เทพปีศาจหวนคืน 1281-1292
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1281 กวาดออกไป
แปลโดย iPAT
แม่น้ำหวนคืน
ยิ่งพวกเขาว่ายไปข้างหน้า ผิวน้ำก็ยิ่งสงบ
อย่างไรก็ตามสำหรับนักว่ายน้ำในแม่น้ำหวนคืน พวกเขากลับรู้สึกว่ากระแสน้ำเชี่ยวกรากมากขึ้นเรื่อยๆ มันท้าทายความคิดที่จะว่ายไปข้างหน้าของพวกเขา
การโจมตีทางร่างกายไม่ใช่สิ่งใด แต่การโจมตีทางจิตใจน่ากลัวมาก
ในตำนาน กระทั่งมนุษย์คนแรกยังล้มเหลวในแม่น้ำหวนคืน แต่ผู้อมตะเหล่านี้กำลังทำสิ่งเดียวกันกับมนุษย์คนแรก
‘บัดซบ! ข้าไปต่อไม่ไหวแล้ว!’ อวี๋อี้เย่ซือถึงขีดจำกัด เขาไม่สามารถว่ายต่อไปและถูกกระแสน้ำพัดพาไปในที่สุด
ผู้อมตะภาคกลางอีกสองคนถูกพัดตามออกไปในเวลาใกล้เคียงกัน
ซือเจิ้งอี้ทุ่มเทความพยายามทั้งหมดแต่ยังล้มเหลวและถูกกวาดออกไป
ปู้เจิ้งซือไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้แต่เขาทำได้เพียงลอยไปตามกระแสน้ำเท่านั้น
ใบหน้าของไป่เฉินเทียนและคนอื่นๆกลายเป็นน่าเกลียดเมื่อผู้อมตะภาคกลางค่อยๆถูกแม่น้ำหวนคืนพัดพาไป
ไม่นานหลังจากนั้นผู้อมตะภาคกลางในแม่น้ำหวนคืนก็เหลือเพียงเว่ยหลิงหยางเท่านั้น
ผู้อมตะระดับแปดย่อมมีพลังจิตตานุภาพที่ไม่ธรรมดา
เว่ยหลิงหยางแสดงให้เห็นถึงรากฐานที่ลึกซึ้งของผู้อมตะระดับแปดออกมาในครั้งนี้
สำหรับผู้อมตะที่ถูกกวาดออกไป พวกเขากลับไปรวมกลุ่มกับไป่เฉินเทียนโดยไม่ถูกปีศาจอมตะเซี่ยหูหรือพังพอนหางสุนัขขัดขวาง
“เหตุใดผู้อมตะของเราถึงถูกกวาดออกมาทั้งหมดแต่พวกเขายังอยู่ในแม่น้ำ?” ผู้อมตะภาคกลางบางคนรู้สึกไม่พอใจกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยและฟางหยวน
“เพียงผู้อมตะระดับหกแต่พลังใจกลับน่าตกใจนัก แต่กระทั่งพวกเรายังพ่ายแพ้ พวกเขาจะล้มเหลวในไม่ช้า” ผู้อมตะภาคกลางที่พึ่งถูกกวาดออกมาจากแม่น้ำกล่าว
แต่พวกเขายังไม่เห็นฟางหยวนหรือกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยล้มเหลวก่อนที่บางสิ่งจะเกิดขึ้น
หม่าหงหยุนสำลักน้ำและเกือบถูกพัดพาไป
“ระวัง!” ไป่เฉินเทียนอุทาน
อิงอู๋เซี่ยมีความสุขมากแต่ในไม่ช้าหม่าหงหยุนกลับสามารถว่ายน้ำอีกครั้ง
“หญิงผู้นั้น ความมุ่งมั่นของนางก็น่าตกตะลึงเช่นกัน” เหมาหลี่ชิวสามารถมองเห็นรายละเอียด
ในช่วงเวลาสำคัญจ้าวเหลียนหยุนช่วยหม่าหงหยุนให้กลับมาได้อีกครั้ง
ความจริงก็คือเมื่อแม่น้ำหวนคืนกลับสู่สภาวะปกติ กระแสน้ำไม่ได้ท้าทายความแข็งแกร่งทางร่างกายมากนักโดยเฉพาะต้นน้ำที่เริ่มตื่นขึ้นเรื่อยๆ แต่แรงกดดันจากจิตใจของมันกลับรุนแรงมาก
‘หงหยุน เราจะไม่แยกจากกันอีก’
‘เจ้ารู้หรือไม่เพื่อที่จะได้พบกับเจ้าอีกครั้ง ข้าต้องผ่านสิ่งใดมาบ้าง ข้าต้องผ่านความยากลำบากมามากมายเพียงใด?’
จ้าวเหลียนหยุนไม่สามารถส่งเสียงออกมาและทำได้แค่คิด
อย่างไรก็ตามร่างกายแก่ชราของนางกำลังปลดปล่อยพลังที่แม้แต่ตัวนางเองยังไม่อยากจะเชื่อว่านางจะมีออกมา
จ้าวเหลียนหยุนลืมเรื่องความแข็งแกร่งและอายุของนางไปแล้ว นางเพียงต้องการอยู่กับหม่าหงหยุนเท่านั้น
แม้พวกเขาจะต้องว่ายน้ำเพื่อรักษาชีวิตรอดและไม่สามารถแม้แต่จะมองหน้ากัน
แม้นางจะไม่สามารถพูดและมีอันตรายอยู่ด้านหลัง
‘ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใด ข้าก็ต้องอดทน ข้าจะใช้ทุกนาทีและวินาทีต่อสู้เคียงข้างกับเขา ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ข้าก็มีความสุขกับสิ่งนี้!’
หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนยังเดินหน้าต่อไป แม้พวกเขาจะช้าลง แต่สถานการณ์ยังมีเสถียรภาพ
ไป่เฉินเทียนและผู้อมตะภาคกลางตลอดไปถึงผู้อมตะดำและผู้อมตะคลื่นสมุทร หัวใขของพวกเขาสั่นสะท้านขึ้นด้วยความตกใจ
ปีศาจอมตะเซี่ยหูก่นเสียงเย็น เขาไม่ได้ปกปิดความผิดหวังของตน
ทุกการเคลื่อนไหวในแม่น้ำหวนคืนส่งผลกระทบต่ออารมณ์ความรู้สึกของพวกเขา
‘กระทั่งร่างผีดิบอมตะยังรู้สึกเหนื่อย?’ อิงอู๋เซี่ยรู้สึกขมขื่น
ราชันภูเขาม่วงอยู่บนศีรษะของอิงอู๋เซี่ย บางครั้งเขาร้องไห้และบางครั้งเขาหัวเราะ
‘ข้าเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ’
‘ตั้งแต่กำเนิดข้ารู้ว่าข้ามีหน้าที่ของตนเอง’
‘ตอนนี้ท่านสีม่วงบ้าไปแล้ว ข้าทิ้งเขาไม่ได้ มิฉะนั้นเขาอาจสำลักน้ำตาย ข้าคือความหวังเดียวของนิกายเงา’
‘แม้ข้าจะต้องตายเพราะความเหน็ดเหนื่อยอยู่ที่นี่ ข้าก็ไม่สามารถยอมแพ้ เพียงจับจ้าวเหลียนหยุนและหม่าหงหยุน ข้าก็จะสามารถถ่วงเวลาจนกว่าท่านสีม่วงจะฟื้นคืนสติ!’
อิงอู๋เซี่ยกระตุ้นตนเอง
ไป่หนิงปิงกัดฟันแน่น
“ฮ่าฮ่าฮ่า” นางหัวเราะเบาๆด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว อย่างไรก็ตามดวงตาของนางยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
‘น่าตื่นเต้น!’
‘นี่มันน่าตื่นเต้นมาก!’
‘ในแม่น้ำหวนคืน ข้าได้พบกับความตื่นเต้นรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน นี่คือเส้นทางที่มนุษย์คนแรกเคยเดิน!’
‘น่าสนใจ นี่มันน่าสนใจเกินไปแล้ว!’
‘ต่อให้ล้มเหลว แต่การเดินทางครั้งนี้ก็ถือว่าคุ้มค่า มันคุ้มที่จะตาย!’
ไห่ลั่วหลันเต็มไปด้วยความโกรธ
‘ข้าจะหยุดอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?’
‘ท่านแม่ ข้ายังไม่ได้ล้างแค้นให้ท่าน!’
‘ข้ายังไม่ได้ฆ่าชายผู้นั้นด้วยมือของข้าเอง!’
‘อ๊าก…’
‘ข้าต้องอดทน…’
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป บางคนก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป
‘ความตื่นเต้นของข้าจะจบลงที่นี่งั้นหรือ?’
‘ข้า…ยังไม่ได้…แก้แค้น…’
ไป่หนิงปิงและไห่ลั่วหลันหมดแรงและถูกแม่น้ำพัดพาไป
แต่ปีศาจอมตะเซี่ยหูยังช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับพวกเขา
ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงหกคนที่ยังอยู่ในแม่น้ำ
หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนยังอยู่ด้านหน้าสุด
อิงอู๋เซี่ยและราชันภูเขาม่วงเป็นอันดับสอง
ฟางหยวนอยู่ในอันดับสาม
เว่ยหลิงหยางอยู่ที่สี่
“ยังมีหวัง!” ตอนนี้ความหวังของปีศาจอมตะเซี่ยหูอยู่ที่อิงอู๋เซี่ย
ตราบเท่าที่อิงอู๋เซี่ยจับหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนได้สำเร็จ ฝ่ายปีศาจอมตะเซี่ยหูจะมีความได้เปรียบ พวกเขาจะสามารถคุกคามกลุ่มของไป่เฉินเทียนรวมถึงพังพอนหางสุนัข
หากหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนถูกกวาดออกมา ทุกคนจะมีโอกาส การต่อสู้ครั้งใหญ่จะปะทุขึ้นและยังไม่ชัดเจนว่าฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะ ทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งและโชคของพวกเขา
‘ท่านเว่ยหลิงหยาง ตอนนี้ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว’ ไป่เฉินเทียนคิดและกำหมัดแน่น
พังพอนหางสุนัขหัวเราะ
ดวงตาของมันมองไปที่แม่น้ำและครุ่นคิด
“อา…เกียรติยศของวังสวรรค์…” ครู่ต่อมาเว่ยหลิงหยางก็ถึงขีดจำกัด แม้จะไม่เต็มใจแต่เขาก็ถูกกระแสน้ำกวาดออกไป
ผู้อมตะภาคกลางตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์
บางคนกรีดร้องออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไร? ท่านเว่ยหลิงหยางเป็นผู้อมตะระดับแปด ท่านจะแพ้คนเหล่านี้ได้อย่างไร?”
“การเดินทางในแม่น้ำหวนคืนไม่เกี่ยวกับระดับการบ่มเพาะ มันขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นเท่านั้น” บางคนอธิบาย
ผู้อมตะภาคกลางเงียบ นี่หมายความว่าความมุ่งมั่นของผู้อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่ของภาคกลางยังด้อยกว่าคนเหล่านั้นงั้นหรือ?
ไป่เฉินเทียนกล่าวอย่างช้าๆ “อย่าลืมว่าหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนพักบนเนินดินมาก่อนหน้านี้ ตามข้อมูล พวกเขาได้กินผลไม้ไปด้วย ตั้งแต่แรกพวกเขาอยู่ด้านหน้าสุดขณะที่ผู้อมตะคนอื่นๆอยู่ด้านหลังและผ่านการต่อสู้หลายครั้ง ความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของทุกคนถูกใช้ไปมากแล้ว”
ผู้อมตะภาคกลางเข้าใจในที่สุด
“เป็นเรื่องจริง”
“หากทุกคนมีจุดเริ่มต้นเหมือนกัน ท่านเว่ยหลิงหยางจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน!”
คำกล่าวของไป่เฉินเทียนกอบกู้ขวัญกำลังใจของกลุ่มผู้อมตะภาคกลางกลับมาได้อีกครั้ง
แต่ไป่เฉินเทียนยังนิ่งเฉย เขารู้สึกหนักใจมาก
‘ตอนนี้เราควรทำอย่างไร?’ ไป่เฉินเทียนลังเล
กลุ่มผู้อมตะภาคกลางมีความเสียเปรียบ
ทางเลือกที่ฉลาดที่สุดคือการล่าถอยและรักษาความแข็งแกรงของพวกเขาเอาไว้ พวกเขาสามารถไปยังสวรรค์สีดำเพื่อรวมกลุ่มกับนักรบหมื่นมังกรและดูว่าพวกเขาจะสามารถใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะสองหลังพลิกสถานการณ์ได้หรือไม่
ทางเลือกอีกสายคืออยู่ที่นี่ต่อสู้กับปีศาจอมตะเซี่ยหูและพังพอนหางสุนัขเพื่อชิงตัวหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุน
‘เราควรปรึกษาท่านเว่ยหลิงหยางก่อน’ นี่เป็นเรื่องใหญ่เกินไป ไป่เฉินเทียนไม่สามารถตัดสินใจเพราะเขาไม่ใช่ผู้นำกลุ่ม
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังรอ การเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็เกิดขึ้นในแม่น้ำหวนคืนอีกครั้ง
“ข้า…ต้องไม่แพ้!” อิงอู๋เซี่ยเงยหน้าตะโกน แต่แม่น้ำหวนคืนยังกลืนกินเขาและกวาดเขาออกไป
‘ในที่สุดมันก็จบแล้ว อิงอู๋เซี่ยตายซะ!’ ฟางหยวนกรีดร้องอยู่ในใจ เขารอช่วงเวลานี้มาตลอด
เขาเผชิญหน้ากับอิงอู๋เซี่ยและต่อสู้กันอยู่ในแม่น้ำ นี่ทำให้ความก้าวหน้าของพวกเขาหยุดลง
ร่างทารกอมตะกับร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง ปฎิเสธไม่ได้ว่าอิงอู๋เซี่ยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เขาถูกทุบตีจนกระดูกหัก
แต่ร่างผีดิบอมตะเป็นร่างกายที่ตายไปแล้วตั้งแต่แรก จุดอ่อนเดียของมันคือสมอง
ฟางหยวนเคยอยู่ในร่างผีดิบอมตะมาระยะหนึ่ง เขาเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่อิงอู๋เซี่ยก็ปกป้องศีรษะของเขาเอาไว้และไม่สนใจร่างกายส่วนที่เหลือ
นี่เป็นการตัดสินใจที่ฉลาด
เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาจะถูกกวาดออกจากแม่น้ำขณะที่ปีศาจอมตะเซี่ยหูรวมถึงไป่หนิงปิงและไห่ลั่วหลันรออยู่แล้ว
ท่ามกลางผู้คนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ ฟางหยวนเป็นคนเดียวที่ไม่มีพรรคพวก
เขาต้องแข่งขันกับเวลา
ฟางหยวนต้องสังหารอิงอู๋เซี่ยและราชันภูเขาม่วงก่อนที่พวกเขาจะถูกกวาดออกจากแม่น้ำหวนคืน
แต่อิงอู๋เซี่ยยังพยายามถ่วงเวลาเพื่อรักษาชีวิตรอด
นั่นทำให้ฟางหยวนไม่สามารถทำสิ่งใด
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1282 เหนือกว่ามนุษย์คนแรก
แปลโดย iPAT
เหตุผลสำคัญที่สุดคือการต่อสู้ในแม่น้ำหวนคืนส่งผลต่อความสามารถในการต่อสู้ของฟางหยวน
เพราะเขาจำเป็นต้องว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อหายใจเป็นครั้งคราว
ในแง่นี้ฟางหยวนยังด้อยกว่ามู่หลิงหลานที่ตายไปก่อนหน้า เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งวารีที่สามารถหายใจใต้น้ำ
ในทางกลับกันผีดิบอมตะไม่จำเป็นต้องหายใจเพราะมันตายไปแล้วตั้งแต่แรก
“ฮืม!” ฟางหยวนไม่สามารถสังหารอิงอู๋เซี่ย ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ราชันภูเขาม่วง
อิงอู๋เซี่ยกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของราชันภูเขาม่วงและพยายามช่วยเขา
แต่ฟางหยวนก็เปลี่ยนเป้าหมายอีกครั้งและเล็งไปที่ดวงตาของอิงอู๋เซี่ย
นี่เป็นการโจมตี่ที่โหดเหี้ยม
ตราบเท่าที่เขาทำสำเร็จ ฟางหยวนจะสามารถแทงทะลุเข้าไปถึงสมองของอิงอู๋เซี่ยและจบชีวิตของฝ่ายหลัง
หัวใจของอิงอู๋เซี่ยเต้นแรงแต่มันสายเกินไปที่จะป้องกันตัวและทำให้เขาตกสู่ความสิ้นหวัง
อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้ราชันภูเขาม่วงกลับลุกขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนโดยไม่คาดคิด
ฟางหยวนสามารถป้องกันตัว นอกจากนั้นเขายังคว้าร่างของราชันภูเขาม่วงเอาไว้โดยหวังจะบีบทำลายในครั้งเดียว
แต่ราชันภูเขาม่วงก็ไม่ธรรมดาและสามารถดิ้นรนออกจากกำมือของฟางหยวน
ราชันภูเขาม่วงกระโดดลงไปในแม่น้ำทำให้การโจมตีทั้งหมดของฟางหยวนพลาดเป้า
ต่อมาราชันภูเขาม่วงก็บินเข้าไปหาอิงอู๋เซี่ยที่ลอยไปตามกระแสน้ำและคว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้
อิงอู๋เซี่ยทั้งตกใจและดีใจมากเมื่อเห็นราชันภูเขาม่วงได้สติ
“เยี่ยมมาก!” อิงอู๋เซี่ยมีความสุข หากราชันภูเขาม่วงกลับมามีสติ พวกเขาจะสามารถจับหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุน
“ออกไปเร็วเข้า!” อย่างไรก็ตามราชันภูเขาม่วงกลับพาอิงอู๋เซี่ยลอยไปตามกระแสน้ำ
เขาตัวเล็กแต่กลับมีพละกำลังมหาศาล
“ท่านสีม่วง!” อิงอู๋เซี่ยตกใจแต่เขาก็เข้าใจบางสิ่งทันที หลังจากนี้ราชันภูเขาม่วงจะกลับไปวิกลจริตอีกครั้ง
อิงอู๋เซี่ยลอบถอนหายใจและเข้าใจว่าพวกเขาต้องล่าถอย
การคงอยู่ราชันภูเขาม่วงทำให้ฟางหยวนไม่สามารถกำจัดอิงอู๋เซี่ย
นอกจากนี้เขายังอยู่ไกลจากหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนมากขึ้น
ปีศาจอมตะเซี่ยหูแสดงออกอย่างไม่มีความสุขเนื่องจากอิงอู๋เซี่ยและราชันภูเขาม่วงออกจากการแข่งขันเรียบร้อยแล้ว
ในแม่น้ำหวนคืนเหลือเพียงหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุน และฟางหยวน
“เขาคือผู้ใด? เขาเป็นผู้อมตะภาคเหนือแต่เขากล้าทำลายแผนการของข้างั้นหรือ?” ปีศาจอมตะเซี่ยหูปลดปล่อยเจตนาสังหารออกมา
หัวใจของไห่ลั่วหลันเต้นแรงมากเมื่อได้ยินคำถามนี้ เห็นได้ชัดว่าฟางหยวนเป็นศัตรูกับอิงอู๋เซี่ย ดังนั้นนางจึงต้องเป็นคนตอบคำถามนี้
ตอนนี้ไห่ลั่วหลันเป็นสมาชิกนิกายเงา นางไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวน แต่โชคดีที่เขามีตัวตนอื่น ดังนั้นนางจึงเปิดปากกล่าว “เขาคือหลิวกวนซื่อ”
“หลิวกวนซื่อ? ปีศาจอมตะที่ใช้ร่างมังกรดาบบรรพกาลสังหารเย่หลิวชุนซิงงั้นหรือ?” ปีศาจอมตะเซี่ยหูตกตะลึง
เขารู้เรื่องหลิวกวนซื่อ
แม้เขาจะหลอมรวมวิญญาณอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะแต่เขายังให้ความสนใจกับสถานการณ์ของภาคเหนือ
เนื่องจากผู้อมตะระดับแปดของภาคเหนือล้วนเป็นอุปสรรคของเขา สำหรับหลิวกวนซื่อและชูตู๋ ปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่ได้กังวลเกี่ยวกับพวกเขามากนัก
แต่ผู้ใดจะคิดว่าตัวละครที่ไร้นัยสำคัญกำลังขัดขวางแผนการของเขาอยู่ในขณะนี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า โชคเข้าข้างเราจริงๆ” พังพอนหางสุนัขหัวเราะเสียงดัง
กลุ่มของไป่เฉินเทียนและเว่ยหลิงหยางเฝ้ามองด้วยความเคร่งเครียด
ปีศาจอมตะเซี่ยหู ไห่ลั่วหลัน และไป่หนิงปิงยืนอยู่ด้วยกัน
ทั้งสามฝ่ายอยู่ที่จุดเริ่มต้นของแม่น้ำและรอให้หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนถูกกวาดออกมา
“เทพธิดาจ้าว หม่าหงหยุน ตอนนี้พวกเจ้าสามารถออกมาได้แล้ว แม้พวกเราต้องสละชีวิต พวกเราก็จะปกป้องพวกเจ้า” เว่ยหลิงหยางเรียก
“น่าขัน! คนภาคกลางคิดว่าสามารถแย่งพวกเขาไปจากท่านปู่ผู้นี้งั้นหรือ!?” พังพอนหางสุนัขเหมาหลี่ชิวตะโกนด้วยความโกรธ
ผู้อมตะดำเกรงว่ารูปลักษณ์ที่น่ากลัวของเหมาหลี่ชิวจะทำให้หม่าหงหยุนหวาดกลัว ดังนั้นเขาจึงเร่งกล่าว “หม่าหงหยุน เจ้าได้รับการยอมรับจากวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์และมีสายเลือดของบรรพชนตะวันเดือด เจ้าเป็นสมาชิกของถ้ำสวรรค์นิรันดร พวกเรามาที่นี่เพื่อพาเจ้ากลับบ้าน!”
ปีศาจอมตะเซี่ยหูกดดันฟางหยวน “หลิวกวนซื่อ หากเจ้าสามารถจับหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุน ข้าจะอนุญาตให้เจ้าเป็นผู้นำยอดเขาหิมะที่สาม ข้า เซี่ยหู เป็นคนรักษาคำพูด หากเจ้าทำสำเร็จ ข้าจะสนับสนุนเจ้า การบ่มเพาะในอนาคตของเจ้าจะราบรื่น!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้อมตะคนอื่นจึงเริ่มมองไปที่ฟางหยวน
ฟางหยวนเสียโอกาสสังหารอิงอู๋เซี่ยไปแล้ว แต่นั่นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะเขาทำอย่างดีที่สุดแล้ว
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของเขายังน่าอึดอัดใจ
‘ข้าพลาดอีกครั้ง!’
ผู้อมตะระดับแปดสามคนรออยู่นอกแม่น้ำ เขาทำได้เพียงให้ความร่วมมือกับปีศาจอมตะเซี่ยหู
แต่ปีศาจอมตะเซี่ยหูอยู่ฝ่ายเดียวกับนิกายเงา
‘หากข้าออกจากแม่น้ำหวนคืน ผู้อมตะระดับแปดทั้งสามจะโจมตีข้า ความเร็วของข้าไม่สามารถเปรียบเทียบกับฮุ้ยฟงซื่อ ความหวังที่จะหลบหนีจากพวกเขามีน้อยมาก’
ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์ของตนเองอย่างชันเจน
‘อย่างไรก็ตามหากข้าสามารถจับหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุน ข้าจะมีเครื่องมือที่ใช้ต่อรอง ไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะภาคกลางหรือถ้ำสวรรค์นิรันดร พวกเขาจะเต็มใจทำธุรกรรมกับข้า เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะสามารถยืมมือพวกเขาเพื่อกำจัดนิกายเงา!’
เมื่อคิดได้เช่นนี้ฟางหยวนก็มองไปที่หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุน
เขาว่ายทวนกระแสน้ำและพุ่งข้าหาคนทั้งสอง
เมื่อหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนเห็นการเคลื่อนไหวของฟางหยวน พวกเขาทำได้เพียงกัดฟันว่ายน้ำต่อไปเท่านั้น
‘อดทนไว้!’
‘ข้าพึ่งหลบหนีออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ แล้วข้าจะถูกจับอีกครั้งได้อย่างไร?’
‘ยังมีคุณหนูเสี่ยวหยุน นางกลายเป็นเช่นนี้เพราะข้า ข้าต้องช่วยนาง!’
‘ฉะนั้นข้าต้องอดทน!’
‘หม่าหงหยุน เจ้าทำได้ เจ้าต้องทำงานอย่างหนัก!’
หม่าหงหยุนกัดฟันว่ายไปข้างหน้า แม้เขาจะเหนื่อยมาก แต่เขามีแรงผลักดันที่แข็งแกร่ง
ความเร็วของฟางหยวนเหนือกว่าหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุน
แต่เพราะการต่อสู้กับอิงอู๋เซี่ย มันทำให้เขาถูกผลักกลับไประยะหนึ่ง
ดังนั้นตอนนี้หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนจึงถือว่าปลอดภัยมาก เว้นเพียงพวกเขาจะไม่สามารถอดทนต่อ
เมื่อเวลาผ่านไป การแข่งขันที่ลึกลับนี้ก็กำลังจะสิ้นสุดลง
ด้านนอกแม่น้ำ ผู้อมตะจำนวนมากกำลังเฝ้ามองคนทั้งสาม
“หือ?” เป็นเพียงเวลานี้ที่การแสดงออกของจ้าวเหลียนหยุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน
นางรู้สึกว่าเท้าของนางสัมผัสพื้น
ต่อมานางก็สามารถเหยียบพื้นและลุกขึ้นจากแม่น้ำ ศีรษะและไหล่ของนางโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำ
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้นางและหม่าหงหยุนมีความสุขมาก
“สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรตะลึง
พังพอนหางสุนัขสบถ “เจ้าโง่ ต้นแม่น้ำหวนคืนจะตื่นขึ้นเรื่อยๆ เจ้าไม่เคยอ่านตำนานมนุษย์คนแรกงั้นหรือ? ย้อนกลับไปมนุษย์คนแรกต้องการเดินออกจากแม่น้ำหวนคืนแต่เขาล้มเหลวในก้าวสุดท้าย!”
“เป็นเช่นนี้!” ได้ยินคำกล่าวของเหมาหลี่ชิว ผู้อมตะภาคกลางได้รับความเข้าใจเช่นกัน
“โดยไม่รู้ตัว พวกเขาไปถึงจุดสิ้นสุดแล้ว”
“ดู พวกเขาอยู่ห่างจากชายฝังเพียงร้อยก้าวเท่านั้น!”
“นี่หมายความว่าหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนจะสามารถทำสิ่งที่มนุษย์คนแรกไม่สามารถทำได้โดยการออกจากแม่น้ำหวนคืนจากด้านหน้างั้นหรือ!?”
“ไม่ถูก มนุษย์คนแรกว่ายน้ำจากจุดเริ่มต้นแต่หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนมีช่วงเวลาที่ค่อนข้างง่ายดายกว่ามาก”
“ถึงกระนั้นนี่ก็เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่!”
“ถูกต้อง พลังใจของพวกเขาช่างน่าตกตะลึงนัก!”
กลุ่มผู้อมตะวิพากษ์วิจารณ์
กระทั่งเหมาหลี่ชิวยังต้องเคลื่อนไหว “นี่เป็นความจริง หม่าหงหยุนไม่ธรรมดาจริงๆ เขาอาจสามารถออกจากแม่น้ำหวนคืน ฮ่าฮ่า”
ผู้อมตะดำและผู้อมตะคลื่นสมุทรมองหน้ากันและกล่าว “ดังคาด เขาคือคนที่ได้รับเลือกจากวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์”
ฟางหยวนยังว่ายน้ำต่อไปข้างหน้าขณะที่หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนเดินอยู่ในแม่น้ำ
ผู้อมตะเกือบทั้งหมดกำลังมองหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุน
พวกเขาอยากรู้ว่าคนทั้งสองจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของมนุษย์ชาติหรือไม่
หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนสนับสนุนซึ่งกันและกัน พวกเขาเดินไปข้างหน้าด้วยร่างกายสั่นคลอนแต่ยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
แม้ทั้งสองจะเหนื่อยมาก กระทั่งร่างกายของพวกเขากลายเป็นไร้ความรู้สึก แต่พวกเขายังมีความพากเพียร
ทุกย่างก้าว ร่างกายของพวกเขาจะสั่นสะท้านราวกับกิ่งไม้ท่ามกลางสายลมกรรโชกแรง ไม่ใช่เรื่องแปลกหากคนใดคนหนึ่งจะล้มลงในวินาทีถัดไป
แต่ด้วยสภาพนี้พวกเขายังคงเดินไปข้างหน้า
สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อหัวใจของกลุ่มผู้อมตะ
“พลังใจชนิดใด!?”
“มันคือพลังแห่งความรัก!?”
“ทั้งสองพยุงซึ่งกันและกัน พวกเขาเดินเคียงข้างกัน ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ข้าก็รู้สึกชื่นชมพวกเขาอย่างสุดซึ้ง”
เมื่อหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของแม่น้ำ ทุกคนต่างกลั้นหายใจด้วยความคาดหวัง
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1283 ความลับของแม่น้ำหวนคืน
แปลโดย iPAT
‘ข้าจะล้มเหลวหรือไม่?’ ฟางหยวนยังว่ายอยู่ในแม่น้ำ เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุน หัวใจของเขาจมดิ่งลง ‘ไม่ จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย ข้ายังมีโอกาส ข้าไม่สามารถยอมแพ้!’
“ก้าวสุดท้าย!” ไป่เฉินเทียนกรีดร้อง
กลุ่มผู้อมตะแทบไม่กล้าหายใจ พวกเขารู้สึกประหม่ามากกับช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่นี้
“ท่านปู่เหมา เตรียมช่วยหม่าหงหยุนกันเถอะ เราจะต่อสู้และนำพวกเขาจากไป!” ผู้อมตะดำส่งสัญญาณเตือนพังพอนหางสุนัข
แต่ฝ่ายหลังกลับตอบว่า “ไม่จำเป็น”
“ท่านปู่เหมา ท่านหมายความว่าอย่างไร?” ผู้อมตะดำรู้สึกมึนงง
เพราะตอนนี้หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนไปถึงก้าวสุดท้ายแล้ว
ขาซ้ายของเขายังอยู่ในแม่น้ำหวนคืนขณะที่เท้าขวาลอยอยู่กลางอากาศและกำลังจะก้าวออกจากแม่น้ำ
ตอนนี้ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดหม่าหงหยุนได้อีก เว้นเพียงจ้าวเหลียนหยุนจะกลายเป็นบ้าหรือหม่าหงหยุนจะยอมแพ้
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้น
หม่าหงหยุนก้าวไปข้างหน้า
เขาเหยียบน้ำ
“จ๋อม!”
ด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“เหตุใดถึงมีน้ำ?” หม่าหงหยุนตกตะลึง จ้าวเหลียนหยุนก็มึนงงเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้หม่าหงหยุนอยู่ที่ก้าวสุดท้ายก่อนจะสามารถออกจากแม่น้ำ
แต่ตอนนี้หม่าหงหยุนกลับยังอยู่ในแม่น้ำหวนคืน
“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” หม่าหงหยุนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เขากัดฟันและก้าวต่อไป
เป็นเช่นก่อนหน้าอีกครั้ง เขายังอยู่ในแม่น้ำ
กลุ่มผู้อมตะตะลึง
มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
นี่มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว!
“ฮ่าฮ่าฮ่า” เหมาหลี่ชิวหัวเราะเสียงดัง “ช่างสนุกนัก สนุกเกินไปแล้ว ดูหน้าพวกเจ้าสิ ฮ่าฮ่าฮ่า นี่มันตลกเกินไปจริงๆ”
การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะเปลี่ยนแปลงไป
ผู้อมตะดำตระหนักได้ทันทีว่าเหมาหลี่ชิวแน่ใจว่าหม่าหงหยุนจะไม่สามารถออกจากแม่น้ำหวนคืน นั่นคือเหตุผลที่มันสามารถสงบจิตใจและไม่พยายามที่จะช่วยพวกเขา
“ท่านปู่เหมา เกิดสิ่งใดขึ้น?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรร้อนใจถาม
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าโง่ ดูหน้าเจ้าสิ!” เหมาหลี่ชิวหัวเราะและแสดงออกอย่างมีความสุข
“แม่น้ำหวนคืนเป็นเช่นนี้!”
“มันมีส่วนต้นน้ำและปลายน้ำ แต่เป็นไปไม่ได้ที่คนผู้หนึ่งจะออกจากแม่น้ำหวนคืนจากทางต้นน้ำ เพราะแม่น้ำหวนคืนไม่มีจุดสิ้นสุด ทุกย่างก้าวที่พวกเจ้าเดินไป แม่น้ำหวนคืนจะสร้างส่วนต่อขยายขึ้นใหม่เสมอ”
“ในตำนาน มนุษย์คนแรกต้องการช่วยบุตรชายของเขา แต่วิญญาณชะตากรรมกำหนดชีวิตและความตายของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเอาไว้แล้ว คนตายจะมีชีวิตที่สองได้อย่างไร? นั่นเป็นการขัดต่อกฎของสวรรค์พิภพ ดังนั้นวิญญาณสติปัญญาจึงไม่ได้บอกความลับของแม่น้ำหวนคืนแก่มนุษย์คนแรก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่มันตลกเกินไปแล้ว ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะเจอเรื่องน่าขันเช่นนี้!”
เหมาหลี่ชิวกล่าวและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
มันกลิ้งไปบนพื้นและตบท้องของตนเอง
การแสดงออกของของกลุ่มผู้อมตะเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์
นี่เป็นความลับจากอดีตอย่างแท้จริง
“นี่หมายความว่าในตำนาน วิญญาณสติปัญญาวางกับดักมนุษย์คนแรกงั้นหรือ?”
“มนุษย์คนแรกล้มเหลวในก้าวสุดท้าย แต่ความจริงก็คือไม่มีก้าวสุดท้ายเพราะแม่น้ำหวนคืนไม่มีจุดสิ้นสุด”
“นี่เป็นแผนการของวิญญาณสติปัญญา!”
“เดี๋ยว! นั่นหมายความว่าหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนจะติดอยู่ในแม่น้ำหวนคืนตลอดไปงั้นหรือ?”
บางคนเตือน
กลุ่มผู้อมตะมองกลับไปที่แม่น้ำ
แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่สนใจหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุน พวกเขามองฟางหยวนที่อยู่ด้านหลัง
ฟางหยวน!
เขายังไม่ยอมแพ้ เขายังพยายามเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
“หลิวกวนซื่อผู้นี้ไม่ถูกกวาดออกมา เขายังพยายามและเข้าใกล้หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนมากขึ้นเรื่อยๆ!”
“นั่นหมายความว่าด้วยความเร็วของเขา เขาจะสามารถไล่ตามหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยันได้อย่างแน่นอน?”
“หลิวกวนซื่อมีพลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา การต่อสู้ก่อนหน้านี้สามารถบอกทุกสิ่ง เขาต่อสู้กับท่านไป่เฉินเทียนได้อย่างเท่าเทียมในแม่น้ำหวนคืน!”
ผู้อมตะหลายคนคาดเดา
ในแม่น้ำหวนคืนเหลือเพียงสามคนคือฟางหยวน หม่าหงหยุน และจ้าวเหลียนหยุน
ผู้อมตะที่อยู่ด้านนอกแม่น้ำหวนคืนถูกกวาดออกมาและไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปอีก
‘บัดซบ! ความหวังเดียวในตอนนี้คือหลิวกวนซื่องั้นหรือ?’ ไป่เฉินเทียนคิดขณะที่หน้าผากปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อ
เขาแจ้งเตือนหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุน “เดินช้าๆ อย่ารีบร้อน ตราบเท่าที่พวกเจ้ารักษาความเร็วในปัจจุบัน พวกเจ้าจะสามารถอยู่ในแม่น้ำหวนคืนต่อไป!”
ไป่เฉินเทียนเคยต่อสู้กับฟางหยวน เขาเข้าใจความแข็งแกร่งของฟางหยวนเป็นอย่างดี
ในประเด็นนี้สามารถพิสูจน์ได้จากอาการบาดเจ็บของอิงอู๋เซี่ย เขาเป็นผีดิบอมตะและได้รับความช่วยเหลือจากราชันภูเขาม่วง แต่เขายังอยู่ห่างจากความตายเพียงก้าวเดียว
ดังนั้นหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนจึงต้องหลีกเลี่ยงฟางหยวน
พวกเขาต้องยื้อเวลาจนกว่าฟางหยวนจะไม่สามารถอดทนและถูกกวาดออกไป
นี่เป็นความหวังเดียวของผู้อมตะภาคกลาง
แต่ฟางหยวนยังว่ายต่อไปข้างหน้า เขาไม่เร็ว แต่หากเปรียบเทียบกับหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนที่ช้าเหมือนเต่า ฟางหยวนเหมือนจรวด
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ยืนขึ้นจากแม่น้ำ เขาอยู่ห่างจากหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนเพียงร้อยก้าว
ปีศาจอมตะเซี่ยหูเร่งกล่าว “ดีมาก หลิวกวนซื่อ จับพวกเขา แล้วเจ้าสามารถขอสิ่งใดก็ได้จากข้า เมื่อเจ้ามอบพวกเขาให้ข้า เจ้าจะกลายเป็นพันธมิตรของข้า ผู้ใดที่พยายามจัดการเจ้าต้องเผชิญหน้ากับข้าเซี่ยหู!”
เว่ยหลิงหยางตะลึง เขาเร่งกล่าวเช่นกัน “หลิวกวนซื่อ เราคือสิบนิกายโบราณของภาคกลางและเป็นสมาชิกของวังสวรรค์ หากเจ้าสามารถปกป้องพวกเขา เจ้าสามารถเข้าร่วมกับภาคกลาง เราสามารถเปลี่ยนมิติช่องว่างของเจ้าและทำให้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะภาคกลาง หลังจากทำความดีความชอบครั้งนี้ ภาคกลางจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง ไม่ว่าปีศาจอมตะเซี่ยหูจะมอบสิ่งใดให้เจ้า เราสามารถให้เจ้าได้มากกว่าหลายสิบเท่า!”
“ฮืม! หลิวกวนซื่อ แม้เจ้าจะไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน ตราบเท่าที่เจ้าปกป้องหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนและมอบพวกเขาให้กับถ้ำสวรรค์นิรันดร เราจะอนุญาตให้เจ้าเป็นผู้อาวุโสสุงสุดนอก การเข้าร่วมกับถ้ำสวรรค์นิรันดรจะทำให้เจ้าได้รับผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิด เจ้าจะก้าวเข้าสู่ฝ่ายธรรมะของภาคเหนือ ไม่ใช่เส้นทางสายปีศาจ ไม่เพียงพวกเรา แต่ทุกเผ่าของตระกูลฮวงจินจะต้อนรับเจ้า!” ผู้อมตะคลื่นสมุทรนำเสนอเช่นกัน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1284 ความตายของหม่าหงหยุน
แปลโดย iPAT
นี่เป็นสถานการณ์ที่น่าขันมาก
ทั้งสามฝ่ายยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจให้กับฟางหยวน
หากฟางหยวนประสบความสำเร็จในความพยายามครั้งนี้ ไม่ว่าเขาจะเข้าร่วมกับฝ่ายใด เขาก็จะได้รับผลประโยชน์มหาศาล
อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับไม่ตอบสนอง
เขาไม่เหลือพลังงานมากพอที่จะพูดไร้สาระ
เขายืนขึ้นและเดินไปข้างหน้า
เขารู้ว่าการพูดคุยไร้ประโยชน์ มีเพียงการจับตัวหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนเท่านั้นที่จะทำให้เขามีคุณสมบัติที่จะสร้างเงื่อนไขและเจรจากับทั้งสามกองกำลัง
ระยะทางลดลงเรื่อยๆ
ผู้คนนอกแม่น้ำหวนคืนเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของฟางหยวนและพยายามยื่นข้อเสนอ
แต่มีบางอย่างที่ค่อนข้างแปลก
ไม่มีผู้ใดข่มขู่ฟางหยวน
เพราะทุกคนรู้จักตัวตนของหลิวกวนซื่อที่สามารถสังหารเย่หลิวชุนซิง เขามีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่นและกล้ารุกรานเผ่าหลิว เขาเป็นคนดุร้ายและไร้กฎเกณฑ์ การข่มขู่บุคคลเช่นนี้จะเกิดผลในแง่ลบเท่านั้น
‘ข้าต้องรอด ข้าอยากอยู่กับหงหยุน!’ จ้าวเหลียนหยุนสะอื้นและกรีดร้องอยู่ในใจ ทุกย่างก้าวยากลำบากมากสำหรับนาง
“ข้าอยู่ที่นี่ คุณหนูเสี่ยวหยุนอย่ากังวล ข้าจะปกป้องท่าน…” หม่าหงหยุนกล่าวด้วยใบหน้าซีดขาว เขาจับแขนของจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้ ทุกย่างก้าวทำให้เขาวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรงและรู้สึกว่าตนเองสามารถล้มลงได้ทุกเมื่อ
“พวกเจ้าจะไปที่ใด?” เสียงของฟางหยวนดังมาจากด้านหลังหม่าหงหยุน
ร่างกายของหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนสั่นสะท้านขึ้น ทั้งสองหันหลังกลับเพียงเพื่อพบว่ามือของฟางหยวนวางอยู่บนไหล่ของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว
“ไม่!” หม่าหงหยุนตะโกนเสียงดังและผลักจ้าวเหลียนหยุนออกไป ขณะเดียวกันเขาก็พุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน
แต่ฟางหยวนจะปล่อยให้หม่าหงหยุนประสบความสำเร็จได้อย่างไร?
ก่อนหน้านี้เขาล้มเหลวในการกำจัดอิงอู๋เซี่ยและราชันภูเขาม่วง ตอนนี้ฟางหยวนกำลังโกรธมาก การจัดการหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์และผู้อมตะเทียม มันง่ายดายมาก
ทั้งสองถูกฟางหยวนกำหราบอย่างง่ายดาย พวกเขาถูกอุ้มไว้ในแขนแต่ละข้างของฟางหยวน
หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนพยายามดิ้นรนแต่ในเวลานี้เสียงที่เย็นชาของฟางหยวนก็ดังขึ้นอีกครั้ง “หากคนใดขยับ ข้าจะฆ่าคนที่เจ้ารัก!”
หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนมองฟางหยวนด้วยความหวาดกลัว
คำกล่าวของฟางหยวนพุ่งตรงไปยังจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา
ฟางหยวนสูดหายใจและอุ้มเชลยทั้งสองเดินไปข้างหน้า
ในสถานการณ์อันตราย ในที่สุดฟางหยวนก็พบวิธีเอาตัวรอด
เขามองออกไปนอกแม่น้ำและกล่าว “ตอนนี้เราสามารถเจรจา!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เด็กน้อย เจ้าเก่งมาก เจ้าเหมือนข้าสมัยยังหนุ่ม เราสามารถพูดคุย!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูหัวเราะ
“อย่ารีบร้อน ภาคกลางสามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าได้ทุกประการ” เว่ยหลิงหยางเร่งกล่าว
“น่าเบื่อ” เหมาหลี่ชิวนอนอยู่บนพื้นและกระดิกหางอย่างผ่อนคลาย
ผู้อมตะดำเผยรอยยิ้มขมขื่น “หลิวกวนซื่อ เพียงบอกเราว่าเจ้าต้องการสิ่งใด…หือ?”
เป็นเพียงเวลานี้ที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
หม่าหงหยุนหยุดหายใจอย่างกะทันหัน!
เขาตาย!
ทุกคนตะลึง!
กระทั่งฟางหยวนยังตกตะลึง!
เงียบกริบ!
‘ข้าไม่ได้ออกแรงแม้แต่น้อย โอ้ เดี๋ยว! หม่าหงหยุนเสียชีวิตจากความอ่อนเพลีย! เขาอุ้มจ้าวเหลียนหยุนขณะเดินทางในแม่น้ำ เขาออกแรงมากเกินไป ไม่เพียงเขาจะหมดแรง แต่เขายังสูญเสียพลังจิต หลังจากที่ข้าจับเขา ร่างกายของเขาก็ผ่อนคลายลง นั่นทำให้เขาตายทันที’
ฟางหยวนเข้าใจเหตุผลอย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนแปลงนี้กะทันหันเกินไปและไม่มีผู้ใดคาดคิด
หม่าหงหยุนตายแล้ว!
ทุกคนอ้าปากค้าง
“บัดซบ! หลิวกวนซื่อ เจ้าฆ่าเขาจริงๆ ข้าจะเลาะกระดูกดึงเส้นเอ็นของเจ้าออกมา! ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างน่าสยดสยอง!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูโกรธจัด เขากรีดร้องเสียงดังด้วยดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด
หม่าหงหยุนเสียชีวิต เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์
มีเพียงหม่าหงหยุนที่มีชีวิตที่สามารถเป็นวัสดุในการหลอมรวม หม่าหงหยุนที่ตายแล้วเป็นเพียงศพของผู้ใช้วิญญาณระดับห้าที่ไร้ค่าเท่านั้น
“หม่าหงหยุน…” หัวใจของไป่เฉินเทียนและเว่ยหลิงหยางจมดิ่งลง
“เจ้าหนอนน้อย เจ้าฆ่าหม่าหงหยุนจริงๆ เจ้าทำให้เขาตาย!” เหมาหลี่ชิวตะโกนเสียงดังยิ่งกว่าปีศาจอมตะเซี่ยหู เส้นขนทั้งร่างของมันพองตัวขึ้นด้วยความโกรธ ตอนนี้มันพร้อมที่จะกระโดดเข้ากัดฟางหยวนทั้งเป็น
‘หม่าหงหยุนเสียชีวิต! ไม่เป็นไร ข้ายังมีจ้าวเหลียนหยุน!’ ฟางหยวนตะลึง
ดวงตาของจ้าวเหลียนหยุนเต็มไปด้วยน้ำตา
‘หงหยุน!’
‘หงหยุน…’
คนที่นางรักตายต่อหน้านาง
มันเป็นความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่าตัวนางเองถูกทำร้าย
แต่นางไม่สามารถกรีดร้อง นางไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆออกมา
นางทำได้เพียงกรีดร้องอยู่ในใจ
นางใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อมาถึงจุดนี้ นางพึ่งพบกับหม่าหงหยุนอีกครั้งหลังจากถูกแยกกันมานาน
แล้วตอนนี้นางควรทำอย่างไร?
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของนางราวกับสายน้ำ ความเจ็บปวดฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณของนาง ความโศกเศร้าอย่างที่สุดทำให้ร่างกายของนางสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
‘โอ้ ไม่’ ฟางหยวนเร่งเคลื่อนไหว
มันเป็นการป้องกันการเสียชีวิตทันทีจากความโศกเศร้าของจ้าวเหลียนหยุน
อย่างไรก็ตามขณะที่ฟางหยวนกำลังจะสับคอจ้าวเหลียนหยุนให้หมดสติ แสงสีฟ้ากลับพุ่งออกมาจากร่างของนาง
วิญญาณแห่งความรัก!
ในช่วงเวลาสำคัญมันแสดงพลังอำนาจออกมาอีกครั้ง
“กลิ่นอายนี้…วิญญาณแห่งความรักระดับเก้า! เดี๋ยว! วิญญาณไม่สามารถใช้ในแม่น้ำหวนคืนมิใช่หรือ?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรอุทาน
เหมาหลี่ชิวกลอกตา “เจ้าโง่ มีสิ่งใดที่สมบูรณ์แบบบนโลกใบนี้? แม่น้ำหวนคืนเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของสวรรค์พิภพ มันเต็มไปด้วร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่สามารถผนึกวิญญาณ แต่วิญญาณอมตะระดับเก้าไม่ได้เป็นเพียงร่องรอยอันเปราะบางของพลังงานแห่งเต๋า มันเต็มไปด้วยพลังแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นมันจึงสามารถใช้งานในแม่น้ำหวนคืน”
‘ช่วยเขา ช่วยเขา แม้ข้าต้องตายก็ตาม!’ จ้าวเหลียนหยุนดีใจมากและกรีดร้องอยู่ภายใน
แต่วิญญาณแห่งความรักไม่สามารถควบคุม แสงสีฟ้านำจ้าวเหลียนหยุนบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและหลบหนีออกจากแม่น้ำหวนคืน
เว่ยหลิงหยางกับไป่เฉินเทียนตอบสนองอย่างรวดเร็ว
สำหรับศพของหม่าหงหยุน มันยังอยู่กับฟางหยวน
แม้หม่าหงหยุนจะเสียชีวิต แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่ในร่าง
อย่างไรก็ตามปีศาจอมตะเซี่ยหูหมดความสนใจในศพนี้แล้ว หากซากศพของหม่าหงหยุนสามารถใช้งาน ท่านหญิงหว่านซูคงไม่ใช่วิธีปรับแต่งที่ยากลำบากเช่นนั้น
เหมาหลี่ชิวมองฟางหยวนและพร้อมโจมตี
ฟางหยวนสามารถคว้าโอกาสก่อนหน้านี้ แต่ผู้ใดจะคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายยิ่งกว่าก่อนหน้า
‘เรื่องเลวร้ายเช่นนี้ มันต้องเป็นเจตจำนงสวรรค์อย่างแน่นอน!’
ฟางหยวนเข้าใจทันที
ตั้งแต่เขาตกลงมาในแม่น้ำหวนคืน เจตจำนงสวรรค์ก็เริ่มแผนการของมันแล้ว
เจตจำนงสวรรค์!
ฟางหยวนเงยหน้าขึ้น
ตอนนี้เขาติดอยู่ในกับดักอย่างสมบูรณ์
ไม่เพียงปีศาจอมตะเซี่ยหู เหมาหลี่ชิว และผู้อมตะภาคกลางที่ต้องการจัดการเขา แต่เจตจำนงสวรรค์เป็นภัยคุกคามที่อันตรายที่สุด
‘สถานการณ์สิ้นหวัง…ข้าควรทำอย่างไร?’
ฟางหยวนรู้สึกปากแห้ง
เขาไม่สามารถทำสิ่งใด
ยังไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะคนอื่นๆ
เพียงปีศาจอมตะเซี่ยหูก็เป็นศัตรูที่ฟางหยวนไม่สามารถเผชิญหน้า
พังพอนหางสุนัขผู้รอบรู้เป็นพาหนะของเทพอมตะตะวันเดือด
ฟางหยวนไม่มีทางเลือก เขาทำได้เพียงเคลื่อนที่ต่อไปในแม่น้ำหวนคืนเท่านั้น
เสียงโห่ร้องคำรามจากกลุ่มผู้อมตะยังดำเนินต่อไป
“หลิวกวนซื่อ วันนี้เจ้าไม่สามารถหลบหนีจากความตาย!”
“เจ้าคนชั่ว เจ้าทำตนเองในวันนี้ เจ้าอยู่ในสภาพนี้เพราะการพิพากษาของสวรรค์!”
“ฆ่าเขา เราต้องฆ่าเขา เขาทำลายแผนการของเรา!”
“รู้หรือไม่ว่าเจ้าฆ่าคนที่เจ้าไม่สามารถแตะต้อง วันนี้เจ้าต้องตายอย่างแน่นอน!”
“ฮาว!” พังพอนหางสุนัขกรีดร้องอย่างไม่รู้จบสิ้น หากไม่ใช่เพราะแม่น้ำหวนคืน มันคงโจมตีฟางหยวนไปแล้ว
‘ตอนนี้ข้าไม่มีทางเลือก…หากแม่น้ำหวนคืนกวาดข้าออกไป ด้วยความสามารถในปัจจุบันของข้า มีโอกาสน้อยมากที่ข้าจะสามารถหลบหนี’ ฟางหยวนเงียบและเดินหน้าต่อไป
เขาก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว แต่แม่น้ำหวนคืนยังขยายออกไปทุกครั้ง
แม่น้ำหวนคืนไม่มีจุดสิ้นสุด
นี่คือรูปแบบของความสิ้นหวัง
แต่ฟางหยวนไร้ความรู้สึก
‘ในชีวิตของข้า ข้าพบกับความสิ้นหวังมานับครั้งไม่ถ้วน มันมากเกินไป’ ฟางหยวนลอบถอนหายใจอยู่ภายใน
สายตาของเขายังคมชัดและไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก
‘ในสถานการณ์ปัจจุบัน ข้าทำได้เพียงรอให้ทั้งสามฝ่ายต่อสู้กัน เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะสามารถหลบหนี ข้าทำได้เพียงอดทนอยู่ในแม่น้ำหวนคืนเท่านั้น’ ฟางหยวนคิด
เมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มผู้อมตะยังรอให้ฟางหยวนถูกกวาดออกมาด้วยความหงุดหงิด
“เมื่อใดเขาจะหยุด?”
“เดินหน้าต่อไปในแม่น้ำหวนคืนเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องตาย!”
“ออกมา คนขี้ขลาด! ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยการตบเพียงครั้งเดียว!”
“ตอนนี้สิ้นหวังแล้ว หลิวกวนซื่อ การฆ่าตัวตนเป็นวิธีเดียวที่เจ้าจะสามารถรักษาเกียรติของตนเอง!”
ผู้อมตะบางคนหัวเราะ บางคนมองดูอย่างเย็นชา
ในความคิดเห็นของพวกเขา ฟางหยวนกำลังดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1285 ความพยายามของฟางหยวน
แปลโดย iPAT
“หากคิดว่าสามารถหลบหนี ลืมมันไปซะ! วันนี้ข้ามีเป้าหมายเดียวเท่านั้น นั่นคือเจ้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าจ่ายไปเท่าใดเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์? เจ้าทำลายแผนการของข้า เจ้าคือคนที่ข้าเกลียดชังที่สุดในชีวิต หากข้าไม่ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่สามารถนอนหลับอย่างสงบ!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูมองฟางหยวนด้วยความเกลียดชัง
แต่ฟางหยวนยังไร้ความรู้สึก
เขาเหมือนก้อนหิน เหมือนคนหูหนวก ไม่ว่าจะเป็นคำขู่หรือคำสัญญา ไม่มีสิ่งใดสามารถส่งผลกระทบต่อเขา
ฟางหยวนยังคงเดินไปข้างหน้า
โดยไม่รู้ตัวเสียงคำรามของพังพอนหางสุนัขเหมาหลี่ชิวเริ่มเบาลง
การแสดงออกของมันเปลี่ยนแปลงไป
มันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แปลกประหลาดและไม่อยากจะเชื่อ “ไม่มีทาง…”
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ผู้อมตะดำรู้สึกสับสน
ในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นปีศาจอมตะเซี่ยหู ไป่เฉินเทียน หรือเว่ยหลิงหยา การแสดงออกของพวกเขาล้วนเปลี่ยนไปเช่นกัน
พวกเขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง
ในไม่ช้าผู้อมตะคนอื่นๆก็เริ่มอุทาน
“หือ?”
“นี่คือกลิ่นอายของวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”
“วิญญาณชนิดใด เป็นไปไม่ได้ เขามีวิญญาณระดับเก้างั้นหรือ?”
“แปลก นี่ไม่เหมือนกลิ่นอายของวิญญาณอมตะ หรือมันอาจไม่สมบูรณ์ แปลกมาก!”
ทันใดนั้นดวงตาของอวี๋อี้เย่ซือก็ส่องประกายขึ้น “สถานการณ์นี้ เขากำลังหลอมรวมวิญญาณ!”
ผู้อมตะบางคนเย้ยหยัน “จะเป็นไปได้อย่างไร? หลอมรวมวิญาณในแม่น้ำหวนคืนงั้นหรือ?”
นั่นเป็นเรื่องจริง วิญญาณไม่สามารถใช้งานในแม่น้ำหวนคืน เว้นเพียงมันจะเป็นวิญญาณอมตะระดับเก้า
แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณสติปัญญา แต่มันอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
เขาไม่สามารถใช้วิญญาณโดยไม่ต้องกล่าวถึงการหลอมรวมวิญญาณ
ฟางหยวนรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างภายในร่างกายเช่นกัน
เขายังไร้อารมณ์ ‘ดูเหมือน…ข้ากำลังหลอมรวมวิญญาณอยู่จริงๆ มันเกิดสิ่งใดขึ้น? ทุกย่างก้าวที่ข้าเดิน กลิ่นอายในร่างกายของข้ายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ”
กระทั่งฟางหยวนก็ยังไม่เข้าใจ แต่เขารู้ว่านี่คือจุดเปลี่ยน!
สถานการณ์เลวร้ายอย่างที่สุด ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ฟางหยวนก็ต้องการทดลอง
เขายังเดินหน้าต่อไป
ทีละก้าว
เขาเดินไปอย่างมั่นคงและไร้อารมณ์ความรู้สึก
“เหตุใดเขาถึงสงบนัก?” ผู้อมตะบางคนถาม
ในที่สุดกลุ่มผู้อมตะก็เริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้
นั่นเป็นความจริง
นอกจากฟางหยวน ใบหน้าของทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันต่างบิดเบี้ยวและแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวด บางคนเป็นบ้า บางคนสะอื้นร้องไห้
แต่เหตุใดฟางหยวนถึงไร้อารมณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ?
กลุ่มผู้อมตะเงียบ
พวกเขารู้ความนัยที่แฝงอยู่ในคำถามนี้ นั่นคือ เหตุใดหลิวกวนซื่อผู้นี้ถึงสามารถอดทนได้นานนัก? นอกจากนี้ดูเหมือนเขายังสามารถเดินหน้าและอดทนได้ตลอดไป!
มันเป็นไปได้อย่างไร?
ทุกคนถูกกวาดออกจากแม่น้ำหวนคืน แต่เขายังอยู่ที่นั่นได้อย่างไร?
เหตุใดถึงเป็นเขา?
เหตุใดถึงเป็นเขา!
ไม่มีผู้ใดสามารถตอบคำถาม ทุกคนตกลงสู่ความเงียบ
ฟางหยวนยังเดินหน้าต่อไปขณะที่กลิ่นอายของวิญญาณอมตะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ในไม่ช้าแสงสีขาวบริสุทธิ์ก็ส่องประกายออกมาจากร่างของเขา
“มัน…มันเกิดขึ้นจริงๆ!” ดวงตาของเหมาหลี่ชิวเบิกกว้าง มันอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ท่านปู่เหมา เกิดสิ่งใดขึ้น?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรถามอย่างไม่สามารถอดทน
“เห้อ…ข้าไม่สามารถซ่อนมันได้อีก” เหมาหลี่ชิวถอนหายใจและแสดงออกราวกับผู้พ่ายแพ้
“มีวิญญาณอมตะที่ถูกหลอมรวมขึ้นในร่างกายของเขา ชื่อของวิญญาณอมตะดวงนี้ก็คือ ความพยายาม!” เหมาหลี่ชิวกล่าว
“วิญญาณอมตะความพยายาม!?” ผู้อมตะดำตกตะลึง
ผู้อมตะคนอื่นๆก็เช่นกัน
“ในตำนานมนุษย์คนแรกมีการกล่าวถึงวิญญาณความพยายาม วิญญาณความพยายามทำให้ผู้คนสามารถพิชิตแม่น้ำหวนคืน มันไม่ได้เป็นเพียงตำนานงั้นหรือ?” อวี๋อี้เย่ซือถาม
“ไม่ มันมีอยู่จริง” ไป่เฉินเทียนกล่าว เขาเป็นผู้อมตะของวังสวรรค์และล่วงรู้ความลับมากมาย
“มีบางคนเคยครอบครองมัน คนผู้นั้นยังเคยเป็นเจ้าวังสวรรค์มาก่อน ท่านคือเทพอมตะบัวสวรรค์!” เว่ยหลิงหยางกล่าวเสริม
“กระไรนะ!?” กลุ่มผู้อมตะตกตะลึง
“แต่เราไม่เคยคาดหวังว่าวิธีหลอมรวมมันจะเป็นเช่นนี้ เทพอมตะบัวสวรรค์ไม่เคยกล่าวถึงมัน” ไป่เฉินเทียนถอนหายใจ
“แน่นอนว่าเขาย่อมไม่บอก นี่เป็นเรื่องน่าละอายอย่างแท้จริง ฮ่าฮ่าฮ่า” เหมาหลี่ชิวเย้ยหยัน
ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ซือเจิ้งอี้ไม่สามารถทนได้ เขาตะโกน “หนูสกปรก เจ้ากล้าดูแคลนเทพอมตะงั้นหรือ?”
ซือเจิ้งอี้ตะโกนต่อว่าสัตว์อสูรแรกกำเนิดในตำนาน นี่ทำให้ผู้อมตะภาคกลางรู้สึกเป็นห่วงเขา
แต่เหมาหลี่ชิวไม่โกรธ “เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ ทั้งเทพอมตะและเทพปีศาจ กระทั่งการบ่มเพาะของพวกเขาจะสูง พวกเขาก็ยังเป็นมนุษย์ มนุษย์มีอารมณ์ความรู้สึก พวกเขายังมีข้อบกพร่องและมีจุดอ่อน”
“ในยุคนั้นเทพอมตะบัวสวรรค์ติดอยู่ในแม่น้ำหวนคืนและไม่สามารถหลบหนี แต่สุดท้ายเขาก็สามารถพิชิตแม่น้ำหวนคืนและกลายเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถครอบครองมัน”
“เจ้าของแม่น้ำหวนคืนคนแรก?” กระทั่งปีศาจอมตะเซี่ยหูก็ยังตกใจ แม่น้ำหวนคืนอยู่ในการครอบครองของเขามาอย่างยาวนาน แต่เขาไม่เคยรู้ความลับเหล่านี้
“นี่หมายความว่า…” สายตาของกลุ่มผู้อมตะหันไปทางฟางหยวนทันที
เหมาหลี่ชิวถอนหายใจและกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “นั่นเป็นเรื่องจริง ด้วยวิธีนี้เขาจะประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณความพยายามและกลายเป็นเจ้าของแม่น้ำหวนคืนคนที่สอง!”
กลุ่มผู้อมตะกลายเป็นพูดไม่ออก พวกเขามองฟางหยวนที่ยังเดินหน้าต่อไป
เขาเดินไปอย่างไร้ความรู้สึกแต่แม่น้ำหวนคืนยังขยายออกไปราวกับโชคชะตากำลังเย้ยหยันเขา
แต่เขายังเดินหน้าต่อไป
ราวกับว่า…ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดเขา
อย่างน้อย…ในแม่น้ำหวนคืนก็ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดเขา
ย้อนกลับไปในชีวิตแรกของฟางหยวน
เขานั่งอยู่ในบ้านไม้ไผ่และมองไปที่หมู่บ้านบนภูเขาชิงเหมา
เขากำหมัดแน่นด้วยความมุ่งมั่น
‘ถึงเวลาที่ข้าจะละทิ้งอดีต’
‘การเดินทางมายังโลกใบนี้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า! เพราะที่นี่ ข้าสามารถบรรลุชีวิตนิรันดร์!’
‘ข้าต้องใช้ประโยชน์จากโอกาสที่หายากนี้ มิฉะนั้นข้าจะมองหน้าตนเองได้อย่างไร?’
‘แน่นอนว่าตอนนี้ข้ายังต้องดูแลความเป็นอยู่ของข้าและน้องชายของข้า ฮ่าฮ่า เจ้าตัวเล็กนั่น…’
หลังจากปลุกทะเลวิญญาณ
บนสนามประลอง ฟางหยวนเต็มไปด้วยความตกใจและความโกรธ
‘ข้าถูกวางกับดัก!’
‘ผู้ใดทำเรื่องเช่นนี้ ผู้ใดไม่ต้องการให้ข้าได้รับชัยชนะ คำตอบชัดเจนมาก!’
“พี่ใหญ่ ยอมแพ้ซะ ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เพราะพรสวรรค์ของเราแตกต่างกัน สวรรค์ขิลิตมาให้เราแตกต่างกัน” ฟางเจิ้งกล่าวอย่างมีความสุข
ฟางหยวนหันหลังกลับและจากไป แต่เขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
‘เมื่อหมู่บ้านปฏิเสธข้า ลุงกับป้าจงใจผลักไสข้า แล้วข้าจะอยู่ที่นี่ต่อเพื่อสิ่งใด?’
‘หากข้ายังอยู่ที่นี่ ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นและจะได้รับชีวิตนิรันดร์ได้อย่างไร?’
ในขบวนสินค้า
ผู้ใช้วิญญาณเคราหนาเสียชีวิต ฟางหยวนยืนอยู่หน้าหลุมศพของเขา
เด็กน้อยร้องไห้ “ลุงหนวด หลับให้สบาย”
“ขอบคุณสำหรับของขวัญชิ้นสุดท้าย”
“แต่ข้าไม่เหมือนท่าน ข้าจะไม่ละทิ้งความฝันเพียงเพราะอายุที่มากขึ้น”
“โลกนี้กว้างใหญ่ขณะที่พวกเราเป็นเพียงตัวละครที่ไร้นัยสำคัญ ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างหนัก! ข้าจะทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน!”
วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่
ภูเขาชิงเหมา ขบวนสินค้า พเนจรไปทั่ว
วัยกลางคน วัยชรา และวิญญาณอายุยืน
ภาคใต้ ทะเลทรายตะวันตก ทะเลตะวันออก ภาคเหนือ และภาคกลาง
หลังจากกำเนิดใหม่โดยวิญญาณกาลเวลา ภูเขาชิงเหมา แดนศักดิ์สิทธิ์สามกษัตริย์ แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู แดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ ภูเขาอี้เทียน และแม่น้ำหวนคืน!
ฟางหยวนผ่านการทดสอบที่ยากลำบากมาทีละขั้น
ไป่เฉินเทียนขมวดคิ้วคิด ‘พลังใจชนิดใด? เหตุใดเขาจึงสามารถอดทนได้ถึงระดับนี้?’
ปีศาจอมตะเซี่ยหูก่นเสียงเย็น เขาไม่ดูถูกผู้อมตะระดับเจ็ดผู้นี้อีกต่อไป “นี่หมายความว่าหลิวกวนซื่อผู้นี้จะกลายเป็นเจ้าของแม่น้ำหวนคืนงั้นหรือ?”
เหมาหลี่ชิวมองฟางหยวนและจิกกรงเล็บลงบนพื้น
เปลือกตาของไป่หนิงปิงและไห่ลั่วหลันกระตุก
จ้าวเหลียนหยุนตื่นขึ้นแล้ว นางมองศพของหม่าหงหยุนที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของฟางหยวนและกรีดร้องอยู่ในใจ ‘หงหยุน หงหยุน เจ้าทิ้งข้าไปเช่นนี้ได้อย่างไร? หากไม่มีเจ้า ข้าจะอยู่บนโลกใบนี้และมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด?’
ความพยายามของแต่ละคนแตกต่างกันอย่างไร?
ผู้อมตะทั้งหมดสามารถตอบคำถามนี้
เพราะแต่ละคนต้องอดทนกับบางสิ่ง บางคนอดทนต่อความรับผิดชอบ บางคนอดทนต่อความเกลียดชัง บางคนอดทนต่อความตื่นเต้น และบางคนอดทนเพราะความรัก
แต่คำตอบของฟางหยวน
เขายังไร้อารมณ์และความรู้สึก เขายังเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ครั้งหนึ่งเขาเคยกรีดร้องและค่อยๆสูญเสียเสียง
ครั้งหนึ่งเขาเคยร้องไห้และค่อยๆสูญเสียน้ำตา
ครั้งหนึ่งเขาเคยเสียใจและค่อยๆแข็งแกร่งขึ้น
ครั้งหนึ่งเขาเคยมีความสุขและค่อยๆไม่หวั่นไหวต่อโลกหล้า
และตอนนี้…
เหลือเพียงใบหน้าที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก สายตาแข็งกระด้าง มีเพียงความพยายามเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในหัวใจ
นี่คือตัวตนของเขา ตัวละครที่ไร้นัยสำคัญ ฟางหยวนที่มีเพียงความพยายาม!
แสงสว่างขึ้น!
วิญญาณความพยายามถือกำเนิดแล้ว!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1286 โน้มน้าวปีศาจอมตะเซี่ยหู
แปลโดย iPAT
วิญญาณความพยายาม!
ด้านนอกแม่น้ำหวนคืน ผู้อมตะทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงัน
พวกเขาเฝ้ามองแม่น้ำหวนคืนและผู้อมตะระดับเจ็ดในชุดคลุมสีขาว ผมยาว และดวงตาสีดำสนิทกำลังยืนอยู่ในแม่น้ำอย่างอิสระท่ามกลางสายลม
“เขาประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะความพยายามจริงๆ!” ไป่หนิงปิงพึมพำด้วยความรู้สึกซับซ้อน
“เขาสามารถทำสิ่งเดียวกับเทพอมตะบัวสวรรค์ได้จริงๆงั้นหรือ?” ผู้อมตะภาคกลางยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“ดูนั่น เขาหยุดเดินแล้ว เขายืนอยู่ที่นั่นแต่แม่น้ำหวนคืนกลับไม่กวาดเขาออกมา!” ซือเจิ้งอี้ชี้นิ้วและตะโกนเสียงดัง
ฟางหยวนปิดเปลือกตาลง เขาเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
วิญญาณอมตะดวงใหม่ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์
มันก็คือวิญญาณอมตะความพยายาม!
มันเหมือนปิระมิดหินขนาดมหึมาที่ดูเหมือนน้ำทะเลไม่สามารถกัดเซาะมันได้แม้จะผ่านไปนับหมื่นปี มันเหมือนหินก้อนใหญ่ที่จะไม่สูญสลายตราบจนนิรันดร์
มันเป็นวิญญาณอมตะที่พิเศษมาก
เพราะในแง่ของขนาด มันเป็นวิญญาณอมตะที่ขนาดใหญ่โตที่สุดที่ฟางหยวนเคยเห็น
“วิญญาณอมตะระดับเจ็ด…”
ฟางหยวนสามารถบอกระดับของวิญญาณอมตะดวงนี้จากกลิ่นอายที่มันปลดปล่อยออกมา
มันไม่ใช่วิญญาณอมตะระดับแปดหรือเก้า
แต่ฟางหยวนมีความสุขกับสิ่งนี้
การมีวิญญาณอมตะระดับสูงเกินไปไม่ใช่เรื่องดี นี่คือสิ่งที่ผู้อมตะทุกคนรู้
วิญญาณอมตะความพยายามระดับเจ็ดเหมาะสมกับการบ่มเพาะระดับเจ็ดของฟางหยวนมากที่สุด
‘สิ่งใดคืออาหารของวิญญาณความพยายาม แล้วมันสามารถทำสิ่งใด? ข้าจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไร?’ คำถามปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวน
เขายังไม่ได้คิดเพิ่มเติมและกลับมาสนใจโลกภายนอก
ด้านนอกแม่น้ำหวนคืนมีผู้อมตะระดับแปดสามคนกำลังรอโจมตีอยู่พร้อมกับผู้อมตะอีกมากมาย
‘ด้วยการครอบครองวิญญาณความพยายาม ข้าสามารถพิชิตแม่น้ำหวนคืนได้จริงๆ!’ ในไม่ช้าฟางหยวนก็ตระหนักว่าแม่น้ำหวนคืนเชื่อฟังเขาเหมือนสุนัขที่เขาเลี้ยง
แรงกดดันมหาศาลก่อนหน้านี้หายไปอย่างสมบูรณ์
ฟางหยวนยืนอยู่ที่นี่โดยไม่เคลื่อนไหวขณะที่แม่น้ำหวนคืนไม่ส่งผลกระทบต่อเขาอีกต่อไป
ไม่เพียงเท่านั้น ฟางหยวนยังพบว่าเขาสามารถใช้วิญญาณได้อย่างอิสระในแม่น้ำ เขายังสามารถเปิดมิติช่องว่างได้อย่างง่ายดาย
‘ดี!’ ฟางหยวนเริ่มรู้สึกตื่นเต้น เขาเก็บศพของหม่าหงหยุนไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ดวงวิญญาณของหม่าหงหยุนก็เช่นกัน
ดวงวิญญาณของเขาบรรจุมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชคเอาไว้ ฟางหยวนย่อมไม่ละเลยสิ่งนี้ ระหว่างการต่อสู้ในแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนได้รับการคุ้มครองจากมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชคและสามารถรอดชีวิต พวกเขาได้รับผลประโยชน์จากมัน
‘ตอนนี้ดวงวิญญาณของหม่าหงหยุนอยู่กับข้า โชคส่วนหนึ่งของเขาจะกลายเป็นของข้า น่าเสียดายที่จ้าวเหลียนหยุนมีวิญญาณแห่งความรัก ข้าไม่สามารถจับนางได้’
ในความคิดเห็นของฟางหยวน ดวงวิญญาณของหม่าหงหยุนมีค่ามากกว่า ร่างกายของเขาป็นเพียงวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณเท่านั้น
แต่ฟางหยวนยังขมวดคิ้วเล็กน้อย
หากเขาสามารถจับจ้าวเหลียนหยุน เขาอาจใช้นางเจรจากับกลุ่มผู้อมตะ
อย่างไรก็ตามจ้าวเหลียนหยุนได้รับความช่วยเหลือจากวิญญาณแห่งความรักและกลับไปหาไป่เฉินเทียนและเว่ยหลิงหยางแล้ว
“หลิวกวนซื่อ ผู้ใดจะคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะทำให้เจ้ามีชื่อเสียง” เว่ยหลิงหยางถอนหายใจ
“ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า!” จ้าวเหลียนหยุนมองฟางหยวนและใช้วิญญาณตะโกนออกมาด้วยความเกลียดชัง
ความรักที่นางมีต่อหม่าหงหยุนกลายเป็นความเกลียดชังต่อฟางหยวน
“หลิวกวนซื่อ แม้เจ้าจะเป็นเจ้าของแม่น้ำหวนคืน แล้วอย่างไร?” ปีศาจอมตะเซี่ยหูเผยรอยยิ้มเย็นชา
“เด็กน้อย เจ้ามีความสามารถมาก แต่เจ้าฆ่าหม่าหงหยุน เจ้าทำให้ข้าล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทำงาน เดินออกมาจากแม่น้ำหวนคืนและรับความตายไปซะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้ารู้สึกเจ็บปวด!” พังพอนหางสุนัขกล่าวด้วยท่าทางเหี้ยมโหด
‘บัดซบ!’ ฟางหยวนลอบกัดฟัน
เขากลายเป็นเจ้าของแม่น้ำหวนคืน แต่สถานการณ์ของเขายังไม่ดีขึ้น
กล่าวได้ว่าเขาถูกขังอยู่ในแม่น้ำหวนคืน
แม้เขาจะสามารถหลอมรวมวิญญาณความพยายามและพิชิตแม่น้ำหวนคืน แต่เขาก็ไม่สามารถหลบหนี
‘ผู้อมตะระดับแปดสามคนรวมถึงผู้เชี่ยวชาญอีกมากมายและเจตจำนงสวรรค์…’ ฟางหยวนมองไปรอบๆ ตอนนี้เขากลายเป็นเป้าหมายของทุกคน
“ฮ่า!”
ปีศาจอมตะเซี่ยหูพ่นลมหายใจออกมาและส่งมวลอากาศเย็นพุ่งไปยังแม่น้ำหวนคืน
อย่างไรก็ตามมวลอากาศเย็นยังสะท้อนกลับไปหาเขา
ปีศาจอมตะเซี่ยหูหลบมันและหัวเราะ “หลิวกวนซื่อ เจ้าทำลายแผนการของข้า หากเจ้ายอมจำนนตอนนี้และมอบแม่น้ำหวนคืนให้ข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า เจ้าสามารถเป็นทาสของข้า แต่หากเจ้ายังยืนกรานที่จะต่อต้านพวกเรา ข้าจะทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่สามารถตายแม้เจ้าจะต้องการตายก็ตาม!”
หลังกล่าวจบคำเขาก็พ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง
แม่น้ำหวนคืนยังสะท้อนการโจมตีทั้งหมดของเขากลับไปแต่ปีศาจอมตะเซี่ยหูยังสามารถหลบและกล่าวต่อ “หลิวกวนซื่อ อย่าคิดว่าจะสามารถใช้แม่น้ำหวนคืนป้องกันตัวได้ตลอดไป แม่น้ำหวนคืนเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ แต่มันไม่สามารถคงอยู่ตลอดไป ในที่สุดแม่น้ำก็จะแห้งเหือดลง เมื่อเวลานั้นมาถึง เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน!”
ปีศาจอมตะเซี่ยหูยังโจมตีต่อไปขณะที่แม่น้ำหวนคืนเริ่มแสดงให้เห็นร่องรอยของการหดตัวลง
ฟางหยวนโต้แย้ง “ผู้อาวุโสเซี่ยหู ท่านเป็นผู้อมตะระดับแปดอันดับหนึ่งของภาคเหนือ แล้วท่านจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วผู้อมตะภาคกลางเป็นคนทำลายแผนการของท่าน นอกจากนี้ยังมีกับดักของถ้ำสวรรค์นิรันดร ข้าพึ่งมาถึงที่นี่เพราะเหตุบังเอิญ ท่านไม่สนใจศัตรูที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้แต่มุ่งเป้ามาที่ตัวละครที่ไร้นัยสำคัญเช่นข้างั้นหรือ?”
ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ไป่เฉิงเทียนและเว่ยหลิงหยางเริ่มระวังตัวมากขึ้น พวกเขาถอยกลับไปเล็กน้อย
เหมาหลี่ชิวขมวดคิ้ว “เด็กผู้นี้เก่งเรื่องการหว่านความบาดหมาง”
ปีศาจอมตะเซี่ยหูรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “หลิวกวนซื่อ ดูเหมือนเจ้าจะลืมไปว่าแม่น้ำหวนคืนที่อยู่ใต้เท้าของเจ้าเป็นของข้า เจ้าขโมยแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพของข้า เจ้าเป็นศัตรูของข้า เจ้าทำให้หม่าหงหยุนตายและทำลายความหวังของข้า หากข้าไม่ฆ่าเจ้า ความโกรธของข้าจะไม่มีวันคลี่คลาย!”
ฟางหยวนเร่งโต้แย้ง “ผู้อาวุโสเซี่ยหู เราทั้งคู่ต่างเป็นคนเหนือ ท่ามกลางคนเหล่านี้ พังพอนหางสุนัขมาจากถ้ำสวรรค์นิรันดร ขณะที่ผู้อมตะภาคกลางทั้งหมดมาจากสิบนิกายโบราณหรือวังสวรรค์ พวกเขาต่างเป็นฝ่ายธรรมะ มีเพียงพวกเราที่อยู่บนเส้นทางสายปีศาจ ธรรมะและปีศาจไม่สามารถอยู่ร่วมโลก แต่พวกเราสามารถร่วมมือ”
“ถูกต้อง ข้ากลายเป็นเจ้าของแม่น้ำหวนคืนโดยบังเอิญ แต่เรายังสามารถร่วมมือ ข้าสามารถให้ท่านยืมแม่น้ำหวนคืน ด้วยความช่วยเหลือจากข้า แม่น้ำหวนคืนจะมีประโยชน์กับท่านมากขึ้น”
“ถูกต้อง ข้าทำให้หม่าหงหยุนตาย แต่ทุกคนรู้ว่าข้าไม่ได้ตั้งใจฆ่าเขา ข้าเพียงจับเขาเบาๆ แล้วหม่าหงหยุนก็ตายด้วยตัวของเขาเอง เขาตายเพราะหมดแรงและสูญสิ้นพลังจิต เขาอยู่ในแม่น้ำหวนคืนนานเกินไป เขาอดทนต่อความทรมานจนเกินขีดจำกัดของตนเอง ความตายของเขาไม่เกี่ยวกับข้า แม้จะไม่มีข้า เขาก็ยังต้องตาย ข้าบังเอิญอยู่ที่นี่เท่านั้น นอกจากนี้พวกท่านคิดว่าข้าจะสังหารเขาเพื่อทำให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากจริงๆงั้นหรือ?”
“อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาตายไปแล้ว พลังอำนาจของวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์อาจหายไป ข้าเข้าใจได้ว่าท่านกำลังโกรธและต้องการระบายความโกรธ แต่ท่านต้องก้าวข้ามหมื่นภัยพิบัติ การข้าฆ่าเพื่อระบายความโกรธจะช่วยให้ท่านผ่านหมื่นภัยพิบัติไปได้งั้นหรือ?”
ฟางหยวนส่ายศีรษะก่อนกล่าวต่อ “ไม่เพียงเท่านั้น หมื่นภัยพิบัติของท่านอาจอันตรายมากขึ้นเพราะการคงอยู่ของแม่น้ำหวนคืน ท่านต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อระบายน้ำออกไป มิฉะนั้นท่านจะไม่สามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์และเผชิญหน้ากับภัยพิบัติของท่าน!”
“ผู้อาวุโสเซี่ยหู ท่านมีครอบครัวแล้ว ท่านเป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ เป็นตัวตนอันดับหนึ่งของภาคเหนือ หากท่านตายในภัยพิบัติหรือได้รับบาดเจ็บสาหัส ศัตรูทั้งหมดของท่านและฝ่ายธรรมะไม่ว่าจะภาคเหนือหรือภาคกลางจะมีความสุข ในเวลาเดียวกันท่านหญิงหว่านซูก็จะเสียใจ”
“แม้แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะจะถูกทำลายและการหลอมรวมวิญญาณอมตะจะล้มเหลว ตราบเท่าที่ท่านยังอยู่ ท่านยังสามารถสร้างแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะขึ้นมาใหม่ หากท่านล้มเหลวในการหลอมรวม ท่านยังสามารถฉกฉวยทรัพยากรจากผู้อื่นและเริ่มหลอมรวมใหม่ได้อีกครั้ง”
“ผู้อมตะฝ่ายธรรมะเหล่านี้ล้วนมีเจตนาร้าย เราสามารถร่วมมือและจัดการพวกเขา!”
“ข้า หลิวกวนซื่อ เป็นสมาชิกฝ่ายปีศาจของภาคเหนือ ข้ายินดีที่จะให้ความร่วมมือกับท่านเพื่อบรรลุความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรา!”
ฟางหยวนกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ
เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ปีศาจอมตะเซี่ยหูรู้สึกว่าฟางหยวนไม่น่ารังเกียจอีกต่อไป
เพราะสิ่งที่เขาพูดล้วนเป็นเรื่องจริง แม้ปีศาจอมตะเซี่ยหูจะโกรธ เขาก็ยังไม่สูญเสียเหตุผล นอกจากนี้ฟางหยวนยังพิจารณาถึงสถานการณ์ของเขาและวางตัวเขาเองไว้ในแผนการอีกด้วย
เห็นการแสดงออกของปีศาจอมตะเซี่ยหู เว่ยหลิงหยางและไป่เฉินเทียนเริ่มรู้สึกประหม่า ขณะที่เหมาหลี่ชิวรู้สึกขุ่นเคือง มันเผยเขี้ยวอันแหลมคมไปทางปีศาจอมตะเซี่ยหูโดยไม่แสดงความอ่อนแอออกมา
‘คนผู้นี้ยังเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม!’ อิงอู๋เซี่ยรู้สึกผิดหวัง
หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาอาจสนับสนุนปีศาจอมตะเซี่ยหูให้ร่วมมือกับฟางหยวน ท้ายที่สุดแล้วร่างทารกอมตะของฟางหยวนก็เป็นความพยายามนับแสนปีของนิกายเงา พวกเขาไม่สามารถสูญเสียมัน
แต่ตอนนี้หลังจากถูกไล่ล่าโดยฟางหยวนและเห็นเขาพิชิตแม่น้ำหวนคืน อิงอู๋เซี่ยจึงต้องระวังฟางหยวนมากขึ้นไปอีก
หากมีโอกาส อิงอู๋เซี่ยจะฆ่าฟางหยวนอย่างแน่นอน เขาต้องกำจัดศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวนี้!
แต่อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้ในเวลานี้
ราชันภูเขาม่วงหลับสนิทอยู่ในมือของเขา
เมื่อมนุษย์จิ๋วผู้นี้ตื่นขึ้น เขาจะบ้าคลั่งเป็นครั้งคราว
ตอนนี้สิ่งที่อิงอู๋เซี่ยทำได้คืออยู่นิ่งๆเพื่อให้ทุกคนลืมการคงอยู่ของพวกเขา
นี่เป็นช่วงเวลาที่อ่อนไหวที่สุดของนิกายเงา
ผู้อมตะภาคกลางก็เช่นกัน แม้พวกเขาจะได้ตัวจ้าวเหลียนหยุนกลับไป แต่พวกเขายังไม่กล้าล่าถอย มิฉะนั้นมันจะดึงดูดความสนใจและตกเป็นเป้าหมายของทุกคน
สถานการณ์กลายเป็นชะงักงัน
มันค่อนข้างแปลก
ปีศาจอมตะเซี่ยหู นิกายเงา ผู้อมตะภาคกลาง ถ้ำสวรรค์นิรันดร และฟางหยวน ไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหว พวกเขากำลังพิจารณาในมุมมองของตนเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่มีฝ่ายใดแข็งแกร่งพอที่จะควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด
ทัศนคติของปีศาจอมตะเซี่ยหูเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้
ทุกคนมองไปที่เขา
ปีศาจอมตะเซี่ยหูครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากกล่าวอย่างกะทันหัน “เอาล่ะ เราสามารถสร้างความร่วมมือ!”
ฟางหยวนมีความสุขมาก
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1287 หมื่นตัวตนรูปแบบที่สอง
แปลโดย iPAT
เมื่อเห็นฟางหยวนประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวปีศาจอมตะเซี่ยหู ไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะภาคกลางหรือถ้ำสวรรค์นิรันดร การแสดงออกของทุกคนก็เปลี่ยนแปลงไปทันที
ปีศาจอมตะเซี่ยหูเป็นผู้อมตะระดับแปดอันดับหนึ่งของภาคเหนือ หากเขาต่อสู้ด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมด เขาสามารถนำฟางหยวนออกจากที่นี่ได้อย่างแน่นอน กระทั่งพังพอนหางสุนัขเหมาหลี่ชิว ไป่เฉินเทียน และเว่ยหลิงหยางก็ไม่สามารถหยุดเขา
อย่างไรก็ตามปีศาจอมตะเซี่ยหูกลับยื่นข้อเสนอพันธมิตรที่เข้มงวดมากให้แก่ฟางหยวน
ความสุขของฟางหยวนหายไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ใช่พันธมิตรที่เท่าเทียมกับปีศาจอมตะเซี่ยหูแต่ต้องเป็นทาส!
“ผู้อาวุโสเซี่ยหู ข้อตกลงพันธมิตรเช่นนี้…ท่านล้อเล่นหรือไม่?” การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นน่าเกลียด
ปีศาจอมตะเซี่ยหูหัวเราะ “แน่นอนว่าไม่!”
“หลิวกวนซื่อ ไม่ใช่ว่าเจ้าวิเคราะห์เรื่องนี้มาอย่างละเอียดแล้วงั้นหรือ? ท่ามกลางผู้คนที่อยู่ที่นี่ มีเพียงพวกเราที่มาจากเส้นทางสายปีศาจ เราเป็นพันธมิตรโดยธรรมชาติ”
“เจ้าฆ่าเย่หลิวชุนซิงและผู้อมตะเผ่าหลิว เจ้ากระทั่งปล้นสะดมทรัพยากรของพวกเขา แล้วเจ้าจะส่งมอบตัวเองให้กับถ้ำสวรรค์นิรันดรหรือไม่?”
“หรือเจ้าจะออกจากบ้านเกิดของเจ้าและไปยังภาคกลางเพื่อเป็นทาสของสิบนิกายโบราณและวังสวรรค์?”
“ข้าเป็นทางเลือกเดียวของเจ้า”
หลังจากกล่าวจบประโยค เขามองไปที่อิงอู๋เซี่ย “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามีปัญหาของตนเองเช่นกัน ข้ามีข้อตกลงกับคนเหล่านี้ แต่ดูเหมือนเจ้าจะเป็นศัตรูกับพวกเขา ข้าไม่สามารถรุกรานผู้อมตะระดับแปดเพียงเพราะผู้อมตะระดับเจ็ดและแม่น้ำหวนคืนถูกต้องหรือไม่?”
หัวใจของอิงอู๋เซี่ยเต้นแรง
ปีศาจอมตะเซี่ยหูพยายามโน้มน้าวฟางหยวนขณะเดียวกันเขาก็กำลังตรวจสอบภูมิหลังของราชันภูเขาม่วงและนิกายเงา
ท้ายที่สุดราชันภูเขาม่วงก็กลายเป็นคนบ้าไปแล้ว
หากราชันภูเขาม่วงยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ปีศาจอมตะเซี่ยหูอาจโจมตีพวกเขา ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการสังหารผู้อมตะระดับแปดที่บ้าคลั่งเพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของเขา
นอกจากนี้ปีศาจอมตะเซี่ยหูยังล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณขณะที่แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะถูกทำลาย ความพยายามทั้งหมดของเขากลายเป็นสูญเปล่า แน่นอนว่าเขาย่อมต้องการกู้คืนบางสิ่ง
การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นมืดครึ้ม
ปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่ใช่ตัวตนที่สามารถหลอกลวงโดยง่าย
คำกล่าวของฟางหยวนก่อนหน้านี้ช่วยเรียกสติของปีศาจอมตะเซี่ยหูกลับมา
แต่ปีศาจอมตะเซี่ยหูมีแผนการของตนเอง เขาใช้คำกล่าวของฟางหยวนย้อนกลับไปเล่นงานเขา
ฟางหยวนรู้ว่าเขาไม่สามารถร่วมมือกับเหมาหลี่ชิวหรือเว่ยหลิงหยาง
ถ้ำสวรรค์นิรันดรมีอยู่เพื่อปกป้องสายเลือดตระกูลฮวงจิน ฟางหยวนสังหารเย่หลิวชุนซิงและยังสังหารหม่าหงหยุน การเข้าหาถ้ำสวรรค์นิรันดรไม่จากการรนหาที่ตาย
ในทางกลับกัน เขาไม่สมารถไปยังภาคกลาง แม้เขาจะมีวิธีป้องกันการอนุมาน แต่มันไม่สามารถพึ่งพาได้อย่างสมบูรณ์
เขาต้องหลบอยู่ในมิติช่องว่างหรือค่ายกลวิญญาณของภาคใต้เพื่อหลบหนีจากการอนุมานของผู้อมตะภาคกลาง หากเขาไปยังภาคกลาง เทพธิดาจื่อเว่ยจะรู้เรื่องนี้ทันที เมื่อเวลานั้นมาถึง ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยและถูกจัดการในที่สุด
สำหรับนิกายเงา ปัญหาเรื่องร่างทารกอมตะทำให้พวกเขาไม่สามารถร่วมมือ
ดังนั้นท่ามกลางผู้คนที่อยู่ที่นี่ ปีศาจอมตะเซี่ยหูจึงเป็นตัวเลือกเดียวของฟางหยวน
อย่างไรก็ตามปีศาจอมตะเซี่ยหูจะช่วยฟางหยวนก็ต่อเมื่อฟางหยวนยินดีเป็นทาสของเขาเท่านั้น
“หากเจ้าตกลง ข้าจะรับประกันความปลอดภัยของเจ้า หากไม่ ข้าจะโจมตีแม่น้ำหวนคืน เจ้าจะตายที่นี่ในวันนี้โดยไม่มีทางเลือกอื่น” ปีศาจอมตะเซี่ยหูยังกดดันฟางหยวนต่อไป
ฟางหยวนลังเล “ให้ข้าคิดก่อน!”
“ข้าจะให้เวลาเจ้าสามลมหายใจ” ปีศาจอมตะเซี่ยหูแสดงออกอย่างเย็นชา
ไร้ปรานีอย่างที่สุด!
ฟางหยวนยิ้ม เขารู้ว่าไม่สามารถหลอกลวงปีศาจอมตะเซี่ยหูและไม่แม้แต่จะสามารถถ่วงเวลา เขาหยุดการแสดง “เช่นนั้นข้าก็ขอดูวิธีการของพวกท่าน”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ปีศาจอมตะเซี่ยหูหัวเราะเสียงดัง “ข้ารู้อยู่แล้วว่าคนที่มีคุณสมบัติครอบครองแม่น้ำหวนคืนเช่นเจ้าจะยอมจำนนต่อผู้อื่นโดยง่ายได้อย่างไร? ดังนั้นข้าจะก็จะทุบตีเจ้าจนกว่าเจ้าจะร้องขอความเมตตา!”
ปีศาจอมตะเซี่ยหูแสดงออกอย่างมีความสุขที่พบเหยื่อเช่นนี้ มันดูราวกับเขาไม่ต้องการฆ่าฟางหยวนจริงๆ
แต่ผู้ใดจะรู้ว่านี่คือแผนการของเขาหรือไม่?
ปีศาจอมตะเซี่ยหูเริ่มโจมตี มวลอากาศเย็นพุ่งออกไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว
แม่น้ำหวนคืนสะท้อนการโจมตีของปีศาจอมตะเซี่ยหูกลับไปแต่การโจมตีนี้ยังทำให้ปริมาณน้ำลดลงเล็กน้อย
ฟางหยวนไม่เคลื่อนไหว มันยังเร็วเกินไป
‘ข้าต้องหาทางออกจากสถานการณ์นี้!’
ฟางหยวนยิ้มและมองที่กลุ่มผู้อมตะภาคกลาง “แขกจากภาคกลาง พวกท่านกำลังรอสิ่งใดอยู่ พวกท่านกำลังรอให้ผู้อมตะภาคเหนือร่วมมือกันและดูแลพวกท่านงั้นหรือ?”
หัวใจของเว่ยหลิงหยางและไป่เฉินเทียนกระตุก
จ้าวเหลียนหยุนใช้วิญญาณกรีดร้องออกมา “ฆาตกร! เจ้าควรกังวลเรื่องของตนเองก่อน! ข้าจะจากไปเมื่อข้าเห็นเจ้าตายต่อหน้าข้าเท่านั้น!”
ผู้อมตะภาคกลางเงียบ พวกเขามองไปที่ผู้อมตะระดับแปดทั้งสอง
แต่เว่ยหลิงหยางและไป่เฉินเทียนยังไม่เคลื่อนไหว ตอนนี้พวกเขาดูเหมือนรูปปั้นที่ไม่สามารถตอบสนอง
ฟางหยวนหันไปกระตุ้นพังพอนหางสุนัข
แต่มันหัวเราะ “เด็กน้อย ไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใดอีกต่อไป การหว่านความบาดหมางไร้ประโยชน์ แม้เซี่ยหูจะไม่ต้องการฆ่าเจ้า แต่ข้าจะฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน!”
หลังกล่าวจบคำ มันโจมตีทันที
มันพ่นควันสีม่วงไปที่แม่น้ำหวนคืนและทำให้ระดับน้ำลดลงเล็กน้อย
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น สิ่งมีชีวิตระดับแปดเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์อสูร พวกเขาต่างฉลาดหลักแหลม คำพูดไม่สามารถทำให้พวกเขาหวั่นไหว
‘ดูเหมือนข้าต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น’
‘ท่าไม้ตายใหม่ที่ข้าสร้างขึ้นทรงพลังแต่ต่อหน้าสี่ ไม่ ห้าผู้อมตะระดับแปด มันยังยากเกินไปที่จะหลบหนี’
สิ่งมีชีวิตระดับแปดทั้งห้าได้แก่ปีศาจอมตะเซี่ยหู เหมาหลี่ชิว ไป่เฉินเทียน เว่ยหลิงหยาง และราชันภูเขาม่วง
ฟางหยวนมองน้ำที่อยู่ใต้เท้าและรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
มันสามารถต่อต้านการโจมตีของผู้อมตะระดับแปดจากภายนอก นี่เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง
เป็นเพียงเวลานี้ที่แรงบันดาลใจใหม่ๆปรากฏขึ้นในใจของเขา
‘ดูเหมือนข้ายังต้องใช้วิญญาณความพยายามต่อไป ข้าเป็นเจ้าของแม่น้ำหวนคืน ภายในแม่น้ำสายสายนี้ ข้าสามารถใช้วิญญาณดวงอื่นได้เช่นกัน!’
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนพยายามใช้วิญญาณอมตะดึงแม่น้ำและตระหนักว่าเขาสามารถย้ายแม่น้ำหวนคืนได้เช่นเดียวกับแม่น้ำหรือลำธารทั่วไป
แต่เพียงสิ่งนี้ มันยังไม่อนุญาตให้ฟางหยวนออกจากที่นี่
วิญญาณอมตะดึงแม่น้ำเป็นวิญญาณอมตะระดับหก มันสามารถเคลื่อนย้ายแม่น้ำ แต่มันช้ามาก การพยายามหลบหนีด้วยวิธีนี้เป็นไปไม่ได้
‘เซี่ยหูดูเหมือนจะมีวิธีใช้ประโยชน์จากแม่น้ำหวนคืนเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณ แล้วเหตุใดข้าจะไม่สามารถทำเช่นเดียวกัน ข้าคือเจ้าของแม่น้ำหวนคืน ข้ามีวิญญาณความพยายาม ข้าสามารถจัดการสิ่งนี้ได้อย่างอิสระ แม่น้ำ…หรือบางที…ข้าอาจสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะ…’
ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนและเริ่มหยั่งรากลึก
วิญญาณความพยายามอนุญาตให้ฟางหยวนใช้ประโยชน์จากแม่น้ำหวนคืนขณะที่วิญญาณดึงแม่น้ำสามารถเคลื่อนย้ายแม่น้ำหรือลำธาร นี่ถือเป็นพื้นฐานของท่าไม้ตายอมตะ
ด้วยการเพิ่มวิญญาณระดับมนุษย์ดวงอื่นๆเข้าไป มันจะกลายเป็นท่าไม้ตายอมตะที่สมบูรณ์แบบและดูเหมือนมันจะไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากมากเกินไป
ฟางหยวนรู้สึกว่าเขาสามารถทำได้
นี่ไม่ใช่การเดาสุ่ม
แต่มันเกิดจากความสำเร็จของเขา!
ฟางหยวนมีระดับความสำเร็จที่น่าเหลือเชื่อ หนึ่งในนั้นคือเส้นทางแห่งวารี!
เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งวารี!
นั่นทำให้เขาสามารถคิดค้นและเพิ่มวิญญาณเข้าไปในท่าไม้ตายใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
แต่มันยังไม่เพียงพอ
‘ความแข็งแกร่งยังไม่เพียงพอ!’ ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้
โครงสร้างของท่าไม้ตายใหม่เหมือนโครงกระดูกและปีกที่ถูกกางออกแต่มันยังขาดมัดกล้ามเนื้อที่ช่วยสนับสนุน
เขาต้องเพิ่มอีก!
ฟางหยวนคิดถึงเส้นทางความแข็งแกร่ง
หมื่นตัวตน!
ทักษะที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด
นี่ทำให้เขาพบวิธีแก้ปัญญา
ด้วยความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งวารี พวกมันอนุญาตให้เขาบรรลุเป้าหมายตามธรรมชาติ
แต่เดี๋ยวก่อน!
ฟางหยวนยังนึกถึงท่าไม้ตายอมตะหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้อง
มันเป็นท่าไม้ตายอมตะของเย่หลิวชุนซิงที่ใช้สะเก็ดดาวเพื่อสร้างท่าไม้ตายที่ทรงพลัง มันเหมือนกับฟางหยวนที่พยายามใช้แม่น้ำหวนคืน เขาต้องใช้กำลังเสริมจากภายนอก!
นี่ทำให้ท่าไม้ตายใหม่ของเขามีเส้นเลือด
โครงกระดูก กล้ามเนื้อ ปีก และเส้นเลือด เขามีทั้งหมด
ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการสร้างท่าไม้ตายอมตะในช่วงเวลาสั้นๆ!
‘นี่คือรูปแบบที่สองของหมื่นตัวตน!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1288 ฝึกท่าไม้ตายใหม่
แปลโดย iPAT
ด้วยระดับความสำเร็จที่เพียงพอ ฟางหยวนสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
เพราะเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนเป็นรากฐาน ดังนั้นเขาจึงเรียกมันว่าหมื่นตัวตนรูปแบบที่สอง
แต่เนื่องจากท่าไม้ตายนี้พึ่งถูกสร้างขึ้น มันจึงยังห่างไกลจากการใช้งานจริง
“บึม บึม บึม…”
ปีศาจอมตะเซี่ยหูและพังพอนหางสุนัขเหมาหลี่ชิวยังโจมตีแม่น้ำหวนคืนอย่างไม่หยุดยั้ง การโจมตีนับไม่ถ้วนทำให้ระดับน้ำเริ่มลดลง
การเจรจาของฟางหยวนล้มเหลวไปแล้วแต่เขาไม่เต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้ ดังนั้นปีศาจอมตะเซี่ยหูและเหมาหลี่ชิวจึงต้องการใช้พลังอำนาจของพวกเขาเพื่อสังหารฟางหยวน
ฟางหยวนมองแม่น้ำหวนคืนและคิด ‘ข้ายังมีเวลาอีกมาก’
หัวใจของเขาผ่อนคลายลง
แม่น้ำหวนคืนเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ มันสามารถอดทนต่อการโจมตีของผู้อมตะระดับแปดทั้งสอง ในความเป็นจริงระดับน้ำพึ่งลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แน่นอนว่าอีกเหตุผลหนึ่งก็คือปีศาจอมตะเซี่ยหูและเหมาหลี่ชิวไม่ได้ใช้พลังอำนาจทั้งหมดออกมา
พวกเขายังต้องระวังซึ่งกันและกัน ขณะที่กลุ่มผู้อมตะภาคกลางรอโอกาสที่จะโจมตี คนเหล่านี้ต้องเฝ้าระวังกันเอง แล้วพวกเขาจะใช้พละกำลังทั้งหมดกับฟางหยวนได้อย่างไร?
มันเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างซับซ้อน นี่ทำให้แรงกดดันของฟางหยวนลดลงอย่างมากและสามารถทดสอบท่าไม้ตายใหม่ของเขาได้อย่างไม่รีบร้อน
ฟางหยวนระวังมากในการกระตุ้นใช้งานครั้งแรก
อันดับแรก วิญญาณความพยายาม ฟางหยวนส่งลูกพลัมแดงอมตะให้มันเพื่อให้เขาสามารถเคลื่อนไหวในแม่น้ำหวนคืนได้อย่างอิสระ
ครู่ต่อมา วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งวารีจำนวนมากที่อยู่ในมิติช่องว่างของเขาบินขึ้นสู่อากาศและปลดปล่อยแสงสีฟ้าออกมา
ในไม้ช้าแสงสีฟ้าก็เปลี่ยนเป็นแสงสีแดงและเริ่มอุ่นขึ้น
‘ข้าล้มเหลว’ ฟางหยวนหยุดทันที
ฉากตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
เขาหยุดใช้จ่ายพลังงานอมตะ วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งวารีจำนวนมากถูกทำลายทันที
แต่ฟางหยวนยังสงบนิ่งและเริ่มคิด
ตามแผนของเขา แสงสีฟ้าควรจะเย็นลงไม่ใช่อุ่นขึ้น
ฟางหยวนอนุมานและพบที่มาของปัญหาในที่สุด
นั่นเป็นเพราะเขาใช้วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งวารีสองประเภทที่ขัดแย้งกัน
ฟางหยวนเปลี่ยนหนึ่งในนั้น สำหรับวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งวารี เขาสามารถซื้อจากสวรรค์สีเหลืองได้อย่างง่ายดาย
หลังจากแก้ไขท่าไม้ตายอมตะ ฟางหยวนทดลองเป็นครั้งที่สอง
วิญญาณอมตะความพยายามถูกกระตุ้นใช้งานขณะที่วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งวารีจำนวนมากบินอยู่รอบๆ
เมื่อแสงสีฟ้าส่องประกายขึ้น ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดึงแม่น้ำระดับหกเป็นแกนกลางดวงที่สองของท่าไม้ตาย
แน่นอนว่าแกนกลางดวงแรกคือวิญญาณอมตะความพยายามระดับเจ็ด
ฟางหยวนระวังมาก หากผิดพลาด วิญญาณอมตะทั้งสองดวงอาจได้รับบาดเจ็บหรือกระทั่งถูกทำลาย
เขาพยายามอย่างหนักแต่ยังพบปัญหาความขัดแย้งระหว่างวิญญาณอมตะ
‘ปัญหานี้เกิดจากสิ่งใด?’
ฟางหยวนหยุดและทำให้วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากถูกทำลาย
การทดลองท่าไม้ตายอมตะมีราคาที่ต้องจ่าย
ท่าไม้ตายอมตะที่สมบูรณ์แบบต้องมีประสิทธิภาพและผ่านการทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีก
การโจมตีจากภายนอกยังพุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ฟางหยวนเพิกเฉยต่อพวกมันอย่างสิ้นเชิง ด้วยร่างทารกอมตะ กลุ่มก้อนความคิดถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วและพุ่งชนกันอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา การอนุมานของเขาจึงรวดเร็วมาก
ในเวลาไม่กี่ลมหายใจฟางหยวนก็พบปัญหา
วิญญาณอมตะความพยายามและวิญญาณอมตะดึงแม่น้ำเป็นวิญญาณบนเส้นทางที่แตกต่าง ดังนั้นวิญญาณระดับมนุษย์จึงต้องเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างวิญญาณอมตะทั้งสอง
ฟางหยวนคิดและปรับเปลี่ยนวิญญาณระดับมนุษย์บางส่วน
จากนั้นเขาก็ทดลองเป็นครั้งที่สาม
ครั้งนี้มันราบรื่นมาก เขาประสบความสำเร็จในการนำวิญญาณอมตะดึงแม่น้ำเข้าสู่ท่าไม้ตายอมตะ
คลื่นค่อยๆก่อตัวขึ้นในแม่น้ำหวนคืน
ในที่สุดมันก็เริ่มทำงาน!
แต่เขายังห่างไกลจากเป้าหมาย
ฟางหยวนไม่ได้หยุดพัก เขาไม่สามารถทิ้งเวลาแม้แต่วินาทีเดียวในสถานการณ์นี้ เขายังทดลองต่อไป
“หลิวกวนซื่อกำลังทำสิ่งใด?”
“กลิ่นอายวิญญาณปะทุออกมาจากร่างของเขาเป็นครั้งคราว ดูเหมือนเขากำลังทดสอบท่าไม้ตายอมตะ?”
นอกจากปีศาจอมตะเซี่ยหูและเหมาหลี่ชิว ผู้อมตะคนอื่นๆกำลังเฝ้ามองอยู่อย่างตั้งใจ
ทุกครั้งที่ฟางหยวนทดสอบท่าไม้ตายอมตะ กลิ่นอายของวิญญาณจะรั่วไหลออกมาและไม่สามารถปกปิด
หากเขาต้องการปกปิดกลิ่นอายเหล่านั้น เขาต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะบางอย่าง
ท่าไม้ตายอมตะประเภทนี้หายากมาก มันเหมือนกับท่าไม้ตายอมตะลอบสังหารในความมืดของฟางหยวน
ตอนนี้ฟางหยวนกำลังทำงานอย่างหนัก เขาไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องการปกปิดกลิ่นอายของวิญญาณ
แต่มันไม่สำคัญ
เพียงกลิ่นอายของวิญญาณไม่สามารถระบุประเภทของวิญญาณเหล่านั้น
นอกจากนี้มันยังเป็นท่าไม้ตายอมตะที่ซับซ้อนและใช้วิญญาณจำนวนมาก เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ชมจะค้นพบบางสิ่ง
ฟางหยวนทดลองต่อไป
ครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า…
เขาต้องปรับเปลี่ยนหลายสิ่งแต่เขาไม่รู้สึกหดหู่ใจ เขาพยายามต่อไปโดยไม่เผยความรู้สึกใดๆออกมา
“เขากำลังทดสอบท่าไม้ตายอมตะจริงๆ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า หลิวกวนซื่อเป็นเพียงคนงี่เง่างั้นหรือ? สร้างท่าไม้ตายอมตะอย่างกะทันหัน เขาคิดว่าเขาเป็นเทพอมตะหรือเทพปีศาจงั้นหรือ?”
“แม้เขาจะสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะ แต่ข้าอยากดูนักว่าเขาจะใช้มันจัดการพวกเราอย่างไร?”
ผู้อมตะที่เฝ้าดูอยู่เย้ยหยัน
หากการสร้างท่าไม้ตายอมตะเป็นเรื่องง่าย พวกมันยังจะเรียกว่าท่าไม้ตายอมตะอีกหรือไม่?
แต่ในไม่ช้าการแสดงออกของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
พวกเขาพบว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นในแม่น้ำหวนคืน
‘ครั้งที่ยี่สิบเอ็ด’
ฟางหยวนใช้มือจับแม่น้ำที่อยู่ใต้เท้า
“ขึ้นมา!” เขาพึมพำเบาๆ
“ครืน…”
บอลวารีลอยขึ้นจากแม่น้ำหวนคืนก่อนจะระเบิดกระจัดกระจายออกไป
ท่าไม้ตายล้มเหลว!
เลือดไหลออกมาจากจมูกของฟางหยวน
“ท่าไม้ตายอมตะของเขาส่งผลกระทบต่อแม่น้ำหวนคืน?” ดวงตาของอวี๋อี้เย่ซือส่องประกายขึ้น
“ไม่ กล่าวให้ถูกคือเขาใช้แม่น้ำหวนคืนเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะ!” ปู้เจิ้งซือกล่าว
“ฮืม น่าขัน!” ผู้อมตะดำเผยรอยยิ้มเย็นชา “เมื่อข้าสร้างค่ายกลวิญญาณโดยหยิบยืมพลังอำนาจของแม่น้ำหวนคืน ข้าต้องใช้เวลาคิดและทดลองหลายปี หลิวกวนซื่อ แม้เจ้าจะเป็นเจ้าของแม่น้ำหวนคืนก็อย่ายโสให้มากนัก เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถใช้มันสร้างท่าไม้ตายอมตะได้ในระยะเวลาสั้นๆงั้นหรือ?”
เห็นได้ชัดว่าไม่มีผู้อมตะคนใดที่คิดว่าฟางหยวนจะประสบความสำเร็จ
แต่ในไม่ช้าฟางหยวนก็เริ่มการทดลองอีกครั้ง
“ครืน…”
ครั้งนี้แม่น้ำลอยขึ้นมาราวกับเนินเขาเล็กๆก่อนที่มันพังทลายลง
ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นซีดขาว ร่างกายของเขาสั่นสะท้านขึ้น เลือดไหลออกมาจากจมูกและรูหูของเขา
‘ข้าล้มเหลวอีกครั้ง บุรุษคนก่อนหน้า!’ ในเวลาต่อมา ฟางหยวนก็กลับสู่สภาพปกติ
‘ข้าควรหาสาเหตุของความล้มเหลว ดูเหมือนจะมีปัญหาเล็กๆเกิดขึ้นในจุดเชื่อมต่อสุดท้าย…’ ฟางหยวนครุ่นคิดอย่างหนัก
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1289 เกราะหวนคืน
แปลโดย iPAT
ครู่ต่อมาฟางหยวนก็เปิดเปลือกตาขึ้นและทดลองท่าไม้ตายอีกครั้ง
คราวนี้น้ำในแม่น้ำหวนคืนเคลื่อนที่ไปภายใต้การบังคับของเขา
การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะเปลี่ยนแปลงไป
กระทั่งปีศาจอมตะเซี่ยหูยังหยุดโจมตี
แต่ในเวลาต่อมาเขาก็ตะโกนเสียงดังและส่งการโจมตีที่รุนแรงกว่าก่อนหน้าออกมา
‘มันยากมากเพราะข้าเพิ่มวิญญาณหลายประเภทเข้าไปและทำให้เกิดปัญหามากมาย ตอนนี้ข้าสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะฉบับเร่งด่วนเท่านั้น มันคือขีดจำกัดของข้า หลังจากนี้ข้าต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อแก้ไขมันหรือบางทีข้าอาจต้องเพิ่มระดับความสำเร็จ’
ฟางหยวนเข้าใจความซับซ้อนของปัญหา
ขณะที่ฟางหยวนถอนหายใจ ผู้อมตะคนอื่นๆกลับเต็มไปด้วยความตกใจ
แม้พวกเขาจะไม่กล่าวออกมา แต่สายตาของพวกเขาไม่สามารถปกปิดความรู้สึกที่อยู่ภายใน
‘หลิวกวนซื่อผู้นี้…’
‘ช่างรวดเร็วนัก เขาสามารถใช้แม่น้ำหวนคืนได้จริงๆ’
‘เหลือเชื่อ เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่? เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?’
‘ไม่ ไม่มีทางที่เขาจะประสบความสำเร็จ เขาจะสร้างท่าไม้ตายอมตะในเวลาสั้นๆได้อย่างไร?’
ความก้าวหน้าของฟางหยวนทำลายสามัญสำนึกของผู้อมตะเหล่านี้ลงอย่างสมบูรณ์
พวกเขาไม่เคยเห็นผู้ใดที่สามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะได้ในระยะเวลาสั้นๆและพัฒนาได้อย่างรวดเร็วจากการทดลองเช่นนี้มาก่อน
แต่ตอนนี้พวกเขากลับเห็นมันกับตาของตนเอง
ฟางหยวนดำเนินการต่อไป
ปีศาจอมตะเซี่ยหูและเหมาหลี่ชิวเพิ่มพลังการโจมตีของพวกเขาโดยไม่รู้ตัว
แต่แม่น้ำหวนคืนใหญ่โตเกินไป แม้พวกเขาจะโจมตีอย่างไม่รู้สิ้นสุด ระดับน้ำก็ยังลดลงไม่ถึงห้าในร้อยส่วน
“อีกครั้ง! ขึ้นมา!” ฟางหยวนตั้งใจมาก
คราวนี้แม่น้ำหวนคืนทั้งหมดได้รับผลกระทบ มันเหมือนมังกรวารีที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหลและเริ่มยืดร่างกายทั้งหมดอย่างอิสระ
“สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” บางคนกรีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว
แม่น้ำหวนคืนเริ่มโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับมังกรวารีที่ทะยานขึ้นสู่สวรรค์
“อย่าคิดว่าจะสมหวัง!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูตะโกนและส่งเสาน้ำแข็งพุ่งเข้าโจมตีแม่น้ำหวนคืน
แต่แม่น้ำหวนคืนยังสะท้อนการโจมตีของเขากลับไปและทำให้ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่กลายเป็นทุ่งน้ำแข็ง
มวลความเย็นทำให้หิมะตกหนักและอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งหมดทำให้โลกทั้งใบราวกับเปลี่ยนสี
นี่คือพลังอำนาจของผู้อมตะระดับแปด!
ฟางหยวนรู้สึกตกใจอย่างช่วยไม่ได้
เขาได้รับการปกป้องจากแม่น้ำหวนคืนขณะที่ผู้อมตะคนอื่นๆได้รับการคุ้มครองจากผู้อมตะระดับแปดของพวกเขา
ใบหน้าของอิงอู๋เซี่ยปกคลุมไปด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบ ราชันภูเขาม่วงตื่นขึ้นอีกครั้งในช่วงเวลาสำคัญ หากไม่ใช่เพราะเขา กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยจะไม่สามารถเอาชีวิตรอด
“เราจะออกไป” ราชันภูเขาม่วงกล่าว
“แต่…” อิงอู๋เซี่ยลังเลแต่ราชันภูเขาม่วงโบกมือสร้างวงแสงและส่งกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยบินขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที
นิกายเงาเป็นกลุ่มแรกที่ล่าถอย
ราชันภูเขาม่วงจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่กล่าวคำลา นั่นทำให้กลุ่มผู้อมตะทั้งหมดตกตะลึง
“ท่านสีม่วง นั่นคือร่างทารกอมตะ…” อิงอู๋เซี่ยกังวล
“อย่าห่วง ข้าอนุมานได้ว่าเขาจะไม่ตาย! เขาจะประสบความสำเร็จในการหลบหนีอย่างแน่นอน!” ราชันภูเขาม่วงกล่าวด้วยความมั่นใจ
อิงอู๋เซี่ยรู้สึกไม่อยากจะเชื่อคำกล่าวของราชันภูเขาม่วงแต่เขาไม่สามารถแสดงความสงสัยออกมา
แต่ในเวลาต่อมเขาเห็นแม่น้ำหวนคืนเริ่มส่องแสงสีฟ้า
สายตาของผู้อมตะทั้งหมดมองไปที่มัน
ฟางหยวนยืนอยู่ตรงกลาง ลมที่กรรโชกแรงทำให้เส้นผมและแขนเสื้อของเขาสะบัดตัวขึ้นสู่อากาศ
ดวงตาของเขาดูน่ากลัวขณะที่เขากล่าวเบาๆ “ขึ้นมา!”
ทันใดนั้นแม่น้ำหวนคืนก็พุ่งขึ้นสู่อากาศทำให้เกิดเสียงดังราวกับเสียงคำรามของคนนับหมื่น มันเป็นฉากที่ดูยิ่งใหญ่มาก
แสงสีฟ้าพุ่งเข้าควบรวมขณะที่แม่น้ำหวนคืนหดตัวกลายเป็นจุดเล็กๆในพริบตา
มันกลายเป็นอาภรณ์สีฟ้าอ่อนอยู่บนร่างกายของฟางหยวน!
บนพื้นผิวของมันสามารถมองเห็นน้ำไหลอย่างช้าๆ มันมีลักษณะเหมือนแม่น้ำหวนคืนก่อนหน้านี้!
ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนรูปแบบที่สอง เกราะหวนคืน ประสบความสำเร็จ!
“เขาทำสำเร็จ!?”
“เป็นไปไม่ได้!”
“เขาใช้แม่น้ำหวนคืนสร้างท่าไม้ตายอมตะในเวลาสั้นๆได้จริงๆงั้นหรือ?”
ผู้อมตะที่เห็นสิ่งนี้อ้าปากค้าง ปีศาจอมตะเซี่ยหูจ้องมองด้วยใบหน้าดุร้าย “ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อสิ่งนี้!”
เขาผลักฝ่ามือไปทางฟางหยวน
เสาน้ำแข็งพุ่งเข้าปะทะร่างกายของฟางหยวนแต่ถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์โดยเกราะหวนคืน
นอกจากนั้นมันยังสะท้อนการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวของปีศาจอมตะเซี่ยหูกลับไปอีกด้วย
‘สำเร็จ!’ ฟางหยวนมีความสุขมาก
แม้ท่าไม้ตายอมตะจะประสบความสำเร็จในการกระตุ้นใช้งาน แต่เขาจำเป็นต้องทดสอบมันอีกครั้ง
การโจมตีของปีศาจอมตะเซี่ยหูยืนยันว่าเกราะหวนคืนของเขาทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ!
ปีศาจอมตะเซี่ยหูหลบเสาน้ำแข็งที่สะท้อนกลับมาขณะที่การแสดงออกของเขาดูดุร้ายมากขึ้น
“ให้ข้าลอง!” เหมาหลี่ชิวตะโกน
ร่างของมันหายไปในพริบตาก่อนจะปรากฏขึ้นอีกครั้งด้านหลังฟางหยวน
กรงเล็บที่แหลมคมพุ่งเข้าโจมตีเป้าหมายอย่างแม่นยำ
“ปัง!”
ด้วยเสียงปะทะ ฟางหนยวนบินออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่
ฟางหยวนตกลงสู่พื้นและสร้างหลุมลึกไว้บนทุ่งน้ำแข็ง
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ฟางหยวนค่อยๆลุกขึ้นยืนในปล่องภูเขาไฟ แต่การแสดงออกของเขายังไร้อารมณ์ขณะที่ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ไม่มีแม้แต่เศษฝุ่นติดอยู่บนผิวของเขา
เกราะหวนคืนแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่หากสังเกตอย่างใกล้ชิด คนผู้หนึ่งอาจเห็นว่าพื้นผิวของมันหดตัวลงเล็กน้อย
เหมาหลี่ชิวมองฟางหยวนก่อนจะก้มหน้ามองกรงเล็บของมัน
อุ้งเท้าขวาของมันเต็มไปด้วยเลือด!
ฟางหยวนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆแต่เหล่าหลี่ชิวกลับเป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส
“อา…” ผู้อมตะทั้งหมดอ้าปากค้าง
“ท่าไม้ตายชนิดใด กระทั่งเหมาหลี่ชิวยังพ่ายแพ้!”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ แม้แต่ดวงตาของไป่เฉินเทียนยังกระตุกอย่างไม่หยุดยั้ง
“เขาทำได้จริงๆ!” ผู้อมตะดำตกใจมาก
“กระทั่งการโจมตีทางกายภาพของสัตว์อสูรแรกกำเนิดก็ยังถูกสะท้อนกลับงั้นหรือ?” ปีศาจอมตะเซี่ยหูขมวดคิ้ว
“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” อิงอู๋เซี่ยที่บินอยู่บนท้องฟ้าเห็นสิ่งนี้และรู้สึกราวกับกำลังฝันไป
เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
อาจมีกรณีที่ผู้อมตะระดับเจ็ดสามารถต่อสู้ได้อย่างเท่าเทียมกับผู้อมตะระดับแปด
ในช่วงเวลาสองสามพันปีที่ผ่านมา ฟงจิวเก้อเป็นสัตว์ประหลาดเพียงตัวเดียวที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดด้วยการบ่มเพาะระดับเจ็ด
แต่ตอนนี้หลังจากฟางหยวนประสบความสำเร็จในการสร้างท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน ฟงจิวเก้อไม่ได้ครอบครองตำแหน่งดังกล่าวเพียงลำพังอีกต่อไป
หลังจากนี้บัลลังก์จักรพรรดิจะถูกแบ่งปันให้กับผู้อื่น
และคนผู้นั้นก็คือหลิวกวนซื่อ!
“ฟงจิวเก้อจากภาคกลาง หลิวกวนซือจากภาคเหนือ…” ปู้เจิ้นซือพึมพำด้วยความมึนงง
ปีศาจอมตะเซี่ยหูเผยรอยยิ้มบาง “หนุ่มน้อย ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไปจริงๆ”
ตอนนี้เขาหยุดโจมตีแล้ว
แต่เหมาหลี่ชิวยังโกรธมาก “เด็กน้อย เจ้ากำลังรนหาที่ตาย เจ้ากล้าทำให้ข้าเสียหน้า!”
สัตว์อสูรแรกกำเนิดพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนด้วยความเดือดดาล
ฟางหยวนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันและถูกส่งลอยกลับหลังราวกับลูกบอลยาง
หลังจากโจมตีหลายสิบครั้ง ฟางหยวนยังไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่เป็นเหมาหลี่ชิวที่หอบหายใจอย่างหนักหน่วงและได้รับบาดเจ็บสาหัส
การโจมตีแต่ละครั้งสะท้อนกลับไปที่ตัวมันเอง
เหมาหลี่ชิวจ้องมองด้วยความโกรธและคิด ‘เด็กผู้นี้เหมือนเม่น มันดูเหมือนข้าทำร้ายตนเอง ตั้งแต่เมื่อใดที่ภาคเหนือมีสัตว์ประหลาดเช่นนี้!?’
เห็นเหมาหลี่ชิวยอมแพ้ ฟางหยวนหัวเราะก่อนจะบินเข้าไปหากลุ่มผู้อมตะภาคกลาง
กลุ่มผู้อมตะภาคกลางเหมือนนกแตกรัง พวกเขาเร่งหลบหนีแยกย้ายกันออกไปทันที
ผู้อมตะระดับแปดของภาคกลางทั้งสองโจมตีฟางหยวน
แต่มันไร้ประโยชน์
เกราะหวนคืนสะท้อนการโจมตีทั้งหมดของพวกเขาไปที่เหมาหลี่ชิว
นี่ทำให้เหมาหลี่ชิวโกรธมาก มันพ่นแสงสีม่วงออกมาและทำลายทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว
การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้นในที่สุด!
สถานกาณณ์กลายเป็นสันสนวุ่นวายด้วยการโจมตีของทั้งสามฝ่าย
นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่อิงอู๋เซี่ยมองเห็น
เป็นเพียงเวลานี้ที่เขารู้สึกขอบคุณการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของราชันภูเขาม่วง
ในเวลาเดียวกันเขาก็เข้าใจบางอย่าง หลังการต่อสู้ครั้งนี้ ชื่อของหลิวกวนซื่อจะแพร่กระจายไปทั่วทั้งห้าภูมิภาค มันจะทำให้โลกตื่นตระหนก ชื่อเสียงของหลิวหวนซื่อจะสามารถแข่งขันกับฟงจิวเก้อ!
สิบวันต่อมา ร่างหนึ่งเคลื่อนที่ผ่านกำแพงภูมิภาคและไปถึงทะเลตะวันออก
มันก็คือฟางหยวน
“ในที่สุดข้าก็สามารถปลดปล่อยตนเองจากสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่งตัวนั้น” ฟางหยวนถอนหายใจ
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ปีศาจอมตะเซี่ยหู กลุ่มผู้อมตะภาคกลาง และสมาชิกถ้ำสวรรค์นิรันดรต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ฟางหยวนพยายามหลบหนีจากการต่อสู้ที่วุ่นวายแต่เหมาหลี่ชิวปฏิเสธที่จะหยุดไล่ล่าเขา
ฟางหยวนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมาหลี่ชิวแต่หลังจากเข้าสู่กำแพงภูมิภาค เหมาหลี่ชิวก็ทำได้เพียงมองฟางหยวนจากไปเท่านั้น
มันเป็สัตว์อสูรแรกกำเนิดของภาคเหนือ มันจะถูกกดดันโดยกำแพงภูมิภาค
ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงประสบความสำเร็จในการหลบหนี
“ได้เวลากลับภาคใต้แล้ว” ฟางหยวนไม่ได้หยุดพักและบินหายไปในกลุ่มเมฆทันที
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1290 พักรบ
แปลโดย iPAT
เปลวเพลิงสีซีดราวกับหิ่งห้อยหรือตะเกียงกำลังลุกไหม้อยู่บนกำแพงหิน
มันกำลังส่องสะท้อนใบหน้าของราชันภูเขาม่วงและกลุ่มของอิงอู๋เซี่ย
พวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่ล่าถอยออกจากแม่น้ำหวนคืน
แต่หลังจากมาถึงที่นี่ ราชันภูเขาม่วงก็กลับสู่สภาวะวิกลจริตอีกครั้ง
เมื่อมองไปยังราชันภูเขาม่วงที่กำลังกัดนิ้วเท้าของตนเอง ไป่หนิงปิงเย้ยหยัน “นี่คือแผนการของเจ้างั้นหรือ? นี่คือผู้อมตะระดับแปดที่จะสังหารฟางหยวนงั้นหรือ?”
ในการเดินทางสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ แม้อิงอู๋เซี่ยจะสามารถปลุกราชันภูเขาม่วงให้ตื่นขึ้น แต่เขาก็สูญเสียซื่อหนิวและไท่เป่ยหยุนเฉิง
ไห่ลั่วหลันเงียบ
ผู้อมตะระดับแปดผู้นี้ไม่สามารถเชื่อถือ
แต่เนื่องจากข้อตกลงพันธมิตร ไห่ลั่วหลันจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ
อิงอู๋เซี่ยถูกไป่หนิงปิงเย้ยหยันแต่การแสดงออกของเขายังไม่เปลี่ยน
หลังจากประสบความล้มเหลวมาหลายครั้ง จิตใจของเขาเริ่มมั่นคงไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ใดก็ตาม
เขากล่าวอย่างช้าๆ “ข้าประเมินฟางหยวนต่ำเกินไป ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะสามารถหลอมรวมวิญญาณความพยายามและกลายเป็นเจ้าของแม่น้ำหวนคืน ไม่แปลกใจเลยที่เจตจำนงสวรรค์เลือกเขาเป็นเครื่องมือ คนผู้นี้ต้องถูกฆ่าเท่านั้นเพราะเขาจะไม่มีวันยอมจำนน”
อิงอู๋เซี่ยยกย่องฟางหยวน
แม้พวกเขาจะเป็นศัตรู แต่อิงอู๋เซี่ยต้องยอมรับว่าฟางหยวนมีความได้เปรียบและแข็งแกร่งกว่า
ไป่หนิงปิงก่นเสียงเย็น เมื่อนางนึกถึงฉากที่ฟางหยวนพิชิตแม่น้ำหวนคืน นางก็ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้อีก
ในถ้ำเล็กๆมีเพียงเสียงกรีดร้องของราชันภูเขาม่วงเท่านั้นที่ดังกังวานไปทั่ว
ครู่ต่อมาราชันภูเขาม่วงก็หยุดกรีดร้อง ร่างเล็กลุกขึ้นอย่างสงบ
“นายท่านตื่นแล้ว!” อิงอู๋เซี่ยดีใจมาก
ราชันภูเขาม่วงยังรู้สึกปวดศีรษะ ใบหน้าของเขายังบิดเบี้ยวเล็กน้อย
“ก่อนหน้านี้ในแม่น้ำหวนคืน ข้าบังคับตนเองให้ตื่นขึ้น ดังนั้นมันจึงอยู่ได้ไม่นาน แต่ตอนนี้มันต่างออกไป ข้ามีเวลาอีกมาก การต่อสู้จบลงมานานเพียงใดแล้ว?”
“ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว ฟางหยวนหนีออกจากภาคเหนือโดยผ่านกำแพงภูมิภาค ข้าคิดว่าเขาไปที่ทะเลตะวันออก ท้ายที่สุดเขาก็มีรากฐานอยู่ในทะเลตะวันออก สำหรับการต่อสู้ ผลลัพธ์ยังไม่ปรากฏ ผู้อมตะภาคกลางต้องการจากไปแต่ปีศาจอมตะเซี่ยหูไล่ล่าพวกเขา ในช่วงเวลาสำคัญ คฤหาสน์วิญญาณอมตะบินลงมาจากท้องฟ้าและนำทั้งสองฝ่ายขึ้นไปต่อสู้กันต่อบนสวรรค์สีขาว” อิงอู๋เซี่ยตอบ
ราชันภูเขาม่วงพยักหน้า “ครั้งนี้ผู้อมตะภาคกลางจะพ่ายแพ้ ในอดีตเทพอมตะตะวันเดือดเลือกภาคเหนือเป็นอาณาจักรของเขา แล้วเขาจะไม่จัดเตรียมบางสิ่งเอาไว้ได้อย่างไร? นอกจากนั้นในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ผู้อมตะระดับแปดของถ้ำสวรรค์ยังไม่ปรากฏตัว”
“นายท่าน หลังจากนี้พวกเราจะทำอย่างไร?” อิงอู๋เซี่ยถาม
เมื่อผู้อมตะระดับแปดราชันภูเขาม่วงตื่นขึ้น เขาจึงกลายเป็นผู้นำนิกายเงาโดยธรรมชาติ
ราชันภูเขาม่วงกำลังจะกล่าวแต่ในจังหวะนี้เสียงลมกลับดังขึ้นในถ้ำอย่างกะทันหัน
ต่อมาเปลวเพลิงบนกำแพงก็เริ่มสั่นไหว
ดววตาของราชันภูเขาม่วงส่องประกายขึ้น “ถ้ำแห่งนี้เป็นสถานที่หลบภัยที่ข้าสร้างขึ้น เปลวเพลิงเหล่านี้เป็นค่ายกลวิญญาณ มันจะปกป้องพวกเราจากการอนุมานของผู้อื่น ตั้งแต่ข้าเป็นบ้า เปลวเพลิงเหล่านี้สั่นไหวไปกี่ครั้งแล้ว?”
“หนึ่งร้อยเจ็ดครั้ง” ไป่หนิงปิงตอบอย่างชัดเจน
“ข้าเกรงว่าการอนุมานของฟางหยวนจะรวมอยู่ในนี้ด้วย การตรวจสอบของเขาพึ่งพาวิธีการบนเส้นทางแห่งโชค แม้เราจะอยู่ในมิติช่องว่าง เราก็ไม่สามารถหลบหนีจากเขา” อิงอู๋เซี่ยกล่าว
ราชันภูเขาม่วงพยักหน้า “ฟาหงยวนสมควรเป็นคนที่เจตจำนงสวรรค์เลือกเป็นกุญแจสำคัญในการหยุดยั้งนิกายเงาของเรา เขาทั้งกล้าหาญและมีพรสวรรค์ พลังใจของเขาก็น่าเหลือเชื่อมาก เขาเป็นอัจฉริยะที่จะพบได้ในรอบหมื่นปีเท่านั้น”
ราชันภูเขาม่วงประเมินฟางหยวนสูงมาก
แต่ผู้อมตะทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ไม่ได้โต้แย้ง พวกเขาเห็นด้วยกับคำกล่าวของราชันภูเขาม่วง
ราชันภูเขาม่วงกล่าวต่อ “ดังนั้นแผนต่อไปของเราก็คือสงบศึกกับฟางหยวน”
นี่เป็นคำกล่าวที่น่าตกใจมาก
“กระไรนะ!? สงบศึก?” อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆตะลึง
“มันแปลกมากงั้นหรือ?” ราชันภูเขาม่วงมองคนทั้งสาม
เขาเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันอย่างชัดเจน
“เจ้ายังเด็กเกินไป เจ้ารู้น้อยเกินไป ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราตอนนี้ไม่ใช่ฟางหยวนแต่เป็นวังสวรรค์” ราชันภูเขาม่วงส่ายศีรษะ “เจ้าคิดว่าการช่วยร่างหลักของเราเป็นเรื่องง่ายงั้นหรือ? นอกจากค่ายกลวิญญาณของภาคใต้และอาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่ ข้ารับรองได้เลยว่าเมื่อเราโจมตี วังสวรรค์จะขัดขวางพวกเรา เช่นเดียวกับเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียน พวกเขาใช้หอคอยดวงตาสวรรค์และพยายามทำลายแผนการของพวกเรา ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไปแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะเพื่อช่วยหม่าหงหยุน”
การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกล่ายเป็นมืดครึ้ม “นายท่าน ข้าเคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่ร่างหลักของเรากำลังตกอยู่ในอันตราย ท่านติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน นั่นเป็นสิ่งที่ข้ากังวล…”
“นั่นเป็นเหตุผลที่เราควรร่วมมือกับฟางหยวน” ราชันภูเขาม่วงกล่าวเสริม
“ประการแรก ฟางหยวนแข็งแกร่งมาก ท่าไม้ตายอมตะของเขาสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด”
“ประการที่สอง ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลกอย่างสมบูรณ์ เขาถูกตัดสินว่าเป็นปีศาจร้าย ดังนั้นเราจึงมีศัตรูร่วมกันคือวังสวรรค์”
“สุดท้าย ความร่วมมือเป็นสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับประโยชน์ นิกายเงาของเรามีทรัพยากรมากมายขณะที่เขามีท่าไม้ตายอมตะที่สามารถคลี่คลายความฝัน”
อิงอู๋เซี่ยขมวดคิ้วลึก เขาละทิ้งอารมณ์ส่วนตัวและพยายามพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้
แต่ในไม่ช้าเขาก็แสดงออกด้วยความกังวล “ฟางหยวนเป็นนักวางแผนที่ชั่วร้าย เขาคิดว่าพวกเราเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ เขาต้องการกำจัดพวกเรา ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของแม่น้ำหวนคืน เขาสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด เราต้องการวิธีคลี่คลายความฝันอย่างมากขณะที่ความต้องการทรัพยากรอย่างเร่งด่วนของเขาลดน้อยลง มันยากสำหรับเราที่จะสร้างความร่วมมือ”
ราชันภูเขาม่วงพยักหน้า “เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง แต่เจ้ารู้ข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของร่างทารกอมตะหรือไม่?”
“ท่านหมายถึงพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้งกันของร่างทารกอมตะงั้นหรือ?” อิงอู๋เซี่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่อย่างแน่นอน พลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้งกันเป็นข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของร่างทารกอมตะ สิ่งที่ข้าหมายถึงคือปัญหาที่ซ่อนอยู่!” ราชันภูเขาม่วงส่ายศีรษะ
“มีปัญหาร้ายแรงที่ซ่อนอยู่ด้วยงั้นหรือ?” อิงอู๋เซี่ยตะลึง
“แผนเดิมของเราคือการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะระดับสิบ มีเพียงวิญญาณอมตะระดับสิบเท่านั้นที่ไร้ข้อบกพร่อง แต่เห็นได้ชัดว่าเราสามารถหลอมรวมวิญญาณระดับเก้าเท่านั้น ข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันยังไม่แสดงออกมาในเวลานี้ แต่มันจะบังคับให้ฟางหยวนต้องร่วมมือกับพวกเรา” ราชันภูเขาม่วงกล่าว
ร่างทารกอมตะมีข้อบกพร่องร้ายแรง!
อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆสงสัยแต่ราชันภูเขาม่วงไม่ตอบ
ในเวลาเดียวกันราชันภูเขาม่วงก็มีคำถามและข้อสงสัยบางอย่าง
‘แปลก’
‘จากข้อมูลของอิงอู๋เซี่ย นิกายเงาของเราหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะอย่างเร่งรีบ มันไม่เหมือนแผนเดิมของเรา’
‘สิ่งใดคือสาเหตุที่ทำให้ร่างหลักต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเช่นนี้?’
‘ดูเหมือนนอกจากสร้างความร่วมมือกับฟางหยวน ข้ายังต้องเดินทางไปยังสายธารแห่งกาลเวลา’
…..
ทะเลตะวันออก
เหนือทะเลสีฟ้า ฟางหยวนเคลื่อนที่ผ่านก้อนเมฆไปอย่างรวดเร็ว เป้าหมายของเขาคือภาคใต้
‘มันเกิดขึ้นอีกครั้ง!’ ใบหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน
เขาสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดที่ลดลงอย่างรวดเร็ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป มันจะหมดพลังในไม่ช้า
เห็นได้ชัดว่าผู้เชี่ยวชาญบางคนกำลังอนุมานเกี่ยวกับตัวเขา
หลังจากตรวจสอบความปลอดภัย ฟางหยวนรีบวางมิติช่องว่าง
เมื่อเข้าสู่มิติช่องว่าง อันตรายของฟางหยวนจะบรรเทาลง
ฟางหยวนถอนหายใจ
หลังการต่อสู้ที่แม้น้ำหวนคืน เขาถูกอนุมานซ้ำแล้วซ้ำอีก
รูปลักษณ์ของหลิวกวนซื่อถูกแพร่กระจายออกไป
ไม่เพียงภาคเหนือแต่มันแพร่กระจายไปทุกภูมิภาค ตอนนี้ทุกคนกำลังค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเขา
หลิวกวนซื่อเป็นตัวตนปลอมแต่เขายังคงเป็นฟางหยวน
ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงต้องต่อสู้กับแรงกดดันมหาศาล
แม้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดจะสามารถต่อต้านการอนุมานเหล่านี้แต่มันก็มีเวลาจำกัด
ระหว่างทางฟางหยวนพบกับการอนุมานมาแล้วประมาณห้าร้อยครั้ง
สิ่งนี้รบกวนการเดินทางของเขาเป็นอย่างมาก มันทำให้เขาต้องหยุดเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
ในความเป็นจริงด้วยความเร็วของเขา เวลานี้เขาต้องอยู่ที่ภาคใต้แล้ว
‘หากไม่ใช่เพราะวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด สถานการณ์ของข้าจะเลวร้ายกว่านี้’
‘อย่างไรก็ตามเป็นไปตามการคาดเดา ข้าทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้น ผู้คนต่างเปรียบเทียบข้ากับฟงจิวเก้อ’
‘เมื่อข้าทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ข้าได้รับความช่วยเหลือจากนิกายเงา นั่นทำให้ข้าไม่รู้สึกถึงแรงกดดัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนข้าต้องคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเพื่อต่อต้านการอนุมานเหล่านั้น’
ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา การคิดค้นท่าไม้ตายอมตะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่มันไม่ง่ายเหมือนการสร้างเกราะหวนคืน
ท้ายที่สุดเกราะหวนคืนก็เกิดขึ้นจากหลายองค์ประกอบที่สนับสนุนมันโดยบังเอิญ
สิ่งสำคัญที่สุดคือเขามีวิญญาณอมตะที่สามารถใช้เป็นแก่นกลาง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ปัญหา
แต่สำหรับวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด มันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความมืด ไม่ใช่วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา
ขณะที่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งความมืดของฟางหยวนไม่โดดเด่น
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1291 ทรัพย์สินมหาศาล
แปลโดย iPAT
ในขณะที่หลบเลี่ยงการอนุมาน ฟางหยวนตรวจสอบมิติช่องว่างของตน
เก้าชั้นฟ้าห้าภูมิภาค
ขนาดของมันช่างน่าเหลือเชื่อและเกินสามัญสำนึกของผู้คนบนโลกใบนี้
นอกจากนั้นเขายังกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์เข้ามามากมายทำให้พื้นที่ของมิติช่องว่างขยายใหญ่ขึ้นไปอีก
พื้นที่ที่ถูกกลืนกินเข้ามาได้รับการดูแลโดยจิตวิญญาณแผ่นดิน มันช่วยให้ฟางหยวนสามารถประหยัดความพยายามไปได้มาก
‘มิติช่องว่างของข้ามีพื้นที่กว้างใหญ่มาก ผู้อมตะทั่วไปพยายามที่จะขยายขนาดมิติช่องว่างของพวกเขา แต่ข้ากลับมีพื้นที่มากเกินกว่าที่จะสามารถพัฒนา’
ฟางหยวนพอใจกับสิ่งนี้
อย่างไรก็ตามพิจารณาในแง่ของเวลา ก่อนหน้านี้เวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิเดินเร็วกว่าโลกภายนอกหกสิบเท่า แต่ตอนนี้มันกระทั่งต่ำกว่ามาตรฐานปกติ
นี่เป็นเพราะเขาเปลี่ยนวิธีบ่มเพาะและต้องการชะลอภัยพิบัติโดยใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของไห่ฟาน
แต่ด้วยเวลาที่เดินช้าลง มันจึงผลิตพลังงานอมตะและทรัพยากรต่างๆให้ฟางหยวนได้น้อยลง
ในภาคกลางน้อยมีป่าเห็ดหลินจือโลหิตและต้นหลิวกระจก นอกจากนั้นยังมีถ้ำแสงมรกตที่ฟางหยวนปล้นชิงมาจากเผ่าหลิว
ถ้ำแสงมรกตสามารถให้กำเนิดวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งแสงแต่แน่นอนว่ามันไม่สามารถเปรียบเทียบกับถ้ำแสงมรกตที่แท้จริงเพราะพลังงานแห่งเต๋าที่แตกต่างกัน
ท่ามกลางภูมิภาคทั้งห้า ภาคกลางน้อยมีทรัพยากรอยู่น้อยที่สุด
สำหรับภาคเหนือน้อย มันมีทรัพยากรมากขึ้นเล็กน้อย พื้นที่ส่วนใหญ่ของมันกลายเป็นทุ่งน้ำแข็งแต่มันไม่มีสิ่งใดโดดเด่น
ใกล้กับทะเลตะวันออกน้อย มีชายหาดน้ำตื่นที่มีจิตวิญญาณแผ่นดินอสรพิษแดงชมพูอาศัยอยู่
มันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงตงฮัน
ใกล้กับทะเลทรายตะวันตกน้อยมีสุสานกระดูก
มันเต็มไปด้วยกองกระดูกที่ฟางหยวนนำมาจากเผ่าหลิวหลังจากสังหารผู้อมตะหลิวหยง
‘แต่หากเปรียบเทียบกับสุสานกระดูกดั้งเดิม สุสานกระดูกของข้ามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกระดูกอยู่ไม่มาก มันไม่เหมือนกับสุสานกระดูกของเผ่าหลิวที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า พวกเขาสามารถสร้างสุสานกระดูกขึ้นมาอีกครั้ง’
ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน
แน่นอนว่าฟางหยวนเก็บเกี่ยวส่วนสำคัญที่สุดมาแปดสิบส่วน อีกยี่สิบส่วนที่เหลือคือภูมิประเทศ แต่หากพวกเขาต้องการกู้คืนสุสานกระดูก พวกเขายังต้องใช้จ่ายทรัพยากรจำนวนมาก
ใกล้กับภาคกลางน้อย
ที่นี่เป็นทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ป่า มันมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
ที่นี่มีฝูงกระต่ายสีชมพู ฝูงจิ้งจอก ฝูงหมาป่า หมาป่าครีบฉลามเดียวดาย และแกะเขาเดี่ยวเดียวดายอาศัยอยู่
ภาคตะวันตกน้อยมีอุณหภูมิสูง
มันเป็นทะเลทราบที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟ
มีสามแหล่งทรัพยากรสำคัญอยู่ที่นี่
หนึ่งคืออสรพิษเพลิง
สองคือหาดทรายนางนวล มันเคยเป็นอาหารของวิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชค
แต่ฟางหยวนสูญเสียวิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถขายมันออกไปเท่านั้น
ตรงกลางหาดทรายนางนวลยังมีไข่ที่ตายแล้วของนกนางนวลทะเลทราย ไข่ขาวที่ไหลออกมาจากรอยแตกของเปลือกไข่จะเปลี่ยนพื้นที่รอบๆให้เป็นหาดทรายนางนวล
สามคือบึงทมิฬ ฟางหยวนได้รับสิ่งนี้มาจากการก้าวข้ามภัยพิบัติ มันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืด มันสามารถสร้างวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความมืด แต่เนื่องจากมันพึ่งถือกำเนิดขึ้น ผลผลิตของมันจึงอยู่ในระดับที่ต่ำมาก
นอกจากแหล่งทรัพยากรทั้งสาม ยังมีแดนศักดิ์สิทธิ์อีกสองแห่งที่ฟางหยวนกลืนกินเข้ามา
หนึ่งคือแดนศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางแห่งปฐพี มันเหมือนบึงทมิฬที่เต็มไปด้วยบ่อโคลน มีอสูรโคลนเดียวดายอยู่ที่นี่ห้าตัวและมีวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งปฐพีทุกชนิด มันอยู่ภายใต้การควบคุมของจิตวิญญาณแผ่นดินมนุษย์โคลนตัวเล็ก
อีกหนึ่งคือแดนศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางแห่งทาสของหลิวหยง มีสัตว์อสูรเดียวดายอยู่ที่นี่มากกว่ายี่สิบตัว พวกมันล้วนเป็นสัตว์อสูรที่ถูกซื้อมาจากสวรรค์สีเหลืองโดยฟางหยวน นี่เป็นเพราะเงื่อนไขในการเป็นเจ้าของคนใหม่ของมันคือสัตว์อสูรเดียวดายประเภทสุนัขจำนวนยี่สิบตัว ท่ามกลางพวกมันมีสุนัขเกราะกระดูกหกตัว จิตวิญญาณแผ่นดินสุนัขสีดำเป็นผู้จัดการพื้นที่ส่วนนี้
สำหรับทะเลตะวันออกน้อย มันคล้ายกับทะเลทรายตะวันตกน้อย
มีแดนศักดิ์สิทธิ์ของวูอี้ไห่อยู่ที่นี่
มีสัตว์อสูรบรรพกาลสามตัวได้แก่เต่าศักดิ์สิทธิ์ ปะการังอสูรบรรพกาล และนกนางนวลสีฟ้า พวกมันได้รับการดูแลโดยจิตวิญญาณแผ่นดินเต่าทะเล
นอกจากนี้ยังมีฝูงปลามังกร ฝูงปลาฟองอากาศ ฝูงปลาคราฟศิลปิน และหอยนางรมห้องลับ
มีบ่อโลหิตและสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งเลือด วิญญาณอมตะสมบัติเลือดเคยรักษาตัวอยู่ที่นี่มาก่อน
แม้วิญญาณอมตะสมบัติเลือดจะฟื้นตัวขึ้นอย่างเต็มที่แล้วแต่บ่อเลือดแห่งนี้ยังอยู่
ในภูมิภาคทั้งห้า ภาคใต้น้อยมีทรัพยากรอยู่มากที่สุด
ตั้งแต่ภูเขาแสงห้าสี ภูเขามรดกอมตะ ภูเขาผนึกสวรรค์ และอื่นๆ
มีฝูงแมงมุมหน้าคน เผ่ามนุษย์หิน ป่าต้นไม้ดนตรี แม่น้ำชา วิหคปราณมรณะ และอื่นๆ
สำหรับสวรรค์ทั้งเก้า
สวรรค์สีส้มน้อยมีธารแสงที่ขยายใหญ่ขึ้นกว่าก่อนหน้า
สวรรค์สีเหลืองน้อยมีแม่น้ำทองคำ
สวรรค์สีฟ้ามีธูปสีฟ้าและทะเลสาปที่ใช้เก็บคริสตัลสวรรค์จากถ้ำสวรรค์ไห่ฟานแต่ตอนนี้มันยังไม่ได้ใช้ประโยชน์
สวรรค์สีดำน้อยมีต้นไม้กินเนื้อ
สวรรค์สีขาวมีทุ่งดอกไม้หลากสี สุนัขสวรรค์บรรพกาลสามตัว สุนัขอินทรีย์บรรพกาลหนึ่งตัว และสุนัขอินทรีย์เดียวดายอีกเจ็ดตัว
สวรรค์สีม่วงน้อยเป็นที่อยู่ของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด มีรังอินทรีย์มากกว่าแปดสิบรังอยู่ที่นี่
สวรรค์สีน้ำเงินมีดินเมฆจำนวนมาก บนดินเมฆเป็นป่าไผ่ลูกศร ทุ่งหญ้าสะเก็ดดาว และสุนัขดาวตกเพลิง
นอกจากนี้ยังมีหลุมอุกกาบาตที่สามารถผลิตวิญญาณดาวตก หลังจากสังหารเย่หลิวชุนซิงและได้รับแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขา มันกลายเป็นเกาะสวรรค์ลอยอยู่ที่นี่ภายใต้การดูแลของจิตวิญญาณแผ่นดินดวงดาว
นอกจากนี้ยังมีแดนศักดิ์สิทธิ์กระจัดกระจายอยู่รอบๆรวมถึงสัตว์อสูรและพืชอสูรอีกมากมายที่ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงรายละเอียด
สำหรับภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป พวกมันยังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
แม่น้ำหวนคืนถูกวางไว้ในทะเลตะวันออกน้อยเป็นการชั่วคราว
สำหรับวิญญาณ
วิญญาณสติปัญญาระดับเก้าอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
วิญญาณอมตะระดับแปด วิญญาณทัศนคติ วิญญาณดาบแห่งปัญญา วิญญาณปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ
วิญญาณอมตะระดับเจ็ด วิญญาณคิ้วดาบ วิญญาณคลื่นดาบ วิญญาณดาบบิน วิญญาณดาบทะลวงมิติ วิญญาณเรียกภัยพิบัติ (อยู่กับชูตู๋) วิญญาณปี วิญญาณลมหายใจมังกร วิญญาณความใคร่ วิญญาณความพยายาม
วิญญาณอมตะระดับหก วิญญาณคลี่คลายปริศนา วิญญาณหัวใจหญิงงาม วิญญาณสมบัติเลือด วิญญาณขีดจำกัดความมืด วิญญาณโชคอึสุนัข วิญญาณเปลี่ยนรูปลักษณ์ วิญญาณความแข็งแกร่งของพลังปราณ วิญญาณความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณความแข็งแกร่งของหมีบิน วิญญาณยกภูเขา วิญญาณดึงแม่น้ำ วิญญาณพื้นที่ก่อนหน้า วิญญาณบุรุษคนก่อนหน้า วิญญาณเนตรดารา วิญญาณกาลเวลา (ถูกผนึกอยู่ในร่างผีดิบอมตะ) วิญญาณหนามกระดูก วิญญาณสัมผัสแห่งเต๋า
วิญญาณระดับมนุษย์มีมากเกินไปและไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง
ในแง่ของเชลย มีฟางเจิ้ง (อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา) ไห่เจิ้ง (ยังมีชีวิตอยู่) ดวงวิญญาณของหม่าหงหยุน ดวงวิญญาณของหลิวหยง ดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิง สำหรับดวงวิญญาณของซื่อหนิว ฟางหยวนไม่สามารถจับมันเพราะมันทำลายตนเองทันที
สำหรับดวงวิญญาณอื่นๆ พวกมันถูกขายให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไปแล้ว
นอกจากนี้ทาสอมตะเผ่ามนุษย์ขนจ้าวจงถูกส่งไปยังทะเลทรายตะวันตกสำหรับแผนการใหม่ของฟางหยวน
ทรัพย์สินมหาศาล!
นี่เป็นสิ่งที่ฟางหยวนมีอยู่ในปัจจุบัน
แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่เขาสามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปด
เพียงแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพอย่างเดียวก็มีค่าอย่างไม่น่าเชื่อแล้ว แต่ฟางหยวนยังมีวิญญาณอมตะอีกมากมายจนน่าตกใจ
พิจารณาจากไห่ฟาน แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่เขามีวิญญาณอมตะกี่ดวง?
วิญญาณอมตะเป็นภาระสำหรับผู้อมตะ
ฟางหยวนยังอยู่ในขั้นตอนจัดหาอาหารให้กับพวกมัน
วิญญาณความพยายามกินแม่น้ำหวนคืนเป็นอาหาร นี่ช่วยแบ่งเบาภาระของฟางหยวนไปได้มาก วิญญาณความใคร่กินสิ่งเดียวกับวิญญาณแห่งความรัก นั่นคือความหวังและความหวาดกลัว ฟางหยวนสามารถแก้ปัญานี้ด้วยการซื้อวิญญาณแห่งความหวังและวิญญาณความหวาดกลัวมาจากสวรรค์สีเหลือง
สำหรับฟางหยวน การพัฒนามิติช่องว่างยังไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดในเวลานี้
ตราบเท่าที่เขาสังหารผู้อมตะและกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา รากฐานของมิติช่องว่างจักรพรรดิจะเติบโตขึ้นต่อไป
แต่เขากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาพลังงานอมตะที่ไม่เพียงพอ
การไล่ล่าอิงอู๋เซี่ย การต่อสู้ในแม่น้ำหวนคืน และการหลบหนีจากเหมาหลี่ชิวทำให้ฟางหยวนสูญเสียพลังงานอมตะไปมากมาย
นี่ทำให้คลังเก็บลูกพลัมแดงอมตะของเขาอยู่ในสภาวะวิกฤต
‘เดิมทีมิติช่องว่างของข้าสามารถผลิตลูกพลัมแดงอมตะได้มากมายในหนึ่งวัน’
‘แต่หลังจากใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาชะลอเวลาในมิติช่องว่าง ข้าสามารถเติมเต็มพลังงานอมตะด้วยการทำธุรกรรมเท่านั้น’
ขณะพักผ่อน เขาขายซากสัตว์อสูรทั้งหมดในสวรรค์สีเหลือง
มันเป็นซากสัตว์อสูรที่ฟางหยวนเก็บเกี่ยวระหว่างการไล่ล่าอิงอู๋เซี่ยที่โลกใต้บาดาลของภาคเหนือ
ท่ามกลางซากศพเหล่านี้มีม้าอสูรฝันร้ายรวมอยู่ด้วย หากเขาขายพวกมันในสวรรค์สีเหลือง ผู้คนจะต่อสู้เพื่อพวกมัน
แต่ฟางหยวนเลือกที่จะเก็บพวกมันเอาไว้กับตัว เขามีวิธีใช้งานพวกมันที่ดีกว่าการขายออกไป
หลังจากพักผ่อน เขายังทำธุรกรรมอีกหลายอย่างและสามารถสะสมหินวิญญาณอมตะได้เป็นจำนวนมาก
หินวิญญาณอมตะหนึ่งก้อนสามารถเปลี่ยนเป็นองุ่นเขียวอมตะหนึ่งผล
ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขาต้องใช้องุ่นเขียวอมตะหนึ่งร้อยผลเพื่อเปลี่ยนเป็นลูกพลัมแดงอมตะหนึ่งผล
ขณะที่เขากำลังเต็มลูกพลัมแดงอมตะ เขาได้รับข้อมูลบางอย่าง
“จดหมายจากผมที่หก?”
ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ
หลังจากตรวจสอบ เขายิ่งตกใจมากขึ้น “นิกายเงาต้องการเจรจาสงบศึกกับข้า? พวกเขาต้องการทำงานร่วมกับข้าด้วยงั้นหรือ?”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1292 ปัญหาของวิญญาณทัศนคติ
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนหรี่ตา
จดหมายของนิกายเงาเหนือความคาดหมายของเขา
แต่หลังจากไตร่ตรอง มันสมเหตุสมผลมาก
ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน แม้ฟางหยวนจะไม่ได้รับทรัพยากรมากมาย แต่พลังการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก มันทำให้สถานะของเขาเทียบเท่ากับฟงจิวเก้อ
ในความเป็นจริงก่อนที่ฟางหยวนจะได้รับจดหมายฉบับนี้ เขาได้รับจดหมายหลายฉบับ
หนึ่งในนั้นคือชูตู๋ ในจดหมาย ชูตู๋แสดงความยินดีกับฟางหยวนที่ได้รับชัยชนะและแสดงความเสียใจที่เขาไม่ได้อยู่ที่นั่น เขายังกล่าวถึงสถานการณ์ของนิกายชูที่เปลี่ยนเป็นเผ่าชูขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดกลายเป็นผู้อาวุโสนอกทั้งหมด ศิษย์ของชูตู๋อยู่ในสถานะบุตรหลาน ชูตู๋ยังกล่าวถึงความยากลำบากของตนเองเมื่อเขาก้าวเข้าสู่ฝ่ายธรรมะ การขับไล่ฟางหยวนออกจากนิกายไม่ใช่ความปรารถนาของเขา เขาถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น
ยังมีจดหมายจากสามปีศาจคลั่ง พวกเขาแสดงความยินดีกับฟางหยวนและต้องการให้ฟางหยวนกลับไปสำรวจถ้ำปีศาจคลั่ง พวกเขากล่าวว่าแม้ภาคเหนือจะไม่ต้อนรับเขา แต่ถ้ำปีศาจคลั่งยังเป็นบ้านของเขาเสมอ พวกเขาใช้ถ้อยคำที่สุภาพมาก นี่แสดงให้เห็นถึงทัศนคติใหม่ที่พวกเขามีต่อฟางหยวนอย่างชัดเจน
ด้านถ้ำสวรรค์นิรันดร พวกเขาออกประกาศจับฟางหยวน ท้ายที่สุดเขาก็ถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรผู้สังหารหม่าหงหยุน
อย่างไรก็ตามเผ่าหลิวและเผ่าเย่หลิวที่เคยไล่ล่าฟางหยวนกลับสงบลง
พลังการต่อสู้ของฟางหยวนทำให้พวกเขาตกใจมาก พวกเขาเกรงว่าฟางหยวนจะย้อนกลับไปแก้แค้น หลังจากทั้งหมดพลังการต่อสู้ของฟางหยวนในเวลานี้เหนือกว่าชูตู๋ไปแล้ว
“นิกายเงาส่งจดหมายขอความร่วมมือมางั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า”
“นิกายเงามีผู้อมตะระดับแปด แต่เขาก็มีจุดอ่อน เขาจะกลายเป็นคนบ้าในบางเวลา” ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ฟางหยวนได้เรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับราชันภูเขาม่วง
ในความเป็นจริงหากฟางหยวนไม่สามารถหลอมรวมวิญญาณความพยายามและสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน เขาจะพ่ายแพ้และตกลงสู่กับดักของอิงอู๋เซี่ย
กองกำลังที่เหลืออยู่ของนิกายเงายังเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับฟางหยวน เจตจำนงสวรรค์ใช้ฟางหยวนเป็นเครื่องมือ สุดท้ายเขาสามารถฉกชิงร่างทารกอมตะและทำให้ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างเขากับนิกายเงาไม่สามารถแก้ไข
หากนิกายเงาต้องการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะอีกครั้ง พวกเขาต้องใช้วิธีที่คล้ายคลึงกับปีศาจอมตะเซี่ยหู เพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ เขาใช้หม่าหงหยุนเป็นวัสดุในการหลอมรวม
ในทำนองเดียวกัน เพื่อหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะ นิกายเงาต้องใช้ฟางหยวนเป็นวัสดุในการหลอมรวม
แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของฟางหยวนเพิ่มสูงขึ้นถึงจุดที่สามารถยืนหยัดต่อหน้าผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นนิกายเงาจึงต้องเปลี่ยนกลยุทธ์และสร้างความร่วมมือกับเขา
ทัศนคติที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้ฟางหยวนต้องถอยหายใจ
พลังอำนาจของเกราะหวนคืนใกล้เคียงกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เขาสามารถรับการโจมตีของผู้อมตะระดับแปดได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ สิ่งนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
“แต่การร่วมมือกับนิกายเงาเหมือนการเดินอยู่บนเชือก!”
คำกล่าวของผมที่หกมีเหตุผล มันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย โดยยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งอื่นใด เพียงการแก้ไขกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนและความลับของร่างทารกอมตะ มันก็เพียงพอที่จะโน้มน้าวฟางหยวนแล้ว
แต่ฟางหยวนยังไม่ไว้ใจนิกายเงา
พวกเขาไม่สามารถไว้ใจซึ่งกันและกัน
พวกเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจ แล้วพวกเขาจะเปลี่ยนเป็นมิตรได้อย่างไร?
แม้พวกเขาจะมีเหตุผลและให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ แต่พื้นฐานของความร่วมมือระหว่างผู้อมตะไม่ใช่ชื่อเสียงส่วนบุคคล แต่เป็นวิธีการบนเส้นทางแห่งข้อมูล
อย่างไรก็ตามฟางหยวนขาดแคลนทักษะบนเส้นทางแห่งข้อมูล นี่คือจุดอ่อนของเขาขณะที่นิกายเงาเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งข้อมูล
เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นปรมาจารย์เอกในทุกเส้นทาง เรื่องนี้สามารถเห็นได้จากการสร้างกองกำลังพันธมิตรผีดิบและนิกายท้าทายสวรรค์ในภาคกลาง พวกเขาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ทรงพลังมาก มิฉะนั้นองค์กรจะไม่สามารถก่อตั้ง
ฟางหยวนไม่สมารถเชื่อใจนิกายเงา หากเขาให้ความร่วมมือ เขาอาจตกลงสู่กับดัก แล้วเขาจะทำเรื่องงี่เง่าเช่นนั้นได้อย่างไร
แต่ฟางหยวนไม่ได้ปฏิเสธพวกเขา
เขาส่งจดหมายกลับไปเพื่อตรวจสอบความจริงใจของนิกายเงา ในจดหมายเขาระบุคำขอพิเศษ นั่นคือให้นิกายเงาส่งมอบวิญญาณทัศนคติให้เขาหากต้องการสร้างความร่วมมือ
กล่าวถึงเรื่องนี้ แม้วิญญาณทัศนคติจะอยู่กับฟางหยวนมาตลอด แต่มันไม่ใช่ของเขา มันเป็นเพียงการยืมมาจากไห่ลั่วหลันเท่านั้น
การยืมวิญญาณอมตะย่อมมีเวลาที่ต้องคืน
เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ฟางหยวนจะไม่สามารถใช้งานวิญญาณทัศนคติได้อีก นั่นเป็นเพราะเจตจำนงที่อยู่ในวิญญาณดวงนี้ไม่ใช่เจตจำนงของฟางหยวนแต่เป็นไห่ลั่วหลัน
และตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่มากก่อนจะถึงกำหนดส่งคืน
วิญญาณทัศนคติเป็นวิญญาณในตำนานที่ใช้เพียงพลังจิต มันมีความสามารถที่โดดเด่นแต่ต้นทุนต่ำ ตั้งแต่ฟางหยวนได้รับมันมา เขาใช้มันก้าวข้ามภัยพิบัติมาแล้วมากมาย แม้วิญญาณทัศนคติจะไม่มีพลังโจมตี แต่มันก็เป็นตัวช่วยชั้นยอด
หากปราศจากวิญญาณทัศนคติ สถานการณ์ของฟางหยวนจะยากลำบากมากขึ้น
ประการแรก ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยจะไม่สามารถใช้งาน แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ แต่ปราศจากวิญญาณทัศนคติระดับแปด ประสิทธิภาพของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยจะลดลงอย่างมาก มีโอกาสสูงที่ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย
“หากข้าสามารถใช้โอกาสนี้แก้ปัญหาของวิญญาณทัศนคติ นั่นจะดีที่สุด” ฟางหยวนรู้สึกมีความหวัง
หลังจากนั้นฟางหยวนก็เก็บมิติช่องว่างและเดินทางต่อ
…..
ภาคกลาง วังสวรรค์
ในห้องโถง เทพธิดาจื่อเว่ยกำลังใช้ท่าไม้ตายอมตะของนาง
ร่างกายของนางปกคลุมไปด้วยควันสีม่วง
นางกำลังอนุมาน
หน้าผากของนางปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อก่อนที่นางจะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น
“ข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะไปถึงเจ็ดท่าแต่ข้ากลับไม่สามารถอนุมานตำแหน่งของผู้อมตะของเรา” เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ
หลังการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน กลุ่มผู้อมตะภาคกลางพยายามหลบหนีออกจากสถานที่เกิดเหตุ
วังสวรรค์ส่งกำลังเสริมออกไป
แต่กำลังเสริมชุดแรกหายตัวไปในสวรรค์สีดำ เทพธิดาจื่อเว่ยไม่สามารถอนุมานตำแหน่งที่อยู่ของพวกเขา แล้วนางจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร?
ราชันมังกรที่อยู่ด้านข้างเทพธิดาจื่อเว่ยเปิดเปลือกตาขึ้น
“ดูเหมือนเทพอมตะตะวันเดือดได้เตรียมการมากมายเอาไว้ในภาคเหนือ แล้วเจ้าสามารถระบุตำแหน่งของหลิวกวนซื่อหรือไม่?” ราชันมังกรถาม
เทพธิดาจื่อเว่ยส่ายศีรษะ “ดูเหมือนเขาจะมีวิธีป้องกันการอนุมาน แต่มันไม่ทรงพลังนัก อย่างไรก็ตามเรารู้จักเขาน้อยเกินไป หากเรามีข้อมูลสำคัญบางอย่าง ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย”
ราชันมังกรพยักหน้าก่อนกล่าว “เช่นนั้นก็ทำการอนุมานต่อไป นอกจากนั้นส่งข้าไปยังถ้ำมังกรเร้น”
…..
ทะเลตะวันออก
ฟางหยวนถอนหายใจ เขาต้องวางมิติช่องว่างลงอีกครั้ง
หลิวกวนซื่อกลายเป็นคนมีชื่อเสียงของทั้งห้าภูมิภาค พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว
เพื่อรักษาความลับ ฟางหยวนต้องหยุดพักอย่างต่อเนื่อง
ทางเข้ามิติช่องว่างถูกเปิดออกขณะที่ปราณสวรรค์พิภพถูกดูดกลืนเข้าไป
มิติช่องว่างจักรพรรดิสามารถดูดซับปราณสวรรค์พิภพของทั้งห้าภูมิภาค
หากเป็นผู้อมตะทั่วไป พวกเขาสามารถดูดซับปราณสวรรค์พิภพจากภูมิภาคของตนเองเท่านั้น หากพวกเขาวางมิติช่องว่างลงที่ภูมิภาคอื่น แม้พวกเขาจะสามารถดูดซับปราณสวรรค์พิภพ แต่มันจะเกิดความขัดแย้งและทำให้ทรัพยากรที่อยู่ภายในถูกทำลาย
ตอนนี้มิติช่องว่างจักรพรรดิของฟางหยวนมีทรัพยากรอยู่มากมายตลอดไปถึงสัตว์อสูรและพื้นอสูร ทุกสิ่งล้วนต้องการปราณสวรรค์พิภพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่น้ำหวนคืน แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องวางมิติช่องว่างจักรพรรดิลงและดูดซับปราณสวรรค์พิภพมากกว่าปกติ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น