ลำนำบุปผาพิษ 1211-1214

 บทที่ 1211 เกี่ยวกับการสลับร่าง


เธอเคยชิบกันชีวิตอิสระเสรี อันที่จริงไม่ใคร่ชมชอบชีวิตที่ถูกผูกมัดเช่นนี้ แต่พอนึกว่าเขาทำเช่นนี้เพราะหวังดีต่อเธอ เธอก็พอยอมรับได้


เธอก็ฝึกฝนมาสามวันแล้ว แน่นอนว่าเธอไม่ได้ปิดด่านกักตน เพียงฝึกฝนช่วงซ้ายกับช่วงบ่ายครั้งละสองชั่วยามเท่านั้น ในระหว่างนี้เธอยังออกไปเที่ยวเล่นด้วย ไปเยี่ยมเยือนหรงเจียหลัวอยู่ครั้งหนึ่ง ได้เห็นว่าเขาบริหารบ้านเมืองได้อยู่ในลู่ในทางได้จริงๆ ก็วางใจแล้ว ตอนกลางวันยังกินข้าวกับเขาที่ออกมาตรวจราชการอย่างลับๆ มื้อหนึ่งด้วย


ขณะที่สนทนากันระหว่างกินข้าว ก็พูดคุยถึงหรงเช่อขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…


ถึงแม้หรงเช่อจะเล่นงานเขาจนเกือบตาย แต่หรงเจียหลัวก็ยังคงมีความรู้สึกให้อดีตน้องแปดคนนี้อยู่ อย่างไรเสียก็เป็นพี่น้องที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาหลายปี ไม่ต้องพูดถึงการตัวติดกันทั้งวันทั้งคืนเลย พบหน้ากันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน สองพี่น้องถูกคอกันป็นพิเศษ ดังนั้นยามที่เอ่ยถึงน้องชายคนนี้ สุ้มเสียงของหรงเจียหลัวจึงมีอารมณ์อ่อนไหวที่ยากจะซ่อนเร้นไว้ได้…


ก่อนหรงเช่อจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ได้ปฏิบัติต่อเสด็จพี่รัชทายาทเช่นเขาดีอย่างยิ่ง หลายครั้งที่เป็นทัพหน้าให้เขา และจัดการเรื่องราวมากมายให้เขาอย่างสมดุล


กู้ซีจิ่วฟังอยู่เงียบๆ จากการเล่าของหรงเจียหลัวสามารถสรุปลักษณะเด่นบางอย่างในการทำงานของโม่เจ้าได้


มีสิ่งที่เรียกว่ารู้เขารู้เรารบร้อยครั้งไม่พ่ายอยู่ ถ้าต้องการจะเอาชนะคู่ต่อสู้อย่างสมบูรณ์ จะต้องเข้าใจลักษณะของคู่ต่อสู้ในแต่ละด้าน เช่นนี้ภายหน้าเมื่อประมือกันอีกถึงจะมีความมั่นใจมากขึ้นอีกหน่อยว่าจะเอาชนะได้


พอกินข้าวเสร็จ เธอก็กลับวังค้ำนภา ระหว่างทางได้รับสายจากหลงซือเย่ เธอใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงพูดคุยกับหลงซือเย่อยู่ไม่กี่ประโยค หลงซือเย่ถามว่าเธอสลับร่างคืนสำเร็จหรือยัง กู้ซีจิ่วย่อมบอกไปตามความจริง


หลงซือเย่ที่อยู่ทางนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยว่า “เกรงว่าร่างโคลนนิ่งขงเธอจะมีปัญหานิดหน่อย ถ้าไม่สลับคืนเกรงว่าวันหน้าจะไม่เป็นผลดีต่อเธอ เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะที่นั่นแล้วทำให้การสลับร่างคืนให้เธอดีไหม?”


ดวงตากู้ซีจิ่วเปล่งประกาย “ดีสิ! ยินดีต้อนรับ!”


หลงซือเย่มาถึงรวดเร็วยิ่ง ผ่านไปครึ่งวันเขาก็มาเยี่ยมเยือนวังค้ำนภาแล้ว


ประตูใหญ่ของวังค้ำนภาไม่อาจเข้าได้ง่ายๆ แต่นั้นเป็นคำพูดสำหรับคนทั่วไปเท่านั้น สำหรับสานุศิษย์สวรรค์แล้ว เมื่อมาถึงที่นี่ย่อมมีสิทธิพิเศษ ขอเพียงตี้ฝูอีอยู่ด้านใน แจ้งให้ทราบคราหนึ่งก็สามารถเข้าได้แล้ว


และหลงซือเย่ก็เคยมาที่วังค้ำนภาหลายคร้งแล้ว ดังนั้นมู่เฟิงจึงไว้หน้าเขายิ่งนัก เมื่อได้ยินว่าเขามาก็รีบเชื้อเชิญเขาเข้าไปทันที


อันที่จริงมู่เฟิงก็เห็นแก่ตัวเองเช่นกัน ตี้ฝูอีสั่งใหเขาเฝ้ากู้ซีจิ่วให้ดี พยายามอย่าให้นางวิ่งออกไปด้านอก แต่กู้ซีจิ่วก็ยังออกไปเตร็ดเตร่มาสองสามครั้งแล้ว ถึงแม้สองสามครั้งนี้จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น มู่เฟิงยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี หลงซือเย่ก็เป็นสหายของกู้ซีจิ่วเหมือนกัน ถ้าเขามาเยี่ยมเยือน กู้ซีจิ่วก็สามารถเล่นกับเขาได้ ไม่ต้องแล่นออกไปข้างนอกแล้ว


กู้ซีจิ่วย่อมไม่จำเป็นต้องเกรงอกเกรงใจต่อหลงซือเย่นัก ไม่ทักทายปราศรัยก็ตรงเข้าประเด็นเลย สอบถามว่าสรุปแล้วร่างโคลนนิ่งร่างนี้ของตนมีความผิดปกติใดบ้าง


หลงซือเย่ก็ไม่ปิดบังเธอ พูดกับเธอเล็กน้อย “ซีจิ่ว ร่างโคลนนิ่งของเธอในตอนนี้โครโมโซมพันธุกรรมไม่ตรงกับร่างในชาติก่อน…” นี่เป็นประโยคจั่วหัวของเขา


กู้ซีจิ่วค่อนข้างตกตะลึง อย่างไรเสียร่างโคลนนิ่งร่างนี้ก็มีรูปร่างหน้าตาเหมือนชาติก่อนทุกประการ ฝาแฝดยังไม่เหมือนกันขนาดนี้เลย แล้วโครโมโซมพันธุกรรมจะไม่ตรงกันได้ยังไง?


เธอแสดงท่าทางให้เขาพูดต่อไป ด้วยเหตุนี้หลงซือเย่จึงเล่าทุกอย่างออกมาจนหมด


เขาพูดคำศัพท์เฉพาะทางบางส่วนออกมา บางอย่างก็ทำให้กู้ซีจิ่วที่แตกฉานด้านการแพทย์ยิ่งนักฟังไม่เข้าใจเลย แต่เธอฟังความหมายโดยรวมเข้าใจ “ความหมายของคุณก็คือ ความสอดคล้องด้านยีนส์พันธุกรรมร่างโคลนนิ่งนี้ของฉันมีจุดที่คล้ายคลึงกับความสอดคล้องยีนส์พันธุกรรมของหลงฟั่นมากใช่ไหม?”


————————————————————————————-


บทที่ 1212 การสลับร่างที่แสนวุ่นวาย


“ความหมายของคุณก็คือ ความสอดคล้องด้านยีนส์พันธุกรรมร่างโคลนนิ่งนี้ของฉันมีจุดที่คล้ายคลึงกับความสอดคล้องยีนส์พันธุกรรมของหลงฟั่นมากใช่ไหม? ฉันกับเขามีโทรจิตสื่อถึงกันได้เหมือนฝาแฝดงั้นเหรอ?!”


หลงซือเย่พยักหน้า “ร้ายกาจยิ่งกว่าโทรจิตระหว่างฝาแฝดเสียอีก เขาทำเช่นนี้คงมิใช่เพราะอยู่ว่างเป็นแน่ เขาน่าจะมีวิธีพิเศษในการสัมผัสรับรู้ถึงโทรจิตได้ ไม่แน่ว่าอาจสัมผัสตำแหน่งของเธอได้ทันทีถึงขั้นที่รับรู้อารมณ์รักชอบทุกข์สุขของเธอได้ด้วย…”


กู้ซีจิ่วหนาวยะเยือก “ไม่น่ากลัวขนาดนั้นมั้ง?! หลงฟั่นวิจัยเรื่องนี้ได้ด้วยเหรอ?”


หลงซือเย่สูดหายใจเบาๆ แล้วกล่าว “เชื่อฉันเถอะ ด้วยสติปัญญาของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้น เขาทำได้แน่! เสริมโทรจิตให้แข็งแกร่งหน่อยก็ใช้ได้แล้ว จนถึงตอนนี้ในการวิจัยด้านชีววิทยายังไม่มีใครสามารถก้าวข้ามเขาได้เลย หลังจากกลับไปฉันก็ลองศึกษาโครงสร้างพันธุกรรมของเขากับร่างนี้ของเธอดูแล้ว เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเธอกับเขาไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทางสายเลือดเลย แต่โครงสร้างพันธุกรรมของพวกเธอกลับคล้ายคลึงกันมากกว่าฝาแฝดเสียอีก…นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ!”


กู้ซีจิ่วตกตะลึง นั่นน่าขยะแขยงเกินไปแล้ว!


เธอหลุบตาอยู่ครู่หนึ่ง ยามที่ช้อนตาขึ้นมาอีกครั้งก็งงงวยอยู่บ้าง “โทรจิตน่าจะมีกันทั้งสองฝ่ายกระมัง? เมื่อกี้ฉันลองสัมผัสดูแล้ว สัมผัสถึงข่าวคราวของเขาไม่ได้เลยสักนิด…”


หลงซือเย่ก็ค่อนข้างฉงนเช่นกัน “ใช่เหรอ? ตามที่ฉันศึกษามา เธอก็น่าจะสัมผัสถึงเขาได้เหมือนกัน เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะทำให้เป็นการสัมผัสได้เพียงทางเดียว มีแค่เขาที่สัมผัสถึงเธอได้?”


นั่นก็แฟนตาซีเกินไปแล้ว!


กู้ซีจิ่วส่ายหน้าไม่พูดอะไร หลงซือเย่ขมวดคิ้วนิดๆ ดูเหมือนจะใคร่ครวญอยู่ว่าหลงฟั่นทำเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?


กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง “ไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร ฉันก็รู้สึกอยู่เสมอว่าร่างนี้ไม่ค่อยปลอดภัยนัก ฉันยังคิดจะสลับร่างคืนอยู่ คุณว่าคุณสามารถดำเนินการได้ไหม?”


หลงซือเย่พยักหน้า “ทำได้!” เดิมทีเขาก็เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่แล้ว


“แบบนั้นสิ้นเปลืองพลังวิญญาณไหม?”


หลงซือเย่ส่ายหน้า “นี่อยู่ในขอบเขตของการแพทย์ ไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังวิญญาณ”


กู้ซีจิ่วสบายใจแล้ว เพียงแต่เธอยังสงสัยอยู่นิดหน่อย ตี้ฝูอีไม่อยากให้เธอสลับร่างกลับเธอยังนึกว่าเป็นเพราะต้องสิ้นเปลืองพลังวิญญาณมากมายเกินไปเสียอีก ตอนนี้เขากำลังอ่อนแออยู่ทำไม่ได้ ดังนั้นจึงถ่วงเวลาเธอไว้ แต่ในเมื่อไม่สิ้นเปลืองพลังวิญญาณ ถ้างั้นทำไมเขาถึงคัดค้านกัน?


หรือว่าจะเกิดปัญหาขึ้นกับร่างเดิมนั้นของเธอ? ร่างนั้นผิดปกติหรือ?


เธอพาหลงซือเย่ไปที่ตำหนักน้ำแข็งแห่งนั้น ให้เขาดูร่างเดิมของเธอที่อยู่ในโลงแก้วผลึก


ตำหนักนี้ถึงแม้จะหนาวเหน็บ แต่บางทีอาจเป็นเพราะมีสัตว์วิญญาณปกปักอยู่ ร่างนั้นของกู้ซีจิ่วจึงไม่ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง ผิวพรรณอ่อนนุ่มเสมือนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากไม่มีลมหายใจแล้ว ก็ไม่ต่างไปจากคนเป็นเลย


หลงซือเย่นำเครื่องมือการแพทย์มาด้วยไม่น้อย เริ่มตรวจสอบทันที


และผลการตรวจสอบก็ทำให้กู้ซีจิ่วยินดียิ่งนัก อาการบาดเจ็บของร่างนี้หายดีเรียบร้อยแล้ว ค่าดัชนีบ่งชี้ว่าแข็งแรงมาก ขอเพียงเธอเข้าครองร่างก็สามารถลุกมากระโดดโลดเต้นอย่างมีชีวิตชีวาได้เลย


เธอรบเร้าให้หลงซือเย่สลับร่างให้เธอทันที


ตี้ฝูอีใกล้จะออกจากการกักตนแล้ว เธออยากใช้ร่างเดิมไปพบเขา


หลงซือเย่ก็ตรงไปตรงมาเช่นกัน ตอบรับทันที สะบัดแขนเสื้อเรียกเตียงอ่อนนุ่มหลังหนึ่งออกมา แล้วจัดท่าทางให้กู้ซีจิ่วนอนลงไปดีๆ


เขาหยิบเข็มฉีดยาเล่มหนึ่งออกมา ก้าวไปอยู่เบื้องหน้าเธอ “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะฉีดยาให้เธอหนึ่งเข็ม พอเธอฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็จะอยู่ในร่างเดิมแล้ว” พลางม้วนแขนเสื้อกู้ซีจิ่วขึ้น เผยให้เห็นท่อนแขนขาวกระจ่างดั่งหยกของเธอ…


ขณะที่เข็มของเขากำลังจะแทงเข้าไป จู่ๆ ลำแสงสีขาวสายหนึ่งก็พุ่งวาบเข้ามา


ลำแสงสีขาวสายนั้นปรากฏขึ้นอย่างฉุกละหุกและรวดเร็วเกินไป โจมตีใส่หลอดเข็มฉีดยาของหลงซือเย่ เกิดเสียงดังเพล้ง หลอดเข็มฉีดยาแตกกระจาย น้ำยาเย็นเฉียบหกลงบนแขนของกู้ซีจิ่ว


————————————————————————————-


บทที่ 1213 การสลับร่างที่แสนวุ่นวาย 2


ทั้งสองเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ทว่าเห็นตี้ฝูอียืนผ่าเผยอยู่ประตูตำหนัก สีหน้าลึกล้ำดั่งวารี “พวกเจ้าทำอะไรกัน?!”


แรงกดดันของความทรงอานุภาพนัก ทำให้ตำหนักแห่งนี้ที่เดิมทีเหน็บหนาวอยู่แล้วราวกับมีสายลมหนาวพัดกรรโชก


กู้ซีจิ่วตะลึง


หลงซือเย่เงียบงัน


อำนาจของตี้ฝูอีแข็งแกร่งเกินไป หลงซือเย่ถูกเขาทำให้ตกใจจนสั่นสะท้านไปหมด เข็มฉีดยาในมือแตกไปแล้วครึ่งหนึ่งก็หล่นลงพื้นเช่นกัน


……


จะอย่างไรกู้ซีจิ่วก็คิดไม่ถึงเลยว่าตี้ฝูอีจะพิโรธปานนี้ เขาปรากฏตัวขึ้นอย่างอึกทึกครึกโครม ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรไล่หลงซือเย่ออกไปเลย ซ้ำยังสั่งการคนเฝ้าประตู ถ้าภายหน้าหลงซือเย่มาให้ปฏิเสธไปเสีย นับจากนี้ไม่อนุญาตให้เขาเข้าเยี่ยมเยือนอีก


กู้ซีจิ่วไม่รู้จริงๆ ว่าสรุปแล้วนี่ไปล่วงเกินเกล็ดย้อนแผ่นไหนของเขาเข้า สู้ลมหายใจแล้วสูดลมหายใจอีก ถึงระงับเพลิงโทสะในใจลงแล้วเอ่ยถามเขา “ท่านหมายความว่ายังไง? ครูฝึกหลงแค่คิดจะสลับร่างคืนให้ข้า ทำไมต้องไล่เขาไปด้วย?”


เธอถามเขายามที่อยู่แถวๆ ประตูใหญ่ ยามนี้หลงซือเย่เพิ่งถูกเขาโยนออกไปได้ไม่ถึงสองนาทีเลย


พอกู้ซีจิ่วไล่ตามออกมา ประตูใหญ่ก็ปิดลงแล้ว


“กู้ซีจิ่ว เจ้าเชื่อเหรือว่าเชื่อข้า?” ตี้ฝูอีดึงมือเธอ กันไม่ให้เธอเปิดประตูออกไปดู


กู้ซีจิ่วเงียบไป


เธอมองตี้ฝูอี ไม่รู้ว่าคำพูดนิยายแบบนี้ออกมาจากปากเขาได้อย่างไร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับการเชื่อใครเลยมิใช่หรือ?!


“เจ้าติดกับเขาสองครั้งแล้วยังไม่พอหรือ ยังคิดจะมีครั้งที่สามอีกหรือ?”


คำพูดประโยคนี้ค่อนข้างแทงใจ กู้ซีจิ่วสูดลมหายใจอีกคราหนึ่ง “ท่านก็รู้ว่าครั้งก่อนเป็นเพราะเขาถูกอูอู๋เหยียนผู้นั้นควบคุม ที่ทำร้ายข้ามิใช่เจตนาแต่เดิม อีกอย่างครั้งนี้ที่พวกเราหนีออกมาได้เขาก็ลงแรงไปไม่น้อยเหมือนกัน…”


ตี้ฝูอียิ้มเยียบเย็น “เขาแค่ไม่อยากให้เจ้าตกอยู่ในกำมือหลงฟั่นก็เท่านั้น! เจ้าไร้เดียงจนนึกว่าเขาจะไม่มีความคิดอันใดต่อเจ้างั้นหรือ?”


กู้ซีจิ่วนิ่งงัน


“ทักษะวิปริตเหล่านั้นของเขาไม่ด้อยไปกว่าหลงฟั่นเลย เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเข็มนั้นที่เขาฉีดให้เจ้าจะเอาชีวิตของเจ้าหรือไม่? จะทำให้ดวงวิญญาณของเจ้าสูญหายไปยังสถานที่ผีสางอันใดอีกครั้งหรือเปล่า? เจ้าอยากให้ข้าคว้านหาตัวเจ้าไปทั่งหล้าอีกหรือ?” ตี้ฝูอีต้อนไปทีละขั้นๆ


กู้ซีจิ่วเคยเห็นด้านต่างๆ ของตี้ฝูอีแล้ว เพียงแต่ไม่เคยเห็นด้านที่ร้อนรนกระวนกระวายเช่นนี้เลย ถ้อยคำที่เขากล่าวเสมือนคมมีดที่กรีดลงบนหัวใจเธอ


ใบหน้าพริ้มเพราของเธอซีดขาวเล็กน้อย หันหลังหนีในทันใด ใช้วิชาเคลื่อนย้ายหายไปไม่เห็นเงา


เธอไม่ได้พานโกรธจนหนีออกประตูไป แต่เคลื่อนย้ายมาที่ตำหนักน้ำแข็งแห่งนั้น ที่นั้นยังมีเข็มฉีดยาแตกๆ อันนั้นอยู่ เธอต้องการดูส่วนประกอบในน้ำยา…


ค่อยยังชั่ว พื้นของที่นี่คือหยก ในกระบอกเข็มฉีดยายังมีเหลืออยู่นิดหน่อย เธอเก็บส่วนที่เหลืออยู่พวกนั้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เตรียมตรวจสอบองค์ประกอบของสิ่งนี้


เธอไม่เชื่อว่าหลงซือเย่จะทำร้ายเธออีก! ดังนั้นจะต้องทำให้กระจ่างว่าสรุปแล้วคืออะไรกัน


จะวิเคราะห์องค์ประกอบของตัวยาจะต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทาง อุปกรณ์ที่กู้ซีจิ่วสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากเหล่านั้นล้วนเก็ไว้ในช่องมิติบนร่างของหยกนภา


เธอเดินตรงไปที่ด้านหน้าโลงแก้วผลึก ตบหยกนภาเบาๆ “เสี่ยวชาง เปิดมิติเก็บของหน่อย ข้าจะหยิบของ“


ถึงแม้หยกนภาจะสื่อสารกับเธอไม่ได้ แต่ยังฟังคำพูดของเธอเข้าใจอยู่ มิติเก็บของเปิดออกมาจริงๆ เธอหยิบข้าวของที่จำเป็นด้านในออกมา


พอหันหลังไปก็เห็นตี้ฝูอียืนอยู่ตรงปากประตู เธอชะงักไปเล็กน้อย ยังคงกล่าวอิบายกับเขาประโยคหนึ่ง “ข้าจะตรวจสอบน้ำยาให้กระจ่าง ถ้าหากเขาปองร้ายข้าจริงๆ ชั่วชีวิตนี้ข้าจะไม่เชื่อใจผู้อื่นอีกแล้ว!” พลางเดินผ่านข้างกายเขาไป


ตี้ฝูอีคว้าข้อมือของเธอไว้ “ข้าจะวิจัยกับเจ้าด้วย!”


————————————————————————————-


บทที่ 1214 การสลับร่างที่แสนวุ่นวาย 3


กู้ซีจิ่วก็ไม่ปฏิเสธ พยักหน้ารับ “ได้!”


เธอขลุกอยู่ในห้องหลอมโอสถของตี้ฝูอีทำการวิจัยอยู่ทั้งวัน ตามองค์ประกอบของตัวยาสรุปผลได้ว่า ตัวนี้ไม่ใช่ยาพิษ กลับมีผลดีต่อร่างกายด้วยซ้ำ บำรุงร่างกาย ทำให้คนหลับลึกจนวิญญาณออกจากร่างโดยไม่รู้ตัว…


สรรพคุณของตัวยาเหมือนที่หลงซืออธิบายกับกู้ซีจิ่วไว้ไม่มีผิด


หลงซือเย่บอกเธอว่า หลงฟั่นได้เล่นเล่ห์บางอย่างกับร่างโคลนนิ่งร่างนี้ของเธอ ทำให้เธอไม่อาจถอดจิตกลับไปอย่างปกติได้ ร่างโคลนนิ่งเสมือนภาชนะที่กักขังดวงวิญญาณของเธอไว้ ยานี้เพียงจะเปิดทางของภาชนะนี้ออก ทำให้เธอถอดจิตได้ราบรื่นปลอดภัย กลับเข้าร่างเดิมได้


ยามนี้สรรพคุณของยาตัวนี้เหมือนที่หลงซือเย่กล่าวไว้ไม่มีผิด กู้ซีจิ่วจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก


แต่ตี้ฝูอีกลับสาดน้ำเย็นใส่เธอ “องค์ประกอบของโอสถนี้คือเอาชีวิตเจ้า เมื่อวิญญาณเจ้าออกจากร่างแล้ว ผู้ใดจะรู้ได้ว่าดวงวิญญาณของเจ้าจะถูกคร่ากุมไปไว้ที่ใด? ที่ข้าว่าไว้ไม่ผิดเลย”


กู้ซีจิ่วแหนงหน่าย “ร่างโคลนนิ่งของเขาก็ถูกทำลายไปแล้ว ท่านบอกมิใช่หรือว่าพบร่างโคลนนิ่งที่เขาสร้างขึ้นในภูเขาไฟลูกนั้น? ถ้างั้นเขาจะคร่ากุมข้าไปใส่ไว้ที่หนล่ะ? คงไม่อาจปล่อยให้ข้าลอยไปลอยมาได้กระมัง?”


ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเฉยเมย “ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น”


กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างเหลืออดแวบหนึ่ง พลางเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้ม “ท่านพูดอยู่เสมอว่าข้าขี้ระแวง ข้าว่าท่านเองก็ขี้ระแวงยิ่งนักเช่นกัน เห็นผู้อื่นมีแผนร้ายอยู่ตลอด”


“โดนงูกัดคราหนึ่ง ผวาเชือกไปอีกสิบปี ซีจิ่ว เกี่ยวกับตัวเจ้าข้าจะต้องระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก หากว่าเจ้าประสบอุบัติเหตุอันใดขึ้นมาอีกครั้ง ข้าอาจจะช่วยเจ้ากลับมาเป็นครั้งที่สองไม่ได้แล้ว”


กู้ซีจิ่วนิ่งงัน


เธอนึกถึงครานี้ที่เพื่อช่วยเหลือเธอตี้ฝูอีเกือบต้องเอาชีวิตเข้าแลกแล้ว หัวใจพลันอ่อนยวบ ในใจที่เดิมทีมีความขุ่นเคืองเล็กๆ น้อยๆ ต่อเขาสุดท้ายก็สลายไปดั่งหมอกควัน มองดูสีหน้าของเขา สีหน้าของเขายังคงซีดเซียวอยู่บ้าง


“อาการบาดเจ็บของท่านเป็นยังไงบ้าง?”


ตี้ฝูอีมองเธอเนิบๆ แวบหนึ่ง “ในที่สุดก็นึกถึงอาการบาดเจ็บของข้าขึ้นมาแล้วหรือ? ควรเปลี่ยนยาได้แล้ว!” พลางโยนขวดยาขวดหนึ่งให้เธอ จากนั้นถือโอกาสนอนลงบนเตียงเพียงตัวเดียวในห้องหลอมโอสถแห่งนี้


กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย…


บาดแผลบนร่างตี้ฝูอีดีขึ้นไม่น้อย สมานตัวหมดแล้ว มีการตกสะเก็ด เป็นสัญญาณว่าแผลจะหยสนิทแล้ว


เมื่อกู้ซีจิ่วเห็นบาดแผลเหล่านั้นบนร่างเขาอารมรณ์หงุดหงิดอันใดก็ไม่เหลืออยู่แล้ว บาดแผลเหล่านี้เป็นเพราะเธอทั้งสิ้น…


เธอนั่งอยู่หน้าเตียงทายาให้เขา เอ่ยถามเขาอย่างอดไว้ไม่ได้ “ท่านนั่งสมาธิสามวันไม่ได้เปลี่ยนยาเองเลยหรือ?”


ตี้ฝูอีหลับตาลงนิดๆ เพลิดเพลินกับการปรนนิบัติของเธอ “ครั้งนี้ข้านั่งสมาธิจนเข้าสู่ภวังค์อย่างแท้จริง ไม่พูดคุยไม่เคลื่อนไหวไม่บริโภค ย่อมลุกขึ้นมาเปลี่ยนยาเองไม่ได้เช่นกัน”


กู้ซีจิ่วอดทอดถอนหายใจไม่ได้ “เช่นนั้นพอท่านนั่งสมาธิเสร็จก็เปลี่ยนยาสักครั้งได้นี่”


“เมื่อข้าตื่นจากสมาธิเรื่องแรกที่ทำก็คือไปหาเจ้า!” ตี้ฝูอีกล่าวอย่างไม่เกรงใจ “และโชคดีที่ข้าไปหาทันเวลา มิเช่นนั้นยามนี้เจ้าอาจจะไม่ได้คุยกับข้าอยู่ตรงนี้แล้ว…”


กู้ซีจิ่วเงียบไปครู่หนึ่ง “…และไม่แน่ว่าตอนนี้อาจกลับเข้าร่างเดิมไปแล้ว กำลังใส่ยาให้ท่านอยู่! ตอนนี้ก็เห็นกันแล้วว่ายานั่นของหลงซือเย่ไม่มีปัญหา”


“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เด็กน้อย เจ้ายังอ่อนหัดไปหน่อย” ตี้ฝูอีไม่ลืมตาขึ้นมา


กู้ซีจิ่วไม่อยากถกเถียงปัญหาข้อนี้กับเขาอีกต่อไป โต้แย้งกันแบบนี้ต่อไปก็ไม่เกิดผลอะไรขึ้นมา จะทะเลาะกันได้ง่ายๆ…


เธอตัดสินใจอยู่ในใจแล้ว ว่าถ้าว่าจะสร้างน้ำยาตามส่วนประกอบยานี้ของหลงซือเย่ขึ้นมาอีกหลอดหนึ่ง จากนั้นจะหาสัตว์สักตัวมาทดสอบดู


“ช่างเถอะ พวกเราไม่พูดถึงเขาแล้ว ท่านก็น่าจะใช้วิชาสลับร่างได้เหมือนกันกระมัง? ถ้างั้นท่านสลับคืนให้ข้าได้ไหม?”


————————————————————————————-

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)