ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 125-136

 บทที่ 125 สมุดบันทึกจุดชนวนคดีเก่าตกค้าง

โดย

Ink Stone_Fantasy

การกระจัดกระจายของกระแสน้ำอุ่นนำเอาเมฆครึ้มติดไปด้วย ตอนนี้ท้องฟ้าของเกาะแฟร์เวลปลอดโปร่งไร้ซึ่งเมฆฝน เป็นสีฟ้าสดใส ราวกับผลึกคริสทัลที่ถูกแขวนไว้บนท้องฟ้า อีกทั้งยังสะอาดบริสุทธิ์จนชวนให้รู้สึกประทับใจ


ฉินสือโอวเอนตัวอยู่บนดาดฟ้า ถือเอาโทรศัพท์มือถือ ‘แชะๆๆ’ ถ่ายรูปไปไม่กี่รูปเพื่อลงรูปใน QQ


ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงเช้า นิวฟันด์แลนด์อยู่ในเขตเวลาที่สี่ของทางฝั่งตะวันตก ส่วนปักกิ่งอยู่ในเขตเวลาที่แปดของฝั่งตะวันออก เวลาของทั้งสองฝั่งอยู่ห่างกันราวๆสิบชั่วโมงครึ่ง สำหรับที่จีนแล้ว ตอนนี้กำลังเป็นเวลาห้าทุ่มครึ่ง


ช่วงเวลาสี่ห้าทุ่มเป็นช่วงนาทีทองของมนุษย์กลางคืนทั้งหลาย เวลานี้ของทุกๆวันกลุ่มใน QQ จะค่อนข้างคึกคัก ฉินสือโอวเปลี่ยนสถานะเป็นออนไลน์เพื่อทักทายคนอื่นๆ เพื่อนร่วมชั้นเรียนกลุ่มหนึ่งก็จับเขาไว้ บอกให้เขากลับประเทศมาเลี้ยงข้าวเพื่อนๆ


“เป็นเศรษฐีแล้ว”


“ฉินโซ่ว ตอนนี้ไม่เห็นแกเพื่อนเห็นแก่ฝูงแล้วสินะ ตอนเรียนมหาลัยหาเงินได้สองร้อยหยวนก็ยังพาฉันไปเลี้ยงปิ้งย่าง ตอนนี้เป็นเศรษฐีมีเงินตั้งกี่สิบล้านแล้ว โคตรแม่มยังไม่เห็นแม้แต่เงา”


“ฉินโซ่วจวี๋จวี้ เมื่อไรแกจะกลับมาเลี้ยงข้าวพวกเรา?


“กินๆๆ ต้องได้กิน ขอแค่ได้กินอย่างอื่นก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว!”


ฉินสือโอวอ่านแล้วก็ยิ้มไม่หยุด เขากำลังจะเขียนข้อความตอบกลับ แต่ปรากฏว่าเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ตอนนี้เรือยอชต์ยังไม่ได้ออกจากท่าเรือ ดังนั้นสัญญาณจึงแรงมาก


นี่เป็นสายจากเบอร์แปลก หลังจากรับสายเขาก็ถามก่อนว่า “คุณคือใครครับ?”


เสียงนิ่งๆเสียงหนึ่งดังออกมาจากลำโพง “สวัสดีครับ คุณฉินใช่ไหมครับ? ผมบิลลี่ สตอร์ม จากบริษัทโอดีสซีย์ มารีน เอ็กเพอเรชันนะครับ ผมเสิร์ชเว็บไซต์บ้านของเรืออับปาง แล้วเห็นกระทู้คำถามของคุณ ที่สอบถามเรื่องเรือดังเคิลออสเดียสของตระกูลเฟอร์ดินัน ขอถามหน่อยนะครับ คุณได้ค้นพบเรือลำนี้แล้วใช่ไหม?”


เมื่อได้ยินคีย์เวิร์ดสำคัญอย่างคำว่าเรือดังเคิลออสเดียส ฉินสือโอวก็ระวังตัวขึ้นมาทันที “คุณหาเบอร์ติดต่อของผมมาจากช่องทางไหนเหรอครับ?”


ตอนลงทะเบียนกับเว็บไซต์บ้านของเรืออับปางต้องใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อทำการยืนยัน แต่เว็บไซต์รับประกันว่าเบอร์โทรศัพท์จะเป็นความลับ เห็นได้ชัดว่า พวกเขาทำไม่ได้ตามที่พูดไว้เลยแม้แต่น้อย ไม่เช่นนั้นบิลลี่ สตอร์มคงไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขาแบบนี้


บิลลี่ทายความคิดของเขาได้ถูก เขาอธิบายว่า “ผมยังมีอีกหน้าที่หนึ่ง คือผู้ดำนินการเว็บไซต์ ดังนั้นผมจึงสามารถตรวจสอบหาเบอร์โทรศัพท์ที่คุณทิ้งไว้ได้ ก็เลยบุ่มบ่ามโทรมาหาคุณ”


เมื่อเป็นเช่นนี้ฉินสือโอวจึงคลายความกังวลลงได้ แต่เขาไม่ได้บอกความจริงไป เมื่อคิดได้ว่าเคยพบสมุดบันทึกของกัปตัน จึงบอกไปว่า “เมื่อเร็วๆนี้ผมได้สมุดบันทึกเก่าแก่มาหนึ่งเล่ม บนปกเขียนข้อความเกี่ยวกับเรือดังเคิลออสเดียสไว้ ผมคิดว่าค่อนข้างน่าสนใจ ดังนั้นจึงลองไปสอบถามดู คุณมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องเหรอครับ?”


เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น น้ำเสียงของบิลลี่ก็ฮึกเหิมขึ้น เขาพูดขึ้นว่า สมุดบันทึกของคุณไม่มีข้อความที่เกี่ยวกับตำแหน่งของเรือดังเคิลออสเดียสเหรอครับ? ตามที่พวกเราได้สำรวจมา ตอนที่เรือลำนี้จมลงในน้ำ มันได้บรรทุกแร่เงินไว้ห้าร้อยตัน ถ้าสามารถงมมันขึ้นมาได้ เพื่อนเอ๋ย ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะกลายเป็นมหาเศรษฐีร้อยล้านเลยล่ะ”


“อะไรนะ แร่เงินห้าร้อยตันเหรอ?”ฉินสือโอวงงงัน เขากะพริบตาปริบๆ ช่างน่าตาย เห็นๆอยู่ว่ามีร้อยตัน หรือว่าที่ตำแหน่งอื่นจะยังมีแร่เงินอยู่อีก


“ใช่แล้ว แร่เงินห้าร้อยตัน เรือลำนี้ออกเดินทางจากท่าเรืออัลเจซิราสในปี 1781 บรรทุกแร่เงินห้าร้อยตันไปที่บอสตัน จากนั้นก็ส่งไปที่นิวยอร์ก


“ในตอนนั้นแร่เงินพวกนี้เป็นงบประมาณทางการทหารของรัฐบาลสเปนที่ให้รัฐบาลของวอชิงตันยืม ใช้สำหรับต่อสู้กับพวกอังกฤษขี้ครอก เพื่อเป็นการช่วยเหลือให้สหรัฐอเมริกาชนะสงครามปฏิวัติอเมริกา”


“แต่ปรากฏว่าทิศทางของเรือลำนี้เกิดปัญหาขึ้น ครั้งสุดท้ายที่ติดต่อกับพวกเขาได้ ก็พบว่าพวกเขาสูญเสียทิศทางจนหลงไปในทะเลแล้ว และยังผ่านเส้นขนานที่สี่สิบห้าองศาเหนือไปแล้วด้วย ต่อจากนั้น เรือลำนี้ก็ไม่เคยปรากฏขึ้นอีกเลย จนถูกจัดเข้ารายชื่อเรืออับปาง


เห็นได้ชัดว่าบิลลี่ตั้งใจที่จะร่วมมือกับฉินสือโอวเพื่อกู้ซากเรือเรือดังเคิลออสเดียสด้วยความจริงใจ ข้อมูลภูมิหลังก็เล่าให้เขาฟังจนหมดแล้ว


ฉินสือโอวสับสนงุนงง ไม่ใช่สิ เห็นได้ชัดว่าบนเรือลำนั้นมีแร่เงินอยู่แค่หนึ่งร้อยตัน ทำไมถึงบอกว่ามีอยู่ห้าร้อยตันล่ะ? ถ้าจะบอกว่าหล่นลงไปในทะเลตอนกำลังจม ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ห้องของกัปตันถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา


ถ้าอย่างนั้น แล้วเงินอีกสี่ร้อยตันล่ะ?


ฉินสือโอวไม่เข้าใจเรื่องนี้เลยสักนิด จึงเหลือเพียงเครื่องหมายคำถามไว้ให้วิลลี่ “ตามที่สมุดบันทึกได้บอกไว้ เพื่อน เห็นได้ชัดว่าเรือดังเคิลออสเดียสมีแร่เงินอยู่แค่หนึ่งร้อยตันเท่านั้นนะ”


บิลลี่ที่อยู่ฝั่งนั้นก็เงียบไป ฉินสือโอวนึกว่าเขาวางสายไปแล้ว แต่สุดท้ายก็มีเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาโมโหขึ้นมาก “ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็พิสูจน์ได้แล้วเรื่องหนึ่ง พวกน่าตายนั่น ที่เขาเล่ากันเป็นความจริง ไอ้พวกสเปนลูกโสเภณีขี้ครอก พวกมันโกงรัฐบาลเหนือของสหรัฐอเมริกา!”


ฉินสือโอวก็ยิ่งสับสน นี่มันคืออะไรยังไงกันแน่?”


บิลลี่รีบถามขึ้นมาว่า “ฉิน คุณอยู่ที่นิวฟันด์แลนด์ใช่ไหม? ผมเป็นคนอเมริกัน ตอนนี้อยู่ที่แคลิฟอร์เนีย ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะพูดคุยกับคุณสักหน่อย แล้วก็อยากจะขอดูสมุดบันทึกของคุณ เพราะมันอาจจะเกี่ยวข้องกับคดีเก่าแก่ของทั้งสองประเทศ!”


“คดีเก่าแก่อะไรนะ?”เปลวไฟในตัวของฉินสือโอวก็ลุกโชนขึ้น


บิลลี่อธิบายว่า “ไม่รู้ว่าคุณจะเข้าใจไหม สงครามประกาศอิสรภาพของพวกเรา แท้จริงไม่ใช่พวกเราที่เอาชนะอังกฤษได้ด้วยตนเอง ตอนนั้นพวกเราได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศส อิตาลี โปรตุเกสและสเปน”


“ในตอนนั้น กองกำลังทหารของวอชิงตันดีซีทั้งยากจนและล้าหลัง ประเทศเหล่านี้ล้วนแต่ดำเนินการช่วยเหลือในระดับต่างๆ หนึ่งในนั้นมีการสนับสนุนแร่เงินห้าร้อยตันจากสเปนด้วย ถึงแม้แร่เงินพวกนี้จะเป็นวิธีการให้รัฐบาลอเมริกากู้ยืมก็ตาม


“แต่ว่า สำหรับกองกำลังทหารของทางเหนือแล้วของพวกนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก สุดท้ายกลับส่งมาไม่ถึงบอสตัน ทว่า เนื่องจากรัฐบาลอเมริกาเป็นฝ่ายกู้ยืมจึงทำให้ต้องเซ็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหลายข้อในการกู้ยืมครั้งนี้”


“หนึ่งในนั้นมีข้อหนึ่งที่บอกว่าเมื่อแร่เงินออกจากเขตทะเลของสเปนแล้ว รัฐบาลสเปนจะไม่รับผิดชอบดำเนินการรักษาความปลอดภัยของแผ่นเงิน ไม่ว่าเงินจำนวนนี้จะหายหรือถูกโจรสลัดปล้นไป จะเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐทั้งสิ้น”


“ปรากฏว่า สุดท้ายแล้วแร่เงินพวกนี้ก็ส่งมาไม่ถึงแผ่นดินอเมริกา แต่เนื่องจากว่ามีสัญญาการกู้ยืมอยู่ หลังจากสถาปนาประเทศแล้ว รัฐบาลวอชิงตันดีซีจึงยังต้องคืนหนี้ของแร่เงินห้าร้อยตันไปด้วยความยากลำบาก”


“ตลอดมาจนกระทั่งตอนนี้ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีเพียงเรื่องเล่าเท่านั้น ว่ากันว่า ข้อตกลงกู้ยืมครั้งนี้เป็นแผนการของชาวสเปน พวกเขาหลอกรัฐบาลอเมริกา แท้จริงบนเรือมีแร่เงินอยู่เพียงหนึ่งร้อยตันเท่านั้น ที่เหลือล้วนแต่เป็นแผ่นเหล็กชุบเงิน!”


“น่าเสียดายที่ไม่มีหลักฐาน เรื่องนี้จึงเป็นเพียงแค่เรื่องที่เล่าต่อกันมา ถ้าหากว่าข้อมูลที่บันทึกไว้ในสมุดเล่มนั้นของคุณเป็นของจริง ถ้าอย่างนั้นเรื่องเล่านั้นก็เป็นความจริง!”


บิลน่าจะเป็นคนที่รักชาติมาก ช่วงที่กำลังอธิบายเรื่องคดีเก่าแก่อันนี้ จึงได้ฉุนเฉียวมาก ไม่ว่าจะ ‘FUCK’ ‘ลูกโสเภณี’ SHIT’ คำพวกนี้ก็ถูกพูดออกมาอย่างไม่ขาดสาย


ฉินสือโอวไม่อยากที่จะเข้าไปพัวพันกับสิ่งที่เรียกว่าคดีของสองประเทศนี้ มีประโยชน์กับเขาตรงไหนกัน?


อีกอย่างคือเมื่อสักครู่เขาเพิ่งโกหกเรื่องสมุดบันทึกไป สมุดบันทึกเล่มนั้นแช่น้ำจนเปื่อยหมดแล้ว ตัวหนังสือข้างบนจะอ่านได้รู้เรื่องได้ที่ไหนกัน?


ดังนั้น เขาจึงกล่าวขอโทษและบอกปฏิเสธบิลลี่ไป เขาขอร้องว่า ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของฟาร์มปลา อยากใช้ชีวิตอย่างสบายใจไปเรื่อยๆก็เท่านั้น เรื่องการเมืองและเศรษฐกิจเขาขอไม่ยุ่งด้วยจะดีกว่า


เขาเปิดQQ ขึ้นมาอีกครั้ง ฉินสือโอวพบว่าตอนนี้ในเพื่อนๆกลุ่มกลับเอะอะครึกโครมกันวุ่นวาย ประเด็นที่คุยกันก็คือตอนนี้เขาเสแสร้งเกินไป พอเข้ามาแสดงตัวแล้วก็หายไปซะอย่างนั้น จงต้าจวิ้นตะโกนเรียกไม่หยุดว่าเพราะประเด็นเรื่องเลี้ยงข้าวทำให้เขาตกใจจนหนีไป


ฉินสือโอวจึงต้องรักษาชื่อให้ตัวเอง “ไสหัวไปเลย เมื่อสักครู่ฉันไปรับโทรศัพท์มา ฉันไม่อยู่พวกแกก็ยังพากันสร้างความวุ่นวายอีก! ไม่ใช่แค่เรื่องเลี้ยงข้าวนะ แต่ปัญหาคือฉันจะเลี้ยงยังไง พวกแกอยู่แยกกันห่างกันคนละซีกโลก จะมารวมกันยังทำไม่ได้เลย!”


“แกซื้อเครื่องบินแล้วบินมาสิ ยังไงตอนนี้แกก็เป็นเศรษฐีอะ”เหมาเหว่ยหลงส่งสติกเกอร์ยิ้มแบบมีเลศนัย


พอพูดถึงเรื่องซื้อเครื่องบิน ใจของฉินสือโอวก็เริ่มสั่นขึ้นมา เขาคงจะต้องซื้อเครื่องบินจริงๆแล้วล่ะ


…………………………………………………….


บทที่ 126 สุนัขอัจฉริยะ

โดย

Ink Stone_Fantasy

เครื่องบินที่เขาต้องการจะซื้อ ไม่ใช่เครื่องบินส่วนตัวสำหรับนั่งโดยสาร แต่เป็นเครื่องบินที่ในการเกษตรสำหรับฟาร์มปลา


เครื่องบินส่วนตัวก็อยากจะซื้อ ทว่าตอนนี้เขายังซื้อไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังซื้อก่อนจะขายแผ่นเงินออกไปไม่ได้


เครื่องบินที่ใช้ในการเกษตรมีหลากหลายและราคาถูก สี่แสนดอลลาร์แคนาดาก็สามารถซื้อแบบที่พอใช้ได้แล้ว แต่ถ้าหากว่ายอมจ่ายเงินหนึ่งล้านแปดแสนดอลลาร์แคนาดา เช่นนั้นก็จะสามารถซื้อแบบที่เจ๋งสุดๆได้เลย


ตามการเติบโตของปลาซาบะ และปลาปลาค็อด พวกมันเริ่มกระจัดกระจายกันไปตามแต่ละมุมของฟาร์มปลา ไม่อยู่รวมกันเหมือนตอนที่ยังเล็กๆอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้มีบางพื้นที่ที่ต้องปลูกสาหร่ายทะเลเพิ่ม ไม่เช่นก็คงจะถูกปลากินจนหมด


แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือฉินสือโอวอยากจะนั่งเครื่องบินเพื่อเอาไว้โอ้อวดอะไรพวกนั้น ความรู้สึกที่ได้อยู่บนฟ้าแล้วมองลงมายังมหาสมุทรและเกาะข้างล่างคงจะดีสุดๆแน่นอน


เขาเงยหน้าดูสภาพอากาศ ฉินสือโอวรู้สึกว่าวันนี้อากาศดีมาก ถ้าไม่ออกทะเลไปอาบแดดเสียหน่อยคงจะรู้สึกผิดกับอากาศวันนี้น่าดู


เขาตะโกนบอกนีลเซ็นให้สตาร์ทเครื่องยนต์เรือหน้ากว้างไครเมีย ส่วนตัวเองนอนเอนหลังอยู่บนดาดฟ้าของเรือที่เปิดออกกว้าง หู่จือและเป้าจือก็ปีนขึ้นมา ตอนนี้เสี่ยวหมิงกระรอกน้อยมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองสูงมาก ทุกที่ของฟาร์มปลาล้วนเป็นอาณาบริเวณของมัน เมื่อเห็นฉินสือโอวอยู่บนเรือหน้ากว้าง มันจึงกระโดดดึ๋งๆ ขึ้นมาบนเรือ


ฉงต้าที่นอนหมอบอยู่บนชายหาดมองไปที่เรือหัวกว้างด้วยความกระวนกระวายใจ ฉินสือโอวโบกมือให้มัน มันเดินขึ้นไปบนท่าเรืออย่างหยั่งเชิง มองดูระลอกน้ำทะเลรอบด้าน แล้วรีบหันกลับแล้ววิ่ง


ฉินสือโอวเห็นว่ามันกลัวทะเล จึงเตรียมจะเอาเรือออกจากฝั่ง แต่ปรากฏว่าพอฉงต้าเห็นว่าฉินสือโอวกำลังจะไปแล้ว มันก็ยื่นคอแล้วส่งเสียง ‘ฮือฮือ’ ออกมาอย่างน่าสงสาร เสียงร้องเรียกเศร้าๆ ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกใจเสียไปด้วย


ฉินสือโอวจอดเรือเพื่อที่จะไปอุ้มมันขึ้นมา แต่ปรากฏว่าพอเขาเดินขึ้นไปถึงท่าเรือ มันก็กอดฉินสือโอวเอาไว้แน่นแล้วเริ่มร้องครวญคราง ตอนที่กำลังจะวางมันลงไปบนเรือหน้ากว้าง ฉงต้าก็มาถึงจุดสิ้นสุด ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมขึ้นเรือ


ไม่มีทางเลือกแล้ว ฉินสือโอวจึงอุ้มมันกลับไปอีกรอบ คราวนี้เขาวางมันลงบนชายหาด ส่วนมันก็นิ่งขึ้นมากแล้ว ถึงแม้ว่าการแยกจากฉินสือโอวจะเจ็บปวดมาก แต่คราวนี้กลับไร้ซึ่งการขัดขวาง


เรือหน้ากว้างแล่นวนไปหนึ่งรอบ แล้วจึงมุ่งหน้าสู่เขตน้ำลึกของทะเลไปอย่างราบรื่น หู่จือและเป้าจือหมอบอยู่ตรงขอบของเรือแล้วมองออกไปข้างนอก ละอองน้ำสาดที่กระเซ็นก็สาดเข้าใส่เจ้าหมาน้อยทั้งสองตัว เข้ากันกับขนสีทองของมัน ที่ส่องแสงเป็นประกาย


ฉินสือโอวเอาแขนข้างซ้ายรองไว้ข้างหลังศีรษะของเขา และสวมแว่นกันแดดเพื่อดื่มด่ำกับแสงอาทิตย์ มือหนึ่งจับเอาเบ็ดตกปลาที่หย่อนลงไปในน้ำตามอำเภอใจ รอให้ปลาที่กำลังดวงตกมาติดเบ็ด


จิตสำนึกโพไซดอนลงไปสู่มหาสมุทร ตอนที่ผ่านแนวปะการัง เขาก็ใช้พลังจิตสำนึกโพไซดอนบางส่วนเติมเข้าไป


ตอนนี้แนวปะการังโตจนเท่าขนาดคอขวดแล้ว ถึงแม้จะยังอยู่ในช่วงที่กำลังขยายตัว แต่เมื่อพูดถึงความกว้างของที่ดินฟาร์มปลาที่ตรงกันข้ามแล้ว ความเร็วของการเติบโตเท่านี้ยังถือว่าช้าเกินไป


ฉินสือโอวลองคิดๆดูแล้ว ถ้าเกิดมันไม่ดีขึ้นก็คงจะต้องให้คนงานมาสร้างปะการัง เอาพวกซากเรือไม้ที่ไม่ได้ใช้งาน พร้อมทั้งก้อนหินมาวางลงไปบริเวณรอบๆปะการัง เพื่อดึงดูดต้นอ่อนปะการังให้มาแพร่พันธุ์


ไม่สามารถนำก้อนคอนกรีตมาใช้ได้ นี่คือนี่คือเรื่องที่น่ามหัศจรรย์ของธรรมชาติ ต้นอ่อนปะการังไม่สามารถเกาะติดกับท่อนคอนกรีตได้ และถึงแม้จะสามารถยึดติดอยู่ข้างบนได้แต่ก็อาจจะหยุดสืบพันธุ์ เมื่อเป็นเช่นนั้นปะการังก็จะไม่สามารถเติบโตได้


ปะการังที่นับว่าเป็นศูนย์กลางของน่านน้ำ เป็นพลังชีวิตที่คึกคักที่สุดของฟาร์มปลา ที่นี่ไม่มีสาหร่ายยักษ์ แต่มีสาหร่ายใบใหญ่บางส่วน ปลาค็อด ปลาแฮริ่ง ปลาเทราต์ ปลาแซลมอน เต่ามะเฟือง หมึก หมึกกระดอง และเหาฉลาม ที่อาศัยอยู่ที่นี่ พันธุ์ปลาหลากสีสันว่ายน้ำไปมา เต็มไปด้วยความงดงาม


ปลาแซลมอนโคโฮที่นำกลับมาด้วยครั้งนั้นก็มีบางส่วนที่ยังอยู่ที่นี่ ปลาแซลมอนชัมพวกนี้สามัคคีกันที่สุด รวมตัวกันอยู่อย่างปรองดองสงบสุข ถึงแม้จะเป็นอันธพาลอย่างปลาทูน่าครีบเหลือง เจ้าเล่ห์เหมือนปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ หรือจะฉลาดเหมือนบอลหิมะ ก็ไม่กล้าที่จะไปแหย่พวกมันง่ายๆ


นี่แหละคือพลังของหมู่คณะ!


เพรียงตีนเต่าสามารถยึดอยู่กับปะการังได้แล้ว ตอนนี้เปลือกของมันก็เริ่มจะงอกออกมาแล้ว พวกปลานกแก้วรู้สึกสนใจเปลือกของมันมาก พวกมันยื่นๆหดๆหัวมองดูอยู่รอบๆ ปลานกแก้วตัวหนึ่งมีโอกาสกินเพรียงตีนเต่าลงไป แต่คาดว่ารสชาติน่าจะไม่ถูกใจ มันจึงเลิกสนใจแล้วว่ายจากไป


ปลานโปเลียน ปลายอดม่วง ปลาลายญี่ปุ่น ฉินสือโอวตื่นเต้นดีใจที่ได้พบปลาหายากสามชนิดนี้ในฟาร์มปลา


พวกปลาลิ้นหมาที่ย้ายจากท่าเรือมาสู่เขตแนวปะการังก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และจำนวนของพวกมันก็เพิ่มขึ้นบ้างแล้ว นอกจากนี้พวกมันยังกินสาหร่ายทะเลที่ได้รับพลังจิตสำนึกโพไซดอนด้วย ทำให้ร่างกายของพวกมันเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ปลาลิ้นหมาหลายตัวที่ตัวใหญ่ที่สุดส่วนมีขนาดยาวตั้งแต่แปดสิบเซนติเมตรไปจนถึงหนึ่งเมตร


พวกฉลามแมวก็ยังคงกร่างอยู่อย่างนั้น ฉลามแมวทั้งเจ็ดตัวไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มเป็นก้อน เหมือนกับพวกนักเลงหนึ่งกลุ่มที่ว่ายน้ำลอยไปลอยมาอยู่รอบๆเขตแนวปะการัง


ทว่าพวกมันก็อาศัยช่วงที่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือพ่อลูกไม่อยู่ถึงจะว่ายออกมาทำตัวกร่าง เพราะเจ้าน้ำเงินใหญ่มีความสนใจต่อพวกมันอย่างมากมาโดยตลอด


นอกจากนี้ปัญหาแมงกะพรุนที่ฟาร์มปลาก็ยังค่อนข้างมากอยู่ มีแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกสบางส่วนลอยมาถึงเขตแนวปะการัง มังกรน้ำเงินก็ทำที่นี่ให้กลายเป็นบ้านของมันแล้ว สิ่งมีชีวิตตัวน้อยนี้ค่อนข้างสวยงาม ร่างกายสีน้ำเงินของมันยิ่งช่วยเพิ่มสีสันหลากหลายให้กับปะการัง


ฉินสือโอวดูเหมือนทหารกองกำลังตรวจพล ที่กำลังตรวจสอบรอบๆเขตแนวปะการัง ส่วนบอลหิมะก็คือบอดี้การ์ดของเขา ที่คอยตามประกบซ้ายขวา


หลายวันที่ไม่ได้เจอ บอลหิมะก็มีความสามารถใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก ไม่รู้ว่ามันไปฝึกการเป่าอากาศในน้ำมาจากไหน อ้าปากหนึ่งครั้งก็มีฟองอากาศออกมาหนึ่งฟอง น่าสนุกมากๆ


จิตสำนึกโพไซดอนลงลึกต่อไปอีก ฉินสือโอวกำลังค้นหาที่ที่เหมาะจะย้ายแผ่นเงินมาไว้ เขาวางแผนไว้เรียบร้อยแล้วว่า จะซื้อซากเรืออับปางชุดหนึ่งมาวางไว้ที่บริเวณแนวปะการัง หาลำที่ดูน่าเชื่อถือที่สุดแล้วเอาไปวางไว้เขตทะเลที่ไกลหน่อย แล้วจึงเอาแผ่นเงินไปวางไว้บนเรือลำนั้น


สาหร่ายทะเลเป็นสิ่งมีชีวิตที่แพร่กระจายไปได้กว้างที่สุดในฟาร์มปลา ตั้งแต่บริเวณใกล้กับชายฝั่งทะเลจนถึงจุดลึกของฟาร์มปลา ความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ทำให้ความเร็วของกระแสน้ำอุ่นเพิ่มมากขึ้น นำมาซึ่งแพลงก์ตอนจำนวนมาก และแพลงก์ตอนพวกนี้ก็อาศัยสาหร่ายทะเลในการดำรงชีวิตอยู่พอดี


จิตสำนึกโพไซดอนลอยไปเรื่อยๆ ฉินสือโอวรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจเป็นอย่างมาก นี่แหละฟาร์มปลาของฉัน!


ขณะที่กำลังตรวจดูสภาพของใต้ทะเล ทันใดนั้นเอ็นของเบ็ดตกปลาก็ถูกตรงจนตึงขึ้น หู่จือและเป้าจือที่หมอบอยู่ข้างแคมเรือก็อ้าปากส่งเสียงเห่าออกมาอย่างร่าเริงทันที


ฉินสือโอวพลิกตัวลุกขึ้นมาจับด้ามของเบ็ดตกปลาไว้ ด้านหนึ่งก็ค่อยๆ ปล่อยเส้นเอ็นเพื่อตัดกำลังของปลาตัวนี้ อีกด้านหนึ่งก็หันไปพูดกับหู่จือและเป้าจือว่า “ลงทะเลไปกัดมันเลย!”


เดิมทีสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ก็เป็นพันธุ์สุนัขที่ถูกฝึกไว้เพื่อเป็นผู้ช่วยชาวประมง พวกมันเกิดมาก็สามารถว่ายน้ำได้เลย กล้าหาญฉลาดปราดเปรื่อง สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ที่ถูกฝึกจนสำเร็จ จะสามารถช่วยชาวประมงไล่ต้อนฝูงปลาในบริเวณน้ำตื้นได้


ตอนนี้หู่จือและเป้าจือโตจนมีขนาดความยาวสี่สิบเซนติเมตร อาหารการกินก็เพิ่มพลังจิตสำนึกโพไซดอนลงไปด้วย ทำให้พวกมันเติบโตได้เร็วมาก จากลูกสุนัขที่มีขนาดตั้งแต่ตัวเท่าฝ่ามือกลายมาเป็นสุนัขขนาดกลางอย่างทุกวันนี้


ฉินสือโอวให้นีลเซ็นมาจับคันเบ็ดไว้แทน ส่วนตัวเขาไปฝึกสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ให้ไปไล่ต้อนปลาในทะเล เรือลาดตระเวนมีเรือยางลำเล็กติดอยู่หนึ่งลำ ที่ใช้สำหรับเป็นเรือกู้ภัย


เรือหน้ากว้างไครเมียทันสมัยมาก มีเครื่องปั๊มลมอัตโนมัติติดตั้งไว้ด้วย แค่ครู่เดียวก็เติมลมเรือยางได้จนเต็มลำ ฉินสือโอวรีบพายเรือไปตามเส้นเอ็นตกปลา นีลเซ็นก็ช่วยดึงเส้นเอ็นตกปลาไปทางด้านหลัง เมื่อเป็นเช่นนี้ปลาที่อยู่ในทะเลก็ต้องยื่นตัวตามมา


เมื่อได้โอกาส ฉินสือโอวจึงชี้ปลาสีแดงเพลิงตัวนั้นให้หู่จือและเป้าจือดู แล้วจึงทำท่ายื่นมือออกไป


ไม่เสียแรงที่เป็นสุนัขอัจฉริยะที่ได้รับพลังจากจิตสำนึกโพไซดอน หู่จือและเป้าจือไม่ได้หวั่นเกรงต่อปลาที่มีขนาดใหญ่กลัวตัวเองเลยสักนิด มันกระโดดลงจากเรือยางอย่างพร้อมเพรียงกัน


ลูกสุนัขทั้งสองตัวยังคงใช้กลยุทธ์การล้อมปราบเหมือนบนบก หู่จือบุกเข้าใส่ปลาตัวนั้นจากทางด้านหน้า ส่วนเป้าจือก็ล้อมเข้ามาจากด้านข้าง ลูกสุนัขสองตัวร่วมมือกันเช่นนี้ ทำให้ปลาตัวนั้นตกใจจนว่ายหนีไปทางด้านหลัง เมื่อเป็นเช่นนี้นีลเซ็นจึงถือโอกาสดึงเส้นเอ็นตกปลา แค่ครู่เดียวก็ลากปลาให้เข้ามาอยู่ข้างๆเรือได้


หู่จือและเป้าจือกวัดแกว่งอุ้งเท้าเพื่อว่ายน้ำด้วยความรวดเร็ว พวกมันตามปลาใหญ่ตัวนั้นไม่ทันแน่ๆอยู่แล้ว ที่มันต้องทำก็คือขู่ให้มันกลัว จนมันตกใจแล้วว่ายน้ำไปยังทิศทางที่เรืออยู่


คราวนี้ ก็ไม่ต้องรอตัดกำลังปลาใหญ่ ในที่สุดนีลเซ็นก็สามารถออกแรงดึงเบ็ดตกปลา จากนั้นจึงยกเอาปลาตัวใหญ่ที่มีความยาวขนาดครึ่งเมตรขึ้นมาได้


ปลาที่ขาดน้ำก็เหมือนกับเสือที่ไม่มีกรงเล็บ มันยังคงดิ้นอยู่ อีกทั้งแรงก็ยังมาก แต่ช่วงเวลาที่นีลเซ็นเหลือไว้ให้มันดิ้นรนนั้นสั้นเกินไป เมื่อเก็บเอาเบ็ดตกปลากลับมาก็ลากเอามันขึ้นมาบนเรือหน้ากว้างได้


ฉินสือโอวพาหู่จือและเป้าจือขึ้นเรือ หยิบเอาไส้กรอกย่างออกมาแบ่งเป็นสองท่อนให้ลูกสุนัขทั้งสองตัว เขาลูบหัวพวกมันทั้งสองไม่หยุดพร้อมทั้งพูดชมพวกมันว่า ‘เด็กดี’


กระรอกน้อยเสี่ยวหมิงได้เห็นการจับปลาเป็นครั้งแรกก็สนอกสนใจเป็นอย่างมาก ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน วิ่งมาข้างๆปลาตัวใหญ่ยาวครึ่งเมตรทันที


………………………………………………………..


บทที่ 127 อาบแดด

โดย

Ink Stone_Fantasy

 “ปลาหัวเมือกมหาสมุทรแอตแลนติกตัวใหญ่ โชคดีจังเลยนะ” นีลเซ็นพูดขึ้นมาด้วยความดีใจว่า “ตกปลาหัวเมือกมหาสมุทรแอตแลนติกขึ้นมาได้ พอกลับไปผมต้องไปร้านเหล้าเพื่อโฆษณาขายสักหน่อยแล้ว! นี่มันมหัศจรรย์เกินไปแล้ว! ผมยังไม่เคยเห็นใครตกปลาหัวเมือกได้มาก่อนเลย!”


ฉินสือโอวก็ยิ้มดีใจ ดวงของเขาไม่เลวเลยจริงๆ แค่ตกปลาเล่นๆก็ตกได้ปลาอายุยืนมาหนึ่งตัว ครั้งที่แล้วที่ตกปลากับพ่อลูกแพตตันด้วยกันตอนกลางคืน แพตตันคนเล็กก็ตกได้ปลาชนิดนี้มาหนึ่งตัว แน่นอนว่าเป็นปลาตัวเล็ก ที่มีขนาดประมาณสี่สิบเซนติเมตรเท่านั้น


ปลาหัวเมือกมหาสมุทรแอตแลนติกมีชื่อเรียกทั่วไปว่าปลาอายุยืน เป็นปลาน้ำลึกชนิดหนึ่ง มีชีวิตอยู่ในทะเลลึก 150-1500 เมตร เมื่อทะเลลึกขาดแคลนอาหารก็จะลอยขึ้นมาหาอาหารที่บริเวณใกล้ผิวน้ำ


ปลาชนิดนี้เติบโตได้ช้า มีอายุยืนถึงหนึ่งร้อยหกสิบปี แต่มีจำนวนน้อยมาก มีชาวประมงไม่มากที่จะจับขึ้นมาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องใช้เบ็ดตกขึ้นมา แต่ฉินสือโอวตกขึ้นมาได้ คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับจิตสำนึกโพไซดอน


จิตสำนึกโพไซดอนติดตามเรือหน้ากว้างไปลาดตระเวนโลกใต้ท้องทะเล ปลาหัวเมือกอาจจะสัมผัสได้ถึงพลังของจิตสำนึกโพไซดอน จึงตามมาถึงบริเวณใกล้ๆกับเรือหน้ากว้าง แต่ดันมาเจอเข้ากับเหยื่อตกปลา จึงทำให้ถูกตกขึ้นมา


ลำตัวของปลาตัวนี้มีขนาดยาวกว่าหกสิบเซนติเมตร สำหรับปลาหัวเมือกแล้ว ตัวที่ยาวที่สุดก็มีขนาดประมาณเจ็ดสิบเซนติเมตร ดังนั้นอายุของปลาตัวนี้ก็น่าจะไม่น้อยแล้ว คาดว่าน่าจะมีความสามารถสัมผัสจิตสำนึกโพไซดอนได้อย่างดี วันนี้ความสามารถนี้ของมันจึงได้ทำร้ายตัวมันเอง


ฉินสือโอวได้ยินมาว่าเนื้อของปลาหัวเมือกมีสารอาหารที่ร่างกายมนุษย์ต้องการอยู่ยี่สิบกว่าชนิด มีวิตามิน ให้โปรตีนสูง ไขมันต่ำ มีจุดเด่นอยู่ที่มีคอเลสเตอรอลต่ำ หัวและก้างของปลามีสารอาหารสำคัญอย่าง ‘DHA’ สามารถกระตุ้นเซลล์สมองและช่วยเสริมสร้างการจดจำ ชะลอความแก่ชรา


นอกจากนี้ ซุปของกระดูกหัวปลาชนิดนี้ยังช่วยบำรุงตับไต ช่วยให้อายุยืนยาว เป็นปลาที่ล้ำค่าชนิดหนึ่ง ครั้งนี้เขามีโอกาสที่จะได้ลองกินแล้ว


ปลาหัวเมือกดิ้นกระโดดไปมาอยู่บนดาดฟ้า แรงของมันยังไม่หมด ยังคงแข็งแรงอยู่มาก เสี่ยวหมิงเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ปรากฏว่าเมื่อปลาหัวเมือกสะบัดหางขึ้น ก็ทำให้เสี่ยวหมิงถูกตีจนลอยขึ้นไปทันที อีกทั้งเจ้าปลาตัวนี้ก็อาศัยอาแรงนี้ กระโดดลงไปในทะเลด้วย!


“FUCK!”ฉินสือโอวมาทันแค่พูดคำนี้ เขารีบเคลื่อนย้ายจิตสำนึกโพไซดอนลงไปสู่มหาสมุทร เพื่อคุ้มครองเสี่ยวหมิง นีลเซ็นก็จับเอาเบ็ดตกปลาขึ้นมา ส่วนปลาหัวเมือกก็ยังหนี เพราะยังไม่ได้เอาตะขอตกปลาออก


เสี่ยวหมิงไม่เป็นอะไร ถึงแม้ว่าจะถูกตีจนเจ็บ แต่ว่าตอนที่มันกำลังร่วงลงมันได้ใช้ความเคยชินยกหางนุ่มฟูอันใหญ่ของมันให้ตั้งขึ้น นอกจากตอนที่ถูกตบแล้ว ตอนที่ตกลงไปในน้ำก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับมัน


จิตสำนึกโพไซดอนแผ่คลุมเสี่ยวหมิงและปลาหัวเมือก นอกจากจะสัมผัสได้ถึงความโกรธของเสี่ยวหมิงที่พุ่งขึ้นถึงระดับ MAX แล้ว เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกวิตกกังวลของปลาหัวเมือกอีกด้วย ความปรารถนาและการร้องขอชีวิตของปลาตัวนี้มีอยู่อย่างแรงกล้า อีกทั้งที่มาของแรงกลุ่มนี้ ก็มาจากสถานะภาพของมัน ที่เป็นแม่ปลาที่กำลังจะคลอดลูก


ฉินสือโอวยื่นมือออกไป หู่จือก็ลงไปในน้ำเพื่อคาบเสี่ยวหมิงเอาไว้ในปาก จากนั้นฉินสือโอวจึงงมเอามันขึ้นมา


เมื่อลองคิดดูแล้ว เขาจึงใช้จิตสำนึกโพไซดอนปลดตะขอตกปลาออก และเพิ่มพลังจิตสำนึกโพไซดอนเข้าไป เพื่อปล่อยปลาตัวนี้


ที่นี่ยังไม่พ้นเขตของฟาร์มปลา เห็นได้ชัดว่าปลาตัวนี้เป็นปลาที่มีชีวิตอยู่ในฟาร์มปลาของเขา ปลาหัวเมือกตัวเดียวนั้นไม่เท่าไร แต่แม่ปลาหัวเมือกที่กำลังจะออกไข่ นั้นนับว่าเป็นของล้ำค่า


ฉินสือโอวคิดไว้ว่าจะรอจนถึงตอนที่มันวางไข่แล้วพากลับไปที่เขตแนวปะการัง ขอเพียงแค่ปกป้องไข่พวกนี้เอาไว้ได้ ฟาร์มปลาของเขา ก็จะมีปลาหัวเมือกเพิ่มขึ้นอีกกลุ่มหนึ่ง!


สิ่งมีชีวิตที่มีอายุยืน ล้วนแต่มีสติปัญญาที่ดี ถึงแม้จะถูกมนุษย์มองว่าเป็นเพียงปลาไร้ซึ่งสติปัญญา


คล้ายว่าปลาหัวเมือกตัวนี้จะรู้ว่าจิตสำนึกโพไซดอนได้ช่วยชีวิตมันเอาไว้ ดังนั้นรอบๆเรือหน้ากว้างที่ถูกจิตสำนึกโพไซดอนปกคลุมไว้ มันจึงยังไม่ได้จากไปไหน แต่ว่ายน้ำวนไปรอบๆเรืออยู่หลายรอบ แล้วค่อยว่ายลงไปสู่ทะเลลึก


นีลเซ็นเก็บเบ็ดตกปลาขึ้นมาด้วยความผิดหวัง เขาสบถออกมาว่า “SHIT! ปลาเวรนั่นว่ายหนีไปได้เหรอ? ผมล่ะเชื่อพระเยซูจริงๆ ปลาที่ตกขึ้นมาได้แล้วก็ยังหนีไปได้อีกเหรอ?”


ฉินสือโอวที่กำลังปลอบขวัญเสี่ยวหมิงอยู่ อธิบายกับเขาว่า “น่าจะเป็นเพราะเมื่อสักครู่ตอนที่มันกระโดดขึ้นก็คงจะหลุดออกจากตะขอตกปลาพอดี


นีลเซ็นจุ๊ปาก แล้วพูดขึ้นว่า “แต่นั่นมันเป็นปลาหัวเมือกเลยนะ บอส ถ้าเอากลับไปขายจะได้เงินอย่างน้อยหนึ่งแสนดอลลาร์เลยนะ! เป็นสมบัติล้ำค่าทั้งตัวเลย! มันมีน้อยยิ่งกว่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนืออีก แถมยังหายากอีกด้วย!”


ฉินสือโอวก็หัวเราะออกมา ปลาตัวนี้เป็นของฟาร์มปลาของเขาเองแล้ว อีกทั้งยังสามารถให้กำเนิดปลาหัวเมือกได้มากขึ้นอีก นั่นมันมีค่ามากกว่าเงินหนึ่งแสนดอลลาร์เสียอีก


หู่จือและเป้าจือหมอบอยู่ข้างๆอย่างเฉยเมย แต่สายตาที่มองไปยังเสี่ยวหมิงกลับเต็มไปด้วยการหัวเราะเยาะ แกน่ะ ไอ้อ่อน แกมันอ่อนแอจริงๆเลย แกมันอ่อนแอจริงๆ ไม่ใช่ว่าแกแน่นักเหรอ? แกไม่ใช่เหรอที่โยนเปลือกถั่วเฮเซลนัทใส่พวกเราน่ะ แน่จริงก็เอาอีกสิ!


หู่จือรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อสักครู่มันเพิ่งจะช่วยเสี่ยวหมิงขึ้นมา ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของฉินสือโอวแล้วล่ะก็ ตอนที่กำลังคาบเจ้ากระรอกน้อยนี่ไว้ มันจะรีบกัดให้ขาดเป็นสองท่อนเลยล่ะ


ตอนนี้ก็ถึงเวลาเที่ยงแล้ว แสงแดดก็ค่อยๆร้อนขึ้น หู่จือและเป้าจือทนอากาศร้อนไม่ได้ มันจึงพากันมุดเข้าไปในร่มเงาตรงแท่นขับเรือ


ฉินสือโอวถอดเสื้อผ้าท่อนบนออกแล้วเริ่มอาบแดด น่าเสียดายที่วินนี่ไม่อยู่ จึงทำได้แค่ให้นีลเซ็นช่วยเขาทาน้ำมันลงไปบนผิว


“บอส ลายเส้นกล้ามเนื้อของคุณไม่เลวเลย ถึงผิวจะดำไปนิดหน่อย แต่ก็ลื่นมือมากเลย สุดยอดจริงๆ” นีลเซ็นทาน้ำมันไปพร้อมๆกับเอ่ยชมเขา


ฉินสือโอวจึงจ้องเขาอย่างระแวดระวัง แล้วพูดว่า “เพื่อน นายอย่าบอกนะว่า นายสนใจในตัวฉันน่ะ?”


นีลเซ็นขยิบตาอย่างมีลับลมคมใน ฉินสือโอวจึงผิวปากขึ้นมาหนึ่งครั้ง จากนั้นหู่จือและเป้าจือก็กระโดดออกมาจากใต้แท่นขับเรือทันที ใบหูใหญ่ลู่ไปทางด้านหลัง พวกมันอ้าปากแล้วเริ่มเห่าคำราม


“โอเคๆๆ! พวกแกเป็นเด็กดีของบอสจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นพวกแกเชื่อฟังคำสั่งขนาดนี้มาก่อนเลย! เมื่อกี้นี้ฉันแค่หยอกพ่อแกเล่น ไม่ต้องเห่าแล้ว โอเคไหม?” นีลเซ็นพูดออกมาอย่างจนปัญญา


ฉินสือโอวหัวเราะเหอะๆ แล้วถามเขาว่า “พูดมา นายสนใจฉันใช่ไหม?”


นีลเซ็นพูดขึ้นมาอย่างยอมจำนน “โนๆๆ ไม่ได้มีความคิดแบบนั้นอยู่เลยแม้แต่น้อย เหอะๆ”


ชาวแคนาดา โดยเฉพาะชาวประมงและนายพราน จะเรียกสุนัขที่ตัวเองเลี้ยงด้วยความรู้สึกที่ต่างกันออกไป นอกจากภรรยาและลูกต่อมาก็เป็นสุนัขพี่น้องที่สนิทกันที่สุดก็ยังเทียบกันไม่ได้ พวกเขาคุ้นชินกับการเรียกสุนัขของตนเองด้วยคำจำพวก ‘ลูกชาย ลูกสาว’


ข้อนี้ฉินสือโอวยังไม่ค่อยชินเท่าไร ถึงแม้ว่าเขาจะรักหู่จือและเป้าจือมาก แต่ก็ไม่เหมือนกับวินนี่ ที่มักจะเรียกพวกมันว่า ‘เด็กๆ’ ถ้าไม่ใช่เพราะว่ากลัวคนอื่นจะเข้าใจผิด เธอคงจะเรียกพวกมันว่า ‘ลูกชาย’ แล้วเรียกตัวเองว่า ‘แม่’ ไปนานแล้ว


แสงแดดตอนบ่ายแรงเกินไป ฉินสือโอวจึงกลับไปที่ฟาร์มปลาเพื่อเตรียมตัวนอนกลางวัน วันแบบนี้ช่างสบายอกสบายใจเสียจริง ขึ้นเรือออกทะเลไปตกปลา ทานข้าวเสร็จก็กลับมานอน ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นหมูไปแล้ว


เรือหน้ากว้างเพิ่งจะกลับลำเรือ นกบูบีเท้าแดงทั้งสองตัวที่ปรากฏตัวเมื่อวานก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พวกมันบินไปบนท้องฟ้าอย่างสง่าผ่าเผย ลักษณะท่าทางก็ดูเท่สุดๆ


ฉินสือโอวงมเอาปลาแฮร์ริ่งตัวเล็กในถังน้ำที่เตรียมไว้สำหรับเป็นเหยื่อตกปลาทิ้งลงไปในน้ำ เมื่อนกบูบีเท้าแดงรู้แล้ว ปีกทั้งสองข้างก็รวบเข้ามา เหมือนจะยิงไปที่ปลา แล้วมุดลงน้ำไปจนมิด


ตอนที่กำลังรอให้พวกมันบินขึ้นมาจากน้ำ ข้างในปากของพวกมันคาบเอาปลาแฮร์ริ่งขนาดสิบกว่าเซนติเมตรไว้


และตอนที่พวกมันกำลังบินขึ้น ทันใดนั้นก็มีเงาสีดำที่บินลงมาจากบนท้องฟ้า ความเร็วในการบินของเจ้าตัวนี้อยู่เหนือระดับทั่วไป หลังจากปรากฏตัวแล้วไม่กี่อึดใจก็บุกมาถึงด้านข้างของนกบูบีเท้าแดง ดูเหมือนกับว่าอยากจะชนมันขึ้นไป


นกบูบีเท้าแดงตัวนั้นก็ตกใจ มันอ้าปากส่งเสียงแหลมร้อง ‘แควก’ ออกมาตามปฏิกิริยาตอบสนอง เมื่อเป็นเช่นนั้นปลาแฮร์ริ่งจึงหล่นลงไป


ทว่าเงาดำผืนนั้นก็เปลี่ยนทิศทางบินดิ่งลงไปทันที มันคาบเอาปลาแฮร์ริ่งตัวนั้นไว้ได้อย่างแม่นยำ จากนั้นมันจึงลดความเร็วลง แล้วบินไปอย่างเนิบๆ ปากใหญ่อ้าๆหุบๆอยู่ไม่กี่ครั้ง แล้วจึงกลืนปลาแฮร์ริ่งลงไป


“เฮ้ นกโจรสลัด! เจ้าสัตว์สมควรตาย พวกอันธพาลแท้ๆ!” นีลเซ็นด่ามันอย่างขำๆ


ฉินสือโอวรู้สึกสนใจนกชนิดนี้มาก จึงยืนอยู่ที่หัวเรือเพื่อสังเกตดูอย่างละเอียด


………………………………………………….


บทที่ 128 สงครามของนกทะเล

โดย

Ink Stone_Fantasy

นกขนาดใหญ่ตัวหนึ่งที่ปรากฏตัวอยู่บนท้องฟ้า ขนาดตัวของมันน่าจะใหญ่กว่านกบูบีเท้าแดงอยู่ยี่สิบกว่าเซนติเมตร มันมีขนสีดำทั้งตัว จะงอยปากทั้งใหญ่และแแหลมคม หางของมันคล่องแคล่ว กำลังบินว่อนอยู่บนท้องฟ้า ปีกของมันพัดกระพืออย่างมีพลัง และเกรงขาม!


นี่ก็คือนกโจรสลัด! หรือที่รู้จักกันในชื่อนกฟรีเกต ราชาแห่งท้องฟ้า!


ใช่แล้ว ที่ทวีปยุโรปและอเมริกา ราชาแห่งท้องนภาไม่ใช่นกอินทรีหัวขาวที่ชาวอเมริกาภาคภูมิใจ ไม่ใช่นกอินทรีทองที่บินเอ้อระเหยอย่างสบายใจบนฟ้าสีคราม แล้วก็ไม่ใช่นกเหยี่ยวที่กล้าหาญองอาจพวกนั้น


ทำไมนกทะเลตัวใหญ่ที่มีนิสัยอันธพาลจึงได้มีชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้น่ะเหรอ? ก็เพราะว่ายามที่พวกมันอยู่บนท้องฟ้า ท่าทางของพวกมันนับได้ว่างดงามเหนือสิ่งใด


นกโจรสลัดมีกล้ามเนื้อส่วนอกที่แข็งแรง บินฉวัดเฉวียนได้ชำนาญยิ่ง เป็นนักบินที่โดดเด่นยอดเยี่ยมที่สุด อัตราความเร็วการพุ่งตัวของพวกมันรวดเร็วเหมือนดั่งสายฟ้า ความเร็วในการบินล่าอาหารของพวกมันสามารถเร็วได้มากถึง 481 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นอันดับหนึ่งบนโลกในนี้


พวกมันสามารถบินได้สูงถึง 1200เมตร ทั้งยังสามารถบินห่างจากรังไปได้ไกลถึง 1600กิโลเมตร อย่างต่อเนื่อง จุดที่บินไปไกลที่สุดอาจจะไกลได้ถึง4000กิโลเมตรโดยประมาณ นับเป็นที่หนึ่งบนโลกใบนี้


สิ่งที่ทำให้คนต้องตกตะลึงยิ่งกว่าเดิมก็คือ นกโจรสลัดสามารถบินอยู่ในลมพัดโหมกระหน่ำได้ถึงระดับที่ 12 พวกมันสามารถทำได้แม้กระทั่งบินขึ้นและร่อนลงในลมพายุได้อย่างปลอดภัย ต้องรู้ก่อนว่า พวกมันสามารถกางปีกออกได้กว้างถึงสามเมตร แต่กลับมีน้ำหนักไม่ถึง3 ปอนด์เท่านั้น!


หลังจากกลืนปลาแฮริ่งลงไปแล้ว นกโจรสลัดก็หันหัวบินกลับมาสายตาที่แฝงด้วยเจตนาไม่ดีของมันเพ่งไปที่นกบูบีอีกตัวหนึ่ง ขณะเดียวกัน ก็ปรากฏให้เห็นลักษณะเด่นที่เป็นสัญลักษณ์ของพวกมัน ที่มีถุงบริเวณลำคอสีแดงสดราวกับเลือด


นกบูบีไม่ได้กลืนปลาลงไปทันทีที่จับปลาได้ พวกมันจะเก็บไว้ที่ถุงในลำคอก่อน เมื่อตกอยู่ภายใต้ความชุลมุนมันก็จะคายออกมา สิ่งที่นกโจรสลัดต้องทำก็คือการทำให้พวกมันตกใจลุกลี้ลุกลน จากนั้นค่อยกินปลาที่ตกลงมาเข้าไป


“นี่คือนกโจรสลัด” นีลเซ็นบอกกับฉินสือโอว


ฉินสือโอวพยักหน้ารับ ในใจตอบกลับไปว่าฉันรู้อยู่แล้วว่านี่คือนกโจรสลัด ถึงแม้ว่านกโจรสลัดจะมีชนิดย่อยอยู่หลายชนิด แต่ที่แคนาดากลับมีแค่ชนิดนี้ชนิดเดียว


สำหรับนกที่มีชื่อเสียงไม่ดีชนิดนี้ ฉินสือโอวไม่ได้เกลียดมัน เขารู้ว่าที่นกโจรสลัดต้องปล้นอาหารก็เพราะความจำเป็น ขนของพวกมันไม่มีน้ำมันทำให้โดนน้ำไม่ได้ ไม่เช่นนั้นก็อาจจะจมน้ำตายได้ ดังนั้นถ้าหากมันล่าอาหารด้วยตัวเอง ก็ทำได้เพียงต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อล่าปลาที่อยู่ใกล้กับผิวน้ำ


นอกจากนี้ ถึงแม้จะอยากมุดลงไปในน้ำเพื่อจับปลาและพยายามให้ขนโดนน้ำให้น้อยที่สุดเวลาจะบินขึ้น แต่ นกโจรสลัดก็ไม่สามารถทำได้ ปีกของพวกมันใหญ่มาก แต่ร่างกายค่อนข้างเล็ก ขาของมันก็ทั้งเล็กและเรียว เมื่อเป็นเช่นนี้ ขาที่อ่อนแอของพวกมันจึงไม่สามารถประคับประคองร่างกายให้บินขึ้นจากผิวน้ำได้เหมือนกับพวกนกกระทุงและนกกาน้ำ


ดังนั้น เพื่อที่นกโจรสลัดจะดำรงชีวิตอยู่ได้ หากไม่ไปแย่งเอาอาหารของคนอื่นแล้วมันจะยังทำอะไรได้อีกล่ะ?


การเอาตัวรอดในธรรมชาติก็โหดร้ายเช่นนี้ ยินยอมให้นกทะเลลงไปในน้ำเพื่อล่าเอาชีวิตปลาและพวกหมึก ถึงกระนั้นก็จะไม่ยินยอมให้นกโจรสลัดไปแย่งเอาอาหารของพวกนกทะเลต่อเชียวหรือ?


จะว่าไปแล้ว นกโจรสลัดก็ไม่ได้แย่งเอาอาหารของนกชนิดอื่นไปฟรีๆเสียทีเดียว เมื่อถึงเวลากลางคืน นกชนิดต่างๆที่ถูกปล้นอาหารในเวลากลางวันอย่างนกบูบี นกนางนวลก็มักจะมารวมตัวกันอยู่ที่บริเวณใกล้ๆกับนกโจรสลัด เนื่องจากนกชนิดนี้มีนิสัยกล้าหาญ กล้าที่จะต่อสู้กับงูพิษและสัตว์ป่า


สำหรับฉินสือโอวแล้ว นกโจรสลัดพวกนี้ก็เหมือนกับผู้มีอิทธิพลมืดในหมู่นก พวกแกจ่ายค่าคุ้มครองมา แล้วข้าจะคุ้มครองพวกแกให้ปลอดภัย


ท่ามกลางหมู่นกแต่ละชนิดนกบูบีเป็นนกที่มีสติปัญญาค่อนข้างสูง เมื่อมองเห็นสายตาที่แฝงไปด้วยเจตนาร้ายของนกโจรสลัดที่เพ่งเล็งมายังตนเอง นกบูบีเท้าแดงตัวนั้นก็รีบสะบัดปีก บินไปที่หัวเรือของเรือหัวกว้าง บินร่อนลงแล้วหดตัวเข้ามา


คราวนี้นกโจรสลัดก็ถึงกับมึนงง มันบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยความรวดเร็ว แต่กลับไม่กล้าที่จะเริ่มท้าสู้บนเรือหัวกว้าง มันบินวนอยู่หลายรอบ เมื่อเห็นว่าไม่มีโอกาส มันจึงกระพือปีก แล้วบินขึ้นบนท้องฟ้าไป


“แม่มเอ๊ย บินเร็วมากจริงๆ!” ฉินสือโอวถึงกลับสบถด่าออกมาเป็นภาษาบ้านเกิด ฝั่งนีลเซ็นก็สบถออกมาเป็นภาษาของตัวเองเช่นกัน “SHIT!”


เมื่อเห็นว่านกโจรสลัดจากไปแล้ว นกบูบีเท้าแดงก็ยืนขึ้นพร้อมขนที่สั่นสะท้าน ทว่าพวกมันก็ไม่ได้บินขึ้นไปทันที แต่กลับมองไปที่ฉินสือโอวด้วยความอยากรู้อยากเห็น


หู่จือและเป้าจือแลบลิ้นเลียปาก มันสั่นหางเล็กๆของตัวเองแล้วหมอบตัวลงไป จากนั้นก็ค่อยๆขยับไปตามขอบเรือเพื่อเข้าใกล้นกบูบีเท้าแดง


ทำไมฉินสือโอวจะไม่รู้ถึงแผนการของเจ้าสองตัวนี้ พวกมันวางแผนจะงาบนกบูบีสองตัวนี้ยังไงล่ะ


นกบูบีเท้าแดงชำนาญการบินร่อน เนื้อสัมผัสก็ดีสุดๆ ด้วยเหตุผลสองข้อนี้ จึงทำให้นกที่เคยมีอยู่ทั่วทั้งฝั่งชายทะเลตะวันออกของมหาสมุทรแอตแลนติกกลายมาเป็นสัตว์คุ้มครองแห่งชาติประเภทที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ได้ง่ายอย่างทุกวันนี้


ฉินสือโอวผิวปากหนึ่งครั้ง หู่จือและเป้าจือก็ลุกขึ้นมาด้วยความเสียดาย แล้วจึงหมุนตัววิ่งกลับมา


มองดูนกบูบีเท้าแดง ฉินสือโอวก็งมเอาปลาแฮริ่งความยาวเท่าฝ่ามือจากในถังน้ำออกมาแล้วโยนไปให้มันอีกหนึ่งตัว


นกบูบีทั้งสองตัวกางปีกบินขึ้น ปากยาวๆของพวกมันเล็งอย่างแม่นยำ ครู่ต่อมาก็คาบเอาปลาแฮริ่งเอาไว้ในปากได้


ฉินสือโอวโยนปลาแฮริ่งออกไปอย่างต่อเนื่อง นกบูบีทั้งสองตัวรับได้ประมาณครึ่งหนึ่ง กินไปได้สี่ห้าตัวถึงนับว่าอิ่ม พวกมันถอยเข้าไปชิดกับหัวเรือเริ่มส่งเสียง ‘กู๊กู๊’ แล้วพักผ่อน


ค่อยๆเดินเข้าไปช้าๆ ฉินสือโอวลองยื่นมือเข้าไป นกบูบีก็ลุกขึ้นยืนด้วยความระแวดระวังทันที มันกางปีกออกทำท่าจะบินหนี


ฉินสือโอวคิดวิธีขึ้นมาได้ เขาจับเอาปลาแฮริ่งอีกหนึ่งตัว แล้วลองยื่นมือไปอีกครั้ง


คราวนี้ นกบูบีทั้งสองตัวจึงเริ่มผ่อนคลายลง และรวบปีกลงอีกครั้ง นกขนาดค่อนข้างใหญ่ตัวนั้นอ้าปากออกแล้วรับเอาปลาไป ฉินสือโอวฉวยโอกาสลูบคอของมัน มันสะบัดหัวไปมา แต่ว่าก็ไม่ได้ต่อต้าน


นีลเซ็นหัวเราะแล้วพูดกับเขาว่า “บอส คุณอยู่กับสัตว์มานานแค่ไหนแล้ว หรือว่าตัวคุณมีกลิ่นอะไรหรือเปล่า? เห็นได้ชัดว่านกตัวนี้ไม่ได้ป้องกันตัวจากคุณ ผมไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย”


ฉินสือโอวรู้ดีว่าเมื่อไรควรจะพอ ไม่ได้ใช้กำลังบังคับเพื่อลูบคลำนกทั้งสองตัวอีก เขาโบกมือแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเรากลับกันเถอะ น่าตายชะมัด แดดแรงเกินไปแล้ว”


เรือหัวกว้างฝ่าคลื่นทะเลกลับไปยังฟาร์มปลา นกบูบีทั้งสองตัวก็หมอบอยู่กับหัวเรือเพื่อพักผ่อน ไปจนใกล้ถึงท่าเรือ พวกมันถึงได้กระพือปีกแล้วบินขึ้นไป


ส่วนวันที่เหลือก็ไม่มีอะไร ฉินสือโอวเริ่มเตรียมตัวบุกเบิกปะการังใต้ทะเล


เขาไปขอคำปรึกษาจากสถาบันอนุรักษ์พืชหินปะการังออสเตรเลีย มีผู้เชี่ยวชาญบอกกับเขาว่า การสร้างปะการังเทียมนั้นมีอยู่หลายวิธี


วิธีที่กำลังได้รับความสนใจในตอนนี้คือ ที่ออสเตรเลีย มีนักชีววิทยาทางทะเลบางส่วนนำเอาชิ้นส่วนโลหะของโครงจักรยานเก่าๆที่เชื่อมดีแล้ว ไปวางไว้ที่เขตแนวปะการังที่ได้รับความเสียหาย จากนั้นจึงรวบรวมชิ้นส่วนของปะการังที่แตกออกไปวางไว้บนโครง สุดท้ายก็เชื่อมต่อแหล่งกำเนิดไฟฟ้าเข้ากับโครงเหล็ก


เนื่องจากกระแสไฟฟ้า สามารถกระตุ้นการสืบพันธุ์และการเติบโตของต้นอ่อนปะการังได้ ดังนั้นจึงสามารถเร่งความเร็วของการสร้างปะการังได้


ผู้เชี่ยวชาญแนะนำมาอีกหลายวิธี ในตอนสุดท้ายเขาได้เล่าถึงแผนวิจัยเบื้องต้นของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ในช่วงเร็วๆนี้ ระบบโครงสร้างแนวปะการังเทียมแบบตัวต่อ (ระบบ MARS)


แนวความคิดสำคัญของระบบนี้ ก็คือการใช้คอนกรีตมาพันกันให้มีโครงสร้างที่แตกสาขาออกไปอย่างไร้รูปแบบ จากนั้นนำเครื่องเครือบดินเผาที่มีลวดลายมาครอบไว้ด้านนอก แบบนี้จะทำให้พืชและสัตว์ในทะเลเติบโตอยู่ด้านบนได้สะดวกยิ่งขึ้น


ฉินสือโอวไม่สนใจวิธีแรก เขาพอจะรู้จักสิ่งที่เรียกว่าวิธีการกระตุ้นด้วยไฟฟ้ามาก่อน มันทำไม่ได้โดยสิ้นเชิง เป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น


เพราะหนึ่ง วิธีการกระตุ้นด้วยไฟฟ้านี้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาล ทั้งยังใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก สอง การกระตุ้นต้นอ่อนปะการังด้วยไฟฟ้า คือการฆ่าช้างเอางาโดยแท้ เหมือนกับให้ต้นอ่อนปะการังกินยากระตุ้น เป็นการลดขั้นตอนที่ทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ไม่คุ้มกันเลยแม้แต่น้อย


เขาสนใจวิธีสุดท้ายที่เรียกว่าระบบ MARS มากกว่า


……………………………………………………………..


บทที่ 129 การต่อสู้เพื่อผลงานปะการังชิ้นสำคัญ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวเลือกใช้การจ่ายเงินเพื่อขอรับคำปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญที่นั่นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก เพียงไม่นานก็ส่งข้อมูลที่เขาต้องการกลับมา


ข้อมูลทั้งหมดล้วนแต่เป็นภาษาอังกฤษ ด้านบนมีคำศัพท์เฉพาะทางอยู่เยอะมาก ฉินสือโอวเห็นว่าเปลืองแรงเปล่า จึงเรียกชาร์ค นีลเซ็นและซีมอนสเตอร์เข้ามาหา คนหนึ่งกลุ่มช่วยกันค้นคว้า ปรากฏว่าค้นคว้าไปค้นคว้ามา สุดท้ายไม่เห็นจะค้นคว้าเจออะไร


หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฉินสือโอวก็พาพวกคนที่กล้ามเนื้อพัฒนามากกว่าสมองกลุ่มนี้มาค้นคว้าข้อมูลพวกนี้


ค้นคว้าอยู่หลายวัน ก็นับว่ามีความรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว


จะว่าไปแล้ว ระบบ MARS ก็เหมือนกับการต่อของเล่นเลโก้ ตัวต่อหลายอันที่นำมายึดติดกัน สร้างที่อยู่อาศัยของปะการังเทียมขึ้นมา


พวกเรารู้ว่า โดยทั่วไปแล้วปะการังถูกสร้างขึ้นมาจากตัวอ่อนปะการังที่อุดมไปด้วยแคลเซียม จากซากของต้นอ่อนปะการังสู่ที่อยู่อาศัยในอุดมคติ ปกติแล้วต้องรอเวลาให้ผ่านไปหลายร้อยปี


ทว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ มลภาวะและการล่าปลาที่มากเกินความเหมาะสม ทำให้แนวปะการังถูกคุกคามอย่างรุนแรง


นอกจากนี้ พายุขนาดใหญ่และวิธีการการจับปลาโดยใช้ระเบิดหรือการตกปลาที่ทำให้เกิดการทำลายล้าง จะทำลายปะการังภายในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งโครงสร้างที่มีชีวิตเหลือรอดก็ไม่เหมาะสมพอที่จะก่อตัวเป็นปะการังสำหรับการมีชีวิตรอดของสัตว์ อย่างเช่นต้นอ่อนปะการังและฟองน้ำทะเล


ระบบ MARS สามารถลดเวลาในการก่อตัวได้อย่างมาก เนื่องจากหนึ่งในประโยชน์ของระบบนี้คือสามารถซ่อมแซมปะการังส่วนที่ถูกทำลายได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มความรวดเร็วให้กับกระบวนการฟื้นคืนได้ดีอย่างยิ่ง เอาเซรามิกที่กลวงขนมาไว้ตรงที่ที่ต้องการจะติดตั้งก่อน จากนั้นใช้ทรายกับหินและคอนกรีตเสริมเหล็กมาเติมเข้าไปข้างใน


ต้องรู้ว่า โมเดลบล็อกของ MARS สามารถก่อตัวเป็นโครงข่ายที่ซับซ้อนได้ โครงข่ายนี้สามารถเปลี่ยนแปลงกระแสน้ำ ทำให้อนุภาคอาหารหยุดอยู่ที่บริเวณรอบๆนั้น และยังให้ที่อยู่คุ้มครองสำหรับสัตว์น้ำขนาดเล็กอีกด้วย


ต้นอ่อนปะการังจะติดอยู่กับตัวต่อของ MARS การแพร่พันธุ์หนึ่งชั้นจะ สามารถเปลี่ยนเป็นปะการังได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ปะการังก็จะดึงดูดการมาของสัตว์น้ำได้มากยิ่งขึ้น จนประกอบขึ้นเป็นวงจรลักษณะบวก


เมื่อเข้าใจการวิจัยนี้แล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าแนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่มีประโยชน์อย่างมาก สิ่งสำคัญที่ใช้ก่อสร้างระบบ MARS ก็คือคอนกรีตเสริมเหล็กที่ต้นอ่อนปะการังเกลียด แต่พื้นผิวภายนอกของคอนกรีตพวกนี้จะถูกปกคลุมด้วยแผ่นเซรามิกที่มีลายเส้นแบบเฉพาะ ลายเส้นบนพื้นผิวของแผ่นเซรามิกมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก สามารถเก็บรักษาอนุภาคอาหารในน้ำไว้ได้


สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ แผ่นเซรามิกพวกนี้เป็นของที่ต้องทำขึ้นเป็นพิเศษ มีเศษซากของปะการังรวมอยู่ในวัสดุ เพื่อเพิ่มความเข้ากันได้ให้กับต้นอ่อนปะการัง


ตามสถิติของการทดสอบที่แนบมากับข้อมูล วัสดุแบบใหม่นี้มีแรงดึงดูดต่อต้นอ่อนปะการังเป็นอย่างมาก ความเข้ากันได้ของต้นอ่อนปะการังกับคอนกรีตเสริมเหล็กเพียงอย่างเดียวที่มีรูปทรงเดียวกันมีมากกว่า 55 เท่า มากกว่าก้อนหิน 28 เท่า มากกว่าวัสดุที่ทำมาจากเหล็กกล้าอยู่ 22 เท่า และมากกว่าไม้อยู่ 15 เท่า!


ฉินสือโอวหาเบอร์โทรศัพท์ผู้ติดต่อประสานงานต่างประเทศของคณะวิทยาศาสตร์ชีวภาพและวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยซิดนีย์ เขาสอบถามไปหลายแนวคิด ต้องบอกก่อนว่าแนวคิดพวกนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เป็นเพียงหัวข้อวิทยานิพนธ์กลุ่มเพื่อจบการศึกษาเท่านั้น


นี่ทำให้เขารู้สึกท้อแท้ และที่ทำให้ยิ่งรู้สึกหมดหวังก็คือเจ้าหน้าที่ติดประสานงานคนนั้นบอกกับเขาอย่างไม่ได้มีความรู้สึกผิดเลยว่า แนวคิดนี้มันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่มีรัฐบาลของประเทศไหน จะทุ่มเงินและแรงงานจำนวนมหาศาล เพื่อสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กและแผ่นเซรามิกที่ผนึกเข้าด้วยกันพวกนี้


แต่นี่เป็นแผนงานสร้างขยายแนวปะการังที่สอดคล้องกับความต้องการและสถานการณ์จริงที่สุดที่เขาหาเจอ เหมาะสมยิ่งกว่าการใช้เรือไม้เสียอีก


“ไม่ว่าจะยังไง ก็ต้องลองดูก่อน” ฉินสือโอวตัดสินใจแน่วแน่ ไม่สามารถเอาแต่ฟังคำพูดของผู้เชี่ยวชาญได้ เชื่อทุกอย่างในหนังสือแย่ยิ่งกว่าไม่มีหนังสือ คำพูดของบรรพบุรุษย่อมต้องมีเหตุผลแน่นอน


ไม่ทันไร เวลาก็ผ่านมาจนถึงวันศุกร์แล้ว ในตอนเที่ยงเด็กๆทั้งสี่คนก็วิ่งกลับมา


ฉินสือโอวเห็นพวกเขาเข้ามาในบ้านแล้ว ก็ถามด้วยความตื่นเต้นว่า “เฮ้ พวกเธอโดดเรียนกันเหรอ?”


ตอนเป็นเด็กฉินสือโอวก็เคยโดดเรียน แต่กลับถูกพ่อตีไปที รสชาติของเข็มขัดหนังที่ฟาดกับเนื้อจนถึงทุกวันนี้เขาก็ยังจำได้อยู่ ในที่สุดก็มาถึงวันที่เขามีอำนาจบ้างแล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้สึกตื่นเต้นกันล่ะ?


“โน วันจันทร์หน้าพวกเราจะมีกิจกรรม วันนี้ก็เลยได้เลิกเรียนเร็วค่ะ” ใบหน้าเล็กๆ ของเชอร์ลี่ย์มีความกังวลอยู่เล็กน้อย เด็กๆอีกสามคนที่เหลือก็เช่นกัน


ฉินสือโอวก็ถามพวกเขาว่า “มีกิจกรรมอะไร ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ ทำไมพวกเธอถึงดูไม่ค่อยจะมีความสุขเลยล่ะ?”


พาวลิสที่เข้มแข็งอยู่เสมอก็ซึมเศร้าขึ้นมาเหมือนกัน เขาตอบฉินสือโอวไปว่า “ที่โรงเรียนของพวกเรา วันจันทร์หน้าจะต้องทำกิจกรรมการจำลอง นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งถึงปีที่หกต้องเข้าร่วมทุกคน ต้องทำตลาดนัดจำลอง พวกเราทุกคนต้องเป็นพ่อค้าแม่ค้า แต่ว่าพวกเราจะขายอะไรกันดีล่ะ?”


วันจันทร์หน้าก็คือวันที่ 1 มิถุนายน ซึ่งก็คือวันเด็กนานาชาติ เด็กประถมของแกรนท์จะจัดกิจกรรมขึ้นในวันนั้นของทุกๆปี กิจกรรมของปีนี้คือตลาดนัดจำลอง


กิจกรรมการจำลองแบบนี้พบได้บ่อยมากในแคนาดา ทำนองเดียวกันกับกิจกรรมเลียนแบบสหประชาชาติ มีจุดหมายเพื่อฝึกฝนการเข้าสังคมและการเอาตัวรอดให้กับเด็กๆ ขณะเดียวกันก็ทำให้เด็กๆได้มีการสื่อสารระหว่างกันมากยิ่งขึ้น


โดยปกติแล้วการจัดกิจกรรมตลาดจำลองแบบนี้ เด็กจะเอาพวกของเล่นที่ไม่ชอบ เสื้อผ้าตัวเก่าหรือของที่ไม่ได้ใช้จากที่บ้านมาขาย มาแลกเปลี่ยนรายได้ระหว่างกัน


เกมนี้มีกฎอยู่หนึ่งข้อ คือเด็กๆทุกคนต้องเป็นคนขาย ในตอนเริ่มต้นพวกเขาจะยังไม่มีเงินทุน เงินทุนจะมีที่มาจากข้างนอก เมื่อถึงเวลานั้นผู้ปกครองของเด็กๆจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรม ให้เหล่าผู้ปกครองเป็นคนควักเงินซื้อของ เมื่อเงินพวกนี้เข้ามาสู่ตลาดก็จะกลายเป็นทุนหมุนเวียน


แต่พาวลิสและเด็กๆทั้งสี่คนไม่เหมือนกัน พวกเขาไม่เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ตั้งแต่เล็กจนโตพวกเขาค่อยๆสะสมของเล่นและเสื้อผ้าทีละเล็กทีละน้อยจนได้หลายอัน เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วจึงเท่ากับว่าพวกเขาขาดแคลนสินค้า


ฉินสือโอวพูดกับพวกเขายิ้มๆว่า “นี่มันง่ายนิดเดียว สุดสัปดาห์เราก็เข้าไปนครเซนต์จอห์นแล้วซื้อมาเยอะๆเลย แล้วพวกเธอค่อยเอาไปขายที่โรงเรียน ที่ประเทศจีนของฉันก็มีพ่อค้าแบบนี้อยู่ เรียกว่าพ่อค้าช่องทางที่สอง (พ่อค้าที่ได้กำไรจากการซื้อของถูกมาขายในราคาที่แพงกว่า)


ชาร์คส่ายหัวเตือนเขาว่า “อย่าทำแบบนั้นเลย บอส กิจกรรมนี้มีไว้เพื่อฝึกฝนความสามารถของเด็กๆ ถ้าคุณทำแบบนั้น ก็มีแต่จะทำให้พวกเขาเข้าหน้ากับเด็กๆคนอื่นไม่ได้”


เมื่อเป็นเช่นนี้ฉินสือโอวก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาจึงถามชาร์คกับซีมอนสเตอร์ถึงคำถามที่เกี่ยวกับกิจกรรม ที่แท้กิจกรรมพวกนี้ก็มีความสำคัญกับนักเรียนมาก ทุกครั้งผู้ชนะในกิจกรรมการจำลองแบบนี้ จะกลายเป็นคนที่มีอิทธิพลในโรงเรียน เหมือนกับนักกีฬาคนดังที่ได้รับการจับจ้อง


นอกจากนี้ตามประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้ว สินค้าของผู้ชนะการขายของกิจกรรมไม่ใช่ของที่ทำสำเร็จรูป แต่มักจะเป็นของชิ้นเล็กๆที่ DIY ขึ้นเอง เป็นงานศิลปะทำมือที่สามารถดึงดูดเงินทุนก้อนแรกจากผู้ใหญ่ได้


ฉินสือโอวลองคิดๆดู เขายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันจะตั้งใจแล้ว เด็กๆ พวกเธอจะทำตลาดนัดจำลองใช่ไหม? ที่ตลาดนัดก็มักจะมีอาหารขายใช่ไหมล่ะ? มา สุดสัปดาห์นี้ฉันจะสอนให้พวกเธอทำสินค้าอาหารขึ้นชื่อของจีนเอง พอถึงเวลานั้นก็ไปถล่มยอดขายที่โรงเรียนเลย!”


เขาคิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ ก็คือการสอนให้เด็กๆหัดทำเกี๊ยว งานนี้ค่อนข้างง่าย ก่อนอื่นต้องทำแป้งและไส้ของเกี๊ยวให้เรียบร้อยก่อน เมื่อถึงเวลาก็ให้เด็กๆรับหน้าที่ห่อเกี๊ยวกับต้มเกี๊ยว


สำหรับไส้ของเกี๊ยว เขาคิดว่าจะเตรียมไส้เกี๊ยวไว้สี่ไส้ ไส้ที่มีเนื้อสัตว์สองอัน กับไส้ที่มีแต่ผักสองอัน ไส้ที่มีเนื้อจะทำเป็นเกี๊ยวไส้เนื้อวัว กับเกี๊ยวไส้ปลา ส่วนเกี๊ยวไส้ผักจะเป็นเกี๊ยวไส้ผักโขมและเกี๊ยวไส้ผักกะหล่ำปลีกับไข่ไก่


ในเช้าวันเสาร์ เขาเอาแป้งรวมกับไข่ขาวแล้วใส่ลงไปในหม้อนึ่ง จากนั้นนำปลาคาร์ฟ ปลาเฉาฮื้อ ปลาซ่งที่อยู่ในตู้เย็นมาต้มน้ำใส รอจนปลาสุก แล้วจึงนำก้างปลาออก นำเนื้อปลาที่เก็บไว้มาสับพร้อมกับต้นหอม ขิง กระเทียมและผักชี


ไส้เนื้อทำได้ง่าย ถ้าซื้อเนื้อวัวจากตลาดจะสามารถให้เขาช่วยบดให้ละเอียดได้ เกี๊ยวไส้ผักที่เหลือก็ทำได้ง่ายมาก ชาร์คและซีมอนสเตอร์รับหน้าที่หั่นผักโขมกับกะหล่ำปลีให้มีชิ้นเล็กๆ


ที่จริงแล้วฉินสือโอวอยากจะทำเกี๊ยวไส้ผักกุ้ยช่ายไข่ ทานคู่กับกุ้งแห้งของนิวฟันด์แลนด์ รสชาติต้องออกมาสมบูรณ์แบบแน่นอน


น่าเสียดายที่กุ้ยช่ายยังไม่โตเต็มที่ นอกจากนี้เขายังรู้สึกว่าชาวแคนาดาอาจจะไม่คุ้นกับรสชาติของผักกุ้ยช่าย ดังนั้นเขาจึงใช้กะหล่ำปลีที่ชาวยุโรปและอเมริกาชอบมากกว่าแทน


ฉินสือโอวนำเอาก้อนแป้งที่ม้วนเสร็จแล้วออกมา หั่นออกหนึ่งชิ้นแล้วรีบนวดให้เป็นรูปทรงกระบอก ใช้มีดหั่นขึ้นลงอย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติ หั่นจนเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นจึงนำไม้นวดแป้งที่ทำไว้แล้วเมื่อคืนมานวดแป้งให้เนียน เขาทำอาหารพร้อมกับสอนเด็กๆไปด้วย


“ดูนะ ใช้มือคลึงมันให้แผ่นแบนๆ เหมือนจานบินเลยใช่ไหม? ฮ่าฮ่า จากนั้นใช้ไม้กระบองกลมๆหมุนมันสักหน่อย ให้มันแบนกว่าเดิม ระวังเรื่องรูปทรงของแผ่นแป้งด้วยนะ ต้องเป็นรูปวงกลมถึงจะดี”


“นอกจากนี้พวกเธอต้องระวัง เกี๊ยวที่ดีตรงกลางจะหนาส่วนตรงขอบจะบาง ตรงกลางจะหนาเพื่อป้องกันไม่ให้ไส้ไหลออกมา ตรงขอบบางเวลากินลงไปแล้วจะให้รสสัมผัสที่ดี”


เด็กๆทั้งสี่คนจ้องมองตาไม่กะพริบ ขั้นตอนที่ต้องใช้ความตั้งใจพวกนั้น ฉินสือโอวเคยเห็นมาจากตอนที่ดูหนังโรแมนติกแอคชั่นของญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกก็เท่านั้น


……………………………………………………….


บทที่ 130 ตลาดนัดจำลอง

โดย

Ink Stone_Fantasy

แล้วก็เป็นไปตามที่คิดไว้ ช่วงบ่าย ฉินสือโอวได้รับสายโทรศัพท์หนึ่งสาย ดิค คอฟแมน ครูที่ปรึกษาของมิเชลล์และกอร์ดอนเป็นคนโทรเข้ามา


ระบบการศึกษาของแคนาดาแตกต่างกับของจีน ชั้นเรียนประถมของที่นี่มีจำนวนเด็กอยู่น้อยมาก อย่างชั้นเรียนประถมที่แกรนท์ ชั้นปีที่สองมีเด็กอยู่ไม่เกินสิบสี่คนเท่านั้น


ดังนั้น ในชั้นเรียนประถมพวกเขาจะไม่ได้แบ่งครูให้สอนตามแต่ละวิชา ชั้นเรียนหนึ่งจะมีครูแค่คนเดียว ที่ดูแลจัดการทุกอย่าง วิชาต่างๆก็ล้วนแต่เป็นครูคนเดียวกันที่รับผิดชอบ


เอาอย่างนี้ละกัน คุณครูแบบนี้กับคุณครูประจำชั้นก็เป็นเรื่องเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว คุณครูแบบนี้จะรับหน้าที่ให้ความรู้แก่นักเรียน ทำหน้าที่ดูแลและโน้มนำนักเรียน คือหน้าที่ของครูที่ปรึกษา


โรงเรียนในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะโรงเรียนมัธยม ทุกชั้นเรียนจะมี “คุณครูที่ปรึกษา” ในภาษาอังกฤษเรียกว่า “counselor” หรือ “advisor” คำว่า ‘อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา’ ของมหาวิทยาลัย ก็แปลมาจากคำนี้


การศึกษาในระดับชั้นประถมและมัธยมของจีนไม่มีหน้าที่นี้ ไม่สามารถเทียบกันกับอาจารย์ประจำชั้นได้ เนื่องจากอาจารย์ที่ปรึกษาจะไม่ได้สอนวิชาเรียน งานที่สำคัญที่สุดคือการชี้แนะ ให้ความช่วยเหลือและโน้มนำนักเรียน หรือก็คือคุณครูที่ให้คำปรึกษาทางด้านจิตใจ


นอกจากนี้ คุณครูที่ปรึกษายังรับหน้าที่ช่วยให้นักเรียนเลือกวิชาเรียนและกำหนดทิศทางในการเลื่อนชั้นเรียนของนักเรียนด้วย ทว่างานของคุณครูที่ปรึกษาคือการชี้แนะนำพาเป็นหลัก แต่จะไม่บังคับให้นักเรียนรับเอาทัศนคติและความคิดเห็นของตนเอง


อย่างเช่น หากมีนักเรียนที่คะแนนไม่ดีแต่อยากสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง คุณครูที่ปรึกษาจะไม่บอกว่า “เธอทำไม่ได้หรอก” และยิ่งไม่สามารถโน้มนำนักเรียนให้สมัครเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ไม่เหมาะกับคณะวิชาของนักเรียนโดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มอัตราการเข้าศึกษาต่อของนักเรียนในโรงเรียน หากแต่มีหน้าที่ต้องบอกกับนักเรียนว่า เงื่อนไขการรับเข้าศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังมีอะไรบ้าง คะแนนของนักเรียนตอนนี้เป็นอย่างไร ให้นักเรียนเป็นคนเปรียบเทียบและเห็นส่วนที่ยังขาดอยู่ด้วยตนเอง


แน่นอนว่า คุณครูที่ปรึกษาของโรงเรียนที่แคนาดาก็ไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องความรักของนักเรียนได้ แม้กระทั่งการสอนนักเรียนที่สูบบุหรี่และดื่มเหล้า ก็ทำได้เพียงบอกนักเรียนเท่านั้น ว่าสูบบุหรี่อยู่ภายในบริเวณรอบๆโรงเรียนกี่ฟุตถึงจะผิดกฎ เด็กที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบเอ็ดปีที่ดื่มเหล้าก็ผิดกฎเช่นกัน รวมทั้งบอกถึงผลของการกระทำผิดในเรื่องต่างๆว่ามีอะไรบ้าง


เมื่อนักเรียนทำผิดระเบียบ ทำผิดกฎ หรือทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง คุณครูที่ปรึกษาจะส่งเรื่องให้กับคุณครูหัวหน้าที่ปรึกษา อีกคนที่มีหน้าที่ดูแลโดยเฉพาะ


คุณครูที่ปรึกษามีหน้าที่นำนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรม คอฟแมนโทรมาหาเขา ก็เพื่อเชิญฉินสือโอวทำหน้าที่เป็นหนึ่งในผู้ปกครองให้เด็กทั้งสองคนมาร่วมงานการจำลองในวันจันทร์หน้า


ในสายโทรศัพท์ฉินสือโอวสอบถามถึงสถานการณ์ของมิเชลล์และกอร์ดอนในโรงเรียน แต่ปรากฏว่าคอฟแมนกลับพูดกับเขาด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า ‘ไม่ค่อยดีเท่าไร!”


“พวกเขาเป็นเด็กดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่ว่านิสัยของพวกเขาทั้งสองคนนั้นค่อนข้างที่จะโลกส่วนตัวสูง มิเชลล์ปฏิเสธที่จะคบเพื่อน ส่วนกอร์ดอนถึงจะยอมเล่นกับเพื่อนคนอื่น แต่ก็เป็นฝ่ายที่ถูกกระทำมากกว่า นอกจากนี้สิ่งที่ผมค่อนข้างกลัวก็คือ ปฏิกิริยาของพวกเด็กๆคนอื่นที่มีต่อเขาสองคนค่อนข้างรุนแรง!”


ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาปฏิบัติหน้าที่ผู้ปกครองได้บกพร่องแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเพียงแต่ถามเด็กๆ ถึงสถานการณ์ที่โรงเรียน แต่ลืมที่จะไปสอบถามกับคุณครูที่โรงเรียน


ทว่าคอฟแมนก็จัดการเรื่องเด็กๆทั้งสองคนได้อย่างคนมองโลกในแง่ดี เขาบอกกับฉินสือโอวว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเขาแค่มีอาการเครียดหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงมา ตอนนี้อายุยังน้อยอยู่ ความเป็นไปได้ที่จะได้รับการแก้ไขมีสูงมาก ขอแค่ให้พวกเขาคบเพื่อนเยอะๆ ต่อไปก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”


ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุที่เขาไม่ได้ติดต่อฉินสือโอวเรื่องนี้


วันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งสองวัน ฉินสือโอวกับเด็กๆก็ช่วยกันนวดแผ่นแป้งจากนั้นก็ห่อเกี๊ยว เกี๊ยวทั้งสี่แบบห่อไว้ทั้งหมดหนึ่งร้อยชิ้น


ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นฉินสือโอวที่รีดแผ่นแป้ง ส่วนเด็กๆทั้งสี่คนรับหน้าที่ห่อเกี๊ยว หลังจากที่พวกเขาได้เรียนรู้ทักษะการจับจีบแผ่นแป้งแล้ว กระทั่งเชอร์ลี่ย์ก็ยังสามารถห่อเกี๊ยวรูปหยวนเป่าได้เหมือนกันกับของฉินสือโอว


บ่ายวันอาทิตย์ ในที่สุดเออร์บักที่ไม่ได้เจอหน้ามานานก็มาถึงฟาร์มปลาแล้ว


เออร์บักขับรถบีเอ็มดับเบิลยูเข้ามาที่ฟาร์มปลา เด็กๆทั้งสี่คนที่มีแป้งติดเต็มมือก็ตื่นเต้นดีใจ แล้ววิ่งออกไปต้อนรับเขา


“คุณปู่เออร์ คุณปู่เออร์ พวกเราได้เรียนทำเกี๊ยวน้ำด้วย รอสักครู่เดี๋ยวเราจะต้มแล้วเอามาให้ลองชิม”


“ต้องกินอันที่ผมทำ อันที่ผมทำถึงจะดีที่สุด ฉินก็ยังชมผมเลย”


“คนที่ห่อได้ดีที่สุดคือเชอร์ลี่ย์ต่างหาก กอร์ดอน นายกล้าพูดจังเลยนะ ตอนนั้นฉินเห็นว่านายกำลังจะร้องไห้เลยต้องปลอบใจนาย แบบนั้นไม่เรียกว่าชม โอเคไหม?”


“เฮ้ มิเชลล์ เธออยากโดนตีหรือไง?”


“นายพูดอย่างกับว่านายจะตีฉันได้อย่างนั้นแหละ จะลองสักตั้งไหมล่ะ? ฉันใช้แค่ปืนก็พอ ส่วนนายจะใช้อะไรก็ได้”


เออร์บักได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับอึ้งไป เขาถามเด็กๆว่า “พวกเธอจะทำอะไรนะ?  ทำไมถึงต้องใช้ปืน?”


ฉินสือโอวหัวเราะตอบ “พวกเขาพูดถึงเกม CSOL กันอยู่ครับ”


เออร์บักส่ายหัวใส่เขา แล้วพูดขึ้นว่า “พวกเขายังเด็กเกินไป อย่าเล่นเกมที่รุนแรงแบบนี้เลย


ฉินสือโอวอธิบายว่า “เป็นแค่เกมคอมพิวเตอร์น่ะครับ ระดับความสมจริงต่ำมาก นานๆเล่นทีไม่น่าจะเป็นอะไร ผมคงไม่ปล่อยให้พวกเขาเล่นเกมที่มีความสมจริงสูงแบบ X-BOX หรอกครับ”


เมื่อเป็นเช่นนี้เออร์บักจึงพยักหน้าตอบ เด็กๆทั้งสี่คนก็เดินตามกันลงมาถึงในห้อง


ตั้งแต่ที่เออร์บักมาถึงฉินสือโอวก็สังเกตเขาอยู่ตลอด เขาพบว่าจิตใจของชายสูงวัยยังคงดีอยู่ จึงวางใจได้ ช่วงระยะเวลาสั้นๆก่อนหน้านี้ เออร์บักออกจากเกาะแฟร์เวลไปติดๆกันหลายครั้ง จนทำให้เขารู้สึกกังวล


ก่อนจะทานอาหารค่ำ อีวิลสันก็กลับมาถึงบ้านพัก เมื่อเออร์บักมองเห็นเงาขนาดมหึมาของเขา ก็ยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจ เขาตบลงบนตัวฉินสือโอวเบาๆแล้วพูดว่า “ฉิน ฉันมองไม่ผิดเลย นายเป็นคนดีคนหนึ่ง ดีมากๆ ฉันสบายใจแล้ว”


ฉินสือโอวก็ฝืนยิ้มออกมา เขารู้สึกว่าคำพูดนี้ของเออร์บักมีอะไรแปลกๆ


อาหารหลักของมื้อค่ำคือเกี๊ยว นอกจากนี้ฉินสือโอวยังทำปลาซาบะผัดซอสซาวครีม ซุปถั่วเผ็ดเม็กซิโก เนื้อปลาทอด สเต๊กปลาทอดต่างๆ หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วก็ยังมีของหวานอย่าง พัฟครีมและพายบลูเบอร์รีที่เตรียมไว้อีกด้วย


เออร์บักชิมเกี๊ยวทุกแบบแล้ว เขาเอ่ยชมฝีมือของเด็กๆทั้งสี่คนอย่างไม่หยุดปาก จนพวกเขายิ้มออกมาด้วยความเบิกบานใจ


นี่ทำให้ฉินสือโอวค่อนข้างกลุ้มใจ ดูเหมือนว่าเด็กๆทั้งสี่คนจะผ่อนคลายกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเออร์บัก


เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วฉินสือโอวก็ยกเอาพัฟครีมและพายบลูเบอร์รีออกมา เชอร์ลี่ย์ตักออกมาให้เออร์บักก่อนหนึ่งชิ้น เขาก็ยิ้มให้อย่างใจดี เมื่อทานไปได้หนึ่งคำ เขาก็หันไปข้างหลัง แล้วจึงอ้าปากอ้วกออกมา


“คุณเป็นอะไรไหม?”ฉินสือโอวรีบเข้าไปถาม


เออร์บักส่ายหัว แล้วตอบกับเขาว่า “ไม่เป็นไร ฉิน ช่วงนี้ฉันท้องไส้ไม่ค่อยจะดีน่ะ คลื่นไส้อาเจียนตลอดเลย”เขาเข้าไปใกล้ฉินสือโอวกว่าเดิม พูดเสียงเบาว่า “คิดว่าเกี๊ยวน้ำที่กินเข้าไปยังต้มได้ไม่สุก ไม่ต้องพูดนะ เดี๋ยวเด็กๆจะเสียใจ”


กอร์ดอนและมิเชลล์เป็นคนต้มเกี๊ยว พรุ่งนี้พวกเขาทั้งสองคนก็รับหน้าที่ต้มเกี๊ยวเช่นกัน


ฉินสือโอวเห็นว่าเออร์บักไม่ได้ไม่สบายจริงๆ จึงวางใจได้ โชคดีที่ไม่ได้อ้วกออกมาเป็นเลือด ไม่อย่างนั้นคงจะวุ่นวายกว่านี้แน่


เออร์บักเป็นผู้ปกครองตามกฎหมายของเด็กๆทั้งสี่คน ดังนั้นวันต่อมา พวกเขาทั้งสองคนจึงตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมการจำลองของโรงเรียนประถมแกรนท์


ฉินสือโอวไปตั้งแต่เช้า เขาตื่นมาตอนหกโมงเช้าโดยที่ไม่ได้ไปออกกำลังกาย แล้วจึงขับรถไปที่โรงเรียนเพื่อจองที่ก่อน นอกจากนี้เขายังต้องจัดการหน้าร้านอีกด้วย


เขาเพิ่งจะซื้อเต็นท์สไตล์มองโกเลียมาหนึ่งหลัง เมื่อกางออกมาแล้ว ก็แขวนพวงพริกแห้งและพวกกระเทียมลูกใหญ่ไว้ข้างบน ที่ข้างประตูทางเข้าติดกลอนคู่ที่เพิ่งจะทำไว้เมื่อคืนที่ผ่านมา แบบนี้ทำให้ดูประหลาดนิดหน่อย แต่คนแคนาดาที่ไม่ค่อยคุ้นชิน ก็คงจะคิดว่านี่คือสไตล์จีนๆนั่นเอง


นอกจากนี้ ฉินสือโอวยังเตรียมเพลงภาษาจีนไว้ในโทรศัพท์อย่างเช่นเพลงไคเหมินต้าจี๋ หรือเพลงกงสี่ฟาไฉ เพื่อเตรียมไว้เปิดผ่านตู้ลำโพง


กิจกรรมในครั้งนี้สำคัญกับหลายครอบครัวในเมืองนี้มาก ตั้งแต่เช้าก็จะมีคนหลายคนที่มาช่วยลูกจัดการหน้าร้าน แล้วก็ยังมีคนที่มาจองที่ พร้อมกันกับลูก หนึ่งในนั้นก็มีฮิวจ์อยู่ด้วย


…………………………………………………………….


บทที่ 131 ร้านอาหารจีน

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตลาดนัดจำลอง ถูกจัดขึ้นบนสนามกีฬาของโรงเรียนแกรนท์ สนามกีฬารูปทรงสี่เหลี่ยมถูกกำหนดขอบเขตอย่างเป็นระเบียบ มีโซนจำหน่ายของจิปาถะ โซนจำหน่ายอาหาร โซนเครื่องดื่ม โซนงานฝีมือและอื่นๆ


ฉินไปตั้งแต่เช้า เขาจองที่ตำแหน่งดีๆในโซนร้านขายอาหารที่อยู่ติดกับลู่วิ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้เด็กๆและผู้ปกครองมาเดินเล่นพักผ่อนบนลู่วิ่ง ก็จะสามารถมองเห็นร้านค้าเล็กๆของพวกเขาได้


ปลั๊กไฟบนสนามแต่ละอันถูกวางไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีคุณครูที่รับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของการใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ฉินสือโอวนำตู้แช่เย็นขนาดเล็กและเตาแม่เหล็กไฟฟ้ามาด้วยอย่างละหนึ่งอัน ข้างในตู้แช่เย็นมีเกี๊ยวที่ใส่เอาไว้ข้างใน ส่วนเตาแม่เหล็กไฟฟ้าก็ใช้ต้มน้ำรอเวลาเอาเกี๊ยวมาต้ม


เมืองแฟร์เวลเป็นเมืองเล็กๆแบบดั้งเดิม จังหวะชีวิตของคนที่นี่ก็เรื่อยๆสบายๆ เด็กๆค่อนข้างที่จะหลงใหลในกิจกรรมนี้มาก ส่วนใหญ่พอถึงเวลาเจ็ดโมงเช้าก็เริ่มจะมาเตรียมตัวกันแล้ว แต่กว่าพวกผู้ปกครองจะมาก็ตั้งแปดเก้าโมงเช้า


ฉินสือโอวเชื่อมต่อมือถือเข้ากับลำโพง เสียงดนตรีดังขึ้นแล้ว เพลงเฟิ่งหวงฉวนฉี ไคเหมินต้าจี๋ก็ดังขึ้นมาทันที ชั่วพริบตาเดียว เสียงสูงก้องกังวานของหยางเว่ยหลิงฮวาก็ดังขึ้นมาบนท้องสนาม


“เก็บเสื้อผ้าข้าวของ ดมดอมความหอมของดอกไม้ เพื่อความฝันพวกเราจึงออกเดินทาง เสียงท้องฟ้าสั่นสะเทือน ฝนตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีอะไรที่จะมาหยุดพวกเราเอาไว้ได้……”


คงไม่มีใครรำคาญเสียงเพลง เนื่องจากเกือบทุกร้านต่างก็มีเด็กที่ถือเอาเครื่องขยายเสียงขนาดเล็กเพื่อเรียกลูกค้าไม่ก็เปิดเพลงเพื่อช่วยส่งเสริมการขาย สนามทั้งสนามที่มีขนาดราวๆหนึ่งหมื่นห้าพันตารางเมตร มีร้านค้าแผงลอยวางกระจัดกระจายอยู่เต็มสนาม บรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมาก


นอกจากเสียงอึกทึกของเสียงดนตรีแล้ว ฉินสือโอวยังมีมาตรการอื่นเพื่อช่วยส่งเสริมการขาย


พาวลิสยกแผ่นป้ายโฆษณาที่ซีมอนสเตอร์ DIY ให้พวกเขา ข้างบนเขียนด้วยภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศสและภาษาสเปนไว้ว่า “อาหารจีนต้นตำรับเลิศรส ราคาถูกสุดๆ เพียงหนึ่งดอลลาร์แคนาดาก็สามารถลิ้มรสเกี๊ยวแบบฉบับจีนแท้ๆได้!”


จุดประสงค์ของกิจกรรมแบบนี้ก็เพื่อเป็นการฝึกฝนเด็กๆ เด็กๆในท้องที่ล้วนแต่เคยเข้าร่วมมาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงลงมือทำได้อย่างชำนาญเพราะมีประสบการณ์มากกว่า แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าก็มักจะมีร้านค้าอยู่ไม่กี่ชนิด ประเภทอาหารนอกจากแฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่าหรือสเต๊กปลาหรือไม่ก็พวกฟิชแอนด์ชิป เป็นครั้งแรกที่มีเกี๊ยวน้ำ


ลักษณะการออกล่าสิ่งแปลกใหม่ของมนุษย์ครอบคลุมอยู่ในทุกๆโอกาส เมื่อมองเห็นเต็นท์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นจีน ได้ยินเสียงเพลงภาษาจีนที่ไม่เคยฟังมาก่อน พวกผู้ปกครองที่มาตั้งแต่เช้าก็อาศัยเวลานี้มุงเข้ามาด้วยความสนอกสนใจ


น้ำที่อยู่ในหม้อถูกต้มจนเดือดแล้ว มิเชลล์จึงนำเกี๊ยวเทใส่ลงไปจานหนึ่ง


เกี๊ยวพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นเกี๊ยวที่เชอร์ลี่ย์กับพาวลิสเป็นคนห่อ เด็กๆทั้งสองคนฉลาดหลักแหลมและมีฝีมือ เกี๊ยวทั้งหมดล้วนมีขนาดเท่ากันกับนิ้วโป้งของผู้ใหญ่ สีขาวมันวาว ม้วนไปมาขึ้นลงอยู่ในน้ำที่กำลังเดือดปุดๆ แค่ครู่เดียวแป้งเกี๊ยวก็เปลี่ยนเป็นสีใสวาววับ


ผู้ปกครองหกเจ็ดคนมองดูมิเชลล์และกอร์ดอนต้มเกี๊ยวแล้วก็ยิ้มตามไปด้วย แต่กลับไม่มีใครเข้ามาซื้อเลยสักคน ฉินสือโอวนั่งอยู่บนเก้าอี้คอยควบคุมสถานการณ์โดยรวม เขามองดูพาวเวลล์ที่ทำได้เพียงแกว่งป้ายโฆษณาไปมาอย่างทึ่มๆ แล้วจึงหัวเราะและส่ายหัวไปมา


“พาวเวลล์ เด็กๆของฉัน ไปต้อนรับลูกค้าของพวกเธอสิ”


พาวเวลล์มองฉินสือโอวอย่างเซ่อๆ แล้วจึงหันไปมองผู้ปกครองพวกนั้น เขาก้มหน้าลงเพราะความเขินอาย ใช้เท้าเขี่ยพื้นไปมาเป็นรูปวงกลม


เชอร์ลี่ย์ก็ลังเลสองจิตสองใจ ใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูยู่เข้าหากันจนหน้ายุ่ง ฉินสือโอวพาเธอเดินเข้าไปหาผู้ปกครองพวกนั้นแล้วพูดกับพวกเขาว่า “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง พวกคุณลังเลอะไรกันอยู่เหรอ? มาเถอะ มาชิมอาหารเลิศรสแบบดั้งเดิมของจีน ในราคาแค่หนึ่งดอลลาร์เท่านั้น!” “ใช่แล้ว แค่หนึ่งดอลลาร์เท่านั้น……”


เมื่อพูดจบแล้ว เขาก็ผงกหัวให้เชอร์ลี่ย์ เพื่อเป็นการบอกให้เธอพูดตามบทที่เตรียมไว้


เชอร์ลี่ย์ตื่นเต้นจนเผลอเม้มริมฝีปาก เธอพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักว่า “ใช่ ใช่แล้ว หนึ่งดอลลาร์ แค่ แค่หนึ่งดอลลาร์เท่านั้น! คุณ คุณ คุณไม่ต้องถามราคา และไม่ต้องต่อราคา สี่อย่าง เกี๊ยวสี่อย่าง ทั้งหมดแค่หนึ่งดอลลาร์เท่านั้น! เงินหนึ่งเหรียญ คุณจะไม่เสียเปรียบ คุณจะไม่ถูกหลอก ไม่ต้องซื้อของแพง แถมได้ของราคาย่อมเยา…”


ฉินสือโอวเป็นคนคิดสโลแกนพวกนี้ขึ้นมา แต่เมื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วกลับไม่ได้คล้องจองกันขนาดนั้น ทว่าก็ยังพอจะเป็นทำนองอยู่บ้าง


ยิ่งพูด เชอร์ลี่ย์ก็ยิ่งคล่อง ไม่ตะกุกตะกักติดอ่างแล้ว สีหน้าก็เป็นธรรมชาติขึ้นมาก


ผู้ปกครองหลายคนยิ้มพร้อมหยิบเอาตั๋วราคาหนึ่งดอลลาร์ที่แลกกับโรงเรียนออกมา กอร์ดอนดีใจมาก เขารีบหยิบเอาจานแบบใช้แล้วทิ้งออกมาแล้วใส่เกี๊ยวลงไป จานทุกใบใส่เกี๊ยวลงไปหนึ่งชุด ในหนึ่งชุดมีเกี๊ยวทั้งหมดแปดชิ้น พร้อมทั้งมีส้อมพลาสติกแบบที่ใช้สำหรับทานเค้กวันเกิดอีกสองอัน รวดเร็วแถมยังเอาใจใส่


จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย เพื่อกิจกรรมครั้งนี้แล้วฉินสือโอวก็ทุ่มเทความคิดลงไปอย่างมาก


เชอร์ลี่ย์รับเงินมา เธอรับเงินไปพร้อมๆกับใช้เสียงใสๆถามพวกผู้ปกครองถึงรสชาติของเกี๊ยวที่พวกเขาต้องการ


ในตลาดนัดจำลอง บรรดาผู้ปกครองจะไม่สามารถใช้เงินสดได้ ต้องใช้ตั๋วที่ได้จากการนำเงินไปแลกกับตั๋วของโรงเรียนเท่านั้น ขณะนี้ตั๋วที่ประทับตราสีแดงของโรงเรียนถึงจะเป็นที่นิยม เมื่อเสร็จงานแล้วโรงเรียนจึงจะเก็บตั๋วที่อยู่กับนักเรียนทั้งหมดกลับคืน


ในตลาดมีของขายอยู่แทบทุกชนิด ที่มีขายมากที่สุดก็คือของเล่นและเครื่องเขียน ล้วนแต่เป็นของเก่าที่คัดออกมาจากบ้าน ราคาไม่แพง แม้กระทั่งเงินหนึ่งดอลลาร์ก็สามารถซื้อของเล่นดีๆได้


ฉินสือโอวกำลังจะออกไปเดินเล่น เขาเองก็แลกตั๋วมาแล้วตั้งหนึ่งร้อยดอลลาร์ แต่ปรากฏว่าตอนที่เขากำลังจะไป เชอร์ลี่ย์ พาวลิสและเด็กๆที่เหลือก็รู้สึกวิตกขึ้นมาทันที กอร์ดอนร้องเรียกเขาไว้ว่า “อย่าไป ฉิน ถ้าคุณไปแล้วพวกเราจะกลัวมากๆเลย!”


ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้แค่ต้องอยู่ต่อเพื่อช่วยเสริมความกล้าให้กับพวกเขา พาวเวลล์เป็นคนโฆษณา มิเชลล์ต้มเกี๊ยว กอร์ดอนเอาของใส่ห่อ ส่วนเชอร์ลี่ย์ทำหน้าที่รับเงินและทอนเงิน เมื่อเป็นเช่นนี้ระบบการทำงานก็จึงเป็นไปอย่างราบรื่น


ทว่า เกี๊ยวกลับไม่ใช่อาหารที่เป็นที่นิยมที่สุด ผู้ปกครองที่ให้ความสนใจเข้ามามุงดูมีอยู่ไม่น้อยเลย แต่คนที่ซื้อจริงๆมีอยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น


ฉินสือโอวที่เห็นว่าธุรกิจเริ่มจะซบเซาลง ก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมา แต่เมื่อเขาหันหลังไปเจอฮิวจ์คนเล็กที่กำลังเดินเรื่อยๆเฉื่อยๆอยู่นั้น ในใจเขาก็รู้สึกยินดีขึ้นมา


ยามนี้ ในมือของฮิวจ์คนเล็กกำลังถือไอศกรีมโคนอยู่ เขามองซ้ายทีขวาที ก้าวย่างสามขุม เดินทอดน่องเหมือนนักเลงตัวเล็กๆมาพร้อมกับเพื่อนอีกสองสามคน


“ไอ้หนู กลิ้งมานี่ซิ!”ฉินสือโอวโบกมือทักทายเขา


ฮิวจ์คนเล็กเงยคอขึ้นแล้ว พูดกับเขาว่า “ฉิน ผมคิดว่าคุณยังขาดซึ่งความเคารพคุณฮิวจ์อยู่นะ ……”


“ฉันต้องกระโดดขี่คอนายสักทีสองทีก่อนใช่ไหมถึงจะถึงจะเป็นการแสดงออกถึงความนับถือที่ฉันมีต่อนาย?”ฉินสือโอวเหล่ตามองเขา


เมื่อได้ยินอย่างนี้ ฮิวจ์คนเล็กก็หมดอารมณ์ เขาพูดกับฉินสือโอวด้วยความท้อใจว่า “อย่าเป็นอย่างนี้สิ ฉิน น่าตายจริงๆ คุณจะขี่คอผมไม่ได้นะ แบบนั้นมันน่าอายเกินไปแล้ว!”


ท่ากระโดดขี่คอมาจากท่าทางที่ใช้ในการเล่นกีฬาบาสเกตบอลที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก แน่นอนว่า คนที่โดดเด่นก็คือคนที่โยนบอลลงห่วงได้ ส่วนคนที่ถูกขี่หลังก็จะขายหน้าจนต้องร้องไห้กลับไปหาแม่


“อย่าพูดมาก มา มาซื้อเกี๊ยวไปกิน แล้วก็ซื้อให้เพื่อนนายไปด้วยเลยอีกสองชุดฉินสือโอวลากเขาเข้ามา แล้วแอบๆยัดตั๋วราคาห้าดอลลาร์ให้เขา


ฮิวจ์คนเล็กก็ยิ้มหน้าบาน เขาเอาตั๋วตบลงไปบนโต๊ะพร้อมขยิบตาให้เชอร์ลี่ย์ แล้วพูดว่า “สองชุด…”


“แค่กๆ” ฉินสือโอวกระแอมไอออกมา


“เอ่อ ไม่ เอาเกี๊ยวห้าชุด” ฮิวจ์คนเล็กรีบเปลี่ยนคำพูดทันที


คราวนี้เชอร์ลี่ย์ก็ยิ้มออกมาด้วยความเบิกบานใจ


ไส้เกี๊ยวปรุงได้ไม่เลวเลย โดยเฉพาะไส้ปลา ใส่ผักชี ต้นหอมและขิงผสมลงไปขจัดกลิ่นคาวปลาได้จนหมด อีกทั้งยังผสมน้ำมันมะกอกและน้ำซุปลงไป ทำให้ไส้เนื้อปลานอกจากจะรักษารสชาติสดใหม่ไว้ได้ก็ยังช่วยเพิ่มความหอมอีกด้วย เมื่อกัดเข้าไปหนึ่งคำน้ำซุปก็แตกกระจายในปาก กลิ่นหอมก็โชยเข้าจมูก


ฮิวจ์คนเล็กแต่ไหนแต่ไรก็ไม่กินข้าวเช้า เมื่อได้กินเข้าไปแล้วหนึ่งชุดเขาก็กะพริบตาปริบๆ แล้วควักตั๋วราคาห้าดอลลาร์ออกมาอีกหนึ่งใบ “เอามาอีกห้าชุด รสชาติดีจริงๆ เพื่อน ผมจะซื้อไปให้พวกเควินลองชิมดูสักหน่อย”


ราวๆเก้าโมงครึ่ง คุณลุงฮิคสันก็มาแล้ว ตาเฒ่าไม่มีอะไรให้ทำ เขาสวมหมวกฟางหัวเราะเอิ๊กอ๊ากมาร่วมกิจกรรมด้วยความสบายใจ ส่วนคนที่มาพร้อมกันกับเขาก็คือเออร์บัก


ฮิคสันเห็นเด็กๆทั้งสี่คนกำลังขายเกี๊ยวอยู่ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เขาเข้ามาซื้อหนึ่งชุดแล้วกินเข้าไป กินไปด้วยก็พูดกับฉินสือโอวไปด้วย “สุดยอดเลย เกี๊ยว เฮ้ เมื่อก่อนตาฉินก็เคยทำของแบบนี้ให้พวกเรากิน ไม่คิดว่าวันนี้จะได้กินอีก”


เมื่อทานเสร็จแล้ว เขาก็พยักหน้าอย่างชื่นชม แล้วพูดกับคนที่อยู่รอบๆว่า “รสชาติเยี่ยมมาก ชิมดูสิ นี่เป็นอาหารเลิศรสของฝั่งตะวันออกที่แท้จริงเลยนะ ไม่เหมือนกับอึหมาที่ร้านที่ชื่อว่าภัตตาคารคนจีนในนครเซนต์จอห์นทำหรอก”


ฉินสือโอวจะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องห้องก็ไม่ออก ถึงคุณจะกำลังชมเกี๊ยวที่พวกเราทำ แต่พูดเรื่องอึหมาออกมาตอนนี้ ยังไงก็ไม่น่าจะใช่เรื่องที่ดีหรือเปล่านะ?


…………………………………………………….


บทที่ 132 กิจการของพวกเธอ

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมืองแฟร์เวลเป็นเมืองเล็กๆที่รายล้อมไปด้วยทะเลสาบและแม่น้ำ อีกทั้งคุณลุงฮิคสันยังเป็นบุคคลที่มีบารมีสูงในวงจรความเป็นอยู่ของเมืองทะเลสาบแห่งนี้


เขามีอิทธิพลต่อการขอความร่วมมือเป็นอย่างมาก เมื่อเขากล่าวชมเกี๊ยวของเด็กๆ ผู้ปกครองที่มุงดูอยู่รอบๆเกือบจะทุกคนก็ซื้อเกี๊ยวไปลองกินคนละชุด


ชาวแคนาดากับชาวอเมริกาแม้จะเป็นเพื่อนบ้านกัน แต่อุปนิสัยกลับตรงกันข้าม ชาวอเมริการักการผจญภัย และบุกเบิกทางเพื่อแสวงหาความก้าวหน้า ชาวแคนาดากลับเป็นพวกที่มีความคิดอนุรักษนิยมอยู่มากนัก นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เมื่อก่อนหน้านี้บรรดาผู้ปกครองเอาแต่มองอย่างอยากรู้อยากเห็นแต่กลับไม่ได้เข้ามาซื้อเกี๊ยวไปกิน


หลังจากที่ได้รับคำชมจากคุณลุงฮิคสันแล้ว ข้างหน้าเต็นท์หลังน้อยก็เต็มไปด้วยขบวนของคนที่มาต่อแถวซื้อ พาวเวลล์ทิ้งป้ายโฆษณาไปแล้วมาเริ่มช่วยกอร์ดอนตักเกี๊ยวใส่จานแทน มิเชลล์ก็รีบเอาเกี๊ยวลงน้ำด้วยความรวดเร็ว ส่วนเชอร์ลี่ย์ก็ทำหน้าที่คิดเงิน เด็กๆทั้งสี่คนยุ่งมากจนด้านบนจมูกมีแต่เหงื่อ


ระหว่างนั้นฉินสือโอวก็ค่อยๆแอบหนีออกไป ครั้งนี้เด็กๆทั้งสี่คนไม่ได้พยายามรั้งเขาไว้ นี่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกค่อนข้างปลื้มอกปลื้มใจ เขารู้สึกว่าการจัดกิจกรรมแบบนี้ของโรงเรียนในแคนาดา มีประโยชน์มากจริงๆ อย่างน้อยๆการฝึกเด็กๆพาวเวลล์ทั้งสี่คนก็นับว่าเห็นผลทันตา


แสงแดดในฤดูร้อนค่อนข้างจะร้อน ฉินสือโอวเดินเตร็ดเตร่ไปหนึ่งรอบ เขามองเห็นลูกชายของฮิวจ์กับเครื่องกดเครื่องดื่มแบบเย็น จึงเดินเข้าไปถาม “เพื่อน นี่พวกนายทำอะไรกันเหรอ?”


ฮิวจ์ตัวเล็กๆมีผมสีทองนุ่มลื่นเหมือนกันกับพ่อของเขา ปีนี้เขากำลังเรียนอยู่ในชั้นปีที่สาม ลักษณะนิสัยร่าเริง เมื่อมองเห็นว่าบนใบหน้าของฉินสือโอวมีเหงื่อ เขาก็พูดขึ้นมาอย่างมั่นใจว่า “คุณผู้ชาย ตอนนี้คุณกำลังร้อนมากๆ ใช่ไหมครับ? ที่นี่ผมมีกาแฟเย็นและน้ำส้มเย็น แต่ผมคิดว่าคุณน่าจะอยากได้น้ำปั่นสักแก้ว โยเกิร์ตเกล็ดหิมะ ชานมเกล็ดหิมะ หรือไม่ก็กาแฟเกล็ดหิมะ เพื่อดับความร้อนในตอนนี้”


ฉินสือโอวยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “โอเค ถ้าอย่างนั้นก็เอาชานมเกล็ดหิมะมาสี่แก้วกับกาแฟเกล็ดหิมะอีกหนึ่งแก้วแล้วกัน”


ฮิวจ์ตัวน้อยๆเร่งรีบทำงานด้วยความรวดเร็วอยู่ด้านหน้าเครื่องทำน้ำแข็ง มือเล็กๆทำงานอย่างรวดเร็ว และยังมีผู้ช่วยอีกหนึ่งคน น่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขา ทั้งสองคนร่วมมือกัน เพียงครู่เดียวก็ทำเครื่องดื่มเกล็ดหิมะทั้งห้าแก้วได้สำเร็จ


เครื่องดื่มเกล็ดหิมะของแคนาดาเป็นน้ำปั่นที่ได้รับความนิยมในประเทศเป็นอย่างมาก น้ำแข็งเกล็ดหิมะเม็ดละเอียดรวมเข้ากับน้ำผลไม้เป็นเนื้อเดียวกัน สีสันสวยงามสดอร่อย รสชาติหวานเย็นชื่นใจ รสชาติผลไม้เข้มข้น รสสัมผัสนุ่มละมุน


“ยี่สิบจุดห้าเหรียญครับ คุณผู้ชาย”ฮิวจ์น้อยยื่นมือออกไปและยิ้มอย่างแพรวพราว


ฉินสือโอวจ่ายเงินไป แล้วถามเขาว่า “ถามหน่อย ทำไมนายถึงเดาว่าฉันจะดื่มน้ำปั่นล่ะ?”


ฮิวจ์น้อยเก็บเอาตั๋วมา เขายักไหล่แล้วตอบไปว่า “ผมไม่ได้เดา แต่ชักจูงให้คุณเลือกแบบนี้ต่างหากล่ะ เครื่องดื่มเย็นแบบธรรมดามีราคาแค่หนึ่งดอลลาร์ น้ำปั่นเกล็ดหิมะสองจุดห้าดอลลาร์ ดังนั้นผมเลยชิงพูดก่อนเลยว่าคุณอยากซื้อน้ำปั่นเกล็ดหิมะ”


ฉินสือโอวใช้มะเหงกเขกหัวเขาไปหนึ่งครั้ง ยิ้มแล้วพูดกับเขาว่า “โตขึ้นไปนายต้องเหมือนกันกับพ่อนายแน่ๆ กลายเป็นพ่อค้าหน้าเลือด”


ฮิวจ์เดินกลับมาพร้อมรูบิกอันหนึ่ง เขาได้ยินที่ฉินสือโอวพูดออกมาพอดี จึงแกล้งด่าเขาเล่นๆว่า “ฉิน นายแอบใส่ร้ายฉันลับหลังเหรอ พระเจ้าจะลงโทษนายแน่ๆ”


พูดจบแล้ว เขาก็เอารูบิกยื่นให้เพื่อนที่อยู่ข้างๆฮิวจ์น้อยคนนั้น “นี่เป็นรูบิกที่ซีมอนสเตอร์ทำขึ้นมาเอง เจ๋งมากๆ คริส เอานี่ไปเล่นสิ”


ฉินสือโอวเดินกลับ พวกเขาเตรียมเกี๊ยวมาไม่มาก เขาออกไปเดินเล่นข้างนอกได้รอบหนึ่งก็ขายจนเกือบหมดแล้ว


“มานี่มา เด็กๆ ดื่มอะไรเย็นๆสักหน่อย”ฉินสือโอวเอาน้ำปั่นแบ่งให้ทั้งสี่คน เขาดูดเข้าไปหนึ่งอึก น้ำปั่นเกล็ดหิมะเนียนละเอียดที่ผสมกับน้ำผลไม้ไหลลงสู่ท้อง เย็นสบายไปจนถึงกระดูก ดับร้อนได้ดีมากจริงๆ


เชอร์ลี่ย์ไม่ได้สนใจจะดื่มน้ำปั่น เธอนำตั๋วทั้งหมดมาซ้อนไว้ด้วยกันอย่างเป็นระเบียบ เธอมองฉินสือโอวด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดกับเขาว่า “นี่คือที่พวกเราขายได้ ฉิน พวกเราหาเงินได้แล้ว”


ฉินสือโอวเข้าไปกอดพร้อมทั้งจุ๊บหน้าผากเธอ อีกทั้งยังลูบหัวเด็กๆอีกสามคนที่เหลือ “ใช่แล้ว นี่คือเงินที่พวกเธอหาได้ สุดยอดไปเลย ตอนที่ฉันอายุเท่าพวกเธอฉันยังเอาแต่ชกต่อยอยู่เลย”


“เรื่องชกต่อยพวกเราก็ทำได้”กอร์ดอนรีบพูดต่อทันที


ฉินสือโอวถือน้ำปั่นขึ้นมา แล้วพูดว่า “แต่ไม่อนุญาตให้ชกต่อย มา เด็กๆ ดื่มสักหน่อยเถอะ รสชาติของน้ำปั่นพวกนี้ดีมากๆเลย ฉันไม่เคยดื่มเครื่องดื่มที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย เป็นรสชาติที่แสนอร่อยของโลกใบนี้จริงๆ”


ฮิวจ์เองก็เดินเล่นไปจนทั่ว ฉินสือโอวเห็นว่าเขาเดินมาพอดีจึงได้พูดแบบนั้นออกไป


แล้วก็เป็นไปตามคาด ฮิวจ์ที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็ดีใจจนถึงที่สุด เขาพูดขึ้นว่า “ฉิน ฉันให้อภัยเรื่องที่นายใส่ร้ายฉันไม่เมื่อครู่ก่อนหน้านี้แล้วล่ะ”


กิจกรรมนี้ดำเนินต่อไปจนถึงสิบเอ็ดโมงเช้า อุณหภูมิก็ค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น พวกเด็กๆก็เที่ยวเล่นกันพอแล้ว อีกทั้งของที่นำมาขายก็ขายไปได้พอสมควรแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้กิจกรรมจึงมาถึงจุดสิ้นสุด


ฉินสือโอวและอีวิลสันรื้อเต็นท์ออก เชอร์ลี่ย์คิดคำนวณบัญชี ส่วนเด็กๆที่เหลือก็เก็บอุปกรณ์ครัวและทำความสะอาด


เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวเห็นว่าเชอร์ลี่ย์ยังเอาแต่นับจำนวนของตั๋วเงินไปมาหลายรอบ เขาจึงพูดขึ้นว่า “นับรอบเดียวก็พอแล้ว เชอร์ลี่ย์ ไปแลกเงินกันเถอะ”


เชอร์ลี่ย์เงยหน้าขึ้นมาด้วยความวิตกกังวล และพูดออกมาอย่างเครียดๆว่า “ไม่ใช่ค่ะ ฉิน ฉันรับเงินมาไม่ถูก พวกเราเตรียมเกี๊ยวมาทั้งหมดแปดร้อยชิ้น ขายไปจนหมดแล้ว แต่ที่หนูมีเงินอยู่แค่เก้าสิบสองดอลลาร์……”


“หายไปเหรอ? หายไปเท่าไร?”กอร์ดอนก็ร้อนใจยิ่งกว่า เขาพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “ทำไมเธอไม่เก็บเงินให้ดีๆล่ะ? พระเจ้า เก็บเงินนี่มันยากกว่าเอาเกี๊ยวใส่ห่อนักหรือไง?”


พาวเวลล์จึงเตือนเขาว่า “กอร์ดอน เงียบไปเลย นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะโทษเชอร์ลี่ย์ได้ เข้าใจไหม?”


กอร์ดอนตะโกนขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “แล้วเงินมันหายไปเท่าไรล่ะ……” เขานับนิ้วมือไปมา แล้วพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจว่า “เกี๊ยวแปดร้อยชิ้นก็เท่ากับสองร้อยดอลลาร์ มีเงินอยู่แค่เก้าสิบสองดอลลาร์ ก็เท่ากับว่าหายไป หายไปสิบดอลลาร์!”


ฉินสือโอวถึงกับเหงื่อตก บัญชีนี้คิดคำนวณยังไงกัน? กอร์ดอนก็ถือว่ามีความสามารถอยู่ แต่มันไม่ถูกเลยสักนิด!


ทว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่การหัวเราะเยาะกอร์ดอน เมื่อถูกน้องตำหนิแบบนี้ ตาของเชอร์ลี่ย์ก็แดงขึ้นมาทันที มือเล็กๆกำตั๋วเงินไว้แน่น แล้วน้ำตาก็ค่อยๆไหลลงมา


ฉินสือโอวเห็นว่าเรื่องกำลังจะแย่ จึงนั่งยองๆลงต่อหน้าของเธอ เขายิ้มแล้วพูดกับเธอว่า “เฮ้ หนูไม่ได้คิดเงินผิดหรอก เมื่อสักครู่นี้ตอนที่พวกเธอไม่เห็น ฉันเอาตั๋วเงินออกไปแปดดอลลาร์ น้ำปั่นที่พวกเธอดื่มกันฉันเป็นคนซื้อมา ดังนั้นฉันเลยมาเก็บเงินกับพวกเธอไง ดูสิ หนึ่งแก้วก็สองดอลลาร์ พอดีกันเลยใช่ไหม?”


นี่เป็นเหตุผลข้อเดียวที่เขาคิดออก


“แต่ไม่ใช่ว่าพวกเราขายไปสองร้อยดอลลาร์หรอกเหรอคะ? นี่แค่หนึ่งร้อยดอลลาร์อยู่เลยนะ”เชอร์ลี่ย์ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาแล้วสะอึกสะอื้นถามเขา


ฉินสือโอวไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว พวกเธออยู่ชั้นปีที่สี่แล้วนะ โจทย์เลขแบบนี้ก็ยังจะคำนวณผิดอีกเหรอ?!


เขาจึงทำได้แค่คำนวณเลขให้เด็กๆอีกครั้ง สุดท้ายแล้วขนาดเครื่องคิดเลขในมือถือก็ยังถูกหยิบออกมาใช้ เด็กๆทั้งสี่คนจึงเข้าใจขึ้นมาทันที เมื่อเป็นเช่นนี้ความสนใจของพวกเขาที่มีต่อเงินแปดดอลลาร์จึงถูกเบี่ยงเบนไป


เด็กๆจึงมีความสุขขึ้นมาได้อีกครั้ง ฉินสือโอวพาพวกเขาไปแลกเงิน ทว่าพวกเขากลับแลกเงินมาแค่แปดสิบแปดดอลลาร์ ภายใต้คำแนะนำของฉินสือโอว ที่แนะนำให้พวกเขาแต่ละคนเก็บตั๋วเงินของโรงเรียนไว้หนึ่งใบ แล้วก็ถ่ายรูปเอาไว้พร้อมกัน จากนั้นก็เอาตั๋วเงินและรูปที่ล้างแล้วมาตั้งไว้ข้างๆกัน


คิดไว้ว่าอีกหลายปีหลังจากนี้ รอให้พวกเขาย้อนกลับมาดูรูปภาพและตั๋วเงินพวกนี้อีกครั้ง ก็คงจะให้ความรู้สึกที่หลากหลายใช่ไหมล่ะ?


ระหว่างที่กำลังเดินทางกลับ เด็กๆทั้งสี่คนก็คึกคักอย่างถึงที่สุด ต่างคนต่างกอดเอารูปถ่ายของตัวเองเอาไว้ ‘จิ๊จิ๊จ๊ะจ๊ะ’ ไม่หยุดคุยกันเรื่องตั๋วเงินและเงินที่แลกมาได้


ฉินสือโอวก็รู้สึกซึ้งใจ เขาถามเด็กๆว่า “เด็กๆ พวกเธอไม่เคยคิดมาก่อนใช่ไหมว่าจะเอาเกี๊ยวมาพัฒนาเป็นอาชีพได้? หลังจากนี้ช่วงวันหยุดพวกเธอก็ทำเกี๊ยว แล้วค่อยเอาไปขายในเมือง ดีไหม?”


“ทำได้เหรอ?” เด็กๆทั้งสี่คนแทบจะถามออกมาเป็นเสียงเดียวกัน


ฉินสือโอวหมุนพวงมาลัยรถ แล้วก็พูดด้วยรอยยิ้มไปด้วย “แน่นอนอยู่แล้ว เกี๊ยวที่พวกเธอทำรสชาติดีมาก วันนี้ยังมีอีกหลายคนที่รู้สึกเสียดายเพราะยังไม่ได้กิน ถ้าพวกเธอไปขายอยู่ที่มุมถนน จะต้องขายดีมากแน่ๆ”


เขาอยากจะปลูกฝังการมองโลกในแง่ดี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และจิตใจที่ร่าเริงหรือให้เด็กๆมาโดยตลอด บางทีการออกไปขายของริมถนนก็น่าจะเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย


………………………………………………………..


บทที่ 133 หัวขโมยตาโต

โดย

Ink Stone_Fantasy

เวลาร่วงเลยมาถึงเดือนหกแล้ว อุณหภูมิก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทีมงานก่อสร้างของวิลก็กำลังทำงานล่วงเวลาเพื่อขยายการสร้างท่าเรือทั้งสอง บนชายหาดค่อนข้างจะไม่เป็นระเบียบ ในตอนกลางวันของทุกๆวันจะมีเสียงดังครั่นครืนของอุปกรณ์เครื่องมือดังขึ้น ทำให้ฟาร์มปลาเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ไม่สงบ


ทว่า แบบนี้ก็ทำให้ฟาร์มปลายิ่งคึกคักเช่นกัน


อากาศค่อยๆอบอุ่นขึ้น หญ้าปลาไหล (Zostera marina) ในฟาร์มปลาก็เติบโตขึ้นอย่างบ้าคลั่ง หญ้าทะเล Zostera asiatica หญ้าทะเล Zostera caespitosa หญ้าทะเล Zostera caulescens หญ้าทะเล Zostera japonicaและหญ้าทะเลชนิดอื่นๆ ในฟาร์มปลาอีกหลายชนิดก็มีชีวิตรอดอยู่ต่อไปได้


ชาร์คและซีมอนสเตอร์ที่งมลงไปดูหลายครั้งก็รู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากหญ้าทะเลพวกนี้นอกจากหญ้าทะเล Zostera caulescens แล้ว ชนิดอื่นที่เหลือก็พบได้น้อยในฟาร์มปลาของนิวฟันด์แลนด์


แน่นอนว่านี่คงเป็นเพราะสรรพคุณของพลังจิตสำนึกโพไซดอน ฉินสือโอวคงไม่เซ่อแล้วบอกพวกเขาออกไปหรอก เขาอธิบายว่าเป็นเพราะกระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรที่นำเอาหญ้าทะเลพวกนี้มาด้วย ตอนนี้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น พวกมันจึงฝังรากลงกับฟาร์มปลา


หญ้าทะเลพวกนี้เป็นอาหารอันโอชะของพวกเต่าทะเล ปลาดาว หอยเม่น ปลาแฮริ่ง พวกมันเลี้ยงดูสิ่งมีชีวิตในวัฏจักรอาหารชั้นล่างอยู่เป็นจำนวนมาก


นับวันฟาร์มปลาก็ยิ่งคึกคักขึ้น โดยเฉพาะบริเวณรอบๆหลอดไฟล่อปลา ก็ยิ่งมีปลาอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงเวลากลางคืนจะสามารถมองเห็นภาพปลาค็อด และปลากระโทงสีน้ำเงิน กระโดดอยู่บนหลอดไฟล่อปลา ทุกครั้งที่ได้เห็นปรากฏการณ์แบบนี้ ชาร์คและซีมอนสเตอร์จะรู้สึกตื่นเต้นจนน้ำตาแทบปริ่ม


อีวิลสันเองก็ตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาปริ่มเหมือนกัน “ปลาตัวใหญ่จัง! ฉันเคยกินมันนะ! อร่อยมากๆเลย!”


พลังของจิตสำนึกโพไซดอนไม่เพียงแต่ปรับปรุงชนิดพันธุ์ของปลาในฟาร์มปลาให้ดีขึ้น แต่ยังช่วยปรับปรุงผักและผลไม้ในสวนอีกด้วย ตอนนี้หน่อของแตงกวาก็แตกออกมาแล้ว ต้นอ่อนของพริก ต้นอ่อนของมะเขือม่วงก็มีผลเล็กๆงอกเงยออกมา มะเขือเทศเติบโตได้เร็วที่สุด ตอนนี้ก็มีผลเล็กๆสีแดงงอกเงยออกมาแล้วเช่นกัน


คื่นช่ายฝรั่งโตขึ้นมาได้ประมาณสามสิบเซนติเมตร ลำต้นสีเขียวมรกตดึงดูดให้คนสนใจได้ดีเป็นอย่างยิ่ง หน่อกระเทียมและกุ้ยช่ายก็เติบโตได้ไม่เลวเลย อีกเดี๋ยวเดียวก็จะกินผักพวกนี้ได้แล้ว


ไม่กี่วันมานี้ตอนที่ฉินสือโอวไปตรวจดูแปลงผักก็พบว่า มีใบอ่อนของผักที่โดนกัดอีกแล้ว อีกทั้งยังจงใจกัดกินบริเวณก้านอ่อนและหน่ออ่อน ไม่รู้ว่าเป็นเม่นพวกนั้นที่มากัดกินหรือเปล่า เขาเลยตัดสินใจให้หู่จือและเป้าจือมาเฝ้าในตอนกลางคืนสักหน่อย


สำหรับหู่จือและเป้าจือแล้วความพ่ายแพ้เมื่อต้องเผชิญกับเม่นพวกนั้นในครั้งที่แล้ว ยังชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน!


ไม่กี่วันต่อมาพวกมันก็ไปเฝ้าสวนอยู่ทุกเย็น ใจของพวกมันเต็มไปด้วยความคิดอยากล้างแค้น แต่ปรากฏว่าเจ้าเม่นตัพวกนั้นกลับไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นอีก คาดว่าน่าจะเป็นเพราะว่ากลัวฉงต้า ในที่สุดก็มีโอกาสที่จะได้แก้แค้น เจ้าหมาน้อยทั้งสองตัวต่างก็ตื่นเต้นมาก


เมื่อทานข้าวเย็นแล้ว ฉินสือโอวก็ขึ้นไปพักผ่อนข้างบน ฉงต้าแขม่วพุงอ้วนๆของมันหลบอยู่หลังโซฟาแล้วแอบมองไปที่อีวิลสัน ตั้งแต่ที่โดนอีวิลสันตีครั้งนั้น มันก็ท่องจำจนขึ้นใจ พยายามอย่างเต็มที่ ที่จะรักษาระยะห่างจากอีวิลสันให้ได้มากกว่าสิบเมตรขึ้นไป


เมื่อทานข้าวเสร็จแล้วอีวิลสันก็ไม่มีอะไรทำเขาจึงไปที่ชายหาดเพื่อเฝ้ายามกลางคืน นี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวซึ้งใจมากๆ เนื่องจากฟาร์มปลาส่วนบุคคล แต่ในทะเลไม่สามารถขวางคนนอกไว้ได้ ดังนั้นจึงมักจะมีคนเข้ามาขโมยปลาของฟาร์มปลาในเวลากลางคืน โดยปกติแล้วฟาร์มปลาจะต้องส่งคนออกเรือไปลาดตระเวนดู


ฉินสือโอวไม่อยากทำแบบนั้น เขามีจิตสำนึกโพไซดอน มีป้อมจิตสำนึกโพไซดอนที่แนวเขตปะการังช่วยลดหย่อนภาระอยู่ตลอดคืน หากมีคนมาขโมยปลา บอลหิมะ ปลาอีคุด และเจ้าน้ำเงินใหญ่น้ำเงินเล็กสองพ่อลูกก็จะรีบมารายงานทันที


คนอื่นๆไม่รู้เรื่องนี้ ชาร์ค ซีมอนสเตอร์และนีลเซ็น จึงดึงดันที่จะผลัดกันทำหน้าที่ เมื่ออีวิลสันรู้ว่าพวกเขาทำอะไรกัน ก็จึงเข้าร่วมขบวนการกับพวกเขาด้วย เขาขับเรือไม่เป็น จึงเฝ้าอยู่ที่ท่าเรือ อาจจะทำอะไรไม่ได้มากนัก แต่ความตั้งใจของเขาก็ทำให้ซาบซึ้งใจได้แล้ว


เมื่อเห็นว่าอีวิลสันออกจากอาคารไปแล้ว ฉงต้าก็ดันก้นอ้วนๆของมันขึ้นไปบนโซฟา ‘ฮึมฮัมฮึมฮัม’ นอนอืดอ้วนอยู่บนโซฟา


อากาศร้อน มันจึงไม่ขึ้นไปนอนข้างบนแล้ว แต่กลับนอนอยู่ที่ประตูทางเข้าอาคาร แน่นอนล่ะ ฉินสือโอวคิดว่ามันขี้เกียจปีนขึ้นไปบนอาคาร มากกว่ากลัวร้อน


เลี้ยงมันไว้ที่ฟาร์มปลาเป็นระยะเวลาช่วงหนึ่งแล้ว อีกทั้งยังเพิ่มพลังของจิตสำนึกโพไซดอนลงไปด้วย ตอนนี้ฉงต้าเรียกได้ว่าอ้วนท้วนสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง


เทียบกับตอนมาแรกๆที่ผอมจนหนังติดกระดูกแล้วก็นับว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนนี้ฉงต้าสูงได้ครึ่งเมตรแล้วส่วนรอบเอวของมันก็กว้างครึ่งเมตรเช่นกัน หัวกลมๆและตัวของมันมีแต่เนื้อ ขนของมันก็ดูมันเลื่อม บางครั้งเวลาที่มันสะบัดตัวไปมา เนื้อพุงของมันก็สะบัดตาม ดูเหมือนกับคลื่นสีน้ำตาลเป็นชั้นๆอย่างไรอย่างนั้น


เขาบังคับจิตสำนึกโพไซดอนให้วนไปในทะเลได้สักพัก ลองดูว่าจะเจอซากเรืออีกสักลำไหม เมื่อหาไม่เจอ ฉินสือโอวจึงหลับไป


ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เสียงคำรามก็ดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน ฉินสือโอวลุกขึ้นทันที เป็นเสียงของหู่จือและเป้าจือนั่นเอง เขาหยิบเอาปืนAR-15 ที่แขวนอยู่บนผนังตรงปลายเตียงลงมา จากนั้นจึงใส่รองเท้าแตะและรีบวิ่งออกไป


เขาวิ่งออกไปข้างนอก เงาสีดำววิ่งสวนเข้าไปข้างใน ฉินสือโอวตกใจมาก เขาเกือบจะยิงปืนออกไปแล้ว แต่เมื่อได้เห็นชัดๆก็พบว่านั่นคือฉงต้า


พอมันได้ยินเห่าของหู่จือและเป้าจือ ฉงต้าที่กำลังหลับลึกอยู่ก็ตกใจตื่นขึ้นมา คาดว่าน่าจะยังตื่นได้ไม่เต็มที่ ขนาดตอนนี้ยังหลับตาวิ่งอยู่เลย มันวิ่งขึ้นไปข้างบนโดยใต้จิตสำนึก


“ไอ้ Motherfucker แกเป็นหมีนะ ราชาแห่งป่าเขาน่ะ!”ฉินสือโอวอยากจะให้มันทำตัวให้ดีขึ้นจริงๆ เมื่อฉงต้าเห็นเขา มันก็กระโดดเกาะขาเขาไว้ เขาดันตัวมันออก แล้ววิ่งต่อไป


จากทางฝั่งท่าเรือ เงาขนาดใหญ่ของอีวิลสันก็ปรากฏขึ้น เขาพุ่งไปที่สวนผักเหมือนกับม้าป่าตัวหนึ่ง


ฉินสือโอวเปิดไฟที่ติดไว้ตรงสวนผัก มองจากไกลๆก็เห็นหู่จือและเป้าจือที่วิ่งรอบเป็นวงกลมอย่างบ้าคลั่ง ขนสีทองบนตัวก็สะบัดขึ้นมา ใบหูใหญ่ทั้งสองข้างก็พับเก็บไปทางด้านหลัง ดวงตาของพวกมันสว่างวาบขึ้นมา เขี้ยวสีขาวที่ดูดุร้ายก็โผล่ออกมาข้างนอกเช่นกัน


สิ่งที่กำลังถูกหู่จือและเป้าจือล้อมไว้ตรงกลาง ก็คือหนูตัวใหญ่ตัวหนึ่ง


จะบอกว่าเป็นหนูก็คงไม่ถูก ถึงแม้มันจะดูเหมือนหนูมากๆ แต่ก็ตัวใหญ่กว่าหนูอยู่มากนัก


นอกจากนี้ สีขนของมันยังเป็นสีเหลืองอ่อน บนลำตัวมีลายแถบสีน้ำตาลเข้ม จมูกแหลมเป็นสีแดงจางๆ ริมฝีปากบนล่างและรอบดวงตาล้วนแต่เป็นสีขาว ดวงตาใหญ่โต ยื่นออกมาข้างนอก ลุกลี้ลุกลน แต่ดูโง่มากๆ


มันถูกหู่จือและเป้าจือขวางเอาไว้ เจ้าตัวนี้จะหนีก็หนีไม่ได้ ตัวของมันหดเข้าหากันเป็นก้อน ตาโตสีดำสนิทเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ไม่หยุดที่จะป้องกันการโจมตีของหู่จือและเป้าจือ ในปากก็ร้อง ‘จิ๊ดจิ๊ด’ หลังจากที่ไฟสว่างขึ้นแล้ว มันก็ยิ่งตกใจจนตัวสั่น


ฉินสือโอววิ่งมาดูใกล้ๆ แค่แป๊บเดียวก็ดูออก ที่แท้เจ้าตัวนี้ก็คือกระรอกดินDaurian


สัตว์ประเภทกระรอกดิน พบได้ในทั้งทวีปอเมริกาเหนือและทวีปเอเชีย ชาวมองโกลเลียในและคนจีนฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือเรียกเจ้าพวกนี้ว่าหัวขโมยตาโต เป็นสัตว์ที่ชอบทำลาย และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผลิตผลของการเกษตร ทำลายทุ่งหญ้าของกิจการปศุสัตว์ โดยเฉพาะ พวกมันชอบกินส่วนอ่อนนุ่มของพืชที่มีน้ำมาก จึงมักจะทำให้ปัจจัยสำคัญของผลิตผลทางการเกษตรถูกถอนทำลายและตายไป


และก็เนื่องจากว่ากระรอกดินเป็นพาหะและแหล่งแพร่เชื้อหลักของกาฬโรค ดังนั้นที่จีน จึงให้ความสำคัญกับการกำจัดพวกมัน


สถานการณ์ของทางทวีอเมริกาเหนือดีกว่านิดหน่อย กระรอกดินของอเมริกาเหนือมีอยู่สองประเภท แบ่งเป็นกระรอกดินพันธุ์ใหญ่ที่สามารถเติบโตได้ถึงครึ่งเมตร และกระรอกดินตัวเล็กที่สามารถเติบโตได้มากที่สุดถึงสามสิบเซนติเมตร ที่หลังของกระรอกดินตัวนี้มีลวดลายสีน้ำตาลอยู่ น่าจะเป็นกระรอกดินหลังลายที่พบได้น้อย


ชาวแคนาดาใจดีกับกระรอกดินพันธุ์เล็กอยู่มาก เนื่องจากกระรอกดินพันธุ์นี้ไม่แพร่เชื้อกาฬโรค อีกทั้งแคนาดามีที่ดินกว้างขวางแต่มีประชากรน้อยพืชพรรณอาหารก็เยอะ กระรอกดินกินไปแค่นิดหน่อยพวกเขาจึงไม่ถือสา


แต่ฉินสือโอวต้องสนใจ เนื่องจากผักที่กระรอกดินตัวนี้กินไปคือหน่ออ่อนของผักที่เขาเพาะเลี้ยงด้วยความเอาใจใส่ อีกทั้งยังกินส่วนสำคัญของผักเข้าไป อย่างพวกหน่ออ่อน ทำให้ผักตายเป็นบริเวณกว้างได้อย่างง่ายดาย


คราวนี้อีวิลสันก็วิ่งมาถึงแล้ว เมื่อเขามองเห็นกระรอกดินตัวนี้ ก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “กินได้ กินได้ ตัวนี้ถ้าถลกหนังออกแล้วจะเอาไปย่างกินได้!”


มองเห็นฉินสือโอวที่พกปืนมาและอีวิลสันที่สูงใหญ่น่ากลัว เจ้ากระรอกดินก็ยิ่งกลัวยิ่งกว่าเดิม มันมองทั้งสองคนพร้อมกับร่างกายที่สั่นระริก อุ้งเท้าด้านหน้าวางอยู่บนพื้นดินอย่างสั่นๆ ขุดไปมาอย่างไม่รู้สึกตัวอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หยุดลงทันที ข้างในดวงตาสีดำใสเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง


……………………………………………..


บทที่ 134 ครอบครัวใจเย็น

โดย

Ink Stone_Fantasy

มองดูกระรอกดินที่ขดตัวเป็นก้อนด้วยความหวาดกลัว ในใจของฉินสือโอวก็งงงวยขึ้นมาทันที


เวลาที่ไม่มีอะไรให้ทำ เขาก็จะอ่านหนังสือของแคนาดาที่แนะนำข้อมูลเกี่ยวกับพืชพันธุ์ และชนิดของปลาในอเมริกาเหนือ รวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับกระรอกดินพันธุ์เล็กใหญ่ด้วย


ตามที่เขารู้มาทั้งหมด กระรอกดินพวกนี้รับมือได้ยากมาก ความจำของพวกมันดีมาก ความระมัดระวังตัวก็สูง ปีนป่ายได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีทีเด็ดอย่างหนึ่ง คือมันมีความสามารถในการขุดเจาะที่ดีมาก เมื่อเจอสัตว์นักล่าบดบังทางหนี ก็จะสามารถขุดรูหรือเจาะผนังหนีไปได้!


ในหนังสือเรื่องสัตว์น่ารู้ในแคนาดาบอกไว้ว่า เวลาที่กระรอกดินชนิดนี้อยู่บนพื้นหญ้า จะสามารถขุดรูขนาดเล็กที่กว้างพอที่พวกมันจะมุดเข้าไปได้ภายในเวลาสี่วินาที จากนั้นเมื่อมุดลงไปในรูแล้วก็จะขุดรูต่อไป โดยทั่วไปแล้วไม่มีสัตว์ชนิดไหนที่จะจับมันได้ นอกเสียจากนกอินทรีทองและเหยี่ยวทะเลทรายที่องอาจห้าวหาญ


แต่กระรอกดินตัวนี้กลับถูกล้อมรอบเอาไว้ได้สักพักหนึ่งแล้ว มันอยากจะขุดรูลงไปหลายครั้งแล้ว แต่กลับไม่ได้ลงมือเลย นี่ค่อนข้างที่จะผิดปกติ


ฉินสือโอวเดินไปดูรอบๆ ที่นี่คือตำแหน่งของสวนผัก ห่างไปอีกสิบกว่าเมตรจะเป็นประตูใหญ่ของฟาร์มปลา และทั้งสองด้านของประตูใหญ่ยังมีรั้วที่ทำมาจากไม้ ตามรั้วไม้มีพืชหญ้าอยู่อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะทั้งสองด้านของประตูใหญ่ที่มีไม้พุ่มขึ้นหนาแน่น


ดินบนฟาร์มปลาทั้งชุ่มชื้นและร่วนซุย ดังนั้นจึงทำให้สามารถมองเห็นร่องรอยบางส่วนได้ อย่างเช่นรอยเท้าของหู่จือและเป้าจือ เมื่อมองดูก็รู้ว่าวิ่งมาจากประตูใหญ่ ซึ่งก็หมายความว่า ก่อนหน้านี้กระรอกดินตัวนี้ถูกพบที่ประตูใหญ่ จากนั้นจึงถูกหู่จือและเป้าจือไล่ตามมาเรื่อยๆจนถูกล้อมไว้ที่นี่


เมื่อเป็นอย่างนี้ กระรอกดินที่หลบอยู่ในไม้พุ่มตรงประตู ทำไมถึงต้องวิ่งมาบนทางโล่งๆเพื่อหาเรื่องตายกันล่ะ?


คิดมาถึงตรงนี้ ฉินสือโอวก็นึกถึงสุภาษิตหนึ่ง ที่เรียกว่า แผนล่อเสือออกจากถ้ำ!


เขาเดินไปที่ประตูใหญ่แล้วใช้กระบอกปืน แหวกไม้พุ่มพวกนั้นให้เปิดออก เมื่อเห็นดังนี้ กระรอกดินที่ขดตัวอยู่บนพื้นก็ส่งเสียงร้องแหลมออกมา พยายามจะกระโดดเข้าไปหาเขาอย่างสุดชีวิต


หู่จือคว้าโอกาสนี้ กระโดดขึ้นมาจับกระรอกดินแล้วตะปบมันลงไปที่พื้น เมื่อหล่นลงสู่พื้นดินแล้วก็ใช้อุ้งเท้ากดไว้ แค่รวดเดียวก็สามารถกดคอของกระรอกดินเอาไว้ได้


นี่เป็นความฉลาดของหู่จือและเป้าจือ ถ้าฉินสือโอวไม่ได้ออกคำสั่ง พวกมันก็จะไม่กัดเหยื่อจนตาย


แน่นอนว่า เมื่อมันถูกทำอย่างนี้ กระรอกดินตัวน้อยก็ใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว ทว่ามันก็ยังพยายามดิ้นรนเพื่อที่จะปีนไปที่ประตูใหญ่


ฉินสือโอวค่อนข้างรู้สึกช็อก ขณะเดียวกันก็สามารถยืนยันสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ได้แล้ว เข้าผิวปากหนึ่งครั้ง หู่จือก็ปล่อยกระรอกดินออก มันลุกขึ้นทันที แล้วจึงมุดเข้าไปในพุ่มไม้อย่างโซซัดโซเซ


ฉินสือโอวเขี่ยพุ่มไม้ออกรูขนาดเท่ากำปั้นของเขา ก็ปรากฏขึ้น เมื่อใช้ไฟฉายส่อง ก็สามารถมองเห็นกระรอกดินตัวที่ได้รับบาดเจ็บกำลังขวางรูอยู่ ข้างหลังมีลูกสัตว์ที่เหมือนกับหนูอยู่อีกจำนวนหนึ่ง


กระรอกดินจะสืบพันธุ์ปีละหนึ่งครั้ง ในฤดูใบไม้ตัวเมียจะแสดงอาการกำหนัดและหาคู่ ระยะเวลาในการตั้งครรภ์หนึ่งเดือนโดยประมาณ พวกสัตว์ตัวเล็กที่พึ่งมีขนขึ้นพวกนี้ ก็น่าจะเป็นลูกของแม่กระรอกดินตัวนี้ ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ ตอนที่ถูกหู่จือและเป้าจือเจอตัว เจ้ากระรอกดินจึงยอมที่จะวิ่งออกไปตายแต่ไม่ยอมที่จะมุดเข้าไปในรู


เพราะเดี๋ยวจะจบสิ้นกันหมด!


หู่จือและเป้าจือเฝ้าอยู่ที่ปากรูทั้งสองด้านซ้ายขวา ขอเพียงแค่ฉินสือโอวสั่งขึ้นมาคำเดียว พวกมันทั้งคู่ก็จะจัดการเข้าโจมตีรังของเจ้าหัวขโมยตาโตให้สิ้นซาก


ฉินสือโอวถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย? ถ้าเป็นแค่กระรอกดินขโมยผักหนึ่งตัว จะฆ่าทิ้งก็คงไม่เป็นไร แต่นี่หนึ่งรังเชียวนะ อีกทั้งความไม่เห็นแก่ตัวและสัญชาตญาณความเป็นแม่ของกระรอกดินตัวน้อยก็ทำให้เขาช็อกมากจริงๆ


เขาบอกให้อีวิลสันที่กำลังรอกินเนื้ออยู่กลับไปนอนที่ท่าเรือ ฉินสือโอวไล่หู่จือกับเป้าจือไปก่อน เขาไปหาแบล็กเบอร์รีมาหนึ่งกำแล้ววางไว้ที่ปากรู จากนั้นนั่งยองๆลงแล้วชี้ไปที่สวนผักพร้อมทั้งพูดขึ้นว่า “ไม่อนุญาตให้ไปขโมยผักอีก เข้าใจไหม?”


เมื่อพูดจบแล้ว เขาก็หัวเราะออกมา กระรอกดินตัวนี้จะไปเข้าใจได้ยังไงกันล่ะ?” มันยังไม่เคยได้รับการแก้ไขจากพลังของจิตสำนึกโพไซดอน การกระทำเมื่อสักครู่ก็เป็นเพราะสัญชาตญาณของแม่สัตว์ในการปกป้องลูกสัตว์ ไม่ใช่เพราะมันฉลาดจนถึงขั้นนั้น


กระรอกดินตัวนั้นก็ไม่ได้สนใจฉินสือโอวจริงๆ มันรีบปกป้องลูกๆที่อยู่ในรังเอาไว้


ลูกอ่อนพวกนั้นยังเพิ่งจะลืมตาได้ไม่นาน วิ่งก็ยังวิ่งไม่ได้ แต่ประสาทในการรับกลิ่นของพวกมันก็ว่องไวมาก เมื่อได้กลิ่นหอมของแบล็คเบอร์รี พวกมันก็ส่งเสียงร้องจิ๊ดแล้วปีนออกมา แม่กระรอกดินรีบมาขวางไว้ มัวแต่ดูซ้ายไม่ดูขวา ลูกของมันก็ปีนออกมาได้อยู่ดี


กระรอกดินเป็นสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหาร พวกมันชอบผลไม้ประเภทเบอร์รีเป็นพิเศษ แต่เนื่องจากเห็นผลเรื่องความสูง พวกมันจึงเก็บผลไม้เบอร์รีประเภทไม้พุ่มทั้งหมดไม่ถึง จึงไม่ได้กินของพวกนี้บ่อยนัก


ฉินสือโอวให้หู่จือและเป้าจือเฝ้าอยู่ที่สวนผักต่อ ถ้าเจ้ากระรอกดินยังกล้ามาแก้แค้น ถ้าเช่นนั้นหู่จือและเป้าจือก็คงจะให้อภัยมันไม่ได้แล้ว


เขาลองคิดๆดูแล้ว เจ้ากระรอกตัวนี้น่าจะพาลูกๆของมันหนีไปภายในคืนนี้ เหมือนกันกับเม่นพวกนั้น


แต่ปรากฏว่าเขาทายผิด หลังจากตื่นมาตอนเช้า เขาวิ่งผ่านประตูใหญ่ แล้วแหวกพุ่มไม้ดู ก็เห็นแม่กระรอกที่กำลังเลียขนลูกๆของมันอยู่ ส่วนแบล็กเบอร์รีที่อยู่ตรงปากรูก็ไร้ร่องรอยไปนานแล้ว


“ให้ตายเถอะ ช่างใจเย็นจริงๆเลยนะ” ฉินสือโอวอดที่จะอุทานอย่างทอดถอนใจไม่ได้ เขาไปเอาแบล็กเบอร์รีและเชอร์รีมาวางไว้ที่ปากรูอีกนิดหน่อย


รอจนเขาเดินไป แม่กระรอกดินก็รีบมุดออกมาทันที มันใช้ขาหน้าอุ้มเอาแบล็กเบอร์รีแล้วมุดกลับเข้าไปในรู เมื่อแบ่งให้ลูกๆมันแล้ว ตัวมันเองก็เริ่มยกขึ้นมากินด้วยความรวดเร็วเช่นกัน


รถบีเอ็มดับเบิลยูของเออร์บักก็ขับเข้ามา กระจกรถถูกลดลง ปรากฏให้เห็นใบหน้าที่มีอายุและดูเหนื่อยล้า เขาถามขึ้นมาว่า “เฮ้ ฉิน นายกำลังทำอะไรอยู่?”


ฉินสือโอวยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “เมื่อคืนหู่จือและเป้าจือจับกระรอกดินที่แอบมาขโมยผักได้รังหนึ่ง ผมว่ามันดูเชื่องๆดี ก็เลยปล่อยพวกมันไป เมื่อสักครู่ก็เพิ่งจะป้อนผลไม้ไปครับ”


เขารู้สึกว่าสภาพจิตใจของเออร์บักดูแย่มาก รอจนถึงอาคารที่พัก ฉินสือโอวจึงอุ่นนมสดให้เขาดื่ม


“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?” ฉินสือโอวยิ้มถามเขา


เออร์บักดื่มนมเข้าไปหนึ่งอึกแล้วยิ้มออกมา “ไม่มีอะไร เฮอะเฮอะ แค่แวะเข้ามาดูนายหน่อย ช่วงก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้อยู่ที่เมืองแฟร์เวล ออกไปต่างเมือง แต่กลับรู้สึกว่าที่บ้านเกิดก็ดีกว่าอยู่ดี ใช่แล้ว ฉันก็เลยอยากจะมาหาพวกนายสักหน่อย”


ฉินสือโอวรู้สึกว่าเออร์บักต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ คำพูดพวกนี้ดูน่าสับสนอยู่นิดหน่อย คลุมเครือไม่ชัดเจน นี่ไม่ใช่ลักษณะของทนายความที่เก่งกาจอย่างเออร์บักเลย


ทว่าเชอร์ลี่ย์ เด็กๆที่เหลือก็เดินยิ้มหัวเราะลงมาข้างล่างกันเสียก่อน เมื่อเห็นเออร์บัก เด็กๆทั้งสี่คนก็วิ่งเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้นดีใจ พร้อมทั้งบรรยายให้เขาฟังถึงเรื่องผลการขายของในงานกิจกรรมการจำลองและแผนที่จะเข้าไปขายเกี๊ยวในเมือง


เมื่อถูกเด็กๆทั้งสี่คนเข้ามาขัด ฉินสือโอวจึงทำได้แค่เก็บความสงสัยไว้ในใจ


เออร์บักยิ้มอย่างใจดีและอ่อนโยน เมื่อฟังเด็กๆทั้งสี่คนเถียงกัน ใบหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความพึงพอใจ


รอจนเด็กๆทั้งสี่คนไปล้างหน้าแปรงฟัน เขาก็ดื่มนมสดที่เพิ่งดื่มไปเมื่อสักครู่อีกครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ทำท่าเหมือนจะอ้วกออกมา แต่เขาก็ใช้มือนวดบริเวณหน้าอกและกลืนมันกลับเข้าไป


ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาอยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ทัน เออร์บักก็ตัวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้เขากลั้นไม่ไหว จนต้องอ้าปากพ่นเอาลูกธนูน้ำออกมา


ถึงจะบอกว่าเป็นลูกธนูน้ำ แต่ที่จริงแล้วของที่อ้วกออกมาล้วนแต่เป็นนมที่เพิ่งดื่มเข้าไปเมื่อสักครู่ อีกทั้งอ้วกหนึ่งครั้งยังพุ่งไปไกลตั้งสองสามเมตร!


ฉินสือโอวรีบเข้าไปประคองเออร์บัก แล้วถามกับเขาว่า “เฮ้ คุณปู่เออร์ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ครับ?”


เออร์บักใช้กระดาษเช็ดปากเช็ดบริเวณตามมุมปากแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร ท้องมัน ไม่สบายท้องบ่อยๆ……”


“ไม่สบายท้องจนอ้วกออกมาแบบนี้เลยเหรอครับ?”ฉินสือโอวไม่เชื่อแน่นอนอยู่แล้ว “คุณเป็นอะไรกันแน่ บอกผมมาเถอะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ตอนนี้คุณเป็นแบบนี้ผมก็ยิ่งกังวล”


“ไม่เป็นอะไรจริงๆ” เออร์บักยิ้ม “นายอย่ากังวลจนคิดไปไกลสิ ฉิน”


ฉินสือโอวยักไหล่อย่างจนปัญญา “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้แล้ว ผมทำได้แค่พาคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้วล่ะ”


“ไปตรวจดูอีกคงไม่เป็นไร”เออร์บักอดยิ้มไม่ได้ “ฉันจะบอกนายให้นะ พอคนเราแก่แล้ว ก็จะป่วยออดๆแอดๆแบบนี้ล่ะ แต่จริงๆแล้วไม่มีอะไรหรอก”


ฉินสือโอวคิดว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ เขาดูเวลา ตอนนี้ที่จีนน่าจะประมาณสามทุ่มกว่า เขาจึงโทรหาเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนหนึ่งที่เป็นหมอ เล่าอาการของเออร์บักให้ฟัง แล้วจึงถามเขาว่าเออร์บักป่วยเป็นอะไรกันแน่


…………………………….


บทที่ 135 ไกลโอมา มัลติฟอร์ม

โดย

Ink Stone_Fantasy

จากอาการที่ฉินสือโอวบรรยายให้ฟัง เพื่อนคนนั้นของเขาก็ลองไต่ตรองดูสักครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “นายบอกว่าเขาดูเหนื่อยล้าอย่างมาก นี่พูดยากนะทุกโรคก็ทำให้เหนื่อยล้าได้เกือบทั้งหมดแหละ แต่นายบอกว่าเขาอ้วกแบบพ่นออกมา งั้นฉันคิดว่าน่าจะเป็นส่วนสมองที่อาจจะมีปัญหา นี่คือตัวอย่างอาการแรงกดดันในช่องกะโหลกศีรษะเพิ่มสูงขึ้นที่เห็นได้ชัด!”


เมื่อได้ยินว่าเป็นส่วนสมองที่อาจจะมีปัญหา ฉินสือโอวก็เริ่มวิตกกังวลขึ้นมา หมอคนนั้นจึงปลอบเขาว่า “อย่าตกใจไป แรงกดดันในช่องกะโหลกศีรษะเพิ่มสูงขึ้นมีปัจจัยอยู่หลายอย่าง ถึงจะเป็นเนื้องอกในสมองที่น่ากลัวที่สุด ในตอนนี้การรักษาก็ทำได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งโดยทั่วไปแล้วเนื้องอกในสมองมักจะไม่ร้ายแรง อย่ากังวลไปเลย”


ทว่า ฉินสือโอวจะไม่กังวลได้ยังไงกันล่ะ?


พูดได้ว่าเออร์บักเป็นคนที่มีความใกล้ชิดกับเขาที่สุดในแคนาดาแล้ว ชายชราเดินทางไปที่เกาะไหเต่าที่อยู่ไกลหมื่นลี้เพื่อที่จะพาเขามายังเมืองแฟร์เวล เปลี่ยนแปลงชีวิตกระจอกๆของเขา หลังจากนั้นยังก็ทุ่มเทช่วยเหลือเขาอย่างสุดกำลัง บุญคุณเหล่านี้ เขาจดจำไว้จนถึงขั้วหัวใจ!


เออร์บักฟังภาษาจีนออก หลังจากที่ฉินสือโอววางสายโทรศัพท์ลงด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด เขาก็พูดขึ้นมาอย่างไร้ความกังวลว่า “ไม่ต้องสงสัยแล้ว ใช่แล้วล่ะ เนื้องอกในสมอง”


ใจของฉินสือโอวกระตุก แต่เขาก็รีบยิ้มออกมาด้วยความผ่อนคลาย แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ตอนนี้เทคโนโลยีการแพทย์พัฒนาไปมากแล้ว เนื้องอกก้อนเล็กๆ แค่ตัดทิ้งก็หายแล้วล่ะครับ”


เมื่อมองดูฉินสือโอว เออร์บักก็ถอนหายใจออกมา แล้วพูดเสียงเบาว่า “ขอโทษด้วยนะ ฉิน ฉันเกรงว่าคงจะไม่ได้ ฉันเป็นเนื้องอกแบบไกลโอมา มัลติฟอร์มตรงบริเวณสมองส่วนหน้า”


ฉินสือโอวมีความเข้าใจทางการแพทย์ที่จำกัดอยู่เพียงความรู้ทั่วไปเท่านั้น เขารีบใช้โทรศัพท์ค้นกูเกิ้ล หลังจากที่เขาค้นสารานุกรมทางการแพทย์ในกูเกิ้ลที่ระบุข้อมูลของโรคนี้ไว้แล้ว ในใจของเขาก็มีเสียงคร่ำครวญขึ้นมา!


“เนื้องอกแบบไกลโอมา มัลติฟอร์ม เป็นเนื้องอกชนิดที่เกิดกับเซลล์เพาะเลี้ยงจากประสาท เป็นโรคที่เกี่ยวกับเนื้องอกในสมองที่ร้ายแรงที่สุด……”


“เนื้องอกในมองชนิดนี้มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สามารถเคลื่อนย้ายไปได้อย่างกว้างขวาง อยู่รวมกันกับกลุ่มสมองที่ยังแข็งแรง ทำให้แทบจะไม่สามารถทำการผ่าตัดโดยไม่มีผลลัพธ์ที่รุนแรงตามา……”


“เนื้องอกสามารถแยกกระจายได้ง่าย เมื่อก่อตัวขึ้นเป็นเซลล์มะเร็งจะสามารถหลบหลีกการรักษาได้ จึงมักจะทำให้อาการกำเริบขึ้นอีก……”


สุดท้าย เป็นประโยคที่ว่า “เนื้องอกชนิดนี้พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว และคาดคะเนอาการได้ยาก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเสียชีวิตลงภายในสองปี……”


ลูกกระเดือกของฉินสือโอวกระดก เขากลืนน้ำลายลงไป เหมือนว่าเออร์บักจะยอมรับผลลัพธ์นี้ได้แล้ว ใบหน้าของเขาไร้ความกังวล ค่อยๆจิบนมลงไปทีละอึก


เสียงเงียบไปครู่หนึ่ง ตอนนี้ความสามารถในการรับความกดดันของฉินสือโอวนับว่าเข้มแข็งมากแล้ว เขาสูดหายใจเข้า ปรับเปลี่ยนท่าทาง แล้วไม่ได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก จากนั้นก็เรียกเด็กๆให้เข้ามาทานข้าวเช้า


อาหารเช้าก็ยังคงเป็นไข่ทอด เบคอน ไส้กรอกชิ้นเล็ก มีอาหารหลักเป็นขนมปังโฮลวีท พัฟ และมีเครื่องดื่มเป็นนมสดและน้ำผลไม้


เด็กๆมีความรู้สึกที่ว่องไวและเฉียบแหลม ถึงแม้ฉินสือโอวและเออร์บักไม่ได้แสดงอะไรออกมา แต่พวกเขากลับตระหนักได้ว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น จึงลอบมองผู้ใหญ่ทั้งสองคนอย่างเงียบๆ


ทว่านิสัยของเด็กๆทั้งสี่คนค่อนข้างจะเก็บตัว จึงไม่มีใครถามว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทำแค่กินข้าวไปอย่างช้าๆ


เมื่อทานข้าวเช้าเสร็จ ฉินสือโอวก็ไปส่งพวกเข้าขึ้นรถบัสหน้ากว้างของโรงเรียน เมื่อกลับมาแล้วจึงพูดกับเออร์บักว่า “คุณปู่เออร์ ได้รับการวินิจฉัยที่แน่นอนแล้วใช่ไหมครับ? ผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาลนั้นมีความคิดเห็นว่ายังไงบ้างครับ?”


เออร์บักวางช้อนส้อมของทั้งสองมือไปบนโต๊ะ เขาพูดเรียบๆว่า “คำแนะนำของคุณหมอคือให้รักษาอาการไปเรื่อยๆ ตำแหน่งของสมองส่วนหน้านี้ค่อนข้างจะเฉพาะเจาะจง นอกจากนี้อายุของฉันก็ค่อนข้างมากแล้ว ความสามารถในการฟื้นตัวน้อยเกินไป ถ้าหากทำการผ่าตัด ก็จะอันตรายเกินไป”


ฉินสือโอวคิดอยู่สักพัก ก็พูดขึ้นมาว่า “ผมคิดว่าทางที่ดีพวกเราควรจะไปลองตรวจที่บอสตัน หมอของคณะแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอาจจะมีความคิดเห็นที่ต่างออกไป”


บอสตันตั้งอยู่ทางตอนปลายของฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือในสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้กับนิวฟันด์แลนด์ที่สุด มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่มีชื่อเสียงก้องโลกก็ตั้งอยู่ที่เมืองเก่าแก่แห่งนี้ อีกทั้งแผนกอายุรกรรมของคณะแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดก็มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง


พอจบคำ ฉินสือโอวก็รีบตะลีตะลานเตรียมตัวเก็บของเพื่อออกเดินทาง เออร์บักจึงขัดเขาไว้ “ก่อนหน้านี้นายถามฉันไม่ใช่เหรอว่าฉันไปไหนมา? ฉันไปบอสตันมา คำแนะนำนี้ เป็นของศาสตราจารย์แครัท พิสเซล แพทย์อายุรกรรมคณะแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นอกจากนี้เขายังเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนแล้วก็เป็นเพื่อนเก่าของฉัน”


คราวนี้ฉินสือโอวก็นิ่งอึ้งไป เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ มองเห็นใบหน้าที่สงบเงียบของเออร์บัก เขาก็ส่ายหน้าแรงๆแล้วพูดว่า “เป็นไปไม่ได้ คุณปู่เออร์ มันจะต้องมีทางรักษาแน่ๆ! บนโลกใบนี้ไม่มีโรคอะไรที่ไม่มีทางรักษาหรอก! พวกเราร่ำรวยขนาดนี้ ผมมีเงินร้อยล้าน! ผมต้องหาทางรักษาคุณให้หายได้แน่!”


เออร์บักดึงให้เขานั่งลง แล้วพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า “ฉิน นายมีความคิดแบบนี้ ฉันก็ดีใจมาก ที่จริงแล้ว เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย ฉันก็ใกล้จะเจ็ดสิบปีแล้ว ใกล้ถึงเวลาไปพบพระเจ้าแล้วเช่นกัน เป็นแค่เรื่องของการได้พบพระเจ้าเร็วหน่อยหรือช้าหน่อยเท่านั้นเอง ไม่ใช่เหรอ?”


ฉินสือโอวพูดด้วยความวุ่นวายใจส่วนหนึ่งว่า “ไม่ใช่อยู่แล้ว ผมต้องหาทางช่วยรักษาคุณให้หายได้แน่……”


เมื่อพูดเสร็จ เขาก็เดินขึ้นไปข้างบนเพื่อค้นหาช่องทางการติดต่อของสถาบันที่มีอำนาจในการรักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาทของอเมริกาเหนือ อีกหลายวันต่อมา เขาก็พยายามติดต่อผู้เชี่ยวชาญของทุกๆโรงพยาบาลใหญ่ด้วยความกระตือรือร้น และทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาของโรคนี้


ยิ่งเข้าใจปัญหา เขาก็ยิ่งกลัว ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลหรือนายแพทย์ที่มีหน้าที่หลักในการรักษาโรค เมื่อทราบว่าชายชราอายุเกือบเจ็ดสิบปีมีเนื้องอกชนิดไกลโอมา มัลติฟอร์ม ต่างก็แนะนำให้ใช้การรักษาแบบประคับประคองอาการ ทำการรักษาด้วยรังสี ยื้อได้เท่าไรก็เท่านั้น


หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการศัลยกรรมประสาทท่านหนึ่งของโรงพยาบาลซันนีบรูคในโทรอนโต ได้ดูผลการสแกนสมองของเออร์บักที่ฉินสือโอวส่งแฟกซ์ไป ก็บอกกลับเขาอย่างจนหนทางว่า “ชายชราท่านนี้ถูกพระเจ้าเรียกขานให้เข้าพบแล้ว ส่วนจะพบเขาเมื่อไร ก็อยู่ที่พระประสงค์ของพระองค์แล้ว”


ฉินสือโอวไปรับเออร์บักมาที่ฟาร์มปลา เมื่อมีเนื้องอกในสมอง สิ่งที่รับมือได้ยากที่สุดก็คืออาการนอนหลับ เมื่อเขาหลับสนิท ก็จะเกิดอาการปวดหัวจากการที่น้ำในกระดูกสันหลังไหลย้อนกลับได้อย่างไม่เต็มที่ ซึ่งเป็นอาการปวดหัวในยามเช้าที่หมอได้บอกไว้บ่อยๆ


สองวันมานี้ เนื่องจากฉินสือโอวต้องค้นหาแผนการรักษา และติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลจึงมักจะอดหลับอดนอนจนถึงตีสามตีสี่ ทุกๆครั้งๆเขามักจะได้ยินเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดของเออร์บักมาจากห้องทางชั้นล่าง!


ทางนี้ที่กำลังยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้ วันที่ 10 มิถุนายน เหมาเหว่ยหลงก็โทรเข้ามาหาเขา “ฉินโซ่ว ในที่สุดพวกฉันก็จะไปหาแกได้แล้ว เที่ยวบินรอบบ่ายของพรุ่งนี้ ดูเวลาให้ดีล่ะ อย่าลืมไปรับฉันที่นครเซนต์จอห์นด้วย!”


เมื่อคิดว่าจะได้เจอเหมาเหว่ยหลงแล้ว ฉินสือโอวก็ร่าเริงขึ้นมานิดหน่อย แต่นี่ไม่ได้ช่วยเรื่องอาการป่วยของเออร์บักเลย


ฉงต้านั่งยองๆอยู่ข้างๆเขา คล้ายว่ามันสัมผัสได้ถึงความกลัดกลุ้มของเขา มันยื่นอุ้งเท้าอ้วนๆของมันออกมาเกาะขาของเขาไว้แล้วใช้หัวของมันถูไปมาราวกับว่าต้องการจะปลอบเขา


“แกเป็นภูติตัวน้อยๆของฉันนะ”ฉินสือโอวเกาหัวที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยของฉงต้า คำนี้ขัดกับความรู้สึกอยู่นิดหน่อย ก้นเอวกับอ้วนๆของฉงต้า จะเรียกว่าภูติน้อยคงไม่ไหวจริงๆ


ฉงต้ายื่นอุ้งเท้าออกไปจับมือของฉินสือโอวไว้ มันอยากจะเล่นกับเขา ฉินสือโอวมองเห็นรอยแผลเป็นที่เหลืออยู่ แผลได้มาจากครั้งที่แล้วที่มันโดนปูราชินีหนีบ พลังของจิตสำนึกโพไซดอนสมานแผลได้ แต่กลับทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้


ระหว่างนั้นเอง ใจของฉินสือโอวก็กระตุกขึ้นมา พลังของจิตสำนึกโพไซดอนสามารถประสานบาดแผลของสัตว์ได้ งั้นถ้าใช้วิธีนี้กับร่างกายของเออร์บัก จะสามารถมีผลต่อการรักษาเนื้องอกในสมองได้ไหม?


ความคิดนี้ทำให้ใจของฉินสือโอวดัง ‘ตึกตึก’ เต้นขึ้นมาอย่างรุนแรง เมื่อก่อนเขาไม่เคยนำพลังของจิตสำนึกโพไซดอนมาเชื่อมต่อกับมนุษย์ ตอนนี้ เขาคิดว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนแนวคิดนี้ได้


เขาคิดได้ว่าไม่ควรทำมันออกมาโดยตรง ต้องเตรียมทุกสิ่งให้เรียบร้อย ถ้าหากพลังของจิตสำนึกโพไซดอนใช้กับคนไม่ได้ นั่นก็ยังพอคุยกันได้ แต่ถ้าสามารถรักษาโรคได้จริง เขาคงต้องหาข้ออ้างอย่างอื่นแล้วล่ะ!


………………………………………


บทที่ 136 พวกเด็กๆ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรกลับไปหาเหมาเหว่ยหลง เมื่อปลายทางรับสายแล้ว “เด็กน้อย แกคิดถึงฉันขนาดนี้เลยเหรอ? รอฉันแทบไม่ไหวแล้วใช่ไหมล่ะ? ไอ้ลูกหมา ถ้าพี่ชายไปถึงนิวฟันด์แลนด์จะดูแลแกอย่างดีเลยนะ”


“คิดไปไกลแค่ไหน แกก็ไสตูดไปให้ไกลเท่านั้นเลยนะ! ฉันจะพูดเรื่องจริงจังกับนายอย่างนะ พ่อแกน่าจะรู้จักแพทย์ทหารหรือหมอยาจีนเก่งๆอะไรพวกนั้นใช่ไหม ช่วยฉันหน่อยสิ สั่งยารักษาอาการเนื้องอกในสมองมาให้หน่อย แล้วต้องพกมาด้วยนะ”


“แกจะเอาไปทำอะไร? ไอ้น้อง ฉันนี่แหละแพทย์แผนจีน…….”


“แกเป็นแพทย์แผนจีนด้านการตอแหลน่ะเหรอ? นี่เป็นภารกิจทางการเมืองของแก แกต้องทำให้สำเร็จ ไม่งั้นถ้ามาถึงแล้วฉันเอาแกตายแน่!”


“ไอ้เวรเอ๊ย เว่อร์จริงๆ ช่างเถอะ ฉันไม่เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือหรอก แต่ว่าถ้าฉันทำภารกิจเสร็จแล้ว จะมีรางวัลให้ไหม? พูดจริงๆเลยนะ ฉันต้องการรางวัลตอบแทน”


“มี มีรางวัลแน่นอนอยู่แล้ว แกต้องเซอร์ไพรส์แน่ๆ!”


เหมาเหว่ยหลงก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที เขาแกล้งทำเสียงเขินอายแล้วพูดว่า “มันคืออะไรอะ รางวัลอันนี้จะได้ติดต่อกับพวก สาวฝรั่ง ผู้หญิงขาวๆสวยๆ หรือพวกดารา A-Vของญี่ปุ่นอะไรพวกนี้หรือเปล่า?”


ฉินสือโอวจินตนาการถึงภาพทุเรศๆของไอ้คนทะลึ่งที่อยู่ปลายสาย เขาหัวเราะเหอะเหอะแล้วตอบกลับไปว่า “แน่นอนอยู่แล้ว แกวางใจเถอะ ต้องเป็นของที่แกไม่เคยคิดมาก่อนแน่นอน น่าตื่นเต้นสุดๆ! A-V ญี่ปุ่นน่ะเล็กน้อย เดี๋ยวฉันจัดอลังการแบบฮอลลีวูดให้นายไปเลย จริงๆ! ใช่แล้ว ช่วงนี้แกก็ออกกำลังกายเยอะๆล่ะ เดี๋ยวถึงเวลาแล้วจะรับไม่ไหว เหอะเหอะ”


เมื่อวางสายแล้ว ฉินสือโอวก็ดูเวลา อืม ยังเตรียมของเซอร์ไพรส์ทัน


“ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ นีลเซ็น เรียกอีวิลสันมาประชุมที!” เขายื่นหัวออกจากหน้าต่างแล้วตะโกนเรียกชาร์คและซีมอนสเตอร์ ที่กำลังจัดการกับแหจัดปลาอยู่บนชายหาดพอดี


นอกจากยาจีนแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ฉินสือโอวต้องการเช่นกัน นั่นก็คือ สื่อกลางที่เชื่อมต่อเออร์บักกับพลังของจิตสำนึกโพไซดอนเข้าด้วยกัน ซึ่งก็คือน้ำนั่นเอง


เดิมทีเรื่องนี้ไม่ง่ายเท่าไรนัก แต่ตอนนี้ฟาร์มปลามีน้ำพุร้อนที่ยังไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน ดังนั้นทุกอย่างก็สามารถจัดการได้ง่ายแล้ว


ตอนที่กำลังทานอาหารกลางวัน ฉินสือโอวพูดกับเออร์บักว่า “คุณปู่เออร์ ผมเจอวิธีการรักษามาแบบหนึ่ง”


เออร์บัก ทานสเต๊กเนื้อไปด้วยแล้วยิ้มพูดกับเขาไปด้วย “ขอบใจนะ ฉิน ฉันว่าวิธีนั้นต้องได้ผลแน่ๆ”


“ใช่แล้วครับ ต้องได้ผลแน่ๆ ปู่ คือผมได้ยาสมุนไพรของแพทย์แผนจีนมากฝีมือท่านหนึ่งมาจากเพื่อนของผม ดื่มพร้อมอาบน้ำอุ่น ได้ผลดีมากๆ” ฉินสือโอวกล่าว


เขาวางแผนไว้ว่า จะให้เออร์บักแช่น้ำพุร้อนส่วนเขาจะใช้พลังของจิตสำนึกโพไซดอนปรับปรุงสภาพร่างกายของเขาแล้วลองดูว่าจะรักษาเนื้องอกในสมองได้หรือไม่ ขณะเดียวกันก็ให้เออร์บักดื่มยาจีนไปด้วย


เออร์บักหัวเราะ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาไม่เชื่อของที่เรียกว่ายาเทวดาพวกนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธความหวังดีของฉินสือโอวได้


ตอนบ่าย ฉินสือโอวเตรียมตัวพาชาร์คและคนอื่นๆออกไปข้างนอก ก็เห็นแม่กระรอกดินพาลูกๆที่อ้วนพีของมันทั้งห้าตัวเดินเล่นอยู่ในฟาร์มปลา


เมื่อเห็นฉินสือโอว แม่กระรอกดินก็ชำเลืองเขาอย่างใจเย็นไปหนึ่งที ลูกกระรอกดินตัวอ้วนทั้งห้าตัวก็ไม่มีเขาอยู่ในสายตา วิ่งเล่นไล่กันอยู่บนพื้นทรายอย่างโง่เง่า พวกมันกลิ้งไปตามพื้นอยู่บ่อยๆ เหมือนกับว่าฟาร์มปลาแห่งนี้ได้กลายเป็นรังของพวกมันแล้ว


“WHAT THE FUCK นี่มันอะไรกันเนี่ย?”ฉินสือโอวอึ้งไปนิดๆ กระรอกดินพวกนี้จะปรับตัวง่ายเกินไปหรือเปล่า?


เล่นไปได้สักพัก อากาศก็ร้อนขึ้นมาแล้ว แม่กระรอกดินพาลูกๆของมันวิ่งไปตากอากาศที่ใต้ร่มไม้ เสี่ยวหมิงกำลังสัปหงกอยู่บนต้นไม้ เมื่อก้มหน้าลงก็มองเห็นพวกตัวเล็กๆที่ดูเหมือนจะไม่รู้ขอบเขตอยู่ข้างล่าง มันก็กะพริบตาไปมา แล้วกระโดดลงมาจากกิ่งไม้


หางใหญ่ที่นุ่มฟูก็แผ่กว้างออก ดูเหมือนกำลังกางร่มชูชีพ เสี่ยวหมิงกระโดดลงมาถึงพื้นอย่างปลอดภัย มันอยู่ห่างจากพวกกระรอกดินประมาณสองสามเมตร


เมื่อมองเห็นกระรอกแดงเสี่ยวหมิงที่มีลักษณะเหมือนกันกับตัวเองอยู่สี่ห้าส่วน ลูกกระรอกดินทั้งหลายก็หยุดเล่นกัน ดวงตาเล็กใหญ่ของพวกมันจ้องไปที่เสี่ยวหมิงอย่างอยากรู้อยากเห็นอยู่สักพัก ตากนั้นจึงพากันลองหยั่งเชิงเดินเข้าไปหามัน


ฉินสือโอวนั่งคร่อมอยู่บนรั้วไม้ด้านหน้าอาคาร เขายิ้มแล้วพูดว่า “พวกนายว่า เด็กๆพวกนั้นกำลังคิดว่าเสี่ยวหมิงเป็นพ่อพวกมันหรือเปล่า?”


ชาร์คหัวเราะฮ่าฮ่าแล้วตอบว่า “คุณเล่นอะไรเนี่ย ตัวของกระรอกดินมีขนาดยี่สิบเซนติเมตรนะ แล้วเสี่ยวหมิงล่ะ? ยังใหญ่ไม่ถึงสิบเมตรเลยด้วยซ้ำ!”


ซีมอนสเตอร์หัวเราะหึหึออกมา เขาผลักชาร์คหนึ่งครั้งแล้วพูดว่า “นายหมายความว่ายังไง เพื่อน บางทีเสี่ยวหมิงอาจจะมีพรสวรรค์ก็ได้นะ? ร่างกายเล็กก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างอื่นจะเล็กนี่”


นีลเซ็นก็หัวเราะออกมาบ้าง เขาส่ายหัวแล้วพูดขึ้นมาว่า “พวกนายสองคนทะลึ่งเกินไปแล้ว ฉันรับไม่ได้ ตรงนี้ยังมีคนสามคนที่ยังไม่ได้แต่งงานนะ คิดถึงพวกเราหน่อย โอเค้?”


อีวิลสันมองฉินสือโอวและคนอื่นๆที่เหลือที่กำลังหัวเราะอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ผ่านไปสักพักเขาก็พูดว่า “อันนั้น อร่อย แต่ว่าเล็กเกินไปหน่อย รอให้พวกมันโต แล้วค่อยถลกหนังแล้วย่างมันกินจะอร่อยมาก”


ที่จริงเสี่ยวหมิงก็เป็นกระรอกเด็กเหมือนกัน มันชอบเล่นสนุกมากๆ ที่ฟาร์มปลามีแค่มันกับกระรอกแดงอีกตัวหนึ่งในป่ามีกระรอกอยู่เยอะมากแต่มันก็ไม่อยากไป ดังนั้นปกติแล้วมันจึงเหงามากๆ ตอนนี้เจอกระรอกพันธุ์ใกล้เคียงกัน ก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา


ลูกๆกระรอกดินมุงดูมันด้วยความสนใจ มันกางหางใหญ่ๆของตัวเองออกเพื่อให้เด็กๆได้เล่น แม่กระรอกจึงหาที่นอนสบายๆบนพื้นหญ้าแล้วฟุบลงไป ไม่เหลือท่าทีของแม่ที่รักลูกอย่างเมื่อหลายคืนก่อนหน้าแล้ว มันไม่ได้สนใจลูกตัวเอง เพียงแค่ปิดตาลงแล้วก็เริ่มหลับไป


“มันดูสบายใจจังเลยนะ แถมยังไม่กลัวเสี่ยวหมิงจะกินพวกมันด้วยน่ะเหรอ?”ชาร์คพูดหยอก


นีลเซ็นยักไหล่แล้วตอบว่า “พวกเรานี่น่าเบื่อจริงๆ จะมาดูกระรอกแดง กระรอกดินพวกนี้ทำไมกัน? ฉันว่า เรารีบซ้อมกันดีกว่า ระยะห่าง 10อันดับก็นับว่าใกล้มากแล้ว”


ต่อมาหู่จือและเป้าจือก็วิ่งเล่นออกมาจากอาคาร เมื่อเห็นกระรอกดินตัวเล็กที่อยู่ใต้ร่มไม้ พวกมันก็พวกมันก็เอียงหัวดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลียปาก แล้ววิ่งเหยาะๆไปที่ต้นไม้ต้นนั้น


สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์มีฝีเท้าที่เงียบและเบา พวกมันเป็นดาวเด่นของหมูสุนัขล่าสัตว์


แต่ปรากฏว่าหู่จือและเป้าจือวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว แม่กระรอกดินตัวนั้นก็ลืมตาขึ้น เมื่อมันมองเห็นสุนัขน่าชังที่เคยเกือบจะฆ่าครอบครัวของตัวเอง แม่กระรอกดินก็รีบลุกขึ้น แล้วพุ่งไปทางด้านหน้าของลูกๆของมันแล้วจ้องมองหู่จือและเป้าจือที่วิ่งเข้ามาด้วยความกังวล


หู่จือและเป้าจือมองพวกกระรอกดินอย่างไม่มีเจตนาดี พวกมันไม่ได้อยากจะกัดเจ้าพวกสัตว์ตัวเล็กพวกนี้ เพียงแต่อยากจะขู่ลูกกระรอกดิน สักหน่อยก็เท่านั้น นี่เป็นนิสัยโดยธรรมชาติของลูกหมา ของกลั่นแกล้งสัตว์ตัวอื่น


เสี่ยวหมิงที่เพิ่งจะสะบัดหางเล่นกับลูกๆกระรอกดินเมื่อเห็นหมาพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์วิ่งเข้ามา ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที หางของมันตั้งตรงขึ้นมาเหมือนกับเสาธง มันวิ่งราวกับลูกธนูที่พุ่งปราดออกไป มันแยกเขี้ยวโชว์ฟันหน้าสีขาววาววับให้หู่จือและเป้าจือ


เอาน้ำเกลือต้มเต้าหู้ ของสิ่งหนึ่งต้องจัดการด้วยของอีกอย่างหนึ่ง


หู่จือและเป้าจือองอาจกล้าหาญและเชี่ยวชาญเรื่องศึกมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็มักจะหมดปัญญากับกระรอกตัวน้อยนี้ ตอนที่เพิ่งจะมาถึงฟาร์มปลาพวกมันมักจะขัดแย้งกันอยู่หลายครั้ง พวกมันต้องเจ็บช้ำบ่อยๆแต่เสี่ยวหมิงกลับได้เปรียบพวกมันอยู่เสมอ ทุกครั้งที่ทะเลาะกันพวกมันล้วนแต่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ


ต่อมาหมาแลบราดอร์ก็เติบโตขึ้นในที่สุด ฉินสือโอวก็ไม่ปล่อยให้พววกมันทะเลาะกันอีกแล้ว ดังนั้นหู่จือและเป้าจือจึงไม่เคยเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้ระหว่างพวกมันกับเสี่ยวหมิงมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะมีร่างกายที่ได้เปรียบอย่างแน่นอน ทว่าพวกมันก็ยังคงหวาดกลัวเสี่ยวหมิงอยู่เล็กน้อย


เสี่ยวหมิงมีท่าทางดุดันกระฟัดกระเฟียด หู่จือและเป้าจือจึงหมดอารมณ์ที่จะแกล้งขู่ให้กลัวแล้ว พวกมันทั้งสองตัววิ่งวนพวกกระรอกดินอยู่ไม่กี่รอบ ก็รีบวิ่งกลับไปที่อาคารอย่างหมดสนุก


ฉงต้าหาวออกมาหนึ่งครั้งแล้วจึงส่ายก้นที่นับวันก็ยิ่งอ้วนขึ้นของมันเพื่อปีนออกมา หู่จือและเป้าจือฉลาดมาก พวกมันคิดจะกลั่นแกล้งยั่วยุ จึงเห่าไปทางกระรอกน้อยอย่างบ้าคลั่ง


ฉงต้ามองไปอย่างอยากรู้อยากเห็น เมื่อมองไปเห็นพวกสัตว์ตัวเล็กกระจิริดก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าแต่กลัวคนที่แข็งแกร่งกว่าเป็นของถนัดของมันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว


มองเห็นฉงต้าที่สูงขนาดครึ่งเมตร กับรอบเอวที่กว้างอีกครึ่งเมตรของมัน ขาหน้าของแม่กระรอกดินก็ยิ่งเพิ่มความเร็วในการขุด ใช้ความเร็วราวกับสายฟ้าแลบขุดรูเล็กๆออกมาหนึ่งรู แล้วพาลูกๆของมันมุดเข้าไป


เมื่อเป็นเช่นนี้ฉงต้าก็กระหยิ่มยิ้มย่องขึ้น มันวิ่งไปข้างหน้าหลายก้าว แล้วจึงใช้อุ้งตีนอ้วนๆของมันตบลงไปที่พื้นดิน แล้วส่งเสียงคำราม ‘โฮกโฮก’ ออกมา ท่าทางแบบนั้นดุดันน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก


ฉินสือโอวหลุดยิ้มออกมา เขาเดินเข้าไปใช้มือหิ้วหูของฉงต้าแล้วลากกลับเข้ามา “ชาร์ค นายพาหมาไปด้วย พวกเราควรจะฝึกซ้อมกันสักหน่อย”


นีลเซ็นสตาร์ทรถกระบะ ที่นั่งด้านหลังมีปืนพกและปืนยามอยู่หลายกระบอก ดูแล้วน่าสะพรึงกลัว


………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)