เทพปีศาจหวนคืน 1257-1259
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1257 มังกรดาบที่ดุร้าย
แปลโดย iPAT
ไท่เป่ยหยุนเฉิงบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเป็นหลักแต่วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าและวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าของเขาถูกใช้เป็นของแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรของฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเมฆาเนื่องจากเขามีพื้นฐานด้านนี้อยู่แล้ว ขณะเดียวกันนิกายเงาก็ไม่ขาดแคลนมรดกบนเส้นทางแห่งเมฆา ดังนั้นวิธีป้องกันของชายชราจึงค่อนข้างดี
อย่างไรก็ตามหลังจากไท่เป่ยหยุนเฉิงสร้างวงแหวนเมฆา การแสดงออกของเขายังไม่ดีนัก
เมื่อผู้อมตะใช้ท่าไม้ตายอมตะในกำแพงภูมิภาค พวกเขาจะได้รับผลกระทบย้อนกลับ
การใช้ท่าไม้ตายอมตะห้าครั้งทำให้มิติช่องว่างของไท่เป่ยหยุนเฉิงเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นห้าครั้ง เขาพบกับความสูญเสียอย่างมาก
‘น่าสนใจ’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มชั่วร้าย ร่างมังกรดาบบรรพกาลบินขึ้นขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างคล่องแคล่ว
การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆกลายเป็นมืดมน
ในกำแพงภูมิภาค ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาเป็นไปได้อย่างยากลำบากเพราะพวกเขาถูกกดดันโดยพลังงานที่ไร้รูปแบบ
แต่ฟางหยวนกลับสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ฟางหยยวนบินขึ้นไปด้านบนและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทันที เขามองลงมาและส่งลมหายใจมังกรพุ่งลงบนศีรษะของผู้อมตะทั้งห้าราวกับสายฝน
“ป้องกัน อย่าแยกกลุ่ม เราไม่สามารถต่อต้านเขาเพียงลำพัง!” อิงอู๋เซี่ยตะโกนเตือนทุกคน
เมื่อเห็นลมหายใจมังกรใกล้เข้ามา อิงอู๋เซี่ยเปิดปากคำราม
ท่าไม้ตายอมตะเสียงคำรามของภูตผี!
พลังอำนาจของท่าไม้ตายนี้พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าแต่มันไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อมตะที่อยู่รอบๆ นี่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมที่โดดเด่นของอิงอู๋เซี่ย
ลมหายใจมังกรของฟางหยวนถูกผลักดันก่อนจะฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
‘ตั้งแต่ข้าวางแผนต่อสู้กับนิกายเงา ข้าจะไม่เตรียมความพร้อมสำหรับการโจมตีทางจิตวิญญาณได้อย่างไร?’ ฟางหยวนเย้ยหยันอยู่ภายใน
เขาเตรียมใจมาแล้ว
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีวิธีป้องกันการโจมตีทางจิตวิญญาณ แต่รากฐานจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งมาก เขาสามารถอดทนต่อเสียงคำรามของภูตผีได้อย่างสมบูรณ์ มันไม่สำคัญแม้จิตวิญญาณของเขาจะได้รับบาดเจ็บ เพราะเขามีวิญญาณความเด็ดเดี่ยว!
“บัดซบ!” อิงอู๋เซี่ยสาปแช่งขณะป้องกันตัวจากลมหายใจมังกร
เขารู้ว่าฟางหยวนมีวิญญาณความเด็ดเดี่ยว
ลมหายใจมังกรยังร่วงหล่นลงมาราวกับสายฝน ผู้อตะทั้งห้าถูกกำหราบอย่างสมบูรณ์
วิธีที่ดีที่สุดในการต่อต้านการโจมตีนี้คือการแยกย้ายและหลบเลี่ยง แต่หากพวกเขาทำเช่นนั้น ฟางหยวนจะมีโอกาสโจมตี
เป็นเพียงเวลานี้ที่ซื่อหนิวกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ
“ครืน…”
เสียงแผ่นดินสั่นสะเทือน มือยักษ์ที่เกิดจากดินและหินโผล่ขึ้นมาจากพื้น
มือยักษ์ปกป้องกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยจากลมหายใจมังกร
แม้มันจะส่งสัญญาณของการพังทลายแต่ไห่ลั่วหลันยังสามารถใช้โอกาสนี้ปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะของนาง
นางผลักฝ่ามือขึ้นสู่ท้องฟ้า
“บึม!”
เพลิงสีแดงทะลุผ่านมือยักษ์และพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอย่างรวดเร็ว หากฟางหยวนไม่ระวัง เขาจะถูกลอบโจมตีอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามเพลิงสายนี้กลับไม่ส่งผลกระทบต่อฟางหยวน เขาสามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย
“ไม่ได้ผล!” หัวใจของไห่ลั่วหลันจมดิ่งลง
ภาพอนาคตสามลมหายใจ!
ไห่ลั่วหลันไม่รู้ว่าฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบนี้
‘แปลก ไห่ลั่วหลันเป็นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งแต่นางสามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งไฟโดยไม่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่แตกต่างกัน ดูเหมือนนิกายเงาจะมีวิธีการบางอย่าง ท้ายที่สุดวิญญาณทารกอมตะก็ถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ’ ฟางหยวนค้นพบรายละเอียดบางอย่างจากการโจมตีของไห่ลั่วหลัน
ในไม่ช้ามือยักษ์ก็พังทลายลง ลมหายใจมังกรโปรยปรายลงมาอีกครั้ง
แต่ผู้อมตะทั้งห้าก็ไม่ร้อนรน พวกเขายังสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อป้องกันตนเอง
‘ลองท่าไม้ตายนี้ ให้ข้าดูว่าพวกเจ้าจะจัดการมันอย่างไร?’ ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอื่น
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา อัญเชิญอสูรปี!
“โฮก…”
เสียงคำรามของพยัคฆ์ดังขึ้นก่อนที่อสูรปีขาลจะกระโดดออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อช่วยต่อสู้
ฟางหยวนโยนวิญญาณปีจำนวนมากให้มันเพื่อยกขวัญกำลังใจของอสูรปีขาล
ซื่อหนิวรู้สึกขมขื่น เพียงลมหายใจมังกรก็ยากที่จะรับมืออยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังมีอสูรปีอีกตัว สถานการณ์เลวร้ายอย่างมาก
อสูรปีเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในกำแพงภูมิภาค
มันคล้ายกับอสูรเมฆาบรรพกาลที่เป็นสิ่งมีชีวิตจากสวรรค์สีขาวและไม่ได้รับผลกระทบจากกำแพงพลังงานของห้าภูมิภาค
สำหรับอสูรปี พวกมันอาศัยอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภูมิภาคเช่นกัน
“ฮืม!” อิงอู๋เซี่ยก่นเสียงเย็นก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่คล้ายคลึงกัน
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ อัญเชิญอสูรวิญญาณ!
เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นผู้สร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ดังนั้นนิกายเงาจึงมีความเชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณมากที่สุด ไห่ฟานสามารถอัญเชิญอสูรปี นิกายเงาก็สามารถอัญเชิญอสูรวิญญาณ
วิธีการของอิงอู๋เซี่ยถือว่าไม่ธรรมดาเพราะเขาสามารถอัญเชิญอสูรวิญญาณได้สามตัวพร้อมกัน
“อสูรวิญญาณของข้าไม่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภูมิภาคเช่นกันเพราะพวกมันมาจากประตูแห่งชีวิตและความตาย!”
แต่ความพึงพอใจของอิงอู๋เซี่ยอยู่ได้ไม่นานเมื่อฟางหยวนพุ่งมาข้างหน้า
มังกรดาบบรรพกาลบินไปรอบๆอย่างรวดเร็ว
มันใช้กรงเล็บมังกรทำลายศีรษะของอสูรวิญญาณโดยตรง
หางของมันตัดขาของอสูรวิญญาณอีกตัว
ขณะที่ลมหายใจมังกรทะลวงผ่านร่างกายของอสูรวิญญาณตัวที่สาม
มังกรดาบบรรพกาลมีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่น สิ่งสำคัญคือฟางหยวนยังมีท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ผนึกภูตผี!
สิ่งนี้ทำให้อสูรวิญญาณไม่สามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของเขา
ดังนั้นฟางหยวนจึงมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้กับอสูรวิญญาณ
อสูรวิญญาณเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองได้ก่อนที่ฟางหยวนจะโจมตีพวกมันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
โชคดีที่อสูรวิญญาณไม่มีจุดอ่อนที่ชัดเจน มิฉะนั้นพวกมันจะถูกทำลายโดยการโจมตีเดียวของฟางหยวน
แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็อ่อนแอลงมาก ร่างกายของพวกมันโปร่งใสมากขึ้นเรื่อยๆ
การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นไม่น่ามอง แต่เขาทำได้เพียงเฝ้าดูฟางหยวนทำลายอสูรวิญญาณทั้งสามเท่านั้น
อิงอู๋เซี่ยคิด ‘มันไม่สำคัญ แม้เจ้าจะกำจัดอสูรวิญญาณทั้งสามตัว แล้วอย่างไร? ข้าสามารถอัญเชิญพวกมันอีกครั้ง! มีอสูรวิญญาณมากมายอยู่หลังประตูแห่งชีวิตและความตาย!’
แต่ในจังหวะนี้ฟางหยวนกลับเลิกโจมตีอสูรวิญญาณและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ
ความเร็วของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน
เร็ว! เร็วมาก! เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ!
ไท่เป่ยหยุนเฉิงไม่สามารถตอบสนองได้แม้แต่น้อย
วงแหวนเมฆาของเขาถูกทำลายลงโดยกรงเล็บมังกรขณะที่ท้องของชายชราถูกเปิดออกและทำให้ลำไส้ของเขาทะลักออกมา
แต่…
‘เขายังไม่ตาย?’ ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ
ลมหายใจมังกรเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของมังกรดาบ แต่ในช่วงเวลานั้นฟางหยวนไม่สามารถเปิดปาก ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้เพียงกรงเล็บเท่านั้น
เขาเห็นชั้นน้ำแข็งช่วยปิดปากแผลของไท่เป่ยหยุนเฉิงอย่างรวดเร็ว
‘มันคือไป่หนิงปิง!’ ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้
ด้วยความเร็วของฟางหยวน ตอนนี้ร่างของเขาอยู่ห่างจากผู้อมตะทั้งห้าไปหลายลี้
ไป่หนิงปิงมองฟางหยวนด้วยดวงตาสีฟ้าอันเย็นเยียบ
“รวดเร็วนัก!” ไห่ลั่วหลันลากไท่เป่ยหยุนเฉิงไปด้านหลัง
จากนั้นนางก็ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของชายชราแต่กลับไร้ประโยชน์
อาการบาดเจ็บที่เกิดจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ายากที่จะรักษา
เนื่องจากมันมีความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าแต่ละชนิด
ทุกครั้งที่มังกรดาบบรรพกาลโจมตี มันจะทิ้งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบเอาไว้เป็นจำนวนมาก นี่เป็นเรื่องยากที่ร่างกายอันบอบบางของมนุษย์จะสามารถอดทน
“โอ้ หากข้ามีวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า มันจะไม่ลำบากเช่นนี้’ ไท่เป่ยหยุนเฉิงกล่าวก่อนหมดสติ
“เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือไท่เป่ยหยุนเฉิง!” การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นมืดครึ้ม
เขาสามารถมองทะลุความคิดของฟางหยวน
ฟางหยวนแสร้งต่อสู้กับอสูรวิญญาณ แต่ในความเป็นจริงไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นเป้าหมายหลักของเขาตั้งแต่แรก
ท้ายที่สุดแล้วไท่เป่ยหยุนเฉิงก็อ่อนแอที่สุดในกลุ่มผู้อมตะทั้งห้า
กำจัดศัตรูที่อ่อนแอที่สุดก่อนเสมอ!
“ตอนนี้ไท่เป่ยหยุนเฉิงหมดประโยชน์แล้ว!” การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยแย่ลงเรื่อยๆ พวกเขาจะจัดการฟางหยวนที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
“หือ?”
แต่ในจังหวะนี้ฟางหยวนกลับรู้สึกถึงความผิดปกติ
เขาค้นพบว่าเกล็ดมังกรของเขาถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆที่ไม่รู้ว่าก่อตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใด
‘สายตาของไป่หนิงปิงแปลกมาก!’ ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้อย่างรวดเร็ว
“หากเราต้องการโต้ตอบฟางหยวน เราต้องลดความเร็วของเขาเป็นอันดับแรก” ดวงตาของไป่หนิงปิงส่องประกายเย็นเยียบ นางเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1258 หนึ่งต่อห้า (1)
แปลโดย iPAT
แม้ไป่หนิงปิงพึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้ แต่นางมีข้อได้เปรียบผู้อมตะทั่วไป
ประการแรก นางมีหนึ่งในสิบสุดยอดกายา น้ำแข็งแห่งความมืด มันเหมาะสมสำหรับการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็ง นี่ทำให้นางเหนือกว่าผู้อมตะระดับหกทั่วไป
ประการที่สอง นางกลายเป็นเจ้าของถ้ำสวรรค์ไป่เซียง นางได้รับมรดกที่แท้จริงของไป่เซียงรวมถึงวิญญาณจำนวนมาก ท่ามกลางวิญญาณเหล่านี้ยังมีกระทั่งวิญญาณอมตะระดับเจ็ด!
อย่างไรก็ตามไม่มีวิญญาณอมตะระดับแปด
สถานะของไป่เซียงในประวัติศาสตร์ยังด้อยกว่าไห่ฟาน
จุดอ่อนของไป่หนิงปิงคือนางยังไม่คุ้นเคยกับวิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะ นางมักจะล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานพวกมันและได้รับบาดเจ็บจากผลกระทบย้อนกลับ
เพื่อทำความคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ ไป่หนิงปิงต้องใช้เวลาฝึกฝนอีกนาน
ด้วยเหตุนี้นางจึงอยู่ห่างไกลจากจุดที่สามารถใช้งานพวกมันได้อย่างอิสระ
แต่…
ในเวลานี้จุดอ่อนของไป่หนิงปิงกลับถูกปิดอย่างมีประสิทธิภาพ
เนื่องจากนางได้รรับการปกป้องจากคนอื่นๆ นั่นทำให้นางมีเวลาใช้ท่าไม้ตายอมตะโดยไม่รีบร้อน
ด้านฟางหยวน เขาไม่มีข้อมูลของไป่หนิงปิง เขาคิดว่าไป่หนิงปิงเหมือนไท่เป่ยหยุนเฉิงและไห่ลั่วหลันที่ได้รับผลประโยชน์จากนิกายเงา
ฟางหยวนไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับถ้ำสวรรค์ไป่เซียงเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงประเมินความแข็งแกร่งของไป่หนิงปิงต่ำเกินไป
หากเขารู้ความจริงทั้งหมด เขาจะไม่เลือกไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นเป้าหมายแรกแต่จะเลือกไป่หนิงปิง
แม้ฟางหยวนจะเป็นผู้กลับชาติมาเกิด แต่เขาไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
สายตาของไป่หนิงปิงทำให้ความสามารถในการเคลื่อนที่ของฝ่ายตรงข้ามล่าช้าลง นี่เป็นวิธีของไป่เซียง
หลังจากตระหนักถึงสิ่งผิดปกติ ฟางหยวนเร่งตอบโต้ทันที เขาปกปิดร่องรอยและบินกลับไป
เขาหายไปจากมุมมองสายตาของไป่หนิงปิง
นางกัดฟันแน่น จิ้งจอกเฒ่าฟางหยวนสามารถมองทะลุขีดจำกัดความสามารถของนางได้อย่างรวดเร็ว
“แม้เขาจะมีไพ่ตาย แต่เขาจะไม่เสี่ยง โชคไม่ดีที่พวกเราวางแผนต่อต้านกลยุทธ์ที่เฉพาะเจาะจงของเขาเท่านั้น” ไป่หนิงปิงรู้สึกเสียใจ
ท่าไม้ตายอมตะที่ฟางหยวนใช้ทำลายค่ายกลวิญญาณในทะเลตะวันออกทรงพลังมาก มันทำให้กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยรู้สึกหวาดกลัว
ระหว่างทางพวกเขาจึงได้หารือและคิดมาตรการป้องกันท่าไม้ตายนี้ของฟางหยวน
อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับไม่ใช้มันและทำให้การเตรียมการของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นไร้ประโยชน์
“น่าเสียดายที่ข้าพึ่งได้รับมรดกที่แท้จริงของไป่เซียง ท่าไม้ตายนี้มีขีดกำจัด แต่ท่าไม้ตายอื่นสามารถใช้งานร่วมกันเพื่อชดเชยขีดจำกัดนี้”
ไป่หนิงปิงไม่คุ้นเคยกับท่าไม้ตายเหล่านี้ เมื่อนางพยายามใช้ท่าไม้ตายหลายท่าพร้อมกัน นางจะล้มเหลวทุกครั้ง
ไป่หนิงปิงไม่ใช่ฟางหยวนที่สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ความสำเร็จในด้านนี้ของไป่หนิงปิงยังต่ำมาก
ฟางหยวนถอยกลับและซ่อนตัว
ภายใต้สถานการณ์นี้ไป่หนิงปิงไม่สามารถเสี่ยง
หากนางล้มเหลว ฟางหยวนจะฉวยโอกาสโจมตีอย่างรุนแรง
ไป่หนิงปิงเข้าใจฟางหยวนเป็นอย่างดี เขาจะไม่ทิ้งโอกาสดังกล่าว กระทั่งไป่หนิงปิงก็ยังต้องชื่นชมความสามารถในการคว้าโอกาสของฟางหยวน
‘เกล็ดของฟางหยวนถูกแช่แข็ง แต่เมื่อมันฟื้นตัวขึ้น ด้วยความเร็วของเขา มันเป็นเรื่องยากที่ข้าจะมองตามเขาได้ทัน!’ ไป่หนิงปิงคิด
การระเบิดความเร็วของมังกรดาบบรรพกาลรวมกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ กระทั่งผู้อมตะระดับเจ็ดเย่หลิวชุนซิงก็ยังตกตายอยู่ในกำมือของเขา
ไป่หนิงปิงรู้ว่าก่อนหน้านี้นางสามารถแช่แข็งเพราะฟางหยวนไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับสิ่งนี้
ตอนนี้ฟางหยวนย่อมต้องระวังตัวมากขึ้น มันเป็นเรื่องยากที่จะโจมตีฟางหยวนด้วยกระบวนท่าเดิมๆ
‘ดูเหมือนข้าต้องเปลี่ยนกลยุทธ์’ ไป่หนิงปิงตัดสินใจทันที
หากนางไม่เปลี่ยนกลยุทธ์ คนที่ตายอาจเป็นนาง!
สถานการณ์เต็มไปด้วยอันตราย ไป่หนิงปิงต้องล่าถอยไปด้านหลังซือหนิวและกล่าวกับอิงอู๋เซี่ย “ปกป้องข้า ข้าจะใช้ท่าไม้ตายนั่น!”
ไป่หนิงปิงและอิงอู๋เซี่ยมีไพ่ตายของพวกเขา
ดังนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงเข้าใจโดยที่ไป่หนิงปิงไม่ต้องอธิบายให้มากความ
เขาพยักหน้า “ตกลง ใช้ท่านั้น ให้เราดูแลความปลอดภัยของเจ้า!”
เขาออกคำสั่งกับซื่อหนิว “แม้ต้องสละชีวิต เจ้าก็ต้องปกป้องไป่หนิงปิง!”
ซื่อหนิวผู้ภักดีพยักหน้าโดยปราศจากความลังเล
“ใจเย็น เขาถูกสายตาของข้าแช่แข็ง จากข้อบกพร่องของร่างทารกอมตะที่เจ้าอธิบาย หากเขาไม่มีวิธีการที่เฉพาะเจาะจงในการตอบโต้ เขาต้องใช้เวลาหลายสิบลมหายใจในการฟื้นฟูร่างกาย” ไป่หนิงปิงกล่าวด้วยความมั่นใจ
อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี”
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการท่าไม้ตายอมตะของศัตรู มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ฟางหยวนจะมีวิธีการตอบโต้ท่าไม้ตายที่พึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
แต่ในเวลานี้แสงสีขาวกลับพุ่งผ่านดวงตาของผู้อมตะทั้งห้า
“ระวัง!”
“มันคือลมหายใจมังกร!”
“ปกป้องไป่หนิงปิงและไท่เป่ยหยุนเฉิง!”
ลมหายใจมังกรราวกับสายฝนที่โปรยปรายลงมา
ไป่หนิงปิงใช้สมาธิทั้งหมดในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะของนางขณะที่ไท่เป่ยหยุนเฉิงยังหมดสติจากอาการบาดเจ็บ
ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือผู้อมตะที่สามารถต่อสู้เพียงสามคน พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นทันที
ฟางหยวนส่งลมหายใจมังกรมาจากระยะไกล
ร่างมังกรดาบบรรพกาลยังถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ
ท่าไม้ตายของไป่หนิงปิงค่อนข้างมีประสิทธิภาพขณะที่ร่างทารกอมตะของฟางหยวนมีจุดอ่อนที่ชัดเจน
โชคดีที่มังกรดาบบรรพกาลมีร่างกายที่แข็งแกร่ง มันไม่เหมือนร่างกายของมนุษย์ที่อาจถูกแช่แข็งจนตาย
ฟางหยวนใช้ลมหายใจมังกรกำหราบกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยและตรวจสอบการเคลื่อนไหวของพวกเขา
ในที่สุดเขาก็ค้นพบบางสิ่ง ไป่หนิงปิงได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ หากฟางหยวนไม่ใช้พลังทั้งหมด เขาจะไม่สามารถเข้าถึงตัวไป่หนิงปิง
“ต้องการใช้ท่าไม้ตายงั้นหรือ? ฮืม!” ฟางหยวนคิด เมื่อนางได้รับการปกป้องจากคนอื่นๆ แน่นอนตอนนี้นางกำลังจัดเตรียมท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลัง
ดังนั้นหลังจากฟางหยวนฟื้นตัวขึ้น เขาก็ระเบิดความเร็วพุ่งเข้าโจมตีทันที
เร็วมาก!
อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆไม่มีเวลาแม้แต่จะตะโกนเตือนเมื่อฟางหยวนบุกเข้ามา
ไป่หนิงปิงเกือบล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะ
ไห่ลั่วหลันได้รับบาดเจ็บสาหัส
แขนซ้ายของนางหายไปอย่างสมบูรณ์ กระทั่งลำตัวด้านซ้ายของนางยังได้รับบาดเจ็บร้ายแรง
เลือดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุและกลายเป็นบ่อเลือดอยู่บนพื้น
บาดแผลถูกปกคลุมไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า นั่นทำให้เลือดไหลไม่หยุด
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ไห่ลั่วหลันจะเป็นคนแรกที่ตาย
ภายใต้สถานการณ์นี้ไห่ลั่วหลับเลือกที่จะเปลี่ยนร่างเป็นผีดิบอมตะ
ผีดิบอมตะสามารถอดทนต่ออาการบาดเจ็บระดับนี้ เลือดสีแดงกลายเป็นสีเขียวขณะที่ความเร็วในการไหลของเลือดลดลงอย่างมาก
ไห่ลั่วหลันคุกเข่าลงข้างหนึ่งและหอบหายใจอย่างหนักหน่วงแต่ริมฝีปากของนางยังยกตัวขึ้น “ฮี่ฮี่ฮี่…”
นางหัวเราะ!
ในทางกลับกันฟางหยวนรู้สึกแปลกๆ ‘หือ ข้าถูกโจมตีงั้นหรือ? ไม่เลว ไห่ลั่วหลัน!’
กรงเล็บมังกรที่เขาใช้ฉีกร่างของไห่ลั่วหลันยังมีเศษเลือดเนื้อของนางติดอยู่
เศษเลือดเนื้อเหล่านั้นค่อยๆลุกไหม้ขึ้นเป็นเพลิงสีเลือด
ท่าไม้ตายอมตะเพลิงเลือดเนื้อ!
ไฟชนิดนี้ใช้เลือดและเนื้อเป็นเชื้อเพลิง มันจะไม่ดับหากไม่มีวิธีการตอบโต้ที่เหมาะสม
นอกจากนั้นยิ่งร่างกายของเป้าหมายแข็งแกร่งเท่าใด ไฟก็จะยิ่งรุนแรงเท่านั้น
ร่างมังกรดาบบรรพกาลของฟางหยวนเป็นเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับเพลิงเลือดเนื้อ
อย่างไรก็ตามฟางหยวนตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
เขาเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์และกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะสายรักษาบนเส้นทางแห่งกาลเวลา
บุรุษคนก่อนหน้า!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1259 หนึ่งต่อห้า (2)
แปลโดย iPAT
ลูกพลัมแดงอมตะยี่สิบผลถูกใช้ไปในครั้งเดียว
วินาทีต่อมาไฟสีเลือดก็หายไปอย่างสมบูรณ์ ฟางหยวนกลับสู่สภาพเดิม
‘เห้อ…’
‘บุรุษคนก่อนหน้าใช้ได้รับร่างมนุษย์เท่านั้น เมื่อข้าเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่น ข้าไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าได้โดยตรง นี่ค่อนข้างลำบาก’
‘นอกจากนี้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้ายังมีข้อจำกัดในแง่ของช่วงเวลา โชคดีที่ข้ามีท่าไม้ตายออมตะสายตรวจสอบภาพอนาคตสามลมหายใจ!’
ฟางหยวนลอบถอนหายใจขณะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะอีกครั้ง
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและทาส หมื่นตัวตน!
ฟางหยวนหลายหมื่นคนปรากฏตัวขึ้นราวกับคลื่นน้ำที่พุ่งเข้าทำลายล้างกลุ่มของอิงอู๋เซี่ย
“เป็นไปได้อย่างไร? เขาฟื้นตัวเร็วมาก! เขากำจัดเพลิงเลือดเนื้อของข้าไปแล้วงั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันรู้สึกประหลาดใจมาก
การโต้ตอบของฟางหยวนรวดเร็วเกินไป นี่ทำให้หัวใจของไห่ลั่วหลันจมดิ่งลง
ไห่ลั่วหลันรู้ว่าฟางหยวนมีวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า
แต่วิญญาณอมตะดวงนี้มีข้อกำหนดที่ค่อนข้างเข้มงวด แม้ฟางหยวนจะต้องการใช้งานมัน แต่เขายังต้องค้นพบสถานการณ์ของตนเองก่อน หากเขาลังเลหรือช้าไปเพียงเล็กน้อย เขาจะไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไห่ลั่วหลันยังคิดว่าหากเป็นตัวนางเองที่ถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะเพลิงเลือดเนื้อ มันเป็นเรื่องยากที่นางจะสามารถกำจัดมันได้อย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนไม่เข้าใจวิธีการของไห่ลั่วหลันและไป่หนิงปิง ในทำนองเดียวกันไห่ลั่วหลันก็ไม่รู้ว่าฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะภาพอนาคตสามลมหายใจ
ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบนี้อนุญาตให้ฟางหยวนเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นล่วงหน้าสามลมหายใจ ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงมีเวลามากพอที่จะตอบสนอง
กล่าวโดยสรุป ไห่ลั่วหลันได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่การโจมตีของนางแทบไม่สามารถทำสิ่งใดต่อฟางหยวน
ลูกพลัมแดงอมตะจำนวนมากถูกใช้ไป แต่ฟางหยวนร่ำรวยมาก ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆเหล่านี้
ท่าไม้ตายอมตะเสียงคำรามของภูตผี!
อิงอู๋เซี่ยกรีดร้องและทำให้ภูตมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดขึ้นทันที
ท่าไม้ตายอมตะป่าหอก!
ซื่อหนิวกระทืบเท้าขวาและส่งหอกหินจำนวนมากพุ่งขึ้นจากพื้นและแทงทะลุภูตมนุษย์นับพันร่างของฟางหยวน
ท่าไม้ตายอมตะทั้งสองมีประสิทธิภาพสูงมาก พวกมันสามารถทำลายภูตมนุษย์เกือบทั้งหมดของเขา
ผู้อมตะระดับเจ็ดซื่อหนิวถือเป็นกำลังรบที่สำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยปราศจากการปกป้องจากเขา กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยจะไม่สามารถคงอยู่มาถึงปัจจุบัน
‘ต่อไปเป็นเจ้า!’ ฟางหยวนเปลี่ยนร่างเป็นมังกรดาบบรรพกาลอีกครั้งและลอบหัวเราะอยู่ภายใน
“โฮก…”
อย่างไรก็ตามเสียงคำรามของพยัคฆ์กลับดังขึ้นในจังหวะนี้ อสูรปีขาลที่ต่อสู้มาตลอดได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นมันล่าถอยกลับไปยังสายธารแห่งกาลเวลา
อสูรปีไม่มีความภักดีต่อผู้อัญเชิญ หากมันได้รับบาดเจ็บสาหัส มันจะล่าถอยทันที
แต่นี่ไม่สำคัญ
ท่าไม้ตายอมตะ อัญเชิญอสูรปี!
ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายนี้ซ้ำอีกครั้ง คราวนี้เป็นอสูรปีมะแม
แม้ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีจะเรียกอสูรปีออกมาได้ครั้งละตัว แต่ในสายธารแห่งกาลเวลามีอสูรปีอยู่มากมาย เขาสามารถอัญเชิญตัวต่อไปออกมาได้ตลอดเวลา
เมื่ออสูรปีในร่างแพะภูเขาปรากฏตัวขึ้น ซื่อหนิวคำรามเสียงดังและขยายร่างจนมีขนาดเท่ากับอสูรปีมะแมก่อนจะใช้ทักษะการต่อสู้คว่ำมันลงบนพื้น
“บึม!”
แพะภูเขาล้มลงบนพื้นและทำให้แผ่นดินเกิดการสั่นสะเทือน
อสูรปีมะแมลุกขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีซื่อหนิวด้วยความโกรธ
ซื่อหนิวหลบออกไปด้านข้าง ขณะเดียวกันเขาก็ใช้มือคว้าเขาแพะเอาไว้
สองยักษ์ต่อสู้กันพัลวันและทำให้สถานการณ์กลายเป็นชะงักงัน
ในช่วงท้ายฟางหยวนใช้ลมหายใจมังกรน้อยลง เขาเริ่มรู้สึกเจ็บคอราวกับคอของเขากำลังจะพ่นควันออกมา
ลมหายใจมังกรเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของมังกรดาบบรรพกาล แต่กระทั่งมังกรดาบบรรพกาลที่แท้จริงก็ยังไม่สามารถใช้ลมหายใจมังกรติดต่อกันได้มากกว่ายี่สิบหรือสามสิบครั้ง
แต่ฟางหยวนใช้ลมหายใจมังกรไปแล้วมากกว่าร้อยครั้ง! ตอนนี้ร่างกายของเขากำลังจะถึงขีดจำกัด
หากเขายังปล่อยลมหายใจมังกรต่อไป เขาอาจได้รับบาดเจ็บ
การต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดที่อสูรปีขาลหลบหนีขณะที่ฟางหยวนเริ่มเหนื่อยล้า
แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและมีลูกพลัมแดงอมตะ แต่ศัตรูของเขาก็ไม่ใช่ตัวละครที่ไร้นัยสำคัญเช่นกัน
ไห่ลั่วหลันเป็นคนที่น่าเกรงขามด้วยสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง นอกจากนั้นนางยังได้รับมรดกที่แท้จริงของนางมารผลาญสวรรค์พร้อมกับวิญญาณอมตะของหญิงชรา
ไป่หนิงปิงมีสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืด นางเปลี่ยนเป็นมนุษย์มังกรและยังได้รับมรดกที่แท้จริงของไป่เซียง
ไม่จำเป็นต้องกล่าวให้มากความเกี่ยวกับอิงอู๋เซี่ย เขาเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณและเป็นความหวังสุดท้ายของนิกายเงา แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ง่าย
ซื่อหนิวเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีขณะที่เขาบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางสายนี้เช่นกัน กล่าวได้ว่าพวกมันเติมเต็มซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี
คนที่ไร้ประโยชน์มากที่สุดคือไท่เป่ยหยุนเฉิง แต่ถึงกระนั้นชายชราผู้นี้ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเมฆา ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันของเขาจึงถือว่าค่อนข้างโดดเด่น
แม้สมาชิกส่วนใหญ่ในกลุ่มพวกเขาจะเป็นผู้อมตะระดับหกแต่ทุกคนล้วนเป็นตัวตนระดับสูงที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับเจ็ด
ด้วยการผสานงานกันของสมาชิกนิกายเงา กระทั่งเย่หลิวชุนซิงก็ยังยากที่จะรับมือ
การต่อสู้ระหว่างผู้อมตะไม่สามารถเร่งรีบ
เนื่องจากมีผู้อมตะที่หลากหลาย มีท่าไม้ตายอมตะที่แตกต่างและไม่สามารถคาดเดาอยู่มากมาย บางท่าลึกลับ บางท่าทรงพลัง บางท่าน่ากลัวและแปลกประหลาด
ฟางหยวนต่อสู้กับศัตรูห้าคนเพียงลำพังและยังเป็นฝ่ายได้เปรียบขณะที่ฝ่ายหลังไม่สามารถพลิกสถานการณ์ นี่ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว
‘บัดซบ! เขายังไม่ได้ใช้ท่านั้นจนถึงตอนนี้!’ อิงอู๋เซี่ยคิดขณะเช็ดเลือดสีเขียวที่ไหลออกมาจากจมูก
แต่เลือดยังไหลออกมาอีกครั้ง
‘บัดซบ!’
‘ข้าใช้ท่าไม้ตายซ้ำแล้วซ้ำอีก ตอนนี้ร่างผีดิบอมตะของข้ามาถึงขีดจำกัดแล้ว!’
‘กระทั่งข้ายังอยู่ในสภาพนี้ คนอื่นๆจะยิ่งเลวร้ายกว่าข้า!’
อิงอู๋เซี่ยกวาดตามองพันธมิตรของเขาและพบว่าทุกคนอยู่ในสภาพน่าอนาถยิ่งกว่าเขา
ฟางหยวนไม่ถูกกดดันโดยกำแพงภูมิภาค แต่กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยไม่ พวกเขาไม่เพียงต้องต่อต้านแรงกดดันจากกำแพงภูมิภาคแต่พวกเขายังต้องต่อสู้กับฟางหยวนในเวลาเดียวกัน ด้วยการใช้ท่าไม้ตายอมตะมากมาย ตอนนี้มิติช่องว่างของเขาได้รับความเสียหายอย่างมาก
‘กลุ่มของข้ามีทรัพยากรที่เหลืออยู่ของนิกายเงา เป็นเรื่องปกติที่ความแข็งแกร่งของพวกเราจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว’
‘แต่พลังการต่อสู้ของฟางหยวนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน!’
ยิ่งอิงอู๋เซี่ยคิดมากเท่าใด เขาก็ยิ่งวิตกมากเท่านั้น ความเข้าใจที่มากขึ้นทำให้ความหวาดกลัวในใจของเขามากขึ้นไปด้วย
ถูกต้อง เขากลัว
อิงอู๋เซี่ยรู้สึกหวาดกลัว
เขาต้องยอมรับว่าฟางหยวนแข็งแกร่งและนั่นทำให้เขากลัวการเติบโตของฟางหยวน
“ไป่เซียง ไป!”
เป็นเพียงเวลานี้ที่ไป่หนิงปิงกรีดร้องและปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะของนางออกมา
อิงอู๋เซี่ยเต็มไปด้วยความคาดหวังเมื่อมองไปที่ไป่หนิงปิง “ในที่สุดเจ้าก็ประสบความสำเร็จ!”
รูปลักษณ์ของไป่หนิงปิงเปลี่ยนแปลงไป
ในเสี้ยวพริบตานางกลายเป็นยักษ์สูงห้าเมตร
นางมีสามหัว หกแขน เท้าเปล่า ร่างกายของนางปกคลุมไปด้วยเกราะน้ำแข็ง ขณะนี้นางกำลังยืนอยู่บนก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นไป่เซียง!
“ฟางหยวน มาสู้กับข้า!” ไป่หนิงปิงตะโกนและเริ่มโจมตีทันที
“บัญชีเก่าและใหม่ของเราจะถูกชำระในวันนี้!” ดวงตามังกรของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะที่เขาพุ่งเข้าปะทะ
ด้วยพลังและความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว ทั้งสองต่างกระเด็นกลับหลัง
‘บาดเจ็บเล็กน้อย’ ฟางหยวนเห็นรอยกรีดเฉือนบางๆบนร่างกายของตน ปรากฏรอยดาบบนเกล็ดมังกรและยังมีเลือดไหลซึมออกมา
ในทางตรงข้ามไป่หนิงปิงได้รับความเสียหายมากกว่า
หน้าอกของนางกลายเป็นรู แขนสามข้างของนางถูกทำลาย และร่างกายเกือบครึ่งหนึ่งของนางสูญหายไป
แต่นางไม่มีเลือด มวลอากาศเย็นควบรวมและกู้คืนร่างกายของนางในเสี้ยวพริบตา
“สมกับเป็นท่าไม้ตายอมตะของไป่เซียง แม้ร่างกายจะถูกทำลาย แต่หากยังหลงเหลือบางส่วน มันก็สามารถฟื้นคืนกลับมาได้ในพริบตา เพราะหลังจากเปลี่ยนร่างเป็นไป่เซียง นางจะกลายเป็นรูปแบบชีวิตที่แตกต่างออกไป!” อิงอู๋เซี่ยรู้สึกตื่นเต้นมาก
ไป่หนิงปิงรู้สึกไม่ต่างจากอิงอู๋เซี่ย
แม้นางจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน แต่ด้วยร่างไป่เซียง นางสามารถกู้คืนร่างกายได้ทุกครั้ง
เมื่อการต่อสู้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งฟางหยวนยังรู้สึกหมดแรง เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดและเนื้อขณะที่ไป่หนิงปิงราวกับการคงอยู่ที่ไร้ชีวิต
ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจยอมแพ้และหันไปโจมตีคนอื่นๆ
“ถึงเวลาแล้ว!” อิงอู๋เซี่ยตะโกนและปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากร่างกาย
เขามองฟางหยวนและกล่าว…
นำวิญญาณสู่ความฝัน!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น