เทพปีศาจหวนคืน 1236-1241
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1236 การบ่มเพาะเป็นเรื่องสนุก
แปลโดย iPAT
ทัศนคติของเหยากวงมั่นคงมาก
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูหัวเราะ “ไม่จำเป็นต้องกังวล ชูตู๋เข้าใจเรื่องนี้และได้พูดคุยกับข้าแล้ว เขาสามารถยอมรับประเด็นนี้”
“ดีแล้ว” เหยากวงพยักหน้า
ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนที่พวกเขาจะบินลงมาจากสวรรค์สีขาว
จากนั้นพวกเขาก็ประกาศว่าเหยากวงชนะการต่อสู้อย่างฉิวเฉียด งานประลองทุ่งโลหิตจบลงด้วยชัยชนะของตระกูลฮวงจิน
ใบหน้าของผู้อมตะนิกายชูและเผ่าไป่ซูกลายเป็นน่าเกลียด มีเพียงชูตู๋ที่ยังสงบนิ่ง เขาคาดเดาสิ่งไว้แล้วตั้งแต่แรก
ในทางตรงข้ามผู้อมตะตระกูลฮวงจินอยู่ในอารมณ์ที่สนุกสนาน
ไม่มีการกล่าวถึงรายละเอียด แต่งานประลองทุ่งโลหิตก็ทำให้ความโกลาหลในภาคเหนือจนสิ้นลง
…..
ภาคใต้ อาณาจักรแห่งความฝัน
ลึกลงไปในทะเลที่มืดมิด
ฟางหยวนเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลจากฝูงมังกรใต้ทะเล
มังกรทะเลแต่ละตัวมีพลังการต่อสู้เท่ากับสัตว์อสูรเดียวดาย
มีมังกรทะเลหลายร้อยหรือหลายพันตัวเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ
ตอนนี้ฟางหยวนเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก เผชิญหน้ากับมังกรทะเลฝูงนี้ เขาไม่สามารถทำสิ่งใด
‘สิ่งที่ยากลำบากที่สุดคือข้าต้องสังหารมังกรทะเลทั้งหมดเพื่อผ่านฉากที่เก้าของอาณาจักรแห่งความฝัน’
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น
หากนี่เป็นความจริง มันก็ยังไม่แน่ชัดว่าเขาจะสามารถหลบหนีจากสถานการณ์นี้หรือไม่
แต่ในอาณาจักรแห่งความฝันมีกฎที่เฉพาะเจาะจงมาก หากฟางหยวนต้องการหลบหนี เขาจะล้มเหลวในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันนี้
ฟางหยวนไม่มีทางเลือก!
‘การสังหารมังกรทะเลทั้งหมดโดยพื้นฐานของข้าในอาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้ มันเป็นไปไม่ได้!’
ดังนั้นสิ่งเดียวที่ฟางหยวนสามารถทำได้มีเพียงท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน
‘แต่มังกรทะเลมีมากเกินไป ตอนนี้ข้าสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันได้ไม่เกินสิบครั้ง มันไม่สามารถแก้ปัญหานี้’
‘ดูเหมือนฉากนี้จะเป็นฉากสุดท้ายของอาณาจักรแห่งความฝัน’
ฟางหยวนเข้าใจอย่างชัดเจน
อาณาจักรแห่งความฝันส่วนใหญ่เป็นสถานการณ์จำลองประสบการณ์ของเจ้าของความฝัน อย่างไรก็ตามอาจมีบางอาณาจักรแห่งความฝันที่แปลกประหลาดและต่างออกไป
ฟางหยวนกำลังสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันที่มาจากประสบการณ์จริงของเจ้าของความฝัน แต่ความรุนแรงของมันดูเหมือนจะเกินความเป็นจริงไปมาก
‘ผู้อมตะผู้นี้เคยเป็นผู้ใช้วิญญาณของนิกายเทพยุทธ์อมตะ’
‘เขามีพรสวรรค์ที่ดี แต่หลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ เขาก็ไม่น่าทึ่งอีกต่อไป’
‘นิกายโบราณทั้งสิบของภาคกลางจะสนับสนุนผู้อมตะที่โดดเด่น แต่คนผู้นี้ยังห่างไกลจากจุดนั้น โดยปราศจากความแข็งแกร่งหรือวิธีการที่ทรงพลัง มันยากที่จะได้รับแต้มผลงานของนิกาย ดังนั้นเขาจึงได้รับทรัพยากรไม่มากนักและเป็นเหตุผลที่เขาต้องออกมาสำรวจทะเลตะวันออก’
‘หลังจากก้าวข้ามกำแพงภูมิภาค มิติช่องว่างของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากนั้นเขาได้ยินข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังมังกรและเดินทางมาที่นี่ สุดท้ายเขาตายจากการโจมตีของฝูงมังกรทะเล’
คิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนเลือกที่จะยอมแพ้
เขาออกจากอาณาจักรแห่งความฝัน
โดยปกติแล้วยิ่งลึกเข้าไปในอาณาจักรแห่งความฝัน ผลประโยชน์ของมันก็จะมากขึ้นหลังจากผ่านฉากนั้นๆ
แต่ฟางหยวนเลือกที่จะล่าถอยอย่างชาญฉลาด
เขาจะไม่ใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันอย่างไร้ประโยชน์ที่นี่
ฟางหยวนกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงและใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวรักษาอาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณของตน
กึ่งปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งวารี!
ระดับความสำเร็จของเขายังไม่เปลี่ยนแปลง
แต่มันเพียงพอแล้วสำหรับการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในเมืองจิ๋วเพราะพวกมันเป็นเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเท่านั้น
‘มันจะดีที่สุดหากข้าสามารถยกระดับความสำเร็จทุกเส้นทางอย่างน้อยก็ระดับผู้เชี่ยวชาญ’
‘ด้วยวิธีนี้ข้าจะสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหกทั้งหมด’
‘แม้แดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหกจะช่วยเพิ่มการบ่มเพาะของข้าเพียงเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ของมันยังถือว่าโดดเด่นมาก’
ฟางหยวนคิด
จากนั้นเขาก็เข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันของตนเองและหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันอีกครั้ง
แน่นอนว่าเขาแบ่งเวลาในการอนุมานสิ่งต่างๆเช่นกัน
หลายวันที่ผ่านมาเขาได้รับแรงบันดาลใจที่จะผสานท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนเข้ากับท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบ
การอนุมานของฟางหยวนเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากทั้งหมดเขาไม่ขาดแคลนความสำเร็จบนเส้นทางความแข็แกร่ง เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง หรือเส้นทางแห่งปัญญา แม้ทักษะบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาจะขาดไปเล็กน้อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
เทพธิดากระต่ายขาวมาพบฟางหยวนเพื่อรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับธุรกิจซื้อขายโอกาสรวมถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อเขาตลอดเวลา
ตอนนี้นางก็อยู่ที่นี่
ฟางหยวนนั่งอยู่บนเบาะ เขากล่าวโดยไม่แม้แต่จะเปิดเปลือกตาขึ้น “ข้ากำลังฟังอยู่”
ฟางหยวนฟังรายงานจากเทพธิดากระต่ายขาวและอนุมานเกี่ยวกับสถานการณ์ของตนเองในเวลาเดียวกัน
เขาทำงานหลายอย่างพร้อมกัน!
ในฐานะปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา เขาสามารถทำสิ่งนี้ได้อย่างง่ายดาย
เทพธิดากระต่ายขาวกล่าวรายงานขณะที่นางมองใบหน้าของฟางหยวนด้วยความรักอันสุดซึ้ง
แต่ฟางหยวนไม่เคยเปิดเปลือกตาขึ้นมามองนาง นี่ทำให้นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
‘เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว’ ฟางหยวนกล่าวเบาๆ
เทพธิดากระต่ายขาวทำได้เพียงจากไปอย่างช้าๆเท่านั้น
นอกห้อง วูอันรออยู่นานแล้ว
“เทพธิดาเชิญทางนี้” ทัศนคติของวูอันที่มีต่อเทพธิดากระต่ายขาวสุภาพมาก
เทพธิดากระต่ายขาวได้รับอนุญาตให้เข้าพบฟางหยวน นี่แสดงให้เห็นว่าเขายังชื่นชอบนางอยู่ ดังนั้นวูอันจึงให้ความสำคัญกับนางเป็นอย่างมาก เพราะนางเป็นความหวังของธุรกิจซื้อขายโอกาส
เทพธิดากระต่ายขาวรู้สึกกังวลเล็กน้อย นางถามวูอัน “วูอัน ท่านวูอี้ไห่บ่มเพาะตลอดเวลาเลยงั้นหรือ?”
วูอันตะลึง “ท่านหมายถึงสิ่งใด?”
เทพธิดากระต่ายขาวถอนหายใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมอง “ท่านวูอี้ไห่บ่มเพาะอย่างหนัก เขาไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว แม้เขาจะฟังรายงานของข้า เขาก็ยังไม่หยุดบ่มเพาะ เขาเป็นเช่นนี้ตลอดเลยหรือ?”
วูอันกระพริบตา “เทพธิดา ข้าขอกล่าวตามความจริง แม้ข้าจะไม่เคยเห็นท่านวูอี้ไห่บ่มเพาะ แต่ข้าก็สามารถบอกได้หลายสิ่ง ท่านวูอี้ไห่เป็นผู้ฝึกตนที่ขยันที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาตลอดชีวิต ท่านไม่สนใจสิ่งอื่นใดและบ่มเพาะอยู่ในห้องตลอดเวลาโดยไม่ออกมา นี่เป็นไปไม่ได้สำหรับข้า”
เทพธิดากระต่ายขาวกังวลมากขึ้น “ถูกต้อง แต่ข้าเป็นห่วงท่านวูอี้ไห่ การฝึกหนักอาจทำให้ท่านได้รับอันตราย หากฝืนตนเองมากเกินไป สภาพจิตใจของท่านอาจพังทลายลง วูอัน หากมีโอกาส เจ้าต้องพูดคุยกับท่านวูอี้ไห่”
วูอันคิดก่อนตอบ “ท่านได้พบกับเขามากกว่าข้า แล้วข้าจะทำสิ่งใดได้”
แต่เขายังพยักหน้า “หากข้ามีโอกาส ข้าจะคุยกับท่านวูอี้ไห่เกี่ยวกับเรื่องนี้”
ฟางหยวนวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากเทพธิดากระต่ายขาว
เขาเข้าใจสถานการณ์ของภาคใต้อย่างชัดเจนเพราะเหตุนี้
สรุปแล้วภาคใต้ค่อนข้างสงบ
แม้วูตู๋ซิ่วจะเสียชีวิตและตระกูลวูจะเหลือผู้อมตะระดับแปดเพียงหนึ่ง แต่วูหยงยังแสดงความแข็งแกร่งและทักษะทางการเมืองที่ยอดเยี่ยมหลังจากกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูล
แม้ตระกูลปาและตระกูลอื่นๆจะเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด พวกเขาก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใด
ค่ายกลวิญญาณยังเงียบสงบ ธุรกิจซื้อขายโอกาสดำเนินต่อไปและทำกำไรอย่างลับๆ ผู้คนที่มีส่วนร่วมรู้สึกมีความสุข นอกจากนั้นกลุ่มคนที่ไม่ได้เข้าร่วมก็สามารถเพียงเฝ้ามองอยู่ในระยะไกลเท่านั้น
‘งานประลองทุ่งโลหิตของภาคเหนือสิ้นสุดลงแล้ว นิกายชูกลายเป็นเผ่าชู เผ่าไป่ซูยังคงอยู่ ขณะที่กองกำลังตระกูลฮวงจินได้รับชัยชนะรวมถึงทรัพยากรมากมาย’
‘ด้วยวิธีนี้ภาคเหนือจึงเกิดเสถียรภาพเช่นกัน’
‘ทะเลตะวันออก ทะเลทรายตะวันตก และภาคกลางมีข้อมูลเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่ข้าได้รับข้อมูลเหล่านี้มาจากสวรรค์สีเหลือง แต่ตอนนี้พวกมันก็ค่อนข้างสงบ’
ในความเป็นจริงสถานการณ์ที่สงบสุขพบได้บ่อยที่สุด
หลังจากทั้งหมดผู้ใดจะต้องการต่อสู้เสี่ยงตายหากมีโอกาสที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข?
สำหรับความสับสนวุ่นวายของภาคเหนือ มันมีต้นเหตุมาจากการพังทลายลงของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง
มีเพียงสงครามห้าภูมิภาคเท่านั้นที่จะทำให้โลกทั้งใบตกสู่ความโกลาหลอย่างแท้จริง
สถานการณ์ปัจจุบันยังสงบมาก
นี่เป็นเรื่องดีสำหรับฟางหยวน
เขาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันของตนเองและหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันต่อไป
ท่ามกลางภูเขาสีเขียว ขบวนสินค้าพักอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว
“บึม!”
แสงจันทร์เสี้ยวเคลื่อนผ่านก้อนหินด้านหน้าและปะทะกับกิ่งไม้ด้านหลังอย่างแม่นยำ
กิ่งไม้ถูกตัดออกทันที
“หลังจากฝีกฝนมาหลายวันในที่สุดข้าก็ประสบความสำเร็จ” ร่างกายของฟางหยวนปกคลุมไปด้วยเหงื่อแต่เขาแสดงออกอย่างมีความสุข
“เด็กน้อย ไม่เลว” ผู้ใช้วิญญาณเคราหนาเดินเข้ามาหาฟางหยวน
“ลุงเครา ขอบคุณที่สอนสิ่งนี้!” ฟางหยวนยิ้มกว้าง รอยยิ้มของเขาสดใสราวกับเด็กน้อย
ผู้ใช้วิญญาณเคราหนาเกือบตาบอดด้วยแสงสว่างที่ส่องประกายออกมาจากดวงตาของฟางหยวน เขาถามด้วยความสับสน “คนทั่วไปต้องฝึกฝนอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์หรือมากกว่านั้นก่อนจะประสบความสำเร็จ แต่เจ้าตื่นเช้าและนอนดึก เจ้าฝึกฝนอย่างหนัก เพียงไม่กี่วันเจ้าก็บรรลุถึงจุดนี้ น่าสนใจ”
ฟางหยวนกำหม้ดแน่นและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า “แน่นอน ท่านลุง ท่านไม่คิดว่ามันน่าอัศจรรย์และน่าเหลือเชื่องั้นหรือ? มนุษย์สามารถโจมตีโดยการปล่อยคลื่นจากฝ่ามือ การบ่มเพาะเป็นเรื่องสนุกจริงๆ”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1237 เทพธิดามังกร
แปลโดย iPAT
ผู้ใช้วิญญาณเคราหนาไม่เข้าใจอารมณ์ของฟางหยวน
ในฐานะนักเดินทางต่างโลก ความสามารถพิเศษของผู้ใช้วิญญาณเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดามาก การเปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดาเป็นยอดมนุษย์ แน่นอนว่าฟางหยวนย่อมรู้สึกตื่นเต้นและกระตือรือร้น
“นอกจากนี้พรสวรรค์ของข้ายังอยู่ในนภาที่สามเท่านั้น แล้วข้าจะไม่ทำงานหนักได้อย่างไร?” ฟางหยวนหัวเราะ
“ท่านลุงเชิญทำธุระของท่าน ข้าจะฝึกฝนต่อไป” ฟางหยวนกล่าวอีกครั้ง
ผู้ใช้วิญญาณเคราหนาหัวเราะและส่ายศีรษะอย่างมีชั้นเชิง
เขามองฟางหยวนฝึกฝนอยู่ห่างๆและพึมพำ “แม้เจ้าจะทำงานหนัก พรสวรรค์ของเจ้าก็อยู่ในนภาที่สามเท่านั้น…ความจริงที่โหดร้ายจะทำร้ายเจ้าและดับไฟแห่งความกระตือรือร้นของเจ้า ความล้มเหลวจะหยุดความตื่นเต้นของเจ้า แล้วเจ้าจะทำงานหนักเช่นนี้ได้นานเท่าใด?”
อีกมุมหนึ่งของอาณาจักรแห่งความฝัน ฟางหยวนตัวจริงจับกิ่งไม้ที่ถูกตัดขาดโดยดาบแสงจันทร์
“ไม่เลว ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันชิ้นนี้ค่อนข้างดี หากข้าโชคดี ข้าสามารถใช้มันหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันได้มากกว่าสิบดวง”
เขาเผยรอยยิ้มบางขณะที่ดวงตาส่องประกายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าที่มืดมิด
…..
ถ้ำสวรรค์ไป่เซียง
การหลอมรวมวิญญาณมนุษย์เปลี่ยนเป็นมังกรดำเนินมาถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่สำคัญที่สุด
“อดทนไว้ ท่านไม่สามารถเสียสมาธิ นายน้อย ท่านทำได้ ท่านจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!” จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงตะโกน
ค่ายกลวิญญาณปล่อยเสาแสงขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยมีร่างอันคลุมเครือของคนผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงกลาง
มันคือไป่หนิงปิง
ใบหน้าและร่างกายของเขาหลอมละลายราวกับเทียนที่ถูกความร้อน
เส้นผมของเขาไหม้ไปหมดแล้ว ดวงตาของเขาบอด กระทั่งมือและขายังถูกหลอมรวมเป็นหนึ่ง
ไป่หนิงปิงไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไป
เขาเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดที่รุนแรงมาหลายสัปดาห์
แรกเริ่มเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่หลังจากนั้นเขาถูกบังคับให้รักษาชีวิตมาจนถึงเวลานี้
เขาทำได้เพียงกัดฟันและอดทนเท่านั้น
ต่อมาไม่ว่าจะเป็นฟันหรือลิ้นของเขาก็หลอมละลายภายใต้เปลวเพลิงที่บ้าคลั่ง
ตอนนี้เขากลายเป็นเสามนุษย์ที่ดูน่าสยดสยองมาก
แต่จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงยังสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นของไป่หนิงปิง
มันเป็นความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้าและทำให้เขาสงบลง กระทั่งจิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงก็ยังรู้สึกพูดไม่ออก
เดิมทีจิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงไม่คิดว่าไป่หนิงปิงจะประสบความสำเร็จ เนื่องจากสถานการณ์ของไป่หนิงปิงเลวร้ายเกินไป
การหลอมรวมวิญญาณทุกครั้งมีโอกาสล้มเหลวโดยเฉพาะการหลอมรวมวิญญาณมนุษย์เปลี่ยนเป็นมังกร ผู้หลอมรวมจำเป็นต้องเตรียมตัวและเตรียมใจรับความเสี่ยงนี้มาอย่างเพียงพอ
“ตูม!”
เสียงระเบิดดังขึ้น
เสาแสงเปลี่ยนเป็นมังกรเพลิงสีแดงบินขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะบินกลับลงมาและหลอมรวมกับร่างกายของไป่หนิงปิง
ก้อนเนื้อสีแดงระเบิดออกมาจากภายในและทำให้ไป่หนิงปิงกำเนิดใหม่!
“สำเร็จ! สำเร็จแล้ว!” จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง
ภายใต้แสงสว่างไป่หนิงปิงเงยหน้าคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า
นางกล่าว “มังกรทะยานร่างขึ้นสู่ท้องฟ้า วันนี้ข้าสามารถทะยานขึ้นสู่อิสรภาพที่แท้จริง”
เสียงของนางก้องกังวาลราวกับมังกร
จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงคุกเข่าลงบนพื้นและกล่าว “ขอแสดงความยินดีกับชีวิตใหม่ของนายท่าน ท่านกลายเป็นผู้อมตะที่แท้จริงแล้ว!”
ไป่หนิงปิงเดินออกมา ตอนนี้ผิวของนางไม่ได้ขาวราวหิมะอีกต่อไป นางแตกต่างจากก่อนหน้าเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามความงามของนางกลับเหนือกว่าตัวตนในอดีตของนางไปอีกมาก
ดวงตามังกรสีฟ้าของนางส่องประกายเย็นชาอย่างที่สุด
แต่ในเวลาต่อมาความตกใจก็ปรากฏในดวงตามังกรของนาง “หือ เกิดสิ่งใดขึ้น ข้ากลายเป็นผู้อมตะแล้ว ข้ามีมิติช่องว่างที่แท้จริง แต่เหตุใดข้าถึงกลายเป็นผู้หญิง?”
“นี่…” จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงครุ่นคิดก่อนอธิบาย “วิธีการหลอมรวมวิญญาณมนุษย์เปลี่ยนเป็นมังกรใช้ร่างกายของผู้อมตะเป็นวัสดุในการหลอมรวม ผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ร่างกายของนายท่านเคยมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ดูเหมือนมันจะส่งผลต่อร่างกายของนายท่านและทำให้นายท่านกลายเป็นมนุษย์มังกรเพศหญิง”
ไป่หนิงปิง “…”
นางตระหนักว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลและข้อตกลงพันธมิตรทั้งหมดของนางหายไป แต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบต่อการร่างกายของนาง ดังคำกล่าวของจิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียง วิธีการหลอมรวมวิญญาณมนุษย์เปลี่ยนเป็นมังกรไม่สามารถควบคุมขณะที่วัสดุในการหลอมรวมจะส่งอิทธิพลอย่างมากต่อผลลัพธ์
ไป่หนิงปิงขมวดคิ้ว
นี่เป็นเหมือนคำสาป
คำสาปร่างหญิงของนางเริ่มขึ้นตั้งแต่ภูเขาชิงเหมา
หลังจากครุ่นคิด ไป่หนิงปิงถาม “ข้าจะกลับเป็นผู้ชายได้อย่างไร?”
จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงตอบ “นี่เป็นเรื่องง่ายมาก เพียงบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง”
ไป่หนิงปิงส่ายศีรษะ “นั่นไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ข้ามีสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืด ข้าจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งในอนาคต”
จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงครุ่นคิดก่อนกล่าว “นายท่าน ท่านกำเนิดใหม่แล้ว ร่างกายของผู้หญิงคือเพศสภาพที่แท้จริงของท่าน แต่หากท่านต้องการเปลี่ยน ท่านต้องตามหาวิญญาณกงล้อหยินหยางและเปลี่ยนมันให้เป็นวิญญาณอมตะกงล้อหยินหยางเพื่อทำให้ท่านเปลี่ยนเป็นผู้ชาย”
ไป่หนิงปิง “…”
ภาพของบางคนปรากฏขึ้นในใจของนางอย่างไม่สามารถควบคุม
“ฟางหยวน เจ้ายังเป็นอุปสรรคของข้าจนถึงตอนนี้ ฮืม!” ไป่หนิงปิงก่นเสียงเย็น
นางรู้ว่าฟางหยวนมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด หากนางต้องการวิญญาณกงล้อหยินหยางจากเขา นางต้องวางแผนการอย่างรอบคอบ
…..
ภาคกลาง นิกายคฤหาสน์วิญญาณ
บนท้องฟ้า กลุ่มผู้อมตะมารวมตัวกัน
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายคฤหาสน์วิญญาณกล่าว “ปู้เจิ้งซือ เจ้าต้องปกป้องผู้นำนิกายของเราในการเดินทางไปยังภาคเหนือครั้งนี้ นางเป็นเพียงผู้อมตะเทียมและพึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะได้ไม่นาน”
ปู้เจิ้งซือเป็นผู้อาวุโสสูงสุดคนหนึ่งของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งภูตผี เขากล่าวด้วยความมั่นใจ “ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้ามั่นใจว่านางจะปลอดภัย”
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งพยักหน้าและมองไปที่จ้าวเหลียนหยุน “เจ้าต้องคิดทุกอย่างให้รอบคอบ ในการเดินทางครั้งนี้ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด ปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญจากสิบนิกายโบาณดำเนินการทั้งหมด ด้วยความได้เปรียบของเราในฐานะผู้โจมตี มีโอกาสสูงที่พวกเราจะประสบความสำเร็จ”
จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
นางโค้งคำนับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งและซูเฮากับหลี่จุนอิง “ข้าขอลาก่อน”
“อืม ออกเดินทางเถอะ” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งโบกมือ
ปู้เจิ้งซือป้องหมัดขึ้นก่อนจะนำจ้าวเหลียนหยุนบินออกไป
“ผู้ใดจะคิดว่าจ้าวเหลียนหยุนจะกลายเป็นผู้นำนิกายของพวกเรา”
“สวรรค์กำลังเล่นตลกกับพวกเรา”
“ข้าสงสัยนักว่านางจะสามารถช่วยหม่าหงหยุนผู้นั้นได้หรือไม่?”
“ในความคิดของข้า มีโอกาสเป็นไปได้สูง หลังจากทั้งหมดนี่คือการรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญจากสิบนิกายโบราณของภาคกลาง!”
ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณสนทนากัน
“ข้าจะไปคุยกับลูกสาวของเรา” เทพธิดาไป่ชิงกล่าวกับฟงจิวเก้อ
ฟงจิวเก้อพยักหน้า
ครั้งนี้เขาต้องการไปภาคเหนือด้วยแต่วังสวรรค์ไม่อนุญาต
ฟงจิวเก้อเป็นอัจฉริยะในตำนานที่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนในรอบหลายพันปี เขามีความสามารถสูงมาก เขาสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดด้วยการบ่มเพาะระดับเจ็ด!
ตามตรรกะ เขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะส่งไปภาคเหนือ แต่เขากลับไม่สามารถเข้าร่วมในภารกิจนี้
ฟงจิวเก้อไม่รู้ว่าวังสวรรค์กำลังคิดหรือวางแผนใดอยู่
เมื่อเทพธิดาไป่ชิงพบฟงจินฮวง ฝ่ายหลังกำลังนั่งอยู่ริมทะเลสาบและมองระลอกคลื่นบนผิวน้ำ
เทพธิดาไป่ชิงรู้สึกห่วงใยบุตรสาวเป็นอย่างมาก
นางรู้ว่าบุตรสาวของนางต้องการเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณมาตลอด นางทำงานหนักเพื่อมัน แต่ตอนนี้จ้าวเหลียนหยุนกลับได้รับการยอมรับจากวิญญาณแห่งความรัก นอกจากนั้นนางยังได้รับการสนับสนุนจากวังสวรรค์และกลายเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณในที่สุด
นี่ทำให้ฟงจินฮวงถูกตัดออกจากการแข่งขัน
เทพธิดาไป่ชิงเดินเข้าไปหาฟงจินฮวง “เจ้ายังคิดถึงตำแหน่งผู้นำนิกายอยู่งั้นหรือ?”
“ไม่ ท่านแม่ ข้ากำลังคิดว่าเหตุใดข้าถึงไม่ได้รับการยอมรับจากวิญญาณแห่งความรัก?” ดวงตาของฟงจินฮวงเป็นสีแดงจากการแอบร้องไห้ก่อนหน้านี้
“นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่มีความรัก” เทพธิดาไป่ชิงนั่งลงด้านข้างฟงจินฮวงและยกมือขึ้นลูบศีรษะของบุตรสาว
ฟงจินฮวงถาม “เหตุใดข้าถึงไม่มีความรัก? ความรักคือสิ่งใด?”
เทพธิดาไป่ชิงคิดก่อนกล่าว “ความรักแตกต่างจากความรักในครอบครัวและมิตรภาพ มันเป็นความสัมพันธ์รูปแบบหนึ่งเหมือนความรักที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันระหว่างพ่อกับแม่ของเจ้า ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมหรือบังคับความรัก ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคนสองคน”
ฟงจินฮวงส่ายศีรษะ “ข้าไม่ต้องการปล่อยให้โชคชะตานำพาไป นั่นไม่ใช่ข้า ข้าต้องการค้นหาความรักและได้รับการยอมรับจากวิญญาณแห่งความรักเพื่อยึดตำแหน่งผู้นำนิกายกลับมา ท่านแม่คิดว่านี่เป็นไปได้หรือไม่?”
เทพธิดาไป่ชิงยิ้ม นี่เป็นไปไม่ได้แต่เมื่อนางเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของบุตรสาว ในฐานะมารดา นางจะพูดความจริงออกมาได้อย่างไร
ดังนั้นนางจึงกล่าว “มีโอกาสเป็นไปได้ แต่เจ้าต้องหาคนรักก่อนเป็นอันดับแรกและคนผู้นี้ต้องไม่ใช่พ่อแม่หรือสหายเพศหญิงของเจ้า”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1238 ผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งโชค
แปลโดย iPAT
“ท่านแม่ ท่านหมายถึง…” ฟงจินฮวงขมวดคิ้ว นิกายคฤหาสน์วิญญาณมีสมาชิกเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ในช่วงเวลาที่ฟงจินฮวงเติบโตขึ้น นางดูถูกผู้ชายรุ่นเดียวกันมาตลอด
มีเหตุผลสำคัญประการหนึ่ง นั่นคือบิดาของนางมีความสามารถสูงเกินไป มันทำให้ความคาดหวังของนางสูงขึ้น นางไม่เคยเห็นสิ่งที่ดีในตัวเด็กหนุ่มที่อยู่รอบตัว
เทพธิดาไป่ชิงพยักหน้าถามอย่างล้อเลียน “ถูกต้อง ฮวงเอ๋อ ในบรรดาเด็กหนุ่มที่เจ้าเคยพบ เจ้าสนใจผู้ใดบ้าง?”
ฟงจินฮวงขมวดคิ้ว หลังจากคิดเรื่องนี้ นางส่ายศีรษะ
เทพธิดาไป่ชิงแทบหัวเราะออกมากับท่าทางงงงวยของบุตรสาว นางถามอีกครั้ง “เช่นนั้นแม่จะเปลี่ยนคำถาม เด็กหนุ่มคนใดที่ทิ้งความประทับใจไว้กับเจ้าได้มากที่สุด?”
ฟงจินฮวงตะลึง
ภาพของฟางหยวนปรากฏขึ้นในใจของนางอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง
ฟางหยวนทำให้นางพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ ฟงจินฮวงไม่มีวันลืมฉากบนภูเขาตงฮัน
นอกจากนั้นฟางหยวนยังเคยช่วยชีวิตฟงจิวเก้อมาก่อน!
เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ฟงจินฮวงมีความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างยิ่งต่อฟางหยวน
มันไม่ใช่ความเกลียดชังที่บริสุทธิ์
นอกจากนี้มันก็ไม่ใช่ความกตัญญูที่บริสุทธิ์
การแสดงออกของฟงจินฮวงทำให้เทพธิดาไป่ชิงตระหนักถึงบางสิ่งและเริ่มโทษตัวเอง ‘โอ้ ไม่ เหตุใดข้าถึงลืมเกี่ยวกับการคงอยู่ของฟางหยวน!?’
คิดได้เช่นนี้ เทพธิดาไป่ชิงจึงเร่งกล่าว “ฮวงเอ๋อ อย่าคิดถึงมัน!”
ในฐานะมารดา เทพธิดาไป่ชิงกังวลมาก แม้ฟงจินฮวงจะเติบโตขึ้นมากแล้ว แต่นางก็ยังไร้เดียงสา ในแง่ของความสัมพัมธ์ นางเหมือนกระดาษสีขาวที่ว่างเปล่า
“ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลก เขาใช้วิญญาณกาลเวลาหวนกลับมา อายุที่แท้จริงของเขาอาจแก่กว่าทั้งพ่อและแม่ของเจ้า!” เทพธิดาไป่ชิงกล่าวอย่างจริงจัง
“สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาถูกตัดสินว่าเป็นปีศาจที่ชั่วร้าย เขาข่นฆ่าผู้คนมานับไม่ถ้วนและเป็นอันตรายต่อโลกใบนี้!”
“แต่เขาช่วยท่านพ่อเอาไว้” ฟงจินฮวงโต้แย้ง
เทพธิดาไป่ชิงกล่าวอย่างเคร่งขรึมและมองลึกเข้าไปในดวงตาของฟงจินฮวง “เจ้าต้องจำสิ่งนี้เอาไว้ บุญคุณกับความแค้นไม่สามารถนำมารวมกัน เจ้าต้องแยกมันให้ออก บุญคุณที่เขาช่วยชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้พวกเราจะตอบแทนเขาอย่างเหมาะสม แต่เขาเป็นสมาชิกฝ่ายปีศาจ เขาเป็นคนเลวที่ต้องถูกกำจัด หากเราพบเขาอีกครั้ง เราต้องกำจัดเขา เข้าใจหรือไม่?”
ฟงจินฮวงพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”
…..
ภาคใต้ ในอาณาจักรแห่งความฝัน
“ฮัดชิ่ว! ฮัดชิ่ว!” ฟางหยวนจามสองครั้ง
เขาถูจมูกและกล่าวกับผู้ใช้วิญญาณหญิงตรงหน้า “อีกครั้ง”
ผู้ใช้วิญญาณหญิงที่ยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะ นำหินสามก้อนออกมา “เชิญ”
นี่ไม่ใช่อาณาจักรแห่งความฝันก่อนหน้า
อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งวารีก่อนหน้านี้ยากเกินไปในฉากสุดท้าย ฟางหยวนตัดสินใจยอมแพ้และเปลี่ยนเป็นอาณาจักรแห่งความฝันอื่น
สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขก็คือการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันนี้จะทำให้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งโชคของเขาเพิ่มขึ้น!
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งโชคมีอยู่น้อยมาก
เพราะกระทั่งเทพอมตะตะวันเดือดจะสร้างเส้นทางแห่งโชคขึ้นมาบนโลกใบนี้ แต่เขาไม่ได้แพร่กระจายมันออกไป
ดังนั้นอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งโชคจึงหาได้ยากเช่นกัน มันเป็นไปแทบไม่ได้ที่ฟางหยวนจะพบอาณาจักรแห่งความฝันเช่นนี้
ฟางหยวนมองหินสามก้อน เขารู้ว่าตามกฎเขาต้องชนะสามครั้งติดต่อกันเพื่อผ่านฉาก
มันคือผลึกหินโชคลาภ
‘ข้าประสบความสำเร็จสองครั้งแล้ว หากครั้งนี้ข้าล้มเหลว ความพยายามของข้าจะกลายเป็นไร้ผล ข้าควรใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน’
ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายของเขาทันที
แต่หลังจากรอสักพัก มันก็ยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ขณะที่ฟางหยวนกำลังสับสน ผู้ใช้วิญญาณหญิงมองมาที่เขาด้วยความขบขันและกระซิบ “น้องชายตัวน้อยเลือกตรงกลาง อย่ากังวล ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า”
หลังกล่าวจบคำ นางขยิบตาให้ฟางหยวนด้วยการแสดงออกที่ยียวน
ในที่สุดฟางหยวนก็ตระหนักว่านี่คือผลลัพธ์ของท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน เขาไม่ลังเลที่จะคว้าหินก้อนตรงกลาง
หินทั้งสามถูกเปิดออก ไม่มีวิญญาณใดๆอยู่ภายใน แต่ด้วยคุณภาพของตัวผนึกหินเอง ก้อนตรงกลางจึงถือว่ามีมูลค่าสูงที่สุด
ฉากแรกเลือนหายไปขณะที่ฟางหยวนเข้าสู่ฉากที่สอง
…..
ภาคเหนือ
ถ้ำสวรรค์นิรันดร
คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด แท่นบูชาแห่งโชค
แท่นบูชาแห่งโชคมีเสาหยกขาวจำนวนมากจัดเรียงเป็นวงกลมสามชั้นและปลดปล่อยแสงที่งดงามออกมา
ผู้อมตะแปดคนของถ้ำสวรรค์นิรันดรยืนอยู่ที่แท่นบูชาแห่งโชคและพยายามควบคุมมันอย่างสุดความสามารถ
ปรมาจารย์ห้าธาตุที่ติดอยู่ตรงกลางแท่นบูชาแห่งโชคแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ตอนนี้เขาต้องใช้ความสามารถที่แท้จริงออกมาเพื่อต่อต้านมัน
เงียบมาก
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายไม่สามารถเคลื่อนไหว ไม่แม้แต่จะกล่าวสิ่งใดออกมา
แต่ในจังหวะนี้เสียงระฆังกลับดังขึ้น
ผู้อมตะทั้งแปดรู้สึกตกใจและเต็มไปด้วยคำถาม
“นี่คือสัญญาณเตือน เหตุใดมันจึงดังขึ้น?”
“บรรพชนตะวันเดือดเป็นผู้จัดตั้งค่ายกลวิญญาณนี้ หากเราพบปัญหา มันจะกระตุ้นการทำงานด้วยตัวของมันเอง”
“แต่ปรมาจารย์ห้าธาตุยังถูกขังอยู่ที่นี่”
ผู้อมตะทั้งแปดลอบสนทนา
ผู้นำกลุ่มผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์กล่าว “เมื่อปรมาจารย์ห้าธาตุบุกเข้ามา เสียงระฆังก็ยังไม่ดังขึ้น ตอนนี้เมื่อมันดังขึ้น หมายความว่ามีอันตรายอื่นที่ร้ายแรงกว่า”
ทุกคนตื่นตระหนก
“นั่นหมายความว่าภัยพิบัติต่อไปนี้จะรุนแรงกว่าการบุกโจมตีของปรมาจารย์ห้าธาตุงั้นหรือ?”
“ตอนนี้เราต้องใช้พลังทั้งหมดของแท่นบูชาแห่งโชคเพื่อกำหราบปรมาจารย์ห้าธาตุ เราไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วเราจะจัดการกับมันได้อย่างไร?”
“ด้วยแท่นบูชาแห่งโชค ภัยพิบัติสวรรค์พิภพไม่สามารถทำสิ่งใดต่อพวกเรา มันต้องเป็นภัยพิบัติมนุษย์!”
“ในสถานการณ์นี้เราต้องปลุกผู้อมตะสี่ดินแดนเท่านั้น”
ผู้อมตะทั้งแปดพยักหน้าเห็นด้วย
ปรมาจารย์ห้าธาตุกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้ำสวรรค์นิรันดรแทบไม่สามารถป้องกันตนเอง ข้าอยากรู้นักว่าภัยพิบัติใดที่สามารถทำให้เสียงระฆังเตือนภัยดังขึ้น”
ผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์กำลังจะกล่าวแต่เสียงอีกสายหนึ่งกลับดังขึ้น “มันเป็ฯภัยพบิติที่มาพร้อมกับโชคดี โชคเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ในฐานะผู้อมตะ พวกเราจะเปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นโชคดี แท่นบูชาแห่งโชคก็ถูกสร้างขึ้นด้วยแนวความคิดนี้”
ผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์ได้ยินเสียงนี้และรู้สึกมีความสุขมาก
ปรมาจารย์ห้าธาตุมองไปยังผู้อมตะลึกลับที่มาใหม่และถาม “เช่นนั้นท่านก็คือผู้อมตะสี่ดินแดน?”
“คารวะราชันใต้” แปดผู้อมตะเกาะสวรรค์แสดงความเคารพอย่างพร้อมเพรียงและถือเป็นการตอบคำถามของปรมาจารย์ห้าธาตุ
ถ้ำสวรรค์นิรันดรแบ่งออกเป็นสี่ดินแดนแปดเกาะสวรรค์
ดินแดนทั้งสี่ได้แก่ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก แต่ละดินแดนมีผู้อมตะระดับแปดปกครองอยู่
สำหรับแปดเกาะสวรรค์ มีผู้อมตะระดับเจ็ดเป็นผู้ดูแล
ถ้ำสวรรค์นิรันดรมีพื้นที่กว้างใหญ่และทรัพยากรมากมาย นอกเหนือจากผู้อมตะทั้งสิบสองคนนี้ยังมีผู้อมตะคนอื่นๆ แต่ผู้อมตะสิบสองคนเป็นกำลังสำคัญของถ้ำสวรรค์นิรันดร พวกเขาเป็นชนชั้นสูงท่ามกลางผู้อมตะทั้งหมด
ราชันใต้สวมชุดเกราะสีฟ้าทอง เคราของเขายาวลงมาถึงหน้าอก เขาเป็นชายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแต่ดูค่อนข้างแก่ เขากล่าว “ข้าตื่นขึ้นเพราะเสียงระฆัง มันเป็นเสียงยาวสามครั้งและเสียงสั้นอีกสองครั้ง มันไม่เร็วและไม่ช้า นี่หมายความว่าวิญญาณแห่งความรักกำลังเข้าสู่ภาคเหนือ วิญญาณแห่งความรักสามารถต่อต้านโชคชะตา ในอดีต บรรพชนของเรายังต้องระวังมัน ท่านเคยพยายามปรับแต่งวิญญาณแห่งความรักเป็นเวลาสามปีแต่ยังล้มเหลว ท่านทำได้เพียงจัดตั้งค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งโชคเอาไว้ เมื่อวิญญาณแห่งความรักเข้ามาในภาคเหนือ ค่ายกลวิญญาณจะส่งเสียงเตือนและนั่นจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราที่จะจับวิญญาณแห่งความรัก!”
ปรากฏว่ามันคือการเตรียมการของเทพอมตะตะวันเดือดเมื่อนานมาแล้ว
ผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์กล่าว “พวกเราจะทำตามคำบัญชาของท่าน เราเต็มใจสละชีวิตเพื่อจับวิญญาณแห่งความรัก!”
…..
ภาคใต้
“นี่คือถ้ำสวรรค์ไป่เซียง!” ไห่ลั่วหลันก้าวเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ไป่เซียงอย่างเป็นทางการ
ไท่เป่ยหยุนเฉิง อิงอู๋เซี่ย และซื่อหนิวติดตามมาด้านหลัง
“หือ? มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง” การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนแปลงไป
ในเวลาต่อมาสภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนแปลงไป ค่ายกลวิญญาณถูกกระตุ้นใช้งานและขังผู้อมตะทั้งสี่เอาไว้ภายใน
ร่างของไป่หนิงปิงปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
ซื่อหนิวตกใจและโกรธมาก เขาคำราม “เจ้าคือไป่หนิงปิงงั้นหรือ? เจ้ากล้าทรยศพวกเราจริงๆ!?”
“ฮืม! เศษซากของนิกายเงา วันนี้จะเป็นวันตายของพวกเจ้า!” ไป่หนิงปิงเผยรอยยิ้มเย็นชา
อิงอู๋เซี่ยรู้สึกประหลาดใจมาก
เขาเกิดแรงบันดาลใจหนึ่ง “เจ้าใช้วิธีหลอมรวมวิญญาณมนุษย์เปลี่ยนเป็นมังกร ดูเหมือนมันจะมีอยู่จริงๆ!”
“กล่าวตามตรงข้าต้องขอบคุณเจ้าสำหรับเรื่องนี้ เช่นนั้นให้ข้ามอบของขวัญตอบแทนเจ้า” ไป่หนิงปิงหัวเราะเสียงดัง
“เดี๋ยว! เราสามารถเจรจา…” อิงอู๋เซี่ยยังกล่าวไม่จบประโยคขณะที่ค่ายกลวิญญาณเริ่มส่งพายุหิมะและหอกน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา
ผู้อมตะทั้งสี่ถูกบังคับให้ปกป้องตนเอง
…..
ภายในค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ของภาคใต้
ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นและกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
จิตวิญญาณของเขาอ่อนแอมากแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะเขามีวิญญาณความเด็ดเดี่ยว
“ผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งโชค!” ฟางหยวนตรวจสอบความสำเร็จของตนเอง
นี่เป็นสิ่งที่อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งโชคมอบให้เขา แต่เขาไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งโชคส่วนที่เหลือ
อย่างไรก็ตามกำไรที่เขาได้รับถือว่ายิ่งใหญ่มากแล้ว ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งโชคระดับทั่วไปของเขาพุ่งขึ้นสู่ระดับผู้เชี่ยวชาญในครั้งเดียว
นี่ทำให้เขารู้สึกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน
มันเป็นความรู้สึกที่ลึกลับและไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูด
‘หากความสำเร็จบนเส้นทางแห่งโชคของข้าบรรลุระดับปรมาจารย์ ข้าอาจต้องการมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชคจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา หากข้าสามารถใช้งานมันได้ดี ความแข็งแกร่งของข้าจะเพิ่มขึ้นอีกมาก!’
‘ในปัจจุบันข้ารู้สึกว่าข้าสามารถใช้วิญญาณอมตะคลี่คลายปริศนาร่วมกับวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน!’
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1239 เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
แปลโดย iPAT
สัมผัสแห่งโชค
นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะที่สามารถค้นหาบุคคลที่มีความเชื่อมโยงของโชค
ยิ่งอยู่ใกล้กันมากเท่าใด ความรู้สึกเชื่อมต่อก็ยิ่งชัดเจนมากเท่านั้น
ฟางหยวนสามารถใช้ท่าไม้ตายนี้ค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของอิงอู๋เซี่ยแม้พวกเขาจะอยู่ต่างภูมิภาคเนื่องจากอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆมีโชคที่เชื่อมต่อกับฟางหยวน
อย่างไรก็ตามอิงอู๋เซี่ยสามารถต่อต้านท่าไม้ตายนี้ด้วยการซ่อนตัวอยู่ในมิติช่องว่างของผู้อื่น
กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่ทำให้ฟางหยวนต้องระวังพวกเขาเป็นพิเศษ
‘หลังจากนี้หากข้าพบตำแหน่งของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ ข้าจะกำจัดพวกเขาอย่างรวดเร็วที่สุดและไม่ปล่อยให้ภัยคุกคามนี้เติบโตขึ้นได้อีก!’
ฟางหยวนตัดสินใจที่จะเพิ่มวิญญาณอมตะคลี่คลายปริศนาเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชค
‘วิญญาณอมตะคลี่คลายปริศนาเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา อืม…ข้าควรเพิ่มวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งปัญญาบางดวงเข้าไปด้วย’
ฟางหยวนอนุมานและตัดสินใจตามสัญชาตญาณ
วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากถูกเพิ่มเข้าไป
ฟางหยวนมีวิญญาณส่วนหนึ่งอยู่แล้วขณะที่เขาต้องซื้อวิญญาณบางส่วนจากสวรรค์สีเหลือง
โดยปราศจากอุปสรรค์ ในไม่ช้าเขาก็ได้รับวิญญาณทั้งหมดที่ต้องการ
แต่เขาไม่ได้กระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายใหม่ทันที เขาต้องทดสอบเป็นอันดับแรก
เขารู้สึกว่าท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคเปลี่ยนไปมาก หากเขาบุ่มบ่ามใช้งานมัน เขาอาจล้มเหลวและได้รับบาดเจ็บ บางทีวิญญาณจำนวนมากอาจถูกทำลาย วิญญาณระดับมนุษย์อาจไม่เป็นไร แต่หากมันเป็นวิญญาณอมตะ แล้วเขาจะทำอย่างไร?
การทดลองท่าไม้ตายมีความเสี่ยงเช่นกัน
ฟางหยวนแยกขั้นตอนออกเป็นหลายส่วนและทดลองทีละส่วน
ผลการทดลองเป็นไปได้ด้วยดี
ไม่มีการล้มเหลวแม้แต่ครั้งเดียว
ครึ่งวันต่อมาในที่สุดฟางหยวนก็พัฒนาท่าไม้ตายสัมผัสแห่งโชคฉบับปรับปรุงใหม่ได้สำเร็จ
แต่เมื่อเขากระตุ้นใช้งานมันได้ครึ่งทาง เขาพบปัญหาเล็กๆ
มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่ฟางหยวนระวังตัวมากและหยุดใช้งานมันทันที
วิญญาณระดับมนุษย์หลายดวงถูกทำลายในกระบวนการนี้
วิญญาณอมตะสองดวงที่เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายยังปกติดีทั้งคู่ สำหรับวิญญาณระดับมนุษย์ พวกมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับฟางหยวน หลังจากทั้งหมดตอนนี้เขาร่ำรวยมาก
เขาอนุมานและสรุปหาสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดนี้
คราวนี้ฟางหยวนใช้เวลาครึ่งวันเพื่อแก้ไขก่อนจะเริ่มทดลองอีกครั้ง
มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในครึ่งหลังของการกระตุ้นใช้งาน
แม้มันจะเกิดประกายไฟขึ้นเล็กน้อยและไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ฟางหยวนยังต้องตรวจสอบและหยุดใช้ท่าไม้ตายนี้ทันที
เขายังลองผิดลองถูกต่อไป
หลายวันต่อมาในที่สุดฟางหยวนก็ได้รับท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคฉบับปรับปรุงล่าสุดที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ
เขาประสบความสำเร็จในการกระตุ้นใช้งานสัมผัสแห่งโชคฉบับปรับปรุงใหม่ในที่สุด!
ความรู้สึกลึกลับปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวน
แรกเริ่มเขาตรวจสอบเย่ฟาน หงอี้ และฮันหลี่ ทั้งสามอยู่ในภาคใต้ ภาคกลาง และทะเลทรายตะวันตกตามลำดับ ฟางหยวนเห็นรายละเอียดมากขึ้น โดยเฉพาะเย่ฟาน ฟางหยวนสามารถบอกได้ว่าเขาอยู่บนภูเขาเฉิงเหลียง
ส่วนคนที่เหลือ มันค่อนข้างคลุมเครือ
อิงอู๋เซี่ยและไห่ลั่วหลันระวังตัวมาก ฟางหยวนยังไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของพวเขา แต่ฟางหยวนยังสามารถบอกได้ว่าพวกเขาอยู่ที่ภาคใต้
‘แปลก นอกจากอิงอู๋เซี่ยและไห่ลั่วหลัน ยังมีบุคคลที่สาม แต่มันยังไม่แน่ชัด อย่าบอกว่าอิงอู๋เซี่ยใช้วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคเพื่อเชื่อมต่อโชคกับผู้อมตะคนอื่น?’
ฟางหยวนเดาได้ทันที
เขาขมวดคิ้ว
วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคอยู่ในมือของอิงอู๋เซี่ย นี่ไม่ใช่ความลับ
ปัจจุบันฟางหยวนไม่สามารถใช้งานวิญญาณกาลเวลาได้อีกต่อไป แต่ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะโชคอึสุนัข มันเปลี่ยนจุดอ่อนของเขาให้เป็นจุดแข็ง
แต่อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆกำลังใช้ประโยชน์จากฟางหยวน
เทพอมตะตะวันเดือดประสบความสำเร็จในช่วงแรกของชีวิตเนื่องจากวิญญาณอมตะโชคอึสุนัข แต่ฟางหยวนกลับไม่ได้เพลิดเพลินกับมันเพียงลำพัง เขาต้องแบ่งปันโชคดีให้กับคนอื่นๆ
แม้จะรวมคนโชคดีเช่นเย่ฟาน ฮันหลี่ หงอี้ และไห่ลั่วหลัน แต่สุดท้ายอิงอู๋เซี่ยกับคนใหม่ก็ยังเป็นภาระหนักสำหรับพวกเขาและมันจะทำให้พลังอำนาจของวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขลดลง
‘ทางนี้…ฮ่าฮ่า ผู้ใดจะคิดว่าพวกเขาจะอยู่ที่ภาคใต้!’
‘อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆต้องถูกกำจัด หลังจากสังหารพวกเขา ข้าจะปลอดภัยขึ้นและจะไม่มีผู้ใดพยายามยึดครองร่างทารกอมตะอีก’
‘ในเวลาเดียวกันหลังจากที่ข้าสังหารพวกเขาและกำจัดภัยคุกคาม โชคของข้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก พลังอำนาจที่แท้จริงของวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขจะปะทุขึ้น’
ในเวลานี้ฟางหยวนเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร เขาต้องการเคลื่อนไหวและกำจัดกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยทันที
…..
ภาคกลาง
“ถึงเวลาแล้ว ไปได้!” ผู้อมตะระดับแปดเว่ยหลิงหยางตะโกน
เสียงของเขาแหบแห้ง เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีถุงใต้ตาคล้ำและทำให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกเหนื่อยล้าตามไปด้วย
แต่เขาเป็นผู้นำและเป็นหนึ่งในสามผู้อมตะระดับแปดที่แข็งแกร่งที่สุดในคณะเดินทางนี้
นอกจากเขายังมีไป่เฉินเทียนและนักรบหมื่นมังกร
คนทั้งสองเป็นผู้อมตะระดับแปดเช่นกัน
ไป่เฉินเทียนเป็นผู้รอดชีวิตจากการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน
สำหรับนักรบหมื่นมังกร เขาอาวุโสกว่าไป่เฉินเทียน เมื่อไม่นานมานี้เขายังได้รับคำแนะนำจากราชันมังกร นั่นทำให้ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งสูงขึ้นอีกมาก
ราชันมังกรอายุมากแล้วและเป็นเรื่องยากที่เขาจะเข้าสู่การต่อสู้ด้วยตนเอง แต่เขาเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์และเปลี่ยนแปลงการทำงานของวังสวรรค์
คนทั้งสามเป็นผู้อมตะระดับแปดจากวังสวรรค์ที่เหนือกว่าผู้อมตะระดับแปดของสิบนิกายโบราณ
หลังจากได้ยินคำสั่งของเว่ยหลิงหยาง ทุกคนแยกออกเป็นสามกลุ่มและเข้าไปในคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลัง
คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังประกอบด้วยคฤหาสน์วิญญาณอมตะหอคอยวายุของนิกายเมฆาวายุ ศาลานกขมิ้นของนิกายบัวสวรรค์ และค่ายนักรบของนิกายเทพยุทธ์อมตะ
คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังอยู่ภายใต้การดูแลของผู้อมตะระดับแปด
จ้าวเหลียนหยุนอยู่ในหอคอยวายุ
นางอยู่บนชั้นสูงสุดซึ่งเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดของคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้
“คณะเดินทางของเราแข็งแกร่งมาก เรามีผู้อมตะระดับแปดถึงสามคนและคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสามหลัง! โดยพื้นฐานแล้วพวกเราสามารถมั่นใจในชัยชนะ” ปู้เฉิงซือเดินเข้ามาด้านหลังจ้าวเหลียนหยุนและกล่าว
จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้าอย่างไร้อารมณ์แต่หัวใจของนางกลับเต้นแรง นางคิด ‘หงหยุน ข้ามาแล้ว! อดทนไว้!’
คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามเหมือนดวงดาวที่บินผ่านท้องฟ้า
ค่ายนักรบอยู่ด้านหน้าเพื่อเปิดเส้นทาง หอคอยวายุอยู่ตรงกลาง ขณะที่ศาลานกขมิ้นติดตามอยู่ด้านหลัง
กำแพงพลังงานอยู่ด้านหน้าพวกเขาแล้ว
“ตูม!”
ค่ายนักรบปล่อยพลังทำลายล้างพุ่งเข้าโจมตีกำแพงพลังงานอย่างดุเดือดและสร้างอุโมงค์ขึ้นโดยปราศาจการต่อต้าน
หอคอยวายุและศาลานกขมิ้นบินตามไปอย่างรวดเร็ว
“ครืน…ครืน…ครืน…”
หอคอยวายุสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จ้าวเหลียนหยุนเกือบล้มลงบนพื้น
ปู้เฉิงซือรู้สึกพูดไม่ออก ‘กล่าวกันว่ากำแพงสวรรค์หนากว่ากำแพงภูมิภาคทั้งห้า ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องจริง แม้หอคอยวายุจะเคลื่อนที่ผ่านอุโมงค์มิติแต่ลมปราณสวรรค์ยังทำให้คฤหาสน์วิญญาณอมตะหอคอยวายุสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าค่ายนักรบจะเป็นเช่นไร!’
กำแพงสวรรค์ถูกสร้างขึ้นโดยปราณสวรรค์ กระทั่งพวกเขาจะสร้างอุโมงค์มิติ ปราณสวรรค์ก็ยังสามารถเติมเต็มช่องว่างอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังจึงเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
หลังจากเดินทางไปได้ระยะหนึ่ง ค่ายนักรบสูญเสียวิญญาณไปแล้วหลายดวง พลังงานของมันลดลง ดังนั้นมันจึงเคลื่อนที่ไปอยู่ท้ายขบวน
หอคอยวายุเข้าแทนที่เพื่อเปิดเส้นทาง เมื่อเวลาผ่านไปศาลานกขมิ้นก็รับช่วงต่อ
ด้วยวิธีนี้หลังจากไม่กี่วันคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังก็สามารถทะลวงผ่านกำแพงสวรรค์เพื่อเข้าสู่สวรรค์สีดำ
เหตุใดพวกเขาไม่เลือกสวรรค์สีขาว?
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน
สวรรค์สีดำสามารถเก็บซ่อนร่องรอยของคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามได้ในระดับหนึ่ง
ด้วยวิธีนี้ผู้อมตะภาคกลางจึงเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถลอบโจมตีเป้าหมาย
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1240 ประโยชน์ของระดับความสำเร็จ
แปลโดย iPAT
ภาคใต้ ภายในค่ายกลวิญญาณ
ฟางหยวนนึกถึงพลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคและตระหนักถึงประโยชน์ของระดับความสำเร็จ
‘กระบวนการพัฒนาท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคค่อนข้างน่าเบื่อแต่มันง่ายดายมาก’
‘ทุกอย่างลื่นไหลไปตามธรรมชาติเหมือนน้ำที่ไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ’
ผู้อมตะทั่วไปต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากในการพัมนาหรือแก้ไขท่าไม้ตายอมตะ ตัวอย่างเช่นอสูรสายฟ้าของนิกายท่าเรือหมื่นมังกร เขาใช้เวลาหลายปีก่อนจะสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเทพสายฟ้า
‘เทพสายฟ้าของอสูรสายฟ้าถูกพัฒนาขึ้นจากท่าไม้ตายอมตะเทพโลหิตที่ไม่สมบูรณ์ มันเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งสายฟ้าและเส้นทางแห่งเลือด อสูรสายฟ้ามีระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งสายฟ้าที่เพียงพอ แต่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งเลือดของเขาอยู่ในระดับทั่วไป ดังนั้นเขาจึงต้องใช้เวลาและความพยายามหลายปีอย่างยากลำบาก’
‘มันคือผลของการขาดแคลนระดับความสำเร็จ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาช่วยได้มากในเรื่องนี้ ไห่ฟานเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ยอดเยี่ยม แต่ถึงกระนั้นเขาก็มีท่าไม้ตายอมตะจำนวนมากที่ยังไม่สมบูรณ์’
‘อย่างไรก็ตามเมื่อระดับความสำเร็จเพียงพอ การอนุมานก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป พวกเขาสามารถใช้สัญชาตญานและทำให้มันกลายเป็นเรื่องง่าย’
ฟางหยวนคิด
เขาใช้เวลาพัฒนาท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคเพียงไม่กี่วัน
แต่ผลลัพธ์ของมันกลับน่าตกใจมาก
แรกเริ่มฟางหยวนไม่ได้คิดมาก เขามีเพียงแนวคิดที่คลุมเครืออยู่ในใจเท่านั้น
ต่อมาเขาเลือกวิญญาณต่างๆตามสัญชาตญาณ
สัญชาตญาณ?
นี่เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการ
แต่มันเป็นเรื่องจริง เมื่อความสำเร็จบรรลุถึงระดับที่เพียงพอ ความเข้าใจของคนผู้หนึ่งต่อวิญญาณบนเส้นทางสายนั้นรวมถึงแนวคิดของพวกเขาจะเกิดขึ้นตามสัญชาตญาณ
สัญชาตญาณเหมือนพรสวรรค์ตามธรรมชาติที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด มันเป็นเรื่องง่ายและไม่ต้องพยายาม
เช่นเดียวกับการหายใจทางจมูกของมนุษย์
‘ระดับความสำเร็จคือความเข้าใจของผู้ยิ่งใหญ่’
‘การบรรลุระดับผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งโชคทำให้ข้าเกิดแรงบันดาลใจเกี่ยวกับเส้นทางแห่งโชค มันยากที่จะอธิบายเป็นคำพูด เมื่อข้าเพิ่มวิญญาณเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชค ข้าแทบไม่ต้องทดสอบแต่ข้าก็รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรและควรใช้วิญญาณดวงใดเพื่อสนับสนุนมัน’
‘ในทำนองเดียวกันความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาของข้าทำให้ข้าสามารถผสานวิญญาณอมตะคลี่คลายปริศนาเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคได้อย่างง่ายดาย’ ฟางหยวนสรุปและตระหนักถึงประโยชน์ของระดับความสำเร็จ
‘หากข้าสามารถยกระดับความสำเร็จในทุกเส้นทาง ในอนาคตข้าจะสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะที่น่าสะพรึงกลัวโดยผสานเส้นทางทั้งหมดเข้าด้วยกันหรือไม่?’
ความคิดของฟางหยวนล่องลอยออกไป
‘ในความเป็นจริงเทพปีศาจจิตวิญญาณบรรลุถึงระดับดังกล่าวแล้ว บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่เขาสามารถสร้างวิญญาณทารกอมตะ?’
การคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเหมือนการสร้างเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะ
เมื่อนึกถึงเทพปีศาจจิตวิญญาณ ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะมองไปยังทิศใต้
ฟางหยวนสามารถยืนยันด้วยท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคและรู้ว่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ยอยู่ที่ใด
แม้ฟางหยวนจะเต็มไปด้วยเจตนาสังหารแต่เขาตัดสินใจที่จะเตรียมการบางอย่างก่อนเริ่มโจมตี
กระทั่งฟางหยวนจะฟักไข่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเรียบร้อยแล้ว แต่ความแข็งแกร่งของมันยังอยู่ในระดับหกเท่านั้น
กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยเข้าใจว่าฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่ในความเป็นจริงฟางหยวนไม่สามารถใช้พลังอำนาจดังกล่าวเพื่อสังหารพวกเขา
ในการต่อสู้ครั้งก่อนที่ทะเลตะวันออก ฟางหยวนยังได้เห็นความแข็งแกร่งของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ
ตอนนี้เวลาได้ผ่านไประยะหนึ่งแล้ว ฟางหยวนไม่สามารถประเมินความแข็งแกร่งที่เพิ่มสูงขึ้นของพวกเขา
เพื่อความปลอดภัย ฟางหยวนต้องเตรียมตัวให้พร้อม
เขาต้องใช้โอกาสนี้เพื่อกำจัดภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่
ด้วยความสำเร็จที่เพิ่มสูงขึ้น ฟางหยวนเริ่มพัฒนาท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล
เขายังยืมวิญญาณอมตะบางดวงจากตระกูลวู
นี่เป็นประโยชน์ของการเข้าร่วมกับตระกูลวู
แตกต่างจากนิกายหลางหยาที่ต้องใช้แต้มผลงาน ตระกูลวูเป็นตระกูลของวูอี้ไห่ ขณะที่วูอี้ไห่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ใกล้ชิดกับวูหยง
ดังนั้นเมื่อฟางหยวนออกปากขอยืมวิญญาณอมตะจากคลังสมบัติของตระกูลวู วูหยงจึงไม่ปฏิเสธ
อันที่จริงวูหยงค่อนข้างพอใจกับผลงานล่าสุดของฟางหยวน
ประการแรก หลังจากฟางหยวนมาที่ค่ายกลวิญญาณ เขาทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับวูหยงและไม่ได้แทรกแซงการเมืองภายใต้ตระกูลวู นั่นทำให้วูหยงสามารถควบคุมตระกูลวูได้อย่างง่ายดาย
ประการที่สอง ฟางหยวนสามารถจัดการธุรกิจซื้อขายโอกาสได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาแสดงความสามารถทางการเมืองออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและป้องกันไม่ให้ตระกูลปาเข้าแทรกแซง เขาช่วยตระกูลวูควบคุมสถานการณ์และปกป้องดินแดนของพวกเขาภายในอาณาจักรแห่งความฝัน
นี่เป็นผลงานของฟางหยวน ดังนั้นวูหยงจึงอนุญาตให้ฟางหยวนยืมวิญญาณอมตะและกระทั่งลดค่าใช้จ่ายลงอีกด้วย
ฟางหยวนจ่ายทรัพยากรของทะเลตะวันออกจำนวนมากเพื่อยืมวิญญาณอมตะหลายดวง ตัวอย่างเช่นวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของมังกรบนเส้นทางความแข็งแกร่ง และวิญญาณอมตะเกล็ดมังกรบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง วิญญาณอมตะเหล่านี้ถูกเพิ่มเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนและท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบ สิ่งนี้ถือเป็นตัวช่วยชั้นยอดสำหรับฟางหยวน
…..
ถ้ำสวรรค์ไป่เซียง
ในค่ายกลวิญญาณ ไห่ลั่วหลัน ซื่อหนิว ไท่เป่ยหยุนเฉิง และอิงอู๋เซี่ยกำลังต่อต้านไป่หนิงปิง
พายุน้ำแข็งหมุนวนอยู่รอบๆผู้อมตะทั้งสี่
ด้วยความร่วมมือของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ แม้พวกเขาจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่พวกเขายังตั้งมั่นอยู่ได้
ทันใดนั้นร่างหนึ่งพลันปรากฎขึ้นด้านหน้าไท่เป่ยหยุนเฉิง
มันคือไป่หนิงปิง แต่มันมีเพียงร่างกายส่วนบนเท่านั้น สำหรับร่างกายส่วนล่างของนาง มันเหมือนกลุ่มหมอกควัน
ไป่หนิงปิงพุ่งเข้าโจมตีไท่เป่ยหยุนเฉิง
ไท่เป่ยหยุนเฉิงอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม ดังนั้นไป่หนิงปิงจึงเลือกที่จะโจมตีเขาเป็นคนแรก
ไท่เป่ยหยุนเฉิงเร่งล่าถอย
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้เขาได้เห็นพลังอำนาจของไป่หนิงปิงมาแล้ว หากไท่เป่ยหยุนเฉิงไม่ได้รับการปกป้องจากคนอื่นๆ เขาต้องตายอย่างแน่นอน
“ซื่อหนิว ไป!” เมื่อเห็นสถานการณ์ของไท่เป่ยหยุนเฉิง อิงอู๋เซี่ยเร่งออกคำสั่ง
แสงสีขาวส่องประกายขึ้นขณะที่ซื่อหนิวกับไท่เป่ยหยุนเฉิงสลับตำแหน่งกันอย่างกะทันหัน
ซื่อหนิวรับการโจมตีของไป่หนิงปิงโดยตรง
ไท่เป่ยหยุนเฉิงที่ย้ายไปอยู่ด้านหลังรีบใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเมฆารักษาอาการบาดเจ็บของซื่อหนิว
‘ไป่หนิงปิงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นางคุ้นเคยกับวิธีการของไป่เซียง นางเชี่ยวชาญในการควบคุมเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็ง หากสถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไป มันจะเลวร้ายมาก!’
‘บัดซบ!’
‘จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงมีวิธีหลอมรวมวิญญาณมนุษย์เปลี่ยนเป็นมังกร ไม่ใช่ว่าวิธีนี้ถูกกวาดล้างไปแล้วโดยราชันมังกรงั้นหรือ? เขาพลาดสิ่งนี้ไปได้อย่างไร?’
‘นอกจากนี้ระหว่างการต่อสู้ก่อนหน้า ข้ายังรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนของโชค ดูเหมือนฟางหยวนจะตรวจสอบพวกเราอีกครั้ง แม้ข้าจะซ่อนตัวอยู่ในมิติช่องว่าง เขาก็ยังค้นพบข้างั้นหรือ?’
อิงอู๋เซี่ยรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล
ไป่หนิงปิงหักหลังพวกเขาและแข็งแกร่งขึ้นทุกขณะ อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องตนเองเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหลบหนี
อีกด้านหนึ่งฟางหยวนรู้แล้วว่าพวกเขาอยู่ที่ใด
ในทางตรงข้ามอิงอู๋เซี่ยยังคิดว่าฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด หากเขามาที่นี่ กระทั่งถ้ำสวรรค์ไป่เซียงก็ไม่สามารถกีดขวางอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด
นั่นหมายความว่าฟางหยวนสามารถปรากฏตัวขึ้นได้ทุกเมื่อ อิงอู๋เซี่ยจะไม่แปลกใจหากฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นในลมหายใจต่อไป
“ไป่หนิงปิง หยุดการต่อสู้ พวกเราสามารถร่วมงานเพื่อผลประโยชน์!”
“เมื่อเจ้ากลายเป็นมนุษย์มังกร เจ้าย่อมมีคุณสมบัติที่จะรับสืบทอดคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังมังกร ตอนนี้เผ่ามนุษย์มังกรสูญพันธุ์ไปแล้ว คฤหาสน์วิญญาณอมตะวังมังกรถูกซ่อนไว้อย่างลับๆในทะเลตะวันออก นิกายเงาของข้ารู้ตำแหน่งคร่าวๆของมัน แต่มีเพียงมนุษย์มังกรเท่านั้นที่สามารถรับสืบทอดมันได้!”
“หากเจ้าร่วมงานกันเรา วังมังกรจะเป็นของเจ้า!”
อิงอู๋เซี่ยตะโกน
ไป่หนิงปิงไม่ตอบสนอง ค่ายกลวิญญาณยังโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง
อิงอู๋เซี่ยหยุดก่อนกรีดร้องอีกครั้ง “ไป่หนิงปิง มันจะสายเกินไปหากเจ้าไม่หยุด ศัตรูตัวฉกาจของเราทั้งคู่กำลังจะมา เขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด เขาใช้วิธีตรวจสอบและค้นพบตำแหน่งของพวกเราแล้ว!”
“ข้าไม่ได้โกหกเจ้า โชคของเราสั่นสะเทือนขึ้นก่อนหน้านี้ เจ้าต้องรับรู้ได้เช่นกันถูกต้องหรือไม่?”
ไป่หนิงปิงส่งเสียงออกมา “ข้าอยากให้เขามาที่นี่ ข้าอยากร่วมมือกับเขา แม้ข้าจะต้องทิ้งถ้ำสวรรค์ไป่เซียงก็ตาม”
อิงอู๋เซี่ยตะโกนด้วยความกังวล “เจ้ายังไม่รู้จักเขาอีกงั้นหรือ? เจ้ากำลังเล่นกับไฟ เจ้าจะถูกเผาจนกลายเป็นกองเถ้าถ่าน เดี๋ยว! เหตุใดเจ้าถึงต้องการร่วมมือกับเขา?”
ไป่หนิงปิงหัวเราะ “นี่เป็นเรื่องของข้า ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับเจ้า พวกเจ้าทั้งสี่ควรตายไปซะ!”
อิงอู๋เซี่ยเกิดแรงบันดาลใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการวิญญาณกงล้อหยินหยางที่อยู่ในมือของเขาถูกต้องหรือไม่? เจ้าใช้วิธีหลอมรวมวิญญาณมนุษย์เปลี่ยนเป็นมังกร แต่เจ้ากลับเปลี่ยนเป็นเทพธิดามังกร เจ้าต้องการกลับเป็นผู้ชาย แต่ข้ามีวิญญาณที่เจ้าต้องการ! มันอยู่กับข้า!”
“กระไรนะ!?” ไป่หนิงปิงรู้สึกประหลาดใจมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่การโจมตีของค่ายกลวิญญาณชะลอตัวลง
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1241 การเดินทางในสวรรค์สีดำ
แปลโดย iPAT
จ้าวเหลียนหยุนยืนอยู่ชั้นบนสุดของหอคอยวายุและกำลังมองออกไปด้านนอกเพียงเพื่อที่จะเห็นสวรรค์สีดำอันมืดมิด
แต่มันยังมีแสง
จุดแสงเล็กๆจำนวนมากปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของจ้าวเหลียนหยุน
สวรรค์สีดำมีขนาดใหญ่โตมาก มันมีพื้นที่เท่ากับห้าภูมิภาครวมกัน
“ในที่สุดเราก็ผ่านกำแพงสวรรค์และเข้าสู่สวรรค์สีดำ”
“นี่คือสวรรค์สีดำงั้นหรือ? มันดูเงียบสงบมาก”
ผู้อมตะที่อยู่รอบๆเริ่มสนทนา
มีผู้คนอยู่บนชั้นนี้มากกว่าจ้าวเหลียนหยุนและปู้เจิ้งซือ
“เราเข้าสู่สวรรค์สีดำแล้ว” เว่ยหลิงหยางถ่ายทอดเสียงไปยังผู้อมตะระดับแปดอีกสองคน
ตอนนี้คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังสลับตำแหน่งกันอีกครั้ง
ค่ายนักรบเป็นผู้นำโดยมีศาลานกขมิ้นและหอคอยวายุติดตามอยู่ด้านหลังตามลำดับ
ผู้อมตะระดับหกและเจ็ดไม่เคยเข้าสู่สวรรค์สีดำมาก่อน พวกเขาไม่รู้ถึงอันตราย แต่เว่ยหลิงหยาง นักรบหมื่นมังกร และไป่เฉินเทียนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน
สวรรค์ทั้งเก้าเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะระดับแปดเท่านั้นที่สามารถเข้าไปและสำรวจทรัพยากร
ผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นฟงจิวเก้อหรือชูตู๋อาจเข้ามาได้แต่ยังมีความเสี่ยงสูง
โดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใด กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังยังเคลื่อนที่ได้ช้าลงมาก
นอกจากนี้พวกมันยังไม่สว่างไสวเช่นก่อนหน้าแต่ดูเหมือนหินสีเทาที่ไร้ชีวิตชีวา
การสนทนาของกลุ่มผู้อมตะหยุดลงในที่สุด
หอคอยวายุตกอยู่ในความเงียบ
“ดูเหมือนเราจะโชคดีทีเดียว” ไป่เฉินเทียนกล่าว
“เราต้องระวังตัวตลอดเวลา” นักรบหมื่นมังกรยังระวังตัว
เว่ยหลิงหยางกล่าว “มีฝูงสัตว์อสูรอยู่ด้านหน้า!”
คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามเคลื่อนที่ช้าลง แม้จะมีผู้อมตะระดับแปดถึงสามคน แต่พวกเขายังต้องระวังตัว
เสียงดังเข้าหูจ้าวเหลียนหยุนในไม่ช้า
“พวกมันคือสิ่งใด?”
“พวกมันดูเหมือนหมูป่า!”
ผู้อมตะหลายคนยืนพิงหน้าต่างและมองออกไปด้านนอก
ในไม่ช้าผู้อมตะทั้งหมดก็อ้าปากค้าง
พวกเขาเห็นหมูป่าฝูงใหญ่อยู่ด้านหน้า หมูกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า? ผู้อมตะเกิดความรู้สึกที่แตกต่าง แต่ทั้งหมดล้วนตกตะลึง
“นี่คือหมูป่าเหินเวหา สวรรค์ ช่างมีมากมายนัก”
“หมูป่าเหล่านี้เป็นสัตว์อสูรบรรพกาลที่มีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ด มันหาได้ยากในห้าภูมิภาค แต่ที่นี่กลับมีพวกมันอยู่หลายร้อยตัว”
“โชคดีที่สัตว์อสูรมีสติปัญญาต่ำ พวกมันไม่ฉลาดเหมือนมนุษย์”
ผู้อมตะรู้สึกดีใจท่ามกลางความตกใจ
หมูป่าเหล่านี้ส่งเสียงดังขณะบินอยู่บนท้องฟ้า ภายใต้การจ้องมองของกลุ่มผู้อมตะ ราชาหมูป่าเหินเวหาที่มีร่างกายใหญ่โตที่สุดกระทืบเท้าของมันและพุ่งเข้าไปในกำแพงสวรรค์
หลังจากนั้นฝูงหมูป่าที่เหลือก็ติดตามราชาของพวกมันไปอย่างรวดเร็ว
พวกมันว่องไวเหมือนปลาที่บินอยู่บนท้องฟ้า
ในไม่ช้าฝูงหมูป่าก็หายไปจากมุมมองสายตาของทุกคน
ปู้เจิ้งซือที่ยืนอยู่ด้านข้างจ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจ “ธรรมชาติเป็นสิ่งมหัศจรรย์และน่าเหลือเชื่อ พวกเราเดินทางข้ามกำแพงสวรรค์อย่างยากลำบาก แต่หมูป่าเหล่านั้นกลับเคลื่อนไหวในกำแพงสวรรค์ได้ราวกับปลาในมหาสมุทร”
เสียงสายหนึ่งดังแทรกเข้ามา “แท้จริงแล้วผู้อมตะในอดีตตระหนักถึงสิ่งนี้มาก่อน พวกเขาใช้ร่างกายของหมูป่าเหินเวหาหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณเพื่อช่วยผู้อมตะในการเดินทางผ่านกำแพงสวรรค์”
ปู้เจิ้งซือและจ้าวเหลียนหยุนหันไปรอบๆเพื่อพบกับผู้อมตะหนุ่มที่ดูงดงามเหมือนผู้หญิงยืนอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ
ดวงตาของปู้เจิ้งซือส่องประกายขึ้น เขาจำคนผู้นี้ได้
ผู้อมตะหนุ่มป้องหมัดขึ้นทักทายด้วยรอยยิ้ม “ข้าคืออวี๋อี้เย่ซือจากนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล คารวะผู้อาวุโสปู้เจิ้งซือและผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณเทพธิดาจ้าว”
“อวี๋อี้เย่ซือ เจ้าอาจเป็นผู้อมตะระดับหก แต่ความสามารถของเจ้าสูงมาก ผู้อมตะระดับเจ็ดยังต้องไปหาเจ้าเพื่อขอให้เจ้าหลอมรวมวิญญาณหรือแก้ไขเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณ เจ้าเป็นผู้อมตะระดับหกบนจุดสูงสุดอย่างแท้จริง” ปู้เจิ้งซือกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชม แต่สิ่งสำคัญที่สุดเขากำลังบอกข้อมูลเหล่านี้แก่จ้าวเหลียนหยุน
จ้าวเหลียนหยุนไม่ค่อยรู้จักผู้อมตะภาคกลางมากนัก
“ท่านอวี๋อี้เย่ซือ” จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้าให้ผู้อมตะหนุ่มก่อนถาม “จากคำกล่าวของท่าน เหตุใดเราไม่ใช้วิญญาณอมตะเหล่านั้นเพื่อเดินทางข้ามกำแพงสวรรค์?”
อวี๋อี้เย่ซือหัวเราะ “นั่นเป็นเพราะยุคของพลังปราณและความแข็งแกร่งสิ้นสุดลงแล้ว ตอนนี้เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณเหล่านั้นสูญหายไปตามกาลเวลาและไม่มีวัสดุที่สามารถหลอมรวมพวกมัน นอกจากนั้นเพียงวิญญาณอมตะดวงเดียวจะทำให้ผู้คนสามารถเข้ามาสำรวจสวรรค์ทั้งเก้างั้นหรือ? เหตุใดจึงมีเพียงผู้อมตะระดับแปดที่สามารถเข้ามา?”
จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงของผู้อมตะบางคนที่อยู่ริมหน้าต่างดังขึ้นอีกครั้ง
จ้าวเหลียนหยุนหันกลับไปมองและเห็นก้อนเมฆสีดำขนาดใหญ่เคลื่อนผ่านคฤหาสน์วิญญาณอมตะ
“เมฆสีดำพบเห็นได้ทั่วไปในสวรรค์สีดำ แท้จริงแล้วในก้อนเมฆสีดำขนาดใหญ่ยังมีสัตว์อสูรหรือพืชอสูรที่น่ากลัวอาศัยอยู่” อวี๋อี้เย่ซืออธิบาย
กระทั่งเมฆสีดำขนาดเล็กเหล่านี้ยังใช้เวลาหลายนาทีก่อนที่มันจะเคลื่อนที่ผ่านคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังไป
อวี๋อี้เย่ซือมีความรู้ที่กว้างขวาง แม้แต่ผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นปู้เจิ้งซื่อยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน แต่อวี๋อี้เย่ซื่กลับต้องคำถามของจ้าวเหลียนหยุนได้เกือบทั้งหมด
ทั้งสองสนทนากันมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปบรรยากาศจึงเริ่มผ่อนคลายลง
หลังจากนั้นคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามยังพบกับเมฆสีดำอีกมากมายระหว่างทาง โดยปราศจากท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบที่ทรงพลัง คนผู้หนึ่งอาจบินเข้าไปหาพวกมันโดยไม่รู้ตัว
เมฆสีดำเหล่านี้เหมือนเกาะโดดเดี่ยวที่อยู่กลางมหาสมุทร
ผู้อมตะระดับแปดทั้งสามคนเฝ้ามองพวกมันอย่างใกล้ชิกและพยายามไม่นำคฤหาสน์วิญญาณอมตะของพวกเขาเข้าไปในเมฆสีดำเหล่านี้
กล่าวได้ว่าพวกเขาต้องใช้ทางอ้อมและใช้เวลาเดินทางมากขึ้น
อย่างไรก็ตามกระทั่งผู้คนจะต้องการหลีกเลี่ยงปัญหา แต่บางครั้งปัญหาก็เข้ามาหาพวกเขาด้วยตัวของมันเอง
เสียงดังขึ้นก่อนที่ฝูงอสรพิษสีดำจะบินออกมาจากเมฆสีดำและพุ่งเข้าโจมตีคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสาม
อสรพิษสีดำเหล่านี้ล้วนเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย ผู้นำฝูงของพวกมันเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล
“เป็นไปได้อย่างไร? พวกเราไม่ควรอยู่ในระยะการโจมตีของฝูงอสรพิษทมิฬเหล่านี้” เว่ยหลิงหยางรู้สึกประหลาดใจ
“สู้หรือถอย?” ไป่เฉินเทียนถาม
เว่ยหลิงหยางคิดก่อนกล่าว “ถอย เราควรหลีกเลี่ยงการต่อสู้เพื่อรักษาความแข็งแกร่ง”
“แต่การถอยกลับไม่ใช่เรื่องง่าย นี่คืออสรพิษทมิฬ” นักรบหมื่นมังกรถ่ายทอดเสียง
เมื่ออสรพิษทมิฬออกล่าเหยื่อ พวกมันจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามบินอย่างรวดเร็วแต่ฝูงอสรพิษทมิฬยังติดตามมาอย่างไม่ลดละ
ไม่เพียงเท่านั้นแต่จำนวนของพวกมันยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“อสรพิษมากมายนัก!”
“เมฆสีดำนั่นคือถ้ำอสรพิษ!”
“ข้าสงสัยว่าผู้อมตะระดับแปดทั้งสามจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”
“ในความคิดเห็นของข้า เราควรต่อสู้ เรามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะถึงสามหลัง!”
“ถูกต้อง อสรพิษทมิฬเหล่านี้มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพิษ นอกจากนั้นพวกมันยังเป็นวัสดุในการหลอมรวมที่สามารถใช้หลอมรวมวิญญาณอมตะสายรักษา”
กลุ่มผู้อมตะในคฤหาสน์วิญญาณอมตะพูดคุยและแสดงความคิดเห็น
แต่สามผู้อมตะระดับแปดยังคงหลบหนี พวกเขาไม่มีความคิดที่จะต่อสู้
พวกเขาบินต่อไปเช่นนี้
คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามพยายามถอยหลังแต่อสรพิษทมิฬอีกฝูงกลับปรากฏขึ้น นอกจากนี้ยังมีฝูงยุงหมีเพิ่มเข้ามาก
ยุงเหล่านี้มีร่างกายใหญ่โตเหมือนหมี พวกมันมีปากที่น่ากลัว แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือจำนวนของพวกมัน! พวกมันมีจำนวนมากกว่าฝูงอสรพิษทมิฬอย่างไม่สามารถเปรียบเทียบ
คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังถูกปิดล้อมโดยฝูงยุงหมีเอาไว้อย่างสมบูรณ์
ยุงหมีแต่ละตัวเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย
สัตว์อสูรเดียวดายหลายหมื่นตัว! หากพวกมันโจมตีพร้อมกันจะเกิดสิ่งใดขึ้น?
น่ากลัวมาก!
กลุ่มผู้อมตะภาคกลางถูกบังคับให้เข้าสู่การต่อสู้ แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาต้องหุบปากลงและตระหนักถึงอันตรายของสวรรค์สีดำ
โชคดีที่พวกเขามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังและได้รับการปกป้องจากผู้อมตะระดับแปด มิฉะนั้นพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือกระทั่งล้มตายเพราะการโจมตีของฝูงยุงหมีเหล่านี้
หลังจากบินต่อมาได้ระยะหนึ่ง พวกเขาเริ่มเห็นแสงดาวอยู่ด้านหน้า
เหนือเมฆสีดำมีทุ่งหญ้าสะเก็ดดาวพร้อมกับฝูงแมลงจำนวนนับไม่ถ้วน
คฤหาสน์วิญญาณอมตะหยุดลงเป็นครั้งแรก ผู้อมตะหลายคนถูกส่งออกไปเก็บเกี่ยวหญ้าสะเก็ดดาวและทรัพยากรอื่นๆ
“ทุกคนรู้สึกหรือไม่?” เว่ยหลิงหยางถ่ายทอดเสียง
“อืม การเดินทางในสวรรค์สีดำครั้งนี้ราบรื่นเป็นพิเศษ ข้าไม่เคยพบสถานการณ์เช่นนี้” ไป่เฉินเทียนถอนหายใจ
นักรบหมื่นมังกรกล่าวต่อ “บางทีสิ่งสำคัญที่สุดในการช่วยหม่าหงหยุนก็คือการดำรงอยู่ของจ้าวเหลียนหยุน มันส่งผลต่อโชคของพวกเรา เมฆเหล่านี้เคลื่อนไหวอย่างไร้รูปแบบ กระทั่งเจตจำนงสวรรค์ก็ไม่สามารถแทรกแซง ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับโชค”
เว่ยหลิงหยางพยักหน้า “ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น