เทพปีศาจหวนคืน 1257-1259

 เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1257 มังกรดาบที่ดุร้าย


 


แปลโดย iPAT 


 


 


ไท่เป่ยหยุนเฉิงบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเป็นหลักแต่วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าและวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าของเขาถูกใช้เป็นของแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรของฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเมฆาเนื่องจากเขามีพื้นฐานด้านนี้อยู่แล้ว ขณะเดียวกันนิกายเงาก็ไม่ขาดแคลนมรดกบนเส้นทางแห่งเมฆา ดังนั้นวิธีป้องกันของชายชราจึงค่อนข้างดี


 


 


อย่างไรก็ตามหลังจากไท่เป่ยหยุนเฉิงสร้างวงแหวนเมฆา การแสดงออกของเขายังไม่ดีนัก


 


 


เมื่อผู้อมตะใช้ท่าไม้ตายอมตะในกำแพงภูมิภาค พวกเขาจะได้รับผลกระทบย้อนกลับ


 


 


การใช้ท่าไม้ตายอมตะห้าครั้งทำให้มิติช่องว่างของไท่เป่ยหยุนเฉิงเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นห้าครั้ง เขาพบกับความสูญเสียอย่างมาก


 


 


‘น่าสนใจ’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มชั่วร้าย ร่างมังกรดาบบรรพกาลบินขึ้นขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างคล่องแคล่ว


 


 


การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆกลายเป็นมืดมน


 


 


ในกำแพงภูมิภาค ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาเป็นไปได้อย่างยากลำบากเพราะพวกเขาถูกกดดันโดยพลังงานที่ไร้รูปแบบ


 


 


แต่ฟางหยวนกลับสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ


 


 


ฟางหยยวนบินขึ้นไปด้านบนและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทันที เขามองลงมาและส่งลมหายใจมังกรพุ่งลงบนศีรษะของผู้อมตะทั้งห้าราวกับสายฝน


 


 


“ป้องกัน อย่าแยกกลุ่ม เราไม่สามารถต่อต้านเขาเพียงลำพัง!” อิงอู๋เซี่ยตะโกนเตือนทุกคน


 


 


เมื่อเห็นลมหายใจมังกรใกล้เข้ามา อิงอู๋เซี่ยเปิดปากคำราม


 


 


ท่าไม้ตายอมตะเสียงคำรามของภูตผี!


 


 


พลังอำนาจของท่าไม้ตายนี้พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าแต่มันไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อมตะที่อยู่รอบๆ นี่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมที่โดดเด่นของอิงอู๋เซี่ย


 


 


ลมหายใจมังกรของฟางหยวนถูกผลักดันก่อนจะฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


 


‘ตั้งแต่ข้าวางแผนต่อสู้กับนิกายเงา ข้าจะไม่เตรียมความพร้อมสำหรับการโจมตีทางจิตวิญญาณได้อย่างไร?’ ฟางหยวนเย้ยหยันอยู่ภายใน


 


 


เขาเตรียมใจมาแล้ว


 


 


อย่างไรก็ตามเขาไม่มีวิธีป้องกันการโจมตีทางจิตวิญญาณ แต่รากฐานจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งมาก เขาสามารถอดทนต่อเสียงคำรามของภูตผีได้อย่างสมบูรณ์ มันไม่สำคัญแม้จิตวิญญาณของเขาจะได้รับบาดเจ็บ เพราะเขามีวิญญาณความเด็ดเดี่ยว!


 


 


“บัดซบ!” อิงอู๋เซี่ยสาปแช่งขณะป้องกันตัวจากลมหายใจมังกร


 


 


เขารู้ว่าฟางหยวนมีวิญญาณความเด็ดเดี่ยว


 


 


ลมหายใจมังกรยังร่วงหล่นลงมาราวกับสายฝน ผู้อตะทั้งห้าถูกกำหราบอย่างสมบูรณ์


 


 


วิธีที่ดีที่สุดในการต่อต้านการโจมตีนี้คือการแยกย้ายและหลบเลี่ยง แต่หากพวกเขาทำเช่นนั้น ฟางหยวนจะมีโอกาสโจมตี


 


 


เป็นเพียงเวลานี้ที่ซื่อหนิวกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ


 


 


“ครืน…”


 


 


เสียงแผ่นดินสั่นสะเทือน มือยักษ์ที่เกิดจากดินและหินโผล่ขึ้นมาจากพื้น


 


 


มือยักษ์ปกป้องกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยจากลมหายใจมังกร


 


 


แม้มันจะส่งสัญญาณของการพังทลายแต่ไห่ลั่วหลันยังสามารถใช้โอกาสนี้ปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะของนาง


 


 


นางผลักฝ่ามือขึ้นสู่ท้องฟ้า


 


 


“บึม!”


 


 


เพลิงสีแดงทะลุผ่านมือยักษ์และพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอย่างรวดเร็ว หากฟางหยวนไม่ระวัง เขาจะถูกลอบโจมตีอย่างแน่นอน


 


 


อย่างไรก็ตามเพลิงสายนี้กลับไม่ส่งผลกระทบต่อฟางหยวน เขาสามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย


 


 


“ไม่ได้ผล!” หัวใจของไห่ลั่วหลันจมดิ่งลง


 


 


ภาพอนาคตสามลมหายใจ!


 


 


ไห่ลั่วหลันไม่รู้ว่าฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบนี้


 


 


‘แปลก ไห่ลั่วหลันเป็นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งแต่นางสามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งไฟโดยไม่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่แตกต่างกัน ดูเหมือนนิกายเงาจะมีวิธีการบางอย่าง ท้ายที่สุดวิญญาณทารกอมตะก็ถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ’ ฟางหยวนค้นพบรายละเอียดบางอย่างจากการโจมตีของไห่ลั่วหลัน


 


 


ในไม่ช้ามือยักษ์ก็พังทลายลง ลมหายใจมังกรโปรยปรายลงมาอีกครั้ง


 


 


แต่ผู้อมตะทั้งห้าก็ไม่ร้อนรน พวกเขายังสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อป้องกันตนเอง


 


 


‘ลองท่าไม้ตายนี้ ให้ข้าดูว่าพวกเจ้าจะจัดการมันอย่างไร?’ ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอื่น


 


 


ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา อัญเชิญอสูรปี!


 


 


“โฮก…”


 


 


เสียงคำรามของพยัคฆ์ดังขึ้นก่อนที่อสูรปีขาลจะกระโดดออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อช่วยต่อสู้


 


 


ฟางหยวนโยนวิญญาณปีจำนวนมากให้มันเพื่อยกขวัญกำลังใจของอสูรปีขาล


 


 


ซื่อหนิวรู้สึกขมขื่น เพียงลมหายใจมังกรก็ยากที่จะรับมืออยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังมีอสูรปีอีกตัว สถานการณ์เลวร้ายอย่างมาก


 


 


อสูรปีเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในกำแพงภูมิภาค


 


 


มันคล้ายกับอสูรเมฆาบรรพกาลที่เป็นสิ่งมีชีวิตจากสวรรค์สีขาวและไม่ได้รับผลกระทบจากกำแพงพลังงานของห้าภูมิภาค


 


 


สำหรับอสูรปี พวกมันอาศัยอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภูมิภาคเช่นกัน


 


 


“ฮืม!” อิงอู๋เซี่ยก่นเสียงเย็นก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่คล้ายคลึงกัน


 


 


ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ อัญเชิญอสูรวิญญาณ!


 


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นผู้สร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ดังนั้นนิกายเงาจึงมีความเชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณมากที่สุด ไห่ฟานสามารถอัญเชิญอสูรปี นิกายเงาก็สามารถอัญเชิญอสูรวิญญาณ


 


 


วิธีการของอิงอู๋เซี่ยถือว่าไม่ธรรมดาเพราะเขาสามารถอัญเชิญอสูรวิญญาณได้สามตัวพร้อมกัน


 


 


“อสูรวิญญาณของข้าไม่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภูมิภาคเช่นกันเพราะพวกมันมาจากประตูแห่งชีวิตและความตาย!”


 


 


แต่ความพึงพอใจของอิงอู๋เซี่ยอยู่ได้ไม่นานเมื่อฟางหยวนพุ่งมาข้างหน้า


 


 


มังกรดาบบรรพกาลบินไปรอบๆอย่างรวดเร็ว


 


 


มันใช้กรงเล็บมังกรทำลายศีรษะของอสูรวิญญาณโดยตรง


 


 


หางของมันตัดขาของอสูรวิญญาณอีกตัว


 


 


ขณะที่ลมหายใจมังกรทะลวงผ่านร่างกายของอสูรวิญญาณตัวที่สาม


 


 


มังกรดาบบรรพกาลมีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่น สิ่งสำคัญคือฟางหยวนยังมีท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ผนึกภูตผี!


 


 


สิ่งนี้ทำให้อสูรวิญญาณไม่สามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของเขา


 


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้กับอสูรวิญญาณ


 


 


อสูรวิญญาณเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองได้ก่อนที่ฟางหยวนจะโจมตีพวกมันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส


 


 


โชคดีที่อสูรวิญญาณไม่มีจุดอ่อนที่ชัดเจน มิฉะนั้นพวกมันจะถูกทำลายโดยการโจมตีเดียวของฟางหยวน


 


 


แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็อ่อนแอลงมาก ร่างกายของพวกมันโปร่งใสมากขึ้นเรื่อยๆ


 


 


การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นไม่น่ามอง แต่เขาทำได้เพียงเฝ้าดูฟางหยวนทำลายอสูรวิญญาณทั้งสามเท่านั้น


 


 


อิงอู๋เซี่ยคิด ‘มันไม่สำคัญ แม้เจ้าจะกำจัดอสูรวิญญาณทั้งสามตัว แล้วอย่างไร? ข้าสามารถอัญเชิญพวกมันอีกครั้ง! มีอสูรวิญญาณมากมายอยู่หลังประตูแห่งชีวิตและความตาย!’


 


 


แต่ในจังหวะนี้ฟางหยวนกลับเลิกโจมตีอสูรวิญญาณและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ


 


 


ความเร็วของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน


 


 


เร็ว! เร็วมาก! เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ!


 


 


ไท่เป่ยหยุนเฉิงไม่สามารถตอบสนองได้แม้แต่น้อย


 


 


วงแหวนเมฆาของเขาถูกทำลายลงโดยกรงเล็บมังกรขณะที่ท้องของชายชราถูกเปิดออกและทำให้ลำไส้ของเขาทะลักออกมา


 


 


แต่…


 


 


‘เขายังไม่ตาย?’ ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ


 


 


ลมหายใจมังกรเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของมังกรดาบ แต่ในช่วงเวลานั้นฟางหยวนไม่สามารถเปิดปาก ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้เพียงกรงเล็บเท่านั้น


 


 


เขาเห็นชั้นน้ำแข็งช่วยปิดปากแผลของไท่เป่ยหยุนเฉิงอย่างรวดเร็ว


 


 


‘มันคือไป่หนิงปิง!’ ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้


 


 


ด้วยความเร็วของฟางหยวน ตอนนี้ร่างของเขาอยู่ห่างจากผู้อมตะทั้งห้าไปหลายลี้


 


 


ไป่หนิงปิงมองฟางหยวนด้วยดวงตาสีฟ้าอันเย็นเยียบ


 


 


“รวดเร็วนัก!” ไห่ลั่วหลันลากไท่เป่ยหยุนเฉิงไปด้านหลัง


 


 


จากนั้นนางก็ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของชายชราแต่กลับไร้ประโยชน์


 


 


อาการบาดเจ็บที่เกิดจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ายากที่จะรักษา


 


 


เนื่องจากมันมีความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าแต่ละชนิด


 


 


ทุกครั้งที่มังกรดาบบรรพกาลโจมตี มันจะทิ้งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบเอาไว้เป็นจำนวนมาก นี่เป็นเรื่องยากที่ร่างกายอันบอบบางของมนุษย์จะสามารถอดทน


 


 


“โอ้ หากข้ามีวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า มันจะไม่ลำบากเช่นนี้’ ไท่เป่ยหยุนเฉิงกล่าวก่อนหมดสติ


 


 


“เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือไท่เป่ยหยุนเฉิง!” การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นมืดครึ้ม


 


 


เขาสามารถมองทะลุความคิดของฟางหยวน


 


 


ฟางหยวนแสร้งต่อสู้กับอสูรวิญญาณ แต่ในความเป็นจริงไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นเป้าหมายหลักของเขาตั้งแต่แรก


 


 


ท้ายที่สุดแล้วไท่เป่ยหยุนเฉิงก็อ่อนแอที่สุดในกลุ่มผู้อมตะทั้งห้า


 


 


กำจัดศัตรูที่อ่อนแอที่สุดก่อนเสมอ!


 


 


“ตอนนี้ไท่เป่ยหยุนเฉิงหมดประโยชน์แล้ว!” การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยแย่ลงเรื่อยๆ พวกเขาจะจัดการฟางหยวนที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?


 


 


“หือ?”


 


 


แต่ในจังหวะนี้ฟางหยวนกลับรู้สึกถึงความผิดปกติ


 


 


เขาค้นพบว่าเกล็ดมังกรของเขาถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆที่ไม่รู้ว่าก่อตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใด


 


 


‘สายตาของไป่หนิงปิงแปลกมาก!’ ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้อย่างรวดเร็ว


 


 


“หากเราต้องการโต้ตอบฟางหยวน เราต้องลดความเร็วของเขาเป็นอันดับแรก” ดวงตาของไป่หนิงปิงส่องประกายเย็นเยียบ นางเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1258 หนึ่งต่อห้า (1)


 


แปลโดย iPAT 


 


 


แม้ไป่หนิงปิงพึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้ แต่นางมีข้อได้เปรียบผู้อมตะทั่วไป


 


 


ประการแรก นางมีหนึ่งในสิบสุดยอดกายา น้ำแข็งแห่งความมืด มันเหมาะสมสำหรับการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็ง นี่ทำให้นางเหนือกว่าผู้อมตะระดับหกทั่วไป


 


 


ประการที่สอง นางกลายเป็นเจ้าของถ้ำสวรรค์ไป่เซียง นางได้รับมรดกที่แท้จริงของไป่เซียงรวมถึงวิญญาณจำนวนมาก ท่ามกลางวิญญาณเหล่านี้ยังมีกระทั่งวิญญาณอมตะระดับเจ็ด!


 


 


อย่างไรก็ตามไม่มีวิญญาณอมตะระดับแปด


 


 


สถานะของไป่เซียงในประวัติศาสตร์ยังด้อยกว่าไห่ฟาน


 


 


จุดอ่อนของไป่หนิงปิงคือนางยังไม่คุ้นเคยกับวิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะ นางมักจะล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานพวกมันและได้รับบาดเจ็บจากผลกระทบย้อนกลับ


 


 


เพื่อทำความคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ ไป่หนิงปิงต้องใช้เวลาฝึกฝนอีกนาน


 


 


ด้วยเหตุนี้นางจึงอยู่ห่างไกลจากจุดที่สามารถใช้งานพวกมันได้อย่างอิสระ


 


 


แต่…


 


 


ในเวลานี้จุดอ่อนของไป่หนิงปิงกลับถูกปิดอย่างมีประสิทธิภาพ


 


 


เนื่องจากนางได้รรับการปกป้องจากคนอื่นๆ นั่นทำให้นางมีเวลาใช้ท่าไม้ตายอมตะโดยไม่รีบร้อน


 


 


ด้านฟางหยวน เขาไม่มีข้อมูลของไป่หนิงปิง เขาคิดว่าไป่หนิงปิงเหมือนไท่เป่ยหยุนเฉิงและไห่ลั่วหลันที่ได้รับผลประโยชน์จากนิกายเงา


 


 


ฟางหยวนไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับถ้ำสวรรค์ไป่เซียงเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงประเมินความแข็งแกร่งของไป่หนิงปิงต่ำเกินไป


 


 


หากเขารู้ความจริงทั้งหมด เขาจะไม่เลือกไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นเป้าหมายแรกแต่จะเลือกไป่หนิงปิง


 


 


แม้ฟางหยวนจะเป็นผู้กลับชาติมาเกิด แต่เขาไม่ได้รู้ทุกสิ่ง


 


 


สายตาของไป่หนิงปิงทำให้ความสามารถในการเคลื่อนที่ของฝ่ายตรงข้ามล่าช้าลง นี่เป็นวิธีของไป่เซียง


 


 


หลังจากตระหนักถึงสิ่งผิดปกติ ฟางหยวนเร่งตอบโต้ทันที เขาปกปิดร่องรอยและบินกลับไป


 


 


เขาหายไปจากมุมมองสายตาของไป่หนิงปิง


 


 


นางกัดฟันแน่น จิ้งจอกเฒ่าฟางหยวนสามารถมองทะลุขีดจำกัดความสามารถของนางได้อย่างรวดเร็ว


 


 


“แม้เขาจะมีไพ่ตาย แต่เขาจะไม่เสี่ยง โชคไม่ดีที่พวกเราวางแผนต่อต้านกลยุทธ์ที่เฉพาะเจาะจงของเขาเท่านั้น” ไป่หนิงปิงรู้สึกเสียใจ


 


 


ท่าไม้ตายอมตะที่ฟางหยวนใช้ทำลายค่ายกลวิญญาณในทะเลตะวันออกทรงพลังมาก มันทำให้กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยรู้สึกหวาดกลัว


 


 


ระหว่างทางพวกเขาจึงได้หารือและคิดมาตรการป้องกันท่าไม้ตายนี้ของฟางหยวน


 


 


อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับไม่ใช้มันและทำให้การเตรียมการของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นไร้ประโยชน์


 


 


“น่าเสียดายที่ข้าพึ่งได้รับมรดกที่แท้จริงของไป่เซียง ท่าไม้ตายนี้มีขีดกำจัด แต่ท่าไม้ตายอื่นสามารถใช้งานร่วมกันเพื่อชดเชยขีดจำกัดนี้”


 


 


ไป่หนิงปิงไม่คุ้นเคยกับท่าไม้ตายเหล่านี้ เมื่อนางพยายามใช้ท่าไม้ตายหลายท่าพร้อมกัน นางจะล้มเหลวทุกครั้ง


 


 


ไป่หนิงปิงไม่ใช่ฟางหยวนที่สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ความสำเร็จในด้านนี้ของไป่หนิงปิงยังต่ำมาก


 


 


ฟางหยวนถอยกลับและซ่อนตัว


 


 


ภายใต้สถานการณ์นี้ไป่หนิงปิงไม่สามารถเสี่ยง


 


 


หากนางล้มเหลว ฟางหยวนจะฉวยโอกาสโจมตีอย่างรุนแรง


 


 


ไป่หนิงปิงเข้าใจฟางหยวนเป็นอย่างดี เขาจะไม่ทิ้งโอกาสดังกล่าว กระทั่งไป่หนิงปิงก็ยังต้องชื่นชมความสามารถในการคว้าโอกาสของฟางหยวน


 


 


‘เกล็ดของฟางหยวนถูกแช่แข็ง แต่เมื่อมันฟื้นตัวขึ้น ด้วยความเร็วของเขา มันเป็นเรื่องยากที่ข้าจะมองตามเขาได้ทัน!’ ไป่หนิงปิงคิด


 


 


การระเบิดความเร็วของมังกรดาบบรรพกาลรวมกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ กระทั่งผู้อมตะระดับเจ็ดเย่หลิวชุนซิงก็ยังตกตายอยู่ในกำมือของเขา


 


 


ไป่หนิงปิงรู้ว่าก่อนหน้านี้นางสามารถแช่แข็งเพราะฟางหยวนไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับสิ่งนี้


 


 


ตอนนี้ฟางหยวนย่อมต้องระวังตัวมากขึ้น มันเป็นเรื่องยากที่จะโจมตีฟางหยวนด้วยกระบวนท่าเดิมๆ


 


 


‘ดูเหมือนข้าต้องเปลี่ยนกลยุทธ์’ ไป่หนิงปิงตัดสินใจทันที


 


 


หากนางไม่เปลี่ยนกลยุทธ์ คนที่ตายอาจเป็นนาง!


 


 


สถานการณ์เต็มไปด้วยอันตราย ไป่หนิงปิงต้องล่าถอยไปด้านหลังซือหนิวและกล่าวกับอิงอู๋เซี่ย “ปกป้องข้า ข้าจะใช้ท่าไม้ตายนั่น!”


 


 


ไป่หนิงปิงและอิงอู๋เซี่ยมีไพ่ตายของพวกเขา


 


 


ดังนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงเข้าใจโดยที่ไป่หนิงปิงไม่ต้องอธิบายให้มากความ


 


 


เขาพยักหน้า “ตกลง ใช้ท่านั้น ให้เราดูแลความปลอดภัยของเจ้า!”


 


 


เขาออกคำสั่งกับซื่อหนิว “แม้ต้องสละชีวิต เจ้าก็ต้องปกป้องไป่หนิงปิง!”


 


 


ซื่อหนิวผู้ภักดีพยักหน้าโดยปราศจากความลังเล


 


 


“ใจเย็น เขาถูกสายตาของข้าแช่แข็ง จากข้อบกพร่องของร่างทารกอมตะที่เจ้าอธิบาย หากเขาไม่มีวิธีการที่เฉพาะเจาะจงในการตอบโต้ เขาต้องใช้เวลาหลายสิบลมหายใจในการฟื้นฟูร่างกาย” ไป่หนิงปิงกล่าวด้วยความมั่นใจ


 


 


อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี”


 


 


มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการท่าไม้ตายอมตะของศัตรู มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ฟางหยวนจะมีวิธีการตอบโต้ท่าไม้ตายที่พึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก


 


 


แต่ในเวลานี้แสงสีขาวกลับพุ่งผ่านดวงตาของผู้อมตะทั้งห้า


 


 


“ระวัง!”


 


 


“มันคือลมหายใจมังกร!”


 


 


“ปกป้องไป่หนิงปิงและไท่เป่ยหยุนเฉิง!”


 


 


ลมหายใจมังกรราวกับสายฝนที่โปรยปรายลงมา


 


 


ไป่หนิงปิงใช้สมาธิทั้งหมดในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะของนางขณะที่ไท่เป่ยหยุนเฉิงยังหมดสติจากอาการบาดเจ็บ


 


 


ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือผู้อมตะที่สามารถต่อสู้เพียงสามคน พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นทันที


 


 


ฟางหยวนส่งลมหายใจมังกรมาจากระยะไกล


 


 


ร่างมังกรดาบบรรพกาลยังถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ


 


 


ท่าไม้ตายของไป่หนิงปิงค่อนข้างมีประสิทธิภาพขณะที่ร่างทารกอมตะของฟางหยวนมีจุดอ่อนที่ชัดเจน


 


 


โชคดีที่มังกรดาบบรรพกาลมีร่างกายที่แข็งแกร่ง มันไม่เหมือนร่างกายของมนุษย์ที่อาจถูกแช่แข็งจนตาย


 


 


ฟางหยวนใช้ลมหายใจมังกรกำหราบกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยและตรวจสอบการเคลื่อนไหวของพวกเขา


 


 


ในที่สุดเขาก็ค้นพบบางสิ่ง ไป่หนิงปิงได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ หากฟางหยวนไม่ใช้พลังทั้งหมด เขาจะไม่สามารถเข้าถึงตัวไป่หนิงปิง


 


 


“ต้องการใช้ท่าไม้ตายงั้นหรือ? ฮืม!” ฟางหยวนคิด เมื่อนางได้รับการปกป้องจากคนอื่นๆ แน่นอนตอนนี้นางกำลังจัดเตรียมท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลัง


 


 


ดังนั้นหลังจากฟางหยวนฟื้นตัวขึ้น เขาก็ระเบิดความเร็วพุ่งเข้าโจมตีทันที


 


 


เร็วมาก!


 


 


อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆไม่มีเวลาแม้แต่จะตะโกนเตือนเมื่อฟางหยวนบุกเข้ามา


 


 


ไป่หนิงปิงเกือบล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะ


 


 


ไห่ลั่วหลันได้รับบาดเจ็บสาหัส


 


 


แขนซ้ายของนางหายไปอย่างสมบูรณ์ กระทั่งลำตัวด้านซ้ายของนางยังได้รับบาดเจ็บร้ายแรง


 


 


เลือดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุและกลายเป็นบ่อเลือดอยู่บนพื้น


 


 


บาดแผลถูกปกคลุมไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า นั่นทำให้เลือดไหลไม่หยุด


 


 


หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ไห่ลั่วหลันจะเป็นคนแรกที่ตาย


 


 


ภายใต้สถานการณ์นี้ไห่ลั่วหลับเลือกที่จะเปลี่ยนร่างเป็นผีดิบอมตะ


 


 


ผีดิบอมตะสามารถอดทนต่ออาการบาดเจ็บระดับนี้ เลือดสีแดงกลายเป็นสีเขียวขณะที่ความเร็วในการไหลของเลือดลดลงอย่างมาก


 


 


ไห่ลั่วหลันคุกเข่าลงข้างหนึ่งและหอบหายใจอย่างหนักหน่วงแต่ริมฝีปากของนางยังยกตัวขึ้น “ฮี่ฮี่ฮี่…”


 


 


นางหัวเราะ!


 


 


ในทางกลับกันฟางหยวนรู้สึกแปลกๆ ‘หือ ข้าถูกโจมตีงั้นหรือ? ไม่เลว ไห่ลั่วหลัน!’


 


 


กรงเล็บมังกรที่เขาใช้ฉีกร่างของไห่ลั่วหลันยังมีเศษเลือดเนื้อของนางติดอยู่


 


 


เศษเลือดเนื้อเหล่านั้นค่อยๆลุกไหม้ขึ้นเป็นเพลิงสีเลือด


 


 


ท่าไม้ตายอมตะเพลิงเลือดเนื้อ!


 


 


ไฟชนิดนี้ใช้เลือดและเนื้อเป็นเชื้อเพลิง มันจะไม่ดับหากไม่มีวิธีการตอบโต้ที่เหมาะสม


 


 


นอกจากนั้นยิ่งร่างกายของเป้าหมายแข็งแกร่งเท่าใด ไฟก็จะยิ่งรุนแรงเท่านั้น


 


 


ร่างมังกรดาบบรรพกาลของฟางหยวนเป็นเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับเพลิงเลือดเนื้อ


 


 


อย่างไรก็ตามฟางหยวนตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว


 


 


เขาเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์และกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะสายรักษาบนเส้นทางแห่งกาลเวลา


 


 


บุรุษคนก่อนหน้า!


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1259 หนึ่งต่อห้า (2)


 


แปลโดย iPAT 


 


 


ลูกพลัมแดงอมตะยี่สิบผลถูกใช้ไปในครั้งเดียว


 


 


วินาทีต่อมาไฟสีเลือดก็หายไปอย่างสมบูรณ์ ฟางหยวนกลับสู่สภาพเดิม


 


 


‘เห้อ…’


 


 


‘บุรุษคนก่อนหน้าใช้ได้รับร่างมนุษย์เท่านั้น เมื่อข้าเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่น ข้าไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าได้โดยตรง นี่ค่อนข้างลำบาก’


 


 


‘นอกจากนี้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้ายังมีข้อจำกัดในแง่ของช่วงเวลา โชคดีที่ข้ามีท่าไม้ตายออมตะสายตรวจสอบภาพอนาคตสามลมหายใจ!’


 


 


ฟางหยวนลอบถอนหายใจขณะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะอีกครั้ง


 


 


ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและทาส หมื่นตัวตน!


 


 


ฟางหยวนหลายหมื่นคนปรากฏตัวขึ้นราวกับคลื่นน้ำที่พุ่งเข้าทำลายล้างกลุ่มของอิงอู๋เซี่ย


 


 


“เป็นไปได้อย่างไร? เขาฟื้นตัวเร็วมาก! เขากำจัดเพลิงเลือดเนื้อของข้าไปแล้วงั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันรู้สึกประหลาดใจมาก


 


 


การโต้ตอบของฟางหยวนรวดเร็วเกินไป นี่ทำให้หัวใจของไห่ลั่วหลันจมดิ่งลง


 


 


ไห่ลั่วหลันรู้ว่าฟางหยวนมีวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า


 


 


แต่วิญญาณอมตะดวงนี้มีข้อกำหนดที่ค่อนข้างเข้มงวด แม้ฟางหยวนจะต้องการใช้งานมัน แต่เขายังต้องค้นพบสถานการณ์ของตนเองก่อน หากเขาลังเลหรือช้าไปเพียงเล็กน้อย เขาจะไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า


 


 


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไห่ลั่วหลันยังคิดว่าหากเป็นตัวนางเองที่ถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะเพลิงเลือดเนื้อ มันเป็นเรื่องยากที่นางจะสามารถกำจัดมันได้อย่างรวดเร็ว


 


 


ฟางหยวนไม่เข้าใจวิธีการของไห่ลั่วหลันและไป่หนิงปิง ในทำนองเดียวกันไห่ลั่วหลันก็ไม่รู้ว่าฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะภาพอนาคตสามลมหายใจ


 


 


ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบนี้อนุญาตให้ฟางหยวนเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นล่วงหน้าสามลมหายใจ ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงมีเวลามากพอที่จะตอบสนอง


 


 


กล่าวโดยสรุป ไห่ลั่วหลันได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่การโจมตีของนางแทบไม่สามารถทำสิ่งใดต่อฟางหยวน


 


 


ลูกพลัมแดงอมตะจำนวนมากถูกใช้ไป แต่ฟางหยวนร่ำรวยมาก ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆเหล่านี้


 


 


ท่าไม้ตายอมตะเสียงคำรามของภูตผี!


 


 


อิงอู๋เซี่ยกรีดร้องและทำให้ภูตมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดขึ้นทันที


 


 


ท่าไม้ตายอมตะป่าหอก!


 


 


ซื่อหนิวกระทืบเท้าขวาและส่งหอกหินจำนวนมากพุ่งขึ้นจากพื้นและแทงทะลุภูตมนุษย์นับพันร่างของฟางหยวน


 


 


ท่าไม้ตายอมตะทั้งสองมีประสิทธิภาพสูงมาก พวกมันสามารถทำลายภูตมนุษย์เกือบทั้งหมดของเขา


 


 


ผู้อมตะระดับเจ็ดซื่อหนิวถือเป็นกำลังรบที่สำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยปราศจากการปกป้องจากเขา กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยจะไม่สามารถคงอยู่มาถึงปัจจุบัน


 


 


‘ต่อไปเป็นเจ้า!’ ฟางหยวนเปลี่ยนร่างเป็นมังกรดาบบรรพกาลอีกครั้งและลอบหัวเราะอยู่ภายใน


 


 


“โฮก…”


 


 


อย่างไรก็ตามเสียงคำรามของพยัคฆ์กลับดังขึ้นในจังหวะนี้ อสูรปีขาลที่ต่อสู้มาตลอดได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นมันล่าถอยกลับไปยังสายธารแห่งกาลเวลา


 


 


อสูรปีไม่มีความภักดีต่อผู้อัญเชิญ หากมันได้รับบาดเจ็บสาหัส มันจะล่าถอยทันที


 


 


แต่นี่ไม่สำคัญ


 


 


ท่าไม้ตายอมตะ อัญเชิญอสูรปี!


 


 


ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายนี้ซ้ำอีกครั้ง คราวนี้เป็นอสูรปีมะแม


 


 


แม้ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีจะเรียกอสูรปีออกมาได้ครั้งละตัว แต่ในสายธารแห่งกาลเวลามีอสูรปีอยู่มากมาย เขาสามารถอัญเชิญตัวต่อไปออกมาได้ตลอดเวลา


 


 


เมื่ออสูรปีในร่างแพะภูเขาปรากฏตัวขึ้น ซื่อหนิวคำรามเสียงดังและขยายร่างจนมีขนาดเท่ากับอสูรปีมะแมก่อนจะใช้ทักษะการต่อสู้คว่ำมันลงบนพื้น


 


 


“บึม!”


 


 


แพะภูเขาล้มลงบนพื้นและทำให้แผ่นดินเกิดการสั่นสะเทือน


 


 


อสูรปีมะแมลุกขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีซื่อหนิวด้วยความโกรธ


 


 


ซื่อหนิวหลบออกไปด้านข้าง ขณะเดียวกันเขาก็ใช้มือคว้าเขาแพะเอาไว้


 


 


สองยักษ์ต่อสู้กันพัลวันและทำให้สถานการณ์กลายเป็นชะงักงัน


 


 


ในช่วงท้ายฟางหยวนใช้ลมหายใจมังกรน้อยลง เขาเริ่มรู้สึกเจ็บคอราวกับคอของเขากำลังจะพ่นควันออกมา


 


 


ลมหายใจมังกรเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของมังกรดาบบรรพกาล แต่กระทั่งมังกรดาบบรรพกาลที่แท้จริงก็ยังไม่สามารถใช้ลมหายใจมังกรติดต่อกันได้มากกว่ายี่สิบหรือสามสิบครั้ง


 


 


แต่ฟางหยวนใช้ลมหายใจมังกรไปแล้วมากกว่าร้อยครั้ง! ตอนนี้ร่างกายของเขากำลังจะถึงขีดจำกัด


 


 


หากเขายังปล่อยลมหายใจมังกรต่อไป เขาอาจได้รับบาดเจ็บ


 


 


การต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดที่อสูรปีขาลหลบหนีขณะที่ฟางหยวนเริ่มเหนื่อยล้า


 


 


แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและมีลูกพลัมแดงอมตะ แต่ศัตรูของเขาก็ไม่ใช่ตัวละครที่ไร้นัยสำคัญเช่นกัน


 


 


ไห่ลั่วหลันเป็นคนที่น่าเกรงขามด้วยสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง นอกจากนั้นนางยังได้รับมรดกที่แท้จริงของนางมารผลาญสวรรค์พร้อมกับวิญญาณอมตะของหญิงชรา


 


 


ไป่หนิงปิงมีสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืด นางเปลี่ยนเป็นมนุษย์มังกรและยังได้รับมรดกที่แท้จริงของไป่เซียง


 


 


ไม่จำเป็นต้องกล่าวให้มากความเกี่ยวกับอิงอู๋เซี่ย เขาเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณและเป็นความหวังสุดท้ายของนิกายเงา แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ง่าย


 


 


ซื่อหนิวเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีขณะที่เขาบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางสายนี้เช่นกัน กล่าวได้ว่าพวกมันเติมเต็มซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี


 


 


คนที่ไร้ประโยชน์มากที่สุดคือไท่เป่ยหยุนเฉิง แต่ถึงกระนั้นชายชราผู้นี้ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเมฆา ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันของเขาจึงถือว่าค่อนข้างโดดเด่น


 


 


แม้สมาชิกส่วนใหญ่ในกลุ่มพวกเขาจะเป็นผู้อมตะระดับหกแต่ทุกคนล้วนเป็นตัวตนระดับสูงที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับเจ็ด


 


 


ด้วยการผสานงานกันของสมาชิกนิกายเงา กระทั่งเย่หลิวชุนซิงก็ยังยากที่จะรับมือ


 


 


การต่อสู้ระหว่างผู้อมตะไม่สามารถเร่งรีบ


 


 


เนื่องจากมีผู้อมตะที่หลากหลาย มีท่าไม้ตายอมตะที่แตกต่างและไม่สามารถคาดเดาอยู่มากมาย บางท่าลึกลับ บางท่าทรงพลัง บางท่าน่ากลัวและแปลกประหลาด


 


 


ฟางหยวนต่อสู้กับศัตรูห้าคนเพียงลำพังและยังเป็นฝ่ายได้เปรียบขณะที่ฝ่ายหลังไม่สามารถพลิกสถานการณ์ นี่ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว


 


 


‘บัดซบ! เขายังไม่ได้ใช้ท่านั้นจนถึงตอนนี้!’ อิงอู๋เซี่ยคิดขณะเช็ดเลือดสีเขียวที่ไหลออกมาจากจมูก


 


 


แต่เลือดยังไหลออกมาอีกครั้ง


 


 


‘บัดซบ!’


 


 


‘ข้าใช้ท่าไม้ตายซ้ำแล้วซ้ำอีก ตอนนี้ร่างผีดิบอมตะของข้ามาถึงขีดจำกัดแล้ว!’


 


 


‘กระทั่งข้ายังอยู่ในสภาพนี้ คนอื่นๆจะยิ่งเลวร้ายกว่าข้า!’


 


 


อิงอู๋เซี่ยกวาดตามองพันธมิตรของเขาและพบว่าทุกคนอยู่ในสภาพน่าอนาถยิ่งกว่าเขา


 


 


ฟางหยวนไม่ถูกกดดันโดยกำแพงภูมิภาค แต่กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยไม่ พวกเขาไม่เพียงต้องต่อต้านแรงกดดันจากกำแพงภูมิภาคแต่พวกเขายังต้องต่อสู้กับฟางหยวนในเวลาเดียวกัน ด้วยการใช้ท่าไม้ตายอมตะมากมาย ตอนนี้มิติช่องว่างของเขาได้รับความเสียหายอย่างมาก


 


 


‘กลุ่มของข้ามีทรัพยากรที่เหลืออยู่ของนิกายเงา เป็นเรื่องปกติที่ความแข็งแกร่งของพวกเราจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว’


 


 


‘แต่พลังการต่อสู้ของฟางหยวนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน!’


 


 


ยิ่งอิงอู๋เซี่ยคิดมากเท่าใด เขาก็ยิ่งวิตกมากเท่านั้น ความเข้าใจที่มากขึ้นทำให้ความหวาดกลัวในใจของเขามากขึ้นไปด้วย


 


 


ถูกต้อง เขากลัว


 


 


อิงอู๋เซี่ยรู้สึกหวาดกลัว


 


 


เขาต้องยอมรับว่าฟางหยวนแข็งแกร่งและนั่นทำให้เขากลัวการเติบโตของฟางหยวน


 


 


“ไป่เซียง ไป!”


 


 


เป็นเพียงเวลานี้ที่ไป่หนิงปิงกรีดร้องและปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะของนางออกมา


 


 


อิงอู๋เซี่ยเต็มไปด้วยความคาดหวังเมื่อมองไปที่ไป่หนิงปิง “ในที่สุดเจ้าก็ประสบความสำเร็จ!”


 


 


รูปลักษณ์ของไป่หนิงปิงเปลี่ยนแปลงไป


 


 


ในเสี้ยวพริบตานางกลายเป็นยักษ์สูงห้าเมตร


 


 


นางมีสามหัว หกแขน เท้าเปล่า ร่างกายของนางปกคลุมไปด้วยเกราะน้ำแข็ง ขณะนี้นางกำลังยืนอยู่บนก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่กลางอากาศ


 


 


ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นไป่เซียง!


 


 


“ฟางหยวน มาสู้กับข้า!” ไป่หนิงปิงตะโกนและเริ่มโจมตีทันที


 


 


“บัญชีเก่าและใหม่ของเราจะถูกชำระในวันนี้!” ดวงตามังกรของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะที่เขาพุ่งเข้าปะทะ


 


 


ด้วยพลังและความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว ทั้งสองต่างกระเด็นกลับหลัง


 


 


‘บาดเจ็บเล็กน้อย’ ฟางหยวนเห็นรอยกรีดเฉือนบางๆบนร่างกายของตน ปรากฏรอยดาบบนเกล็ดมังกรและยังมีเลือดไหลซึมออกมา


 


 


ในทางตรงข้ามไป่หนิงปิงได้รับความเสียหายมากกว่า


 


 


หน้าอกของนางกลายเป็นรู แขนสามข้างของนางถูกทำลาย และร่างกายเกือบครึ่งหนึ่งของนางสูญหายไป


 


 


แต่นางไม่มีเลือด มวลอากาศเย็นควบรวมและกู้คืนร่างกายของนางในเสี้ยวพริบตา


 


 


“สมกับเป็นท่าไม้ตายอมตะของไป่เซียง แม้ร่างกายจะถูกทำลาย แต่หากยังหลงเหลือบางส่วน มันก็สามารถฟื้นคืนกลับมาได้ในพริบตา เพราะหลังจากเปลี่ยนร่างเป็นไป่เซียง นางจะกลายเป็นรูปแบบชีวิตที่แตกต่างออกไป!” อิงอู๋เซี่ยรู้สึกตื่นเต้นมาก


 


 


ไป่หนิงปิงรู้สึกไม่ต่างจากอิงอู๋เซี่ย


 


 


แม้นางจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน แต่ด้วยร่างไป่เซียง นางสามารถกู้คืนร่างกายได้ทุกครั้ง


 


 


เมื่อการต่อสู้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งฟางหยวนยังรู้สึกหมดแรง เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดและเนื้อขณะที่ไป่หนิงปิงราวกับการคงอยู่ที่ไร้ชีวิต


 


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจยอมแพ้และหันไปโจมตีคนอื่นๆ


 


 


“ถึงเวลาแล้ว!” อิงอู๋เซี่ยตะโกนและปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากร่างกาย


 


 


เขามองฟางหยวนและกล่าว…


 


 


นำวิญญาณสู่ความฝัน!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)