ลำนำบุปผาพิษ 1233-1238
บทที่ 1233 แม่นางท่านนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร?
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว เธอออกมาหนึ่งชั่วยามกว่าแล้ว เธอยังต้องกลับไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง มิอาจรั้งรอที่นี่ได้อีก เมื่อเห็นข้ารับใช้เก็บไข่มุกที่เกลื่อนเต็มเวทีได้ครึ่งหนึ่ง เพียงพอที่เธอจะใช้แล้ว เธอเคลื่อนย้ายไปตรงหน้าของข้ารับใช้ผู้นั้น “ขอบใจมาก เอาให้ข้าแค่นี้ก็พอแล้ว ที่เหลือเหล่านั้นเป็นรางวัลของเจ้า”
เธอหยิบไข่มุกในมือเขามา เทลงในถุงเก็บของของตัวเองดังโครมคราม…
“แม่นาง ท่านไม่ร้องก็ได้ ข้าพอมีบุญวาสนาคบหาเจ้าเป็นเพื่อนได้หรือไม่?” หลานเฝ่ยไม่ยอมแพ้ เดินเข้ามาอีก
กู้ซีจิ่วเงยหน้า ยังไม่ทันได้พูดจาอันใด ห่างไปไม่ไกลมีเสียงพิณดัง ‘ตึง!’ สองที เสียงพิณประหนึ่งผ้าไหมฉีกขาด สั่นสะท้านความรู้สึกในจิตใจของทุกคน และยังมีเสียงก้องดังดุจน้ำไหลตามมากับเสียงพิณ “ไม่ได้!”
ฝูงชนเงยหน้ามองตามเสียง มองเห็นเสาธงพลิ้วไหวที่ห่างไปไม่ไกลมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่
อาภรณ์ขาวนวลสะบัดพลิ้วไปตามสายลม ในอ้อมกอดมีพิณคันหนึ่ง รูปร่างสูงสง่า สวมใส่หน้ากากบนใบหน้า คือตี้ฝูอีนั่นเอง
“คุณชายหวง!”
“โอ้ คุณชายหวง!”
“คุณชายหวงมาแล้ว!”
ฝูงชนแตกตื่นดังหม้อระเบิด ในพริบตาเดียวก็โหวกเหวกโวยวายกันขึ้น พรั่งพรูความปีติยินดีต่างๆ นานา ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่โค้งคำนับลงไป
เห็นได้ชัดว่าตี้ฝูอีเป็นที่นิยมชมชอบของคนที่นี่ อีกทั้งดูจากการวางท่าแล้วเค้าคงเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว อย่างน้อยที่สุดประชากรชาวเงือกมากมายขนาดนี้ต่างจำเขาได้ บูชาเขา หลานเฝ่ยก็ตกตะลึง ทักทายไปทางนั้น
กู้ซีจิ่วขบเม้มริมฝีกปากเล็กน้อย ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน
ตี้ฝูอีเคลื่อนไหวร่างกาย ร่อนลงตรงหน้าของกู้ซีจิ่ว เอื้อมมือไปดึงนาง “อยากมางานชุมนุมบุปผาไยไม่รอข้า?”
กู้ซีจิ่วถอยหลังไปหนึ่งก้าว หลีกหนีจากมือของเขา พูดอย่างเรียบเฉย “ท่านอยากมาจับข้ากลับไปขอโทษสหายของท่านอย่างเป็นทางการงั้นรึ? ความจริงแล้วท่านไม่จำเป็นต้องมา ข้าบอกแล้วว่าสองชั่วยามจะกลับไปก็คือสองชั่วยามกลับไป ไม่มีทางหลีกหนีอาญา”
นางถอยหลังไปอย่างเยือกเย็น มือของตี้ฝูอีคว้าได้เพียงความว่างเปล่า เขาตกใจเล็กน้อย นัยน์ตาฉายแววรู้สึกผิด “ซีจิ่ว เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ แต่เป็นพวกเขาที่ติดค้างคำขอโทษเจ้า”
กู้ซีจิ่วยิ้มมิเชิงยิ้ม “ว่าอย่างไรนะ?”
“แม่นางกู้ เรื่องนี้ไม่โทษเจ้า จิ้งอี๋นางก่อเรื่องก่อน ข้ารับใช้ก็เสียมารยาท ข้าต้องขออภัยแม่นางด้วย” หลานเหยากวงปรากฏกายกลางอากาศ ในพริบตาก็ร่อนลงมาที่เวที ประสานมือโค้งคำนับมาทางนาง
“ประมุขเงือกเสด็จแล้ว!”
“ถวายบังคมประมุขเงือก!”
ประชาชนที่เพิ่งลุกขึ้นยืนก็ยินดีปรีดากันขึ้นมาอีกครั้ง ต่างทยอยคารวะประมุขเงือก
ทว่าทุกคนยังคงงุนงงไม่น้อย สายตานับไม่ถ้วนร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่ว ที่มาที่ไปของแม่นางผู้นี้ต้องไม่ธรรมดา คุณชายหวงอยากจับมือพูดจากับนาง ประมุขเงือกก็ขออภัยต่อนาง…
ที่แท้แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
แม่นางท่านนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร?
หลานเหยากวงมองกู้ซีจิ่วด้วยสายตาจริงใจ “เพื่อแสดงความจริงใจ ข้าขอชดใช้ให้แม่นาง วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่นางซื้อในงานชุมนุมบุปผาให้ลงบัญชีข้าไว้ทั้งหมดได้เลย”
ใบหน้างดงามของกู้ซีจิ่วเผยให้เห็นลักยิ้มบางๆ “ไม่จำเป็นหรอก ฝ่าบาททำไปด้วยใจที่ต้องการปกป้องน้องสาว และไม่ได้เห็นเรื่องราวทั้งหมด ลงมือหยุดยั้งเพียงเล็กน้อยไม่นับว่าผิดอันใด ซีจิ่วไม่ใช่คนไร้เหตุผล ไม่ถือโทษโกรธฝ่าบาทอันใด ดังนั้นซีจิ่วไม่ต้องการการชดใช้ของฝ่าบาท”
หลานเหยากวงโล่งอกไปที แม่นางท่านนี้มีหลักการอันชอบธรรม เป็นแม่นางมีมารยาทท่านหนึ่ง!
เขาหัวเราะ “ฮ่าๆ ดีเหลือเกิน! แม่นางช่างใจกว้างอย่างที่คิดไว้มิผิด เพลงที่แม่นางร้องก็ไพเราะยิ่งนัก ข้าฟังแล้วยังหลงลืมตัวไป ผู้ที่โดดเด่นที่สุดในการแข่งขันร้องเพลงครั้งนี้ควรเป็นแม่นางกู้ ไข่มุกราตรีเม็ดนั้นของข้าเป็นของแม่นางแล้ว”
————————————————————————————-
บทที่ 1234
เมื่อสะบัดชายเสื้อ ไข่มุกราตรีเม็ดโตบนโต๊ะนั้นก็ลอยมาอยู่ตรงหน้ากู้ซีจิ่ว สะท้อนทั้งตัวเธอดังแสงพระพุทธสาดส่อง
กู้ซีจิ่วถอยหลังไปอีกก้าวหนึ่ง พูดอย่างเรียบเฉย “ซีจิ่วร้องเป็นอย่างไรในใจย่อมรู้ดี ร้องได้ดีก็จริง แต่ยังเทียบไม่ได้กับองค์ชายหลายเฝ่ยผู้นี้ ไข่มุกนี้ควรจะเป็นสมบัติของเขามากกว่า”
กู้ซีจิ่วก็เป็นผู้เชี่ยวชาญการร้องเพลง ย่อมเข้าใจดี
ที่เธอร้องเพลงจนได้รับความนิยมขนาดนี้ ก็เป็นเพราะเพลงที่ร้องค่อนข้างแปลกใหม่ ท่วงทำนองก็ดี แต่หากมองจากศิลปะการร้องเพลงจริงๆ เธอยังเป็นรององค์ชายหลานเฝ่ยท่านนั้น สิ่งนี้ไม่ใช่ของของเธอ เธอไม่อยากได้
ด้านล่างปรบมือเสียงดังขึ้นมา
สายตาที่ประชาชนด้านล่างมองมาที่กู้ซีจิ่วมีความนับถือเลื่อมใสที่แท้จริง
แม่นางท่านนี้ไม่เพียงแต่ร้องเพลงได้ดี แท้จริงยังใจคอกว้างขวาง ตรงไปตรงมา!
สายตาที่หลานเหยากวงมองกู้ซีจิ่วค่อนข้างซับซ้อน “แม่นางกู้…” ขณะที่กำลังจะพูดบางสิ่ง กู้ซีจิ่วก็เอ่ยปากตัดบทเขา “ฝ่าบาท ในเมื่อเรื่องราวเป็นมาอย่างไรก็ตรวจสอบกระจ่างแจ้งแล้ว เช่นนั้นซีจิ่วก็เป็นอิสระแล้วกระมัง?”
“แน่นอน! ข้าไม่เคยคิดจำกัดอิสรภาพแม่นางตั้งแต่แรกแล้ว…”
กู้ซีจิ่วยกริมฝีปาก “เช่นนั้นก็ดี ฝ่าบาท ซีจิ่วมีเรื่องที่จะขอร้องท่าน”
“แม่นางกู้ เชิญบอกมาได้เลย”
“อีกประเดี๋ยว ขอฝ่าบาทโปรดจัดหาคนส่งซีจิ่วออกไป”
หลานเหยากวงตะลึงงัน อดไม่ได้มองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง ตี้ฝูอีมองลึกเข้าไปในดวงตาของกู้ซีจิ่ว แต่กู้ซีจิ่วไม่ได้มองทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสักนิดตั้งแต่ต้นจนจบ
หลานเหยากวงกระแอมหนึ่งครา “เหตุใดแม่นางจึงรีบร้อนจะออกไป? ยากนักที่จะได้มาที่นี่สักครั้งหนึ่ง ข้ายังไม่ได้จัดสำรับต้อนรับดีๆ สักหน่อย อีกทั้งอาณาจักรเงือกนี้ไม่เหมือนบนบก ที่กินที่เที่ยวมากมาย แม่นางควรไปเดินเล่นให้มากหน่อย อยู่ให้นานอีกนิด ให้ข้าได้ต้อนรับขับสู้ให้สมกับเป็นเจ้าบ้าน”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ขอบพระทัยฝ่าบาท แต่ซีจิ่วยังมีธุระอื่นต้องไปสะสาง ไม่ขออยู่นาน” เธอไม่อยากตอบโต้กับอีกฝ่ายอีก “ฝ่าบาท ครึ่งชั่วยามหลังจากนี้ ซีจิ่วจะไปรอคนของท่านที่หน้าประตูวังเงือก ข้าทูลลา!” เมื่อหันกายก็เคลื่อนย้ายหายไปในทันที
หลานเหยากวงพูดจาอันใดมิออก
ฝูงชนต่างแน่นิ่ง
หลานเหยากวงมองไปที่ตี้ฝูอี ดวงตาฉายแววเห็นอกเห็นใจ “พี่หวง…”
ตี้ฝูอีกล่าว “ไปเตรียมการตามที่นางบอก” แล้วหายตัวไปในทันใด
……
กู้ซีจิ่วเคลื่อนย้ายมาถนนสายที่ขายสมุนไพรนั้น จับจ่ายสมุนไพรที่ตัวเองต้องการนั้นอย่างรวดเร็ว และใส่เข้าไปในถุงเก็บของ
ผู้คนที่เดินไปมาบนถนนสายนี้ส่วนมากเป็นประเภทหมอโอสถ และคนประเภทนี้ส่วนมากไม่ชอบสถานที่พลุกพล่าน ดังนั้น เรื่องที่กู้ซีจิ่วโดดเด่นออกหน้าออกตาตรงนั้น คนที่ถนนสายนี้ไม่มีผู้ใดรู้
ชาวเงือกโดยทั่วไปหน้าตาสะสวย หญิงสวยชายงามตามท้องถนนมากมายยิ่งนัก ดังนั้นกู้ซีจิ่วใช้รูปโฉมเดิมเดินอยู่ในที่แห่งนี้ก็ไม่ค่อยสะดุดตา และไม่มีทางถูกรุมมอง
เธอได้ไข่มุกมาไม่น้อย หลังจากที่เธอซื้อสมุนไพรที่อยากได้แล้ว ยังมีเหลืออีกมากนัก เธอจึงวางแผนเดินเตร็ดเตร่ตามใจชอบ พบเจอสิ่งใดเหมาะสมถูกใจก็ซื้อขึ้นมา
สิ่งของของชาวเงือกมากมายนักที่หาไม่ได้บนบก อีกทั้งยังล้ำค่าเหนือธรรมดา กู้ซีจิ่วคิดจะซื้อของขวัญเล็กๆ น้อยๆ กลับไปฝากพวกเพื่อนๆ อีกด้วย
เธอเดินมาถึงถนนสายเครื่องประดับ
จากนั้นเธอจึงพบว่าตัวเองเป็นยาจก เงินเล็กน้อยที่เธอได้มานั้นยังซื้อกำไลคริสตัลสักวงไม่ได้เลย
ดูเหมือนว่าของใช้ประจำวันที่นี่ราคาถูกหน่อย สิ่งของอย่างอื่นราคาแพงยิ่งนัก เธอลูบกระเป๋าตัวเองดู ไข่มุกด้านในเหลือไม่ถึงหนึ่งพันเม็ด
ช่างเถอะ กลับไปซื้อสมุนไพรสำรองไว้ดีกว่า!
เธอวางกำไลคริสตัลที่มีมูลค่าเทียบเท่าไข่มุกสองพันเม็ดในมือลง เมื่อหันกายก็เกือบไปชนเข้ากับอ้อมกอดของคนผู้หนึ่ง!
————————————————————————————-
บทที่ 1235 พวกเราไปคุยกันที่อื่นดีหรือไม่?
เธอเบี่ยงไปสองก้าว หลบเลี่ยงการประคองของคนผู้นั้น มองคนผู้นั้นแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร หันหลังหมายจะจากไป ทว่าถูกคนผู้นั้นจับข้อมือไว้
คนผู้นั้นย่อมเป็นตี้ฝูอี เขายิ้มน้อยๆ มองดูเธอ “ชอบกำไลวงนี้หรือ?”
แล้วมองวัสดุของกำไลวงนั้นอย่างจริงจังแวบหนึ่ง “วัสดุของกำไลวงนี้ธรรมดาทั่วไป ไม่คู่ควรกับเจ้า ข้าเล็งไว้แล้วชิ้น ดูดียิ่งนัก น่ามองกว่าหยกนภาอันนั้นของเจ้าเสียอีก ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปดู” ไม่พูดทำเพลงอันใดจูงเธอออกเดินทันที
ฝ่าเท้ากู้ซีจิ่วเหมือนงอกรากออกมา ไม่ขยับเขยื้อนเลย “ท่านปล่อยมือนะ ข้าไม่ชอบกำไลอะไรนั่นที่ดูดีกว่าหยกนภาหรอก!”
หยกนภาก็คือหยกนภา เป็นเพื่อนของเธอ ไม่ใช่สิ่งที่กำไลใดจะมาแทนที่ได้!
กู้ซีจิ่วดิ้นรนอยู่สองครั้ง เนื่องจากเขากุมไว้แน่นเกินไป เธอเลยดิ้นไม่หลุด
เธอมุ่นคิ้วนิดๆ ขณะที่กำลังจะใช้วิชายุทธ์อย่างหนึ่งปลีกตัวออกมา ตี้ฝูอีพลันออกแรงอีกครั้ง ดึงเธอเข้าสู้อ้อมแขนตนเสียเลย ครานี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่โอนอ่อนลงไม่น้อย “ข้าขอโทษ! ไม่โกรธแล้วดีไหม?”
กู้ซีจิ่วไม่อยากอิรุงตุงนังกับเขาบนถนนใหญ่ “ท่านปล่อยมือก่อน”
“ปล่อยมือเดี๋ยวเจ้าก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายหนีไปอีก” ตี้ฝูอีถอนหายใจ “ซีจิ่ว เจ้าฟังข้าอธิบายหน่อยดีไหม?”
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง โชคดีว่าเธอไม่ใช่ประเภทที่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า ‘ข้าไม่ฟังๆ’ ลูกเดียว และเอ่ยออกมาสุขุมยิ่งนักปะโยคหนึ่ง “ท่านปล่อยมือเถอะ ท่านสบายใจได้ ข้าไม่ใช้วิเคลื่อนย้ายหีไปอีกแล้ว ข้าจะฟังท่านอธิบาย!”
ตี้ฝูอีก็ไม่กล้าโต้แย้งแล้ว ท้ายที่สุดจึงปล่อยเธอ ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ที่นี่มิใช่สถานที่เหมาะสำหรับพูดคุย พวกเราไปคุยกันที่อื่นดีหรือไม่?”
….
สถานที่ที่ตี้ฝูอีหามาคือโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง
ในโรงน้ำชามีคนดื่มชาอยู่ไม่มาก สภาพแวดล้อมก็สงบเงียบยิ่งนัก เหมาะสำหรับพูดคุยกันเงียบๆ พอดี
ตี้ฝูอีชงชาให้เธอด้วยตัวเอง การเคลื่อนไหวสง่างามดั่งสายธารไหลริน
กู้ซีจิ่วเล่นถ้วยชาใบหนึ่งอยู่ในมือ ไม่ได้เอ่ยปากขึ้นก่อน
ตี้ฝูอีรินชาให้เธอถ้วยหนึ่ง “ลองชิมชาที่ชงจากน้ำทะเลนี่ดูสิ”
ดื่มชาที่ชงจากน้ำทะเลได้ด้วยหรือ? ไม่เค็มตายหรือไง?
กู้ซีจิ่วมองชาถ้วยนั้นเงียบๆ ไม่มีทีท่าว่าจะดื่มเข้าไป
ตี้ฝูอีนั่งลงตรงข้ามเธอ “หลานจิ้งอี๋มีโรคประหลาด ไม่อาจบาดเจ็บจากคมศาสตราวุธ ยิ่งไม่อาจถูกขอดเกล็ดได้ มิเช่นนั้นนางจะตายภายในหนึ่งเค่อ การตายของชาวเงือกตามปกติแล้วไม่อาจกลับชาติมาเกิดใหม่ได้ ไร้ซึ่งดวงวิญญาณ การตายเป็นการสิ้นชีพอย่างแท้จริง…”
กู้ซีจิ่วตะลึง มิน่าล่ะเธอแค่กรีดคอของอีกฝ่าย ขอดเกร็ดออกมาสองแผ่นเท่านั้น สองคนนี้ก็ทำราวกับเผชิญสัตรูตัวฉกาจ ลงมือกับเธอทันที…
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ “ข้าไม่มีเจตนาจะสังหารนาง มิเช่นนั้นหัวนางคงหลุดไปนานแล้ว! การกระทำของประมุขเงือกข้าเข้าใจ เขาร้อนใจอยากช่วยเหลือน้องสาว ลงมือกับข้าก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ ข้าไม่โทษเขา แต่ว่าท่าน…”
สายตาของเธอร่อนลงบนใบหน้าตี้ฝูอี ความน้อยเนื้อต่ำใจที่สะกดกลั่นไว้ในส่วนลึกของจิตใจเอ่อล้นออกมา เบ้าตาร้อนผ่าวอยู่บ้าง แต่สุ้มเสียงยังคงสงบยิ่งนักเช่นเดิม “ท่านไม่พูดอะไรเลยก็ลงมือกับข้าแล้ว ข้าปวดใจนัก” เขาน่าจะรู้นิสัยเธอ รู้ว่าเธอไม่ใช่คนบุ่มบ่ามมุทะลุ
ถึงแม้เขาจะแค่ทำลายอาวุธของเธอ แต่ก็ซัดถูกมือเธอด้วย ตอนนั้นง่ามนิ้วเธอเกือบจะฉีกแล้ว ความรู้สึกปวดชานั้นจวบจนยามที่เธอร้องเพลงเมื่อครู่ก็ยังไม่เลือนหายไปทั้งหมด ราวกับทำให้เกิดแผลเป็นบางๆ สายหนึ่งขึ้นบนหัวใจเธอด้วย…
มีความขมขื่นผุดพรายออกมาจากในแผลเป็นนั้นด้วย ความขมขื่นนี้ทำให้เธอไม่อยากเจอเขาไปชั่วขณะ
นัยน์ตาตี้ฝูอีฉายแววลุแก่โทษ “ขอโทษด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า ทำร้ายมือเจ้าเข้าหรือ?”
พลางยื่นมือไปจับข้อมือขวาของเธอ คิดจะดูมือเธอ
————————————————————————————-
บทที่ 1236 ข้ารู้สึกว่าไม่มีอะไรที่ข้าอยากซื้อเลย
กู้ซีจิ่วไม่ยอมให้เขาดู “ไม่ได้ทำร้าย เพียงซัดกระบี่สั้นเล่มนั้นแตกหักไปแล้ว”
สุ้มเสียงเธอสบายๆ ยิ่งนัก ตี้ฝูอีถอนหายใจอย่างโล่งอก “กระบี่สั้นเล่มนั้นไม่นับว่าเป็นของดีอะไร กลับไปข้าจะตีให้เจ้าด้วยตัวเองเล่มหนึ่ง ดีกว่ากระบี่เล่มนั้นร้อยเท่าแน่นอน!”
กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไร
อันที่จริงบางครั้งกระบี่จะดีหรือจะแย่ล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือความหมายของมันต่างหาก
กู้ซีจิ่วปราดเปรื่องเสมอมา เธอพอจะฝืนเข้าใจได้ว่าในสภานการณ์เช่นนั้น ตี้ฝูอีร้อนรนไปชั่วขณะ เธอจึงไม่คิดจะสงสัยอะไรเขามากมาย
ถึงแม้เขากับเธอยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ก็ยากเย็นนัก เขาชอบตนมากแค่ไหน กู้ซีจิ่วยังคงกระจ่างแจ้งยิ่งนัก เพียงแต่เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ ทว่าหัวใจกลับมีถุงความขมขื่นใบหนึ่งโป่งพองขึ้นมา…
เพียงแต่เมื่อเทียบกับถุงความขมขื่นใบนี้แล้ว เธอใส่ใจอีกเรื่องหนึ่งมากกว่า
“ท่านเคยเป็นพี่เขยขององค์หญิงผู้นั้นหรือ?”
มือของตี้ฝูอีชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็มองเธอ “เจ้าใส่ใจเรื่องนี้หรือ?”
นี่ไม่ใช่คำพูดเหลวไหลสินะ!
กู้ซีจิ่วกล่าวอย่างตรงไปตรงมานัก “หากว่ามีคนผู้หนึ่งโผล่มาจากไหนไม่รู้ ไม่รู้จักมักจี่กับท่าน แต่กลับเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ ท่านจะใส่ใจไหมล่ะ?”
ตี้ฝูอีพูดไม่ออกเลย
เขาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง “เรื่องนี้…ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด ข้าไม่ได้กลายเป็นพี่เขยของนางอย่างเป็นทางการ ข้ากับพี่สาวนางไม่ได้แต่งกัน…นั่นเป็นเพียงอุบัติเหตุอย่างหนึ่งเมื่อหลายพันปีก่อน”
“อุบัติเหตุ?” กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว
เห็นได้ชัดว่าตี้ฝูอีมีความลำบากใจ ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ซีจิ่ว เรื่องนั้นข้าเคยรับปากผู้อื่นไว้ ว่าจะไม่เอ่ยถึงอีก อีกทั้งพี่สาวของนางก็เสียไปหลายพันปีแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องหึงหวงเรื่องนางหรอก”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
เธอไม่พูดไม่จา ตี้ฝูอีทาบมือบนมือเธอ “เอาล่ะ เด็กน้อย งานชุมนุมบุปผาของชาวเงือกที่นี่หนึ่งปีถึงจะจัดขึ้นครั้งหนึ่ง ที่นี่มีของดีมากมาย ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเราจะได้มาเที่ยวสักรอบ จะพลาดไม่ได้นะ!”
ไม่พูดพร่ำทำเพลงอันใดดึงเธอให้ลุกขึ้น “เดิมทีครานี้ข้าคิดจะพาเจ้ามาซื้อของบางอย่าง”
กู้ซีจิ่วค่อนข้างหมดความสนใจแล้ว “ข้ารู้สึกว่าไม่มีอะไรที่ข้าอยากซื้อเลย”
ตี้ฝูอีมองเธออย่างยิ้มมิเชิงยิ้ม “ของที่ข้าจะซื้อคือข้าวของบางส่วนในงานวิวาห์ แบบนี้ยังไม่อยากซื้ออยู่หรือเปล่า?”
กู้ซีจิ่วใจเต้นทันที
งานวิวาห์?
เร็วขนาดนี้เชียว?!
เธอเอ่ยประโยคหนึ่งออกไปตามสัญชาตญาณ “ข้าไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะแต่งให้ท่าน…” พวกเขาถึงขั้นที่ยังไม่ได้หมั้นหมายกันอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ!
ตี้ฝูอีพลันออกแรง ดึงเธอเข้าสู้อ้อมอก ไม่พูดไม่จาอะไรจูบลงไปทันที!
จูบจนหัวใจเธอเต้นกระหน่ำ ยามที่สมองวิงเวียนมึนงง เขาจึงเอ่ยออกมาเนิบๆ ประโยคหนึ่ง “ลองพูดว่าเจ้าจะไม่แต่งให้ข้าดูอีกทีสิ?!”
กลิ่นอายของเขาโอบคลุมเธอไว้ จุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ทำให้สมองเธอลัดวงจรไปชั่วขณะ ดังนั้นเธอจึงเอ่ยออกมาอย่างไม่กลัวตายอีกครั้ง “ก็ข้าไม่อยากแต่งให้ท่านนี่…”
ประโยคที่กล่าวออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำนี้กล่าวยังไม่จบ ตี้ฝูอีก็วางเธอลงทันที
เธอตกใจไปครู่หนึ่ง นึกว่าจะล้มลงบนพื้นหินอ่อนที่เย็นเฉียบเสียแล้ว คาดไม่ถึงว่ายามที่เอนกายลงไปกลับพบว่าใต่ร่างมีเบาะอ่อนนุ่มปานก้อนเมฆอยู่
ตี้ฝูอีทับลงบนร่างเธอ มือข้างหนึ่งกุมมือทั้งสองของเธอไว้ กดไว้เหนือศีรษะเธอ ส่วนมืออีกข้างก็แกะสาบเสื้อออก รอยยิ้มตรงมุมปากค่อนข้างชั่วร้าย “เด็กน้อย เจ้ากำลังท้าทายขีดจำกัดของข้า…”
เขางับมุมปากของเธอเบาๆ พ่นลมหายใจร้อนผ่าว แววตาอันตราย “เด็กน้อย เจ้าอยากให้ข้าครอบครองเจ้าที่นี่งั้นหรือ?”
พละกำลังของชายหญิงเดิมทีก็ต่างกันอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับกู้ซีจิ่วที่พลังวิญญาณก็สู้เขาไม่ได้ เมื่อเขาควบคุมเธอไว้ต้ร่างได้เบ็ดเสร็จแล้ว เธอก็ผลักเขาออกไปไม่ได้ เว้นแต่ว่าเธอจะใช้วิธีลอบโจมตีเขา
————————————————————————————
บทที่ 1237 วิธีขอแต่งงานเช่นนี้ของเขาช่างพิลึกโดยแท้!
แต่เธอก็ไม่อยากใช้ทักษะต้านหมาป่าโจมตีเขา
ทั้งสองคนอยู่ในท่าทาบทับกันอย่างสมบูรณ์แล้ว กู้ซีจิ่วถึงขั้นที่สัมผัสได้ว่าร่างกายของเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างแท้จริงแล้ว ส่วนนั้นของเขาอยู่ตรงหว่างขาเธอพอดี…
ความร้อนนั้นแทบจะเผาผลาญเลือดลมของทั้งสองฝ่าย
ใบหน้าของกู้ซีจิ่วแดงก่ำไปหมดแล้ว หอบหายใจเล็กน้อย เธอไม่ได้รังเกียจที่จะมีความสัมพันธ์กับเขา แต่ว่าในสถานที่เช่นนี้…
ที่นี่เป็นโรงน้ำชานะ!
ถึงแม้จะเป็นห้องส่วนตัว แต่ห้องส่วนตัวนี้ก็ไม่เก็บเสียง ถึงขั้นที่เธอสามารถได้ยินเสียงกระซิบของแขกคนอื่นที่อยู่ห้องข้างๆ ได้
“ท่านลุกขึ้นนะ…” ลมหายใจของเธอไม่มั่นคง
“เช่นนั้นเจ้าต้องตกลงแต่งให้ข้า!” ตี้ฝูอีไม่ปล่อยมือและไม่ลุกขึ้น
กู้ซีจิ่วยอมแพ้แล้ว “ได้ ข้าแต่ง ข้าแต่ง…” พลางกัดฟันอีกครา “นี่ ท่านลุกสิ ที่นี่เป็นโรงน้ำชานะ ท่านคิดจะเล่นหนังสดให้ผู้คนที่นี่ยลยินหรือ?”
พูดยังไม่จบดี จู่ๆ ก็รู้สึกว่าบนนิ้วเย็นวาบ มีบางสิ่งสวมเข้ามา
กู้ซีจิ่วก้มมองทันที พบว่าบนนิ้วมีแหวนเพิ่มเข้ามาวงหนึ่ง ซ้ำยังเป็นแหวนเลี่ยมทับทิมอีกด้วย
เดิมทีทับทิมก็หายากอยู่แล้ว และที่รูปร่างงดงามสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ความบริสุทธิ์สูงถึงเพียงนี้ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่
ทับทิมเม็ดนั้นเป็นรูปหัวใจ เจียหน้าตัดนับไม่ถ้วน ส่องสะท้อนแสงเทียน ปานแสงตะวันที่ล้ออยู่บนผิวทะเลสาบ สวยสดตระการตา งดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ
หัวใจของกู้ซีจิ่วเต้นผิดจังหวะไปแวบหนึ่ง มองดูแหวนจากนั้นก็มองดูเขา “”สิ่งนี้ของท่านคือ?
“เจ้าเคยบอกไว้มิใช่หรือ ว่าชายหญิงในยุคนั้นของพวกเจ้าเมื่อตกลงปลงใจกันจะมอบแหวนให้ หากว่าฝ่ายหญิงตกลงก็จะรับแหวนไว้ใช่ไหม?” ตี้ฝูอีกุมมือเธอไว้ “ขนาดพอเหมาะ คู่ควรกับเจ้าที่สุด เจ้าไม่ได้ถอดออกมา นั่นเป็นหลักฐานว่าเจ้าตอบรับคำขอแต่งงานของข้าใช่ไหม?”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
วิธีขอแต่งงานเช่นนี้ของเขาช่างพิลึกโดยแท้!
ราวกับการมัดมือชก กู้ซีจิ่วขบขันยิ่งนัก หัวใจก็อบอุ่นขึ้นมา
นิ้วมือเธอกำๆ แบๆ อยู่ครู่หนึ่ง มองแหวนวงนั้น จากนั้นก็เอ่ยถามเขา “คงมิใช่ว่าแหวนวงนี้ก็ถอดออกไม่ได้เหมือนกำไลคู่บุพเพกระมัง?”
“แน่นอนว่ามิใช่ เจ้าสามารถถอดมันออกได้ทุกเมื่อ” ตี้ฝูอีดึงเธอให้ลุกขึ้น แล้วให้นั่งอยู่ในอ้อมแขน “แหวนวงนี้มีคุณสมบัติอยู่อย่างหนึ่ง คือขับไล่มารปีศาจได้ ถ้ามีมารเข้าใกล้เจ้าในระยะหนึ่งจั้ง แหวนวงนี้จะส่งสัญญาณเตือนด้วยตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้นถ้าเจ้าสู้ได้ก็สู้ สู้ไม่ได้หนีเสีย ปลอดภัยยิ่งนัก สิ่งนี้มีประโยชน์กว่ากำไลคู่บุพเพมาก”
….
บางทีอาจเป็นเพราะต้องการชดใช้ความอยุติธรรมที่เธอได้รับในงานชุมนุมบุปผาตี้ฝูอีจึงซื้อของให้เธอมากมาย
ของทุกชิ้นล้วนเป็นของล้ำค่า ถึงขั้นที่หลายชิ้นสามารถใช้คำว่ามีค่าควรเมืองมาบรรยายได้
ยกตัวอย่างเช่น สร้อยข้อมือสีรุ้งทอแสงเจ็ดสี สีสันลวดลายงดงามกว่าหยกนภาจริงๆ
ยังมีกำไลพลอยสีฟ้าอีก มองเผินๆ แล้วดูคล้ายกับกำไลคู่บุพเพวงนั้นยิ่งนัก น้ำงามกว่ากำไลคู่บุพเพวงนั้นด้วย ยามที่สวมไว้บนข้อมือ ราบกับมีธารสมุทรสายหนึ่งโอบล้ออยู่ ที่พบเห็นได้ยากกว่านั้นคือ หน้าหนาวมันจะอุ่นหน้าร้อนมันจะเย็น ซ้ำยังมีสรรพคุณช่วยเพิ่มพูนพลังวิญาณ กล่าวกันว่าถ้าสวมมันขณะฝึกฝน ประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นจากยามปกติเป็นเท่าตัว
ตี้ฝูอียังต้องตากระบี่สั้นเล่มหนึ่งด้วย กระบี่สั้นราวกับหิมะ กวัดแกว่งเล็กน้อย แสงกระบี่สีขาวพิสุทธิ์ก็จะวาบออกมา ผ่าหินผาที่อยู่ตรงหน้าเป็นสองซีกได้ เรียบเนียนประหนึ่งผ่าเต้าหู้
กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ มิน่าเล่าผู้คนถึงกล่าวกันว่า ใต้หล้านี้ผู้ที่มั่งคั่งที่สุดก็คือเจ้าสมุทร ยุคปัจจุบันเธอไม่เคยเห็นเจ้าสมุทรมาก่อน แต่ใต้มหาสมุทรลึกแห่งนี้อาณาจักรเงือกมั่งคั่งที่สุดแล้วจริงๆ ของล้ำค่าหายากมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว
ไม่เพียงแต่ดูดีเท่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนมีคุณสมบัติเช่นนั้นบ้างเช่นนี้บ้าง มีส่วนช่วยในการฝึกฝนพลังวิญญาณเป็นอย่างมาก คุณสมบัติทรงอานุภาพ
แน่นอน ของดีล้วนมีราคาแพงยิ่งนัก ทุกชิ้นราคาสูงลิบลิ่วทั้งนั้น
————————————————————————————-
บทที่ 1238 ตอนนี้ข้าอ่อนแออยู่ เจ้าเบามือหน่อยสิ
แน่นอน ของดีล้วนมีราคาแพงยิ่งนัก ทุกชิ้นราคาสูงลิบลิ่วทั้งนั้น โชคดีที่ตี้ฝูอีเป็นเศรษฐีมือเติบ ไม่ว่าข้าวของแพงลิ่วสักเพียงใด เขาล้วนซื้อได้โดยไม่กะพริบตา ทำให้กู้ซีจิ่วรู้สึกหลอนเสมือนมีเสี่ยใหญ่เลี้ยงดูเป็นครั้งแรก
เห็นได้ชัดว่าตี้ฝูอีคุ้นเคยกับที่นี่ยิ่งนัก พาเธอลัดเลาะผ่านถนนเส้นแล้วเส้นเล่า อยากซื้ออะไรก็ตรงไปยังร้านค้าที่เกี่ยวข้องเลย ไม่เคยไปผิดถนนเลยสักครั้ง
กู้ซีจิ่วก็ลัดเลาะไปตามเขา เกิดเป็นฉากที่สามีภรรยาชาวมนุษย์มาจับจ่ายซื้อของในพิธีวิวาห์ด้วยกัน
และตี้ฝูอีก็มาซื้อของของสำหรับใช้ในพิธีวิวาห์จริงๆ ในนั้นรวมไปถึงเตีงใหญ่ที่งดงามอย่างยิ่งหลังหนึ่งกับชุดเครื่องนอนที่อ่อนนุ่ม…
ยามที่เขาจับจ่ายข้าวของเหล่านี้ได้สอบถามความเห็นของเธอด้วย อย่างเช่นสีสัน วัสดุอะไรทำนองนั้นปรึกษาหารือกับเธอเป็นครั้งคราว
กู้ซีจิ่วมีความรู้สึกเหมือนฝันอยู่
เธอคิดว่าการได้แต่งกับคนเช่นตี้ฝูอี เรื่องการจับจ่ายซื้อหาล้วนจะสั่งให้ลูกน้องไปจัดการเมื่อถึงเวลาเขาแค่ออกหน้ารับรองก็พอ นึกไม่ถึงว่าเขาจะจัดการด้วยตัวเองเช่นนี้
เธอเอ่ยถามเขาอย่างหยอกล้อประโยคหนึ่ง “ลูกน้องของท่านหยุดงานประท้วงหรือไง? จับจ่ายซื้อของก็ต้องให้ท่านลงมือด้วยตัวเอง…”
ตี้ฝูอีเอ่ยตอบ “เป็นการแต่งงานเพียงครั้งเดียวของข้า การจับจ่ายซื้อหาด้วยตัวเองค่อนข้างมีคุณค่ากว่า ของใช้ส่วนตัวของพวกเราข้าไม่อยากให้ผ่านมือผู้ใด”
ยามที่เขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา ทั้งสองกำลังยืนอยู่ในร้านเครื่องเรือนดูเตียงหลังใหญ่อยู่
และที่นี่เอง ทั้งสองเกิดข้อพิพาทกันอย่างที่พบเห็นได้ยาก
กู้ซีจิ่วต้องตาเตียงคลื่นสมุทรหลังหนึ่ง ยามที่นอนลงไปเสมือนได้นอนอยู่ในน้ำทะเลที่แสนอบอุ่น ทั้งร่างยวบจมลงไป สุขสราญเหนือธรรมดา
ตี้ฝูอีกดลงบนเตียงเล็กน้อยก็ปฏิเสธทันที “ไม่ได้! นิ่มเกินไป!”
กู้ซีจิ่วไม่เข้าใจ “เตียงก็ต้องนิ่มสิถึงจะสบาย”
ตี้ฝูอีตอบไปว่า “ไม่สบายหรอก เรื่องซื้อเตียงต้องฟังข้า พวกเราซื้ออันที่สบายจริงๆ ดีกว่า”
เขาไม่ได้ซื้อเตียงสำเร็จรูป แต่วาดภาพให้พนักงานแผ่นหนึ่ง สั่งทำขึ้นมา
เมื่ออกู้ซีจิ่วเห็นขนาดของเตียง ก็พูดอะไรไม่ออกเลย!
เตียงใหญ่หลังนั้นใหญ่กว่าเตียงทั่วไปเป็นเท่าตัว! คนสองคนอยู่ด้านบนสามารถม้วนกลิ้งได้หลายตลบ ที่สำคัญกว่านั้นคือ เตียงนี้สร้างจากไม้ชนิดพิเศษอย่างหนึ่ง แข็งแกร่งยิ่งนัก ร่ำลือกันว่าทนทานยิ่งกว่าไม้ที่แข็งที่สุดเสียอีก ทนรับแรงกระแทกมหาศาลได้…
พนักงานคนนั้นมองแบบแปลน พลางมองพวกตี้ฝูอีทั้งสอง ดวงตาฉายแววสนใจใคร่รู้รางๆ
กู้ซีจิ่วถูกสายตาของเขามองก็ยืนไม่สุขอยู่บ้าง ลากตี้ฝูอีออกมาทันที ถามเขาที่ด้านนอกประตูว่า “ท่านสั่งทำเตียงใหญ่ขนาดนี้ไปทำไมกัน? ท่านคิดจะฝึกยุทธ์บนนั้นหรือไง?”
แขนข้างหนึ่งของตี้ฝูอีโอบเอวเธอไว้ รอยยิ้มค่อนข้างอันตราย “เตียงใหญ่สิสบาย รอจนถึงวันแต่งงานของพวกเราเจ้าก็จะรู้เอง”
วาจานี้แฝงเนื้อหามีเลศนัยที่ทำให้ใจคนเต้นแรงได้
กู้ซีจิ่วหน้าร้อนวูบ เตะเขาทีหนึ่ง
ตี้ฝูอีร้อง ‘อา’ ครั้งหนึ่ง
กู้ซีจิ่วตกใจ “เตะโดนแผลท่านหรือ?”
ตี้ฝูอีถูไถคางบนกระหม่อมเธอเล็กน้อย “เด็กน้อย ตอนนี้ข้าอ่อนแออยู่ เจ้าเบามือหน่อยสิ”
ดูเหมือนเจ้าคนผู้นี้จะอาศัยการบาดเจ็บมาเล่นบทอ่อนแอต่อหน้าเธอจนเสพติดไปแล้ว
กู้ซีจิ่วอับจนวาจา จงใจเอ่ยขึ้นว่า “อ่อ ตอนนี้ท่านอ่อนแอหรือ? เช่นนั้นข้ารู้สึกว่าเรื่องแต่งงานของพวกเรารีบร้อนเกินไป บางทีควรจะชะลอไว้อีกครั้ง มิเช่นนั้นท่านอาจไม่มีเรี่ยวแรงเข้าพิธีวิวาห์”
ตี้ฝูอีดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง จุมพิตเธอทีหนึ่ง “วางใจเถอะ พละกำลังด้านอื่นของข้าอาจยังไม่กลับมาคืนมา แต่เรี่ยวแรงในการวิวาห์นั้นมีเพียงพอ ปรนนิบัติภรรยาให้พอใจได้แน่นอน”
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน
เรื่องนี้สามารถคุยกันดีๆ ได้นะ…
การเที่ยวชมอาณาจักรเงือกครั้งนี้ นับว่าทั้งสองได้ข้าวของกลับไปเป็นคันรถเลยทีเดียว
————————————————————————————-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น