พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1281-1282

 บทที่ 1281 กลุ่มขุนนางขวัญผวา

โดย

Ink Stone_Fantasy

อ๋องสวรรค์โค่วมองดูลูกชายคนโตพลางยิ้มบางๆ พอใจกับการเตรียมการที่ทันเวลากับการวิเคราะห์ที่แม่นยำของลูกชายคนโต การให้ลูกชายคนโตดูแลตระกูลก็ไม่ถือว่ามองคนผิด เขาเอามือเคาะโต๊ะพร้อมบอกว่า “พูดถึงกำไลเก็บสมบัติที่มือสังหารคนนั้นทิ้งไว้…ลูกสาม เหวินหลานกับหนิวโหย่วเต๋อมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว ให้ลูกชายเจ้าถามหนิวโหย่วเต๋อสักหน่อย ว่าเขาพบเบาะแสอะไรจากในกำไลเก็บสมบัติหรือเปล่า ถ้าเกี่ยวข้องกับตระกูลโค่วจริงๆ ก็จะได้เตรียมตัวได้สะดวก เจรจากับเขาดีๆ สักหน่อย แต่ถ้าไม่เกี่ยวข้อง ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าเป็นแผนลับของตระกูลไหน”


“ขอรับ!” โค่วเหมี่ยนลูกชายคนที่สามหยิบระฆังดาราติดต่อกับโค่วเหวินหลานทันที บอกต่อเจตนา ส่วนที่เหลือก็แค่รอฟังข่าวแล้ว


มีระฆังดาราไว้ติดต่อนั้นสะดวกมาก รอเพียงครู่เดียว โค่วเหวินหลานก็ตอบกลับมา โค่วเหมี่ยนถ่ายทอดคำพูดเหมียวอี้ต่อหน้าทุกคนว่า “ท่านพ่อ หนิวโหย่วเต๋อบอกแล้ว ว่าเขาจดจำบุญคุณของตระกูลโค่วมาตลอด ที่จับคนของตระกูลโค่วไปก็เพราะไม่มีทางเลือกเหมือนกัน แค่ทำพอเป็นพิธีเท่านั้น หวังว่าจะเข้าใจ หนิวโหย่วเต๋อบอกว่าเขายังหาเบาะแสอะไรจากสมบัติของมือสังหารไม่ได้ แต่เขาบอกว่าให้เหวินหลานวางใจได้ เรื่องกำไลเก็บสมบัติต่อให้สาวไปถึงตระกูลโค่ว แต่ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลโค่วแน่นอน!”


ประโยคหลังฟังดูอ้อมค้อมนิดหน่อย แต่ความหมายชัดเจนมากแล้ว นั่นก็คือหนิวโหย่วเต๋อรับประกันต่อตระกูลโค่ว รับประกันว่าจะไม่ให้เกี่ยวข้องกับตระกูลโค่ว


“สืบหาเบาะแสไม่เจอหรือไม่ว่าไม่ยอมบอกกันแน่? ปากแข็งจริงๆ” อ๋องสวรรค์โค่วหัวเราะเบาๆ “เจ้าเด็กนี่น่าสนใจอยู่นะ เจ้าเล่ห์สับปลับ ทั้งยังรู้จักถือโอกาสซื้อน้ำใจคน ยิ่งเขาทำแบบนี้ความสัมพันธ์ของเขาก็ยิ่งใกล้ชิดกับตระกูลโค่วแล้ว ตระกูลโค่วของเราก็ไม่ใช่ว่าคนทั่วไปจะมาปีนป่ายอาศัยบารมีอำนาจได้ แบบนี้ถือว่าให้เขาสานสัมพันธ์หรือยัง? จะว่าไปเจ้าเด็กนี่ก็นับว่ามีฝีมือเหมือนกัน เพียงแต่น่าเสียดายไปหน่อย พอเกิดเรื่องในครั้งนี้ขึ้น อนาคตของเขาที่ตลาดสวรรค์ก็นับว่าถูกตัวเองทำลายไปแล้ว แต่นี่ก็เป็นโอกาสที่จะดึงตัวเขามาเช่นกัน เวลานี้นางเด็กของตระกูลเซี่ยโห้วจะต้องปล่อยคนแน่นอน เพียงแต่ตระกูลโค่วของพวกเราก็ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นที่ต้องสงสัยเหมือนกัน! จะได้ไม่มีคนสงสัยว่าตระกูลเราให้ผลประโยชน์กับเขาเพราะต้องการปิดปากเขาหรือเปล่า ไม่ว่าใครก็คงอยากจะหลบเจ้าเด็กนั่นให้ไกล จุจุ! ขนาดผู้มีอำนาจทั้งราชสำนักก็ยังกลัวเขาเลย อยู่เป็นเหมือนกันนะ ไม่เหลือทางหนีทีไล่ให้คนอื่นเลย เพียงแต่เจ้าเด็กนั่นเป็นโรคบ้าอะไรกันแน่ ทำไมรู้สึกว่าเขาทำงานแบบไม่พิจารณาให้รอบด้านล่ะ เมื่อศีรษะนี้เงยขึ้น ศีรษะนั้นก็ต้องทุ่มลง ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจอะไรระยะยาว เอาแต่ทำเรื่องแบบนี้ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ ถ้าไม่โดนลอบสังหาร ก็ยากที่จะหลุดพ้นข้อหาที่จ้างคนมาช่วยเหลือ แต่ดันไม่รู้จักปิดปาก เขาอ้อมไปอ้อมมาจนข้าแทบจะมึนไปหมดแล้ว เจ้าเล่ห์จริงหรือว่าโง่กันแน่ ไม่เข้าใจเลยว่าเขาคิดยังไง”


ผู้เฒ่าถังหัวเราะเบาๆ อย่างรู้จังหวะเวลา “คนเรามีด้านที่ไร้ที่เดียงสาก็ดีเหมือนกัน คนแบบนี้ต่อให้เลวก็เลวไม่เท่าไร ถ้าคำนึงถึงทุกด้านมากเกินไป แบบนั้นก็ต้องระวังเขาแล้วจริงๆ”


“อืม!” อ๋องสวรรค์โค่วพยักหน้า เคาะนิ้วทั้งห้าบนโต๊ะพร้อมบอกว่า “เจ้าใหญ่ เรื่องที่สมาคมร้านค้าร่วมกันวางแผนลอบฆ่าหนิวโหย่วเต๋อลือกันให้ทั่วแล้ว ทั้งยังโดนลอบสังหารจริงๆ ด้วย เกรงว่าท่านนั้นที่อยู่เบื้องบนจะต้องสงสัยผีระแวงเทพแน่นาน ตระกูลโค่วก็ต้องแสดงท่าทีเดียวกัน! ไว้หน้าเจ้าเด็กนั่นสักครั้งแล้วกัน”


“ลูกทราบว่าต้องทำอย่างไรขอรับ” โค่วเจิงตอบ


อ๋องสวรรค์โค่วยกมือขึ้น “นอกจากนี้ ส่งคนไปจับตาดูทางดาวเทียนหยวนไว้หน่อย ข้าเองก็อยากจะเห็นจริงๆ ว่าตระกูลไหนที่กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ กลัวจะไม่ได้ตายดี ตามหลักการแล้ว ถ้ามีคนทำเรื่องแบบนี้จริงๆ ก็ไม่มีทางที่จะทิ้งหลักฐานไว้หรอก กลัวก็แต่ว่าจะมีคนคาดการณ์ผิดพลาด นึกไม่ถึงว่านักพรตบงกชรุ้งจะพลาดท่าให้หนิวโหย่วเต๋อยิงตาย ขนาดข้าได้ยินข่าวตอนนั้นยังรู้สึกคิดไม่ถึงเลย ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ เหอะๆ! งั้นก็บันเทิงแล้ว คงจะมีบางคนที่ยอมแลกทุกอย่างเพื่อไม่ให้หลักฐานตกอยู่ในมือเกาก้วน”


ผู้เฒ่าถังยิ้มบางๆ “มีความเป็นไปได้นี้จริงๆ วรยุทธ์บงกชทองกับวรยุทธ์บงกชรุ้งสู้กัน ทั้งยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้เตรียมตัวเลยสักนิด บวกกับวรยุทธ์ที่ห่างกันไกลมาก ภายใต้สถานการณ์ที่เร่งด่วนแบบนั้น สามารถคว้าโอกาสที่แวบผ่านมาเพียงชั่วครู่เพื่อพลิกสถานการณ์อันตรายให้กลายเป็นชนะ ทำให้คนรู้สึกเหนือความคาดหมายมากจริงๆ ตอนนั้นถ้าชักช้าเพียงนิดเดียว หรือทำท่าจะหนีเพียงนิดเดียว ทำให้ถ่วงเวลาที่จะลงมือออกไป แบบนั้นเขาก็จะตายแน่นอน ส่วนธนูดอกที่สองที่ไม่ใช่สาระสำคัญ  ยามเผชิญกับการโจมตีนั้นของมือสังหารแต่ยังเยือกเย็นได้ขนาดนี้ บรรยายได้เพียงว่าแสดงฝีมือได้อย่างน่าทึ่งจริงๆ เกรงว่ามือสังหารนั่นก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน การที่เขาเลือกลงมือหลังจากหนิวโหย่วเต๋อหันหลัง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ประมาท แน่ใจแล้วว่าฆ่าได้ถึงลงมือ คาดคะเนแบบนี้แล้วแต่ยังมีโอกาสพลาดจนพลั้งมือ ดีไม่ดีอาจจะทิ้งเบาะแสอะไรไว้จริงๆ ก็ได้”


คนที่นี่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุไกลมาก แต่กลับรู้สถานการณ์ตอนนั้นอย่างกระจ่าง เห็นได้ชัดว่าการจ่ายทรัพยากรมากขนาดนั้นเพื่อเลี้ยงคนไปทั่วก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ถึงอย่างไรต่อให้วรยุทธ์ของอ๋องสวรรค์โค่วสูงกว่านี้ แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะแก้ปัญหาได้ด้วยตัวคนเดียว


หลังจากฟังการวิเคราะห์จบแล้ว โค่วเจิงก็พยักหน้าบอกว่า “ลูกเข้าใจแล้ว จะส่งคนไปเฝ้าจับตาดูเดี๋ยวนี้”


ที่จริงนี่คือเรื่องที่จะบอกว่าไม่ใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะบอกว่าไม่เล็กก็ไม่เล็ก สำหรับนักพรตส่วนใหญ่ย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กอยู่แล้ว แน่นอนว่าการล้างเลือดที่ตลาดสวรรค์เป็นเรื่องใหญ่


แต่สำหรับคนระดับบนของตำหนักสวรรค์ สำหรับผู้มีอำนาจเหล่านั้นของตำหนักสวรรค์ เรื่องที่เหมียวอี้ทำหรือความเสียหายที่สร้างให้กับพวกเขา ที่จริงก็ไม่ได้นับว่ามากมายอะไรนัก ในตระกูลมีข้าทาสตายไปไม่กี่คน ร้านค้าเสียหายไปหนึ่งร้านเท่านั้น ถ้ายินดีที่จะลงมือก็สามารถมอบสิ่งของให้เป็นรางวัลได้ เหมียวอี้ตบหน้าพวกเขา กล้าเล่นหัวพวกเขา สิ่งนี้สำคัญยิ่งกว่าการทำให้ผลกำไรของพวกเขาเสียหายเสียอีก พวกเขาพุ่งเป้าไปที่สิ่งนี้


ทว่าในตอนนี้ หน้าของคนอีกคนสำคัญยิ่งกว่าหน้าของพวกเขา หน้าตาศักดิ์ศรีของคนคนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ความเสียหายของร้านค้าหนึ่งร้านหรือชีวิตของข้าทาสไม่กี่คนจะเทียบติด แต่เป็นหน้าตาของทั้งใต้หล้า! โดยเฉพาะหลังจากเกาก้วนออกโรงด้วยตัวเอง ลักษณะของเรื่องนี้ก็เปลี่ยนไปแล้ว เรื่องที่ไม่ใหญ่โตนี้ได้ไปจี้เส้นประสาทอันอ่อนไหวของคนจำนวนมาก ทำให้คนจำนวนมากต้องเริ่มเผชิญหน้า ไม่ได้มีเพียงตระกูลโค่วที่เตรียมการเรื่องแบบนี้


เรื่องที่เกิดขึ้นที่ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวนปิดบังผู้การสองหลันเซียงที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวไม่ได้ หลันเซียงรู้แล้ว ปี้เยว่ฮูหยินที่โดนขังอยู่ในนรกก็รู้แล้วเช่นกัน


ปี้เยว่ฮูหยินที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำโมโหแทบบ้า นางติดต่อเหมียวอี้ไม่ได้ ถึงได้ติดต่อท่านโหวเทียนหยวนอีกครั้ง : ตอนนี้จะทำยังไงดี? เจ้าเวรนั่นไม่ยอมติดต่อกับข้า คะแนนทดสอบนั่นยังจะเอาหรือไม่เอา?


ความหมายที่นางสื่อนั้นชัดเจน คิดว่าเหมียวอี้กำลังเอาคะแนนทดสอบมาบีบนาง


ท่านโหวเทียนหยวน : ฮูหยิน เรื่องนี้เจ้ายังไม่ต้องสนใจ ดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน


ปี้เยว่ฮูหยิน : ไม่สนใจแล้วเหรอ? หมายความว่ายังไง? เมื่อครู่นี้เจ้าใส่อารมณ์กับข้าด้วยใช่มั้ย?


ท่านโหวเทียนหยวน : ที่ประตูตำหนักคุ้มเมือง ลอบสังหารผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ต่อหน้าฝูงชน เกรงว่าจะทำให้ท่านนั้นที่อยู่เบื้องบนสงสัยผีระแวงเทพแล้ว เกาก้วนอาจจะเข้ามาแทรกแซงแล้ว คาดว่าตอนนี้คงไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ง่ายๆ อีก เจ้าเองก็อย่าเข้าไปยุ่งเหมือนกัน จะได้ไม่สร้างปัญหาให้ตัวเอง


เกาก้วน? พอเอ่ยถึงชื่อนี้ ปี้เยว่ฮูหยินก็อกสั่นขวัญแขวนนิดหน่อย : หนิวโหย่วเต๋อเป็นลูกน้องสายตรงของข้า มิหนำซ้ำตอนเกิดเรื่องที่ตลาดสวรรค์ครั้งก่อน พวกเราก็เสนอตัวเข้าไปรับผิดชอบเอง ฉวยโอกาสสร้างผลงาน! ข้าจะพ้นความเกี่ยวข้องได้เหรอ?


ท่านโหวเทียนหยวน : วันนี้กับวันนั้นไม่เหมือนกัน ตอนนี้เจ้ากำลังเข้าร่วมการทดสอบที่แดนอเวจี เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าสามารถแสร้งทำเหมือนไม่รู้อะไรเลยก็ได้ ถ้ามีคนติดต่อเจ้า ให้เจ้าไปทำอะไรกับเหมียวอี้ เจ้าอย่าตอบตกลงเด็ดขาด ระวังจะโดนคนอื่นหลอกใช้ประโยชน์


ปี้เยว่ฮูหยินตกใจ : เจ้าสงสัยจริงเหรอว่าผู้มีอำนาจในราชสำนักลอบสังหารเหมียวอี้ ใครจะทำเรื่องโง่เง่าแบบนี้ได้?


ท่านโหวเทียนหยวน : ก็ใช่น่ะสิ! ข้าเองก็คิดไม่ตกว่าคนตระกูลไหนทำเรื่องโง่แบบนี้ แต่ถึงขนาดให้เกาก้วนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็ต้องระวังเอาไว้ ไม่กลัวเรื่องที่แน่นอน ก็กลัวเหตุไม่คาดฝัน กันไว้ดีกว่าแก้ เรื่องแบบนี้พวกเราไม่ต้องเข้าไปยุ่ง ถ้าท่านนั้นที่อยู่เบื้องบนเดือดดาลขึ้นมา พวกเราก็เล่นด้วยไม่ไหวหรอก ถ้าเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะเป็นปัญหาใหญ่ ดีไม่ดีอาจจะโดนประหารทั้งตระกูล! ใช่แล้ว เจ้าไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น ใครติดต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องสนใจ ถึงอย่างไรการที่ตัวเจ้าอยู่นรกก็เป็นข้ออ้างที่ดีที่สุด หลังจากจบเรื่องถ้ามีคนถามถึง เจ้าก็แค่บอกว่าตอนนั้นกำลังหนีเอาชีวิตรอด แบ่งสมาธิมาสนใจไม่ได้เลย เข้าใจมั้ย?


ถึงขนาดประหารทั้งตระกูลเลยเหรอ! ปี้เยว่ฮูหยินอกสั่นขวัญแขวน รีบตอบกลับมาว่า : เข้าใจแล้ว! เดี๋ยวข้าจะสั่งให้หลันเซียงกลับมาเดี๋ยวนี้ เมื่อครู่ข้าเพิ่งส่งให้หลันเซียงไปจับกุมหนิวโหย่วเต๋อ


ท่านโหวเทียนหยวนตกใจทันที : โง่เง่า! เจ้าไปจัดการหนิวโหย่วเต๋อตอนนี้ อยากจะให้เบื้องบนนึกว่าเจ้าอยากจะฆ่าปิดปากเหรอ? ถ้ามีใครในราชสำนักทำเรื่องนี้จริงๆ  แล้วได้โอกาสยืมมือบุคคลที่สามมารับผิดแบบนี้ มีหรือที่จะพลาดโอกาส จะต้องฉวยโอกาสลงมือแน่นอน แล้วถ้าหนิวโหย่วเต๋อตายด้วยน้ำมือเจ้า ถึงตอนนั้นต่อให้เจ้ามีพันปากก็แก้ตัวไม่ได้อยู่ดี! เจ้าเบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วใช่มั้ย อยากจะอยู่ในนรกไปทั้งชีวิตจริงเหรอ? เจ้าสามารถหลบอยู่ในนรกไปทั้งชีวิตได้ แต่ข้าล่ะ? ผู้หญิงโง่เง่า ข้าจะต้องตายเพราะเจ้าแน่นอน!


ปี้เยว่ฮูหยิน : เจ้าจะร้อนใจอะไร? ข้าจะไปรู้เหรอว่าเบื้องบนจะวกวนซับซ้อนแบบนั้น ตอนนี้หลันเซียงอาจจะยังไม่ออกเดินทางก็ได้ ต่อให้ออกเดินทางแล้ว ตอนนี้ก็สามารถรั้งกลับมาได้ ไม่ทำให้เจ้าเสียงานหรอก!


ท่านโหวเทียนหยวน : เลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว รีบเรียกตัวนางกลับมา!


เมื่อราชันสวรรค์เดือดดาล กลุ่มขุนนางก็หวาดผวา!


จวนเทพประจำดาวฟ้าเถาะ กินพื้นที่กว้างใหญ่ ในนั้นมียอดเขาที่โดดเดี่ยวลูกหนึ่ง บนยอดเขามีตึกหนึ่งหลังที่เขียนว่า “หองามสง่าน้อย”  เป็นห้องทำงานของเทพประจำดาวฟ้าเถาะผังก้วน


ชื่อว่า ‘งามสง่าน้อย’’ ที่จริงเป็นศูนย์กลางอำนาจในอาณาเขตดาวฟ้าเถาะ ผังก้วนใช้เวลาส่วนใหญ่ทำงานอยู่ที่นี่ ที่นี่มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง สภาพพื้นที่สูงโดดเดี่ยว ถ้ารอบข้างเกิดสถานการณ์ผิดปกติอะไรก็ไม่รอดจากสายตาของตึกนี้ได้ แม้แต่ฮูหยินของเทพประจำดาวก็บุกมาที่นี่ไม่ได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาต เป็นสถานที่สำคัญ!


นอกตึกมีแสงอาทิตย์สดใส ผังก้วนสวมชุดผ้าแพรทั้งตัว หุ่นกำยำล่ำสันเหมือนหมี มีหนวดสามช่อและตรงหว่างคิ้วปรากฏรูปจริงของพลังอิทธิฤทธิ์ เขากำลังยืนถือพู่กันอยู่ริมหน้าต่าง โบกพู่กันจุ่มหมึก งามสง่าสมกับคำว่า ‘งามสง่าน้อย’ จริงๆ


ตรงตีนเขา ฮูหยินเทพประจำดาวที่รูปร่างละมุนละไม ใบหน้างดงามดุจดอกไห่ถังเดินบิดเอวเข้ามา เป็นความงามที่พบเห็นได้น้อยในโลกมนุษย์จริงๆ


“ฮูหยิน!” ทหารยามที่ยืนเฝ้าตรงตีนเขากุมหมัดคารวะ


“อืม!” จาหรูเยี่ยนขานรับแล้วหันกลับมาโบกมือให้กลุ่มบ่าวหญิงที่ติดตามมา “นี่เป็นสถานที่สำคัญที่มีความลับทางการทหาร คนที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามบุกเข้ามาโดยพลการ พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้แล้วกัน” ที่จริงนางก็มาที่นี่ไม่บ่อย มาครั้งหนึ่งก็จะโดนตำหนิอย่างรุนแรง ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่สถานที่ที่คนธรรมดาจะมาได้


กลุ่มบ่าวรับใช้หญิงย่อมรออยู่ตรงตีนเขา


จาหรูเยี่ยนขึ้นมาบนยอดเขาแล้วเข้ามาในตึก พอเห็นผังก้วนกำลังเขียนอักษรอยู่ นางก็ย่อเข่าอยู่ข้างหลัง พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “นายท่าน!”


“อืม!” ผังก้วนขานรับ หยุดเขียนพู่กันในมือแล้วชื่นชมผลงานบนกระดาษครู่หนึ่ง จากนั้นวางพู่กันไว้ด้านข้างอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันตัวมาทักทายด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินมาแล้วเหรอ”


จาหรูเยี่ยนก้าวขึ้นมาคล้องแขนเขาทันที แล้วกล่าวออดอ้อนว่า “คืนนี้ข้าจะค้างที่นี่นะ”


ผังก้วนหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ปฏิเสธอะไร นั่นก็แปลว่าตอบตกลงแล้ว


บทที่ 1282 บ้านมีศรีภรรยา

โดย

Ink Stone_Fantasy

มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ถึงแม้ผู้หญิงคนนี้จะไม่มีสมอง แต่เรื่องบนเตียงก็ยังมีรสชาติมาก เขายิ้มพร้อมถามว่า “ถามอะไรเจ้าสักเรื่องหนึ่ง หนิวโหย่วเต๋อ ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ของดาวเทียนหยวน เจ้าคงรู้จักคนคนนี้ใช่มั้ย?”


จาหรูเยี่ยนปล่อยมือทันที สีหน้าไม่สบอารมณ์แล้ว ทำเสียงฮึดฮัดแล้วบอกว่า “ข้าก็ต้องการถามท่านเรื่องนี้พอดี ทางนั้นส่งข่าวมา ว่าเจ้าจัญไรนั่นค้นยึดร้านค้าของพวกเรา คนก็ไม่ปล่อยไป โดนเขาฆ่าจนหมดเกลี้ยง ท่านบอกมาว่าซิว่าควรจะจัดการเรื่องนี้ยังไง?”


เมื่อเห็นว่านางรู้ถึงสถานการณ์ของทางนั้นได้อย่างทันเวลา สีหน้าของผังก้วนก็ค่อยๆ คร่ำเครียดลง กล่าวเสียงต่ำว่า “เรื่องนี้ต่อให้เจ้าไม่บอกข้าก็รู้! ข้าถามเจ้าอีกเรื่องหนี่ง เขาเพิ่งโดนลอบสังหารที่ประตูตำหนักคุ้มเมืองต่อหน้าต่อหน้าฝูงชน…ข้ารู้ว่าเจ้ามองเขาเป็นศัตรูมาตลอด ข้าถามเจ้าสักคำ เจ้าบงการให้คนไปทำเรื่องนี้ใช่หรือเปล่า?”


เมื่อเห็นเขาทำสายตาเหมือนไฟลุกจนจะกินคนได้ จาหรูเยี่ยนก็หัวใจกระตุกวูบ แล้วส่ายหน้าซ้ำๆ “ข้าไม่ได้ทำ”


ผังก้วนสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่กลับกดดันถามต่อ “เจ้าไม่ได้ทำจริงเหรอ?”


“ข้าบอกแล้วไงว่าข้าไม่ได้ทำ” จาหรูเยี่ยนยืนยันคำเดิม


“งั้นก็ดี!” ผังก้วนทำสีหน้าอ่อนลง สุดท้ายก็โล่งอกแล้ว เขากังวลจริงๆ ว่าผู้หญิงที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้จะทำเรื่องโง่ๆ อะไรออกมา


ตรงนี้เพิ่งจะคุยกันเสร็จ ด้านนอกก็มีคนเดินเข้ามา คนที่สามารถบุกเข้ามาในนี้ได้โดยตรงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือเฉินหวยจิ่วบ่าวชราที่ติดตามรับใช้มาหลายปี เป็นลูกน้องคนสนิทของผังก้วนนั่นเอง


“นายท่าน ฮูหยิน” เฉินหวยจิ่วทำความเคารพ


จาหรูเยี่ยนพยักหน้ารับ นางไม่กล้าเมินเฉยกับบ่าวชราท่านนี้เหมือนกัน ผังก้วนเอียงหน้าถามตรงๆ เลยว่า “เป็นยังไงบ้าง?”


เฉินหวยจิ่วส่ายหน้า “ถามทุกคนในบ้านหมดแล้ว ต่างก็แน่ใจว่าไม่มีใครลงมือกับหนิวโหย่วเต๋อ”


จาหรูเยี่ยนได้ยินแล้วอึดอัดนิดหน่อย “ก็แค่ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์คนเดียวเองไม่ใช่เหรอ มีอะไรสำคัญตรงไหน แค่คว้ามือลวกๆ ก็ได้คนตำแหน่งนี้มาเป็นกำแล้ว ตายก็ตายไปสิ จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้เหรอ?”


“ความคิดอ่านของผู้หญิง เจ้าจะเข้าใจอะไร?” ผังก้วนตะคอกตำหนิ แล้วหันกลับมาบอกเฉินหวยจิ่วว่า “เฒ่าเฉิน ยังต้องยืนยันซ้ำอีกสักหน่อย ถ้าเบื้องล่างมีใครต้องการจะแสดงความจงรักภักดีด้วยวิธีนี้ แบบนั้นก็เป็นปัญหาแล้ว! เรื่องนี้ละเมิดเรื่องที่ฝ่าบาทถือ เป็นไปได้สูงว่าเกาก้วนกำลังวิ่งวุ่นอยู่กับเรื่องนี้ ถ้าสาวมาถึงตัวใครจริงๆ เกรงว่าจะต้องโดนประหารทั้งโคตร! ดูซิว่าบ้านไหนมีใครไม่อยู่หรือเปล่า ติดต่อสอบถามกับคนที่ไม่อยู่ให้ละเอียด ต้องยืนยันสถานการณ์ที่แท้จริงแล้ว!”


สามารถดูออกได้จากสิ่งนี้ ว่าเรื่องที่ราชันสวรรค์ส่งเกาก้วนออกมาทำให้ผู้มีอำนาจเกือบทั้งราชสำนักรู้กันหมดแล้ว ไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไรที่จับตาดูทุกความเคลื่อนไหวของวังสวรรค์ การที่ราชันสวรรค์จะจับตาดูขุนนางใหญ่ทั้งราชสำนักนั้นเป็นเรื่องยากมาก แต่ถ้าขุนนางใหญ่ทุกคนต้องการจะจับตาดูราชันสวรรค์ ดูจากจำนวนสายตาแล้ว ฝ่ายหลังก็ได้เปรียบมากกว่า สิ่งที่เรียกว่า ‘ราชสำนัก’ ไม่มีเรื่องส่วนตัวก็เป็นแบบนี้นี่เอง ในบรรดาแม่ทัพที่เฝ้าวังสวรรค์ เกรงว่าแม้แต่ราชันสวรรค์เองก็ไม่มีทางรู้ชัดได้ว่าเบื้องล่างยัดคนมาคอยเป็นหูเป็นตาไว้มากเท่าไร ต่อให้เป็นในวังหลังเอง ก็มีนางสนมจำนวนไม่น้อยที่เบื้องล่างส่งมาบรรณาการให้


ในเวลานี้ จาหรูเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ กระตุกมุมปากเล็กน้อย


“บ่าวเข้าใจแล้ว จะไม่ชักช้าแน่นอน” เฉินหวยจิ่วตอบ


“นายท่าน” จาหรูเยี่ยนพูดแทรกเบาๆ “แค่การตายของผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์เล็กๆ คนเดียว ยังทำให้สะเทือนไปถึงฝ่าบาทราชันสวรรค์ได้ด้วยเหรอ?”


“ถ้าไม่เข้าใจก็อย่าหลับตาถาม เจ้ากลับไปก่อน ข้ายังมีงานต้องทำอีก คืนนี้เจ้าค่อยมาอีกรอบแล้วกัน” ผังก้วนโบกมือ บอกใบ้ให้นางถอยไป


“เจ้าค่ะ!” จาหรูเยี่ยนย่อเข่าแล้วถอยไป


แต่หลังจากเดินลงบันไดมาได้ไม่กี่ชั้น นางก็กัดริมฝีปาก ในใจรู้สึกกินปูนร้อนท้องนิดหน่อย ในหัวมีเสียง ‘ประหารทั้งโคตร’ ของผังก้วนดังก้อง อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเทพประจำดาวมะโรงดินเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ ได้ยินว่าเป็นเพราะเรื่องโกงการทดสอบเล็กน้อย ทำให้ราชันสวรรค์เดือดดาลมาก หัวของคนในตระกูลเขาโดนตัดหมดแล้ว


พอพูดถึงตระกูลของเทพประจำดาวมะโรงดิน นางกับฮูหยินเทพประจำดาวมะโรงดินก็สนิทกันอยู่เช่นกัน ทั้งสองฝ่ายไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ตอนที่ตำหนักสวรรค์มาล้อมจับ สหายรักท่านนั้นก็คงจะจนตรอกแล้วจริงๆ ถึงขั้นติดต่อมาหานาง ขอให้นางเห็นแก่ไมตรีที่ไปมาหาสู่กัน ให้ช่วยขอร้องเทพประจำดาวฟ้าเถาะ ขอให้เทพประจำดาวฟ้าเถาะขอความเมตตาต่อฝ่าบาทให้


ขนาดผู้บังคับบัญชาของเทพประจำดาวมะโรงดินยังปกป้องไม่ไหว แล้วฮูหยินเทพประจำดาวฟ้าเถาะอย่างตนไปขอความเมตตาแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ?


ส่วนจุดจบของสหายรักคนนั้นน่ะเหรอ กลุ่มสตรีชนชั้นสูงแอบลือกันลับหลัง เพราะผู้ชายของพวกนางไปเข้าร่วมการประหารครั้งนั้นมาด้วย ได้ยินว่าขนาดหนีไปแล้วก็ยังโดนจับกลับมากลางทาง เพราะตำหนักสวรรค์กระจายกำลังไว้ทั่วแล้ว ดังนั้นสุดท้ายพวกเขาก็ยังศีรษะตกลงพื้น เลือดจากคอพุ่งกระฉูดสูงขึ้นหลายฉื่อ ได้ยินว่าลูกอายุสิบกว่าขวบก็เพิ่งเกิดได้ไม่นานก็โดนตัดหัวเช่นกัน ตนก็เคยเห็นเด็กคนนั้นเหมือนกัน เป็นสาวน้อยแสนสวยดุจหยกที่โดนขัดเกลา ถ้าเติบโตแล้วต้องเป็นยอดหญิงงามแน่นอน สรุปก็คือทั้งตระกูลเทพประจำดาวมะโรงดินไม่มีใครรอดไปได้ ทั้งหมดถูกฆ่าจนหมดเกลี้ยง


พอนึกถึงจุดนี้ จาหรูเยี่ยนก็คลำคอที่ขาวหมดจดของตัวเอง แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกตัวสั่นทั้งๆ ที่ไม่ได้หนาว นางกัดฟันแล้วแข็งใจเดินกลับไป


ในห้องทำงาน เมื่อเห็นฮูหยินออกไปแล้ว เฉินหวยจิ่วถึงได้พึมพำว่า “นายท่าน ฮูหยินจดจำความแค้นของนายน้อยตามาตลอด ท่านได้ถามแล้วหรือยัง?”


“ถามแล้ว นางไม่ได้ทำ” ผังก้วนโบกมือ แล้วบอกว่า “ต่อให้นางจะโง่แต่ก็ไม่ถึงขั้นกล้าปิดบังเรื่องแบบนี้กับข้า ถือโอกาสส่งคนไปเฝ้าที่ตำหนักคุ้มเมืองดาวเทียนหยวนเอาไว้ ถ้ามีคนในราชสำนักทำจริงๆ ก็จะต้องคิดหาทางกู้สถานการณ์แน่นอน ข้าก็อยากจะรู้ว่าใครกันที่ทำเรื่องแบบบี้”


ใครจะคิดว่าเพิ่งจะพูดจบ ทั้งสองก็หันกลับไปมองนอกประตูพร้อมกัน เห็นจาหรูเยี่ยนเดินกลับมาอีกแล้ว


“บอกแล้วว่าตอนค่ำเจ้าค่อยมา เจ้าฟังไม่เข้าใจเหรอ?” ผังก้วนชมวดคิ้วถาม


จาหรูเยี่ยนที่ใช้สองมือขยี้ชายเสื้อและดูไม่สงบใจนิดหน่อยพูดเสียงงุ้งงิ้งเหมือนแมลงวันว่า “นายท่าน ข้านึกขึ้นได้ถึงเรื่องเรื่องหนึ่ง โจวเฝิงอานเคยรับปากข้า ว่าจะช่วยข้าสังหารหนิวโหย่วเต๋อเพื่อล้างแค้นให้เหรินจวิ้น เรื่องลอบสังหารก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นฝีมือเขาหรือเปล่า”


พูดจากินปูนร้อนท้องเกินไปแล้ว ประเด็นสำคัญคือไม่กล้าเปิดเผย เพราะก่อนหน้านี้ยังปฏิเสธอยู่เลย จะตบหน้าตัวเองได้ยังไง


“…” ผังก้วนกับเฉินหวยจิ่วเหม่อพร้อมกัน แต่ละคนเบิกตากว้างมองนาง


ชั่วพริบตาเดียวในตึกนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบแล้ว ไม่นานก็ได้ยินผังก้วนสูดหายใจอย่างหนักอึ้ง ใบหน้าของผังก้วนดำเหมือนก้นหม้อแล้วจริงๆ ถามเน้นย้ำทีละคำว่า “โจวเฝิงอานอะไร? โจวเฝิงอานคือใคร?”


“คนรับใช้คนหนึ่งของตระกูลจา” ไม่ต้องให้จาหรูเยี่ยนที่อึกอักอธิบาย มีคนแนะนำแทนแล้ว บ่าวชราเฉินหวยจิ่วหลับตาลงอย่างจนใจ เงยหน้าหลับตาลง แล้วกล่าวเสริมอีกว่า “วรยุทธ์บงกชรุ้งขั้นหนึ่งเหมือนกันพอดี! ตามหลักการแล้วในร้านค้าของตระกูลจาทางนั้นคงจะมีคนรู้จักโจวเฝิงอาน แต่ตามรายงานของที่เกิดเหตุ คนคนนั้นกลับไม่ใช่โจวเฝิงอาน หรือพูดได้อีกอย่างว่า ถ้าเป็นเขาจริงๆ เขาก็ต้องปลอมตัวบ้างสักหน่อย ปลอมตัวแบบครึ่งจริงครึ่งหลอกก็ยังสามารถหลอกล่อให้คนสับสนได้ เขาก็ไม่ได้โง่แบบนั้น”


ผังก้วนยืนค้างอยู่ที่เดิม มองฮูหยินที่งดงามดุจบุปผาของตัวเองด้วยสีหน้าที่เหมือนทำใจเชื่อได้ยาก เพียงแต่ใบสีหน้าย่ำแย่จนบรรยายออกมาไม่ได้ ชี้นิ้วที่สั่นพร้อมตะคอกว่า “เจ้าไม่ต้องทำตัวกินปูนร้อนท้องเกินไปนัก! ข้าถามเพียงคำเดียว มือสังหารใช่โจวเฝิงอานนั่นรึเปล่า?”


จาหรูเยี่ยนรู้แล้วว่านี่คือเรื่องใหญ่ นางจึงหน้าซีดเล็กน้อย เอาแต่กัดฟันก้มหน้าตัวสั่นเทิ้ม


ท่าทางแบบนี้ของนาง ยังจะต้องถามอีกเหรอ? ผังก้วนมองนางพลางส่ายหน้าช้าๆ แล้วเงยหน้าขึ้นฟ้ากล่าวอย่างโอดครวญ “สวรรค์เอ๋ย! ว่ากันว่าถ้าในบ้านมีศรีภรรยา สามีจะไร้เภทภัย ไม่ได้หลอกข้าจริงๆ ด้วย! ข้าสร้างเวรสร้างกรรมอะไรไว้กันแน่ ถึงได้แต่งงานรับ ‘ศรีภรรยา’ แบบนี้เข้าบ้าน?”


เฉินหวยจิ่วลืมตาแล้วถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง “นายท่าน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนี้ จะชักช้าไม่ได้แล้ว ตอนนี้ควรคิดหาทางกอบกู้สถานการณ์ ทางเกาก้วนเพิ่งจะออกเดินทางมาได้ไม่นาน พวกเรายังมีเวลาจัดการเรื่องนี้ก่อนเขา เพียงแต่ต้องทำให้เร็วหน่อย ชักช้าไม่ได้ ต้องรีบรู้สถานการณ์ให้กระจ่างถึงจะต้องมือได้สะดวก!”


วูบ! ผังก้วนก็ถอนหายใจยาวออกมาเช่นกัน จ้องจาหรูเยี่ยนเหมือนจะจับกิน ถามด้วยสีหน้าดุร้ายว่า “บอกมา! บอกต้นสายปลายเหตุมาให้ชัดเจน ถ้ากล้าปิดบังแม้แต่คำเดียว ข้าจะตบเจ้าให้ตายคามือ!”


พอได้ยินว่ายังมีหวังที่จะกู้สถานการณ์ได้ จาหรูเยี่ยนก็รีบเงยหน้าบอก “แค่ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์เล็กๆ คนเดียวเท่านั้น นายท่าน ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำให้เรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้!”


“ใครให้เจ้าพูดสิ่งนี้?” ผังก้วนเกิดอารมณ์วู่วามอยากจะบีบคอนางให้ตาย แค้นจนแยกเขี้ยวโบกกรงเล็บ “ข้าให้เจ้าบอกให้ชัดเจนว่าเรื่องเกิดขึ้นได้ยังไง!”


มาถึงขั้นนี้แล้ว จาหรูเยี่ยนยังจะกล้าปิดบังได้อย่างไร เล่าทุกอย่างออกมาอย่างละเอียดแล้ว


เรื่องราวก็ไม่ได้ซับซ้อนเหมือนกัน เดิมทีนางกดดันให้เถียนเฟิงฮ่าวคิดหาทางลงมือ แต่เถียนเฟิงฮ่าวกังวลมากเกินไป บอกมาตลอดว่าหาโอกาสลงมือไม่ได้ บอกว่าต้องรอโอกาสดีๆ แต่ทางผังก้วนดันสั่งนางซ้ำแล้วซ้ำอีก บอกว่าตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อได้อันดับดีๆ จากราชินีสวรรค์ จึงสั่งนางว่าอย่าทำซี้ซั้วเด็ดขาด และคนของร้านค้าเจ็ดอารมณ์ก็เป็นคนของจวนเทพประจำดาวทั้งหมด นางกลัวว่าจะยั่วให้ผังก้วนโมโห จึงไม่กล้าบังคับเถียนเฟิงฮ่าวมากเกินไป


ใครจะคิดว่าทางดาวเทียนหยวนจะส่งข่าวกลับมาอีก บอกว่าเหมียวอี้กำลังขอคืนดีกับสมาคมร้านค้า เชิญแขกไปร่วมงานเลี้ยงอย่างยินดีปรีดา ทำเอานางโมโหแทบแย่ มีหรือที่นางจะยอมเห็นเหมียวอี้อยู่ดีมีสุข นางไม่สะดวกจะบีบบังคับคนของจวนเทพประจำดาว นางจึงส่งโจวเฝิงอานที่เป็นคนของตระกูลจาไป ให้โจวเฝิงอานหาโอกาสเอาชีวิตเหมียวอี้ แต่โจวเฝิงอานก็ไม่ใช่คนโง่ ตลาดสวรรค์ผู้บัญชาการใหญ่จะฆ่าง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร นั่นคือขุนนางที่ได้รับคำสั่งจากตำหนักสวรรค์เชียวนะ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว จึงดักซุ่มอยู่ที่ตลาดสวรรค์ตลอด รอให้ถึงโอกาสดีๆ อย่างแท้จริง


โจวเฝิงอานอยากจะรอโอกาสดีๆ แต่ฟ้าไม่เป็นใจ ตอนนี้เกิดเรื่องที่ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารทแล้ว ศีรษะของผู้จัดการหลายร้อยร้านร่วงลงพื้น ร้านค้าของตระกูลผังโดนค้นยึดแล้ว! จาหรูเยี่ยนโมโหจริงๆ ผู้บัญชาการใหญ่ตูดหมาอะไรนางเห็นมาเยอะแล้ว มีใครเห็นนางแล้วไม่ทำตัวนอบน้อมเหมือนเป็นหลานบ้าง ถ้านางอยากจะทำให้ตายสักคนก็ง่ายสุดๆ แต่ยังไม่เคยเห็นผู้บัญชาการใหญ่ที่กำเริบเสิบสานขนาดนี้มาก่อน รังแกกันเกินไปแล้ว บังอาจมาลามปามนางครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อต้านกันชัดๆ!


ภายใต้ความเดือดดาลของนาง จึงแจ้งเตือนไปที่โจวเฝิงอานที่กำลังดักซุ่มอยู่ ว่าวันนี้ต้องทำให้หัวของหนิวโหย่วเต๋อร่วงลงพื้นให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ทางนี้จะทำให้ทั้งครอบครัวของโจวเฝิงอานได้เลือกทำเลฮวงซุ้ยดีๆ สักแห่งเพื่อหลับยาว แต่ถ้าทำเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม นางก็จะช่วยให้ลูกชายของโจวเฝิงอานหลุดออกจากทะเบียนทาส รับประกันอนาคตลูกชายของเขา


ดังนั้นเรื่องการลอบสังหารจึงเกิดขึ้น แต่ใครจะคิดว่าโจวเฝิงอานจะฆ่าหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้ แต่กลับโดนหนิวโหย่วเต๋อฆ่าตายเสียเอง หลังจากเรื่องนั้นจบ นางก็ไม่รู้ว่ามือสังหารเป็นโจวเฝิงอานหรือไม่กันแน่ หลังจากติดต่อกับโจวเฝิงอานแล้ว ก็พบว่าต่อสัญญาณกับโจวเฝิงอานไม่ติดอีกเลย นางถึงได้แน่ใจว่าโจวเฝิงอานตายแล้ว แน่ใจแล้วว่ามือสังหารที่โดนฆ่าคือโจวเฝิงอานจริงๆ


 …………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)