เทพปีศาจหวนคืน 1276-1280
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1276 ความพยายามของมนุษย์จิ๋ว
แปลโดย iPAT
“น่าประทับใจ ค่ายกลวิญญาณนี้สามารถควบคุมแม่น้ำหวนคืนได้จริงๆ” ผู้อมตะคลื่นสมุทรยกย่อง
แต่ผู้อมตะดำกลับส่ายศีรษะ “นี่ไม่ใช่การควบคุม ค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันเหมือนกับการขุดคลองและปล่อยให้แม่น้ำหวนคืนไหลมาตามเส้นทางเท่านั้น”
“ด้วยวิธีนี้ถ้ำสวรรค์นิรันดรจะได้รับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพใช่หรือไม่?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรคาดเดา
ผู้อมตะดำอธิบาย “เมื่อแม่น้ำหวนคืนมาถึง ค่ายกลวิญญาณรองจะพังทลายลง เจ้าต้องเปิดมิติช่องว่างของเจ้าและปล่อยให้แม่น้ำหวนคืนไหลเข้าไป เจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งวารี เจ้ามีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่”
ผู้อมตะคลื่นสมุทรรู้สึกถึงปัญหา “หากแม่น้ำหวนคืนเปลี่ยนทิศทางจะทำอย่างไร? มีวิญญาณที่สามารถควบคุมมันหรือไม่?”
ผู้อมตะดำขมวดคิ้ว “ไม่อย่างแน่นอน แต่มีความน่าจะเป็นอื่น…”
“เจ้าหมายถึง?”
“ตำนานมนุษย์คนแรกกล่าวว่าตราบเท่าที่มนุษย์คนแรกมีวิญญาณอมตะดวงนั้น เขาจะสามารถพิชิตแม่น้ำหวนคืน”
“เจ้าหมายถึงวิญญาณความพยายามงั้นหรือ? ไม่มีทาง วิญญาณความพยายามไม่เคยปรากฏมาก่อน ในความคิดเห็นของข้า มันเป็นเพียงนิทานที่กระตุ้นให้ผู้คนขยันบ่มเพาะเท่านั้น”
ในตำนาน บุตรสาวของมนุษย์คนแรก เสิ้นไห่หลุนฮุ้ย ถูกขังอยู่ในเหวธรรมดา
นางพบมนุษย์จิ๋วและได้ไปเยี่ยมบ้านของเขาในเมืองจิ๋ว
หลังจากนางเข้าไปในเมืองจิ๋ว นางเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ข้าเข้าใจแล้ว” เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยกล่าว
นางถูกขังอยู่ในเหวธรรมดา นางเหมือนมนุษย์จิ๋วที่อยู่ในบ่อน้ำ มนุษย์จิ๋วเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือบ่อน้ำเหมือนกับเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยที่มองขึ้นไปจากก้นเหวธรรมดา
“ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะทำงานอย่างหนักและออกจากเหวธรรมดาเพื่อพบกับท่านพ่ออีกครั้ง” เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยกำหมัดและตัดสินใจ
มนุษย์จิ๋วดีใจมาก “ดี ข้าจะออกจากเหวธรรมดาและไปดูโลกภายนอกเช่นกัน ข้าเห็นต้นไม้มากมายในเหวธรรมดา เราโค่นพวกมันและทำเป็นบันไดเพื่อปีนขึ้นไปดีหรือไม่?”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยอ้าปากค้าง “โอ้ มนุษย์จิ๋ว ไม่ใช่ว่าเจ้ามีปีกงั้นหรือ? เหตุใดเจ้าไม่บินออกไป?”
มนุษย์จิ๋วเผยรอยยิ้มขมขื่น “โอ้ มนุษย์ ข้าอาจมีปีกคู่หนึ่ง แต่มันบอบบางและอ่อนแอมาก พวกมันสามารถยกข้าได้เพียงระยะทางสั้นๆเท่านั้น เมื่อข้าออกจากเมือง ข้าก็ใช้บันไดเช่นกัน”
“เป็นเช่นนั้น” เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยเข้าใจในที่สุด
วันต่อมานางและมนุษย์จิ๋วเริ่มตัดต้นไม้และสร้างบันได ต้นไม้ถูกโค่นลงทีละต้น
วิญญาณสติปัญญาบินออกมาจากต้นไม้ต้นหนึ่งที่ถูกโค่นลง
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยประหลาดใจ “วิญญาณสติปัญญา เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่?”
“สติปัญญาซ่อนอยู่ในความธรรมดา แน่นอนว่าข้าสามารถอยู่ที่นี่” วิญญาณสติปัญญาตอบ
มันกล่าวต่อ “พวกเจ้าฉลาดมาก พวกเจ้ารู้ว่าควรใช้วิธีใดเพื่อหลบหนีจากการเป็นคนธรรมดา แต่หากพวกเจ้าต้องการออกจากเหวธรรมดา พวกเจ้าต้องสร้างบันไดของตนเองด้วยตัวของพวกเจ้าเอง มิฉะนั้นพวกเจ้าจะไม่สามารถจากไป”
เสิ้นไห่หลุ่นฮุ้ยพยักหน้า “โอ้ วิญญาณสติปัญญา ขอบคุณที่เตือนเรา เราจะจดจำไว้”
จากนั้นนางและมนุษย์จิ๋วจึงเริ่มสร้างบันไดของตนเอง
บันไดสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ในไม่ช้าบันไดของเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยก็นำบันไดของมนุษย์จิ๋ว
บันไดของมนุษย์จิ๋วทั้งสั้นและเล็ก ระยะห่างระหว่างขั้นก็เล็กมากเช่นกัน
หากเปรียบเทียบ บันไดของเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยทั้งสูงและยาว
เส้นไห่หลุนฮุ้ยล้อเลียนมนุษย์จิ๋ว “โอ้ มนุษย์จิ๋ว ข้าสร้างบันไดครึ่งวันได้สูงพอๆกับที่เจ้าสร้างบันไดครึ่งเดือน ด้วยความเร็วระดับนี้เมื่อใดที่เจ้าจะสามารถสร้างบันไดที่สูงพอและหลบหนีจากเหวธรรมดา?”
มนุษย์จิ๋วรู้สึกช่วยไม่ได้ “ข้าทำดีที่สุดแล้ว แต่นี่เป็นไม้ทั้งหมดที่ข้าสามารถแบกได้ในเวลาครึ่งวัน”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยพยักหน้า “น่าเสียดายที่เราต้องสร้างบันไดด้วยตนเอง”
มนุษย์จิ๋วตอบ “ถูกต้อง เพื่อออกจากเหวธรรมดา เราสามารถทำตามคนรุ่นก่อน แต่เราต้องพึ่งพาตนเองและทำงานหนักเท่านั้น”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยและมนุษย์จิ๋วยังโค่นต้นไม้เพื่อทำบันไดต่อไป
ต้นไม้ล้มลงทีละต้น สุดท้ายวิญญาณความแข็งแกร่งก็บินออกมา
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยตกใจ “โอ้ วิญญาณความแข็งแกร่ง เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่?”
“ความแข็งแกร่งซ่อนอยู่ในความธรรมดา แน่นอนว่าข้าสามารถอยู่ที่นี่” วิญญาณความแข็งแกร่งตอบ
เสิ้นไห่หลุนฮุยคิดก่อนถาม “โอ้ วิญญาณความแข็งแกร่ง เจ้าสามารถให้คำแนะนำกับเราเช่นวิญญาณสติปัญญาหรือไม่?”
วิญญาณความแข็งแกร่งกล่าว “ข้าไม่สามารถแนะนำสิ่งใด แต่ข้าสามารถมอบความแข็งแกร่งให้กับเจ้า ตราบเท่าที่เจ้ามอบความวัยเยาว์ให้แก่ข้า”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยลังเล
วิญญาณความแข็งแกร่งกล่าวต่อ “ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจ้า เมื่อใดที่เจ้าจะสามารถสร้างบันไดที่สูงพอและหลบหนีออกจากเหวธรรมดาได้”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยคิดและตอบ “อีกนานมาก ข้าอาจต้องใช้เวลายี่สิบหรือสามสิบปี”
วิญญาณความแข็งแกร่งกล่าว “ถูกต้อง เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าก็ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป เจ้าจะสูญเสียความเยาว์วัยและกลายเป็นหญิงวัยกลางคน หากเจ้ามอบความเยาว์วัยให้ข้า แม้เจ้าจะกลายเป็นหญิงวัยกลางคน แต่เจ้าจะใช้เวลาเพียงสองหรือสามปีในการสร้างบันได”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยคิดและพยักหน้า “เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง วิญญาณความแข็งแกร่ง ข้าต้องพึ่งพาเจ้าแล้ว”
ด้วยเหตุนี้เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยจึงได้รับความแข็งแกร่งและทำให้นางสามารถสร้างบันไดได้เร็วมาก
หนึ่งปีต่อมา นางยืนอยู่บนชั้นบนสุดของบันไดและมองลงไป
นางเห็นต้นไม้เหมือนกับทุ่งหญ้า นางมีความสุขมาก “เมื่อข้ายืนอยู่บนที่สูง สิ่งที่ใหญ่โตจะกลายเป็นเล็ก มันเหมือนเมืองจิ๋ว”
นางมองลงไปที่บันไดของมนุษย์จิ๋วและพบว่ามันสั้นมาก มันยังน้อยกว่าหนึ่งในร้อยของบันไดของนาง
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยขมวดคิ้ว
นางเดินลงไปและกล่าวกับมนุษย์จิ๋ว “เหตุใดเจ้าถึงช้านัก? บันไดของข้าสูงมากแล้ว”
ร่างเล็กมองบันไดของเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยและชื่นชม “เจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ ความแข็งแกร่งของเจ้าเหนือกว่าข้าตั้งแต่แรก ตอนนี้เจ้ายังมีวิญญาณความแข็งแกร่ง น่าเสียดายที่ข้าสามารถพึ่งพาตนเองเท่านั้น ข้าพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว นอกจากเวลากินและพักผ่อน ข้าใช้เวลาทั้งหมดในการสร้างบันได แต่มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับบันไดของเจ้า”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยพยักหน้า “นั่นเป็นเรื่องปกติ”
ผ่านไปอีกหนึ่งปี
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยสร้างบันไดสูงขึ้นไปอีก
นางยืนอยู่ด้านบนและมองลงไป
ต้นไม้ด้านล่างเล็กจนไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
นางมองบันไดของมนุษย์จิ๋วและพบว่ามันยังน้อยกว่าหนึ่งในพันส่วนของบันไดของนาง
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยเดินลงไปและหัวเราะ “โอ้ มนุษย์จิ๋ว หยุดความพยายามของเจ้าเถอะ ความแข็งแกร่งของเจ้าต่ำเกินไป เจ้าไม่สามารถสร้างบันไดได้แม้เจ้าจะใช้เวลาทั้งชีวิต เหตุใดไม่ใช่เวลาเหล่านี้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน”
“แท้จริงแล้วเจ้าน่าทึ่งมาก หากเปรียบเทียบกับมนุษย์จิ๋วคนอื่นๆ เจ้าสามารถออกมาจากเมืองจิ๋ว ตอนนี้เจ้าสามารถสนุกกับชีวิตของเจ้า”
ร่างเล็กคิดและส่ายศีรษะ “ข้าไม่พอใจกับการเป็นคนธรรมดา ข้าไม่มีความสุขกับการเป็นคนธรรมดา การเป็นคนธรรมดาเหมือนขุมนรก ข้าอยากออกไป แม้ข้าจะทำไม่สำเร็จ ข้าก็ยังอยากลอง หากข้าไม่พยายามมากพอ ข้าจะไม่มีความสุข”
มนุษย์จิ๋วยังสร้างบันไดต่อไป
ปีที่สามผ่านไป
บันไดของเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยสูงมาก
นางยืนอยู่ด้านบนและมองลงไปเพียงเพื่อจะเห็นเมฆบดบังสายตาของนางเอาไว้ทั้งหมด
นางต้องการดูบันไดของมนุษย์จิ๋ว แต่นางแทบมองไม่เห็นสิ่งใด ตอนนี้มันน้อยกว่าหนึ่งในหมื่นของบันไดของนาง
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยถอนหายใจและรู้สึกเหงา
เมื่อลมพัดมา ร่างกายของนางสั่นสะท้านด้วยความหนาวเย็น
“ดังนั้นเมื่อข้าอยู่บนที่สูง ไม่เพียงข้าจะรู้สึกเหงา แต่ข้ายังรู้สึกหนาวอีกด้วย” เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยเดินลงไปหามนุษย์จิ๋ว
คนตัวเล็กส่ายศีรษะ “บันไดของข้าไม่สูงพอ ข้าไม่รู้ว่าเจ้ารู้สึกอย่างไร?”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยเริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย
นางยังคงสร้างบันไดต่อไป แต่เวลาที่นางใช้ไปกับการสร้างบันไดเริ่มลดลง
วิญญาณความแข็งแกร่งถาม “โอ้ มนุษย์ เหตุใดเจ้าไม่สร้างบันไดต่อ?”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยตอบ “บันไดนี้ทั้งสูงและหนาว ข้าต้องการพักผ่อนและกู้คืนความอบอุ่น”
หนึ่งปีผ่านไป
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยยิ่งเบื่อหน่ายมากกว่าเดิม
นางยังสร้างบันไดต่อไปแต่นางใช้เวลากับมันน้อยลงและน้อยลง
วิญญาณความแข็งแกร่งถาม “โอ้ มนุษย์ เหตุใดเจ้าไม่สร้างบันไดต่อ?”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยตอบ “บันไดสูงเกินไป เมื่อข้ามองลงไป ข้ารู้สึกกลัว ข้าต้องการพักผ่อนและทำให้ใจสงบ”
ผ่านไปอีกหนึ่งปี
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยยิ่งเกียจคร้านมากขึ้น
วิญญาณความแข็งแกร่งถาม “มองไปที่มนุษย์จิ๋ว เขาไม่เคยหยุดสร้างบันไดของเขา เขาทุ่มเททุกอย่าง หากเจ้ายังเกียจคร้าน เขาจะนำหน้าเจ้าในวันหนึ่ง”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยหัวเราะ “จะเป็นไปได้อย่างไร? หนึ่งวันของข้าเท่ากับหนึ่งเดือนของเขา เขาจะนำหน้าข้าได้อย่างไร?”
หลายปีผ่านไปเช่นนี้
ในที่สุดวันหนึ่งร่างเล็กพบเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยพักอยู่ใต้ต้นไม้ เขากล่าวกับนาง “โอ้ สหาย บันไดของข้าอยู่ที่ขอบเหวธรรมดาแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะก้าวออกจากเหวธรรมดา”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยหัวเราะ “เจ้าตัวเล็ก อย่าโกหกข้า นี่มันตลกเกินไปแล้ว”
ร่างเล็กส่ายศีรษะและกล่าวอย่างจริงจัง “ผู้ยิ่งใหญ่และตัวตลกมีเพียงเส้นบางๆกั้นอยู่ แต่ข้าไม่ใช่ตัวตลกอีกต่อไป ข้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่และสุดท้ายก็สามารถออกจากเหวธรรมดา หากเจ้าไม่เชื่อข้า คอยดูข้าออกไป”
มนุษย์จิ๋วเริ่มปีนขึ้นบันไดของเขา
เสิ้นไห่หลุนฮุยตกใจมาก บันไดของมนุษย์จิ๋วอยู่บนขอบเหวจริงๆ เขาจะสามารถออกไปหากสิ่งนี้ยังดำเนินต่อไป
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยตะโกน “มนุษย์จิ๋ว เจ้าไม่หนาวงั้นหรือ?”
คนตัวเล็กกล่าว “แน่นอน แต่ข้าต้องการสร้างบันไดของข้าและปีนออกจากที่นี่”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยตะโกนอีกครั้ง “มนุษย์จิ๋ว เจ้าไม่รู้สึกเหงาบ้างงั้นหรือ?”
คนตัวเล็กกล่าว “แน่นอน แต่ข้าต้องการสร้างบันไดของข้าและปีนออกจากที่นี่”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยตะโกนอีกครั้ง “มนุษย์จิ๋ว เจ้าไม่กลัวงั้นหรือ?”
คนตัวเล็กกล่าว “แน่นอน แต่ข้าต้องการสร้างบันไดของข้าและปีนออกจากที่นี่”
หลังจากนั้นแสงสว่างก็ส่องประกายขึ้นบนร่างของมนุษย์จิ๋ว วิญญาณดวงหนึ่งบินออกมา
“ข้าคือความพยายาม โอ้ มนุษย์จิ๋ว ขอบคุณที่ให้กำเนิดข้า” วิญญาณความพยายามขอบคุณมนุษย์จิ๋ว
มนุษย์จิ๋วหัวเราะ “เยี่ยมมาก แม้ข้าจะไร้ความแข็งแกร่ง แต่ข้าก็มีความพยายาม”
ร่างเล็กกล่าวขณะที่เขาปีนออกจากเหวธรรมดาและก้าวสู่โลกภายนอก
เขาเห็นบางคนที่นั่น
มันคือมนุษย์คนแรก
เวลาในเหวธรรมดาต่างจากเวลาของโลกภายนอก
มนุษย์คนแรกถอนหายใจเมื่อเห็นมนุษย์จิ๋ว “นี่คือวิญญาณความพยายามงั้นหรือ? น่าเสียดาย หากข้ามีมัน ข้าจะสามารถพิชิตแม่น้ำหวนคืน”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1277 การพบกันของหม่าและจ้าว
แปลโดย iPAT
ผู้อมตะคลื่นสมุทรเชื่อว่าวิญญาณความพยายามเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ
แต่ผู้อมตะดำส่ายศีรษะ “วิญญาณความพยายามไม่ใช่วิญญาณที่สมมติขึ้น แท้จริงแล้วมันเคยปรากฏมาก่อน”
ผู้อมตะคลื่นสมุทรตะลึง “เหตุใดข้าไม่เคยรู้เรื่องนี้?”
“นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้เรียนรู้ขณะที่เดินทางท่องเที่ยวไปในภาคเหนือ คนที่สามารถหลอมรวมวิญญาณความพยายามคือเทพอมตะบัวสวรรค์ เขาเป็นหนึ่งในผู้เข้าสู่ประตูแห่งชีวิตและความตายและนำแม่น้ำหวนคืนมายังโลกใบนี้ เขาเป็นเจ้าของแม่น้ำหวนคืนคนแรก”
“เทพอมตะบัวสวรรค์! เป็นเช่นนั้น? แล้วเหตุใดแม่น้ำหวนคืนจึงตกอยู่ในมือของปีศาจอมตะเซี่ยหู?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรถาม
ผู้อมตะดำส่ายศีรษะ “ข้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับรายละเอียด…หือ…เกิดสิ่งใดขึ้น?”
เป็นเพียงเวลานี้วิญญาณระดับมนุษย์บางดวงของค่ายกลวิญญญาณรองเกิดการระเบิดขึ้นโดยไม่คาดคิด
มันทำให้เสาแสงหดเล็กลงสิบส่วน
ผู้อมตะคลื่นสมุทรเริ่มประหม่า “ส่วนหนึ่งของค่ายกลวิญญาณรองถูกทำลาย เจ้าไม่ซ่อมมันงั้นหรือ?”
ผู้อตะดำส่ายศีรษะ “สถานการณ์นี้อยู่ในความคาดหมายของข้า ค่ายกลวิญญาณรองไม่สามารถอดทนต่อพลังอำนาจของแม่น้ำหวนคืน มันจะถูกทำลายในที่สุด นอกจากนั้นค่ายกลวิญญาณนี้ยังมีจุดอ่อน เมื่อมันถูกใช้งานไปแล้ว มันจะไม่สามารถซ่อมแซม เว้นเพียงค่ายกลวิญญาณทั้งหมดจะหยุดทำงาน”
ผู้อมตะคลื่นสมุทรขมวดคิ้ว “แม่น้ำหวนคืนยังมาไม่ถึงที่นี่ แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป?”
ผู้อมตะดำยิ้ม “อย่ากังวล ข้าเป็นผู้สร้างค่ายกลวิญญาณนี้ เหตุใดข้าจะไม่ตระหนักถึงปัญหานี้? แท้จริงแล้วการพังทลายของค่ายกลวิญญาณเป็นประโยชน์ต่อพวกเรา”
ผู้อมตะคลื่นสมุทรสับสน “ค่ายกลวิญญาณที่ถูกทำลายจะมีประโยชน์ใด?”
“ทุกสิบส่วนที่มันพังทลายลง การไหลของแม่น้ำหวนคืนจะชะลอตัวลงสิบส่วนเช่นกัน ด้วยวิธีนี้แม่น้ำหวนคืนจะไม่กลืนกินพวกเราเข้าไป แต่มันจะกวาดคนอื่นๆให้ห่างออกไป” ผู้อมตะดำอธิบาย
“ยอดเยี่ยม!” ผู้อมตะคลื่นสมุทรปรบมือชมเชย ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้น “หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนอยู่ด้านหน้าสุด นั่นหมายความว่าพวกเขาจะเป็นคนสุดท้ายที่ถูกกวาดออกไป”
ผู้อมตะดำพยักหน้า “ถูกต้อง”
ในแม่น้ำหวนคืน
“ท่านไป่เฉินเทียน!” ผู้อมตะภาคกลางสามคนทักทายไป่เฉินเทียน
ไป่เฉินเทียนพยักหน้า ตอนนี้พวกเขาสามารถรวมกลุ่มห้าคน ด้วยการเพิ่มขึ้นของคนทั้งสาม กลุ่มของไป่เฉินเทียนจึงมีทั้งหมดเก้าคน
“พวกเจ้าเห็นหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนหรือไม่?” ผู้อมตะบางคนถาม
ผู้อมตะสามคนส่ายศีรษะ
“แล้วพวกเจ้าเห็นคนผู้นี้หรือไม่?” ไป่เฉินเทียนอธิบายรูปร่างหน้าตาและเสื้อผ้าของฟางหยวนให้พวกเขาฟัง
ผู้อมตะทั้งสามมองหน้ากัน หนึ่งในนั้นกล่าว “ข้าคิดว่าข้าเห็นเขา แต่ข้าไม่ได้หยุดเขา ข้าซ่อนตัวอยู่หลังแผ่นไม้และลอยมาตามกระแสน้ำ เขาว่ายไปข้างหน้าโดยไม่สังเกตเห็นข้า”
ไป่เฉินเทียนพยักหน้า
“บุคคลผู้นี้ไม่อยู่ในข้อมูลของพวกเรา เขาเป็นมิตรหรือศัตรู?” บางคนถามด้วยความงุนงง
ไป่เฉินเทียนเป็นผู้อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่ เขาจะไม่ขอข้อมูลเกี่ยวกับผู้อมตะระดับเจ็ดโดยไร้เหตุผล
หากกล่าวถึงระดับการบ่มเพาะของฟางหยวน มันอาจไม่โดดเด่น เพราะผู้อมตะภาคกลางส่วนใหญ่ก็เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่คำกล่าวต่อไปของไป่เฉินเทียนกลับทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านขึ้น
“เขาเป็นศัตรูตัวฉกาจ หากพวกเจ้าพบเขา ระวังให้มาก ในแง่ของการต่อสู้ด้วยร่างกาย เขามีความแข็งแกร่งพอๆกับข้า!”
ผู้อมตะภาคกลางพยักหน้าด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม
“ตอนนี้เราควรทำอย่างไร?” บางคนถาม
“พวกเรามีกำลังคนมากกว่า เราจะว่ายน้ำและกำจัดศัตรูของเราในแม่น้ำหวนคืน นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุด!” ไป่เฉินเทียนกล่าวและปลดปล่อยเจตนาสังหารออกมาอย่างชัดเจน
นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดี
ผู้อมตะภาคกลางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปีศาจอมตะเซี่ยหูและราชันภูเขาม่วงในยามปกติ นอกจากนั้นพวกเขายังสูญเสียค่ายนักรบ แต่การปรากฏขึ้นของแม่น้ำหวนคืนถือเป็นโอกาสที่ดี
ไป่เฉินเทียนรู้สึกว่าตราบเท่าที่พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ พวกเขาจะสามารถกำจัดศัตรูและได้รับชัยชนะ
“หือ…เกิดสิ่งใดขึ้น?” เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งวารีของภาคกลางรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำหวนคืน
ต่อมาพวกเขาก็เห็นแม่น้ำหวนคืนค่อยๆสงบลง
หินและซากสัตว์ถูกกวาดออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่สิ่งที่ผิดปกติคือพวกมันเคลื่อนที่เร็วกว่าก่อนหน้าถึงห้าเท่า!
“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” ผู้อมตะภาคกลางถูกพัดพาไปในพริบตา
ไป่เฉินเทียนเป็นคนแรกที่ตอบสนองและตะโกน “ว่ายน้ำ อย่าหยุดแม้แต่วินาทีเดียว แม่น้ำหวนคืนกลับสู่สภาวะปกติของมันแล้ว หากเราหยุด กระแสน้ำจะพัดพวกเราไป!”
เมื่อได้รับคำเตือนของไป่เฉินเทียน ผู้อมตะภาคกลางคนอื่นๆพยายามว่ายน้ำอย่างเต็มที่
“มันยากมาก!”
“แม่น้ำดูเหมือนสงบแต่แท้จริงแล้วกระแสน้ำกลับรุนแรงกว่าก่อนหน้าหลายเท่า!”
“ท่อนซุงและซากศพเหล่านั้นกำลังกีดขวางพวกเรา”
ผู้อมตะภาคกลางค้นพบว่าการว่ายน้ำในแม่น้ำหวนคืนในสภาวะปกติยิ่งยากลำบากกว่าก่อนหน้าเป็นอย่างมาก
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? ยิ่งว่ายเท่าใด มันก็ยิ่งยากลำบากเท่านั้น! พวกเราต้องพยายาม! พวกเราไม่ต้องไปจนสุดทาง ตราบเท่าที่เราพบศัตรู เราจะฆ่าพวกเขา หากเราสามารถกำจัดผู้อมตะระดับแปดได้อย่างน้อยหนึ่งคน พวกเราจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ!” ไป่เฉินเทียนยกขวัญกำลังใจ
ผู้อมตะภาคกลางตอบรับด้วยการโห่ร้อง
“แม่น้ำหวนคืนเป็นโอกาสของพวกเรา!”
“ท่านไป่เฉินเทียนมองไปข้างหน้า ข้างหน้า! กระแสน้ำเชี่ยวกรากมาก!”
ไป่เฉินเทียนได้ยินและรู้สึกว่ามันแปลก
เขาขมวดคิ้ว
การว่ายน้ำในส่วนที่สงบนิ่งยากกว่าการว่ายน้ำในน้ำไหล หากพวกเขายังอยู่ในส่วนนี้ พวกเขาจะหมดแรงอย่างรวดเร็ว
“เร็ว ว่ายไปยังเขตน้ำไหล!” ไป่เฉินเทียนแนะนำ
ผู้อมตะภาคกลางตอบสนองด้วยการเพิ่มความเร็ว
ฟางหยวนว่ายอยู่ในแม่น้ำและพยายามค้นหาอิงอู๋เซี่ย อย่างไรก็ตามเขายังไม่พบร่องรอยของเป้าหมาย
ในแม่น้ำหวนคืนมีคลื่นขนาดใหญ่พัดมาเป็นครั้งคราว ภายในคลื่นเหล่านี้มีซากสัตว์และเศษหินจำนวนนับไม่ถ้วน
สถานการณ์ในแม่น้ำหวนคืนถือว่าซับซ้อนมาก สิ่งสำคัญก็คือมันกว้างมาก
ฟางหยวนไม่สามารถขึ้นไปสังเกตการณ์อยู่บนที่สูง แม้เขาจะมีสายตาที่ดี แต่เขายังมองไม่เห็นสิ่งใดมากนัก
ตลอดเทางเขาพบผู้อมตะมากมาย ท่ามกลางผู้อมตะเหล่านี้มีทั้งผู้อมตะภาคกลางและสมาชิกกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะ
ฟางหยวนหลีกเลี่ยงพวกเขาทั้งหมด
การต่อสู้กับคนเหล่านี้จะทำให้เขาเสียเวลาและไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ใดๆ
‘แม่น้ำหวนคืนกว้างเกินไป ข้าอาจผ่านอิงอู๋เซี่ยขณะที่ข้าจมลงไปใต้น้ำ หรือข้าอาจเผชิญหน้ากับเขาอย่างกะทันหัน ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้น!’
แต่ฟางหยวนไม่ยอมแพ้
เพราะมีโอกาสสูงที่อิงอู๋เซี่ยจะอยู่ข้างหน้า
เขาว่ายน้ำสุดกำลังและเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ร่างทารกอมตะทำให้เขามีสายตา ความแข็งแกร่ง และความเร็วในการฟื้นฟูเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปด สิ่งสำคัญที่สุดคือความสามารถในการว่ายน้ำของฟางหยวน
ทั้งหมดนี้ทำให้เขาสามารถเอาชนะผู้อมตะส่วนใหญ่
อีกด้านหนึ่ง จิ้งจอกเสือดาวที่กำลังว่ายอยู่ในแม่น้ำพุ่งเข้าโจมตีจ้าวเหลียนหยุน
จิ้งจอกเสือดาวมีร่างกายขนาดเล็กและสามารถว่ายน้ำ ดังนั้นมันจึงรอดชีวิตในแม่น้ำหวนคืน
“ไปให้พ้น!” มู่หลิงหลานตบจิ้งจอกเสือดาวและใช้แขนอีกข้างคว้าจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้
จ้าวเหลียนหยุนเป็นผู้อมตะเทียม นางมีรากฐานที่ต่ำมากและแทบไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าอยู่บนร่างกาย เมื่อปราศจากความช่วยเหลือจากวิญญาณ นางจึงอ่อนแอไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา
โชคดีที่นางอยู่ใกล้กับผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งวารีมู่หลิงหลาน
มู่หลิงหลานทำให้นางรอดชีวิตมาถึงตอนนี้
ร่างกายของมู่หลิงหลานเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารี เขาสามารถหายใจได้อย่างอิสระใต้น้ำ เขาสามารถว่ายน้ำได้ดี ตลอดทางเขาปกป้องจ้าวเหลียนหยุนและพานางว่ายไปข้างหน้า
“ข้างหน้ามีเนินดิน” หลังจากสังหารจิ้งจอกเสือดาว ดวงตาของมู่หลิงหลานก็ส่องประกายขึ้น เขาเห็นเนินดินลอยอยู่ในแม่น้ำ
“เนินดินนี้เกิดจากดินที่ลอยได้ ไม่แปลกใจเลยที่มันไม่จมน้ำ! เราไปพักที่นั่นกันเถอะ!” มู่หลิงหลานลากจ้าวเหลียนหยุนและปีนขึ้นไปบนเนินดินด้วยความยากลำบาก
จ้าวเหลียนหยุนเหนื่อยมาก นางเหมือนคนใกล้ตาย
เมื่อนางขึ้นไปบนเนินดิน นางนอนลงและไม่ขยับเขยื้อน
มู่หลิงหลานเหนื่อยมากเช่นกัน
“เดี๋ยว! มีบางคนอยู่ที่นี่!” มู่หลิงหลานยืนขึ้น
“ใจเย็น ใจเย็น” ร่างหนึ่งค่อยๆเดินออกมาจากป่าบนเนินดิน
มู่หลิงหลานเห็นคนผู้นี้และตกตะลึง
ร่างของจ้าวเหลียนหยุนแข็งค้างราวกับรูปปั้น
เพราะคนที่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาก็คือหม่าหงหยุน!
ผู้อมตะทั้งหมดอยู่ในสภาพที่เลวร้าย แต่หม่าหงหยุนกลับสวมเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้านขณะที่เขาเคี้ยวผลไม้อยู่ในปาก
“เจ้าคือหม่าหงหยุนงั้นหรือ?” มู่หลิงหลานตะโกนด้วยความประหลาดใจ
จ้าวเหลียนหยุนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะลุกขึ้น
นางมองหม่าหงหยุนและขยับปากแต่ไม่มีเสียงออกมา ด้วยการใช้วิญญาณแห่งความรักก่อนหน้านี้ นางไม่สามารถส่งเสียงและต้องใช้วิญญาณในการสื่อสาร แต่ในแม่น้ำหวนคืน วิญญาณไม่สามารถใช้งาน
ในที่สุดจ้าวเหลียนหยุนก็พบคนที่นางรักและคิดถึงมาตลอด
นางกระวนกระวายใจมากขณะก้าวเท้าออกไป
แต่ในวินาทีต่อมา นางกลับลังเล
ตอนนี้สภาพของนางดูเป็นอย่างไร? นางเข้าใจอย่างชัดเจน
นางไม่ใช่เด็กผู้หญิงอีกต่อไป นางเป็นหญิงชราผมขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย และร่างกายที่เหมือนกิ่งไม้แห้ง
แล้วหม่าหงหยุนจะจดจำนางได้หรือไม่?
นางสามารถพบคนรักในรูปลักษณ์นี้ได้งั้นหรือ? นางสามารถทนให้เขาเห็นนางในสภาพนี้ได้เช่นนั้นหรือ?
จ้าวเหลียนหยุนสูญเสียความกล้าหาญทั้งหมดของนาง
นางก้มศีรษะลงและไม่กล้าสบตาหม่าหงหยุน
แต่นางกลับได้ยินหม่าหงหยุนตะโกน “เจ้าคือคุณหนูเสี่ยวหยุน?”
ร่างของจ้าวเหลียนหยุนสั่นสะท้านขึ้น
นางเงยหน้าเพียงเพื่อที่จะเห็นว่าหม่าหงหยุนโยนผมไม้ทิ้งและวิ่งเข้ามาหานาง
“คุณหนูเสี่ยวหยุน! คุณหนูเสี่ยวหยุน! ข้าคิดถึงท่านมาก!” หม่าหงหยุนตะโกนเสียงดัง
มู่หลิงหลานเห็นสิ่งนี้และเกิดความรู้สึกซับซ้อน เขาอธิบาย “เทพธิดาจ้าวกลายเป็นเช่นนี้เพราะนางรีบมาจากภาคกลางเพื่อช่วยเจ้า!”
“คุณหนูเสี่ยวหยุน!” หม่าหงหยุนจับมือจ้าวเหลียนหยุนและยืนอยู่ตรงหน้านางแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด
ในเวลานี้จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกว่านี่เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ การเสียสละทั้งหมดของนางคุ้มค่า!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1278 พังพอนหางสุนัข
แปลโดย iPAT
“บึม!”
เสียงระเบิดดังขึ้นในค่ายกลวิญญาณรอง
ผู้อมตะคลื่นสมุทรไม่แปลกใจอีกต่อไป
ในช่วงเวลานี้เสาแสงลดลงเหลือห้าสิบส่วน
“ค่ายกลวิญญาณนี้น่าสนใจทีเดียว” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงสายหนึ่งดังเข้าหูผู้อมตะคลื่นสมุทร
“ผู้ใด?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรตกใจและเตรียมพร้อมต่อสู้ทันที
“เด็กน้อย อย่ากลัวและอย่าขยับ” เสียงเดิมกล่าวอีกครั้ง
ผู้อมตะคลื่นสมุทรไม่สามารถเคลื่อนไหว
เขารู้สึกราวกับอยู่ในธารน้ำแข็ง
ผู้อมตะคลื่นสมุทรป็นผู้อมตะระดับเจ็ด หนึ่งในแปดผู้อมตะเกาะสวรรค์ของถ้ำสวรรค์นิรันดร แต่เขากลับไม่สามารถตอบสนองก่อนที่เขาจะถูกหยุด
“เจ้าเป็นทายาทของนายท่าน ตราบเท่าที่เจ้าไม่โจมตีข้า ข้าจะไม่กินเจ้า ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงสายเดิมกล่าว
จากนั้นผู้อมตะคลื่นสมุทรก็เห็นอสูรกายที่มีร่างกายใหญ่โตเหมือนเนินเขาปรากฎตัวขึ้น
มันเป็นสัตว์สี่เท้าที่มีขนสีม่วง
มันดูเหมือนพังพอน
ดวงตาของมันเหมือนคริสตัลสีม่วงที่งดงาม สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือหางของมัน
มันไม่ใช่หางพังพอนแต่เป็นหางสุนัข
พังพอนหางสุนัข?
ผู้อมตะคลื่นสมุทรตะลึงก่อนจะนึกถึงการคงอยู่ของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้
ในเวลาต่อมาจดหมายจากราชันใต้ก็ถูกส่งมายังมิติช่องว่างของผู้อมตะคลื่นสมุทร สัตว์ประหลาดตัวนี้ถูกส่งมาเพื่อช่วยพวกเขา มันจะจัดการศัตรูของถ้ำสวรรค์นิรันดร
“เจ้าคือพังพอนหางสุนัข ม้าของบรรพชนตะวันเดือดงั้นหรือ?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรกล่าวด้วยเสียงตะกุกตะกัก
สัตว์ร้ายพยักหน้าก่อนจะอ้าปากกล่าว “หยุดเรียกข้าว่าม้า ข้ามีชื่อของตนเอง ข้าชื่อเหมาหลี่ชิว เรียกข้าว่าปู่เหมาก็ได้”
“เหมา ปู่เหมา!” อีกด้านหนึ่งผู้อมตะดำรู้สึกพูดไม่ออก
“เอาล่ะ ลืมค่ายกลวิญญาณนี้ไปได้เลย ไปที่แม่น้ำหวนคืนและนำหม่าหงหยุนกับวิญญาณแห่งความรักมา!” เหมาหลี่ชิวกล่าวก่อนจะส่งกรงเล็บของมันออกไป
“บึม!”
ค่ายกลวิญญาณรองที่ผู้อมตะดำสร้างขึ้นอย่างยากลำบากพังทลายลงทันที
“นี่!” ดวงตาของผู้อมตะดำแทบหลุดออกมาจากเบ้า
“หยุดพูดมาก รีบจบเรื่องนี้ ท่านปู่ผู้นี้จะรีบกลับไปนอน!” เหมาหลี่ชิวกล่าวและพ่นลมหายใจออกมา
สัตว์ร้ายบินขึ้นสู่ท้องฟ้าขณะที่ผู้อมตะดำและผู้อมตะคลื่นสมุทรถูกลมหายใจของเหมาหลี่ชิวดึงขึ้นไปพร้อมกัน
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของแม่น้ำหวนคืนทำให้ผู้อมตะทั้งหมดรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
แม่น้ำหวนคืนหยุดไหลเชี่ยวและเริ่มสงบลง
‘แม่น้ำหวนคืนกลับสู่สภาพปกติแล้วงั้นหรือ?’
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
มีขยะจำนวนนับไม่ถ้วนถูกแม่น้ำพัดพามา เมื่อเห็นสิ่งนี้ผู้อมตะหลายคนเลือกที่จะล่องลอยไปตามกระแสน้ำเพื่อไปยังจุดสิ้นสุดของมัน
นี่เป็นวิธีเดียวที่จะออกจากแม่น้ำหวนคืน
‘สถานการณ์ไม่ดีนัก’ ฟางหยวนยังไม่พบกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยและยังเดินหน้าต่อไป
บนท้องฟ้า ไป่เฉินเทียนและผู้อมตะภาคกลางคนอื่นๆกำลังมองลงไปที่แม่น้ำหวนคืน
เดิมทีคนเหล่านี้พยายามว่ายไปข้างหน้า แต่แม่น้ำหวนคืนยังพัดพวกเขากลับไป
ไป่เฉินเทียนตระหนักถึงสถานการณ์ แม้เขาจะสามารถเดินหน้าต่อ แต่ผู้อมะคนอื่นๆทำไม่ได้ สุดท้ายพวกเขาจึงต้องลอยไปตามกระแสน้ำและออกจากแม่น้ำหวนคืนในที่สุด
ด้วยวิธีนี้พวกเขาจึงกลายเป็นคนนอก หากพวกเขาโจมตีแม่น้ำหวนคืน มันจะสะท้อนกลับไปหาพวกเขา
ในไม่ช้าไป่เฉินเทียนก็พบฟางหยวนที่อยู่ในแม่น้ำหวนคืน
“การต่อสู้ของพวกเราสามารถมองข้ามตราบเท่าที่เจ้าส่งมอบวิญญาณความใคร่” ไป่เฉินเทียนส่งเสียงไปหาฟางหยวน
“นี่คือผู้อมตะระดับเจ็ดที่สามารถต่อสู้กับท่านไป่เฉินเทียนได้อย่างเท่าเทียมงั้นหรือ? เขาฝึกฝนมาอย่างไร?” ผู้อมตะภาคกลางคนอื่นๆมองฟางหยวนด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็นและไม่สนใจไป่เฉินเทียน
กลุ่มผู้อมตะภาคกลางโกรธมาก “ช่างกล้าหาญนัก! เจ้ากล้าดูหมิ่นท่านไป่เฉินเทียนงั้นหรือ?”
ไป่เฉินเทียนก่นเสียงเย็น “เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถทำสิ่งใดหากเจ้าซ่อนตัวอยู่ในแม่น้ำงั้นหรือ?”
“เจ้าควรกังวลเรื่องของตนเองก่อน ที่นี่ไม่ใช่ภาคกลาง” ฟางหยวนตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว
ความกังวลของไป่เฉินเทียนถูกเปิดเผย แต่เขายังแสดงออกด้วยความไม่แยแสและเริ่มบินออกไป
เรื่องของฟางหยวนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยหากเปรียบเทียบกับจ้าวเหลียนหยุนและหม่าหงหยุน
พังพอนหางสุนัขทำลายค่ายกลวิญญาณรองไปแล้ว ดังนั้นสถานการณ์ของแม่น้ำหวนคืนจึงสามารถสังเกตุเห็นได้โดยง่าย
ขยะถูกกวาดออกไปทั้งหมดแล้ว ตอนนี้มีเพียงผู้อมตะบางส่วนที่ยังอยู่ในแม่น้ำ
มู่หลิงหลาน จ้าวเหลียนหยุน และหม่าหงหยุนอยู่ด้านหน้าสุด
กลุ่มที่สองได้แก่ ปีศาจอมตะเซี่ยหู ราชันภูเขาม่วง และท่านหญิงหว่านซู
กลุ่มที่สามคือ ผู้อมตะระดับแปดเว่ยหลิงหยางและกลุ่มผู้อมตะของภาคกลาง
กลุ่มที่สี่ประกอบด้วย อิงอู๋เซี่ยและสมาชิกนิกายเงา ตลอดไปถึงผู้นำยอดเขาหิมะ
และกลุ่มที่ห้ามีเพียงฟางหยวนผู้เดียว เมื่อเขาถูกแม่น้ำหวนคืนดูดกลืนเข้ามา เขาอยู่ไกลจากแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงตกลงไปส่วนท้ายของแม่น้ำ
สถานการณ์นี้ค่อนข้างน่าสนใจ
“เร็ว ว่ายไปข้างหน้า!” มู่หลิงหลานกล่าวด้วยความกังวลเมื่อมองเห็นปีศาจอมตะเซี่ยหูและราชันภูเขาม่วง
กลุ่มที่สองของปีศาจอมตะเซี่ยหูและราชันภูเขาม่วงกำลังตามจับหม่าหงหยุน
กลุ่มที่สามของเว่ยหลิงหยางไม่ต้องการยอมแพ้ ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถขัดขวางปีศาจอมตะเซี่ยหูและราชันภูเขาม่วง หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนจะมีโอกาสรอด
อิงอู๋เซี่ยและกลุ่มผู้นำยอดเขาหิมะมีความคิดเช่นเดียวกับเว่ยหลิงหยาง พวกเขาอยู่ด้านหลังแต่ยังมีความหวัง
“ดูข้างหลังเร็วเข้า!” ไห่ลั่วหลันตื่นตระหนก
อิงอู๋เซี่ยหันหลังกลับด้วยหัวใจเต้นแรง “เขาตามพวกเรามาถึงที่นี่จริงๆ!”
แม่น้ำหวนคืนสงบลงแล้ว ไม่มีขยะเหลืออยู่ ดังนั้นวิสัยทัศน์ของทุกคนจึงกลับมาชัดเจนอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้อิงอู๋เซี่ยจึงสามารถมองเห็นฟางหยวน
ฟางหยวนไม่รู้ถึงการคงอยู่ของราชันภูเขาม่วง
แม้เขาจะมองเห็นปีศาจอมตะเซี่ยหู แต่ราชันภูเขาม่วงมีร่างกายเล็กเกินไป มันยากที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ฟางหยวนไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ แม้เขาจะพบไป่เฉินเทียน แต่เขาก็รู้เพียงว่าเกิดการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะระดับแปดขึ้นที่นี่ ส่วนฝ่ายใดเป็นฝ่ายได้เปรียบ ไป่เฉินเทียนจะบอกเขางั้นหรือ?
ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่ยินดีทิ้งโอกาสสังหารกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยเพื่อกำจัดภัยคุกคาม
ดวงตาของอิงอู๋เซี่ยส่องประกายขึ้น เขาตัดสินใจว่ายน้ำเร็วขึ้น
“เขาเป็นศัตรูของเรางั้นหรือ?” ผู้นำยอดเขาหิมะเย้ยหยันฟางหยวน “มาร่วมมือกันฆ่าเขา! สถานการณ์ด้านนอกค่อนข้างซับซ้อน มีผู้อมตะอยู่มากมาย แต่ที่นี่เขาอยู่เพียงลำพัง!”
หลังกล่าวจบประโยค กลุ่มผู้นำยอดเขาหิมะก็เตรียมพร้อมโจมตี
อิงอู๋เซี่ยเตรียมเคลื่อนไหวเช่นกัน
หากพวกเขาสามารถสังหารฟางหยวนได้ในเวลานี้ พวกเขาอาจได้รับร่างทารกอมตะกลับคืน นี่เป็นโอกาสที่ดี
‘อย่างไรก็ตาม…ร่างทารกอมตะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือ ข้าควรไปพบท่านสีม่วงก่อน ร่างหลักของเรายังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน’ อิงอู๋เซี่ยคิดและตัดสินใจ
“มากับเรา เราจะไปพบท่านเซี่ยหู คนผู้นี้ไม่สำคัญ ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราคือผู้อมตะภาคกลาง” อิงอู๋เซี่ยไม่ได้เปิดเผยตัวตนของฟางหยวน แต่เขาประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวกลุ่มผู้นำยอดเขาหิมะ
“ถูกต้อง ไปรวมกลุ่มกับนายท่านเซี่ยหูกันเถอะ!” ผู้นำยอดเขาหิมะไม่สามารถออกจากแม่น้ำหวนคืนในช่วงเวลานี้
เพราะผู้อมตะระดับแปดของภาคกลางบินอยู่บนท้องฟ้า หากพวกเขาออกไป พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นการอยู่ในแม่น้ำหวนคืนย่อมปลอดภัยกว่า
แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ตระหนักว่าการว่ายอยู่ในแม่น้ำหวนคืนไม่ใช่เรื่องง่าย
ในสภาพแวดล้อมพิเศษนี้ พวกเขาไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าและถูกผลักกลับไปอย่างต่อเนื่อง
ในตำนาน มนุษย์คนแรกล้มเหลวในแม่น้ำหวนคืนเช่นกัน
ไม่มีผู้ใดคิดว่าตนเองจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่มนุษย์คนแรกยังล้มเหลว แต่ในสถานการณ์นี้ผู้อมตะทุกคนล้วนมีเหตุผลของตนเองที่จะอยู่ในแม่น้ำหวนคืน
“หม่าหงหยุน…อย่าคิดว่าจะสามารถหลบหนี!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูกล่าวเสียงเย็นโดยมีท่านหญิงหว่านซูอยู่ข้างกาย
“เร็ว เร็วอีก พวกเขากำลังจะตามทัน!” มู่หลิงหลานและหม่าหงหยุนลากจ้าวเหลียนหยุนไปข้างหน้า
“เทพธิดาจ้าวอดทนไว้ พวกเราจะไปถึงในไม่ช้า!” เว่ยหลิงหยางตะโกน
ด้านอิงอู๋เซี่ย เขารู้สึกปวดหัวกับฟางหยวนที่ไล่ล่ามาจากด้านหลัง เขาพยายามว่ายไปข้างหน้าให้เร็วขึ้น
“อิงอู๋เซี่ย!” ฟางหยวนลดระยะห่างของเขากับอิงอู๋เซี่ยได้อย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าคนแรกที่ไม่สามารถอดทนได้ก็ปรากฏตัวขึ้น
มันคือหนึ่งในผู้นำยอดเขาหิมะ
เขาใช้พละกำลังทั้งหมดไปแล้ว ตอนนี้เขาทำได้เพียงปล่อยตัวลอยไปตามกระแสน้ำเท่านั้น
ฟางหยวนหลีกเลี่ยงคนผู้นี้
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับสิ่งนี้ หากเขาหยุด เขาจะถูกผลักถอยหลังเช่นกัน แม้เขาจะสามารถสังหารศัตรู แต่ความก้าวหน้าของเขาก็จะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
“ระวัง!” บนท้องฟ้า ไป่เฉินเทียนตะโกน
“ในที่สุดข้าก็ตามทัน เจ้าหนู” ปีศาจอมตะเซี่ยหูอยู่ข้างหลังกลุ่มของจ้าวเหลียนหยุนแล้ว
จ้าวเหลียนหยุนรู้ว่าตนเองไม่มีพละกำลังเหลืออยู่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะเป็นภาระของหม่าหงหยุน
นางมองหม่าหงหยุนด้วยความรักเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะดิ้นรนออกจากมือของเขาและทิ้งตัวลอยกลับหลังไปทางปีศาจอมตะเซี่ยหู
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1279 ความตายที่ใกล้เข้ามา
แปลโดย iPAT
“มู่หลิงหลาน!” ไป่เฉินเทียนและเว่ยหลิงหยางตะโกนอย่างพร้อมเพรียงด้วยความโกรธ
มู่หลิงหลานกัดฟันและว่ายเข้าไปหาจ้าวเหลียนหยุนก่อนจะผลักนางเข้าสู่อ้อมแขนของหม่าหงหยุน
“พวกเจ้าต้องมีชีวิตที่ดี!”
หลังกล่าวจบคำ มู่หลิงหลานหันกลับมาคว้าเอวของปีศาจอมตะเซี่ยหูเอาไว้
ปีศาจอมตะเซี่ยหูดิ้นรนอย่างหนักแต่เขายังถูกผลักออกไป
หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนรอดพ้นจากสถานการณ์อันตรายในครั้งนี้ไปได้ในที่สุด
“เร็วเข้า ไปเร็ว!” หม่าหงหยุนจับจ้าวเหลียนหยุนขณะที่หัวใจของเขาเต้นอย่างรุนแรง
“บัดซบ!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูเตะยอดอกของมู่หลิงหลานและส่งเขาลงไปใต้น้ำ
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของปีศาจอมตะเซี่ยหูเหนือกว่ามู่หลิงหลานมาก
หลังจากทั้งหมดมู่หลิงหลานเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แล้วเขาจะแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปดได้อย่างไร?
ในไม่ช้าเขาก็พ่นเลือดออกมาและตายอยู่ในแม่น้ำหวนคืน
เมื่อเห็นสหายเสียชีวิตเช่นนี้ ผู้อมตะภาคกลางต่างรู้สึกปวดร้าว
“มู่หลิงหลาน ข้าจะจดจำการเสียสละของเจ้า วังสวรรค์จะจดจำเจ้า!” เว่ยหลิงหยางกรีดร้องและพุ่งเข้าไปหาปีศาจอมตะเซี่ยหู
ปีศาจอมตะเซี่ยที่ถูกขัดขวางโดยมู่หลิงหลานลอยมาอยู่ในกลุ่มที่สาม
เขาถูกกลุ่มผู้อมตะภาคกลางโจมตีด้วยความโกรธ
“สามี!” ท่านหญิงหว่านซูรีบเข้าไปช่วย
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอยู่ชั่วครู่และถูกกระแสน้ำผลักดันให้กลับไปพบกับกลุ่มที่สี่ของอิงอู๋เซี่ย
นี่ทำให้เกิดฉากการต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวายขึ้นในแม่น้ำหวนคืน
ไป่เฉินเทียนและคนอื่นต่างตกใจ
ผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่สูญเสียท่าทีที่สง่างามและต่อสู้อยู่ในน้ำราวกับคนป่า
แต่มันสายเกินไปแล้วที่ไป่เฉินเทียนจะสอดมือเข้าไป
ในไม่ช้าเลือดสีแดงก็อาบย้อมแม่น้ำหวนคืน ซากศพของผู้อมตะจำนวนมากลอยไปตามกระแสน้ำ
“อิงอู๋เซี่ย!” ฟางหยวนมาถึงในที่สุด
“นายท่านของเราอยู่ที่ใด?” อิงอู๋เซี่ยตะโกนถามเมื่อเขาพบปีศาจอมตะเซี่ยหูท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย
“ต้นน้ำ!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูตอบ
ปรากฏว่าขณะที่ปีศาจอมตะเซี่ยหูและมู่หลิงหลานกำลังต่อสู้กัน ราชันภูเขาม่วงแยกตัวออกไปเพื่อตามจับหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนน
ด้วยเหตุนี้ปีศาจอมตะเซี่ยหูจึงสามารถต่อสู้กับกลุ่มผู้อมตะภาคกลาง ในความเป็นจริงนี่คือแผนการกีดขวางศัตรูของพวกเขา
เมื่ออิงอู๋เซี่ยได้รับคำตอบ เขารีบว่ายไปข้างหน้าทันที ไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆก็เช่นกัน
ฟางหยวนตะโกน “อิงอู๋เซี่ย เจ้าจะไปที่ใด?”
อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจกล่าว “ไท่เป่ยหยุนเฉิง!”
“พวกเจ้าไปก่อน!” ไท่เป่ยหยุนเฉิงตอบสนองทันที เขาพุ่งเข้าไปหาฟางหยวนด้วยความแน่วแน่และไม่สนใจความตาย
ฟางหยวนถูกขัดขวาง
อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน และไป่หนิงปิงพยายามหลบหนี
“บึม บึม บึม…”
การโจมตีของฟางหยวนทรงพลังมาก ในไม่ช้าไท่เป่ยหยุนเฉิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่ไท่เป่ยหยุนเฉิงเตรียมใจมาแล้ว เขาจับตัวฟางหยวนเอาไว้พร้อมกับใช้ฟันกัดและศีรษะกระแทก
ฟางหยวนถูกพัวพันอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ในสถานการณ์ที่เร่งด่วน เขาอุทาน “ตาแก่เป่ย! เจ้ายังจำเหตุการณ์ในแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงได้หรือไม่?”
ไท่เป่ยหยุนเฉิงตะลึงกับถ้อยคำที่คุ้นเคยเหล่านี้และเปิดช่องว่างทันที
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยความเหี้ยมโหด เขาใช้นิ้วแทงไปที่ดวงตาของไท่เป่ยหยุนเฉิงอย่างไร้ปรานี
ไท่เป่ยหยุนเฉิงได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดไหลออกมาจากดวงตาของเขา
ฟางหยวนฉวยโอกาสโจมตีเป็นครั้งสุดท้ายและทำให้ไท่เป่ยหยุนเฉิงหยุดเคลื่อนไหว
เขาตายแล้ว!
“ฮืม!” ฟางหยวนยักไหล่และสะบัดร่างของไท่เป่ยหยุนเฉิงออกไปก่อนจะรีบว่ายน้ำไล่ล่าอิงอู๋เซี่ยอีกครั้ง
ในช่วงเวลานี้กลุ่มของปีศาจอมตะเซี่ยหูกับเว่ยหลิงหยางได้แยกออกจากกันแล้วเนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่
ไป่เฉินเทียนมองแม่น้ำหวนคืนจากด้านบนและสามารถเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน
หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนยังเป็นผู้นำ
ราชันภูเขาม่วงอยู่ในลำดับที่สอง
กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยอยู่ในลำดับที่สาม
ฟางหยวนเป็นลำดับที่สี่
ปีศาจอมตะเซี่ยหูและท่านหญิงหว่านซูอยู่ในลำดับที่ห้า
เว่ยหลิงหยางและผู้อมตะภาคกลางอยู่ที่หก
หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนอยู่ด้านหน้าแต่ไม่มีผู้ใดปกป้องพวกเขาอีกต่อไป
ลำดับที่สอง ราชันภูเขาม่วงเป็นศัตรู ลำดับที่สาม กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยก็เป็นศัตรู ลำดับที่ห้า ปีศาจอมตะเซี่ยหูก็ยังเป็นศัตรู
หากไม่มีทางเลือก ไป่เฉินเทียนต้องพึ่งพาฟางหยวนเท่านั้น
“เพียงปกป้องสองคนที่อยู่ด้านหน้า เจ้าจะได้รับมิตรภาพจากภาคกลางและวังสวรรค์!”
“เจ้าสามารถร้องขอสิ่งใดก็ได้ หากเจ้าต้องการวิญญาณอมตะหรือทรัพยากรในการบ่มเพาะ วังสวรรค์สามารถตอบสนองเจ้าได้ทั้งหมด!”
“ตราบเท่าที่เจ้าปกป้องหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุน!”
‘เป็นเช่นนี้อีกครั้ง…’ ฟางหยวนลอบถอนหายใจอยู่ภายใน
เขานึกถึงสถานการณ์ในแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ
เวลานั้นเขาต้องเลือกเช่นกัน หากเขาเลือกที่จะช่วยหม่าหงหยุน มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเขา
สถานการณ์ในเวลานี้คล้ายกับครั้งนั้น
แต่ฟางหยวนยังนิ่งเฉย เขาเพียงว่ายน้ำต่อไป เขาตั้งใจกำจัดกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยและลืมเรื่องของหม่าหงหยุนไปก่อน
แต่สิ่งที่ตามมาคือทางตัน
ยิ่งเคลื่อนที่ไปข้างหน้ามากเท่าใด มันก็ยิ่งยากลำบากมากเท่านั้น
“คุณหนูเสี่ยวหยุน เราต้องอดทน ข้าเชื่อว่าเรายังมีโอกาส!” หม่าหงหยุนพูดให้กำลังใจจ้าวเหลียนหยุน
แม่น้ำเย็นมากแต่อ้อมกอดของหม่าหงหยุนกลับทำให้จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกอบอุ่น
ความอบอุ่นนี้เป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่สำหรับนาง นางกัดฟันและสู้ต่อไป
ด้านหลังพวกนางคือราชันภูเขาม่วง
‘หม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุน ฮ่าฮ่า ตราบเท่าที่ข้าจับพวกเจ้าได้ ข้าจะสามารถควบคุมปีศาจอมตะเซี่ยหู เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะให้เขาจัดการอาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้!’ ราชันภูเขาม่วงวางแผน
“ปกป้องท่านสีม่วง!” อิงอู๋เซี่ยตะโกน
“ที่รัก ฟื้นได้แล้ว!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูกล่าวด้วยความกังวล
ท่านหญิงหว่านซูหมดสติไปแล้ว นางได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ก่อนหน้า
ปีศาจอมตะเซี่ยหูรู้สึกลังเล
เขากัดฟันและหยุดว่ายน้ำ เขาอุ้มท่านหญิงหว่านซูเอาไว้และปล่อยให้กระแสน้ำกวาดพวกเขาออกไป
เว่ยหลิงหยางอนุญาตให้ปีศาจอมตะเซี่ยหูจากไป เพราะนี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องการอยู่แล้ว
ปีศาจอมตะเซี่ยหูออกจากแม่น้ำหวนคืนและใช้วิญญาณอมตะรักษาอาการบาดเจ็บของภรรยาอย่างรวดเร็ว
ไป่เฉินเทียนรู้สึกประหม่า เขาไม่สามารถจัดการปีศาจอมตะเซี่ยหูด้วยตัวเขาเพียงผู้เดียว ผู้อมตะที่อยู่รอบข้างไม่มีประโยชน์ โดยปราศจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ พวกเขาไม่สามารถเอาชนะผู้อมตะระดับแปดผู้นี้
“ข้าจะฆ่าเจ้าก่อน!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูวางท่านหญิงหว่านซูที่ยังไม่ได้สติไว้ในมิติช่องว่างของเขาอย่างระมัดระวังก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีไป่เฉินเทียน
ปีศาจอมตะเซี่ยหูเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของภาคเหนือ ด้วยบุคลิกของเขา เขาจะปล่อยโอกาสกำจัดศัตรูที่อ่อนแอเหล่านี้ได้อย่างไร?
“อย่างมากก็แค่ตาย!” ไป่เฉินเทียนตัดสินใจ เขาไม่ได้หลบหนีแต่พุ่งเข้าเผชิญหน้าโดยตรง
แต่เพียงเมื่อผู้อมตะระดับแปดทั้งสองกำลังจะต่อสู้กัน พวกเขากลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งของคนนอก
มันคือพังพอนหางสุนัข!
พังพอนหายสุนัขแบกผู้อมตะดำและผู้อมตะคลื่นสมุทรมาถึงแม่น้ำหวนคืนในที่สุด
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1280 ความพยายามของแต่ละคน
แปลโดย iPAT
ด้านนอกแม่น้ำหวนคืน
ปีศาจอมตะเซี่ยหูต้องการฆ่าไป่เฉินเทียน แต่ในจังหวะนี้พังพอนหางสุนัขเหมาหลี่ชิวกลับปรากฎตัวขึ้น
‘เหตุใดพังพอนตัวนี้ถึงมาอยู่ที่นี่? ไม่ใช่ว่ามันควรอยู่ในถ้ำตลอดเวลางั้นหรือ?’ ปีศาจอมตะเซี่ยหูรู้สึกประหลาดใจ
พังพอนหางสุนัขตัวนี้มีต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นพาหนะของเทพอมตะตะวันเดือด มันมีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน เห็นได้ชัดว่ามันมีวิธียืดอายุขัย
พลังงานแห่งเต๋าของพังพอนหางสุนัขแปลกประหลาดและลึกลับมาก
ยิ่งมันอายุมากขึ้น หางสุนัขของมันก็ยิ่งหดสั้นลง เมื่อมันใกล้ตาย หางสุนัขของมันจะหายไปจนหมด
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่มันรู้สึกว่าชีวิตของมันกำลังจะสิ้นสุดลง มันจะกินสุนัขอสูรเดียวดายเพื่อยืดอายุขัยให้กับตัวมันเอง ด้วยวิธีนี้หางของมันจะงอกออกมาและทำให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไป
เทพอมตะตะวันเดือดใช้วิญญาณอมตะมอบสติปัญญาให้กับพังพอนหางสุนัขและทำให้มันสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะ
เดิมทีมันก็เป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อมันได้รับสติปัญญาและสามารถใช้วิธีการของผู้อมตะ ดังนั้นมันจึงแข็งแกร่งมาก
กระทั่งปีศาจอมตะเซี่ยหูยังต้องระวังมัน
ก่อนหน้านี้ปีศาจอมตะเซี่ยหูต้องการสังหารไป่เฉินเทียน แต่เมื่อพังพอนหางสุนัขปรากฎตัว เขาจึงต้องยกเลิกแผนการนี้
“ผู้ใดจะคิดว่าเหมาหลี่ชิวจะช่วยชีวิตข้าไว้!” ไป่เฉินเทียนสูดหายใจลึกและรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เขารู้เรื่องพังพอนหางสุนัขตัวนี้เช่นกัน
สัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวนี้มีชื่อเสียงมาก
ปีศาจอมตะเซี่ยหูกวาดมองผู้อมตะของถ้ำสวรรค์นิรันดรสองคนที่มาพร้อมกับพังพอนหางสุนัข
เขามองผู้อมตะดำและหัวเราะเสียงเย็น “คัดคาด ซุนหมิงลู่ เจ้าเป็นสมาชิกถ้ำสวรรค์นิรันดรจริงๆ! ผู้ใดจะคิดว่าถ้ำสวรรค์นิรันดรจะลดตัวลงมาทำเรื่องเช่นนี้”
เขาเดาไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อเห็นผู้อมตะดำ มันก็เหมือนได้รับการยืนยัน
ผู้อมตะดำทักทายปีศาจอมตะเซี่ยหูอย่างไม่สะทกสะท้าน “ท่านเซี่ยหู เราพบกันอีกครั้ง ข้าเป็นหนึ่งในแปดผู้อมตะเกาะสวรรค์ของถ้ำสวรรค์นิรันดร ผู้อมตะดำ ซุนหมิงลู่เป็นเพียงชื่อที่ข้าใช้เดินทางในภาคเหนือเท่านั้น”
ปีศาจอมตะเซี่ยหัวก่นเสียงเย็นแต่เขาไม่ได้โจมตี
เพราะผู้อมตะดำมาพร้อมกับพังพอนหางสุนัข
ไม่ใช่ว่าปีศาจอมตะเซี่ยหูจะหวาดกลัวพังพอนหางสุนัขเหมาหลี่ชิว แต่สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ไม่ใช่พวกเขาแต่เป็นเหตุการณ์ในแม่น้ำหวนคืน
เมื่อสถานการณ์ในแม่น้ำหวนคืนยังไม่ได้รับการยืนยัน มันจึงไม่ใช่เวลาสำหรับการต่อสู้ มิฉะนั้นบุคคลที่สามจะได้รับประโยชน์
หลังจากผู้อมตะดำทักทายปีศาจอมตะเซี่ยหู สายตาของเขาก็หันไปทางหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุน
“ท่านปู่เหมา สองคนข้างหน้าคือเป้าหมายของเรา!” ผู้อมตะดำเตือนพังพอนหางสุนัข
ไป่เฉินเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
เสียงหัวเราะเของปีศาจอมตะเซี่ยหูยิ่งเย็นชามากขึ้น
แต่เหมาหลี่ชิวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ให้พวกเขาตัดสินแพ้ชนะ เราจะรออยู่ที่นี่ แม่น้ำหวนคืนสามารถสะท้อนการโจมตีกลับมาหาพวกเรา แล้วเหตุใดข้าต้องใช้ความพยายามทำบางสิ่ง ข้าจะไม่ทำสิ่งใดที่เป็นการเสียเวลาและไร้ประโยชน์!”
มันหยุดก่อนกล่าวต่อ “อย่ากังวล คนเหล่านี้อยู่ได้ไม่นาน ยิ่งว่ายไปไกลเท่าใด มันก็ยิ่งยากลำบากเท่านั้น ทุกความพยายามและความมุ่งมั่นจะถูกชะล้างโดยแม่น้ำหวนคืน”
ผู้อมตะระดับแปดทั้งสามต่างระวังตัวและไม่ได้เข้าสู่การต่อสู้
สถานการณ์นอกแม่น้ำกลายเป็นหยุดชะงัก ดังนั้นผู้อมตะทั้งหมดจึงมองไปที่แม่น้ำหวนคืน
ภายในแม่น้ำ
หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนยังคงเป็นผู้นำ
ราชันภูเขาม่วงเป็นอันดับสอง ตอนนี้เขาเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นกว่าก่อนหน้า
อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน และไป่หนิงปิงอยู่ในอันดับสาม
อันดับสี่คือฟางหยวน
อันดับห้าถูกยึดครองโดยเว่ยหลิงหยางและผู้อมตะภาคกลาง
ราชันภูเขาม่วงเคลื่อนไหวด้วยแขนขาทั้งสี่และยังกระพือปีกเป็นครั้งคราว
‘ข้าต้องอดทน ข้าต้องจับสองคนนี้เพื่อควบคุมปีศาจอมตะเซี่ยหูและจัดการผู้อมตะภาคกลาง!’
ราชันภูเขาม่วงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
แต่แม่น้ำหวนคืนยังโจมตีเจตจำนงในใจของเขา
เขายักไหล่และพยายามขจัดความลังเลในใจ
‘เก้าหมื่นปีก่อนเมื่อเจตจำนงสวรรค์โจมตี ข้าใช้ความพยายามทั้งหมดและพบความหวังที่จะรอดชีวิต ด้วยการผนึกตัวข้าเอง ข้ากลายเป็นก้อนหินสีม่วงทอง แต่ผู้ใดจะคิดว่าเจตจำนงสวรรค์ยังต้องการทำร้ายข้าและบังคับให้ข้าเข้าสู่สถานการณ์ที่บ้าคลั่งเช่นนี้!’
‘ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้าตื่นขึ้นหลายครั้งและประสบอันตรายมามากมาย ข้ารอดมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากนิกายเงา’
‘ตอนนี้ร่างหลักของข้าประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะแต่มันถูกขโมยไป’
‘ร่างหลักติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันและกำลังเผชิญหน้ากับอันตรายอันใหญ่หลวง’
‘นิกายเงาที่ยิ่งใหญ่กลายเป็นเงาของอดีต ข้าไม่สามารถล้มเหลวในครั้งนี้ ข้าต้องอดทน!’
‘ข้ากำลังจะทำสำเร็จ!’
ดวงตาของราชันภูเขาม่วงส่องประกายขึ้น เขาอยู่ใกล้หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหลุนมาก
“โอ้ ไม่ ราชันภูเขาม่วงกำลังจะถึงตัวหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุน!’ ผู้อมตะภาคกลางเต็มไปด้วยความกังวล
ปีศาจอมตะเซี่ยหูและอิงอู๋เซี่ยแสดงออกอย่างมีความสุข
“พวกเราจะทำอย่างไร?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรตะโกน
“ไม่ทำ!” เหมาหลี่ชิวกลอกตา “เว้นเพียงพวกเขาจะออกมา”
“อ๊าก…” แต่ในจังหวะนี้ราชันภูเขาม่วงกลับยกมือขึ้นกุมศีรษะของตนเองและกรีดร้อง เขาพยายามดิ้นรนอย่างหนักขณะที่ใบหน้าของเขาแสดงออกด้วยความเจ็บปวด
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
ทุกคนตะลึงและมึนงง
‘มันเกิดขึ้นแล้ว บัดซบ!’ อิงอู๋เซี่ยลอบสาปแช่งเจตจำนงสวรรค์อยู่ภายใน
ในช่วงเวลาสำคัญราชันภูเขาม่วงตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งและลอยไปตามกระแสน้ำ
โชคดีที่อิงอู๋เซี่ยอยู่ด้านหลังราชันภูเขาม่วงและสามารถคว้าร่างของเขาเอาไว้
ดังนั้นหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนจึงรอดพ้นจากอันตรายและยังอยู๋ในตำแหน่งเดิม
ราชันภูเขาม่วงร่วงหล่นลงไป กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นลำดับที่สอง
ที่สามคือฟางหยวน
และที่สี่คือกลุ่มของเว่ยหลิงหยาง
“ท่านเว่ยหลิงหยาง ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านแล้ว!” ไป่เฉินเทียนรู้สึกมีความสุขมาก
ผู้อมตะภาคกลางต่างโห่ร้องให้กำลังใจ
นับเป็นข่าวดีสำหรับผู้อมตะภาคกลางที่เกิดบางสิ่งขึ้นกับราชันภูเขาม่วง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อมตะที่ไม่รู้จักฟางหยวน พวกเขารู้สึกว่าตอนนี้เหลือเพียงเว่ยหลิงหยางเท่านั้นที่เป็นผู้อมตะระดับแปดที่ยังอยู่ในแม่น้ำหวนคืน ดังนั้นเขาต้องได้รับชัยชนะ
เว่ยหลิงหยางกัดฟันแน่น
ความยากลำบากในการว่ายน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือแม่น้ำหวนคืนส่งผลกระทบต่อทุกความคิดของเขา
ทุกความพยายามจะถูกกีดขวางโดยแม่น้ำหวนคืน
ความคิดมากมายของเขาถูกชะล้างออกไป แต่มีอยู่ความคิดหนึ่งที่ติดแน่นอยู่ในใจของเว่ยหลิงหยาง
“ข้าต้องอดทน!”
“ข้าเป็นความหวังเดียวของภาคกลาง หากเราสามารถจับหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุน เราจะได้รับชัยชนะ!”
“ข้าล้มเหลวไม่ได้!”
“ความภาคภูมิใจของภาคกลาง เกียรติยศของวังสวรรค์ พวกมันจะไม่ถูกทำลายเพราะข้า!”
เว่ยหลิงหยางว่ายไปข้างหน้าโดยปราศจากความลังเล
ผู้อมตะภาคกลางที่อยู่รอบๆติดตามเขาไปเช่นกัน
กลุ่มผู้อมตะภาคกลางกลายเป็นกองกำลังใหญ่ที่สุดและสะดุดตาที่สุดในแม่น้ำหวนคืน
กระทั่งเหมาหลี่ชิวยังต้องกล่าว “โอ้ ดูเหมือนผู้อมตะภาคกลางจะมีข้อได้เปรียบ ฮืม วังสวรรค์ยังชอบวุ่นวายไปทั่ว แต่อย่าลืมว่าหม่าหงหยุนเป็นคนเหนือ!”
ไป่เฉินเทียนขมวดคิ้ว
เขามองเหมาหลี่ชิวกับปีศาจอมตะเซี่ยหูที่แสดงออกอย่างเย็นชาและรู้สึกกังวล ‘แม้เว่ยหลิงหยางจะได้รับชัยชนะ แต่จะเกิดสิ่งใดขึ้นเมื่อพวกเขาออกจากแม่น้ำหวนคืน?’
ไป่เฉินเทียนคิดในทุกแง่มุม แต่เขายังไม่สามารถหลบหนีและทำได้เพียงเฝ้ามองต่อไปเท่านั้น
เวลาผ่านไปจากวินาทีเป็นนาที
สถานการณ์ในแม่น้ำหวนคืนยังเหมือนเดิม
หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนอยู่ด้านหน้าสุด
กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยอยู่ลำดับที่สอง
ฟางหยวนเป็นอันดับสาม
และกลุ่มของเว่ยหลิงหยางเป็นอันดับสี่
ตำแหน่งไม่เปลี่ยนแปลงแต่ระยะห่างระหว่างพวกเขาเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“โอ้ คนเหล่านี้ยังอดทนมาถึงจุดนี้ แปลก เหตุใดที่นี่ถึงมีคนโดดเด่นมากมายนัก?” เหมาหลี่ชิวกล่าว “ดังคาด ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง ในยุคที่เทพอมตะจะถือกำเนิด อัจฉริยะมากมายจะปรากฏตัวขึ้น”
ดวงตาของไป่เฉินเทียนส่องประกายขึ้นเช่นกัน
เขากำลังประเมินผู้อมตะภาคกลางและจดจำใบหน้าของพวกเขาเอาไว้
คนเหล่านี้มีความมุ่งมั่นและแน่วแน่ หากพวกเขาเติบโตต่อไปโดยปราศจากอุบัติเหตุ พวกเขาจะเป็นเสาหลักที่สำคัญของแต่ละนิกายอย่างแน่นอน
‘อดทนไว้! ภารกิจปกป้องเทพธิดาจ้าวอยู่ในมือของข้า ข้าไม่สามารถยอมแพ้!’ ปู้เจิ้งซือขมวดคิ้ว
‘เช่นเดียวกับการหลอมรวมวิญญาณ ไม่ว่ามันจะยากลำบากเพียงใดหรือเกิดผลลัพธ์ที่ไม่สามารถคาดเดา ตราบเท่าที่ข้าอดทน ข้าจะได้รับสิ่งตอบแทน!’ อวี๋อี้เย่ซือให้กำลังใจตนเอง
ซือเจิ้งอี้แสดงออกด้วยความโกรธ ‘ท่านมู่หลิงหลานเสียสละตนเองเพื่อปกป้องเทพธิดาจ้าว แล้วข้าจะถอยกลับได้อย่างไร? ข้าต้องทำงานอย่างหนัก! ซือเจิ้งอี้! เพื่อเห็นแก่ความรักและความยุติธรรม เจ้าไม่สามารถถอย!’
ฟางหยวนจ้องมองอิงอู๋เซี่ยอย่างไร้อารมณ์ ‘ความสัมพันธ์ใกล้ชิดมาก ผู้อมตะระดับแปดที่กำลังบ้าคลั่งผู้นี้ต้องเป็นสมาชิกของนิกายเงา ข้าต้องฆ่าเขา ข้าต้องกำจัดพวกเขาทั้งหมด! แม่น้ำหวนคืน มันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ข้าจะกำจัดภัยคุกคามทั้งหมด!’
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น