เทพปีศาจหวนคืน 1264-1275
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1264 กรีดร้อง
แปลโดย iPAT
หากมนุษย์เริ่มเดิมพันด้วยทุกสิ่ง อันตรายของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นโดยธรรมชาติ
แต่จ้าวผูไม่เต็มใจที่จะสู้จนตัวตาย เขาต้องยื้อเวลาเพื่อให้ได้รับชัยชนะ
ดังนั้นในช่วงเวลานี้จ้าวผูจึงกลายเป็นฝ่ายถูกจ้าวเหลียนหยุนและอวี๋อี้เย่ซือปราบปราม
อย่างไรก็ตามประสบการณ์ของจ้าวผูยังเหนือกว่าผู้อมตะวัยเยาว์ทั้งสองจากภาคกลาง
เขาลื่นไหลมาก แม้จ้าวเหลียนหยุนและอวี๋อี้เย่ซือจะพยายามทำทุกสิ่ง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจับตัวเขา
เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์ก็เริ่มเอนเอียงไปทางจ้าวผู
อวี๋อี้เย่ซือเป็นคนแรกที่ถูกโจมตีและหมดสติไปในที่สุด
“สหายของเจ้าอาจเสียชีวิตจากการเสียเลือด เจ้าคือรายต่อไป เจ้ามีเวลาไม่มาก เหตุใดเจ้าไม่โจมตีให้บ่อยขึ้น?” จ้าวผูหัวเราะ
จ้าวเหลียนหยุนรู้ว่าจ้าวผูกำลังยั่วยุนาง แต่นางก็ไม่สามารถสงบจิตใจและยิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้นเรื่อยๆ
เลือดไหลออกมาจากดวงตาของนางมากขึ้น สายตาของนางกลายเป็นพร่ามัว
น่ารู้สึกหวาดกลัวมากโดยเฉพาะเมื่อเลือดเริ่มไหลออกมาจากรูขุมขนทั่วร่างของนาง
“บัดซบ!” อาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรงโจมตีจ้าวเหลียนหยุนอย่างต่อเน่อง ร่างกายของนางเริ่มสั่นคลอน
ในที่สุดการโจมตีระยะไกลของจ้าวผูก็ทำให้จ้าวเหลียนหยุนบินกลับหลังก่อนจะล้มลงบนพื้นและกลิ้งต่อไปอีกสามตลบ
จ้าวเหลียนหยุนพยายามยืนขึ้นแต่นางเสียเลือดมากเกินไปและแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง
นางไม่สามารถแม้แต่จะประคองร่างกายของตนเอาไว้
“มันจบแล้ว” จ้าวผูเดินเข้าไปหาจ้าวเหลียนหยุนอย่างช้าๆ
เลือดยังไหลออกมาจากร่างกายของจ้าวเหลียนหยุนอย่างไม่หยุดยั้ง
ในไม่ช้ารอบตัวจ้าวเหลียนหยุนก็กลายเป็นบ่อเลือด
จ้าวเหลียนหยุนนอนอยู่ในบ่อเลือด น้ำตาไหลออกมาจากจาดวงตาของนางพร้อมกับเลือด
‘จบแล้วงั้นหรือ?’
‘ข้าจะล้มลงที่นี่งั้นหรือ?’
‘เลือด…ครั้งนี้ข้าไม่กลัวมันอีกแล้ว หงหยุน…’
จ้าวเหลียนหยุนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตอีกครั้ง
มันเป็นเหตุการณ์ระหว่างการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ
ในการต่อสู้จ้าวเหลียนหยุนถูกลูกศรยิงที่ต้นขา
เลือดไหลนอง
“ข้ากำลังจะตาย อา…เจ็บมาก! ข้ากำลังจะตาย!” จ้าวเหลียนหยุนกรีดร้องอยู่ในรถม้า
“อย่าร้อง คุณหนูเสี่ยวหยุน ท่านจะไม่ตาย นี่เป็นบาดแผลเล็กๆเท่านั้น” หม่าหงหยุนรักษาบาดแผลของนางและปลอบโยนไปพร้อมกัน
“เลือด…เลือดออกเยอะมาก! ข้าจะเวียนหัวทุกครั้งเมื่อเห็นเลือด! ข้าไม่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้มาก่อน!” จ้าวเหลียนหยุนกรีดร้องไม่หยุด
“สำหรับคนเหนือ รอยแผลเป็นถือเป็นความรุ่งโรจน์และเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของพวกเรา!” หม่าหงหยุนกล่าว
จ้าวเหลียนหยุนกลอกตา “เจ้ารู้วิธีปลอบโยนผู้คนบ้างหรือไม่!? เห้อ…เหตุใดข้าถึงโชคร้ายนัก…”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หม่าหงหยุนหัวเราะเสียงดัง แต่นั่นกลับทำให้เขาเพิ่มพละกำลังขึ้นเล็กน้อย
จ้าวเหลียนหยุนกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “อา…เบาๆ! เจ้าหัวเราะเยาะข้า ดูเหมือนเจ้าจะมีความสุขที่เห็นข้าเจ็บปวดใช่หรือไม่!?”
หม่าหงหยุนเร่งโบกมือแต่ยังไม่หยุดหัวเราะ “ข้าไม่ได้หัวเราะเยาะ ข้าเพียงรู้สึกว่าคุณหนูช่างน่ารักนัก ปกติท่านจะทำตัวราวกับคนแก่และดูน่าเกรงขาม แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าท่านเป็นเด็กสาวที่อายุน้อยกว่าข้า!”
“เจ้ากล้ายโสต่อหน้าข้างั้นหรือ!?” จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะระเบิดความโกรธออกมาแต่หม่าหงหยุนกลับยกมือขึ้นวางหน้าผากของนาง
จ้าวเหลียนหยุนตะลึง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางรู้สึกอบอุ่น
หม่าหงหยุนเพิกเฉยต่อทัศนคติของนาง “ไม่มีไข้แล้ว คุณหนูเสี่ยวหยุน ท่านอย่าใจร้อน มันไม่เป็นไรหากเราจะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่หากท่านยังกรีดร้องข้าจะหัวเราะเยาะท่านอีก”
ความทรงจำของจ้าวเหลียนหยุนจบลงตรงนี้
‘หัวเราะเยาะ?’
‘ตอนนี้เจ้าไม่ล้อเลียนข้าแล้วใช่หรือไม่?’
‘เจ้าเด็กบ้า…’
‘ข้าใช้เลือดทั้งหมดของข้าเพื่อช่วยเจ้าจริงๆ’
‘มันแปลกมากที่ข้ายอมตายเพื่อบางคน’
‘ถูกต้อง ต่อให้ตายข้าก็เต็มใจทำ!’
ความคิดนี้ดังขึ้นในใจของจ้าวเหลียนหยุน
“ตาย!” จ้าวผูตะโกนเสียงดังและแทงฝ่ามือที่แหลมคมออกไปข้างหน้า
หากจ้าวเหลียนหยุนถูกโจมตี หัวใจของนางจะเละเป็นเต้าหู้
แต่ในเวลานี้
รัศมีแสงพลันปะทุขึ้นบนร่างของจ้าวเหลียนหยุนอีกครั้ง
จ้าวผูไม่มีทางเลือกนอกจากปิดเปลือกตาลง
“นี่คือ…”
“แสงนี้ ทรงพลังมาก!”
“อ๊าก…”
จ้าวผูกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช
ร่างกายของเขาไม่สามารถขยัยเขยื้อนภายใต้แสงสว่าง ในไม่ช้าร่างกายของเขาก็หลอมละลายลงอย่างสมบูรณ์ราวกับหิมะที่ถูกความร้อน
ในช่วงเวลาสำคัญวิญญาณแห่งความรักแสดงพลังอำนาจของมันออกมาและสังหารจ้าวผูในครั้งเดียว!
…..
ภาคเหนือ โลกใต้บาดาน
“อิงอู๋เซี่ย เจ้าซ่อนอยู่ที่ใด?” ร่างมังกรดาบบรรพกาลของฟางหยวนคำรามด้วยเจตนาสังหาร
ด้วยการพึ่งพาท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชค ฟางหยวนมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว
ภายใต้ความมืดมิด เมืองขนาดใหญ่ค่อยๆปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
อิงอู๋เซี่ยยืนอยู่ที่ยอดอาคารสูง
“ข้ารอเจ้ามานานแล้ว” อิงอู๋เซี่ยกล่าว สายตาและน้ำเสียงของเขาสงบนิ่งมาก
“ฮืม! ซื่อหนิวตายแล้ว เจ้าต้องการสู้กับข้าด้วยคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์หลังนี้งั้นหรือ?” ฟางหยวนเย้ยหยัน
เมืองคลื่นทมิฬอาจดูใหญ่โตและสง่างาม แต่มันก็เป็นเพียงคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์เท่านั้น
แม้นิกายเงาจะมีวิญญาณอมตะมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถยกระดับเมืองคลื่นทมิฬขึ้นเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะ
หากพวกเขาครอบครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ฟางหยวนจะรู้สึกหวาดกลัว
แต่เมืองคลื่นทมิฬเป็นเพียงคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ มันไม่เพียงพอที่จะทำให้ฟางหยวนรู้สึกถึงภัยคุกคาม
“หากเพิ่มข้าเข้าไปอีกคนจะเป็นอย่างไร?” ร่างที่สองปรากฏขึ้นเหนือเมืองคลื่นทมิฬ
คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับหกแต่เขาเป็นคนที่ฟางหยวนคุ้นเคย
มันก็คือสายลับของนิกายเงาที่อยู่ในนิกายหลางหยา ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน ผมที่หก!
สายตาของฟางหยวนมืดครึ้มลงเล็กน้อย
ฟางหยวนไม่แยแสความแข็งแกร่งของผมที่หก แต่ผมที่หกกับฟางหยวนต่างเป็นสมาชิกนิกายหลางหยา ทั้งสองมีข้อตกลงพันธมิตร
สิ่งนี้จะสร้างความยุ่งยากให้แก่ฟางหยวน หากประมาทเพียงเล็กน้อย เขาอาจพบกับฟันเฟือนของการละเมิดข้อตกลงพันธมิตรและได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตามฟางหยวนได้เตรียมใจมาแล้วสำหรับการปรากฏตัวของผมที่หก
“ตาย!” ฟางหยวนสะบัดหางมังกรออกไป
เมืองคลื่นทมิฬถอยกลับอย่างรวดเร็วขณะเดียวกันท่าไม้ตายเขตแดนก็ถูกกระตุ้นใช้งานและส่งฝูงปลาหมึกยักษ์จำนวนมากออกมา
“สถานะของเจ้าทำให้ฟางหยวนลังเล เราเพียงต้องยื้อเวลาออกไปเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศอีกครั้ง” อิงอู๋เซี่ยตบไหล่ผมที่หก
“ท่านไปพักเถอะ ข้าจะจัดการทางนี้เอง” ผมที่หกกล่าว
อิงอู๋เซี่ยพยักหน้าและเข้าไปในเมืองคลื่นทมิฬ
ปลาหมึกยักษ์จำนวนมากถูกกวาดล้างโดยฟางหยวนอย่างรวดเร็ว พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
มังกรดาบบรรพกาลอาละวาดไปทั่วสนามรบ
เมืองคลื่นทมิฬอยู่ตรงหน้าแต่ฟางหยวนไม่กล้าส่งลมหายใจมังกรออกไปโดยประมาท หากผมที่หกถูกโจมตี ฟางหยวนจะพบกับความทุกข์ทรมานจากผลกระทบย้อนกลับ
ในเวลานั้นอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆอาจฉวยโอกาสโจมตีซ้ำ
กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนักแต่ฟางหยวนก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกินไป เขารู้ว่าตนเองมีความได้เปรียบแต่เขายังไม่มีโอกาสบดขยี้ศัตรู
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไป่หนิงปิงสามารถเปลี่ยนเป็นไป่เซียงขณะที่อิงอู๋เซี่ยมีท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันแม้มันจะไม่สมบูรณ์ก็ตาม
‘เส้นทางแห่งข้อมูล…เมื่อใดที่ข้าจะเป็นอิสระจากข้อจำกัดบนเส้นทางแห่งข้อมูล!’
ฟางหยวนรู้สึกหงุดหงิด
เส้นทางแห่งข้อมูลเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขามาตลอด
ฟางหยวนพยายามอย่างหนักแต่เขายังไม่ได้รับโชคลาภในด้านนี้และไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าว
ผมที่หกใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ในการต่อสู้ กลยุทธ์ของเขาไม่ได้มีไว้เพื่อคว้าชัยชนะ แต่มันมีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาพ่ายแพ้
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1265 ม้าปีศาจฝันร้าย
แปลโดย iPAT
หลังจากฟางหยวนกำจัดฝูงปลาหมึกยักษ์ ฝูงวานรก็ปรากฏขึ้น
ต่อจากฝูงวานรยังมีฝูงอสรพิษเพลิง
‘ฝูงสัตว์อสูรเหล่านี้เคยอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังพันธมิตรผีดิบมาก่อน ตัวอย่างเช่นฝูงปลาหมึกยักษ์เป็นสัตว์อสูรของนักรบมังกรเย่ชา’
‘เมืองคลื่นทมิฬยังอยู่รอดมาถึงตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สัตว์อสูรเหล่านี้จะยังอยู่ นอกจากนั้นพิจารณาถึงท่าไม้ตายอมตะของไห่ลั่วหลัน อาจมีวิญญาณอมตะอยู่เช่นกัน’
‘หากเป็นเช่นนั้นข้าต้องประเมินพลังการต่อสู้ของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทำความเข้าใจท่าไม้ตายอมตะได้ในเวลาสั้นๆ และยังมีปัญหาเกี่ยวกับความขัดแย้งของพลังงานแห่งเต๋า’
ฟางหยวนวิเคราะห์สถานการณ์ขณะต่อสู้
เป็นเพียงเวลานี้ที่ฝูงม้าที่มีเขาเหมือนแกะหนึ่งคู่อยู่บนศีรษะปรากฏตัวขึ้น
‘หือ? ม้าปีศาจฝันร้าย สัตว์อสูรเดียวดายบนเส้นทางแห่งความฝัน!’
ฟางหยวนตะลึง
‘ดูเหมือนม้าปีศาจฝันร้ายจะปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่ยุคนี้…’
‘ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีมากมาย!’
ฟางหยวนมีความสุข
ม้าปีศาจฝันร้ายเป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งความฝัน พวกมันหายากมากกระทั่งในชีวิตแรกของฟางหยวน
ยุคสมัยเปลี่ยน มนุษย์เปลี่ยน โลกก็เปลี่ยน
วัสดุในการหลอมรวมวิญญาณมากมายสูญหายไปตามกาลเวลา เส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งพลังปราณตกต่ำลง ในทำนองเดียวกันทรัพยากรชนิดใหม่ก็ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เส้นทางแห่งความฝัน!
เส้นทางสายนี้พึ่งเริ่มต้น ตอนนี้กองกำลังใหญ่ทั้งหมดกำลังค้นคว้าเกี่ยวกับมัน แม้พวกเขาจะได้รับกำไรบ้าง แต่พวกมันก็ยังเป็นส่วนเล็กๆเท่านั้น
หลังจากผ่านไปไม่กี่ร้อยปี ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันจะเริ่มปรากฏขึ้น ม้าปีศาจฝันร้ายเป็นหนึ่งในนั้น
ฟางหยวนเคยคิดว่าม้าปีศาจฝันร้ายยังไม่ถือกำเนิดขึ้นในยุคนี้ แต่การปรากฏตัวของพวกมันทำให้ฟางหยวนตระหนักว่าเขาคิดผิด
‘ดีที่ข้าคิดผิด! ข้าต้องจับม้าปีศาจฝันร้ายมาให้ได้!’ ฟางหยวนมีความสุขมาก
สัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งความฝันหมายถึงสิ่งใด?
มันหมายถึงวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝันจำนวนมาก!
เหตุใดฟางหยวนจึงต้องเข้าไปในอาณาจักรแห่งความฝันของตนเอง?
เพราะเขาต้องการรวบรวมทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝัน!
หากฟางหยวนมีม้าปีศาจฝันร้าย เขาสามารถใช้เนื้อของพวกมันหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันจำนวนมากหรืออาจกระทั่งสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความฝัน!
ฟางหยวนไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันได้มากนักในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันที่ภาคใต้เพราะเหตุใด?
มันไม่ใช่เพราะเขามีวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันไม่เพียงพองั้นหรือ?
‘ม้าปีศาจฝันร้ายเหล่านี้ต้องเป็นของข้า!’
ฟางหยวนเริ่มจับม้าปีศาจฝันร้าย
มังกรดาบบรรพกาลรวดเร็วมาก มันเคลื่อนที่ไปรอบๆฝูงม้าปีศาจฝันร้ายโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง
ฟางหยวนพยายามทุบม้าปีศาจฝันร้ายให้หมดสติและโยนพวกมันเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
อย่างไรก็ตามนิกายเงาได้เตรียมแผนการบางอย่างเอาไว้เช่นกัน
ฟางหยวนพยายามอย่างหนักแต่เขากลับไม่สามารถจับม้าปีศาจฝันร้ายอย่างมีชีวิต อย่างมากที่สุดเขาก็สามารถสังหารพวกมันและเก็บศพเท่านั้น
แต่ถึงกระนั้นฟางหยวนก็เก็บเกี่ยวได้มากมาย
หลังจากกำจัดฝูงม้าปีศาจฝันร้าย ฟางหยวนยังกวาดล้างฝูงสัตว์อสูรอีกสามฝูง ท่ามกลางพวกมันมีสัตว์อสูรบรรพกาลรวมอยู่ด้วย
แต่พวกมันไม่ใช่ภัยคุกคามของฟางหยวนอีกต่อไป
หลังจากไม่นานฟางหยวนก็สามารถกวาดล้างฝูงสัตว์อสูรทั้งหมดของเมืองคลื่นทมิฬ เขายังทำลายค่ายกลวิญญาณที่ปกป้องเมืองคลื่นทมิฬเอาไว้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามทั้งหมดทำให้เขาใช้เวลาไปค่อนข้างมากและทำให้กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยมีเวลาหลบหนี
ผมที่หกถูกทิ้งไว้ข้างหลังเพื่อหยุดฟางหยวนเช่นเดียวกับซื่อหนิว
การบ่มเพาะของผมที่หกไม่สามารถเปรียบเทียบกับซื่อหนิวแต่เขามีข้อได้เปรียบมากกว่า
เขามองฟางหยวนอย่างไม่เกรงกลัว “เจ้ากล้าฆ่าข้าหรือไม่?”
“มีประโยชน์ใดในการฆ่าเจ้า เมื่อข้ากำจัดอิงอู๋เซี่ย ข้าจะปล่อยให้เจ้าตกอยู่ในความสิ้นหวังและความทุกข์ทรมาน” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มชั่วร้ายขณะที่ร่างมังกรดาบบรรพกาลของเขาบินออกจากโลกใต้บาดาล
ผมที่หกถูกทิ้งไว้กับเมืองคลื่นทมิฬที่ถูกทำลาย
ภาคเหนือกว้างใหญ่มาก แม้จะมีค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะก็อยู่ไกลมาก
กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยไม่สามารถใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นฟางหยวนจึงตามพวกเขาทันอีกครั้ง
“คราวนี้มาดูกันว่าผู้ใดจะมาช่วยพวกเจ้า!” มังกรดาบบรรพกาลพุ่งเข้าไป
นำวิญญาณสู่ความฝัน!
อิงอู๋เซี่ยกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขา
ฟางหยวนถูกโจมตีอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามอาณาจักรแห่งความฝันครั้งนี้ค่อนข้างยาก เขาต้องใช้เวลาสักพักก่อนจะสามารถกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฟางหยวนสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ
อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ “ก่อนหน้านี้ข้าสละม้าปีศาจฝันร้ายทั้งหมด เจ้าคิดว่าทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันเป็นเรื่องง่ายดายงั้นหรือ? ให้ข้าแนะนำเจ้า อย่าติดตามพวกเรา มิฉะนั้นแม้เจ้าจะมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด เจ้าก็ยังต้องตาย”
“ฮืม เจ้าเล่ห์นัก!” ฟางหยวนพ่นลมหายใจออกมา
ไม่ว่าอิงอู๋เซี่ยจะมีเจตนาใด ไม่ว่ามันจะเป็นการข่มขู่หรือเรื่องจริง ฟางหยวนก็ตัดสินใจหยุดไล่ล่าพวกเขาในเวลานี้
อาณาจักรแห่งความฝันรบกวนเขาตลอดเวลา เขาต้องคลี่คลายความฝันทั้งหมด ด้วยวิธีนี้เขาจึงจะได้รับอิสระและปราศจากความกังวล
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันเป็นปัญหาที่ยุ่งยาก แม้ฟางหยวนจะมีท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน แต่เขาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยความพยายามเพียงครั้งเดียวและต้องผ่านอาณาจักรแห่งความฝันซ้ำๆ
ภายในอาณาจักรแห่งความฝัน
ภาคใต้ รุ่งเช้า
น้ำค้างและชั้นหมอกหนาทึบทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกหดหู่ใจ
ขบวนสินค้าหยุดเดินทาง หมอกหนาทึบบนภูเขาอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด
ฟางหยวนนั่งอยู่ข้างเตียงที่เรียบง่าย
ผู้ใช้วิญญาณเคราหนานอนอยู่บนเตียงในสภาพใกล้ตาย
“ฟางหยวน ขอบใจเจ้ามากสำหรับสมุนไพร” ผู้ใช้วิญญาณเคราหนากล่าวด้วยเสียงที่อ่อนแรง
ฟางหยวนสะอื้น “ลุงเครา ท่านจะดีขึ้น”
ผู้ใช้วิญญาณเคราหนาส่ายศีรษะ “ข้าจะไม่รู้อาการบาดเจ็บของตนเองได้อย่างไร? เด็กน้อย อย่าร้องไห้ การร้องไห้ไม่มีประโยชน์สำหรับพวกเรา”
“ข้าเคยเป็นเด็กเหมือนเจ้าและมีความฝันอันยิ่งใหญ่”
“น่าเสียดายที่พรสวรรค์ของข้าแย่มาก ในที่สุดข้าก็จมอยู่ในจุดนี้”
“ฮ่าฮ่า โลกใบนี้ใหญ่โตเกินไป ขณะที่พวกเราเล็กเกินไป”
“เมื่อข้ายังเด็ก ข้าอยากเป็นวีรบุรุษเหมือนตัวตนในตำนานของฝ่ายธรรมะ เมื่อข้ายังเด็ก ข้าอยากเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อข้าโตเป็นผู้ใหญ่ ข้าพอใจกับการเป็นผู้อาวุโสของตระกูล เมื่อข้ากลายเป็นชายวัยกลางคน ข้าถูกเนรเทศออกจากตระกูล ข้ารู้สึกว่าตนเองสามารถอยู่ได้ด้วยตัวข้าเอง ข้าพอใจกับการเลี้ยงดูวิญญาณและตัวข้าเอง”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าต้องการสิ่งใด?”
ฟางหยวนกล่าวเบาๆ “มันคือสิ่งใด?”
“ข้าเพียงต้องการนอนอยู่ในห้องที่เงียบสงบและค่อยๆนึกถึงอดีตจนกว่าความตายจะมาเยือน” ผู้ใช้วิญญาณเคราหนาแสดงท่าทีเย้ยหยันตนเอง
“ข้าควรออกไปหรือไม่?” ฟางหยวนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
“ออกไปเถอะ ปล่อยข้าไว้คนเดียว ข้าไม่ต้องการให้ผู้ใดเห็นข้าตาย” ผู้ใช้วิญญาณเคราหนากล่าว
ฟางหยวนยืนขึ้นอย่างช้าๆและลังเลที่จะเดินออกจากประตู
ผู้ใช้วิญญาณเคราหนากล่าวอีกครั้ง “เจ้าเคยอ่านตำนานมนุษย์คนแรกบทที่เล่าเรื่องของมนุษย์จิ๋วที่เดินออกมาจากเหวธรรมดาหรือไม่?”
“พวกเราต่างเป็นมนุษย์จิ๋วและพวกเราต่างต้องการเดินออกจากเหวธรรมดา”
“ฟางหยวน เจ้าต้องเดินหน้าต่อไป”
“มีชีวิตอยู่ต่อไป สู้ต่อไป”
“น่าเสียดายที่วิญญาณทั้งหมดของข้าถูกทำลายไปในการต่อสู้ นี่เป็นคำแนะนำและเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ข้าสามารถมอบให้เจ้า สำหรับพวกเราตัวตนที่เล็กจิ๋ว การร้องไห้ไม่มีประโยชน์ ไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงตะโกนของพวกเรา พวกเราทำได้เพียงอดทนและดูแลตนเองเท่านั้น”
“จงพากเพียรจนกว่าเจ้าจะบรรลุความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และกลายเป็นคนที่ไม่ธรรมดา มิฉะนั้นก็จงยอมรับความตาย”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1266 ข้ารักเขา
แปลโดย iPAT
“เราชนะหรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อลุกขึ้นจากบ่อเลือด
อาการบาดเจ็บของนางรุนแรงมาก โชคดีที่จ้าวผูตายไปแล้ว ดังนั้นเลือดบนร่างกายของจ้าวเหลียนหยุนและอวี๋อี้เย่ซือจึงหยุดไหล
อีกด้านหนึ่งอวี๋อี้เย่ซือกำลังหอบหายใจอย่างหนักหน่วงและพยายามปีนกำแพงเพื่อยืนขึ้น
เมื่อเขาเห็นจ้าวเหลียนหยุน อวี๋อี้เย่ซือกลายเป็นมึนงง “เทพ…ธิดา…จ้าว…ใบหน้าของท่าน…ไม่…ร่างกายของท่าน…”
ดวงตาของอวี๋อี้เย่ซือเบิกกว้างและกลายเป็นพูดติดอ่าง
จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกแปลก นางถาม “มีสิ่งใดผิดปกติกับข้า?”
นางก้มหน้ามองตนเอง สิ่งแรกที่นางเห็นคือมือของนาง
มันเป็นมือที่เหี่ยวแห้งคู่หนึ่ง
หัวใจของจ้าวเหลียนหยุนกระตุกเมื่อนางพบว่าร่างกายของนางกลายเป็นหญิงชราไปแล้ว
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยริ้วรอย สายตาพร่ามัว และเส้นผมเปลี่ยนเป็นสีขาว
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” จ้าวเหลียนหยุนตะลึง
นางพยายามรวบผม แต่เส้นผมสีขาวของนางก็ร่วงหล่นลงมาอย่างง่ายดาย
อวี๋อี้เย่ซือกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มันอาจเป็นเพราะวิญญาณแห่งความรัก มันกลืนกิอายุขัยของท่านเพื่อระเบิดพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวออกมาสังหารจ้าวผูโดยตรง!”
“เป็นเช่นนั้น?” จ้าวเหลียนหยุนมึนงง
เป็นธรรมดาที่การเปลี่ยนจากวัยหนุ่มสาวเป็นวัยชราอย่างกะทันหันจะทำให้นางรู้สึกตะลึงและไม่สามารถยอมรับได้ในทันที
“ถูกต้อง” อวี๋อี้เย่ซือพยักหน้าและปลอบใจ “แต่ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล ท่านสามารถฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ได้โดยใช้วิญญาณอายุยืน ผู้อมตะทั่วไปอาจไม่สามารถครอบครองวิญญาณอายุยืน แต่ท่านแตกต่างออกไป ท่านเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณ นิกายสามารถมอบวิญญาณอายุยืนให้ท่าน”
จ้าวเหลียนหยุนไม่ตอบ
นางรู้สึกซับซ้อน ทั้งตกใจ ผิดหวัง ไม่อยากจะเชื่อ และงุนงง
นางเป็นปีศาจต่างโลก ก่อนกำเนิดใหม่ นางไม่เคยมีประสบการณ์เป็นคนแก่เช่นนี้มาก่อน
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ จ้าวเหลียนหยุนก็ฟื้นจากอาการตกใจ
“ข้าต้องเดินหน้าต่อไป”
“อายุไม่สำคัญ หงหยุนยังรอข้าอยู่!”
จ้าวเหลียนหยุนมองไปยังยอดเขาที่หนึ่งด้วยสายตาแน่วแน่
“ไปต่อไม่ได้!” อวี๋อี้เย่ซือตกใจและรีบเดินเข้าไปคว้าแขนของจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้
“วิญญาณแห่งความรักทรงพลังแต่มันไม่เสถียร บางทีมันอาจกลืนกินอายุขัยของท่านอีกในครั้งต่อไป หากเป็นเช่นนั้น ท่านจะต้องตายอย่างแน่นอน!” อวี๋อี้เย่ซือโน้มน้าว
“ตายแล้วอย่างไร?” จ้าวเหลียนหยุนมองอวี๋อี้เย่ซือและเผยรอยยิ้มเล็กน้อย แต่ตอนนี้รอยยิ้มของนางไม่เหลือความงดงามอีกต่อไป
อวี๋อี้เย่ซืองุนงง
จากนั้นจ้าวเหลียนหยุนก็ดึงแขนของนางกลับเบาๆ
เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ใช้พละกำลังมากนักแต่อวี๋อี้เย่ซื่อรู้สึกถึงความแน่วแน่ของนางและต้องต้องแขนนางไป
เขายืนมองหลังค่อมของจ้าวเหลียนหยุนและเฝ้ามองนางเดินออกไปนอกห้องโถงอย่างเงียบๆ
ฉากที่ดูไม่พิเศษนี้กลับทำให้หัวใจของอวี๋อี้เย่ซือสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง
เขายังกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
‘วิญญาณแห่งความรัก!?’
‘เพียงเพื่อความรัก นางเต็มใจที่จะเสียสละและไม่เกรงกลัวแม้แต่ความตาย’
‘จ้าวเหลียนหยุน ข้าคงตายอยู่ในมือของจ้าวผูหากปราศจากเจ้า’
‘เอาล่ะ ข้าจะตามเจ้าไป ขั้นเลวร้ายที่สุดข้าก็จะจ่ายหนี้คืนให้เจ้าด้วยชีวิตของข้า!’
อวี๋อี้เย่ซือตัดสินใจและเดินตามจ้าวเหลียนหยุนไป
มีพลังงานอมตะเหลืออยู่ในมิติช่องว่างเทียมของจ้าวเหลียนหยุนไม่มาก นางยังกังวลว่าวิญญาณแห่งความรักจะกลืนกินอายุขัยที่เหลือของนางเข้าไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นนางจึงรีบเดินออกจากยอดเขา
ภายใต้พลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผัน จ้าวเหลียนหยุนและอวี๋อี้เย่ซือถูกแยกจากกัน
จ้าวเหลียนหยุนไปถึงห้องโถงที่เงียบสงบแห่งหนึ่งเพียงลำพัง
“เกิดการต่อสู้ขึ้นที่นี่!” จ้าวเหลียนหยุนค่อยๆเดินเข้าไปในห้องโถงและพบร่องรอยของการต่อสู้
“เทพธิดาจ้าว?” ทันใดนั้นเสียงสายหนึ่งก็ดังเข้าหูจ้าวเหลียนหยุน
จ้าวเหลียนหยุนมึนงงเล็กน้อยยก่อนจะจำได้ว่ามันเป็นเสียงของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งวารีมู่หลิงหลาน
“นี่คือยอดเขาที่แปด ข้าต่อสู้กับผู้นำยอดเขาเซียวเฟยเฟย ตอนนี้เราทั้งคู่ต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส”
“เรากำลังซ่อนตัวและรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองอย่างรวดเร็วที่สุด”
“เจ้าต้องระวัง เซียวเฟยเฟยมีท่าไม้ตายอมตะที่ทำให้เป้าหมายสูญเสียความทรงจำ”
เพียงเมื่อเขากล่าวจบประโยค รัศมีแสงที่แปลกประหลาดก็พุ่งเข้าปะทะหน้าผากของจ้าวเหลียนหยุน
“ไม่!” มู่หลิงหลานอุทาน “เจ้าจะค่อยๆสูญเสียความทรงจำ ใช้วิญญาณอมตะปกป้องตนเอง อย่าใช้ท่าไม้ตายอมตะ นั่นจะยิ่งอันตราย หากเจ้าลืมท่าไม้ตายอมตะอย่างกะทันหัน เจ้าจะได้รับผลกระทบย้อนกลับ อดทนและรอจนกว่าข้าจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ!”
จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้าและซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งโดยใช้วิญญาณอมตะป้องกันตัว
“บัดซบ!” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกไม่สบายใจ นางรู้สถานการณ์ของตนเองเป็นอย่างดี นางพึ่งกลายเป็นผู้อมตะ หากนางถูกโจมตี ความทรงจำในช่วงเวลาของการฝึกฝนเพียงเล็กน้อยของนางจะถูกลบทิ้งทั้งหมด
ความทรงจำในอดีตค่อยๆปรากฏขึ้นในใจของจ้างเหลียนหยุนอีกครั้ง
ภาคเหนือ
เผ่าหม่าพ่ายแพ้ต่อเผ่าไห่
“ข้าไม่คิดว่าเราจะรอดชีวิตมาได้ คุณหนูเสี่ยวหยุน!” หม่าหงหยุนจับมือจ้าวเหลียนหยุนและหมุนไปรอบๆ “ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ปล่อยข้า คนโง่!” จ้าวเหลียนหยุนตะโกน
…..
แดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ
“เด็กน้อย เจ้าช่างโชคดีนัก เจ้าได้เป็นบุตรเขยของเผ่าจางจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า” จ้าวเหลียนหยุนวางมือบนไหล่ของหม่าหงหยุน
หม่าหงหยุนเกาศีรษะ “คุณหนูเสี่ยวหยุน อย่ากังวล ท่านช่วยข้าไว้มาก ข้าจะปฏิบัติต่อท่านอย่างดี”
จ้างเหลียนหยุนพยักหน้า “เช่นนั้นข้าก็จะพึ่งพาเจ้า”
แต่ในใจนางรู้สึกแปลกๆ ‘เหตุใดข้าจึงรู้สึกสูญเสียและขมขื่น?’
…..
ในวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง
“เจ้าเป็นปีศาจต่างโลก! เจ้าซ่อนตัวอยู่ข้างกายหม่าหงหยุน! ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าช่างกล้าหาญนัก น่าเสียดายที่เจ้าพบข้า” เจตจำนงของเทพอมตะตะวันเดือดปลดปล่อยเจตนาสังหารออกมาอย่างชัดเจน
จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง นางตะโกนอยู่ในใจ ‘บัดซบ! ยังมีสิ่งกีดขวางเช่นนี้อยู่? ปีศาจต่างโลกงั้นหรือ? โลกใบนี้เป็นกับดักขนาดใหญ่ ครั้งนี้ข้าจะตายที่นี่จริงๆงั้นหรือ?’
แต่หม่าหงหยุนกลับก้าวออกไปยืนด้านหน้าจ้าวเหลียนหยุน
เขากางแขนออกและปกป้องนาง
“เจ้าหนู เจ้าต้องการปกป้องปีศาจต่างโลกงั้นหรือ?” เจตจำนงของเทพอมตะตะวันเดือดกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา
“ปีศาจต่างโลกใดข้าไม่รู้จัก! ข้ารู้เพียงว่านางคือคุณหนูเสี่ยวหยุน หากปราศจากความช่วยเหลือจากนาง ข้าคงตายไปนานแล้ว” หม่าหงหยุนพยายามปกป้องจ้าวเหลียนหยุนอย่างเต็มที่
รูม่านตาของจ้าวเหลียนหยุนหดเล็กลงขณะที่นางมองหม่าหงหยุนด้วยความงุนงง
“แม้ต้องต่อต้านเทพอมตะตะวันเดือด แต่เจ้ายังยืนหยัดเพื่อข้างั้นหรือ?”
“เพราะเหตุใด?”
“เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นปีศาจต่างโลกและไม่ใช่คนของโลกใบนี้!”
“เจ้าโง่ เจ้ากำลังจะตาย การปกป้องข้าจะทำให้เทพอมตะตะวันเดือดโกรธ นั่นคือบรรพบุรุษของเจ้า เจ้าโง่!”
ไห่ลั่วหลันมองจ้าวเหลียนหยุนและเริ่มแสดงเจตนาสังหาร
“ไม่ คุณหนูเสี่ยวหยุนเป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเจ้าอย่าทำร้ายนาง!” หม่าหงหยุนแสดงทัศนคติที่มั่นคง
อย่างไรก็ตามเจตจำนงของเทพอมตะตะวันเดือดไม่สนใจหม่าหงหยุนและโจมตีจ้าวเหลียนหยุนทันที
“ไม่!” หม่าหงหยุนตะโกนออกมาในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง เขาสวมกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้ในอ้อมอก
เวลาราวกับเดินช้าลง
จ้าวเหลียนหยุนขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของหม่าหงหยุนด้วยหัวใจที่สั่นไหว
ความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นพุ่งเข้าโอมอุ้มหัวใจของนางเอาไว้
นางตื่นตระหนกแต่มันไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ที่ชีวิตของนางแขวนอยู่บนเส้นด้าน มันเป็นความตื่นตระหนกที่เกิดจากความรู้สึกแปลกๆจากส่วนลึกในหัวใจของนาง
จ้าวเหลียนหยุนพบว่าแท้จริงแล้วนางตกหลุมรักคนโง่หม่าหงหยุนอย่างหมดหัวใจ
หม่าหงหยุน!
คนที่พานางไปดูดาว คนที่พานางไปตะโกนที่หุบเขา คนที่รักษานาง และมอบดอกไม้ให้นาง
นอกจากนั้นเขายังยินดีสละชีวิตเพื่อนาง!
ในโลกที่ปีศาจต่างโลกถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่ ผู้ใดจะโง่พอที่จะก้าวออกมาปกป้องนาง?
หม่าหงหยุน!
…..
ความทรงจำต่างๆปรากฏขึ้นในใจของจ้าวเหลียนหยุน
จากนั้นพวกมันก็เริ่มเลือนหายไป
“ไม่ หยุด!” น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มของจ้าวเหลียนหยุน
เสียงของเซียวเฟยเฟยดังขึ้น “ฮิฮิ เมื่อเจ้าถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะของข้า เจ้าจะสูญเสียความทรงจำที่ล้ำค่าที่สุด มันไม่สำคัญว่าตอนนี้เจ้าจะเจ็บปวดหรือไม่ เพราะอีกไม่นานเจ้าก็จะลืมทุกสิ่งและรู้สึกผ่อนคลายลง บางทีเจ้าอาจสามารถยิ้มได้ ฮ่าฮ่าฮ่า”
รอยยิ้มค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน
“อย่ายิ้ม นี่คือท่าไม้ตายอมตะของเซียวเฟยเฟย มันจะฆ่าผู้คนในขณะที่พวกเขายิ้ม ยิ่งเจ้ายิ้มนานเท่าใด เจ้าก็จะเสียชีวิตเร็วเท่านั้น!” มู่หลิงหลานรีบส่งเสียงเตือน
อย่างไรก็ตามตอนนี้จ้าวเหลียนหยุนดูเหมือนคนโง่ที่กำลังยิ้มกว้าง
“บัดซบ!” มู่หลิงหลานตระหนักว่าเขาต้องลงมือ
เขาปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะออกมาหลังจากเตรียมตัวเป็นเวลานาน
“อา…เจ้าอยู่ที่นั่น…” เซียวเฟยเฟยเปิดเผยตัวขณะโจมตีจ้าวเหลียนหยุน ดังนั้นนางจึงถูกท่าไม้ตายอมตะของมู่หลิงหลานโจมตีและเสียชีวิตอย่างน่าสังเวช ณ จุดเกิดเหตุ
“เทพธิดาจ้าว เจ้าต้องอดทน!” มู่หลิงหลานรีบวิ่งเข้าไปช่วยจ้าวเหลียนหยุน
จ้าวเหลียนหยุนยังยิ้มแต่นางไม่มึนงงอีกต่อไป
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของนาง
“ข้าควรทำอย่างไร?”
“ข้าลืมเรื่องของเขาไปแทบหมดสิ้น แม้แต่รูปร่างหน้าตาของเขา ข้าก็ไม่สามารถจดจำ”
“ข้าจำได้เพียงชื่อของเขา”
“ข้าจำได้เพียงว่า…”
“ข้ารักเขา”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1267 กำลังเสริมจากภาคกลาง
แปลโดย iPAT
ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ยอดเขาที่หนึ่ง
“อีกครั้ง!” ท่านหญิงหว่านซูเดินเข้าไปหาหม่าหงหยุนพร้อมบอลสายฟ้าที่อยู่ในมือ
“เชิญเลย” หม่าหงหยุนกลอกตาอย่างไม่ใส่ใจ
ท่านหญิงหว่านซูส่งบอลสายฟ้าไปที่หน้าอกของหม่าหงหยุน
“อ๊าก…”
สายฟ้าปะทุขึ้นบนร่างของหม่าหงหยุนขณะที่เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นและพยายามประคองสติเอาไว้
เมื่อการโจมตีของบอลสายฟ้าสิ้นสุดลง หม่าหงหยุนยังไม่หมดสติ แต่ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงก่ำและเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
“ข้าพลาดอีกครั้ง” ท่านหญิงหว่านซูรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “เกิดสิ่งใดขึ้น? มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”
นางล้มเหลวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
แม้ความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดจะต่ำมาก แต่ไม่มีเหตุผลที่นางจะติดอยู่ที่ขั้นตอนนี้ตั้งแต่เริ่มต้น
ท่านหญิงหว่านซูอาเจียนออกมาเป็นเลือด
หลังจากล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน หม่าหงหยุนกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอด สิ่งสำคัญที่สุดร่างกายของเขายังเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งสายฟ้า
หากเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งสายฟ้า ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้จะช่วยเขาได้มาก
“ไม่เบื่อที่จะทำเช่นนี้งั้นหรือ? ลองเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นดีหรือไม่? ข้าเบื่อแล้ว” หม่าหงหยุนรู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่แน่นอน ดังน้นเขาจึงเลิกสนใจเรื่องนี้และเริ่มล้อเลียนท่านหญิงหว่านซู
ดวงตาของท่านหญิงหว่านซูส่องประกายเย็นเยียบขณะที่หม่าหงหยุนกรีดร้องขึ้นอย่างกะทันหัน
ท่านหญิงหว่านซูฟังเสียงกรีดร้องของหม่าหงหยุนอยู่อย่างเงียบๆ
หม่าหงหยุนกรีดร้องกระทั่งหมดสติไปในที่สุด
ท่านหญิงหว่านซูพ่นลมหายใจออกมาและเริ่มครุ่นคิด
…..
“จ้าวเหลียนหยุนใกล้ตายแล้ว”
“วิญญาณแห่งความรักแสดงพลังอำนาจออกมาแล้วกี่ครั้ง?”
“ดูเหมือนท่านหญิงหว่านซูจะสังเกตเห็นบางสิ่ง”
ในวังสวรรค์แห่งโชค ราชันใต้เข้าใจสถานการณ์ในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะอย่างชัดเจน
ตอนนี้เขาค่อนข้างร้อนใจ
ผู้อมตะภาคกลางยังไม่ปรากฏตัว พวกเขากำลังวางแผนใด
“การจับวิญญาณแห่งความรักเป็นความต้องการของบรรพชนในอดีต พวกเราบุตรหลานต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ!”
“ผู้อมตะดำเตรียมพร้อม!”
ราชันใต้ส่งคำสั่งไปยังถ้ำสวรรค์นิรันดร
แปดผู้อมตะยังปิดล้อมปรมาจารย์ห้าธาตุ
เมื่อพวกเขาได้รับคำสั่งจากราชันใต้ สองผู้อมตะระดับเจ็ดก็แยกตัวออกจากแท่นบูชาแห่งโชค
“เราจะไปเดี๋ยวนี้!” สองผู้อมตะกล่าว
“กลับมาให้เร็วที่สุด” ผู้นำกลุ่มผู้อมตะทั้งแปดไม่พูดมาก การจับกุมปรมาจารย์ห้าธาตุด้วยผู้อมตะเพียงเจ็ดคนทำให้พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล
วังสวรรค์แห่งโชค
‘ทุกอย่างเป็นไปตามแผน หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด วิญญาณแห่งความรักและหม่าหงหยุนจะกลับสู่ถ้ำสวรรค์นิรันดร ผู้อมตะภาคกลาง หากพวกเจ้ายังไม่เคลื่อนไหว มันจะสายเกินไป’ ราชันใต้คิดกับตนเอง
เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น
“วังสวรรค์แห่งโชค! ดังนั้นทั้งหมดก็เป็นการกระทำของพวกเจ้า!”
“ทำลายวังสวรรค์แห่งโชคแก้แค้นให้กับสหายของพวกเรา!”
คฤหาสน์วิญญาณอมตะสองหลังปรากฏขึ้นด้านหน้าวังสวรรค์แห่งโชค
หนึ่งคือศาลานกขมิ้นและอีกหนึ่งคือหอคอยวายุ
คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสองอยู่ในสภาพที่ไม่น่ามอง ผู้อมตะภาคกลางต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อหลบหนีจากอุโมงค์มิติ
“หือ ในที่สุดพวกเขาก็ออกมา!” ราชันใต้สูดหายใจและเปิดการป้องกันของวังสวรรค์แห่งโชค
คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสองของภาคกลางโจมตีวังสวรรค์แห่งโชคจากด้านหน้าและด้านหลัง
แม้ผีดิบอมตะตะวันเดือดจะอยู่ในวังสวรรค์แห่งโชค แต่เขาไม่มีความตั้งใจที่จะเคลื่อนไหว เขายังนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน
แม้วังสวรรค์แห่งโชคจะถูกโจมตี เขาก็ยังไม่แยแส
ในไม่ช้าหน้าผากของราชันใต้ก็ปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อ
วังสวรรค์แห่งโชคทรงพลังแต่จุดอ่อนสำคัญประการหนึ่งของมันคือมันไม่สามารถเคลื่อนย้าย หากมันเคลื่อนที่เพียงเล็กน้อย ทุกสิ่งที่มันทำมาตลอดสามแสนปีจะกลายเป็นสูญเปล่า
วังสวรรค์แห่งโชคเหมือนร่มขนาดใหญ่ที่ปกป้องภาคเหนือเอาไว้ นี่เป็นสิ่งที่เทพอมตะตะวันเดือดทิ้งไว้เพื่อบุตรหลานของเขา
แล้วราชันใต้จะทำลายเจตนารมณ์ของบรรพชนเพียงเพราะเขาถูกโจมตีได้อย่างไร
ด้วยการระดมกำลังโจมตี ผู้อมตะภาคเหนือจึงกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ
“เหยากวง มาช่วยข้าควบคุมวังสวรรค์แห่งโชคและต่อสู้กับศัตรู!” ราชันใต้ออกคำสั่ง
เหยากวงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ด้วยการควบคุมโดยผู้อมตะระดับแปดสองคน วังสวรรค์แห่งโชคจึงสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจที่น่าอัศจรรย์ออกมา
สถานการณ์เกิดเสถียรภาพอีกครั้ง
การแสดงออกของราชันใต้เต็มไปด้วยความสงสัย “แปลก เหตุใดคฤหาสน์วิญญาณอมตะของภาคกลางจึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่? ดูเหมือนพวกเขาจะประสบอุบัติเหตุบางอย่างในอุโมงค์มิติ นอกจากนั้นข้าจำได้ว่ามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลัง หลังที่แข็งแกร่งที่สุดคือค่ายนักรบ มันถูกทำลายไปแล้วในอุโมงค์มิติงั้นหรือ?”
แต่ในเวลาต่อมาดวงตาของราชันใต้กลับเบิกกว้างขึ้นเมื่อเขาได้รับข้อมูลใหม่
“ค่ายนักรบปรากฏขึ้นที่แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ!”
ถ้ำสวรรค์นิรันดรแทรกซึมเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ดังนั้นราชันใต้จึงเข้าใจสถานการณ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะเป็นอย่างดี
“บึม!”
การระเบิดครั้งใหญ่ปะทุขึ้น
ยอดเขาทั้งสิบสองของแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
พลังอำนาจของคฤหาสน์วิญญาณอมตะค่ายนักรบน่าสะพรึงกลัวมาก เหตุผลก็คือมันอยู่ภายใต้การคุวบคุมของผู้อมตะระดับแปดสองคน
หนึ่งคือเว่ยหลิงหยางและอีกหนึ่งคือไป่เฉินเทียน
นักรบหมื่นมังกรกำลังควบคุมหอคอยวายุและศาลานกขมิ้นต่อสู้กับวังสวรรค์แห่งโชค
ขณะเดียวกันค่ายนักรบก็กำลังต่อสู้กับค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ
“พวกเรารอดแล้ว!”
“กำลังเสริมมาแล้ว!”
“เหตุใดถึงมีเพียงค่ายนักรบ?”
ผู้อมตะภาคกลางทั้งห้าที่อยู่บนยอดเขาหิมะเงยหน้าขึ้นและมองค่ายนักรบด้วยความเบิกบานใจ
ค่ายนักรบค้นพบผู้อมตะทั้งห้ารวมถึงจ้าวเหลียนหยุนที่มีวิญญาณแห่งความรักอย่างรวดเร็ว
เว่ยหลิงหยางและไป่เฉินเทียนต้องการช่วยพวกเขา แต่ค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันไม่ได้มีไว้เพื่อโอ้อวดเท่านั้น กล่าวได้ว่าค่ายนักรบไม่ได้มีช่วงเวลาที่สะดวกสบายนัก
“ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่ธรรมดา มันใช้ประโยชน์จากแม่น้ำหวนคืน!”
“แม่น้ำหวนคืนอยู่ในมือของปีศาจอมตะเซี่ยหูงั้นหรือ? แต่ค่ายกลวิญญาณนี้เชื่อมต่อกับแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ แม้เราจะไม่สามารถทำลายค่ายกล แต่เราสามารถทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ เมื่อรากฐานของมันถูกทำลาย ค่ายกลวิญญาณจะพังทลายลงเช่นกัน”
เว่ยหลิงหยางและไป่เฉินเทียนตัดสินใจ
“บึม บึม บึม…”
ค่ายนักรบโจมตีอย่างดุเดือดและทำให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ
“สามี” ท่านหญิงหว่านซูหยุดหลอมรวมชั่วคราว นางยืนอยู่ข้างกายปีศาจอมตะเซี่ยหูด้วยความกังวล
“ที่รัก หากเราปล่อยให้คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้โจมตีต่อไป แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะจะถูกทำลายไม่ช้าก็เร็ว เมื่อเวลานั้นมาถึงค่ายกลวิญญาณจะถูกทำลายเช่นกัน แต่เจ้าสามารถผ่อนคลาย คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังเดียวจะทำสิ่งใดได้? ปล่อยให้ข้ามอบบทเรียนให้กับผู้อมตะภาคกลางเหล่านี้และทำให้พวกเขากลับไป!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูหัวเราะเสียงดังก่อนจะพุ่งเข้าหาคฤหาสน์วิญญาณอมตะอย่างกล้าหาญ
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่กลางอากาศ
อย่างไรก็ตามค่ายนักรบที่ถูกควบคุมโดยผู้อมตะระดับแปดสองคนของภาคกลางกลับไม่มีความได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1268 เงาในภูเขาหิมะ
แปลโดย iPAT
ปีศาจอมตะเซี่ยหูแสดงพลังอำนาจอันเป็นที่สุดของภาคเหนือออกมา
“ปีศาจอมตะเซี่ยหูสมกับเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของภาคเหนือจริงๆ!” ไป่เฉินเทียนไม่กล้ายโสอีกต่อไป
ด้วยการประลองไม่กี่กระบวนท่า ไป่เฉินเทียนตระหนักได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปีศาจอมตะเซี่ยหู
ค่ายนักรบสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง มันแทบไม่สามารถอดทนต่อการโจมตีของปีศาจอมตะเซี่ยหู
“น่าเสียดายที่มีเจ้าเพียงผู้เดียวขณะที่พวกเรามีผู้อมตะระดับแปดสองคน” เว่ยหลิงหยางหัวเราะเย้ยหยันและกล่าวกับไป่เฉินเทียน “ข้าจะทิ้งคฤหาสน์วิญญาณอมตะไว้กับเจ้า”
ไป่เฉินเทียนตอบ “วางใจได้ หากมีบางสิ่งผิดปกติข้าจะรีบแจ้ง”
เว่ยหลิงหลางลอบบินออกจากค่ายนักรบไปอย่างเงียบๆ
โดยธรรมชาติแล้วเขาไม่สามารถต่อต้านค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันแต่ตอนนี้พลังงานส่วนใหญ่ของมันถูกใช้เพื่อปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ดังนั้นแรงกดดันต่อเว่ยหลิงหลางจึงลดน้อยลง เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เพราะเขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกฎ
เส้นทางแห่งกฎมีข้อได้เปรียบในแง่นี้
ปีศาจอมตะเซี่ยหู่แข็งแกร่งกว่าเว่ยหลิงหยาง แต่เขาก็ไม่สามารถแข่งขันในบางแง่มุม
เว่ยหลิงหยางเดินทางไปได้ครึ่งทางก่อนจะถูกค้นพบโดยปีศาจอมตะเซี่ยหู
“เจ้ากำลังจะไปที่ใด?” ปีศาจอมตะเซี่ยหูตะโกนด้วยความโกรธและโบกมือ
ทันใดนั้นพายุหิมะก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า เว่ยหลิงหยางรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล
เขาเปลี่ยนทิศทางและฟันฝ่าอุปสรรคขณะที่ไป่เฉินเทียนพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรู
ท่านหญิงหว่านซูไม่มีอารมณ์หลอมรวมวิญญาณในเวลานี้และกำลังเฝ้ามองการต่อสู้อย่างตั้งใจ
หากปีศาจอมตะเซี่ยหูชนะ ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี
หากปีศาจอมตะเซี่ยหูแพ้ ทุกอย่างจะจบสิ้น ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาจะระเบิดราวกับฟองสบู่แตก
แม้ปีศาจอมตะเซี่ยหูจะแข็งแกร่ง แต่ฝ่ายตรข้ามมีผู้อมตะระดับแปดสองคนพร้อมกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ในทางตรงข้ามค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันมีขีดจำกัดในการสนับสนุนผู้อมตะระดับแปด
“หากหนึ่งในผู้อมตะระดับแปดโจมตียอดเขาหิมะ ผลที่ตามมาจะไม่สามารถจินตนาการ!” ท่านหญิงหว่านซูเต็มไปด้วยความกังวล
ตอนนี้แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะตกอยู่ในอันตราย
“ท่านหญิงหว่านซู ข้ามีแผนการที่สามารถช่วยแก้ไขสถานการณ์ของท่าน!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ข้อความลึกลับถูกส่งมายังท่านหญิงหว่านซู
“นี่คือ?” ท่านหญิงหว่านซูตกใจมาก
เพราะวิญญาณที่ส่งข้อความดวงนี้เป็นสิ่งที่ท่านหญิงหว่านซูเก็บไว้ในมิติช่องว่างของนางมาตลอดและไม่เคยใช้งาน
หลายปีก่อน ไม่นานหลังจากท่านหญิงหว่านซูก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ
ในถ้ำแห่งหนึ่ง
“ผู้อาวุโส ผู้น้อยจะออกไป ผู้น้อยไม่กล้ารบกวนผู้อาวุโสจากการรับมรดกนี้” หัวใจของท่านหญิงหว่านซูสั่นสะท้านขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้อมตะลึกลับ
แต่ผู้ใดจะคิดว่าผู้อมตะลึกลับจะกล่าวว่า “สาวน้อย เจ้าสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะได้ตั้งแต่อายุยังน้อยและยังรู้ขีดจำกัดของตน เจ้ารู้ว่าเมื่อใดควรถอยหรือก้าวหน้า นั่นเป็นเรื่องที่ดี ข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะรับมรดกนี้ ข้ายินดีมอบมรดกนี้ให้เจ้า แต่หลังจากเจ้าได้รับมรดก เจ้าต้องบอกเนื้อหาของมันให้ข้ารู้ นอกจากนั้นเจ้าจะติดหนี้บุณคุณข้าหนึ่งครั้ง หากเกิดสถานการณ์คับขันในอนาคต เจ้าต้องช่วยคนที่ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลนี้”
ท่านหญิงหว่านซูคิดก่อนจะตอบตกลง
นางไม่มีทางเลือกอื่น
หากนางไม่ตกลง นางคงไม่สามารถออกจากถ้ำ
หากเป็นเช่นนั้น เดิมพันกับสิ่งนี้ย่อมดีกว่า
“ดี มาเถอะ เรามาทำข้อตกลงกัน” ผู้อมตะลึกลับเผยรอยยิ้มสดใสขณะลูบเครา
…..
ฉากนี้ปรากฏขึ้นในใจของท่านหญิงหว่านซูอีกครั้ง
นางเร่งตอบกลับ “ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านมีความสนใจในวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์หรือไม่?”
วิญญาณตอบกลับ “ฮ่าฮ่า ท่านหญิงหว่านซู ดูเหมือนท่านจะมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อสามีจริงๆ วางใจได้ เราไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อท่าน เราเพียงต้องการให้ท่านช่วยปรับแต่งทรัพยากรอมตะบางอย่างเท่านั้น หากท่านสามารถทำสิ่งนี้ พวกเราจะช่วยท่านกับสามีตอบโต้ผู้อมตะภาคกลาง”
“เช่นนั้นข้าก็ยินดีช่วยท่าน” ท่านหญิงหว่านซูพยักหน้าหลังจากครุ่นคิด
หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มผู้อมตะลึกลับสี่คนก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าท่านหญิงหว่านซู
พวกเขาก็คือกลุ่มของอิงอู๋เซี่ย!
“ไห่ลั่วหลัน ไท่เป่ยหยุนเฉิง!” ท่านหญิงหว่านซูจำคนทั้งสองได้ทันที
ไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับฟางหยวนในการทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง พวกเขาเป็นอาชญากรที่ถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะภาคเหนือ
ตอนนี้ท่านหญิงหว่านซูรู้สึกประหลาดใจมากที่ได้เห็นคนร้ายทั้งสอง
สำหรับไป่หนิงปิงและอิงอู๋เซี่ย ท่านหญิงหว่านซูไม่รู้จักพวกเขา
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจมากที่สุดคือผู้นำกลุ่มคนทั้งสี่กลับเป็นผีดิบอมตะที่อ่อนแอที่สุด
“แขกผู้มีเกียรติ ข้าสงสัยว่าพวกท่านจะช่วยเราขับไล่ศัตรูได้อย่างไร?” ท่านหญิงหว่านซูถาม
อิงอู๋เซี่ยยิ้มและกล่าวด้วยความมั่นใจ “ท่านหญิงหว่านซู ข้ารู้ว่าปีศาจอมตะเซี่ยหูได้เชิญบางคนมาช่วยลบข้อตกลงพันธมิตรของท่านไปแล้ว แต่เรามาโดยปราศจากเจตนาร้าย เรามีศัตรูร่วมกัน นั่นคือผู้อมตะภาคกลาง กล่าวได้ว่าเราเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดที่ท่านสามารถมีได้”
“เมื่อท่านรับข้อตกลงของเรา นั่นหมายความว่าท่านยังให้ความสำคัญกับคำสัญญาในอดีต ตราบเท่าที่ท่านช่วยเราปรับแต่งทรัพยากรอมตะ ทุกอย่างจะสามารถแก้ไข”
“ทรัพยากรอมตะชนิดใด?” ท่านหญิงหว่านซูยืนมือออกมา
อย่างไรก็ตามอิงอู๋เซี่ยกลับส่ายศีรษะและเผยรอยยิ้มขมขื่น “ทรัพยากรอมตะชิ้นนี้อยู่ในมิติช่องว่างของท่าน”
“มันคือหินสีม่วงทองที่ปีศาจอมตะเซี่ยหูนำมาจากสุสานผีดิบของกองกำลังพันธมิตรแห่งภาคเหนือ” อิงอู๋เซี่ยตอบ
รูม่านตาของท่านหญิงหว่านซูหดเล็กลง นางหยิบทรัพยากรอมตะดังกล่าวออกมา “สิ่งนี้งั้นหรือ?”
มันเป็นหินสีม่วงทองที่มีขนาดเท่าฝ่ามือมนุษย์
อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจ “ถูกต้อง มันคือหินก้อนนี้”
“ดังนั้นพวกเจ้าก็เป็นสมาชิกนิกายเงา” ท่านหญิงหว่านซูเปิดเผยตัวตนของอิงอู๋เซี่ยได้ทันที
อิงอู๋เซี่ยไม่แปลกใจและยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “ท่านหญิงช่างรอบรู้นัก ข้าต้องรบกวนท่านแล้ว”
ด้วยเหตุนี้ผู้อมตะภาคกลางจึงเป็นศัตรูของนางและสมาชิกนิกายเงา
ดังคำกล่าวที่ว่าศัตรูของศัตรูก็คือมิตร
ท่านหญิงหว่านซูมองการต่อสู้กลางอากาศก่อนจะหันกลับมายังหินสีม่วงทอง “นี่เป็นทรัพยากรประเภทใด ข้าไม่สามารถระบุ ข้าจะไม่ปิดบังจากพวกเจ้า ข้าเคยพยายามปรับแต่งมันมาแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ!”
อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มสดใส น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “นั่นเป็นวิธีการพิเศษของนิกายเงา ท่านหญิงหว่านซู ท่านเพียงไม่รู้ขั้นตอนและวิธีการที่ถูกต้องเท่านั้น ข้าจะสอนท่าน ท่านเพียงต้องทำตามคำแนะนำของข้าและท่านจะประสบความสำเร็จ”
…..
มังกรดาบบรรพกาลบินอยู่บนท้องฟ้าเหนือแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ
จากภายนอก ฉากภายในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะไม่สามารถมองเห็น
การต่อสู้แห่งชีวิตและความตายที่กำลังดำเนินอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ขึ้น แต่โลกภายนอกยังสงบสุขและอากาศแจ่มใส
‘พวกเขาเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะงั้นหรือ? แปลก!’
ฟางหยวนรู้สึกสงสัย
เขารู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะกลายเป็นพื้นที่อันตรายเพราะปีศาจอมตะเซี่ยหูกำลังหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์
แล้วอิงอู๋เซี่ยจะเข้าไปสถานที่เช่นนี้เพียงสิ่งใด?
นี่เป็นเรื่องจริงหรือภาพลวงตา?
มันเป็นวิธีการหลอกลวงท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคของอิงอู๋เซี่ยเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในทะเลตะวันออกหรือไม่?
แต่หากมันเป็นเรื่องจริง…
มันยังตีความได้หลายอย่าง
ฟางหยวนลังเล
เขามีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแต่มันไม่ใช่เรื่องฉลาดหากเขาจะพุ่งเข้าไปทันที
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะรอดูไปก่อน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1269 มนุษย์จิ๋วระดับแปด
แปลโดย iPAT
“เซี่ยหู รับนี่!” เว่ยหลิงหยางชี้นิ้วไปที่ปีศาจอมตะเซี่ยหูและยิงลำแสงขนาดใหญ่ออกไป
ปีศาจอมตะเซี่ยหูโบกมือสร้างกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่ขึ้นปิดกั้นลำแสงของเว่ยหลิงหยางได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นปีศาจอมตะเซี่ยหูก็ทะยานร่างบินไปทางเว่ยหลิงหยางราวกับขวานที่หมุนวน
การแสดงออกของเว่ยหลิงหยางเปลี่ยนไปทันที
นี่เป็นท่าที่รับมือได้ยากมาก เขาเคยพบกับความทุกข์ทรมานจากท่านี้มาก่อนแล้ว
เว่ยหลิงหยางถูกบังคับให้บินกลับเข้าไปในค่ายนักรบและใช้มันปกป้องตนเองอย่างไม่สามารถช่วยได้
“บึม บึม บึม…”
ขวานน้ำแข็งทำให้ค่ายนักรบเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากตกตายลงทันที
“เร็ว ซ่อมคฤหาสน์วิญญาณอมตะ!”
“มีคนบาดเจ็บ รีบรักษา!”
“ใช้การโจมตีของคฤหาสน์วิญญาณอมตะเป็นการป้องกัน!”
ผู้อมตะที่อยู่ภายในคฤหาสน์วิญญาณอมตะต่างตื่นตระหนก
เว่ยหลิงหยางหอบหายใจอย่างหนักหน่วง มือขวาของเขาถูกแช่แข็งและไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด
“ข้าถูกโจมตีตั้งแต่เมื่อใด?” กระทั่งตัวเว่ยหลิงหยางเองยังรู้สึกประหลาดใจ
ปีศาจอมตะเซี่ยหูมีวิธีการมากมาย แม้บางท่าจะไม่ทรงพลังนัก แต่มันกลับมีประสิทธิภาพและร้ายกาจ
นั่นเป็นเหตุให้เว่ยหลิงหยางได้รับบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวของปีศาจอมตะเซี่ยหูโดยไม่รู้ตัว
เขาทดลองหลายวิธีแต่ยังไม่สามารถรักษามือขวาที่ถูกแช่แข็ง
“อาการบาดเจ็บชนิดนี้ค่อนข้างลำบาก…” ไป่เฉินเทียนถอนหายใจ
“มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ข้าเพียงต้องผนึกมือขวาเอาไว้ชั่วคราว ตอนนี้สิ่งที่ข้ากังวลมากที่สุดคือนักรบหมื่นมังกร เขาควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะสองหลังและยังได้รับความช่วยเหลือจากผู้อมตะส่วนใหญ่ของเรา แต่สิ่งที่เขากำลังเผชิญหน้าคือวังสวรรค์แห่งโชคและถ้ำสวรรค์นิรันดร เราต้องช่วยหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนอย่างรวดเร็วที่สุดและไปช่วยนักรบหมื่นมังกรก่อนจะล่าถอยกลับภาคกลาง!”
ดวงตาของเว่ยหลิงหยางส่องประกายขึ้น
ผู้อมตะภาคกลางเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แม้พวกเขาจะพบอุบัติเหตุในอุโมงค์มิติ แต่ผู้อมตะเหล่านี้ยังสามารถตอบสนองและหลบหนีออกมาได้อย่างราบรื่น
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตอนนี้กลับไม่เอื้ออำนวยต่อพวกเขา
เดิมทีมันเป็นเรื่องยากอยู่แล้วที่จะจัดการวังสวรรค์แห่งโชค แต่ตอนนี้พวกเขายังแยกกันเป็นสองกลุ่ม ในฐานะผู้ตัดสินใจ เว่ยหลิงหยางกำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันทางจิตใจอย่างมาก
“บึม!”
ค่ายนักรบเกิดการระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองของภาคกลางเป็นผู้อมตะระดับแปดชั้นสูงที่มีคุณสมบัติเข้าสู่วังสวรรค์ พวกเขาแข็งแกร่งมากโดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตามพลังการต่อสู้ของคนเหนือถือว่าสูงที่สุดในห้าภูมิภาค นอกจากนั้นปีศาจอมตะเซี่ยหูยังได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แข็งแกร่งที่สุดของภาคเหนือ
ครั้งนี้เขาแสดงพลังการต่อสู้ที่น่าประหลาดใจออกมาและทำให้ผู้อมตะภาคกลางไม่สามารถต่อต้านตั้งแต่วินาทีแรกเมื่อการต่อสู้ปะทุขึ้น
“ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้! รักษาอาการบาดเจ็บของท่านและควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ข้าจะออกไปก่อกวนปีศาจอมตะเซี่ยหู!” ไป่เฉินเทียนกัดฟันกล่าว
“ระวังตัวด้วย” เว่ยหลิงหยางกล่าวด้วยความกังวล
ไป่เฉินเทียนบินออกจากค่ายนักรบและใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาทันที
แสงสีเขียวพุ่งไปยังยอดเขาหิมะ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาตั้งใจทำลายค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผัน
เมื่อค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันถูกทำลาย ค่ายนักรบจะไม่ถูกกดดันอีกต่อไป โดยปราศจากสิ่งกีดขวาง พวกเขาจะสามารถช่วยจ้าวเหลียนหยุนและบางทีอาจสามารถช่วยหม่าหงหยุนได้เช่นกัน
ปีศาจอมตะเซี่ยหูอาจทรงพลัง แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดการโจมตีเต็มรูปแบบของค่ายนักรบ
“หยุดฝันกลางวัน!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูเคยเห็นท่าไม้ตายของผู้อมตะภาคกลางมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงตอบโต้ด้วยท่าไม้ตายอมตะของเขา
ฝนน้ำแข็งร่วงหล่นลงมา เมื่อมันตกกระทบลงบนพื้น มันกลายเป็นอสูรหิมะ
อสูรหิมะแต่ละตัวเป็นอสูรหิมะระดับสัตว์อสูรเดียวดายและยังมีกระทั่งสัตว์อสูรบรรพกาล
พวกมันยืนอยู่บนยอดเขาและคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า
ปีศาจอมตะเซี่ยหูพ่นลมหายใจอันเย็นเยียบออกมาและก่อให้เกิดพายุหิมะที่ทรงพลัง
อสูรหิมะเหมือนปลาได้น้ำและยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
ไป่เฉินเทียนถูกปราบปรามทันที
“ทรงพลังนัก!”
“ปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่ได้รับประโยชน์จากค่ายกลวิญญาณแต่เขายังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งของเขาน่าจะบรรลุระดับปรมาจารย์เอกแล้ว!”
ไม่ว่าจะเป็นไป่เฉินเทียนหรือเว่ยหลิงหยาง ทั้งคู่ต่างตกตะลึงกับฉากนี้
ความสำเร็จระดับปรมาจารย์เอกอนุญาตให้ผู้อมตะเปลี่ยนแปลงท่าไม้ตายอมตะของพวกเขาได้ดังใจปรารถนา
“แต่หากเพิ่มข้าอีกคนจะเป็นอย่างไร?” เว่ยหลิงหยางเย้ยหยันและบังคับค่ายนักรบพุ่งทะยานออกไป
อาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขามีความสำเร็จด้านการรักษาที่ไม่ธรรมดา
การแสดงออกของปีศาจอมตะเซี่ยหูเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปดสองคนพร้อมกันรวมถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะ นี่ค่อนข้างลำบากสำหรับเขา
อย่างไรก็ตามปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่สามารถทำลายค่ายนักรบและกวาดล้างผู้อมตะระดับแปดเพราะเขาต้องการรักษาค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันเอาไว้เพื่อการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์
ไป่เฉินเทียนและเว่ยหลิงหยางโจมตีไปที่จุดอ่อนของศัตรูและค่อยๆพลิกสถานการณ์
“บึม บึม บึม…”
การระเบิดทุกครั้งทำให้ค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันเกิดการสั่นสะเทือน
“ยอดเยี่ยม!”
“กำลังเสริมของเราแข็งแกร่งมาก!”
จ้าวเหลียนหยุนและคนอื่นๆไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตอีกต่อไป พวกเขายืนอยู่บนยอดเขาหิมะและเฝ้ามองการต่อสู้ด้านบน
ในทำนองเดียวกันผู้นำยอดเขาหิมะทั้งหมดก็จ้องมองการต่อสู้บนท้องฟ้าเช่นเดียวกัน
แต่ใบหน้าของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความกังวล
“พลังอำนาจของผู้อมตะระดับแปด…น่าอัศจรรย์และน่ากลัวจริงๆ”
“หากค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันถูกทำลาย พวกเราต้องตายอย่างน่าอนาถ”
“นายท่านเซี่ยหูแข็งแกร่งมาก แต่ผู้บุกรุกจากภาคกลางก็เจ้าเล่ห์มาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันจะถูกทำลายไม่ช้าก็เร็ว…”
บนยอดเขาที่หนึ่ง ท่านหญิงหว่านซูกำลังปรับแต่งหินสีม่วงทองและมาถึงขั้นตอนสุดท้าย
“ข้าไม่คาดหวังว่าข้าต้องใช้กลิ่นหอมหมื่นลี้เพื่อละลายหินก้อนนี้” ท่านหญิงหว่านซูรู้สึกประหลาดใจ
กลิ่นหอมหมื่นลี้เป็นทรัพยากรอมตะชนิดหนึ่ง นี่ทำให้ท่านหญิงหว่านซูตระหนักว่าแก่นแท้ของวิธีการนี้คือเส้นทางอาหาร
เส้นทางอาหารหายากมาก ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ท่านหญิงหว่านซูจะไม่สามารถจัดการหินก้อนนี้
เมื่อหินหลอมละลาย แสงสีม่วงก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ท่านหญิงหว่านซูหรี่ตามองแต่แทบไม่สามารถเห็นสิ่งใด
มีร่างขนาดเล็กมากนอนอยู่ในหินก้อนนี้ มันยังมีปีกสีม่วงคู่หนึ่งอยู่บนแผ่นหลัง
“มนุษย์จิ๋ว?” ท่านหญิงหว่านซูตกตะลึงเมื่อนางตระหนักถึงมัน
มนุษย์จิ๋วค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นขณะที่กลิ่นอายของมันรั่วไหลออกมา
ผู้อมตะระดับแปด!
“เหตุใดถึงมีผู้อมตะระดับแปดอีกคนและมันเป็น…กลิ่นอายของคนเหนือ!” ไป่เฉินเทียนและเว่ยหลิงหยางมองหน้ากัน
“พวกเราขอแสดงความเคารพต่อท่านสีม่วง!” อิงอู๋เซี่ยนำกลุ่มผู้อมตะโค้งคำนับต่อมนุษย์จิ๋วระดับแปดผู้นี้
มีเพียงไป่หนิงปิงที่ยังยืนตัวตรง
“อา…ข้าตื่นขึ้นแล้ว…” มนุษย์จิ๋วกระพริบตา ความสับสนหายไปจากใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความเย็นชาและไม่แยแส
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1270 ค่ายกลวิญญาณหลักและรอง
แปลโดย iPAT
ร่างจิ๋วกรีดร้องขณะใช้ท่าไม้ตาย “ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่…”
ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าร่างกายของมนุษย์จิ๋วก็มีขนาดเท่ากับมนุษย์ปกติ
นอกจากนี้ปีกบนแผ่นหลังของเขายังหายไปทำให้เขาดูเหมือนมนุษย์ธรรมดา
เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะทั้งหมดสามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของผู้อมตะลึกลับได้อย่างชัดเจน
เขาเป็นชายชราที่ไม่มีสิ่งใดน่าประทับใจ ลักษณะพิเศษเพียงอย่างเดียวของเขาคือเส้นผมสีม่วงที่ดูยุ่งเหยิงราวกับขอทาน
“อา…” ไท่เป่ยหยุนเฉิงน้ำตาไหลนอง เขาคุกเข้าลงและกล่าวด้วยด้วยตื่นเต้น “ท่านอาจารย์!”
“โอ้ เป็นเจ้า ข้าจำได้ว่าข้ามอบมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งกาลเวลาให้เจ้า” ผู้อมตะระดับแปดยิ้ม
“แม้แผนการของนิกายจะประสบความสำเร็จ แต่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากมายเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น…” อิงอู๋เซี่ยเร่งข้อมูลให้กับชายชราผมม่วง
หลังจากชั่วครู่ชายชราผมม่วงก็เข้าใจทุกสิ่ง
“น่าเสียดายที่เจตจำนงสวรรค์ได้รับชัยชนะ”
“แต่ยังมีความหวัง”
“อิงอู๋เซี่ย เจ้าทำได้ดีแล้ว นี่เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเจ้าจริงๆ”
“และไท่เป่ยหยุนเฉิง ยืนขึ้น”
“ตอนนี้ในขณะที่ข้ายังมีสติ เราจะร่วมมือกับเซี่ยหูและกำจัดผู้อมตะภาคกลาง!”
สถานการณ์เลวร้าย ชายชราผมม่วงตระหนักว่าผู้อมตะระดับแปดเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้
เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย ร่างกายของเขากลายเป็นแสงสีม่วงบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและยืนเคียงข้างปีศาจอมตะเซี่ยหู
“สหาย ชื่อของเจ้าคือ?” ปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่แปลกใจ ท่านหญิงหว่านซูลอบแจ้งข่าวเกี่ยวกับนิกายเงาให้เขาทราบแล้ว
ได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญลึกลับ ปีศาจอมตะเซี่ยหูตื่นเต้นมาก
“ข้ามีหลายชื่อ แต่…” ชายชราผมม่วงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรียกข้าว่าราชันภูเขาม่วง”
เมื่อถึงจุดนี้ปีศาจอมตะเซี่ยหูและราชันภูเขาม่วงก็ร่วมมือกันจัดการผู้อมตะระดับแปดของภาคกลาง
ราชันภูเขาม่วงแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แม้เขาจะโจมตีเพียงเล็กน้อย แต่การโจมตีแต่ละครั้งของเขากลับมีประสิทธิภาพสูงมากและสามารถเปลี่ยนสถานการณ์
ผู้อมตะระดับแปดล้วนไม่ธรรมดา การคงอยู่ของราชันภูเขาม่วงช่วยปีศาจอมตะเซี่ยหูได้มาก
เว่ยหลิงหยางและไป่เฉินทียนต่อสู้อย่างสิ้นหวัง พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่แต่ยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
หลังจากต่อสู้มากกว่าสิบรอบ พวกเขาก็ถูกบังคับให้กลับเข้าไปในค่ายนักรบ
ผู้นำยอดเขาหิมะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและเริ่มโห่ร้องด้วยความยินดี
ผลการต่อสู้ครั้งนี้ชัดเจนมาก ใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุนและผู้อมตะอีกสี่คนกลายเป็นซีดเผือด
สถานการณ์เลวร้ายลง ความหวังในการรอดชีวิตของพวกเขาก็ลดน้อยลงเช่นกัน แล้วพวกเขาควรทำอย่างไร?
ด้านนอกแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ มังกรดาบบรรพกาลซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกลุ่มเมฆ ‘นิกายเงามีความเกี่ยวข้องกับกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะจริงๆ…’
‘แล้วเหตุใดฉินไป่เฉิงไม่ขอความช่วยเหลือจากกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะเมื่อเขาต่อสู้กับฟงจิวเก้อในหุบเขาเหล่าโป?’
‘หรือบางทีความสัมพันธ์ของพวกเขาอาจไม่ลึกซึ้งนัก’
ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคบอกฟางหยวนว่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ยอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะและยังไม่ได้จากไป
การไล่ล่าของฟางหยวนถูกขัดขวางแต่เขาไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้และกำลังรอคอยโอกาสอยู่อย่างเงียบๆ
ห่างออกไปประมาณหนึ่งพันลี้ผู้อมตะสองคนบินลงมาจากท้องฟ้า
พวกเขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากผู้อมตะจากถ้ำสวรรค์นิรันดร์
“มันคือที่นี่” ผู้อมตะดำกล่าวและใช้วิญญาณบางดวงสร้างแสงสีรุ้งขึ้น
ผู้อมตะคลื่นสมุทรเร่งถาม “เจ้าต้องการให้ข้าดูแลค่ายกลวิญญาณนี้หรือไม่?”
ผู้อมตะดำส่ายศีรษะ “เข้าไปพร้อมกัน”
หลังจากนั้นทั้งสองก็เข้าไปในค่ายกลวิญญาณ
ผู้อมตะคลื่นสมุทรตกใจ “ค่ายกลวิญญาณของเจ้าช่างทรงพลังนัก แต่…”
เขาลังเลเล็กน้อย
“แต่อันใด?” ผู้อมตะดำรู้สึกสนใจ
ผู้อมตะคลื่นสมุทรกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกซึ้ง “แต่ข้ารู้สึกว่ามันยังไม่สมบูรณ์ มันยังขาดบางสิ่ง มันน่าจะเชื่อมต่อกับทะเลสาบ”
ผู้อมตะดำขมวดคิ้วและจะปรบมือยกย่อง “ดังคาด เจ้าเป็นกึ่งปรมาจารณ์เอกบนเส้นทางแห่งวารี เจ้ามีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ถูกต้อง ค่ายกลวิญญาณนี้เป็นเพียงส่วนรอง ยังมีค่ายกลวิญญาณหลักที่เชื่อมต่อกับมัน”
“เช่นนั้นค่ายกลวิญญาณหลักอยู่ที่ใด?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรขมวดคิ้ว
แต่ก่อนที่ผู้อมตะดำจะตอบคำถาม ผู้อมตะคลื่นสมุทรกลับเกิดแรงบันดาลใจและตระหนักว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ค่ายกลวิญญาณหลักคือค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันของแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ!”
“ถูกต้อง” ผู้อมตะดำหัวเราะ “ก่อนหน้านี้ข้าได้รับมอบหมายให้แสดงตัวในฐานะซุนหมิงลู่และสร้างค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันให้กับปีศาจอมตะเซี่ยหูโดยใช้ประโยชน์จากแม่น้ำหวนคืน แม้ปีศาจอมตะเซี่ยหูจะเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดของภาคเหนือแต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าข้าคือผู้ใด”
“ตอนนี้ตราบเท่าที่ข้าเปิดใช้งานค่ายกลวิญญาณนี้ ข้าสามารถทำลายค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันและดึงแม่น้ำหวนคืนให้มาที่นี่”
“เมื่อค่ายกลวิญญาณพังทลายลง ทุกคนและทุกสิ่งในรัศมีหนึ่งพันลี้รอบแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะจะถูกแม่น้ำหวนคืนดึงดูดมาที่นี่”
ผู้อมตะดำกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ผู้อมตะคลื่นสมุทรตะลึง “ในกรณีนี้ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่จะไม่ถูกส่งมาที่นี่ด้วยงั้นหรือ?”
ผู้อมตะดำส่ายศีรษะ “แม่น้ำหวนคืนเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ มันเต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋า ตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งตกลงไป แม้จะเป็นผู้อมตะระดับแปดก็ไม่สามารถใช้วิญญาณของพวกเขา ในตำนานมนุษย์คนแรก เมื่อเขาเดินทางไปในแม่น้ำหวนคืน เขาไม่ได้ใช้วิญญาณแม้แต่ดวงเดียว”
“เช่นนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นเนื้อที่วางอยู่บนเขียงของเรา?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรรู้สึกตื่นเต้น
แต่ผู้อมตะดำกลับส่ายศีรษะอีกครั้ง “พวกเราอยู่ด้านนอกแม่น้ำหวนคืน หากเราโจมตี มันจะสะท้อนการโจมตีเหล่านั้นกลับมาหาพวกเรา นี่คือความหมายของคำว่าหวนคืน”
ผู้อมตะคลื่นสมุทรสับสน “แล้วเราจะช่วยหม่าหงหยุนและจับจ้าวเหลียนหยุนได้อย่างไร?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้อมตะดำหัวเราะ “เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือว่าแม่น้ำหวนคืนอยู่ภายใต้การควบคุมของค่ายกลวิญญาณรองและค่ายกลวิญญาณหลักของข้า”
“เมื่อค่ายกลวิญญาณหลักพังทลาย แม่น้ำหวนคืนจะไหลมาหาพวกเรา เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะจัดการลำดับการเคลื่อนที่ของทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ จ้าวเหลียนหยุนและหม่าหงหยุนจะอยู่ด้านหน้าสุด”
“ท่านหญิงหว่านซูและคนอื่นๆจะอยู่ด้านหลัง แน่นอนว่าผู้อมตะระดับแปดจะถูกทิ้งไว้หลังสุด”
“ช่างอัศจรรย์นัก!” ผู้อมตะคลื่นสมุทรกล่าวด้วยดวงตาส่องประกาย เขาปรบมือ “ด้วยวิธีนี้ท่านหญิงหว่านซูและคนอื่นๆจะต่อสู้เพื่อก้าวมาข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง ขณะที่พวกเราจะรอจับตัวเป้าหมายอยู่ที่นี่”
“อย่างไรก็ตาม…” ผู้อมตะคลื่นสมุทรขมวดคิ้ว “หากจ้าวเหลียนหยุนและหม่าหงหยุนไม่สามารถอดทน พวกเขาจะเป็นเหมือนมนุษย์คนแรกและถูกพัดไปตามแม่น้ำหรือไม่? หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาอาจถูกพัดไปอยู่ด้านหลังผู้อมตะคนอื่นๆ สิ่งนี้จะไม่ทำลายแผนการของพวกเรางั้นหรือ?”
ผู้อมตะดำเผยรอยยิ้มขมขื่น “นี่เป็นข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผนการของข้า แต่การเดินทางในแม่น้ำหวนคืนไม่เกี่ยวกับระดับการบ่มเพาะ หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนไม่ได้เสียเปรียบ”
“แต่นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่แน่นอน” ผู้อมตะคลื่นสมุทรยังไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้
ผู้อมตะดำยักไหล่ “แล้วเจ้าต้องการสิ่งใดจากผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นข้า นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว พวกเรามีเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดสองคนขณะที่ฝ่ายตรงข้ามมีผู้อมตะระดับแปดถึงสี่คน!”
ผู้อมตะคลื่นสมุทรพูดไม่ออก เขาต้องพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ นี่คือขีดจำกัดของพวกเขาจริงๆ
ในความเป็นจริงมันน่าประทับใจมากแล้วที่ผู้อมตะดำสามารถทำได้ถึงระดับนี้
“อย่ากังวล เราเป็นเพียงส่วนหนึ่งในแผนการของท่านราชันใต้เท่านั้น เขาย่อมมีแผนการอื่นอยู่อีกแน่นอน เราเพียงต้องทำส่วนของเราให้ดีที่สุด เท่านั้นก็พอแล้ว” ผู้อมตะดำตบไหล่ปลอบใจผู้อมตะคลื่นสมุทร
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1271 ร่างกายที่ไม่ปกติ
แปลโดย iPAT
“บึม บึม บึม”
ก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาพุ่งเข้าโจมตีค่ายนักรบอย่างไม่หยุดยั้ง
ผู้อมตะระดับแปดของภาคกลางสองคนในค่ายนักรบกัดฟันต่อสู้อย่างสิ้นหวัง ผู้อมตะคนอื่นๆพยายามซ่อมแซมคฤหาสน์วิญญาณอมตะด้วยความตื่นตระหนก
ตราบเท่าที่ปีศาจอมตะเซี่ยหูและราชันภูเขาม่วงสามารถปกป้องค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผัน ผู้อมตะภาคกลางจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“เราควรทำอย่างไร?” ไป่เฉินเทียนร้อนรน “หากสิ่งนี้ยังดำเนินต่อไป ไม่เพียงพวกเราจะล้มเหลวในการช่วยหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุน เรายังจะสูญเสียคฤหาสน์วิญญาณอมตะและกระทั่งชีวิตของพวกเราเอง!”
เว่ยหลิงหยางแสดงออกด้วยความเคร่งเครียด
สถานการณ์ของพวกเขาเสียเปรียบมาก อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาหมดหวังแล้ว
ตามแผนการ พวกเขาจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งจะหยุดวังสวรรค์แห่งโชค ขณะที่อีกกลุ่มจะช่วยหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนก่อนที่พวกเขาจะกลับไปรวมตัวกันและล่าถอยออกจากภาคเหนือ
แต่ตอนนี้กลุ่มที่มายังแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะพ่ายแพ้แล้วขณะที่อีกกลุ่มกำลังรอการช่วยเหลือ
หลังจากทั้งหมดที่นี่คือภาคเหนือ ไม่ใช่ภาคกลาง!
ผู้อมตะระดับแปดสามคนและคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังพร้อมด้วยผู้อมตะอีกกลุ่มใหญ่ยังไม่เพียงพอ
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะผู้อมตะภาคเหนือเตรียมรับมือไว้แล้ว แผนการของเทพอมตะตะวันเดือดและใบหน้าภูตผีของเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกซ่อนไว้ในความมืด ผู้อมตะภาคกลางไม่รู้เรื่องเหล่านี้
ในความคิดของผู้อมตะภาคกลาง แผนการครั้งนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงมาก
แต่สถานการณ์กลับไม่เป็นไปตามความคาดหมายของพวกเขา
ความคิดของเว่ยหลิงหยางกลายเป็นปั่นป่วน
เขากัดฟันแน่นก่อนออกคำสั่ง “เราจะถอย!”
ลืมจ้าวเหลียนหยุนกับหม่าหงหยุนไปได้เลย
หลังจากราชันภูเขาม่วงปรากฏตัว สถานการณ์อยู่นอกเหนือการควบคุมของเว่ยหลิงหยางไปอย่างสมบูรณ์
หากสถานการณ์นี้ยังยืดเยื้อต่อไป พวกเขาจะพบกับความสูญเสียที่คาดไม่ถึง
เว่ยหลิงหยางตัดสินใจล่าถอยไปยังสวรรค์สีดำและรวมกลุ่มกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสองหลังเพื่อหลบหนีกลับภาคกลาง
หากค่ายนักรบต้องการล่าถอย ปีศาจอมตะเซี่ยหูและราชันภูเขาม่วงจะไม่สามารถหยุดมัน ท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะ พวกเขาไม่สามารถหยุดการพุ่งทะยานออกไปของคฤหาสน์วิญญาณอมตะ
อย่างไรก็ตามเพียงเมื่อค่ายนักรบกำลังจะจากไป ค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะกำลังจะพังทลาย!?”
จ้าวเหลียนหยุนและคนอื่นๆรวมถึงผู้นำยอดเขาหิมะที่เหลือเริ่มตื่นตระหนก
ยอดเขาหิมะเริ่มแตกออกจากกัน
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ปีศาจอมตะเซี่ยหูตกใจ
“ค่ายกลวิญญาณทั้งหมดกำลังจะพังทลายลง” ดวงตาของราชันภูเขาม่วงส่องประกายขึ้น “ไม่! สิ่งนี้…”
ก่อนที่เขาจะกล่าวได้จบประโยค เขากลับได้ยินเสียงคลื่น
วินาทีต่อมาคลื่นยักษ์ก็ซัดกระหน่ำเข้ามาและกลืนกินสนามรบทั้งหมดในพริบตา
แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ แม่น้ำหวนคืน!
“ไม่ ภรรยาข้า!” ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป ปีศาจอมตะเซี่ยหูต้องการกลับไปยังยอดเขาที่หนึ่งแต่เขาถูกแม่น้ำหวนคืนโจมตีตลอดทาง
ภายในแม่น้ำหวนคืน วิญญาณไม่สามารถใช้งาน
ปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่สามารถป้องกันตนเองและถูกกระแสน้ำพัดพาไป
เขามีพลังการต่อสู้สูงสุดในที่นี้ หากสิ่งนี้ยังเกิดขึ้นกับเขาก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงผู้อื่น
ค่ายนักรบแตกออกเป็นเสี่ยงๆในแม่น้ำหวนคืน ผู้อมตะภาคกลางถูกกระแสน้ำพัดพาไปอย่างไม่สามารถขัดขืน
กลุ่มของจ้าวเหลียนหยุน รวมถึงผู้นำยอดเขาหิมะ ท่านหญิงหว่านซู กลุ่มของอิงอู๋เซี่ย และหม่าหงหยุน ทุกคนล้วนอยู่ในแม่น้ำหวนคืน
แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ขณะที่ลมมรณะเริ่มกลืนกินเศษซากของมัน
“พวกเขากำลังมา!” ไกลออกไปผู้อมตะดำพยายามควบคุมค่ายกลวิญญาณรองด้วยพลังทั้งหมด
เขาเป็นต้นเหตุเบื้องหลังการล่มสลายของแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ
ผู้อมตะคลื่นสมุทรปกป้องเขาอยู่ด้านข้าง
“เกิดสิ่งใดขึ้น!?” ฟางหยวนถูกกระแสน้ำพัดพาไปเช่นกัน
ค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันพังทลาย ทุกคนและทุกสิ่งในรัศมีหนึ่งพันลี้จะถูกแม่น้ำหวนคืนกลืนกินเข้าไป
ฟางหยวนอยู่ในเขตเขตนี้เช่นกัน
ศีรษะของฟางหยวนโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ
“นี่คือ…แม่น้ำหวนคืน!?” เขามีความรู้มากมายและตระหนักถึงสิ่งนี้ในที่สุด
“แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะมีแม่น้ำหวนคืน?”
“ไม่แปลกใจเลยที่ร่างมังกรดาบบรรพกาลของข้าถูกลบออกไป”
นี่เป็นเรื่องปกติ
ในแม่น้ำหวนคืน วิญญาณไม่สามารถใช้งาน ร่างมังกรดาบบรรพกาลของฟางหยวนเป็นท่าไม้ตายอมตะที่พึ่งพาวิญญาณอมตะและวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากเพื่อกระตุ้นใช้งาน
ดังนั้นทันทีที่ฟางหยวนเข้าสู่แม่น้ำหวนคืน วิญญาณทั้งหมดของเขาจึงหยุดทำงานและทำให้เขากลับสู่ร่างเดิม
“โชคดีที่ข้าสามารถว่ายน้ำ” ฟางหยวนขยับแขนและว่ายน้ำอย่างชำนาญ
เขามองไปข้างหน้าและเห็นหลายสิ่งที่ลอยมาตามกระแสน้ำไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่า ต้นไม้ หรือกระทั่งก้อนหินขนาดเท่าเนินเขา
กระแสน้ำเชี่ยวกรากมาก สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยความโกลาหล
หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถใช้วิญญาณ พลังการต่อสู้ของเขาจะตกลงสู่จุดต่ำสุด เขาทำได้เพียงพึ่งการร่างกายของตนเองเท่านั้น
เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนได้ยินเสียงบางอย่าง
เขาหันหน้าไปรอบๆและเห็นต้นไม้ขนาดใหญ่กำลังพุ่งเข้ามา
“อันตราย!” รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง เขาต้องหลบ!
แต่ในแม่น้ำหวนคืน เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย ความเร็วของเขาช้ามาก สุดท้ายต้นไม้ใหญ่จึงพุ่งปะทะเอวของเขา
ฟางหยวนจมลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว
หลังจากชั่วครู่เขาพยายามขยับแขนขาและถีบส่งตนเองกลับขึ้นมาบนผิวน้ำได้อีกครั้ง
เขาหอบหายใจอย่างหนักหน่วงและเริ่มตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตน
แต่มันทำให้เขาตกใจมาก
เพราะเขาไม่มีบาดแผล
มีเพียงรอยฟกช้ำที่เอวของเขาเท่านั้น
แต่ไม่นานรอยช้ำก็หายไป
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาตระหนักว่า “ถูกต้อง ร่างกายของข้าไม่ปกติ! ข้ามีร่างทารกอมตะ!”
ในแม่น้ำหวนคืน ฟางหยวนไม่สามารถใช้วิญญาณ เขาสามารถพึ่งพาเพียงร่างกายของตนเองเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม!
ร่างทารกอมตะไม่ใช่ร่างกายทั่วไป! มันไม่ปกติ!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1272 มันคือสิ่งใด
แปลโดย iPAT
หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ฟางหยวนได้ทดสอบขีดความสามารถของร่างกายนี้มาแล้ว
เขาไม่ได้ใช้วิญญาณแต่เขายังรวดเร็วเหมือนม้า
เพียงกระโดดเบาๆ เขาก็สามารถทะยานไปได้ไกลมากกว่าสิบเมตร
การกระโดดลงจากความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเมตรโดยใช้ศีรษะปะทะพื้นทำให้เขารู้สึกวิงเวียนเล็กน้อยเท่านั้นและมันยังเกิดขึ้นเพียงสามลมหายใจก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของเขามีความแข็งแกร่งและความทนทานสูงมาก เขาวิ่งเป็นเวลาหลายชั่วโมงโดยไม่รู้สึกเหนื่อย
ประสาทสัมผัสทั้งห้าและการมองเห็นของเขาน่าอัศจรรย์มาก วิสัยทัศน์ของเขากว้างไกลและสามารถมองเห็นทุกสิ่งในระยะหนึ่งหมื่นก้าวได้อย่างชัดเจน
การเต้นของหัวใจของเขากลับมาเป็นปกติแทบจะทันทีหลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก
ความคิดของเขารวดเร็วมากโดยไม่ต้องพึ่งแสงแห่งปัญญา
ไม่เพียงต้นไม้ กระทั่งเนินเขาจะพุ่งชนเขา ร่างกายของฟางหยวนก็ไม่บุบสลาย
นี่คือร่างทารกอมตะ มันไม่เกี่ยวกับวิญญาณ มันเกี่ยวกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า!
‘ในแม่น้ำหวนคืน ข้าไม่สามารถใช้วิญญาณ แต่คนอื่นๆก็เช่นกัน!’
‘อย่างไรก็ตามร่างกายของข้าแข็งแกร่งมาก พลังงานแห่งเต่าของข้าก็มีมากมายเช่นกัน’
ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับมันและรู้สึกตื่นเต้น
‘อิงอู๋เซี่ย!’
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะที่เขาเริ่มว่ายน้ำไปข้างหน้า
แม่น้ำหวนคืนไหลเร็วมากแต่ทิศทางการเคลื่อนที่ของมันถูกบังคับโดยค่ายกลวิญญาณ มันไหลย้อนกระแสน้ำไปทางผู้อมตะดำและผู้อมตะคลื่นสมุทร
“โฮก!”
เสือตัวหนึ่งพยายามปีนขึ้นไปบนแผ่นไม้ด้วยขาของมัน
ฟางหยวนว่ายเข้าไปหาเสือตัวนั้นแต่มันไม่ขยับ ฟางหยวนปีนขึ้นไปและพักอยู่บนแผ่นไม้
แต่ไม้แผ่นนี้ไม่สามารถรับน้ำหนักของมนุษย์และเสือ มันเริ่มจมลง
เสือกระวนกระวายและต้องการกัดฟางหยวน แต่ฟางหยวนกลับใช้มือข้างหนึ่งคว้าศีรษะของมันเอาไว้และใช้มืออีกข้างชกเสือตัวนี้จนตาย
“โชคดีที่มันไม่ใช่สัตว์อสูรแต่เป็นสัตว์ป่าทั่วไป”
ร่างทารกอมตะไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับสัตว์อสูรเดียวดายด้วยเพียงร่างกาย
แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะไม่ขาดแคลนสัตว์อสูร แต่เพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์และกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผัน มันทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเก็บสัตว์อสูรของตนไว้ในมิติช่องว่างและไม่ปล่อยให้ศัตรูสังหารสัตว์อสูรเดียวดายของพวกเขา
ฟางหยวนว่ายไปในแม่น้ำหวนคืนเพื่อค้นหาอิงอู๋เซึ่ย
แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะพังทลาย แม่น้ำหวนคืนไหลออกมา ขณะที่ฟางหยวนไม่รู้ว่าราชันภูเขาม่วงตื่นขึ้นแล้ว
เขายังคิดว่าปีศาจอมตะเซี่ยหูเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด เขาคาดเดาว่าอิงอู๋เซี่ยมีความสัมพันธ์กับกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะ แต่พวกเขาอาจไม่มีความใกล้ชิด มิฉะนั้นเหตุใดปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่ไปช่วยพวกเขาที่ภูเขาอี้เทียน?
การวิเคราะห์ของฟางหยวนไม่ผิด
แต่เขายังขาดวิธีการบนเส้นทางแห่งข้อมูลและมีข้อมูลที่ไม่เพียงพอ
‘ตอนนี้แม้ข้าจะพบปีศาจอมตะเซี่ยหู ข้าก็ยังสามารถรักษาชีวิต เพราะในแม่น้ำหวนคืน วิญญาณไม่สามารถใช้งาน มันเป็นสภาพแวดล้อมพิเศษ!’
‘เนื่องจากอิงอู๋เซี่ยมีความเกี่ยวข้องกับปีศาจอมตะเซี่ยหู หากข้าพลาดโอกาสนี้ พวกเขาจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้การคุ้มครองจากเขา’
‘หากข้าพลาดโอกานี้ ข้าอาจไม่มีโอกาสกำจัดพวกเขาอีก!’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนรีบว่างไปข้างหน้าหลังจากหยุดพักได้ไม่นาน
อย่างไรก็ตามคนที่เขาพบกลับเป็นไป่เฉินเทียน
ผู้อมตะระดับแปดของภาคกลาง!
ฟางหยวนตะลึง
‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’
‘ผู้อมตะระดับแปดผู้นี้ไม่ใช่ปีศาจอมตะเซี่ยหูแต่เป็นผู้อมตะภาคกลาง!?’
ไป่เฉินเทียนอยู่ในสภาพที่น่าอนาถมาก เขาได้รับบาดเจ็บขณะที่เขากำลังพักอยู่บนหลังเต๋าขนาดใหญ่
อาการบาดเจ็บของเขาไม่ได้มาจากแม่น้ำหวนคืนแต่มันเกิดจากการต่อสู้ก่อนหน้า
ก่อนหน้านี้เขาไม่มีเวลารักษาอาการบาดเจ็บ เมื่อถูกแม่น้ำหวนคืนพัดมา เขาก็ไม่สามารถใช้วิญญาณรักษาอาการบาดเจ็บของตนได้อีก
แต่โชคดีที่เขาพบเต่าตัวนี้และสามารถปีนขึ้นไปพักอยู่บนหลังเต่า
ฟางหยวนค้นพบไป่เฉินเทียน ไป่เฉินเทียนก็ค้นพบฟางหยวน
แต่ไป่เฉินเทียนไม่รู้จักฟางหยวน
เพราะฟางหยวนอยู่ในร่างทารกอมตะ! รูปลักษณ์ดั่งเดิมของเขาถูกเผยแพร่ออกไปโดยวังสวรรค์แต่ไม่ใช่ร่างทารกอมตะ
แม้ไป่เฉินเทียนจะไม่รู้จักฟางหยวน แต่เขายังขมวดคิ้วและระวังตัวมาก
เพราะกลิ่นอายของฟางหยวนบ่งบอกว่าเขาเป็นคนเหนือ
นี่เป็นเพราะร่างทารกอมตะ
‘เขาคือผู้ใด? เขาไม่ใช่หนึ่งในผู้นำยอดเขาหิมะ แต่เขาอาจเป็นพันธมิตรของปีศาจอมตะเซี่ยหู?’
ไป่เฉินเทียนยืนขึ้นและมองทุกการเคลื่อนไหวของฟางหยวน
ในแม่น้ำหวนคืน โดยไม่สามารถใช้วิญญาณ พลังการต่อสู้ของไป่เฉินเทียนมีจำกัด
ฟางหยวนมองไป่เฉินเทียนอย่างระมัดระวังและไม่ได้เข้าไปใกล้
แม้ฟางหยวนจะมีร่างทารกอมตะ แต่เขาคงโง่มากหากคิดว่าตนเองเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในแม่น้ำหวนคืน
แม่น้ำหวนคืนไม่อนุญาตให้ใช้วิญญาณ แต่พลังงานแห่งเต๋ายังมีประสิทธิภาพ
ร่างทารกอมตะของฟางหยวนแข็งแกร่งเพราะมันมีพลังงานแห่งเต๋าอยู่บนร่างกาย
ในทำนองเดียวกันหากผู้ใช้วิญญาณใช้วิญญาณความแข็งแกร่งของหมูป่าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของตน ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะสลักอยู่บนร่างกายของพวกเขา หากผู้ใช้วิญญาณผู้นี้ตกลงมาในแม่น้ำหวนคืนและไม่สามารถใช้วิญญาณ พวกเขาก็ยังสามารถพึ่งพาร่างกายของตนและโจมตีศัตรูด้วยความแข็งแกร่งของหมูป่า
สำหรับผู้อมตะที่บ่มเพาะมาอย่างยาวนาน พวกเขาจะไม่เคยใช้วิญญาณเช่นวิญญาณความแข็งแกร่งของหมูป่าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของตนเองได้อย่างไร?
นี่เป็นเรื่องปกติมาก
ผู้ใดก็ตามที่ไม่ใช่คนโง่จะรู้ถึงข้อดีของพลังงานแห่งเต๋าดังกล่าว
ร่างกายของฟางหยวนมีข้อได้เปรียบ แต่ผู้อมตะคนอื่นๆก็มีบางสิ่งซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
สำหรับผู้อมตะระดับแปด พวกเขามีรากฐานที่ลึกซึ้ง ฟางหยวนไม่ต้องการต่อสู้กับไป่เฉินเทียนในเวลานี้
“เจ้าคือผู้อมตะภาคกลางใช่หรือไม่?”
“ข้าเป็นผู้อมตะภาคเหนือ แต่ข้าเป็นศัตรูกับปีศาจอมตะเซี่ยหู”
“ข้าเห็นเขาพยายามหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดแต่ข้าไม่ต้องการให้เขาประสบความสำเร็จ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่และหาวิธีบุกเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ”
“เจ้าช่วยเขาหลอมรวมวิญญาณงั้นหรือ?”
ฟางหยวนตรวจสอบ
คิ้วของไป่เฉินเทียนคลายลงเล็กน้อย เขาตอบ “ปีศาจอมตะเซี่ยหูก็เป็นศัตรูของข้าเช่นกัน”
“ไม่นานมานี้ข้ากำลังต่อสู้กับเขาในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะแต่มันกลับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ขึ้นอย่างกะทันหัน”
“อาการบาดเจ็บของข้าล้วนมาจากฝีมือของปีศาจเฒ่าเซี่ยหู!”
ทั้งสองพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเล็กน้อย
ฟางหยยวนตระหนักได้ในที่สุดว่าเกิดหลายสิ่งขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ
แต่ไป่เฉินเทียนกล่าวอย่างคลุมเครือในหลายประเด็น นั่นทำให้ฟางหยวนไม่ได้รับข้อมูลมากนัก
หลังจากทั้งหมดพวกเขาไม่เชื่อใจกันแม้แต่น้อย
นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ
พวกเขาพึ่งพบกัน เป็นเรื่องยากที่จะบอกเจตนาของอีกฝ่าย
และในสถานการณ์ที่วิญญาณไม่สามารถใช้งาน ทั้งสองฝ่ายต่างต้องระวังตัว
ฟางหยวนรู้ว่าไม่สามารถรับข้อมูลเพิ่มจากไป่เฉินเทียน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจากไป
เขาทิ้งเต่าตัวใหญ่ไว้ด้านหลัง
กระทั่งช่วงเวลาที่พูดคุย เขาก็ยังไม่เข้าไปใกล้ ขณะเดียวกันไป่เฉินเทียนก็ไม่ได้เชิญฟางหยวนขึ้นไปพักบนหลังเต่าเช่นกัน
ไป่เฉินเทียนเห็นฟางหยวนกำลังจะจากไปและเริ่มผ่อนคลายลง
แต่ในจังหวะนี้สิ่งที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้น
“ตุบ”
ด้วยเสียงอันแผ่วเบา
สิ่งของบางอย่างที่มีขนาดเท่ากำปั้นมนุษย์ถูกกระแสน้ำพัดมาและตกลงใบหน้าของฟางหยวน
มันอ่อนนุ่มราวกับแมงกะพรุนและติดอยู่บนหน้าผากของเขา
“มันคือสิ่งใด?” ฟางหยวนตะลึง เขาต้องการดึงมันออกไป
แต่ในเวลานี้ไป่เฉินเทียนกลับตะโกนเสียงดัง “ใจเย็นๆ อย่าทุบมัน!”
“โอ้?” ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ สิ่งใดที่สามารถทำให้ผู้อมตะระดับแปดรู้สึกประหม่า?
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1273 วิญญาณความใคร่ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนถือวิญญาณที่เหมือนแมงกะพรุนเอาไว้ในมือและมองมัน
ในเวลาต่อมาดวงตาของเขาก็ส่องประกายขึ้น
วิญญาณอมตะ!
แต่เขาไม่รู้ว่ามันเป็นวิญญาณอมตะระดับใด
เพราะแม่น้ำหวนคืนไม่สามารถใช้วิญญาณ วิญญาณที่ตกลงสู่แม่น้ำหวนคืนจะถูกผนึกและไม่สามารถตวรจสอบกลิ่นอายของพวกมัน
เมื่อไป่เฉินเทียนเตือน ฟางหยวนจึงตระหนักได้ว่ามันคือวิญญาณ
หากมันไม่ได้อยู่ในแม่น้ำหวนคืน กลิ่นอายของมันจะรั่วไหลออกมา ฟางหยวนจะสามารถตรวจสอบมันจากระยะไกล
แต่มันจะเป็นวิญญาณชนิดใด นั่นขึ้นอยู่กับความรู้ของผู้อมตะ
‘วิญญาณอมตะดวงนี้ดูเหมือนจะเป็น…วิญญาณความใคร่?’ ฟางหยวนมีความรู้กว้างขวาง หลังจากเห็นวิญญาณดวงนี้ เขาสามารถคาดเดาได้ว่ามันคือสิ่งใด
เส้นทางแห่งปัญญาประกอบด้วยความคิด เจตจำนง และอารมณ์ความรู้สึก
เมื่อมีความรัก ย่อมมีความใคร่
เมื่อวิญญาณแห่งความรักปรากฏ วิญญาณความใคร่ก็มาเยือนเช่นกัน
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาตระหนักถึงความจริง
ไป่เฉินเทียนระงับความร้อนใจและป้องหมัดกล่าว “สหาย วิญญาณดวงนี้เป็นของภาคกลาง เหตุใดเจ้าไม่มอบมันให้ข้า หากเจ้ามอบมันให้ข้า เจ้าจะได้รับมิตรภาพจากภาคกลาง”
ฟางหยวนหรี่ตามอง “ข้ารู้ แต่นี่คือวิญญาณชนิดใด? เจ้าต้องบอกข้ามาก่อน”
ไป่เฉินเทียนตอบ “มันคือวิญญาณความใคร่บนเส้นทางแห่งปัญญา”
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาหายากมาก ไป่เฉินเทียนเน้นย้ำว่ามันเป็นวิญญาณความใคร่บนเส้นทางแห่งปัญญาเพราะเขาคิดว่าฟางหยวนไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา วิญญาณความใคร่ไม่มีประโยชน์ต่อผู้อมตะส่วนใหญ่
การแบกมันไว้เป็นเพียงภาระเท่านั้น
เพราะเหตุใด?
โดยปกติแล้วผู้อมตะมักใช้เจตจำนงช่วยทำธุระเช่นการประชุมในองค์กรหรือใช้มันซื้อขายสินค้าในสวรรค์สีเหลือง
แต่วิญญาณระดับมนุษย์สามารถบรรลุเป้าหมายนี้
ไม่จำเป็นต้องใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเช่นวิญญาณความใคร่
นอกจากนั้นการใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางที่แตกต่างจะทำให้ประสิทธิภาพของมันต่ำลง ในเวลาเดียวกันมันยังเป็นเรื่องยากที่ผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่นจะใช้วิญญาณความใคร่เพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะ
เว้นเพียงพวกเขาจะมีวิธีการพิเศษบางอย่างหรือท่าไม้ตายที่จำเป็นต้องใช้วิญญาณความใคร่โดยเฉพาะ
ไม่ใช่วิญญาณอมตะทุกดวงที่ผู้คนจะต้องการ
มีเพียงวิญญาณอมตะที่เหมาะสมกับตนเองเท่านั้นจึงจะมีคุณค่าสำหรับพวกเขา
แต่ไป่เฉินเทียนไม่คิดว่าฟางหยวนจะเป็นคนพิเศษ
ประการแรก เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา บุคคลเช่นนี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา
ประการที่สอง ร่างทารกอมตะของฟางหยวนไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋า เขาสามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง
ประการสุดท้าย ฟางหยวนรู้สึกไม่สบายใจมาตลอด เพราะกระทั่งเขาจะมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขายังขาดแคลนวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา
ดังนั้นวิญญาณความใคร่จึงมีความสำคัญมากสำหรับฟางหยวน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเก็บมันไว้ในกระเป๋าของตนเอง
ในแม่น้ำหวนคืน ผู้อมตะไม่สามารถเปิดมิติช่องว่างของตน พวกเขาต้องพกวิญญาณอมตะไว้กับตัวเท่านั้น
หัวใจของไป่เฉินเทียนจมดิ่งลงเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขากล่าวด้วยความกังวล “สหาย นำวิญญาณอมตะออกมา เราไม่ใช่ศัตรู เราสามารถทำธุรกรรม!”
ฟางหยวนมองไป่เฉินเทียนและกล่าว “เราสามารถทำธุรกรรมแต่ไม่ใช่ที่นี่”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1274 การต่อสู้ในแม่น้ำ
แปลโดย iPAT
หากเป็นไปได้ ฟางหยวนต้องการใช้วิญญาณความใคร่แลกกับวิญญาณอมตะที่เหมาะสมกับเขามากกว่า
แต่ในแม่น้ำหวนคืน การทำธุรกรรมเป็นไปไม่ได้
เนื่องจากที่นี่ไม่สามารถใช้วิญญาณ วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อนุญาตให้ทั้งสองทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนจึงไม่สามารถใช้ได้เช่นกัน
ฟางหยวนต้องการแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะ แต่ไป่เฉินเทียนไม่สามารถนำวิญญาณอมตะออกมาได้ เนื่องจากวิญญาณเหล่านั้นกำลังจำศีลอยู่ เขาไม่สามารถเรียกพวกมันออกมาแม้พวกมันจะอยู่บนร่างกายของเขาก็ตาม
ดังนั้นไป่เฉินเทียนจึงไม่มีสิ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนต่อรอง
ไป่เฉินเทียนเข้าใจความกังวลของฟางหยวนแต่เขาจะทิ้งโอกาสนี้และรออนาคตที่ไม่แน่นอนได้อย่างไร?
ผู้ใดจะรู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นในอนาคต
ตอนนี้แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะหายไปแล้ว คฤหาสน์วิญญาณอมตะค่ายนักรบถูกทำลายเช่นกัน หากกลุ่มผู้อมตะภาคกลางต้องต่อสู้อีกครั้ง พวกเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ผู้อมตะภาคกลางแทบไม่สามารถป้องกันตัว ในเวลาที่พวกเขาหลุดออกจากแม่น้ำหวนคืน พวกเขายังจะสามารถรั้นรออยู่และไม่หลบหนีทันทีได้งั้นหรือ?
เขาไม่มีโอกาสทำธุรกรรมกับฟางหยวนในอนาคต
หากพวกเขาไม่ทำธุรกรรมในตอนนี้ แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร?
ฟางหยวนเป็นผู้อมตะของภาคเหนือขณะที่ไป่เฉินเทียนเป็นผู้อมตะภาคกลาง กระทั่งในสวรรค์สีเหลือง ผู้อมตะภาคกลางก็ไม่สามารถออกคำสั่งผู้อมตะภูมิภาคอื่น
จะเกิดสิ่งใดขึ้นหากฟางหยวนทำธุรกรรมกับคนอื่น? จะเกิดสิ่งใดขึ้นหากเขาขึ้นราคาในระดับที่ไร้สาระ
มีสถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าที่เป็นไปได้อีกมากมาย
ไป่เฉินเทียนเป็นคนมองการณ์ไกล เขาจะพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายเสมอ ดังนั้นหากเขาไม่สามารถโน้มน้าวให้ฟางหยวนมอบวิญญาณอมตะ เขาก็ต้องฆ่าฟางหยวน
‘ข้าเป็นผู้อมตะระดับแปด แม้ข้าจะไม่สามารถใช้วิญญาณ แต่ด้วยรากฐานของข้า ข้าจะแพ้ผู้อมตะระดับเจ็ดได้อย่างไร?’
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ไป่เฉินเทียนก็กระโดดลงไปในแม่น้ำและว่ายเข้าไปหาฟางหยวนทันที
ในเวลานี้ความเกลียดชังของเขาเห็นได้ชัดมาก
ฟางหยวนลอบเย้ยหยันอยู่ภายในและพุ่งเข้าหาไป่เฉินเทียนอย่างไม่เกรงกลัว
ไป่เฉินเทียนเห็นสิ่งนี้และรู้สึกมีความสุข ‘ผู้อมตะภาคเหนือบ้าการต่อสู้และไร้สมองจริงๆ!’
ทั้งสองมีร่างกายที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงพบกันตรงกลางแม่น้ำอย่างรวดเร็ว
“บึม บึม บึม”
ฟางหยวนยกกำปั้นขึ้นและชกไป่เฉินเทียนสามครั้ง
ไป่เฉินเทียนเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้ เขามีความแข็งแกร่งและสายตาที่ดี นี่ทำให้เขาสามารถป้องกันการโจมตีทั้งสามครั้งของฟางหยวน
แต่เขายังตกใจมาก ‘คนผู้นี้ยังดูเด็กมาก แต่เขากลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? เขาบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งงั้นหรือ?’
ไป่เฉินเทียนรู้สึกแขนชาขณะป้องกันการโจมตีของฟางหยวน แต่ในขณะที่เขาตกใจ เขายังตอบโต้ด้วยมืออีกข้าง
ทั้งสองชกต่อยกันกลางแม่น้ำ
ร่างกายทุกส่วนของฟางหยวนล้วนเป็นอาวุธ เขาใช้ทั้งศีรษะ เข่า ข้อศอก และทุกอย่างที่โจมตีได้
อย่างไรก็ตามไป่เฉินเทียนมีรากฐานที่ไม่น่าเชื่อ ดังนั้นเขาจึงสามารถต่อสู้ระยะประชิดกับฟางหยวนได้อย่างเท่าเทียม
สำหรับฟางหยวน แม้เขาจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เขาเผชิญหน้ากับการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายมาตลอด เขาคุ้นเคยกับการต่อสู้ลักษณะนี้เป็นอย่างดี
ทั้งสองต่อสู้กันในน้ำ บางครั้งพวกเขาก็โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำและสูดหายใจอย่างหนักหน่วง
พลังงานส่วนใหญ่ของพวกเขาหมดไปกับการว่ายน้ำ
ระหว่างการต่อสู้ของพวกเขา สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยความยากลำบาก
บางครั้งท่อนซุงหรือสัตว์ป่าจะลอยมาและบังคับให้พวกเขาหลบเลี่ยงพวกมัน
ผลที่ตามมาคือหลังจากต่อสู้หลายสิบรอบ พวกเขายังไม่สามารถทำสิ่งใดฝ่ายตรงข้าม
‘ผู้อมตะระดับแปดมีรากฐานที่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง ข้าต้องการฆ่าเขาในแม่น้ำหวนคืน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้’ ฟางหยวนคิด
แต่ไป่เฉินเทียนยิ่งตกใจมากกว่า
‘เป็นไปได้อย่างไร? คนผู้นี้สามารถต่อสู้ได้อย่างเท่าเทียมกับข้า!’
‘ข้าเคยใช้วิญญาณอมตะอสรพิษไพรเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายมาก่อน’
‘ข้ายังใช้ท่าไม้ตายอมตะเกราะไม้เพื่อสลักร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าไว้บนร่างกาย ร่างกายของข้ามีการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก’
‘นอกจากนั้นข้ายังเปลี่ยนหัวใจของข้าให้เป็นหัวใจไม้และเปลี่ยนเส้นเลือดให้เป็นเลือดสีเขียว พวกมันทำให้ร่างกายของข้าสามารถรักษาตัวมันเอง’
‘ข้าเป็นผู้อมตะระดับแปดที่ผ่านภัยพิบัติมาแล้วนับมากมาย ข้ามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋านับไม่ถ้วน ข้าต้องชนะผู้อมตะระดับเจ็ดอย่างแน่นอน’
‘แต่เหตุใดเขาจึงต่อสู้กับข้าได้อย่างเท่าเทียม!?’
ไป่เฉินเทียนมองฟางหยวนราวกับเห็นสัตว์ประหลาด
ฟางหยวนอาจมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าไม่เท่าผู้อมตะระดับแปดไป่เฉินเทียน แต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของเขาก็เหนือกว่าผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่ไปแล้ว
สิ่งสำคัญที่สุดคือร่างทารกอมตะ
เพราะร่างทารกอมตะถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณอมตะ แล้วร่างมนุษย์ธรรมดาจะสามารถเปรียบเทียบกับร่างทารกอมตะได้อย่างไร?
กล่าวได้ว่าฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์แบบและเป็นหนึ่งในเหตุผลทั้งหมดที่ทำให้ฟางหยวนสามารถต่อสู้กับไป่เฉินเทียนได้อย่างเท่าเทียม
ฟางหยวนตัดสินใจล่าถอย
แม้เขาจะไม่แพ้ แต่เป้าหมายของเขาคือการสังหารอิงอู๋เซี่ยไม่ใช่ไป่เฉินเทียน
ก่อนหน้านี้เขาสู้กับไป่เฉินเทียนเพราะต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของตนเองและดูว่าเขาสามารถสังหารผู้อมตะระดับแปดในแม่น้ำหวนคืนหรือไม่
แต่ความจริงก็คือฟางหยวนมองโลกในแง่ดีมากเกินไป
เขาไม่สามารถทำสิ่งใดไป่เฉินเทีน ดังนั้นเขาจึงต้องยอมแพ้ เขาไม่ต้องการให้ไป่เฉินเทียนเป็นสิ่งกีดขวางในการบรรลุเป้าหมายหลักของเขา
ฟางหยวนต้องการจากไปแต่ไป่เฉินเทียนไม่อนุญาต
หลังจากทั้งหมดวิญญาณความใคร่ยังอยู่กับฟางหยวน
‘แม้จะไม่สามารถเอาชนะ ข้าก็ต้องเก็บเขาไว้ที่นี่ เมื่อพรรคพวกของข้ามาถึง เราจะปิดล้อมเขา ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาหลบหนี!’
‘บัดซบ! ชายผู้นี้ช่างน่ารำคาญนัก!’ ฟางหยวนขมวดคิ้ว
เขาต้องการล่าถอยแต่ความเร็วและความแข็งแกร่งของไป่เฉินเทียนไม่ด้อยกว้าเขา แม้ฟางหยวนจะต้องการจากไป แต่ไป่เฉินเทียนยังพยายามขัดขวาง
สิ่งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อแผนการของฟางหยวน
“หากเป็นเช่นนี้ก็อย่าโทษว่าข้าโหดเหี้ยม!” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ
ฟางหยวนหันหลังกลับมาต่อสู้อีกครั้ง
ทั้งสองต่อสู้ด้วยหมัดและเท้า ในช่วงเวลาสำคัญฟางหยวนยื่นวิญญาณความใคร่ออกไปข้างหน้า
ไป่เฉินเทียนต้องการชกลำตัวของฟางหยวนเพื่อทำให้ฟางหยวนสูดเสียอากาศและต้องขึ้นไปสูดหายใจบนผิวน้ำ
นี่เป็นกลยุทธ์สำคัญในการต่อสู้ใต้น้ำ
อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับนำวิญญาณความใคร่ออกมาและยื่นมันไปที่หมัดของไป่เฉินเทียนอย่างกะทันหัน
ไป่เฉินเทียนตกใจมาก เขารีบดึงกำปั้นกลับไปและเผยจุดอ่อนออกมาทันที
ฟางหยวนลอบหัวเราะเสียงเย็นอยู่ภายใน เขาฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าโจมตีไป่เฉินเทียน
เมื่อไป่เฉินเทียนต้องการโจมตีอีกครั้ง ฟางหยวนก็ส่งวิญญาณความใคร่ออกมาอีกหนและทำให้ไป่เฉินเทียนไม่สามารถโจมตี
ฟางหยวนใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ชิงความได้เปรียบและเตะไปที่หน้าท้องของฝ่ายตรงข้าม
ไป่เฉินเทียนพ่นอากาศออกจากปาก นี่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนกลยุทธ์และพยายามหนีขึ้นสู่ผิวน้ำ
แต่ฟางหยวนไม่อนุญาตให้ไป่เฉินเทียนทำเช่นนั้น เขายื่นมือออกไปราวกับคีบเหล็กและจับตัวไป่เฉินเทียนเอาไว้
ไป่เฉินเทียนบิดเอวและพยายามดิ้นรนหลบหนีอย่างยากลำบาก สุดท้ายเขาจึงระเบิดพลังออกมาทำให้แขนของฟางหยวนหลุดออก
ฟางหยวนลอบยกย่องการเคลื่อนไหวนี้ของเขาอยู่ในใจ
ไป่เฉินเทียนเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาไม่มีจุดอ่อนในแง่ของการต่อสู้ใต้น้ำ กล่าวตามตรงเขายังเหนือกว่าฟางหยวนเล็กน้อย
สิ่งที่ต้องกล่าวถึงก็คือฟางหยวนเคยอาศัยอยู่ในทะเลตะวันออกมาเป็นเวลานานในชีวิตแรกของเขา เขามีความเชี่ยวชาญในการว่ายน้ำและการต่อสู้ใต้น้ำ
แต่ไป่เฉินเทียนยังเหนือกว่าเขา!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1275 เตะผู้อมตะระดับแปด
แปลโดย iPAT
ไป่เฉินเทียนหลุดจากการจับกุมของฟางหยวน แต่ฟางหยวนยังคว้าขาของเขาเอาไว้
หัวใจของไป่เฉินเทียนจมดิ่งลง
นี่เป็นเพราะฟางหยวนใช้มือข้างหนึ่งจับขาของเขาขณะที่มืออีกข้างถือวิญญาณความใคร่เอาไว้
ไป่เฉินเทียนไม่สามารถโจมตีได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนั้นฟางหยวนยังมีอีกสองขาที่สามารถใช้งาน ขณะที่ขาของไป่เฉินเทียนถูกจับไว้ เขาสามารถใช้ขาเพียงข้างเดียวเท่านั้น
ไป่เฉินเทียนตะลึง แม้ขาของเขาจะเคลื่อนไหวราวกับปีกผีเสื้อ แต่ขาของฟางหยวนก็เคลื่อนไหวราวกับเงาเช่นกัน
ทั้งสองยังต่อสู้กันอยู่ใต้น้ำ นี่ทำให้เกิดวังน้ำวนขึ้นในที่สุด
มันเป็นการต่อสู้ด้วยขา แต่ฟางหยวนเป็นฝ่ายโจมตีขณะที่ไป่เฉินเทียนเป็นฝ่ายป้องกัน
ไป่เฉินเทียนรู้สึกหดหู่ ‘ข้าเป็นผู้อมตะระดับแปดแต่ผู้ใดจะคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น วายร้าย! ตราบเท่าที่ข้าสามารถขึ้นไปบนผิวน้ำ ข้าจะจัดการเจ้า!’
ไป่เฉินเทียนดิ้นรนว่ายขึ้นไปด้านบนพร้อมกับลากจูงฟางหยวนไปด้วย
แต่ดวงตาของฟางหยวนยังส่องประกายด้วยความฉลาดเฉลียว
“อา…”
ไป่เฉินเทียนถูกฟางหยวนเตะเข้าที่เป้ากางเกงอย่างแม่นยำ!
ใบหน้าของเขากลายเป็นแข็งทื่อ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง แต่ไป่เฉินเทียนเป็นผู้อมตะระดับแปด เขามีความอดทนเหนือมนุษย์ เขาอดทนกับความเจ็บปวดและเร่งว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ
“ตูม!”
ฟางหยวนเตะอีกครั้ง
ร่างกายของไป่เฉินเทียนสั่นสะท้านขึ้น คราวนี้เขากระทั่งพ่นฟองอากาศออกมาจากปาก
“ตูม ตูม ตูม…”
ฟางหยวนยังเตะต่อไป ใบหน้าและดวงตาของไป่เฉินเทียนกลายเป็นแดงก่ำ เขาไม่คิดที่จะว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำอีกต่อไป เขาต้องการฆ่าฟางหยวนเดี๋ยวนี้!
‘ผู้ใดต้องการสู้ตายกับเจ้า’ ฟางหยวนปล่อยมือและเตะไป่เฉินเทียนอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันเขาก็สร้างระยะห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
ไป่เฉินเทียนมึนงงอยู่สักพักก่อนจะยอมรับความพ่ายแพ้
ฟางหยวนจากไปแล้ว เขาสามารถหลบหนีจากไป่เฉินเทียน
เมื่อไป่เฉินเทียนโผล่ขึ้นเหนือน้ำ เขาหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
เป้าของเขาได้รับบาดเจ็บ คลื่นความเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตีจิตใจของเขาและทำให้เขารู้สึกเวียนศีรษะ
“บัดซบ! หากข้ามีโอกาส ข้าจะฉีกร่างเจ้าออกเป็นชิ้นๆและเผาให้เป็นเถ้าถ่าน!” ไป่เฉินเทียนทำได้เพียงมองฟางหยวนว่ายน้ำจากไปเท่านั้น
หลังจากประสบความสำเร็จในการหลบหนี ฟางหยวนชะลอความเร็วลงเล็กน้อยเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่ง
ขาของเขาชา
เป้าของไป่เฉินเทียนไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเตะ ฟางหยวนแข็งแกร่งมาก แต่ขาของเขายังรู้สึกชาเพราะเตะมัน!
เห็นได้ชัดว่าไป่เฉินเทียนปกป้องเป้าของตนด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า
ฟางหยวนไม่มีความตั้งใจที่จะสังหารไป่เฉินเทียน เขารู้ว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวและอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือกระทั่งเสียชีวิต
ฟาหงยวนไม่ต้องการให้ผลลัพธ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
เขาไม่จำเป็นต้องสู้ตายกับผู้อมตะระดับแปด
เขามีร่างทารกอมตะ อนาคตของเขาสดใสมากและเป้าหมายของเขาตั้งแต่เริ่มต้นคืออิงอู๋เซี่ย
หากเขาตายพร้อมกับไป่เฉินเทียน อิงอู๋เซี่ยจะไม่หัวเราะเยาะเขางั้นหรือ? แม้จะมีเพียงไป่เฉินเทียนที่เสียชีวิต แต่ฟางหยวนยังต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจะสูญเสียความสามารถในการสังหารอิงอู๋เซี่ย
นอกจากนั้นแม้เขาจะสามารถสังหารไป่เฉินเทียน เขาก็ไม่สามารถเก็บศพของฝ่ายตรงข้ามและยิ่งจะสร้างภาระให้กับตนเองมากขึ้นหากเขาพกศพของผู้อมตะระดับแปดผู้นี้ติดตัวไป จะเป็นอย่างไรหากเขาพบผู้อมตะภาคกลางคนอื่นๆ?
ผู้อมตะระดับเจ็ดสามารถสังหารผู้อมตะระดับแปด นี่เป็นความสำเร็จและเป็นเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่
แต่เกียรติยศชนิดนี้ไม่มีความหมายสำหรับฟางหยวน
เขายังว่ายน้ำไปข้างหน้าเพื่อค้นหาอิงอู๋เซี่ยต่อไป
“ฟางหยวน นั่นเจ้างั้นหรือ?”
อิงอู๋เซี่ยได้ยินเสียงสายหนึ่ง เขาดีใจมากเมื่อเห็นเจ้าของเสียง
“เข้ามาใกล้กว่านี้ ข้าจะดึงเจ้าขึ้นมา” เจ้าของเสียงเร่งกล่าว
หลังจากชั่วครู่อิงอู๋เซี่ยจึงถูกไท่เป่ยหยุนเฉิงดึงขึ้นไปบนใบบัวขนาดใหญ่
“นี่คือใบบัวหลวงที่สามารถลอยบนผิวน้ำ เจ้าโชคดีมาก” ไท่เป่ยหยุนเฉิงถอนหายใจ
อิงอู๋เซี่ยหัวเระและคิด ‘ข้าเชื่อมโยงโชคกับฟางหยวน แล้วโชคของข้าจะเลวร้ายได้อย่างไร?’
แต่ในไม่ช้ารอยยิ้มของเขาก็จางหายไปขณะที่ใบหน้าของเขาถูกแทนที่ด้วยความกังวล
เขามองไปในแม่น้ำ “สถานการณ์ของแม่น้ำหวนคืนแปลกมาก เราไม่สามารถหลบหนี ตอนนี้เรามีท่านราชันภูเขาม่วงอยู่ด้วย พวกเราควรจับตัวหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนและฆ่ามังกรดาบบรรพกาลที่ไล่ล่าพวกเรา!”
เมื่อกล่าวถึงราชันภูเขาม่วง ใบหน้าของไท่เป่ยหยุนเฉิงเต็มไปด้วยความชื่นชม เขากล่าว “ถูกต้อง เราควรไปพบท่านอาจารย์”
“อา…”
ราชันภูเขาม่วงตะโกนเสียงดัง
เขาแสดงออกด้วยความขมขื่นและถอนหายใจ “โอ้ ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะจบลงเช่นนี้ เห้อ…ข้าแก่แล้ว ร่างกายของข้าอ่อนแอลงมาก ข้ารู้สึกหนาวเมื่ออยู่ในน้ำ”
เขานั่งอยู่บนไหล่ของปีศาจอมตะเซี่ยหู
ปีศาจอมตะเซี่ยหูกำลังว่ายน้ำ เขามองไปรอบๆราวกับกำลังตามหาของบางอย่างในแม่น้ำ
เมื่อได้ยินคำกล่าวของราชันภูเขาม่วง เขาพ่นลมหายใจออกมา “เจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดแต่เจ้ายังบ่น ไม่ใช่ว่าเจ้ามีปีกงั้นหรือ? เหตุใดเจ้าไม่บินออกจากแม่น้ำหวนคืน?”
ราชันภูเขาม่วงกลับสู่รูปลักษณ์ดั่งเดิมของเขาแล้ว
เช่นเดียวกับที่ฟางหยวนกลับสู่ร่างมนุษย์ ราชันภูเขาม่วงเป็นผู้อมตะระดับแปดเผ่ามนุษย์จิ๋ว ก่อนหน้านี้เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อขยายร่าง แต่เมื่อเขาอยู่ในแม่น้ำหวนคืน เขาก็กลับคืนสู่ร่างเดิมอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถนั่งอยู่บนไหล่ของปีศาจอมตะเซี่ยหู
“เจ้าคิดว่าข้าไม่ต้องการงั้นหรือ? แต่แม่น้ำหวนคืนส่งผลกระทบต่อข้า ข้าไม่สามารถบินออกจากแม่น้ำ ฮ่าฮ่า ผู้ใดกันที่สร้างค่ายกลวิญญาณนี้ขึ้นมา? ไม่ใช่เจ้างั้นหรือ?” ราชันภูเขาม่วงถาม
ใบหน้าของปีศาจอมตะเซี่ยหูกลายเป็นน่ากลัว “ซุนหมิงลู่”
ราชันภูเขาม่วงตอบ “โอ้”
“มันเป็นฝีมือเขา นี่เกินกว่าการคาดคิดของข้า” ปีศาจอมตะเซี่ยหูกล่าว “เขาเป็นสมาชิกถ้ำสวรรค์นิรันดร!”
ปีศาจอมตะเซี่ยหูฉลาดมาก เขาตระหนักถึงเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว
ผู้อมตะภาคกลางตกอยู่ในอันตราย ในภาคเหนือยังมีผู้ใดที่สามารถต่อต้านเขา?
นอกจากถ้ำสวรรค์นิรันดรก็ไม่มีผู้อื่นอีก
ราชันภูเขาม่วงกล่าว “ถ้ำสวรรค์นิรันดรอยู่เบื้องหลังหม่าหงหยุน เช่นเดียวกับจ้าวเหลียนหยุน ทั้งสองต้องอยู่ด้านหน้า”
“ข้าต้องตามหาเมียของข้า!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูตะโกน
ราชันภูเขาม่วงตบไหล่ปีศาจอมตะเซี่ยหู “เช่นนั้นเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป ท่านหญิงหว่านซูอยู่ข้างกายหม่าหงหยุน นางต้องถูกพัดไปพร้อมกับเขา”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น