พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1253-1256
บทที่ 1253 ม้ามืดปรากฎตัว
โดย
Ink Stone_Fantasy
บอกไม่ถูกว่าทั้งห้าคนทำสายตาอย่างไร มองเซี่ยโห้วหลงเฉิงเงียบๆ แวบหนึ่ง ฝานอวี้เฟยถอนหายใจแล้วตอบว่า “พวกเราห้าคนได้อันดับที่หนึ่งพันหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดเหมือนกัน”
“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?” เหมียวอี้พึมพำอย่างแปลกใจ พอหันกลับมามองเซี่ยโห้วหลงเฉิง ก็พบว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงเอามือไขว้หลังเดินเนิบนาบจากไปไกลแล้ว
เจี่ยงจ้งเซินเข้ามาใกล้แล้วถามเสียงต่ำว่า “พี่หนิว ท่านบอกความจริงพวกเรามาเถอะ ผลงานที่ท่านให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงมีจุดสำรวจที่ทำเครื่องหมายไว้กี่จุด?”
“สามจุด อย่าบอกนะว่าของพวกเจ้าไม่ใช่?” เหมียวอี้ถาม
“ว่าแล้วเชียว! พวกเราเดาไว้แล้วว่ามีคนเล่นไม่ซื่อ” หลู่ต๋าไคแสยะยิ้ม “ท่านนั้นให้พวกเราแค่สองจุด ขนาดเรื่องนี้ยังแอบอมไว้คนเดียวได้ ต่ำทรามจริงๆ เสียแรงที่ร้อยปีมานี้พวกเราคอยปรนนิบัติรับใช้เขา ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้บัญชาการใหญ่เซี่ยโห้วถึงมีพี่ชายแบบนี้ได้ การวางตัวของสองพี่น้องแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!”
ผู้บัญชาการใหญ่เซี่ยโห้วที่เขาก็หมายถึงเซี่ยโห้วหู่เฉิง เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูล พวกเขาล้วนเป็นคนที่เซี่ยโห้วหู่เฉิงจัดหามาให้พี่ชาย ครั้งนี้นับว่าได้กลืนแมลงวันตัวใหญ่ลงท้องแล้วจริงๆ สะอิดสะเอียนแทบแย่
เหมียวอี้อึ้งนิดหน่อย ก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกแปลกอยู่บ้างเหมือนกัน เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะทำเรื่องแบบนี้ได้ ถ้าทุกคนได้อันดับเก้าเหมือนกันหมด ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเซี่ยโห้วหลงเฉิงเสียหน่อย แต่จะว่าไปแล้ว การกระทำนี้ก็ช่างสอดคล้องกับนิสัยขี้งกของเซี่ยโห้วหลงเฉิงจริงๆ เหมียวอี้รับรู้ด้านนี้มาตั้งนานแล้ว เพียงแต่สงสัยว่าขนาดของแบบนี้ยังอมไว้คนเดียวอีกเหรอ?
“ช่างเถอะ ถึงยังไงอันดับหนึ่งพันหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดก็ยังได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์อยู่ดี คะแนนจะสูงขึ้นหรือต่ำลงนิดหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร” เหมียวอี้แปลกใจ
ฝานอวี้เฟยบอกว่า “พี่หนิวใจกว้างสบายๆ เกรงว่าคงจะไม่รู้อะไรบางอย่าง มองดูมองตามอันดับไปตลอดทาง คนที่อันดับเท่ากันมีเยอะเกินไป อันดับหนึ่งพันหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดของพวกเราที่จริงแล้วอยู่เกือบถึงอันดับเจ็ดพัน เหลืออีกหนึ่งพันก็จะหลุดตำแหน่งแล้ว ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์มีทั้งหมดแค่แดพันกว่าตำแหน่ง คนที่จะเอาตำแหน่งนั้นจะต้องอยู่ในแปดพันอันดับแรกแน่นอน คงไม่มีตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ว่างเพิ่มหรอกมั้ง? พี่หนิวลองคิดดูสิว่าอันตรายขนาดไหน ถ้าใครบางคนใจดำกว่านี้สักหน่อย ตัดของเราไปอีกจุดหนึ่ง พวกเราจะต้องโดนเตะออกมาแน่นอน นึกแล้วยังกลัวอยู่เลย เวรตะไลเอ๊ย!”
สามารถด่าออกมาต่อหน้าคนนอกได้ จะเห็นได้ว่าพวกเขาแค้นเซี่ยโห้วหลงเฉิงขนาดไหน เป็นเพราะไม่ว่าใครเจอถ้ากับนิสัยอย่างเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ต้องรังเกียจ
เหมียวอี้เข้าใจแล้ว เข้าใจความรู้สึกของคนพวกนี้แล้ว การกระทำของเซี่ยโห้วหลงเฉิงเกือบจะทำให้พวกเขาตกอันดับแล้ว จึงปลอบใจว่า “ช่างเถอะ เขาก็เป็นแบบนั้นแหละ ขอแค่ยังติดอันดับ ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์แปดพันตำแหน่ง ได้ครอบครองสักหนึ่งที่นั่งก็ดีแล้ว ส่วนความสูงต่ำของอันดับ ที่จริงก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากเลย”
แบบนั้นก็ใช่ วรยุทธ์ของทั้งห้าถึงระดับบงกชทองขั้นแปดขั้นเก้าแล้ว พอนึกว่าเดี๋ยวกลับไปตัวเองจะได้นั่งบัลลังก์ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ สามารถร่นเวลาในการบรรลุระดับบงกชรุ้งให้เร็วขึ้น พวกเขาก็เริ่มดีใจแล้ว หลัวชิ่งจื่อกุมหมัดขอบคุณ “ครั้งนี้โชคดีมากจริงๆ ที่ได้พี่หนิวช่วย ของขวัญล้ำค่าเกินไปจนพวกเราไม่รู้จะขอบคุณยังไง ในภายหลังถ้ามีอะไรให้ช่วย พี่หนิวก็เอ่ยปากมาได้เลย”
อีกสี่คนได้ยินแล้วพยักหน้ายิ้มเช่นกัน
“ก็ได้!” เหมียวอี้ตอบกลั้วหัวเราะ คำพูดไพเราะที่พูดออกมาปากเปล่าโดยไม่มีอะไรเสียหายใครๆ ก็พูดได้ เขาเองก็ไม่ได้หวังอะไรมากว่าในภายหลังทุกคนจะช่วยเหลือเขาหรือไม่ หลังจากเกิดเรื่องที่โดนห้าปราชญ์พักหลัง สภาพจิตใจของเขาก็สุขุมเยือกเย็นขึ้นเยอะ นี่เป็นเรื่องที่ถือโอกาสทำไปอย่างนั้น ไม่เคยหวังอะไรตอบแทน
รอจนกระทั่งเซี่ยโห้วหลงเฉิงกลับมาอีกครั้ง ทุกคนต่างก็ทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแล้ว
หลังจากนั้นสองวัน คนที่เบียดกันอยู่หน้าอักษรศิลาส่วนใหญ่ก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว ผลการทดสอบออกมาแล้ว มีทั้งคนที่ดีใจและคนที่ทอดถอนใจ
คนที่ยอมถอยและไม่ได้ผลงานอะไรกลับมา เมื่อเห็นคนอื่นสู้จนประสบความสำเร็จ กำลังจะกลายเป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ กอดเกียรติยศความร่ำรวยไปเปลี่ยนแปลงชะตาทั้งชีวิต ก็ไม่ต้องพูดถึงเลยว่านึกเสียใจทีหลังขนาดไหน ในเมื่อมาแล้วทำไมถึงไม่สู้สุดชีวิตดูสักครั้ง?
มีบางคนที่สู้สุดชีวิตแล้วแต่ไม่ได้คะแนนดีๆ คนพวกนั้นปวดใจยิ่งกว่า เหลืออีกแค่นิดเดียวเท่านั้น! ถ้ามีความกล้ากว่านี้อีกสักนิดก็คงดี!
สรุปว่าคนหลายแสนอยู่ในแอ่งกระทะนั้น บางคนก็นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา บางคนก็จับกลุ่มพูดคุยกัน ผูกมิตรกันอย่างสดชื่นกระปรี้กระเปร่า คุยกันประมาณว่าต่อไปก็จะได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์เหมือนกันแล้ว ถ้ามีโอกาสก็ไปมาหาสู่กันสักหน่อย บางคนก็สีหน้าท้อแท้สิ้นหวัง บางคนก็จิตใจเร่าร้อนฮึกเหิม
การทดสอบผ่านไปหนึ่งครั้ง ได้เห็นนิสัยและใจคน ทำให้สารพัดรูปแบบของชีวิตคนปรากฏออกมา
ส่วนเหมียวอี้ คนที่รู้จักเขามีเยอะกว่าคนที่รู้จักเซี่ยโห้วหลงเฉิงเสียอีก เพราะอย่างไรเสียตอนแรกเหมียวอี้ก็สู้กับทัพใหญ่หนึ่งล้านด้วยตัวคนเดียวต่อหน้าฝูงชน เกิดภาพลักษณ์อีกแบบในสายตาของทุกคนแล้ว ทุกคนเคยเป็นศัตรูกับเขามาก่อน บวกกับที่เหมียวอี้เคยล่วงเกินคนไว้เยอะเกินไป จึงไม่มีใครเข้ามาผูกมิตรกับเขา เมื่อเห็นเขาเดินผ่านบางคนก็ถึงกับรู้สึกหวาดกลัว
ฉวยโอกาสตอนที่หน้าอักษรศิลามีคนน้อย เหมียวอี้นำพวกเซี่ยโห้วหลงเฉิงเดินไปตรวจดูตรงหน้าอักษรศิลาแล้ว พบว่าเป็นอย่างที่ฝานอวี้เฟยบอกจริงๆ คนที่ได้อันดับเดียวกันมีเยอะมาก
การทดสอบประเภทนี้ไม่มีคำตอบที่ตายตัว ตามหลักการแล้ว การตัดสินคะแนนจนได้อันดับเดียวกันควรจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นยากมาก ตอนนี้กลับมีคนมากมายได้อันดับเดียวกัน ความเป็นไปได้เดียวก็คนที่ได้อันดับเดียวกันน่าจะส่งผลงานขึ้นไปแบบเหมือนกันทุกอย่าง
เหมียวอี้เห็นแล้วยังนึกกลัวทีหลัง แค่พวกฝานอวี้เฟยขาดจุดสำรวจไปจุดเดียวก็ทำให้อันดับกระโดดไปเกือบเจ็ดพันกว่าแล้ว โชคดีที่ทางจินม่านเตรียมการไว้เพื่อให้เกิดความให้มั่นใจและเชื่อถือได้ ไม่อย่างนั้นตนอาจจะโดนเบียดไปอยู่อันดับที่มากกว่าแปดพันเพราะมีคะแนนเท่ากับคนอื่นก็ได้
ทำไมถึงมีคนอันดับซ้ำกันมากขนาดนี้ สาเหตุก็เดาได้ไม่ยากเลย มีคนโกงการทดสอบ!
เหมียวอี้แปลกใจแล้ว ในเมื่อเกาก้วนประหารลูกหลานผู้มีอำนาจไปมากมายขนาดนั้น แต่เรื่องที่ชัดเจนขนาดนี้กลับไม่ตรวจสอบงั้นเหรอ?
แต่ส่วนใหญ่อันดับซ้ำกันจะอยู่หลังจากอันดับหลักสิบ อันดับแรกๆ มีคนได้ซ้ำไม่เยอะ เหมียวอี้หันกลับมาถามว่า “พี่เซี่ยโห้ว พวกที่อยู่อันดับต้นๆ พวกนี้เป็นใครบ้าง?”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงกวาดตามองบนอักษรศิลาสองสามครั้ง แล้วชี้ไปที่รายชื่อพวกนั้น “จ้านหรูอี้ เจ้าเองก็รู้จัก คนนี้ คนนี้ แล้วก็คนนี้ ชื่อค่อนข้างคุ้นนะ ส่วนคนอื่นข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน คาดว่าคงไม่มีที่มาที่ไปอะไรละมั้ง”
“อ๋อ!” เหมียวอี้แปลกใจ ชื่อที่แม้แต่เซี่ยโห้วหลงเฉิงยังไม่มีติดอยู่ในความทรงจำสักนิด เช่นนั้นคนที่ได้อันดับต้นๆ ส่วนใหญ่ก็อาจจะไม่มีภูมิหลังอะไรจริงๆ
หรือพูดได้อีกอย่างว่า คนที่เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ มีจำนวนไม่น้อยที่กล้าเสี่ยงสู้สุดชีวิต ตอนแรกที่ตนโจมตีฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้าน ก็ไม่เห็นว่าจะมีคนที่กล้าหาญแบบนี้เลย แต่ก็เข้าใจได้ไม่ยาก อีกฝ่ายไม่มีเหตุผลอะไรให้ทุ่มชีวิตทำงานเพื่อลูกหลานผู้มีอำนาจพวกนั้น ไม่จำเป็นต้องมาสู้ตายกับตน อีกฝ่ายมาเพราะจะสู้เพื่ออนาคต ไม่ได้มาสู้ตายกับเขา ถ้าตายแล้วก็จะไม่คุ้มค่า
พอคิดจนเข้าใจเรื่องนี้แล้ว เหมียวอี้ก็รู้สึกปลงนิดหน่อย ขนาดจินม่านเตรียมผลงานให้เขาก็ยังได้แค่ที่เก้าเลย จะเห็นได้ว่าการปล่อยกำลังพลแสนกว่าของตำหนักสวรรค์เข้ามาในนรกก็มีประสิทธิภาพเหมือนกัน กำลังพลของหกลัทธิก็เฝ้าจับตาดูทุกคนไม่ไหวเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่ายังให้โอกาสคนที่สู้ไม่คิดชีวิตได้ผลประโยชน์อยู่บ้าง
ตุ้ง! ตุ้ง! ตุ้ง!
หลังจากนั้นสามวัน เสียงกลองสะท้านฟ้าดังขึ้นสามครั้ง ทำให้เสียงจ้อกแจ้กจอแจในแอ่งกระทะเงียบลง ดึงดูดให้ทุกคนมองขึ้นไปบนหน้าผา
เกาก้วนกับเถิงเฟยยืนเคียงข้างกันอยู่บนบันไดและกำลังมองลงมาด้านล่าง
จุยหย่วนยืนอยู่ริมหน้าผา กวาดสายตามองกลุ่มคนรอบหนึ่ง แล้วกล่าวเสียงดังว่า “รายงานคะแนนทดสอบต่อตำหนักสวรรค์ ราชันสวรรค์ถ่ายทอดคำสั่งลงมา มอบรางวัลตามผลงาน!”
มอบรางวัลตามผลงาน? เมื่อกล่าวมาแบบนี้ ก็มีคนไม่น้อยที่คะแนนดีทำสายตาเฝ้าคอย ตื่นเต้นและประหม่าทันที
“หวังติ้งเฉา! รับรางวัลหน้าตำหนัก!”
เสียงของจุยหย่วนดังก้องอยู่ระหว่างฟ้าดิน ทุกคนที่อยู่ข้างล่างหันหน้ามองหาไปทั่วทันที เป็นเพราะคนคนนี้สงบเสงี่ยมเหมือนกับชื่อของตัวเองจริงๆ ตอนนี้มีคนมากมายยังไม่เคยเห็ฯ เหมียวอี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ผ่านไปไม่นาน สายตาของทุกคนก็ไปรวมอยู่ที่มุมตรงริมสุดของแอ่งกระทะ เงาคนคนหนึ่งเหาะขึ้นมาแล้ว
เป็นชายหนุ่มวัยกลางคนผมขาวที่มีวรยุทธ์บงกชทองขั้นแปด ผมยาวยุ่งเหยิงเล็กน้อย หนวดสั้นหร็อมแหรม แววตาเด็ดเดี่ยว ใบหน้าดูเข้มแข็ง ในแขนเสื้อข้างหนึ่งว่างเปล่า เหลือแขนอยู่ข้างเดียวเท่านั้น ดูค่อนข้างสะบักสะบอมมอมแมม เหาะขึ้นไปทำความเคารพบนหน้าผาแล้ว
ทุกคนในแอ่งกระทะเห็นแล้วตกตะลึงนิดหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ชายที่ขาดแขนไปข้างหนึ่ง
จุยหย่วนเองก็มองเขาอย่างประหลาดใจเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าแขนของอีกฝ่ายขาดไปเพราะได้รับบาดเจ็บ เขาเอียงหน้ากล่าวว่า “ตรวจสอบตัวตน”
มีคนก้าวขึ้นมาสั่งให้หวังติ้งเฉาลงตราอิทธิฤทธิ์ตรวจสอบทันที หลังจากตรวจสอบแล้วว่าไม่ผิดพลาด ก็บอกว่า “พ่อบ้าน เป็นหวังติ้งเฉาไม่ผิดแน่ขอรับ”
จุยหย่วนหันตัวหลีกทางให้ แล้วยื่นมือเชิญ “รับรางวัลหน้าตำหนัก!”
มีคนก้าวขึ้นมานำทางให้หวังติ้งเฉาทันที พาขึ้นบันไดไปตลอดทาง พอยืนบนบันไดแล้วก็ทำความเคารพ “หวังติ้งเฉาคำนับทูตสวรรค์”
เกาก้วนจ้องแขนของเขาพร้อมถามว่า “แขนของเจ้าเป็นอะไรไป?”
หวังติ้งเฉาตอบเสียงเรียบว่า “ตอนที่กลับมาเพราะการทดสอบจบ มีคนสกัดขวางข้าน้อยไว้ ให้ข้าน้อยแบ่งคะแนนทดสอบให้ขอรับ นี่คือของที่ข้าน้อยแลกมาด้วยชีวิต ข้าน้อยไม่ยอม อีกฝ่ายจึงฝืนแย่ง ข้าน้อยรอดจากเหตุกาณ์ที่เลวร้าย เสียแขนไปหนึ่งข้าง โชคดีรอดชีวิตกลับมาได้ขอรับ”
โค่วเหวินชิงยืนอยู่ตรงตีนบันไดไม่ไกล พอได้ยินแบบนั้นก็เครียดทันที คนคนนี้คือคนในอาณาเขตของตระกูลโค่ว ตระกูลโค่วเองก็ไม่ต่างกับตระกูลผู้มีอำนาจอื่นๆ อยากจะช่วงชิงคะแนนดีๆ ให้คนของตัวเองเหมือนกัน หลังจากติดต่อกันแล้วพบว่าหวังติ้งเฉาคนนี้ยังรอดชีวิต ก็ให้เขานำคะแนนออกมาแบ่งปันกัน พร้อมให้สัญญาด้วยว่า หลังจากกลับมาแล้วจะไม่ปฏิบัติต่อเขาอย่างขาดความยุติธรรม แต่ใครจะคิดว่าหวังติ้งเฉามีความมั่นใจกับคะแนนทดสอบในครั้งนี้ของตัวเองมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่ยอมรับการใช้ผลประโยชน์หลอกล่อจากเบื้องบน
โค่วเหวินชิงเองก็ได้รับแจ้งจากตระกูลว่าให้จับตาดูคนคนนี้ไว้ นางถึงได้รู้ แต่ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าหวังติ้งเฉาจะได้อันดับหนึ่งจากการทดสอบครั้งนี้ หลังจากส่งข่าวกลับไปแล้วก็ทำให้ตระกูลโค่วตกใจมาก จู่ๆ บนอาณาเขตตัวเองก็มีม้ามืดโผล่มาตัวหนึ่ง ตระกูลโค่วจึงสืบที่มาที่ไปทันที หลีกเลี่ยงไม่ให้เบื้องบนถามแล้วตอบไม่ได้ พอสืบแล้วถึงได้พบว่าหวังติ้งเฉาคนนี้เป็นพวกยอมหักไม่ยอมงอ มีความสามารถ แต่ดื้อรั้นหัวแข็ง ไม่เป็นที่โปรดปรานของผู้บังคับบัญชา จึงทำให้วรยุทธ์ถึงระดับบงกชทองขั้นแปดแล้วแต่ยังเป็นได้เพียงเทพแห่งภูผา
แต่แขนของหวังติ้งเฉาไม่ได้ขาดเพราะคนของตระกูลโค่ว ไม่รู้เหมือนกันว่าขาดเพราะฝีมือใคร แต่โค่วเหวินชิงค่อนข้างกังวลว่าชายคนนี้จะเปิดโปงเรื่องที่ตระกูลโค่วเอาผลประโยชน์มากดดันหลอกล่อให้มอบคะแนนให้
โชคดีที่เกาก้วนไม่ได้ถามลึกมาก ถามเพียงว่า “ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ทำไมแขนที่ขาดยังไม่ฟื้นตัวอีก?”
หวังติ้งเฉาตอบว่า “จน! ไม่มีทรัพยากรจะฟื้นฟูตัวเองขอรับ!” ตรงไปตรงมาใช้ได้เลย
นักพรตบงกชทองขั้นแปดผู้สง่าผ่าเผยคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะจนถึงขั้นขาดทรัพยากรฝึกตนในการฟื้นฟูแขนตัวเอง คำตอบนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่หน้าตำหนักชำเลืองมองทันที ราวกับเห็นสัตว์ประหลาด ขนาดเถิงเฟยจอมพลเถิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองเขาหลายครั้ง
บทที่ 1254 พระคุณอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์
โดย
Ink Stone_Fantasy
โชคดีที่คำพูดนี้ไม่ได้อาศัยพลังอิทธิฤทธิ์เพื่อทำให้ดังออกมา ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่ากำลังพลหลายแสนที่อยู่ข้างล่างได้ยินแล้วจะรู้สึกอย่างไร
อย่างน้อยโค่วเหวินชิงที่อยู่ไม่ไกล พอได้ยินแล้วก็ยังเหม่อไปเลย มองหวังติ้งเฉาคนนี้อย่างตกตะลึง!
เกาก้วนเองก็อึ้งเหมือนกัน เหมือนจะตกตะลึงกับคำตอบของหวังติ้งเฉา หลังจากจ้องหวังติ้งเฉาที่ยืนอยู่ข้างล่างครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ร่ายอิทธิฤทธิ์กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “หวังติ้งเฉาฟังคำสั่ง!”
หวังติ้งเฉาที่แขนหายไปข้างหนึ่งไม่สามารถใช้สองมือทำความเคารพได้ ทำได้เพียงก้มหน้าแสดงความเคารพ ร่ายอิทธิฤทธิ์ตอบว่า “ขอรับ”
“ฝ่าบาทได้ยินอยู่บนสวรรค์ ทราบว่าหวังติ้งเฉาทดสอบได้อันดับหนึ่ง มอบรางวัล! เพื่อแสดงถึงความกล้าหาญและภักดี มอบยาเม็ดม่วงทองสิบล้านเม็ด เลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบ มีคำสั่งเลื่อนขั้นพิเศษให้เห็นแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์ สามารถเลือกตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ไหนก็ได้ในสังกัดของตำหนักสวรรค์ หลังจากการทดสอบจบแล้วตามเกาก้วนกลับไปที่ราชสำนัก เข้าเฝ้าที่วังสวรรค์ จบ!”
เสียงที่เรียบเฉยของเกาก้วนดังก้องอยู่ระหว่างฟ้าดิน
ทุกคนที่อยู่ทั้งข้างบนและด้านล่างภูเขาได้ยินแล้วตกตะลึง ยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไป แต่เกาก้วนพูดออกมาอย่างชัดเจน ไม่มีทางผิดพลาด เกาก้วนเองก็ไม่มีทางกล่าวบัญชาสวรรค์ซี้ซั้ว ถ้าปลอมแปลงบัญชาสวรรค์ก็แปลว่าเบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ต่อให้เกาก้วนจะเป็นขุนนางคนสนิทของราชันสวรรค์ขนาดไหน แต่ก็ไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้
มอบยาเม็ดม่วงทองกับเลื่อนยศเป็นแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบก็ยังไม่เท่าไร แต่ไม่น่าเชื่อว่าราชันสวรรค์จะมีคำสั่งพิเศษเลื่อนให้หวังติ้งเฉากลายเป็นแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์ ทั้งยังให้หวังติ้งเฉาเลือกตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ชอบที่ไหนก็ได้!
ไม่รู้ว่ามีคนตั้งเท่าไรที่แอบอุทานในใจ จนกระทั่งตอนนี้ทุกคนก็ยังคิดว่าคนที่ได้แปดพันอันดับแรกในการทดสอบจะได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ นึกไม่ถึงว่าอันดับหนึ่งจะถูกราชันสวรรค์แต่งตั้งเป็นกรณีพิเศษให้เลื่อนเป็นแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์ ทั้งยังเลือกได้ตามใจชอบด้วย!
โอ้สวรรค์! แค่เป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ได้ก็เป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝันปรารถนาแล้ว ถ้าไม่มีการทดสอบครั้งนี้ ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับคนที่ไม่มีเส้นสายภูมิหลังเลย แต่หวังติ้งเฉาได้กระโดดข้ามไปเป็นแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์โดยตรง การกระโดดข้ามอุปสรรคนี้ช่างทำให้คนจินตนาการไม่ถึงจริงๆ ประหยัดเวลาต่อสู้ดิ้นรนไปตั้งกี่หมื่นปี มีคนตั้งมากมายเท่าไรที่ต่อให้สู้ทั้งชีวิตก็ไม่บรรลุเป้าหมายนี้ด้วยซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่าวรยุทธ์ระดับบงกชทองก็จะได้กลายเป็นแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์แล้ว!
แม้แต่เถิงเฟยที่อยู่ข้างกายเกาก้วน ขนาดได้ยินแบบนี้แล้วก็ยังตกใจอยู่เหมือนกัน ระดับบงกชทองได้เลื่อนยศเป็นแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบก็พอแล้ว ลูกหลานผู้มีอำนาจบางคนที่มีอิทธิพลวิ่งเต้นให้เบื้องหลังอาจทำให้นักพรตบงกชทองเป็นแม่ทัพภาคได้ แต่ก็ถูกจำกัดอยู่ในตำแหน่งแม่ทัพภาคทั่วไป ตำแหน่งแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์ที่มีน้อยขนาดนี้ ต่อให้เป็นลูกหลานผู้มีอำนาจก็อาจจะอาศัยวรยุทธ์ระดับบงกชทองไต่เต้าขึ้นไปไม่ได้เหมือนกัน ถ้าวรยุทธ์ไม่ถึงระดับบงกชรุ้งก็อย่าได้คิดเลย เหตุการณ์ที่ได้ไต่เต้าข้ามวรยุทธ์แบบนี้ ก็มีแต่ตอนสร้างผลงานใหญ่ในการรบยามบุดยึดใต้หล้าในปีนั้นถึงจะเป็นไปได้ ภายใต้สถานการณ์ปกติไม่มีทางเกิดขึ้นเลย ครั้งนี้ราชันสวรรค์นับว่าทุบสถิติเพื่อหวังติ้งเฉาแล้ว ช่างตบรางวัลหนักจริงๆ!
สายตาอิจฉาริษยามากมายทั้งบนทั้งล่างภูเขาจ้องอยู่ที่หวังติ้งเฉา นับว่าเขาใจแล้วถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘พุ่งขึ้นสู่เมฆคราม’ ชั่วพริบตาเดียวก็เปลี่ยนจากคนระดับต่ำกลายเป็นนั่งอยู่บนเมฆแล้ว!
นอกจากจะตบรางวัลหนักขนาดนี้แล้ว ราชันสวรรค์ก็ยังเรียกให้หวังติ้งเฉาเข้าเฝ้าที่วังสวรรค์ด้วยตัวเองอีก นักพรตบงกชทองโดยทั่วไปจะมีสักกี่คนที่มีโอกาสไปวังสวรรค์ จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสได้รู้ว่าวังสวรรค์หน้าตาเป็นอย่างไร จะมีสักกี่คนที่จะมีโอกาสได้เห็นหน้าตาของราชันสวรรค์ แต่นี่กำลังจะรับตำแหน่งต่อหน้าราชันสวรรค์โดยตรงเลยนะ! ดีไม่ดีอาจจะอนาคตยาวไกลไร้ขอบเขตก็ได้!
ทำไมเมื่อเรื่องมาถึงตัวแล้วต้องหวาดกลัวด้วย?
ทำไมเมื่อเรื่องมาถึงตัวแล้วต้องถอย?
ทำไมล่ะ! ถ้าพยายามมากกว่านี้อันดับหนึ่งอาจจะเป็นของข้าก็ได้! บางทีคนที่ราชันสวรรค์มอบรางวัลให้อาจจะเป็นข้า!
ไม่รู้ว่ามีคนตั้งเท่าไรที่ร่ำร้องในใจ ดวงตาที่อิจฉาริษยาร้อนจนแดงก่ำแล้ว นึกเสียใจทีหลังจนไส้เขียว ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจะตบรางวัลหนักขนาดนี้ เอาชีวิตไปเดิมพันสักครั้งก็ถือว่าคุ้มค่า!
อึก! เซี่ยโห้วหลงเฉิงอิจฉาจนน้ำลายแทบไหลออกมา ได้แต่กลืนน้ำลายลงไปแล้วเลียริมฝีปาก!
จ้านหรูอี้ที่สวมชุดกระโปรงขาวยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนก็ทำสายตาอิจฉาเช่นกัน เพราะนางได้ที่สองไงล่ะ ห่างอีกค่นิดเดียวก็จะได้ที่หนึ่งแล้ว!
นางเข้าใจดีมากว่าขั้นเดียวที่เกิดจากคำสั่งเลื่อนขั้นพิเศษนี้ ต่อให้อำนาจที่หนุนหลังนางอยู่ก็ทำให้เป็นจริงไม่ได้ง่ายๆ ไม่รู้ว่าประหยัดเวลาต่อสู้ดิ้นรนไปตั้งกี่ปี ยิ่งตำแหน่งดีๆ ข้างบนมีน้อย ก็ยิ่งไต่เต้าขึ้นไปได้ยาก
จุยหย่วนที่ยืนอยู่บนหน้าผากวาดสายตามองปฏิกิริยาของทุกคนที่อยู่ข้างล่าง ในใจกลับเข้าใจกระจ่างแจ้ง ว่าในครั้งนี้ต่อให้ลูกหลานผู้มีอำนาจได้อันดับหนึ่ง แต่ก็ไม่มีทางที่จะได้รางวัลมากขนาดนี้!
ขนาดเหมียวอี้ยังอิจฉาเลย ถ้าบอกว่าไม่อิจฉาก็โกหกแล้ว อิจฉาหวังติ้งเฉาข้ามขั้นได้เยอะมาก
แต่ก็ทำได้เพียงอิจฉานิดหน่อยเท่านั้น ถ้าคิดตามหลักเหตุผลสักหน่อย อันดับหนึ่งก็ไม่เหมาะกับเขาจริงๆ ก็เป็นอย่างที่จินม่านบอก กลัวว่าจะทำให้ตำหนักสวรรค์เกิดความสงสัย ไม่อย่างนั้นการจะทำให้เขาได้เป็นที่หนึ่งก็เป็นเรื่องที่ง่ายเกินไปจริงๆ
เห็นได้ชัดว่าหวังติ้งเฉาก็ถูกทำให้ตกใจเหมือนกัน เขาพลันเงยหน้ามองเกาก้วนที่ประกาศคำสั่งอยู่บนบันได ในแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ ออกคำสั่งพิเศษเพื่อเลื่อนให้ตนเป็นแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์งั้นเหรอ? ราชันสวรรค์ต้องการจะพบตนงั้นเหรอ? ต่อให้นอนฝันเขาก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้!
เกาก้วนก้มมองลงมาด้วยแววตาตรวจสอบ ริมฝีปากปากหวังติ้งเฉาเริ่มสั่นเล็กน้อย ไม่มีทางสงบนิ่งต่อไปได้อีกแล้ว!
หวังติ้งเฉาน้ำตาคลอเบ้าแล้ว ความทุกข์ทรมานที่ประสบมาหลายปีพรั่งพรูขึ้นมาในหัวของเขาราวกับกระแสน้ำ สถานการณ์รอบข้างในตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้ หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เต็มใจและไม่ยอมจำนน เขาแทบจะสิ้นหวังแล้ว เดิมทีคิดว่าทั้งชีวิตนี้ตัวเองจะไม่มีทางเงยหน้าอ้าปากได้ แต่ในวันนี้ ภายใต้อำนาจบารมีของสวรรค์ เขาได้เบิกเมฆเห็นตะวัน ทุกสิ่งที่ต่ำต้อยล้วนไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเลยยามเผชิญหน้ากับอำนาจสวรรค์ ในเวลานี้ความทุกข์ยากทุกอย่างล้วนคุ้มค่า ที่แท้การให้ตนอยู่ในความลึกลับคลุมเครืออย่างที่ผ่านมา ก็เพื่อจะให้ตนรอการมาถึงของวันนี้นี่เอง พอนึกถึงภาพที่ศีรษะของลูกหลานผู้มีอำนาจพันกว่าคนโดนฟันร่วงก่อนหน้านี้ เขาก็พบว่าฝ่าบาทที่นั่งสูงส่งอยู่บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้านั้นช่างเที่ยงตรงโปร่งใส ช่างเป็นเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์!
ขณะที่ริมฝีปากสั่นเทิ้ม เขาก้มศีรษะอย่างเคารพเลื่อมใสอยู่ภายใต้การจ้องมองของเกาก้วน ก้มศีรษะอย่างสมัครใจยินยอม ขาสองข้างเริ่มอ่อนแรง คุกเข่าลงบนพื้นอย่างช้าๆ โน้มตัวโขกศีรษะบนพื้น หน้าผากแนบติดบนพื้นโดยไม่เงยขึ้นมา พร้อมกล่าวเสียงสั่นอันดังก้องว่า “ขอให้ฝ่าบาททรงมีชีวิตนิรันดร์ ต่อให้ข้าน้อยตายไป ก็ไม่มีวันลืมพระคุณอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์ ข้าน้อยจะทุ่มเทสติปัญญาความสามารถตราบจนชีวิตหาไม่ ข้าน้อยซาบซึ้งในพระคุณของสวรรค์!”
พอพูดถึงประโยคสุดท้าย ก็เริ่มมีจังหวะสะอื้นดังมาแว่วๆ แล้ว ดวงตาที่แนบติดอยู่กับพื้นมีน้ำตาเอ่อล้นราวกับน้ำพุแล้ว ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ ทั้งตัวสั่นเทิ้มเล็กน้อย จะมีใครเข้าใจถึงความรู้สึกของเทพแห่งภูผาที่มีวรยุทธ์บงกชทองขั้นแปดอย่างเขาในเวลานี้ได้
เถิงเฟยใช้สายตาเย้ยหยันชำเลืองหวังติ้งเฉาที่หมอบคุกเข่าไม่ยอมลุกขึ้นมา เขามองออกว่าการหมอบนี้มาจากใจของหวังติ้งเฉา เป็นการเคารพบูชาที่ออกมาจากจิตวิญญาณ เขาหวังเพียงว่าหวังติ้งเฉาจงอย่ารู้อะไรมากกว่านี้เลย แต่เมื่ออยู่ในตำแหน่งบางตำแหน่ง ก็มักจะรู้เรื่องบางอย่างที่คนตำแหน่งระดับล่างไม่รู้ ดังนั้นเขาจึงหวังว่าวันหนึ่งหวังติ้งเฉาจะไม่เสียใจทีหลังเพราะการหมอบคำนับนี้ หวังว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรเดียงสาขนาดนี้ต่อไปได้ บางครั้งการอยู่ระดับล่างสุดแล้วรู้น้อยเกินไปก็ถือเป็นการพ้นทุกข์อย่างหนึ่งเหมือนกัน!
“ลุกขึ้นเถอะ!” เกาก้วนกล่าวเสียงเรียบ
“ขอรับ!” หวังติ้งเฉาที่ตอบเสียงสะอื้นลุกขึ้นยืน น้ำตานองเต็มหน้าแล้ว ยกแขนเสื้อข้างที่ยังสมบูรณ์ขึ้นปาดน้ำตา
เกาก้วนยื่นมือชี้ บอกใบ้ให้เขาถอยไปอยู่ข้างบันได ให้เขายืนอยู่ตรงนั้น คอยทนรับสายตาอิจฉานับแสนจากแอ่งกระทะข้างล่าง นี่คือเกียรติยศที่ตั้งใจมอบให้เขาเป็นพิเศษ
หวังติ้งเฉาที่หันตัวมาทอดสายตามองไป ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้ยืนอยู่ข้างกายคนใหญ่คนโตของตำหนักสวรรค์ ได้ก้มมองดูคนมากมายขนาดนี้จากมุมข้างบน ก้มมองคนมากมายที่ฐานะสูงว่าตัวเอง รู้สึกราวกับมีคลื่นน้ำโหมซัดสาดหัวใจ นี่คือวันที่เขาจะลืมไม่ลงตลอดชีวิต!
ในแอ่งกระทะ สายตาอิจฉาริษยาจำนวนนับไม่ถ้วนยากที่จะย้ายออกจากตัวเขาได้
จุยหย่วนที่อยู่ริมหน้าผาได้รับสัญญาณจากเกาก้วน เขาจึงหันตัวไปหาฝูงชนอีกครั้ง ครั้งนี้เกาก้วนประกาศคำสั่งพิเศษด้วยตัวเองเพื่อเป็นเกียรติให้หวังติ้งเฉาคนเดียวเท่านั้น คำสั่งต่อไปให้จุยหย่วนเป็นคนประกาศต่อ
“อันดับที่อยู่ไม่เกินแปดพันแปดร้อยแปดสิบเก้า ไม่ว่าจะมีวรยุทธ์เท่าไร จะได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ทุกคน”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา บรรดาคนที่อยู่ในอันดับดังกล่าวก็ตาลุกวาวทันที เป็นแบบนี้จริงๆ ด้วย เพราะในสังกัดของตำหนักสวรรค์มีผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์แปดพันแปดร้อยแปดสิบแปดตำแหน่ง สาเหตุที่มีเพิ่มเป็นแปดพันแปดร้อยแปดสิบเก้าตำแหน่งก็เพราะอันดับหนึ่งอย่างหวังติ้งเฉาได้กระโดดขึ้นไปเป็นแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์แล้ว เท่ากับคนที่อยู่ข้างหลังได้ตำแหน่งว่างเพิ่มอีกตำแหน่ง
คนที่อยู่อันดับแปดพันแปดร้อยแปดสิบเก้าก็คือสตรีวัยกลางคนคนหนึ่ง ขาดอีกอันดับเดียวก็จะได้เข้ารอบ เดิมทีนึกเสียใจทีหลังจนไม่รู้ว่าร้องไห้ไปตั้งกี่รอบแล้ว จู่ๆ ก็ได้รับข่าวดีจากสวรรค์ ทำให้นางตะลึงค้างแล้วจริงๆ นางได้สติกลับมาท่ามกลางเสียงยินดีรอบข้าง พลันร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียงดังว่า “ขอบพระคุณสวรรค์!”
“เพิ่มรางวัลให้ร้อยอันดับแรกเป็นยาเม็ดม่วงทองสิบล้านเม็ด ส่วนรางวัลเพิ่มเติมของสิบอันดับแรก ไม่ว่าจะมีวรยุทธ์ระดับไหน เลื่อนยศให้เป็นแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบโดยตรง ถ้าเดิมทีมียศนี้อยู่แล้วก็เพิ่มไปอีกขั้น อันดับหนึ่งได้รางวัลเป็นการเลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์ เข้าเฝ้าที่วังสวรรค์! จบ!”
พอจุยหย่วนพูดจบ คนหลายแสนที่ไม่ว่าจะได้รับรางวัลหรือไม่ ก็ล้วนกล่าวพร้อมกันเสียงดังว่า “ขอบพระคุณสวรรค์!”
นั่นคือเสียงที่ดังลั่นสะเทือนฟ้า คนที่ได้รางวัลก็จะออกแรงตะโกนดังกว่าคนอื่นหน่อย เหมียวอี้ก็โล่งใจแล้วเช่นกัน รักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ไว้ได้แล้ว ตัวเองก็ได้เลื่อนยศเป็นแม่ทัพเกราะม่วงสองแถบ!
แต่คาดไม่ถึงว่าจุยหย่วนจะร่ายอิทธิฤทธิ์ประกาศเสียงดังอีกว่า “ราชันสวรรค์เพิ่มรางวัลอีกอย่าง นับไปอีกหนึ่งหมื่นอันดับที่อยู่ถัดจากผู้ที่ได้รับรางวัลตอนนี้ หนึ่งหมื่นคนนี้จะได้เลื่อนเป็นผู้บัญชาการ ถ้าเดิมทีอยู่ในตำแหน่งนี้อยู่แล้ว ก็จะมอบอำนาจให้เลือกตำแหน่งผู้บัญชาการที่ไหนก็ได้ในสังกัด จบ!”
นี่คือตำแหน่งผู้บัญชาการ ไม่ใช่ผู้บัญชาการตลาดสวรรค์ มีผลประโยชน์แตกต่างกันมาก! การมอบรางวัลนี้ไม่นับว่าสำคัญอะไรสำหรับพวกเขาเลย ยกตัวอย่างเช่นพวกที่ถูกถอดลงมาจากตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ นั่นก็เท่ากับการลดตำแหน่งแล้ว แต่สำหรับพวกที่ไม่มีอำนาจอิทธิพลหนุนหลัง ยังอยู่ในตำแหน่งเทพแห่งผืนดินและผีหลักเมือง นี่ก็นับเป็นข่าวดีเหนือความคาดหมายจริงๆ เดิมทีพวกเขาก็กลุ้มใจที่ไร้โอกาสแสดงความสามารถถึงได้มาสู่ฝ่าฟัน เดิมทีนึกว่าจะไม่ได้ตักตวงอะไรกลับไป แต่ชั่วพริบตาเดียวก็ได้กลายเป็นคนระดับผู้บัญชาการแล้ว อย่างน้อยก็ดีกว่าเดิมเยอะมากแล้ว
“ขอบพระคุณสวรรค์!” มีเสียงดังขึ้นอีกระลอก
วันนี้มอบรางวัลพิเศษเยอะขนาดนี้รวดเดียวเลยเหรอ นี่มันสถานการณ์อะไรกัน? จู่ๆ เถิงเฟยก็ขมวดคิ้วเบาๆ เขาแอบตกใจ เหมือนจะตระหนักอะไรบางอย่างได้ อย่าบอกนะว่ายังมีการทดสอบในนรกครั้งถัดไปอีก? ทำแบบนี้เพื่อที่จะปลุกใจคนในการทดสอบครั้งถัดไป ทำเพื่อปลุกเร้าให้คนมาเข้าร่วมทดสอบงั้นเหรอ? ตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์เต็มหมดแล้ว ยังจะเอาตำแหน่งอะไรมาให้ทดสอบอีกล่ะ คงจะไม่เอาตำแหน่งที่คนอื่นยังไม่ได้ครองมาจัดอีกครั้งหรอกนะ? อย่าบอกนะว่า…
“หนิวโหย่วเต๋อ ฟังคำสั่งหน้าตำหนัก!” เสียงเรียกของจุยหย่วนพลันดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดของเถิงเฟย
เหมียวอี้ที่กำลังสุมหัวแสดงความยินดีกับเซี่ยโห้วหลงเฉิงในแอ่งกระทะชะงักไป ค่อยๆ หันไปมองบนหน้าผา อย่าบอกนะว่ามีรางวัลอะไรอีก เหมือนข้าจะไม่ได้สร้างผลงานอะไรเป็นพิเศษนะ?
จ้านหรูอี้หันมามองอย่างประหลาดใจ สายตาของทุกคนไปหยุดอยู่บนตัวเหมียวอี้ เซี่ยโห้วหลงเฉิงหัวเราะเบาๆ ดึงเหมียวอี้ที่เหม่อค้างพร้อมเตือนว่า “น้องหนิว เขาเรียกเจ้าน่ะ ผลประโยชน์มาแล้ว รีบขึ้นไปสิ!”
บทที่ 1255 โดนลดขั้นอีกแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
ผลประโยชน์มาแล้วเหรอ? เหมียวอี้ทำสีหน้าสงสัยอย่างลึกซึ้ง หัวสมองรีบใช้ความคิด เพราะตัวเองไม่ได้สร้างผลงานพิเศษอะไรเลยจริงๆ คนที่อยู่อันดับหน้าตัวเองก็มีตั้งเจ็ดแปดคน ถ้ามีรางวัลเพิ่ม ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะมาถึงพวกเขาก่อน!
อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะเรื่องที่ตนเข่นฆ่าอยู่ในทัพใหญ่หนึ่งล้านตามอำเภอใจ? ต่อให้ตนจะแสดงความองอาจห้าวหาญ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ตำหนักสวรรค์จะสรรเสริญการเข่นฆ่ากันเอง? คงไม่ถึงกับลงโทษด้วยเช่นกัน สายตามากมายขนาดนี้มองอยู่ ข้าเองก็โดนกดดันจนหมดทางเลือกเหมือนกัน ถ้าตำหนักสวรรค์จะอยากแสดงให้ใต้หล้าเห็นความยุติธรรมอันน้อยนิดนั่นสักหน่อย ก็คงไม่ถึงขั้นนำเรื่องนี้มาลงโทษหรอก แถมยังไม่ได้ฝ่าฝืนกฎด้วย นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
เป็นเพราะตนกับหมีควายเซี่ยโห้วมีคะแนนเหมือนกันทุกอย่างงั้นเหรอ? แต่มีคนมากมายที่คะแนนเท่ากัน ไม่มีเหตุผลที่จะมาลงโทษข้าคนเดียวหรอกมั้ง?
หรือว่าที่ตำหนักสวรรค์มีสายลับของหกลัทธิ เรื่องที่ข้าเป็นหัวโจกโจรกบฏถูกเปิดโปงออกมาแล้วเหรอ?
ขณะที่เขากำลังสงสัยไม่หยุด จุยหย่วนที่อยู่บนหน้าผาก็ตะโกนอีกครั้ง “หนิวโหย่วเต๋อ ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวน มาฟังคำสั่งหน้าตำหนัก!”
“ไม่ผิดหรอก เขากำลังเรียกเจ้า รีบไปสิ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงหัวเราะพลางผลักเขาออกไป
เหมียวอี้ตื่นตัวและระมัดระวัง อีกฝ่ายเรียกชื่อตำแหน่งแล้ว นอกจากเขาก็ไม่มีคนอื่นแล้ว ถ้าชักช้าอีกก็จะเท่ากับต่อต้านคำสั่ง จึงรีบถลันตัวขึ้นมา เหาะไปบนหน้าผา แล้วกุมหมัดคารวะจุยหย่วน “ข้าน้องฟังคำสั่ง!”
แทบจะทุกคนที่กำลังมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น ไม่รู้ว่าเหมียวอี้จะได้รับรางวัลอะไร มีเพียงจอมพลเถิงที่เอียงหน้ามองเกาก้วนที่สีหน้าเรียบเฉย รู้ว่าเหมียวอี้เกิดปัญหาแล้ว เพราตอนที่เหมียวอี้เพิ่งกลับมา เกาก้วนเคยเอ่ยถึงเรื่องกลองสะท้านฟ้า!
เดิมทีเขาอยากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อย ตอนแรกที่เหมียวอี้โดนกดดันจากทุกคนให้ต้องโจมตีกลับ ทุกคนก็ได้เห็นเหตุการณ์นั้นแล้ว ตอนนี้ทดสอบได้อันดับเก้า สร้างผลงานแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่มีเรื่องกับคนไว้มากมายขนาดนั้น การที่สามารถรอดชีวิตจากนรกกลับมาได้ก็นับว่าไม่ง่ายแล้ว ถ้าตอนนี้มาคิดบัญชีกับเรื่องที่จะทำให้เล็กหรือใหญ่ก็ได้แบบนี้มันเกินไปหน่อย
สังเกตจากการกระทำอันต่อเนื่องของเหมียวอี้ในหลายปีมานี้ ก็พบว่าเขาไม่ใช่แค่กล้าหาญรบเก่งเท่านั้น ทั้งยังมีความสามารถด้วย ไม่ใช่พวกกล้าหาญแต่ไร้แผนการ จอมพลเถิงเกิดความโปรดปรานแล้วจริงๆ ถ้าเก็บคนแบบนี้มาฝึกเลี้ยงสักหน่อย เมื่อวันใดที่วรยุทธ์สูงขึ้น ก็จะเป็นเหมือนดาบคมที่อยู่ในมือจริงๆ จะเป็นหหารกล้าที่ชี้สั่งให้ไปรบที่ไหนก็ไป!
ตัวเองอยู่บนตำแหน่งสูงที่ตำหนักสวรรค์ ถ้าในมือไม่มีคนมีฝีมือไว้สักหน่อยก็คงไม่ได้ จะต้องมีทหารกล้าโอหังจำนวนหนึ่งไว้เป็นตัวหลักเพื่อทุ่มเทชีวิตทำงานให้เขา ใต้บังคับบัญชาจะมีแต่ลูกหลานผู้มีอำนาจที่สำมะเลเทเมากับพวกมีเส้นสายอย่างเดียวไม่ได้ แบบนั้นคงเล่นต่อไปไม่ไหวแล้ว ต้องทราบไว้ว่าเขาจะต่อสู้อยู่ที่ระดับบนอย่างเดียวไม่ได้ ระดับล่างก็ต้องมีคนที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ด้วย ไม่อย่างนั้นถ้าลูกน้องระดับล่างโดนจัดการจนหมอบหมด หรือถ้ามีภารกิจอะไรให้ทำแล้วหน้าม่อยคอตกกันหมด ไม่อย่างนั้นถ้าข้างบนมีเขาคนเดียวก็จะกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบแล้ว สักวันหนึ่งก็จะต้องโดนคนจัดการลงมา หรือไม่ก็จะมีคนยัดข้อหาไร้ความสามารถให้และโดนกำจัดทิ้ง
แต่ตอนนี้เขาก็ไม่สะดวกจะพูดอะไร เรื่องทำลายกลองสะท้านฟ้าจะว่าใหญ่ก็ใหญ่จะว่าเล็กก็เล็ก แต่ถึงอย่างไรก็เกี่ยวข้องกับอำนาจบารมีของตำหนักสวรรค์ ประเด็นสำคัญก็คือ โอกาสที่เขาจะได้เหมียวอี้มาไว้ในมือนั้นมีต่ำมาก ตอนนี้คนที่ชื่นชมเหมียวอี้ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวแน่นอน ทั้งยังเป็นลูกน้องของคนอื่นด้วย คนอื่นคงไม่ปล่อยตัวมาง่ายๆ ยากมากที่จะขอตัวมาได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องลองออกแรงช่วยเหลือแน่นอน!
จุยหย่วนจ้องประเมินเหมียวอี้ที่ยืนทำความเคารพอยู่ข้างล่าง แล้วตะโกนถามเสียงต่ำว่า “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าจงยอมรับความผิด!”
คำเตือนที่น่าหวาดกลัวดังก้องอยู่ในแอ่งกระทะ
เจ้าจงยอมรับผิด? ฝูงชนที่อยู่ข้างล่างงงทันที ไม่ใช่ให้รางวัลแต่กำลังประณามเหรอ?
จ้านหรูอี้ตะลึงค้าง รอยยิ้มของเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็นิ่งค้างเช่นกัน พวกฝานอวี้เฟยตกใจ ผู้บัญชาการใหญ่ทั้งเก้าของจวนแม่ทัพภาคตงหัวอึ้งแล้วมองหน้ากันเลิกลั่ก จากนั้นก็หลุดขำออกมา แบบนี้ก็ดีเลย ตำหนักสวรรค์กำลังจะช่วยพวกเรากำจัดหอกข้างแคร่ใช่มั้ย?
เหมียวอี้หัวใจกระตุกวูบ อย่าบอกนะว่าฐานะโจรกบฏของตนถูกเปิดโปงแล้วจริงๆ แบบนั้นก็ตายแน่นอน ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ตนสามารถหนีได้ด้วยเหรอ! หลังจากสงบจิตใจแล้ว ก็กุมหมัดถามว่า “ข้าน้อยมีความผิดอะไรหรือขอรับ?”
จุยหย่วนเองก็ไม่สืบสวนเขาเหมือนกัน และได้กลั่นแกล้งเขาด้วย ประกาศตรงๆ เลยว่า “ทำลายกลองสะท้านฟ้า ทำลายความน่าเกรงขามของตำหนักสวรรค์ ยังไม่ยอมรับผิดอีก?”
ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง! ทุกคนเข้าใจในทันที นึกไม่ถึงว่าเรื่องที่ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ตำหนักสวรรค์ก็ยังจะสืบสาวเอาเรื่องอีก ว่ากันตามจริง ทุกคนต่างก็รู้ถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ถ้าวิจารณ์จากมุมมองของความยุติธรรม ก็จะรู้ว่าเหมียวอี้ถูกดดันจนหมดทางเลือกแล้ว มาสืบถามตอนนี้ก็เหมือนจะทำเกินไปหน่อย เพียงแต่ตำหนักสวรรค์ก็ต้องปกป้องความน่าเกรงขามของตำหนักสวรรค์ นั่นก็คือเรื่องที่สมเหตุสมผลเหมือนกัน แต่ก็ไม่สนใจหรอก ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ทำโทษตนเสียหน่อย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน แค่ดูเอาสนุกก็พอแล้ว
ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง! เหมียวอี้ก็อึ้งเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็โล่งอกแล้ว ขอเพียงฐานะโจรกบฏไม่ถูกเปิดโปงก็พอแล้ว เพียงแต่รู้สึกเซ็งนิดหน่อย ตอนแรกไม่ทำโทษแต่มาทำโทษตอนนี้ แบบนี้มันใช่เรื่องที่ไหน แล้วก็ไม่รู้ชัดด้วยว่าตัวเองจะโดนลงโทษหนักขนาดไหนกันแน่
คิดไปคิดมา เรื่องนั้นเกิดขึ้นท่ามกลางสายตาฝูงชน ไม่มีทางแก้ตัวได้ แสดงท่าทีที่ซื่อสัตย์ไว้หน่อยจะดีกว่า จึงกุมหมัดคารวะบอกว่า “ข้าน้อยยอมรับผิด ยินดีรับโทษขอรับ!”
จุยหย่วนตะคอกด้วยท่าทางจริงจังว่า “ถอดรางวัลที่หนิวโหย่วเต๋อได้รับจากการทดสอบ ถอดยศแม่ทัพ ลดขั้นเป็นหทารเลวหกแถบ ตัดรายได้หนึ่งร้อยปี! เห็นแก่ที่มีผลงานในการทดสอบ มีทั้งผลงานและความผิด ยังรักษาตำแหน่งปัจจุบันไว้ได้ ดูการประพฤติตัวในภายหลังว่าจะได้ลดหย่อนโทษหรือไม่! หนิวโหย่วเต๋อ สำหรับบทลงโทษนี้ เจ้าจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ?”
เมื่อบทลงโทษนี้ออกมา พวกจางฮั่นฟางก็ผิดหวังมาก พวกเขาอยากจะให้เหมียวอี้ได้รับโทษถึงตาย แต่ใครจะคิดว่ายังจะรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ไว้ได้ นี่ไม่ใช่การตัดรากถอนโคนเลย
โดยเฉพาะคนที่อยู่ในอันดับแปดพันแปดร้อยเก้าสิบ พอได้ยินว่าจะมีการลงโทษเหมียวอี้ เขาก็เบิกตากว้างรอคอยโอกาสที่จะมีตำแหน่งว่างเพิ่มอีกสักตำแหน่งแล้ว ใครจะคิดว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ เขาเอามือกุมอกด้วยสีหน้าทุกข์ใจ ผิดหวังจนแทบจะเลอะเลือนแล้ว
และสำหรับพวกที่ไม่มีบุญคุณความแค้นอะไรกับเหมียวอี้ ในใจกลับรู้สึกเสียดาย ผลงานที่เสี่ยงชีวิตสู้มาร้อยปีสูญเปล่าแล้ว ยาเม็ดม่วงทองสิบล้านเม็ดหายไปแบบนี้แล้ว ยศแม่ทัพเกราะม่วงสองแถบก็หายไปด้วย ขนาดยศแม่ทัพหนึ่งแถบที่มีอยู่แต่เดิมยังถูกถอด ลำพังแค่รายได้ของยศนี้ในแต่ละปีก็เสียหายไปตั้งเท่าไรแล้ว! ทั้งยังต้องทำงานโดยได้รับเงินไปอีกหนึ่งร้อยปี
ที่สำคัญที่สุดก็คือ การที่ทหารเลวจะกระโดดข้ามไปเป็นแม่ทัพนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นั่นคืออีกระดับหนึ่งเลย ถ้าอยากจะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคก็ต้องมียศนี้ ถ้ายศไม่ถึงก็ขึ้นตำแหน่งนั้นไม่ได้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีโอกาสได้รับแต่งตั้งเป็นพิเศษจากราชันสวรรค์เหมือนหวังติ้งเฉา และมีคนมากมายที่ต่อให้มีวรยุทธ์ถึงระดับบงกชรุ้ง แต่ก็อาจจะไม่ได้เลื่อนยศเป็นแม่ทัพเสมอไป ในปีนั้นหนิวโหย่วเต๋อคนนี้ได้อันดับหนึ่ง ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เลื่อนยศเป็นแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบเป็นกรณีพิเศษ ตอนนี้ไม่มีแล้ว มิหนำซ้ำยศแม่ทัพสองแถบก็ไม่มีแล้วด้วย ต้องต่อสู้ดิ้นรนกี่ปีกว่าจะชดเชยกลับมาได้ล่ะ!
หวังติ้งเฉาที่ยืนอยู่บนบันได้จ้องมองคนโชคร้ายที่แตกต่างกับคนที่มีหน้ามีตาอย่างตนโดยสิ้นเชิง ในใจก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจเหมือนกัน
ในปีนั้นเขาเองก็นับถือในความกล้าหายของหนิวโหย่วเต๋อ นั่นคือสิ่งที่เขาเห็นเองกับตา โกหกหลอกลวงกันไม่ได้ ลุยเดี่ยวฝ่าเข้าฝ่าออกสังหารในทัพใหญ่หนึ่งล้าน เป็นสิ่งที่คนทั่วไปทำได้เสียที่ไหนกัน! เรื่องราวสำคัญของหนิวโหย่วเต๋อ เขาเองก็เคยได้ยินข่าวมาบ้างเหมือนกัน เคยก่อเรื่องมามากมาย เรื่องที่ดั้งเดิมที่สุดก็คือซื่อตรงและไม่ประจบสอพลอผู้มีอำนาจของตำหนักสวรรค์ ตัดหัวทาสรับใช้ของตระกูลผู้มีอำนาจไปสามพันกว่าคน เห็นได้ชัดว่าหนิวโหย่วเต๋อเป็นคนประเภทเดียวกับตน ถึงอย่างไรการเดินมาถึงจุดนี้โดยไร้อำนาจอิทธิพลหนุนหลังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ เขายอมรับว่าเขาทำเรื่องพวกนั้นไม่ได้
เขาต้องยอมรับว่าความสามารถของตัวเองสู้หนิวโหย่วเต๋อได้ ขนาดอีกฝ่ายล่วงเกินผู้มีอำนาจไว้มากมาย ก็ยังเดินหน้าก้าวมาจนถึงทุกวันนี้ได้ คะแนนทดสอบในครั้งนี้ก็ไม่ได้แย่ บางทีอาจจะสำรวจน้อยกว่าตัวเองไปแค่นิดเดียวก็ได้ แต่จะเห็นได้ว่าเขามีความสามารถมาก ส่วนตัวเองก็แค่โชคดีรอดชีวิตจนประสบความสำเร็จอย่างฉับพลันเท่านั้นเอง
ความพยายามในหลายปีกลับสูญสลายเพียงเพราะความผิดจุดเดียวที่ทำไปเพราะโดนกดดันจากคนมากมายในปีนั้น ในใจหวังติ้งเฉารู้สึกไม่ยุติธรรมแทนเหมียวอี้
แต่หารู้ไม่ว่าเหมียวอี้กลับแอบโล่งใจ สำหรับเขา แค่เอาชีวิตออกจากที่นี่ไปได้ก็ถือว่าไม่แย่แล้ว ทั้งยังรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ไว้ได้ด้วย ถือว่าได้กำไรแล้ว เขาไม่ได้แยแสรายได้ประจำเล็กน้อยพวกนั้นเลยจริงๆ รายได้ประจำเล็กน้อยพวกนั้นเป็นได้แค่ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดของอนุภรรยาของเขาเท่านั้น เขาไม่อาศัยรายได้ประจำในการดำรงชีวิต เขาอาศัยรายได้จากภายนอก
ส่วนการถูกลดยศ เขาก็ไม่แยแสเหมือนกัน เริ่มตั้งแต่ตอนอยู่พิภพเล็ก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกลดขั้น เขาขึ้นๆ ลงๆ จนชินตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ขอเพียงมีชีวิตต่อไปได้ ตราบใดที่ภูเขายังเขียวขจี ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีไม้ไว้ทำฟืน
ดังนั้นเขาจึงกุมหมัดตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน “พระคุณของสวรรค์ช่างยิ่งใหญ่ หนิวโหย่วเต๋อยินดีรับโทษ!”
เกาก้วนที่ยืนอยู่บนบันไดหน้าตำหนักกลอกสายตาเล็กน้อย เหล่ตามองเขาแวบหนึ่ง เถิงเฟยก็เลิกคิ้วเบาๆ เช่นกัน ในสายตาของคนระดับเขา การลงโทษแบบนี้ไม่นับว่าร้ายแรงอะไรเลย ประเด็นสำคัญคือตอนนี้เหมียวอี้ไม่เป็นอะไรแล้ว ก่อนหน้านี้เขายังกังวลนิดหน่อยว่าจะโดนเกาก้วนประหาร!
พอจุยหย่วนโบกมือ ก็มีคนเดินขึ้นมาตรงหน้าเหมียวอี้ทันที บอกว่า “ส่งเกราะรบแม่ทัพหนึ่งแถบมา!”
เหมียวอี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถอดเกราะรบแม่ทัพหนึ่งแถบมอบให้ทันที นับว่าถูกลดยศอย่างเป็นทางการแล้ว
“ลงไปเถอะ!” จุยหย่วนโบกมือ
“ขอรับ!” เหมียวอี้กุมหมัดคารวะ แล้วหันตัวลอยลงมาในแอ่งกระทะ กลับมาอยู่ที่เดิม
จ้านหรูอี้หันกลับมามองเขาแวบหนึ่ง แล้วยกมุมปากยิ้มหยอกล้อซ้ำเติม
เซี่ยโห้วหลงเฉิงลูบพุงพร้อมยิ้มสู้ “น้องหนิว นึกไม่ถึงจริงๆ เลย ไม่เป็นไร อย่าเก็บมาใส่ใจเลย แค่ตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ยังอยู่ก็ดีแล้ว ยังมีโอกาสร่ำรวย”
เหมียวอี้หัวเราะเจื่อนๆ ก่อนหน้านี้เขาคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะเอาเรื่องนี้มาลงโทษตน แต่พอมาคิดดูตอนนี้แล้ว ในเมื่อตำหนักสวรรค์ให้ความสำคัญกับความน่าเกรงขามของตำหนักสวรรค์ขนาดนี้ การที่ตนโดนลงโทษตอนนี้กลับเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ ในภายหลังจะได้ไม่มีคนเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเล่นงานตน
พอคิดดูอีกที ก็รู้สึกโชคดีที่โดนลงโทษตอนนี้ ถ้าโดนลงโทษตั้งแต่ในปีนั้น ก็จะไม่มีผลงานมาชดเชยความผิด ดีไม่ดีตนอาจจะรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ไว้ไม่ได้ก็ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะถ่วงเวลามาหลายปีจนผลกระทบของเรื่องนี้จางลง การลงโทษในปีนั้นก็อาจจะทำให้เขาตายได้เลย นับว่าคุ้มแล้ว นับว่าตัวเองยังดวงดี ถือว่าได้กำไรแล้ว!
“แดนอเวจี การทดสอบหนึ่งร้อยปี จบลงอย่างเป็นทางการ! ผู้เข้าร่วมทดสอบทุกคนกลับไปรายงานผลการปฏิบัติงานที่อาณาเขตตัวเอง รอการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง!” จุยหย่วนยืนประกาศเสียงดังอยู่ริมหน้าผาว่าการทดสอบจบลงแล้ว
กำลังพลหลายแสนที่อยู่ด้านล่างภูเขารู้สึกทอดถอนใจ ในที่สุดก็จบลงแล้ว ในที่สุดก็ได้ออกจากสถานที่ผีๆ แบบนี้สักที
คนที่ได้รับรางวัลก็เฝ้าคอยอย่างตื่นเต้น ส่วนคนที่ไม่ได้อะไรเลยก็ทำสีหน้าเสียดาย ลูกหลานผู้มีอำนาจที่ต้องกลับไปโดนลดตำแหน่งทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ บ่นด่าอยู่ในใจ
ทางออกแดนอเวจีบนดาวหกดวงที่ถูกปิดผนึกไว้ภายใต้แสงอันงดงามตระการตา ในที่สุดก็ถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง หลังจากกำลังพลหลายแสนที่จัดกระบวนอยู่บนดาราจักรได้ยินประกาศเตือนครั้งสุดท้าย ก็ทยอยกันออกมา ในที่สุดก็ได้ออกจากดาราจักรประหลาดลี้ลับผืนนั้นแล้ว
การออกจากที่นี่ได้คือความโชคดี มีคนมากมายที่หลับยาวอยู่ในดาราจักรผืนนั้น ถ้าคนในครอบครัวรู้ข่าวก็ไม่รู้ว่าจะปวดใจขนาดไหน
ท่ามกลางสายตาที่อิจฉาของฝูงชน หลังจากออกมาแล้ว หวังติ้งเฉาก็ติดตามเก้ากวนทูตขวาตรวจการของตำหนักสวรรค์จากไปอย่างรวดเร็ว ไปพบราชันสวรรค์ที่วังสวรรค์ เรียกได้ว่าพลิกตัวทะยานขึ้นสู่เมฆครามอย่างแท้จริง!
“ถ้ายังมีการทดสอบครั้งหน้า ข้าจะมาอีกครั้ง!” มีบางคนบ่นอย่างไม่ยอมแพ้
บทที่ 1256 เซี่ยโห้วเข้าวัง
โดย
Ink Stone_Fantasy
เหมียวอี้ที่เคยเห็นสถานการณ์ที่ใจกลางนรกตัดสินได้แบบนี้ตั้งนานแล้ว เขาหันกลับไปมองคนที่โวยวายเสียงดัง แล้วหันกลับไปดูปฏิกิริยาของคนอื่นๆ อีก พลางครุ่นคิดว่าการตบรางวัลของตำหนักสวรรค์ในครั้งนี้คงจะปลุกเร้าใจคนไม่น้อย ถ้าตบรางวัลอย่างงาม ก็ย่อมมีผู้กล้าออกมาทำงานให้!
หันมองไปรอบๆ ครู่หึ่ง เมื่อเห็นว่าในที่สุดก็จะได้กลับอาณาเขตตำหนักสวรรค์แล้ว เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ยิ้มจนหุบปากไม่ลง กลับไปครั้งนี้จะต้องได้โผล่หน้าที่ตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว นี่คงจะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้โผล่หน้าในตระกูล ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์โดยไม่ต้องอาศัยการสนับสนุนจากครอบครัว สะใจนัก!
พอหันกลับมา ก็ถามเชื้อเชิญเหมียวอี้อย่างอบอุ่น “น้องหนิว ไปเที่ยวบ้านข้าสักหน่อยมั้ย?”
“วันหลังยังมีโอกาส ตอนนี้ต้องกลับไปรายงานผลการปฏิบัติงานก่อน!” ขณะที่เหมียวอี้ตอบ สายตากลับไปหยุดอยู่บนตัวพวกจางฮั่นฟางที่ทำท่าลับๆ ล่อๆ
ไม่น่าเชื่อว่าเก้าคนนั้นจะยังรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ไว้ได้ ตอนที่เขาดูบนแผ่นป้ายรายชื่อ ก็พบว่าเก้าคนนั้นอยู่ในอันดับเดียวกัน เหมือนจะอยู่ในอันดับแปดพันกว่า
พวกจางฮั่นฟางกลับถูกเหมียวอี้จ้องแล้ว แต่ละคนลานลานหวาดกลัวมาก กังวลว่าใครบางคนจะสังหารระหว่างทาง จึงรีบเกาะกลุ่มกันเอาไว้ ต้องการหาพันธมิตรเพื่อกลับด้วยกัน ขณะเดียวกันก็เขย่าระฆังดาราติดต่อให้คนมารับ
“ก็ใช่ ทุกคนต้องกลับไปรายงานผลการปฏิบัติงาน งั้นตอนหลังก็ค่อยว่ากัน ข้าจะนำไปก่อน พวกเราไปกันเถอะ!” พอเซี่ยโห้วหลงเฉิงโบกมือ ก็เรียกพวกฝานอวี้เฟยไปแล้ว เขาอดใจรอไม่ไหวอยากจะกลับโอ้อวดที่ตระกูลเซี่ยโห้วใจจะขาดแล้ว
พวกฝานอวี้เฟยกุมหมัดคารวะเหมียวอี้ “พี่หนิว วันหลังค่อยเจอกัน!”
“วันหลังเจอกัน!” เหมียวอี้กุมหมัดส่ง
หลังจากมองส่งพวกเขาจากไปไกล เหมียวอี้ก็หันกลับมาอีก ไม่รู้ว่าพวกจางฮั่นฟางหนีไปไหนแล้ว ในดาราจักรมีเงาคนเหาะกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกที่
ในปีนั้นที่โดนสร้างความอัปยศน่าอับอาย เหมียวอี้จดจำฝังลึกอยู่ในใจ มีหรือที่บทจะผ่านไปแล้วก็ผ่านไปเลย ความแค้นบางอย่างจะต้องมีคำอธิบาย เหมียวอี้ไม่คิดว่าถ้าตัวเองใจกว้างปล่อยพวกเขาไป แล้วพวกเขาหรืออำนาจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาจะปล่อยตนไป ในเมื่อไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็เป็นแบบนี้อยู่ดี เช่นนั้นก็สักวันเรื่องนี้ก็ต้องถูกสะสาง เพียงแต่พลาดโอกาสดีในการเล่นงานพวกนั้นให้ถึงตายไปแล้ว ตอนนี้ยังทำอะไรเจ้าพวกนั้นไม่ได้ เช่นเดียวกัน เขารักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ไว้ได้ ยังคงอยู่ในระบบของระบบตลาดสวรรค์ อำนาจของท้องถิ่นก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรเขาเช่นกัน เขามองดูรอบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะเรียกเฮยทั่นออกมาและพุ่งไปยังจุดลึกในดาราจักรอย่างรวดเร็ว…
“ฮูหยิน ฮูหยิน การทดสอบจบแล้ว ได้ยินว่านายท่านทดสอบได้อันดับเก้า นายท่านน่าจะกำลังอยู่ระหว่างทางกลับ”
เสวี่ยเอ๋อร์ที่ไปสืบข่าวกลับมารีบวิ่งเข้ามาในชัยภูมิถ้ำสวรรค์ เข้ามาในเรือนพัก แล้ววิ่งเข้ามารายงานข่าวดีให้อวิ๋นจือชิวที่กำลังอาบน้ำอยู่ในอ่างอาบน้ำ
“ระหว่างทางน่าจะต้องใช้เวลานิดหน่อย” อวิ๋นจือชิวที่ผิวขาวดุจหิมะนอนพิงขอบอ่างพลางหัวเราะคิกคัก น้ำกำลังท่วมนองยอดเขาสองลูกพอดี ภาพที่อยู่ใต้เงาสะท้อนคลื่นน้ำทำให้คนเลือดลมสูบฉีด เชียนเอ๋อร์กำลังยิ้มบางๆ พลางใช้หวีสางผมยาวให้นาง
หลังจากเสวี่ยเอ๋อร์ลังเลครู่หนึ่งง ก็ถามอย่างระมัดระวังว่า “ฮูหยิน ได้ยินว่าตอนทดสอบนายท่านโดนทำโทษ โดนตัดรางวัลไว้ ทั้งยังโดนตัดรายได้ไปหนึ่งร้อยปี จากยศแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบก็โดนลดเป็นหทารเลวหกแถบแล้ว”
เชียนเอ๋อร์หันกลับมาบอกพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องให้เจ้าบอกหรอก ฮูหยินรู้หมดแล้ว นายท่านเพิ่งจะติดต่อกับฮูหยินไป”
“…” เสวี่ยเอ๋อร์พูดไม่ออก
อวิ๋นจือชิวอารมณ์ดีไม่เบา ยิ้มอย่างเป็นกันเองพร้อมบอกว่า “รางวัลเล็กน้อยแค่นั้นไม่เอาก็ได้หรอก ขอเพียงรอดชีวิตกลับมาได้ก็ดีกว่าอะไรทั้งนั้น ในที่สุดครั้งนี้ก็หายห่วงแล้ว ก่อนหน้านี้จู่ๆ ก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้ข้าตกใจแทบแย่จริงๆ สงสัยสถานที่จบการทดสอบจะวางค่ายกลตัดขาดสัญญาณระฆังดารา เออใช่ เดี๋ยวไปเก็บกวาดบ้าให้สะอาดเรียบร้อยด้วยนะ”
“เจ้าค่ะ!” สองสาวเอ่ยรับคำสั่ง
ณ สมาคมร้านค้า โจวหราน หัวหน้าสมาคมร้านค้านั่งเงียบอยู่ตรงหัวโต๊ะ
ผู้จัดการร้านยี่สิบเก้าคนที่มีสิทธิ์นั่งในนี้ก็เงียบเช่นกัน ข่าวที่เหมียวอี้กลับมาจากการทดสอบได้อย่างราบรื่นแพร่มาถึงนี่แล้ว ซึ่งไม่ใช่ข่าวดีสำหรับพวกเขาสักเท่าไร
อวี้ซวีเจินเหรินสีหน้าเรียบเฉย มองไม่ออกว่าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายสำหรับเขา
หวงฝู่จวินโหรวก็นั่งอย่างเหม่อลอยนิดหน่อย กำลังคิดว่าหลังจากเหมียวอี้กลับมาแล้วจะคิดบัญชีกับเหมียวอี้อย่างไร นอกจากเหมียวอี้จะหลอกนางว่าไม่เข้าร่วมการทดสอบแล้ว สิ่งที่น่าแค้นที่สุดก็คือร้อยปีมานี้เขาไม่เคยตั้งใจติดต่อมาหานางเลย น่าโมโหเกินไปแล้ว จบเรื่องนี้ไม่ได้หรอก!
“ทำไมถึงให้เขารอดชีวิตกลับมาได้ ทั้งยังได้อันดับเก้าอีก ทำลายความน่าเกรงขามของตำหนักสวรรค์ก็ควรจะลงโทษเขาให้ถึงตายสิ!”
คนที่ทอดถอนใจครวญครางก็คือเถียนเฟิงฮ่าว ผู้จัดการที่รับช่วงต่อร้านค้าเจ็ดอารมณ์ เขาเองก็ได้ข่าวมาแล้วเช่นกัน หนิวโหย่วเต๋อคนเดียวเรียกได้ว่าทำให้จวนเทพประจำดาวฟ้าเถาะไม่สงบสุข เนื่องจากการตายของจาเหรินจวิ้น นายหญิงของที่นี่มักจะร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในบ้านบ่อยๆ ทำเอาเทพประจำดาวฟ้าเถาะไม่อยากกลับบ้านแล้ว
ผู้จัดการร้านหูอวี้หยวนเคาะโต๊ะน้ำชาสองสามที “ตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาว่าเขาตายหรือไม่ตาย ตอนนี้เขารักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ไว้ได้และกลับมาแล้ว ตอนนี้ปัญหาอยู่ที่ว่าเขาจะมาคิดบัญชีกับพวกเรามั้ย”
เถียนเฟิงฮ่าวตอบว่า “ตอนอยู่ที่นรกเขาฆ่าคนไปเยอะขนาดนั้น ทั้งยังมีลูกหลานผู้มีอำนาจไม่น้อยที่ตายด้วยน้ำมือเขา เขายังจะกล้ากลับมาทำตัวกำเริบเสิบสานอีกเหรอ? แล้วอีกอย่าง เรื่องราวก็ชัดเจนแล้ว ก่อนจะไปเขาก็เงียบไว้ตลอด แสดงว่าเขายอมถอยให้แล้ว”
มีคนถอนหายใจแล้วตอบว่า “ประเด็นสำคัญคือก่อนหน้านี้พวกเราปลุกปั่นข่าวลือมากเกินไป ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นใคร ข้าก็ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่โกรธสักนิดเลย ถ้าเขาข่มความโกรธไว้แล้วกลับมาล้างแค้น อำนาจในการคุมกำลังพลที่ตลาดสวรรค์ยังอยู่ในมือเขานะ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยใช้วิธีการที่แข็งกร้าว ถ้าทุกคนไม่กลัวเลยสักนิดแล้วจะจะมานั่งปรึกษากันที่นี่ทำไม?”
“ที่จริงเรื่องนี้ก็จัดการง่ายเหมือนกัน ต้องดูว่าผู้จัดการร้านโจวจะยินดีออกหน้าหรือไม่”
“หมายความว่ายังไง?”
“ตอนนี้ระบบตลาดสวรรค์อยู่ในมือราชินีสวรรค์ ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วออกหน้าชี้แนะสักหน่อย หนิวโหย่วเต๋อก็ไม่กล้าทำอะไรซี้ซั้วอยู่ดี นอกเสียจากจะไม่อยากทำมาหากินอยู่ที่ตลาดสวรรค์แล้ว!”
“ใช่ๆๆ ผู้จัดการร้านโจว เจ้าคือหัวหน้าสมาคมร้านค้าที่ทุกคนคัดเลือกขึ้นมา เจ้าต้องหาทางจัดการเรื่องนี้นะ! ถ้าเจ้านั่นทำซี้ซั้วขึ้นมา ก็จะไม่เป้นผลดีกับทุกคน”
กลุ่มคนในนั้นเริ่มพูดเกลี้ยกล่อมโจวหรานที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ
โจวหรานชำเลืองกลุ่มคนที่พากันเอะอะโวยวาย เขานับว่ามองออกแล้ว คนพวกนี้พูดไปตั้งมากมาย แต่ที่แท้ก็รอเขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว คาดว่าคงปรึกษากันไว้ตั้งแต่แรกว่าจะให้เขาออกหน้าไปคุยกับตระกูลเซี่ยโห้ว เขาเองก็เข้าใจเช่นกัน ตอนแรกทุกคนคิดว่าหนิวโหย่วเต๋ออ่านสถานการณ์ออกและยอมอ่อนให้แล้ว ไม่มีอะไรน่ากลัว มิหนำซ้ำโอกาสที่หนิวโหย่วเต๋อจะรอดชีวิตกลับมาก็มีน้อยมาก ทว่าหนิวโหย่วเต๋อก็รอดชีวิตกลับมาแล้วจริงๆ คนพวกนี้จึงเริ่มหัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ ถ้ารอดชีวิตกลับมาแบบปกติก็ยังไม่เป็นไร แต่ปัญหาก็คือขนาดอยู่ที่แดนอเวจีหนิวโหย่วเต๋อยังฆ่าลูกหลานผู้มีอำนาจไปมากมายขนาดนั้น พวกเขาจึงกังวลว่าหนิวโหย่วเต๋อจะเหาเยอะแล้วไม่กลัวคัน ถึงอย่างไรเจ้าคนบ้านั่นก็เคยมีประวัติตัดหัวคนไปหลายพัน ถ้าใครบอกว่าไม่กลัวเลยสักนิดก็แปลว่าโกหกแล้ว
หวงฝู่จวินโหรวที่เงียบมาตลอดมองค้อนอยู่ข้างๆ ในใจแอบรู้สึกขำ นึกไม่ถึงว่าเจ้าผีนั่นจะมีควาน่าเกรงขามมากขนาดนี้ ตัวยังไม่ทันกลับมา ก็ทำให้คนพวกนี้ตกใจแล้ว ตอนก่อเรื่องเมื่อก่อนพวกเขาใจกล้ามากนักไม่ใช่เหรอ
“ข้าต้องรับหน้าที่เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ช่วงนี้ข้าแนะนำให้ทุกคนเก็บอาการหน่อย ดูก่อนว่าถ้าหนิวโหย่วเต๋อกลับมาแล้วจะมีปฏิกิริยายังไง ถ้าทุกคนไม่อยากก่อเรื่อง ถ้าพวกเรากดดันจนอีกฝ่ายก่อเรื่องก็คงไม่ดี อย่างน้อยอำนาจของตลาดสวรรค์ก็อยู่ในมืออีกฝ่าย พวกเรายังเป็นฝ่ายถูกกระทำ” โจวหรานถอนหายใจ นับว่าตอบตกลงแล้ว ใครใช้ให้เขาเป็นหัวหน้าสมาคมร้านค้าล่ะ ถ้ามีอะไรต้องรับผิดชอบเขาก็เป็นคนแรก ไม่ออกหน้าไม่ได้หรอก!
จวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตก ฝูชิง อิงอู๋ตี๋และสวีถังหรานกำลังดื่มสุรากันอย่างมีความสุขในศาลา
“ข้าเองๆ!” สวีถังหรานยิ้มจนหน้าบานเหมือนดอกไม้ กันมือของอิงอู๋ตี๋เอาไว้ เป็นฝ่ายยกกาสุราเติมให้ทั้งสองเอง ขณะเดียวกันก็ส่ายหน้ากล่าวด้วยความทึ่งว่า “พวกเจ้าว่าทำไมผู้บัญชาการใหญ่ถึงยอดเยี่ยมขนาดนี้! รอดชีวิตกลับมาได้เหมือนอย่างที่บอกไว้ก่อนจะไปเลย พวกเจ้าดูสิ ไม่ใช่แค่รอดกลับมาเฉยๆ นะ ทั้งยังรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ไว้ได้ด้วย อันดับเก้าเชียวนะ! ได้ที่เก้าจากหนึ่งล้านแปดแสนกว่าคน ช่างเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่น่าเสียดายที่มีข้อเสียอยู่นิดหน่อย โดนลดขั้นซะแล้ว แต่นั่นก็ไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือผู้บัญชาการใหญ่ของพวกเรายังมีอำนาจตัดสินใจที่อาณาเขตผืนนี้!”
ฝูชิงก็อารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน ยกจอกสุราพร้อมบอกว่า “ดื่มสุรา วันนี้ไม่เมาไม่กลับ!”
“ใช่ๆๆๆ ไม่เมาไม่กลับ!” สวีถังหรานยกจอกสุราพลางยิ้มไม่หุบ ในที่สุดก็ได้วางหินก้อนใหญ่ที่อยู่ในใจลงแล้ว ถ้าเปลี่ยนให้คนอื่นมานั่งเป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ เขาก็จะปกป้องเกียรติยศความร่ำรวยของตัวเองไม่ได้แล้ว
ใครจะคิดว่าตรงนี้เพิ่งจะชนแก้วกัน จู่ๆ ก็มีเสียงอุทานตกใจด้านนอก “ผู้บัญชาการมู่หรง โปรดให้ข้าไปรายงานก่อนเถอะ!”
สามคนที่กำลังชนแก้วหันไปมอง เห็นเพียงมู่หรงซิงหัวที่สวมชุดกระโปรงยาวบุกตรงเข้ามา ทหารยามกำลังตะโกนตามหลัง
พอเหลือบไปเห็นทั้งสามดื่มสุรากันอย่างมีความสุขในศาลา มู่หรงซิงหัวก็หยุดฝีเท้า แววตาดูสับสนนิดหน่อย แต่จากนั้นก็ยิ้มบางๆ ทันที “ผู้บัญชาการทั้งสามช่างมีอารมณ์สุนทรีจริงๆ นะ ทำไมดื่มสุราแล้วไม่เรียกข้าบ้าง หรือว่าเห็นข้าเป็นคนนอก?”
ทั้งสามสบตากันอย่างพูดไม่ออก นึกไม่ถึงจริงๆ ว่ามู่หรงซิงหัวจะฝืนบุกเข้ามา ฝูชิงโบกมือไล่ทหารยาม “ไม่มีอะไรแล้ว ออกไปเถอะ”
พอทหารยามออกไป ทั้งสามก็ทยอยกันลุกขึ้นแล้วเชิญให้มู่หรงซิงหัวนั่งร่วมวง…
ตำหนักนารีสวรรค์ เอ๋อเหมย สาวใช้ข้างกายราชินีสวรรค์เดินนำอยู่ข้างหน้า นำเซี่ยโห้วหลงเฉิงที่เดินก้มหน้าก้มตาจ้องเท้าเพราะไม่กล้ามองมองซี้ซั้วเข้ามาข้างใน
ต้องทราบไว้ว่านี่คือวังหลังของตำหนักสวรรค์ คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเป็นผู้หญิง เป็นนางสนมของราชันสวรรค์ทั้งหมด ส่วนใหญ่ล้วนเป็นยอดหญิงงามที่หาพบได้ยากในโลกมนุษย์ ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้ามาในนี้ได้เลย ส่วนคนที่เข้ามาแล้วก็ไม่กล้ามองไปทั่ว
พอเข้ามาในตำหนัก เห็นราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่นั่งทำงานอยู่หลังโต๊ะยาว เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็รีบก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วคุกเข่าลงทันที เอาศีรษะโขกพื้นด้วย “ข้าน้อยเซี่ยโห้วหลงเฉิงถวายบังคมราชินีสวรรค์”
ที่จริงการคุกเข่าที่จริงจังเป็นพิเศษของเขาได้ทำให้ราชินีสวรรค์เหลือบตาขึ้นมองแล้ว นางยิ้มมุมปากทันที แล้วบอกว่า “พอแล้ว ตรงนี้ไม่มีคนนอก ไม่จำเป็นต้องมากพิธีขนาดนั้น ลุกขึ้นเถอะ”
ตอนนี้เซี่ยโห้วหลงเฉิงถึงได้เงยหน้าขึ้นมาหัวเราะแห้งๆ ขณะที่ลุกขึ้นก็กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มโง่ๆ ว่า “ท่านอา หลานไม่ได้เจอท่านมานานแล้ว คิดถึงหลานแทบแย่แล้วสิ”
เขาได้รับแจ้งตอนที่อยู่ระหว่างทางกลับ อีกฝ่ายสั่งให้เขามาที่นี่ ในใจเรียกได้ว่าสะใจ ท่านอาที่ยามปกติแม้แต่จะเจอหน้ายังเจอได้ยาก ไม่น่าเชื่อว่าจะเรียกพบตนเป็นการส่วนตัว จะเห็นได้ว่าการที่ตัวเองมีคะแนนทดสอบดีๆ อยู่ในมือแล้วเนื้อหอมขนาดไหน หลังจากกลับบ้านไปก็สามารถเงยหน้ายืดอกได้แล้ว
ราชินีสวรรค์วางแผ่นหยกในมือลง ลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะยาวออกมา เดินลากชุดประโปรงยาวหรูหราอ้อมเซี่ยโห้วหลงเฉิงรอบหนึ่ง ตบแผ่นหลังที่กว้างบึกบึนของเซี่ยโห้วหลงเฉิง แล้วพยักหน้าเบาๆ “หลงเอ๋อร์โตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ ไม่ใช่เจ้าเด็กโง่บุ่มบ่ามคนก่อนแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะได้อันดับเก้าท่ามกลางการทดสอบของทัพใหญ่หนึ่งล้าน ประสบความสำเร็จแล้วจริงๆ”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงยืดอกทันที อดไม่ได้ที่จะอ้าปากหัวเราะแล้วกล่าวโอ้อวด “ก็ไม่ใช่คะแนนดีอะไรหรอกขอรับ แค่ที่เก้าเอง ธรรมดาๆ พอถูไถไปได้ เดิมทีอยากจะเอาที่หนึ่งมาเป็นหน้าเป็นตาให้ท่านอาด้วยซ้ำ แต่ที่แดนอเวจีนั่นอันตรายจริงๆ หลานนับว่าทำสุดความสามารถแล้ว ท่านอาได้โปรดอย่าถือสาเลยนะ!”
…………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น