ลำนำบุปผาพิษ 1239-1242
บทที่ 1239 ก้าวเดินผิด ชีวิตเปลี่ยน
เคราะห์ดีที่ทั้งสองมีถุงใส่ของที่ใหญ่และแข็งแรงยิ่งนักติดตัว ซื้อของมากมายขนาดนั้นจึงไม่กลัวเป็นภาระอันใด
…
วันแต่งงานกำหนดจัดขึ้นในวันที่สิบห้าของเดือนจันทรคติแรก
วันที่ทุกคนจะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา
กู้เซี่ยเทียนรู้สึกอยู่ลึกๆ ในใจว่าวันนี้กระชั้นเกินไป! เพราะตอนที่ตี้ฝูอีส่งคนมาแจ้งข่าวเขา ฤกษ์งามยามดีนี้ห่างไปอีกเพียงแค่สองเดือน!
ยามกู้เซี่ยเทียนได้รับข่าวสารนี้ รู้สึกประหนึ่งมีลาภก้อนใหญ่หล่นทับ ตัวเขาเปล่งประกายแวววาว ส่องแสงเรืองรอง ทว่ารู้สึกว่าเจ็บปวดที่หน้าผาก
คนอื่นแต่งลูกสาวทั้งสองฝ่ายจะต้องหาแม่สื่อเจรจาเห็นพ้องต้องกัน จากนั้นหาคนดูวันมงคลสักสองสามวัน ให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงเลือก พ่อแม่ฝ่ายหญิงค่อนข้างมีสิทธิ์เลือกกำหนดวันได้ จากนั้นค่อยมีขั้นตอนต่างๆ เช่น ส่งเทียบหมั้น ทาบทาม และอื่นๆ
ทว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่เปิดโอกาสให้เขาเลือกเลย เพียงส่งเทียบแจ้งเขาเท่านั้น
ตอนที่กู้เซี่ยเทียนได้รับเทียบเชิญนี้ยังงงงวย คิดว่าเป็นเทียบที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเชิญเขาไปร่วมงาน จนกระทั่งวินาทีที่เปิดดู เขาจึงรู้ว่าเขาต้องแต่งลูกสาวในอีกสองเดือนแล้ว!
เขาถือเทียบนั้น แทบจะไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง!
หากองครักษ์มู่อวิ๋นไม่ได้เป็นคนถือเทียบนี้มาเอง กู้เซี่ยเทียนแทบจะคิดว่ามีใครเล่นตลกอันใดกับเขา
ถึงแม้การกระทำของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายค่อนข้างเผด็จการ ไม่ได้ให้ความเคารพเขาขนาดนั้น แต่กู้เซี่ยเทียนก็ไม่กล้าปฏิเสธอันใด น้อมส่งมู่อวิ๋นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ซาบซึ้งสุดแสน เขายุ่งขึ้นมาทันทีดังลมชักเฉียบพลัน
ช่วงหลายปีมานี้จวนแม่ทัพค่อนข้างอับโชค ไม่มีเรื่องมงคลมาเนิ่นนาน ครานี้เป็นเรื่องมงคลอันยิ่งใหญ่ เขาย่อมกระตือรือร้นจัดการเป็นอย่างดี
ข่าวคราวสวะไร้ค่านางนั้นของจวนแม่ทัพกู้จะแต่งให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายราวกับติดปีกบิน ภายในไม่กี่วันก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งทวีปซิงเยวี่ย
เดิมทีจวนแม่ทัพที่วิเวกวังเวงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวา ผู้คนหลั่งไหลไปมาเพื่อแสดงความยินดี ยังไม่ทันถึงวันงาน ภายในจวนแม่ทัพก็ครึกครื้นดังสาดน้ำมันลงบนเปลวเพลิง
วันต่อมาหลังจากที่ข่าวแพร่สะพัดออกไป ภายในวังหลวง จักรพรรดิองค์ใหม่มีรับสั่ง แต่งตั้งกู้ซีจิ่วเป็นองค์หญิง จักรพรรดิองค์ใหม่จะเตรียมสินสอดทองหมั้น ชุดแต่งงานให้กู้ซีจิ่วด้วยพระองค์เอง…
สำหรับกู้เซี่ยเทียนแล้วถือเป็นเรื่องมงคลอันยิ่งใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง
ลูกสาวที่ทำให้เขาผิดหวังมากที่สุดคนนี้เคยทำให้จวนแม่ทัพต้องอับอาย เขาแทบจะหวังว่าเด็กคนนี้ไม่เคยเกิดมา ยามนี้เป็ดขี้เหร่กลับกลายเป็นหงส์ทอง เป็นลูกที่โดดเด่น เป็นหน้าเป็นตาในหมู่ลูกสาวลูกชายมากที่สุด!
ท่ามกลางความยินดีปรีดา ภายในใจของกู้เซี่ยเทียนกลับค่อนข้างอ้างว้าง
ในวันนี้ลูกสาวมีอนาคตอันสดใส เพียงแต่น่าเสียดายที่แม่ของนาง หลัวซิงหลานไม่ได้เห็นมัน…
ถ้าหาก…ถ้าหากปีนั้นเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเหลิ่งเซียงอวี้ ป่านนี้ครอบครัวจะมีความสุขกลมเกลียวกันขนาดไหน? น่าเสียดายที่อดีตไม่อาจย้อนหวนคืนและไม่อาจเริ่มต้นใหม่ได้…
ก้าวเดินผิด ชีวิตเปลี่ยน
บนโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจ
ตามประเพณีของอาณาจักรเฟยซิง ชายหญิงที่หมั้นหมายกัน ไม่อาจพบเจอกันได้สามเดือนก่อนวันแต่งงาน ดังนั้น วันต่อมาหลังจากกู้เซี่ยเทียนได้รับเทียบงานแต่ง ก็รีบไปวังของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เพื่อรับตัวลูกสาวกลับ
คาดไม่ถึงยามเฝ้าประตูของวังค้ำนภาบอกเขาว่า ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายแต่งงานไม่มีประเพณีเยี่ยงนี้ นางต้องอยู่ที่วังค้ำนภาก่อน รอหนึ่งวันก่อนแต่งงานค่อยส่งนางกลับ
กู้เซี่ยเทียนรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าแบบนี้ไม่เหมาะสม แต่ยากที่จะโต้แย้งกันด้วยเหตุผล บอกว่าแบบนี้ไม่เป็นไปตามประเพณีโน้นนี้
เหตุใดยามเฝ้าประตูคนนั้นไม่อาจตัดสินใจได้ แต่กลับไม่เข้าไปรายงานด้านใน กู้เซี่ยเทียนพูดจนปากเปียกปากแฉะ ยามเฝ้าประตูคนนั้นก็ทำเหมือนไม่ได้ยิน ทำให้กู้เซี่ยเทียนเดือดดาลเป็นที่สุด
เขาไปวังค้ำนภาสามวันติดต่อกันโดยไม่มีผลลัพธ์ใด ในความสิ้นหวัง เขาทำได้เพียงเข้าวังขอความเมตตาจากองค์จักรพรรดิ
————————————————————————————-
บทที่ 1240 ทิวาร่วมเคียง ราตรีแยกเตียง
จักรพรรดิองค์ใหม่ก็คือหรงเจียหลัว เขาตัดสินใจอยู่นาน ท้ายที่สุดจึงร่างหนังสือฉบับหนึ่งส่งไปที่วังค้ำนภา
ไม่รู้ว่าเขาเขียนอะไรในหนังสือนั้น กล่าวโดยสรุปก็คือให้ตี้ฝูอีใจอ่อน ยินยอมส่งนางกลับจวนแม่ทัพครึ่งเดือนก่อนการแต่งงาน…
ถึงแม้เรื่องราวจะไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ทว่ายังดีที่ได้เจอหน้าลูกสาวก่อนครึ่งเดือน ในที่สุดกู้เซี่ยเทียนก็หยุดสร้างปัญหาแล้วกลับไปตั้งหน้าตั้งตาเตรียมจัดแจงเรื่องสินเดิมเจ้าสาว
……
กู้ซีจิ่วรู้สึกมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนที่สร้างปาฏิหาริย์ได้อย่างง่ายดาย ทว่าเธอรู้สึกว่าปาฏิหาริย์ที่เธอสร้างขึ้นหลายปีมานี้รวมกันแล้วยังมหัศจรรย์เทียบไม่ได้กับปาฏิหาริย์ที่เธอเพิ่งสร้างขึ้นเร็วๆ นี้
ผู้อื่นเลื่อนจากขั้นหกครึ่งเป็นขั้นแปดต้องใช้เวลาอย่างน้อยที่สุดสามถึงห้าปี ซ้ำยังเป็นเรื่องที่อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะจะทำสำเร็จได้
ทว่าขั้นตอนนี้เธอทำสำเร็จโดยใช้เวลาแค่เพียงหนึ่งเดือนกับอีกยี่สิบวัน!
ตอนวงแหวนเรืองแสงบางๆ ที่ร่างกายบรรลุขั้นแปดหมุนวนอยู่รอบตัวเธอ กู้ซีจิ่วแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
เธอตกตะลึงอยู่พักใหญ่ หลังจากมั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแล้ว จึงดีใจวนอยู่ในห้องรับรองสามรอบ
บัดนี้เธอกลับมาที่จวนแม่ทัพแล้ว ห่างจากตี้ฝูอีมาห้าวัน ยังเหลืออีกสิบวันก่อนจะถึงวันแต่งงาน
เธอยกแขนมองดูมือน้อยอันนุ่มลื่นของตัวเอง ปลดปล่อยลมหายใจออกมาเล็กน้อย
หลังกลับจากวังเงือก เธออยู่กับตี้ฝูอีมาโดยตลอด
ทิวาร่วมเคียง ราตรีแยกเตียง
ครึ่งเดือนนี้ ทั้งสองคนนอกจากแยกกันนอนตอนกลางคืนแล้ว แทบจะเป็นเงาตามตัวติดกัน
ขนาดนอนตอนกลางคืนยังเพียงแค่นอนแยกห้อง แต่ไม่ได้แยกเรือน ตี้ฝูอีไม่ได้ให้เธอนอนห้องรับแขก แต่ให้เธอนอนภายในห้องนอนของตัวเอง ห้องนอนแบ่งแยกในนอก กู้ซีจิ่วนอนด้านใน เขานอนด้านนอก
จากที่ตี้ฝูอีพูด ห้องนอนของเขานี้สมดุลธรรมชาติดีเยี่ยม เป็นสถานที่ฝึกฝนที่ดี กู้ซีจิ่วเหมาะที่จะฝึกฝนด้านใน
ถึงแม้ตี้ฝูอีจะซื้อของใช้ในพิธีวิวาห์เหล่านั้นด้วยตัวเอง ทว่าเรื่องรายละเอียดเล็กน้อยอย่างเช่นตกแต่งห้องโถงจัดงาน เชิญแขก มู่เฟิงและคนอื่นๆ เป็นคนจัดการ
ภายในระยะเวลาครึ่งเดือน ตัวตี้ฝูอีเองไม่เพียงแต่ฝึกฝนฟื้นฟู ยังดูแลให้กู้ซีจิ่วฝึกฝนด้วยกัน
ไม่เพียงดูแลฝึกฝนด้วยกัน ซ้ำยังส่งยาลูกกลอนมาให้เธอกินวันละหนึ่งเม็ด บอกว่ามันมีประโยชน์ต่อการฝึกฝน
ก็มีประโยชน์จริงอย่างว่า หลังจากที่เธอกินยาลูกกลอนนั่น กินอิ่ม นอนหลับสบาย ไม่ฝันแม้เพียงสักครั้ง แต่ละวันฝึกฝนลำบากขนาดนั้น เธอกลับยังรู้สึกว่าตัวเองสดชื่นแจ่มใสตลอด
เธอเข้าใจการแพทย์ดี และมีประสบการณ์มานาน แต่เธอกลับดูส่วนผสมของยาลูกกลอนนั้นไม่ออก
ตี้ฝูอีก็จ้องมองให้เธอกินอยู่ทุกวัน ทำให้เธอไม่มีเวลาจะตรวจสอบส่วนผสมของยาลูกกลอนนี้เลย
โชคดีที่ยาลูกกลอนนี้ดีต่อร่างกายของเธอ ทำให้พลังวิญญาณของเธอพัฒนามากขึ้นทุกวัน เวลาเพียงครึ่งเดือนก็เลื่อนจะถึงขั้นแปดแล้ว!
แน่นอนว่า พลังวิญญาณของเธอพัฒนารวดเร็วขนาดนี้ นอกจากเหตุผลของตัวเธอเองแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับความเข้มงวดที่ไม่ถดถอยของตี้ฝูอีด้วย
คนผู้นี้ช่างเป็นครูฝึกที่เข้มงวดเหลือเกิน!
ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันเดือนครึ่งนี้ เขาไม่อนุญาตให้กู้ซีจิ่วแอบอู้แม้แต่น้อย เข้มงวดยิ่งกว่าสั่งสอนสานุศิษย์อีก
เขาสอนการฝึกฝนกำลังภายในบางอย่างให้กับเธอ ให้เธอท่องจำเคล็ดวิชาต่างๆ มากมาย และยังสอนวรยุทธ์ให้เธออีกหลายชุด!
รูปแบบการอยู่ด้วยกันของทั้งสอง หากไม่ฝึกฝนอยู่ที่ลานฝึก เขาคอยตรวจสอบผลการฝึกฝนของเธอ
ก็อยู่ในห้องนอนของเขา เขาตรวจสอบวิชาที่เธอได้ร่ำเรียนไป หรือไม่ทั้งสองคนก็นั่งหันหน้าเข้าหากันฝึกฝน…
หนึ่งวันมีสิบสองชั่วยาม กู้ซีจิ่วมีเวลาสิบชั่วยามในการฝึกฝนชนิดต่างๆ ได้นอนแค่วันละสองชั่วยาม ซ้ำสองชั่วยามนี้ยังใช้วิธีการนั่งสมาธินอน
ด้วยวิธีการฝึกฝนที่หนักหน่วงยี่ยงนี้ กู้ซีจิ่วย่อมมีบ่นอุบบ้างเล็กน้อย
————————————————————————————-
บทที่ 1241 ท่านอยากเรียกเขาว่าพ่อตาอย่างนั้นรึ
ถึงแม้เธอปรารถนาจะแข็งแกร่งขึ้น ทว่าการฝึกฝนที่บ้าระห่ำเช่นนี้ เธอกลับคิดว่าไม่จำเป็น บางเวลาเธอเหนื่อยล้าอ่อนแรง อยากจะลุกขึ้นต่อต้านสักหน่อย
แต่การต่อต้านของเธอล้วนถูกวิธีการอันโหดร้ายของตี้ฝูอียับยั้งเอาไว้
ในเวลาเช่นนี้ ชายผู้นี้ไร้ซึ่งความปรานี กู้ซีจิ่วแอบอู้สิบนาที เขาก็ตัดเวลาการนอนของเธอไปยี่สิบนาที…
ตามที่เขากล่าว ถึงแม้โม่เจ้าจะบาดเจ็บหลบหนีไปแล้ว แต่ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องมีวันหวนคืน เธอควรเร่งฝึกฝนทักษะการป้องกันตัวให้ได้ก่อนเหตุการณ์เลวร้ายนั้นจะกลับมา
และเนื่องจากวิญญาณของเธอฝึกฝนถึงขั้นแปดแล้ว ร่างกายก็ควรฝึกฝนตามให้ทันโดยเร็ว มิเช่นนั้นจะส่งผลเสียต่อจิต อีกทั้งหากเธอฝึกฝนได้รวดเร็วเท่าใด ระดับการผสานวิญญาณกับร่างกายก็จะสูงขึ้นเท่านั้น จนเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างแท้จริง
ตี้ฝูอียังบอกว่า ถึงแม้ร่างนี้จะเป็นร่างที่หลงฟั่นสร้างขึ้น แต่หากเธอใช้พลังวิญญาณของตนเองฝึกฝน ร่างกายจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตามวิญญาณ ประหนึ่งเลือดเนื้อเชื้อไขที่เกิดจากพ่อและแม่ เป็นร่างกายของเธออย่างแท้จริง ไม่ใช่ของผู้อื่น…
บางครั้งกู้ซีจิ่วโมโห จะถามเขาว่า “ร่างนี้เป็นร่างที่หลงฟั่นสร้างขึ้นมา หากเหมือนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่เกิดจากพ่อแม่ เช่นนั้นต่อไปเขาก็จะกลายเป็นพ่อตาท่าน? ท่านอยากเรียกเขาว่าพ่อตาอย่างนั้นรึ?”
ตี้ฝูอียิ้มบางๆ “หากเจ้าใช้ร่างนี้ฝึกฝนจนถึงขั้นเก้าได้สำเร็จ นั่นก็เท่ากับข้าเปลี่ยนแปลงร่างกายเจ้าไปโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหลงฟั่นอีก หากเจ้าต้องการพ่อสักคน ข้าว่าข้าน่าจะเหมาะสมมากกว่า…”
กู้ซีจิ่วถูกฟ้าผ่าเข้าอย่างจัง “นี่ท่านอยากมีความสัมพันธ์ฉันท์พ่อลูกกับข้าหรือ?! จะมากเกินไปแล้ว!”
ตี้ฝูอีเอื้อมมือคว้านางเข้ามาในอ้อมกอด “ความจริงแล้ว ข้าไม่สนว่าร่างกายนี้ของเจ้าจะเป็นลูกสาวใคร ที่สำคัญคือวิญญาณเจ้าต้องไม่เป็นของใครในโลกใบนี้ ถึงแม้หลงฟั่นจะโหดร้าย แต่เห็นได้ชัดว่าเขาใส่ใจยิ่งนักตอนสร้างร่างนี้ของเจ้าขึ้นมา ทั้งยังรวบรวมส่วนประกอบแก่นแท้ฟ้าดิน บอกตามตรง ข้ามีชีวิตในโลกหล้านี้เนิ่นนานหลายปี เพิ่งเคยเห็นร่างกายที่ฝืนลิขิตสวรรค์เช่นนี้เป็นครั้งแรก ร่างกายที่สมบูรณ์แบบรอบด้านแข็งแกร่งกว่าลูกสาวจวนแม่ทัพมากนัก หากเจ้าไม่ฝึกฝนออกมาให้ดีก็เสียของเปล่า น่าเสียดายเกินไป”
กู้ซีจิ่วถูกเขาเกลี้ยกล่อมเสียแล้ว เอาเถอะ เชื่อเขาก็แล้วกัน
ถึงอย่างไรเธอก็เคยฝึกฝนอย่างเข้มงวดในค่ายฝึกนักฆ่ามาก่อน ดังนั้นเมื่อเธอยอมรับวิธีการฝึกฝนของตี้ฝูอี ย่อมต้องจริงจังทำมันให้สำเร็จให้ได้
ด้วยเหตุนี้ ภายในหนึ่งเดือนกับอีกยี่สิบวัน เธอจึงบรรลุสองขั้นได้สำเร็จ!
ตี้ฝูอีบอกว่าการฝึกฝนเช่นนี้สามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายได้โดยสิ้นเชิง ไม่แน่อาจเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบทางพันธุกรรมได้ อีกนัยหนึ่งก็คือเธอน่าจะเปลี่ยนแปลงร่างโคลนนิ่งที่เหมือนฝาแฝดกับหลงฟั่นได้ และสามารถตัดขาดการเชื่อมต่อกระแสจิตกับหลงฟั่น
จะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่กู้ซีจิ่วยังไม่รู้ ทว่าหลังจากเธอกินยาของตี้ฝูอีและฝึกฝนวรยุทธ์ที่เขาถ่ายทอดให้ เธอก็สัมผัสถึงหลงฟั่นไม่ได้อีกเลย
เธอนั่งหน้ากระจกครู่หนึ่ง พบว่ารูปโฉมของเธอตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยอย่างน่าประหลาด ไม่เหมือนกับตอนที่เพิ่งสิงสู่เข้าร่างโคลนนิ่งนี้
นอกจากจะไม่เหมือนลูกสาวจวนแม่ทัพคนเดิมแล้ว ยังไม่เหมือนร่างโคลนนิ่งในชาติก่อนของตนด้วย
เหมือนร่างกายเป็นอิสระ เดิมทีเธอมีรูปโฉมงดงาม ดวงตากลมโต ยามนี้หางตากลับยกขึ้นเล็กน้อย ละม้ายคล้ายดวงตาหงส์ ปลายจมูกสูงรั้นขึ้นกว่าเดิมมาก ริมฝีปากชมพูระเรื่อยิ่งขึ้น ดุจดั่งพู่สีแดงบานสะพรั่งอยู่ปลายกิ่งก้าน
————————————————————————————-
บทที่ 1242 คำถามยากเกินไป เจ้าคิดไม่ทันแล้ว?
ตี้ฝูอีเคยบอกว่า หากวิญญาณของเธอหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับร่างกายอย่างแท้จริง หรือก็คือรอให้ร่างกายบรรลุขั้นแปดเช่นเดียวกันกับวิญญาณ รูปลักษณ์จะเหมือนกันกับรูปโฉมของวิญญาณทุกประการ
เธอมองดูคนที่อยู่ในกระจก หรือว่านี่คือรูปโฉมที่แท้จริงของเธอ?
เดิมทีเธอเป็นหญิงสาวที่งดงาม ตอนนี้ความงามของเธอยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ทั้งหมดทั้งมวลล้วนกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี
สิ่งเดียวที่เธอเสียดายก็คือกำไลคู่บุพเพกับหยกนภา
กำไลคู่บุพเพนั้นช่างเถอะ สิ่งสำคัญคือเธอไม่มีทางติดต่อกับหยกนภาได้อีกแล้ว…
เธอยกมือขึ้นเคาะหยกนภาที่ข้อมือ เจ้านี่กลับมาอยู่บนข้อมือเธออีกแล้ว ถึงแม้จะติดต่อกับเธอไม่ได้ แต่ก็ยังคงเปล่งแสงเป็นครั้งคราวเพื่อแสดงว่าตนยังอยู่
“เสี่ยวชาง เจ้ามีอะไรมากมายอยากพูดกับข้าใช่หรือไม่?”
หยกนภาเปล่งแสงติดต่อกันสามครั้ง เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
นี่คือวิธีการพูดคุยที่เธอตกลงกับหยกนภา ถ้าหากเห็นด้วยให้เปล่งแสงสามครั้ง ไม่เห็นด้วยเปล่งแสงสองครั้ง ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเปล่งแสงหนึ่งครั้ง
ทว่าเกมประเภทที่เล่นได้แต่ ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ แบบนี้ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก กู้ซีจิ่วก็ยุ่งมาก สองวันมานี้ได้คุยกับมันไม่ถึงสองประโยค
“เจ้าว่าข้าสวยขึ้นใช่หรือไม่?”
หยกนภาเปล่งแสงสามครั้ง
กู้ซีจิ่วอมยิ้ม “ข้าว่ารูปโฉมนี้ของข้าคู่ควรกับตี้ฝูอียิ่งนัก หากแต่งงานกับเขาด้วยรูปโฉมเดิม ความจริงข้าก็รู้สึกกดดัน เขาสวยกว่าข้าจะตายไป เจ้าว่าใช่หรือไม่?”
ไม่รู้ว่าหยกนภาอยากบอกอะไร มันเปล่งแสงออกมาสามครั้งก่อน ค่อยเปล่งแสงสองครั้ง หยุดครู่หนึ่งแล้วจึงเปล่งแสงอีกหนึ่งครั้ง
กู้ซีจิ่วมองมันอย่างเป็นกังวล “คำถามยากเกินไป เจ้าคิดไม่ทัน?”
หยกนภาไม่เปล่งแสงไปเสียดื้อๆ!
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่หน้าโต๊ะ จ้องมองแสงเทียนพลางคิดใคร่ครวญ
เลื่อนถึงขั้นแปดแล้ว ต้องไปหาตี้ฝูอีให้เขาดูสักหน่อยไหมนะ? ให้เขาเห็นความงดงามที่แท้จริงของเธอ ไม่ให้เขาใช้ความงดงามมากดดันเธออีก!
ทว่า เพิ่งแยกกับเขาได้ห้าวัน คงไม่ดีถ้าจะเข้าไปหาเขาก่อนกระมัง?
กลัวแต่มู่เฟิงจะแอบหัวเราะเยาะเธออีกที่แยกจากท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายของเขาไปไม่ได้…
กู้ซีจิ่วไม่ใช่คนตามติดแจ เดิมทีไม่ต้องพูดถึงการอยู่ห่างกันห้าวัน ต่อให้เป็นปีเธอก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยรู้ว่าโหยหาความรักเป็นอย่างไร ทว่ายามนี้เธอคิดถึงตี้ฝูอีแล้ว…
ทั้งที่ตอนอยู่กับเขา เขาคอยเคี่ยวเข็ญเธอให้ฝึกฝน ราวกับเป็นครูฝึกจอมมารก็ไม่ปาน
เธอเพิ่งแยกจากเขามาแค่ห้าวัน แต่กลับเหมือนแยกจากกันมาห้าเดือน รู้สึกทรมานอยู่บ้าง…
เธอยกมือขึ้นเคาะหน้าผากตัวเอง นี่เธอกำลังทารุณร่างกายตัวเองอยู่หรือไม่?
ด้านนอกมีคนกระแอมเบาๆ สาวใช้รายงานว่ากู้เซี่ยเทียนมาแล้ว
ว่ากันด้วยเหตุผล ร่างกายของกู้ซีจิ่วในตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับกู้เซี่ยเทียนแล้ว แต่เธอก็เคยครอบครองร่างกายของลูกสาวเขา ไม่แน่ต่อไปอาจได้กลับเข้าร่างนั้นอีกครั้ง ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงยอมรับพ่อคนนี้ อย่างไรเสียเธอก็ต้องการตัวตนนี้จริง
กู้เซี่ยเทียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นนาง สายตาที่มองนางค่อนข้างสับสน เสมือนดีใจและเหมือนหดหู่เล็กน้อย
เขารู้สึกว่าลูกสาวคู่ควรเคียงข้างตี้ฝูอี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ที่รุดหน้าไปมาก แม้แต่รูปโฉมก็พัฒนาไม่แพ้กัน!
รูปโฉมก่อนหน้านี้ของนางถูกคนตำหนิติเตียน ยามนี้กลับกลายเป็นหญิงงามล่มบ้านล่มเมือง ทำให้เขารู้สึกใจหายใจคว่ำ ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
สิ่งที่เรียกว่าเลือดเนื้อเชื้อไข รูปโฉมของคนทั่วไปถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ บ้างเหมือนพ่อ บ้างเหมือนแม่ บ้างก็นำเอาส่วนดีของทั้งสองรวมกัน บ้างก็รวมส่วนเสียของพ่อแม่เอาไว้…
กล่าวโดยสรุปก็คือ รูปโฉมของลูกล้วนเหมือนพ่อแม่ไม่มากก็น้อย
————————————————————————————-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น