ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1268-1289
ตอนที่ 1268 ความทะเยอทะยานของอู่เยวี่ย
เหมยเหมยมองหูโทรศัพท์ที่มีเสียงตู้ด ๆส่งผ่านมาพลันถอนหายใจอย่างห่อเหี่ยวใจ แต่เพียงครู่เดียวก็กลับมาดีอกดีใจอีกครั้ง
อีกแค่อาทิตย์เดียวก็จะได้เห็นหน้าเหยียนหมิงซุ่นแล้ว ทุกครั้งที่ภารกิจเสร็จสิ้น เขาก็จะสามารถหยุดได้นานจนเกือบครึ่งเดือน เพียงพอที่จะลบล้างความทุกข์ทรมานจากความคิดถึงที่เธอมีได้!
พูดถึงเหยียนโฮ่วเต๋อแล้วเจอเหมยเหมยถางถางใส่ ก็คอตกกลับบ้านไป ทั้งยังถูกถานซูฟางดึงตัวมาถามอีก
“เป็นอย่างไรบ้าง? ถามแล้วได้ความไหม? คุณชายหมิงนั่นใช่เหยียนหมิงซุ่นไหม?”
เหยียนโฮ่วเต๋อส่ายหน้าตอบ ทั้งยังตะคอกเสียงดังด้วยความโกรธ “นางเด็กบ้าจ้าวเหมยนั่นไม่ยอมปริปากพูดเลย พูดเพียงแต่ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ทำให้ฉันต้องถูกแม่ดุไปด้วยอีกต่างหาก”
“คุณนี่แม้แต่เด็กก็รับมือไม่ได้? คุณคิดว่าตัวคุณจะไปทำอะไรได้อีก?”
ถานซูฟางฟาดลงบ่าของเขาอย่างผิดหวัง ช่างเป็นของไร้ค่าเสียจริง เรื่องแค่นี้ก็ยังเค้นถามไม่ได้
หลายปีมานี้เหยียนโฮ่วเต๋อการงานไม่ค่อยราบรื่นนัก เพื่อนร่วมงานของเขาบัดนี้ต่างก็ได้เลื่อนขั้นไปสูงกว่าเขาแล้ว มีเพียงเขาที่ยังคงย่ำอยู่กับที่ เป็นรองหัวหน้าจวนจะสิบปีแล้ว ไม่ต้องเลยว่าในใจของเหยียนโฮ่วเต๋อนั้นจะอึดอัดมากถึงเพียงไหน!
เขาเคยไปหาจ้าวอิงหัวอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยเจอเลยสักครั้ง ทุกครั้งต้องเป็นเลขาโจวที่ออกมาต้อนรับอยู่เรื่อย คำพูดน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาช่างงดงาม แต่กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด
ดังนั้นเมื่อเหยียนโฮ่วเต๋อที่หมดหวังได้รู้ข่าวของลูกชายที่เป็นดั่งความหวัง จึงไม่แปลกที่จะตื่นตาตื่นใจ อีกทั้งยังตื่นเต้นเรื่องเหยียนหมิงซุ่นอีกด้วย!
ยังดีที่สวรรค์ไม่ทอดทิ้งเขาไป!
ถานซูฟางเองก็ดีใจไม่ต่างกัน หน้าที่การงานของเธอเองก็ไม่ก้าวหน้า แบกตำแหน่งรองหัวหน้าอาจารย์แพทย์กุมารเวชมาสิบกว่าปี ทุกครั้งที่มีการประเมิน หากว่าตรงนั้นไม่เกิดปัญหาตรงนี้ก็มีปัญหาและเป็นแบบนี้ทุกปีอยู่ร่ำไป
ทั้งสองสามีภรรยาต่างก็คิดว่าหลายปีมานี้พวกเขาดวงไม่ดี พวกเขาทั้งคู่เลยต้องแบกรับความโชคร้ายนี้ไว้
ตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นแกร่งขึ้น พวกเขาจึงคิดว่าโชคลาภกำลังมาถึง ดีใจเสียยิ่งกว่าใคร เฝ้ารอคอยให้เหยียนหมิงซุ่นพาพวกเขาขึ้นไปบนปุยเมฆ
“ไม่ได้การล่ะ คุณเหยียน คุณต้องทำให้ความสัมพันธ์ของคุณและเหยียนหมิงซุ่นกลับมาดีอีกครั้ง ฉันว่าเรื่องนี้เป็นความจริงเกินครึ่งแน่นอน คุณลองคิดดูนะ หากว่าหมิงซุ่นเป็นเพียงแค่ทหารชั้นผู้น้อย ท่านผู้ว่าจะยินยอมให้ลูกตนคบหากับเหยียนหมิงซุ่นเหรอ?” ถานซูฟางเอ่ยอย่างแน่วแน่
เหยียนโฮ่วเต๋อตกตะลึงไปชั่วครู่ แล้วตบขาตัวเองอย่างฮึกเหิม
นั่นสิ ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้ล่ะ!
ตระกูลสูงส่งมักจะให้ความสำคัญต่อชาติตระกูล จ้าวอิงหัวจะต้องรู้ถึงฐานะที่แท้จริงของเหยียนหมิงซุ่นแล้วเพราะงั้นถึงได้ยินยอมให้ลูกสาวตนคบหากับลูกชาย ทำไมเขาถึงดูไม่ออกตั้งแต่แรกนะ!
หากว่าดูออกไปเมื่อสองปีก่อน ไม่แน่ว่าตอนที่หัวหน้าเกษียณอายุ คนที่จะขึ้นแทนก็อาจจะเป็นเขา!
“แล้วตอนนี้ต้องทำอย่างไรต่อ?” เหยียนโฮ่วเต๋อถามภรรยา เขาคิดว่าเรื่องพวกนี้ภรรยาน่าจะถนัดกว่าเขา
ถานซูฟางเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนเอ่ย “ไม่ต้องรีบหรอก เพราะถึงอย่างไรคุณก็คือพ่อแท้ๆ ของเหยียนหมิงซุ่น เขาไม่มีทางไม่ยอมรับคุณหรอก? ยิ่งคนที่มีฐานะสูงส่งก็ยิ่งให้ความสนใจต่อชื่อเสียง หากว่าเขาไม่ทำดีต่อคุณ คุณก็แค่ออกไปแฉว่าเขาเป็นคนอกตัญญู แล้วมาดูสิว่าเขาจะห่วงหน้าตาศักดิ์ศรีตัวเองไหม!”
เหยียนโฮ่วเต๋อลังเลไปพักหนึ่ง ภายในใจเกิดการปะทะอย่างสับสน สุดท้ายความปรารถนาในการเลื่อนตำแหน่งก็ชนะไป
“เอาตามนี้แหละ รอให้เหยียนหมิงซุ่นกลับมา ฉันจะให้เขาขับไสไล่ส่งหัวหน้าตอนนี้ไปเสีย อายุน้อยกว่าฉันตั้งสิบแปดปีมีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่งฉัน!” เหยียนโฮ่วเต๋อสบถด่าออกมา
ถานซูฟางรีบเอ่ย “ยังมีตำแหน่งหัวหน้าอาจารย์แพทย์ของฉันด้วยนะ คุณอย่าลืมพูดล่ะ”
…
ทางฝั่งอู่เยวี่ยและหานป๋อหย่วนนั้นก็เร้าร้อนไม่แพ้กัน เธอบอกให้หานป๋อหย่วนพูดกับอู่เจิ่งซือเรื่องบทตัวละคร เพื่อช่วยอู่เยวี่ยหาเงินให้ได้มาก ๆ แน่นอนว่าหานป๋อหย่วนเองก็เต็มใจที่จะช่วยพูดเกลี้ยกล่อมให้ แต่ผลงานฟอร์มยักษ์เช่นนี้ นางเอก นางรอง หรือนางรองคนที่สามต่างก็ถูกกำหนดไว้นานแล้ว อู่เจิ้งซือจะเอาสิทธิ์นั้นมาจากไหนเล่าจึงทำได้แค่ไปหาเหมยซูหาน
พูดง่ายๆ ก็คือเขาเองก็อยากให้อู่เยวี่ยมีชื่อเสียง ถึงอย่างไรเสียก็เป็นลูกสาวแท้ ๆ ในเมื่อเอาดีด้านการเรียนไม่ได้ งั้นก็ไหลไปตามแม่น้ำอีกสายแล้วกัน!
ถ้าหากว่ามีชื่อเสียงขึ้นมาก็นับว่าเป็นหน้าเป็นตาให้เขาเช่นกัน!
……………………………………………………..
ตอนที่ 1269 อยากถ่ายละคร
เหมยซูหานเตรียมที่จะไปพบอู่เยวี่ยเพื่อพูดคุยเรื่องการแต่งงานจอมปลอม แต่อู่เจิ้งซือดันมาหาเขาเสียก่อน หลายวันมานี้เขาหาเวลาเข้าบริษัทเพื่อตรวจสอบบัญชีและสถานการณ์ของกิจการ
“เยวี่ยเยวี่ยอยากถ่ายละคร? นี่เป็นความคิดของตัวเธอเองเหรอครับ?” เหมยซูหานเอ่ยถามปะปนสงสัย
อู่เยวี่ยในความฝันดูถูกอาชีพนักแสดงเป็นที่สุด ทั้งยังบอกอีกว่านักแสดงเป็นเพียงหมาก นักแสดงหญิงล้วนแล้วแต่เป็นพวกโสเภณี เธอมักจะดูแคลนเอามาก แล้วทำไมตอนนี้ถึงอยากเข้าวงการได้เล่า?
อู่เจิ้งซือพยักหน้า “ใช่แล้วล่ะ อู่เยวี่ยอยากแสดงเป็นอี้เฟยเรื่องตำนานราชวงศ์ เพียงแต่บทบาทของอี้เฟยนั้นถูกกำหนดนักแสดงไปแล้ว”
“ผมรู้ครับ นักแสดงที่รับบทอี้เฟยผมเป็นคนคัดเลือกเอง ครูอู่ครับละครเรื่องนี้ผมให้ความสำคัญมาก และผมก็หวังที่จะเข้าชิงรางวัลด้วย ดังนั้น…นักแสดงทุกคนจะต้องจบปริญญาภาคแสดงมา และที่สำคัญต้องมีฝีมือในการแสดง”
เหมยซูหานเน้นที่คำว่าปริญญาอย่างหนัก ละครเรื่องนี้ถือเป็นอีกเรื่องที่เขาขบคิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์มาดัดแปลงเอง ในฝันเขาจดจำได้เป็นอย่างดี ละครเรื่องนี้ฉายและโด่งดังไปทั่วประเทศ รวมทั้งได้รับรางวัลมากมายจนนับไม่ถ้วน
หากว่าบริษัทของเขาถ่ายทำละครเรื่องนี้ผลกำไรที่ได้มานั้นคงไม่ต้องพูดถึง ส่วนเรื่องได้รับรางวัลยิ่งไม่ต้องพูด เพราะนักแสดงที่เขาคัดสรรค์มานั้นไม่ต่างไปจากในฝันเลย ผู้กำกับก็ด้วย เพียงแต่ไม่ใช่โปรดิวเซอร์คนเดียวกัน
เขามั่นใจเลยว่าละครเรื่องนี้จะมีผลทำให้บริษัทของเขาก้าวหน้าไปอีกขั้น
อู่เจิ้งซือมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเข้าใจในความหมายที่เหมยซูหานสื่อนั่นก็คือรังเกียจที่อู่เยวี่ยไม่มีใบจบ
อู่เจิ้งซือรู้สึกไม่ดีนัก อย่ามองแค่ว่าเขาเป็นผู้จัดการบริษัท ฟังดูก็แค่ดูดีหน่อย แต่หากเรื่องราวสำคัญอะไรล้วนต้องฟังคำสั่งจากเหมยซูหาน เขาไม่มีอำนาจแม้แต่น้อย
ตัวอย่างเช่น การเลือกนักแสดงของละครเรื่องนี้ เขายื่นมือเข้าไปยุ่มย่ามไม่ได้แม้แต่น้อย ตอนนี้ลูกสาวของเขาอยากแสดงเป็นหญิงกำนันยังทำไม่ได้เลย ตำแหน่งหัวหน้าผู้จัดการของเขาจะมีความหมายอะไร?
อู่เจิ้งซือตีหน้านิ่งขรึมไม่พอใจต่อเหมยซูหานเอามาก แต่เขาเป็นเก็บอารมณ์ ไม่แม้แต่จะแสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้าเลยสักนิด
เหมยซูหานจึงรู้สึกแปลกใจพลันเอ่ยถาม “แล้วทำไมครูถึงไม่เกลี้ยกล่อมเยวี่ยเยวี่ยล่ะครับ? เธอไม่ได้จบปริญญา แล้วก็ไม่มีความสามารถด้านการแสดงด้วย ในวงการบันเทิงไม่ได้อยู่ง่ายขนาดนั้นนะครับ!”
อู่เยวี่ยในชีวิตจริงแต่งหน้าแต่งตัวได้สวยดูดี แต่ในวงการบันเทิงหญิงงามราวปุยเมฆนั้น จากรูปลักษณ์หน้าตาของเธอเกรงว่าจะไม่เป็นที่สะดุดตาของผู้ชมเลย
อีกทั้งเธอไม่มีความสามารถที่โดดเด่นเลย ทั้งยังเป็นกลุ่มผู้พิการอีกด้วย และที่สำคัญไปกว่านั้น…
เรื่องที่เกิดขึ้นในคลับวันนั้นหากถูกเปิดเผยออกไป จะต้องมีผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัทแน่ เขาไม่กล้าที่รับนักแสดงเช่นนี้ไว้หรอก
อู่เจิ้งซือฟังความหมายในคำพูดของเหมยซูหานออก ในใจยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิม ในช่วงเวลาแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นวงการไหน แค่มีคนคอยให้ความช่วยเหลือ ต่อให้เป็นเพียงขอทานข้างถนนก็สามารถเป็นนักแสดงที่โด่งดังได้
อีกอย่างอู่เยวี่ยมีส่วนไหนที่บกพร่องหรือ รูปลักษณ์หน้าตาเพียบพร้อม ฉลาดหลักแหลม หากว่าบริษัทให้การช่วยเหลือมีหรือที่จะไม่โด่งดัง?
“เหอะๆ ฉันก็คิดเหมือนซูหานนั่นแหละ เพียงแต่เจ้าอู่เยวี่ยอยากแสดงละครขึ้นมากะทันหัน อีกทั้งคู่หมั้นของเธอก็พร้อมที่จะสนับสนุน ลูกสาวโตขึ้นมากแล้วก็มีความคิดเป็นของตัวเอง!”
อู่เจิ้งซือกลั้วหัวเราะออกมา โดยไม่แม้แต่จะสนใจต่อหน้าที่ของตนเอง
เหมยซูหานเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ “คู่หมั้น? เยวี่ยเยวี่ยหมั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? กับใคร?”
“เหมยซูหานคงจะเคยได้ยินชื่อตระกูลหานที่เมืองหลวงใช่ไหม? เยวี่ยเยวี่ยหมั้นหมายกับหานป๋อหย่วน หลานชายตระกูลหาน ฉันและเจ้าเด็กป๋อหย่วนนั่นเคยกินข้าวด้วยกันไม่กี่มื้อ แม้ว่าร่างกายจะดูอ่อนแอไปบ้าง แต่ก็นับว่านิสัยใจคอและการเรียนก็ดีใช้ได้เลย ไม่มีมาดผู้ดีสูงส่งที่ทำตัววางท่าเลยแม้แต่น้อย เป็นชายหนุ่มที่ถือว่าไม่เลวเลย!”
อู่เจิ้งซือแสดงสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องอย่างได้ใจ เขาพอใจต่อหานป๋อหย่วนอยู่มาก แต่กลับไม่เห็นสีหน้าประหลาดใจของเหมยซูหาน
ตอนที่ 1270 กำไลหยก
เหมยซูหานมั่นใจแล้วว่าหานป๋อหย่วนที่อู่เจิ้งซือเอ่ยถึงคือคนที่เขารู้จัก จึงอดกลั้นขำไม่ได้
หานป๋อหย่วนนั่นคงถูกใจทรัพย์สินเงินทองของอู่เจิ้งซือสินะ เขายังได้ยินมาว่าตอนนี้ตระกูลหานแทบจะไม่ต้อนรับหลานชายคนนี้ เจียดเงินอันน้อยนิดให้ค่าครองชีพในทุก ๆเดือน หากว่าหานป๋อหย่วนไม่คิดหาวิธีเอาตัวรอด คงใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบาก
เขาไม่ได้บอกกับอู่เจิ้งซือถึงตัวตนที่แท้จริงของหานป๋อหย่วน หลายปีหลังมานี้เหมยซูหานไม่ได้ให้ความเคารพต่ออู่เจิ้งซือเหมือนกับแต่ก่อนแล้ว ถึงอย่างไรตัวเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นบอสใหญ่นี่นา
อีกอย่างเขาค้นพบข้อเสียในตัวของอู่เจิ้งซืออยู่ไม่น้อย เสแสร้งแกล้งทำ เห็นแก่ตัว ดีแต่เอาหน้า คิดว่าตัวเองถูกเสมอ…
แม้ว่าอู่เจิ้งซือจะเป็นผู้จัดการใหญ่ แต่การตัดสินใจในแต่ละเรื่องเขาเป็นคนจัดการเองทั้งหมด อู่เจิ้งซือไม่ได้มีความสามารถนั้นเลย แต่เขากลับชอบคิดว่าตัวเองมีความสามารถมากพอ
ในท้ายที่สุดเหมยซูหานไม่ได้ยินยอมให้อู่เยวี่ยร่วมเล่นละครด้วย ขนาดละครประจำเมืองอีกเรื่องเหมยซูหานก็ไม่อนุญาต อู่เจิ้งซือเกิดรู้สึกไม่พอใจและจากไปอย่างไม่สบอารมณ์
เหมยซูหานส่ายหน้า เตรียมไว้ว่าหากตรวจสอบตารางบัญชีเสร็จจะออกไปคุยกับอู่เยวี่ย บอกถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของหานป๋อหย่วนให้เธอฟัง
เขาคิดว่าอู่เยวี่ยแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อยังจะเข้าท่าเสียกว่า
เพียงแค่ห้าปีเท่านั้น ห้าปีหลังจากนั้นอู่เยวี่ยอายุยี่สิบห้าปี ก็ถือว่าอายุยังน้อยอยู่ เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะให้เงินก้อนใหญ่กับอู่เยวี่ยสักก้อนและส่งอู่เยวี่ยไปเรียนเมืองนอก แบบนั้นเธอดูจะมีอนาคตกว่าการที่ต้องแต่งงานกับหานป๋อหย่วนเสียอีก
หากว่าแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อแล้ว อู่เยวี่ยไม่มีทางเข้าไปอยู่ในวงวงการบันเทิงได้อีก หนิงเฉินเซวียนให้ความสนใจต่อภาพลักษณ์มาก หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรเขาก็ไม่มีทางยินยอมให้เฮ่อเหลียนเช่อแต่งงานกับผู้หญิงในวงการบันเทิง
เหมยซูหานดูตารางบัญชีเสร็จสรรพอย่างรวดเร็ว จึงได้ต่อสายหาอู่เยวี่ย ไม่นานอู่เยวี่ยก็รับสายเขา
“เยวี่ยเยวี่ยอยู่ที่ไหน? พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” เหมยซูหานเอ่ยออกไปตามตรง
“ฉันมาเดินเล่นกับพี่ป๋อหย่วนที่ถนนหนานจิงค่ะ พี่ยังไม่รู้จักพี่ป๋อหย่วนสินะ เขาเป็นคู่หมั้นของฉัน เป็นคนตระกูลหานจากเมืองหลวง รอให้อายุของฉันพร้อมแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นพี่ซูหานต้องมาดื่มร่วมแสดงความยินดีกับเรานะคะ!”
อู่เยวี่ยเอ่ยอย่างปลื้มปีติ โอ้อวดตัวเองต่อเหมยซูหานอย่างชอบใจ
ใครใช้ให้พี่ตามผู้ชายไปแล้วไม่เลือกฉันล่ะ!
ไม่มีเหมยซูหาน คนอย่างอู่เยวี่ยก็สามารถหาผู้ชายที่ดีได้เหมือนกัน แกร่งกว่าเหมยซูหานตั้งหลายสิบเท่า!
“ตอนเที่ยงพี่เลี้ยงข้าวเอง ภัตตาคารเต๋อเยวี่ยจิ่วที่ถนนหนานจิงนั่นแหละ อีกสักพักพี่เข้าไป พวกเธอล่วงหน้าไปกันก่อนเลย” เหมยซูหานวางสายอย่างรวดเร็ว มุมปากเผยรอยยิ้มเหยียดหยาม
ช่างประจวบเหมาะกับที่ตอนนี้เขามีภาพถ่ายที่เผยให้เห็นถึงความรักสนุกของหานป๋อหยวนอยู่ในมือ อีกสักพักเอาออกมาเชยชมด้วยกันดีไหมนะ?
ตามติดเฮ่อเหลียนเช่อมาสามปี เหมยซูหานไม่ได้เป็นเด็กชายขี้ใจอ่อนมานานแล้ว สำหรับคนที่คิดจะทำลายแผนการของเขาแล้วนั้น เขาไม่มีทางเห็นใจเด็ดขาด
อู่เยวี่ยและหานป๋อหย่วนล่วงหน้าไปยังภัตาคารเต๋อเยวี่ยจิ่วแล้ว หานป๋อหย่วนอดไม่ได้ที่จะถามว่าเหมยซูหานคือใคร อู่เยวี่ยไม่ได้อธิบายอะไรมาก บอกแค่ว่าเป็นนักเรียนของพ่อเธอ บอสใหญ่ของบริษัทหัวหยู หานป๋อหย่วนที่ได้ฟังว่าเป็นแค่นักธุรกิจจึงรู้สึกวางใจ
“กำไลหยกวงนี้สวยมาก ขอบคุณนะคะพี่ป๋อหย่วน”
อู่เยวี่ยเอาแต่ชื่นชมกำไลหยกมรกตที่วาววับไม่หยุด รับรู้ได้ถึงความเย็นของกำไล จึงทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นมาก
หานป๋อหย่วนกลับรู้สึกเสียดายเล็กน้อย กำไลหยกวงนี้แม่เขาแอบมอบให้เขา เป็นของมีค่าที่สุดในตัวเขาแล้ว ในตอนนี้ต้องทำให้อู่เยวี่ยตายใจไปก่อน เขาจึงจำยอมสละกำไรหยกนี้ให้หล่อนไป
เหมยซูหานมาถึงในเวลาอันรวดเร็ว เขามองเห็นหานป๋อหย่วนที่ซูบผอมราวกับลิง สายตาฉายแววไม่พอใจ พร้อมกับมองอู่เยวี่ยอย่างดูแคลน
“เยวี่ยเยวี่ยสั่งอาหารสิ เลือกอาหารที่เธอชอบล่ะ”
เหมยซูหานส่งเมนูอาหารให้กับอู่เยวี่ย อู่เยวี่ยจึงยื่นมือรับไว้ ชายแขนเสื้อถูกรั้งขึ้นเผยให้เห็นสร้อยข้อมือสีขาวสะอาด รวมทั้งกำไลหยกสีเขียวมรกตเด่นหราขึ้นมา
เหมยซูหานสายตาดุดัน จังหวะการเต้นของหัวใจรุนแรงขึ้น เพ่งมองไปที่มือของอู่เยวี่ยไม่วางตา
……………………………………………..
ตอนที่ 1271 ฆาตกรคือเธอ
กำไลหยกเขียวมรกต มือที่ขาวเนียนละเอียด…
ภาพนี้ช่างคุ้นตาเหลือเกินเหมือนเขาเคยเห็นมันในฝันมาก่อน มือคู่นี้เองที่ผลักเหมยเหมยร่วงตกจากตึกชั้นสามสิบสาม
แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าของมือคู่นี้จะเป็นอู่เยวี่ย ทำไมถึงเป็นเธอได้?
เหมยซูหานสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ เขาอยากเห็นมันให้ชัดกว่านี้ แต่เวลานี้อู่เยวี่ยชักมือกลับไปแล้ว และเริ่มสั่งอาหารกับหานป๋อหย่วน
“เยวี่ยเยวี่ยเพิ่งซื้อกำไลมาใหม่เหรอ? ดูท่าทางสวยใช้ได้เลยนะ” เหมยซูหานแสร้งทำเป็นเปรยถาม
อู่เยวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็ได้ใจพลางยื่นแขนมาตรงหน้าเหมยซูหานแล้วยิ้มกล่าว “พี่ป๋อหย่วนเป็นคนให้ฉันเอง ฉันอยากซื้อกำไลแบบนี้สักคู่อยู่พอดีเลย วันนี้ป๋อหย่วนก็ชิงมอบให้ฉันก่อนเสียแล้ว”
“งั้นเหรอ? เยวี่ยเยวี่ยชอบกำไลหยกมากเลยเหรอ?”
เหมยซูหานถามด้วยเสียงเรียบนิ่งด้วยหัวใจเสียววาบ ตรงบริเวณด้านในข้อมือของมือคู่นี้ในฝันนั้นมีไฝสีน้ำตาลจางๆ อยู่หนึ่งจุด มือของอู่เยวี่ยเองก็มีในบริเวณเดียวกันไม่มีผิด
จึงมั่นใจได้ว่า–
มือคู่นั้นเป็นของอู่เยวี่ย
อู่เยวี่ยเป็นคนผลักเหมยเหมยตกตึก!
มิน่าเหมยเหมยถึงได้เกลียดอู่เยวี่ยนัก!
เมื่อก่อนเขาเคยตำหนิเหมยเหมยมาก่อน ทำไมเขาถึงได้เลอะเลือนนัก สมแล้วที่เหมยเหมยไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขา!
อู่เยวี่ยไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเหมยซูหานยังพูดด้วยน้ำเสียงดีใจว่า “ใช่ ฉันชอบกำไลหยกที่สุดเลย โดยเฉพาะสีเขียวมรกต มันขับผิวให้แขนของฉันดูขาว”
ว่าแล้วเธอก็ส่ายข้อมือไปมาอย่างชอบใจ
เหมยซูหานพลันนึกขึ้นได้ว่าที่จริงในฝันอู่เยวี่ยมีกำไลหยกมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสีเขียวมรกต แต่เขากลับไม่เคยโยงเธอไปถึงฆาตกรเลย
ตอนนั้นเหมยเหมยเรียกเธอว่าพี่สาวด้วยซ้ำ!
เหมยซูหานรู้สึกว่าเขาไม่เคยมองอู่เยวี่ยออกเลย จู่ ๆก็กลายเป็นคนแปลกหน้า แปลกจนน่ากลัว
“พี่ซูหานเป็นอะไรไป? ไม่สบายเหรอ?” อู่เยวี่ยเลื่อนหน้ามาใกล้แล้วถาม
เหมยซูหานได้สติกลับมาพลางยิ้มกลบเกลื่อน “เปล่า แค่คิดอะไรบางอย่าง” เขาหันมองไปทางหานป๋อหย่วนก่อนจงใจถามว่า “คุณหานใช่คนตระกูลหานที่ผูกญาติกับตระกูลจ้าวที่เมืองหลวงหรือเปล่า?”
“ใช่ครับ อาเขยผมทำความผิดไปอาของผมเลยแยกทางกับเขา” หานป๋อหย่วนตอบอย่างระมัดระวังและประหม่า เหมยซูหานคนนี้ดูท่าทางไม่ใช่นักธุรกิจธรรมดา!
เหมยซูหานหัวเราะเย้ยหยัน เดิมทียังคิดจะไว้หน้าสักหน่อยแต่ตอนนี้เขากลับไม่อยากทำอย่างนั้นแล้ว
อู่เยวี่ยเป็นคนทำร้ายชีวิตเหมยเหมยกับลูกของเขา แล้วเขาจะสนใจความรู้สึกเธออีกทำไมกัน?
แผนแต่งงานกำมะลอยังคงดำเนินต่อไปโดยเก็บอู่เยวี่ยไว้ข้างกายเพราะเขาต้องตามสืบเรื่องในฝันอย่างช้า ๆ หากอู่เยวี่ยทำร้ายเหมยเหมยอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุจริง เขาจะลงโทษผู้หญิงคนนี้คืนเป็นเท่าตัว
“ทำไมฉันได้ยินมาว่าตระกูลจ้าวทอดทิ้งอาของนายไปล่ะ? แล้วก็นาย ดูเหมือนว่าจะโดนตระกูลหานขับไล่ออกมาแล้วล่ะมั้ง!” เหมยซูหานยิ้มอ่อนโยนแต่ถ้อยคำที่ออกจากปากกลับไม่อ่อนโยนเลยสักนิดเดียว
หานป๋อหย่วนหน้าถอดสี รีบปฏิเสธอย่างร้อนรน “ไม่ใช่อยู่แล้ว คุณอย่าไปฟังข่าวลือ ไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอก”
“งั้นเหรอ? แล้วรูปถ่ายพวกนี้มันเรื่องอะไรกัน?”
เหมยซูหานล้วงภาพถ่ายปึกหนึ่งจากกระเป๋ากางเกงมาวางไว้ตรงหน้าอู่เยวี่ย อู่เยวี่ยรีบหยิบขึ้นมาดู พอเห็นเพียงไม่กี่ใบก็เกิดอาการสะอิดสะเอียนจนแทบอาเจียนออกมาพร้อมใบหน้าที่ซีดขาว
หานป๋อหย่วนในรูปกำลังโดนสุนัขพันธุ์บลูด็อกสองตัวรุมขย้ำจนเลือดนองอาบไปทั้งตัว
แค่นึกว่าตัวเองใช้ผู้ชายคนเดียวกันกับหมาตัวสองนี่อู่เยวี่ยก็ยิ่งรังเกียจเจียนจะอาเจียนออกมา เธอหันไปจ้องหานป๋อหย่วนที่กำลังเหงื่อไหลซกด้วยความโกรธก่อนซักถาม “ทำไมนายไม่บอกฉัน?”
เหมยซูหานฟังน้ำเสียงของอู่เยวี่ยที่เหมือนไม่อยากตัดความสัมพันธ์ พอขบคิดนิดหน่อยถึงได้เข้าใจความคิดของอู่เยวี่ยในทันที
สงสัยยังอยากแต่งเข้าบ้านเป็นคุณนายแห่งตระกูลหานสินะ!
เมื่อก่อนทำไมเขาถึงไม่เคยมองออกเลยว่าอู่เยวี่ยจะเป็นเด็กผู้หญิงที่หลงใหลในอำนาจเงินทองขนาดนี้
ก้าวผิดหนึ่งก้าวก็ต้องก้าวผิดอย่างนั้นต่อไปเรื่อย ๆ อดีตเหมยซูหานรู้สึกว่าอู่เยวี่ยเป็นคนดี ฉะนั้นไม่ว่าอู่เยวี่ยจะพูดอะไรทำอย่างไรล้วนดีทุกอย่าง ตอนนี้เขาเปลี่ยนมุมมองต่ออู่เยวี่ยใหม่แล้ว ไม่ว่าอู่เยวี่ยจะพูดอะไรทำอะไรก็ไม่มีทางดีอีกต่อไป
ตอนที่ 1272 แกล้งแต่งงาน
แม้อู่เยวี่ยจะขยะแขยงหานป๋อหย่วนแต่เธอไม่เคยถูกใจในตัวหานป๋อหย่วนมาโดยตลอดอยู่แล้ว แต่เพราะสถานะของเขาในฐานะหลานชายแห่งตระกูลหานต่างหาก ทำให้เธอไม่อยากถือสาอะไรมาก อย่างไรเสียหานป๋อหย่วนก็ใช้งานไม่ได้แล้ว ของสิ่งนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต่อเธออีกต่อไป
อย่างมากรอหลังแต่งงานเธอค่อยแอบไปหาชู้ข้างนอกก็ได้!
ทว่าตอนนี้เหมยซูหานไม่ได้มีความรู้สึกดีต่ออู่เยวี่ยแต่อย่างใด แค่อยากเก็บเธอไว้สืบหาความจริง ย่อมไม่มีทางให้อู่เยวี่ยแต่งงานกับหานป๋อหย่วนแน่นอน
“เยวี่ยเยวี่ยคิดจะแต่งงานกับเขา? เธออยากมีชีวิตที่ยากลำบากเหรอ? หานป๋อหย่วนโดนตระกูลหานทอดทิ้งไปแล้วต่อจากนี้ไม่มีวันกลับเมืองหลวงได้อีก” เหมยซูหานเอ่ยเสียงเรียบ เห็นหานป๋อหย่วนนั่งหน้าซีดก็รู้สึกสะใจเหลือเกิน
อู่เยวี่ยเองก็หน้าถอดสี เธอหันควับไปทางหานป๋อหย่วน ไม่จำเป็นต้องถามอะไรก็รู้ว่าเหมยซูหานพูดไม่มีผิด
มิน่าช่วงนี้มักใช้เงินของเธอ หานป๋อหย่วนบอกว่าตระกูลต้องการทดสอบให้เขาลิ้มรสชาติความยากลำบากเลยลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน นี่เธอยังเชื่อเขาไปได้
“เยวี่ยเยวี่ย เธอฟังฉันพูดนะ ที่เขาพูดไม่ใช่ความจริง…”
หานป๋อหย่วนรีบแก้ตัว อู่เยวี่ยเป็นเชือกฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายของเขา เขาจะทำมันหลุดมือไปไม่ได้เด็ดขาด
เหมยซูหานเริ่มพูดต่ออย่างช้า ๆ “ต่อให้ฉันพูดโกหกว่านายหานป๋อหย่วนไม่ได้ถูกทอดทิ้ง ตระกูลหานของพวกนายก็เป็นแค่ตระกูลตกอับในเมืองหลวง ใช่ตระกูลใหญ่มีฐานะอะไรเสียที่ไหนล่ะ!”
อู่เยวี่ยใจหล่นวูบ บางสิ่งบางอย่างที่เคยถูกเธอมองข้ามในอดีตกลับลอยเหนือขึ้นมาบนผิวน้ำให้เห็นความจริง
มิน่าโอหยางซานซานถึงไม่ค่อยสนใจหานป๋อหย่วน ตอนนั้นเธอนึกว่าโอหยางซานซานแค่ติดนิสัยคุณหนูส่วนหานป๋อหย่วนชอบโอหยางซานซานเลยเป็นฝ่ายถอยให้ผู้หญิงคนนั้น
แต่พอมานึกดูเอาตอนนี้เพราะโอหยางซานซานไม่เห็นหานป๋อหย่วนในสายตาต่างหาก!
ทำไมเธอถึงโง่ขนาดนี้ หากหานป๋อหย่วนเป็นเขยเศรษฐี คนอย่างโอหยางซานซานจะแนะนำให้เธอได้หรือ?
คงเก็บไว้ให้ตัวเองนานแล้ว!
“ไสหัวไปนะ…ไอ้คนไร้ประโยชน์ รีบไสหัวไป…”
อู่เยวี่ยเกรี้ยวโกรธอย่างมาก ทั้งโกรธที่โอหยางซานซานดูถูกเธอและโกรธที่เธอโดนหานป๋อหย่วนเอารัดเอาเปรียบ ยิ่งโกรธที่เธอต้องมาพลาดท่าต่อหน้าเหมยซูหาน
เดิมคิดว่าล่อลูกเขยเศรษฐีติดกับได้ก็จะเฉิดฉายต่อหน้าเหมยซูหานสักหน กลับไม่คิดว่าจะเป็นตระกูลตกอับ!
ไม่รู้ว่าเหมยซูหานจะหัวเราะเยาะเธออย่างไร!
หานป๋อหย่วนยังคิดจะพูดเอาใจต่อแต่อู่เยวี่ยที่กำลังเดือดอยู่หนำซ้ำยังรังเกียจเขาถึงขีดสุด ไหนเลยยังจะทำสีหน้าใส่เขาดี ๆต่อได้อีก สะบัดหน้าไล่ให้เขาไสหัวไปด้วยถ้อยคำร้ายกาจ
นี่ยังดีที่เหมยซูหานอยู่ ไม่อย่างนั้นอู่เยวี่ยจะด่าให้หยาบคายกว่านี้อีก!
หานป๋อหย่วนรู้ว่ากู้คืนไม่ได้แล้วเลยไม่อยากอ้อนวอนอีก แต่กลับให้อู่เยวี่ยคืนกำไลหยกให้เขา
“กำไลอันนี้แม่ฉันมีไว้ให้ว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคต ในเมื่อเราไปกันไม่ได้ เธอก็คืนกำไลมาให้ฉัน…”
อู่เยวี่ยฟังแล้วก็ปวดใจ หลายวันมานี้เธอเสียเงินให้หานป๋อหย่วนไปตั้งมาก ขอแค่กำไลสักวงจะเป็นไรไป?
แต่เหมยซูหานยังดูอยู่เธอจะให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินทองไม่ได้ อู่เยวี่ยคิดๆ แล้วจึงจำใจถอดกำไลออกอย่างปวดใจ ก่อนที่หานป๋อหย่วนจะเอากำไลกลับไป
เขาต้องไปหาเป้าหมายคนต่อไป!
“พี่ซูหาน ขอบคุณพี่ที่ช่วยตรวจสอบธาตุแท้ของหานป๋อหย่วน ไม่อย่างนั้นฉัน…”
อู่เยวี่ยมองเหมยซูหานอย่างนึกขอบคุณและหวานหยดเยิ้มอยู่ในใจ เธอหลงคิดว่าเหมยซูหานมีความรู้สึกที่ดีต่อเธอถึงได้เปิดโปงหานป๋อหย่วนไม่อยากให้เธอโดนหลอก
เหมยซูหานไม่ได้ตอบกลับอะไรเธอ เงียบไปพักหนึ่งแล้วเอ่ยจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ของเขา ทำเอาอู่เยวี่ยนิ่งงันไปทันทีมองเหมยซูหานตกตะลึงอยู่อย่างนั้น
ให้เธอแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อ?
เหมยซูหานหมายความว่าอย่างไร?
ก่อนหน้านี้เขายังคิดจะแต่งงานกับเธออยู่ไม่ใช่หรือ?
………………………………………
ตอนที่ 1273 ความคิดเพ้อฝัน
อู่เยวี่ยกลับบ้านในสภาพวิญญาณลอยออกจากร่าง คุณปู่อู่และคุณย่าอยู่บ้านกันทั้งคู่ คุณปู่อู่ไม่แม้แต่จะมองอู่เยวี่ยแต่พานกท้องถิ่นที่เขาเลี้ยงมาสองปีไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ
เห็นหลานสาวคนนี้ก็หงุดหงิด เลยตัดใจไม่ต้องเห็นมันเลยจะดีกว่า
คุณย่าอู่กลับรักหลานสาวคนนี้มากรีบถลาเข้าไปถามไถ่ อู่เยวี่ยกลับไม่มีอารมณ์รับมือเลยบอกเพียงว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายก่อนจะกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
เธอนั่งนิ่งบนเตียงในหัวมีแต่คำพูดเมื่อครู่ของเหมยซูหาน ทุกคำทุกประโยคชัดเจนแจ่มแจ้ง
“เยวี่ยเยวี่ย แค่ให้เธอแกล้งแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อ เขาไม่ทำอะไรเธอหรอก”
“แค่ห้าปี ในห้าปีนี้เธอต้องมีลูกผ่านการผสมเทียม”
“ห้าปีหลังจากนี้จะปล่อยเธอเป็นอิสระแล้วจะให้เงินที่เธอพอใช้ทั้งชีวิต แล้วส่งเธอไปเรียนต่อต่างประเทศด้วยนะ”
“เธอลองกลับไปคิดทบทวนดีๆ เถอะ ฉันให้เวลาเธอสามวัน สามวันหลังจากนี้ถ้าเธอไม่ให้คำตอบฉัน ฉันก็จะหาคนอื่นแล้วเธอก็คิดซะว่าฉันไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อน”
……
อู่เยวี่ยปวดศีรษะเหลือเกิน เหนือคาดมาก เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าเหมยซูหานจะพูดแบบนี้
เฮ่อเหลียนเช่อเป็นใคร?
นั่นเป็นปีศาจร้ายที่ฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตาเชียวนะ!
ต่อให้แต่งงานหลอกๆ ก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันหรือเปล่า แค่อู่เยวี่ยคิดว่าต้องใช้ชีวิตใต้ชายคาเดียวกับเฮ่อเหลียนเช่อ เธอก็เสียวสันหลังวาบแล้ว
แต่เธอก็หวั่นไหวเข้าแล้ว!
เงื่อนไขที่เหมยซูหานเสนอมันยั่วยวนใจเกินไป
แค่เวลาห้าปีเท่านั้น ห้าปีหลังจากนี้เธอเพิ่งอายุยี่สิบสี่ปีเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ไหนจะมีเงินก้อนใหญ่ที่เธอสามารถหอบไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายที่ต่างประเทศ
ไม่ เธอไม่ไปต่างประเทศ!
เธอจะอยู่ในประเทศ
เธอจะต้องแก้แค้น เธอไม่มีวันปล่อยนางแพศยาจ้าวเหมยไปเด็ดขาด
จู่ๆ อู่เยวี่ยก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา เธอนึกถึงเฮ่อเหลียนเช่อที่ดูเหมือนว่าปีศาจร้ายตัวนี้จะไม่ถูกกับจ้าวเหมย ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน เธออาจร่วมมือกับเฮ่อเหลียนเช่อต่อกรกับจ้าวเหมยด้วยกันได้สินะ?
ถูกแรงสนับสนุนจากความคิดนี้จนอู่เยวี่ยมีเป้าหมายที่อาจหาญยิ่งกว่านี้–
ได้ข่าวว่าเฮ่อเหลียนเช่อเองก็เคยนอนกับผู้หญิงมาก่อน แค่หลังจากได้รู้จักเหมยซูหานถึงเริ่มชอบนอนกับผู้ชาย แค่นี้ก็บ่งบอกแล้วว่าไม่ใช่ว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้ชอบผู้หญิง ไม่แน่เขาอาจโดนเหมยซูหานบงการอยู่ก็เท่านั้น
หากว่า–
เธอสามารถทำให้เฮ่อเหลียนเช่อชอบตัวเองได้ เล่นละครตบตา เท่านี้เธอก็เป็นคุณนายเฮ่อเหลียนสมชื่อแล้ว
แค่นึกถึงความเป็นไปได้นี้อู่เยวี่ยก็ตื่นเต้นจนหัวใจเต้นระส่ำ
ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นี่นา!
ว่ากันว่าอยู่กันไปนาน ๆก็จะเกิดความรู้สึกดีต่อกัน อีกทั้งเฮ่อเหลียนเช่อยังยอมแต่งงานหลอก ๆกับเธอนั่นบ่งบอกว่าเขาเองก็มีความรู้สึกดี ๆกับเธอสินะ ในเมื่อมีความรู้สึกที่ดีและไหนจะเวลาอีกตั้งห้าปี…
อู่เยวี่ยมั่นใจเต็มเปี่ยมและตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
พรุ่งนี้เธอจะโทรหาเหมยซูหาน เธอจะต้องเป็นเจ้าคนนายคนอยู่สูงกว่าจ้าวเหมยอีกระดับ ให้จ้าวเหมยต้องก้มหน้าต่อหน้าเธอ
ตกดึกอู่เยวี่ยหลับสนิทและฝันหวาน ในฝันเธอกลายเป็นคุณนายเฮ่อเหลียนที่ได้รับความเคารพยกย่องจากคนนับหมื่น เฮ่อเหลียนเช่อตกหลุมรักเธอเอาใจใส่เธอทุกรายละเอียด
ส่วนเหมยซูหานโดนเฮ่อเหลียนเช่อทอดทิ้งไม่ให้ก้าวผ่านประตูใหญ่ของบ้านเฮ่อเหลียนเช่อด้วยซ้ำ เพราะในสายตาของเฮ่อเหลียนเช่อมีเพียงเธออู่เยวี่ยคนเดียว
จ้าวเหมยแต่งงานกับทนายยศชั้นต่ำอย่างเหยียนหมิงซุ่นที่เห็นเธอก็ต้องคุกเข่ากราบไหว้ไม่กล้าแม้แต่หายใจเสียงดัง…สะใจจริงๆ!
อู่เยวี่ยระเบิดเสียงหัวเราะในฝันด้วยความสะใจ!
แต่เธอกลับไม่รู้ว่าความฝันมักสวนทางกับความจริง!
วันรุ่งขึ้นอู่เยวี่ยโทรหาเหมยซูหานเรื่องที่ยินยอมแต่งงานหลอก ๆด้วยเพียงแต่ว่าเธอได้ยื่นข้อเสนอขอเงินก้อนมหาศาล ทำให้เหมยซูหานรู้สึกแย่ต่อเธอมากไปอีกแต่ก็ยอมตกลง
เงินก้อนนี้ใช่ว่าอยากได้ก็จะได้ดั่งหวังเสียหน่อย!
รอเขาสืบได้ว่าในฝันอู่เยวี่ยจงใจฆ่าเหมยเหมยล่ะก็ นอกจากเขาจะไม่ให้เงินแม้แต่แดงเดียวแล้วยังจะให้อู่เยวี่ยชดใช้อย่างหนักหนาสาหัสเลย!
ตอนที่ 1274 เป้าหมายกลับเป็นเหยียนซินหย่า
เหมยซูหานหยิบหนังสือสัญญาที่อู่เยวี่ยเซ็นชื่อแล้วไปโรงแรม เฮ่อเหลียนเช่อพักอยู่ที่นี่
“อู่เยวี่ยตกลงแล้วเหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อถามเสียงยานคาง
“ตกลงแล้วและเซ็นสัญญาแล้วด้วย นายจะดูหน่อยไหม?” เหมยซูหานเป็นฝ่ายยื่นหนังสือสัญญาไปให้ก่อน
เฮ่อเหลียนเช่อไม่แม้แต่จะเหลือบตามองพลางปัดหนังสือสัญญาออกอย่างไม่สบอารมณ์ รั้งเหมยซูหานมาไว้ในอ้อมกอดและเริ่มเลื้อยมืออย่างซุกซน หลายวันนี้เหมยซูหานมักอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่เหมยตลอดเลยทำให้มีเวลาอยู่กับเขาน้อยลง เขาคิดถึงจนจะตายอยู่แล้ว
“สัญญามีอะไรน่าดูกัน ฉันอยากดูนายมากกว่า…”
เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะหยอกเย้าทำเอาเหมยซูหานเองก็เริ่มหวั่นไหวโล่งใจขึ้นกว่าเดิม
สัญญาฉบับนี้เขาขุดหลุมพรางไว้ไม่น้อยซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายคืออู่เยวี่ย เฮ่อเหลียนเช่อดูก็คงไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่เขากลับไม่อยากให้เฮ่อเหลียนเช่อดูมากกว่า
“แล้วนายคิดจะพาอู่เยวี่ยกลับไปเจออานายเมื่อไหร่?” เหมยซูหานถาม ภายในใจมีความหึงหวงเริ่มก่อตัวขึ้น
เขาคงไม่มีวันได้ไปพบหนิงเฉินเซวียนได้อย่างโจ่งแจ้งเปิดเผยตราบชั่วชีวิต
เฮ่อเหลียนเช่อฟังออกถึงความหึงหวงในน้ำเสียงของเหมยซูหานก็หัวเราะชอบอกชอบใจ เขาชอบให้เหมยซูหานหึง ยิ่งหึงมากยิ่งดี
“ไม่รีบ ฉันยังทำธุระทางนี้ไม่เสร็จเลยนี่นา!”
“นายมีธุระอะไรอีก? ก็แค่พาอู่เยวี่ยไปแต่งงานหลอกๆ ไม่ใช่เหรอ?” เหมยซูหานไม่เข้าใจ ก่อนจะมาที่นี่ไม่ได้บอกนี่นาว่ามีธุระอะไร
เฮ่อเหลียนเช่อตาเป็นประกายวับแล้วตอบข้างๆ คูๆ “ธุระที่คุณอาฉันสั่งมา…นายตั้งใจหน่อย…”
……
บทรักร้อนแรงจบลงเหมยซูหานก็หลับสนิท เฮ่อเหลียนเช่อเดินตัวเปลือยไปที่ห้องนั่งเล่นรอให้ลูกน้องมารายงานความคืบหน้าของงาน
“จับความเคลื่อนไหวของเหยียนซินหย่าได้หรือยัง?” เฮ่อเหลียนเช่อถามเสียงเบา
“ได้แล้วครับ ความเคลื่อนไหวของเหยียนซินหย่าง่ายมากปกติก็วาดรูปอยู่ที่บ้าน บางครั้งไปหอศิลป์บ้างหรือซื้อกับข้าวที่ตลาดบ้าง ไม่ค่อยไปสถานที่นอกเหนือจากนี้เท่าไรครับ”
เฮ่อเหลียนเช่อขมวดคิ้ว ไม่ชอบออกจากบ้านก็ชักจะลำบากอยู่สักหน่อย
จะให้เขาวิ่งแจ้นไปลักพาตัวที่เขตศาลากลางจังหวัดก็คงไม่ได้หรอกใช่ไหมล่ะ?
“คุณชายเช่อ รอบตัวเหยียนซินหย่ามีคนคอยคุ้มกันอยู่ เหมือนจะเป็นลูกน้องของจ้าวอิงหัว” ลูกน้องรายงานต่อ
เฮ่อเหลียนเช่อเลิกคิ้ว จ้าวอิงหัวมีอิทธิพลของตัวเอง?
มิน่าตระกูลจ้าวล่มแล้วแต่ตำแหน่งผู้ว่าการของเขากลับไม่สั่นคลอนสักนิด
เรื่องนี้ชักจะลำบากสักหน่อย เมืองจินไม่ใช่อาณาเขตของเขา เหยียนหมิงซุ่นมีลูกน้องซุ่มอยู่ทางนี้ไม่น้อย หากเขามีความเคลื่อนไหวเพียงนิดเหยียนหมิงซุ่นต้องรู้ได้ทันที
คุณอาเขาเพิ่งรับปากต่อหน้านายใหญ่มาก่อนว่าจะไม่เป็นปรปักษ์ต่อเฮ่อเหลียนชิงอีก นี่เพิ่งผ่านมาได้สองเดือนหมาด ๆ จะให้คุณอาผิดคำพูดไม่ได้!
ต้องรู้เรื่องยาวิเศษนี้ให้ได้ ขอแค่เอาใจคุณอาให้ได้ ไม่แน่คุณอาอาจเลิกต่อต้านเหมยซูหานก็ได้
“มีวิธีดี ๆอะไรบ้างไหมที่จะลักพาตัวเหยียนซินหย่ามาได้เงียบ ๆ ไม่ให้เหยียนหมิงซุ่นสาวเรื่องมาถึงตัวฉันได้” เฮ่อเหลียนเช่อถามลูกน้อง
มีลูกน้องคนหนึ่งทำท่าจะพูดแต่ก็เงียบ เฮ่อเหลียนเช่อถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่งเขาถึงยอมบอก “คุณชายเช่อ ความจริงมีคนคนหนึ่งที่เราใช้ประโยชน์ได้”
“ใคร?”
“หวงอวี้เหลียน เธอเป็นคู่ปรับของจ้าวเหมย เกลียดจนอยากจะฆ่าทั้งครอบครัวจ้าวเหมยไปให้รู้แล้วรู้รอด” ลูกน้องอายุสามสิบกว่า หน้าตาไม่เท่าไรแต่รูปร่างกลับแข็งแรงบึกบึน
เฮ่อเหลียนเช่อลูบคางไปมา หวงอวี้เหลียนใช้ประโยชน์ได้จริงๆ ด้วยสิ แต่ว่า–
“แกหาทางติดต่อหวงอวี้เหลียนได้เหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อถาม
คนอื่นหัวเราะร่วนกันอย่างพร้อมเพรียง “คุณชายเช่อ เจ้าหมอนี่ใช้แผนเสน่ห์ความเป็นผู้ชายเพื่อตามสืบหวงอวี้เหลียน ตอนนี้กำลังไปได้สวยเลยเชียว!”
เพิ่งอิ่มท้องมาหนึ่งมื้อเฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์ดีไม่หยอกเลยหัวเราะตามไปด้วย ก่อนจะให้ลูกน้องคนนี้ไปติดต่อหวงอวี้เหลียน
ค่ำคืนนั้นลูกน้องร่างบึกบึนคนนี้ก็ได้บรรเลงเพลงรักกับหวงอวี้เหลียนด้วยกันอีกหน และได้ถ่ายทอดคำสั่งของคุณชายเช่อ ขอแค่หวงอวี้เหลียนจับตัวเหยียนซินหย่ามาได้เฮ่อเหลียนเช่อจะช่วยกำจัดจ้าวเหมยให้เธอ
……………………………………..
ตอนที่ 1275 เซ็นลายเซ็นต์
ช่วงนี้ภายใต้การติวของอู่เชากับเจียงซินเหมยนับว่าเหมยเหมยพอจะตามคุณครูทันแล้ว เหนื่อยสายตัวแทบขาด
เธอคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนมีพรสวรรค์ด้านการเรียนจริง ๆ ตอนประถมหรือมัธยมต้นยังพอได้แค่เธอต้องใช้เวลามากหน่อย ตั้งใจเล่าเรียนก็ยังพอรักษาผลสอบไว้อันดับกลางค่อนไปทางต้นของห้องได้
พอมาถึงชั้นมัธยมปลายบวกกับเธอข้ามมาเรียนอีกหนึ่งชั้นก็ยิ่งเรียนเหนื่อยกว่าเดิม โชคดีที่เธอเป็นเด็กโควตาด้านศิลปะ เงื่อนไขคะแนนสอบวิชาต่างๆ เลยไม่สูงมาก คะแนนระดับปานกลางของเธอในตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว
แต่ตอนเรียนกลับเปลืองแรงพอสมควร เปลืองแรงยิ่งกว่าสมัยประถมและมัธยมต้นด้วยซ้ำ ไม่เหมือนเจียงซินเหมยกับอู่เชา แม้คะแนนสอบของสองคนนั้นพอ ๆกับเธอแต่เขาดูเรียนสบายมากเลยนี่นา!
“ปวดหัวจะแย่ ให้ฉันวาดรูปสามมิติยังง่ายกว่าอีก ให้ฉันคิดคำนวณก็เอาถึงตายเลย ไหนจะรูปวงจรไฟฟ้าอีก อะไรค่าบวกค่าลบการต่อแบบอนุกรมการต่อแบบขนาน หัวฉันโตหมดแล้ว เฮ้อ เมื่อไหร่จะถึงเวลาแยกสายสักทีเนี่ย?”
เจียงซินเหมยเพิ่งอธิบายโจทย์เรขาคณิตให้เธอหนึ่งข้อตามด้วยโจทย์วิชาฟิสิกส์ ภาพวงจรไฟฟ้าแสนซับซ้อนเหล่านั้นทำเอาเหมยเหมยอยากสบถด่าถึงบุพการีเสียเหลือเกิน
เธอไม่รู้ว่าเรียนพวกนี้ไปแล้วจะใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง!
เท่าที่เธอคิดคณิตศาสตร์แค่เรียนบวกลบคูณหารภายในเลขหลักร้อยก็พอ ส่วนภาษาอังกฤษเรียนก็ได้ไม่เรียนก็ได้ ภาษาจีนกลับสำคัญยิ่งกว่า ประวัติศาสตร์เองก็ง่ายแค่จำให้แม่นก็พอ การเมืองแม้จะน่าเบื่อไปสักหน่อยแต่ก็เรียนง่ายกว่าวิชาคณิตฟิสิกส์เคมีมากโข
เธออยากถามบรรดาผู้เชี่ยวชาญในกระทรวงศึกษาธิการเหลือเกินว่าวิชาฟิสิกส์เคมีที่เรียนในตอนนี้ได้ใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงหรือเปล่า?
ในเมื่อไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน แล้วทำไมต้องเรียนพวกนี้ด้วย?
หากเพื่อความจำเป็นต่อด้านการงานก็ไปเรียนเอาตอนมหาวิทยาลัยก็ได้นี่นา!
เหมยเหมยแอบบ่นพึมพำอยู่เงียบ ๆ พักหนึ่งแต่ก็ยอมให้เจียงซินเหมยอธิบายวงจรไฟฟ้าต่ออย่างยอมแพ้
“จ้าวเหมย ช่วยเซ็นชื่อให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
นักเรียนชายห้องอื่นหลายคนถือหนังสือของเหมยเหมยอยู่ในมือเดินเข้ามาในห้องเรียนอย่างเคอะเขิน เรียกกำลังใจก่อนจะขอลายเซ็นโดยที่เหมยเหมยยอมเซ็นให้แต่โดยดี แถมยังยิ้มให้เหล่านักเรียนชายอีกต่างหาก ทำเอานักเรียนกลุ่มนี้เขินจนหน้าแดงจนหุนหันหนีออกจากห้องเรียนไป แม้แต่ตอนเดินยังรู้สึกตัวลอยอยู่เลย
“จ้าวเหมย เธอให้ลูกพี่ลูกน้องของเธอเซ็นให้พวกเราด้วยได้ไหม? เซ็นบนหนังสือของเธอก็พอ”
มีนักเรียนหญิงอีกจำนวนไม่น้อยที่วิ่งโร่เข้ามาโดยถือหนังสือของเธอด้วยเช่นกัน แต่กลับไม่ให้เหมยเหมยเซ็นเพราะพวกเธออยากให้สยงมู่มู่เป็นคนเซ็น เอ่ยถึงสยงมู่มู่เหล่านักเรียนหญิงต่างทำหน้าเคลิบเคลิ้มดั่งต้องมนตร์
“พี่ฉันไปต่างประเทศแล้ว หรือว่าให้อู่เชาเซ็นให้พวกเธอแล้วกัน!”
เหมยเหมยโกหกหน้าตาย เรียกให้เหล่านักเรียนหญิงเศร้าสลดเหลือเกินและฝืนใจยอมให้เจ้าอ้วนน้อยเป็นคนเซ็นให้
หลังจากเซ็นติดต่อกันหลายเล่ม อู่เชาที่ใบหน้างุนงงถึงไหวตัวทันแล้วกล่าวว่า “ทำไมฉันต้องมาเซ็นบนหนังสือเธอด้วย? ฉันเซ็นหนังสือตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ?”
“ฮ่าฮ่า ไว้คราวหน้าฉันเซ็นบนหนังสือนายก็พอแล้วนี่!” เหมยเหมยยิ้มตาหยี
อู่เชาเองก็แค่พูดไปอย่างนั้นแหละ ใจจริงไม่ได้ถือสาอะไรก่อนจะไล่เซ็นหนังสือในมือของเหล่านักเรียนหญิงจนหมด เขามองเหมยเหมยอย่างลังเลแวบหนึ่งพร้อมสีหน้าที่อยากพูดบางอย่างแต่ก็ไม่พูดสักที
“เป็นอะไร? อย่าทำตัวเหมือนผู้หญิงนักเลย มีอะไรรีบบอกมา” เจียงซินเหมยพูดเร่งเร้า
อู่เชาถลึงตาใส่เธอทีหนึ่งแล้วตอบเสียงแผ่วเบา “แม่ฉันกับอา…อดีตอาเขยกำลังเตรียมจะแต่งงานกันในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้แหละ แม่ฉันจะจัดงานเลี้ยงที่ภัตตาคารเต๋อเยวี่ย แม่ฉันให้ฉันเชิญเหมยเหมยเธอไปร่วมงานด้วย”
เหมยเหมยนิ่งงัน ค่อนข้างเห็นด้วยกับเว่ยชิวเยวี่ยที่กล้าจะไขว่คว้าความสุขหนที่สองในชีวิตของตัวเอง เพียงแต่อีกฝ่ายเป็นอดีตอาเขยอย่างจี้เจียนโปก็แอบรู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน
โดยเฉพาะอู่เชา อดีตเคยเรียกว่าอาเขย ตอนนี้ควรเรียกว่าอะไรดีนะ?
ตอนที่ 1276 อู่เยวี่ยที่แสนมั่นใจ
“ไม่รู้ว่าแม่ฉันคิดยังไงเหมือนกัน ตอนแรกก็คุยกับอาจี้ไว้ดิบดีแล้วว่าแค่จดทะเบียนสมรสจะไม่จัดโต๊ะจีนแล้ว แต่จู่ๆ ก็บอกว่าจะจัดงาน แล้วยังจะเชิญพ่อฉัน อาสอง คุณปู่คุณย่าฉัน พวกคุณอาฉันอีก วันนั้นจะอึดอัดแค่ไหน!”
อู่เชาไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจว่าแม่ของเขาคิดจะทำอะไร
เหมยเหมยไม่ให้ความสนใจแต่แรก เธอสนิทกับอู่เชาไม่ได้หมายความว่าเธอจะชอบเว่ยชิวเยวี่ย
เว่ยชิวเยวี่ยเป็นคนปลิ้นปล้อนไม่เคยมีความผิดต่อทั้งสองฝ่าย เมื่อชาติที่แล้วเว่ยชิวเยวี่ยเคยช่วยเธอหนหนึ่งตอนก่อนจะเรียนมัธยมปลาย เธอถึงได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยไร้ชื่อแห่งหนึ่งที่อย่างน้อยก็ทำให้เธอมีประวัติการศึกษา
บุญคุณนี้เธอได้คืนมันไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะจ้าวอิงหัวสั่งไว้เว่ยชิวเยวี่ยคงไม่ได้เลื่อนตำแหน่งง่ายดายขนาดนี้ ในเมื่อบุญคุณความแค้นได้จบลงไปแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าร่วมอีก
แต่เธอได้ยินว่าคนตระกูลอู่ต่างก็ไปกันเลยอดสนใจไม่ได้
“พวกคุณปู่คุณย่ากับพ่อของนายก็ตกลงไปกันเหรอ?” เหมยเหมยถาม
อู่เชาเอามือลูบหลังศีรษะ เขาเองก็นึกแปลกใจว่าทำไมถึงตอบตกลงทั้งที่ก่อนหน้านี้พ่อของเขายังโวยวายอยู่เลย!
“ได้ วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ฉันไปแน่ๆ ที่ภัตตาคารเต๋อเยวี่ยใช่ไหม!” เหมยเหมยรับปาก
ไม่ได้เจอคนตระกูลอู่มาหลายปีลองไปดูความสนุกสักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร สิ่งสำคัญที่สุดคือเธอต้องให้คนตระกูลอู่ได้เห็นว่าเธอในตอนนี้มีชีวิตที่ดีแค่ไหน ไม่ใช่ลูกเป็ดขี้เหร่อ่อนแออย่างในอดีตอีกแล้ว
ไม่นานวันหยุดสุดสัปดาห์ก็มาถึงซึ่งเหมยเหมยได้เตรียมซองแดงไว้เป็นเงินจำนวนหนึ่งร้อยหยวนที่ในยุคนี้ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นใหญ่
เธอไปคนเดียวโดยพาฉิวฉิวไปด้วย เนื้อไก่ผัดกากเหล้าดองของภัตตาคารเต๋อเยวี่ยรสชาติไม่เลว ฉิวฉิวเองก็ชอบมากเลยพาเขามากินเนื้อไก่ผัดกากเหล้าดองโดยเฉพาะ
การแต่งกายของเว่ยชิวเยวี่ยกับจี้เจียนโปได้เปลี่ยนโฉมใหม่โดยเจ้าสาวอยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดง เว่ยชิงเยวี่ยผอมลงไม่น้อยแต่ก็ยังดูอวบอิ่มเหมือนเดิมจึงใส่ชุดกี่เพ้าได้พอดิบพอดี ขับให้เห็นความสง่าในฉบับผู้ใหญ่ของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ
จี้เจียนโปอยู่ในชุดสูททางการที่ยังคงยืนหลังตรงเหมือนเดิม รูปร่างเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตรงไหน ไม่ได้ดูต่างจากเมื่อห้าปีก่อนสักเท่าไร เมื่อยืนอยู่กับเว่ยชิวเยวี่ยแล้วกลับดูเหมาะสมกันอย่างเหนือคาด
“น้าเว่ย อาจี้ ยินดีด้วยนะคะ ขอให้รักกันยืนยาว”
เหมยเหมยมอบซองแดงไปพร้อมคำอวยพรมงคลก่อนจะหาเก้าอี้นั่งลง
เธอกวาดตามองรอบข้างไม่เห็นคนตระกูลอู่สักคนเลยรู้ว่ามาเร็วเกินไป แต่เธอก็ไม่รีบร้อนใดๆ พลางหยิบเมล็ดทานตะวันขึ้นมาแทะรอการมาถึงของคนตระกูลอู่อย่างอดทน
ตั้งหน้าตั้งตาคอยอยู่นะ!
คนที่มาก่อนกลับเป็นอู่เจิ้งซือกับอู่เยวี่ย สองพ่อลูกดูท่าทางสนิทสนมเหลือเกินจนเหมยเหมยรู้สึกแปลกใจ อู่เจิ้งซือไม่ชอบอู่เยวี่ยไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้ถึงดูสนิทขนาดนี้?
ทันทีที่เข้ามาอู่เจิ้งซือก็เห็นเหมยเหมยตั้งแต่แวบแรก ตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วปรี่เดินตรงมาหาเธอ
“เหมยเหมย เธอมาร่วมงานเหมือนกันเหรอ?” อู่เจิ้งซือรู้สึกแย่จับใจ
สาวงามตรงหน้าเดิมควรเป็นลูกสาวของเขา แต่บัดนี้กลับกลายเป็นลูกสาวของคนอื่น กลายเป็นคนแปลกหน้ากับเขา ส่วนเกียรติยศศักดิ์ที่เธอได้ทั้งหมดก็ล้วนให้จ้าวอิงหัวได้เปรียบไป
หลายวันก่อนเขาได้ดูรายการวัยรุ่นอัจฉริยะ เหมยเหมยในจอโทรทัศน์ออร่าเฉิดฉาย สอบได้คะแนนยอดเยี่ยมเช่นนั้น หากจ้าวเหมยยังเป็นลูกสาวของเขาคงสร้างหน้าตาให้เขาไม่น้อย!
เหมยเหมยยิ้มตอบเบาบาง “ค่ะ”
อู่เยวี่ยปรายตามองเหมยเหมยที่ออร่าเฉิดฉายด้วยสายตาเย็นยะเยือกแต่กลับไม่ได้มองด้วยความอิจฉาอย่างเดิมอีกต่อไป อีกหนึ่งปีเธอจะกลายเป็นภรรยาของเฮ่อเหลียนเช่อที่แม้แต่จ้าวอิงหัวพ่อแท้ๆ ของจ้าวเหมยยังต้องก้มหัวให้ จากนี้ไปจ้าวเหมยอย่าคิดจะยืนเชิดหน้าชูตาต่อหน้าเธออีก!
ถึงเมื่อนั้นเธอจะให้จ้าวเหมยได้ลิ้มลองรสชาติของการถูกผู้ชายนับสิบรุมโทรม ความอับอายที่เธอเคยได้รับจะต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่า!
…………………………………………
ตอนที่ 1277 เอาความมั่นใจมาจากไหน
อู่เจิ้งซือเดิมยังอยากคุยกับเหมยเหมยอีกสักพัก แต่เห็นเธอสีหน้าท่าทีเย็นชาในใจพลันคุกรุ่น รู้สึกว่าเหมยเหมยไร้มารยาทสิ้นดี ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นผู้อาวุโสหรือเปล่า
“เหมยเหมย อย่างไรเสียเมื่อก่อนฉันก็เลี้ยงเธอมาตั้งสิบสองปี จำเป็นต้องไร้เยื่อใยขนาดนี้เชียวเหรอ?” อู่เจิ้งซืออดพูดไม่ได้
เมื่อนั้นเขาขโมยเด็กมาซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดจริง ๆ แต่เขาก็ได้รับบทลงโทษแล้ว ตกงานที่มีหน้ามีตาจนตกอยู่ในสภาพครึ่งผีครึ่งคน หากไม่ใช่เพราะเขามีความสามารถจะมีชีวิตสุขสบายอย่างในตอนนี้ได้เสียที่ไหน!
เขาทำเรื่องผิดมาเขายอมถูกลงโทษแต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มีบุญคุณที่เลี้ยงดูจ้าวเหมยหรือเปล่า?
คุณงามความดีของเขามีมากกว่าแต่คนตระกูลจ้าวกลับไม่รู้จักสำนึกบุญคุณสักนิด เป็นพวกไม่รู้คุณเหมือนจ้าวเหมยกันทั้งนั้น
เหอะ เขาฟังเยวี่ยเยวี่ยเล่าว่าตระกูลจ้าวในตอนนี้เทียบกับอดีตไม่ได้ กลายเป็นตระกูลตกอับตั้งนานแล้ว ส่วนว่าที่ลูกเขยในอนาคตของเขาอย่างเฮ่อเหลียนเช่อกลับเป็นตระกูลเศรษฐีในอันดับต้น ๆ อีกปีเดียวเท่านั้นเขาจะกลายเป็นพ่อตาของคุณชายตระกูลเศรษฐีที่ใส่ชุดฝังเพชรทั้งตัว
ฮ่าฮ่าฮ่า…
ถึงตอนนั้นใครจะกล้าดูถูกอู่เจิ้งซืออย่างเขาได้!
เขาไม่คิดว่าลูกสาวที่ถูกเขาทอดทิ้งไปแล้วจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงแบบนี้ได้ แต่งงานกับหานป๋อหย่วนก็ทำเขาพึงพอใจมากแล้วแต่ตอนนี้กลับพลิกผัน เยวี่ยเยวี่ยกลับตกเป็นที่หมายปองของคุณชายเฮ่อได้เสียอย่างนั้น!
พระเจ้าไม่ยอมทอดทิ้งเขา!
ตอนนี้อู่เจิ้งซือยืนเชิดหน้าเหมือนอู่เยวี่ย ทอดสายตามองไปทางเหมยเหมยยังติดแววสงสารหน่อย ๆ รู้สึกว่าอดีตลูกสาวของเขาคนนี้โชคไม่ดีเลยจริง ๆ
เมื่อก่อนเห็นแก่อำนาจอิทธิพลของตระกูลจ้าวเลยทรยศเขา แต่ตอนนี้ตระกูลจ้าวล้มไปแล้วและเขาอู่เจิ้งซือกำลังจะผงาดขึ้น
อนาคตจ้าวเหมยได้รู้ความจริงคงรู้สึกเสียใจจะแย่ ตอนนั้นหากจ้าวเหมยคิดอยากจะกลับมาอยู่เคียงข้างเขาเขาคงไม่ยอม แน่นอนว่าหากจ้าวเหมยยอมขอร้องหลายครั้งหน่อยบางทีเขาจะลองพิจารณดูได้
ในเมื่อจ้าวเหมยมีหน้าตาเป็นที่ประจักษ์ซึ่งงดงามกว่าเหยียนซินหย่าในวันวานมากโข ไหนจะมีชื่อเสียงแต่เล็กแต่น้อย มีสาวงามที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและชื่อเสียงคงเพียงพอจะดึงดูดคุณชายตระกูลใหญ่โตได้อีก
ถึงเมื่อนั้นจะให้ลูกเขยคนโตแนะนำเสียหน่อย เขาก็จะได้มีลูกเขยผู้ยิ่งใหญ่ถึงสองคน ไม่แน่ตระกูลอู่อาจได้ก้าวเข้าสู่แวดวงสังคมที่เขาเคยใฝ่ฝันมานานนั่นได้!
อู่เจิ้งซือยิ่งคิดยิ่งตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำ อยากให้เวลาผ่านไปไว ๆ เขาอยากเห็นจ้าวอิงหัวล่มจมในเร็ววัน แบบนี้ก็จะได้รับตัวจ้าวเหมยกลับมาได้อย่างราบรื่น!
เหมยเหมยนึกรังเกียจสายตาของอู่เจิ้งซือที่มองตัวเองราวกับกำลังมองสินค้าตัวหนึ่งจนอดขมวดคิ้วไม่ได้
“คุณอู่ คุณต้องแยกแยะให้ดีว่าบุญคุณที่เลี้ยงดูมาสิบสองปี ฉันไม่ได้ยินยอมจะรับมัน แต่เป็นผลลัพธ์ที่คุณทำผิด ส่วนสิบปีนั้นฉันใช้ชีวิตอย่างไร? ตอนนี้คุณพูดแบบนี้ไม่รู้สึกละอายแก่ใจบ้างเหรอ?”
เหมยเหมยมองชายจอมเสแสร้งเห็นแก่ตัวคนนี้อย่างเย็นชา น่ารังเกียจยิ่งกว่าเหอปี้อวิ๋นเป็นร้อยเท่า
เหอปี้อวิ๋นทำเรื่องชั่วร้ายมาล้วนเป็นเพราะได้รับคำอนุญาตกลายๆ จากอู่เจิ้งซือ
แล้วก็การตายของเธอในชาติที่แล้วอู่เจิ้งซือเองก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด แถมยังให้ปากคำที่สถานีตำรวจว่าเธอเป็นโรคประสาทถึงทำให้เธอกับลูกรักของเธอตายฟรี
อู่เจิ้งซือสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยและเปลี่ยนใจทันที เดิมทียังอยากให้จ้าวเหมยแต่งงานผูกญาติกับคุณชายตระกูลผู้ดี แต่ตอนนี้ดูท่าว่ายายคนนี้ไม่รู้จักเจียมตัวและไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ
งั้นก็อย่าหาว่าเขาใจเหี้ยมแล้วกัน!
“เหอะ…อนาคตเธออย่าเสียใจทีหลังแล้วกัน!” อู่เจิ้งซือทำหน้าโมโห
เหมยเหมยไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าผู้ชายคนนี้เอาความมั่นใจมาจากไหน เธอหัวเราะเย้ย “สบายใจได้ ฉันจะมีแต่ความรู้สึกโชคดีอยู่เสมอ!”
โชคดีที่ชาตินี้ได้หลุดพ้นจากสถานที่กินคนอย่างบ้านตระกูลอู่ในเร็ววัน!
ตอนที่ 1278 ได้ลูกเขยเศรษฐี
อู่เยวี่ยมองเหมยเหมยแวบหนึ่งอย่างดูแคลนแล้วพูดกับอู่เจิ้งซือเสียงอ่อนโยนว่า “พ่อคะ เราไปนั่งทางนั้นกัน อย่าไปสนใจคนไม่รู้จักสำนึกบุญคุณอย่างเขาเลยดีกว่า อนาคตเขาต้องเสียใจทีหลังแน่!”
“อืม…ลูกเป็นเด็กดีกว่าตั้งแต่เล็กจนโตเลย!”
อู่เจิ้งซือตบหลังมืออู่เยวี่ยเบา ๆอย่างปลื้มใจและทำหน้าเอ็นดูรักใคร่ไร้ซึ่งความเย็นชาเฉกเช่นเคย
เหมยเหมยคร้านจะสนใจสองพ่อลูกจอมหลงตัวเองแล้วไม่มองพวกเขาอีก ทว่ากลับนึกแปลกใจที่อู่เจิ้งซือกับอู่เยวี่ยทำหน้าชื่นตาบานเดินเชิดหน้าเชิดตา แล้วไหนจะพูดอยู่นั่นว่าเธอต้องเสียใจภายหลัง…
ความมั่นใจที่มากะทันหันนี่มันอะไรกัน?
ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่!
ไว้กลับไปให้พี่เสือสืบดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับอู่เจิ้งซือและอู่เยวี่ยกันแน่
ตามด้วยอู่เจิ้งเต้าและพวกคุณปู่อู่ที่มาถึงงานตามๆ กัน อู่เจิ้งเต้ากลับแต่งตัวดูดีไม่โทรมเหมือนอย่างเคยแต่ความโศกเศร้าที่ฝังอยู่ข้างในกลับลบไม่เคยออก
ไม่อาจทัดเทียมจี้เจี้ยนโปที่แต่งตัวหล่อเหลามีชีวิตมีชีวาได้เลยสักนิด และไม่คู่ควรกับเว่ยชิวเยวี่ยในตอนนี้
คิดไม่ถึงอู่เจิ้งหงเองก็มาด้วย แต่เธอดูเหมือนจะบวมขึ้นกว่าเดิม หน้ามันเยิ้มเส้นผมมันแผลบดูแก่กว่าเว่ยชิวเยวี่ยเป็นสิบปี มิน่าจี้เจียนโปถึงทนไม่ไหว
สองพี่น้องจี้เหวินฮุ่ยไม่มา จี้เหวินเฟิงเรียนมหาวิทยาลัยอยู่นอกพื้นที่เลยมาไม่ได้ ส่วนจี้เหวินฮุ่ยไม่ได้เรียนมัธยมปลายแต่เลือกเรียนสายอาชีพครูโดยตรงแต่ก็อยู่เมืองจินเช่นกัน แต่ที่ไม่มาคงเพราะทำใจไม่ได้
บอกได้เพียงว่าเว่ยชิวเยวี่ยโชคดีไม่น้อย เป็นผู้หญิงผ่านการหย่าร้างและมีลูกติดย่อมลำเค็ญอยู่แล้ว
แต่มีบางส่วนที่ยิ่งลำบากก็ยิ่งอ้วนเพราะมีความกดดันมากก็ยิ่งกินมากกว่าปกติ ทำให้ไขมันเพิ่มขึ้นไปตามๆ กัน อย่างเช่นอู่เจิ้งหงในตอนนี้
แต่มีคนอีกประเภทที่พอลำบากก็จะผอมฮวบลงเหมือนโดนมีดเฉือนเนื้อออกวันละครึ่งกิโลอย่างเว่ยชิวเยวี่ยเช่นกัน
อู่เจิ้งหงมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ดวงตาเรียวรีคับคล้ายกับคุณย่าอู่ถูกบีบเข้าหากันเป็นขีดเส้นตรงเพราะไขมันตรงใบหน้าที่มากเกินไป อีกทั้งสุขภาพของเธอเองก็ไม่ค่อยดีเท่าไรแค่ระยะทางสั้นๆ จากประตูของภัตตาคารมาถึงห้องโถงก็หอบไม่หยุด
ความจริงเหมยเหมยก็นึกเห็นใจอู่เจิ้งหงพอสมควร ไม่ว่าคุณอาหญิงในอดีตคนนี้เป็นอย่างไรแต่อย่างน้อยเธอก็จริงใจต่อจี้เจี้ยนโป
หนำซ้ำจี้เจี้ยนโปเองก็ได้ผลประโยชน์จากอู่เจิ้งหง คนเราพอดำเนินชีวิตมาถึงช่วงวัยกลางคนกลับโดนผู้เป็นสามีทอดทิ้ง อู่เจิ้งหงน่าสงสารจริง ๆ
แน่นอนว่าเธอก็ไม่ใช่ฝ่ายบริสุทธิ์ทั้งหมด ในเมื่อนิสัยขี้สงสัยขี้ระแวงของเธอไม่มีผู้ชายปกติคนไหนจะทนได้
คุณปู่อู่กับคุณย่าอู่เองก็เห็นเหมยเหมยเลยมีสีหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่กลับไม่ได้หน้าด้านหน้าทนอย่างอู่เจิ้งซือ เพียงแค่ยืนมองอยู่ห่าง ๆไม่ได้เข้ามาทักทาย
เว่ยชิวเยวี่ยกับจี้เจี้ยนโปยืนกล่าวคำขอบคุณแขกบนเวที ทั้งสองคนล้วนเป็นคนพูดจาฉะฉานและเก่งในเรื่องการพูด แขกล่างเวทีต่างปรบมือดังกึกก้อง มีแค่ตระกูลอู่ที่ทำสีหน้าอึดอัดอย่างมาก
อู่เชามีพี่ชายอู่เจี๋ยคอยดูแลความเรียบร้อยในงานอยู่เขาที่ว่างงานเลยวิ่งมากระซิบกระซาบกับเหมยเหมย
“เธอได้ยินมั้ย? อู่เยวี่ยได้คู่หมั้นที่ดีล่ะ”
เหมยเหมยเลิกคิ้วพลันนึกถึงความได้ใจของสองพ่อลูกอู่เยวี่ยก่อนหน้านี้ หรือว่าอู่เยวี่ยจะหาคู่หมั้นเศรษฐีหนุ่มได้?
“ใครเหรอ? สมองไม่มีปัญหาใช่มั้ย?”
คนตาบอดที่ไหนที่ถูกตาต้องใจดอกไม้ที่แสนบอบช้ำเสียยิ่งกว่าช้ำอย่างอู่เยวี่ยเข้า?
อู่เชากลอกตาใส่เธอทีหนึ่ง อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาเวลาพูดจาเกรงใจกันหน่อยไม่ได้หรือไง
ไม่นานเขาก็พูดเสียงเบาอย่างอดไม่ได้ “เหมือนจะเป็นคนใหญ่คนโตของเมืองหลวง ฉันได้ยินคุณปู่ฉันบอกว่าเจ้าหมอนั่นเก่งมาก แม้แต่ตระกูลจ้าวอย่างพวกเธอก็สู้ไม่ได้”
อู่เชาเหลือบมองเหมยเหมยอย่างระวังแวบหนึ่งเห็นว่าเธอไม่ได้โมโหใด ๆเลยพูดต่อ “อาสองกับพวกคุณปู่ฉันดีใจแทบแย่แหนะ ดีกับอู่เยวี่ยมากประคบประหงมเธออย่างกับเจ้าหญิง”
เจ้าอ้วนน้อยเบะปากอย่างน้อยใจ สองวันก่อนเขาไปที่บ้านคุณปู่ คุณย่าได้ต้มไก่ไว้ตัวหนึ่งที่อดีตน่องไก่ต้องเป็นของเขาแต่วันนั้นคุณย่ากลับให้อู่เยวี่ยทั้งหมด
น้อยใจชะมัด!
…………………………………………
ตอนที่ 1279 คงตายใจไปแล้ว
เดิมทีเหมยเหมยคิดว่าคู่หมั้นที่อู่เยวี่ยหาได้จะเป็นหานป๋อหย่วนแต่พอฟังแล้วต้องไม่ใช่หานป๋อหย่วนแน่ ตระกูลหานในเมืองหลวงเป็นเพียงตระกูลลำดับท้ายๆ ต่อให้ตอนนี้ตระกูลจ้าวตกอับก็ใช่ว่าตระกูลหานจะทัดเทียมได้
ไม่ใช่หานป๋อหย่วนแล้วจะเป็นใครได้?
มีใครที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีก!
ไม่นานเธอก็นึกถึงโอหยางปิน อู่เยวี่ยรู้จักคนไม่มากหากบอกว่าเคยมีความสัมพันธ์กับคุณชายจากเมืองหลวง นอกจากหานป๋อหย่วนก็มีแต่โอหยางปิน
อีกอย่างตระกูลโอหยางในตอนนี้ราวกับพระอาทิตย์ที่เจิดจรัส สถานการณ์ดูเข้ากับที่อู่เชาบอกเป็นอย่างดี
แต่เธอก็รู้สึกไม่น่าเป็นไปได้ โอหยางสยงรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอู่เยวี่ยในคืนที่ร้านคาราโอเกะไห่เยี่ยน ต่อให้โอหยางสยงตาบอดไปข้างหนึ่งหูขาดไปข้างหนึ่งก็ไม่ถึงกับต้องลดมาตรฐานไปเอาอู่เยวี่ยมาเป็นภรรยาหรอก
ไม่ว่าอย่างไรเหมยเหมยก็คิดไม่ถึงว่าผู้ชายตาบอดที่ว่าจะเป็นโรคจิตอย่างเฮ่อเหลียนเช่อ!
งานแต่งงานถือว่าผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นซึ่งอู่เจิ้งหงเองก็ไม่ก่อเรื่องใดๆ เพียงแค่ทำหน้าบึ้งตึงตลอดงานและไม่เข้าใจว่าในเมื่อเธอไม่พอใจแล้วเหตุใดถึงยังมาร่วมงานแต่งงานอีก
ภายหลังเหมยเหมยรู้มาจากอู่เชาว่าเหตุผลที่เว่ยชิวเยวี่ยกับจี้เจี้ยนโปจัดงานในภัตตาคารก็เพราะสองพี่น้องอู่เจิ้งหงกับอู่เจิ้งเต้า
เพราะสองคนนี้เคยตามไปอาละวาดถึงที่ทำงานพวกเขาอยู่หลายครั้งและด่ากราดด้วยถ้อยคำหยาบคาย เว่ยชิวเยวี่ยกับจี้เจี้ยนโปเองก็ชักโกรธเลยตัดสินใจจัดโต๊ะจีน ไหนจะส่งบัตรเชิญให้คนทั้งตระกูลอู่เป็นพิเศษเพราะจงใจอยากจะเอาคืน
คนตระกูลอู่ที่ได้รับบัตรเชิญย่อมเดือดดาลอยู่แล้ว พวกเขาคิดๆ ดูแล้วว่าไม่ควรอ่อนข้อให้อดีตลูกสะใภ้และลูกเขยได้ ดังนั้น…
จึงสร้างความอึดอัดโดยการมาร่วมงานแต่งงานอย่างโจ่งแจ้ง!
งานเลี้ยงเลิกราแขกในงานต่างทยอยกลับและเหมยเหมยเองก็เตรียมกลับบ้านจึงแวะกล่าวลาสองสามีภรรยาเว่ยชิวเยวี่ย อู่เจิ้งหงสับเท้าเดินนำหน้าเธอไปอย่างรวดเร็วอย่างไร้ซึ่งความห่อเหี่ยวใจเหมือนก่อนหน้า
เหมยเหมยหยุดฝีเท้าลงหลงคิดว่าอู่เจิ้งหงต้องมาหาเรื่องแน่ เธอไม่อยากเข้าไปยุ่งเลยได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ
“จี้เจี้ยนโป!” อู่เจิ้งหงเอ่ยเรียกทีหนึ่ง
จี้เจี้ยนโปกำลังยืนส่งแขกกลุ่มสุดท้าย เมื่อได้ยินเสียงเรียกเลยอดขมวดคิ้วไม่ได้และเป็นกังวลว่าอู่เจิ้งหงจะก่อเรื่องด้วยเช่นกัน
“อู่เจิ้งหง ผมคุยกับคุณชัดเจนมากแล้วนะ…” จี้เจี้ยนโปทำท่าเอือมระอาสุดขีด
“คุณไว้ใจได้ ฉันไม่หาเรื่องคุณอีกแล้ว ฉันแค่อยากถามคุณประโยคเดียว”
อู่เจิ้งหงหัวเราะเยาะตัวเองพลางทำหน้าขมขื่น เธอมองจี้เจี้ยนโปที่ดูมีชีวิตชีวาด้วยแววตาลึกล้ำแวบหนึ่งก่อนจะก้มมองตัวเอง ความน้อยเนื้อต่ำใจทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม
“จี้เจี้ยนโป คุณเคยชอบฉันสักนิดบ้างไหม?” อู่เจิ้งหงเรียกกำลังใจให้ตัวเองแล้วถามออกไป
เธออยากถามให้เข้าใจมาโดยตลอดแต่กลับไม่เคยกล้าถามสักที เธอกลัวได้ยินคำตอบที่จะทำเธอใจสลาย
แต่ตอนนี้เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ต่อให้ต้องตายก็ขอให้เธอเป็นผีที่รู้กระจ่างในทุกข้อสงสัยเถอะ!
จี้เจี้ยนโปชะงัก ไม่คิดว่าอู่เจิ้งหงไม่ได้จะก่อเรื่องแต่ถามหนึ่งคำถามกับเขา จู่ๆ ก็รู้สึกแย่เหลือเกิน ไม่ว่าอย่างไรก็ใช้ชีวิตร่วมกันมายาวนานสิบกว่าปี หากบอกว่าไม่มีความรู้สึกสักนิดคงโกหก
แต่นั่นก็เป็นแค่ความรู้สึกที่มีต่อคนในครอบครัวที่สั่งสมมานานเท่านั้น
เขาไม่เคยชอบอู่เจิ้งหงมาก่อนอย่างแท้จริง
จี้เจี้ยนโปอยากฝืนใจตอบว่าเคยชอบ แต่พอได้เห็นท่าทางอ่อนแอที่ไม่เคยเปิดเผยให้เห็นมาก่อนของอู่เจิ้งหงเขากลับพูดไม่ออก หากแต่ว่าความลังเลชั่วขณะทำให้อู่เจิ้งหงรู้คำตอบพลางหัวเราะอย่างน่าสงสาร
“ฉันรู้แล้ว…ฉันมันไม่เจียมตัวเอง…จี้เจี้ยนโป เห็นแก่เราสองคนที่เคยเป็นสามีภรรยากันมา ไม่ใช่ว่ามีภรรยาใหม่ก็ละเลยเหวินเฟิงกับเหวินฮุ่ยเสียล่ะ”
“จะเป็นงั้นไปได้อย่างไร เหวินเฟิงกับเหวินฮุ่ยก็ลูกผมเหมือนกัน ผมจะไม่สนใจพวกเขาได้อย่างไร!” จี้เจี้ยนโปชักจะไม่พอใจ เขาใช่คุณพ่อที่ไม่มีความรับผิดชอบอย่างนั้นหรือ!
อู่เจิ้งหงดูถูกเขาเกินไปแล้ว!
“งั้นก็ดี…”
อู่เจิ้งหงถอนหายใจเสียงเบาแล้วค่อยๆ หันหลังเดินจากไปโดยที่ไม่รอคนตระกูลอู่ แต่เลือกเดินจากไปเพียงลำพังช้า ๆ แผ่นหลังที่ดูเศร้าสร้อยนั่นไม่เหลือคราบอดีตที่เคยข่มเหงผู้อื่นอีกต่อไป
ตอนที่ 1280 ได้รับความสะเทือนใจอีกครั้ง
เหมยเหมยรู้สึกว่าวันนี้อู่เจิ้งหงมีท่าทีแปลกมาก อู่เจิ้งหงในชาติที่แล้วเป็นคนที่บีบคั้นจนเฮ่อเหวินจิ้งตาย เหิมเกริมเหี้ยมโหดแต่ตอนนี้กลับดูน่าสงสารจับใจ ไม่ชินเอาเสียเลย
“เจิ้งหง…ลูกทำอะไร?”
เสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากด้านนอกประตูที่ฟังดูคล้ายจะเป็นเสียงของคุณย่าอู่ที่ดูลนลาน แล้วตามมาด้วยเสียงเบรกเสียดหูของรถยนต์…
เหมยเหมยที่รู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆเลยรีบเดินออกไปดู แต่เว่ยชิวเยวี่ยกับจี้เจี้ยนโปกลับวิ่งเร็วยิ่งกว่า
ถนนใหญ่หน้าภัตตาคารเต๋อเยวี่ยแออัดไปด้วยผู้คน คุณย่าอู่ร้องไห้โฮ “รีบเรียกรถพยาบาล…คุณหมอล่ะ…ใครก็ได้มาช่วยเจิ้งหงของฉันที…”
“เจิ้งหงทำไมลูกโง่ขนาดนี้…เพื่อคนไร้หัวใจคนนั้น…ลูกก็ทิ้งแม่กับพ่อของลูกไว้แบบนี้เหรอ? ไหนจะเหวินเฟิงกับเหวินฮุ่ย…ลูกตัดใจทิ้งลงได้อย่างไร…”
คุณย่าอู่ร้องไห้โฮ เหมยเหมยใจเต้นรัว ไม่ต้องไปดูก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เว่ยชิวเยวี่ยกับจี้เจี้ยนโปสีหน้าย่ำแย่ถึงที่สุด อู่เจิ้งหงกลับใช้วิธีรุนแรงแบบนี้เอาคืนพวกเขา ผู้หญิงคนนี้ใจเหี้ยมเหลือเกิน!
“ไม่เกี่ยวกับฉันนะ…ฉันขับรถอยู่ดี ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็วิ่งมาชนเอง…ทำไมฉันถึงซวยได้ขนาดนี้นะ…ฉันเพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่ถึงครึ่งปี ถ้าให้ที่ทำงานรู้ว่าฉันเกิดอุบัติเหตุ ฉันต้องตกงานแน่ ๆ…”
ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบกว่าสีหน้าซีดเผือดพร่ำบ่นไม่หยุด พูดถึงตอนท้ายกลับเริ่มส่งเสียงร้องไห้ขึ้นมา
ข้างกายเขามีรถซีดานคันดำจอดอยู่ หน้ารถมีอู่เจิ้งหงที่นอนแน่นิ่งไร้สติ ใบหน้าขาวราวแผ่นกระดาษและเลือดสีเข้มที่อาบอยู่ใต้ร่าง
เหมยเหมยปวดหนึบที่หัวใจและไม่กล้ามองอีกต่อไป
เธอนึกถึงตัวเอง เธอในชาติที่แล้วก็นอนอยู่บนพื้นแบบนี้แต่เลือดท่วมหนักยิ่งกว่านี้
อู่เจิ้งซือที่ไหวตัวเร็วที่สุดรีบล้วงโทรศัพท์เคลื่อนที่ขนาดราวกับก้อนอิฐในกระเป๋าทำงานออกมาโทรเรียกรถพยาบาล ดีที่ทางนี้ไม่ห่างไกลจากโรงพยาบาลใจกลางเมืองมากนัก ไม่นานรถพยาบาลก็มาถึงแต่ว่า–
คุณหมอพลิกดูใบหน้าและเปลือกตาของอู่เจิ้งหงพบว่าม่านตาเริ่มขยาย หัวใจก็เริ่มเต้นอ่อนลงเรื่อย ๆ
“เสียใจด้วยนะครับ…” คุณหมอเอ่ยตามหน้าที่ คุณย่าอู่กรีดร้องโฮแล้วล้มหงายหลังตึง แต่มีอู่เจิ้งเต้ามาช่วยพยุงเธอไว้
เหมยเหมยเองก็ไม่ได้รู้สึกดีเลย คนหนึ่งคนที่สิบนาทีก่อนยังมีชีวิตอยู่ตรงหน้าแต่เพียงชั่วครู่ก็ตายจากไป และยังตายต่อหน้าเธออีก ต่อให้เธอไม่ชอบอู่เจิ้งหงมากแค่ไหนแต่อย่างไรเสียนั่นก็ชีวิตคนคนหนึ่งเชียว!
คุณย่าอู่พูดไม่ผิด อู่เจิ้งหงทำแบบนี้มันโง่มากจริง ๆ
เพื่อผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่เคยรักเธอเลย แต่กลับเอาชีวิตของตนเองมาลงโทษอีกฝ่าย ช่างไร้ความคิดเสียจริง!
ไม่นานตำรวจก็มาถึง แต่ดีที่มีผู้คนเดินขวักไขว่บนถนนกันมากและมีคนจำนวนไม่น้อยเห็นภาพเหตุการณ์ที่อู่เจิ้งหงเดินพุ่งชนรถยนต์เองเลยเป็นพยานให้คนขับรถแสนซวยคนนั้นได้ เห็นทีผู้ชายน่าสงสารคนนั้นคงไม่ต้องรับผิดชอบแล้วล่ะ!
อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ตายอนาถของอู่เจิ้งหงเมื่อช่วงกลางวันทำให้เหมยเหมยที่ได้รับความสะเทือนใจฝันถึงความตายในชาติที่แล้วอีกครั้ง ภาพเหตุการณ์หวนกลับคืนมา
เธอเห็นเหมยซูหานกับอู่เยวี่ยอยู่ตรงดาดฟ้ากอดกันแนบแน่นในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย เธอที่ทั้งโกรธทั้งตกใจวิ่งไปซักถามพวกเขา ผลสุดท้ายกลับโดนอู่เยวี่ยผลักให้ตกลงมา…
วินาทีที่ร่วงตกลงไปเธอเห็นใบหน้าตื่นตระหนกของอู่เยวี่ยรวมถึงความได้ใจและความโหดเหี้ยมในแววตาของเธอ
มันชัดเจนถึงเพียงนี้!
ดวงตาคู่นี้ฉายชัดในความฝันเธอทั้งคืน เย็นชาราวกับงูอสรพิษ
ตื่นเช้ามาเหมยเหมยปวดศีรษะแทบแย่และมีรอยช้ำตรงใต้ตาเล็กน้อย เลยรีบต้มไข่ปอกเปลือกประคบไปมาเลยทำให้รอยจางลงเล็กน้อย
นางแพศยาอู่เยวี่ย ทางที่ดีอย่าเก็บไว้เลยรีบจัดการให้จบดีกว่า จะได้ไม่ต้องมากระโดดโลดเต้นต่อหน้าเธออีก
………………………………………..
ตอนที่ 1281 มีคนใกล้เจอเรื่องโชคร้ายแล้ว
เมื่อตัดสินใจว่าจะกำจัดอู่เยวี่ย เหมยเหมยเลยเอารูปทั้งหมดของอู่เยวี่ยออกมา มีทั้งรูปพลอดรักกลางแจ้งของเธอกับหานป๋อหย่วนรวมถึงรูปที่อยู่ในร้านคาราโอเกะ
อู่เยวี่ยล่อเหยื่อลูกเขยเศรษฐีได้ไม่ใช่หรือ?
ถ้าหากรูปพวกนี้ถูกปล่อยออกไป คุณชายตระกูลเศรษฐีที่ทำเอาอู่เจิ้งซือชอบใจนักหนาคงไม่คิดแต่งงานกับอู่เยวี่ยแล้วสินะ?
ในเมื่อคนทั่วไปจะแต่งงานหาภรรยายังต้องดูสถานะความบริสุทธิ์ของอีกฝ่ายด้วย!
ตระกูลใหญ่โตพวกนั้นก็ยิ่งแล้วใหญ่!
ส่วนคุณชายตาบอดคนไหนที่ถูกตาต้องใจอู่เยวี่ยเข้าเหมยเหมยเองก็ไม่สนใจแล้ว ปล่อยรูปพวกนี้ออกไปก่อนค่อยว่ากัน เธอโทรหาพี่เสือให้เขาไปล้างรูปที่ถ่ายจากร้านคาราโอเกะนับพันใบก่อนไปปล่อยในสถานที่คนคับคั่งของเมืองจิน
“ที่ไหนคนเยอะก็ไปที่นั่น อืม…แจกหน้าประตูบริษัทของอู่เจิ้งซือเยอะๆ หน่อย”
“ครับ ล้างรูปต้องใช้เวลานิดหน่อย พรุ่งนี้ตอนเที่ยงผมจะให้เด็กๆ ไปแจกรูป” พี่เสือตอบ
“ไม่รีบ ระวังความปลอดภัยด้วยนะคะ”
เธอรอได้มาตั้งหลายปี แค่วันสองวันจะเป็นไรไป
แค่ไม่รู้ว่าหลังจากอู่เยวี่ยเห็นรูปพวกนั้นแล้วจะความรู้สึกอย่างไร?
รวมถึงอู่เจิ้งซือเป็นถึงผู้จัดการใหญ่ของบริษัท หากเห็นรูปโป๊เปลือยของลูกสาวตัวเองตรงหน้าประตูบริษัทคงอับอายขายขี้หน้าแย่เลยสินะ!
ฮ่าฮ่าฮ่า!
ไม่รู้หรือไงว่าเธอจ้าวเหมยเป็นคนใจแคบที่ต้องล้างแค้นคืนให้สาสม?
ในเมื่อมาโอ้อวดประกาศศักดาต่อหน้าเธอก็จะเอาให้อ่วมเลย!
“เหมยเหมยทำไมมีความสุขขนาดนี้? มีเรื่องน่ายินดีอะไรเหรอ เล่าให้พ่อฟังบ้างสิ!” จ้าวอิงหัวพูดหยอกพลางตักโจ๊กให้ลูกสาวถ้วยหนึ่งแถมยังปอกไข่ให้อีกหนึ่งฟอง แล้วยื่นไข่ขาวมาไว้ในจานของเหมยเหมยโดยที่ตัวเองเป็นฝ่ายกำจัดไข่แดงเอง
เหมยเหมยไม่ชอบทานไข่แดง อดีตตอนที่อยู่บ้านตระกูลอู่เธอต้องทนฝืนทานไม่กล้าให้อู่เจิ้งซือช่วยกินแทน ตอนเพิ่งกลับมาเธอเองก็ไม่กล้าให้จ้าวอิงหัวกินแทนแต่จ้าวอิงหัวต่างหากที่สังเกตว่าทุกครั้งที่เธอทานไข่แดงชอบทำท่าทางเหมือนได้กินยา จึงเป็นฝ่ายปอกไข่ให้เธอแล้วทานไข่แดงเข้าไป เหลือไข่ขาวไว้ให้ลูกสาว
ต่อให้เขาเองก็เกลียดการทานไข่แดงมากก็ตาม แต่พอทานมาหลายปีเขากลับชินเสียแล้ว
“เพราะมีคนใกล้เจอเรื่องโชคร้ายแล้ว” เหมยเหมยจัดการไข่ขาวในสองสามคำพลางยิ้มอย่างได้ใจ
จ้าวอิงหัวถามอย่างสนใจ “ใครมาล่วงเกินเจ้าหญิงตัวน้อยของพ่ออีกล่ะ?”
“ไม่บอก…หนูจะไปโรงเรียนแล้ว ไปก่อนนะคะคุณพ่อคุณแม่!”
เหมยเหมยทานโจ๊กเสร็จก็หยิบซาลาเปามังสวิรัติสองลูกไปด้วย ทำเอาจ้าวอิงหัวโมโหแทบแย่ ยายเด็กคนนี้ยิ่งโตก็ยิ่งเอาใจยาก
“ที่รัก ปอกไข่ให้สามีกินหน่อยสิ” พอน้อยใจจากลูกสาวเลยจำต้องไปอ้อนให้ภรรยาปลอบใจ
เหยียนซินหย่ามองค้อนใส่เขาแวบหนึ่ง คร้านจะสนใจเขา “ไม่มีมือเองหรือไง? อ้อ ฉันจะไปร่วมกิจกรรมไฉ่เฟิง[1] อีกสามวันถึงจะกลับมานะ”
จ้าวอิงหัวรู้สึกแย่ในทันที นานทีเขาจะมีเวลาว่างสักหน่อยแต่ภรรยากลับจะออกไปข้างนอกเสียอย่างนั้น ปวดใจจัง…
“ทำไมเมื่อคืนคุณไม่บอกผม?”
“บอกไปคุณต้องไม่ให้ฉันไปแน่ ฉันไม่โง่ขนาดนั้นหรอก” เหยียนซินหย่าทำหน้าได้ใจ ตอนนี้ต่อให้จ้าวอิงหัวคิดจะห้ามเธอก็ห้ามไม่ได้แล้ว
จ้าวอิงหัว ‘…ภรรยาเริ่มร้ายตามลูกสาวแล้ว’
เหยียนซินหย่าลากกระเป๋าเดินทางที่เตรียมเสร็จสรรพแต่เช้าก่อนจะให้จ้าวอิงหัวไปส่งเธอที่สนามบิน รอบนี้ทางเมืองจินได้ส่งตัวแทนไปจำนวนห้าถึงหกคนและนัดรวมตัวที่สนามบิน
เธอมาถึงเร็วไปหน่อยซึ่งคนอื่นๆ ยังมาไม่ถึง เหยียนซินหย่าจึงนั่งรอ
ในมุมหนึ่งมีสายตาอาฆาตคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเธอด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว กลับเป็นเหอปี้อวิ๋น ไม่รู้ว่าเธอออกมาตั้งแต่เมื่อไร
แล้วคิดจะทำอะไร!
……………………………….
[1] กิจกรรมไฉ่เฟิง เป็นการเข้าไปรวบรวมบทเพลงพื้นบ้านบทกลอนต่างๆ ของชาวบ้านในสมัยอดีต ปัจจุบันใช้อธิบายดาราหรือนักเขียนที่ไปใช้ชีวิตร่วมกับชาวบ้านเพราะต้องการประสบการณ์
ตอนที่ 1282 อันตรายคืบคลานเข้ามา
เหยียนซินหย่าไม่ได้รู้สึกถึงสายตาอันตรายจากในที่ลับเลยสักนิด ยกแขนขึ้นดูนาฬิกาข้อมือที่ห่างจากเวลานัดหมายกับศิลปินท่านอื่นๆ อีกสิบห้านาที
ทุกอย่างต้องโทษจ้าวอิงหัว หากไม่ใช่เพราะเขาตามวอแวเธอคงไม่ต้องรีบมาขนาดนี้ นึกถึงเจ้าหมอนั่นที่ยิ่งแก่ก็ยิ่งนิสัยเหมือนเด็กที่บ้าน เหยียนซินหย่าก็อดยิ้มไม่ได้ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสุข
บุคลิกอันสง่าและหน้าตาสะสวยที่โดดเด่นของเธอดึงดูดสายตาผู้ชายได้จำนวนหนึ่ง ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนมองเหยียนซินหย่าอย่างตะลึง แอบคิดในใจว่าช่างเป็นสาวงามที่หาได้ยากในยุคสมัยเสียจริง
“เห็นไหม หล่อนแก่กว่าเธอตั้งหลายปีแต่หล่อนยังหน้าตาอ่อนเยาว์งดงามเหมือนเดิม มีชื่อเสียงมีเงินทอง ชีวิตสุขสบาย แล้วดูสภาพเธอในตอนนี้สิ สู้คุณป้าทำความสะอาดห้องน้ำยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนแรกเธอมีงานมีหน้ามีตามีสามีที่มีความสามารถ ไม่ได้มีชีวิตที่แย่ไปกว่าเหยียนซินหย่าสักนิด เธอลองคิดให้ดีแล้วกันว่าใครกันแน่ที่ทำร้ายชีวิตเธอ?”
หวงอวี้เหลียนปรากฏตัวขึ้นข้างเหอปี้อวิ๋น เธอสวมแว่นกันแดดและผ้าโพกหัวไว้ปกปิดใบหน้าไปกว่าครึ่ง
ใบหน้าของเหอปี้อวิ๋นบิดเบี้ยวสายตาดุดันยิ่งกว่าเดิม เสียงดังเล็ดไรฟันออกมา “เหยียนซินหย่า…นางแพศยา…”
สายตาหวงอวี้เหลียนฉายแววเย้ยหยัน โง่จริง ๆ!
“แล้วก็จ้าวเหมย!” หวงอวี้เหลียนเอ่ยเตือน เจ้าโง่คนนี้ถูกข่มเหงมาพอประมาณแล้ว สุดท้ายนี้คงต้องใช้ประโยชน์ให้มากที่สุดอย่าได้พลาดเหมือนคราวที่แล้ว
เพียงแต่คราวที่แล้วก็ใช่ว่าจะพลาดไปเสียหมด แค่นึกถึงหร่วนเป่าฮุ่ยที่ยังศัลยกรรมใบหน้าอยู่ต่างประเทศ หวงอวี้เหลียนก็อารมณ์ดีเหลือเกิน
อย่าเห็นว่าภายนอกเธอกับหร่วนเป่าฮุ่ยเป็นเพื่อนสนิทมานานนับสิบกว่าปี มีความสัมพันธ์อันดีราวกับพี่น้องกันแท้ ๆ แต่ความจริงก็เป็นแค่ของเปลือกนอก
เธอไม่ได้จริงใจ หร่วนเป่าฮุ่ยเองก็เสแสร้งจอมปลอม ทุกคนต่างสร้างความสัมพันธ์ฉาบหน้ากันเท่านั้น!
เห็นหร่วนเป่าฮุ่ยโชคร้ายแบบนั้นอย่าให้ต้องพูดเลยว่าหวงอวี้เหลียนมีความสุขแค่ไหน ใครให้ผู้หญิงคนนี้อายุน้อยกว่าเธอ เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชายมากกว่าเธอล่ะ เป็นแค่ดอกไม้ช้ำ ๆแต่ยังได้ผู้ชายดี ๆ หล่อเหลาร่ำรวยได้อีกคน…
เหอปี้อวิ๋นปรายตามองหวงอวี้เหลียนที่ดูสูงส่งด้วยใบหน้าราบเรียบแล้วเอ่ยเสียงแหบพร่าว่า “ใช่ แล้วก็จ้าวเหมย”
หวงอวี้เหลียนยิ้มอย่างพึงพอใจพลางกล่าวเตือนเธอ “ครั้งนี้เอาตัวเธอออกมาเสียแรงฉันไปมาก เธอตั้งใจทำงานให้ดีเชียวล่ะอย่าพลาดเหมือนครั้งที่แล้ว รู้ว่าฉันให้เธอออกมาทำอะไรใช่ไหม?”
“รู้ จับตัวเหยียนซินหย่าไปในที่ที่เธอบอกแล้วโทรเรียกจ้าวเหมยไป” เหอปี้อวิ๋นเชื่อฟังว่าง่าย
“จำไว้ก็ดี ข้างนอกจะมีคนรอรับเธอ เธอทำอะไรให้กระฉับกระเฉงหน่อย จำไว้ ฉันกับเธอไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนะ!”
หวงอวี้เหลียนย้ำอีกครั้งถึงจะเหยียบรองเท้าส้นสูงเดินบิดตัวไปมาด้วยสีหน้าชอบใจ
เธอออกแรงช่วยคุณชายเช่อจัดการเรื่องใหญ่ขนาดนี้ คุณชายเช่อต้องเป็นที่หนุนหลังให้เธอ ถึงเมื่อนั้นซานซานของเธอก็จะกลับประเทศได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตลำบากที่ต่างแดนอีกแล้ว
ส่วนเรื่องที่ซานซานจ้างมือปืน ขอแค่คุณชายเช่อยอมช่วยก็เป็นเรื่องง่ายเพียงหยิบมือ ถึงเมื่อนั้นแค่บอกว่าจ้าวเหมยจงใจใส่ร้ายซานซานของเธอก็พอแล้ว
สมัยนี้ขอแค่มีอำนาจมีอิทธิพล สีดำยังบอกเป็นสีขาวได้เลย
ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมเฮ่อเหลียนเช่อต้องลักพาตัวสองแม่ลูกเหยียนซินหย่าไป หวงอวี้เหลียนหลงคิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อถูกตาต้องใจสองแม่ลูกคู่นี้เข้า ล้วนบอกกันว่าคุณชายเช่อกินเรียบทั้งคนแก่ทั้งเด็ก ไม่แน่เขาอาจจะอยากพาสองแม่ลูกไปเล่นสนุกด้วยกันก็ได้!
ในแวดวงสังคมเหล่าคุณชายเวลาเล่นสนุกบ้าบิ่นแค่ไหนใช่ว่าเธอจะไม่รู้ หนำซ้ำเฮ่อเหลียนเช่อยังเป็นคนที่เหนือกว่าคนพวกนั้น
เหอปี้อวิ๋นจ้องแผ่นหลังหวงอวี้เหลียนเขม็ง กระทั่งลับตาไปจู่ ๆเธอก็แสยะยิ้มอย่างสยดสยอง
ดูถูกเธอแล้วยังคิดจะให้เธอเชื่อฟังคำสั่งเหรอ?
เหอะ คิดว่าเธอเหอปี้อวิ๋นเป็นคนโง่จริงหรือ?
เหยียนซินหย่าแย่งคนรักของเธอไป ทำร้ายลูกชายของเธอ เธอจะต้องจัดการนางแพศยาคนนี้ให้ตายให้ได้!
แล้วก็นางแพศยาตัวน้อยจ้าวเหมย รอบนี้ก็เอาให้ตายไปพร้อมกันเลย!
……………………………………
ตอนที่ 1283 พิสูจน์ด้วยความตาย
หวงอวี้เหลียนกลับบ้านอย่างชื่นใจ อารมณ์ดีจนแทบลอยขึ้นฟ้าจึงต้มน้ำชานมหอมกรุ่นและอบขนมเค้ก เปิดดนตรีผ่อนคลายดื่มด่ำกับเวลาดื่มชารสชาติหอมหวานตอนเช้าที่บ้านเพียงลำพัง
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงหวงอวี้เหลียนถึงนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ตอบกลับทางเฮ่อเหลียนเช่อเลยรีบโทรหาเฮ่อเหลียนเช่อ
เฮ่อเหลียนเช่อที่กำลังรอจนเริ่มไม่สบอารมณ์กดรับสาย น้ำเสียงเย็นยะเยือกทำเอาหวงอวี้เหลียนสะดุ้งตกใจเฮือกไม่กล้าหายใจเสียงดัง
“ทำไมถึงตอบช้าขนาดนี้? เป็นอย่างไรบ้าง?”
หวงอวี้เหลียนกลืนน้ำลายดังเอือก ตอบกลับด้วยเสียงระแวดระวัง “ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ เหอปี้อวิ๋นน่าจะได้ตัวแล้ว คิดว่าอีกครึ่งชั่วโมงคงพาเหยียนซินหย่าไปหาคุณชายเช่อได้”
เฮ่อเหลียนเช่อคลายหัวคิ้วที่ขมวดลง ค่อนข้างพึงพอใจกับผลลัพธ์การทำงานของหวงอวี้เหลียน “ได้ หลังจบเรื่องฉันจะไม่ลืมคุณงามความดีของเธอแน่”
“ขอบคุณคุณชายเช่อ” หวงอวี้เหลียนดีใจอย่างปิดไม่มิด
ซานซานของเธอใกล้จะได้กลับมาแล้ว!
แล้วก็นางแพศยาตัวน้อยจ้าวเหมย หลังจากโดนคุณชายเช่อเล่นสนุกเธอจะไปปล่อยข่าวให้คนนอกรู้ จะต้องให้นางแพศยาคนนี้ชื่อเสียงเสื่อมเสียเหม็นยิ่งกว่าน้ำเน่าในท่อน้ำเสีย เหอะ วัยรุ่ยอัจฉริยะอะไรกัน?
ก็แค่นางแพศยาที่โดนผู้ชายขย้ำเล่นจนบอบช้ำแล้วก็เท่านั้น!
เฮ่อเหลียนเช่อวางสายเอ่ยสั่งลูกน้องว่า “เดี๋ยวพาตัวเหยียนซินหย่าไปที่คฤหาสน์นอกเมือง ยายป้านั่นหน้าตาไม่เลว ตบรางวัลให้พวกแกแล้วกัน แต่อย่าให้ถึงตายล่ะ”
“ขอบคุณคุณชายเช่อ!”
ลูกน้องหลายคนเบิกบานใจไม่น้อย พวกเขาติดตามเหยียนซินหย่ามาหลายวันย่อมรู้ว่าผู้หญิงคนนี้สวยแค่ไหน ต่อให้อายุมากไปหน่อยแต่ก็สวยจนพวกเขาคันยุบยิบในใจ ตอนนี้ลูกพี่อนุญาตแล้วพวกเขาจะไม่ดีใจได้อย่างไร!
เหมยซูหานถือกล่องเก็บความร้อนขึ้นมา หลายวันนี้เขาไม่ได้พักที่โรงแรมทำให้เฮ่อเหลียนเช่อเริ่มทำตัวเป็นเด็ก เขาเลยต้มบะหมี่ผักกาดดองเค็มใส่เนื้อมาปลอบเฮ่อเหลียนเช่อสักหน่อย แต่เสียงที่แว่วออกมาจากห้องกลับทำให้เขาใจหล่นวูบ
นี่พวกเขาจะลงมือกับแม่ของเหมยเหมยเหรอ?
แล้วยังใช้วิธีที่โหดร้ายแบบนั้นอีก!
เหมยซูหานโกรธถึงขีดสุดเลยผลักประตูพุ่งเข้าไปอย่างไม่ทันคิด ปรายตามองพวกเฮ่อเหลียนเช่ออย่างเย็นชา
“ทำไมนายต้องทำร้ายเหยียนซินหย่า?”
เฮ่อเหลียนเช่อลอบสบถในใจ เรื่องนี้เขาปิดบังเหมยซูหานมาตลอด ไม่คิดว่าจะโดนจับได้วันนี้โดยไม่ทันระวังตัว เขาส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ลูกน้องเข้าใจความหมายเลยเตรียมตัวจะออกไปจากห้องนี้
“ห้ามไปไหนทั้งนั้น ห้ามพวกนายไปทำร้ายเหยียนซินหย่า อาเช่อ นายสัญญากับฉันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะไม่ทำอะไรจ้าวเหมยอีก? นายเรียกให้พวกเขากลับมานะ” เหมยซูหานยืนขวางหน้าประตูด้วยท่าทีแข็งกร้าว
เฮ่อเหลียนเช่อเริ่มหน้าเสีย เขาเป็นคนรักษาคำพูดต่อหน้าลูกน้องมาตลอด คำสั่งที่หลุดจากปากแม้รู้ดีว่าเป็นเรื่องผิดแต่ก็ไม่มีทางถอนกลับคืนได้
การเปลี่ยนคำสั่งไม่ใช่สไตล์ของเฮ่อเหลียนเช่อ!
“ไม่ได้ ออกคำสั่งไปแล้วฉันไม่มีทางถอนคืน เรื่องงานฉันนายอย่ามายุ่ง” เฮ่อเหลียนเช่อตอบเสียงเย็น
“เรื่องงานนายฉันไม่ยุ่งอยู่แล้ว แต่นายจะทำร้ายเหยียนซินหย่าไม่ได้ นายไม่ยอมถอนคำสั่งใช่มั้ย? ได้ งั้นนายก็ฆ่าฉันไปเลย ฉันรู้ว่านายไม่เชื่อว่าฉันจริงใจ งั้นฉันจะพิสูจน์ด้วยการตายแล้วกัน!”
เหมยซูหานวางกล่องเก็บความร้อนไว้บนพื้นพลาง ล้วงมีดสั้นแสนประณีตเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋า นี่เป็นสิ่งที่เฮ่อเหลียนเช่อมอบให้เขาพกติดตัวไว้ป้องกันตัว
มีดสั้นแม้ขนาดกะทัดรัดแต่กลับแหลมคมหั่นเหล็กง่ายราวกับก้อนดินโคลน นี่เป็นครั้งแรกที่เหมยซูหานใช้งานมันเลยไม่รู้ว่ามีดสั้นเล่มนี้จะเร็วได้ขนาดนี้
เขาแค่อยากแกล้งหลอกให้เฮ่อเหลียนเช่อตกใจถึงได้ดึงปลอกเก็บมีดออกแล้วเลื่อนปลายโลหะเย็นยะเยือกเข้ามาใกล้ข้อมือ เฮ่อเหลียนเช่อตกใจจนหน้าซีดกระโจนเข้าไปหมายจะแย่งมีดจากมือแต่ก็สายไปหนึ่งก้าว
ตอนที่ 1284 หายตัวไป
เหมยซูหานเห็นข้อมือข้างซ้ายที่โดนตัวเองเฉือนจนใกล้ขาดก็ยืนชะงักและไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด
ทำไมมีดถึงได้เร็วขนาดนี้?
เขายังไม่ทันออกแรงเลย!
เลือดกระฉูดออกมาทันทีราวกับน้ำพุรวมถึงความเจ็บจี๊ดถึงหัวใจ เหมยซูหานหน้าซีดในฉับพลันและหน้ามืด
“ซูหานอย่ากลัว ตอนนี้ฉันจะพานายไปโรงพยาบาล แขนจะไม่เป็นอะไร”
เฮ่อเหลียนเช่อปวดใจแทบแย่เจ็บยิ่งกว่าเขาด้วยซ้ำ ไม่คิดเลยว่าเหมยซูหานที่ปกติอ่อนแอปวกเปียกราวกับซาลาเปาวันนี้จะเด็ดเดี่ยวขึ้นมาบอกกรีดข้อมือก็กรีดเลย!
“เหยียนซินหย่า…” เหมยซูหานเอ่ยขึ้นพลางกลั้นความเจ็บเอาไว้
เฮ่อเหลียนเช่อในเวลานี้จะยังมีกะจิตกะใจอะไรไปสนเหยียนซินหย่าเลยพยักหน้ารัว “ฉันจะให้พวกมันกลับมาเดี๋ยวนี้ รับรองว่าไม่ทำอะไรเหยียนซินหย่าอีก แล้วก็จ้าวเหมย…ฉันสัญญา จะไม่ทำอะไรครอบครัวนี้อีกแล้ว!”
เหมยซูหานถึงได้สลบไปอย่างสบายใจ
เขารู้ว่าในเมื่อเฮ่อเหลียนเช่อตอบตกลงก็ไม่มีทางทำร้ายเหมยเหมยอีก
เฮ่อเหลียนเช่อพยุงแขนข้างที่เหมยซูหานกรีดข้อมือแล้วให้ลูกน้องรีบขับรถพาไปส่งโรงพยาบาล “เร็วหน่อย…ไสหัวไปฉันจะขับเอง!”
“คุณชายเช่อ…แล้วทางเหยียนซินหย่า?” ลูกน้องถามอย่างลังเล ยังอาลัยอาวรณ์คนสวย ๆแบบนั้นมากจริงๆ!
ในตอนนี้เฮ่อเหลียนเช่อแค่ได้ยินชื่อเหยียนซินหย่าก็ปวดศีรษะ หากไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้เหมยซูหานจะบาดเจ็บหนักได้ถึงเพียงนี้หรือ?
“หูตึงกันหรือไง? ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเมื่อกี้เหรอ? รีบถอนตัวกลับมาให้หมด หลังจากนี้ห้ามไปหาเรื่องครอบครัวนี้อีก!” เฮ่อเหลียนเช่อยกเท้ากระทืบอย่างแรง พลันเหยียบคันเร่งให้สุดพุ่งทะยานไปที่โรงพยาบาลโดยไม่สนใจลูกน้องพวกนี้อีก
เหมยเหมยไปโรงเรียนอย่างอารมณ์ดี อู่เชาเองก็มาเรียนด้วยแต่กลับไม่มีชีวิตชีวา เจ้าตัวดูเศร้าหมองจนแม้แต่เนื้อซี่โครงเมนูสุดโปรดยังเรียกความสนใจจากเขาไม่ได้เลย
“นายอย่าคิดมากไปเลย การตายของคุณอาของนายไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น เธอคิดสั้นเอง” เหมยเหมยปลอบเขา
เด็กคนนี้เองก็น่าสงสาร อีกด้านก็เป็นแม่แท้ ๆ กับอดีตอาเขยที่กลายเป็นพ่อเลี้ยง ส่วนอีกทางเป็นอาแท้ ๆ เขาเป็นคนกลาง ไม่ว่าจะพูดอะไรก็พูดไม่ได้ทั้งนั้น
“เมื่อคืนคุณย่าฉันไปอาละวาดที่บ้าน บอกว่าแม่ฉันกับอาจี้เป็นตัวต้นเหตุการตายของอาฉัน…ฮือ จากนี้ไปฉันกลับบ้านคุณปู่ไม่ได้อีกแล้ว” อู่เชาทำหน้าสลดเอามือปิดหน้าพลางถอนหายใจ
เมื่อคืนเขาฝันร้ายตลอดคืน ในฝันมีแต่เลือดทำเขาตกใจแทบตาย!
เหมยเหมยตบบ่าเจ้าเด็กน่าสงสารคนนี้เบา ๆ ไม่รู้ว่าควรปลอบเขาอย่างไรดี
“แม่นายกับอาจี้เป็นอย่างไรบ้าง?” เหมยเหมยถาม
“พวกเขาก็รู้สึกแย่เหมือนกัน แม่ฉันเสียใจมากบอกว่าไม่ควรจัดโต๊ะจีนเพราะอารมณ์โกรธชั่ววูบเลย อาจี้เองก็บอกว่าเขาพูดผิดเอง เขารู้สึกแย่ยิ่งกว่าแม่ของฉันเสียอีก”
เหมยเหมยส่ายศีรษะ ชักจะเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีต่ออนาคตของเว่ยชิวเยวี่ยกับจี้เจี้ยนโปเสียแล้ว
แม้อู่เจิ้งหงจะโง่แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือคนโง่มักทำเรื่องโง่ ๆ อู่เจิ้งหงได้สังเวยชีวิตตัวเองฝังตะปูไว้ระหว่างเว่ยชิวเยวี่ยกับจี้เจี้ยนโปสำเร็จแล้ว มันจะผุดออกมาทิ่มแทงทั้งคู่เป็นพัก ๆ ทำให้พวกเขาไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข
บางทีหนามตัวนี้อาจทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ยังเป็นปัญหาด้วยซ้ำว่าจะเดินไปถึงสุดปลายทางได้หรือไม่!
เกือบถึงตอนบ่ายเหมยซูหานก็ผ่าตัดสำเร็จ เพราะส่งถึงโรงพยาบาลทันเวลาเลยรักษาแขนซ้ายของเหมยซูหานไว้ได้ เพียงแต่อนาคตไม่สามารถยกของหนักได้อีกก็ยังส่งผลกระทบอยู่ดี
เฮ่อเหลียนเช่อตบหัวตัวเองหลายทีอย่างหงุดหงิด ตัดสินใจว่ารอผ่านไปสักพักจะพาเหมยซูหานไปรักษาที่ต่างประเทศ ต้องสามารถกลับมาฟื้นตัวได้เหมือนเดิมแน่นอน
เหมยซูหานยังไม่ฟื้นจากฤทธิ์ยานอนหลับ เฮ่อเหลียนเช่อคอยเฝ้าอยู่เคียงข้างเขาเสมอและขณะนั้นเองลูกน้องถึงกล้าวิ่งมารายงาน “คุณชายเช่อ เหอปี้อวิ๋นกับเหยียนซินหย่าหายตัวไปครับ”
…………………………………………….
ตอนที่ 1285 เป็นการกลั่นแกล้งหรือ
เดิมทีลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อได้รับคำสั่งเตรียมปล่อยตัวเหยียนซินหย่าหลังเหอปี้อวิ๋นพามาส่ง แต่พวกเขารอแล้วรอเล่า รอจนหมดช่วงเช้าก็ไม่เห็นเงาหัวเหอปี้อวิ๋น ถึงเริ่มรู้สึกผิดปกติเลยวิ่งไปตามหาในสนามบิน
ลูกน้องพบว่าเหยียนซินหย่าไม่ได้เช็คอินขึ้นเครื่องบิน เจ้าตัวก็ไม่อยู่สนามบิน เหอปี้อวิ๋นเองก็หายตัวไป
ลองโทรถามหวงอวี้เหลียนแต่ยายป้าคนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น พูดย้ำอยู่นั่นว่าเหอปี้อวิ๋นต้องพาตัวไปส่งแน่ ๆ ฟังจนพวกเขาอยากจะด่าถึงบุพการีเสียจริง
เฮ่อเหลียนเช่อนิ่งงัน ไม่อาจยอมรับได้ในทันที
เขาเฮ่อเหลียนเช่อท่องยุทธภพมาหลายปีแต่ตอนนี้กลับโดนหญิงแก่ที่แสนโง่เขลาหลอกเข้าให้ หากให้คนนอกรู้เข้าโดยเฉพาะตาแก่กับเหยียนหมิงซุ่น สองคนนี้จะต้องหัวเราะเยาะเย้ยเขาแน่
“ไปตามหาตัวมา ต่อให้พลิกแผ่นดินก็ต้องหาให้เจอ เหอปี้อวิ๋นนั่นถ้าหาเจอก็ฆ่าหล่อนซะ…ยายป้าแก่นี่กล้าปั่นหัวฉัน!” เฮ่อเหลียนเช่อระเบิดอารมณ์
เขาไม่เพียงแค่โกรธที่เหอปี้อวิ๋นแอบตลบหลัง แต่ยิ่งแค้นที่ผู้หญิงคนนี้ทำให้เหมยซูหานต้องกรีดข้อมือ
ทางนี้เขาได้รับโทษทำร้ายเหยียนซินหย่า แต่ทางนั้นเหอปี้อวิ๋นกลับไม่คิดจะส่งตัวเหยียนซินหย่ามาแต่แรก เกรงว่าผู้หญิงคนนี้กำลังหัวเราะเยาะหาว่าเขาโง่อยู่ด้วยซ้ำ!
ให้ตายเถอะ ผู้หญิงคนนี้บังอาจมาก!
“หาผู้หญิงคนนี้เจอแล้วอย่าเพิ่งให้ตาย ฉันจะจัดการหล่อนเอง!” เฮ่อเหลียนเช่อเผยยิ้มสยอง ลูกน้องตัวสั่นระริกอย่างอดไม่ได้ พอจะคาดเดาจุดจบน่าเศร้าของเหอปี้อวิ๋นได้แล้ว!
ผู้หญิงคนนี้ใจกล้าเหลือเกินที่กล้าหลอกแม้แต่คุณชายเฮ่อเหลียน หึ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วสินะ!
ขณะกำลังเรียนช่วงบ่ายอยู่เพจเจอร์ในกระเป๋าเสื้อของเหมยเหมยสั่นครืดอย่างกะทันหัน หากเป็นปกติเธอคงรอเรียนหมดคาบค่อยหยิบมาดู แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้เธอถึงใจว้าวุ่นเหลือเกิน มักรู้สึกว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น
ถือโอกาสที่คุณครูหันหลังไปเขียนกระดานเหมยเหมยหยิบเพจเจอร์ออกมาดูก่อนที่จะหน้าถอดสี
“ฉันคือเหอปี้อวิ๋น แม่ของเธอกำลังมาเป็นแขกของฉัน”
ข้อความไร้ที่มาทั้งยังไม่เหลือช่องทางติดต่อไว้ เหมยเหมยอยากคิดว่ามันเป็นเพียงการกลั่นแกล้งเหลือเกิน ทั้งที่เหยียนซินหย่าควรอยู่ทางใต้แล้ว ไม่แน่อาจกำลังเดินเล่นอยู่ริมชายหาดแล้วก็ได้!
อีกอย่างเหอปี้อวิ๋นกำลังรับโทษอยู่ในเรือนจำ แล้วจะหลุดออกมาได้อย่างไร?
ต้องเป็นการกลั่นแกล้งของคนอื่น!
ต้องใช่แน่ๆ!
แม้ปากจะปลอบตัวเองอย่างนั้นแต่เหมยเหมยฟุ้งซ่านขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นเรื่องจริงล่ะ?
“คุณครูคะ…หนูปวดท้อง…”
เหมยเหมยเอามือกุมท้องทำหน้าเจ็บปวด คุณครูให้อู่เชาพาเธอไปส่งห้องพยาบาลโดยไม่คิดสงสัยสักนิด พอออกจากห้องเรียนเหมยเหมยก็ยืดหลังตรงบอกกับอู่เชาว่า “เดี๋ยวนายกลับไปบอกว่าฉันปวดท้องรุนแรง คุณหมอให้ฉันกลับไปพักผ่อนที่บ้านนะ”
“เหมยเหมยเธอแกล้งป่วยเหรอ?” อู่เชาตกตะลึง
“ฉันมีธุระด่วน นายทำตามที่ฉันบอก ฉันไปล่ะ”
เหมยเหมยไม่มีเวลาอธิบายก็วิ่งหุนหันออกไป เธอต้องไปตามสืบความจริงของข้อความฉบับนี้ หลังออกจากประตูโรงเรียนเธอก็ไปใช้โทรศัพท์สาธารณะแถวละแวกนั้นเพื่อโทรหาพี่เสือ
“พี่เสือ พี่รีบไปเรือนจำหญิง ดูว่าเหอปี้อวิ๋นยังอยู่มั้ย!”
หากเหอปี้อวิ๋นไม่อยู่เรือนจำถ้าอย่างนั้นข้อความฉบับนี้ก็ไม่ใช่การกลั่นแกล้งแต่อาจส่งมาจากเหอปี้อวิ๋นจริง ๆ
เหมยเหมยยังคิดจะไปตรวจเช็คที่สนามบินว่าเหยียนซินหย่าได้เช็คอินหรือเปล่า เมื่อคืนเหยียนซินหย่าแอบบอกเธอว่าวันนี้เธอจะขึ้นเครื่องรอบแปดโมงครึ่งเพื่อไปร่วมกิจกรรมไฉ่เฟิง ณ เมืองแห่งหนึ่งทางใต้ แต่เสียดายเธอไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของทางผู้จัดไม่อย่างนั้นแค่โทรไปหาเหยียนซินหย่าก็พอ
เพจเจอร์ดังขึ้นอีกครั้ง เหมยเหมยรีบล้วงออกมาดู
“โทรหาเบอร์นี้ ภายในห้านาที”
ตอนที่ 1286 จู่โจม
เหมยเหมยใจดิ่งวูบ เบอร์นี้แค่ดูก็รู้ว่าเป็นเบอร์สาธารณะ แล้วจะเป็นใคร?
เธอคิด ๆดูแล้วก็โทรไป เสียงรอสายดังเพียงครั้งเดียวก็มีคนรับสาย เสียงแหบพร่าดังแว่วมาจากอีกฝั่ง เหมยเหมยได้ยินก็รู้ทันทีว่าเป็นใครหัวใจพลันดิ่งวูบสู่เหวลึก
“เหอปี้อวิ๋น เธอคิดจะทำอะไร?” เหมยเหมยถามเสียงดุดัน
เป็นเหอปี้อวิ๋นจริง ๆด้วย เธอออกมาได้อย่างไร?
“เหอะเหอะ…ฉันแค่อยากเชิญเธอมาเป็นแขก…” น้ำเสียงเริ่มเย็นยะเยือกขึ้น “แกทำตัวดี ๆหน่อย มาที่ภูเขาเฟิ่งหวงซานภายในหนึ่งชั่วโมง แค่แกคนเดียว ถ้าพาคนอื่นมาด้วยฉันจะเอาเหยียนซินหย่าถึงตาย
แล้วก็ถ้าแกมาช้าทุกหนึ่งนาทีฉันจะเฉือนอวัยวะเหยียนซินหย่าออกหนึ่งชิ้น แกมาช้าได้ตามสบายฉันไม่รีบ ก็ต้องดูว่าบนร่างกายแม่ของแกมีให้เฉือนมากแค่ไหน”
“เหอปี้อวิ๋นแกกล้าเหรอ!” เหมยเหมยถลึงตาด้วยความโกรธ
“ฉันมีอะไรที่จะไม่กล้า…ฉันไม่เหลืออะไรแล้วเพราะแกกับแม่ของแกทำร้ายไปจนหมดแล้ว…เหอะ…คนเท้าเปลือยไม่กลัวคนใส่รองเท้าหรอก แกอย่าคิดเล่นตุกติก มาหาฉันภายในหนึ่งชั่วโมง เริ่มจับเวลาตั้งแต่ตอนนี้…”
เสียงดังแกร๊กเพราะถูกตัดสายมีเสียงดังลอยมา ‘ตู๊ดตู๊ดตู๊ด’
เหมยเหมยกระวนกระวายใจ เหอปี้อวิ๋นในตอนนี้ไม่มีอะไรให้เสียแล้วไหนจะมีคดีฆาตกรรมสองชีวิตติดตัว การฆ่าอีกสักคนสำหรับเธอเป็นแค่เรื่องง่ายดาย
เธอต้องรีบไปภูเขาเฟิ่งหวงซานโดยเร็ว!
จะให้เหยียนซินหย่าโดนเหอปี้อวิ๋นทำร้ายไม่ได้
เหมยเหมยคิดๆ แล้วก็ส่งข้อความหาพี่เสืออีกครั้งแต่เพราะเวลามีจำกัดเธอแค่พูดสั้นๆ ว่าไปภูเขาเฟิ่งหวงซาน ก่อนจะโบกรถแท็กซี่มุ่งหน้าสู่ภูเขาเฟิ่งหวงซาน
เสียดายที่ไม่ได้พาฉิวฉิวไปเรียนด้วยไม่อย่างนั้นต้องตามหาเหอปี้อวิ๋นเจอได้อย่างง่ายดายเพราะภูเขาเฟิ่งหวงซานเป็นบ้านเกิดของฉิวฉิว ส่วนฉาฉาอยู่บ้านเนื่องจากสภาพอากาศข้างนอกมันร้อน สภาพร่างกายของมันรับไม่ไหว
ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาเที่ยงวัน สภาพอากาศไม่ค่อยดีนักเพราะหลายวันก่อนเพิ่งฝนตกทำให้ทางโขดหินบนภูเขาเฟิ่งหวงซานยังลื่นอยู่บ้าง บนภูเขาแทบไม่มีใคร บรรยากาศเงียบสงัดแถมยังดูวังเวง
คนขับรถแท็กซี่ใจดีคิดจะรอเหมยเหมย เด็กผู้หญิงหน้าตาสวยแบบนี้มาเดินอยู่กลางป่ากลางเขากลัวจะเกิดอันตราย
เหมยเหมยกลับให้คนขับรถกลับไป คนสติไม่ดีอย่างเหอปี้อวิ๋นบอกแล้วว่าอย่าเอาใครมาด้วยด้วย หากเธอเห็นคนขับรถเกรงว่าจะเป็นภัยต่อเหยียนซินหย่า
รอคนขับรถกลับไปเหมยเหมยกวาดตามองรอบทิศซึ่งไม่เห็นเหอปี้อวิ๋น ได้ยินเพียงเสียงร้องของฝูงนก บรรยากาศเงียบจนน่าขนลุก
“เหอปี้อวิ๋น…ฉันมาแล้ว…เธอออกมาสิ…”
เหมยเหมยสงบสติอารมณ์ไม่อยู่พลางตะโกนเสียงดัง เสียงสะท้อนดังกระทบหูแต่ไร้เสียงตอบรับใดๆ
“เหอปี้อวิ๋นออกมา…เธอหลบแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน? เธออยากจัดการฉันไม่ใช่เหรอ…ออกมาสิ…”
ความเงียบราวกับป่าช้าทำให้เหมยเหมยยิ่งกังวลใจ เธอกลัวเหยียนซินหย่าจะโดนทำร้ายเพราะตั้งแต่เหยียนซินหย่าออกเดินทางถึงตอนนี้ก็ผ่านไปราวหกชั่วโมงแล้ว เวลามากพอจะให้เหอปี้อวิ๋นลงมือ
เหมยเหมยที่เป็นฝ่ายถูกยั่วยุร้อนรนเหลือเกิน ต่อให้เธอเป็นฝ่ายตกอยู่ในอันตรายเองก็ไม่ร้อนใจขนาดนี้ พอเรียกไปหลายทีไม่มีเสียงตอบรับ เหมยเหมยก็ทนรอต่อไปไม่ไหว เธอล้วงแส้จากกระเป๋าออกมาตัดสินใจไปหาด้วยตัวเอง
เหอปี้อวิ๋นโผล่มาจากดงหญ้าในมือมีก้อนหินขนาดใหญ่แอบย่องเข้าไปเงียบ ๆ เหมยเหมยรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติทางด้านหลังแต่เพิ่งหันหลังก้อนหินก็ถูกทุบลงมา
ความเจ็บจี๊ดจากด้านหลังศีรษะ ในสถานการณ์คับขันเหมยเหมยกระชากกระดุมเสื้อกันหนาวออกมาหนึ่งเม็ดก่อนที่สติสัมปชัญญะจะหายไป
พี่เสือรีบไปยังเรือนจำหญิงก่อนจะพบว่าเมื่อวานเหอปี้อวิ๋นถูกส่งตัวไปรักษาข้างนอกเพราะโรคกำเริบกะทันหัน แต่พอตอนเขาไปถึงโรงพยาบาลกลับสังเกตว่าบนเตียงนั่นไม่ใช่เหอปี้อวิ๋น แต่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สมองไม่ค่อยปกติเท่าไร
……………………
ตอนที่ 1287 ใจที่ต้องการปกป้องลูกสาว
เหมยเหมยฟื้นจากการถูกถูลู่ถูกังไปตามพื้น หลังศีรษะเจ็บมาก บนร่างกายเองก็เจ็บมากเช่นกัน เพราะมีหินขนาดเล็กคอยทิ่มแผ่นหลังอยู่เป็นพักๆ ข้างหูมีเสียงดังเสียดสีซ่าซ่ารวมถึงเสียงก้าวเดินของฝีเท้า
เธอลืมตาขึ้นเล็กน้อย เห็นว่าตรงหน้ามีเท้าคู่หนึ่งสวมรองเท้าแตะราคาถูกส่วนกางเกงเป็นกางเกงนักโทษสีเทากากี กำลังเดินอยู่ เธอเลื่อนสายขึ้นไปอีกก็เห็นเหอปี้อวิ๋นที่หน้าดูแก่โทรมอยู่ในชุดนักโทษสีเทา ผมหงอกขาวเกินกว่าครึ่งถูกมัดลวก ๆ และมีบางส่วนที่หลุดออกมาสยายเหมือนหญ้าแห้ง
ความเจ็บแผ่ซ่านมาจากแผ่นหลังคาดว่าน่าจะกระแทกโดนก้อนหินขนาดใหญ่ เจ็บจนเธอเกือบหลุดเสียงออกมาแต่เธอพยายามกลั้นเอาไว้ ดึงกิ๊บบนศีรษะทิ้งไว้ระหว่างทาง
เธอจะทิ้งของไว้หนึ่งชิ้นในทุกช่วงระยะทางที่ถูกลาก ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดมือ กิ๊บ กระดุม สร้อยข้อมือต่าง ๆ ดีที่ทางไม่ไกลมากแค่อาศัยเสื้อโค้ทกึ่งยาวที่มีกระดุมสองแถวของเธอก็พอใช้เป็นสัญลักษณ์ได้แล้ว
ก่อนเธอมาที่นี่ได้บอกพี่เสือว่าไปภูเขาเฟิ่งหวงซานซึ่งคิดว่าไม่นานพี่เสือก็น่าจะตามมาถึง สิ่งเดียวที่เธอต้องทำก็คือพยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุด
แล้วก็ตามหาเหยียนซินหย่า หวังว่าเธอจะยังไม่โดนทำร้าย
โดนลากอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงจนชาไปทั้งแผ่นหลัง หลังศีรษะก็เจ็บจะแย่ไหนจะความรู้สึกเหนียวหนึบนั่นอีก สงสัยจะเลือดไหลแล้ว
ในที่สุดก็หยุดลง เหอปี้อวิ๋นโยนเหมยเหมยลงพื้นแล้วจ้องเธอเขม็ง อารมณ์บ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ สายตาที่จ้องเขม็งมาทำเอาเหมยเหมยใจเสียเลยหลุดครางทีหนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้น
“ที่นี่ที่ไหน…เหอปี้อวิ๋นเธอ…เธอคิดจะทำอะไร?”
เหมยเหมยแสร้งทำเป็นลนลานและถือโอกาสกวาดตาสังเกตรอบด้าน
แสงอาทิตย์มืดสลัวและมีกลิ่นไอชื้นแฉะเลยคิดว่าน่าจะอยู่ในถ้ำ แม้ภูเขาเฟิ่งหวงซานไม่สูงเท่าไรแต่กลับมีถ้ำจำนวนไม่น้อย บางถ้ำมีแหล่งน้ำด้วยซ้ำ!
จุดที่ไม่ห่างไกลจากเธอมีคนหนึ่งนอนแน่นิ่งบนพื้นไม่รู้เป็นตายไร้ร้ายดีอย่างไรบ้าง เพียงแวบเดียวเหมยเหมยก็จำได้ว่าเป็นเหยียนซินหย่าเลยอดตะลึงไม่ได้
“เหอปี้อวิ๋น…เธอทำอะไรแม่ฉัน…”
เหมยเหมยอยากคลานไปดูอาการของเหยียนซินหย่า แต่เหอปี้อวิ๋นกลับเดินมากระทืบหน้าท้องเธอทีหนึ่ง เจ็บจนเธอแทบสลบเหมือด
“อยู่นิ่งๆ วางใจได้ นางแพศยานั่นยังมีชีวิตอยู่ ฉันยังทรมานไม่หนำใจจะให้มันตายก่อนได้อย่างไร!”
เหอปี้อวิ๋นยิ้มชั่วร้ายทำหน้าได้ใจ
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง นางแพศยาสองคนที่เธอเกลียดแค้นมากที่สุดในโลกกำลังคลานอยู่ใต้เท้าเธอเยี่ยงหมา เธอทำอะไรก็ได้ คิดอยากทำอะไรก็ทำ!
ฮ่าฮ่าฮ่า!
เหอปี้อวิ๋นเดินไปข้างเหยียนซินหย่าที่โดนเธอทุบจนสลบแล้วออกแรงกระทืบหลายที โดยเลือกเตะเข้าจุดอ่อนไหวทุกที เหมยเหมยเคียดแค้นเหลือเกินแต่กลับทำอะไรไม่ได้
เหยียนซินหย่าครางไม่กี่ทีก็ฟื้นขึ้นมา จนตอนนี้เธอยังมึนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ขณะที่เธอรออยู่โถงสนามบินก็มีคุณป้าทำความสะอาดสวมหน้ากากอนามัยเดินมาถูพื้นก่อนจะทำน้ำสกปรกเลอะรองเท้าของเธอ เพราะเธอสวมรองเท้าหนังสีขาวเหยียนซินหย่าเลยอยากไปล้างที่ห้องน้ำ แต่เพิ่งเดินถึงห้องน้ำก็มีคนมาอุดจมูกจากด้านหลัง จากนั้นก็หมดสติไม่รับรู้อะไรอีก
เหยียนซินหย่ายังไม่ทันสังเกตรอบข้างก็ได้ยินเสียงลูกสาว เธอไม่ค่อยเชื่อเท่าไรแต่เสียงนั้นกลับเป็นของจริง เหยียนซินหย่าหันกลับมาเลยเห็นเหมยเหมยที่อยู่ไม่ห่างจากเธอก่อนที่ใจจะวูบดิ่ง
“ทำไมเหมยเหมยถึงมาอยู่…เหอปี้อวิ๋น…เป็นแก…แกคิดจะทำอะไร?”
เหยียนซินหย่ามองเห็นใบหน้าชั่วร้ายของเหอปี้อวิ๋นก็พลันตกใจจนวิ่งไปหาเหมยเหมยอย่างไม่ทันคิด ยืนบังลูกสาวพลางมองเหอปี้อวิ๋นด้วยความหวาดผวา
เหมยเหมยอุ่นวาบทั้งหัวใจ แม่ของเธอแรงน้อยแต่กลับยอมบังตัวเธอในยามเผชิญอันตรายอย่างห้าวหาญโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ตอนที่ 1288 เกลี้ยกล่อม
“เหอปี้อวิ๋น…แกคิดจะทำอะไรกันแน่? แกรีบปล่อยเหมยเหมยไปนะ มีอะไรมาลงที่ฉันคนเดียว!”
เหยียนซินหย่าในตอนนี้ยังไม่ทันสังเกตสิ่งผิดปกติของเหอปี้อวิ๋น คนบ้าคนนี้เสียแรงลักพาตัวเธอกับลูกสาวมาในหุบเขาลึกเปลี่ยวแบบนี้ต้องไม่มีเจตนาที่ดีอยู่แล้ว
พอนึกว่าเหอปี้อวิ๋นก่อคดีฆาตกรรมมาสองชีวิตและเธอยังมีอาการป่วยเป็นโรคประสาท หัวใจของเหยียนซินหย่าก็หล่นวูบ กังวลว่าเหอปี้อวิ๋นจะทำอะไรมิดีมิร้ายต่อลูกสาว
ลูกสาวเธอยังอายุน้อยขนาดนี้ ชีวิตเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นจะเป็นอะไรไปได้อย่างไร?
ต่อให้ต้องเอาชีวิตของเธอเข้าแลกเธอก็จะต้องปกป้องลูกสาวไว้ให้ได้!
“เหยียนซินหย่า เธอกับนางแพศยาตัวน้อยคนนี้ไม่ว่าใครก็อย่าคิดจะหนี…”
เหอปี้อวิ๋นระเบิดเสียงหัวเราะจนคนฟังขนลุกซู่ โดยเฉพาะในถ้ำกลางเขาลึกอันเย็นยะเยือกแห่งนี้
เหยียนซินหย่ายังอยากขอร้องแต่เหมยเหมยตบหลังเธอพลางกระซิบเสียงเบา “แม่อย่าขอร้องเธอ เธอเป็นบ้าไปแล้ว”
ทางเหอปี้อวิ๋นหัวเราะเสียงเย็นขึ้นมาเป็นพัก ๆ เดินมาตบหน้าเหยียนซินหย่าฉาดใหญ่แล้วก่นด่า “นางแพศยา…เธอแย่งผู้ชายของฉันไปแล้วยังทำร้ายชีวิตลูกชายฉัน…ฉันจะค่อยๆ ทรมานเธอให้ตาย…”
เหมยเหมยอยากกระชากเหยียนซินหย่ามาไว้ด้านหลัง แต่แรงกำลังของเหยียนซินหย่ากลับมากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ได้แต่ยืนแน่นิ่งตรงหน้าไม่กระดิกตัว
สบโอกาสที่เหอปี้อวิ๋นกำลังจมอยู่ในภวังค์ อยู่ๆ เหยียนซินหย่ากระโจนเข้ากอดเหอปี้อวิ๋น ทั้งคู่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน
“เหมยเหมยรีบวิ่ง…รีบหนีเร็ว!” เหยียนซินหย่าตะโกนร้อง
เธอกอดเหอปี้อวิ๋นไว้สุดชีวิตถึงขั้นใช้ทั้งฟันทั้งเล็บเพื่อถ่วงเวลาให้ลูกสาวอีกสักนาทีเดียว ขอแค่ลูกสาวสามารถหลุดพ้นไปจากที่แห่งนี้ได้อย่างปลอดภัย ต่อให้เธอต้องตายก็ยอม
แน่นอนว่าเหมยเหมยไม่มีทางหนีไปคนเดียว เธอไม่มีวันทิ้งเหยียนซินหย่าไว้ในมือเหอปี้อวิ๋นเพียงลำพัง ผู้หญิงคนนี้เสียสติไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเหยียนซินหย่าด้วยซ้ำ!
เธอเองก็พุ่งไปกอดเหอปี้อวิ๋นไว้ อาศัยเรี่ยวแรงทั้งหมดของพวกเธอสองคนจะต้องควบคุมเหอปี้อวิ๋นไว้ได้แน่ ๆ ถึงเมื่อนั้นจะได้หนีไปพร้อมกัน
แต่ว่า–
เหอปี้อวิ๋นกลับปล่อยให้พวกเธอกระชากตัวเองตามสบายอย่างไร้ความกังวลใดๆ แถมยังระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ทั้งชอบใจและฮึกเหิม
“พวกแกหนีไปสิ…ถ้าพวกแกกล้าเดินไปหนึ่งก้าวฉันก็จะดึงสายระเบิด!”
จู่ๆ เหอปี้อวิ๋นก็เปิดเสื้อนักโทษตัวโคร่งเผยให้เห็นระเบิดที่ผูกติดไว้รอบตัวแน่น เหมยเหมยหน้าถอดสี ผู้หญิงคนนี้คิดจะตายไปพร้อมกับพวกเธอจริงๆ!
เหยียนซินหย่ารีบฉุดให้เหมยเหมยถอยหลัง นึกเสียใจภายหลังว่าหากเมื่อสักครู่เธอเผลอไปดึงสายระเบิดเข้าล่ะก็เกรงว่าตอนนี้คง…
ระเบิดมากมายขนาดนี้พอจะระเบิดให้เธอกับเหมยเหมยร่างสะบั้นจนหาศพไม่เจอได้เลย
“เหอปี้อวิ๋นทำไมเธอถึงเลือกเดินเส้นทางไร้อนาคตแบบนี้? เธอเพิ่งอายุสี่สิบต้น ๆยังมีเวลาอีกตั้งมากมาย เธอตายไปพร้อมกับพวกเราแล้วมีประโยชน์อะไรต่อเธอ?” เหยียนซินหย่าไม่กล้าขัดขืนอีกจึงพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้เหอปี้อวิ๋นเปลี่ยนใจ
เหอปี้อวิ๋นชะงักคล้ายกำลังครุ่นคิด เหยียนซินหย่าลอบดีใจ เห็นทีเหอปี้อวิ๋นยังวาดฝันอนาคตไว้ เธอยังทำใจตายไม่ลง
เหยียนซินหย่าเตรียมพูดโน้มน้าวใจต่อแต่เสียง ‘ติ๊ดติ๊ด’ ดังขึ้น เหอปี้อวิ๋นล้วงเพจเจอร์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เหมยเหมยยื่นคออยากเห็นชื่อผู้ส่งข้อความมา คนที่ส่งข้อความมาต้องเป็นพวกเดียวกันกับเหอปี้อวิ๋นแน่
‘เหอปี้อวิ๋น รีบพาเหยียนซินหย่ากับจ้าวเหมยกลับมา อู่เยวี่ยอยู่กับฉัน!’ เป็นข้อความจากหวงอวี้เหลียน เหอปี้อวิ๋นสีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง เยวี่ยเยวี่ยโดนนางมารยาหวงอวี้เหลียนลักพาตัวไป?
หากจะถามว่าเหอปี้อวิ๋นยังเรื่องใดบนโลกนี้ให้ห่วงหาล่ะ?
คงมีแค่อู่เยวี่ยแล้ว!
แม้ช่วงนี้เธอเองก็เข้าใจถึงบางเรื่อง รู้ว่าการตายของสองพ่อลูกตระกูลซ่งอาจเป็นไปได้ที่อู่เยวี่ยวางแผนใส่เธอ แต่สุดท้ายก็เป็นลูกสาวที่เธอรักมากที่สุด!
ต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่าหลอกใช้เธอแต่เธอก็ทำใจเหี้ยมไม่ลง!
เหอปี้อวิ๋นเป็นห่วงอู่เยวี่ย แม้จะไม่เต็มใจแต่เธอก็เตรียมพาสองแม่ลูกเหยียนซินหย่าไปยังจุดนัดหมายตามที่หวงอวี้เหลียนบอกไว้ ทันใดนั้นเครื่องเพจเจอร์แผดเสียงดังอีกครั้ง กลับเป็นข้อความจากอู่เยวี่ยเอง
……………………………………………
ตอนที่ 1289 คุกเข่ากราบ
อู่เยวี่ยส่งข้อความมาสั้นๆ เพียงประโยคเดียว ‘เดี๋ยวหนูจะไปรีบไป เปลี่ยนที่รับแขกหน่อย’
เหอปี้อวิ๋นลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างเยือกเย็น นางมารยาหวงอวี้เหลียนกล้าหลอกเธอ!
หากเยวี่ยเยวี่ยอยู่ในมือหวงอวี้เหลียนแล้วจะมาได้อย่างไร?
เหมยเหมยยื่นคอจนสุดแต่ก็ไม่เห็นตัวอักษรบนจอเครื่องเพจเจอร์พลันรู้สึกใจโหวง ข้อความสองฉบับติดต่อกันต้องมาจากคนละคนอย่างแน่นอน
หลังเหอปี้อวิ๋นอ่านข้อความแรกก็เกิดอาการร้อนใจอย่างมากแถมยังแฝงด้วยความเคียดแค้น พอข้อความที่สองถูกส่งมาเห็นได้ชัดว่าเหอปี้อวิ๋นโล่งอกเหมือยกภูเขาออกจากอก
ไม่รู้ว่าสองคนนั้นเป็นใคร?
เหอปี้อวิ๋นเก็บเพจเจอร์ล้วงเชือกป่านออกมาจากถุงกระสอบแล้วมัดตัวสองแม่ลูกเหมยเหมยไว้แน่น ดูท่าทางจะเตรียมพาพวกเธอออกจากถ้ำนี้
“เธอคิดจะพาเราไปไหน?” เหมยเหมยตะเบ็งเสียงถาม
เหอปี้อวิ๋นฟาดขาใส่พร้อมด่า “อยู่เฉยๆ…เดี๋ยวค่อยจัดการนางแพศยาอย่างพวกแกสองคน!”
เหยียนซินหย่ารีบเข้ามาบังไว้ตรงหน้าเหมยเหมยทำให้เท้ากระทืบโดนตัวเธอ ได้ยินเสียงครางเจ็บปวดของเหยียนซินหย่า เหมยเหมยก็นึกเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ
แต่นี่ไม่ใช่เวลามาปวดใจ เธอต้องรีบหาวิธีถ่วงเวลาเพื่อรอพวกพี่เสือตามมา แบบนี้พวกเธอถึงจะมีทางรอดได้ ไม่อย่างนั้นหากยายบ้าเหอปี้อวิ๋นพาพวกเธอไปที่อื่นไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร
“เหอปี้อวิ๋น…ผู้ชายของเธอหร่วนเป่าฮุ่ยเป็นคนแย่งไป ลูกชายของเธออู่เจิ้งซือเป็นคนทำร้าย เธอจะแก้แค้นก็ไปแก้แค้นพวกเขาสิ มาหาพวกเราทำไม?” เหมยเหมยจงใจพูดไหลไปตามคำของเหอปี้อวิ๋น
เหอปี้อวิ๋นสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย พลางชี้นิ้วใส่เหยียนซินหย่าตวาดด่า “นางแพศยาคนนี้…มันแย่งผู้ชายของฉันไปแล้วทำร้ายลูกชายฉัน…เป็นเพราะมัน…”
เหยียนซินหย่ารีบพูด “ได้…ฉันเองที่ทำร้ายเธอ เธอจัดการฉันก็พอ เหมยเหมยบริสุทธิ์ เธอปล่อยเหมยเหมยไป!”
เหอปี้อวิ๋นหัวเราะอย่างได้ใจ “เธอคุกเข่าอ้อนวอนฉันสิ ไม่แน่หากฉันอารมณ์ดีขึ้นมาอาจจะปล่อยนางแพศยาตัวน้อยนี้ไปก็ได้!”
“แม่…อย่า…” เหมยเหมยตะโกนเรียกแต่เหยียนซินหย่ากลับคุกเข่าลงพื้นกราบเหอปี้อวิ๋นอย่างไม่ลังเลใจ
“ฉันขอร้องเธอปล่อยเหมยเหมยไปเถอะ…ฉันขอร้องล่ะ…”
ไม่นานบริเวณหน้าผากของเหยียนซินหย่าก็มีเลือดซึมออกมา แต่ตราบใดที่เหอปี้อวิ๋นยังไม่พูดอะไรเธอก็จะกราบอยู่อย่างนั้น ขอร้องเหอปี้อวิ๋นช่วยเมตตาปล่อยลูกสาวเธอไป
“แม่อย่าไปขอร้องมัน…มันจงใจเหยียดหยามแม่…แม่รีบลุกเร็ว”
เหมยเหมยที่โดนมัดมือไว้เสียแรงมากโขกว่าจะยืนได้ เดินกะเผลกเข้าไปกระชากเหยียนซินหย่าให้ลุกขึ้น เหอปี้อวิ๋นระเบิดเสียงหัวเราะ “ใช่…ฉันจงใจ…เหยียนซินหย่าเอ๋ยเหยียนซินหย่า มีวันที่เธอคุกเข่าอยู่ใต้เท้าฉันเหมือนกันสินะ…ทำไมเธอถึงโง่ขนาดนี้ ฉันเสียแรงจับตัวพวกเธอมา เธอกราบไม่กี่ทีก็จะให้ฉันปล่อยนางแพศยาคนนี้ไปเหรอ? เหอะ โง่เขลาสิ้นดี ซ่างกวนอิงหัวชอบผู้หญิงมีดีแค่หน้าตาอย่างเธอได้อย่างไร?”
จนถึงตอนนี้เหมยเหมยถึงเข้าใจว่าผู้ชายที่เหอปี้อวิ๋นพูดถึงตลอดมาไม่ใช่อู่เจิ้งซือแต่เป็นพ่อของเธอจ้าวอิงหัว
ทว่าเหมือนความทรงจำของผู้หญิงคนนี้จะคลาดเคลื่อนไปโดยหยุดอยู่เมื่อยี่สิบปีก่อน ขณะนั้นพ่อของเธอยังชื่อซ่างกวนอิงหัว
“เหอปี้อวิ๋น…ถ้าเธอทำร้ายเหมยเหมย อิงหัวไม่มีวันยกโทษให้เธอไปชั่วชีวิต!”
เหยียนซินหย่าเองก็ดูออกว่าเหอปี้อวิ๋นยังมีใจให้สามีตนเลยเลือกใช้จุดนี้เป็นประโยชน์
“อิงหัว? เขาอยู่ไหน? เขาก็มาเหมือนกันเหรอ?”
เหอปี้อวิ๋นกวาดตามองรอบด้านเพื่อมองหาร่างของชายผู้เป็นที่รัก เหมยเหมยฉุกคิดได้ทันทีจึงชี้นิ้วไปนอกถ้ำว่า “อยู่ตรงนั้น เขารอเธออยู่ตรงนั้น เขาบอกว่ามีดอกไม้ที่จะมอบให้เธอ!”
เพื่อให้รอดชีวิตเลยจำเป็นต้องอ้างชื่อพ่อของเธอหน่อยแล้ว!
เหอปี้อวิ๋นดีใจมากตามคาดพลางวิ่งไปยังปากถ้ำเพื่อตามหาชายผู้เป็นที่รักโดยไม่คิดจะสนใจพวกเธอสองคนอีก
เหมยเหมยรีบดึงเหยียนซินหย่าขึ้นวิ่งไปด้านนอกด้วยเช่นกัน เหอปี้อวิ๋นเสียสติไปแล้วและไม่ทันสังเกตพวกเธอ นี่เป็นเวลาอันดีที่จะหลบหนี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น