ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1230-1237
บทที่ 1230 การประชาสัมพันธ์ที่สุดยอดท...
สถานการณ์เป็นไปอย่างปกติ บอลลูนลอยไปในความเร็วช้าสลับกัน ความเร็วช้าของมันถูกกำหนดจากแรงลม เนื่องจากส่วนมากแล้วบอลลูนมีระบบไฟฟ้า ดังนั้นความเร็วของมันจึงขึ้นอยู่กับความเร็วของลม
แต่ว่าระบบของอาร์เกนเจอร์นั้นไม่เหมือนกัน มันมีระบบขับเคลื่อนอยู่หนึ่งระบบ นั่นก็คือเครื่องอัดแก๊สแบบตัวเลื่อน เครื่องนี้สามารถดูดอากาศได้ หลังจากนั้นมันก็จะทำการบีบอัดฉีดลมออกมา ทำให้บอลลูนเคลื่อนที่ได้
ทิศทางการฉีดของเครื่องอัดนี้เป็นแบบแนวนอน หน้าที่ของมันคือการเปลี่ยนทิศทางการลอยของบอลลูน อย่างไรก็ตามวัตถุประสงค์ของการใช้บอลลูนโรเซลก็คือการเดินทางรอบโลกได้สำเร็จ บางครั้งทิศทางลมก็ไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินทางของบอลลูน จึงจำเป็นต้องใช้เครื่องกลในการเผชิญหน้ากับมัน
จอห์นสันให้นักบินสาธิตให้ฉินสือโอวดู เมื่อเครื่องอัดลมทำงาน เสียงของมันนั้นดังมาก ราวกับเสียงปืนใหญ่ ก๊าซที่ถูกปล่อยออกมาเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง มันดันบอลลูนลอยไปยังทิศทางของเกาะ
ฉินสือโอวรู้สึกได้ว่า ความเร็วของมันไม่เพิ่มขึ้นสักเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าหน้าที่หลักของเครื่องอัดลมนี้จะเป็นการเปลี่ยนทิศทางการลอยตัวเสียมากกว่า
ภายใต้สายลมที่พัดไปมา บอลลูนลอยตามสายลมมาตลอดทาง มันลอยออกมาจากนครเซนต์จอห์นช้าๆ ผ่านท่าเรือ และเข้ามายังน่านน้ำมหาสมุทร
ในขณะที่บอลลูนกำลังลอยอยู่ ความสูงของมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงความเร็วเท่านั้นที่ช้ามาก นักบินแจ้งว่ามันสามารถเพิ่มความเร็วได้เพียงประมาณห้าเมตรต่อวินาทีเท่านั้น แต่เนื่องจากบางครั้งเขาก็ต้องคอยปรับทิศทางการเดินทางเป็นครั้งคราว ทำให้บางครั้งบอลลูนก็ลอยต่ำลง เมื่อลอยต่ำลงความเร็วก็เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้เร็วถึงหกเมตรต่อวินาที
ผู้โดยสารด้วยบอลลูนไม่สามารถใจร้อนได้ ความเร็วของมันช้ามาก ปัจจุบันการนั่งบอลลูนจึงใช้สำหรับนั่งเล่นและชมวิวทิวทัศน์เท่านั้น
จอห์นสันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพูดคุย หลังจากที่รู้ว่าฉินสือโอวชอบบาสเกตบอล เขาก็คุยกับฉินสือโอวเรื่องเอ็นบีเอ พูดถึงทีมโทรอนโตแร็ปเตอร์ พูดคุยเกี่ยวกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เขารู้เกี่ยวกับกีฬาบางประเภท การทำเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการฆ่าเวลา
ฉินสือโอวไม่รู้สึกเบื่อเลย เขาจับถังนิรภัยและมองออกไปข้างนอก แดดยามบ่ายนั้นร้อนแรง ทำให้แสงที่ส่องเข้ามาให้ห้องนิรภัยทำให้อากาศอบอุ่นขึ้น แบบนี้แม้ว่าจะมีลมพัดแรงกรีดร้องไปมาในอากาศ แต่ทั้งสองฝ่ายก็สามารถหักล้างกันได้อากาศอบอุ่นกำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป
เมื่อพูดเรื่องเอ็นบีเอได้ครู่หนึ่ง จอห์นสันเห็นว่าฉินสือโอวไม่ได้สนใจมาก เขาจึงเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา เขาถามขึ้นว่า “คุณฉิน คุณซื้อบอลลูนแบบนี้ คุณมีใบอนุญาตเองหรือต้องการที่จะจ้างนักบินครับ? ถ้าหากว่าต้องการจ้างล่ะก็ ผมคิดว่าเรื่องนี้ผมสามารถช่วยคุณได้”
การบังคับบอลลูนในอากาศ ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำได้ เหมือนกับการขับเครื่องบินที่จะต้องมีใบรับรอง ซึ่งมันก็คือใบรับรองการเป็นนักกีฬาบอลลูน
ฉินสือโอวไม่มีใบรับรองนี้ ที่ฟาร์มปลาไม่มีใครมี แต่ว่าเบิร์ด บีบีซวง ออสเปรพวกนั้นพวกเขามีใบรับรองการขับเฮลิคอปเตอร์ การสอบเอาใบรับรองเป็นนักกีฬาบอลลูนก็คงจะไม่กดดันเท่าไหร่
เขาพูดถึงสถานการณ์ของตัวเองออกมา จอห์นสันจึงแนะนำให้ถึงขั้นตอนและความรู้ที่จำเป็นจะต้องรู้ทั้งหมดที่จำเป็นต่อการสอบเอาใบรับรอง
“หากเป็นคนธรรมดา จำเป็นต้องมีอายุสิบหกปีบริบูรณ์ ไม่มีโรคหัวใจ หรือโรคความดันโลหิตจากพันธุกรรม และโรคที่กระทบต่อความสามารถอื่นๆ คุณต้องทำการตรวจร่างกายเสียก่อน เมื่อการตรวจร่างกายผ่านแล้วต่อไปคือการสอบภาคทฤษฎี ส่วนใหญ่เป็นการสอบ กฎระเบียบการบินเครื่องบิน พวก ‘กฎหมายการบิน’ พวกนั้น เมื่อผ่านพวกนี้แล้ว จะมีคนจากองค์กรการกีฬาบอลลูนระดับมืออาชีพเข้ามาฝึกอบรมให้คุณ หลังจากการอบรมเสร็จสิ้น จะมีการสอบที่จัดขึ้นโดยสำนักงานบริหารการบินพลเรือนแห่งชาติ ผู้ที่ผ่านการสอบพวกเขาก็จะออกใบอนุญาตการขับบอลลูนให้”
จอห์นสันพูดถึงหลักสากลอย่างง่ายก่อน จากนั้นจึงค่อยเน้นไปยังการวิเคราะห์สถานการณ์ของฉินสือโอว “จากที่คุณพูดมานั้น ลูกน้องคุณสามคนเป็นนักบิน แบบนั้นก็ง่ายเลย พวกเขาไม่ต้องตรวจร่างกายและก็ไม่ต้องสอบข้อสอบเกี่ยวกับกฎระเบียบการบิน สามารถเข้าไปรับการอบรมและรับใบรับรองมาก็ได้แล้ว”
เรื่องนี้ฉินสือโอวเข้าใจทั้งหมดแล้ว บริษัทอาร์เกนเจอร์สามารถรับหน้าที่ในการฝึกอบรมได้ เมื่อเขากลับไปเขาจะเลือกคนสองคนให้ตามจอห์นสันกลับไปยังบริษัทอาร์เกนเจอร์เพื่อรับการฝึกอบรม ไม่นานก็จะได้ใบรับรองนักกีฬาบอลลูนมาแน่
‘ใบขับขี่’ สำหรับบอลลูนนั้นมีสองแบบ ประกอบด้วยใบขับขี่ส่วนบุคคลและใบขับขี่เชิงพาณิชย์
‘ใบขับขี่’ ทั้งสองประเภทไม่ได้มีข้อกำหนดไว้ว่าสามารถขับบอลลูนประเภทใดได้บ้าง มันต่างกันที่จุดประสงค์ของการขับบอลลูนเท่านั้น การขับบอลลูนด้วยใบขับขี่ส่วนตัว ทำได้เพียงขับเล่นด้วยตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถแสวงหากำไรได้ แต่ใบขับขี่เชิงพาณิชย์ สามารถสร้างรายได้จากการขับบอลลูนได้
แต่ใบขับขี่ทั้งสองแบบนี้สามารถใช้ทำงานร่วมกันได้ หลังจากที่ถือใบขับขี่ส่วนตัวและขับบอลลูนอยู่ในอากาศนานกว่าห้าสิบชั่วโมง ก็สามารถเปลี่ยนมาเป็นใบขับขี่เชิงพาณิชย์ได้
การควบคุมการคมนาคมทางอากาศของแคนาดาค่อนข้างหละหลวม อย่างน้อยเมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียแล้ว พวกเขาไม่สามารถผ่อนปรนได้เลย เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องในชาติของพวกเขาด้วย ประเทศนี้เป็นประเทศที่มีสนามบินและเครื่องบินมากที่สุดเป็นอันดับที่สองของโลก
หลังจากที่บอลลูนลอยสูงที่ระดับหนึ่งพันสองร้อยเมตร ลมก็เปลี่ยนมาพัดแรงขึ้น ดังนั้นความเร็วในการเดินทางจึงเพิ่มขึ้นมาอย่างกะทันหัน ฉินสือโอวสามารถบอกได้ว่าความเร็วตอนนี้เท่าไหร่เพราะไม่วัตถุใดอ้างอิงได้ แต่ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกลงไปยังทะเลลึก พวกเขาก็ได้มาถึงน่านฟ้าของเกาะแล้ว
เกาะแฟร์เวลในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิต้นฤดูร้อน วิวทิวทัศน์ช่างสวยงาม มีเสน่ห์ดึงดูดผู้คน เมื่อมองจากด้านบนลงมา จะเห็นเป็นเกาะเป็นแผ่นสีเขียว จอห์นสันมองภาพนั้นแล้วพูดขึ้นมาด้วยความตกตะลึงว่า “พระเจ้า นี่เป็นไข่มุกแห่งมหาสมุทรแอตแลนติกชัดๆ และมันก็น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด!”
ฉินสือโอวพูดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจว่า “ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเรากำลังมองไปยังไข่มุกอยู่ นี่คือจุดประสงค์ที่ผมซื้อบอลลูนมา เสน่ห์ของเกาะแฟร์เวลไม่สามารถสัมผัสได้จากการใช้ชีวิตบนเกาะ พวกเรายังต้องสังเกตจากข้างบนเลยถูกไหม?”
จอห์นสันมองดูวิวด้านล่างอย่างตั้งใจ พลางพูดขึ้นว่า “ผมหวังจริงๆ ว่าจะได้มาเกษียณที่นี่ ผมสามารถมาใช้ชีวิตวัยชราที่นี่ได้ แสงแดด ต้นไม้สีเขียว ภูเขา ทะเล การได้ตกปลาที่นี่คงจะสนุกไม่ใช่น้อย”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา “ผมยังไม่เคยตกปลาจากบอลลูนมาก่อนเลย ไม่แน่ว่าผมอาจจะลองดู ถ้าทำแบบนี้จะกลายเป็นสถิติโลกหรือเปล่านะ?”
การปรากฏตัวของบอลลูนดึงความสนใจของผู้คนที่อยู่ในเมืองได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่ผ่านเข้ามาในน่านฟ้าของเกาะ บอลลูนก็ค่อยๆ ลอยต่ำลง ทำให้รูปร่างอันสง่างามและหล่อเหลาของมันถูกเผยออกมา
แบบนี้ บอลลูนที่ลอยไปมาและค่อยๆ ร่อนลงต่ำเรื่อยๆ ก็มาถึงใจกลางเมืองอย่างรวดเร็ว
นักบินลดการปล่อยอากาศร้อนลงตามคำขอของฉินสือโอว ตอนนี้ปริมาณของฮีเลียมมีไม่เพียงพอ มันไม่สามารถรับน้ำหนักทั้งหมดของบอลลูนได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการควบคุมเตาเผาสามารถที่จะควบคุมการขึ้นลงของบอลลูนได้
หลังจากที่ลอยต่ำลงมาจนใกล้จะถึงพื้น ฉินสือโอวก็กางแบนเนอร์ที่เขาได้สั่งไว้ออกมาในแนวตั้ง มันมีทั้งหมดสี่อัน ด้านบนของแบนเนอร์แขวนไว้ที่ขอบของตะกร้า ส่วนด้านล่างแขวนไว้กับบล็อกตะกั่ว แม้ว่าลมทะเลจะพัดมา มันก็ยังคงลอยตั้งตรงอยู่เหนือเมือง
บนแบนเนอร์ได้เขียนคำประชาสัมพันธ์ให้วินนี่ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน โดยเป็นคำพูดที่โด่งดังของ รูสเวล ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาว่า “สาบานต่อพระเจ้า ผมจะรับผิดชอบต่อผู้ที่เลือกผม ตั้งแต่เกิดจนถึงวันตาย!”
จอห์นสันเข้าใจถึงสาเหตุและผลที่ฉินสือโอวทำเรื่องแบบนี้ เขามองไปยังแบนเนอร์ทั้งสี่อัน เขายิ้มออกมาพลางพูดขึ้นว่า “ผมกล้าพนันเลย นี่จะต้องเป็นประวัติศาสตร์ของแคนาดา นี่เป็นการหาเสียงเลือกตั้งที่สร้างสรรค์ที่สุด!”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา “ผมขอโม้ให้ตัวเองเสียหน่อยนะ เพื่อน นี่อาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณเห็น เช่นว่าคุณต้องไม่รู้แน่ว่า ประโยคที่อยู่ในแบนเนอร์เคลือบด้วยผงเรืองแสงฮาโรฟอสแฟตแมงกานีส พอตกกลางคืนและมีแสงจันทร์สาดส่อง คำบนแบนเนอร์จะยิ่งเรืองแสงมากกว่าเดิม!”
บ้านพักในฟาร์มปลาที่อยู่ไกลออกไป วินนี่กอดอกแล้วมองไปยังท้องฟ้าพลางยิ้มออกมา มุมปากของเธอค่อยๆ ยกขึ้น ปรากฏเป็นรอยยิ้มหวานที่เต็มไปด้วยความสุข
เสี่ยวเถียนกวานั่งอยู่ด้านข้าง ดวงตากลมโตสีดำขลับของเธอจ้องไปยังบอลลูนขนาดใหญ่ พลางชูมืออ้วนๆ ทั้งสองข้างออกไปหมายจะคว้ามัน แล้วพูดงึมงำออกมาว่า “จะเอา จะเอา!”
บทที่ 1231 ขาดก็แค่เรื่องเดียวเท่านั้น
หลังจากที่บอลลูนลอยขึ้นจากเมือง การประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งของวินนี่ก็แพร่กระจายไปทั่ว
ก่อนหน้านี้สองสามวัน วินนี่และเออร์บักยังบอกกับฉินสือโวอยู่เลยว่าไม่ต้องทำอะไร ให้พวกเขาจัดการกันเอง ตอนนี้เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวทำเอิกเกริกแบบนี้ พวกเขาก็ไม่สนใจแล้ว เพราะว่าพวกเขาเข้าใจแล้วว่า ผู้ชายคนนี้สนุกที่จะใช้ชีวิตโอ้อวดความหรูหราแบบนี้
น่าเสียดายที่ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งเขาไม่อนุญาตให้ใช้นโยบายการใช้เงินกับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง มิเช่นนั้นจะถือว่าเป็นการติดสินบนผู้มีสิทธิเลือกตั้งและผู้ลงเลือกตั้งจะถูกตัดสิทธิ์ทันที เรื่องนี้ทำให้ฉินสือโอวค่อนข้างเสียดาย เพราะเรื่องที่เขาถนัดมากที่สุดคือการใช้เงิน
เมื่อหาเงินง่าย การใช้เงินก็ไม่ใช่เรื่องน่าปวดใจ
แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ต้องตกใจไป เรื่องที่ต้องจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั้นเขามีวิธีอื่น หลังจากที่ซื้อบอลลูน ฉินสือโอวก็เรียกพวกชาวประมงให้มาหา พลางพูดว่า “อาทิตย์นี้ทุกคนไม่ต้องออกทะเลนะ ไตรมาสที่สองจบลงแล้ว ฉันจะให้ทุกคนพักผ่อน ทุกคนไปพักผ่อนกันเถอะนะ”
พวกชาวประมงโห่ร้องขึ้นมาด้วยความดีใจ ชาร์คและซีมอนสเตอร์พูดคุยกันอย่างมีความสุขว่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันดี คนหนึ่งอยากไปบอสตันส่วนอีกคนอยากไปมอนทรีออล ด้วยเหตุนี้ทั้งสองฝ่ายจึงต้องจัดการกันอย่างรวดเร็ว
ฉินสือโอวมองทั้งสองคนด้วยสายตาแปลกประหลาด พลางพูดขึ้นว่า “พวกนายทำอะไรกันน่ะ?”
“กำลังวางแผนว่าวันหยุดจะไปเที่ยวไหนกันดี” ชาร์คตอบขึ้นมาทันทีโดยธรรมชาติ
ฉินสือโอวพูดออกมาว่า “ล้อเล่นอะไรกัน สัปดาห์นี้ลูกสาวคนโตของนายไม่ได้กลับบ้านหรอกเหรอ? ชาร์คน้อยกำลังเรียนหนังสืออยู่ ที่บ้านก็ยังเลี้ยงหมาสองตัวแมวอีกหนึ่งตัว มีอะไรให้ต้องดูแลมากมาย จะไปเที่ยวได้อย่างไร?”
ชาร์คหัวเราะออกมา “ง่ายจะตายไป ผมสามารถพาลูกสาวไปได้ ให้ชาร์คน้อยมาหาอะไรทานที่ฟาร์มปลาก็ได้ หมาสองตัวนั้นก็ให้บูลช่วยดูแล ส่วนแมวอีกตัวจะฝากไว้ที่เพื่อนบ้าน แบบนี้ก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวตบบ่าเขา แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรว่า “ชาร์ค ทำไมนายถึงไปเที่ยวล่ะ?”
ชาร์คตอบกลับว่า “ที่บ้านยุ่งวุ่นวายเกินไป ผมต้องการออกไปพักผ่อนสักหน่อย”
“งั้นส่งลูกมาที่นี่ เอาหมาและแมวไปฝากไว้กับคนอื่น แล้วที่บ้านยังมีอะไรยุ่งอีกหรือไม่? แบบนี้พักผ่อนอยู่บ้านไม่ดีกว่าเหรอ?” ฉินสือโอวพูดออกมา
ชาร์คมองไปยังฉินสือโอวอย่างทำอะไรไม่ถูก แต่ว่าท่านชายฉินกลับไม่ได้สนใจเขา อีกทั้งยังหันไปมองซีมอนสเตอร์อีก “ซีมอนสเตอร์ ทำไมนายถึงคิดอยากจะไปเที่ยวงั้นเหรอ?”
ซีมอนเสตอร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “โลกกว้างขนาดนี้ ผมอยากออกไปดูสักครั้ง”
“ให้นายพักผ่อนได้หนึ่งไตรมาส ช่วงฤดูร้อนไม่ต้องมาทำงาน ไปตั้งใจดูให้ดีล่ะ” ท่านชายฉินพูดอย่างเอาอกเอาใจ
นีลเซ็นที่อยู่ข้างๆ มองเกมออก เขาหัวเราะออกมาแล้วพูดขึ้นว่า “เห็นๆ กันอยู่ว่า บอสอยากให้เราทำอะไรบางอย่างในช่วงวันหยุด”
แบล็คไนฟ์ยักไหล่พลางพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องสงสัยเลย แน่นอนว่าต้องเป็นการช่วยภรรยาของเขาหาเสียง”
แซ็กพูดออกมาอย่างจนปัญญาว่า “กัปตัน คุณอย่าเป็นแบบนี้สิ การเลือกนายกเทศมนตรีของภรรยาบอสเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแน่นอน คุณรออย่างสบายใจเถอะนะ!”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฉันไม่ได้กังวล ฉันแค่ไม่เคยเป็นเจ้าภาพในการหาเสียงเลือกตั้ง รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจมาก เลยจะพาพวกนายมาเล่นสนุกด้วย พวกนายไม่ยอมงั้นเหรอ?”
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาอันดุดันของฉินสือโอว พวกชาวประมงก็พากันพยักหน้าอย่างแรง “ยอมครับยอม!” “ผมยอมอยู่แล้ว!” “ฮ่าๆ ผมรอวันนี้มานานแล้ว!” “อ่อ…พระเจ้า สัปดาห์นี้เราจะได้พักผ่อนกันจริงๆ ใช่ไหม?”
แต่ก็ยังมีบางคนไม่เข้าใจ บูลถามออกมาด้วยความงุนงงว่า “กัปตัน งานหาเสียงไม่ได้เป็นเรื่องที่ปู่เออร์บักจัดการอยู่เหรอ? มันกลายมาเป็นหน้าที่ของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ฉินสือโอวโบกมืออย่างหมดความอดทน แล้วพูดขึ้นว่า “เลิกพูดไร้สาระได้แล้วไอ้พวกโง่ ฉันบอกว่าฉันเป็นคนรับผิดชอบก็ต้องเป็นฉัน ปู่เออร์บักสองสามวันนี้ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว เขาดูเป็นคนมีหน้าที่รับผิดชอบเหรอ?! โอเค ตอนนี้ก็มาถึงเรื่องที่สอง โบนัสประจำไตรมาส โบนัสของไตรมาสที่สอง”
ทุกคนพากันตื่นเต้นขึ้นมาทันที พวกเขามองไปยังฉินสือโอวอย่างมีความหวังราวกับลูกสุนัขที่มองไปยังกระดูก
ท่านชายฉินยกนิ้วขึ้นมาแล้วพูดขึ้นว่า “จากมูลค่าของปลาที่จับได้ ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ เบิร์ด นีลเซ็น แบล็คไนฟ์และบลูทุกคนได้พันละสอง ส่วนคนอื่นๆ พันละหนึ่ง…”
“สุดยอดไปเลย! พระเจ้า ท่านนี่ไม่พักผ่อนเลยนะ“
“ไอ้โง่ คนที่ควรขอบคุณตอนนี้คือบอสต่างหาก!”
ชาวประมงต่างพากันเฉลิมฉลอง พวกเขาหัวเราะและยิ้มออกมาอย่างครึกครื้น เงินพวกนี้ไม่ได้มาก ทุกเดือนผลผลิตของฟาร์มปลาจะมีมูลค่าเกินยี่สิบล้าน หนึ่งไตรมาสได้อย่างน้อยห้าสิบล้าน สองในพันก็เท่ากับหนึ่งแสน ส่วนหนึ่งในพันก็เท่ากับห้าหมื่น!
ฉินสือโอวไม่ลังเลที่จะจ่ายเงินให้กับชาวประมงที่ไว้ใจได้พวกนี้ คนพวกนี้เป็นคนของเขาโดยตรง และสาเหตุที่พวกเขาดูแลฟาร์มปลาด้วยความจริงใจ นอกจากฉินสือโอวและวินนี่ที่ได้ใจพวกเขาแล้ว ก็ยังเป็นเพราะรายได้ที่สูงมากขนาดนี้
ครั้งที่แล้วตอนที่ไปขึ้นศาลอุทธรณ์นิวฟันแลนด์ พวกชาร์คพูดว่าเงินเดือนของพวกเขานั้นสูงกว่าทนายเสียอีก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่ได้โม้ขึ้นมาเอง
เมื่อเห็นท่าทางดีใจของพวกชาวประมง ฉินสือโอวก็หัวเราะออกมา “อย่าพึ่งรีบดีใจไป ยังมีข่าวดีกว่านี้อีก ฉันจะให้พวกนายเพิ่มอีกคนละหนึ่งหมื่นดอลลาร์ ได้หมดทุกคน!”
“โว้ว บอส ผมรักคุณตายเลยครับ!”
“สังคมนิยมคือผู้มีพระคุณของประชาชน!”
“บอส อย่าขยับ ผมจะถ่ายรูปแล้วนำไปล้างเสียงหน่อย แล้วผมจะเอามาให้คุณ!”
ฉินสือโอวยังคงหัวเราะออกมา “ดีมาก แต่ฉันยังมีความต้องการอีกอย่าง นั่นคือตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงช่วงสัปดาห์เลือกตั้ง ทุกคนจำเป็นต้องเลี้ยงข้าวคนอื่นอย่างน้อยสิบมื้อ! ทุกมื้อจำนวนคนต้องไม่ต่ำกว่าสิบคน! คนที่มาทานต้องไม่ซ้ำกันด้วย!”
เสียงโห่ร้องดีใจของพวกชาวประมงหยุดลงทันที ชาร์ครีบตอบกลับทันทีด้วยความร้อนใจว่า “แบบนี้ก็เป็นการติดสินบนสิ! บอส คุณต้องมีสตินะ!”
ฉินสือโอวทำปากมุ่ยแล้วพูดขึ้นว่า “อย่าบอกว่าฉันเป็นคนบอกนะ ตอนที่นายกรัฐมนตรีแฮมเล็ตหาเสียง เขาก็เลี้ยงข้าวฉันเหมือนกัน เลี้ยงคนอีกหลายคนด้วย แต่ฉันกับวินนี่ไม่ได้เป็นคนออกมาเลี้ยงข้าวเอง จะเป็นการติดสินบนได้อย่างไร?”
ซีมอนสเตอร์บีบจมูกตัวเอง หลังจากนั้นคำนวณ “บ้านฮิวจ์ฉันเลี้ยงเอง ฮิวจ์คนน้องฉันก็จะเลี้ยงเอง ปู่ฮิคสันฉันก็เลี้ยง นอกจากนี้ยังมีครอบครัวงี่เง่าของชิลอีก อ้อ ยังมีหมอโอดอมกับพยาบาลลาร่าอีก…”
“ชิบ ซีมอนสเตอร์ นายเหลือคนไว้ให้พวกเราด้วยสิ!”
พวกทหารร้องดีใจออกมาด้วยความตื่นเต้น พวกเขาไม่ค่อยสนิมกับคนในเมือง ดังนั้นเรื่องเลี้ยงข้าวคงใช้พวกเขาไม่ได้แน่นอน ต้องจัดปาร์ตี้สิบที่เลยนะ นี่ใช้พลังงานเยอะว่าทำงานหนักติดกันสิบวันอีกนะ เงินหนึ่งหมื่นไม่พอหรอก!
ชาร์คมองไปยังพวกทหารด้วยสายตาดูถูก พลางพูดกลั้วหัวเราะ “เงินของบอสไม่ได้ได้มาง่ายขนาดนั้น พวกนายไม่ถูกใช้ให้ไปเลี้ยงข้าว ก็ต้องมีอย่างอื่นให้ทำแน่นอน!”
ฉินสือโอวยิ้มออกมาอย่างสนใจพลางพูดขึ้นว่า “สมแล้วที่ชาร์คอยู่กับฉันมานานที่สุด เขาพูดถูก พวกทหาร มานี่สิ ฉันมีเรื่องที่ให้พวกนายทำ”
เมื่อจัดแจงงานให้พวกทหารและชาวประมงเรียบร้อยแล้ว การเลือกตั้งในเมืองเล็กๆ ก็กำลังมาถึงจุดสิ้นสุด ฉินสือโอวรู้สึกภาคภูมิใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะเรื่องทั้งหมดนี้จัดการโดยเขา เริ่มตั้งแต่การหาเสียงโดยการแปะโปสเตอร์ ปูทางมาจนถึงการซื้อบอลลูนเพื่อความสาแก่ใจ ตอนนี้ทีมหาเสียงเลือกตั้งได้ทำให้การหาเสียงมาจนถึงจุดไคลแมกซ์แล้ว…
เพราะเหตุนี้เขาจึงรู้สึกภูมิใจมาก
อันที่จริงแล้วที่เขากระตือรือร้นในการหาเสียงขนาดนี้ ไม่เพียงแค่ต้องการที่จะดูแลกระบวนการทั้งหมดเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาต้องการชดเชยอะไรบางอย่างให้กับวินนี่
เดิมทีคนที่ควรจะลงเลือกตั้งคือเขา งานเหล่านี้เขาควรจะเป็นคนทำ แต่เขาทนไม่ได้ที่จะต้องทำงานจุกจิกในฐานะนายกเทศมนตรี ซึ่งวินนี่เข้าใจในเรื่องนี้ จึงลงสมัครแทนเขาเพื่อที่จะให้เขาสามารถควบคุมเมืองได้ และเพื่อที่จะให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไม่ต้องทุกข์ร้อน
ตอนนี้ทุกอย่างก็เตรียมไว้หมดแล้ว เหลือเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น!
บทที่ 1232 แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าสุดยอด
ชาร์คพูดถูก ฉินสือโอวไม่ได้มีหน้าที่ดูแลการหาเสียง แต่เป็นเออร์บักต่างหาก
พอตกเย็นเออร์บักก็กลับมายังฟาร์มปลา เขาไม่ได้กลับมาคนเดียว แต่เขายังพาหญิงชราคนหนึ่งกับสุนัขพันธุ์สก็อตติช คอลลี่อีกหนึ่งตัวมาด้วย
ครั้งนี้หู่จือและเป้าจือไม่ได้เห่าออกมา พวกมันพากันจ้องมองไปยังสุนัขพันธุ์สก็อตติช คอลลี่ตัวนั้น มันอ้าปากลิ้นห้อยมองตาแป๋ว ท่านชายฉินรู้สึกว่าเจ้าสองตัวนี้เกิดอาการโลภขึ้นมา
ฉินสือโอวดึงแขนวินนี่ออกมา แล้วพูดเสียงเบาว่า “หู่จือกับเป้าจือโตแล้วล่ะ”
วินนี่ยิ้มพลางโบกมือไปทางเออร์บักเพื่อทักทายพวกเขาทั้งสองคน พลางพูดขึ้นเร็วๆ ว่า “ที่รักคะ คุณหญิงแมคคาลลียนมาด้วยค่ะ คุณอย่าพึ่งไปสนใจเด็กพวกนั้นเลย ไปทักทายคุณหญิงก่อนดีกว่าค่ะ”
ใช่แล้ว เธอเดินมากับเออร์บัก เธอเป็นสาวแกร่งทางการเมืองของแคนาดาที่เมื่อปีที่แล้วเคยมาที่ฟาร์มปลา เฮเซล แมคคาลลียน!
เมื่อเทียบกับเออร์บัก การกระทำทุกอย่างของฉินสือโอวดูเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย ดูสิว่าพวกเขาทำอะไรกัน การจ่ายเงินไม่ใช่ความสามารถ การเชิญแมคคาลลียนมาต่างหากที่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ มีคนแบบนี้มาช่วยหาเสียง แบบนี้ก็เหมือนการจับผู้สมัครเลือกตั้งคนอื่นมาแขวนคอเพื่อให้พวกเขาทำการยอมแพ้ชัดๆ
แม้ว่าชื่อเสียงของแมคคาลลียนที่สะสมมานานสามสิบหกปีจะอยู่ในฐานะของนายกเทศมนตรี แต่เธอไม่เพียงแต่จะเคยเป็นนายกเทศมนตรี แต่ยังเคยเป็นนายกรัฐมนตรีอีกด้วย ปัจจุบันมิซซิซเซาเกาเป็นรัฐที่ใหญ่เป็นอันดับที่หกของแคนาดา แต่ว่าสี่สิบปีก่อนหน้านี้เมืองมิซซิซเซาเกาเป็นเพียงเมืองเล็กๆ เท่านั้น หรือพูดได้ว่าเธอมีประสบการณ์ในการจัดการเมืองเล็กๆ มาก่อน
ฉินสือโอวพาวินนี่เข้าไปทักทายเธอ วินนี่เข้าไปสวมกอดแมคคาลลียนพลางพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มว่า “ยินดีต้อนรับค่ะ คุณหญิงแมคคาลลียน ดีใจจริงๆ ที่พวกเราได้เจอกันอีกครั้ง”
เมื่อคนเราแก่ลง การเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวสังเกตเห็นเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว อารมณ์และท่าทางของแมคคาลลียนนั้นต่างจากปีที่แล้วอยู่นิดหน่อย ยิ่งอายุมากก็ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น ตอนนี้เป็นไปไม่ได้แล้วที่จะเห็นเธอผู้เป็นนายกเทศมนตรีของรัฐออนแทรีโอและเป็นสภาเมืองผู้ต่อสู้อย่างกล้าหาญเหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อน
ดูเหมือนว่าในขณะที่กำลังสังเกตความต่างที่เปลี่ยนไปนั้น ต้าป๋ายก็เดินสะบัดขนออกมาจากบ้าน มันมองไปยังสุนัขสก๊อตติซ คอลลี่อย่างแปลกใจ หลังจากนั้นมันก็กระโดดขึ้นหลังฉงต้าไปอย่างมีความสุข พร้อมที่จะไปเล่นกับหู่จือและเป้าจือ
ฉงต้าและต้าป๋ายกำลังเดินชมพระอาทิตย์ตกดินอยู่ เงาของพวกมันทั้งสองตัวทอดยาวไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเงาของทั้งสองตัวก็มาบรรจบกัน
แมคคาลลียนและฉินสือโอวจับมือกัน แมคคาลลียนหันไปมองบอลลูนขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือเมือง แล้วพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มว่า “เออร์บักบอกว่า นี่เป็นเรื่องที่คุณทำ ใช่ไหม? อ้อ พระเจ้า ฮ่าๆ ฉันคิดว่าฉันอยู่ในดิกซ์วิลล์ นอทซ์เสียอีก บรรยากาศการหาเสียงแบบนี้ช่างสุดยอดไปเลย”
เมืองดิกซ์วิลล์ นอทซ์เป็นเมืองเล็กๆ ทางตอนเหนือของรัฐนิวแฮมป์เชียร์ที่อยู่ใกล้กับชายแดนสหรัฐและแคนาดา ที่นั่นล้อมรอบไปด้วยภูเขา วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เป็นเมืองท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่มีผู้อยู่อาศัยในเมืองจำนวนไม่มาก มีประชากรทั้งหมดเพียงเจ็ดสิบกว่าคนเท่านั้น และประชาชนที่ลงทะเบียนแล้วมีเพียงยี่สิบเอ็ดคนเท่านั้น
แต่ถึงแม้ว่าจะตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาที่ห่างไกล แต่จำนวนผู้เลือกตั้งก็สามารถส่งผลใหญ่ได้ หลังจากปี 1960 เป็นต้นมา ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งที่ผ่านมา เมืองเล็กๆ แห่งนี้กลับมีชื่อเสียงเป็น ‘อันดับหนึ่งของประเทศ’ นั่นก็เพราะว่าการเลือกตั้งจัดขึ้นที่นี่เป็นที่แรก และผลการเลือกตั้งก็ออกมาเร็วที่สุดด้วย ดังนั้นก่อนที่ชาวอเมริกันภูมิภาคอื่นจะทำการลงคะแนนเสียง พวกเขาต่างก็ให้ความสนใจต่อเมืองนี้เป็นอย่างมาก
เพราะเหตุนี้ นี่คือพื้นที่ในการโฆษณาที่ดีที่สุด ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี บรรยากาศการหาเสียงที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้จะครึกครื้นเป็นพิเศษ ทั้งสองฝ่ายต่างมองว่าเมืองเล็กๆ แห่งนี้เป็นสมรภูมิในการใช้ยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ การต่อสู้ที่ดุเดือดมักจะเริ่มขึ้นที่นี่
วินนี่ยังคงอิงแอบอยู่ข้างฉินสือโอวยิ้มหวานออกมาแล้วพูดขึ้นว่า “นี่เป็นสิ่งที่คู่หมั้นของฉันทำเพื่อฉันค่ะ เขาหวังว่าจะสามารถเติมเต็มความต้องการในการเป็นนายกรัฐมนตรีของฉันได้ ทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยฉันค่ะ”
ท่านชายฉินรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อันที่จริงแล้ววินนี่นั้นคอยช่วยเขามาตลอดต่างหาก
แมคคาลลียนมองไปยังฉินสือโอวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม พลางพูดขึ้นว่า “นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะ สี่สิบปีก่อน สามีของฉันก็ช่วยฉันแบบนี้เหมือนกัน”
ในขณะที่พูด อารมณ์ของเธอก็ดูนิ่งสงบลงเล็กน้อย เธอหันกลับไปมองบอลลูนอีกครั้ง แล้วพูดออกมาอย่างอาวรณ์ว่า “เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ สี่สิบปีแล้ว ไม่นานก็ผ่านมาขนาดนี้แล้ว”
เห็นได้ชัดว่า แมคคาลียนกำลังคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา การพูดขึ้นมาแบบนี้ค่อนข้างเห็นได้อย่างชัดเจน ฉินสือโอวรีบเชิญเธอเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว เชอร์ลี่ย์และพาวลิสที่กลับมาจากโรงเรียนกำลังดื่มน้ำผลไม้อยู่ด้วยท่าทีเรียบร้อย ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการหั่นผลไม้ ส่วนแมคคาลลียนก็เดินไปรอบๆ ทั่วทั้งบริเวณบ้าน
หู่จือกับเป้าจือก็กำลังเดินรอบบ้านอยู่เช่นกัน แน่นอนว่าสายตาของพวกมันไม่ได้จับจ้องไปที่แมคคาลลียน แต่เป็นสุนัขพันธุ์สก็อตติชที่อยู่ข้างๆ แมคคาลลียนต่างหาก
วินนี่สังเกตเห็นความผิดปกติของเจ้าแลบราดอร์สองตัว เธอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ฉินสือโอวจะถามอะไรตัวเองสักอย่าง จึงได้พูดขึ้นว่า “ที่รักคะ เมื่อกี้คุณถามอะไรฉันนะคะ? เกี่ยวกับหู่จือเป้าจือนะคะ”
ท่านชายฉินกลอกตาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วตอบกลับว่า “ผมบอกกับคุณว่า ดูเหมือนว่าหู่จือกับเป้าจือจะโตเต็มวัยแล้ว”
“โตแล้วก็ดีสิคะ พวกเด็กๆ ก็โตขึ้นตลอดอยู่แล้ว” วินนี่มองเขาด้วยสีหน้างุนงง ไม่รู้ว่ามีอะไรให้น่ารู้สึกดีขนาดนั้นกันแน่ “คุณจะบอกว่าเวลาผ่านไปไวอย่างนั้นเหรอคะ?”
ฉินสือโอวพูดออกมาว่า “ไม่ใช่ ความหมายของผมคือ พวกมันสองตัวถึงช่วงผสมพันธุ์แล้ว! พวกเราไม่สามารถหยุดธรรมชาติของพวกมันได้ คุณดูสิตอนนี้พวกมันมีปัญหาเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึก เจ้าสก็อตติชตัวนี้เป็นหมาแก่นะ!”
วินนี่เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เธอมองไปยังสุนัขพันธุ์สก็อตติชที่นอนขี้เกียจอยู่ข้างๆ แมคคาลลียน เธอรู้สึกว่าสุนัขเพศเมียตัวนี้มีเสน่ห์ที่น่าดึงดูด จึงพูดออกมาอย่างคาดเดาว่า “ไม่แน่ว่า พวกมันอาจจะชอบสาวแก่ก็เป็นได้นะคะ?”
ฉินสือโอวมองไปยังวินนี่ด้วยสีหน้าตกใจ แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่หรอกมั้ง? หู่จือกับเป้าจือไม่ได้ขาดความรักจากพ่อแม่ ทำไมพวกมันต้องมีใจให้กับอะไรแบบนี้ด้วยล่ะ?”
แมคคาลลียนเห็นคนทั้งสองกำลังซุบซิบกันอยู่ เธอจึงยิ้มกว้างออกมาแล้วถามว่า “พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากใช่ไหม?”
ฉินสือโอวและวินนี่หันมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใสพร้อมกัน “พวกเรากำลังปรึกษากันว่าเย็นนี้จะทานอะไรกันดีนะคะ”
หลังจากที่พูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันแล้ว ทั้งสองคนก็มองหน้ากัน จากนั้นพวกเขาก็หัวเราะออกมา ช่างรู้ใจกันเสียจริง
หู่จือและเป้าจือเบ้ปากมองไปยังคนทั้งสอง แม่เอ๊ย นี่เป็นการทรมานสุนัขโสดชัดๆ!
อาหารเย็นก็ยังคงเน้นอาหารมังสวิรัติเป็นหลัก ที่ฟาร์มปลามีผักสด ช่วงฤดูหนาวฉินสือโอวปลูกถั่วลิสงและข้าวโพดไว้ในเรือนกระจก ด้วยการบำรุงจากพลังโพไซดอน พืชผลเหล่านี้จึงสามารถอยู่รอดได้จนถึงช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูกาล และพวกมันก็โตมาเป็นอย่างดี
ฉินสือโอวทำอาหารทะเลคั่วธัญพืช อันดับแรกหั่นปูและล็อบสเตอร์ที่นึ่งแล้วนำไปผัดรวมกัน หลังจากที่ใส่ลงไปในกระทะแล้ว เขาก็ใส่ถั่วลิสงและข้าวโพดที่ล้างสะอาดแล้วลงไปผัดด้วยกัน ด้วยวิธีนี้จะทำให้กลิ่นของอาหารทะเลและธัญพืชที่ออกมานั้นแตกต่างกัน ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นรสชาติใหม่ขึ้น
แมคคาลลียนและวินนี่กำลังพูดคุยกันอยู่ วินนี่ปรึกษาเธอเกี่ยวกับข้อควรระวังและเทคนิคในการจัดปราศรัยในช่วงระหว่างที่หาเสียง
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง แมคคาลลียนก็ตบมือของวินนี่เบาๆ แล้วพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มดีใจว่า “เด็กน้อย คุณมีแฟนที่ดีอยู่ด้วย ดูจากที่พวกเธออยู่ด้วยกันแล้ว ฉันรับรู้ได้ถึงความสุขจริงๆ จากที่ฉันได้มองดูพวกคุณ ฉันได้เห็นถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เสียไปในอดีตมากมาย”
วินนี่พูดขอบคุณพลางยิ้มออกมา เมื่อเธอหันไปมอง เธอก็เห็นฉินสือโอวกำลังวุ่นวายอยู่ในห้องครัว โดยที่มีเสี่ยวเถียนกวากำลังปีนป่ายไปมาอยู่ข้างๆ เขาตั้งค่าเตาอยู่สักพักจากนั้นก็ก้มตัวลงไปเพื่อแกล้งลูกสาวตัวน้อย ท่าทางดูยุ่งวุ่นวายมาก
เมื่อเดินเข้ามาในห้องครัว วินนี่ก็เข้ามาสวมกอดฉินสือโอวและจูบเขาอย่างลึกซึ้ง ท่านชายฉินรู้สึกงุนงงขึ้นมา แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะถามหาเหตุผล แต่เป็นเวลาสนุกกับการแลกเปลี่ยนความรู้สึกระหว่างสามีภรรยามากกว่า
หู่จือและเป้าจือนอนมองพวกเขาทั้งสองคนที่หน้าประตูอย่างไม่พอใจ ทำร้ายสุนัขโสดอีกแล้ว!
บทที่ 1233 เปิดม่าน
สัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม เมืองแฟร์เวลคึกคักกว่าช่วงงานเฉลิมฉลองประจำชาติเสียอีก
ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน เวทีสูงหลังหนึ่งก็ถูกสร้างขึ้น รอบๆ เวทีประดับประดาไปด้วยดอกไม้ ดอกไม้พวกนี้ยังมีคนมาคอยจัดจนถึงช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คนที่มาทำงานคือคุณลุงฮิคสัน ดอกไม้พวกนี้ก็มาจากสวนดอกไม้ของเขา
ชายวัยกลางคนผู้มีท่าทีสง่างามคนหนึ่งกำลังเตรียมกล่าวสุนทรพจน์บนเวที ชายผู้นั้นคือดิค คอฟแมน มิเชลและกอร์ดอนถามมาจากที่โรงเรียนประถมศึกษามาแล้ว เขาคือพิธีกรในการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้
ไม่ว่าการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีของนครเซนต์จอห์นจะจัดที่เมืองใดหรือครั้งไหนก็ตาม พิธีกรก็จะเป็นชายผู้นี้ พวกเขาต่างส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น พิธีกรคนล่าสุดคือพ่อของดิค คุณปู่คอฟแมน หลังจากที่เขาจบมหาวิทยาลัย งานนี้ก็ถูกส่งต่อมายังเขาทันที
นอกจากนี้ ฮิวจ์คนน้องและพวกพ้องก็กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการปรับลำโพงอยู่ เพราะเหตุนี้จึงเกิดเสียงกรีดร้องของลำโพงดังไปทั่วท้องถนนเป็นระยะ
ถนนทั้งสองข้างถูกประดับไปด้วยธงที่ปลิวไสวไปมา ธงหลากหลายแบบแขวนอยู่ตามถนน ไม่ว่าจะเป็นธงประจำชาติแคนาดา ธงประจำรัฐนิวฟันแลนด์ และยังมีธงของเมืองแฟร์เวลอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโปสเตอร์ของผู้สมัครลงเลือกตั้งปลิวไปมาด้วยอีกจำนวนหนึ่ง บนโปสเตอร์เหล่านั้นเป็นรูปของผู้ลงสมัครเลือกตั้งทั้งห้าคน
บนถนนสายหลักหลายสาย มีคนมาแจกใบปลิวอยู่ตลอดเวลา ด้านบนใบปลิวเป็นการแนะนำผู้ลงสมัครเลือกตั้งทั้งห้าคนรวมถึงนโยบายการหาเสียงของพวกเขา โดยไม่ต้องสงสัย คนที่เป็นที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดก็คือวินนี่
แวดวงการเมืองของนิวฟันแลนด์นั้นมีลักษณะที่เฉพาะที่สุดในแคนาดา พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ หลายอย่างนั้นเหมือนกับประเทศอังกฤษ เนื่องจากพวกเขาตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่หลายอย่างก็ยังเหมือนประเทศแคนาดา เพราะว่าหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองพวกเขาก็กลับคืนสู่แคนาดา…
แวดวงการเมืองชั้นสูงนั้นค่อนข้างวุ่นวาย การเมืองเล็กๆ ระดับเมืองจึงไม่ได้มีอะไรเป็นหลักแน่นอนเป็นธรรมดา เรื่องตลกของการเลือกตั้งในเมืองเล็กๆ จึงมีออกมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย สุนัขเป็นนายกเทศมนตรีบ้าง แมวเป็นนายกเทศมนตรีบ้าง ที่มากไปกว่านั้นคือ ยังมีการเอาคนตายมาเป็นนายกเทศมนตรีด้วย…
แต่เมืองแฟร์เวลถือว่าเป็นเมืองขนาดใหญ่ การเลือกตั้งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เหล่าประชาชนต่างก็รู้เรื่องนี้ดี ทิศทางการเมืองของเมืองแห่งนี้จำเป็นจะต้องได้รับการนำทัพโดยนายกเทศมนตรีที่เก่งกาจ ในเรื่องนี้พวกเขาต่างก็จริงจังกับมันมาก พวกเขาจะเลือกคนที่พวกเขาคิดว่าเหมาะสมที่จะเป็นนายกเทศมนตรีมากที่สุด
ดังนั้น แม้ว่าหนึ่งในผู้ลงสมัครในครั้งนี้จะมีสุนัขอยู่ด้วยหนึ่งตัว แต่พวกเขาก็เข้าใจดีว่านี่เป็นการสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานครึกครื้นเท่านั้น คงไม่มีใครลงคะแนนเสียงให้สุนัขจริงๆ แน่นอน
ใช่แล้ว ผู้ลงสมัครนายกเทศมนตรีของเมืองแฟร์เวลในครั้งนี้มีสุนัขอยู่ด้วยหนึ่งตัว จนถึงตอนนี้ฉินสือโอวพึ่งจะเข้าใจเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าฮิวจ์คนน้อง เจ้าบ้านั่นไปหาพิตบูลสุนัขที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งนักสู้มาจากไหน ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วันสุนัขพันธุ์พิตบูล ตัวนั้นมีท่าทางดุร้ายมาก หลังจากนั้นมันก็ถูกลงชื่อเป็นผู้ลงสมัครเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี
“พระเจ้า” ฉินสือโอวโบกมือเรียกให้ชาร์คมาหา “สุนัขของฮิวจ์คนน้องตัวนั้นมันอะไรกัน? ไร้สาระ งานที่จริงจังขนาดนี้ ให้เขามายุ่งได้อย่างไร! ไป พาหู่จือกับเป้าจือมาจัดการมันสิ จากนั้นวินนี่ก็จะมีคู่ต่อสู้ลดน้อยลง!”
ชาร์คชี้ไปที่รูปภาพของสุนัขที่กำลังยิ้มยิงฟันอยู่แล้วพูดออกมาว่า “บอส นี่เป็นพิตบูลเลยนะ มันเก่งมาก เกรงว่าหู่จือกับเป้าจือจะตกที่นั่งลำบากได้นะครับ”
“งั้นไปพาฉงต้ามา!”
“มันสู้สุนัขเพศเมียตัวนี้ไม่ไหวหรอกครับ!”
ผู้ลงสมัครเลือกตั้งทั้งห้าคนในครั้งนี้จะมาแทนนายกเทศมนตรีฮานี่ย์ แรมโบ้ เขามีคุณสมบัติที่จะได้ลงสมัครเลือกตั้งโดยอัตโนมัติ ส่วนผู้สมัครที่เหลือสามในสี่คนได้ไปยื่นขออนุมัติจากสภาเมืองนครเซนต์จอห์นด้วยตัวเอง ส่วนอีกหนึ่งคนนั้นเป็นคนที่รัฐบาลสรรหามา
คนที่รัฐบาลสรรหามานั้นคือเสมียนศุลกากร แต่ก็ไม่มีใครสนใจเขา เรื่องนี้เป็นแฮมเล็ตที่เข้ามาช่วยฉินสือโอว เขาวางแผนให้ทุกคนทำท่าทีไม่สนใจเสมียนคนนั้น เพื่อที่จะลดความกดดันในการหาเสียงของวินนี่
ผู้ลงสมัครทั้งสามคนของเมืองได้แก่ วินนี่ ชาวประมงและเจ้าของโรงแรมอย่างเอลตัน เบิร์ตและสุนัขพิตบูลของฮิวจ์คนน้อง
เมื่อดูจากรายชื่อผู้ลงสมัครเลือกตั้งก็มองออกได้ทันทีว่า การลงสมัครเลือกตั้งของวินนี่เป็นความหวังของทุกคน พวกเขาทุกคนต่างพากันช่วยเธออย่างเต็มที่ คู่แข่งของเธอนั้นไม่ได้เรื่อง กิจกรรมหาเสียงของเธอก็ถูกจัดขึ้นมากที่สุด แขกผู้มาช่วยหาเสียงของเธอนั้นแข็งแกร่งที่สุด ถ้าหากว่าแบบนี้แล้วเธอยังไม่ได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรี แบบนั้นก็ถือว่าโดนหลอกแล้วล่ะ!
ช่วงนี้วินนี่ได้ไปเป็นแขกรับเชิญทางสถานีวิทยุและสื่อต่างๆ มากขึ้น รายการข่าวเศรษฐกิจแห่งนครเซนต์จอห์นได้เชิญเธอไปสัมภาษณ์ในหัวข้อ ว่าที่นายกเทศมนตรีที่สวยที่สุดในนิวฟันแลนด์กำลังจะได้รับชัยชนะ
เหมือนกับการเลือกตั้งอื่นๆ การเลือกตั้งในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นในสุดสัปดาห์ ในวันเสาร์ผู้ลงสมัครเลือกตั้งจะกล่าวสุนทรพจน์และเปิดให้ผู้ลงสมัครตอบคำถามจากประชาชน เที่ยงคืนของวันเสาร์หรือเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะอดหลับอดนอนเพื่อรอลงเลือกตั้ง และพวกเขาจะเริ่มนับคะแนนทันที นายกเทศมนตรีจะได้รับการเลือกภายในชั่วข้ามคืน
การกล่าวสุนทรพจน์จะเริ่มตั้งแต่บ่ายโมงเป็นต้นไป ผู้สมัครเลือกตั้งทุกคนมีเวลาในการกล่าวสุนทรพจน์อย่างเต็มที่คนละครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เมื่อถึงเวลาสี่โมงเย็น ผู้ลงสมัครเลือกตั้งห้าคนจะนั่งรวมกันเพื่อรอรับคำถามจากประชาชนและผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ที่ทางรัฐบาลส่งมา ในส่วนนี้ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง หลังจากที่งานจบลงทุกคนก็สามารถกลับบ้านไปทานข้าวและหารือเรื่องที่จะสนับสนุนผู้ลงสมัครเลือกตั้งคนไหนได้
ตอนเช้าวินนี่อยู่กับเออร์บักและแมคคาลลียน พวกเขากำลังพูดคุยกันถึงเรื่องเนื้อหาในการกล่าวสุนทรพจน์ สำหรับเนื้อหาร่างฉบับสุดท้าย ฉินสือโอวได้ดูมันด้วย เมื่อเห็นว่าไม่มีตรงไหนที่ต้องการให้เขาช่วย เขาก็เลยออกไปเที่ยวเล่น
ผู้ลงสมัครเลือกตั้งทั้งห้าคนจะมีห้องพักรับรองที่โรงแรมในเมืองชั่วคราว ฉินสือโอวที่พึ่งจะออกมาจากที่นั่น เขาก็เจอเข้ากับฮิวจ์คนน้อง เขากำลังจูงสุนัขพิตบูลอยู่ในมือ แต่มันไม่ได้เป็นสุนัขโตเต็มวัย เป็นเพียงลูกสุนัขที่ค่อนข้างตัวใหญ่เท่านั้น อีกอย่างมันก็ไม่ได้ดุร้ายมาก มันยิ้มออกมาด้วยท่าทางซื่อๆ
ฉินสือโอวชี้ไปที่มันแล้วถามว่า “นี่นายกำลังเล่นอะไรอยู่?”
ฮิวจ์พูดข่มขู่เขากลับว่า “เด็กน้อย นายควรจะทำตัวดีๆ หน่อย มันชื่อบุช ต่อไปมันจะเป็นนายกเทศมนตรีของพวกเรา หลังจากที่มันได้รับเลือก นายจะให้มันกินนายเหมือนนายเป็นอาหารเลย!”
“ทำไมจู่ๆ นายถึงคิดเลี้ยงพิตบูลขึ้นมาล่ะ?” ฉินสือโอวถามออกมาด้วยความสงสัย สุนัขสายพันธุ์นี้ดุร้ายมาก ไม่เหมาะที่จะเลี้ยงในเมือง แน่นอนว่าเลี้ยงในชนบทนั้นไม่เป็นอะไร เพราะเขาก็ยังเลี้ยงหมีสีน้ำตาลและหมาป่าขาวเลย
ฮิวจ์คนน้องตอบกลับมาว่า “อะไรที่เรียกว่าจู่ๆ ก็อยากเลี้ยงขึ้นมา? ยังจำที่เราเล่นสกีกันเมื่อปีที่แล้วได้ไหม? ที่นายทำเรื่องไร้สาระในตอนนั้นน่ะ”
ฉินสือโอวทำหน้าบึ้งแล้วพูดออกมาว่า “ไม่ต้องให้นายย้ำหรอก ฉันได้ พูดเรื่องที่จะพูดตรงๆ เลยเถอะ”
“ตอนนั้นนายไม่ใช่เหรอที่ให้หู่จือกับเป้าจือมาแกล้งฉัน? ตอนนั้นฉันสาบานอย่างเงียบๆ ว่า ต่อไปฉันจะเลี้ยงสุนัขตัวใหญ่ที่ดุร้ายมาแก้แค้นนาย! ตอนนี้วันนั้นได้มาถึงแล้ว!” ฮิวจ์คนน้องจงใจกัดฟันแน่นแล้วพูดลอดฟันออกมา
ฉินสือโอวหัวเราะแห้งออกมา แล้วพูดอย่างดูถูกว่า “เพื่อน นายไม่ได้แก้แค้นหรอก นี่เป็นการเสิร์ฟอาหารชัดๆ ตอนบ่ายฉันจะพาฉงต้ามา วันนี้มันยังไม่ได้กินอะไรพอดี สุนัขของนายตัวนี้ถือว่าเป็นอาหารของมันสักมื้อแล้วกัน!”
พิตบูลนั้นโง่แต่ก็มีประสาทสัมผัสไวมาก มันสัมผัสได้ถึงเจตนามุ่งร้ายลึกๆ ที่ฉินสือโอวมีต่อมัน มันจึงอ้าปากเห่าฉินสือโอวอยู่สองสามครั้ง
ฉินสือโอวโบกมือให้ฮิวจ์คนน้องจากนั้นก็เดินออกมา เขาต้องกลับไปพาหู่จือและเป้าจือมาที่นี่
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ชาวเมืองต่างก็พากันเข้ามาในเมืองเพื่อที่จะเตรียมตัวเข้าร่วมการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่จัดขึ้นทุกๆ สี่ปี
การกล่าวสุนทรพจน์ของผู้เลือกตั้งทั้งห้าคน ผู้ที่ขึ้นเวทีคนแรกคือพิตบูลที่ชื่อบุชของฮิวจ์คนน้อง แม้ว่าเขาจะครอบครองสุนัขสายพันธุ์ดุร้ายที่มีนิสัยกล้าหาญ แต่คาดว่ามันคงไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน นั่นคือการที่ถูกคนนับพันจ้องมองมา…
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ฮิวจ์คนน้องปล่อยมือจากมันบนเวที มันก็วิ่งหนีหางจุดตูดลงเวทีไปอย่างรวดเร็ว
บทที่ 1234 สุนัขการเมือง
ดิคในฐานะพิธีกรที่กำลังพูดอยู่ที่ด้านล่างเวที แต่เดิมที่เขากำลังยิ้มหัวเราะให้กับเหล่าประชาชนอยู่นั้น ปรากฏว่าเมื่อเห็นทุกคนหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน เขาก็หันกลับไปมองด้วยความสงสัย จากนั้นเขาก็เห็นสุนัขท่าทางน่ากลัวตัวหนึ่งกำลังวิ่งมาหาเขา มันทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา…
“โว้ว พระเจ้า!” ดิคร้องออกมา “ฮิวจ์ ผมจะฆ่าคุณ!”
พิตบูลวิ่งมาทางดิค หนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวกลิ้งไปมาบนพื้นพร้อมกันเต็มไปด้วยวุ่นวาย ฮิวจ์คนน้องรีบเข้ามาพาสุนัขอันเป็นที่รักของตัวเองออกมา มิสเตอร์บุชรีบเข้าไปยังอ้อมกอดของเขาทันทีที่เห็นว่าเจ้านายของตัวเองปรากฏตัว มันหวาดกลัวจนหางจุกตูด พลางร้องออกมาด้วยเสียงอันน่ากลัวไม่หยุด
ฮิวจ์พาพิตบูลขึ้นไปยังบนเวทีอีกครั้ง คราวนี้เขาค่อยๆ ปล่อยมืออย่างระมัดระวัง แต่สุนัขตัวนี้ก็ยังคงวิ่งหนีออกมาอยู่ดี
เพราะเหตุนี้ฮิวจ์คนน้องจึงทำได้เพียงอุ้มมันขึ้นมาแล้วเขาก็ยืนอยู่บนเวทีด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ ด้านหน้าของเขาคือประชาชนที่พากันหัวเราะและพูดออกมาว่า “เพื่อน การเลือกตั้งได้เริ่มขึ้นแล้ว คุณรีบพูดสุนทรพจน์เร็วเข้า คุณพูดแทนสุนัขของคุณก็ได้ ผมจะสอนวิธีการพูดสุนทรพจน์ให้คุณเอง บ๊อกๆ บ๊อกๆๆ ฮ่าๆ…”
“ฟัคยู ซับลาน นายหุบปากไปเลยนะ!” ฮิวจ์คนน้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห “นายมันหาเรื่อง ดูสิว่าถ้าฉันมีเวลาฉันจะจัดการนายได้อย่างไร!”
ไม่เพียงแต่ซับลานที่หาเรื่องใส่ตัว ฮิวจ์เองก็สร้างเรื่องไว้เหมือนกัน นี่คือการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีไม่ใช่ละครเวที การที่เขาทำแบบนี้มันไม่เหมาะสม
แต่เขาจนปัญญา พิตบูลนั้นโง่มาก มันไม่ได้มีไอคิวสูง เรื่องนี้ทำให้มันกลัวจนฉี่ราดได้ ไม่ว่าจะปลอบอย่างไรก็ไม่เป็นผล มันอยากจะวิ่งลงเวทีไปอย่างเดียว
ฉินสือโอวพาหู่จือและเป้าจือมา พวกมันทั้งสองตัวมองไปยังบนเวทีที่มีเสียงร้องของสุนัขดังออกมา ทำให้รู้สึกสนุกขึ้นมาทันที จากนั้นพวกมันก็วิ่งกระดิกหางไปยังเวทีอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเพื่อนประเภทเดียวกัน ในที่สุดพิตบูลก็มีจุดอื่นที่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจได้ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ถูกฝังอยู่ในสายเลือดของมันถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง มันวิ่งหนีออกมาในช่วงที่ฮิวจ์คนน้องไม่ได้สนใจมัน มันส่งเสียงเห่าและขู่มายังหู่จือและเป้าจือ
หู่จือและเป้าจือเหลือบมองไปยังบุชด้วยสายตาดูถูก ช่างทำให้ตระกูลสุนัขอย่างเราเสียหน้าเสียจริง แม้แต่จะกล่าวสุนทรพจน์ยังไม่กล้าแถมยังมาเห่าใส่พี่น้องอย่างพวกเราอีกงั้นเหรอ? ขี้เกียจที่จะสนใจนายแล้ว!
แลบราดอร์ทั้งสองตัวยืนอยู่บนเวทีกล่าวสุนทรพจน์พลางมองยังฝูงชนที่แน่นขนัดอยู่ด้านล่างด้วยความกระตือรือร้น หรือพูดได้ว่าพวกมันสนุกกับการที่พวกมันเป็นที่จับตามอง หลังจากที่พวกมันได้กลายเป็นสุนัขบำบัดในศาล พวกมันก็ยิ่งชอบที่จะเป็นจุดสนใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานเลือกตั้งในวันนี้ทุกคนในเมืองต่างพากันมาที่นี่ คนนับพันอยู่บนถนน ไม่เหมือนกับที่ศาลก่อนหน้านี้ที่มีเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น คนเยอะขนาดนี้กำลังมองมาที่ตัวเอง หู่จือและเป้าจือรู้สึกดีมากเลย
ตรงกันข้ามพิตบูลกลับรู้สึกแย่ สายตาของหู่จือและเป้าจือทำให้มันรู้สึกเหมือนได้รับการดูถูก มันจึงเห่าออกมาและพุ่งเข้าใส่
เสียงอุทานของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่อยู่ด้านล่างดังขึ้น ดิคที่เป็นพิธีกรยิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่ ตอนนี้ไม่มีใครกล้าขึ้นไปบนเวที รวมถึงเจ้าของอย่างฮิวจ์คนน้องด้วย เมื่อพิตบูลเริ่มต่อสู้พวกเราก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน หากเข้าไปยุ่งอาจจะถูกมันกัดอย่างน่าเวทนาก็เป็นได้
บุชพุ่งเข้าโจมตีอย่างดุร้าย หู่จือและเป้าจือที่กำลังกระดิกหางไปมาเพื่อโชว์ตัวอยู่หันกลับมามองบุชทันที หลังจากนั้นพวกมันทั้งสองตัวก็รีบหมุนตัวพลางถอยหนีออกมาทันที ทำให้พิตบูลที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้านั้นพุ่งลงไปที่พื้น…
จากหน้ามือเปลี่ยนเป็นหลังมือ ราชาแห่งการต่อสู้ที่ฮิวจ์คนน้องคาดหวังไว้สูงถูกทำให้กลิ้งตกลงไปที่พื้น หู่จือและเป้าจือใช้อุ้งเท้าจับมันไว้ จากนั้นก็แยกเขี้ยวคำรามใส่มัน พิตบูลดิ้นไปมาอย่างรุนแรงแต่มันก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้ ท้ายที่สุดแล้วมันจึงทำได้เพียงร้องสะอื้นออกมาเบาๆ
เมื่อเห็นแบบนี้หู่จือและเป้าตือจึงยกเท้าที่จับมันไว้ออก หลังจากนั้นบุชก็ลุกขึ้นมา แล้วมันก็วิ่งหนีออกไปพร้อมกับหางที่ตกลงอย่างเศร้าสร้อย
ฮิวจ์คนน้องวิ่งตามหลังมันไปพลางเรียก ‘บุช’ ไปด้วย คนที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างพากันหัวเราะออกมา ฮิวจ์คนน้องอุ้มลูกชายของตัวเองขึ้นมาพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอับอาย แต่ลูกชายของเขากลับถอนหายใจออกมาราวกับเด็กน้อย เขาจึงพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ผมถูกลุงทำให้เสียหน้าจนไม่เหลืออะไรแล้ว แล้วแบบนี้ผมจะไปเล่นกับเพื่อนๆ ได้อย่างไร?”
ฉินสือโอวรีบออกมาเรียกหู่จือและเป้าจือทันที เหล่าประชาชนที่อยู่ด้านล่างเวทีกลับอยากดูเรื่องสนุกสนานพวกนี้อีก พวกเขาตะโกนขึ้นมาว่า “อย่าพึ่งไปเลย! ให้มันอยู่ต่อเถอะ!” “หู่จือเป้าจือ จุ้บๆ!” “พวกเราขอเปลี่ยนตัวผู้สมัครนายกเทศมนตรี ให้หู่จือเป้าจือมาแทนที่!”
หู่จือและเป้าจือนั้นฉลาดมาก พวกมันสามารถรับรู้อารมณ์ที่สูงขึ้นของผู้คนที่อยู่ด้านล่างได้ ดังนั้นพวกมันจึงยิ่งดีใจมากขึ้น มันจึงแสดงท่าทีอวดเบ่งออกมา พวกมันเชิดหัวขึ้น เท้าทั้งสองข้างวางอยู่บนเวที พวกมันแลบลิ้นเลียริมฝีปากออกมาอย่างมีความสุขพลางมองลงไปยังผู้คนด้านล่าง
“รีบลงมาเดี๋ยวนี้!” ฉินสือโอวชูกำปั้นขู่พวกมัน
หู่จือและเป้าจือที่ปกติเป็นเด็กดีตอนนี้ทำตัวดื้อรั้นขึ้นมา พวกมันทั้งสองตัวแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน พวกมันกระดิกหางไปมาอย่างบนเวทีอย่างมีความสุข บางครั้งพวกมันก็เห่าออกมาเป็นครั้งคราว ผู้คนที่อยู่ด้านล่างก็ส่งเสียงเชียร์ออกมาตลอดเวลา
สำหรับการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีในครั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ที่อยู่ในเมืองนั้นเลี่ยนกับเรื่องพวกนี้ พวกเขาต้องยืนอยู่ที่ถนนเป็นเวลาสองสามชั่วโมงเพื่อฟังคำพูดไร้ประโยชน์พวกนั้น อีกที่จริงพวกเขาต่างก็มีคนที่อยากจะเลือกแล้วอยู่ในใจ ไม่ว่าใครจะพูดดีแค่ไหนพวกเขาก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ กิจกรรมการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ก็เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว!
ดังนั้นเมื่อตอนที่ฮิวจ์คนน้องเสนอให้ตัวเต็งในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสุนัขตัวหนึ่งพวกเขาจึงเห็นด้วยกันหมด ถือว่าเป็นการสร้างสีสันให้กับกิจกรรม ดูอย่างตอนนี้สิ การให้สัตว์มาเข้าร่วมการเลือกตั้งทำให้บรรยากาศครึกครื้นจริงๆ หู่จือและเป้าจือทำให้บรรยากาศรอบๆ ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
ฉินสือโอวทำได้เพียงแค่ขึ้นไปลากหู่จือกับเป้าจือลงมา เขาจูงสุนัขไว้ในมือละตัว ใบหน้าของหู่จือและเป้าจือแสดงออกมาว่าไม่มีความสุข พวกมันยังไม่ได้แสดงเสน่ห์ออกมาเลย
ชาวเมืองต่างพากันโห่ร้องไล่ฉินสือโอว หลังจากที่เขาลงเวทีไปก็มีคนมาลากเขา แล้วตะโกนใส่ว่า “ฉิน คุณปล่อยให้พวกมันสองตัวกลับขึ้นไปเถอะ พวกเราอยากให้พวกมันมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง!”
“อย่ามากวนๆ พระเจ้า ทุกคนจริงจังหน่อยสิ!” ท่านชายฉินหัวเสียแล้ว
เมื่อไม่มีสุนัขอยู่บนเวที ดิคจึงกล้าที่จะขึ้นไปบนเวทีเพื่อกู้สถานการณ์ เขาก็จนปัญญาเช่นกัน เขาคิดว่าพ่อของเขาในฐานะที่เป็นพิธีกรมาทั้งชีวิตคงไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้อย่างแน่นอน แล้วทำไมมันถึงกลับมาตกอยู่ที่เขาได้ล่ะ? นี่มันซวยเกินไปรึเปล่า?
แต่ว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว บรรยากาศการหาเสียงก็จะได้เปลี่ยนเป็นครึกครื้นขึ้นมา
คนอื่นๆ ทยอยกันออกมาบนเวที เนื้อหาการกล่าวสุนทรพจน์ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น สิ่งเดียวที่พวกเขาพูดเหมือนกันคือจะพัฒนาเมืองให้ดียิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้เมื่อประชาชนได้ฟังคำพูดพวกนี้พวกเขาไม่ได้มีท่าทีตอบสนองอะไร ตอนนี้เพราะว่าความครึกคักที่เกิดจากหู่จือและเป้าจือ อารมณ์ของพวกเขาจึงพุ่งสูงขึ้น ทำให้มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำพูดเหล่านั้น
วินนี่ออกมาเป็นคนสุดท้าย เธอเตรียมการสำหรับการหาเสียงในครั้งนี้มาอย่างตั้งใจ ตั้งแต่การแต่งหน้าแต่งตัว ทุกอย่างดูมืออาชีพ
ชุดสูทเป็นชุดที่ผู้หญิงที่ทำงานต้องมีเก็บไว้อย่างไม่ต้องสงสัย วินนี่เลือกชุดสูทสำหรับสตรีสีดำธรรมดาออกมาสวมใส่ การตัดเย็บเรียบร้อยไม่มีบกพร่อง กางเกงทรงขากระบอกพร้อมกับรองเท้าส้นสูงทำให้เธอดูสูงขึ้นได้ และยังทำให้สัมผัสได้ถึงความเรียบง่ายและความสงบได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้เมื่อบวกกับการจัดแต่งทรงผมสีดำขลับด้วยการรวบผมหางม้ารวมถึงท่าทีที่สวยสง่างามแล้ว เมื่อเธอเดินออกมา เธอก็ได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม
โดยเฉพาะฉินสือโอวที่โห่ร้องให้กำลังใจเป็นพิเศษ เขามองไปยังพวกทหารที่อยู่ด้านหน้า คนถูกแกล้งพวกนั้นร้องเชียร์ออกมาเบาๆ เท่านั้น เขาลากพวกเขาออกมา แล้วพูดพลางขมวดคิ้วด้วยความโมโหว่า “โบนัสหนึ่งหมื่นดอลลาร์!”
พวกที่ถูกรังแกทั้งหลายยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ หลังจากนั้นพวกเขาก็ชะเง้อคอตะโกนออกมา แบล็คไนฟ์ยกป้ายขึ้นมาแผ่นหนึ่ง ด้านบนเขียนว่า ‘วินนี่ ลูกสาวของพระเจ้า’
ส่วนนีลเซ็นก็คร่ำครวญออกมาว่า “ชิบ ชาร์คเดาถูกจริงๆ เงินของบอสนี่ได้มายากจริงๆ!”
บทที่ 1235 ว่าที่ภรรยาของผมเป็นนายกเท...
หลังจบการพูดอภิปรายของผู้สมัครชิงตำแหน่งแล้ว ต่อไปก็คือการตอบคำถามระดับมืออาชีพและจากประชาชนที่ถูกเลือก ผู้สมัครชิงตำแหน่งหกคน พิตบูลของฮิวจ์วิ่งหนีไปแล้ว ส่วนจะวิ่งไปที่ไหนนั้นตอนนี้ก็ยังไม่แน่ชัด ฮิวจ์เองก็กำลังตามหาอยู่ ภายใต้เสียงเรียกร้องของเหล่าประชาชน ทำให้หู่จือและเป้าจือมาแทนที่กลายเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งใหม่ทันที
ฉากแบบนี้ทำเอาพวกนักท่องเที่ยวที่มองดูแทบล้มทับแว่นหักกันเลยทีเดียว สำหรับประชาชนในประเทศแล้ว การคัดเลือกในครั้งนี้เป็นเรื่องที่จริงจังมาก แต่กลับเกิดเรื่องวุ่นๆ เสียได้ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันจริงๆ
ในรอบตอบคำถามของประชาชนที่ถูกเลือกนั้น ผู้เข้าแข่งขันทั้งหกจะนั่งเรียงกันหลังโต๊ะ วินนี่ที่เป็นหนึ่งในนั้นได้ที่นั่งตรงกลาง มีหู่จือกับเป้าจือที่ตัวติดกับเธอประกบอยู่ทั้งซ้ายและขวา แรกเริ่มฉินสือโอวเองก็รู้สึกว่าเรื่องชักจะเลยเถิดไปใหญ่เหมือนกัน จึงกวักมือเรียกให้พวกมันรีบกลับลงมา
แต่ว่าเจ้าแลบราดอร์ไม่สนใจเขา ความอยากเป็นจุดสนใจของพวกมันนั้นแรงกล้ามาก พวกมันชอบความรู้สึกที่ถูกคนมุงดูเป็นที่สุด
ทำเอากลุ่มคนมากมายรวมไปถึงเจ้าหน้าที่รักษาการแทนนายกเทศมนตรีฮานี่ย์ แรมโบ้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว มีรายการโทรทัศน์กับสำนักข่าวหลายแห่งส่งทีมสัมภาษณ์มาทำข่าวเกี่ยวกับการเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่ว่าความสนใจของพวกเขาล้วนอยู่ที่ตัววินนี่กับหู่จือและเป้าจือกันหมด ทำให้พวกเขาทุกคนกลายเป็นเพียงตัวประกอบกันหมด
การถามคำถามเริ่มถามจากซ้ายไปขวา แม้แต่หู่จือกับเป้าจือเองก็ไม่เว้นถูกถามด้วย ในจุดนี้ทำให้ฉินสือโอวรับรู้ได้ถึงความรู้สึกลำบากใจของประชาชนชาวแคนาดาที่ถูกเลือกแล้ว
“ไม่ทราบว่าในช่วงที่รับตำแหน่งรักษาการแทนนายกเทศมนตรี คุณคิดว่าผลงานที่ดีที่สุดของคุณคืออะไรคะ?” คำถามนี้ถามกับฮานี่ย์ แรมโบ้
ฮานีย์กระแอมทีหนึ่ง แล้วเริ่มพูดคำตอบที่เตรียมไว้ก่อนแล้วออกมาอย่างไม่อึกอัก แต่ว่าก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเพราะคนข้างล่างเวทีไม่มีคนสนใจเลย
“ก่อนหน้านี้คุณทำงานที่ด่านศุลกากรมาตลอด ไม่ทราบว่าทำไมจึงสนใจเข้าชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีขึ้นมาล่ะคะ?” คำถามนี้ถามกับผู้เข้าชิงที่ทางสภาเมืองเลือกมาแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
เจ้าหน้าที่ศุลกากรคนนี้แอบก่นด่าในใจ ให้ตายสิ ฉันอยากเข้าชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตายล่ะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าทำไมฉันต้องมาสมัครเข้าชิงตำแหน่งนี้ด้วย!
แน่นอนว่า ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่กล้าพูดแบบนี้ออกไป เขาเองก็ได้เตรียมคำตอบมาไว้แล้วเหมือนกัน จึงพูดออกไปอย่างไม่อึกอักเช่นกัน และก็ไม่มีประโยชน์เหมือนเดิม คนที่อยู่ข้างล่างยังคงไม่สนใจอยู่ดี
“ในฐานะที่เป็นเจ้าของโรงแรมคนหนึ่ง คุณคิดว่าทักษะพิเศษอะไรในตัวคุณที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับงานของนายกเทศมนตรีบ้างคะ?” คำถามนี้ถามกับเอลตัน เบิร์ต
เอลตันยักไหล่แล้วพูดว่า “ผมไม่พูดอะไรแล้วกันครับ ถ้าหากผมไม่ได้รับเลือก งั้นผมพูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์ ถ้าหากว่าได้รับเลือกแล้ว พวกคุณคอยดูว่าผมจะทำอย่างไรแล้วกันนะครับ ผมไม่ใช่คนที่จะพูดจาเรื่อยเปื่อย”
“โอ้ จบแล้วเหรอคะ?”
เอลตันเกาหัวแล้วพูดว่า “เอาเถอะ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน ขอบคุณภรรยาและครอบครัวที่สนับสนุนผม”
ประชาชนด้านล่างพากันผิวปากขึ้นมา แบล็คไนฟ์พูดข้างหูของฉินสือโอวว่า “&*%¥#@…”
ฉินสือโอวจับใจความไม่ได้เลยสักคำ จึงถามกลับไปว่า “นายพูดอะไรนะ ฉันไม่ได้ยินเลย?”
แบล็คไนฟ์ตอบ “บอสครับ เมื่อกี้ผมตะโกนจนเสียงแหบแล้ว!”
“ถือว่าเป็นการได้รับบาดเจ็บในหน้าที่แล้วกัน” ฉินสือโอวเข้าใจความหมายของคำพูดของเขาจึงตอบกลับไปแบบนี้
แบล็คไนฟ์ดีใจสุดขีด จึงเล่าทั้งเรื่องของแอร์แบ็คกับออสเปรออกมา “@#¥%…”
“ไสหัวไป!” ท่านชายฉินโกรธจัดขึ้นมาในชั่วขณะ
ตามระเบียบการแล้ว ถึงเวลาที่ต้องเริ่มสัมภาษณ์หู่จือแล้ว แต่ดิคที่เป็นพิธีกรกลับยื่นไมโครโฟนไปที่หน้าหู่จือ
แล้วถามว่า “เฮ้ แลบราดอร์สุดหล่อ ปกตินายชอบกินอะไรเหรอ?”
ฉินสือโอวตาค้างทันที นี่มันคำถามอะไรกัน? หู่จือสำรวจดูไมโครโฟน รู้สึกว่ามันดูเหมือนกับกระดูกเลย จึงเริ่มกัดแทะอย่างดีอกดีใจ “งั่มๆ งั่มๆ…”
เมื่อเห็นพี่ชายแทะอย่างเอร็ดอร่อยแล้ว เป้าจือก็ไม่รอช้า พอไมโครโฟนมาอยู่ตรงหน้ามันเท่านั้น มันไม่รอให้ถามก็เริ่มแทะก่อนทันที…
การสัมภาษณ์สิ้นสุดลง ต่อไปก็เหลือแค่รอผลสรุปของการโหวตแล้ว
แม้จะรู้ว่าวินนี่มีความมั่นใจมาก แต่ท่านชายฉินกังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น จึงทำให้เขากินมื้อค่ำไม่อร่อย ใจเหม่อลอยออกไป
เพราะเป็นวันสุดสัปดาห์ แฮมเล็ตไม่ต้องทำงาน เขาจึงมาที่เกาะแฟร์เวลเพื่อช่วยสนับสนุนวินนี่ด้วย ดังนั้นการที่บอกว่าวินนี่เป็นสตรีที่ฟ้าส่งมานั้นจึงไม่เกินไปเลย
ระหว่างกินเพรียงคอห่านที่รสชาติหอมหวานอยู่นั้น แฮมเล็ตก็พูดกับฉินสือโอวว่า “เพื่อน นายตั้งใจกินข้าวเถอะครับ วินนี่ต้องได้รับเลือกอย่างแน่นอนไม่มีปัญหาอะไรหรอก อีกอย่างนี่เป็นแค่การเลือกตั้งในเมืองเล็กเท่านั้น ปีก่อนที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ฉันก็ไม่เห็นนายจะใส่ใจขนาดนี้นี่”
ฉินสือโอวถอนหายใจแล้วพูดว่า “ก็ครั้งนี้เป็นภรรยาผมนี่ครับ คุณเป็นภรรยาผมหรืออย่างไรครับ?”
เมื่อเลยเที่ยงคืนไป การโหวตก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ สถานที่ที่จัดทำการโหวตนั้นเป็นที่เดียวกับที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งก็คือโถงใหญ่ของสภาเมืองนั่นเอง ทุกคนจะต่อแถวกันใส่ผลโหวตของตัวเองลงในเครื่องนับอิเล็กทรอนิกส์ ด้านนี้ใส่ผลโหวตลงไป ด้านนั้นก็จะแสดงผลออกมาทันที
กลุ่มคนที่มาโหวตเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดกับนายกเทศมนตรีนั้นไม่เหมือนกัน คนกลุ่มแรกจะเลือกการสละสิทธิ์กันเป็นส่วนใหญ่ แต่คนกลุ่มหลังกลับพากันมาใช้สิทธิ์เสียเป็นส่วนใหญ่
นอกเหนือจากนั้นคนที่สามารถมาโหวตเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดได้นั้นต้องมีคุณสมบัติหลายอย่างมากกว่า จำเป็นต้องเป็นคนที่บรรลุนิติภาวะ มีกรีนการ์ดของแคนาดาและมีสิทธิ์ในการเมืองเท่านั้น อย่างพวกเชอร์ลี่ย์ ชาร์คน้อยกับโหวจื่อเซวียนก็คือกลุ่มคนที่ไม่มีสิทธิ์นี้
แต่สิทธิ์ในการโหวตเลือกนายกเทศมนตรีนั้นไม่เหมือนกัน ขอแค่เป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองมามากกว่า 100 วันก็มีสิทธิ์นี้แล้ว แม้แต่เสี่ยวเถียนกวายังมีสิทธิ์มาโหวตเลย เป็นธรรมดาที่พวกโหวจื่อเซวียนก็มีสิทธิ์ด้วยเช่นกัน เพราะว่านายกเทศมนตรีต้องรับผิดชอบคนทุกคนที่อยู่ในเมือง ไม่สนว่าจะเป็นคนแคนาดาหรือไม่ สรุปก็คือขอแค่เป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมด แม้แต่เด็กๆ ก็นับรวมด้วยเช่นกัน
หลังจากโหวตเสร็จแล้ว ผลโหวตจะถูกตรวจสอบโดยทีมตรวจสอบที่ทางจังหวัดส่งมาก่อน หากไม่มีปัญหาอะไรแล้วจึงจะประกาศผลออกมา ใบคะแนนเสียงมีทั้งหมด 1158 ใบ วินนี่ได้มา 620 ใบ ทีมหู่จือกับเป้าจือได้มา 408 ใบ ส่วนอีกสามคนที่เหลือได้คะแนนเสียงรวมกันที่ 130ใบ…
พอเห็นผลสรุปแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวก็อึ้งไปทันที วินนี่เองก็แปลกใจอย่างที่สุด พวกเขาไม่คิดเลยว่าวินนี่จะชนะได้เฉียดฉิวถึงเพียงนี้ เพราะคะแนนต่างกันแค่ไม่กี่เสียงเท่านั้น พวกเขาก็จะถูกหู่จือกับเป้าจือกำราบเสียแล้ว!
พวกชาวประมงกับพวกทหารเองก็ตกใจกับผลคะแนนนี้เช่นกัน พวกแบล็คไนฟ์เองก็อาศัยอยู่ที่นี่เกิน 100 วันแล้ว พวกเขาก็มีสิทธิ์เลือกตั้งเช่นกัน จึงพากันถามไปมาว่า “ให้ตายเถอะ นายโหวตเลือกใคร?”
“ให้พูดความจริงใช่ไหม?”
“ใช่”
“ได้ ฉันโหวตเลือกหู่จือกับเป้าจือ”
“ฉันก็ด้วย”
“โห ที่แท้พวกนายก็ด้วยเหรอนี่? ดีจริง ฉันก็เหมือนกัน“
“เหอๆ ฉัน ภรรยาฉัน ลูกฉันก็ด้วย”
ฉินสือโอวจ้องตาค้างไปที่พวกทหารและชาวประมงที่กำลังปรบมือกันอย่างดีใจ แล้วตะโกนออกไปว่า “พวกนายทำอะไรกันน่ะ? ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าพวกเราต้องโหวตให้วินนี่? ความเชื่อใจระหว่างคนสองคนล่ะ? ทำไมพวกนายไม่เชื่อฟังคำของบอสเลย?”
แอร์แบ็คพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า “ไม่ใช่นะครับบอส ตอนนั้นพวกผมคิดว่า นายหญิงชนะการเลือกตั้งแน่นอนอยู่แล้ว ขาดเสียงของพวกผมไปเสียงสองเสียงก็ไม่เป็นไร แต่หู่จือกับเป้าจือก็เข้าร่วมการเลือกตั้งด้วย ถ้าหากว่าพวกมันไม่ได้คะแนนเสียงเลยสักคะแนนเดียว คงขายหน้ามากแน่ๆ ใช่ไหมครับ? พวกผมก็เลยโหวตให้พวกมันน่ะครับ”
“ผมก็เหมือนกันครับบอส ผมนึกว่านายหญิงต้องได้คะแนนเสียงมาหนึ่งพันคะแนน”
“ใช่ๆ ผมก็ด้วยครับ!”
“ฟัค พวกเราใจตรงกันเลย บังเอิญจริงๆ มา ชนแก้วกัน!”
“บอสก็มาดื่มด้วยกันสิครับ นายหญิงก็ชนะการเลือกตั้งแล้วไม่ใช่เหรอครับ? แม้ดูเหมือนสถานการณ์จะแย่แต่ก็ไม่มีอะไรเลย สายรุ้งมักเกิดหลังฝนกระหน่ำเสมอ มาๆ มาดื่มกัน คนเราน่ะ ต้องมีความสุขนะครับ!”
บทที่ 1236 หู่เป้าตัวดูดเงิน
วินนี่ได้รับเลือกให้เป็นนายกเทศมนตรีของเกาะแฟร์เวล ในที่สุดความฝันของฉินสือโอวก็กลายเป็นจริงแล้ว
พ่อและแม่ของฉินสือโอวยิ้มจนหุบปากไม่ลง แถมยังโทรศัพท์ไปหามิแรนดากับมาริโอ้เพื่อแจ้งข่าวนี้อีกด้วย จากนั้นพวกเขาก็ติดต่อมาหาฉินสือโอว แล้วเริ่มพูดเรื่องงานแต่งขึ้นมา “เสี่ยวโอว ตอนนี้พวกลูกหมั้นกันแล้ว ลูกก็มีแล้ว ต้องรีบแต่งงานแล้วหรือเปล่า”
“ใช่ เสี่ยวโอว อีกหน่อยวินนี่ต้องไปทำงานกับรัฐบาลแล้ว จะต้องยุ่งมากอย่างแน่นอน ถือโอกาสตอนที่เธอยังไม่ได้ทำงาน รีบจัดงานแต่งเถอะ”
ฉินสือโอวอธิบายอย่างใจเย็นว่า “พวกเรากำหนดวันเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ต้องรอเดือนตุลาคมถึงจะแต่งได้ ไม่ต้องรีบหรอกครับ อีกไม่นานแล้ว อีกแค่ฤดูเดียวเท่านั้น”
พ่อของฉินสือโอวจ้องตาเขม็งแล้วพูดว่า “ก็แค่งานแต่งงานเอง ทำไมแกถึงยืดเยื้อแบบนี้ล่ะ?”
ฉินสือโอวยิ้มขืนๆ ดึงรายชื่อยาวเหยียดในโทรศัพท์ออกมาแล้วพูดว่า “คนนี้คือเจ้าชายเฮนรี เจ้าชายคนรองของราชวงศ์อังกฤษ คนนี้คือประธานสภาการประมงและมหาสมุทรของแคนาดาคนปัจจุบัน แมทธิว จิน ส่วนคนนี้น่ะ เป็นรัชทายาทของราชวงศ์ในตะวันออกกลาง ส่วนคนนี้คือเจ้าหญิง…พอแล้ว นี่น่ะคือคนที่จะมาร่วมงานแต่งงาน ถ้าหากว่าผมแก้วันกะทันหัน แล้วคนอื่นจะทำอย่างไร? เวลาของพวกเขานั้นมีค่ามากแค่ไหน พ่อกับแม่รู้หรือเปล่าครับ?”
พ่อของฉินสือโอวปัดมือไปมา หัวเราะเหอๆ แล้วพูดว่า “ลูกโม้ต่อไปเถอะ ทำไมไม่บอกว่าลูกเชิญโอบามามาร่วมงานด้วยเลยล่ะ?”
ฉินสือโอวพูดออกไปอย่างเหนื่อยใจว่า “ถ้าพ่อไม่เชื่อผมก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่ว่าถึงโอบามาจะไม่มา แต่บุชมาด้วยแน่นอน ใช่ไหมบุช?”
เขาหันหลังไปตะโกนทีหนึ่ง นกอินทรีหัวขาวที่กำลังเกาะอยู่บนไม้แขวนเสื้อเพื่อจัดขนตัวเองอยู่มองมาที่เขาทันที จากนั้นก็ขยับปีกไปมาส่งเสียงร้องกรู๊ๆ แล้วบินมาหา
ฉินสือโอวจึงวิ่งไปหยอกเล่นกับบุชแทน พ่อกับแม่ของฉินสือโอวที่สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง จึงได้แต่หารือกันต่อว่า “คืนนี้ไปถามวินนี่ว่าอยากกินอะไร เราจะทำของที่เธอชอบให้เธอกิน สะใภ้ที่ดีขนาดนี้ ต้องดูแลดีๆ หน่อย”
วินนี่ในตอนนี้ได้กลายเป็นศรีภรรยาอันดับหนึ่งของเซนต์จอห์นไปแล้ว การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีในครั้งนี้ เนื่องด้วยตำแหน่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเกาะแฟร์เวลบวกกับการเข้าร่วมของแฮมเล็ตและแมคคาลลียน ทำให้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในเซนต์จอห์น วินนี่กลายเป็นนายกเทศมนตรีหญิงคนแรกของประวัติศาสตร์และดังเพียงชั่วข้ามคืน
สิ่งที่ทำให้เธอมีชื่อนั้นนอกจากเรื่องที่เป็นนายกเทศมนตรีหญิงคนแรกของเกาะแฟร์เวลแล้ว ยังเป็นเพราะประวัติที่ไร้ที่ติของเธอด้วย เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยที่เป็นมหาลัยหนึ่งเดียวในแคนาดา มหาวิทยาลัยสตรีเบรชชา หลังเรียนจบก็เข้าทำงานที่สายการบินแล้วกลายเป็นหัวหน้าแอร์โฮสเตสในสายการบินระหว่างประเทศโดยใช้เวลาสั้นที่สุด เธอมีความรู้และมีความสามารถอย่างล้นหลาม
แน่นอนว่า สิ่งที่ทำให้เธอได้รับความสนใจอย่างล้นหลามนั้นยังเป็นเพราะเธอหน้าตาดีและมีบุคลิกที่อ่อนโยนและสง่างามด้วย อย่างตอนที่ ‘นิวฟันแลนด์ไทม์’ ทำข่าวเรื่องของเธอก็บอกว่าเธอเป็นนายกเทศมนตรีที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่วน ‘เซนต์จอห์นแมททีเรียล’ ก็บอกว่าแค่เธอคนเดียวก็สามารถยกระดับภาพลักษณ์ของเมืองทั้งเมืองได้เลย แถมยังแนะนำให้เลือกเธอเป็นนักการทูตทางด้านภาพลักษณ์ของเซนต์จอห์นอีกด้วย
อีกเรื่องที่นอกเหนือความคาดหมายของฉินสือโอวก็คือ ในข่าวที่ออกมานั้นข่าวของหู่จือกับเป้าจือก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าของวินนี่เลย
หากบอกว่าวินนี่เป็นขวัญใจประชาชนเพราะภาพลักษณ์แล้ว ถ้าอย่างนั้นหู่จือกับเป้าจือก็เป็นขวัญใจคนทั่วหล้าเพราะความน่ารักของพวกมัน ข่าวสารในหนังสือพิมพ์ลงข่าวของหู่จือกับเป้าจือไม่มาก แต่ว่าในหลายๆ เว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ข่าวของหู่จือกับเป้าจือได้กระจายไปทั่วโลกเลยทีเดียว
เรื่องเกี่ยวกับสุนัขแลบราดอร์ที่ปรากฏตัวในงานเลือกตั้งทำให้มีรูปมากมายถูกถ่ายแล้วอัปโหลดลงบนอินเทอร์เน็ต ไม่นานข่าวที่เกี่ยวกับพวกมันก็ถูกขุดคุ้ยออกมาด้วย โดยเฉพาะเรื่องที่พวกมันเป็นสุนัขบำบัดในศาลยิ่งทำให้พวกมันได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
หนึ่งอาทิตย์หลังการเลือกตั้งสิ้นสุดลง จำนวนผู้ที่สนใจหู่จือกับเป้าจือทะลุไปถึงสิบห้าล้านคน ฉินสือโอวเห็นสำนักข่าวหลายแห่งในจีนต่างก็ลงข่าวแลบราดอร์สองตัวนี้ เรื่องนี้ทำให้เขาสงสัยเป็นอย่างมาก ปีนี้แค่ขายความน่ารักก็สามารถทำเงินได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
ตอนกินมื้อค่ำเขาได้ลองทดสอบดู หลังจากแทะกระดูกได้ไม่กี่คำเขาก็วางตะเกียบลง พ่อของฉินสือโอวถามเขาว่าทำไมไม่กินต่อ เพราะไม่ถูกปากหรือเปล่า เขาปั้นหน้าแล้วพูดว่า “วันนี้ผมไม่ได้กินยา รู้สึกว่าตัวเองมึนนิดๆ…”
พ่อของฉินสือโอวตกใจยกใหญ่ รีบถามกลับไปว่า “แกเป็นอะไร นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมต้องกินยาด้วยล่ะ? แกไม่สบายตรงไหน? มาให้พ่อดูสิ”
วินนี่ที่กำลังป้อนเนื้อปลาตุ๋นให้เสี่ยวเถียนกวาอยู่นั้นถึงกับหัวเราะจนหงายหลัง ไม่ทันระวังช้อนที่ถืออยู่ในมือจนทำให้เนื้อปลาตุ๋นหกเลอะไปบนคอเสื้อของเธอ
เสี่ยวเถียนกวาเบะปากน้อยๆ อย่างไม่พอใจ แค่ป้อนข้าวแค่นี้ ตั้งใจหน่อยได้หรือเปล่า? เจ้าตัวน้อยใช้มือเล็กๆ นั้นหยิบเนื้อปลาตุ๋นออกมาจากถ้วย ตอนที่วินนี่มองดูเจ้าตัวน้อยเพราะคิดว่าเธอคงจะกินเองได้นั้น แต่เด็กน้อยกลับป้ายมือไปบนเสื้อของเธอแทน…
คราวนี้ถึงตาฉินสือโอวหัวเราะจนหงายหลังบ้าง
วันต่อมาตอนที่ฉินสือโอวกำลังสำรวจดูเตาอบ DIY ของตัวเองอยู่นั้น ก็พลันได้ยินเสียงหู่จือกับเป้าจือดังมาจากข้างนอก
ฉินสือโอวเดินออกไปต้อนรับ เห็นคนสี่คนชายสองหญิงสองกำลังรออยู่นอกประตูฟาร์ม เขาไม่รู้จักคนพวกนี้ จึงเดินเข้าไปแล้วถามอย่างแปลกใจว่า “ไม่ทราบว่าพวกคุณคือ?”
หญิงวัยกลางคนที่ยืนนำหน้าส่งยิ้มพร้อมยื่นนามบัตรให้เขาใบหนึ่ง แล้วพูดว่า “สวัสดีค่ะ คุณฉินใช่ไหมคะ? เป็นเกียรติที่ได้พบคุณนะคะ ดิฉันชื่อเอริก้า มัวริส เป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทย่อยในแคนาดาของบริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงแอนนาแมร์ค่ะ”
ฉินสือโอวจับมือกับเธอ บริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงแอนนาแมร์เป็นบริษัทผลิตอาหารสุนัขและแมวที่มีชื่อเสียงมากในอเมริกาเหนือ เขาจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าบริษัทตั้งอยู่ในอเมริกา เขาเคยซื้ออาหารจากบริษัทนี้ให้หู่จือกับเป้าจือกินมาก่อน แต่จากนั้นก็รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นขนาดนั้น ให้พวกมันกินตามอาหารคนกินก็ได้
เมื่อได้รู้ฐานะของคนกลุ่มนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงเชิญพวกเธอเข้าไปดื่มกาแฟข้างใน เอริก้าเป็นผู้หญิงที่ชำนาญงานคนหนึ่ง ระหว่างทางเธอได้พูดถึงจุดประสงค์ของการมาเยือนว่าพวกเขาอยากเชิญให้หู่จือกับเป้าจือไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัท
ฉินสือโอวเกาหัว เขารู้สึกว่าเจ้าพวกที่ตัวเองเลี้ยงอยู่นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ นิมิตส์กำลังอาศัยบารมีของคาเมรอนไปเป็นดาราดังแล้ว แต่หู่จือกับเป้าจือ เจ้าสองตัวที่วันๆ เอาแต่ทะเลาะกันนั้นยิ่งแล้วใหญ่ พวกมันถึงขั้นหาเงินให้เขาได้ด้วย
เขาถามว่าหากจะให้หู่จือกับเป้าจือไปเป็นพรีเซนเตอร์จะต้องทำอย่างไรบ้าง จะต้องออกจากเกาะแฟร์เวลเพื่อไปถ่ายทำโฆษณาหรือเปล่า
เอริก้าบอกว่าไม่จำเป็น เพราะจุดสำคัญคือการนำไปใช้ในทางด้านลิขสิทธิ์เท่านั้น การเข้าร่วมถ่ายโฆษณาจึงน้อยมาก แต่ละปีต้องไปร่วมถ่ายโฆษณาแค่สองอัน คือโฆษณาของฤดูร้อนและฤดูหนาวเท่านั้น และเพราะว่าการถ่ายโฆษณาอาหารสุนัขค่อนข้างเรียบง่าย จึงสามารถเลือกเกาะแฟร์เวลเป็นสถานที่ถ่ายทำได้
เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ ฉินสือโอวจึงพยักหน้าตอบรับไป เขาไม่สนใจจำนวนเงินที่ได้ว่าจะมากหรือน้อย เพราะว่าเขาไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่เพราะทั้งหู่จือกับเป้าจือเป็นเจ้าตัวแรดสองตัวต่างหาก พวกมันน่าจะชอบที่เห็นตัวเองปรากฏอยู่บนทีวีหรือภาพโปสเตอร์
เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวมีความสนใจ เอริก้าจึงถือโอกาสตีเหล็กตอนที่ยังร้อนรีบบอกค่าตัวออกมา “ค่าตัวของแลบราดอร์ทั้งสองตัวคือปีละห้าแสนเหรียญดอลลาร์แคนาดานะคะ”
ฉินสือโอวรู้สึกว่าราคานี้ค่อนข้างรับไม่ได้ เพราะแม้ว่าหู่จือกับเป้าจือจะไม่ใช่ดารา แต่ว่าตอนนี้พวกมันเป็นคนดังในอินเทอร์เน็ต ดูอย่างพวกแมวหน้าบึ้ง เจ้าอ้วนหงกับแมวแลบลิ้นสิ พวกมันไม่ได้ดังเท่าหู่จือกับเป้าจือเลย แต่ว่าเงินที่เจ้าของได้รับในแต่ละปีกลับได้ถึงหลักล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐเลย!
อีกอย่างก็ไม่สามารถพูดว่าหู่จือกับเป้าจือไม่ใช่ดารา เพราะถ้าหากว่าสัตว์เลี้ยงสามารถเป็นดาราได้แล้วล่ะก็ พวกมันก็ถือว่าเป็นระดับซูเปอร์สตาร์แล้ว
บทที่ 1237 ขับซูเปอร์คาร์ตามหาหมา
ฉินสือโอวไม่ได้บอกว่าไม่ได้ในทันที เขาบอกว่าขอทำความรู้จักบริษัทเพื่อดูสถานการณ์ของบริษัทก่อน
เอริก้ายิ้มแล้วพูดว่า “คุณอยากรู้อะไรก็สามารถถามดิฉันได้เลยนะคะ ดิฉันและเพื่อนร่วมงานเต็มใจบริการคุณอย่างเต็มที่ค่ะ”
บริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงแอนนาแมร์ผลิตอาหารสุนัขเป็นหลัก ผู้ก่อตั้งเป็นสัตวแพทย์ท่านหนึ่ง ชื่อว่าโรเบิร์ต ดาวนีย์ เขาเคยเลี้ยงและฝึกสุนัขอลาสกัน มาลามิวท์มาก่อน จากนั้นก็นำประสบการณ์ส่วนตัวกับความรู้เรื่องโภชนาการสัตว์ของตัวเองไปสู่ธุรกิจอาหารสัตว์
อาหารสุนัขที่บริษัทนี้จำหน่ายนั้นมีอยู่ไม่กี่แบบ จนถึงปัจจุบันมีแค่เก้าแบบเท่านั้น แต่อาหารสุนัขแต่ละแบบล้วนกลายเป็นตำนาน และมีขายอยู่ทุกวงการสัตว์เลี้ยงทั่วโลก วัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดล้วนมีปลาดุกเป็นหนึ่งในส่วนผสม แถมปลาดุกที่ใช้ก็เป็นปลาเกรดสูงทั้งหมด ถึงขั้นเคลมว่าเป็นอาหารของมนุษย์ได้ด้วย
ฉินสือโอวเห็นโฆษณาอาหารสุนัขแบรนด์หนึ่งในอินเทอร์เน็ตที่เจ้าของและน้องหมาใช้จานที่เหมือนกันใส่อาหารที่ทำมาจากปลา ตอนกำลังกินข้าวกันอยู่นั้นเจ้าของมีธุระต้องออกไปครู่หนึ่ง น้องหมาสลับจานของทั้งคู่ ต่อมาเมื่อเจ้าของกลับมากินอาหารของน้องหมาเข้าไป ก็ไม่รู้สึกได้ถึงความแตกต่างเลย
ระหว่างที่เขาดูข้อมูลของบริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงนี้ในอินเทอร์เน็ต เอริก้าก็พูดอธิบายเพิ่มเติมไปด้วยว่า “อาหารที่หู่จือกับเป้าจือจะเป็นพรีเซนเตอร์ให้นั้นปลอดภัยมากนะคะ ในอาหารไม่มีส่วนผสมของยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้าหรือโลหะหนักอย่างแน่นอนค่ะ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากปลานั้นได้ผ่านการตรวจสอบจาก AAFCO เรียบร้อยแล้ว พิสูจน์แล้วว่าไม่มีสารกันบูดอย่างแน่นอนค่ะ”
“นอกจากอาหารที่มีส่วนผสมของปลาแล้ว ในอาหารสุนัขของพวกเรายังมีส่วนผสมของเนื้อไก่และข้าวสาลีที่ได้รับการรับรองว่าเป็นมาตรฐานเดียวกับที่มนุษย์สามารถทานได้ และปริมาณวิตามินและแร่ธาตุที่มีก็อยู่ในระดับสูงสุดของสภาความมั่นคงแห่งชาติ อาหารไม่มีส่วนผสมของอาหารจำพวกถั่ว ไข่ขาว สารกันบูด อาหารสัตว์ทั่วไป สีผสมอาหารกับสารแต่งกลิ่น ซึ่งเรื่องพวกนี้ล้วนมีใบรับรองด้วยค่ะ”
“นอกเหนือจากนี้ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2009 อาหารสัตว์เลี้ยงทุกตัวของเราก็ไม่ใส่ส่วนผสมจำพวกวิตามินเคกับวิตามินในรูปสารสังเคราะห์ ถ้าจะให้ดิฉันพูดอย่างไม่เกรงใจเลยก็คือ หากว่าเจ้าของที่ชอบเลี้ยงสุนัขกำลังหิวแล้วพบว่าตู้เย็นในบ้านไม่มีอาหารเหลือเลยแล้วล่ะก็ พวกเขาสามารถใช้อาหารสุนัขของเราทานแทนอาหารคนได้เลยค่ะ”
ฉินสือโอวฟังแล้วก็พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ความจริงเรื่องพวกนี้ที่เอริก้าพูดมานั้นเขาฟังไม่รู้เรื่องเลยสักนิด แค่เสแสร้งว่าเข้าใจไปเท่านั้นเอง แต่ดูเหมือนว่ามาตรฐานของอาหารสุนัขของพวกเขานั้นจะสูงกว่ามาตรฐานอาหารคนในแคนาดาเสียอีก
แต่เอริก้ากลับคิดว่าเขาเข้าใจเรื่องพวกนี้ทั้งหมด จึงอธิบายเรื่องความสำเร็จของบริษัทต่อ “ผลิตภัณฑ์ของเราล้วนผ่านการตรวจสอบจาก AAFCO โรงงานของเราก็ผ่านการตรวจสอบจากสภาการเกษตรและกรมสุขอนามัยของสัตว์และพืชของแคนาดาว่าเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นเลิศอีกด้วย ผลิตภัณฑ์ของเราจึงไม่เคยเกิดการเรียกคืนสินค้าเลยค่ะ”
“เยี่ยมมากครับ” ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างชื่นชม “พวกคุณสนใจที่จะขยายการผลิตบ้างไหมครับ? ผมสามารถเป็นผู้ลงทุนให้ได้นะครับ”
เอริก้ามองเขาด้วยความอึ้งไปพักหนึ่ง จนแน่ใจแล้วว่าผู้ชายตรงหน้าคนนี้ไม่ได้พูดเล่นแน่ จึงยิ้มขืนๆ แล้วพูดว่า “คุณฉินคะ ที่ดิฉันมาไม่ใช่เพื่อมาเชิญให้คุณมาร่วมลงทุน แต่อยากเชิญให้หู่จือกับเป้าจือไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้ค่ะ”
ฉินสือโอวลูบจมูก ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนออกมา แล้วพูดว่า “ครับ ผมถูกคำแนะนำของคุณกำราบเสียสนิทเลย ถึงกับลืมวัตถุประสงค์ที่คุณมา โอเค พวกคุณอยากให้หู่จือกับเป้าจือไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้ใช่ไหมครับ?”
เมื่อพูดถึงประเด็นสำคัญแล้ว ทั้งสี่คนก็ตื่นตัวขึ้นมารอฟังเงื่อนไขทันที
ท่านชายฉินกล่าว “ความจริงเมื่อกี้ที่บอกว่าจะให้สุนัขของผมไปถ่ายโฆษณาผมก็คิดจะปฏิเสธแล้ว เหตุผลเพราะว่าคุณไม่สามารถแค่มาเรียกสุนัขของผมไปถ่าย แล้วสุนัขของผมก็จะไปถ่ายได้เลยทันที ข้อแรกผมต้องลองทดสอบดูก่อน เพราะผมไม่อยากให้มีการใส่เอฟเฟคเข้าไปหลังถ่ายเสร็จ กินอาหารสุนัขแค่คำเดียว แล้วรู้สึกทั้งอร่อย ทั้งมีประโยชน์ แบบนี้คนชมต้องด่าผมอย่างแน่นอน เพราะอาหารสุนัขแบบนั้นไม่มีจริง ซึ่งเท่ากับเป็นการบอกว่าโฆษณานั้นน่ะหลอกลวง…”
ทั้งสี่คนฟังคำพูดของเขาแล้วก็อึ้งไปตามๆ กัน พร้อมเผยอปากเอ่ยออกมาพร้อมกันคำเดียวว่า ‘ WHAT (อะไร) ’
ฉินสือโอวกระแอมทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “ผมคงจะพูดแรงไปหน่อยนะครับ ความจริงที่ผมอยากพูดก็คือ ไม่ครับ สุนัขของผมไม่รับงานโฆษณาของพวกคุณ”
เอริก้าวิเคราะห์คำพูดของเขาแล้วพูดว่า “ความหมายของคุณก็คือ ตอนนี้คุณยังไม่เชื่อในผลิตภัณฑ์ของเราใช่ไหมคะ? ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราสามารถส่งผลิตภัณฑ์มาให้หู่จือกับเป้าจือลองก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าหากคุณรู้สึกว่าอาหารสุนัขพวกนี้ไม่มีปัญหาแล้วค่อยร่วมงานกับเราก็ได้ค่ะ”
ผู้ช่วยคนหนึ่งของเธอเข้าใจความหมายของฉินสือโอว หลังเอริก้าพูดจบแล้ว เขาก็ประกบเข้าไปซุบซิบเสียงเบาสักพัก
เอริก้าหัวเราะออกมา มองไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “คุณรู้สึกว่าค่าตัวพรีเซนเตอร์ที่เราเสนอไม่เหมาะสมใช่ไหมคะ? ดิฉันคิดว่าเรื่องนี้พวกเราสามารถคุยกันได้นะคะ คุณไว้ใจได้ค่ะ พวกเรามีความตั้งใจที่จะเชิญหู่จือกับเป้าจือไปเป็นพรีเซนเตอร์จริงๆ ค่ะ”
ฉินสือโอวพูดว่า “ความจริงผมไม่ค่อยเข้าใจครับ คุณผู้หญิง ทำไมพวกคุณถึงอยากให้หู่จือกับเป้าจือไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้ล่ะครับ?”
เอริก้าหยิบถุงอาหารสุนัขใหม่เอี่ยมออกมาชุดหนึ่ง แล้วพูดว่า “เพราะบริษัทเรากำลังจะออกผลิตภัณฑ์ตัวที่สิบค่ะ เป็นอาหารสุนัขที่ไม่ผสมข้าวสาลี ราคาค่อนข้างสูง เป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นไปที่ตลาดบนค่ะ ทางบริษัทคิดว่าการได้ร่วมงานกับหู่จือและเป้าจือจะสามารถทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ เพราะสามารถทำให้พวกเราครองตลาดได้ดีกว่าค่ะ”
ฉินสือโอวลูบคางไปมาแล้วพูดว่า “แล้วทางบริษัทได้บอกไหมครับ ว่ายินดีให้ค่าพรีเซนเตอร์กับสุนัขของผมเท่าไร? อย่าบอกว่าห้าแสนหรือหกแสนเลยนะครับ ผมคิดว่าคุณคงดูออกว่าผมไม่ขัดสนเรื่องเงิน”
น่าเสียดายที่ตอนที่พูดประโยคนี้ไปนั้นรถพอร์ช 918 ไม่ได้จอดอยู่หน้าบ้าน ไม่อย่างนั้นต้องเป็นคำโน้มน้าวที่ดีได้อย่างแน่นอน ท่านชายฉินรู้สึกเสียดายนิดหน่อย
แต่กลับบังเอิญเสียจริง ตอนที่เขากำลังนึกเสียใจจุดนี้อยู่นั้น แบล็คไนฟ์ก็ได้พูดมาในวิทยุสื่อสารว่าฮิวจ์มาหาเขา
ฉินสือโอวบอกไปว่าให้ฮิวจ์รอครู่หนึ่ง ฝั่งเขายังมีแขกอยู่ แต่ว่าฮิวจ์รวดเร็วปานบิน วิ่งพรวดเข้ามาในบ้านพักของเขา
พอเรื่องเป็นแบบนี้ เขาจึงได้แต่ขอโทษพวกของเอริก้า แล้วถามฮิวจ์ว่าทำไมถึงลุกลี้ลุกลนแบบนี้
ฮิวจ์มีสีหน้าเคร่งเครียดแล้วพูดว่า “ฉิน ฉันมายืมรถกับนายน่ะ พิทบูลของฉันไม่รู้หายไปไหนแล้ว หาอยู่หลายวันก็ยังหาไม่เจอ ฉันอยากมายืมรถพอร์ช 918 ของนายไปขับวนดูรอบเกาะเสียหน่อย”
ฉินสือโอวตกใจกับคำพูดของเขาแล้วพูดว่า “ห๊ะ ไม่ใช่มั้ง ราชาแห่งการต่อสู้ของนายอะไรนั่นยังหาไม่เจออีกเหรอ? คงไม่ใช่ว่าหายไปตั้งแต่การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีจนถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอใช่ไหม?”
ฮิวจ์พยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย แล้วพึมพำออกมาว่า “ใครจะรู้ว่าเจ้าตัวเนรคุณนี่วิ่งหายไปไหนแล้ว ถ้าหาเจอนะฉันจะจับมาตุ๋นกินเสียเลย!”
ฉินสือโอวแปลกใจจึงพูดว่า “โอเค ฉันรู้สึกเห็นใจนาย แต่ว่านะเพื่อนฝูง นายแค่จะหาหมาถึงขึ้นต้องขับรถซูเปอร์คาร์ไปหาเลยเหรอ? ฉันคิดว่ารถกระบะน่าจะเหมาะกว่าไหม?”
ฮิวจ์ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ถ้าไม่ได้ขับซูเปอร์คาร์ ฉันกลัวว่าฉันจะไม่มีอารมณ์จะหาต่อไปน่ะสิ!”
ฉินสือโอวยอมให้เขาจริงๆ ให้ตายเถอะ นี่ไม่ใช่เพราะอยากจะหาหมาหรอก ก็แค่อยากขับซูเปอร์คาร์ไปกินลมเล่นเท่านั้นนี่นา แต่ว่าสำหรับเขารถพอร์ชก็แค่มีไว้โชว์เฉยๆ ปกติเขาก็ไม่ค่อยขับอยู่แล้ว ถ้าฮิวจ์ชอบก็เอาไปขับเล่นแล้วกัน
พอเป็นแบบนี้กลายเป็นฮิวจ์ที่เป็นฝ่ายกำลังช่วยเขาอยู่ โดยการทำให้พวกเอริก้ารู้ว่าเขามีฐานะขนาดไหน
ทั้งสี่คนมองหน้ากันทีหนึ่งแล้วเกาะกลุ่มหารือกันสักพัก พอฉินสือโอวกลับมา เอริก้าก็บอกจำนวนจริงๆ ออกมาทันที “ค่าพรีเซนเตอร์ของแลบราดอร์ทั้งสองตัวที่ต้องออกถ่ายแบบพร้อมกันคือหนึ่งล้านหนึ่งแสนดอลลาร์แคนาดา นี่คือราคาที่พวกเราให้ได้ คุณคิดว่าอย่างไรคะ?”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น