เริ่มจะรังเกียจเธอแล้ว!


“เยวี่ยเยวี่ย……ทำไมลูกถึงต้องรังเกียจแม่? แม่ยังดีกับลูกไม่พออีกหรือ?” เสียงของเหอปี้อวิ๋นแหบแห้งจ้องอู่เยวี่ยเขม็ง


เธอจะไม่ยอม!


เธอทำดีต่อลูกสาวอย่างสุดหัวใจ ทำทุกอย่างเพื่อเธอ ทนรับความอัปยศอดสูแต่กลับไม่ได้รับความซาบซึ้งใจของอู่เยวี่ยกลับมาเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับได้รับความรังเกียจ เธอจะไม่แค้นเคืองได้อย่างไร!


เธอจะต้องถามให้รู้เรื่อง ไม่อย่างนั้นเธอคงนอนตายตาไม่หลับ!


เหอปี้อวิ๋นรู้ว่าตนเองอยู่บนเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับได้แล้ว ไม่มีโอกาสย้อนกลับได้อีกแล้ว เธอต้องเป็นผีที่เข้าใจในทุกเรื่อง!


อู่เยวี่ยโดนสายตาเย็นชาของเหอปี้อวิ๋นมองมาเช่นนั้นก็หวาดกลัว เธอนึกถึงเมื่อไม่กี่เดือนก่อนตอนที่เหอปี้อวิ๋นหยิบกรรไกรฆ่าพ่อลูกตระกูลซ่งด้วยสีหน้าโหดเหี้ยมมันคล้ายกับตอนนี้มาก


“แม่ ทำไมแม่ถึงได้ยอมที่จะเชื่อนังจ้าวเหมย แล้วไม่เชื่อหนูล่ะ? หนูจะทอดทิ้งแม่ไปได้ไง? แม่เป็นแม่แท้ ๆของหนูนะ…เดิมทีหนูวางแผนเอาไว้หมดแล้ว รอแต่งงานเสร็จก็จะให้คุณชายเช่อช่วยแม่ออกมาจากคุก ตอนนี้หนูยังยืนได้ไม่มั่นคงเพราะยังไม่ได้แต่งงานเลย แน่นอนว่าคงไม่ดีหากเอ่ยเรื่องช่วยเหลือขึ้นมาแบบนี้!”


อู่เยวี่ยเดินเข้าใกล้เหอปี้อวิ๋น จับมือของเธอ กอดเธอด้วยความรัก ออดอ้อนด้วยเสียงหวาน


เหอปี้อวิ๋นดูผ่อนคลายลงมากนัยน์ตาฉายความอ่อนโยนออกมา ก้มลงมองลูกสาวที่ดูมาดดีเหมือนเธอทุกประการ ความเคียดแค้นที่มีอยู่ในใจมลายหายไปมาก


เยวี่ยเยวี่ยพูดถูก เธอจะเชื่อคำพูดของจ้าวเหมยได้อย่างไร?


นังสารเลวจ้าวเหมยจะต้องมีเจตนาที่ไม่ดี ตั้งใจจะยุแยงให้เธอและเยวี่ยเยวี่ยแตกคอกัน!


เหมยเหมยใจเต้น คู่หมั้นของอู่เยวี่ยที่แท้ก็คือเฮ่อเหลียนเช่อ?


ท้ายที่สุดแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?


เหมยเหมยไม่มีเวลาคิดให้ละเอียด เธอเห็นสีหน้าท่าทางของเหอปี้อวิ๋นเปลี่ยนไปก็รู้ว่านังโง่นี่โดนอู่เยวี่ยเป่าหูเข้าให้แล้ว หันไปขยิบตาให้เหยียนซินหย่าที่เพิ่งฟื้นคืนสติ พูดอย่างไม่มีเสียงว่า “รีบวิ่ง!”


ตอนนี้เหอปี้อวิ๋นและอู่เยวี่ยไม่ทันได้สนใจพวกเธอ ชนวนระเบิดก็ยังไม่ได้ผูกติดกลับไปถือเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการหลบหนี


เหยียนซินหย่าเข้าใจความหมายของลูกสาว น่าเสียดายที่มือของเธอยังถูกมัดอยู่จึงลุกอยู่หลายครั้งกว่าจะลุกได้ เหมยเหมยก็ถูกมัดมืออยู่เช่นกันแต่ตัวเธอมีความยืดหยุ่นมากกว่า ไม่ช้าเธอก็เดินไปหยุดอยู่ข้างกายของเหยียนซินหย่า กระแทกดันเธอให้พุ่งไปข้างหน้า


“รีบวิ่ง!”


เหยียนซินหย่าวิ่งไปข้างหน้าตามสัญชาตญาณ พวกเขาอยู่ในโรงงานที่กว้างขวางมาก ห่างจากประตูใหญ่ไกลพอสมควร ตอนที่เหยียนซินหย่าและเหมยเหมยใกล้ถึงประตูใหญ่ อู่เยวี่ยก็เพิ่งเห็นพวกเขา


“แม่ นังสารเลวสองคนนั้นจะหนี รีบไปจับพวกมันกลับมา พวกมันจะต้องไปแจ้งตำรวจให้มาจับแม่แน่นอน!”


เหอปี้อวิ๋นได้ยินคำว่าตำรวจ ก็ใจเต้น เธอไม่อยากกลับไปที่คุกอีก


“แม่ เร็วหน่อย……”


อู่เยวี่ยแอบเกลียดแรงตอบสนองเชื่องช้าของเหอปี้อวิ๋น ผ่านไปตั้งนานยังไม่มีการตอบสนองใด ๆ พอเห็นว่าพวกจ้าวเหมยกำลังจะวิ่งออกจากประตูไปแล้ว ในสถานการณ์คับขัน อู่เยวี่ยจึงดึงมีดผลไม้มาจากเหอปี้อวิ๋นแล้วพุ่งเข้าหาพวกเหมยเหมย


ที่นี่คือที่ดินรกร้างแถบชานเมือง ขนาดวิญญาณยังไม่มีสักตัว ต่อให้เธอจะฆ่าจ้าวเหมยก็ไม่มีใครรู้ ถึงเวลานั้นค่อยพูดเกลี้ยกล่อมเหอปี้อวิ๋นให้รับสารภาพว่าเป็นฆาตกรก็จบ


ตอนที่ 1294 เหยียนซินหย่าสละชีวิตเพื่อช่วยลูกสาว


“เหมยเหมย…ไม่…”


เหยียนซินหย่าที่วิ่งอยู่ด้านหน้าจู่ ๆก็รู้สึกเจ็บที่หัวใจ จึงหันกลับไปโดยไม่รู้ตัวก็เห็นอู่เยวี่ยถือมีดผลไม้ที่แหลมคมหนึ่งเล่ม ห่างจากกลางหลังของเหมยเหมยไม่ถึงครึ่งเมตร


เธอรีบวิ่งเข้าไปดันตัวเหมยเหมยออก แต่เพราะมือที่ถูกมัดอยู่จึงเบี่ยงหลบไม่ได้ มีดผลไม้จึงแทงทะลุหน้าอกของเธอ


“แม่…อู่เยวี่ย…ฉันจะฆ่าแก!”


เหมยเหมยจ้องเขม็งด้วยความโกรธ กระโจนเข้าไปหาอู่เยวี่ยสุดแรง อู่เยวี่ยที่คิดจะแทงซ้ำให้ลึกกว่านี้ก็โดนชนไปกองอยู่ที่พื้น มีดผลไม้ปักอยู่บนร่างของเหยียนซินหย่า เลือดย้อมเสื้อสีขาวครีมของเธอจนเป็นสีแดงฉาน


เหยียนซินหย่าหน้าซีดเหมือนกระดาษ ยืนโซซัดโซเซ เหมยเหมยรีบพุ่งเข้าไปให้เหยียนซินหย่าพิงลงบนตัวเธอ


“เหมยเหมย…รีบหนีไป…”


เหยียนซินหย่าพูดด้วยน้ำเสียงขาด ๆ หายๆ ราวกับใกล้หมดลมหายใจ


“ไม่…หนูไม่ไป…หนูจะอยู่กับแม่…”


น้ำตาไหลอาบแก้ม เหมยเหมยพยายามอย่างหนักเพื่อทำลายเชือกที่มัดข้อมือไว้ แต่อู่เยวี่ยมัดไว้แน่นมาก เธอยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัดแน่นกว่าเดิม ผิวหนังบนข้อมือเสียดสีจนแตกเลือดไหลซิบ แต่เธอกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บสักนิด


“จ้าวเหมยแกอย่าเปลืองแรงเลย วันนี้คือวันตายของแก!”


อู่เยวี่ยที่ฆ่าคนเป็นครั้งที่สองไม่ได้เกิดอาการหวาดกลัว อารมณ์สุขุมแน่นิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิด


“งั้นแกก็เข้ามาฆ่าฉันเลย…อู่เยวี่ยแกไม่กล้าเข้ามาใช่ไหมล่ะ… แกก็ดีแต่ใช้แม่แกให้ฆ่าคน ตัวเองกลับมุดหัวอยู่ข้างหลัง ประโยชน์เป็นของแก คนที่ติดคุกกลับเป็นแม่ของแก…วันนี้ถ้าแกไม่เข้ามาฆ่าฉัน แกมันก็เป็นแค่คนใจหมา สมน้ำหน้าแล้วที่แกโดนผู้ชายสิบกว่าคนรุมโทรม…สมน้ำหน้าแล้วที่แกโดนพ่อลูกตระกูลซ่งรุมโทรม…แกมันสกปรกเสียยิ่งกว่าผู้หญิงขายตัวอีก……”


เหมยเหมยที่กำลังเสียใจดวงตาแดงก่ำ เธอวางเหยียนซินหย่าที่หมดสติลงบนพื้น เธอต้องหาวิธีปลดเชือกที่มือ แบบนี้เธอถึงจะสามารถนำยาน้ำออกมาช่วยเหยียนซินหย่าได้


เหมยเหมยก่นด่าอู่เยวี่ยใส่ไม่ยั้ง ทุกประโยคจี้ใจดำอู่เยวี่ยทั้งนั้น


“จ้าวเหมยแกรนหาที่ตาย……”


อู่เยวี่ยโมโหจนตาแดงไปหมด คิดแค่เพียงว่าตอนนี้จะออกไปหาขอทานสิบกว่ามารุมโทรมจ้าวเหมย แล้วก็ถ่ายรูป แจกจ่ายไปทั้งเมือง


“เป็นแกเองต่างหากที่รนหาที่ตาย!”


เหมยเหมยไม่รอให้อู่เยวี่ยเปิดฉากก็พุ่งเข้าไปก่อน เป็นวิธีการจู่โจมอย่างไม่กลัวตาย อู่เยวี่ยโดนชนล้มลงกับพื้นในทันทีและถูกเตะเสยอีกสองสามครั้ง ทักษะการเคลื่อนไหวขาของเธอแข็งแกร่งกว่าอู่เยวี่ยมาก ซัดเข้าไปไม่กี่ทีก็ทำเอาอู่เยวี่ยลุกขึ้นไม่ไหว


“เยวี่ยเยวี่ย…จ้าวเหมยแกหลบไป!”


เหอปี้อวิ๋นเพิ่งจะได้สติกลับมา เมื่อครู่เธอโดนคำพูดเหล่านั้นของเหมยเหมยทิ่มแทงใจ นึกถึงรูปภาพที่ไม่น่าดูพวกนั้น และก็นึกถึงคำพูดยุแหย่ก่อนหน้านั้นของเหมยเหมย ในใจก็เริ่มลังเลอีกครั้ง


แต่พอเธอเห็นอู่เยวี่ยโดนเหมยเหมยทุบตี เธอก็รีบปรี่เข้าไปตามสัญชาตญาณ เธอต้องช่วยชีวิตลูกสาวของตัวเธอเอง


เหมยเหมยนั่งลงบนตัวของอู่เยวี่ยโดยใช้กระบวนท่าอัดภูเขาไท่ซาน ภาพตรงหน้าของอู่เยวี่ยมืดลงแล้วก็หมดสติไป เวลานี้เหอปี้อวิ๋นก็พุ่งเข้ามาผลักเหมยเหมยออก


“จะตีให้ตายเลยนังเด็กสมควรตายนี่ แกทำอะไรเยวี่ยเยวี่ย?”


เหอปี้อวิ๋นเห็นอู่เยวี่ยนอนกองอยู่ที่พื้นไม่ส่งเสียงร้องก็นึกไปว่าตายแล้ว สีหน้าก็พลันเหี้ยมโหดดุดันขึ้นมา


เหมยเหมยไม่พูดไม่จา ลุกขึ้นมาวิ่งกระโจนเข้าหาเหอปี้อวิ๋นอีกครั้ง แต่เพราะเหอปี้อวิ๋นทำงานออกแรงมาตลอดทั้งปีจึงมีแรงมากกว่าอู่เยวี่ย เหมยเหมยชนเธออยู่หลายทีแต่กลับโค่นเธอลงไม่ได้กลายตัวเองล้มลงไปแทน


ตอนที้ล้มลงบนพื้น เอวด้านหลังเจ็บแปล๊บขึ้นมาเหมือนมีของแหลมคมทิ่มเอวของเธอ เธอไม่สนใจความเจ็บปวด รีบเอื้อมมือไปคลำของแข็งอันนั้น ปลายคมมากให้ความรู้สึกเหมือนจะเป็นตะปู


…………………………………………..


 ตอนที่ 1295 อู่เยวี่ยใจอำมหิต


เหมยเหมยดีใจคว้าแผ่นเหล็กเอาไว้ในมือ ด้านหนึ่งตัดเชือกป่านอีกด้านก็ก่อกวนเหอปี้อวิ๋นไปด้วย เพราะต้องทำหลายอย่างพร้อมกัน เธอจึงตัดเชือกได้ไม่ค่อยราบรื่นนักเผลอบาดมืออยู่หลายครั้งจนเลือดไหลริน


“เหอปี้อวิ๋น……คุณมันโง่กว่าหมูอีก คุณรู้ไหมว่าทำไมอู่เยวี่ยถึงได้วางแผนให้คุณฆ่าพ่อลูกตระกูลซ่ง?” เหมยเหมยถามเสียงดัง


เหอปี้อวิ๋นเดินช้าลงมองเธออย่างลังเล


เหมยเหมยถอนหายใจ รู้อยู่แล้วว่าเหอปี้อวิ๋นสนใจหัวข้อพวกนี้ เธอตัดเชือกไปพลางและเบี่ยงเบนความสนใจของเหอปี้อวิ๋นไปพลาง “เพราะอู่เยวี่ยรังเกียจที่คุณไร้ประโยชน์ไง เธอต้องการกลับไปอยู่กับอู่เจิ้งซือเพื่อเป็นลูกสาวของผู้จัดการใหญ่”


เหอปี้อวิ๋นไม่เชื่อ เปล่งเสียงแหบพร่าขึ้นว่า “แกพูดเหลวไหล…แกอย่าคิดจะใช้แผนยุแยงนะ!”


“ฉันพูดเหลวไหลไหมในใจคุณรู้ดีอยู่แล้ว คุณเองคิดให้ดีดีเถอะ ความบริสุทธิ์ของอู่เยวี่ยไม่มีมาตั้งนานแล้ว มีเพียงแต่คุณที่โง่เง่านี่แหละที่ไม่รู้ พูดถึงพ่อลูกตระกูลซ่งก็ถูกใส่ความเหมือนกันนะ ไม่แน่ว่าวันนั้นตอนกลางวันอู่เยวี่ยอาจจะเป็นฝ่ายยั่วยวนพวกเขาก่อนก็ได้ ไม่อย่างนั้นทำไมสองพ่อลูกนี่ถึงไม่ทำตอนกลางคืนล่ะ? ทำไมถึงต้องเลือกตอนกลางวันในเวลาที่คนพลุกพล่านที่สุดด้วย!”


ยิ่งเหมยเหมยพูดต่อไปความสงสัยในใจของเหอปี้อวิ๋นยิ่งมากขึ้น มองไปทางอู่เยวี่ยที่หมดสติอยู่บนพื้นอย่างข้องใจ


ที่จ้าวเหมยพูดก็มีเหตุผล บ้านพวกเขาสร้างด้วยกระดานไม้ฉนวนกันเสียงไม่ดี ตอนเที่ยงมีคนพลุกพล่านตั้งมากมาย เคลื่อนไหวเสียงดังนิดหน่อยคนข้างล่างก็ได้ยินกันหมดแล้ว


เหมยเหมยหลักแหลมจึงพุ่งประเด็นไปที่ข้อสงสัยอีกข้อ


“คุณไม่รู้สึกว่ามันแปลก ๆบ้างหรือ? ถ้าหากอู่เยวี่ยตะโกนร้องขอความช่วยเหลือพวกเพื่อนบ้านในละแวกนั้นจะไม่ได้ยินเลยหรือ? พ่อลูกตระกูลซ่งจะทำแผนชั่วสำเร็จได้อย่างไร? แสดงให้เห็นว่าอู่เยวี่ยไม่เคยส่งเสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือเลย เธอจงใจปล่อยให้ชายผู้โชคร้ายทั้งสองคนนั้นร่วมหลับนอนด้วย จุดประสงค์ก็คือหลอกให้คุณฆ่าคน…จากนั้นพ่อลูกตระกูลซ่งก็ตาย คุณก็เข้าคุก อู่เจิ้งซือก็ต้องรับเธอกลับไป เธอก็กลายเป็นลูกสาวผู้จัดการใหญ่ที่มีชื่อเสียง ไม่ใช่ลูกสาวคนขายปลาและเป็นบ้าอย่างคุณอีกต่อไป!”


“ไม่ใช่……แกพูดซี้ซั้ว……เยวี่ยเยวี่ยไม่ใช่คนแบบนั้น……”


อยู่ดี ๆเหอปี้อวิ๋นก็สติแตกกระเจิงพุ่งตัวเข้ามาหาเหมือนคนบ้า


เหมยเหมยออกแรงตัดเชือกเป็นครั้งสุดท้ายจนในที่สุดเชือกก็ขาด เธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก เตะเหวี่ยงหลังไปที่เหอปี้อวิ๋น


เตะเข้าไปที่ตัวของเหอปี้อวิ๋นซ้ำๆอยู่หลายที เธอก็วิ่งไปที่ข้างกายเหยียนซินหย่า หันหลังให้กับเหอปี้อวิ๋น หยิบยาน้ำออกมาจากช่องว่างมิติแล้วป้อนให้เหยียนซินหย่ากินอยู่หลายหยด


เห็นสีหน้าของเหยียนซินหย่าดีขึ้นมาหน่อยเธอถึงได้พรูลมหายใจ เตรียมที่จะกลับไปจัดการกับเหอปี้อวิ๋นต่อ


แต่ว่า——


“นังสารเลว……แกไปตายซะเถอะ……”


เหอปี้อวิ๋นที่ได้รับการฝึกฝนอยู่ในคุกมาช่วงระยะเวลาหนึ่งจึงฝืนทนต่อความเจ็บปวดได้มาก ปีนป่ายลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว คว้าไม้จากพื้นขึ้นมาหนึ่งท่อนแล้ววิ่งพุ่งตรงเข้าหา


ทั้งสองประชันกันอย่างดุเดือดจนไม่ทันได้สังเกตว่าอู่เยวี่ยที่อยู่ห่างไม่ไกลนั้นฟื้นแล้ว แต่เธอกลับไม่ได้เข้ามาช่วยและไม่ได้เรียกเหอปี้อวิ๋นเช่นกัน


อู่เยวี่ยมองทั้งสองคนที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างเย็นชา แล้วเหลือบมองระเบิดที่อยู่ข้าง ๆพลันยิ้มอย่างลำพองใจ แต่ก็แอบเสียดายอยู่บ้าง


เสียดายที่ไม่มีวิธีที่จะให้ผู้ชายนับสิบมารุมโทรมจ้าวเหมยจนเธอต้องตกต่ำ!


อู่เยวี่ยกัดฟันกรอด รีบพันชนวนระเบิดแล้วแบกออกไปด้านนอก


เธอติดชนวนระเบิดไว้ด้านนอก ต่อให้จ้าวเหมยมีปีกก็ไม่สามารถหลบหนีได้หรอก ส่วนเหอปี้อวิ๋น ——


ก็ต้องโทษว่าตัวเธอเองโชคไม่ดีแล้วล่ะ ถึงจะออกไปได้แต่ก็หนีการลงโทษทางกฎหมายไม่ได้อยู่ดี ถือว่าช่วยเธอเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน!


อนาคตเธอจะเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้เยอะ ๆ เหอปี้อวิ๋นจะได้มีชีวิตที่สุขสบายหน่อย


“หยุดสู้กันก่อน อู่เยวี่ยมันคิดจะระเบิดพวกเราให้ตายกันหมดแล้ว รีบหยุดก่อน……คุณอยากตายหรือไง?”


เหมยเหมยสังเกตเห็นอู่เยวี่ยทำท่าทางลับ ๆล่อ ๆ มองไปที่ระเบิดที่เธอถืออยู่ในมือก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการจะทำอะไร!


ใจช่างอำมหิตเสียจริง!


แม้กระทั่งเหอปี้อวิ๋นก็ไม่คิดจะปล่อยไป!


ตอนที่ 1296 ระเบิด


เหอปี้อวิ๋นเห็นการกระทำของอู่เยวี่ยเช่นนั้นก็ตกตะลึงไป ไหนเลยจะยังสนใจเรื่องตบตีกันอีก วิ่งเข้าไปคิดจะถามให้รู้เรื่องกันไปเลย ถามอู่เยวี่ยว่าทำไมถึงได้ทำกับเธอแบบนี้!


อู่เยวี่ยเร่งฝีเท้า เธอต้องแก้ไขปัญหาความวุ่นวายเหล่านี้ให้จบอย่างรวดเร็ว ห้ามให้คนอื่นรู้ว่าวันนี้เธอเคยมาที่นี่ เธอยังต้องการแต่งงานเป็นภรรยาของเฮ่อเหลียนเช่ออยู่นะ!


“อู่เยวี่ยแกหยุดอยู่ตรงนั้น…”


เหมยเหมยก็ไล่ตามมาแต่ด้วยระยะห่างที่มากเกินไป แถมอู่เยวี่ยยังวิ่งอย่างว่องไว ช่วงเวลาแค่แวบเดียวไล่ตามไม่ทันอยู่แล้ว อีกอย่างอู่เยวี่ยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมากวิ่งไปถึงประตูก็ล็อกกลอนทันที


ประตูถูกล็อกจากด้านนอกและมันก็เป็นประตูเหล็ก ถึงแม้ว่าจะเป็นสนิมแต่ก็ยังแข็งแรงมาก


“เยวี่ยเยวี่ย…ลูกรีบปล่อยแม่ออกไป…”


เหอปี้อวิ๋นร้องเสียงดังอย่างตื่นตระหนก แต่อู่เยวี่ยกลับไม่ใจอ่อนเลยแม้แต่น้อย เธอมองประตูใหญ่อย่างเย็นชา หันหน้ากลับเตรียมพร้อมจุดชนวนระเบิดอย่างไม่ลังเล


“เยวี่ยเยวี่ย…เยวี่ยเยวี่ย…ลูกรีบเปิดประตู…ลูกทำแบบนี้กับแม่ได้อย่างไร?”


เหอปี้อวิ๋นทุบประตูด้วยความสิ้นหวัง ตะโกนร้องไห้แต่กลับไม่ได้รับการตอบกลับสักคำ หัวใจเหน็บหนาวสุดขีด


นี่คือลูกสาวที่แสนดีของเธอ ลูกสาวที่เธอรักอย่างสุดหัวใจ ตอนนี้กลับจะฆ่าเธอให้ตายด้วยน้ำมือของตัวเองเสียแล้ว!


เหมยเหมยเองก็ร้อนใจกวาดตาหาทางออกรอบทิศ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือฉวยโอกาสก่อนที่อู่เยวี่ยจะจุดชนวนระเบิดรีบหนีไป


อาคารหลังนี้เมื่อก่อนเคยเป็นโรงงานจึงทำหน้าต่างไว้สูงมาก สูงเท่าผู้ใหญ่คนหนึ่ง ตัวเธอคนเดียวยังสามารถปีนออกไปได้แต่พาเหยียนซินหย่าไปด้วยไม่ได้แน่นอน


หาอยู่นานเธอก็ยังหาทางออกไม่เจอ เวลาก็มีไม่มากแล้ว เกรงว่าอู่เยวี่ยจะเริ่มจุดชนวนระเบิดเสียแล้วสิ


เหมยเหมยตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่มองหาทางออกอีกต่อไปแต่กำลังมองหาที่ซ่อนแทน แบบนี้ต่อให้มันจะระเบิดก็ยังมีที่กำบังได้คงจะไม่ถูกระเบิดจนถึงตาย


เหอปี้อวิ๋นยังคงทุบประตูอยู่ ร้องตะโกนร้องไห้เสียงแหบแห้ง ยังไม่ตระหนักถึงอันตรายที่กำลังจะมาถึง


เหมยเหมยก็ไม่ได้เรียกเธอ เธอแบกเหยียนซินหย่าขึ้นหลังแล้วดึงมีดผลไม้ออกอย่างระมัดระวัง วิ่งไปที่มุมสุดของโรงงานซึ่งที่นั่นมีโต๊ะวางเรียงรายอยู่ เหยียนหมิงซุ่นเคยสอนเธอมาก่อนว่าหากเกิดแผ่นดินไหว แค่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะหรือใต้เตียง ก็สามารถลดความบาดเจ็บลงได้


คิด ๆแล้วคงจะสามารถบังระเบิดได้อยู่บ้าง!


ไม่ง่ายเลยกว่าจะวิ่งมาถึงมุมด้านใน เหมยเหมยวางเหยียนซินหย่าลงบนพื้น จากนั้นก็ตั้งโต๊ะซ้อน ๆกันทำเป็นวงกลมเล็ก ๆเป็นฉากกำบังขึ้นมา


เดิมทีเหมยเหมยยังคิดจะหาของมาวางกำบังไว้อีก เสียงของอู่เยวี่ยก็ดังลอยเข้ามา


“แม่…วันเชงเม้งสารทจีนหนูจะเผาเงินไปให้เยอะ ๆนะ ขอให้ชาติหน้าหนูเกิดมาเป็นลูกแม่อีกนะ!”


เหอปี้อวิ๋นร้องเรียกเสียงหลง “เยวี่ยเยวี่ย……รีบปล่อยแม่ออกไป แม่เป็นแม่ของแกนะ!”


“ใครใช้ให้แม่ไร้ความสามารถกันล่ะ…แม่…ลาก่อนค่ะ หนูให้สองแม่ลูกเหยียนซินหย่าที่แม่เกลียดที่สุดไปพร้อมกับแม่แล้ว แม่วางใจแล้วไปอย่างสงบเถอะ!”


“คลิ๊ก”


อู่เยวี่ยจุดไฟแช็กเปลวไฟสีฟ้าอ่อนเต้นตามสายลม เธอกัดฟันกรอดแล้วจุดชนวนระเบิดอย่างแน่วแน่ โยนมันเข้าทางหน้าต่างอย่างไม่ลังเล ตัวเองก็รีบวิ่งไปที่รถตู้


แต่กลับไม่ได้รีบร้อนจากไป เธออยากได้ยินเสียงระเบิดและเห็นกับตาตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าจ้าวเหมยตายไปแล้วจริง ๆ เธอถึงจะวางใจได้


“ตู้ม”


มีเสียงดังลอยมา จากนั้นก็ดังติดต่อกันอีกหลายครั้งจนพื้นสั่นสะเทือน เหมยเหมยกุมหัวด้วยมือทั้งสองข้าง ปิดหูเอาไว้ โถมตัวเข้าบังเหยียนซินหย่าเอาไว้


โต๊ะโดนแรงระเบิดสั่นจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และยังมีไม้หักๆจำนวนมากกระเด็นใส่ตัวเหมยเหมย คลื่นความร้อนทำให้เหมยเหมยหมดสติไป


อู่เยวี่ยยกริมฝีปากอย่างลำพองใจ เตรียมตัวจะเข้าไปดูว่าจ้าวเหมยตายหรือยังแต่เสียงเพจเจอร์ก็ดังขึ้น เฮ่อเหลียนเช่อส่งมาถามว่าเธออยู่ที่ไหนและบอกให้เธอโทรกลับโดยเร็วที่สุด


เธอต้องขับรถไปที่ตู้โทรศัพท์ก่อน โทรเสร็จแล้วค่อยกลับมา แต่เพิ่งจะขับรถออกจากปากทางก็เห็นรถหลายคัน หนึ่งในนั้นมีป้ายทะเบียนที่คุ้นตาเป็นอย่างดีนั่นคือรถของเหยียนหมิงซุ่น เมื่อก่อนรถคันนี้เคยมารับจ้าวเหมยหลังเลิกเรียนที่โรงเรียนอยู่บ่อย ๆ


อู่เยวี่ยตกใจจนเหงื่อเย็น ๆท่วมตัว ได้แต่แอบนึกดีใจที่ตัวเองหนีออกมาเร็ว เหยียนหมิงซุ่นจึงตามจับเธอไม่ได้


……………………………….


 ตอนที่ 1297 ตัวการคือใคร


เหยียนหมิงซุ่นขับเครื่องบินรบกลับมาด้วยตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้อำนาจเป็นการส่วนตัว เขาสนใจอะไรมากไม่ได้อีก เหมยเหมยจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ แค่รอหนึ่งนาทีก็ทรมานเขาแทบแย่แล้ว


ขอเพียงแค่ช่วยเหมยเหมยได้ทัน ต่อให้กลับไปแล้วโดนเฮ่อเหลียนชิงทำโทษก็ยอม


เขาไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ พอลงจากเครื่องบินก็ตรงไปหาพวกพี่เสือเลย แต่เพราะรถในเมืองจินเยอะเกินไป ร่องรอยรถตู้สองสามที่ก็ถูกกลบจนมิด


และเวลานี้ต่อให้เมืองจินจะใหญ่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะติดตั้งกล้องทั่วทั้งเมือง ดังนั้นอยากจะหารถตู้ธรรมดาสักคันก็ถือว่าเป็นเรื่องยากเกินไปจริง ๆ


ตอนที่เหยียนหมิงซุ่นกลับมาถึงก็ห่างจากระยะเวลาที่เหมยเหมยเกิดเรื่องตั้งสี่ชั่วโมง ฝั่งพี่เสือสืบเจอแค่ว่ารถกำลังมุ่งหน้าไปยังชานเมืองฝั่งตะวันออก ส่วนเรื่องรายละเอียดสถานที่กลับไม่มีเบาะแส


พวกเขารู้สึกอับอายมากเมื่อเผชิญหน้ากับเหยียนหมิงซุ่น รู้สึกอยู่ลึก ๆว่าพวกเขาไร้ความสามารถเกินไป ขนาดคุณหนูยังปกป้องไว้ไม่ได้


เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ได้ตำหนิพวกเขา เขาไปตามหาเหมยเหมยพร้อมกับลูกน้องและถามข้อมูลบางอย่าง “ใครเป็นคนพาเหอปี้อวิ๋นออกมา?”


อันที่จริงเหยียนหมิงซุ่นอยากจะด่าตัวเอง เขาเชื่อใจจ้าวอิงหัวจนเกินไป คิดว่าเจ้าหมอนี่คงจะสามารถจับตาดูเหอปี้อวิ๋นได้อย่างไม่คลาดสายตา ใครจะไปรู้ว่าจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้หนีออกมาได้อีกครั้ง


เรื่องที่โรงพยาบาลประสาทครั้งก่อนเขาก็ควรจะระมัดระวังมากกว่านี้ แต่เนื่องจากช่วงนี้มีเรื่องวุ่น ๆมากมาย อีกทั้งเป้าหมายหลักของเหอปี้อวิ๋นคือเหยียนซินหย่า เขาจึงมองข้ามอันตรายของผู้หญิงคนนี้ไป


จนกระทั่งตอนนี้ก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่แล้ว!


เป็นความผิดของเขาทั้งหมด หวังก็แต่เหมยเหมยจะไม่เป็นอะไร!


“คุณชายหมิง พวกเราไปสืบดูแล้วเป็นเพราะจู่ ๆเหอปี้อวิ๋นก็ป่วยกะทันหันจึงส่งตัวไปโรงพยาบาล” พี่เสือตอบ


“เหอปี้อวิ๋นคงแกล้งป่วยโดยไร้เหตุผลไม่ได้แน่ ต้องมีคนแอบติดต่อเธออย่างลับ ๆ นายได้ตรวจสอบบันทึกการเข้าเยี่ยมสองสามวันที่ผ่านมาหรือเปล่า?” สีหน้าของเหยียนหมิงซุ่นดูเคร่งขรึม


เหอปี้อวิ๋นคนเดียวคงไม่สามารถทำได้ขนาดนี้ จะต้องมีคนคอยช่วยเธออยู่เบื้องหลังแน่นอน


ตัวการคนนั้นสิถึงจะเป็นคนที่อันตรายที่สุด!


พี่เสือทำสีหน้าเลิ่กลั่ก ความรู้สึกอับอายปรากฏชัดบนใบหน้ากว่าเดิม เขาพูดอย่างตะกุกตะกักว่า “ผม……ผมไม่ได้นึงไปถึงขั้นนั้น มัวแต่รีบตามหาคนครับ”


เขาช่างโง่จริง ๆทำถึงนึกไม่ถึงนะ  เอาแต่วิ่งวุ่นไปทั่วเหมือนแมลงวันไร้สมอง เขาทำลายความเชื่อใจของคุณชายหมิงจนสิ้นแล้ว!


เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจเบา ๆ ที่จริงพี่เสือบกพร่องเรื่องการวางแผนพอควร เขาจึงไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำเหมาะเป็นผู้ตามมากกว่า


ก็ต้องโทษที่เขารีบร้อนเกินไป ความจริงเป็นเรื่องยากมากที่จะหาผู้ช่วยเก่งกล้าและมีความรู้ได้ ทุกเรื่องคงไม่ได้เป็นไปตามหวังได้ทุกอย่างหรอก คงทำได้แค่วันหลังค่อย ๆหาใหม่


พี่เสือไม่รอคำสั่งของเหยียนหมิงซุ่น เขาส่งลูกน้องไปที่เรือนจำเพื่อสอบถามข้อมูลในทันที ครั้งนี้ประสิทธิภาพในการทำงานสูงมาก สาวถึงตัวหวงอวี้เหลียนได้อย่างรวดเร็ว หวงอวี้เหลียนไปเยี่ยมเรือนจำเมื่อสามวันก่อน แต่อยู่แค่สิบห้านาทีแล้วก็ออกมาอย่างรวดเร็ว


อีกทั้งสองวันก่อนหน้าอู่เยวี่ยก็ไปเรือนจำและอยู่ที่นั้นเพียงสิบห้านาทีเช่นกัน


“คุณชายหมิง สิบวันมานี้มีเพียงแค่พวกเธอสองคนที่ไปเรือนจำ” ลูกน้องรายงาน


ใบหน้าเหยียนหมิงซุ่นพลันดุดันขึ้นมา สัญชาตญาณบอกเขาว่าไม่ว่าจะเป็นหวงอวี้เหลียนหรืออู่เยวี่ยต่างก็ไม่ใช่ตัวการ พวกเขาไม่มีความสามารถขนาดนั้น


ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังอีกแน่


เหยียนหมิงซุ่นพลันนึกถึงเฮ่อเหลียนเช่อที่อยู่ดี ๆก็ปรากฏตัวในเมืองจิน  เจ้าหมอนี้น่าสงสัยที่สุด


แต่เขาไม่เข้าใจ ถึงแม้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะโหดเหี้ยมกระหายเลือดแค่ไหนแต่คงไม่ลักพาตัวไปโดยไร้เหตุผล ยิ่งเหยียนซินหยาที่ไม่มีความแค้นต่อกันด้วยแล้ว เฮ่อเหลียนเช่อให้เหอปี้อวิ๋นลักพาตัวเหยียนซินหย่าไปแล้วมีประโยชน์อะไร?


“คุณชายหมิง คนของเฮ่อเหลียนเช่อก็กำลังหาตัวคุณหนูและคุณผู้หญิง พวกเขาจะช่วยพวกเราหาอีกแรง”


คำพูดของพี่เสือยิ่งทำให้เหยียนหมิงซุ่นไม่เข้าใจ เฮ่อเหลียนเช่อมาไม้ไหนเนี่ย?


“คุณชายหมิง มีผู้ชายที่ชื่อว่าลี่เมิ่งเฉินมาหาครับ เขาบอกว่าสามารถช่วยหาตัวคุณหนูได้” มีคนวิ่งเข้ามาพูดอีกครั้ง


ตอนที่ 1298 เสนอข้อตกลงอีกครั้ง


ฐานกองบัญชาการชั่วคราวของเหยียนหมิงซุ่นในเมืองจินตั้งอยู่บนอาคารสำนักงานแห่งหนึ่ง สภาพภายนอกดูเหมือนสำนักงานธรรมดา ทั้งยังว่าจ้างพนักงานมานั่งทำงานด้วย


กองบัญชาการอยู่ในสำนักงาน คนภายนอกไม่มีทางมองออก ลี่เมิ่งเฉินหาที่นี่เจอได้อย่างไร?


“อย่าสงสัยลูกน้องของคุณเลย พวกเขาต่างก็จงรักภักดีกับคุณ ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ฉันไม่รู้แค่นับนิ้วก็รู้แล้ว”


ลี่เมิ่งเฉินเดินเข้ามาตัวปลิว บนใบหน้ามีรอยยิ้มบาง ๆที่ยากจะคาดเดาได้ ถ้าหากใส่เสื้อคลุมตัวยาวคงเหมือนผู้นำลัทธิเต๋าหรือพวกหลอกลวงต้มตุ๋นเสียมากกว่า


เหยียนหมิงซุ่นไม่รู้จักลี่เมิ่งเฉินแต่เขาเคยเห็นรูปของเจ้าหมอนี่มาก่อน รู้แค่ว่าเขาคือสมบัติล้ำค่าที่เฮ่อเหลียนเช่อพยายามดึงมาเป็นพวกแต่ไม่สำเร็จสักครั้ง เฮ่อเหลียนชิงก็เหมือนกัน บอกแค่ว่าต้องดึงลี่เมิ่งเฉินมาเป็นพวกให้ได้ อย่าให้เฮ่อเหลียนเช่อเอาไปได้เด็ดขาด


ถ้าไม่ได้จริง ๆก็ฆ่าเจ้าหมอนี่ให้ตายไปเสีย อย่าให้เฮ่อเหลียนเช่อทำสำเร็จได้


“คุณสามารถหาคู่หมั้นของผมพบได้จริง ๆเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงต่ำ


ลี่เมิ่งเฉินหัวเราะอย่างมั่นใจในตัวเอง “แน่นอนสิ หากไม่มีความมั่นใจ ผมจะกล้ามาได้อย่างไร?


ใบหน้าของเหยียนหมิงซุ่นเกิดความลังเล ลี่เมิ่งเฉินเอ่ยต่อ “ตอนนี้จ้าวเหมยตกอยู่ในอันตราย คุณลังเลแค่หนึ่งวิดวงใจของคุณก็ยิ่งตกอยู่ในอันตรายมากเท่านั้น!”


“ใครโม้ไม่เป็นบ้าง? พวกเราคนเยอะขนาดนี้ยังหาไม่เจอ คุณจะหาเจอได้อย่างไร?” มีลูกน้องคนหนึ่งที่เป็นแฟนคลับของเหยียนหมิงซุ่นพูดขึ้นมา รู้สึกขัดหูขัดตาต่อรูปลักษณ์หน้าตาทุกส่วนของลี่เมิ่งเฉิน


ลูกน้องคนอื่น ๆก็คิดเหมือนกัน ไม่เชื่อลี่เมิ่งเฉินสักนิด คิดว่าเขามาหลอกลวง


ไม่แน่บางทีศัตรูอาจจะส่งมาเป็นสายสืบเพื่อจงใจก่อกวนพวกเขา ไม่ให้พวกเขาหาคุณหนูจ้าวเจอก็ได้


ลี่เมิ่งเฉินแสยะยิ้มออกมาอีกครั้ง ยิ้มแบบไม่เห็นฟันยิ่งดูเจ้าเล่ห์ลึกลับกว่าเดิม


“ตามหาคนต้องใช้คนที่เก่งที่สุดไม่ใช่จำนวนคนมาก ๆ แต่เรื่องใช้กำลังต่อสู้แน่นอนว่าผมเทียบกับพวกคุณไม่ได้หรอก แต่งานที่ใช้มันสมองล่ะก็แค่ผมคนเดียวก็เปรียบได้กับกองทหารนับพันแล้ว คุณชายหมิงว่าผมพูดถูกไหม?”


คำพูดยียวนเช่นนี้เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่รู้สึกอะไร เพราะเขารู้ว่าลี่เมิ่งเฉินนั้นเก่งกาจไม่เบา ไอคิวสูงมากจนน่าตกใจ เขายังสู้ไม่ได้เลย


แต่พวกลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นกลับไม่พอใจ ในใจพวกเขาเหยียนหมิงซุ่นเปรียบเสมือนเทพเจ้า เป็นคนที่พวกเขาเลื่อมใสมากที่สุด เจ้าลี่เมิ่งเฉินนี่สมควรโดนฟันให้ยับ ไม่คิดเลยว่าจะถากถางเจ้านายว่าเป็นคนโง่ที่ดีแต่ใช้กำลังแต่ไม่ใช้สมองต่อหน้าพวกเขา สงสัยคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วสินะ!


อย่าคิดว่าพวกเขาไร้การศึกษาแล้วจะฟังคำพูดเปรียบเปรยแบบนี้ไม่ออก!


เหยียนหมิงซุ่นใช้สายตาปรามพวกลูกน้องที่กำลังตั้งท่าจะสู้ มองไปที่ลี่เมิ่งเฉินอีกครั้ง “ว่าเงื่อนไขของคุณมา!”


“คุณชายหมิง…” พวกลูกน้องร้องอุทานขึ้นมา คิดไม่ออกว่าทำไมเหยียนหมิงซุ่นถึงได้เชื่อร่างทรงคนนี้ได้


เหยียนหมิงซุ่นปัดป่ายมือ ลูกน้องก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกเอาแต่จ้องมองลี่เมิ่งเฉินอย่างโมโห แต่เจ้าหมอนี้กลับไม่สนใจ อัจฉริยะมักจะโดนอิจฉา เขาชินชากับสายตาแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว


เหล่าลูกน้อง ‘อยากจะฆ่าไอ้ร่างทรงนี่เสีย……อิจฉาบ้านแกสิ!’


ลี่เมิ่งเฉินเหลือบมองคนอื่นแวบหนึ่ง เหยียนหมิงซุ่นก็โบกมือไล่ให้พวกลูกน้องออกไปก่อน รอจนทั้งห้องเหลือเพียงพวกเขาสองคน เหยียนหมิงซุ่นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผมไม่มีเวลาให้คุณมาเล่นด้วยหรอกนะ จะพูดก็รีบ ๆพูดมา ไม่พูดผมจะไปตามหาต่อแล้ว!”


“เงื่อนไขง่ายนิดเดียว ผมช่วยคุณหาจ้าวเหมย คุณก็ให้จ้าวเหมยแบ่งยาวิเศษให้ผมบ้างแค่นั้น” ลี่เมิ่งเฉินพูดไปก็สังเกตสีหน้าท่าทีของเหยียนหมิงซุ่นไปด้วย


น่าเสียดายที่เหยียนหมิงซุ่นได้รับการฝึกอบรมอย่างมืออาชีพ ได้ยินคำว่ายาวิเศษก็ไม่สะทกสะท้านอะไร ซึ่งไม่เหมือนจ้าวเหมย พอได้ยินเขาพูดถึงยาวิเศษ นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยยาวิเศษ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่แน่ใจขนาดนี้


“คุณไปเถอะ ผมไม่มียาวิเศษอะไรนั่น” เหยียนหมิงซุ่นปฏิเสธโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น


………………………………………


ตอนที่ 1299 คู่ปรับเจอหน้ากัน


ยาวิเศษเป็นความลับของเหมยเหมย หากถูกรู้เข้าว่ามีของล้ำค่าอยู่จะถูกปองร้ายได้ง่าย ทั้งยังดึงดูดผู้ที่ใจเหี้ยมทะเยอทะยานได้ไม่น้อย เขาไม่กล้าใช้เหมยเหมยเพื่อทดสอบจิตใจคน


เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากจะเสียเวลากับลี่เมิ่งเฉินอีกจึงเตรียมขับรถออกไปค้นหาด้วยตัวเอง ในเมื่อไม่มีเบาะแสเขาก็จะขุดทางตะวันออกของเมืองทั้งหมดพลิกหาให้ทั่ว อย่างไรเสียก็ต้องเจอเหมยเหมยเข้าจนได้แหละ


เฮ่อเหลียนเช่อที่โดนเหมยซูหานอาละวาดใส่จนทนไม่ไหวจึงต้องออกมาตามหาเองอย่างเอือมระอา และเจอเหยียนหมิงซุ่นเข้าที่ทิศตะวันออกของเมือง


“แกอย่าเข้าใจผิด ฉันหวังอยากให้นังจ้าวเหมยตาย ๆไปเสีย ตอนนี้ก็แค่ออกมาเดินเล่นเท่านั้นแหละ!”


ต่อให้เฮ่อเหลียนเช่อตายต่อหน้าศัตรูเขาก็ไม่มีทางยอมรับว่ามาช่วยจ้าวเหมย ไม่อย่างนั้นเขาจะเหลือศักดิ์ศรีอีกหรือ?


“จะบอกอะไรให้ เฮ่อเหลียนเช่อก็มาตามหาจ้าวเหมยนั้นแหละ และเขาก็อาจเป็นตัวการสำคัญอยู่เบื้องหลัง เพียงแต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆเขาถึงเปลี่ยนใจ จิตใจของคนโรคจิตวิปริตช่างเดายากจริง ๆ!”


คนที่พูดก็คือลี่เมิ่งเฉิน ถึงแม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะไม่ตอบรับข้อเสนอแต่เขาก็ยังหน้าด้านหน้าทนตามมาด้วย


ขอแค่เขาช่วยเหยียนหมิงซุ่นตามหาจ้าวเหมยเจอก็จะกลายเป็นหนี้บุญคุณ และคงปฏิเสธไม่ให้ยาวิเศษแก่เขาไม่ได้แล้วล่ะ!


เหยียนหมิงซุ่นมองเข้าไปนัยน์ตาเฮ่อเหลียนเช่อ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ ถ้าฉันสืบเจอว่าแกเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลังล่ะก็ เฮ่อเหลียนเช่อ……ฉันจะเอาแกให้ตาย!”


“เชอะ…เก่งนักก็มาฆ่าฉันตอนนี้เลยสิ…ปากดี ขี้โม้จนจะบินขึ้นฟ้าได้อยู่แล้วมั้ง!”


เฮ่อเหลียนเช่อไฟโทสะปะทุ ตอนนี้ไม่ว่าใครก็สามารถปีนเกลียวขึ้นขี้ใส่หัวเขาได้ทั้งนั้น หาเหอปี้อวิ๋นเจอเมื่อไหร่ เขาจะซัดให้น่วมแล้วโยนศพให้หมากินเลย!


เหยียนหมิงซุ่นไม่แยแสเฮ่อเหลียนเช่ออีก ไม่ว่าเจ้าหมอนี่จะมีจุดประสงค์อะไร ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่มีเจตนาร้ายต่อกัน เขาหาตามหาต่อจะดีกว่า


“ไปทางนี้ ผมตรวจสอบแล้ว คนที่ลักพาตัวไปมีโอกาสมากที่สุดที่จะเลือกเส้นทางนี้”


ลี่เมิ่งเฉินพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจแล้วชี้ไปหนึ่งในสามทางแยกข้างหน้า


อันที่จริงสถิติความน่าจะเป็นของคณิตศาสตร์มีประโยชน์มากทีเดียว ขอแค่เขาคิดก็จะสามารถถูกลอตเตอรี่จากทั่วทุกมุมโลกได้ แต่การคำนวณลอตเตอรี่ง่ายเกินไปหน่อย


แต่ตอนนี้เขาอยู่เหนือวัตถุเหล่านั้นไปแล้วจึงไม่เห็นเงินอยู่ในสายตาสักเท่าไร


เหยียนหมิงซุ่นมองเขาแวบหนึ่งแล้วตัดสินใจเชื่อเจ้าร่างทรงนี้ดูสักครั้ง ขับรถไปตามถนนที่ไม่สะดุดตานัก อีกสองเส้นทางที่เหลือ ทางหนึ่งคดเคี้ยวส่วนอีกทางเป็นถนนใหญ่แสงแดดส่อง


“ไปทางนี้ คนที่ลักพาตัวทำความผิดครั้งแรก เธอจะต้องเลือกสถานที่ที่คนสัญจรไปมาน้อยตามสัญชาตญาณ ดังนั้นเธอจะไม่เลือกเส้นทางนี้แน่นอน ด้านหน้ามีฟาร์มและถนนสายนี้เป็นย่านอุตสาหกรรมเก่า มีโรงงานร้างอยู่มาก”


ลี่เมิ่งเฉินชะงักไปครู่หนึ่งแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “โรงงานร้างใช้ฆ่าคนและซ่อนศพ ไม่มีอะไรเหมาะสมไปกว่านี้แล้ว!”


สายตาของเหยียนหมิงซุ่นเย็นชาลงในชั่วพริบตา รังสีสังหารแผ่เป็นวงกว้าง ลี่เมิ่งเฉินสะดุ้งหนาวสั่นสะท้าน รีบปิดปากไม่กล้าพูดจาซี้ซั้วอีก


เนื่องจากเป็นเขตอุตสาหกรรมเก่า ยานพาหนะและคนสัญจรไปมาน้อยมาก ในไม่ช้าพวกเขาก็พบร่องรอยบนถนนสองสามจุด ลี่เมิ่งเฉินรีบให้เหยียนหมิงซุ่นหยุดรถ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาเทียบกับอีกแผ่นแล้วชี้ถนนอีกเส้น


“ไปทางนี้เลยเพราะผมเคยดูแผนที่มาก่อน ตรงไปอีกหนึ่งกิโลเมตรจะมีโรงงานกระป๋องร้างอยู่แห่งหนึ่ง จ้าวเหมยอยู่ในโรงงานนั้นแน่นอน”


ลี่เมิ่งเฉินแน่ใจมาก เหยียนหมิงซุ่นก็พลอยเชื่อตามไปด้วย


บางทีเหมยเหมยอาจจะอยู่ที่นั้นจริง ๆ!


เขาเหยียบคันเร่งมิดจนใกล้โรงงานกระป๋องที่ลี่เมิ่งเฉินบอกเข้าไปเรื่อย ๆ พอจะเห็นโรงงานนั้นแล้ว ทุกคนต่างก็ดีอกดีใจ แต่ทว่า ——


“ตู้ม……”


มีเสียงดังสนั่นดังลอยมา พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รถก็สั่นสะเทือนจนแทบพลิกคว่ำตามไปด้วย


ลี่เมิ่งเฉินสูดกลิ่นเข้าไปพลันใบหน้าก็ถอดสี “มีกลิ่นควันเขม่า ไม่ได้การล่ะ…เจ้านั่นจุดระเบิด!”


ตอนที่ 1300 จัดทำสถิติ


เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นไปถึงตาตุ่ม เป็นครั้งแรกที่เขาใจฝ่อ ต่อให้ตอนเขาเผชิญหน้ากับความตายก็ยังไม่เคยใจฝ่อขนาดนี้เลย แต่ตอนนี้ ——


เขากลัวเข้าให้แล้ว!


“อย่ากังวลไปเลย……ผมเคยคำนวณมาก่อน ความน่าจะเป็นของผู้ที่รอดชีวิตจากการระเบิดคือ 8.8% (ไม่ได้มีการค้นคว้า นี่เป็นข้อมูลที่สร้างมันขึ้นมาเอง) กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือจ้าวเหมยมีโอกาสรอด 8.8% ถือว่าค่อนข้างมากอยู่…” ลี่เมิ่งเฉินพูดไปตามหลักการ ใบหน้าไร้อารมณ์ ราวกับพูดถึงลูกแมวหรือลูกหมาเสียอย่างนั้น


“หุบปาก!”


เหยียนหมิงซุ่นจ้องเขม็ง ถ้าเจ้าหมอนี่ยังพูดจ้อไม่หยุดอีก เขาคงอดไม่ได้ที่จะซัดเขาให้ตาย


มวลอากาศเต็มไปด้วยควันเขม่าดินปืนที่เหยียนหมิงซุ่นคุ้นเคยดี เขาได้กลิ่นบ่อยจนคุ้นชินมากกว่ากลิ่นอาหารเสียอีก


แต่ตอนนี้เขากลับไม่หวังว่าจะได้กลิ่นมัน นี่มันทำให้เขาหวาดกลัว!


เหยียนหมิงซุ่นขับรถไปที่ประตูใหญ่ของโรงงาน รีบกระโจนลงรถราวกับบินได้ ในเวลารีบร้อนเช่นนี้เหยียนหมิงซุ่นยังทันสังเกตเห็นรถตู้คันสีขาวจากในระยะไกลขับออกไปอีกทาง


ด้วยระยะที่ห่างจากโรงงานค่อนข้างไกลจึงดูไม่ค่อยน่าสงสัยนัก แต่เหยียนหมิงซุ่นก็ยังตั้งใจมองแวบหนึ่งเพื่อจดจำเลขทะเบียนรถเอาไว้


ถ้าหากเป็นคนอื่นด้วยระยะทางไกลขนาดนี้คงมองทะเบียนรถไม่ชัดแน่น แต่ร่างกายของเหยียนหมิงซุ่นได้รับยาวิเศษมาก่อนจึงเห็นได้อย่างชัดเจน


ในโรงงานมีกลิ่นดินปืนลอยคละคลุ้งควันโขมงเต็มไปหมด ทำเอาคนสำลักอย่างหนัก ขณะที่พวกเขากำลังเตรียมตัวเข้าไปก็มีเสียงระเบิดดังลอยมาอีกสองสามครั้งจึงไร้หนทางจะเข้าไปได้


“คนที่ทำวัตถุระเบิดนี้ไม่มีความเชี่ยวชาญน่าจะเป็นมือใหม่ ระเบิดครั้งเดียวยังระเบิดไม่หมดเลย แถมยังระเบิดติดต่อกันหลายครั้งกว่าจะหมด คุณควรขอบคุณความโชคดี แบบนี้จ้าวเหมยยังมีโอกาสรอดชีวิตเพิ่มขึ้นอีกได้มากกว่า 20%”


ลี่เมิ่งเฉินตีหน้านิ่งไร้อารมณ์ หน้านิ่งจนเหยียนหมิงซุ่นอยากจะหวดใส่สักตั้ง


ถึงแม้ว่าคำพูดของร่างทรงจะทำให้เขาโล่งอกได้บ้าง แต่เขาก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี


คนข้างในที่ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือเจ้าหญิงน้อยของเขา เจ้าหมอนี่มีสิทธิ์อะไรมาคาดเดาความเป็นความตายของเหมยเหมย?


“หุบปาก ถ้าพูดอีกฉันเอานายตายแน่!” เหยียนหมิงซุ่นแผ่รังสีสังหารออกมา ลี่เมิ่งเฉินหุบปากแต่โดยดี


ทันใดนั้นเขาก็ค้นพบว่าเมื่อเผชิญหน้ากับทหารที่มีพละกำลัง ความฉลาดก็พึ่งพาอะไรไม่ได้อยู่ดี หลังจากกลับไปคราวนี้ต้องฝึกศิลปะการต่อสู้ไว้บ้างแล้ว!


หลังจากรอระเบิดสงบลง เหยียนหมิงซุ่นก็พุ่งเข้าไปในกลุ่มควันเป็นคนแรก แต่มีควันมากเกินไปจนบดบังทัศนวิสัยเบื้องหน้า


แถมข้างกายยังมีอีกคนที่แสนยียวนกวนประสาทส่งเสียงร้องอย่างกับเป็ดไม่หยุด!


“ไม่ได้การล่ะ…เมื่อครู่ผมคำนวณพลาดไป ภายใต้การระเบิดรุนแรงเช่นนี้ โรงงานร้างแห่งนี้คงทนรับไม่ไหว แล้ว…”


“แล้วอะไรล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นใจตกลงไป


“จะพังถล่มลงมา แบบนี้อัตราการรอดชีวิตของจ้าวเหมยจะลดลงต่ำกว่า 7%” ลี่เมิ่งเฉินนับนิ้วของเขาครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ


“ไสหัวไป”


เหยียนหมิงซุ่นอดทนไม่ไหวซัดเข้าไปหนึ่งหมัด เหมยเหมยของเขาจะต้องไม่เป็นอะไร ไอ้ร่างทรงคนนี้พูดมั่วซั่ว


ลี่เมิ่งเฉินมึนงง ไม่ใช่ว่าสุภาพบุรุษที่ดีจะใช้ปากแต่ไม่ลงมือไม่ใช่เหรอ?


กลับไปจะต้องฝึกหมัดมวยเสียแล้ว อาศัยความฉลาดของเขาอย่างไรก็เอาชนะเหยียนหมิงซุ่นได้แน่นอน


และแน่นอน ผ่านไปครู่เดียวลี่เมิ่งเฉินก็ค้นพบความจริงที่น่าเศร้าอีกอย่าง ——


สู้ได้หรือไม่นั้นเกี่ยวอะไรกับไอคิวความฉลาดล่ะ!


มีอิฐหักหนึ่งก้อนหล่นใส่เหยียนหมิงซุ่น เขาเบี่ยงตัวหลบทันอิฐจึงตกลงพื้น หลังจากกลิ้งไปสองสามครั้งมันก็หยุดลง หลังจากนั้นอิฐก็ร่วงตกลงมากระจัดกระจายข้างตัวพวกเขา


ต่อให้ตอนนี้มองไม่ชัด เหยียนหมิงซุ่นก็เข้าใจในทันที เป็นอย่างที่เจ้าหมอนั่นพูดไว้ไม่มีผิด


โรงงานแห่งนี้ใกล้ถล่มลงมาแล้วจริง ๆ!


………………………………………


 ตอนที่ 1301 ตกอยู่ในอันตราย


หลังจากควันค่อย ๆจางลง เหยียนหมิงซุ่นก็พุ่งตัวเข้าไปเป็นคนแรก เมื่อเห็นโรงงานยังคงตั้งตรง เหยียนหมิงซุ่นก็แอบดีใจ เจ้าร่างทรงชอบพูดให้ตื่นตระหนก เขาจะเชื่อก็ต่อเมื่อเห็นกับตาตัวเองเท่านั้นแหละ


ร่างทรงวิ่งปิดจมูกเข้ามา มีรอยแดงเล็กน้อยระหว่างนิ้ว


“การถล่มนี้มีผลตามเวลา อย่าเห็นว่าโรงงานแห่งนี้ยังตั้งตรงอยู่แต่ฐานโครงสร้างพังแล้วคงอยู่ได้อีกหนึ่งนาทีมั้ง ไม่สิ……ฉันคำนวณก่อน อย่างมากก็ห้าสิบวินาที โรงงานก็จะถล่มแล้ว!”


ลี่เมิ่งเฉินนับนิ้วของเขาอีกครั้งเพื่อคำนวณ ประกาศข้อสรุปของเขาอย่างเคร่งขรึม เหยียนหมิงซุ่นหว่างคิ้วกระตุกและไม่สนใจเขาอีกต่อไป เขางุดหน้าแล้วพุ่งตัวเข้าไปเร็วราวกับสายฟ้าแลบ


“คุณอย่าเข้าไป…จะถล่มแล้วจริง ๆนะ…รีบกลับมา!”


ลี่เมิ่งเฉินทำสีหน้าตกใจซึ่งถือว่าก็ยังทำสีหน้าอื่นเป็นอยู่บ้าง แน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็นห่วงหรือกังวลว่าเหยียนหมิงซุ่นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เขากระวนกระวายเรื่องยาวิเศษต่างหาก กลัวว่าจ้าวเหมยจะกลายเป็นเถ้ากระดูกไปเสียแล้ว ถ้าเหยียนหมิงซุ่นมาตายไปอีกคน


ใครจะไปถามหายาวิเศษกับใครล่ะ?


ถ้าไม่มียาวิเศษเขาก็ช่วยคุณปู่ไม่ได้ หากคุณปู่ไม่อยู่เขาก็ไม่สามารถสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวแห่งตระกูลลี่ได้ ไม่ได้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าครอบครัว เขาก็ไร้หนทางจะบงการคนในครอบครัวได้……


การมีอำนาจที่แท้จริงถึงจะเป็นเงื่อนไขข้อแรกของอิสรภาพ!


ถ้าเขาต้องการใช้ชีวิตอยู่อย่างอิสระจะต้องได้ยาวิเศษกลับไป


เขายังวางแผนเอายาวิเศษกลับไปศึกษาและค้นคว้า ขอเพียงแค่สามารถวิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลของยาวิเศษได้สำเร็จ เขาก็จะสามารถเลียนแบบยาวิเศษได้อย่างสมบูรณ์แบบ!


เรื่องนี้ไม่ได้ยากเกินความสามารถของเขา!


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้สนใจเขาสักนิดแล้วรีบวิ่งเข้าไปในโรงงาน ลี่เมิ่งเฉินรีบขัดขวางคนอื่นที่จะตามเข้าไป เตือนอย่างหวังดีว่า “มันกำลังจะถล่มแล้ว เข้าไปก็เหมือนเข้าไปตายนะ…”


“ไสหัวไป”


พี่เสือชกเข้าให้หนึ่งหมัดเพราะเห็นเจ้าหมอนี่ขัดตามานานแล้ว อ่อนแอปวกเปียกเหมือนไก่นึ่ง ขนาดปลายนิ้วก้อยของคุณชายหมิงยังแตะต้องไม่ได้เลย แล้วมีสิทธิ์อะไรมาชี้นิ้วสั่งการต่อหน้าคุณชายหมิง?


ลี่เมิ่งเฉินกุมจมูกตัวเองอีกครั้ง เลือดไหลรินรสชาติเค็มหวานปะแล่ม เลือดกบปากเยอะขนาดนี้รสชาติไม่ดีเลยสักนิด


กลับไปจะต้องฝึกหมัดมวยให้ได้เลย!


ต่อกรกับพวกป่าเถื่อนคงใช้ไอคิวสู้ไม่ได้!


พี่เสืออยากจะพาพรรคพวกพุ่งตามเข้าไป แต่พวกเขาเพิ่งเดินไปถึงประตูโรงงานก็พังถล่มลงมาทันที เศษอิฐปูนไหลทะลักลงมาราวกับน้ำท่วมโดยไม่มีท่าทีลดลงแม้แต่น้อย


“สี่สิบวินาที……ผมประมาณคลาดเคลื่อนไปสิบวินาที”


ลี่เมิ่งเฉินมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ ไม่มีท่าทีดีใจเลยสักนิด


คาดไม่ถึงว่าจะคลาดเคลื่อนไปสิบวินาที คงเพราะอยู่กับคนธรรมดานานเกินไป สมองก็เลยได้ใช้งานไม่มากพอ


พี่เสือและคนอื่น ๆทำได้แค่ถอยกลับมาอีกครั้ง มองกองเศษซากกำแพงก้อนอิฐที่พังถล่มทลายเหมือนภูเขาเบื้องหน้า คุณชายหมิงยังอยู่ข้างในอยู่เลย!


“รีบไปหาของมาขุดออก… เร็วเข้า!”


พี่เสือตะเบ็งเสียง ตัวเองรีบพุ่งตัวเข้าไปใช้มือเป็นพลั่วย้ายอิฐไปเรื่อย ๆไม่หยุด


หากคุณชายหมิงเป็นอะไรไป เขาก็ไม่มีหน้าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก!


คนอื่นก็ได้สติกลับคืนมา เรียนรู้วิธีการย้ายอิฐเหมือนพี่เสือ ลี่เมิ่งเฉินมองพลางส่ายหัว โง่จนไร้หนทางเยียวยาได้แล้ว ชาติก่อนเกิดเป็นหมูหรือไง?


เขาเช็ดเลือดแห้งกรังที่ติดบนจมูก เดินเข้าไปแล้วพูดว่า “ถ้าขุดอยู่แบบนี้ รอพวกคุณขุดเสร็จศพของเจ้านายคุณก็แห้งไปแล้วมั้ง”


เขาไม่แยแสสายตาเกรี้ยวกราดของพี่เสือสักนิดพูดต่อไปว่า “ถ้าคิดอยากจะช่วยเจ้านายของพวกคุณ งั้นก็ฟังคำแนะนำของผม”


ถ้าไม่ใช่เพื่อยาวิเศษแล้วล่ะก็เขาคงไม่สนใจความเป็นความตายของเหยียนหมิงซุ่นกับจ้าวเหมย แถมยังถูกพวกเขาเสยจมูกครั้งแล้วครั้งเล่า เขาไม่ใช่คนร้ายเสียหน่อย!


พี่เสือมองเขาอย่างลังเล เขาก็ไม่ใช่คนโง่พอดูออกว่าร่างทรงตรงหน้ามีความสามารถอยู่พอควร แต่เขาสามารถเชื่อร่างทรงคนนี้ได้จริงหรือ?


“วางใจเถอะ ผมมีสิ่งที่อยากได้จากเหยียนหมิงซุ่น ผมไม่ยอมให้เขาตายตอนนี้แน่นอน และถ้าเมื่อครู่เหยียนหมิงซุ่นฟังคำแนะนำของผมเขาก็คงไม่ตกอยู่ในอันตราย” ลี่เมิ่งเฉินลูบจมูก สูดลมหายใจเข้าลึก


เจ้าบ้าเหยียนหมิงซุ่นแรงเยอะชะมัด จะต้องมีน้ำหนักเกินหนึ่งพันกิโลกรัมแน่ ทำดีให้แต่ไม่รู้ตอบแทน สมน้ำหน้าที่โดนอิฐถล่มใส่!


ตอนที่ 1302 วางแผนผิดพลาด


“ก่อนอื่นไปหารถขุดดินมาก่อน สามคัน……ต้องการแค่สามคัน ตัวเลขนี้เหมาะสมที่สุด หากมากกว่านี้หรือน้อยกว่านี้จะมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพ!”


หลังจากลี่เมิ่งเฉินพูดจบล้วงหยิบปากกาและกระดาษออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เดินรอบโรงงานที่พังถล่มรอบหนึ่ง จากนั้นเขาก็สูดอากาศเข้าไปและเริ่มคำนวณขีดเขียนบนกระดาษอย่างรวดเร็ว ไม่นานตัวเลขและสัญลักษณ์ยาวเป็นห่างว่าวก็ถูกเขียนลงบนกระดาษ


พี่เสือเดินเข้ามาดูอย่างอดไม่ได้ น่าสงสารที่เขาไม่ได้เรียนจบมัธยมต้นด้วยซ้ำ เลขอารบิกเขาพอจะรู้จักแต่เอารวมเข้าด้วยกันกลับกลายเป็นอักขระตัวยึกยือ


“นายกำลังคำนวณอะไรอยู่?” พี่เสือถามเสียงต่ำพลันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา


คุณชายหมิงและคุณหนูจ้าวไม่รู้เป็นตายร้ายดีเช่นไร คาดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่ยังมีกะจิตกะใจมาขีด ๆเขียน ๆ?


“คำนวณตำแหน่งที่ต้องขุด ระเบิดดินปืนระเบิดตรงนี้ ดังนั้นตรงนี้ได้รับความเสียหายมากที่สุด หากไม่ระวังจะเกิดการถล่มครั้งที่สองได้ เช่นนั้นเจ้านายของพวกคุณก็จะเป็นอันตรายมากขึ้น ดังนั้นพวกเราจะต้องเริ่มขุดจากตรงนี่…”


ลี่เมิ่งเฉินสาธยายยาวเหยียด แต่กลับคุยกันไม่รู้เรื่องราวกับเป็ดคุยกับไก่


“คุณรู้ได้ไงว่าระเบิดตรงนี้? เห็นกับตาตัวเองหรือไง?” พี่เสือจ้องเขม็ง เกิดสงสัยขึ้นว่าเจ้าร่างทรงนี้น่าจะสมคบคิดกับตัวการที่ลักพาตัวไป ไม่เช่นนั้นจะรู้ลึกรู้จริงขนาดนี้ได้อย่างไร!


ลี่เมิ่งเฉินถลึงตามองว่าเขาโง่เหมือนหมูแวบหนึ่ง “ความเข้มข้นดินปืนในอากาศแตกต่างชัดเจนขนาดนี้ คุณไม่รู้จักใช้จมูกดมหรือไง?”


หลังจากพูดจบเขาก็ไม่สนใจพี่เสือที่หน้าเขียวเพราะความโกรธอีก คำนวณการกระจายของจุดที่ได้รับความเสียหายในโรงงานต่อไป


ร่างกายของเหยียนหมิงซุ่นได้รับการเปลี่ยนแปลง ความเร็วที่เขาวิ่งเต็มกำลังเปรียบได้กับเสือดาวเร็วกว่าแชมป์โลกวิ่งระยะสั้นในปัจจุบันเสียอีก และต่อให้สิ่งที่ลี่เมิ่งเฉินพูดจะถูกแต่เขาก็ยังมีความมั่นใจว่าจะค้นหาเหมยเหมยและเหยียนซินหย่าเจอภายในห้าสิบวินาทีและพาพวกเขาออกไปได้


เขาพบเหมยเหมยด้านในของมุมโรงงานอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเศษไม้ที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยรอบตัวเธอ เหยียนหมิงซุ่นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อถึงคราวจวนตัวว่าที่ภรรยาของเขาก็ยังไม่ยอมแพ้รู้จักสร้างเกราะกำบังขึ้นมา แบบนี้โอกาสรอดชีวิตก็เพิ่มขึ้น เป็นไปได้มากว่าได้รับบาดเจ็บจนหมดสติไปเท่านั้น


เหยียนหมิงซุ่นพุ่งมาที่ข้างกายเหมยเหมย พอสำรวจบนร่างกายเธอไม่มีบาดแผลสาหัส เลือดบนตัวส่วนใหญ่เป็นของเหยียนซินหย่า เขาถึงได้วางใจแล้วแบกพวกเขาข้างละคนเตรียมจะวิ่งออกไป


ตอนเขาวิ่งเข้ามาใช้เวลาไปสามสิบวินาทีเพราะต้องสอดส่องหาพวกเขาจึงช้าไปหน่อย ตอนนี้หาตัวเจอแล้วใช้เวลายี่สิบวินาทีก็คงพอ


แต่ว่า——


เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งจะวิ่งไปได้แค่ครึ่งทาง ก็ได้ยินเสียงกึกกึกแตกแหลกละเอียด ฉับพลันก็มีแผ่นหินขนาดใหญ่ร่วงลงมาจนเกือบทับตัวเขาแล้ว


เขาสบถด่าอยู่ในใจ ไม่คิดเลยว่าเจ้าร่างทรงลี่เมิ่งเฉินจะคำนวณผิดพลาดไปสิบวินาที!


เวลาแค่สิบวินาทีต่อให้เขามีปีกก็บินออกไปไม่ทัน เหยียนหมิงซุ่นตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยววิ่งกลับไปที่เดิม แล้วเอาไม้กระดานมาเรียงกั้นเป็นเกราะกำบังอย่างรวดเร็ว เขาเพิ่งประกอบเสร็จหนึ่งชิ้นไว้ใช้ปกป้องเหยียนซินหย่าได้พอดี โรงงานก็พังถล่มลงมาอีกครั้ง


เหยียนหมิงซุ่นยกไม้กระดานขึ้นมาบังเหนือศีรษะแล้วใช้ตัวเขาปกป้องเหมยเหมย เค้นกำลังภายในออกมาเพื่อคุ้มกันร่างกาย นับว่าเขาโชคดีไม่น้อยเพราะมุมที่เหมยเหมยเลือกไม่ใช่จุดที่เกิดการระเบิดจึงไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง ไม่มีหินและแผ่นเหล็กขนาดใหญ่ตกลงมา เหยียนหมิงซุ่นจึงแค่ถลอกบางจุดเท่านั้น


เรื่องพวกนี้สำคัญรองลงมาเพราะเขากังวลเรื่องออกซิเจนมากกว่า ตอนนี้พวกเขาอยู่ในพื้นที่แคบที่มีออกซิเจนเบาบาง คงจะยืนหยัดอยู่ได้ไม่นานเท่าไร จากการคาดการณ์ของเขาอย่างมากก็หนึ่งชั่วโมงหรืออาจจะสั้นกว่านี้ด้วยซ้ำ!


และไม่รู้ว่าพวกพี่เสือจะสามารถขุดเศษซากอิฐพวกนี้ออกได้ภายในหนึ่งชั่วโมงหรือไม่!


เหมยเหมยที่โดนแรงสั่นสะเทือนของระเบิดจนหมดสติไป และไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไรแล้ว เธอค่อย ๆฟื้นขึ้นมาแต่ภาพตรงหน้ากลับมืดไปหมด ร่างกายปวดระบม เธอคลำข้างกายตนเองโดยไม่รู้ตัว แล้วก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของคน ๆหนึ่ง


ช่างเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยอะไรขนาดนี้!


“พี่หมิงซุ่น……” เหมยเหมยร้องเรียกอย่างสงสัย


……………………………………..


ตอนที่ 1303 สงสัย


เหมยเหมยนึกว่าเป็นภาพลวงตาของตัวเอง เหยียนหมิงซุ่นกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ชายแดน เขาจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?


ก็เห็น ๆอยู่ว่าตอนระเบิดเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้อยู่ด้วย!


หรือว่าเธอจะตายไปแล้ว?


ตอนนี้อยู่ในนรก ดังนั้นถึงได้เกิดภาพหลอน?


เคยได้ยินมาว่าผีก็ฝันได้เหมือนกัน บางทีตอนนี้เธออาจจะกลายเป็นผีแล้วฝันถึงเหยียนหมิงซุ่น


เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า น้ำตาร้อนผ่าวหยดลงบนมือของเหยียนหมิงซุ่น เธอยังไม่ได้แต่งงานมีลูกให้กับเหยียนหมิงซุ่นเลย เธอไม่อยากตายเลยสักนิด!


สิ่งที่ทำให้เธอเคียดแค้นที่สุดก็คือ ชาตินี้เธอต้องมาตายด้วยน้ำมือของอู่เยวี่ยอีกแล้ว!


“สวรรค์ ทำไมท่านถึงได้ทำกับฉันแบบนี้? หรือท่านกำหนดให้ฉันต้องตายด้วยน้ำมืออู่เยวี่ยทุกชาติทุกภพ ถ้าเป็นแบบนี้ท่านจะให้ฉันกลับมาทำไม? สู้ปล่อยให้ฉันเวียนว่ายตายเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานยังจะดีกว่า!”


เดิมทีเหยียนหมิงซุ่นอยากสร้างความประหลาดใจให้แก่ว่าที่ภรรยาของเขา แต่ใครจะไปรู้ว่าจู่ ๆเหมยเหมยจะร้องห่มร้องไห้ เขายังไม่ทันได้ปลอบใจก็ได้ยินคำพูดที่สร้างความงงงวยให้แก่เขา


อะไรคือต้องตายด้วยน้ำมืออู่เยวี่ยทุกชาติทุกภพ?


กลับมาเรื่องอะไร?


เหมยเหมยกลับมาจากที่ไหน?


แล้วเกิดอะไรขึ้นกับอู่เยวี่ยอีกล่ะ?


คำถามข้อสุดท้ายเหยียนหมิงซุ่นได้คำตอบในทันที ดูเหมือนว่าการระเบิดครั้งนี้ตัวการน่าจะเป็นอู่เยวี่ยอย่างไม่ต้องสงสัย อู่เยวี่ยนังตัวดี เขาประเมินตัวเธอต่ำเกินไป กลับไปจะจัดการผู้หญิงคนนี้แน่นอน


ถึงแม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัย เหยียนหมิงซุ่นไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้ สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือการปลอบโยนว่าที่ภรรยาโดยเร็ว ออกซิเจนมีจำกัด ถ้าเสียใจหรือดีใจหนัก ๆจะทำให้สิ้นเปลืองออกซิเจน


“เหมยเหมยไม่ต้องกลัว…มีพี่อยู่ด้วย…ไม่ต้องกลัว!”


เหยียนหมิงซุ่นออกแรงกระชับกอดเหมยเหมย ออดอ้อนเสียงเบา


ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยและทำให้จิตใจสงบ เหมยเหมยก็ปรายตามองขึ้นไปโดยไม่รู้ตัว แต่มันกลับเป็นสีดำสนิทจนมองไม่เห็นอะไรเลย


ความมืดมิดที่มองไม่เห็นอะไรเลยเช่นนี้ทำให้เธอกลัว จึงอดไม่ได้ที่จะขดตัว


“ไม่ต้องกลัว พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไรแล้วนะ เดี๋ยวพวกเราก็ออกไปกันได้แล้ว……”


เหยียนหมิงซุ่นตบหลังเธอเบาๆ น้ำเสียงนุ่มนวลค่อย ๆปลอบใจเหมยเหมยที่กำลังตื่นกลัว เวลานี้เหมยเหมยถึงได้เชื่อ ว่าเป็นเหยียนหมิงซุ่นจริง ๆ แต่ว่า ——


“พี่หมิงซุ่น พี่มาได้ไงคะ?” เหมยเหมยถาม


เหยียนหมิงซุ่นเล่าสถานการณ์คร่าว ๆให้ฟัง เหมยเหมยน้ำตาไหลรินอีกครั้ง รู้สึกซาบซึ้งใจอยู่บ้างแต่ที่มากกว่านั้นคือโกรธตัวเอง “เป็นฉันที่ทำร้ายพี่ พี่หมิงซุ่นทำไมพี่ถึงได้โง่ขนาดนี้ พี่ไม่ควรเข้ามาเลย…”


“เหมยเหมยหยุดร้องไห้ได้แล้ว ออกซิเจนมีจำกัด พวกเราต้องสงบสติอารมณ์ ไม่อย่างนั้นออกซิเจนจะอยู่ได้ไม่นาน” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเบา น่าเสียดายที่ตอนนี้มองไม่เห็นอะไรเลย ไม่สามารถปลอบโยนเจ้าหญิงน้อยของเขาดี ๆได้


“อืม…ฉันจะสงบ ฉันจะต้องสงบสติอารมณ์……พี่หมิงซุ่น แม่ของฉันเป็นอย่างไรบ้าง?”


เหมยเหมยพยายามกลั้นร้องไห้ นึกถึงเหยียยซินหย่าขึ้นมาได้ ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรไหม


“อาการบาดเจ็บสาหัสมากแต่ว่าน่าจะสามารถทนไปได้สักพัก ไม่ต้องกังวล น้าเหยียนจะต้องไม่เป็นอะไร” ในใจของเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่แน่ใจ เขาเพิ่งดูอาการบาดเจ็บของเหยียนซินหย่าคร่าว ๆ มีดแทงเข้าที่ขั้วหัวใจห่างจากหัวใจแค่เพียงเล็กน้อย อดทนมาได้ถึงตอนนี้ก็นับว่าอัศจรรย์มากแล้ว


อันที่จริงโชคดีที่เหยียนซินหย่าดื่มยาวิเศษบำรุงร่างกายสม่ำเสมอ และตอนบาดเจ็บเหมยเหมยก็ยังป้อนยาให้เธออีก ถึงรักษาลมหายใจเอาไว้ได้ แต่ถ้าไม่พบแพทย์ให้ทันเวลาคงยากที่จะรักษาชีวิตไว้ได้


เหมยเหมยมุดอยู่ในอ้อมแขนของเหยียนหมิงซุ่น เล่าวิธีการลักพาตัวเธอและเหยียนซินหย่าของสองแม่ลูกอู่เยวี่ย แล้วพูดอย่างโกรธแค้นว่า “รอออกไปได้ก่อนเถอะ ฉันจะฆ่าอู่เยวี่ยให้ได้เลย!”


เหยียนหมิงซุ่นแววตาเป็นประกาย เขาจำสิ่งที่เหมยเหมยพูดเมื่อครู่นี้ได้จึงอดถามไม่ได้ว่า “เหมยเหมย เมื่อก่อนอู่เยวี่ยเคยทำร้ายเธอด้วยหรือ?”


ตอนที่ 1304 มิติถูกเปิดเผย


เหมยเหมยใจเต้นแรง เธอเพิ่งได้สตินึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เธอคิดว่าตนเองตายแล้ว จึงได้ตำหนิสวรรค์ไปมากมาย เหยียนหมิงซุ่นต้องได้ยินแน่ ๆ


เธอจะทำอย่างไรดี?


หรือว่าเธอสารภาพกับเหยียนหมิงซุ่นไปตรง ๆเลยดี?


แบบนี้เหยียนหมิงซุ่นจะหาว่าเธอเป็นตัวประหลาดไหม?


แต่ถ้าหากไม่สารภาพ เธอจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเช่นไร?


“เอ่อ…เคยทำร้ายฉันมาก่อน…” เหมยเหมยพูดตะกุกตะกัก ใจเต้นโครมคราม


เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจไม่ได้ซักไซ้ถามต่อ ยัยเด็กบื้อไม่รู้วิธีการโกหก พอโกหกก็จะประหม่าพาลทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ซึ่งแบบนี้ไม่ดีแน่เพราะออกซิเจนมีไม่เพียงพอ


รอออกไปได้แล้วเขาค่อย ๆซักไซ้ไล่เรียงเด็กบื้อนี้อีกทีแล้วกัน!


อันที่จริงเขาคาดเดาไว้ในใจอยู่แล้วแต่กลับไม่กล้ายืนยัน แต่เขารู้สึกว่าน่าจะเป็นอย่างที่เขาคิด แบบนี้ก็สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเหมยเหมยที่อายุสิบสองปีถึงนิสัยใจคอเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ จากอดีตที่เคยอดทนต่อสิ่งแวดล้อมที่โหดร้ายกลับกลายมาเริ่มต่อต้านตระกูลอู่!


“ไม่ต้องคิดมากแล้ว รักษาระดับการหายใจไว้ พูดให้น้อยหน่อย”


เหมยเหมยพรูลมหายใจ ไม่ถามก็ดีแล้วเธอนึกไม่ออกเลยว่าจะตอบอย่างไรดี!


อาจจะมีสักวันที่เธอบอกเหยียนหมิงซุ่นทุกอย่าง แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน


เวลาผ่านไปช้า ๆ เหมยเหมยรู้สึกว่าอากาศค่อยๆเบาบางลง หายใจได้อย่างยากลำบาก ภาพตรงหน้าพร่ามัว รู้สึกคลื่นไส้ในทรวงอก แต่เธอก็พยายามอดทนไว้ไม่อยากให้เหยียนหมิงซุ่นกังวลเป็นกังวล


เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกถึงความผิดปกติของเหมยเหมยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาได้นานแล้ว แต่เขาก็จนปัญญาที่จะช่วย เขาพยายามใช้ออกซิเจนให้น้อยที่สุด เขาเคยผ่านการฝึกฝนพิเศษซึ่งคล้ายกับวิธีการหายใจของเต่า โดยสามารถบังคับความถี่ของการหายใจได้ เพื่อนำมาใช้ปรับให้เข้ากับสภาพทางภูมิศาสตร์พิเศษ


แต่เหมยเหมยไม่เคยได้รับการฝึกฝนแบบนี้มาก่อน!


เหยียนหมิงซุ่นปรารถนาให้ตนเหมือนนักมายากล เสกถังออกซิเจนออกมาได้


“ฉันไม่เป็นไร… พี่หมิงซุ่นไม่ต้องเป็นห่วง…ฉันยังอยากแต่งงานกับพี่อยู่นะ…”


เหมยเหมยพูดเสียงเบา พยายามให้ตนเองพูดออกมาช้า ๆ เพื่อไม่ให้เหยียนหมิงซุ่นรู้ว่าตอนนี้เธออาการไม่ดีนัก


“ไม่ต้องพูดแล้ว…แล้วก็อย่าหลับตา…ต้องลืมตาเอาไว้นะ…” เหยียนหมิงซุ่นกำชับไม่หยุด กลัวว่าเหมยเหมยจะหลับไป ภายใต้สถานการณ์แบบนี้การนอนหลับหมายถึงความตาย


เหมยเหมยตอบรับเสียงเบาเพราะเธอไม่มีแรงจะพูดแล้ว แต่เธอรับรู้ได้ว่าเหยียยหมิงซุ่นเป็นกังวล จึงยื่นมือไปตบเขาเบา ๆให้เขารู้ว่าตัวเองไม่เป็นอะไร


ท่าเคลื่อนไหวที่ง่ายดายตามปกติของเธอ ตอนนี้กลับดูยากลำบากกว่าการยกก้อนหินเสียอีก เสียเวลานานมากกว่าเหมยเหมยจะแตะถึงแขนของเหยียนหมิงซุ่น แต่กลับลูบเจอของเหลวเหนียวติดมือ


“พี่หมิงซุ่นพี่ได้รับบาดเจ็บเหรอ?”


เหมยเหมยลุกพรวดขึ้นมาอย่างร้อนรน อยากจะตรวจดูอาการของเขา พลันยิ่งโมโหตัวเองที่ลืมนึกไปว่าเหยียนหมิงซุ่นใช้ร่างกายปกป้องเธอโดยเอาตัวเองคุ้มกันไว้ด้านนอก แล้วแบบนี้จะไม่ให้โดนทับได้ไงล่ะ?


ทำไมเธอถึงได้โง่ขนาดนี้!


“ไม่เป็นไร…อย่าขยับ!”


เหยียนหมิงซุ่นส่งเสียงร้อง เหมยเหมยโดนบาดแผลของเขา


เมื่อครู่รีบร้อนไปหน่อย เหมยเหมยยิ่งหายใจถี่และหายใจเข้าออกอย่างยากลำบาก ภาพตรงหน้าก็เริ่มมืดลงเช่นกัน แต่เธอยังคงได้ยินเสียงร้องครวญครางของเหยียนหมิงซุ่น ก็ยิ่งร้อนใจคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นได้รับบาดเจ็บสาหัส


เธอนำไฟฉายออกจากมิติเล็กโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น เพื่อเธอแล้วเหยียนหมิงซุ่นถึงยอมเสี่ยงตายเข้ามา ต่อให้เรื่องมิติเล็กจะถูกเปิดเผยแล้วจะทำไม?


เธอจะใจแคบเห็นแก่ตัวขนาดนี้ได้อย่างไร?


แสงที่ฉายขึ้นมาฉับพลันทำให้เหยียนหมิงซุ่นต้องหรี่ตาลง เขามองไปที่ไฟฉายในมือเหมยเหมยด้วยความประหลาดใจและข้อสงสัยมากมาย


เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าตอนที่พุ่งเข้ามาช่วย ข้างกายเหมยเหมยไม่มีกระเป๋าเป้และไม่มีกระเป๋าในตัวที่สามารถใส่ไฟฉายได้เลย ถ้าอย่างนั้น ——


ไฟฉายอันนั้นของเธอเอามาจากไหนล่ะ?


…………………………………………..


ตอนที่ 1305 ขาดออกซิเจนอย่างรุนแรง


เหมยเหมยก็ไม่ได้อธิบายต่อ เวลานี้เธอหงุดหงิดมาก หากเธอใส่ถุงออกซิเจนสักสองสามถุงไว้ในมิติเล็กคงไม่ต้องอยู่ในสภาวะลำบากแบบนี้หรอก ถ้าครั้งนี้ออกไปได้เธอจะต้องเตรียมถุงออกซิเจนเอาไว้หน่อยแล้ว


เธอส่องไฟฉายไปที่ตัวของเหยียนหมิงซุ่น เห็นรอยแผลเลือดซึมบนร่างกายของเขาก็อดตาแดงก่ำไม่ได้ แต่เธอพยายามกลั้นไว้อีกครั้ง


เธอไม่สามารถสิ้นเปลืองออกซิเจนได้อีกแล้ว!


“ไม่ต้องกลัว… แค่แผลภายนอกเท่านั้น” เหยียนหมิงซุ่นอธิบายรวบกระชับ และไม่ได้ถามว่าไฟฉายในมือของเหมยเหมยเอามาจากไหน ถ้าหากเหมยเหมยอยากบอก เธอคงเป็นฝ่ายเปิดปากบอกเอง


“ฉันมี… ยารักษา…”


เหมยเหมยหายใจหอบตอบ เธอหยิบยาหยุนหนานไป๋เหยาออกจากมิติฟันที่คอของเธอต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่น เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่เตรียมของใส่ไว้ในมิติเล็ก เธอเตรียมยาหยุนหนานไป๋เหยาเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินด้วย


เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้วมองไปที่คอของเหมยเหมยด้วยความสนใจ ลำคอที่เปื้อนเลือดและฝุ่นเต็มไปหมดไม่ขาวผ่องเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่เขาก็ยังมองออกว่าที่ว่างรอบคอเมื่อครู่กลับปรากฏเชือกเส้นแดงเส้นหนึ่ง น่าจะเป็นเครื่องประดับ ไม่ใช่ไฟฉายและยาหยุนหนานไป๋เหยาอย่างแน่นอน


เจ้าหญิงน้อยของเขามีความลับสำคัญ!


และเธอก็ไม่คิดที่จะปิดบังแล้ว!


จุดนี้ทำให้เขาดีใจมาก บาดแผนบนร่างกายก็ไม่รู้สึกว่าเจ็บอีกต่อไปแล้ว


“พี่ทาเอง…” เหยียนหมิงซุ่นรับยามาสาดลงไปบนแผลไม่น้อย ผลลัพธ์ไม่เลวเพราะเลือดหยุดไหลแล้ว ความเจ็บก็เบาลงไปพอสมควร


เหมยเหมยหยิบยาน้ำออกมาอีก ตัวเองดื่มไปสองสามหยดพลันรู้สึกสบายขึ้นมากแล้วส่งให้เหยียนหมิงซุ่นดื่มต่อ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเพิ่มออกซิเจนได้ แต่เพิ่มความทนทานให้ร่างกายได้


“ออกไปฉันค่อยอธิบาย…” เหมยเหมยพูดเสียงเบา


ในเมื่อตัดสินใจเปิดเผยเรื่องมิติเล็กนี่แล้ว แน่นอนว่าเธอจะไม่ปิดบังเหยียนหมิงซุ่นอีกต่อไป เธอคิดได้แล้วหากสามารถออกไปได้อย่างปลอดภัย เธอจะบอกความลับทั้งหมดให้เหยียนหมิงซุ่นรู้ เหยียนหมิงซุ่นยอมตายเพื่อเธอ เธอจึงไม่ต้องการปิดบังมันอีกต่อไป


แม้ว่าจะดื่มยาน้ำไปแล้ว แต่ก็มิอาจต้านทานความเบาบางของอากาศได้ แม้แต่เหยียนหมิงซุ่นก็ยังรู้สึกอึดอัด ไม่ต้องพูดถึงเหมยเหมยเลย เพราะตอนนี้ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีเขียวม่วงแล้ว สติก็พร่าเลือน


เป็นอาการขาดออกซิเจนอย่างรุนแรง ถ้ายังออกไปไม่ได้เหมยเหมยคงอยู่ได้นานไม่เกินห้านาที


“ครืด… คราด…”


เสียงเบาดังลอยมาเหมือนมีคนกำลังเจาะกำแพงด้านนอกและเคลื่อนย้ายอิฐ สีหน้าของเหยียนหมิงซุ่นพลันลิงโลดขึ้นมาทันที พวกพี่เสือเจาะเข้ามา ฟังจากเสียงน่าจะอยู่ไม่ไกลมาก เขาและเหมยเหมยน่าจะสามารถออกไปได้ในไม่ช้า


“เหมยเหมยอย่าหลับ อีกไม่นานพวกเราก็ออกไปกันได้แล้ว อดทนหน่อยนะ…”


เหยียนหมิงซุ่นตบหน้าของเหมยเหมยเบา ๆ เพื่อช่วยเรียกสติ เหมยเหมยปรือตาเล็กน้อยแล้วหันไปส่งยิ้มให้เหยียนหมิงซุ่น พึมพำว่า “พี่หมิงซุ่น…ฉันยังมีความลับอีกเยอะแยะเลย…ที่ยังไม่ได้บอกพี่…ฉันไม่ได้ตั้งใจ…จะปิดบังพี่…นะ พี่…อย่า…โมโหนะ…”


“ไม่ต้องพูดแล้ว เหมยเหมยอดทนหน่อยนะ…พี่รอเธอออกไปก่อนค่อยเล่าให้ฟัง…ต้องอดทนไว้นะ…”


เหยียนหมิงซุ่นสูดหายใจเข้าลึกเอาออกซิเจนที่เขาเก็บไว้ในปอดประกบปากส่งให้เหมยเหมย เหมยเหมยรู้สึกดีขึ้นบ้างแต่สีหน้าของเหยียนหมิงซุ่นกลับดูแย่


“ไม่เอาแล้ว…”


อยู่ดี ๆเหมยเหมยก็มีแรงขึ้นมา เธอปิดปากแน่น ไม่ยอมให้เหยียนหมิงซุ่นส่งออกซิเจนให้เธออีก หากไม่มีเธอเป็นตัวถ่วงเหยียนหมิงซุ่นจะต้องหนีออกไปได้แน่นอน


เธอไม่สามารถทำร้ายเหยียนหมิงซุ่นได้อีกต่อไปแล้ว!


ระหว่างที่ทั้งคู่ไม่มีใครยอมใคร ไฟฉายในมือของเหยียนหมิงซุ่นตกลงพื้น ทันใดนั้นเขาก็คิดอะไรขึ้นมาได้ นึกถึงการทดลองเล็ก ๆที่เมื่อก่อนเคยอ่านเจอในหนังสือ ตอนนี้มีหนึ่งในอุปกรณ์มีอยู่แล้วแล้ว หากมีอีกอุปกรณ์อีกอันเขาก็สามารถช่วยเหมยเหมยได้แล้ว


ตอนที่ 1306  ออกซิเจนทำมือ


“เธอมีน้ำไหม?”


เหยียนหมิงซุ่นมองไปที่เหมยเหมยอย่างรีบร้อน ขอแค่มีน้ำก็จัดการได้แล้ว


เหมยเหมยมีสติมากขึ้น เธอพยักหน้าคิดไปว่าเหยียนหมิงซุ่นต้องการดื่มน้ำ หยิบกาน้ำพลาสติกขนาดใหญ่ออกมาจากมิติ เธอใช้กาน้ำพลาสติกความจุห้ากิโลกรัมแล้วใส่จนเต็มกา


เหยียนหมิงซุ่นมีพลังฮึกเหิมขึ้นมาบ้าง มีน้ำมากขนาดนี้เขารับประกันได้ว่าออกซิเจนต้องมีเพียงพอ


ไม่ผิดหรอก… เหยียนหมิงซุ่นคิดวิธีสร้างออกซิเจนด้วยมือได้แล้ว ไฟฉายเมื่อครู่ทำให้นึกขึ้นได้ มันทำให้เขานึกถึงการทดลองเอาน้ำมาสังเคราะห์ด้วยไฟฟ้าที่เขาเคยอ่านมาก่อน


น้ำประกอบไปด้วยอะตอมของไฮโดรเจนและอะตอมของออกซิเจน เพียงแค่ใช้ไฟฟ้าเพื่อแยกอะตอมทั้งสองชนิดนี้ ก็จะสามารถสร้างไฮโดรเจนและออกซิเจนได้ แม้ว่าจำนวนจะน้อยแต่เพียงพอสำหรับรอคอยคนด้านนอกมาช่วย


“มีดินสอไหม” ถามอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะมีลวดเหล็กบาง ๆแล้ว แต่มันจะดีกว่าถ้าเขามีไส้ดินสอเป็นสื่อ กระแสไฟฟ้าจะไหลได้ดีกว่าลวดเหล็ก


เหมยเหมยพยักหน้า คลำหาดินสอออกมาได้หนึ่งแท่ง เป็นดินสอ2B


ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นคิดจะทำอะไร แต่เธอรู้สึกได้ว่าเหยียนหมิงซุ่นกำลังคิดหาวิธีช่วยชีวิตพวกเราสามคน เธอนับถือในความสามารถวิสัยทัศน์ของผู้บริหารระดับสูงในอนาคตของเธอมาก พอรู้สึกว่าเธอมีโอกาสรอด อารมณ์ก็ดีขึ้นมาไม่น้อยเช่นกัน


เหยียนหมิงซุ่นหยิบมีดขูดเบา ๆ ไส้ดินสอ2B ทั้งสองแท่งก็ถูกลอกเปลือกออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เหยียนหมิงซุ่นหมุนปลอกไฟฉายเพื่อเอาถ่านออกมา เหมยเหมยหยิบไฟฉายขนาดใหญ่กว่าออกมา ด้านในมีถ่านไฟฟ้าสี่ก้อนน่าจะเพียงพอใช้ได้ในระยะหนึ่ง


“ฉันยังมีถ่ายไฟฟ้าอีก…”


เหมยเหมยคลำหาถ่านไฟฟ้ามาได้อีกสิบก้อน เป็นถ่านไฟฟ้า 5V ขนาดใหญ่ทั้งนั้น เธอเตรียมไว้สิบกว่าก้อน


เหยียนหมิงซุ่นดีใจจนอยากกอดว่าที่ภรรยาของเขาและกัดแรง ๆสักที ทำไมถึงได้คิดรอบคอบขนาดนี้นะ!


“มีเกลือไหม?”


เหยียนหมิงซุ่นถามอีกครั้ง เกลือสามารถเพิ่มการนำไฟฟ้าของน้ำได้ซึ่งถ้ามีจะดีกว่า เหมยเหมยก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง คลำหาถุงเกลือออกมาได้หนึ่งถุงและตามมาอีกสองขวด ก็เป็นเหยียนหมิงซุ่นที่ถามหาอีกเช่นกัน


ทุกอย่างเตรียมพร้อม เหยียนหมิงซุ่นเหลือบไปมองสีหน้าของเหมยเหมยที่เขียวม่วง ก็รีบดำเนินการเชื่อมต่อถ่านไฟฟ้าสิบก้อนเข้าด้วยกัน แบ่งไส้ดินสอสองแท่งวางบนขั้วทั้งสองของถ่านไฟฟ้า จากนั้นแบ่งไส้ดินสออีกแท่งสอดลงในขวดทั้งสอง นำขวดคว่ำลงไปในกะละมังใบใหญ่


แน่นอนว่ากะละมังใบใหญ่เหมยเหมยที่หาให้  มิติเล็กของเธอมีทุกอย่าง ของกินของใช้เครื่องดื่มมีครบ


เหยียนหมิงซุ่นจ้องไปที่ขวดทั้งสอง เขาไม่รู้ว่าเขาทำถูกขั้นตอนไหม หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่น


ขอแค่อดทนต่ออีกสักสิบนาทีก็พอ เสียงภายนอกดังแว่วใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ น่าจะขุดมาถึงที่นี่ได้ภายในสิบนาที


สวรรค์ไม่รังแกคนที่มีความตั้งใจ!


สักพักในขวดก็ปรากฏฟองผุดขึ้นมาเป็นพรวน เหยียนหมิงซุ่นดีใจสุดขีดแล้วรีบไปอุ้มเหมยเหมยมาที่ข้างขวด ให้เธอหายใจเอาออกซิเจนจากขวด ตัวเองก็โน้มตัวเข้าไปสูดออกซิเจนเช่นกันแต่จะให้สิ้นเปลืองไม่ได้


ถึงแม้ว่าออกซิเจนจะไม่มาก แต่สำหรับพวกเขาในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับน้ำค้างช่วยชีวิต รู้สึกสบายตัวขึ้นมากทันที


“แม่ฉัน…”


เหมยเหมยนึกถึงเหยียนซินหย่าขึ้นมา ไม่รู้ว่าอาการของเธอเป็นอย่างไรบ้าง


โชคดีที่เหยียนซินหย่าได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงหายใจแผ่วเบา ยังมีสภาพดีกว่าเหมยเหมยหน่อย เหยียนหมิงซุ่นหยิบหลอดมาสอดเข้ารูจมูกของเหยียนซินหย่า แล้ววางปลายอีกด้านไว้ที่ปากขวด


“พี่หมิงซุ่น เก่งชะมัด!”


เหมยเหมยมองไปที่เหยียนหมิงซุ่นอย่างชื่นชม สมแล้วที่เป็นนักเรียนดีเด่น แม้แต่วิธีการแบบนี้ก็ยังคิดได้ คนโง่แบบเธอมีสิ่งของมากมายแต่กลับไม่รู้ว่าใช้การอย่างไร


เหยียนหมิงซุ่นกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ โดยเฉพาะตอนได้รับสายตาชื่นชมของเจ้าหญิงน้อยของตัวเอง และแน่นอนเขาก็คิดว่าตัวเขาค่อนข้างเก่งอยู่เหมือนกัน


มีเสียงแว่วจากด้านนอกใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ตอนที่เหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยคิดว่าจะได้ออกไปแล้ว จู่ ๆเสียงก็หยุดลง!


…………………………………………..


 ตอนที่ 1307 ใกล้ตายแล้ว


เกิดอะไรขึ้น?


เหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นต่างมองหน้ากัน ทำไมจู่ ๆถึงหยุดไปล่ะ?


มีเสียงแว่วดังมาจากข้างนอก เหยียนหมิงซุ่นหูดีจึงพอจะจับใจความได้ว่าเหมือนมีคนกำลังเถียงกันอยู่ ตั้งใจฟังดีๆ เหมือนว่าจะเป็นเสียงของลี่เมิ่งเฉินและพี่เสือ


สองคนนี้กำลังทำอะไร?


เวลาแบบนี้ยังจะทะเลาะกันอีก?


รถขุดดินสามคันทำงานภายใต้คำสั่งของลี่เมิ่งเฉิน แบ่งกันออกกันเป็นสามทิศทางและเริ่มขุด เพราะกังวลว่าจะขุดโดนเหยียนหมิงซุ่นจึงต้องดูให้แน่ใจก่อนถึงจะลงขุด ดังนั้นความเร็วในการขุดจึงช้ามาก นอกจากความเร็วจะช้าไปหน่อยแต่ อย่างอื่นราบรื่นดี


เมื่อเห็นว่าพวกเขาเกือบจะขุดถึงสถานที่เหยียนหมิงซุ่น ลี่เมิ่งเฉินกลับบอกให้รถหยุดขุด


“ขุดต่อไปไม่ได้แล้ว ฐานโครงสร้างที่นี่เริ่มหลวมแล้ว ถ้าขุดต่อไปอาจจะพังถล่มลงมาอีกครั้งจนถึงขั้นยุบตัวลงไปได้” ลี่เมิ่งเฉินสีหน้าท่าทางดูจริงจังมาก


เขาเพิ่งนึกย้อนกลับไปพลันจำได้ว่าที่ดินผืนนี้เคยเป็นที่นามาก่อน ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนเป็นเขตอุตสาหกรรม


ที่นาเนื้อดินจะร่วนอ่อนนุ่ม ต่อให้ฐานโครงสร้างตอกลงไปลึกแต่ก็ง่ายต่อการถล่มยับตัวอยู่ดี ประกอบกับในช่วงไม่กี่ปีมานี้อัตราประชากรในเมืองจินเพิ่มขึ้นจึงสูบเอาน้ำบาดาลออกเป็นจำนวนมาก ทั้งเมืองจึงยุบตัวลงดังนั้นโรงงานเองก็กำลังจะยุบถล่มลงไปแล้ว


ตอนนี้ดันโดนระเบิด พอผ่านการโดนระเบิดไปครั้งหนึ่งชั้นดินจึงได้รับการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แน่นอนว่าฐานโครงสร้างคงไม่มั่นคงอยู่แล้ว ถ้าพวกเขายังขุดแบบนี้ต่อไปเกรงว่าตัวฐานโครงสร้างที่สั่นคลอนโยกเยกจะพังถล่มลงมา เมื่อถึงเวลานั้นหากคิดจะช่วยก็คงยากแล้ว


และยังไม่รู้ว่าจะลากพวกเหยียนหมิงซุ่นขึ้นมาได้หรือไม่!


“ตอนแรกนายเป็นคนบอกให้ขุด ตอนนี้นายกลับบอกว่าไม่ต้องขุดแล้ว สรุปจะให้ขุดไหม?” พี่เสือที่เก็บความโกรธเอาไว้ถึงขั้นสุดก็ปรี๊ดแตก


ลี่เมิ่งเฉินถอยห่างออกมา มองพี่เสือที่กำลังเกรี้ยวโกรธอย่างรังเกียจ “สถานการณ์ตอนนี้กับก่อนหน้านี้ไม่เหมือนกัน ตอนนี้แน่นอนว่าขุดต่อไม่ได้แล้ว นอกจากว่าคุณ…คุณอยากให้เจ้านายของคุณตาย”


“ฉันจะซัดแกให้เละเลย!” พี่เสือโมโหกระฟัดกระเฟียดชูกำปั้นขึ้นเตรียมชก ลี่เมิ่งเฉินรีบกระโดดหลบไปไกล ถ้าเขาได้รับหมัดอีกครั้งจมูกต้องหักแน่นอน


“ถ้าคุณล่าช้าต่อไปอีก ผมก็รับประกันไม่ได้ว่าเจ้านายของคุณจะอดทนไหว!” ลี่เมิ่งเฉินตีหน้านิ่งแต่ภายในใจกลับร้อนรุ่ม


เหยียนหมิงซุ่นห้ามตายเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเขาจะขอยาวิเศษจากใคร?


“พูดจาไร้สาระ คุณชายหมิงจะตายได้อย่างไรกัน?” พี่เสือตำหนิด้วยความโมโห


เขาเลื่อมใสศรัทธาในตัวเหยียนหมิงซุ่นมาก เขาเคยเห็นเหยียนหมิงวิ่งแข่งกับหมาป่ามากับตาตนเองและผลที่ได้คือเสมอกัน เมื่อครู่ที่อาคารพังถล่มลง ด้วยความเร็วและทักษะของคุณชายหมิงจะต้องหาที่เบี่ยงหลบได้อย่างปลอดภัยแน่นอน


ลี่เมิ่งเฉินส่งเสียงฮึเบา ๆ “เจ้านายของพวกคุณต่อให้วิ่งไวกว่าเสือดาว แต่ถ้าไม่มีออกซิเจนเขาก็ตายอยู่ดี”


“นายหมายความว่ายังไง?” พี่เสือซักไซ้ แต่ก็พลันนึกถึงเหตุผลขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว หน้าถอดสีแล้วรีบคว้าพลั่วพุ่งตัวไปขุดเอาพวกเศษซากอิฐออกต่อ


ลี่เมิ่งเฉินจับเขาเอาไว้ “คุณขุดแบบนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก เมื่อครู่ผมคำนวณตามความเป็นไปได้ที่มากที่สุด สมมติว่าทั้งสามยังมีชีวิตอยู่ พวกเขายังมีออกซิเจนหายใจอีกสามชั่วโมง”


พี่เสือเผยสีหน้าดีใจ เขายกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาวางใจมากขึ้นกว่าเดิม แล้วก่นด่าอย่างไม่สบอารมณ์ “นายพูดจาซี้ซั้วบ้าบออะไรกัน? ตอนนี้เพิ่งผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงครึ่ง ยังเหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงครึ่ง มันมากพอที่จะหาคุณชายหมิงแล้ว”


กรอกตามองบนส่งสายตาดูถูกเหยียดหยามให้ทีหนึ่ง ลี่เมิ่งเฉินพูดอีกรอบหนึ่ง “นี่เป็นความเป็นไปได้ที่มากที่สุดที่ฉันคำนวณได้ แต่ยังมีความเป็นไปได้ที่น้อยที่สุดด้วย นั่นหมายความว่าอาจจะไม่มีออกซิเจนเลยและโดนทับตายไปแล้ว” เขามองข้ามสายตาที่เหมือนอยากจะฆ่าคนของพี่เสือ พูดเสริมว่า “จับความเป็นไปได้ทั้งสองมารวมกันแล้วแบ่งหาค่าเฉลี่ย มีความเป็นไปได้ว่าเจ้านายของคุณอาจจะยังมีออกซิเจนใช้หายใจอีกชั่วโมงครึ่ง”


พี่เสือนิ่งตะลึง สมองไม่สามารถใช้งานได้ชั่วขณะ


ลี่เมิ่งเฉินเตือนด้วยความหวังดี “ตอนนี้ใกล้จะหนึ่งชั่วโมงครึ่งแล้ว ตอนนี้เจ้านายของพวกคุณน่าจะขาดออกซิเจนอย่างรุนแรงจนใกล้ตายแล้วล่ะ”


ตอนที่ 1308 ทำไมไม่มีระเบิด?


พี่เสือโมโหจนพุ่งหมัดเข้าไปชกอีกครั้ง ครั้งนี้ลี่เมิ่งเฉินเตรียมพร้อมนานแล้วจึงหลบได้อย่างสบาย ๆ


“เอาเวลาต่อยผมมาคิดหาวิธีช่วยเจ้านายของคุณจะดีกว่านะ!” หลี่เมิ่งเฉินเป็นกังวลมาก


แม้ว่าการคำนวณของเขาจะคลาดเคลื่อนไปบ้างแต่คงไม่คลาดเคลื่อนมากเท่าไร ถ้าเช่นนั้นตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นน่าจะอันตรายมากต้องรีบเอาตัวออกมาให้เร็วที่สุด


“จะช่วยอย่างไร? ต่อให้เร็วแค่ไหนพวกเราก็ไม่สามารถขุดที่นี้ได้ภายในสิบนาที!” พี่เสือเสียใจเป็นอย่างมาก


หรือว่าครั้งนี้คุณชายหมิงจะหนีไม่พ้นแล้ว?


ลี่เมิ่งเฉินรีบเดินไปรอบ ๆอาคารโรงงานด้วยใบหน้าครุ่นคิดอีกครั้งแล้วก็วิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาฉายแววดีใจ “อันที่จริงมีอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยชีวิตเจ้านายของพวกคุณได้”


“รีบ ๆพูดมาสิ!” พี่เสืออดกลั้นไม่ให้พุ่งตัวเข้าไปชก เจ้าร่างทรงนี้ยียวนกวนประสาทเสียจริง ก็รู้อยู่ว่าตอนนี้เขาจิตใจร้อนรุ่มยังมัวแต่มาเล่นอะไรอยู่อีก?


ลี่เมิ่งเฉินเม้มปาก รู้สึกไม่พอใจต่อท่าทีของพี่เสือแต่ก็ไม่โกรธอะไร อารมณ์ของพี่เสือในตอนนี้เขายังพอจะเข้าใจอยู่บ้าง เขาโตเป็นผู้ใหญ่พอแล้วจึงไม่คิดถือสาคิดเล็กคิดน้อยคนพวกนี้หรอก


“ง่ายมาก ขอแค่แน่ใจตำแหน่งที่เหยียนหมิงซุ่นอยู่ ผมก็สามารถขุดเปิดที่นี่ออกได้ภายในสิบนาที” ลี่เมิ่งเฉินเชื่อมั่นในตนเองมาก


เหยียนหมิงซุ่นฟังอยู่นาน ถึงแม้จะฟังได้ไม่ค่อยชัดแต่จับใจความคร่าว ๆได้  ลี่เมิ่งเฉินต้องการรู้ตำแหน่งของเขา ดังนั้น ——


เขาหยิบอิฐครึ่งก้อนขึ้นมาจากพื้น ใช้แรงเคาะส่งเสียงไปทางต้นเสียงจนเกิดเป็นเสียงเสียดหู แต่สำหรับหูของพวกพี่เสือกลับเหมือนเป็นเสียงแห่งสวรรค์


“ต้องเป็นคุณชายหมิงแน่นอน พวกเราขุดไม่ผิด คุณชายหมิงอยู่ข้างในนี้แหละ”


พี่เสือมีดีใจสุดขีด มองเจ้าร่างทรงนี้เข้าตาขึ้นบ้าง แล้วพูดเร่งเขาว่า “ตอนนี้รู้ตำแหน่งแน่นอนแล้ว นายรีบคิดหาวิธีขุดสิ!”


“ไม่รีบ ยังขาดของอยู่อีกอย่าง”


ลี่เมิ่งเฉินไม่ได้ตื่นตระหนก เห็นแววตาของพี่เสือลุกเป็นไฟอีกครั้งพลางกำหมัดแน่น กลัวว่าตัวเองจะอดซัดเจ้าหมอนี้ให้ตายไม่ได้ ตายไปก็ไม่เป็นไรแต่คุณชายหมิงยังต้องอาศัยเจ้าร่างทรงนี้ช่วยเขาออกมาอยู่


“ขาดอะไร?” พี่เสือกัดฟันถาม


“ระเบิด คุณไปเตรียมระเบิดมาให้ผม”


พี่เสือใจเต้นระส่ำ กำปั้นเกือบปล่อยออกไปแต่เขาก็ดึงหมัดกลับมา ก่นด่าออกไปว่า “แกคิดจะฆ่าคุณชายหมิงให้ตายเหรอ?”


ลี่เมิ่งเฉินกรอกตามองบนใส่เขา คิดไว้แล้วว่าคนธรรมดาไม่มีทางเข้าใจความคิดเขา แต่เพื่อยาวิเศษเขาต้องอดทนไว้!


“ระเบิดไม่ได้เอาไว้ใช้ฆ่าคนได้อย่างเดียว แต่ใช้ระเบิดเปิดภูเขาเปิดถ้ำได้ด้วย หากอยากเปิดกองเศษซากตรงนี้ได้ภายในสิบนาที นอกจากระเบิดก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้ว คุณยังต้องการที่ช่วยเจ้านายของคุณไหม?“


ลี่เมิ่งเฉินอึดอัดใจชะมัด คุยกับคนโง่มันเหนื่อยจริง ๆ แต่คนเกือบแปดสิบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์บนโลกนี้ต่างก็โง่ทั้งนั้น หาคนที่พูดรู้เรื่องเหมือนกันได้นี่ยากจริง ๆ!


คิดจะหาผู้หญิงที่ใช้ชีวิตด้วยกันได้ยากยิ่งกว่าบินขึ้นฟ้าเสียอีก!


จิตใจฟุ้งซ่านของลี่เมิ่งเฉินพลันนึกถึงเนื้อคู่ในอนาคตของเขา ซึ่งเขามีลางสังหรณ์ว่าเขาน่าจะขึ้นคานไปตลอดชีวิต!


เฮ้อ อ้างว้างโดดเดี่ยวเหมือนหิมะฤดูหนาว!


อัจฉริยะมักจะถูกลิขิตให้อ้างว้าง!


พี่เสือมองเจ้าร่างทรงอย่างฉงน ถึงแม้ว่าจะยังสงสัยในคำพูดของเขาอยู่บ้างแต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก หากยังยื้อเวลาต่อไป คุณชายหมิงคงขาดอากาศหายใจตายไปจริง ๆ


“ฉันจะเชื่อแกสักครั้ง ถ้าหากคุณชายหมิงเป็นอะไรไป ฉันจะฝังแกไปพร้อมกับคุณชายหมิงแน่นอน!”


พี่เสือหันกลับมาและสั่งให้ลูกน้องไปหาระเบิดมา ลี่เมิ่งเฉินมุ่นคิ้วแล้วรั้งพวกเขาไว้ “ในตัวคุณไม่มีระเบิดเหรอ?”


“ไม่มี ต้องไปหาในเมือง”


ลี่เมิ่งเฉินสบถด่าในใจ อดไม่ได้ที่จะด่าว่า “พวกคุณเป็นทหารไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้ไม่เตรียมระเบิดมือติดตัวกันบ้าง?”


ระเบิดมือถือเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับทหารไม่ใช่หรือ?


พี่เสือด่ากลับ “ใครบอกนายว่าระเบิดจำเป็นสำหรับทหาร? แกคิดว่าพวกเราเป็นโจรหรือไง?”


สมองของเจ้าร่างทรงนี่จะต้องโดนหมาแทะไปแล้วแน่ ๆ!


…………………………………………..


ตอนที่ 1309 เฮ่อเหลียนเช่อไม่พอใจ


ลี่เมิ่งเฉินเบะปาก ขาดความมั่นใจขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ เขานึกว่าระเบิดมือสองสามลูกถูกผูกติดอยู่กับเข็มขัดของทหารจริง ๆ!


หนังสงครามเหล่านั้นไม่ใช่ว่าแสดงกันแบบนี้หรือ หยิบติดมือมาอย่างง่ายดาย พอระเบิดปุ๊บก็ตายทันที


“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปหาถึงในเมืองหรอก รอพวกคุณเอาระเบิดกลับมาเจ้านายของพวกคุณคงตายแล้วล่ะ!”


ใช้เวลาขับรถตั้งเจ็ดหรือแปดนาทีจากถนนที่ใกล้ที่สุด หากรอพวกเขาไปหาระเบิดแล้วนำกลับมา เหยียนหมิงซุ่นยังจะรอดอยู่อีกหรือ?


เขาไม่ใช่เต่าเสียหน่อย!


เวลานี้เหยียนหมิงซุ่นไม่พอใจกับประสิทธิภาพการทำงานของพี่เสือ ขุดอยู่ดี ๆแล้วก็หยุดไปเสียดื้อ ๆ?


ถ้าไม่ใช่เพราะเหมยเหมยมีมิติเล็กและเขานึกถึงวิธีทำออกซิเจนทำมือขึ้นมาได้พอดี เขาคงทนไหวได้อีกแค่สองสามนาทีแต่เหมยเหมยคงทนไม่ไหวแล้ว หากกลับออกไปได้ครั้งนี้จะหาคนที่ฉลาดและมีความสามารถมาแทนที่พี่เสือ


เฮ่อเหลียนเช่อติดตามอยู่หลังพวกเหยียนหมิงซุ่นมาตลอด แต่พอใกล้จะถึงโรงงานเขาก็ชะงักกะทันหัน หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็หยิบเพจเจอร์ออกมาส่งข้อความหาอู่เยวี่ย


เขาต้องการยืนยันการคาดเดาของเขา


เป็นไปตามคาด หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถตู้สีขาวขับออกไปอีกทาง ริมฝีปากของเฮ่อเหลียนเช่อกระตุกเล็กน้อย จู่ ๆเขาก็รู้สึกสนใจในตัวอู่เยวี่ยขึ้นมา


ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาต้องมองใหม่อยู่หลายครั้ง


ทำอะไรเด็ดขาด ใจโหดเหี้ยมมากพอ และก็ยังเสแสร้งเก่งอีกด้วย ถ้าก่อนหน้านี้เขาค้นพบความสามารถของอู่เยวี่ย เวลานี้อู่เยวี่ยจะต้องเป็นลูกน้องคนสำคัญของเขาแน่นอน!


ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความสามารถขนาดนี้ตายไปคงน่าเสียดายแย่!


เฮ่อเหลียนเช่อขับรถเข้าไปในโรงงาน และทันเห็นเหยียนหมิงซุ่นพุ่งตัวเข้าไปในโรงงานพอดีแล้วก็ติดอยู่ในนั้น เขาพลันดีอกดีใจ แต่ไม่นานเขาก็ไม่ได้มีท่าทีดีใจเหมือนก่อนหน้านี้


เหยียนหมิงซุ่นจะตายง่าย ๆแบบนี้ได้อย่างไรกัน?


เขายังไม่ได้ประชันรู้แพ้รู้ชนะกับเจ้าหมอนี้เลย!


“ยินดีกับคุณชายเช่อด้วยครับ” มีลูกน้องคนหนึ่งทึกทักเอาเองว่าต้องประจบสอพลอถึงจะดี แต่กลับโดนเฮ่อเหลียนเช่อถีบกระเด็น “ไสหัวไป ไปสืบสถานการณ์ด้านหน้ามา ดูสิว่าเหยียนหมิงซุ่นตายจริงหรือเปล่า?”


เฮ่อเหลียนเช่อกำลังไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทำไมถึงไม่ตายด้วยน้ำมือของเขาล่ะ?


ในไม่ช้าลูกน้องก็กลับมารายงานสถานการณ์การช่วยเหลือของพี่เสือให้เขาฟัง และลี่เมื่งเฉินกำลังเก็บรวบรวมน้ำมันก๊าดอยู่เนื่องจากไม่มีดินระเบิด ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ทำมันขึ้นมาเอง ระเบิดเชื้อเพลิงน้ำมันก๊าดเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากที่สุด


“พวกเขากำลังทำอะไร?” เฮ่อเหลียนเช่อถาม


“ได้ยินมาว่ากำลังทำระเบิดน้ำมันก๊าด เพื่อระเบิดกองซากอิฐเพื่อช่วยชีวิตคนพวกนั้น” ลูกน้องตอบ


เฮ่อเหลียนเช่อหยิบกล้องส่องทางไกลออกมาดู ลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วออกคำสั่ง “ส่งดินระเบิดของเราไป”


“คุณชายเช่อ…” ลูกน้องไม่เข้าใจ เจ้านายพวกเขาตะโกนอยากฆ่าเหยียนหมิงซุ่นอยู่ทุกวันไม่ใช่เหรอ?


แต่ทำไมตอนนี้คิดจะช่วย?


มีเส้นประสาทส่วนไหนทำงานผิดพลาดหรือเปล่า?


“มัวแต่พูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ รีบ ๆเอาไปให้เร็วสิ!” เฮ่อเหลียนเช่อถลึงตาใส่อย่างเหี้ยมโหด ลูกน้องตกใจตัวสั่นแล้วรีบไปควานหาอุปกรณ์จำเป็นที่ใช้ในการเดินทาง—— ดินระเบิด แล้วกอดแน่นเอาไปให้พวกนั้น


ลี่เมิ่งเฉินเห็นระเบิดก็ยิ้มร่า อดไม่ได้ที่จะต่อว่าพี่เสือ “ดูอุปกรณ์ของเขาสิครบครันกว่าคุณอีก ทีหลังก็เรียนรู้ไว้บ้างนะ!”


มีดินระเบิดแน่นอนว่าดีกว่ากันมาก ระเบิดเชื้อเพลิงน้ำมันก๊าดใช้เมื่อหมดหนทางแล้ว เป็นทางเลือกสุดท้ายจริง ๆ!


ลี่เมิ่งเฉินแบ่งสัดส่วนดินระเบิดออกเป็นถุงเล็ก ๆหลายถุงอย่างคล่องแคล่ว เรื่องแบบนี้เขาหลับตาทำยังได้เลย ตอนอายุสิบขวบเขาสามารถประกอบชนวนระเบิดในห้องทดลองได้ด้วยตัวเองแล้ว จากนั้นก็ระเบิดคฤหาสน์เล็กของพ่อผู้ที่ทำเรื่องชั่วร้ายผิดศีลธรรมได้สำเร็จจนไม่เหลือซากเลย


จากนั้นเขาก็เชื่อมถุงดินระเบิดเล็ก ๆเป็นพวงราวกับขนมถังหูลู่ [1]วางไว้ในตำแหน่งที่เขาคำนวณไว้แล้ว ผ่อนลมหายใจออก จุดชนวน แล้วปิดหูวิ่งออกมา


…………………………………………..


[1] ขนมผลไม้เชื่อมน้ำตาล

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)