พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1269-1270

 บทที่ 1269 คนที่เป่าเหลียนรำคาญที่สุด

โดย

Ink Stone_Fantasy

ปี้เยว่ฮูหยินยอมเขาแล้ว ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาก็มีเหตุผล ทั้งพูดเหตุผลออกมาเป็นชุด นางจึงไม่เถียงกับเขาแล้ว เอาชนะเขาไม่ได้ จึงบอกตรงๆ ว่า : ข้าเป็นแบบนี้แล้ว เจ้ายังจะพูดเหลวไหลอะไรเยอะแยะอีก? ข้าถามเจ้าหน่อย เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะวางกับดัก เล่นตุกติกให้ข้าตกหลุมพรางเหรอ?


ท่านโหวเทียนหยวน : เขาไม่ได้มีสมองธรรมดาเหมือนเจ้าหรอก! จะวางกับดักยังไง? ไม่ต้องพูดถึงว่าเจ้ายังเป็นแม่ทัพภาคตงหัว ตราบใดที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวยังไม่เปลี่ยนเจ้านาย เขาก็ไม่กล้าทำซี้ซั้วกับเจ้าหรอก! ต่อให้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้าในนรก ถึงแม้ตอนนี้ข้าจะเข้าไปแทรกแซงเรื่องที่ตลาดสวรรค์ไม่สะดวก แต่ก็สามารถบงการให้หลันเซียงที่ควบคุมแทนยัดข้อหาจัดการเขาได้ ให้หลันเซียงฆ่าเขาก่อนแล้วค่อยยัดข้อหาเขาทีหลังก็ยังได้เลย เขาจะกล้าเล่นตุกติกกับเจ้าเหรอ? สมองอย่างเขาน่ะ รู้ว่าถ้าเจ้าถึงขั้นจะเอาชีวิตไม่รอด ต่อให้เจ้าจะเล่นผิดกติกากับเขา เขาก็โวยวายอะไรไม่ได้ เบื้องบนจะมาสืบสาวเอาเรื่องคนตายอย่างเจ้าเชียวเหรอ?


ปี้เยว่ฮูหยิน : เจ้าน่ะสิคนตาย! เจ้าอยากจะให้ข้าตายเร็วๆ จะแย่แล้วใช่มั้ย? ถ้าข้าตายแล้วเจ้าจะได้ไปหาเมียน้อยได้สะดวกกว่าเดิม?


ต่อให้เจ้าไม่ตาย ข้าก็มีเมียน้อยอยู่ดีนั่นแหละ เจ้าจะทำอะไรข้าได้ล่ะ? แน่นอน ท่านโหวเทียนหยวนพูดสิ่งนี้ได้แค่ในใจเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา…


จวนแม่ทัพภาคตงหัว สวนดอกไม้ด้านหลัง


เมื่อผู้การสองหลันเซียงที่รับหน้าที่ควบคุมแทนบอกจุดประสงค์ให้ฟัง กงอวี่เฟยกับหลี่หวนถังที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ราวกับโดนฟ้าผ่าลงทัณฑ์ งงเหม่อไปทั้งตัว


ทั้งสองเหม่องงอยู่นานมาก ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้สติกลับมา จู่ๆ กงอวี่เฟยก็กล่าวขอร้องด้วยสีหน้าหวาดกลัว “ผู้การสอง ข้าไปเป็นลูกน้องหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้หรอก พวกเราเคยล่วงเกินเขาไว้ ถ้าไปเป็นลูกน้องเขา เขาก็จะเอาชีวิตพวกเรา!”


หลี่หวนถังที่หน้าซีดก็พยักหน้าซ้ำๆ เช่นกัน “ผู้การสอง ถ้าพวกเราทำผิดตรงไหนท่านก็บอกมาได้เลย ยอมโดนตีโดนด่ายังไงก็ได้ แต่ไม่ไปเป็นลูกน้องหนิวโหย่วเต๋อหรอก หนิวโหย่วเต๋อเป็นคนทรามที่เจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้าพวกเราไปอยู่ในอาณาเขตของเขา จะต้องตายอนาถแน่นอน!”


หลันเซียงกำลังอุ้มจิ้งจอกสีชมพูตัวนั้นของปี้เยว่ฮูหยิน ขณะที่มองดูทั้งสองคน นางก็แอบทอดถอนใจ ถ้ารู้แต่แรกแล้วจะทำแบบนี้ทำไม อีกฝ่ายให้ผลประโยชน์นิดหน่อยก็หลับหูหลับตาเข้าไปยุ่ง เล่นไม่ไหวแต่ประสมโรงตามเขาไปด้วย ถึงคราวที่พวกเจ้าจะได้เด่นดังเหรอ? ถ้าพวกเจ้าเล่นเป็นจริงๆ พวกเจ้าติดตามฮูหยินมาหลายปีขนาดนี้ เกรงว่าท่านโหวคงช่วยพวกเจ้าหาตำแหน่งว่างข้างกายให้ตั้งนานแล้ว ตอนนี้มีคนจะคิดบัญชีกับเจ้าย้อนหลัง พวกเจ้ารนหาที่ตายเองก็จะมาโทษคนอื่นไม่ได้เหมือนกัน!


ภายนอกกลับยิ้มบางๆ อย่างแนบเนียน “พวกเจ้าคิดมากไปแล้ว! ข้าถ่ายทอดคำสั่งไปให้เขาแล้ว ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าสองคน เขาก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะได้อยู่ตำแหน่งในผู้บัญชาการใหญ่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า ข้าก็จะผลักความรับผิดชอบให้เขา”


ทั้สองได้ยินแล้วสงบใจขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังคิดไม่ตกอีกหลายเรื่อง! กงอวี่เฟยถามพร้อมทำสีหน้าทุกข์ใจ “ผู้การสอง เป็นเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้พวกเราต้องไปรับตำแหน่งเป็นลูกน้องเขา?”


หลันเซียงตอบว่า “ช่วงนี้ทางหนิวโหย่วเต๋อเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ ก็เลยอยากจะให้พวกเจ้าไปเป็นหูเป็นตาให้สักหน่อย ถ้าพบความผิดปกติอะไรก็รายงานข้าทันที! และที่ให้พวกเจ้าไปก็เพราะพวกเจ้ามีความแค้นกับเขา ไม่โดนเขาซื้อตัวได้ง่ายๆ ในปีนั้นฮูหยินทอดทิ้งเขา ใครจะไปรู้ว่าเขาจะมีความแค้นในใจแล้วมีเจตนาอื่นหรือเปล่า เข้าใจสิ่งข้าจะสื่อใช่มั้ย?”


ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ แต่ทั้งสองก็ยังกังวลนิดหน่อย หลี่หวนถังลองถามหยั่งเชิงว่า “ผู้การสอง เปลี่ยนให้คนอื่นไปได้หรือเปล่า?”


หลันเซียงกลอกตา สีหน้าจริงจังขึ้นทันที กล่าวเสียงเย็นว่า “สงสัยพอฮูหยินไม่อยู่แล้ว ข้าพูดอะไรไปก็ไม่ได้ผล เริ่มมาต่อรองกับข้าแล้วเหรอ!”


“ไม่ใช่ขอรับๆ!” หลี่หวนถังลนลานแล้ว รีบโบกมือบอกว่า “ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น เพียงแต่ความสามารถมีจำกัด เกรงว่าจะทำให้ผู้การสองผิดหวัง ในเมื่อผู้การสองเล็งเห็นความสามารถ หลี่หวนถังก็จะทำอย่างสุดกำลัง!”


เมื่อเห็นว่าย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว ทั้งสองก็ทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมแล้วกล่าวอำลา


ขณะมองเหงาหลังทั้งสองจากไป ผู้การสองก็ลูบขนที่เงางามของจิ้งจอกสีชมพู นางถอนหายใจพลางสายหน้าเบาๆ นางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ฮูหยินจึงสั่งให้ส่งตัวสองคนนี้ไปให้เหมียวอี้ เพียงแต่นางต้องเป็นแพะรับปากเรื่องนี้แล้ว


พอออกมาจากสวนดอกไม้ ทั้งสองก็หยุดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วถ่ายทอดเสียงคุยกัน


หลี่หวนถังกุมหมัดคารวะ “ผู้ช่วยกง หนิวโหย่วเต๋อนั่นไม่ใช่คนดีอะไร ถึงแม้จะมีผู้การสองหนุนหลังอยู่ ต่อให้เขาจะไม่กล้าฆ่าพวกเรา แต่เกรงว่าเขาจะคิดหาทางกลั่นแกล้งพวกเราเต็มที่! สร้างความอัปยศอดสู้ให้พวกเราอย่างเลี่ยงไม่ได้”


ใบหน้างามของกงอวี่เฟยฉายแววดุดัน ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวว่า “ก็ทำได้แค่อดทนไปก่อน! แต่ความหมายผู้การสองบอก เจ้าเองก็คงฟังเข้าใจแล้ว ฮูหยินเกิดระยะห่างในใจกับหนิวโหย่วเต๋อแล้ว เจ้ากับข้าใช้ประโยชน์กับเรื่องนี้เพิ่มได้ หาทางยัดข้อหาให้เขานิดหน่อย ฉวยโอกาสตัดไฟตั้งแต่ต้นลม!”


หลี่หวนถังมองไปรอบๆ แล้วยกนิ้วหัวแม่มือ “เป็นความคิดที่ดี! พอไปถึงทางนั้นแล้ว ข้าจะเชื่อฟังผู้ช่วยกงแน่นอน!”


ทั้งสองคนที่ที่มีความคิดตรงกันสบตาแล้วยิ้มหยอกกัน จากนั้นก็หันตัวเดินออกไป เตรียมจะไปกล้ำกลืนความอัปยศอดสู…


ดาวเทียนหยวน ตำหนักคุ้มเมือง สวีถังหรานรีบย่องเบาๆ เข้าไปในตำหนัก พอรายงานแล้วก็เข้าไปในเขตส่วนตัวของตำหนักหลังโดยตรง


ตอนที่เห็นเหมียวอี้ อีกฝ่ายก็อยู่ในศาลาพอดี บังเอิญเห็นผู้บัญชาการใหญ่ส่งบัตรเชิญเป็นกองให้เป่าเหลียน ให้นางนำไปส่งให้ผู้จัดการร้านค้าของเขตเมืองตะวันตก


สวีถังหรานแอบถอนหายใจ ผู้บัญชาการใหญ่จะก้มหัวจัดงานเลี้ยงเชิญพ่อค้ากลุ่มนั้นอีกแล้ว


เขาเองก็เคลื่อนไหวไม่ช้า เป็นฝ่ายเสนอตัวทำงานนี้เอง “ไม่ต้องลำบากแม่นางเป่าเหลียน เรื่องนี้ให้ข้าน้อยจัดการก็ได้ อยู่ในเขตที่ข้าน้อยดูแลพอดี เดี๋ยวข้าน้อยกลับไปสั่งให้ลูกน้องแจกให้ก็ได้ แม่นางเป่าเหลียนจะได้ไม่ต้องไป”


“เขามาพอดีเลย งั้นก็ให้เขาทำแล้วกัน” เหมียวอี้บอกใบ้ หลังจากเป่าเหลียนส่งต่อให้แล้ว เหมียวอี้ก็ถามสวีถังหรานว่า “มีเรื่องอะไร?”


“เหอะๆ! มีเรื่องนิดหน่อย…” สวีถังหรานถูไม้ถูกมือ แล้วยิ้มอย่างมีลับลมคมใน เอาแต่ชักช้าไม่ยอมบอกสักที


เหมียวอี้เข้าใจแล้ว จึงบอกเป่าเหลียนว่า “เจ้าออกไปก่อนแล้วกัน”


เป่าเหลียนที่หันตัวเดินออกไปเหล่ตามองสวีถังหรานอย่างเหยียดหยาม ในบรรดาลูกน้องของเหมียวอี้ทั้งหมด คนที่เป่าเหลียนรำคาญที่สุดก็คือสวีถังหราน ในสายตานาง สวีถังหรานคือคนที่ขี้ประจบสอพอเป็นอย่างเดียว เป็นผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกอยู่ดีๆ ดันถ่อมาลงครัวทำอาหาร ปรนนิบัตินายท่านทุกด้านอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ละเอียดรอบคอบยิ่งกว่านางเสียอีก ทำให้นางสะอิดสะเอียนพอสมควร ทำให้นางดูเหมือนผู้ติดตามที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่สมบูรณ์ จะให้นางทนความรู้สึกนี้ได้อย่างไร


แน่นอน สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดก็คือ ยามสวีถังหรานปรากฏตัวต่อหน้าเหมียวอี้ ก็จะต้องประจบสอพลอ เคารพนบนอบจนทำให้คนที่เห็นอยากจะอาเจียน แต่พอออกจากตำหนักคุ้มเมืองไปแล้ว ก็จะเอามือไขว้หลังทำท่ายโสโอหังทันที ทำเหมือนตลาดสวรรค์เป็นอาณาเขตของเขา


นางเองก็เคยแอบบอกเหมียวอี้หลายครั้งแล้ว นางคิดไม่ตกว่าผู้บัญชาการใหญ่จะยังให้ความสำคัญกับคนต่ำช้าทำไม เรียกคนต่ำทรามคนนี้มาตำหนักคุ้มเมืองบ่อยกว่าผู้บัญชาการอีกสามคนอีก


ที่จริงเหมียวอี้เองก็ไม่เข้าใจชัดเจนว่าเพราะอะไร เขาเองก็ไม่ชอบคนประเภทสวีถังหราน ถ้าเปลี่ยนเป็นปีแรกๆ เขาอาจจะเตะสวีถังหรานไปไว้ไกลๆ ไม่เก็บไว้ข้างกายเด็ดขาด แต่หลังจากเคยได้ใช้งานคนอย่างสวีถังหรานแล้ว กลับพบว่ามีประโยชน์มาก อาจจะไม่ได้มีความสามารถอะไรมากมาย แต่ถ้าสั่งให้ไปทำงานอะไร ก็จะจัดการได้อย่างเรียบร้อยเหมาะสม ถ้ามีเงื่อนไขเหมาะสมเขาก็จะทำออกมาได้ดี แต่ถ้าไม่มีเงื่อนไข เขาก็จะพยายามสร้างเงื่อนไขและทำออกมาได้ดีเหมือนเดิม บางทีวิธีการอาจจะไม่ค่อยบริสุทธิ์เปิดเผยสักเท่าไร แต่ถึงอย่างไรก็รับประกันได้ว่าเขาจะจัดการเรื่องที่เจ้าสั่งจนเจ้าพอใจและสบายใจได้


หลังจากเป่าเหลียนออกไปแล้ว สวีถังหรานก็รีบก้าวขึ้นมายกกาน้ำชาบนโต๊ะรินให้เหมียวอี้จนเต็ม


“มีเรื่องอะไรก็ว่ามาเถอะ” เหมียวอี้เหล่ตาถาม


สวีถังหรานวางกาน้ำชาลง แล้วตอบด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ “นายท่าน ของที่นายท่านต้องการ ข้าน้อยช่วยหามาให้นายท่านได้แล้ว” พูดจบก็นำขวดลายครามขาวดำสองใบขนาดเท่ากำปั้นมาวางตรงหน้าเหมียวอี้ ไม่รอให้เหมียวอี้ถาม เขาก็ชี้อธิบายแล้วว่า “ยาเทพเซียนล้ม! เป็นของดีเลย แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือออกฤทธิ์ช้าไปหน่อย ต้องรอสักพักถึงจะปล่อยพิษ แต่ก็สอดคล้องกับความต้องการของนายท่านแน่นอน พอใส่ลงไปในอาหารก็จะไร้รสชาติไร้สี ที่สำคัญคือถ้าคนโดนพิษตายแล้ว ก็จะตรวจสอบไม่พบร่องรอยอะไร ขวดสีดำคือยาพิษ ขวดสีขาวคือยาถอนพิษ ข้าน้อยเอาไปทดลองพิษมาแล้ว ฤทธิ์ของยาพิษและยาถอนพิษไม่มีปัญหาแน่นอน!”


ยาเทพเซียนล้ม? เหมียวอี้เหมือนจะเคยได้ยินชื่อของสิ่งนี้มาก่อน จึงถามอย่างสงสัยว่า “ทำไมยาของเจ้าถึงฟังดูเหมือนยาพิษที่มีเฉพาะที่ปราสาทดำเนินจันทร์ล่ะ?”


สวีถังหรานตอบกลั้วหัวเราะว่า “นายท่านช่างปราดเปรื่อง! เป็นยาพิษที่ปราสาทดำเนินจันทร์หลอมปรุงขอรับ”


“ได้ยินว่าของสิ่งนี้ ปราสาทดำเนินจันทร์ไม่ถ่ายทอดสู่ภายนอก เจ้าเอามาได้ยังไง?” เหมียวอี้แปลกใจ


“ในแดนฝึกตนมีการเข่นฆ่ากันบ่อยๆ เวลาศิษย์ปราสาทดำเนินจันทร์ตายแล้ว ก็ต้องมีของหลุดออกมาข้างนอกบ้าง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เล็ดรอดออกมาเลยสักนิด ถ้าอยากจะได้มาก็ง่ายมาก ข้าน้อยให้คนไปซื้อมาจากตลาดมืด”


“นั่นต้องราคาไม่ต่ำเลยใช่มั้ย?”


“ของราคาแพงมาก แต่ข้าน้อยไม่ต้องจ่ายเงินเลยสักนิด! นายท่านสั่งแล้วว่าอย่าให้ข่าวหลุดไป ข้าน้อยจึงกำจัดคนที่เกี่ยวข้องทิ้งหมดแล้ว ไม่มีใครรู้แน่นอนว่าของนี้เกี่ยวข้องกับข้า” สวีถังหรานทำท่าเอามือปาดคอ


เหมียวอี้พูดไม่ออก แล้วเจ้ายังบอกอีกเหรอว่าตัวเองซื้อมา?


เหมียวอี้เก็บของไว้แล้ว จากนั้นก็เตรียมจะทดลองฤทธิ์ยาว่าเป็นอย่างไร จะเอาแต่ฟังเจ้าหมอนี่พูดปากเปล่าไม่ได้ “มีอีกเรื่องหนึ่งที่จะให้เจ้าไปจัดการ”


“นายท่านกำชับมาได้เลย” สวีถังหรานตั้งใจฟัง


“เพิ่งจะได้ข่าวมาจากจวนแม่ทัพภาคตงหัว กงอวี่เฟยกับหลี่หวนถังกำลังจะมารับตำแหน่งที่นี่ เดี่ยวข้าจะจัดให้พวกเขาสองคนไปอยู่กับเจ้าแล้วกัน”


“เอ๋…” สวีถังหรานได้ยนิแล้วรู้สึกงง เรื่องที่เหมียวอี้โดนสร้างความอับอายตอนนั้น มีคนจงใจปล่อยข่าวลือให้แพร่ออกไป มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าเรื่องความขัดแย้งระหว่างกงอวี่เฟย หลี่หวนถังกับเหมียวอี้ จึงทำสีหน้าแค้นเคืองพร้อมถามทันที “เจ้าสองคนนั้นยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ รนหาที่ตายรึไง?”


เหมียวอี้ตอบว่า “เจ้าพูดไม่ผิดหรอก มารนหาที่ตายจริงๆ ในปีนั้นข้าดูแลกงอวี่เฟยไม่ขาดตกบกพร่อง ขาดแค่ไม่ได้ให้อำนาจแก่นาง ผลประโยชน์ที่ควรได้ข้าก็ให้นางไม่เคยขาด เรื่องที่เกิดขึ้นตอนหลังเจ้าเองก็รู้แล้ว ใจกล้าไม่เบา คิดว่าออกจากใต้บังคับบัญชาข้าไปแล้วข้าจะทำอะไรพวกเขาไม่ได้งั้นเหรอ! เจ้าหาทางจัดการพวกเขาสองคนด้วย ทำให้สะอาดเรียบร้อยหน่อยนะ อย่าทำให้อธิบายกับเบื้องบนไม่ได้ เข้าใจความหมายของข้ามั้ย?”


สวีถังหรานตกใจ ถามอย่างลังเลว่า “พวกเขาสองคนเป็นลูกน้องคนสนิทของปี้เยว่ฮูหยิน ติดตามปี้เยว่ฮูหยินมาหลายปีแล้ว ทำแบบนี้จะเหมาะสมเหรอ?”


เหมียวอี้ที่ยกถ้วยน้ำชาพลางเหล่ตามมอง แล้วตอบเสียงเรียบว่า “ข้าขอคนมาจากเบื้องบน เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?”


บทที่ 1270 ฝากฝังผิดคน

โดย

Ink Stone_Fantasy

“…” สวีถังหรานเบิกตากว้างอ้าปากค้าง ผู้บัญชาการใหญ่บอกเป็นนัยอย่างชัดเจนสุดๆ นั่นก็คือเขาสยบเบื้องบนได้แล้ว


เขาจินตนาการไม่ออกนิดหน่อย ว่าทำไมปี้เยว่ฮูหยินจึงส่งลูกน้องคนสนิททั้งสองมาให้เหมียวอี้ได้ ในใจแอบทึ่งในความสามารถของเหมียวอี้ แบบนี้ก็ได้เหรอ?


เขาเองก็รู้แล้วว่าควรจะทำอย่างไร พยักหน้าซ้ำๆ “นายท่านวางใจได้เลย ข้าน้อยจะทำให้กงอวี่เฟยกับหลี่หวนถังตายแบบให้คำอธิบายกับทั้งเบื้องล่างเบื้องบนได้ ถ้ามีช่องโหว่อะไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับนายท่าน ข้าน้อยจะรับไว้คนเดียว”


เขาเข้าใจดีมากว่าการทำแบบนี้หมายความว่าอะไร ตำหนักสวรรค์อาจจะไม่ได้ยุติธรรมมากนัก แต่กฎระเบียบก็มีให้เห็นกันอยู่ การที่ผู้บังคับบัญชาฆ่าลูกน้องถึงแม้จะเป็นเรื่องง่าย แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องทำตามกฎระเบียบ ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะฆ่าก็ฆ่าได้ ถ้าไม่มีกฎระเบียบคนที่อยู่เบื้องล่างก็จะหวาดกลัวในใจ แบบนี้ตำหนักสวรรค์จะไม่ทำอะไรซี้ซั้วหรอกเหรอ? ถ้าทำเรื่องนี้แล้วอธิบายกับเบื้องบนไม่ได้ ก็จะทำให้เกิดปัญหายุ่งยากมาก…


บัตรเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงที่เขตเมืองตะวันตกถูกส่งไปแล้ว หวงฝู่จวินโหรวก็มาหาถึงที่แล้วเช่นกัน นางย่อมมาเบื่องสะสางทั้งบัญชีเก่าและบัญชีใหม่อยู่แล้ว


หลอกนางว่าจะไม่ไปเข้าร่วมการทดสอบ พอไปเข้าร่วมการทดสอบแล้วก็ปฏิเสธที่จะติดต่อกับนาง หลังจากกลับมาแล้วก็ปฏิเสธที่จะเจอหน้านาง ความสัมพันธ์ในฐานะคนรักลับๆ ที่กำหนดไว้โดนสุนัขกินไปหมดแล้วเหรอ? นางจับเหมียวอี้มาด่ายกหนึ่ง หลังจากด่าเสร็จแล้ว สิ่งใดที่ควรทำก็ยังต้องทำ ทั้งสองนัวเนียกันอีกแล้ว…


หลังจากพายุฝนสงบ ความโกรธของหวงฝู่คนสวยก็หายไปแล้วเช่นกัน ผมงามยุ่งสยาย ร่างเปลือยนอนอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้านไม่ยอมขยับไปไหน


เพี้ยะๆ! เหมียวอี้ตบก้นนางสองที แล้วพูดหยอกว่า “ก่อนหน้านี้โทษว่าข้าไม่ยอมไปเจอเจ้าไม่ใช่เหรอ เอาแบบนี้มั้ย เจ้าก็อยู่ที่ตำหนักคุ้มเมืองเป็นเพื่อนข้าหลายๆ วัน”


พอแกะมือเขาออก หวงฝู่จวินโหรวก็ลุกขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน แล้วใช้มือกอดคอเขาจากข้างหลัง “ฝันไปเถอะ ถ้าอยู่ดีๆ ข้าหายตัวไปหลายวัน พอกลับไปแล้วแม่ข้าสงสัยขึ้นมาจะทำยังไง?” จากนั้นก็พ่นลมหายใจหอมใส่ข้างหูเขาทันที “คืนนี้ไปหาข้าสิ…”


เหมียวอี้ยิ้มพร้อมบอกว่า “ผู้หญิงหื่นกามที่ป้อนไม่อิ่ม ข้าเองก็มีงานต้องทำเหมือนกัน”


“เจ้าว่าใคร? เจ้าต่างหากล่ะที่หื่นกาม!” หวงฝู่จวินโหรวบ่นเขา แต่พอนึกถึงความบ้าระห่ำก่อนหน้านี้ นางก็แอบหน้าแดง แล้วก็กัดที่ติ่งหูของเขาเบาๆ อีก “ท่านแม่สวีของหอกลิ่นสวรรค์ขอให้ข้ามาเป็นแม่สื่อน่ะ”


“เป็นแม่สื่ออะไร?” เหมียวอี้งงไปชั่วขณะ


“อีกฝ่ายถูกใจเจ้าน่ะ” หวงฝู่จวินโหรวยิ้มหยอก


พอนึกถึงท่านแม่สวีที่แต่งหน้าจัดจ้าน เหมียวอี้ก็ตัวสั่นด้วยความกลัวแล้ว “เจ้ากำลังล้อเล่นใช่มั้ย?”


ห่วงฝู่งงไปชั่วขณะ จากนั้นก็หัวเราะคิกคัก หัวเราะจนภูเขาหิมะสองข้างสั่นไม่หยุด หัวเราะจนหมอบที่บ่าเขา แล้วหอบหายใจพูดว่า “เป็นเสวี่ยหลิงหลง ท่านแม่สวีให้ข้ามาเป็นแม่สื่อให้เจ้ากับเสวี่ยหลิงหลง หวังว่าจะให้เสวี่ยหลิงหลงแต่งงานกับเจ้า แต่งงานอย่างเปิดเผยเป็นทางการ แต่งมาเป็นภรรยาเอก เจ้ามีความคิดแห็นยังไง? คงไม่รังเกียจพื้นเพอาชีพของนางหรอกใช่มั้ย?”


เหมียวอี้โล่งอก ผู้หญิงคนนี้ทำให้ตกใจแทบแย่ แต่ถ้าจะบอกว่าไม่หวั่นไหวกับเสวี่ยหลิงหลงเลยก็แปลว่าโกหก ความสามารถทางศิลปะกับความงามของเสวี่ยหลิงหลงก็เห็นๆ กันอยู่ มีผู้ชายปกติที่ไหนจะไม่หวั่นไหวบ้าง แต่ด้วยสถานการณ์ของเขา ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแต่งงานรับเสวี่ยหลิงหลงมาเป็นภรรยาเอก ถ้าแต่งงานรับมาเป็นอนุภรรยาก็ยังพอพิจารณาได้ แต่คาดว่าคงผ่านด่านอวิ๋นจือชิวได้ยาก มิหนำซ้ำในปีนั้นเขาก็เคยห้ามสวีถังหรานไว้ ถ้าตอนนี้ตัวเองมาลงมือเอง ก็อาจจะดูโลภไปหน่อย สวีถังหราน…


พอครุ่นคิดเล็กน้อย เหมียวอี้ก็ส่ายหน้าตอบว่า “ไม่สนใจ”


“ต่อให้เจ้าสนใจก็ไม่ได้ ต่อให้เจ้าตอบตกลง แต่ข้าก็จะปฏิเสธแทนเจ้า เลิกฝันหวานที่จะมีผู้หญิงหลายคนไปได้เลย เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ เดี๋ยวข้าจัดการเอง” นางจิ้มท้ายทอยเขา แล้วก็คล้องคอเขาอีก “พูดธุระสำคัญกันดีกว่า เจ้าไม่เหมาะจะอยู่ที่ตลาดสวรรค์ต่อไปหรอก หาทางเปลี่ยนที่ใหม่เถอะ?”


เหมียวอี้หันกลับมามอง “ทำไม? ทางสมาคมร้านค้ามีแผนการอะไรใช่มั้ย?”


หวงฝู่จวินโหรว : “ตอนนี้ยังไม่มีแผนอะไรหรอก แต่เจ้าเคยคิดบ้างหรือเปล่า ว่าที่ตลาดสวรรค์แต่ละแห่งมีอำนาจหลายฝ่ายปนกันอยู่ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะใจกว้างไม่ถือสาผู้น้อยเหมือนเจ้าหมด เจ้าประนีประนอมได้ แต่อีกฝ่ายอาจจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ ก็ได้ ตอนอยู่แดนอเวจีเจ้าฆ่าลูกหลานผู้มีอำนาจไปมากมายขนาดนั้น ภายนอกอาจจะทำเหมือนปรองดองได้ แต่ไม่แน่นะ อาจจะมีคนแอบหาโอกาสลงมือกับเจ้าอยู่ก็ได้”


ในดวงตาเหมียวอี้ฉายแววดุร้าย จากนั้นก็ยิ้มบางๆ แล้วดึงแขนที่คล้องคอตัวเองอยู่ลงมือ “อ๊า” หวงฝู่จวินโหรวร้องอุทานตกใจ นางพลิกตัวลงมาอยู่ในอ้อมกอดเขา แล้วนอนถลึงตาอยู่บนตักของเขา


เหมียวอี้ช้องคางนางเล็กน้อย พร้อมถามว่า “ออกจากตลาดสวรรค์แล้ว ข้ายังจะไปที่ไหนได้อีก?”


หวงฝู่จวินโหรวแสร้งทำสายตาค่อนขอด ที่จริงก็ดูออกว่านางชอบยอหล้อแบบนี้มาก นางยื่นมือไปดึงหูเขา “ข้าช่วยเจ้าคิดเรื่องทางหนีทีไล่ไว้แล้ว แต่งงานกับข้าสิ! ออกจากตลาดสวรรค์แล้วแต่งงานเข้าตระกูลหวงฝู่ ขุนนางทั้งราชสำนักจะไม่กล้าลงมือกับเจ้าง่ายๆ อีก ต่อไปนี้พวกเราจะได้ไม่ต้องแอบเจอกันแล้ว”


“ฮ่าๆ!” เหมียวอี้กำลังกอดสาวงามเงยหน้าหัวเราะลั่น ราวกับได้ฟังเรื่องที่ตลกมาก


หวงฝู่จวินโหรวตะลึงงัน จ้องเขาอย่างเหม่อลอย นางพบว่าเขาหัวเราะได้อย่างองอาจผึ่งผายขนาดนี้ แต่ใครจะคิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เหมียวอี้สะบัดแขนข้างหนึ่ง เหมือนกับโยนสัตว์เล็กๆ ตัวหนึ่ง โยนนางลงไปไว้ด้านข้างโดยตรง เก็บเสื้อผ้าบนเตียงขึ้นมาใส่แล้ว


หวงฝู่จวินโหรวที่กลิ้งเหมือนลูกแกะอับอายจนโมโหทันที จับหมอนใบหนึ่งทุ่มเข้าไป ใครจะคิดว่าผู้จัดการร้านหวงฝู่ที่ยามปกติสูงส่งสง่างามจะมีสภาพน่าอับอายขนาดนี้ได้


เหมียวโบกมือปัดหมอนออกอี้ ทำได้อย่างคล่องมือสุดๆ เหมือนคุ้นเคยกับวิธีการทุ่มหมอนของอีกฝ่ายแล้ว เขาแต่งตัวไปพลางพูดไปพลางว่า “เรื่องแต่งงานเข้าตระกูลน่ะ เป็นไปไม่ได้หรอก คอยดูไปทีละก้าวแล้วกัน! ครั้งนี้ข้าใช้ความจริงใจเพื่อเปลี่ยนอาวุธสงครามให้เป็นหยกแพรไหมจริงๆ ถึงได้จัดงานเลี้ยงนี้ เป็นเพราะถึงยังไงต่อไปข้าก็ต้องทำมาหากินอยู่ในตลาดสวรรค์ ข้าแสดงท่าทีออกมาแล้ว สมาคมร้านค้าของพวกเจ้าก็ต้องแสดงท่าทีอะไรสักหน่อยสิ? ถ้าเจ้าอยากช่วยข้าจริงๆ ก็ช่วยข้ากู้หน้ากลับมาหน่อย…”


ท่ามกลางแปลงดอกไม้ที่งดงาม สวีถังหรานถือโอกาสยื่นมือเด็ดดอกไม้กิ่งหนึ่งมาไว้ในมือ เอามาต่อจมูกดมดอมเป็นระยะ พลางทำตาขวางมองภาพเหตุการณ์ที่อยู่ข้างๆ


กงอวี่เฟยกับหลี่หวนถังกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเหมียวอี้


เหมียวอี้ไม่พูดอะไร เพียงจ้องสองคนนี้อย่างเย็นเยียบ ในหัวปรากฏภาพเหตุการณ์ตอนอยู่คฤหาสน์ตรงตีนเขาของจวนแม่ทัพภาคตงหัว ในตอนนั้นทั้งสองคนไม่ได้ว่านอนสอนง่ายขนาดนี้


กงอวี่เฟยกับหลี่หวนถังก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน ทั้งสองคนทำความเคารพไปแล้ว แต่กลับไม่ได้รับการตอบกลับจากเหมียวอี้ ทั้งยังไม่กล้าสบตากับเหมียวอี้ตรงๆ โดนเหมียวอี้มองจนอึดอัดไปทั้งตัว มีความกดดันสูงมาก กังวลว่าเหมียวอี้จะทำอะไรซี้ซั้ว


ผ่านไปพักใหญ่ เหมียวอี้ที่เอามือไขว้หลังก็ก้าวช้าๆ ขึ้นมาข้างหน้า มายืนตรงหน้าทั้งสอง แล้วยื่นมือข้างหนึ่งไปลูบใบหน้าของกงอวี่เฟย


กงอวี่เฟยตกใจ เอนคอไปข้างหลังโดยจิตใต้สำนึก ยื่นมือไปบังมือของเหมียวอี้


“หืม?” เหมียวอี้พ่นเสียงทางจมูกแสดงความสงสัย สายตาฉายแววเย็นเยียบ


หลี่หวนถังรีบส่งสายตาให้กงอวี่เฟย เหมือนกำลังบอกว่าอย่าให้ความไม่อดทนเล็กน้อยมาทำลายแผนใหญ่


กงอวี่เฟยเองก็รู้ว่าการถูกเจ้านายรังแกสมารถนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อลงมือกับเหมียวอี้ได้ นางเม้มริมฝีปาก พลางวางมือที่ป้องกันลงช้าๆ


เหมียวอี้ยื่นมือไปบีบคางของนาง ราวกับกำลังตรวจสอบสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง ใช้นิ้วเขี่ยศีรษะข้างซ้ายข้างขวาเพื่อเชยชม


กงอวี่เฟยหน้าแดงก่ำ รู้สึกอับอายเกินทน นางยังไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวกับผู้ชายมาก่อน นางเองก็รู้ว่าตัวเองมีความสามารถจำกัด แต่ความงามก็ยังพอมีอยู่บ้าง นางรู้ต้นทุนเรื่องนี้ของตัวเองชัดเจน กำลังรอขายตอนราคาขึ้นมาตลอด รอให้ผู้ชายที่มีคุณค่าเหมาะสมปรากฎตัวค่อยฝากชีวิตไว้ จะได้ไม่เสียชาติเกิด


เหมียวอี้ที่กำลังใช้มือบีบหน้านางมองซ้ายมองขวากล่าวเสียงเรียบว่า “คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนข้าดีมั้ย?”


สวีถังหรานที่กำลังดมดอกไม้อึ้งไปชั่วขณะ มองมาทางนี้ด้วยแววตาวูบไหว ทำสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง


กงอวี่เฟยกลับตกใจ พลันส่ายหน้าให้พ้นเงื้อมมือมารของเหมียวอี้ รีบถอยไปข้าหลังแล้วกุมหมัดคารวะ “ผู้บัญชาการใหญ่ได้โปรดสำรวมตัวเอง!”


เหมียวอี้ล้มเลิก ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก แต่เอามือไขว้หลังแล้วบอกว่า “พวกเจ้าสองคนใจกล้าไม่เบานะ ยังกล้ามาอยู่กับข้าที่นี่อีก!”


กงอวี่เฟยบอกว่า “ทั้งจวนแม่ทัพภาคตงหัวล้วนเป็นอาณาเขตในสังกัดของท่านแม่ทัพภาค พวกเรารับคำสั่งให้ย้ายมา ถ้าผู้บัญชาการใหญ่ไม่พอใจอะไร พวกเราก็กลับไปได้” นางกำลังบอกใบ้เหมียวอี้ ว่าถ้าเจ้าไม่พอใจคำสั่งของเบื้องบน พวกเรากลับก็ได้


“พวกเจ้าออกจากที่นี่ไปนานเกินไป ไปทำความคุ้นเคยกับสถานการณ์ที่เขตเมืองตะวันตกก่อนเถอะ” เหมียวอี้ทิ้งทั้งสองไว้ แล้วหันตัวเดินจากไป ขณะที่เดินก็บอกว่า “สวีถังหราน ส่งต่อคนให้เจ้าแล้ว”


“ขอรับ!” สวีถังหรานเหน็บดอกไม้ไว้ในมือพร้อมกุมหมัดคารวะ จากนั้นหันตัวไปกล่าวกับทั้งสองด้วยรอยยิ้ม “ทั้งสองไปพักที่จวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตกก่อน เดี๋ยวสวีคนนี้จะตามไปทีหลัง”


ทั้งสองอยากจะออกจากที่นี่ไวๆ อยู่แล้ว กุมหมัดคารวะแล้วออกไปทันที


สวีถังหรานกลับตามเข้าไปในโถงหลัก เดินมากระซิบถามข้างกายเหมียวอี้ “ถ้านายท่านสนใจกงอวี่เฟย ข้าน้อยจะหาทางจัดการให้ขอรับ”


เหมียวอี้เหล่ตามองเขาแวบหนึ่ง กงอวี่เฟยก็พอมีความงามอยู่บ้าง แต่อาศัยความงามของกงอวี่เฟยก็ไม่ได้ทำให้เขาถูกใจเลยจริงๆ อนุภรรยาที่อยู่ในบ้านใคนไหนบ้างที่สวยสู้กงอวี่เฟยไม่ได้ ขนาดหวงฝู่จวินโหรวที่แอบคบกันยังสวยแบบเหวี่ยงกงอวี่เฟยจนทิ้งห่างไปหลายถนน เขาต้องชอบด้วยเหรอ? เมื่อครู่นี้ก็แค่สร้างความอับอายให้กงอวี่เฟยเท่านั้น แต่กลับถูกเจ้าคนขี้ประจบจับตามองแล้ว


“ไม่สนใจ เจ้าไปทำงานของตัวเองให้ดีเถอะ”


“เอ๋…” สวีถังหรานประจบได้ถูกจุดแล้ว แต่ก็ต้องเอ่ยรับซ้ำๆ แล้วถอยออกไป พอออกจากประตูมาก็ยังอึดอัดใจ ผู้บัญชาการใหญ่นี่ยังไงกันแน่ ทำไมไม่เห็นเขาบ้าผู้หญิงเลยล่ะ? อย่าบอกนะว่าคบกับเป่าเหลียนอยู่? แต่ก็ไม่น่าจะใช่นะ อาศัยสายตาของสวีผู้กร้านโลก เป่าเหลียนนั่นน่าจะยังบริสุทธิ์อยู่…


ตำหนักคุ้มเมือง เวลาค่ำที่ประดับประดาโคมไฟมาถึงอีกแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้เชิญผู้จัดการร้านของเขตเมืองจะวันตก สวีถังหรานผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตกตอนรับอยู่ที่ประตูตำหนักคุ้มเมืองด้วยตัวเอง


กงอวี่เฟยกับหลี่หวนถังก็ถูกดึงตัวมาเช่นกัน ไม่กี่วันมานี้ไม่ว่าสวีถังหรานจะมีงานหรือไม่มีงานอะไร ก็จะดึงตัวสองคนนี้ให้วิ่งวุ่นทำงานไปทั่วเสมอ


คนที่มารอบนี้เยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้น้อยเหมือนครั้งก่อน ผู้จัดการร้านเกือบร้อยคนที่ได้รับบัตรเชิญครั้งนี้ไว้หน้ามาก มากันครบแล้ว


อวี้ซวีเจินเหรินก็มาแล้วเช่นกัน


หวงฝู่จวินโหรวก็มาแล้ว เพียงแต่การเข้ามาทางประตูใหญ่ทำให้นางเหม่อลอยนิดหน่อย เพราะนางเคยชินกับการเข้าออกตำหนักคุ้มเมืองผ่านทางใต้ดิน มาที่นี่แบบลักลอบจนเคยชิน จู่ๆ มาแบบสง่าผ่าเผยจึงทำให้อึดอัดนิดหน่อย


ในงานเลี้ยงคืนนั้น แขกและเจ้าบ้านก็อยู่ร่วมกันอย่างสนุกสนานอีกแล้ว ผู้บัญชาการใหญ่ไว้หน้า บรรดาผู้จัดการร้านที่อยู่ตรงนั้นแสดงความเคารพนอบน้อม บรรยากาศไม่เลวเลย


ขณะมองผ่านหน้าต่างของตึกศาลาออกไปเห็นเสวี่ยหลิงหลงที่เต้นระบำอยู่ด้านนอก ขณะมองดูเสวี่ยหลิงหลงทุ่มเททำการแสดงอยู่ตรงหน้าเหมียวอี้ ท่านแม่สวีก็รู้สึกปลงในใจ เรื่องที่นางฝากฝังหวงฝู่จวินโหรวล้มเหลวแล้ว ไม่รู้ว่าควรจะพูดกับเสวี่ยหลิงหลงอย่างไรดี กลัวว่าเด็กคนนั้นจะสะเทือนใจ เพราะนางรู้ว่าเสวี่ยหลิงหลงโดนนางเกลี้ยกล่อมจนเกิดความคิดนี้แล้ว เตรียมใจแต่งงานกับผู้บัญชาการใหญ่หนิวแล้ว


หารู้ไม่ว่าฝากฝังผิดคนแล้ว!


ขณะกำลังเหม่อลอย คนที่นางฝากฝังก็พลันส่งเสียง นางอดไม่ได้ที่จะหันมองตาม เห็นหวงฝู่จวินโหรวกำลังยิ้มอย่างเป็นกันเองพลางลุกขึ้นยืนชูจอกสุรา กล่าวกับทุกคนว่า “ผู้บัญชาการใหญ่ไว้หน้าขนาดนี้ พวกเราอย่าไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว ไม่รู้ไว้หน้าผู้บัญชาการใหญ่บ้างสิ ให้โอกาสพวกเราเลี้ยงคืนสักครั้งดีมั้ย?”


…………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)