ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 121-124

 บทที่ 121 งมแผ่นเงิน

โดย

Ink Stone_Fantasy

ที่แคนาดา เด็กที่มีอายุเต็มหกขวบต้องเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว ไม่ค่อยเหมือนกับที่จีนเท่าไรนัก ที่นี่จะรวมชั้นประถมกับมัธยมต้นเข้าด้วยกันรวมเป็นจำนวนเก้าระดับชั้น ส่วนชั้นมัธยมปลายจะเริ่มตั้งแต่ชั้นปีที่สิบ


ชั่วโมงเรียนชั้นประถมของแกรนท์เป็นไปตามมาตรฐานชั่วโมงเรียนของรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ เริ่มเรียนตอนแปดโมงครึ่งถึงแปดโมงห้าสิบ บ่ายสามโมงจึงเลิกชั้นเรียน วิชาพลศึกษา การแสดงละครและกิจกรรมนอกตารางเรียนอื่นๆจะถูกจัดขึ้นหลังเลิกเรียนตอนบ่ายสามที่บริเวณนอกโรงเรียน


ฉินสือโอวกังวลว่าพาวลิสและเด็กๆที่เหลือจะเข้ากับการเรียนในโรงเรียนไม่ได้ เนื่องจากพวกเขาไม่เคยผ่านการเข้าเรียนมาก่อน และด้วยอายุที่ไม่เท่ากันของแต่ละคนที่มีตั้งแต่แปดขวบถึงสิบขวบ ตามหลักแล้วพวกเขาต้องเข้าเรียนในชั้นปีที่สามจนถึงชั้นปีที่ห้าที่หกแล้วด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับต้องมาเริ่มที่ชั้นปีที่หนึ่ง


หลังจากที่แกรนท์ถามอายุของเด็กๆแต่ละคนแล้ว เขาก็ได้จัดการตามนี้ “ถ้าอย่างนั้นก็ให้เด็กๆทั้งสี่คนเข้าชั้นปีที่สองและชั้นปีที่สี่ตามอายุของพวกเขาแล้วกันนะครับ สองคนต่อหนึ่งชั้นเรียน จะได้ช่วยดูแลกัน”


“พวกเขาจะเรียนทันคนอื่นไหมครับ? ผมกลัวว่าถ้าพวกเขารู้สึกว่าตัวเองเรียนไม่ทันคนอื่นแล้วจะคิดว่าตัวเองสู้คนอื่นไม่ได้”ฉินสือโอวถามครูใหญ่ด้วยความกังวล


ตอนนี้ภายในใจของพาวลิส เชอร์ลี่ย์และเด็กๆที่เหลือก็รู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำมากพอแล้ว เหมือนกับว่าพวกเขาจะยังปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในฟาร์มปลาไม่ได้เลย ทุกๆวันพวกเขาล้วนแต่สำนึกได้เองว่าตัวเองควรจะทำต้องทำงาน พาวลิสเป็นคนจัดการแบ่งหน้าที่ เขาจะเป็นคนดูแลทำความสะอาด เชอร์ลี่ย์รับหน้าที่ทำอาหารเช้า กอร์ดอนทำหน้าที่ล้างจาน ส่วนมิเชลล์จะรับหน้าที่ดูแลสวนผลไม้เล็กๆ ถ้าหากไม่ยอมให้พวกเขาทำงาน พวกเขาก็จะทานข้าวไม่ลง


ครูใหญ่แกรนท์ยิ้มแล้วพูดปลอบเขาว่า  “เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วง คุณคิดว่าเด็กๆอายุหกเจ็ดขวบพวกนั้นเรียนถึงไหนกันเหรอครับ? พวกเขาแค่มาที่นี่เพื่อเล่นสนุกเท่านั้นเอง ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับการเรียนก็ให้คุณครูช่วยสอนเพิ่มหลังจากเลิกเรียนก็พอแล้วล่ะครับ”


จุดเด่นของการศึกษาในแคนาดาแตกต่างกับการศึกษาของประเทศฝั่งตะวันออกอย่างมาก การเรียนของเด็กประถมและมัธยมต้นจะค่อนข้างผ่อนคลาย โดยเฉพาะเด็กประถม จะถูกเน้นความสำคัญที่ “การเรียนรู้ท่ามกลางความสนุกสนาน” ส่งเสริมให้เด็กๆได้เรียนท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่ผ่อนคลายและมีความสุข


ที่นี่ การเรียนของเด็กนักเรียนชั้นประถมจะมีความกดดันต่ำมาก ไปตลอดจนถึงชั้นปีที่เจ็ด วิชาเรียนจำพวกคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์และเคมีก็น้อยมากจนแทบจะไม่มีเลย


การเรียนของเด็กชั้นประถมจะค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริงและเรื่องที่ช่วยปลูกฝังความสามารถให้กับนักเรียน ที่โรงเรียนไม่สนับสนุนวิธีการสอนที่เกิดจากการบังคับเด็ก การบ้านก็มีน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการปลูกฝังให้นักเรียนมีความสนใจต่อวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานมากกว่า


นอกจากนี้ วันหยุดเรียนของนักเรียนชั้นประถมก็ยังเยอะเป็นพิเศษ นอกจากการปิดเทอมฤดูร้อนหลังจากสิ้นสุดปีการศึกษาของแต่ละปี ในหนึ่งปีการศึกษานักเรียนก็ยังจะได้ปิดเทอมอีกสองครั้ง รวมถึงหยุดเรียนในช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสจำนวนสองสัปดาห์และวันหยุดฤดูใบไม้ผลิในช่วงกลางเดือนมีนาคมระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ในระยะเวลาช่วงปิดเทอม นักเรียนสามารถเข้าร่วมทุกกิจกรรมในช่วงปิดเทอมที่รัฐบาลให้การสนับสนุน อีกทั้งหลักสูตรกวดวิชาก็ยังนับว่าเป็นกิจกรรมอีกอย่างหนึ่งของช่วงปิดภาคเรียนอีกด้วย


เชอร์ลี่ย์และมิเชลล์ถูกจัดให้เข้าเรียนในชั้นปีที่สอง ส่วนพาวลิสกับกอร์ดอนถูกจัดให้เรียนในชั้นปีที่สี่ ธุระเรื่องนี้จึงใช้แค่เวลาสั้นๆเท่านั้น


ฉินสือโอวไปยืนเป็นเพื่อนฟังชั้นเรียนอยู่นอกห้องเรียนแค่ครู่เดียว ท้ายที่สุดเมื่อเห็นว่าเด็กๆสามารถเข้าเรียนได้อย่างเรียบร้อยดี จึงเดินจากห้องเรียนมา


เขายังต้องเตรียมเอกสารที่ใช้สำหรับการเข้าเรียนของเด็กๆทั้งสี่คน ตามข้อกำหนดของนิวฟันด์แลนด์ จะสมัครเข้าเรียนชั้นประถมจะต้องมีใบรับรองสูติบัตร ใบบันทึกการรักษาพยาบาลและการฉีดวัคซีน ประวัติการเข้ารับการศึกษาและบันทึกที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเอกสารการเงินและประวัติการศึกษาพร้อมทั้งข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องของผู้ปกครองอย่างละเอียด


เมื่อกลับมาถึงฟาร์มปลา ชาร์คก็รายงานกับเขาว่า “ตกลงเรื่องปูเสฉวนบกเรียบร้อยแล้ว วันมะรืนก็เอามาส่งได้แล้วล่ะ”


ฉินสือโอวพยักหน้า “เรื่องนี้ให้นายเป็นคนจัดการก็พอแล้ว ช่วงนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่กับธุระอื่นน่ะ”


เรื่องที่เขาต้องจัดการก็คือแผ่นเงินมูลค่าแปดสิบล้านที่อยู่บนเรือดังเคิลออสเดียสนั่นเอง


“แล้วเรื่องสัญญาล่ะ?” ชาร์คถาม


ฉินสือโอวตอบโดยใช้จิตสำนึกว่า “ให้คุณเออร์บักมาจัดการ……” คิดไปคิดมา ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าหลายวันมานี้เขายังไม่ได้เจอเออร์บักเลย เขาขมวดคิ้วขึ้นแล้วถามว่า “ช่วงนี้คุณเออร์บัก กำลังยุ่งอยู่กับอะไรเหรอ พวกนายมีใครได้เจอท่านบ้างไหม?”


ซีมอนสเตอร์และนีลเซ็นส่ายหัว พอเห็นว่าพวกเขาทั้งคู่ส่ายหัว อีวิลสันก็รีบส่ายหัวบ้าง


ในตอนเช้า ซีมอนสเตอร์ช่วยตัดผมและโกนหนวดเคราที่รกรุงรังของอีวิลสันออก ทีแรกฉินสือโอวนึกว่าจะได้เห็นใบหน้าที่ดุร้ายน่ากลัวเหมือนใบหน้าของชาร์คและซีมอนสเตอร์ แต่ปรากฏว่าหน้าตาของอีวิลสันกับค่อนข้างเยาว์วัย เพียงแต่ว่าดูเฉื่อยชาไปหน่อย


หลังจากที่ชาร์คอธิบายให้ฉินสือโอวฟัง เขาถึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้วชายร่างกายกำยำสูงสองเมตรคนนี้นั้น เพิ่งจะมีอายุได้เพียงสิบเก้าปี!


ถ้าหากไม่ได้ตัดผม ไม่ได้โกนหนวด แล้วบอกว่าอีวิลสันอายุสี่สิบปี ก็คงมีคนเชื่อ


ฉินสือโอวโทรหาเออร์บัก ครั้งแรกไม่มีคนรับสาย ห่างไปไม่กี่นาทีเขาก็โทรซ้ำอีกหลายครั้ง น้ำเสียงที่ฟังดูเหนื่อยล้าของเออร์บักจึงได้ดังขึ้นมา “ฉิน ว่ายังไง?”


“ไม่มีอะไรครับ ไม่ได้เจอคุณนานแล้ว เลยคิดถึงคุณนิดหน่อย ฮ่าฮ่า ช่วงนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ? ได้ยินเสียงของคุณแล้ว ดูเหมือนว่าคุณจะเหนื่อยมากๆเลยนะ”


เออร์บักเงียบไปสักครู่ แล้วจึงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า “ฉิน ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของนายนะ ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นห่วงใยนี่ช่างดีเหลือเกิน ฉันอยู่ที่ควิเบก เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็กลับไปแล้วล่ะ”


วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าเออร์บักดูจะไม่ค่อยปกติเท่าไร ชายชราเป็นคนที่มักจะมองโลกในแง่ดี และเข้มแข็งเป็นอย่างมาก แต่ดูท่าทางของเขาช่วงนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยสอดคล้องกับนิสัยของเขาสักเท่าไรเลย


ความกลัดกลุ้มในตอนที่รับพาวลิสและเด็กๆที่เหลืออยู่มาเลี้ยง ความเปลี่ยนแปลงในสายโทรศัพท์เมื่อสักครู่นี้ เขาคิดว่าครั้งหน้าที่พบกับเออร์บัก คงต้องตรวจสอบดูให้ดีว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับเขา


ในช่วงเที่ยงฉินสือโอวก็เริ่มครุ่นคิดว่าจะงมแผ่นเงินขึ้นมาอย่างไร เขาลองค้นดูในแผนที่ของกูเกิล ตำแหน่งของซากเรืออยู่ห่างจากฝั่งมากกว่าสองร้อยไมล์ทะเล ระดับความลึกมากกว่าหนึ่งพันห้าร้อยเมตร แน่นอนว่าอยู่ในเขตทะเลน้ำลึก ในสภาพแวดล้อมแบบนี้กระทั่งทีมกู้ซากเรือมืออาชีพก็ยังงมหาซากเรือและวัตถุอื่นๆได้ยาก


เขานึกไปถึงวิธีที่เขาเคยใช้ให้ปลาทูน่าครีบเหลืองส่งแผ่นเงิน เขาคิดถึงเรื่องก่อนหน้านั้นที่เพียงแค่ส่งแผ่นเงินชิ้นเดียวก็ทำให้ปลาทูน่าครีบเหลืองเหนื่อยแทบตายแล้ว ข้อนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าคงจะใช้วิธีนี้ไม่ได้ ถึงจะเป็นบอลหิมะกับปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือตัวใหญ่ก็คงไม่ไหวเช่นกัน


เขาคิดมาหลายวิธีแต่ก็ยังใช้ไม่ได้ สุดท้ายฉินสือโอวก็ถึงทางสว่าง เขารู้สึกว่าตัวเองโง่ชะมัด แท้จริงแล้วมีวิธีที่ง่ายๆอยู่!


เขาหาสุ่มจับปลามาหนึ่งอัน เป็นของประเภทที่คล้ายกันกับกรงนก แต่มีขนาดใหญ่กว่า มีรูปทรงคล้ายหยดน้ำ ยาวขนาดสองเมตร  ส่วนที่กว้างที่สุดมีขนาดหนึ่งจุดสี่เมตร ทำมาจากเหล็กกล้าทั้งอัน ของชนิดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อจับปลาทะเลชนิดใหญ่อย่างเช่นปลาทูน่าครีบเหลือง ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ และปลาแซลมอนชัม


ปกติแล้วในเวลาจับปลา ถ้าหากตกได้ปลาใหญ่ มีโอกาสสูงมากที่เอ็นตกปลาถูกดึงจนขาด  เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เมื่อตกได้ปลาตัวใหญ่ก็จะมีสองคนที่ต้องร่วมมือกัน คนหนึ่งดึงเส้นเอ็นเลียบไปตามขอบอย่างคงที่ ส่วนอีกคนต้องนั่งอยู่ในเรือเล็กเพื่อหย่อนสุ่มจับปลาลงไปทางด้านหน้าของปลาใหญ่ เมื่อถึงเวลาก็ให้คนตกปลาปล่อยเส้นเอ็น แรงเฉื่อย จะทำให้ปลาใหญ่ตกลงไปในสุ่มจับปลาได้เองอย่างง่ายดาย


เมื่อนำสุ่มจับปลามาแล้ว ฉินสือโอวจึงได้พานีลเซ็นขับเรือยอชต์ทรอลเลอร์ออกทะเลไป


สาเหตุที่เขาพานีลเซ็นมา ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเจ้าหมอนี่ขับเรือได้ดีเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเพราะว่าเขาเคยเป็นทหาร มีนิสัยที่เชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่ง ไม่ถามนั่นถามนี่ และยังเป็นคนปากหนักมากๆ


ภายใต้คำสั่งของฉินสือโอว นีลเซ็นขับเรือยอชต์ทรอลเลอร์ออกไปสู่ทางทิศใต้ของมหาสมุทร บนมหาสมุทรยังคงมีเม็ดฝนเล็กๆที่กำลังตกปรอยๆอยู่ แต่ว่าก็ไม่ได้มีลมทะเลอะไร ดังนั้นจึงขับเรือไปได้อย่างมั่นคง


ตัวเลือกของฉินสือโอวนั้นถูกต้องแล้ว แม้ว่าจะขับเรือมุ่งสู่ทางใต้มาไกลจนทำให้หัวของนีลเซ็นเต็มไปด้วยละอองน้ำ แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา และทำตามหน้าที่อย่างซื่อสัตย์


เมื่อมาถึงผิวน้ำด้านบนของเรือดังเคิลออสเดียส ฉินสือโอวก็ให้นีลเซ็นอยู่ในห้องขับเรือเพื่อบังคับเรือให้เสถียร ส่วนตัวเขาเองไปที่หางเรือเพื่อหย่อนสุ่มจับปลาลงไป


ที่ท้ายเรือมีลูกล้อกลิ้งที่มีเชือกป่านม้วนหนาพันอยู่ สุ่มจับปลาที่ทำมาจากเหล็กกล้าก็หล่นลงไปในน้ำ พร้อมกับเชือกป่านที่ตกลงไปอย่างรวดเร็ว


หย่อนเชือกป่านความยาวขนาดหนึ่งพันห้าร้อยเมตรเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดสุ่มจับปลาก็หยุดลงบนเพดานของซากเรือ


ต่อมา ก็ถึงคราวที่จิตสำนึกโพไซดอนที่ต้องทำงานแล้ว ฉินสือโอวควบคุมหมึกยักษ์ทุกตัวที่หลบซ่อนอยู่ในซากเรือ ตัวที่ใหญ่ที่สุดมีความยาวของลำตัวมากกว่าหนึ่งเมตรครึ่ง ถึงแม้จะห่างไกลกับราชาหมึกยักษ์ในตำนานราวฟ้ากับดิน แต่ก็นับว่าเป็นหมึกยักษ์ที่มีขนาดใหญ่มากๆแน่นอน


หมึกพวกนี้เข้ามายังห้องของกัปตัน พวกมันม้วนเอาแผ่นเงินที่อยู่ในกล่องออกมา แล้วจึงว่ายน้ำมายังด้านบนของดาดฟ้าเรือ จากนั้นพากันต่อแถวเพื่อนำแผ่นเงินลงไปวางไว้ในสุ่มจับปลา


นี่คือสิ่งที่ฉินสือโอวได้คิดเอาไว้ เขาจะใช้สุ่มจับปลาแทนกระดานกระโดดน้ำ แล้วให้พวกหมึกขนของเข้ามา เมื่อถึงเวลาก็ใช้ลูกรอกไฟฟ้าลากมันขึ้นไปก็เรียบร้อยแล้ว


ส่วนจะอธิบายเรื่องที่มาของแผ่นเงินให้ชาร์คและคนอื่นๆนั้น ก็บอกว่าไปเจอมาจากซากเรือลำเล็ก แถวๆเขตน้ำตื้น ยังไงชีวิตของคนเราก็ต้องพึ่งทักษะการแสดงอยู่แล้ว ส่วนทักษะการแสดงของฉินสือโอวนั้นก็สามารถรับรางวัลตุ๊กตาทองคำได้เลยล่ะ


แผ่นเงินมีปริมาณหนาแน่น หนึ่งกล่องที่น้ำหนักถึงสิบตัน โชคดีที่เดิมทีเรือทรอลเลอร์ก็มีไว้เพื่อจับปลา ซึ่งปลาหนึ่งแหก็มักจะหนักหลายตัน ดังนั้นเมื่อรอให้แผ่นเงินถูกวางลงบนสุ่มดักปลาเสร็จ แค่เดินเครื่องลูกลอกไฟฟ้าก็สามารถดึงมันขึ้นมาได้แล้ว


บริเวณครึ่งหลังของเรือทรอลเลอร์คือห้องเก็บของ เมื่อลูกรอกยกสุ่มจับปลาขึ้นมาแล้ว ก็สามารถเอาแผ่นเงินไปวางไว้ในนั้นได้ทันที ทั้งหมดเป็นการเดินเครื่องจักรกล ฉินสือโอวไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น!


นี่คือความสามารถของวิทยาศาสตร์ล่ะ!


ลูกรอกเดินเครื่องเต็มกำลังแรงม้า ในการยกขึ้นลงหนึ่งรอบใช้เวลาจัดการเพียงสี่ห้านาทีเท่านั้น เช่นนี้แล้ว ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ห้องเก็บของบนเรือก็ถูกเติมเต็มด้วยแผ่นเงินหนึ่งกอง เพียงแต่ว่าตอนนี้แผ่นเงินถูกปฏิกิริยาที่เกิดจากการรวมตัวของออกซิเจนและสารอื่นในทะเลทำให้เปลี่ยนเป็นสีเทาน้ำตาล จึงไม่น่าดูเลยจริงๆ


ระหว่างขั้นตอนนี้ ฉินสือโอวก็ถือเบ็ดตกปลาทำทีว่าเขากำลังตกปลาอยู่โดยตลอด สุดท้ายเพื่อที่จะหาคำอธิบายให้กับนีลเซ็น เขาจึงใช้จิตสำนึกโพไซดอนจับปลากระโทงร่มขึ้นมาสองตัว ปลาแฮดดัคสองตัว แล้วก็ยังมีปลาแฮลิบัตที่มีลำตัวยาวกว่าหกสิบเซนติเมตรอีกหนึ่งตัว


เขาหิ้วเอาปลาพวกนี้ไว้ ฉินสือโอวเดินเข้ามาให้ห้องขับเรืออย่างเชื่องช้า นีลเซ็นที่กำลังใส่หูฟังฟังเพลงอยู่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาถามเพียงว่าต่อไปจะต้องทำอะไร เมื่อรู้ว่าต้องกลับแล้ว เขาจึงหันหัวเรือเพื่อเดินทางกลับไปยังฟาร์มปลาทันที


ฉินสือโอวก็อดที่จะทอดถอนลมหายใจไม่ได้ ในมือของเขามีนายทหารแบบนีลเซ็น จึงทำเรื่องต่างๆได้สะดวกยิ่งนัก


กลับมาถึงฟาร์มปลา เรื่องราวก็ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว


ชาร์คกับซีมอนสเตอร์เห็นปลาและคันเบ็ดในมืองของเขา ก็งุนงงไปชั่วขณะ แล้วถามกับเขาว่า “บอส ที่วันนี้คุณออกเรือ เพื่อที่จะไปตกปลานี่น่ะเหรอ?”


ฉินสือโอวแสร้งทำท่าทางราวกับปรมาจารย์ผู้ที่ใช้ชีวิตด้วยความอ้างว้าง เขาเงยหน้าขึ้นสี่สิบห้าองศาทำทีจ้องมองขึ้นไปยังสรวงสวรรค์ จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “พันขุนเขาไร้นกบิน ทางทั้งหมื่นไร้ซึ่งรอยเท้าคน เรือน้อยโดดเดี่ยวชายชราสวมเสื้อหญ้าแฝกและหมวกกุ้ยเล่ย ตกปลาเดียวดายในแม่น้ำท่ามกลางหิมะหนาวเหน็บ!”


ชายร่างกายกำยำทั้งสองก็ยิ่งรู้สึกงุนงง พวกเขาฟังภาษาจีนไม่ออกแม้แต่นิดเดียว จึงยิ่งไม่เข้าใจท่วงทำนองการพรรณนาในบทประพันธ์ของกวีเอกหลิ่วจงหยวน ทำได้แต่มองฉินสือโอวตาปริบๆ


ฉินสือโอวกระแอมไอออกมาหนึ่งครั้ง แล้วจึงอธิบายความหมายของบทกวีนี้ ชาร์คกับซีมอนสเตอร์หันมาสบตากัน แล้วจึงพากันส่ายหัว “นายคิดว่าเลี้ยงปลาตกปลานี่เหมือนกับฉากที่บรรยายในบทกวีไหม? โอ้ พระเจ้า ฉันไม่เข้าใจเลย ฉันรู้แต่ว่าทางที่ดีคือไม่ควรออกทะเลในวันที่ฝนตก”


ผ่านไปสักพัก ฉินสือโอวเห็นว่าเกือบจะได้เวลาแล้ว เขาจึงขับรถเพื่อไปรับพาวลิสและเด็กๆทั้งสี่คน


ชาร์คขวางเขาไว้ แล้วบอกกับเขาว่า “ที่โรงเรียนมีรถโรงเรียนนะ บอส ผมแนะนำคุณว่าอย่าขับคาดิลแลควัน ไปรับพวกเขาเลย”


ฉินสือโอวลองคิดดู มันก็จริง ว่าถ้าเขาขับรถราคาแพงไปรับเด็กๆ ถ้าเช่นนั้นพวกพาวลิสและเด็กๆที่เหลือก็จะเข้าหาเพื่อนคนอื่นๆไม่ได้แล้ว อีกทั้งยังไม่เป็นประโยชน์ต่อความคิดด้านการพึ่งพาตัวเองของเด็กๆ


แล้วก็เป็นเช่นนั้น ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถบัสสีครีมหน้ากว้างของโรงเรียนก็เข้ามายังฟาร์มปลา พาวลิสและเด็กๆอีกสามคนก็ลงมาจากรถ พวกเขาบอกลาคนขับรถอย่างมีมารยาท


คนขับรถโรงเรียนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เขาบีบแตรแล้วจึงขับออกไปจากฟาร์มปลา


รอเด็กๆทั้งสี่คนกลับเข้ามาในอาคาร จากนั้นฉินสือโอวก็ถามพวกเขาว่า “เฮ้ เข้าเรียนวันแรก รู้สึกยังไงบ้าง?”


“เยี่ยมยอดไปเลย!”


“ดีมากเลย!”


“ก็งั้นๆแหละ”


“ก็ไม่เป็นยังไง”


ลำดับของคำตอบทั้งสี่เรียงจาก เชอร์ลี่ย์ มิเชลล์ พาวลิสแล้วก็กอร์ดอน


ฉินสือโอวดีดหน้าผากกอร์ดอนหนึ่งครั้ง แล้วพูดกับเข้าด้วยรอยยิ้ม “นายแอบมีความสุขอยู่ในใจล่ะสิ รู้ไหมว่าตอนฉันเรียนประถมเป็นยังไง? ทุกวันต้องแบกกระเป๋าหนังสือหนักห้ากิโล วิ่งขึ้นถนนบนเขาเพื่อไปเรียนหนังสือ แถมยังเริ่มตั้งแต่หกโมงครึ่งในตอนเช้าจนถึงหกโมงครึ่งในตอนเย็นอีกต่างหาก!”


………………………………………….


บทที่ 122 ปัญหาเล็กน้อย

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวถามพวกเขาว่าวันนี้เรียนอะไรมาบ้าง เด็กประถมในแคนาดาช่างสว่างสดใสจริงๆ ชั้นปีที่สี่ก็ยังสบายๆอยู่ เชอร์ลี่ย์และพาวลิสเรียนรู้ธรรมชาติ จึงทำให้ได้ทำความรู้จักกับแอฟริกา


ส่วนชั้นปีที่สองน่ะเหรอ? มิเชลล์บอกว่าพวกเธอเรียนคณิตศาสตร์มา ฉินสือโอวเลยถามว่าเป็นคณิตศาสตร์แบบไหน แต่สรุปแล้วก็เป็นเพียงแค่การทำความรู้จักกับตัวเลขก็เท่านั้นเอง…


ฉินสือโอวหัวเราะจนแทบจะน้ำตาเล็ด แค่รู้จักตัวเลขก็เรียกว่าคณิตศาสตร์แล้วเหรอ? แถมยังเป็นของเด็กชั้นปีที่สองด้วย? เขาจำได้ว่าตอนที่เขาเรียนอยู่ชั้นปีที่สองเขาก็ท่องแม่สูตรคูณจนจำได้ขึ้นใจแล้ว


ต่อจากนั้นเชอร์ลี่ย์ก็บอกกับเขาว่า เมื่อพวกเขาขึ้นชั้นปีที่สี่ถึงจะได้ท่องแม่สูตรคูณ……


ในตอนกลางวันชาร์คและซีมอนสเตอร์เข้าไปในเมืองเพื่อซื้อไม้กระดานและพวกเครื่องมือ ในตอนเย็นพวกเขาช่วยกันลงมือ ทำเตียงไม้ขนาดยาวสามเมตรและกว้างสองเมตรหนึ่งหลัง


แน่นอนว่าเป็นเตียงที่ทำไว้ให้อีวิลสันนอน คืนวานนี้เจ้าหมอนี่ต้องปูที่นอนนอนบนพื้น เนื่องจากหาซื้อเตียงใหญ่ๆที่เหมาะสำหรับเขาจากในเมืองไม่ได้


อีวิลสันแค่ไอคิวต่ำ แต่เขาไม่ได้โง่ แล้วก็ไม่ได้ปัญญาอ่อนด้วย ค่อยๆคุยเรื่องต่างๆกับเขา เขาก็สามารถเข้าใจได้


หลังจากที่รู้ว่าเตียงหลังนี้ทำไว้เพื่อเขา เขาก็ดีใจมาก ในมือของเขากำค้อนเอาไว้หนึ่งอัน พอชาร์คเอาตะปูขึ้นมาวางไว้เขาก็ตอกมันลงไป เหมือนกับเกมทุบตัวตุ่น เมื่อทุบค้อนลงไป ตะปูเหล็กความยาวขนาดเท่านิ้วกลางก็จมลงไปทันที!


ไม้กระดานที่นำมาใช้ทำเตียงหลังนี้คือไม้เมเปิลหนาสิบสองเซนติเมตร ขาเตียงทั้งสี่ด้านสูงข้างละหนึ่งเมตร ใช้ท่อนไม้มาค้ำยันเอาไว้ ถึงแม้จะไม่ได้สวยงาม แต่แข็งแรงทนทาน อีกทั้งข้อนี้ยังสำคัญสำหรับอีวิลสันด้วย


นอกจากนี้ซีมอนสเตอร์ก็ได้ทำตู้ข้างหัวเตียงให้อีวิลสันด้วย ขนาดประมาณหนึ่งจุดห้าเมตร ฉินสือโอวก็เอาโคมไฟตั้งโต๊ะมาวางไว้หนึ่งอัน แถมยังถ่ายรูปให้อีวิลสันแล้วล้างรูปมาวางไว้ข้างๆกันกับโคมไฟด้วย


อีวิลสันยิงฟันยิ้มแหะๆไม่หยุด ยังไม่ทันได้ปูเครื่องนอน เขาก็ขึ้นขึ้นลงลงไปลองนอนบนใหม่เตียงอยู่อย่างนั้น เมื่อขึ้นไปบนเตียงแล้วก็ม้วนตัวไปมาไม่หยุด ปากก็พูดพึมพำไปเรื่อยๆ “ดีจัง! นี่คือเตียง! เตียงของอีวิลสัน! แถมยังมีโคมไฟด้วย ตอนกลางคืนก็จะสว่างมากๆ! รูปของอีวิลสัน แค่ลืมตาก็มองเห็นอีวิลสันได้แล้ว! ของบอส ล่ะ? ต้องมีของ บอส ด้วย!”


ฉินสือโอวยิ้มถ่ายรูปข้างๆกับอีวิลสัน รอยยิ้มเฉื่อยๆของอีวิลสันดูซื่อๆ ไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยม ส่วนฉินสือโอวก็ฉีกยิ้มสว่างจ้าราวกับแสงอาทิตย์ ดูเข้ากันมาก


เมื่อทานข้าวเย็นเสร็จ อีวิลสันก็รีบกลับห้องไปนอน เขาไม่ได้ง่วง เพียงแต่อยากเอนตัวลงบนเตียงก็เท่านั้น ฉินสือโอวปูเครื่องนอนให้เขาแล้ว ไม่มีเบาะนอนขนาดที่เหมาะกับเขา เขาจึงทำได้เพียงนอนบนไม้กระดานแข็งๆ


แปดนาฬิกาของเช้าวันต่อมา รถโรงเรียนก็ค่อยๆขับมาถึงฟาร์มปลา คนขับรถบีบแตรรถเรียก เมื่อทานข้าวอิ่มแล้วพาวลิสและเด็กๆที่เหลือก็เดินออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์


“ต้องไปทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมชั้นดีๆนะ แล้วก็แบ่งอาหารกลางวันให้พวกเขาด้วยโอเคไหม?”ฉินสือโอวกอดเด็กๆทีละคน


กอร์ดอนทำหน้ามุ่ยถามเขาว่า “ฉิน ผมไม่ไปเรียนได้ไหม? ผมชอบฟาร์มปลาผมช่วยคุณจับปลาได้นะ”


ฉินสือโอวทำหน้าขรึมแล้วพูดกับเขาว่า “นายคิดว่าตอนนี้การจับปลาไม่จำเป็นต้องมีการศึกษากับความรู้เหรอ? รู้ไหมว่าฉันเรียนอะไรมา? ฉันจบปริญญาตรีหลักสูตรเต็มเวลาจากมหาลัยเฉพาะทางเลยนะ! นายสอบเข้ามหาลัยให้ได้ก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกันเรื่องการจับปลา”


กอร์ดอนทำหน้าตาสิ้นหวัง หมดกัน เขาคิดว่า ชั่วชีวิตนี้เขาคงไม่มีทางที่จะได้จับปลาแล้วล่ะ


ในที่สุดฝนที่ตกติดต่อกันมาหลายวันก็หยุดลง สภาพอากาศยังคงอึมครึม แต่สามารถออกทะเลได้แล้ว ทีมก่อสร้างของวิลก็กลับมายังฟาร์มปลาแล้วเช่นกันพวกเขาเริ่มสร้างท่าเรือทั้งสองอย่างเต็มกำลัง


ฉินสือโอวพาชาร์ค ซีมอนสเตอร์ และอีวิลสันออกทะเลไปลาดตระเวนด้วยกันพวกเขาขับเรือหัวกว้างสองลำ บนเรือมีอวนจับปลาขนาดเล็กอยู่หนึ่งอัน พวกเขาจับปลาที่อยู่บริเวณชั้นบนของน้ำทะเล เพื่อดูว่ามีปลาที่ป่วยหรือมีปัญหาอะไรไหม


ไม่พบปัญหาเรื่องปลาป่วย แต่ตลอดทาง ฉินสือโอวพบว่าที่เขตทะเลของฟาร์มปลามีแมงกะพรุนอยู่ไม่น้อยเลย ส่วนใหญ่เป็นแมงกะพรุนห้าเหลี่ยมและแมงกะพรุนพระจันทร์.


เรือลาดตระเวนทั้งสองลำกระจายกำลังออกไปสองเส้นทาง ตอนสุดท้ายจึงกลับมารวมกัน ชาร์คที่อยู่บนเรืออีกลำก็พบปัญหาเดียวกัน เขาพูดขึ้นว่า “บอส แมงกะพรุนในฟาร์มปลา ค่อนข้างเยอะเลยล่ะ”


ซีมอนสเตอร์ก็พูดขึ้นว่า “น่าจะถูกกระแสน้ำอุ่นพัดมา ฉันเห็นว่ามีแมงกะพรุนพระจันทร์ด้วย ที่แถบทวีปอเมริกานี้ มีแค่ที่อ่าวเม็กซิโกเท่านั้นถึงจะมีสิ่งมีชีวิตในเขตร้อนพวกนี้”


แมงกะพรุนพระจันทร์เป็นแมงกะพรุนชนิดหนึ่งที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ด้วยความที่พวกมันสวยมาก พวกมันจึงเป็นเหมือนซูเปอร์สตาร์ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ


แมงกะพรุนชนิดนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่สิบถึงสามสิบเซนติเมตร มีสีใสปนชมพูโปร่งแสงตลอดทั้งตัว หากมีแสงที่เหมาะสม เวลาที่พวกมันผุดขึ้นจากน้ำ จะเหมือนกับพระจันทร์หนึ่งดวงที่ค่อยๆลอยขึ้นมาจากน้ำทะเลลึก ดังนั้นจึงได้ชื่อว่าแมงกะพรุนพระจันทร์


แต่สำหรับฟาร์มปลาแล้ว หากมีแมงกะพรุนพวกนี้เยอะก็จะกลายเป็นภัยพิบัติ อันที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นแมงกะพรุนแบบไหน หากมีมากเกินไป ก็จะทำให้ฟาร์มปลาเกิดความเสียหาย


ก็เหมือนกับการที่งูทะเลทั้งหมดล้วนแต่มีพิษ แมงกะพรุนทั้งหมดก็ล้วนแต่เป็นสัตว์ที่กินสัตว์ด้วยกันเป็นอาหาร พวกมันกินแพลงก์ตอน สัตว์น้ำมีเปลือกตัวเล็กๆ โพลีคีตา และปลาชนิดต่างๆเป็นอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกมันยังชอบกินไข่ของปลาด้วย และนี่คือการสร้างความลำบากอย่างมาก


นอกจากนี้ แม้ว่าแมงกะพรุนจะดูสวยงามและอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วดุร้ายมาก พวกมันไม่มีอวัยวะในการหายใจทั้งยังไม่มีระบบหมุนเวียนโลหิต มีเพียง ระบบการย่อยอาหารเท่านั้น เมื่อกินเหยื่อแล้วก็จะย่อยและดูดซึมทางลำไส้ทันที


พวกมันไม่มีจิตสำนึก ไม่มีการครุ่นคิด แมงกะพรุนเป็นเพียงผู้บริโภคที่เรียบง่ายเท่านั้น หากพวกมันเจอเหยื่อ ก็จะไม่ยอมปล่อยให้รอดไปง่ายๆ


พวกมันยังมีอีกหนึ่งอย่างคล้ายกันกับงูทะเล นั่นก็คือส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่เป็นสัตว์มีพิษ รวมถึงแมงกะพรุนพระจันทร์ที่สวยงามไม่มีใครเทียบพวกนี้ด้วย


ฉินสือโอวดูข่าวในตอนเช้า เขาเห็นข่าวหนึ่งรายงานว่ามีผู้หญิงชาวอิตาลีคนหนึ่งไปพักผ่อนที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ร่างกายกลับได้รับพิษจากการถูกแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกสพัน


ขณะที่ทุกคนกำลังปรึกษากันว่าจะกำจัดแมงกะพรุนพวกนี้อย่างไร เต่าตัวใหญ่หลายตัวก็ว่ายน้ำข้ามมาอย่างเอื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เต่าพวกนี้ก็ทำแค่อ้าปากงับ


เหมือนกับการที่เรียกว่าเอาน้ำเกลือต้มเต้าหู้ ของอย่างหนึ่งสามารถพิชิตของอีกอย่างหนึ่งได้ เต่าที่แสนเชื่องช้าไม่ได้ประหวั่นพรั่นพรึงกับสัตว์มีพิษร้ายแรงพวกนี้เลยแม้แต่น้อย เมื่อมันกัดแมงกะพรุนได้แล้วก็จึงดูดกลืนเข้าไปทันที เหมือนกับกำลังกินวุ้น พวกมันดูดเข้าปากเข้าไปทั้งอย่างนั้น


“ลืมไปเลยว่าที่นี่ยังมีเต่ามะเฟืองอยู่ ที่แท้เต่าพวกนี้ยังไม่ได้จากที่นี่ไป!” ชาร์คพูดขึ้นมาด้วยความฮึกเหิม


เต่ามะเฟืองชอบกินแมงกะพรุนมาก อีกทั้งการเคลื่อนไหวของพวกมันก็แข็งแกร่งมาก อย่ามองแค่ว่าพวกมันว่ายน้ำได้ช้า แท้จริงแล้วพวกมันมีความอดทนสูงมาก แถมยังชอบเดินทางไปทั่วโลก ครั้งก่อนชาร์คใช้เหาฉลามจับเต่ามะเฟืองมาได้ แต่ต่อมาก็ปล่อยมันไป เขาคิดว่าเจ้าพวกนี้จะว่ายหนีไปแล้วเสียอีก


ฉินสือโอวรู้ว่า เนื่องจากตอนนี้ที่ฟาร์มปลามีการจัดการด้านอนามัยที่ดี เต่ามะเฟืองฝูงนี้ก็เลยยังอยู่ที่นี่ แต่จำนวนเต่ามะเฟืองที่มากที่สุดก็แค่ยี่สิบตัว ส่วนฟาร์มปลาของเขามีแมงกะพรุนอยู่ตั้งกี่ตัวกัน? หนึ่งหมื่นตัว? สองหมื่นตัว? หนึ่งแสนตัว? ล้วนแต่เป็นไปได้ทั้งนั้น!


วัฏจักรชีวิตของแมงกะพรุนค่อนข้างสั้น โดยเฉพาะแมงกะพรุนน้ำตื้น ส่วนใหญ่แค่ไม่กี่สัปดาห์หรือมากสุดไม่กี่เดือนก็ตายแล้ว


ทว่า แมงกะพรุนสามารถสืบพันธุ์ได้ด้วยการแบ่งเซลล์ ฉินสือโอวกลัวว่าพวกมันจะแบ่งเซลล์ออกลูกออกหลานต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด


เรื่องนี้ไม่มีวิธีแก้ไขที่ดีนัก ทำได้เพียงพักไว้ก่อนชั่วคราวเท่านั้น วันรุ่งขึ้นก็มีเรือประมงลำหนึ่งขับเข้ามา นี่ก็เพื่อมาส่งปูเสฉวนบก


เหมือนกับที่ชื่อของมันได้บอกไว้ ปูเสฉวนบกคือปูเสฉวนที่ใช้เวลาดำรงชีวิตอยู่บนบกเป็นส่วนใหญ่ หลังจากผ่านขั้นตอนการวิวัฒนาการที่แสนยาวนาน จากปูเสฉวนที่แต่เดิมมีชีวิตอยู่ในทะเล ก็เริ่มปรับตัวเข้ากับพื้นดินและน้ำจืดและเริ่มรับสารอาหารจากพืชและผลไม้เพื่อดำรงชีวิต จนในที่สุดก็เปลี่ยนมาพึ่งพาอาศัยสภาพแวดล้อมบนบก ระบบการหายใจของปูเสฉวนก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ดังนั้นพวกมันจึงไม่สามารถอยู่ในน้ำได้นาน


ทว่า พวกมันก็แยกจากน้ำไม่ได้ จึงทำให้สามารถอยู่ในน้ำได้ในระยะเวลาสั้นๆ


เรือประมงไม่สามารถขึ้นมาเทียบฝั่งได้ เมื่อมาถึงริมฝั่งจึงเริ่มทำการหว่านพันธุ์ปูเสฉวนบก เลียบไปตามเส้นฝั่งทะเล เรือประมงค่อยๆเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ ปูเสฉวนจำนวนมากก็ถูกปล่อยลงสู่ผืนน้ำ


เมื่อเทียบปูเสฉวนบกกับญาติปูเสฉวนของมันที่เกิดในทะเล ความสามารถในการปีนของพวกมันมีสูงมาก เมื่อลงไปในน้ำแล้ว พวกมันจะยกกระดองขึ้นทันที จากนั้นพวกมันก็จะก้าวเท้าเล็กๆเพื่อว่ายน้ำไปสู่ชายหาดอย่างเต็มกำลัง


เพียงครู่เดียว บนชายหาดก็ปรากฏให้เห็นรอยเท้าของสัตว์ตัวเล็กๆพวกนี้


ปูเสฉวนที่ฉินสือโอวสั่งซื้อมาในครั้งนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นปูเสฉวนบกสีส้มแดง ปูเสฉวนบกสีม่วงเข้ม และปูเสฉวนบกสีขาวเทา ปูเสฉวนบกสามชนิดนี้ชอบที่จะพักพิงอยู่ในบริเวณริมฝั่งทะเล ระดับของการพึ่งพาน้ำทะเลค่อนข้างสูง


ส่วนปูเสฉวนบกชนิดอื่น เช่น ปูเสฉวนบก C.cavipes ปูเสฉวนบกตากลม ปูเสฉวนบกแคริบเบียนและปูเสฉวนบกชนิดอื่นๆ ก็ตัดขาดจากมหาสมุทรแล้ว พวกมันชอบที่จะใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำจืดมากกว่า


เมื่อเป็นเช่นนี้กระดองสีส้มแดง สีม่วง และสีขาวเทาของปูเสฉวนบกจึงกระจายไปทั่วทั้งชายหาด หลังจากที่ปูเสฉวนบกพวกนี้ขึ้นฝั่งมาพวกมันก็หยุดวิ่งพล่าน แล้วก็พากันกำหนดอาณาบริเวณของใครของมันจากนั้นจึงมุดลงไปในชายหาด


ผ่านไปไม่นาน บนชายหาดก็แทบจะไม่เหลือร่องรอยของปูเสฉวนบกแล้ว แต่พวกมันก็สามารถทำภารกิจของตัวเองได้อย่างดี ถ้าหากมีสาหร่ายทะเล ซากปลาหรือซากกุ้งที่ตายแล้วถูกพัดเข้ามาบนชายหาดหรือบริเวณใต้น้ำของแถบชายฝั่งทะเล ปูเสฉวนบกพวกนี้ก็จะรับหน้าที่จัดการกับพวกมัน


ปูเสฉวนบกไม่น่ารับประทาน แต่พวกมันสามารถช่วยฟาร์มปลาได้อย่างมาก พวกมันคือพนักงานเก็บขยะของมหาสมุทร


เมื่อไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ฉินสือโอวจึงกลับไปวางแผนจัดสรรเงินแปดสิบล้านให้กับบ่อเพาะเลี้ยงปูเสฉวนบก เรื่องนี้ถึงถูกพักไว้ที่ตรงนี้


เมื่อเป็นเช่นนั้นฉินสือโอวจึงเตรียมตัวเพื่อเริ่มทำอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือการนำเอาแผ่นเงินในเรือยอชต์ทรอลเลอร์ไปทิ้งไว้ที่เขตแนวปะการัง


เขาใช้ข้ออ้างว่าจะไปตรวจดูปูเสฉวนบก ฉินสือโอวจึงขับเรือออกทะเลไปด้วยตัวเอง คนที่เขาพามาด้วยมีแค่อีวิลสันเท่านั้น


ตั้งแต่ซื้อเรือมาเขาก็เรียนขับเรือกับชาร์ค ซีมอนสเตอร์ และนีลเซ็นมาโดยตลอด ตอนนี้ก็พยายามขับเรือออกทะเลได้บ้างแล้ว ขอเพียงแค่บนผิวทะเลไม่มีคลื่นลมลูกใหญ่ก็พอ


เมื่อมาถึงผิวน้ำด้านบนของแนวเขตปะการัง ฉินสือโอวก็พาอีวิลสันไปที่ห้องเก็บของบนเรือ แล้วสั่งให้เขานำแผ่นเงินทิ้งลงไปในน้ำ


สิ่งที่เขาคิดไว้นั้นถูกต้องแล้ว อีวิลสันเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งได้ดียิ่งกว่านีลเซ็นเสียอีก เขาไม่เพียงแต่ไร้ซึ่งข้อสงสัย แต่เขาถึงขั้นไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ พอฉินสือโอวออกคำสั่ง เขาก็ลงมือทำทันที ไม่มีข้อสงสัย ไม่ซักถาม ไม่มีความอยากรู้อยากเห็นเลยแม้แต่น้อย


นอกจากนี้เจ้าหมอนี่ยังถึกทนแข็งแรง เมื่อลงมือทำงานก็ทุ่มเทสุดความสามารถ ฉินสือโอวอยากจะขนย้ายแผ่นเงินด้วยกัน แต่เขาก็รีบเข้ามาห้ามไว้ทันที “ผมทำเอง บอส คุณเป็นบอส งานของอีวิลสัน อีวิลสันต้องทำให้เสร็จ!”


ไม่มีการหยุดพัก อีวิลสันปีนขึ้นปีนลง แค่อึดใจเดียวก็นำเอาแผ่นเงินทิ้งลงไปในน้ำได้ทั้งหมด ในที่สุดร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อทั่วทั้งตัวก็หยุดนิ่งลง ตลอดการทำงานเขาเพิ่งจะพูดประโยคแรกออกมา “บอส ผมหิวมากเลย!”


“เข้าไปหาอะไรกินในเมืองกันเถอะ!”ฉินสือโอวตอบกลับไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ น้องชายคนนี้ คุ้มค่ากับที่เขาเลี้ยงดูจริงๆ!


เมื่อกลับไปถึงฟาร์มปลาทั้งคู่ก็พากันขับรถเข้าไปในเมืองทันที อีวิลสันถูกปล่อยให้กินอย่างบ้าคลั่งที่ร้านพิซซ่า ส่วนตัวเขาเองก็แยกไปเดินตลาด


เมื่อมาถึงตลาด เขาพบว่าที่นี่กลับมีหอยโข่งขาย อีกทั้งแต่ละอันก็ไม่ใช่อันเล็กๆ ส่วนใหญ่มีขนาดเท่ากับท้องนิ้วโป้ง เขาจึงรู้สึกมีความสุขขึ้นมา


เมื่อก่อนตอนที่ยังอยู่เกาะไหเต่า เขาก็ชอบทานหอยโข่งเผ็ด อาหารจานนี้ใช้ พริก ผัดกับน้ำมันถั่ว รสชาติยอดเยี่ยมสุดๆ เป็นกับแกล้มคู่กันกับเหล้าที่ดีที่สุด


บนเกาะแฟร์เวลที่สามารถพบหอยสังข์ได้ทุกที่ หอยโข่งจึงไม่รับการต้อนรับอย่างเห็นได้ชัด หอยโข่งหนึ่งปอนด์มีราคาแค่หนึ่งจุดสี่ดอลลาร์เท่านั้น นับว่าเป็นอาหารที่มีราคาต่ำอย่างหนึ่ง


น่าเสียดาย ตอนที่ฉินสือโอวกำลังตัดสินใจจะซื้อ เขาก็พบว่าหอยโข่งพวกนี้เริ่มส่งกลิ่นเหม็นแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันคงไม่ได้อยู่ที่นี่แค่วันสองวันแน่ๆ


นี่ทำให้เขารู้สึกหดหู่ เขาถามพนักงานที่คอยแนะนำการซื้อว่ามีหอยโข่งสดๆไหม พนักงานยักไหล่แล้วตอบเขาว่า “ไม่มี ของพวกนี้ไม่มีใครกิน ต่อไปนี้พวกเราคงไม่นำเขามาขายอีกแล้ว”


คนแคนาดาทานหอยโข่ง เพราะได้รับอิทธิพลมาจากอเมริกา สำหรับประเพณีของชาวอเมริกา คาเวียร์ เห็ดทรัฟเฟิล และหอยโข่ง นับว่าเป็นอาหารสามอย่างที่พวกเขาขาดไม่ได้ในชีวิต ในทุกๆปีไม่รู้ว่ามีกี่คนที่กินหอยโข่งจนเป็นพยาธิใบไม้ในตับ แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาหยุดบริโภคของสิ่งนี้


ทว่ามันเห็นได้ชัดว่า ของสิ่งนี้ไม่เป็นที่นิยมสำหรับชาวแคนาดา อย่างน้อยๆก็ที่เมืองแฟร์เวลที่มีคนทานน้อยมาก


หลังจากที่ฉินสือโอวกลับมาถึงแล้วก็ได้นำเอาเรื่องราวความน่าเสียดายพวกนี้ไปเล่าให้ชาร์คฟัง ชาร์คจึงแจ้งข่าวคราวที่ไม่สมกับเป็นเกาะแฟร์เวลให้ฟัง เขายิ้มแล้วตอบฉินสือโอวว่า “ถ้าหากคุณอยากกิน มันก็ไม่ได้ยากไม่ใช่เหรอ? ตอนบ่ายตอนบ่ายพวกเราไปงมหากัน ที่ริมทะเลสาบเฉินเป่าก็มี”


“ของแบบนั้น ผมไม่ค่อยชอบ” นีลเซ็นแสดงความคิดเห็นที่นานๆทีถึงจะมีของเขา อีกทั้งความคิดเห็นของเขาก็เป็นตัวแทนความคิดเห็นของชาวแคนาดาจำนวนมาก


ฉินสือโอวประสบความสำเร็จในการทำปลาคาร์ฟเอเชียมาก่อน เขาจึงพูดเสียงดังอย่างอวดดีว่า “นั่นก็เพราะว่าฉันไม่ได้เป็นคนทำยังไงล่ะ ถ้าหากเป็นอาหารที่ฉันทำ พวกนายต้องชอบแน่ๆ”


เดิมทีฉินสือโอววางแผนไว้ว่าทานข้าวเสร็จแล้วจะไปงมหอย แต่กลับกลายเป็นว่าพอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน เขากางร่มกันแดดออก พร้อมทั้งกางเก้าอี้ออกจากนั้นก็นอนหลับไป


ในชีวิตของฉงต้ามีงานอดิเรกอยู่สองอย่าง ก็คือกินกับนอน มองเห็นเจ้านายนอนหลับ ตัวมันเองก็ย่องเท้าเบาๆไปหาที่เย็นๆแล้วล้มตัวลงนอน


แต่ปรากฏว่า พอฉงต้าเริ่มฟุบลง เพียงครู่เดียวก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆดังขึ้นมา มันลืมตาดูด้วยความรำคาญ จากนั้นมันจึงมองเห็นใบหน้าใหญ่อันโหดเหี้ยมราวกับปีศาจของอีวิลสัน!


………………………………………………….


บทที่ 123 หอยเชอร์รี

โดย

Ink Stone_Fantasy

แสงแดดร้อนระอุ ร่มกันแดดถูกกางออกเพื่อให้ร่มเงา แต่ก็ยังมีความร้อนลอยขึ้นมาจากชายหาด ดังนั้นถ้าหากไม่มีลมทะเล การอาบแดดบนชายหาดก็คงจะให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกับการอบซาวน่าได้ดี


โชคดีที่มีลมทะเลพัดเอื่อยๆมาตลอด ลมทะเลนำเอาไอน้ำร้อนชื้นมาด้วย จากนั้นไม่นานฉินสือโอวก็ตื่นขึ้น


ฉงต้าถดตัวเข้ากับด้านหนึ่งของเก้าอี้นอน แวบแรกที่มันเห็นถึงการมาของอีวิลสันมันก็รีบมุดเข้าหาอ้อมอกของฉินสือโอวทันที ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันร้อนเกินไป จึงแบ่งที่ว่างครึ่งหนึ่งของเก้าอี้ แถมเขายังแบ่งที่ว่างของเก้าอี้ให้มีขนาดเท่ากันกับเตียงเล็กๆอีกด้วย ไม่อย่างนั้นทั้งคนทั้งหมีคงต้องนอนทับกันแน่


ต่อมา ฉินสือโอวถูกเสียงนกร้องปลุกให้ตื่นขึ้น เขาลืมตามองดู ห่างไปไม่ไกลนกตัวใหญ่ขนสีขาวหิมะสองตัวกำลังบินวนพร้อมทั้งกรีดเสียงร้องระงมอยู่บนพื้นผิวทะเล


เจ้านกตัวใหญ่สองตัวนี้ดูดีมาก ลำตัวของมันมีขนาดประมาณครึ่งเมตร สีของขนทั่วร่างกายเป็นสีขาวเหมือนหิมะ ปากของมันเป็นสีฟ้าอ่อน ยามสยายปีกก็ประดุจกับใบเรือสองผืน ยามพวกมันจะบินร่อนลงเพียงรวบปีกทั้งสองก็สามารถบินดิ่งลงไปได้ ทั้งรวดเร็วและสง่าผ่าเผย เป็นเหมือนกับทหารม้าของมหาสมุทร


ตอนที่เขามาที่เกาะแฟร์เวลเป็นครั้งแรกฉินสือโอวเห็นนกพวกนี้ เขาก็คิดว่ามันเป็นหงส์ จนพวกมันบินลงมาพักบนชายหาด แล้วเขามองเห็นกรงเล็บสีแดงของพวกมัน ถึงนึกขึ้นมาได้อย่างฉับพลันว่า นี่คือนกบูบีเท้าแดงต่างหากล่ะ


หลังจากบินลงสู่ชายหาด นกตัวใหญ่ทั้งสองตัวจึงหดหัวของมันเข้าหาปีกบนทั้งสองข้างของมัน พวกมันคลอเคลียและช่วยกันสางขน


เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับอีวิลสัน จากที่กำลังนั่งเล่นทรายอยู่ก่อนหน้าเขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น แล้วตะโกนว่า “จับพวกมันไว้ นกพวกนี้อร่อยมาก!”


นกทั้งสองตัวนี้มีการเฝ้าระวังที่ดีมาก เมื่ออีวิลสันตะโกนขึ้น พวกมันก็หันหัวอย่างตื่นตระหนกตกใจ แล้วจึงสะบัดปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เหมือนกันกับลูกธนูสองดอก


ฉินสือโอวกลอกตาอย่างหมดปัญญา ในความคิดของอีวิลสัน บนโลกนี้คงมีของอยู่แค่สองแบบ คือแบบที่กินได้และแบบที่กินไม่ได้สินะ?


แต่ว่าเมื่อเขามองดูตำแหน่งของที่วางร่มกันแดดแล้ว เขาก็รู้สึกซึ้งใจขึ้นมา เมื่อเทียบกับตอนก่อนที่เขาจะนอนหลับ ตำแหน่งของร่มกันแดดย้ายไปทางฝั่งทิศตะวันตกอยู่ไม่น้อย


ดูจากรอยเจาะของร่มบนชายหาดแล้ว ในสองชั่วโมงนี้ร่มกันแดดถูกเคลื่อนย้ายไปแล้วได้สักห้าหกครั้ง ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยเลย ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของอีวิลสัน แสงแดดส่องไปทางทิศตะวันตก ร่มกันแดดจึงบังแสงแดดได้ไม่หมด อีวิลสันเคลื่อนร่มกันแดดอย่างเงียบๆ เพื่อให้เขาได้หลับอยู่ในร่มเงา


ฉินสือโอวลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาพวกขนมเค้กให้อีวิลสัน อีวิลสันก็ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาทันที เขาถือเอาเค้กครึ่งก้อนไว้แล้วกินอย่างตะกรุมตะกราม


หู่จือและเป้าจือแลบลิ้นมองเค้กครีมสีเหลืองทองในมือของอีวิลสันด้วยความปรารถนา มันสองตัวกระโดดไปมาอยู่ข้างๆเขาไม่หยุด


แต่ระดับการปกป้องอาหารของอีวิลสันนั้นมีมากกว่าสัตว์ป่าเสียอีก เขาไม่แม้แต่จะมองลูกหมาตะกละที่กำลังน้ำลายไหลทั้งสองตัวนี้ด้วยซ้ำ เอาแต่สนใจยัดอาหารเข้าปากอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น


เมื่อหู่จือและเป้าจือเห็นแล้วว่าคงไม่มีโอกาส จึงเดินออกจากห้องรับแขกไปอย่างไม่มีความสุข เมื่อออกมาจากประตู แค่เดี๋ยวเดียวพวกมันก็เปลี่ยนกลับมามีความสุขอีกครั้ง แกวิ่งหนีฉันวิ่งไล่เล่นกันวุ่นวาย


ชาร์ค และซีมอนสเตอร์ที่กลับมาจากการออกทะเลไปลาดตระเวนก็พูดคุยกันอย่างอารมณ์ดี ฉินสือโอวเรียกหาพวกเขาแล้ววางแผนไว้ว่าจะไปงมหาหอยโข่งที่ทะเลสาบเฉินเป่าด้วยกัน แต่ปรากฏว่าเมื่อดูเวลาก็พบว่าระยะห่างจากช่วงที่เด็กๆจะกลับมาจากโรงเรียนก็มีไม่น้อยแล้ว จึงรอเด็กๆกลับมาแล้วค่อยไปด้วยกันเสียเลย


บ่ายโมงยี่สิบนาที รถบัสหน้ากว้างของโรงเรียนก็มาถึงทางเข้าของฟาร์มปลาอย่างตรงเวลา พาวลิส เชอร์ลี่ย์และเด็กๆที่เหลือก็รีบวิ่งเข้ามา


ฉินสือโอวเข้าไปทักทายพวกเขา แล้วถามพวกเขาว่า “ที่โรงเรียนวันนี้สนุกไหม?”


“สนุกมากเลย” เสียงใสของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้น


ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างพอใจ เขาชนกำปั้นกับเด็กๆทีละคน แล้วพูดกับพวกเขาว่า “พวกเริ่มเข้าเรียน พวกเธออาจจะยังไม่ค่อยชินกับสภาพแวดล้อมเท่าไร ต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับชีวิตที่โรงเรียนนะ โอเคไหม?”


เด็กๆทั้งสี่คนพากันพยักหน้า เหมือนกับลูกเจี๊ยบกลุ่มหนึ่งที่กำลังก้มหัวจิกข้าว


เมื่อทุกคนมารวมกันแล้ว ฉินสือโอวและซีมอนสเตอร์ก็ขับรถคนละคันไปยังทะเลสาบเฉินเป่า


มองดูรถกระบะที่ตามหลังมา ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าตนเองคงจะต้องซื้อรถที่จุจำนวนคนได้เยอะอีกสักคันแล้วล่ะ พอดีกับที่เขาต้องเข้าไปนครเซนต์จอห์นเพื่อสอบใบขับขี่ด้วยแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นก็คงแวะไปซื้อรถแวนหรือรถมินิบัสสักคัน


มาถึงทะเลสาบเฉินเป่าแล้ว อีวิลสันกระโดดลงมาจากรถกระบะก่อน เขาถอดรองเท้าไว้ที่ริมทะเลสาบแล้วเดินหาก้อนหินก่อนจะนั่งลงไปบนนั้น จากนั้นก็นำเท้าทั้งสองข้างจุ่มลงไปในน้ำ ตีเท้าขึ้นลงด้วยความสบายใจ


ฉินสือโอวเรียกให้เขามาหา เขาไปงมหาหอยโข่ง เพื่อเอามาให้อีวิลสันดูก่อน แล้วบอกว่า “ลงไปในน้ำ แล้วงมอันนี้มา เข้าใจไหม?”


อีวิลสันกะพริบตาปริบๆ เขาหมุนตัวแล้ววิ่งไปทางก้อนหินที่เขานั่งอยู่ก่อนหน้านี้ ฉินสือโอวจึงรู้สึกกระวนกระวายใจกับสติปัญญาของเขา แต่ปรากฏว่าพอมนุษย์ยักษ์ลงไปในน้ำ แค่ครู่เดียวก็ยกเอาก้อนหินก้อนหนึ่งย้ายมาไว้บนฝั่ง


หินปูนลายบาร์โค้ดก้อนนั้นน่าจะหนักอย่างน้อยร้อยแปดสิบกิโลกรัม แต่อีวิลสันกลับย้ายมันขึ้นมาได้อย่างสบายๆ ชาร์ค ซีมอนสเตอร์และทุกๆคนต่างก็ตกใจจนพูดไม่ออก


“อันนี้เหรอ?”อีวิลสันเอียงหัวถามฉินสือโอว


ปกติแล้วหอยน้ำจืดจะมีชีวิตอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำหรือไม่ก็ริมทะเลสาบ และมันยังชอบเกาะอยู่ตามก้อนหินเป็นอย่างยิ่ง เมื่อก้มลงมองดีๆที่ใต้รอยระดับน้ำของก้อนหินก้อนนี้ก็มีหอยขนาดใหญ่เล็กอยู่กองหนึ่ง


หอยพวกนี้แต่ละอันมีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกัน พวกหอยมีขนาดเท่ากันกับท้องนิ้วโป้งนับว่าเป็นหอยตัวเล็ก ส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดนั้น มีขนาดใหญ่เท่ากันกับลูกท้อ ทำเอาฉินสือโอวต้องเบิกตาโต


เขาถือเอาหอยโข่งที่มีขนาดเท่ากันกับลูกท้ออันนั้นไว้ ฉินสือโอววิเคราะห์ดู ไม่ต้องสงสัยเลย หอยพวกนี้ไม่ใช่หอยโข่งจีนแบบเดียวกับที่เขาเคยกินตอนอยู่บ้านเก่า หอยพวกนั้นต่อให้กินอาหารสัตว์ก็คงจะโตไม่ได้ขนาดนี้


มองดูเปลือกหอยสีน้ำตาลเข้ม ฉินสือโอวก็เกาศีรษะแล้วถามขึ้นว่า “นี่ใช่หอยเชอร์รีไหม?”


เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแปลหอยเชอร์รีว่ายังไง จึงถามขึ้นมาเป็นภาษาจีน เมื่อก่อนตอนที่เขายังอยู่ที่เมืองเกาะไหเต่าเขาก็เคยเห็นหอยที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ ลักษณะดูคล้ายกันมาก แต่สีของเปลือกหอยเป็นสีน้ำตาลอ่อน


ชาร์ค ซีมอนสเตอร์และคนอื่นๆฟังไม่เข้าใจภาษาจีน ชาร์คจึงพูดขึ้นว่า “นี่คือหอยโข่งแอปเปิลยักษ์ รสชาติไม่อร่อยเลยแม้แต่นิดเดียว ปกติแล้วในช่วงเดือนเก้าเดือนสิบพวกเราจะจับมันขึ้นมาขายให้กับโรงงานอาหารสัตว์


ฉินสือโอวไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจริงๆแล้วหอยอันนี้สามารถกินได้หรือไม่ จึงทำได้แค่อาศัยเสิร์ชกูเกิ้ลที่รอบรู้สารพัดอย่าง เมื่อก่อนเขาใช้ไป๋ตู้ พอตอนนี้มาอยู่ที่แคนาดาแล้ว เขาจึงพบว่ากูเกิ้ลมีประโยชน์สารพัดอย่างยิ่งกว่าไป๋ตู้เสียอีก เขาละทิ้งประเพณีเดิมๆแล้วกลายมาเป็นฝรั่งที่เขาเคยไม่ชอบได้อย่างรวดเร็ว


หลังจากค้นกูเกิ้ลแล้ว ฉินสือโอวจึงรู้ชัดเจนว่า แท้จริงแล้วเจ้าของสิ่งนี้มีชื่อว่าหอยโข่งแอปเปิลยักษ์ ทว่าเมื่อครู่เขาก็ไม่ได้จำผิด ที่จีน โดยเฉพาะที่ไต้หวัน จะเรียกหอยโข่งแอปเปิลยักษ์ว่าหอยเชอร์รี (ฟู๋โซ่วลั๋ว)


ถึงแม้หอยชนิดนี้จะดูแล้วมีขนาดใหญ่ แต่จริงๆแล้วรสชาติไม่ค่อยอร่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใช้วิธีปรุงอาหารแบบจีน รสชาติจะซึมเข้าไปในเนื้อของหอยได้ยาก


แต่ก็เลือกอะไรไม่ได้ ทางฝั่งตะวันออกของแคนาดาส่วนใหญ่แล้วมีเพียงแต่หอยน้ำจืดแบบนี้เท่านั้น หอยแบบของจีนแม้แต่เงาก็ไม่มีให้เห็น


พอดีกับที่ฉินสือโอวไม่เคยทานหอยชนิดนี้มาก่อน เขาคิดว่าถ้าได้ลองทานอันที่กำลังสดๆอยู่ก็คงดี จึงลงน้ำไปงมด้วยความกระตือรือร้น


พาวลิสและเด็กๆที่เหลือชำนาญกับงานนี้ยิ่งกว่าเขาเสียอีก เนื่องจากเมื่อก่อนตอนที่พวกเขายังต้องเร่ร่อนอยู่ ก็มักจะไปงมหอยจากในทะเลสาบมาต้มกินอยู่เสมอ แท้จริงแล้ว รสชาติมันแย่มาก แต่สำหรับท้องของพวกเขาที่กำลังหิวโหยนั้น มีของให้กินก็นับว่าไม่แย่นัก


นอกจากช่วงเดือนเก้าและเดือนสิบ ปกติแล้วก็แทบจะไม่มีคนมางมหอยโข่งแอปเปิลยักษ์ ที่นี่ ดังนั้นจึงทำให้ตามริมทะเลสาบมีหอยประเภทนี้กองอยู่เกือบเต็มไปหมด


อันที่ฉินสือโอวเลือกมาล้วนแต่เป็นอันที่มีขนาดใหญ่ประมาณท้องนิ้วโป้ง คนทั้งแปดคนร่วมมือกัน ก็สามารถงมจนได้หอยกองใหญ่มาอย่างรวดเร็ว


ระหว่างที่กำลังงมหอย อีวิลสันก็อาศัยความมือไวตาไวชกมือลงไปในน้ำอย่างโหดเหี้ยมโดยฉับพลัน ละอองน้ำก็สาดกระเซ็นไปโดยรอบ ปรากฏว่าปลากะพงปากใหญ่ขนาดสามสิบเซนติเมตรตัวหนึ่งก็หงายท้องสีขาวๆลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ


ฉินสือโอวหัวเราะออกมา งมหอยแล้วได้ปลาติดมาด้วยหนึ่งตัว นับว่าโชคดีไม่น้อย ทว่าอีวิลสันก็นับว่าแข็งแรงมากพอ จึงสามารถทุบจนปลาตายได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวเห็นคนใช้วิธีใช้กำลังทุบตีในการจับปลา


ตอนก่อนมา ฉินสือโอวนำเอากะละมังพลาสติกมาด้วยหนึ่งอันไม่คิดว่าจะงมได้เยอะขนาดนี้ ตอนนี้ไม่ควรจะสิ้นเปลือง เขายกเอากะละมังพลาสติกขึ้นไปไว้ที่ท้ายรถกระบะ ยังไงชาร์คก็เช็ดรถทุกวันอยู่แล้ว


งมจนได้มาประมาณยี่สิบยี่สิบห้ากิโลกรัม ฉินสือโอวจึงได้หยุดงมแล้วขับรถกลับฟาร์มปลา


หอยโข่งแอปเปิลยักษ์ทั้งหมดถูกนำมาแยกใส่ในกะละมัง ชาร์คมาหาฉินสือโอว แล้วพูดกับเขาว่า “บอส ถ้าคุณชอบทานหอย ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปหาหอยหวานในทะเลกันดีไหม”


“หอยหวาน?” ฉินสือโอวทวนถาม


………………………………………………………


บทที่ 124 รสชาติที่แตกต่างกัน

โดย

Ink Stone_Fantasy

หอยหวานเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ถูกนำมาใช้ประกอบอาหารบ่อยที่สุดของทวีปอเมริกาเหนือ ที่ยุโรปก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวคุ้นกับหอยชนิดนี้มาก เนื่องจากทุกครั้งที่ไปตลาด ก็จะเห็นหอยชนิดนี้จัดโปรโมชั่นอยู่


ที่ฟาร์มปลาต้าฉินก็มีหอยสังข์อยู่หลายชนิด หอยทากละติน หอยทะเลจิ๋ว หอยสังข์ Busycon carica หอยทากมินดาเนาสังข์ หอยมวนพลูและอื่นๆ แน่นอนว่าหอยแบบที่มีเยอะที่สุดก็คือหอยหวาน


แหล่งเพาะเลี้ยงหอยหวานที่สำคัญที่สุดคือที่รัฐฟลอริด้า รัฐเวอร์จิเนีย ไปจนถึงเขตทะเลของรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้แล้ว ที่เขตทะเลของรัฐนอร์ทแคโรไลนาและรัฐอะแลสกาก็สามารถจับหอยสังข์พวกนี้ได้เช่นกัน ร่องรอยของพวกมันแตกกระจายไปทั่วชายฝั่งทะเลตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก จึงมักจะพบได้บ่อยในฟาร์มปลาของนิวฟันด์แลนด์


ฉินสือโอวเคยเห็นพวกมันที่ใต้ทะเลมาก่อน แต่ก็ไม่มากเท่าไรนัก จุดของการรวมตัวกันของพวกมันก็ค่อนข้างจะอยู่แยกกันออกไป นี่อาจจะเป็นเพราะเมื่อก่อนฟาร์มปลาต้าฉินขาดแคลนอาหารสำหรับพวกมัน


หอยหวานกินสาหร่ายทะเลและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเป็นอาหาร ที่อยู่อาศัยของพวกมันอยู่ตรงบริเวณทะเลน้ำตื้น พวกมันติดนิสัยการกินสัตว์ที่มีผิวหนังเป็นหนามเป็นอาหาร ก่อนที่คนงานของฉินสือโอวจะปลูกสาหร่ายทะเล บริเวณรอบๆทะเลน้ำตื้นตรงนี้ มีสาหร่ายทะเลและสัตว์ที่มีผิวหนังเป็นหนามอยู่น้อยมาก การขยายพันธุ์ของหอยหวานจึงมีปัญหามาโดยตลอด


ดังนั้น ถึงแม้ว่าฉินสือโอวจะรู้ว่าที่ฟาร์มปลามีหอยสังข์พวกนี้อยู่ แต่เขาก็ไม่เคยมีความคิดที่จะงมมันขึ้นมา


ตอนนี้ชาร์คได้พูดขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็นึกขึ้นมาได้ทันที จึงเร่งรีบใช้จิตสำนึกโพไซดอนเพื่อลงไปสอดส่องดู


สาหร่ายทะเลเป็นปัจจัยพื้นฐานของฟาร์มปลา ตามสภาพความอุดมสมบูรณ์ของพันธุ์สาหร่าย และการแพร่พันธุ์ของสิ่งมีชีวิตที่ลอยอยู่บนผืนน้ำจำนวนมาก เมื่อเป็นเช่นนี้จึงสามารถดึงดูดปลาเล็กให้มาอาศัยอยู่ที่นี่ได้มากขึ้น ปลาเล็กก็จะดึงดูดปลาใหญ่มาอีกทอดหนึ่ง ห่วงโซ่อาหารแต่ละเส้นจึงเริ่มสมบูรณ์ขึ้นมา


ผ่านการล่าอาหารมาได้หนึ่งเดือนกว่า จำนวนของหอยหวานก็เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก พวกมันมีความสามารถในการสืบพันธุ์ที่ดีมาก แค่ครั้งเดียวก็สามารถผลิตไข่ได้มากกว่าสองพันใบ


หลังจากที่ไข่ของพวกมันได้รับการผสมพันธุ์แล้ว ไข่ของมันก็จะปลิวกระจัดกระจายไปตามน้ำ ท้ายที่สุดก็จะอาศัยอยู่กับพืชประเภทสาหร่ายหรือไม่ก็การติดอยู่บนตามโขดหินเพื่อการเจริญเติบโต


ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีหอยหวานอยู่ไม่น้อย แต่ฉินสือโอวก็ไม่ได้ไปงมหอยด้วยกันกับชาร์ค เนื่องจากการงมหอยหวานค่อนข้างยุ่งยาก ปกติแล้วจะใช้กล่องล่อจับหรือไม่ก็ใช้อวนจับปลาเพื่องมขึ้นมา


สำหรับการใช้กล่องล่อจับนั้น เนื่องจากการเคลื่อนที่ที่เชื่องช้าของหอยหวาน ดังนั้นจึงต้องรออยู่หลายวันกว่าจะสามารถยกกล่องขึ้นมาได้ แต่ถ้าใช้อวนจับปลางมขึ้นมา โดยทั่วไปแล้วจะเป็นหอยหวานที่ติดขึ้นมาจากการจับปลา แต่ว่าไม่มีใครเจาะจงที่จะไปงมหอยพวกนี้ขึ้นมา


หอยเชอร์รีเยอะขนาดนี้ก็เพียงพอกับการรับประทานแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามันจะอร่อยหรือไม่อร่อยก็เท่านั้น ฉินสือโอวแยกหอยตามชนิดใส่ลงไปในกะละมังสองอัน จากนั้นเขาก็เทน้ำจากทะเลสาบเฉินเป่าและน้ำมันงาอีกนิดหน่อยลงไปข้างในเพื่อล้างให้หอยคายตะกอนดินทรายออกมา


พอเห็นฉินสือโอวเทน้ำมันงาลงไป อีวิลสันก็เตรียมจะยื่นมือลงไปหยิบขึ้นมากินด้วยความรู้สึกสนอกสนใจ ชาร์คจะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก เขาลากอีวิลสันมาแล้วอธิบายให้ฟังว่า “ยังกินไม่ได้”


“แต่เทน้ำมันลงไปแล้วนะ”อีวิลสันมองไปที่ชาร์คแล้วพูดกับเขาอย่างจริงจัง


ชาร์คถึงกับพูดไม่ออก เขาจึงหันไปพูดกับฉินสือโอวว่า “ใช่แล้ว บอส คุณเทน้ำมันลงไปทำไมเหรอ?”


ฉินสือโอวอธิบายว่า “เทน้ำมันงาลงไปจะช่วยทำให้หอยพวกนี้คายโคลนที่อยู่ในท้องออกมาได้เร็วยิ่งขึ้น ถ้านายจะถามหลักการของฉัน งั้นฉันก็บอกได้แค่ว่าปีที่แล้วฉันซื้อนาฬิกามาเรือนหนึ่ง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”


หอยเชอร์รีงมขึ้นมาได้ง่ายแต่ทำทานได้ยาก ฉินสือโอวลองค้นดูในอินเทอร์เน็ต เขาจึงกลัดกลุ้มใจเมื่อพบว่า เนื่องจากหอยชนิดนี้มีขนาดใหญ่ จึงทำให้ถูกพยาธิใบไม้ในตับ พยาธิหอยโข่งและพยาธิชนิดอื่นๆเข้าไปมาวางไข่ได้ง่าย


ไข่ของพยาธิบางชนิดก็ฆ่าให้ตายได้ยากมาก พวกมันจะไม่เติบโตในตัวของหอยเชอร์รี เมื่อเข้าไปสู่ร่างกายของคนหรือสัตว์เลี้ยงแล้วจึงจะกลายเป็นตัวอ่อนจากนั้นก็จะเข้าไปรุกรานทำลายร่างกายของคนหรือสัตว์ที่มันเข้าไปอาศัย ชาวแคนาดากลัวเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่กินหอยชนิดนี้


คายโคลนออกมาได้หนึ่งชั่วโมงแล้ว ระหว่างนั้นก็เปลี่ยนน้ำไปสี่ห้าครั้ง ฉินสือโอวจึงได้พาเด็กๆทั้งสี่คนและนีลเซ็นเพื่อมาจัดการกับหอยพวกนี้


เขาให้นีลเซ็นล้างพวกหอยตัวเล็กให้สะอาดแล้วค่อยใช้คีมปากนกตัดส่วนก้นหอยทิ้ง แล้วนำมาผัด ส่วนหอยตัวใหญ่ก็ใช้มีดแคะเอาเนื้อออกมา เพื่อเตรียมทำเนื้อหอยคลุกซอสแบบเย็น


ไม่ควรนำหอยโข่งตัวใหญ่มาผัด ปกติเปลือกหอยก็หนาอยู่แล้ว เนื้อหอยก็ยิ่งหนาขึ้นไปอีก ดังนั้นน้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชูและเครื่องปรุงต่างๆก็จะไม่ซึมเข้าไปในเนื้อ


หอยเชอร์รีแต่ละอันไม่มีอันไหนที่เล็กเกินไป อย่างหอยโข่งของจีนพวกนั้น ล้วนแต่เป็นหอยโง่ๆ ที่มีแต่เปลือกไม่มีเนื้อ กินไม่ได้


เขาเลือกเอาแต่หอยที่มีขนาดเท่ากันกับท้องนิ้วโป้งมาบิดเอาก้นหอยออก ฉินสือโอวใช้เหล้าขาว เกลือ น้ำส้มสายชู ซีอิ๊วขาวหมักเพื่อให้เกิดรสชาติ นำเนื้อหอยตัวใหญ่ใส่ลงไปต้มในน้ำที่กำลังเดือด พยายามฆ่าไข่พยาธิที่อาจจะยังไม่ตายให้หมด


ต่อมาเป็นเมนูผัดหอยโข่ง เทน้ำมันมะกอกเทลงไปรอจนน้ำมันร้อน ใส่หอม กระเทียม ขิง และพริกลงไปผัด จากนั้นจึงเทหอยโข่งตัวเล็กลงไปแรงๆ ผัดคนกับน้ำมันเรื่อยๆ ให้นานกว่าสี่ห้านาที เพื่อรับรองว่าเนื้อหอยจะสะอาดอย่างเต็มที่


สุดท้ายจึงเริ่มใสเครื่องปรุง ใส่เหล้าขาวลงไป แล้วผัดให้ทั่ว ใส่ซีอิ๊วขาว แล้วผัดอีกครั้ง จากนั้นเติมน้ำส้มสายชูแล้วผัดต่อ ใส่น้ำตาล ผัดให้เข้ากัน เติมซอสหอยนางรม แล้วผัดต่อไป เพิ่มเกลือ แล้วผัดอีกครั้ง สุดท้ายจึงเติมซุปไก่ลงไป ผัดให้ทุกอย่างเข้ากันจากนั้นก็นำออกจากกระทะได้


กลิ่นผัดพริกและเครื่องปรุงที่ใส่ตามลงไปทีหลังผสมกันเป็นกลิ่นซอสหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้องครัว นีลเซ็นดมๆดู แล้วพูดว่า “กลิ่นหอมไม่เลวเลย แต่ไม่รู้ว่าเนื้อมันจะอร่อยไหม”


เชอร์ลี่ย์ตาโตด้วยความตะลึง “ทำไมทำเมนูนี้ ถึงต้องใช้เครื่องปรุง กับขั้นตอนเยอะขนาดนี้ล่ะคะ?”


ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วตอบไปว่า “น่าเสียดายที่มีแค่ซีอิ๊วขาวไม่มีน้ำมันถั่วลิสงกับซีอิ๊วดำ ถ้าหากมีซอสพวกนั้น ก็ยิ่งต้องใส่เครื่องปรุงเพิ่มมากกว่าเดิม”


เนื้อหอยคลุกซอสแบบเย็นทำได้ง่ายกว่ามาก เนื้อหอยสีขาวที่ต้มสุกแล้วจากนั้นก็ใช้มีดหั่นออกเป็นแผ่น พอดีที่ว่ามันเป็นหอยตัวใหญ่ทั้งหมด จึงทำให้หั่นเป็นแผ่นได้ง่ายมาก


เมื่อหั่นจนได้เป็นแผ่นแล้ว จึงมาทำในส่วนของซอสคลุก ฉินสือโอวทำเป็นสองแบบ แบบแรกคือเนื้อหอยผัดน้ำมัน ส่วนอีกแบบคือเนื้อหอยคลุกน้ำมันสด


วิธีทำเนื้อหอยผัดน้ำมัน เทซีอิ๊วขาว ซุปไก่ น้ำส้มสายชูน้ำมันหอยลงไปในเนื้อหอย แล้วนำไปผัดกับน้ำมันที่กำลังเดือดโดยตรง เนื้อหอยคลุกน้ำมันสด คือการนำต้นหอมที่ถูกหั่นเป็นเส้น ขิงซอย กระเทียมหั่นบาง เครื่องปรุงพร้อมทั้งเนื้อหอยมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน หนึ่งในนั้นต้องใส่ผงวาซาบิลงไปเนื้อหอยจึงจะมีรสชาติที่สดใหม่


ทำจนเต็มทั้งสี่จาน ฉินสือโอวจึงนำพวกมันขึ้นโต๊ะอาหาร อีวิลสันวางลูกบาสในมือแล้วจึงมายืนอยู่ที่โต๊ะอาหาร จากนั้นก็เริ่มน้ำลายสอ


ฉินสือโอวลองชิมดู รสชาติไม่เลวเลย กลิ่นของเนื้อหอยผัดน้ำมันหอมมาก รสชาติของเนื้อหอยคลุกน้ำมันสดก็อร่อยมากๆ เพียงแต่ว่าเนื้อเหนียวไปหน่อย พอเคี้ยวไปท้ายๆก็ไม่มีรสชาติแล้ว


เขานึกว่าชาร์คและซีมอนสเตอร์และคนอื่นๆจะทานอย่างเอร็ดอร่อย แต่ปรากฏว่าเมื่อทั้งสามคนทานไปได้สองคำก็วางมีดกับส้อม แล้วขับรถเข้าเมืองไปดื่มเหล้าเสียอย่างนั้น


ฉินสือโอวโมโหมาก เขาจับนีลเซ็นไว้แล้วถามว่า “รสชาติไม่อร่อยเหรอ?”


นีลเซ็นตอบอย่างจนปัญญา “บอส พอดมดูแล้วกลิ่นหอมน่ากินมาก แต่พอกินเข้าไปแล้วรสชาติในตอนแรกหนักมาก ตอนสุดท้ายกลับไม่เหลือรสชาติอะไรเลย อีกทั้งเปลือกหอยของผัดหอยยังเผ็ดเกินไป ส่วนเนื้อหอยกลับจืดมาก พวกเราไม่ชินเลย”


อาหารของคนแคนาดา มักจะคุ้นชินกับอาหารที่มีรสชาติเสมอกันทั้งคำ อีกทั้งยังชอบอาหารที่มีรสอ่อน ดังนั้นพวกเขาจึงให้ความสนใจกับเนื้อปลาทะเลที่นุ่มและสดอร่อยเท่านั้น


ทว่าเด็กๆทั้งสี่คนกลับทานได้อย่างมีความสุข เชอร์ลี่ย์ปลอบเขาว่า “ฉิน นี่อร่อยมากเลยค่ะ อร่อยกว่าที่พวกเราต้มกินตั้งเยอะ!”


พาวเวลล์อีกสามคนก็พยักหน้าไม่หยุด ฉินสือโอวก็ได้รับคำปลอบใจในที่สุด ทว่าต่อมาเขาก็คิดว่ามันน่าจะไม่ถูกต้องนะ หอยที่พวกเธอใช้น้ำเปล่าต้มจะเทียบกันกับผัดหอยกับเนื้อหอยคลุกน้ำมันที่ฉันลงแรงตั้งใจทำออกมาได้ยังไงกัน?


อีวิลสันก็เป็นอีกคนที่กำลังทานอย่างมีความสุข เขาไม่เลือกทาน ใช้ช้อนตักเอาข้าวเข้าปากกินเข้าไป ในหนึ่งช้อนก็มีเนื้อหอยแผ่นใหญ่ที่หายไปหนึ่งแผ่น เขายัดทั้งหมดเข้าไปในปาก แล้วเคี้ยว ‘จ๊อบแจ๊บจ๊อบแจ๊บ’ ใบหน้าของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข


ฉินสือโอวไม่คิดจะไปประณามความไร้รสนิยมของชาร์คและอีกสองคนที่เหลือ เขารีบแย่งทานเนื้อหอยคลุกน้ำมันสด เด็กๆทั้งสี่คนมือเล็กแขนสั้น จะแย่งก็แย่งไม่ถึง


ช่วยไม่ได้พอเขาเห็นอีวิลสันเตรียมจะยกเอาอาหารทั้งจานเทเข้าปาก ฉินสือโอวก็ทำได้แค่ยกเอามาแบ่งให้ชามทั้งห้าใบก่อน ส่วนที่เหลือก็ยกให้อีวิลสันไป


อีวิลสันไม่สนใจหอยผัดเลยแม้แต่น้อย ฉินสือโอวสอนให้เขาดูดกินมัน แต่เขากลับรู้สึกว่าวิธีแบบนี้ไม่สนุก กินเนื้อหอยลงไปหนึ่งอันค่อยดูดเนื้อหอยลงไปอีกอัน เปลืองเวลาจนของที่กินเข้าไปก่อนหน้าย่อยลงไปหมดแล้ว


ทว่าเด็กๆทั้งสี่คนกลับชอบดูดกินหอย พวกเขากินไปด้วยเป่าเปลือกหอยเล่นไปด้วย เป่าหวูดหวูดจิ๊ดจิ๊ดทำให้บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความเบิกบานใจ


………………………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)