ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1240-1253

  ตอนที่ 1240 ความทะเยอทะยานของอู่เยวี่ย


เหอปี้อวิ๋นได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจจนเหมือนตายทั้งเป็นแต่เหมยเหมยอารมณ์ดี จนกระทั่งเดินออกจากประตูคุก มุมปากของเธอก็ขยับกว้างขึ้นเรื่อย ๆ รอยยิ้มหวานเยิ้มมีเสน่ห์


แต่พี่เสือกลับรู้ว่าหัวใจของคุณหนูของเขาไม่ได้หวานเยิ้มเหมือนกับรอยยิ้ม เมื่อครู่ตอนที่ทรมานเหอปี้อวิ๋น จิตใจโหดเหี้ยมเป็นที่สุด!


แต่ก็ถูกใจเขาอยู่ ไม่แปลกใจเลยที่คุณชายหมิงจะรักเดียวใจเดียวซื่อสัตย์ต่อคุณหนูจ้าว คุณหนูจ้าวทั้งสวยและโหดเหี้ยมพอกัน เหมาะสมกับคุณชายหมิงที่สุด


ข้อบกพร่องหนึ่งเดียวคือไอคิว แต่ว่าคุณชายหมิงฉลาดมาก คุณหนูจ้าวจะโง่หน่อยก็ไม่เป็นไรนี่!


“พี่เสือ พี่ว่าอู่เยวี่ยจงใจวางแผนให้เหอปี้อวิ๋นฆ่าพ่อเลี้ยงและพี่ชายของเธอเพราะมีจุดประสงค์อะไรเหรอ?” เหมยเหมยยังไม่ค่อยเข้าใจ


“คุณหนู อยากจะรู้จุดประสงค์ของคน ๆหนึ่งก็ต้องดูว่าหลังจากก่อเรื่องแล้วคน ๆนั้นได้อะไร” พี่เสือพูดอย่างนิ่มนวล


เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น อู่เยวี่ยได้อะไร?


“เธอจะได้อะไร? ตระกูลซ่งยากจนเกินไป มีบ้านพัง ๆเพียงหลังเดียว อู่เยวี่ยน่าจะไม่สนใจหรอก” เหมยเหมยพูดเองเออเอง ยังคงไม่เข้าใจ


พี่เสือถอนหายใจทำได้แค่เพียงเตือนสติอีกครั้ง “ตอนนี้อู่เยวี่ยอาศัยอยู่กับอู่เจิ้งซือ อู่เจิ่งซือเป็นถึงผู้จัดการใหญ่ของหัวหยู่มีเดียถือได้ว่าเป็นพวกชั้นสูง และซ่งเป่าเลี่ยงหาเมียแต่งงานไม่ได้จึงมีความคิดที่จะเอาอู่เยวี่ยยังไงล่ะ”


การช่วยเตือนนี้เทียบเท่ากับการพูดคำตอบออกมา เหมยเหมยไหนเลยจะไม่เข้าใจ ทำให้ต้องทำความเข้าใจใหม่กับความโหดเหี้ยมของอู่เยวี่ย


ถึงแม้ว่าพ่อลูกแซ่ซ่งจะทำไม่ถูกแต่ก็มีวิธีแก้ปัญหามากมาย ไม่เห็นต้องถึงขนาดฆ่าแกงกันเลยและเหมยเหมยก็รู้สึกว่าเป้าหมายสูงสุดของอู่เยวี่ย น่าจะเป็นการได้กลับไปอยู่ข้างกายอู่เจิ้งซือเป็นลูกสาวของผู้จัดการใหญ่


มีศักดิ์ศรีกว่าเป็นลูกสาวของคนขายปลาเยอะ!


เพียงเพื่อความน่าสงสารและเกียรติยศไร้สาระนั่น อู่เยวี่ยจึงคิดแผนก่อคดีฆ่าคนได้ ใจเหี้ยมเหลือเกิน!


“พี่เสือ มีวิธีเอาผิดอู่เยวี่ยตามกฎหมายไหม?” เหมยเหมยถาม


“ไม่มีครับ อู่เยวี่ยฉลาดมาก ไม่มีหลักฐานว่าเธอเกี่ยวข้องโดยตรงกับคดีนี้และเธอก็ยังเป็นเหยื่ออีกต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย” พี่เสือส่ายหัว


เหมยเหมยถอนหายใจอย่างเสียดาย คำตอบของพี่เสือไม่เกินการคาดการณ์ของเธอ เมื่อกี้แค่คิดว่าอาจจะพอมีโชคอยู่บ้างจึงลองถามดู เนื่องจากกฎหมายไม่สามารถลงโทษนังผู้หญิงสารเลวนี้ได้ ถ้างั้นเธอก็จะลงโทษมันเอง!


เรื่องนี้เหมยเหมยไม่ได้บอกจ้าวอิงหัว เหอปี้อวิ๋นใช้ชีวิตทุกข์ลำบากขนาดนั้น แบบนี้ก็ถือว่าดี ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนแปลงอะไร


ส่วนอู่เยวี่ย ค่อยจัดการเป็นการส่วนตัวแล้วกัน!


จ้าวอิงหัวยุ่งจนจะตายอยู่แล้ว เธอไม่เอาเรื่องเล็ก ๆพวกนี้ไปกวนใจเขาจะดีกว่า!


เหมยเหมยให้พี่เสือส่งคนไปเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของอู่เยวี่ยเอาไว้ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!


อู่เยวี่ยได้รับจดหมายจากเหอปี้อวิ๋น ในจดหมายเขียนไว้ว่าให้ส่งเงินให้เธอห้าสิบหยวน เดิมทีอู่เยวี่ยยังมีความรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่หลังจากที่ได้เห็นจดหมายฉบับนี้มันก็หายไปจนสิ้น


เธอเพิ่งจะให้เงินเหอปี้อวิ๋นไปห้าสิบหยวนอย่างน้อยก็ใช้ได้ถึงสองเดือน แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงครึ่งเดือนเลย เหอปี้อวิ๋นก็ขอเงินอีกแล้ว คิดว่าเธอเป็นธนาคารหรือยังไง?


ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้อะไรกับเงินแค่ห้าสิบหยวนแต่จะทำให้เหอปี้อวิ๋นติดเป็นนิสัยได้ วันหลังครึ่งปีส่งครั้งแล้วกัน!


อู่เยวี่ยเผาจดหมายนั้นทิ้งอย่างลวก ๆ ตระกูลอู่ไม่ชอบเหอปี้อวิ๋นจึงให้รู้ไม่ได้ว่าเธอติดต่อกับเหอปี้อวิ๋นที่อยู่ในคุก นึกถึงใบหน้าเย็นชาของอู่เจิ้งซือและคุณปู่อู่ในช่วงนี้ หัวใจของอู่เยวี่ยก็เจ็บปวดข่มขื่น


ทำไมหานป๋อหย่วนยังไม่มาเรียนอีกนะ?


หรือว่าเขาจะเปลี่ยนใจแล้ว?


อู่เยวี่ยใจหายวูบ กังวลว่าจะเป็นผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เธอคิดได้ ถ้าหานป๋อหย่วนไม่แต่งงานกับเธอ ต่อให้เธอกลับมาอยู่กับอู่เจิ้งซือ อู่เจิ้งซือก็คงจะไม่เหลียวแลเธอแน่


เธอกลับมาก็ไม่อยากได้รับความเย็นชานะ!


เธอต้องการพึ่งพาอาศัยทรัพย์สินและเงินของอู่เจิ้งซือ ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดกลายเป็นนกฟีนิกซ์ทองที่ทุกคนต้องอิจฉา


…………………………………………


 ตอนที่ 1241 เหมาะสมลงตัว


ชีวิตความเป็นอยู่ในเมืองหลวงของหานป๋อหยวนนั้นยากลำบากมาก ไม่ต้องพูดถึงความบอบช้ำทางร่างกาย ในระหว่างที่เขาได้รับบาดเจ็บหานป๋อหยวนแทบเอาชีวิตไม่รอด


แต่เขาไม่ยอม!


ที่เขาเป็นเช่นนี้ทั้งหมดเป็นเพราะจ้าวเหมย ผู้หญิงสารเลวนั่นเขาต้องล้างแค้นให้ได้ เขาต้องการทำให้จ้าวเหมยถูกคนนับพันทำลายเธอจนย่อยยับ เธอต้องชดใช้ความอัปยศที่เขาได้รับเป็นร้อยเท่า!


ความคิดนั้นสวยงามแต่ความเป็นจริงกลับโหดร้าย


หานป๋อหย่วนถอนหายใจแผ่วเบาและมองความว่างเปล่าที่เงียบเหงาในโรงพยาบาล แล้วก้มลงมองดูชุดผู้ป่วยที่หลวมโคร่งบนเรือนร่าง เขาซูบผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกคล้ายกับโครงกระดูกที่ใส่เสื้อผ้า


เขาออกจากโรงพยาบาลวันนี้ แต่จนถึงตอนนี้ตระกูลหานก็ยังไม่ส่งคนมารับเขาเลย หานป๋อหย่วนรู้ดีว่าคุณปู่ทอดทิ้งเขาเสียแล้ว


เขาทอดถอนใจอีกครั้ง หานป๋อหย่วนลงจากเตียงเก็บกระเป๋าเอง เสื้อผ้ามีเพียงไม่กี่ชุดที่เอาไว้เปลี่ยนซักเท่านั้น ในเมื่อไม่มีคนที่บ้านมารับ ถ้าอย่างนั้นเขาก็นั่งรถประจำทางกลับเอง


ลูกผู้ชายสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานการณ์ คนอย่างหานป๋อหย่วนต้องมีวันที่เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ เมื่อถึงเวลานั้นเขาต้องทำให้ทุกคนที่ดูถูกดูแคลนเขาทั้งหมดมาคุกเขาอ้อนวอนแทบเท้าเขา และคุณปู่ต้องเสียใจจนตายตาไม่หลับ


วันที่สองหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล หานป๋อหยวนก็นั่งรถกลับไปที่เมืองจินคนเดียว ภายในใจรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว เมื่อวานคุณปู่บอกกับเขาว่าหลังจากที่เขาเรียนจบเขาไม่ต้องกลับมาเมืองหลวงอีกแล้ว คุณปู่จะช่วยหางานที่มั่นคงให้แก่เขา


จริง ๆ แล้วงานบริษัทปิโตเคมีนั่นก็ไม่เลว แค่มีกินมีใช้ มีบ้านอยู่ ไม่แสวงหาความร่ำรวย รับรองไม่มีปัญหาแน่นอน แต่เขาต้องการแค่มีกินมีใช้ มีบ้านอยู่แค่นั้นเหรอ?


สิ่งที่คนอย่างหานป๋อหย่วนต้องการคือต้องยิ่งใหญ่เหนือผู้อื่น!


ในเมื่อไม่ได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัว งั้นก็ทำได้เพียงออกไปแสวงหาเอาภายนอก หานป๋อหย่วนนึกถึงอู่เยวี่ยเป็นอย่างแรก เขาจำได้ว่าพ่อของอู่เยวี่ยเหมือนจะเป็นกรรมการผู้จัดการของหัวหยู่มีเดีย


ต้องมีเงินมากมายแน่นอน!


ถ้าผู้ชายต้องการจะประสบความสำเร็จจะขาดเงินไม่ได้!


เดิมทีสำหรับอู่เยวี่ยหานป๋อหย่วนแค่คิดคบเล่น ๆเท่านั้นเพื่อเชยชมพอหอมปากหอมคอ เขาก็ไม่อยากคบอีกแล้ว ผู้หญิงที่ผ่านผู้ชายมาหลายสิบคน เขาขยะแขยงจะแย่


ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว  เขาในตอนนี้ไม่ใช่คุณชายหานที่สง่างามองอาจอีกแล้วและยังเป็นขยะที่ครอบครัวโยนทิ้ง เขาทำได้เพียงคบคนอย่างอู่เยวี่ยแก้ขัดไปก่อน


ขอเพียงแค่ทำให้อู่เจิ้งซือให้เงินสนับสนุนเขาก็พอแล้ว  เมื่อเขาประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง เขาอยากได้ผู้หญิงแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น !


ทันทีที่หานป๋อหย่วนกลับถึงมหาวิทยาลัยเขาก็ได้พบอู่เยวี่ยที่ใจร้อน คนหนึ่งมีเจตนาไม่ดีคนหนึ่งมีแผนการร้าย ก็เหมาะสมลงตัวกันพอดี และทุกคนก็ล้วนปิติยินดีด้วยกันทั้งนั้น


ที่จริงแล้วอู่เยวี่ยเกิดความรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง ไม่ถึงสองเดือนหานป๋อหย่วนจากรูปลักษณ์คุณชายรูปร่างสะโอดสะองกลายเป็นชายแก่ที่ผอมโซ หลังงอดูแก่กว่าอู่เจิ้งซือเสียอีก


แต่เมื่อนึกถึงอำนาจและอิทธิพลของตระกูลหานแล้ว อู่เยวี่ยก็ยังคงใจเต้น อย่างไรเสียสิ่งที่เธอสนใจก็มีเพียงชื่อเสียงของคุณนายตระกูลหานเท่านั้น เรื่องอื่นเธอไม่จำเป็นต้องไปสนใจ


หานป๋อหย่วนแอบดีใจที่เมืองจินอยู่ไกลจากเมืองหลวง และข่าวบางเรื่องไม่ได้แพร่มาถึงที่นี่ ฐานะคุณชายตระกูลหานของเขาก็ยังสามารถใช้ได้ในเมืองจิน


พี่เสือโทรศัพท์หาเหมยเหมยบอกว่าอู่เยวี่ยพาหานป๋อหย่วนกับอู่เจิ้งซือไปกินข้าว ดูเหมือนว่าอู่เจิ้งซือยังคงพอใจหานป๋อหย่วนมาก ช่วงนี้เงินค่าขนมที่ให้อู่เยวี่ยก็เพิ่มมากขึ้นด้วย


เหมยเหมยยิ้มเยาะ ร่างกายที่เหมือนวัณโรคในตอนนี้ของหานป๋อหย่วนและยังถูกครอบครัวทอดทิ้งอีก จึงทำได้แค่หาคนอย่างอู่เยวี่ยที่มั่วผู้ชายแก้ขัดไปก่อนเท่านั้น


เพียงแต่ว่าหากอู่เยวี่ยรู้ฐานะปัจจุบันของหานป๋อนหยวน เธอยังอยากจะแต่งงานกับหานป๋อหยวนอีกเหรอ?


เหมยเหมยไม่เปิดโปงหานป๋อหยวนอย่างแน่นอน เธอปรารถนาอยากจะให้อู่เยวี่ยแต่งงานกับคนสกุลหานคนนี้เร็ว ๆแล้วใช้ชีวิตกับหานป๋อหย่วนอย่างยากจนข้นแค้น ปรารถนารอดูอย่างยิ่ง!


แต่ความคิดมักสวยงามอยู่เสมอ ในความเป็นจริงกลับมีคนคิดทำลาย เหมยเหมยรู้จากพี่เสือว่าเหมยซูหานก็กลับมาเมืองจินและก็ยังมีเฮ่อเหลียนเช่อที่กลับมาพร้อมกับเขาด้วย


ตอนที่ 1242 เฮ่อเหลียนเช่อก็มา


เฮ่อเหลียนเช่อกับเหมยซูหานนั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับมา พวกเขากลับมาเพราะเรื่องแต่งงานหลอก ๆ คราวนี้หนิงเฉินเซวียนอาจจะได้รับความสะเทือนใจมาจากเฮ่อเหลียนชิงถึงได้มีท่าทีแข็งกระด้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เร่งเร้าให้เฮ่อเหลียนเช่อรีบแต่งงานมีหลานให้ทุก ๆสามวัน


ส่วนหนิงเฉินเซวียนเองก็เลียนแบบเฮ่อเหลียนชิงที่สั่งให้ลูกน้องไปตามหาหญิงสาวหน้าตางดงามมีพื้นหลังครอบครัวเป็นตระกูลผู้ดีทั่วสารทิศ วัน ๆเอาแต่ให้เฮ่อเหลียนเช่อไปทานข้าวดูตัวฝ่ายหญิง เหมือนอยากจะให้ทานข้าวมื้อเดียวก็ได้เห็นหน้าหลานทันทีเสียอย่างนั้น


เพื่อเรื่องนี้เหมยซูหานทะเลาะกับเฮ่อเหลียนเช่อหลายครั้ง แม้มักจะใช้ข้ออ้างอื่นแต่เหมยซูหานรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขาหึง


เขาไม่ชอบเห็นเฮ่อเหลียนเช่ออยู่กับผู้หญิงคนอื่น ยิ่งไม่อยากให้เฮ่อเหลียนเช่อแต่งงานกับผู้หญิงอื่น


ฉะนั้น…ต้องหาอู่เยวี่ยมาเป็นคู่แต่งงานหลอก ๆให้ได้!


แน่นอนว่าเฮ่อเหลียนเช่อเองก็มีจุดประสงค์อื่นที่เขาไม่ได้ให้เหมยซูหานรับรู้ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายต้องชวนทะเลาะอีกแน่


เหมยซูหานกลับไปค้างที่บ้านตัวเอง ส่วนเฮ่อเหลียนเช่อนอนโรงแรมโดยมีบอดี้การ์ดติดตัวเพียงสองคน เก็บเป็นเรื่องเงียบกริบ หากไม่ใช่เพราะเหยียนหมิงซุ่นสั่งการพี่เสือไว้เกรงว่าคงไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อมาเมืองจิน


ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าพี่เสือต้องมารายงานเหยียนหมิงซุ่นทำเอาเหยียนหมิงซุ่นตื่นตัวทันที สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าเฮ่อเหลียนเช่อไปเมืองจินต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไร อีกอย่างเป้าหมายอาจเป็นเหมยเหมยก็ได้


 “เพิ่มลูกน้องคอยติดตามคุณหนูไว้ ห้ามละสายตาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าฉันจัดการธุระเสร็จจะรีบไป” เหยียนหมิงซุ่นพูดสั่ง


แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เฮ่อเหลียนเช่อจะมีเป้าหมายเป็นบุคคลอื่น


เหมยเหมยไม่รู้ว่ารอบข้างตัวเองมีคนเพิ่มขึ้นมาอีก เธอยังทำตัวตามปกติ ไปโรงเรียน เดินชอปปิง เล่นสนุกสนาน…ชีวิตเรียบง่ายแต่มีความสุข


วันนี้ได้รับสายจากสยงชิงชิงบอกว่าจะเลี้ยงข้าวพวกเขา เหมยเหมยค่อนข้างดีใจเพราะไม่ได้เจอสยงชิงชิงตั้งหลายปีแหนะ!


สถานที่นัดทานข้าวเองก็อยู่ภัตตาคารจุ้ยเซียนเป็นภัตตาคารขึ้นชื่อประจำเมืองจิน สยงชิงชิงเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากแต่ยังร่าเริงสดใสเหมือนเดิม ทว่าดวงตากลับไม่สุกใสอีกต่อไป รอยยิ้มเองก็แฝงด้วยความเหนื่อยหน่าย


 “พี่ชิงชิง อัลบั้มใหม่ของพี่ขายดีมากเลยนะ!” เหมยเหมยยิ้มกล่าว นิสัยของสยงชิงชิงยังคงแสบซ่านเหมือนเดิม แค่เจอหน้าก็โผเข้ากอดเธอแล้ว


สยงชิงชิงหัวเราะเสียงใส “ต้องขอบคุณมู่มู่ เขาแต่งเพลงได้ดีมาก พวกเธอสั่งได้ตามสบายไม่ต้องเกรงใจนะ”


พวกเหมยเหมยไม่มีทางเกรงใจอยู่แล้วเลยสั่งอาหารคาวไปหลายจาน ทั้งโต๊ะทานข้าวไปด้วยคุยไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นอย่างมาก


อู่เชากับเหมยเหมยเคยมีปฏิสัมพันธ์กับสยงชิงชิงอยู่ระยะหนึ่งเพราะงานแสดงประจำเมืองในอดีต ซึ่งคุยกันถูกคอพอสมควร แต่เซียวเซ่อกลับเพิ่งเคยเจอครั้งแรก อีกทั้งตัวเธอที่ไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เอาแต่ทำหน้านิ่งวางมาดดูเข้าหายากเหลือเกิน


สยงชิงชิงเองก็ไม่สนใจ เธอขยิบตาให้สยงมู่มู่แวบหนึ่งและทำหน้ายิ้มแปลก ๆ ทำเอาสยงมู่มู่หน้าแดงระเรื่ออย่างไม่รู้สาเหตุ คีบตูดไก่อุดปากเธอที่คิดจะพูดบางอย่างเอาไว้


สยงชิงชิงเองก็คร้านจะถือสาสยงมู่มู่ วันนี้เธอมาเพราะเรื่องงานต่างหาก


 “มู่มู่ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?”


 “เรื่องอะไร? พี่บอกมาก่อน ช่วยได้ถึงจะช่วย”


สยงมู่มู่ระแวงขึ้นมาทันที ตั้งแต่เล็กจนโตเขาเคยเสียเปรียบพี่คนนี้มานับครั้งไม่ถ้วน พลาดท่าทีก็ฉลาดขึ้นหน่อย เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกนะ


สยงชิงชิงที่แผนการไม่สำเร็จเลยถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างนึกเสียดาย จำต้องบอกจุดประสงค์ที่เธอมาที่นี่ด้วยเสียงอู้อี้ว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ฉันจะถ่าย MV หนึ่ง อยากเรียกนายไปเป็นนักแสดงรับเชิญหน่อย ค่าตอบแทนสองพัน นายจะทำไหม?”


 “ตั้งสองพันเลยนะ มู่มู่รีบตอบตกลงไปสิ นี่มันเงินหล่นจากฟ้าชัด ๆ!” อู่เชาตื่นเต้นยิ่งกว่าสยงมู่มู่ด้วยซ้ำ


สยงมู่มู่ดันหน้าอวบอ้วนของเพื่อนไปอยู่อีกข้าง กลั้นอาการตื่นเต้นในใจพลางเอ่ยถาม “แสดงบทบาทอะไร? ต้องถ่ายนานแค่ไหน? เงินจะจ่ายให้เมื่อไร?”


พี่น้องกันแท้ ๆต้องคิดบัญชีให้ละเอียด เขาต้องถามทุกอย่างให้ชัดเจน!


…………………………………………………..


 ตอนที่ 1243 ยืนกรานว่าจะไม่เป็นนักแสดงรับเชิญ


สยงชิงชิงจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกพี่ลูกน้องแสนซื่อของตัวเองหลังไปอยู่ประเทศอังกฤษมาสามปีกลับเริ่มฉลาดรู้ทางมากขึ้น น่าโมโหจริง ๆเลย


เธอกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่พูดเสียงอ้ำ ๆอึ้ง ๆ “ก็แค่เป็นนักแสดงรับเชิญแป๊บเดียวเอง…ถ้าโชคดีวันเดียวก็จบ เงินฉันให้นายก่อนได้เลย…”


สัญญาณเตือนของสยงมู่มู่ดังขึ้นทันที ใจป้ำขนาดนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่


 “บทอะไรกันแน่?” สยงมู่มู่ต้องถามให้แน่ชัด


สยงชิงชิงกะพริบตาจำต้องสารภาพความจริงอย่างระอา “ก็แค่แสดงเป็นตัวละครผู้หญิงเท่านั้นเอง โอ้ย มู่มู่นายหน้าสวยขนาดนี้ไม่แสดงสลับเพศหน่อยมันออกจะสิ้นเปลืองเอานะ…นายรู้จักอาจารย์เหมยไหม เขาน่ะ…”


 “ไม่ทำ!”


สยงมู่มู่กัดฟันพูดขัดขึ้นมาทันที เขารู้อยู่แล้วเชียวว่าไม่มีของฟรีในโลก หากไม่ใช่เพราะมีแผนการอะไรทำไมถึงมาเลี้ยงข้าวเขาอย่างไร้เหตุผลกันล่ะ?


ไหนจะยอมให้ค่าจ้างเขาตั้งมากขนาดนี้อีก เหอะ!


เหมยเหมยกับอู่เชาขบขันเหมือนขโมยทองคำได้สำเร็จยังไงอย่างนั้น แทะไก่ไปหัวเราะไปจนท้องเกร็งไปหมด


สยงชิงชิงช่างสุดยอดเหลือเกินที่คิดจะให้สยงมู่มู่ไปแสดงบทสลับเพศเป็นผู้หญิง ไม่รู้สินะว่าแม้สยงมู่มู่จะมีรูปร่างคล้ายผู้หญิงแต่กลับเกลียดการถูกคนอื่นแซวว่าเขาเหมือนผู้หญิงที่สุด!


 “สยงชิงชิงพี่ก็เป็นผู้หญิง ทำไมพี่ไม่ถ่ายเองล่ะ?” สยงมู่มู่พูดเสียงเคียดแค้น


สยงชิงชิงมองบนใส่เขาแวบหนึ่ง “ฉันไม่สวยเท่านายไง ผู้กำกับบอกว่าฉันหน้าตาดูเท่เกินไปไม่เหมาะกับเดินสายนุ่มนวลอ่อนแอ…”


ก่อนจะถูกสยงมู่มู่ที่โมโหพูดขัดอีกครั้ง


 “ความหมายของพี่คือฉันอ่อนแองั้นสิ?” สยงมู่มู่กำหมัดแน่น หากคนตรงหน้าไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องของเขา เขาคงเสยหมัดไปแล้ว


สยงชิงชิงกลับไม่เกรงกลัวเขาแต่อย่างใดแต่รั้งสยงมู่มู่ให้มานั่งเรียงเป็นหน้ากระดานแล้วยิ้มถาม “พวกเธอว่าใครอ่อนแอมากกว่า?”


พวกเหมยเหมยสามคนชี้นิ้วไปทางสยงมู่มู่อย่างไม่ลังเลใจ


มันเห็น ๆกันอยู่ทนโท่นี่นา!


สยงมู่มู่หน้าดำหน้าแดงพลางหยิบน่องไก่ขึ้นมากัดคำโตเพราะคร้านจะสนใจกลุ่มเพื่อนตัวแสบเหล่านี้ ก่อนจะพูดเตือนเป็นครั้งสุดท้าย “แสดงอะไรก็ได้แต่ก็ไม่แสดงเป็นผู้หญิง สองหมื่นหยวนก็ไม่เอา”


เขาเป็นถึงชายอกสามศอกจะยอมโดนด่าว่าเป็นผู้หญิงได้อย่างไร?


ศักดิ์ศรียังจะเอาอยู่หรือเปล่า?


สยงชิงชิงเจออุปสรรคใหญ่หลวงเข้า แล้วเอ่ยขึ้นอย่างถอดใจว่า “สงสัยต้องให้ผู้กำกับไปเลือกเองที่โรงเรียนแล้ว ไม่รู้ต้องนานแค่ไหน”


 “ตรงนี้ก็มีนั่งอยู่นี่ไง พี่ตาบอดหรือไง?” สยงมู่มู่ชี้ไปที่เหมยเหมยแล้วตะคอกเสียงดัง


เหมยเหมยชะงักค้าง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงเข้าใจความหมายเลยโบกมือปัดเป็นพัลวัน “ไม่ได้ ๆ ฉันไม่ชอบโดดเด่น”


ไม่ว่าสยงชิงชิงจะพูดอย่างไรเหมยเหมยก็ไม่ยอมตกลงสักที เธอไม่ขาดแคลนเงินเสียหน่อยต่อให้จ่ายสองหมื่นเธอก็ไม่มีวันใจอ่อน วงการนั้นวุ่นวายเกินไป เธอไม่อยากสัมผัสเลยแม้แต่น้อย


สยงชิงชิงเห็นเหมยเหมยกับสยงมู่มู่ไม่ยอมตกลงกันทั้งคู่เลยไม่คิดจะฝืนใจพวกเขา แล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นด้วยดวงตาวาวเป็นประกาย


 “วันนี้ฉันเห็นบอสใหญ่ของบริษัทล่ะ อายุยังน้อยอยู่เลย บุรุษงามดั่งหยกขาวคู่ควรกับบอสเราที่สุดแล้วล่ะ ดูดีจริง ๆนะ” สยงชิงชิงพูดชมไม่ขาดปากโดยไม่คิดจะปิดบังความชื่นชมที่เธอมีต่ออีกฝ่ายเลยสักนิด


เหมยเหมยใจหล่นวูบ บอสใหญ่ของบริษัทนั่นก็คือเหมยซูหาน หน้าตาดีก็จริงแต่ว่า–


 “พี่ชิงชิง พี่อย่าไปชอบบอสของพวกพี่เลย คนเขามีเจ้าของแล้ว” เหมยเหมยแอบเตือน อย่าไปแหยมกับเจ้าคนโรคจิตเฮ่อเหลียนเช่อเลย


สยงชิงชิงมองค้อนใส่เธอทีหนึ่งแล้วหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันแค่ชื่นชมเฉย ๆ จะชอบบอสได้ยังไง กินข้าวกินข้าว!”


เพียงแต่สิ่งที่เรียกว่าความรักบทจะมาก็มาอย่างไร้เสียงและสัญญาณเตือนใด ๆ รอรู้ตัวอีกทีก็เหมือนพิษที่แพร่ซึมเข้ากระดูกไม่มียาถอนพิษที่จะช่วยไว้ได้แล้ว


เรื่องนี้เหมยเหมยเห็นเป็นเพียงเรื่องตลกขบขันโดยไม่เก็บมาคิดมาก แต่ไม่กี่วันต่อมาสยงมู่มู่กลับยอมตกลงถ่าย MV เสียได้ ไม่รู้ว่าสยงชิงชิงไปโน้มน้าวใจเขาอย่างไร


ตอนที่ 1244 วัยรุ่นอัจฉริยะ


ภายหลังเหมยเหมยถึงรู้ว่าที่แท้อู่เยวี่ยกลับอยากเข้าวงการบันเทิง หลายวันนี้ความสัมพันธ์สองพ่อลูกอู่เยวี่ยกับอู่เจิ้งซือไม่เลวเลย เดิมทีอู่เจิ้งซือเห็นด้วยเมื่ออู่เยวี่ยเสนอความคิดที่จะเข้าวงการบันเทิง อีกทั้งหานป๋อหย่วนก็ให้การสนับสนุนอย่างมากอู่เจิ้งซือเลยยอมตกลง


อู่เยวี่ยหน้าตาดีรูปร่างก็ดีแค่ตัวแข็งทื่อไปหน่อย ร้องเพลงผิดคีย์ไม่มีคุณสมบัติไหนจะเข้าวงการบันเทิงได้เลย


เธอถูกหานป๋อหย่วนโน้มน้าวใจเพราะหานป๋อหย่วนรู้ว่าวงการบันเทิงตักตวงเงินได้เร็วที่สุด ขอแค่มีคนยอมดันเงินทองก็ไหลมาเทมาแล้ว อู่เยวี่ยมีคุณพ่อแท้ ๆเป็นผู้จัดการ มีต้นทุนที่อุดมสมบูรณ์แบบนี้ย่อมจะให้มันสูญเปล่าไม่ได้


ขอแค่อู่เยวี่ยหาเงินก็เท่ากับเขาเองก็หาเงินนี่นา!


สยงมู่มู่เกลียดชังอู่เยวี่ยถึงที่สุด พอรู้ว่าเพลงที่เขาแต่งได้ตัวอู่เยวี่ยมาเป็นนักแสดงมีหรือจะยอม จึงไปโวยวายใส่สยงชิงชิงให้เธอบอกทางบริษัทว่าหากให้อู่เยวี่ยถ่าย หลังจากนี้เพลงที่เขาแต่งจะไม่ขายให้บริษัทพวกเขาอีก


ไม่รู้ว่าสยงชิงชิงไปเจรจากับทางบริษัทอย่างไร จนผลสุดท้ายอู่เยวี่ยไม่ได้ถ่ายกลับเปลี่ยนเป็นสยงมู่มู่ในที่สุด


เพื่อเพลงสุดที่รักของตัวเองสยงมู่มู่จำต้องยอมจำนน สยงชิงชิงเองก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจนัก แค่ให้เขาใส่ชุดจีนโบราณปล่อยผมยาวสยายขับให้แยกแยะเพศชายหญิงไม่ได้ ผลออกมาดีเกินคาด


 “เพลงนี้จะต้องเป็นเพลงสุดท้ายที่ขายให้หัวหยู่ ถ้ารู้แต่แรกว่าประธานหัวหยู่เป็นพ่อของอู่เยวี่ย ให้ตายอย่างไรฉันก็ไม่ยอมขายหรอก” สยงมู่มู่นึกเสียใจทีหลัง


การถ่ายทำ MV ดำเนินไปอย่างราบรื่นจนเสร็จสิ้นภายในวันเดียว ผู้กำกับชมเขาว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาแต่เกิดไม่ขาดปาก ไม่เป็นนักแสดงก็น่าเสียดาย ผู้กำกับยังขอช่องทางติดต่อของสยงมู่มู่ไว้โดยกล่าวว่าอนาคตจะขอร่วมงานกับเขาอีก


คำบ่นของสยงมู่มู่ได้สร้างแรงบันดาลใจแก่เหมยเหมย เหยียนหมิงซุ่นมีบริษัทภายใต้การดูแลอยู่มากมายและเกี่ยวข้องทุกสายอาชีพ แต่กลับไม่มีด้านวงการบันเทิง แม้วงการบันเทิงจะวุ่นวายแต่เป็นเรื่องจริงที่สูบเงินได้ไม่น้อย


หรือว่าจะลองปรึกษาเหยียนหมิงซุ่นดี เปิดบริษัทบันเทิงอีกสักบริษัทแล้วกัน!


เช่นนี้จะได้ดูแลสยงมู่มู่ด้วย เจ้าหมอนี่ต้องได้เข้าวงการบันเทิงเป็นแน่แท้อยู่แล้ว แค่หน้าตาสุดเย้ายวนของเขานั่นรวมถึงจิตใจอันคับแคบดั่งเข็มหมุดไม่รู้จะเสียเปรียบแค่ไหน!


ไม่อย่างนั้นชาติก่อนเจ้าหมอนี่คงไม่คิดสั้นฆ่าตัวตายหรอก!


อยู่บริษัทกันเองอย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแหกกฎ เส้นทางดนตรีของสยงมู่มู่น่าจะราบรื่นได้บ้าง


ดังนั้น–


บริษัทหวนฉิวที่เป็นบริษัทอันดับต้น ๆของวงการบันเทิงประเทศจีนในอีกสิบปีให้หลังก็ได้เริ่มก่อกำเนิดขึ้น


สภาพอากาศเย็นลงเพราะเริ่มเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน มีข่าวดีส่งมาจากฮ่องกงว่าหนังสือของเหมยเหมยที่ตีพิมพ์ครั้งแรกห้าพันฉบับหมดแผงภายในระยะเวลาสั้น ๆเพียงสัปดาห์เดียวและยังเตรียมตีพิมพ์เพิ่มอีกหนึ่งหมื่นฉบับ ดูท่าทางจะขายหมดเร็วอีกเช่นกัน


ส่วนหนังสือของอู่เชาก็ขายดีมากเช่นกัน หลินเหวินฮั่นนึกขอบคุณเหมยเหมยเพราะสำนักพิมพ์สตาร์ได้ฟื้นคืนชีพใหม่ ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ล้วนเป็นเพราะคุณงามความดีของเหมยเหมย


ไม่เพียงขายดีแค่ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แต่ในประเทศก็ขายดิบขายดีเช่นกัน ป้าถูบอกว่าจะจัดงานแจกลายเซ็นขึ้นที่เมืองจินโดยรอกำหนดวันเวลาอีกทีซึ่งคาดว่าน่าจะจัดในช่วงฤดูหนาว


ทางสถานีโทรทัศน์ก็ได้โทรมาบอกว่าอยากเชิญเหมยเหมยเข้าร่วมรายการหนึ่งที่มีหัวข้อรายการว่า ‘วัยรุ่นอัจฉริยะ’ ที่ล้วนแต่เชิญวัยรุ่นในประเทศที่ประสบความสำเร็จในชีวิตตั้งแต่วัยเด็กมาร่วมเป็นแขกรับเชิญและอายุไม่เกินสิบแปดปี


เหมยเหมยกับอู่เชารวมถึงสยงมู่มู่ต่างถูกเชิญกันทั้งนั้น นอกจากนี้ยังมีอีกหลายท่านทั้งนักกีฬาและนักแสดง เห็นว่าเป็นรายการจากต่างประเทศที่ค่อนข้างมีความแปลกใหม่


เหมยเหมยไม่ได้คิดนานเท่าไรก็ตอบตกลงไปเพราะหัวข้อวัยรุ่นอัจฉริยะนี้ดึงดูดเธอเข้าเต็มเปา


เป็นคนโง่มาตลอดชาติปางก่อน ชาตินี้เธอจะเปลี่ยนตัวเองจะต้องเฉิดฉายเปล่งประกายให้ได้!


…………………………………………….


 ตอนที่ 1245 ปิดไม่อยู่แล้ว


รายการของทางสถานีโทรทัศน์กำหนดไว้สามตอนก่อนชั่วคราว โดยมีเดือนละหนึ่งตอนที่ร่วมถ่ายกับทางฮ่องกง รูปแบบรายการค่อนข้างผ่อนคลายนับว่าเป็นรายการวาไรตี้รุ่นแรกที่ค่อนข้างน่าสนใจ


เพียงแต่มีจุดหนึ่งที่ไม่ดีนักก็คือรายการนี้ต้องมีการอัดการแนะนำตัวเองก่อนล่วงหน้าเลยจำเป็นต้องเข้าไปถ่ายชีวิตประจำวันของแขกรับเชิญ เช่นนี้เรื่องที่เหมยเหมยเขียนหนังสือก็ปิดไม่อยู่แล้ว


ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรในเมื่อช่วงฤดูหนาวเธอต้องจัดงานแจกลายเซ็นอยู่แล้ว เมื่อนั้นก็ต้องความแตกอยู่ดี ตอนนี้แค่เปิดเผยให้เพื่อนๆ รู้ก่อนเวลาเท่านั้นเอง แค่คิดว่าต้องเผชิญกับสายตาที่แปลกไปของกลุ่มเพื่อน เหมยเหมยก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันที


อู่เชากับสยงมู่มู่เองก็ตอบตกลงไป เหมยเหมยยังเข้าร่วมเลยพวกเขาสองคนก็จะต้องเข้าร่วมด้วยเช่นกัน ยัยนี่มีจุดอ่อนที่เรื่องสติปัญญา ได้ข่าวว่าพิธีกรรายการประเภทนี้มักชอบวางกับดัก หากพวกเขาไม่ไปเหมยเหมยต้องตกหลุมพรางจนขุดไม่ขึ้นแน่ ๆ


ความจริงสาเหตุหลัก ๆที่สยงมู่มู่เข้าร่วมได้เพราะเขาถ่าย MV เพลงนั้น แม้หัวข้อรายการจะบอกว่าเป็นวัยรุ่นอัจฉริยะ แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะเชิญแต่เด็กเรียนดีนิสัยแก่คร่ำครึโบราณแสนน่าเบื่อเหล่านั้นอย่างเดียว


แน่นอนว่าต้องคำนึงถึงความสนุกสนานของรายการวาไรตี้เสียส่วนใหญ่ ขณะที่เลือกแขกรับเชิญต้องรับประกันเรื่องประสบความสำเร็จในชีวิตตั้งแต่เด็กเป็นอันดับแรก ส่วนประเด็นอื่นอย่างหน้าตา ความสามารถพิเศษ อุปลักษณะนิสัย ความสามารถด้านวาไรตี้เป็นต้นล้วนเป็นข้อพิจารณาสำคัญในการถูกคัดเลือก


อย่างเช่นเหมยเหมยหน้าตาสวย มีความสามารถในการเล่นเครื่องดนตรีเล่นหมากวาดรูป ทั้งยังเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ เด็กแบบนี้เกิดมาเพื่อรายการพวกเขาโดยเฉพาะเลยนี่นา


หรือว่าอู่เชาที่แม้ไม่ได้โดดเด่นเรื่องหน้าตาแต่เขามีชื่อเสียงนี่นา เป็นพวกสะบัดสำนวนดีวาไรตี้ถึงจะสนุก เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกแขกรับเชิญที่เหมาะสมเหลือเกิน


ส่วนสยงมู่มู่ที่แม้ไม่ได้โด่งดังเท่าสองคนก่อนแต่เขาหน้าตาสวยเย้ายวนนี่นา!


เริ่มแรกที่ทางรายการได้เห็น MV ที่สยงมู่มู่แสดงสลับเพศนั้นก็ตกตะลึงเสียจนทุกคนในทีมผู้จัดไล่ตั้งแต่ผู้กำกับยันตากล้อง ไม่ว่าชายหญิงคนแก่หรือวัยรุ่นไม่มีใครที่ไม่หลงใหล ตัดสินเป็นเสียงเดียวกันว่าจะต้องเชิญดาวเด่นคนนี้มารายการให้ได้


ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าสยงมู่มู่ยังมีพรสวรรค์ด้านดนตรีที่น่าเหลือเชื่อ และยังเป็นเด็กเรียนดีที่แท้จริงอีกต่างหาก!


หากบอกให้ถูกต้องสยงมู่มู่ต่างหากที่เข้ากับหัวข้อ ‘วัยรุ่นอัจฉริยะ’ มากที่สุดในบรรดาแขกรับเชิญในครั้งนี้


สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวให้อิสระลูกสาวอยู่แล้วเลยน้อยครั้งนักที่จะถามไถ่เรื่องเธอ ฉะนั้นหลังจากเหมยเหมยตกลงคำเชิญของรายการก็แค่แจ้งให้พวกเขาทราบเท่านั้น


 “เหมยเหมยชอบก็เข้าร่วมเลย พ่อกับแม่สนับสนุนลูกอยู่แล้ว!”


สองสามีภรรยาตอบเป็นเสียงเดียวกัน ไหนจะบอกอีกว่าถึงตอนนั้นต้องไปให้กำลังใจลูกสาวถึงในกองถ่ายอีกด้วย


แม้จะคาดเดาคำตอบของสองสามีภรรยาได้ล่วงหน้าแต่เธอก็รู้สึกอบอุ่นใจ สบายใจเหลือเกิน


ถึงคนตระกูลจ้าวจะเห็นแก่ตัวหวังแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว แต่สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวกลับดีต่อเธออย่างแท้จริง ทุ่มเทให้อย่างไม่คิดถึงสิ่งตอบแทน นี่ล่ะความรักจากพ่อแม่ที่เธอต้องการ


ขอบคุณพระเจ้าที่ให้เธอได้พบมันในชาตินี้!


 “ถ้าเซ่อเซ่อได้เข้าร่วมด้วยก็ดีสิ แบบนี้เราสี่คนก็เหมารายการได้เลย” เหมยเหมยนึกเสียดาย


เหยียนซินหย่ามีความสัมพันธ์อันดีกับทางสถานีโทรทัศน์ไม่น้อยจึงพอได้ข่าวคราวมาบ้าง ได้ข่าวว่าทางรายการได้เชิญแขกรับเชิญมาทั้งหมดหกคนโดยหนึ่งในนั้นมาจากฮ่องกง อีกสองคนยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด


แขกรับเชิญหกคน แค่พวกเขาก็ปาไปครึ่งหนึ่งแล้ว หากเซียวเซ่อเข้าร่วมอีกคนก็เป็นการเหมารายการดี ๆนี่เอง!


จากความเก่งกาจของเซียวเซ่อมีสิทธิ์เข้าร่วมรายการนี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย


เซียวเซ่อตักไอศกรีมเข้าปากคำโตและยังคงทำหน้าเย็นชาไม่สนใจสิ่งรอบกาย เธอปรายตามองเหมยเหมยแวบหนึ่งพลางเอ่ยอย่างมาดเท่ “เคยติดต่อตาแก่มาแต่ฉันไม่ได้ตอบตกลงไป”


ตอนที่ 1246 คนจริงไม่พูดเยอะ


“ทำไมถึงไม่ตกลงล่ะ?” เหมยเหมยพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจนิด ๆ


เซียวเซ่อเลิกคิ้วขึ้นส่งสายตาไปทางสยงมู่มู่ ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ไม่อยากจะออกรายการร่วมกับตากระจอกนี่น่ะสิ มันเสียราคา”


ถึงแม้ว่าคุณหนูเซียวจะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา แต่สายตาของเธอจับจ้องไปที่ใครบางคน ตากระจอกที่เธอเอ่ยถึงทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วว่าหมายถึงใคร!


สยงมู่มู่อารมณ์ขึ้นในทันที เขาโมโหลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าเซียวเซ่อ “ยัยคนแซ่เซียว เธอว่าใครกระจอกกันฮะ?”


“ใครรับก็คนนั้นแหละ!”


เซียวเซ่อตอบด้วยท่าทีที่สงบนิ่งพลางตักไอศกรีมเข้าปาก เธอทำปากแสดงให้เห็นถึงความพึ่งพอใจต่อรสชาติของไอศกรีม เธอคิดว่าเดี๋ยวจะให้ร้านอาหารส่งไอศกรีมมาอีกเธอจะเก็บไว้กินต่อตอนมื้อดึก


“ยัยคนแซ่เซียว เธออย่าให้มันดูเกินไปนักเลย ฉันเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงหรอกนะถึงได้ยอมให้ ได้คืบจะเอาศอกงั้นเหรอ จริง ๆแล้วฉันทำลายเธอด้วยเพียงนิ้วเดียวยังได้เลย” สยงมู่มู่โมโหแทบคลั่ง จ้องเธอจนตาแทบจะถลนออกมา


“นายยังเหมือนผู้หญิงมากกว่าอีก”


เซียวเซ่อคนจริงไม่พูดเยอะ คำพูดสั้น ๆเพียงไม่กี่คำทำเอาสยงมู่มู่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ โมโหจนเส้นเลือดปูดที่ลำคอ


เหมยเหมยกับอู่เชาไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร สองคนนี้ทะเลาะกันมาตั้งแต่เด็กจนโต พอเจอกันก็ซัดกันตลอด ถ้าวันไหนไม่ได้ทะเลาะกันสิแปลก


ที่จริงแล้วการที่เซียวเซ่อไม่ได้มาออกรายการด้วยกัน ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ๆ ถ้าพวกเขาสองคนได้อยู่ด้วยกัน หนุ่มหล่อสาวสวย อีกทั้งยังโด่งดังด้วยกันทั้งคู่ เรตติ้งรายการจะต้องดีมากแน่ ๆ


เหมยเหมยรู้ว่าเหตุผลที่เซียวเซ่อไม่ยอมมาออกรายการไม่ใช่เหตุผลเดียวกับที่เธอพูด คุณย่าของเซียวเซ่อเป็นคนที่เคร่งครัดเรื่องกฎระเบียบมากและค่อนข้างหัวโบราณ หากท่านรู้ว่าเซียวเซ่อมาออกรายการที่โชว์หน้าโชว์ตาในประเทศจีน คุณย่าท่านต้องรีบเรียกตัวเซียวเซ่อกลับประเทศอังกฤษแน่ อีกทั้งอาจจะยังไม่ให้เธอกลับมาประเทศนี้อีกเลยตลอดชีวิต


“สยงมู่มู่ นายเองก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังเข้าร่วมรายการนี้อีกล่ะ” เหมยเหมยนึกถึงปัญหาสำคัญขึ้นมาได้


“ฉันเก็บหน่วยกิตครบหมดแล้ว เทอมหน้าก็เลยไม่ต้องไปเรียนแล้ว”


สยงมู่มู่ส่งสายตาพิฆาตไปให้ใครบางคนแล้วตอบคำถามของเหมยเหมย การที่เขาตอบรับทางช่องมาออกรายการนั้น เขาได้คิดพิจารณามาอย่างถี่ถ้วนแล้ว


“งั้นก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นเซ่อเซ่อก็ไม่ต้องไปเรียนแล้วสิ?” เหมยเหมยรู้สึกโล่งใจเบา ๆ เธอรู้ว่าที่เมืองนอกเรียนกันแบบระบบหน่วยกิต ขอเพียงแค่เก็บหน่วยกิตครบก็ไม่จำเป็นต้องไปนั่งเรียนที่โรงเรียนอีก มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง


สยงมู่มู่ทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความทระนงตน


เซียวเซ่อส่ายหัว “เปล่าหรอก เดี๋ยวอีกไม่กี่วันฉันก็จะต้องกลับไปแล้ว”


เธอกินไอศกรีมต่อพลางทำเสียงไม่พอใจสยงมู่มู่ แล้วพูดกับเหมยเหมยว่า “หน่วยกิตของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ไม่ได้เก็บกันง่าย ๆ ดังนั้นจะประมาทไม่ได้เลย ไม่เหมือนตอนมอปลายหลับตายังเก็บหน่วยกิตให้ครบหมดได้เลย”


เหมยเหมยมองสยงมู่มู่ที่ทำสีหน้าโมโหด้วยความสงสาร แล้วทำท่าทางเหมือนจะคารวะให้กับความเก่งของเธอ ชื่นชมเธอจากใจจริง “เซ่อเซ่อเธอเก่งมาก”


สีหน้าได้ใจของสยงมู่มู่ในเมื่อกี้หายวับไปในพริบตา ในใจรู้สึกอัดอั้นขึ้นมา


ยัยจอมโหดได้ขึ้นมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เขายังเรียนมอปลายอยู่เลย น่าขายหน้าจริงชะมัด!


ไม่ได้ หลังจากถ่ายรายการนี้เสร็จเขาจะต้องหาเวลาไปเก็บหน่วยกิตของมอปลายให้ครบ เพื่อปีหน้าจะได้ขึ้นมหาวิทยาลัย สยงมู่มู่รู้สึกเสียใจมากที่ตอนแรกเขาไปประเทศอังกฤษได้ฟังคำแนะนำของครูในโรงเรียนให้เริ่มเรียนม.4ใหม่ ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาคงได้ขึ้นมหาวิทยาลัยแล้ว คงไม่ต้องถูกยัยนี่หัวเราะเยาะ


ยัยจอมโหดเป็นฉายาที่สยงมู่มู่ไว้ใช้เรียกเซียวเซ่อ


ทางทีมงานได้นัดกับเหมยเหมยเอาไว้แล้วว่าจะมาถ่ายที่โรงเรียน เหมยเหมยกับอู่เชาเรียนอยู่ห้องเดียวกัน แล้วพอดีที่ได้มาออกรายการเดียวกัน ทางทีมงานได้ติดต่อประสานงานกับทางโรงเรียนเรียนเรียบร้อยแล้ว ทางครูใหญ่ให้ความร่วมมือกับการถ่ายทำของทางรายการเป็นอย่างดี


แขกรับเชิญมีทั้งหมดหกคน เป็นพวกเขาไปแล้วสองคนจากหกคน ถือว่าเป็นหนึ่งในสามเลยนะ


น่าภูมิใจชะมัด!


……………………………………………..


ตอนที่ 1247 ที่สุดของความอัจฉริยะ


ตอนแรกเพื่อนในชั้นเรียนคิดว่าจะมาถ่ายทำหนังกันเพราะเมื่อก่อนเคยมี แต่สักพักพวกเขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่ พอรู้ว่ามาถ่ายเหมยเหมยกับอู่เชาก็อลหม่านขึ้นมาทันที


การถ่ายทำไม่ได้กินเวลามากนัก วันเดียวก็เสร็จ หลังจากทีมงานไปหมดแล้ว นักเรียนในชั้นก็แห่ล้อมเข้ามา ทุกคนดีใจและตื่นเต้นกันอย่างมาก


“จ้าวเหมย 《การเอาคืนของเจ้าหญิงอัปลักษณ์》เล่มนั้นเธอเป็นคนวาดเหรอ? งั้นเจ้าหญิงอัปลักษณ์ก็คือคุณใช่ไหม” เจ้าหญิงอัปลักษณ์เป็นนามปากกาของเหมยเหมย


“อู่เชา คุณเป็นคุณชายน่าหลันใช่ไหม”


“พระเจ้าช่วย ห้องเรามีนักเขียนถึง 2 คนเลยเหรอ”


“ เออ… คุณชายน่าหลันแท้ที่จริงแล้วคือเจ้าอ้วนอู่ คนในฝันของฉันถูกทำลายไปหมดสิ้นแล้ว”


……


“เจ้าอ้วนอู่ ทำไมนายต้องตั้งชื่อว่าคุณชายน่าหลันด้วย นายไม่รู้หรอว่าคุณชายน่าหลันเป็นไอดอลของฉัน เอาคุณชายน่าหลันของฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ” เสียงแหลมเสียงหนึ่งดังขึ้นภายในห้องเรียน


เป็นเสียงนักเรียนหญิงที่นิสัยค่อนข้างเงียบคนหนึ่ง ผลการเรียนค่อนข้างดี ปกติไม่ค่อยชอบพูดสักเท่าไหร่ แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะมีท่าทีแบบนี้


หญิงสาวรู้สึกหัวเสียเป็นอย่างมาก เธอมองไปที่อู่เชาด้วยสายตาโกรธแค้นราวกับมีแค้นที่ต้องชำระอย่างไรอย่างนั้น


“นายรู้ไหม ทุกครั้งที่ฉันเสียใจพอฉันนึกถึงคุณชายน่าหลันขึ้นมาความเศร้าก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย แต่นายตั้งชื่ออะไรไม่ตั้ง ทำไมต้องมาทำลายภาพลักษณ์ของคุณชายน่าหลันในหัวฉันด้วย แล้วอีกหน่อยฉันจะจินตนาการหน้าคุณชายน่าหลันออกมาได้ยังไง”


หญิงสาวมองไปที่ร่างอวบอ้วนของอู่เชาแล้วนึกไปภาพสง่างามของคุณชายน่าหลัน ความแตกต่างราวฟ้ากับเหวขนาดนี้ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกหัวเสีย เธอไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว


ทุกคนเพิ่งจะได้รู้ว่าคุณชายน่าหลันที่หญิงสาวเอ่ยถึงคือตัวละครในเทพนิยาย คุณชายน่าหลันในนิยายนั้นถือว่าเป็นหนุ่มรูปงามที่มีชื่อเสียงมากเลยทีเดียว


อู่เชาถูกด่าจนไม่รู้จะแสดงสีหน้าอย่างไร เขาทำให้ใครโมโหหรือโกรธอย่างไรกัน?


เจียงซินเหมยโมโหเป็นอย่างมากถึงขั้นต้องออกมาทวงความยุติธรรม “ เธอนี่โรคจิตหรือเปล่าเนี่ย นามปากกาของอู่เชาจะตั้งชื่อว่าอะไรจะต้องปรึกษาเธอด้วยหรือไง? คุณชายน่าหลันบ้านเธอใช้ได้คนเดียวเหรอ แล้วอีกอย่างเธอรู้ได้ไงว่าคุณชายน่าหลันรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ดีไม่ดีอาจจะสู้อู่เชาไม่ได้ด้วยซ้ำ”


“เป็นไปไม่ได้ คุณชายน่าหลันเป็นหนุ่มรูปงามนะ” หญิงสาวเถียงขึ้น


เจียงซินเหมยทำน้ำเสียงไม่พอใจ “เธอเห็นด้วยตาตัวเองแล้วเหรอ?”


หญิงสาวเงียบไปในทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยว่า “ฉัน ฉัน ก็หนังสือมันบอกมาไว้แบบนี้นี่นา”


“เชื่อหนังสือเสียหมดสู้ไม่มีหนังสือเลยยังจะดีเสียกว่า หนังสือบอกมาก็หมายความว่าจะต้องถูกไปหมดทุกอย่างหรือ อีกอย่างมาตรฐานของคนสมัยก่อนกับปัจจุบันมันเหมือนกันเหรอ ใครจะไปรู้อดีตอาจจะมองความอ้วนคือความสวยก็ได้ คุณชายน่าหลันอาจจะเป็นเจ้าอ้วนก็ได้”


เจียงซินเหมยออกโรงคนเดียวเล่นเอาซะคนอื่นราบเป็นหน้ากลอง หญิงสาวฟังเธอพูดจนไม่รู้ว่าจะตอบโต้อะไร ได้แต่หน้าแดงแล้วก็เดินกลับไปยังที่นั่งของตน ไว้อาลัยให้กับการจากไปของความรักของเธอ


อู่เชารู้สึกประทับใจในความกล้าหาญของเจียงซินเหมย เขาตกลงจะเลี้ยงเนื้อเสียบไม้เธอกับเหมยเหมยหลังเลิกเรียน


การที่ตัวตนถูกเปิดเผยทำให้เหมยเหมยและอู่เชามักจะโดนห้อมล้อมอยู่บ่อยครั้งเพื่อขอลายเซ็นพวกเขา เด็กแทบจะทั้งโรงเรียนวิ่งไปซื้อหนังสือของสองคนนี้ กลับเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับพวกเขาไปเสียอย่างนั้น


ตอนแรกของรายการวางแผนมาค่อนข้างจะดี ไม่นานการถ่ายทำก็เริ่มต้นขึ้น เหมยเหมยได้เห็นแขกรับเชิญสามคนที่เหลือ  ผู้ชายสองคน ผู้หญิงหนึ่งคน


ผู้หญิงชื่อว่าลู่ฮุ่ย อายุ18ปี รูปร่างสูงเพรียว สวยแบบสง่า ได้ยินมาว่าเป็นดาราเด็กอายุยังไม่มาก แต่ถือว่าเป็นนักแสดงที่มากความสามารถ ถ่ายละครมาไม่ต่ำกว่าสิบเรื่องแล้ว


ผู้ชายสองคน คนหนึ่งชื่อว่าเฉินเจียมาจากฮ่องกง เป็นนักกีฬาฟันดาบ อายุ 17 ปี ตาโตสองชั้น เป็นหนุ่มน้อยหน้าตาคล้ายหนุ่มสไตล์เกาหลี


ผู้ชายอีกคนชื่อว่าลี่เมิ่งเฉิน อายุ18 ปี ผอมชะลูดเป็นหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่ง แต่ว่าดูแล้วเหมือนจะเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดเสียเท่าไหร่


พี่เสือสืบรู้มาว่าผู้ชายคนนี้อัจฉริยะยิ่งกว่าพวกอัจฉริยะอย่างเซียวเซ่อกับสยงมู่มู่เสียอีก


ตอนที่ 1248 อึดอัดใจ


ตอนนี้การใช้คอมพิวเตอร์ยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก มีหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคอมพิวเตอร์มีไว้ใช้ทำอะไร แต่ลี่เมิงเฉินคนนี้กลับกลายเป็นแฮกเกอร์โด่งดังระดับนานาชาติ ได้ยินมาว่าเขาเคยแอบเข้าไปขโมยข้อมูลจากฐานข้อมูลประเทศจนได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาไม่น้อย ถือว่าเป็นบุคคลที่เป็นอัจฉริยะระดับชาติ


คงไม่ใช่คู่แข่งของเหมยเหมยแก๊งค์เด็กเล่นพวกนี้เป็นแน่แท้


แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณลี่คนอัจฉริยะคิดอย่างไรถึงได้ยอมมาออกรายการวาไรตี้แบบนี้


แขกรับเชิญหกคนแบ่งเป็นสามทีมโดยการจับฉลาก เหมยเหมยกับลี่เมิ่งเฉินอยู่ทีมเดียวกัน สยงมู่มู่กับลู่ฮุ่ย แล้วก็อู่เชากับเฉินเจีย แน่นอนว่าจะจับคู่ทั้งหกตอนนี้ไปจนจบรายการ


ก่อนอื่นจะเป็นเกมการแย่งตอบปัญหา พวกอัจฉริยะไง อย่างไรก็ต้องแสดงให้ผู้ชมเห็นไอคิวของพวกเขาแต่ละคนก่อน


เหมยเหมยรู้สึกท้อใจจึงพูดกับลี่เมิ่งเฉินเบา ๆว่า “ฉันเรียนไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ถ้าฉันตอบผิด นายอย่าโกรธนะ!”


“เธอแค่กดปุ่มให้ได้ก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ” ลี่เมิ่งเฉินปรายตาไปมองหญิงสาวข้างกายด้วยความเฉยชา รูปร่างเหมือนข้าวปั้นเลยดูน่ากินทีเดียว


ดูแล้วก็รู้ว่าน่าจะเป็นซาลาเปาที่ไม่มีพิษมีภัยอะไร แถมยังเป็นซาลาเปาที่สวยอีกเสียด้วย


เหลือแค่ความสวยก็ช่างเถอะ ไอคิวต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ลี่เมิ่งเฉินสงสัยนักว่าคนแบบนี้นะหรือที่มียาวิเศษให้อายุยืนยาวได้


แต่ก็คงเป็นจริงล่ะมั้ง คนโง่มักมีโชคลาภเป็นของตัวเอง!


“อ่อ” เหมยเหมยตกใจเล็กน้อย แต่ก็สามารถเข้าใจความหมายของลี่เมิ่งเฉินได้ในทันที สีหน้าของหล่อนเริ่มแดง นี่หล่อนกำลังโดนดูถูกอยู่ใช่ไหม


ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้เก่งอะไรมาก แต่ว่าการโดนดูถูกซึ่งซึ่งหน้าแบบนี้ทำให้หล่อนรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตาคนชื่อลี่เมิ่งเฉินนี่ชอบดูถูกคนมากเกินไปหน่อยนะ


ถึงแม้ว่าหมอนี่จะเก่งจริง ๆก็เถอะ


หลังจากนั้นสามนาที…


เหมยเหมยถึงกับอ้าปากค้างมองดูความอัจฉริยะของลี่เมิ่งเฉินด้วยความตะลึง เขาเอาชนะพวกสยงมู่มู่แบบขาดลอย ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกัน แต่เหมยเหมยก็สามารถเห็นถึงสีหน้าความโกรธของพวกเขาทั้ง 4 คนได้


อย่างนี้เรียกว่าคนอัจฉริยะที่ไหนกัน


นี่ไม่เรียกว่าคนด้วยซ้ำ


หลังจากนั้นเหมยเหมยก็ไม่สนใจฟังคำถามอีกต่อไป หล่อนมุ่งมั่นที่จะทำอยู่เรื่องเดียว หลังพิธีกรอ่านคำถามจบลง หล่อนจะรีบกดปุ่มอย่างไม่ลังเลใจในทันที อย่างไรเสียสมาชิกร่วมทีมของหล่อนรู้เรื่องราวทุกอย่างบนโลกใบนี้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่เขาตอบไม่ได้


เหมยเหมยมองดูคะแนนของทีมตัวเองแล้วมองไปยังคะแนนไข่สองใบของทีมคู่แข่ง แค่ครู่เดียวพวกเขาก็สามารถทำคะแนนเต็มได้แต่หล่อนไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด หล่อนกลับรู้สึกอึดอัดใจเหลือเกิน


พิธีกรก็รู้สึกอึดอัดเช่นกัน เขามองไปที่ลี่เมิ่งเฉินที่ทำท่าทีสงบนิ่งด้วยความขุ่นเคือง อยากจะถือมีดไปหั่นทีมงานให้ออกเป็น 8 ชิ้น ไปหาปีศาจตัวนี้มาจากที่ไหนกันเนี่ย


ผู้กำกับน้ำตาจะไหล ‘ปีศาจตัวนี้มันมาเอง เขาจะเอาความกล้าจากไหนไปปฏิเสธล่ะ’


ระหว่างการพักเหมยเหมยจะเดินไปหาสยงมู่มู่กับอู่เชา ลี่เมิ่งเฉินพูดจากด้านหลังด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “นี่เธอคิดจะทรยศเหรอ”


ฝีเท้าของเธอจึงหยุดชะงัก


เหมยเหมยพยายามบังคับตัวเองไม่ให้คิ้วกระตุก หันหน้าไปยิ้มแห้ง ๆแล้วพูดว่า “ฉันจะไปหาพี่ชายฉันก็ไม่ได้เหรอ”


ลี่เมิ่งเฉินยักไหล่เล็กน้อย “ตอนนี้เรามีสถานะเป็นศัตรูกัน ไม่มีการนับพี่นับน้อง”


เหมยเหมยหว่างคิ้วเต้นระส่ำกว่าเดิม รู้สึกอึดอัดใจมากขึ้นกว่าเดิมด้วย เธอกลอกตามองบนไม่อยากจะสนใจตาอสรพิษนี่อีกต่อไป แล้วหล่อนก็เดินตรงต่อไปเพื่อไปหาสยงมู่มู่กับอู่เชา


ลู่ฮุ่ยกับเฉินเจียก็อยู่เหมือนกัน สองทีมนี้ดูสามัคคีกันมาก มีพูดคุยมีหัวเราะกันสนุกสนาน พอเห็นเหมยเหมยมา เฉินเจียยิ่งรู้สึกมีความสุขราวกับดอกทานตะวัน เขาอ้าแขนออก “สาวสวย ขอกอดหน่อยได้ไหมครับ”


อู่เชาเอาร่างของตัวเองบังหน้าเขาไว้ “ไป ๆ หญิงชายไม่ควรอยู่ใกล้กัน อย่าเอาความคิดของพวกสังคมทุนนิยมมาใช้กับเหมยเหมยนะ”


………………………………………………..


ตอนที่ 1249 เจ้ากวางโง่


รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเจียไม่ได้เปลี่ยนไป เขาพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “เจ้าอ้วนอย่าพูดอย่างนี้สิ บ้านผมก็เป็นคนปกติทั่วไปนี่แหละ สังคมทุนนิยมอะไรกัน ไม่กอดก็ไม่กอดสิ จับมือสักหน่อยพอจะได้อยู่ใช่ไหม”


ตาหมอนี้นิสัยดีเลยทีเดียว หน้าตาหล่อแล้วยังพูดจาดีอีก ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีอีคิวสูง อีกทั้งการพูดของเฉินเจียไม่ติดสำเนียงของคนฮ่องกงขนาดนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่เป๊ะมากแต่ถ้าเทียบกับบรรดาคนฮ่องกงด้วยกันก็ถือว่าดีมากแล้ว


“จริง ๆแล้วฉันก็เป็นคนเมืองจินนะ ปู่ของฉันก็จบจากมหาวิทยาลัยเมืองจิน เออใช่ เหมยเหมย ฉันมีคุณอาคนหนึ่ง เธอต้องรู้จักแน่ ๆ คุณอาฉันเป็นคนให้ฉันมาออกรายการนี้นี่แหละ” รอยยิ้มของเฉินเจียซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้นิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นรู้สึกรังเกียจอะไรกลับดูน่ารักน่าเอ็นดูเสียมากกว่า


เหมยเหมยพยายามคิดแล้วคิดอีก คุณอาที่หล่อนรู้จักที่ฮ่องกงก็มีแต่คุณอาหลินฮั่นเหวินเท่านั้น ถ้าเฉินเจียบอกว่าเป็นคุณอา ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเป็นคุณหลินฮั่นเหวินนี่แหละ


“นายหมายถึงคุณหลินฮั่นเหวินหรือเปล่า”


เฉินเจียทำตาเบิกโตขึ้นอย่างเว่อร์วัง “เหมยเหมยเธอฉลาดจังเลยแวบเดียวก็เดาออกแล้ว คือคุณอาฮั่นเหวินนั่นแหละ ท่านมักจะชื่นชมเธอต่อหน้าฉันบ่อย ๆว่าเธอเป็นคนแก่ในร่างเด็กสาว จริงสิ คำว่าคนแก่ในร่างเด็กสาวนี่ถือว่าเป็นคำชมใช่ไหม ทำไมฉันรู้สึกเหมือนด่าเธอว่าแก่อย่างไรไม่รู้ แต่ฉันว่าเหมยเหมยไม่แก่เลยนะ ดูแล้วยังเด็กอยู่แท้ ๆ…”




ทุกคนต่างจ้องดูเฉินเจียที่พูดไม่หยุด น่าอึดอัดชะมัด


นี่ควรเรียกว่ารวมพลคนอัจฉริยะไม่ใช่เหรอ?


คนหนึ่งก็ไอคิวสูงแทบจะทะลุปรอท อีกคนพูดเก่งยิ่งกว่าคุณป้าข้างบ้าน


ลู่ฮุ่ยยังค่อยดูเป็นคนปกติหน่อย แต่โรคนิสัยคุณหนูของเธอก็เหลืออดเหลือเกิน ให้เฉินเจียบ่นไม่หยุดยังจะดีกว่า


“ขอขัดจังหวะหน่อยนะ ดื่มน้ำสักหน่อยเถอะ”


หูของสยงมู่มู่ไม่สามารถรับฟังได้อีกต่อไป เขาเอาชายัดใส่ปากเฉินเจีย เฉินเจียถึงจะสงบลงได้


“เฉินเจีย อีกหน่อยถ้านายเข้าร่วมการแข่งขัน ไม่ต้องใช้ดาบแล้วนะใช้ปากก็พอ ฝีปากนายน่าจะดีกว่าฝีมือ บ่นคู่แข่งให้ตายไปข้างหนึ่งเลย” อู่เชาพูดขึ้น เหมยเหยปากกระตุกเล็กน้อยพยายามฝืนไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมา


แต่ว่า…


เฉินเจียตอบโต้ภายในทันที “เจ้าอ้วน นายพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนะ ข้างล่างของฉันสิเด็ดสุด”


“พรวด (เสียงพ่นน้ำ)”


เหมยเหมยกับสยงมู่มู่พ่นน้ำใส่ตัวเจ้าอ้วนผู้น่าสงสารอย่างพร้อมเพรียง เหมยเหมยรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้กับเจ้าอ้วน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถหยุดขำได้อยู่ดี


แม่เจ้า ตลกชะมัด


ตาเฉินเจียนี่ทำไมถึงตลกได้มากขนาดนี้นะ


สยงมู่มู่เหลือบไปมองจุดตรงนั้นของเฉินเจีย เขาใส่กางเกงยีนส์ น่าเสียดายที่มันดูหลวมไปหน่อยจนดูอะไรไม่ออกเลย เขาพูดอย่างมีนัยยะว่า “สมแล้วที่เป็นพวกสังคมทุนนิยม เฉินเจียนายควรจะเบา ๆหน่อยนะ เดี๋ยวกลางคืนฉันจะเลี้ยงซุปหางวัวนายเอง ร่างน้อย ๆของนายควรได้รับการบำรุงนะ”


เฉินเจียกะพริบตาด้วยความงงงวยพลางส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันร่างกายแข็งแรงดีมาก นายอย่าลืมสิว่าฉันเป็นนักกีฬา ทุกวันจะมีนักโภชนาการมาจัดมื้ออาหารให้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษ”


สยงมู่มู่เหลือบไปมองจุดนั้นของเขาอีกครั้ง หัวเราะด้วยความร้ายกาจแล้วพูดขึ้นว่า “นายไม่ได้เสียหายไปเยอะเหรอ”


“เสียหาย บ้านฉันไม่ได้ทำธุรกิจนะ ไม่มีอะไรต้องให้เสียหาย” เจ้ากวางโง่ โง่ไม่มีที่สิ้นสุด


เหมยเหมยไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป ส่งสายตาดุไปให้สยงมู่มู่แล้วลากเฉินเจียมาแล้วกระซิบที่ข้างหูเขาว่า“สยงมู่มู่เขาตั้งใจแกล้งนาย อย่าคิดจริงจังไปเลย”


เจ้ากวางโง่ทำเสียงเหมือนจะเข้าใจขึ้นมา แต่ว่าผ่านไปสักพักเขาถึงจะเข้าใจความหมายเมื่อกี้ได้อย่างแท้จริงจึงเริ่มบ่นขึ้นมาอีกครั้ง


“พี่สยง เมื่อกี้พี่ล้อฉันเล่นเหรอ…ทำไมฉันไม่รู้สึกตลกเลยล่ะ…เอาอย่างนี้ไหม…นายพูดเรื่องตลกมาอีกสักเรื่องสิดีไหม”


ทุกคนต่างจ้องมองตากัน เฮ้อ…อึดอัดเป็นบ้า


ตอนที่ 1250 จรวดไล่บี้จอมขี้อวด


มีคนเฮฮาร่าเริงอย่างเฉินเจียอยู่ในกองทำให้รายการดูมีความสนุกสนานมากขึ้นเยอะ บรรยากาศการถ่ายทำก็ดีมากขึ้นด้วยเช่นกัน ในระหว่างการถ่ายทำรายการจะให้แขกรับเชิญแสดงความสามารถพิเศษ ลี่เมิ่งเฉินแสดงการเล่นรูบิค


สมแล้วที่เป็นจรวดไล่บี้ของเหล่าบรรดาคนอัจฉริยะ แม้แต่ความสามารถพิเศษยังฝีมือสุดยอดขนาดนี้


พิธีกรหยิบรูบิคขึ้นมาให้ดูเพื่อโชว์ให้เห็นว่าไม่ได้มีการโกงเกิดขึ้น พิธีกรให้สยงมู่มู่หมุนรูบิคไปมา สยงมู่มู่ยิ้มอย่างร้ายกาจแล้วก็หมุนซ้ายหมุนขวา หมุนขึ้นหมุนลง หมุนเสียจนทุกคนตาลายไปหมด หมุนซะไม่เหลือเค้าเดิมเลยแม้แต่น้อย แล้วส่งคืนกลับไปให้พิธีกร


มองรูบิคที่ถูกสยงมู่มู่หมุนมั่วซั่วไปหมด พิธีกรก็เริ่มรู้สึกเป็นกังวลใจ เขามองไปที่สยงมู่มู่ด้วยสายตาขุ่นเคือง


ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือ?


จะอ่อนให้หน่อยก็ไม่ได้หรือไง?


เดี๋ยวอีกสักครู่เขาทำมันออกมาไม่ได้ เธอจะกู้สถานการณ์กลับมาได้อย่างไร


ยังดีที่ลี่เมิ่งเฉินเป็นจรวจที่แข็งแกร่ง เขามองไปที่รูบิคไม่ถึงหนึ่งนาทีก็เงยหน้าขึ้นมามองสยงมู่มู่แล้วยิ้มให้เห็นฟันแหลมขาวของเขา


“ขอผ้าเช็ดหน้าหน่อยครับ” น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง ท่าทีก็ยังคงสงบนิ่งด้วยเช่นกัน


เหมยเหมยรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าออกมาตามสัญชาตญาณ บังเอิญเป็นผ้าผืนเดียวกับที่เคยใช้เช็ดน้ำให้กับเจ้าอ้วน ลี่เมิ่งเฉินก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไร เขายื่นมือไปหยิบมันมาแล้วก็เอามันมาปิดตาไว้


ทุกคนอึ้งไปเลย


เจ้าหมอนี่คิดจะทำอะไรกัน


ในไม่ช้าทุกคนก็รู้ว่าจรวดไล่บี้จอมขี้อวดนี่กำลังจะทำอะไร เขาจะปิดตาเล่นรูบิค ทุกคนรู้สึกลุ้นระทึกมากกว่าเดิม พิธีกรก็ลุ้นเสียจนเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว


“คุณลี่เมิ่งเฉินจะปิดตาเล่นรูบิค ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆนะคะ พวกเรามารอติดตามการแสดงของเขากันค่ะ” ฝีมือการแสดงของพิธีกรดูเกินจริงไปหน่อย แต่ว่าผู้ชมด้านล่างต่างก็ปรบมือกันรัว ๆ แสดงให้เห็นว่าทุกคนต่างก็คาดหวังกับการแสดงของลี่เมิ่งเฉินอยู่ไม่น้อย ทุกคนต่างก็จับตารอรับชมการแสดงนี้


ลี่เมิ่งเฉินเปรียบเสมือนกับจอมยุทธ ท่าทีสงบนิ่ง ไม่มีท่าทีตื่นเต้นแม้แต่น้อย รู้สึกเหมือนกับกำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องรับแขกบ้านตัวเอง


เขาสูดลมหายใจเข้าแล้วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย มือเรียวยาวคล้ายหน่อไม้ของเขาขยับไปมาด้วยความรวดเร็ว ทุกคนเหมือนเห็นภาพลวงตาดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขากำลังหมุนอะไรยังไงบ้าง


“นี่คือนิ้วมือของคนจริงใช่ไหม ทำไมถึงเร็วได้ขนาดนี้” เฉินเจียพูดพึมพำกับตัวเอง อดไม่ได้ที่จะลุกจากที่นั่งเพื่อจะไปดูลี่เมิ่งเฉินใกล้ ๆ เขาอยากจะดูให้ชัด ๆเสียหน่อย


แต่ว่าเขายังไม่ทันได้เดินเข้าไปใกล้ เสียงของลี่เมิ่งเฉินก็ดังขึ้น “เสร็จแล้วครับ”


เหมยเหมยใกล้เขามากที่สุด แน่นอนว่าต้องเห็นชัดที่สุด เธอมองไปที่รูบิคในมือของลี่เมิ่งเฉินแล้วทำได้แต่คารวะในความเก่งของเขาในใจ


ไอคิวที่สูงราวกับเทือกเขาหิมาลัยอย่างนี้กดดันจนเริ่มรู้สึกหายใจไม่สะดวก เธอไม่ได้รู้สึกอิจฉาริษยาแต่อย่างใด แม้แต่นิ้วของเขาเธอยังสู้ไม่ได้เลยจะเอาอะไรไปอิจฉาเขา


“พระเจ้า คุณลี่เมิ่งเฉินสามารถปิดตาหมุนรูบิคได้สำเร็จ อีกทั้งยังใช้เวลาไปไม่ถึงหนึ่งนาที ทำได้อย่างไรกัน ถึงฉันจะไม่ได้ปิดตา แต่เวลาภายในหนึ่งนาทีฉันก็คงไม่สามารถทำมันออกมาได้แน่…”


พิธีกรมองรูบิคในมือด้วยความตะลึงจากใจจริง ไม่ใช่การแสดงเลยแม้แต่น้อย


ห้าคนที่เหลือก็มีความรู้สึกไม่ต่างจากพิธีกร เมื่อกี้สยงมู่มู่หมุนรูบิคไปมาขนาดนั้น ถ้าไม่ใช้เวลาเป็นวัน คงไม่สามารถเรียงมันกลับไปได้เหมือนเดิมแน่


เหมยเหมยรู้สึกเสียใจ ถึงแม้ว่าจะให้เวลาเธอสิบเดือน เธอก็ไม่สามารถทำมันออกมาได้อยู่ดี


เธอรู้สึกรำคาญพวกของเล่นที่ต้องใช้สติปัญญาพวกนี้เป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดค้นขึ้นมามันไม่เห็นสนุกเลยสักนิด


“วันนี้มือแข็งไปหน่อยเลยไม่ได้สามารถแสดงได้อย่างเต็มที่ ปกติผมทำได้เร็วกว่านี้อีก” เสียงของลี่เมิ่งเฉินดังขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ


ทุกคนแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น…


อยู่ไม่ได้แล้ว!


เหมยเหมยรู้สึกอึดอัดตันใจจนไม่รู้จะทำอย่างไร เธอรู้สึกรำคาญพวกที่ไอคิวสูงแต่ชอบขี้อวดแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่าสมองของเธอมันน้อยนิดนัก


 “นายเล่นรูบิคเก่งขนาดนี้ ทำไมไม่ไปลงกินเนสส์บุ๊คเลยล่ะ” เหมยเหมยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชัด ใครใช้ให้เขาขี้อวดล่ะ


ลี่เมิ่งเฉินเหลือบมองเธอแวบหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ปัจจุบันผู้ครองสถิติโลกในการเล่นรูบิคก็คือผมเอง 41.42วินาที ครองมานาน3ปีแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีใครล้มได้”


“เพล้ง”


หัวใจอันบอบบางแตกกระจายเต็มพื้น


……………………………………..


ตอนที่ 1251 เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้


ลี่เมิ่งเฉินเหลือบมองพวกปุถุชนคนธรรมดากลุ่มนี้ เขารู้สึกพึงพอใจต่อท่าทีของคนพวกนั้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเหมยเหมยที่อ้าปากค้างจนจะสามารถยัดไข่เข้าไปได้ทั้งฟองแล้ว ยิ่งทำให้ลี่เมิ่งเฉินอารมณ์ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก


จุดประสงค์ในการเสแสร้งแกล้งทำของเขาคืออะไรล่ะ


ก็เพื่อเสพสุขสีหน้าแบบนี้ของทุกคนหรอกหรือ


หลังจากนั้นลู่ฮุ่ยเต้นระบำซินเจียง ทางทีมงานได้จัดเตรียมชุดของชนเผ่าอุยกูร์เอาไว้ให้ ลู่ฮุ่ยรูปร่างสูงโปร่งถือเป็นไม้แขวนเสื้อที่ดี หน้าตาสะสวย อีกทั้งดูจากท่วงท่าระบำของเธอน่าจะผ่านการฝึกฝนมาไม่น้อย ฝีมือไม่ต่างจากเจียงซินเหมยมากนัก


การเต้นสิ้นสุดลง ผู้ชมด้านล่างปรบมือกึกก้อง ทุกคนดูพึงพอใจกับการแสดงไม่น้อย


ลู่ฮุ่ยยิ้มกริ่มแล้วแอบเหลือบมองเหมยเหมย เธออยากจะรู้มากว่าเหมยเหมยจะแสดงอะไร


เสือสองตัวจะอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ โดยเฉพาะเสือตัวเมีย


ในฐานะที่เป็นเสือตัวเมียเพียงสองตัวในรายการ อีกทั้งยังเป็นเสือตัวเมียที่หน้าตาสะสวยทั้งคู่ แน่นอนว่าเราจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ ประกายไฟช็อตดังเปรี้ยะ ๆ


แน่นอนว่านี่คือความคิดของลู่ฮุ่ยเพียงคนเดียว เหมยเหมยไม่ได้รู้สึกอะไรเลยก็แค่คนแปลกหน้ากันเท่านั้น


เฉินเจียก็สุดยอดมากเช่นกัน เขาโชว์การเต้น Street Dance ซึ่งในสมัยนี้การเต้น Street Dance ถือว่าเป็นกระแสใหม่  หลายคนยังไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งเฉินเจียเต้นได้เก่งมากเสียงปรบมือจึงดังสนั่น แล้วยังมีผู้ชมวัยรุ่นบางคนผิวปากให้การตอบรับเป็นอย่างดีอีกด้วย


สุดท้ายเป็นการแสดงของพวกเหมยเหมย ก่อนหน้านี้ได้มีการปรึกษาหารือกันว่าแสดงโชว์ที่เคยแสดงในรายการคืนวันตรุษจีน พวกเหมยเหมยก็ตอบตกลง แล้วก็ยังตั้งใจฝึกซ้อมกันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว


หลายปีมานี้ฝีมือการเต้นของเหมยเหมยไม่ได้แย่ลงเลย เธอฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา จ้าวอิงหนานได้เชิญนักเต้นฝีมือระดับชาติโด่งดังอย่างคุณไต้มาสอนเหมยเหมย คุณไต้เป็นเพื่อนสนิทของคุณยายของเหมยเหมย เหออ้ายเหลียน แต่ก่อนเคยอยู่ในคณะเต้นเดียวกัน


คุณไต้ดีกับเหมยเหมยมากสอนเหมยเหมยด้วยความตั้งใจ อีกทั้งเพราะว่าคุณนายไต้ไม่แต่งงาน ไม่มีลูก ก็เลยเอ็นดูเหมยเหมยเหมือนกับหลานแท้ ๆ


“ลำดับต่อไปเป็นการแสดงของ จ้าวเหมย สยงมู่มู่และอู่เชา ก่อนที่จะเริ่มการแสดง พวกเราไปดู VTR กันก่อนเลยค่ะ นี่เป็นการแสดงที่พวกเขาได้แสดงไว้ในรายการคืนวันตรุษจีนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว”


หลังจากการแนะนำของพิธีกร บนหน้าจอใหญ่ได้ปรากฏภาพวิดีโอของพวกเหมยเหมยเมื่อห้าปีที่แล้ว หลังจากห้าปีแล้วกลับมาดูอีกครั้ง เหมยเหมยรู้สึกว่าทำไมตอนนั้นตัวเองถึงได้ดูโง่ขนาดนั้นนะ


อีกทั้งเต้นไม่ดีเลยสักนิด


มีผู้ชมด้านล่างหลายคนพลันนึกขึ้นมาได้ รายการคืนวันตรุษจีนในปีนั้นก็รายการนี้แหละ ตอนนั้นพวกเขายังพูดว่า การแสดงของพวกผู้ใหญ่มีตั้งหลายการแสดงแต่ก็ยังแสดงสู้เด็กสามคนไม่ได้เลย


ได้กลับมารับชมการแสดงของพวกเขาทั้งสามคนอีกครั้ง ผู้ชมทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก ส่วนหนึ่งก็มาจากความอิ่มอกอิ่มเอมใจ


ก็เหมือนกับได้เห็นการเติบโตของพวกเขาทั้งสามคน ทั้งสามคนไม่ออกนอกลู่นอกทาง รู้สึกปลาบปลื้มเสียจริง…


เหมยเหมยเปลี่ยนใส่ชุดกับรองเท้าที่ไว้ใช้สำหรับการเต้น สยงมู่มู่กับอู่เชาก็เปลี่ยนใส่ชุดจีนโบราณ ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว เหมยเหมยยกแขนขึ้นทำท่าพร้อมเริ่มการแสดง เธอตั้งสมาธิเต้นซึ่งจะพังไม่ได้ นี่เป็นการแสดงให้กับคนทั้งประเทศดูนะ


แน่นอนว่าความกังวลของเธอนั้นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น เมื่อห้าปีที่แล้วฝีมือการเต้นของเธอยังไม่ดีเท่าไรนัก ส่วนมากจะพึ่งสัญชาตญาณมากกว่า ตอนนี้เธอได้ผ่านการฝึกฝนจากคุณไต้มาแล้ว ฝีมือการเต้นพัฒนาขึ้นมากก็ยิ่งเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง ต้องดีกว่าเมื่อห้าปีก่อนอยู่แล้ว


เหมยเหมยหมุนตัวไปตามจังหวะเพลงอย่างไม่ได้หยุดพัก แขนเสื้อยาวสีเขียวอ่อนโบกสะบัดโชว์ท่วงท่าไม่มีตกหล่น ทุกคนไม่สามารถละสายตาได้เลยต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง….


นี่หมุนไปกี่รอบแล้วเนี่ย?


ในที่สุด…


เพลงก็จบลง เหมยเหมยค่อย ๆหยุดตัวลงอย่างช้า ๆ เธอเก็บชายเสื้อแขนยาวนั่นแล้วหายใจหอบเบา ๆ โค้งคำนับให้กับผู้ชม


เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง โดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงเลย!


ตอนที่ 1252 ไม่ฉลาด


“สุดยอดจริง ๆ…เมื่อกี้ฉันลองนับดู…จ้าวเหมยหมุนไปอย่างน้อยประมาณ 50 รอบ คุณไม่มึนหัวเลยหรือคะ?”


พิธีกรได้เรียกเหมยเหมยที่กำลังจะเดินไปเปลี่ยนชุดที่หลังเวทีไว้พลันเอ่ยถามคำถามที่ผู้ชมทุกคนต่างก็อยากรู้ พิธีกรก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน เด็กสมัยนี้เป็นปีศาจมาเกิดกันทุกคนเลยเหรอ?


เกิดมาหน้าตาสวยขนาดนี้ เต้นเก่งขนาดนี้ แล้วยังเขียนนิยาย วาดรูปได้อีก…พระเจ้า หล่อนคิดว่าคนอย่างหล่อนเกิดมามีชีวิตอยู่แค่เพื่อสิ้นเปลืองออกซิเจนไปวัน ๆ


“ไม่เลยค่ะ หมุนไปเรื่อย ๆมันก็ชินเองค่ะ”


เหมยเหมยส่ายศีรษะ แสงไฟบนเวทีสว่างมากส่องจนเธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก


พิธีกรถามขึ้นอีกว่า “ได้ยินมาว่าคุณจ้าวเหมยเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ไต้ใช่ไหมคะ”


บนหน้าจอได้ปรากฎภาพการแสดงสมัยก่อนของอาจารย์ไต้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีคนพากย์ด้วย ถึงแม้ว่าครูไต้จะไม่ได้ปรากฎตัวต่อหน้าสาธารณชนมาหลายปี แต่ก็มีหลายคนที่ยังจำท่านได้ เห็นครูไต้ในภาพวิดีโอแล้วก็รู้สึกตื้นตันใจ


เหมยเหมยยิ้มพลางพยักหน้าเบา ๆ “ใช่ค่ะ ครูเฮ่อเหวินจิ้งเป็นครูสอนเต้นคนแรกของฉันค่ะ ตอนนี้ท่านอาศัยอยู่ที่อเมริกา ครูเฮ่อก็ยังเป็นครูสอนศิลปะคนแรกของฉันด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นครูไต้ก็ได้มาสอนฉันค่ะ ท่านไม่ได้รังเกียจความโง่เขลาของฉันเลย ท่านเป็นคนที่มีความอดทนสูงมาก”


พิธีกรยิ้มเหยียดใส่ตัวเองพลางพูดว่า “หากคุณโง่แล้ว แล้วฉันจะเป็นตัวอะไรเนี่ย โง่จนไม่มีใครเทียบได้แล้วล่ะ”


ผู้ชมด้านล่างต่างก็หัวเราะออกมาด้วยเช่นกัน พิธีกรถามถึงปัญหาที่มักจะพบเจออยู่บ่อยครั้ง พอเธอเห็นสยงมู่มู่กับอู่เชาที่เพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาจึงถามขึ้นด้วยความสนใจว่า “พวกคุณทั้ง 3 คนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันใช่ไหมคะ”


“ฉันกับอู่เชาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันค่ะ ตั้งแต่ประถม มอต้น มอปลาย เราก็เรียนห้องเดียวกันมาตลอด แล้วยังนั่งติดกันด้วย พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันค่ะ สยงมู่มู่เป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน เขากระโดดข้ามชั้นไปไกลแล้วไม่ได้เรียนอยู่ชั้นเดียวกับเราค่ะ”


เหมยเหมยอธิบายความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างง่าย ๆ แสงบนเวทีแยงตาเกินไปจนทำให้หล่อนรู้สึกไม่ดีเลย พิธีกรคนนี้พูดมากจัง


แน่นอนว่าพิธีกรรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสามคนดีอยู่แล้ว แต่ที่ต้องถามก็เพื่อเพิ่มสีสันให้กับรายการเท่านั้น หล่อนพูดอย่างเว่อร์วังว่า “บ้านคุณกรรมพันธุ์ดีจริง ๆเลยนะคะ ทั้งสวยทั้งฉลาด น่าอิจฉามากจริง ๆ”


เหมยเหมยยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรต่อ


ประโยคนี้พูดต่อยาก เงียบไว้น่าจะดีกว่า


ลู่ฮุ่ยมองเหมยเหมยที่กำลังส่องแสงเจิดจรัสบนเวทีด้วยความขุ่นเคือง เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ตัวประกอบเพื่อมาเป็นตัวประกอบให้กับจ้าวเหมย


ทั้งที่เห็นอยู่ทนโท่ว่าเป็นเจ้าหญิง !


น่าหงุดหงิดชะมัด !


แล้วอีกอย่างพิธีกรก็น่ารำคาญจริง ๆ ถามแต่จ้าวเหมยอยู่นั่นแหละ


หล่อนยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ พิธีกรตาบอดหรืออย่างไร ทำไมถึงไม่เข้ามาสัมภาษณ์เธอบ้างล่ะ


ทั้ง ๆที่เธอก็เก่งมากแท้ๆ แล้วหล่อนก็ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลไป๋ฮวา สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมด้วยนะ


ในที่สุดพิธีกรก็เมตตายอมปล่อยให้เหมยเหมยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังเวที หลังจากนั้นพิธีกรก็กลับมาให้ความสนใจกับทุกคนอีกครั้ง ด้วยการสัมภาษณ์ทั้งหกคนเลย แต่ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจของทางทีมงานหรือเพราะพิธีกรค่อนข้างจะชื่นชอบเหมยเหมยมากเป็นพิเศษจึงสัมภาษณ์เหมยเหมยเยอะที่สุด


“จ้าวเหมย คุณมีความสามารถด้านไหนบ้างคะ” พิธีกรวนกลับมาสัมภาษณ์เหมยเหมยอีกครั้ง


ในเมื่อต้องการอยากจะเจิดจรัสอยู่แล้ว เหมยเหมยก็ไม่คิดจะปิดบังความสามารถอะไร ก็เลยตอบไปตามความเป็นจริงว่า “วาดภาพ พู่กันจีน เต้นรำ สามอย่างนี้ละค่ะ ไม่มีอย่างอื่นแล้ว”


“จะมีแค่สามอย่างได้อย่างไรกัน พวกคุณอย่าไปเชื่อเธอนะ เหมยเหมยร้องเพลงเพราะมาก โดยเฉพาะเพลงของเติ้งลี่จวิน สุดยอดมาก เหมยเหมยยังสามารถเล่นกู่เจิง กีตาร์ แล้วก็เปียโนได้ด้วย ฝีมือการทำอาหารของเธอก็สุดยอด แต่เธอไม่ค่อยได้ทำเพราะว่าขี้เกียจมากไปหน่อย”


สยงมู่มู่แย่งพูดขึ้นมา เขาชมเหมยเหมยเสียจนแทบจะลอยขึ้นฟ้าอยู่แล้ว ไม่กลัวว่าคนอื่นจะว่าอวยกันเองหรือไรเลย


ทุกครั้งที่เขาพูด อู่เชาก็จะพยักหน้าอยู่ข้าง ๆ แล้วก็พูดเสริมขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ต่อให้เป็นคนที่ไม่รู้จักพวกเขาก็ยังดูออกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาสามคนดีมากขนาดไหน


“ ว้าว คุณเก่งมากจริง ๆ มีความสามารถมากมายขนาดนี้ มีอะไรที่คุณไม่สามารถทำได้บ้างคะ ฉันว่าฉันควรจะถามคำถามนี้กับคุณมากกว่า” พิธีกรรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก ในใจรู้สึกเจ็บปวดบาดลึกเหลือเกิน


“ไม่ฉลาด…” เสียงไม่ได้ดังมากนักแต่ก็พอจะได้ยินอย่างชัดเจน


………………………………………..


ตอนที่ 1253 พูดเป็นต่อยหอย


เหมยเหมยลูบปากของตัวเองพลันนึกว่าพูดความในใจของตัวเองออกมาโดยไม่รู้ตัวเสียอีก แต่ยังดีที่เธอรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าคนที่พูดออกไปคืออัจฉริยะข้างตัวเธอต่างหาก——ลี่เมิ่งเฉิน


เหมือนเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ชะงักลงอย่างกะทันหัน


ถึงแม้เดิมทีก็อยากจะบอกว่าตัวเองไม่ค่อยฉลาด ผลการเรียนไม่ได้ดีมากนัก แต่การว่าตัวเองกับการให้คนอื่นว่าเนี่ย มันก็ให้อารมณ์ไม่เหมือนกันนะ ที่สำคัญที่สุดก็คือ


เธอสัมผัสได้ว่าลี่เมิ่งเฉินกำลังดูถูกเธออยู่


“ลี่เมิ่งเฉินพูดถูกค่ะ หัวฉันค่อนข้างหัวช้า อีกทั้งยังมีอุปสรรคในการเรียนรู้ ผลการเรียนเลยไม่เป็นที่น่าพึงพอใจนัก นี่เป็นเรื่องที่ฉันเสียดายที่สุดเลยค่ะ” เหมยเหมยตอบตามความเป็นจริง แต่ในใจกลับรู้สึกอัดอั้นอย่างบอกไม่ถูก


พิธีกรไม่เชื่อจึงหันไปถามอู่เชา


“ใช่ครับ ตอนที่เหมยเหมยอยู่ ป.5 เธออยู่อันดับสุดท้ายของห้องและมักจะสอบไม่ผ่านอยู่เสมอ แล้วพอหลังจากนั้นเธอก็ค้นพบวิธีการเรียนในแบบของเธอเจอ ผลการเรียนของเธอก็ค่อย ๆดีขึ้นครับ ซึ่งไม่ได้แย่อย่างที่เธอบอก ซึ่งจะอยู่ประมาณกลาง ๆของห้อง” อู่เชาพูดแล้วก็ยิ้ม


พิธีกรถามต่อว่าเหมยเหมยมีผลการเรียนที่ดีขึ้นได้อย่างไร ทำให้เหมยเหมยอยู่ดี ๆก็นึกถึงเหมยซูหานขึ้นมา


ถ้าถามว่าทำไมเธอถึงสามารถเรียนเลขได้ดี คนที่เธอต้องขอบคุณมากที่สุดก็ควรจะเป็นเหมยซูหาน ถ้าไม่ใช่เขาค้นพบว่าเธอมีอุปสรรคในการเรียนรู้ตรงไหน เธอคงจะสอบได้แค่ 8 คะแนนตลอดไป


“มีเพื่อนคนหนึ่งค้นพบอุปสรรคด้านการเรียนของฉันเจอเข้า เขาจึงสอนวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะกับฉันให้ฉันค่ะ ฉันถึงไม่ต้องเป็นที่โหลของห้องอีกต่อไป” เหมยเหมยหัวเราะตลกตัวเอง


8 คะแนน … 18 คะแนน


เป็นความทรงจำที่ไม่น่าคิดย้อนกลับไปเลยจริง ๆ


พิธีกรมองเหมยเหมยด้วยความตกใจ เธอคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวคนนี้จะกล้าพูดความจริงขนาดนี้ ขนาดสอบได้ที่สุดท้ายของห้องยังกล้ายอมรับ ไม่เหมือนคนอื่น ๆที่เธอเคยสัมภาษณ์มักจะพูดถึงแต่เรื่องดี ๆของตัวเองอยู่เสมอ


“เพื่อนของคุณนี่สุดยอดมาก ๆเลยนะคะ เขาต้องเป็นเพื่อนสนิทของคุณแน่เลยใช่ไหมคะ” พิธีกรคิดว่าเป็นอย่างนั้น


เหมยเหมยยิ้มกลบเกลื่อน เพื่อนสนิทเหรอ


เธอกับเหมยซูหานทั้งชาติคงจะไม่มีวันเป็นเพื่อนที่สนิทกันได้


“ไม่ค่ะ ไม่ถือว่าเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ แค่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันมาก่อน แต่ฉันรู้สึกขอบคุณเขามากนะคะ หวังว่าเขาจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขค่ะ” เหมยเหมยพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกตัวเองเอาไว้


การถ่ายทำรายการกินเวลาไปช่วงครึ่งเช้า ถึงตอนนั้นยังต้องใช้เวลาตัดต่ออีกหนึ่งชั่วโมงถึงจะออกฉายได้ ถ้าหากเรตติ้งสูง ก็อาจจะต้องถ่ายทำต่ออีกหลายตอน แต่ถ้ากระแสไม่แรงมากก็อาจจะมีแค่สามตอนนี้แล้วแหละ


“การได้พบเจอกันถือเป็นโชคชะตา เดี๋ยวกลางวันฉันเลี้ยงข้าวเอง ภัตตาคารไหนในเมืองจินอาหารอร่อยเหรอ ฉันได้ยินคุณปู่บอกว่าเมืองจินมีภัตตาคารที่ชื่อว่าภัตตาคารจุ้ยเซียน ไก่ยัดไส้ห่อใบบัวอบกับหมูพะโล้ของที่นั่นรสชาติดีมาก แล้วก็ยังมีซาลาเปาปูก็อร่อยเหมือนกัน…


แล้วก็ยังมีขนมดอกเหมย เสี่ยวทังเปา ขนมดอกกุ้ยฮวา… ตอนเด็ก ๆฉันมักจะได้ยินคุณปู่พูดถึงของว่างเมืองจินอยู่บ่อยครั้ง ฟังแล้วน้ำลายสอตลอดเลย ครั้งนี้ได้มาเมืองจินฉันจะกินให้เต็มที่ไปเลย ยังดีที่ฉันขอลาหยุดมาหนึ่งอาทิตย์ วันหยุดยังเหลืออีกสี่วัน ฉันจะได้กินเยอะ ๆ…


ทุกคนปิดปากเงียบกริบ


ขนาดไม่มีใครตอบอะไรยังพูดเป็นต่อยหอยได้เป็นชั่วโมงกว่า ถ้าเกิดมีใครตอบอะไรไปละก็ วันนี้คงจะไม่ได้กินข้าวกันแล้ว


ครึ่งชั่วโมงผ่านไป…


1 ชั่วโมงผ่านไป…



ในที่สุด


เฉินเจียก็พูดจบแล้วเขาเช็ดน้ำลายด้วยความพึงพอใจแล้วมองไปที่ทุกคนอย่างตกใจ “ทำไมไม่มีใครตอบคำถามฉันเลยล่ะ พวกเราจะไปกินข้าวกันที่ไหน ที่ภัตตาคารจุ้ยเซียนดีไหม”


ทุกคนก็ยังคงนิ่ง นี่มันอะไรกันเนี่ย


นายเล่นพูดคนเดียวซะหมดโลกแล้ว พวกเรายังจะพูดอะไรได้อีก


พอเห็นว่าเฉินเจียกำลังจะเปิดปากพูดอีกครั้ง เหมยเหมยพูดตัดบทว่า “ก็ไปภัตตาคารจุ้ยเซียนนั่นแหละ นายเดินทางมาไกลให้ฉันเป็นคนเลี้ยงเองแล้วกัน” เฉินเจียเงียบลงด้วยความเสียดาย เขาเพิ่งพูดไปได้แค่ครึ่งเดียวเอง อึดอัดจัง เหมยเหมยทำไมถึงใจร้ายอย่างนี้นะ


………………………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)