พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1209-1210

 บทที่ 1209 พวกหนูต่ำต้อย

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อนางกล่าวแบบนี้ คนที่อยู่ทางซ้ายและขวาก็ด่าในใจอย่างบ้าคลั่ง เกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากจะส่งนางเข้าหอโคมเขียว


แต่ก็ไม่มีทางเลือก ผู้หญิงคนนี้พูดไม่ผิดเช่นกัน ถ้าโดนท้ายทายแบบนี้แล้วไม่ทำอะไรสักหน่อย กลับไปก็จะแก้ตัวไม่สะดวกแล้วจริงๆ ที่สำคัญก็คือ ถ้าปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับท่านนี้ ต่อไปยังอยากจะทำมาหากินอยู่เปล่า พวกเขาล้วนเป็นคนของอ๋องสวรรค์อิ๋ง สี่อ๋องสวรรค์แห่งตำหนักสวรรค์ อยากจะย้ายไปไหนก็คงย้ายไม่สะดวก


“ฆ่า!” ทุกคนโบกอาวุธเรียกกำลังพลข้างหลัง กัดฟันติดตามจ้านหรูอี้ไปสังหาร


ชั่วพริบตาเดียว ทหารสวรรค์ที่ขี่สัตว์เทพสามพันกว่าตัวก็ตะโกนว่าฆ่าพร้อมพุ่งโจมตีออกมา


กำลังพลกลุ่มใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเชื่องช้านิดหน่อย รวมตัวกันได้หนึ่งแสนกว่าพุ่งออกไป ความคิดของคนพวกนี้ไม่ซับซ้อนเลย นั่นก็คือข้างหน้ามีสามพันคนร่วมมือกัน อย่าว่าแต่หนิวโหย่วเต๋อคนเดียวเลย ต่อให้เป็นนักพรตบงกชรุ้งก็โดนโจมตีจนหมอบได้เหมือนกัน กลัวก็แต่จะไม่สามัคคีกัน แต่ตอนนี้พร้อมใจกันโจมตี เวลาลงมือขึ้นมาก็เกรงว่าคงจะไม่ถึงคราวของพวกเขา


ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือตามไปประสมโรงเฉยๆ


จ้านหรูอี้ที่ขี่สัตว์เกราะทองคำรามฟ้าหันกลับมามองข้างหลัง ทำให้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเยอะมากทันที


นางกลัวแค่คนพวกนี้จะไม่สามัคคีกันและไม่กล้าออกมาต่อสู้ ตอนนี้มีคนมากมายขนาดนี้ติดตามนางออกรบ คนที่มีของวิเศษติดตัวมีไม่น้อย ถ้าใช้ของวิเศษทุ่มไปพร้อมกัน ต่อให้สู้กับนักพรตบงกชรุ้งพวกนางก็ชนะอยู่ดี จะต้องชนะศึกนี้แน่นอน!


“ฆ่า!” ท่ามกลางเสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราด เหมียวอี้โบกทวนชี้ออกไป


“อ๋าว…” เฮยทั่นพุ่งออกไปอย่างกะทันหัน ไม่มีอะไรขวางกั้นได้


นี่คือการบุกโจมตีของคนหนึ่งคนกับกำลังพลนับแสน ชนปะทะกัน!


ถ้ามองจากมุมสูงลงไป ฉากที่ทำให้คนตกตะลึงนี้ปนด้วยความเศร้าสลดและเร้าใจอยู่หลายส่วน


ชายอ้วนกินน่องไก่ไปได้ครึ่งเดียวแล้วก็หยุด หยุดกินตั้งแต่ตอนที่เริ่มสู้รบกัน น่องไก่ที่มันเลี่ยนถูกกำอยู่ในมือ ส่วนมืออีกข้างถือไหสุรา เขากำลังก้มมองท้องฟ้าที่อยู่ข้างล่าง


ชายผอมที่อยู่ข้างกันกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ยื่นมือไปหยิบไหสุราในมือชายอ้วน เงยหน้ากรอกเข้าปากไปหนึ่งคำ พอเช็ดปากแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวชมว่า “ช่างเป็นวีรบุรุษ! เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย สามารถสละเลือดร้อนๆ ได้สักครั้ง ก็นับว่าไม่เสียชาติเกิดเหมือนกัน!”


“ตอนแรกมีข่าวลือ บอกว่าหนิวโหย่วเต๋อโดนเพื่อนร่วมงานด่าทอดูหมิ่น แต่ยอมหดหัวเป็นเต่าไม่กล้าเถียงกลับ ช่างเป็นเรื่องที่ผิดพลาดที่สุดในใต้หล้า เป็นเรื่องน่าขำที่สุดในโลก!” ชายอ้วนหันกลับมา ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง แล้วก้มหน้าดูการปะทะข้างล่างต่อไป


ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน ที่ก่อนหน้าที่พุ่งใส่ขบวนทัพใหญ่หนึ่งล้าน ก็เป็นเพราะคนส่วนใหญ่หลบเลี่ยงการต่อสู้ ตอนนี้กำลังพลหนึ่งแสนกว่าไม่ได้วางกำลังรบ และไม่ได้หลบหลีกเช่นกัน แต่รวมตัวกันเป็นฝ่ายพุ่งเข้ามาโจมตีก่อน ทหารสวรรค์สามพันกว่าคนที่ขี่สัตว์เทพก็คือกำลังหลัก แค่ลักษณะพลังที่แสดงออกมาก็ไม่เหมือนกันแล้ว เมื่อกำลังแบบนี้รวมตัวกันขึ้นมา ต่อให้เป็นนักพรตบงกชรุ้งก็ยังต้องถอย แต่เหมียวอี้กลับดันทุรังพุ่งเข้าใส่


ฉากนี้ทำให้แม้แต่จอมพลเถิงเฟยก็ยังทำสีหน้าตกตะลึง ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น นี่ต้องใช้ความกล้าหาญขนาดไหนถึงจะทำแบบนี้ได้? ถ้าเปลี่ยนเป็นคนปกติทั่วไปก็คงรีบหนีแล้ว เขายอมรับว่าถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเองในปีที่วรยุทธ์เท่านี้ ก็ทำอะไรแบบนี้ไม่ได้อยู่ดี


“ยอมตายดีกว่ายอมแพ้เหรอ? ทำไมต้องลำบากขนาดนี้!” จอมพลเถิงถอนหายใจ


บรรยากาศอันน่าตกตะลึงที่แฝงไปด้วยความเศร้าโศกเร้าใจทำให้โค่วเหวินชิงเบิกตากว้าง ในดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง มีแต่ความตกตะลึง ตกตะลึงอยู่ในหัวใจ นางอยู่ในแดนฝึกตนมาหลายปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผู้ชายแบบนี้


ปี้เยว่ฮูหยินที่ทำสีหน้าสะเทือนอารมณ์ก็ได้แต่ตาค้างเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น


เกาก้วนกลับขมวดคิ้วมุ่น เหมียวอี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่กำลังฝืนประคองตัวเองอยู่ ถึงแม้จะปิดบังคนอื่นได้ แต่กลับปิดบังสายตาของเขากับเถิงเฟยไม่ได้ ในสายตาเขา การกระทำของเหมียวอี้คือการรนหาที่ตาย เขาคิดไม่ตกว่าทำไมเหมียวอี้ต้องทำแบบนี้


หารู้ไม่ว่าสำหรับเหมียวอี้แล้ว ในใจตอนนี้มีอยู่เหตุผลเดียว นั่นก็คือไม่มีเหตุผล!


ถ้าจะให้หาเหตุผลสักข้อหนึ่ง นั่นก็คือยังฆ่าคนได้ไม่มากพอ! ยังฆ่าไม่หนำใจ! ข้าก็แค่อยากจะใจร้อนวู่วามสักรอบ! ไม่อย่างนั้นในใจก็จะเป็นทุกข์เพราะเก็บกด!


ใบหน้าแต่ละหน้าที่ตราตรึงอยู่ในใจเขาก่อนหน้านี้ ตอนแรกเขาอยู่ลำพังแต่กลับมีคนอยากเอาชีวิตเขา การหลบหนีของพวกจางฮั่นฟางได้จุดไฟบางอย่างขึ้นในใจเขาแล้ว ไม่มีใครเข้าใจได้ถึงความรู้สึกที่เขาเก็บกลั้นเงียบๆ ตลอดมาหลังจากโดนหยามหมิ่นที่จวนแม่ทัพภาคตงหัว…


เมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กัน จู่ๆ จ้านหรูอี้ที่ขี่สัตว์พาหนะนำรบอยู่แนวหน้าก็กระทืบเท้า


“กรรร…” สัตว์เกราะทองคำรามฟ้าพลันคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ปากที่เหมือนแอ่งเลือดอ้าออก แสงสีทองเรืองรองสายหนึ่งที่เหมือนทั้งคลื่นเมฆทั้งระลอกคลื่นก็โจมตีไปยังเหมียวอี้ที่พุ่งมาตรงหน้า


ปฏิกิริยาแรกของเหมียวอี้ก็คือ สัตว์พาหนะของอีกฝ่ายเป็นประเภทที่สามารถใช้คลื่นเสียงโจมตีได้ คลื่นเสียงสามารถกลายเป็นแสงสีทองที่มีรูปร่างได้ คาดว่าคงจะมีความพิเศษยิ่งกว่าเดิม


ไม่สนใจว่าจะใช่หรือไม่ใช่ เหมียวอี้ไม่สนด้วยว่ารสชาติหลังจากถูกโจมตีจะเป็นอย่างไร รีบใช้เพลิงจิตปกป้องร่างกายอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ปกป้องเฮยทั่นด้วย


แทบจะเป็นชั่วพริบตาเดียว แสงสีทองหลายชั้นที่ถาโถมเข้ามาก็ปกคลุมเขากับเฮยทั่นเอาไว้แล้ว รอบกายทั้งสองมีระลอกคลื่นสาดซัดหนึ่งชั้น รู้สึกได้ถึงพลังโจมตีไร้รูปร่างที่สามารถทำให้คนสะท้านใจ ส่วนความรู้สึกทุกข์ทรมานอย่างอื่นนั้นไม่มี


คนหนึ่งคนกับสัตว์พาหนะหนึ่งตัวพุ่งไปหาจ้านหรูอี้ต่อ


“เอ๋! ต้านทานการโจมตีกลืนวิญญาณของสัตว์เกราะทองคำรามฟ้าได้ยังไง” จอมพลเถิงที่ดูการต่อสู้กล่าวอย่างประหลาดใจ “สงสัยหนิวโหย่วเต๋อจะฝึกเคล็ดวิชาลับที่ไม่ธรรมดา”


นี่ก็คือความคิดของจ้านหรูอี้เช่นกัน เห็นเหมียวอี้ยังขี่สัตว์พาหนะอย่างมั่นคงและโจมตีฝ่าแสงสีทองที่สัตว์เกราะทองคำรามฟ้าพ่นเข้ามา ไม่มีปฏิกิริยาผิดปกติเลยแม้แต่น้อย นางตกใจอยู่บ้าง จึงรีบยกมือขึ้น ในกำไลเก็บสมบัติพลันมีกระบี่วิเศษผลึกแดงบริสุทธิ์ยาวประมาณหนึ่งจั้งพ่นออกมา


จ้านหรูอี้ใช้มือข้างหนึ่งจับทวน แล้วใช้มืออีกข้างชี้ควบคุม กระบี่ใหญ่ฟันออกไปอย่างฉับพลัน รอบๆ ตัวกระบี่มีกระแสไฟฟ้าลอยขึ้นมา


เหมียวอี้ใช้ฝ่ามือข้างเดียวยันไว้ ขณะกำลังจะผลักลูกกลมตีไม่พังออกมาต้านทาน คาดไม่ถึงว่าจ้านหรูอี้จะกางนิ้วทั้งห้า กระบี่ใหญ่พลันกลายเป็นกระบี่เล็กยาวเท่าแขนกระจายออกมาร้อยเล่ม ลากเป็นตาข่ายสายฟ้ากระจายออกมา ราวกับมีแหใหญ่ผืนหนึ่งครอบเหมียวอี้กับเฮยทั่นเอาไว้ด้วยกัน


เหมียวอี้ล้มเลิกความคิดที่จะใช้ลูกกลมตีไม่พังทันที ร่างกายของเขาพลิกอย่างรวดเร็ว อ้อมไปหลบอยู่ใต้ท้องเฮยทั่น


กระบี่บินที่มีตาข่ายไฟฟ้ายิงเข้ามาราวกับพายุฝน เฮยทั่นก้มหน้าปกป้องเหมียวอี้ที่อยู่ใต้ท้อง แล้วใช้หัวพุ่งชนเข้าไป


แกร๊งๆๆ! กระบี่บินสิบกว่าเล่มที่ยิงมาตรงหน้าถูกชนจนพลิกปลิวออกไป เฮยทั่นฝ่าออกจากตาข่ายไฟฟ้าได้อย่างห้าวหาญ กระแสไฟฟ้าโจมตีโดนตัวมัน แต่ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับมันเลย มันพุ่งตัวไปข้างหน้าต่อ


จ้านหรูอี้ตระหนกตกใจ สัตว์พาหนะของอีกฝ่ายไม่กลัวสายฟ้างั้นเหรอ?


นางจะไปรู้ได้อย่างไร ว่าเฮยทั่นสามารถอาบน้ำอยู่ท่ามกลางสายฟ้าตอนเรียกฟ้าเรียกฝนได้ ในจุดนี้เหมียวอี้รู้ดีกว่านาง ถึงได้ให้เฮยทั่นมาเป็นโล่กำบังให้


มือข้างหนึ่งช้อนออกมาใต้ท้องเฮยทั่น คว้ากรวยแหลมแท่งหนึ่งที่อยู่บนเกราะรบเฮยทั่น แล้วพลิกตัวโผล่ออกมาจากใต้ท้องเฮยทั่นโดยตรง


ปฏิกิริยาอันรวดเร็วในการขึ้นลงนี้ทำให้คนที่กำลังดูการต่อสู้รู้สึกทึ่งมาก


พอจ้านหรูอี้โบกมือ กระบี่บินร้อยเล่มที่พุ่งเข้ามาก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เลี้ยวโค้ง กระบี่ใหญ่ที่มีสายฟ้าฟันไปทางแผ่นหลังของเหมียวอี้อย่างเกรี้ยวกราด


เหมียวอี้สาวเท้าเหยียบจากแผ่นหลังเฮยทั่นขึ้นไปบนยอดหัวของเฮยทั่น อาศัยแรงเฉื่อยจากการพุ่งโจมตีของเฮยทั่นเพื่อเหยียดเท้าดีดตัวออกมา รีบดึงระยะห่างระหว่างตัวเองกับจ้านหรูอี้ให้เข้าใกล้กัน แล้วปาดทวนออกมาโดยตรง


แต่ใครจะคาดคิด จ้านหรูอี้ไม่แสดงฝีมืออ่อนด้อยเลยสักนิด สาวเท้ากระโจนตัวขึ้นมาเช่นเดียวกัน ทะยานฟ้าพร้อมกางแขน ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นคนที่มีสามหัวหกแขน ในมือถือทวนสามด้าม โจมตีไปที่เหมียวอี้พร้อมกัน ร้ายกาจถึงขีดสุด ทั้งคู่ทะยานขึ้นฟ้าปะทะกันอย่างคล่องแคล่วแข็งแรง


สองหัวสี่แขนและทวนยาวหนึ่งด้ามของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นภาพมายา ดวงตาอิทธิฤทธิ์ไม่มีทางมองออกได้ และเหมียวอี้ก็ใช้ตาทิพย์ไม่ทันด้วย จึงรีบเอียงหน้าหลับตา พอสะบัดมือ ทวนยาวที่มีจุดดำขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองหมุนวนก็เอียงเล็กน้อย


จ้านหรูอี้ที่ใช้ทวนสามด้ามพร้อมกันตกใจมาก เห็นอีกฝ่ายหลับตามองข้ามภาพมายาของนาง แต่ยังสามารถปะทะกับอาวุธจริงของนางได้อย่างแม่นยำ


นางเปลี่ยนท่าไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงโจมตีปะทะกันตรงๆ


ตอนที่ทวนสองด้ามสัมผัสกัน จ้านหรูอี้ก็นึกเสียใจทีหลังทันที พลังที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งทำให้แขนของนางสูญเสียความรู้สึก ความรู้สึกสุดท้ายที่แวบเข้ามาในหัวก็คือเหลือเชื่อ


ปั้ง! ปั้ง!


เสียงสะเทือนดังขึ้นต่อเนื่องสองครั้ง ทวนยาวหลุดมือจ้านหรูอี้กระเด็นออกไปในชั่วพริบตาเดียว แล้วก็ถูกทวนแทงเข้ามาที่หน้าอกหนึ่งครั้ง “อั้ก!” นางตาเหลือกพร้อมเงยหน้ากระอักเลือดสดออกมาคำหนึ่ง สะเทือนจนร่างกระเด็นออกไปราวกับผีพุ่งใต้


เถิงเฟยที่หรี่ตามองพึงพำว่า “วิชาทวนของเจ้าบ้านี่บรรลุถึงความหมายที่ลึกซึ้งของการทำลายความว่างเปล่าแล้ว มิน่าล่ะ” เมื่อครู่นี้เขาสังเกตเห็นจุดสีดำที่แวบผ่านบนหัวทวนตอนที่เหมียวอี้ออกทวนแล้ว


เหมียวอี้ที่ยังไม่ทันลืมตาสะบัดหลัง ลูกกลมตีไม่พังเม็ดหนึ่งที่แขวนอยู่ข้างหลังพลันลอยออกมาปรากฏตัว กลายเป็นวัตถุขนาดใหญ่กันข้างหลังเขาเอาไว้


ปั้ง! กระบี่ใหญ่สายฟ้าที่ฟันโจมตีเข้ามาโดนลูกกลมสีแดง ชั่วพริบตาเดียวก็โดนแว้งกัด โดนลูกกลมสีแดงกลืนเข้าไปแล้ว


จากนั้นเหมียวอี้ก็ลืตาแล้วหันมาโบกมือเก็บลูกกลมตีไม่พังเอาไว้ เฮยทั่นที่พุ่งตามมาที่หลังแบกเขาสังหารไปข้างหน้าต่อ


ทั้งสองประมือสู้กันเพียงชั่วพริบตาเดียว คนที่ดูอยู่ทอดถอนใจด้วยความทึ่ง ต่างก็พากันชื่นชมอยู่ในใจ สมกับเป็นอันดับหนึ่งที่ราชันสวรรค์แต่งตั้งให้ทั้งคู่


ไม่ว่าใครก็ว่าจ้านหรูอี้ไร้ความสามารถไม่ได้ อย่างน้อยนางรู้ทั้งรู้ว่าหนิวโหย่วเต๋อห้าวหาญขนาดนี้แต่ก็ยังกล้าสู้กันตรงๆ ความกล้าหาญนี้ควรค่าแก่การชื่นชม ที่จริงความสามารถที่จ้านหรูอี้เพิ่งแสดงไปเมื่อครู่นี้ ทุกคนก็ได้เห็นแล้วเช่นกัน เพียงแต่หนิวโหย่วเต๋อมีระดับเหนือกว่าก็เท่านั้นเอง


ตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อไม่เพียงแค่ห้าวหาญดุร้ายเท่านั้น แต่ดูจากวิธีการรับมือรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินในชั่วพริบตาเดียวนั้น ก็รู้แล้วว่าเขาเชี่ยวชาญเรื่องการรบที่สุด


ทัพใหญ่หลายแสนที่พุ่งเข้ามาโจมตี พอเห็นแม่ทัพที่บุกนำมาโดนเหมียวอี้โจมตีจนกระเด็นออกไป พวกเขาก็ตกใจไม่เบาจริงๆ จ้านหรูอี้มีวรยุทธ์บงกชทองขั้นเก้าเชียวนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะต้านทานการโจมตีของหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว ล้อเล่นอะไรกัน!


ที่จริงในการรบครั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหมียวอี้เอาชนะนักพรตบงกชทองขั้นเก้าได้ภายในท่าเดียว ที่สำคัญคือก่อนหน้านี้ทุกคนไม่เห็นเอง


ก็เป็นเพราะว่าไม่เคยเห็นนี่แหละ พอมาเจออะไรแบบนี้กะทันหัน คนที่พุ่งตามมาข้างหลังถึงได้หวาดกลัวเพราะไม่ได้เตรียมใจ ขนาดนักพรตบงกชทองขั้นเก้ายังต้านไม่ไหวแม้แต่ท่าเดียว แถมอีกฝ่ายยังมีของที่เอาไว้เก็บของวิเศษโดยเฉพาะ ยังจะสู้กันทำบ้าอะไรล่ะ!


เมื่อเห็นจ้านหรูอี้สะเทือนจนกระเด็นถอยหลัง ก็มีคนรีบมาคว้าแขนจ้านหรูอี้เอาไว้ หัวสมองตอบสนองเร็วเหมือนกัน หันเลี้ยวแล้วหนีทันที ทั้งยังไม่ลืมที่จะหาข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองมีผลงานและไร้ความผิดอย่างสง่าผ่าเผย ตะโกนเสียงดังว่า “ปกป้องผู้บัญชาการใหญ่จ้าน!”


เขาปกป้อง ส่วนคนอื่นๆ ก็ลนลานหนีตามหลังไป ตามไปปกป้องแล้ว


พอทำแบบนี้ ทัพใหญ่ก็วุ่นวายไร้ระเบียบทันที กำลังหลักสามพันคนที่ขี่สัตว์เทพอยู่ข้างหน้าหนีไปทางซ้ายและขวา ทำให้กำลังพลที่ตามมาข้างหลังประสบหายนะ เหมียวอี้ที่ควบเฮยทั่นพุ่งมาเข้าไปในกลุ่มคนแล้ว ออกทวนราวกับมังกรสังหารเป็นทางเลือดอีกครั้ง สังหารจนมีเสียงกรีดร้องระงม


พอเถิงเฟยที่ดูการต่อสู้เห็นสภาพการณ์นี้ ก็รีบหยิบระฆังดาราออกมาแล้ว ไม่รู้ว่ากำลังติดต่อไปที่ไหน


กำลังพลแสนกว่าที่รวมตัวกันพุ่งเข้ามาเปลี่ยนเป็นหนีกระเจิดกระเจิงทันที เหมียวอี้ที่ยังสังหารไม่หนำใจพุ่งไปหาทัพใหญ่ที่รวมตัวกันตอนหลัง


คนที่อยู่ข้างหลังไม่กล้าแม้แต่จะบุกโจมตี ย่อมไม่มีใครมีเจตนาจะต่อสู้ ไม่มีใครเล่นกับเขาแล้ว ลนลานหนีกระเจิงอย่างสะบักสะบอมทันที


หลังจากเหมียวอี้สังหารฝ่าออกมาจากทัพใหญ่ ก็เหาะไปยังดาราจักรอันกว้างใหญ่ต่อ ครั้งนี้ไม่ได้กลับไปอีก


หัวหน้าของกำลังพลสายชวดที่อยู่บนฟ้าสูงและทำตัวอยู่นอกเหตุการณ์มาตลอด จู่ๆ ก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ถามเสียงดังว่า “หนิวโหย่วเต๋อ ทำไมไม่มาเป็นพันธมิตรกับข้าเพื่อรับมือการทดสอบล่ะ?”


เหมียวอี้ไม่รู้เลยว่าข้างหลังมีใครกำลังพูดกับเขาอยู่ เพียงตอบกลับเสียงดังว่า “พวกหนูต่ำต้อย หนิวอยู่ด้วยแล้วรู้สึกอับอาย! ของที่ข้าไม่เก็บก็ถือว่าเป็นรางวัลให้พวกเจ้าแล้วกัน ใครเก็บได้ก็ถือว่าเป็นของคนนั้น”


พอพูดจบ จู่ๆ เหมียวอี้ที่หันหลังให้พวกเขาก็ยกมือกดหน้าอก ถ่มเลือดสดออกมาอีกคำ เลือดสดระหว่างปากและจมูกเริ่มไหลซึม แต่กลับดันทุรังไม่ปล่อยให้ร่างกายโอนเอน เพียงให้เฮยทั่นเร่งความเร็วจากไป


“…” คนที่ตะโกนขอเป็นพันธมิตรพูดไม่ออก


เกาก้วนมองตามเหมียวอี้จากไปไกล เหล่ตามองเถิงเฟยแวบหนึ่ง แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “ถ้าอยากจะรับเขาไว้ ก็ต้องถามผู้บังคับบัญชาของเขาก่อนว่าจะยอมปล่อยตัวมาหรือเปล่า”


…………………………


บทที่ 1210 สมาคมร้านค้า

โดย

Ink Stone_Fantasy

เถิงเฟยไม่ได้ปฎิเสธว่าการขอเป็นพันธมิตรเมื่อครู่นี้มีเขาบงการอยู่เบื้องหลัง และไม่ปฏิเสธเช่นกันว่ามีความคิดจะรับเหมียวอี้เข้ามาทำงานด้วย เพียงแต่ขณะที่มองดูทิศทางที่เหมียวอี้หายไป ดวงตาเขาก็เป็นประกายเล็กน้อย เอามือขยี้เคราพลางกล่าวชมว่า “ช่างเป็นทหารเสือจริงๆ! สังหารฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้าน องอาจห้าวหาญ มีอะไรมากกว่านี้แล้ว หากเวลาผ่านไปสักระยะ จะต้องเป็นหนึ่งในแม่ทัพที่ห้าวหาญเกรียงไกรที่สุดในใต้หล้าแน่นอน น่าเสียดายแล้ว! เทียนหยวน เจ้าเวรนั่นมันไม่สนใจความเป็นความตายของทหารดีๆ!”


เกาก้วนเงียบงัน ดวงตาฉายแววล้ำลึก จ้องตรงไปยังจุดลึกของดาราจักรที่เปลี่ยนแปลงไปร้อยแปดพันเก้า


“ท่าไม่ดีแล้ว! จะเกิดเรื่องแล้ว!” จู่ๆ เถิงเฟยก็กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าก็ว่าอยู่ว่าทำไมเจ้าบ้านั่นใจกว้างไม่เก็บของไป ทั้งยังบอกว่าใครเก็บได้ก็เป็นของคนนั้น คงจะวางอุบายไว้เพราะจงใจจะให้เกิดเรื่อง”


เกาก้วนได้สติหันกลับมา แล้วมองตามสายตาของเขา มองดูศพสองพันกว่าร่างที่เหมียวอี้บุกสังหารและทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมบอกเบาๆ ว่า “คนยังไม่ทันแยกย้าย แต่ก็ตายไปมากมายขนาดนี้แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเจ้ากับข้าจะแก้ตัวกับราชินีสวรรค์ไม่ได้เลย สั่งให้คนเก็บกวาดศพพวกนี้ให้หมด เก็บเป็นของหลวงให้หมด”


“คิดว่าพวกเรากลัวเจ้ารึไง?” จนกระทั่งเหมียวอี้หายไปในจุดลึกของท้องฟ้า เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็เริ่มพูดมากอีกแล้ว โบกมือบอกทางซ้ายและขวาอย่างโอหังอวดดีว่า “ทุกคนมาที่นี่เพื่อทดสอบ ไม่ได้มาสู้ตายแลกชีวิตกับเจ้า ถ้าพวกเราสามัคคีรวมใจกันขึ้นมาจริงๆ หนิวโหย่วเต๋อจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง ทุกคนว่ามั้ย?”


“ใช่!” เสียงตอบกลับที่แผ่วเบาหร็อมแหรมดังขึ้น


ฝานอวี้เฟยที่อยู่ข้างๆ เอียงหน้ามองด้วยสายตาดูถูก คิดในใจว่าถ้าทุกคนมีความคิดแบบเจ้ากันหมด จะสามัคคีรวมใจกันได้ก็แปลกแล้ว


คนที่มีความคิดดูถูกเหมือนนางมีไม่น้อยเลย ทว่าความคิดนี้ยังไม่ทันหายไป ก็ได้ยินเซี่ยโห้วหลงเฉิงแหกปากตะโกนอีกว่า “ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าใครก็ห้ามแย่ง! พี่น้องทั้งหลาย ลุย! ใครกล้าแย่งคนนั้นตาย!”


เล่นอะไรของเจ้า? ฝานอวี้เฟยหันกลับไปมอง ถึงได้พบว่าศพสองพันกว่าร่างที่เหมียวอี้ไม่ได้เก็บไป ในจำนวนนั้นเป็นร่างของผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์อยู่ไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นเนื้อก้อนใหญ่


แต่จนใจที่ไม่ใช่ทุกคนที่จะฟังคำสั่งเซี่ยโห้วหลงเฉิง ขู่ได้เพียงพวกที่ไม่มีคนหนุนหลัง คนอื่นๆ เรียกได้ว่าเข้ามาแย่งอย่างไม่ชักช้า ชัดเจนว่าใครเก็บได้ก็เป็นของคนนั้น เป็นของที่ไม่มีเจ้าของ


เมื่อเห็นว่าไม่มีใครไว้หน้า เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็เดือดดาลทันที โบกดาบฟันจนเกิดเสียงร้องระงมพลางนำกลุ่มคนฝ่าเข้าไปแย่ง


ของที่ไร้เจ้าของ ไม่ว่าใครก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ แม้แต่คนของตระกูลโค่วกับกำลังพลสายชวดก็ฝ่าเข้ามาแย่งเช่นกัน


เมื่อเห็นว่าการตะลุมบอนกลุ่มใหญ่ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายกำลังจะเริ่มขึ้น เสียงของจอมพลเถิงเฟยก็ดังขึ้นอย่างน่าตกใจราวกับฟ้าผ่า “หยุดนะ!”


ทุกคนที่ถืออาวุธอยู่ในมือหันกลับมามอง พบว่าจอมพลเถิงหน้าดำคร่ำเครียดเหมือนก้นหม้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเห็นทูตตรวจการฝ่ายขวาที่ทำสีหน้าเย็นเยียบอยู่ข้างกายเขา แต่ละคนก็ทำสีหน้าอับอายทันที ไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีกแล้ว แม้แต่เซี่ยโห้วหลงเฉิงเองก็ยังต้องหัวหัว ถ้าเกาก้วนฆ่าเขาแล้ว เกรงว่าแม้แต่ท่านอาหญิงก็คงจะไม่พูดอะไรมาก


จะไม่ให้จอมพลเถิงหน้าดำคร่ำเครียดคงไม่ได้ ถ้าต่อสู้กันขึ้นมาในเหตุการณ์แบบนี้ ก็จะบาดเจ็บล้มตายเยอะกว่าตอนที่สู้กับเหมียวอี้เยอะ กองทัพตะลุมบอนกันไม่ใช่ของเด็กเล่น เวลาคนตายขึ้นมาก็ไม่ใช่แค่พันสองพันแล้ว ไม่ทันไรก็นับได้เป็นหมื่น ไม่ว่าจะเป็นเกาก้วนหรือเถิงเฟย ก็ไม่มีทางยอมปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น


“ทหาร!” เถิงเฟยโบกมือ “เก็บของทั้งหมดหมดไว้เป็นของหลวง ใครเก็บไว้ส่วนตัว ประหาร!”


คำว่า ‘ประหาร’ ที่พูดตอนสุดท้ายเรียกได้ว่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เจ้าพวกคนไม่เอาถ่านทำให้ไฟโกรธสุมเก็บกดอยู่ในใจเขา กำลังพลหนึ่งล้านถูกนักพรตวรยุทธ์ระดับเดียวกันแค่คนเดียวสังหารจนขี้ขลาดตาขาว แต่เวลาจะชุบมือเปิบและสู้กันเองภายในกลับไม่มีใครเกี่ยงกัน อีกประเดี๋ยวถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูราชันสวรรค์ ดีไม่ดีอาจจะปรับปรุงในระดับที่เข้มข้นกว่านี้ก็ได้ ขนาดเขายังทนมองไม่ไหวเลย แล้วจะนับประสาอะไรกับราชันสวรรค์ล่ะ!


“รับทราบ!” มีคนนำทัพพุ่งออกมาทันที ตะคอกให้กำลังพลที่กำลังจะตะลุมบอนกันถอยออกไป แล้วทำการเก็บยึดสิ่งของ


นับตั้งแต่ตอนนี้ไป ความครึกครื้นตอนเข้านรกถึงได้นับว่าหายไปอย่างเป็นทางการ กำลังพลหนึ่งล้านดึงความสนใจกลับมาสู่การทดสอบอีกครั้ง เหมียวอี้ไม่อยู่แล้ว ระหว่างพวกเขาไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน การหาพันธมิตรและแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเองต่างหากที่สอดคล้องกับความจริง


เพียงแต่น่าเสียดายความตั้งใจของเหมียวอี้ เหมียวอี้เองก็หมดความสามารถที่จะบุกสังหารต่อไป ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสคือสาเหตุแรก สูญเสียจิงชี่เสินเหมือนกับตอนใช้ท่าไม้ตายนึ่งทวนหนึ่งสังหารกับหนึ่งทวนสิบสังหาร อย่างแรกกับอย่างหลังต่างกันแค่ใช้หลายครั้งกับใช้ครั้งเดียวก็เท่านั้นเอง


ที่จริงเหมียวอี้สามารถใช้ท่าหนึ่งทวนหนึ่งสังหารได้เพียงเก้าครั้ง ครั้งที่สิบถึงแม้จะมีแรงเหลืออยู่นิดหน่อย แต่ก็ไม่สามารถรวบรวมจิงชี่เสินเพื่อใช้มันออกมาได้อีก ไม่เหมือนท่าหนึ่งทวนสิบสังหารที่สามารถทำให้คนหมดช่องว่างโต้ตอบได้โดยสิ้นเชิง และตอนที่สู้กับเนี่ยกงและอู๋ไก้ซวงก่อนหน้านี้ เหมียวอี้ก็ใช้ท่านี้กับพวกเขาไปคนละหนึ่งครั้ง ตอนสู้กับธนูดาวตกของต่งอิ้งเกาก็ใช้ไปหนึ่งครั้งแล้วเหมือนกัน ตอนสู้กับจ้านหรูอี้ก็ใช้ไปหนึ่งครั้ง รวมทั้งหมดใช้ท่านี้ไปแล้วสี่ครั้ง สูญเสียจิงชี่เสินไปไม่น้อยเลย กอปรกับอาการบาดเจ็บสาหัส การบุกสังหารอันดุเดือดหลายครั้งทำให้ได้รับบาดเจ็บเพิ่ม ภายใต้ความจนใจถึงได้ทิ้งของกำนัลจากการรบไว้เป็นกองแล้วจากไป หวังว่าจะหลอกล่อให้คนพวกนั้นฆ่ากันเอง เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนพวกนั้นจะยังอ่อนโยน จิตใจดี ให้เกียรติและอดกลั้นได้


เดิมทีสถานการณ์ก็ดำเนินไปตามทิศทางที่เขาวางแผนไว้ แต่จนใจที่โดนเกาก้วนกับเถิงเฟยขัดขวาง ทำลายแผนการดีๆ ของเขาไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงได้คึกครื้นแล้วจริงๆ


รอจนกระทั่งคนที่เข้าร่วมการทดสอบแยกย้ายกันไป ทั้งหมดหายไปในจุดลึกของดาราจักรแล้ว เกาก้วนกับเถิงเฟยก็สบตากันแวบหนึ่ง แล้วก็ต่างคนต่างสั่งระดมพลของตัวเอง ทำให้กำลังพลที่คุมและรับผิดชอบการทดสอบมารวมตัวกันทันที ก่อนจะรีบไปยังจุดลึกของทะเลดาวที่กว้างใหญ่ไพศาล ตรงนี้ไม่มีทางกลับ ต้องออกไปผ่านทางออกของนรก


ปี้เย่วฮูหยินที่ติดตามขบวนจากไปยังคงรู้สึกไม่สงบใจ ทำสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก หันหน้ามองไปยังทิศทางที่เหมียวอี้หายไปอยู่เป็นระยะ…


ตอนนี้เหมียวอี้กำลังฟื้นฟูสภาพร่างกายอยู่บนตัวของเฮยทั่นแล้ว ในมือถือระฆังดาราติดต่อกับจีฮวน : นัดกันแล้วไงว่าจะเจอกันตรงใกล้ๆ ทางเข้า พวกเจ้าอยู่ที่ไหนกัน?


จีฮวน : เจ้าอย่ามาโทษพวกเราเลย กว่าพวกเราจะออกจากที่ซ่อนตัวไปตรงทางเข้าได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ประสบอันตรายไปหลายครั้ง เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว พวกเราไม่ได้เบี้ยวนัดด้วย พวกเราไปถึงตั้งนานแล้ว แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆ ตำหนักสวรรค์จะส่งทัพใหญ่มากวาดล้างตรงทางเข้าออกเป็นบริเวณกว้าง โชคดีที่พวกเราหนีได้เร็ว เกือบจะโดนขนาบอยู่ระหว่างทัพใหญ่ของตำหนักสวรรค์กับโจรกบฏในนรก โจรกบฏกลุ่มนั้นก็ดักซุ่มอยู่ในนี้ตั้งนานแล้วเหมือนกัน น่าหวาดเสียวมาก โชคดีที่อวิ๋นอ้าวเทียนหนีได้เร็ว เออใช่ พวกเราก็ติดต่อเจ้าเหมือนกัน ทำไมเจ้าไม่ตอบ?


เรื่องนี้เหมียวอี้สามารถเข้าใจได้ ตำหนักสวรรค์ส่งคนมากวาดล้างล่วงหน้าแล้วจริงๆ ส่วนสถานการณ์ของเหมียวอี้ตอนนั้นก็ไม่สะดวกจะติดต่อกับภายนอก จึงถามอีกว่า : พวกเจ้าอยู่ที่ไหนกัน?


เมื่อหาพันธมิตรจากทัพใหญ่ของการทดสอบไม่ได้ เขาก็ทำได้เพียงมาหาพวกอวิ๋นอ้าวเทียน ตอนนี้ต่อให้มีคนจากทัพใหญ่ที่เข้าร่วมการทดสอบอยากจะมาเป็นพันธมิตรกับเขา แต่เขาก็จะไม่รับพิจารณาเหมือนกัน


จีฮวน : ผีที่ไหนจะไปรู้ว่าอยู่ที่ไหน บนแผนที่ดาวก็หาชื่อไม่เจอ เพื่อให้เจอกับเจ้าได้สะดวก พวกเราจึงไม่ได้เพ่นพ่านไปไหน เจ้าหยิบแผนที่ออกมาดู ทิศทางที่อยู่ตรงข้ามกับทางเข้านรก อาศัยวรยุทธ์อย่างเจ้าน่าจะใช้เวลาประมาณสามวัน ถ้าเห็นกลุ่มดาวสีฟ้าก็แสดงว่าถึงแล้ว ถ้าเห็นเจ้าแล้วพวกเราจะโผล่หน้าไป ระหว่างทางคงการติดต่อเอาไว้ จะได้คอยบอกทางหเจ้าได้


ผีหลอก! ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ในทิศทางตรงกันข้าม!


เหมียวอี้ไม่ได้บอกว่าตัวเองประสบภัยอะไรมา พอเก็บระฆังดาราแล้วหันกลับ กลับไปตรงทางเข้านรก แต่เขาไม่กล้ากลับโดยใช้เส้นทางตรง แต่เหาะลงข้างล่างเพื่ออ้อมกลับมา…


ใช้เวลาเดินทางสามวัน เวลาสามวันนี้เพียงพอที่จะให้เกิดเรื่องราวกับขึ้นมากมาย


ในวันนั้น หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม ณ สมาคมร้านค้า ตลาดสวรรค์ ดาวเทียนหยวน


โจวหราน หัวหน้าสมาคมร้านค้าที่ถูกเลือกขึ้นใหม่กำลังนั่งอยู่เบื้องบน กำลังนิ่งเงียบไม่พูดอะไร


ที่เขาสามารถขึ้นนั่งในตำแหน่งหัวหน้าสมาคมได้ ก็ย่อมมีเหตุผลอยู่แล้ว เพียงเพราะเขาเป็นผู้จัดการร้านของร้านค้าตระกูลเซี่ยโห้วที่อยู่ที่นี่ ก็ช่วยไม่ได้ ถึงแม้ลูกหลานของตระกูลเซี่ยโห้วจะถูกสังห้ามไม่ให้ยุ่งกับตแหน่งขุนนางในตลาดสวรรค์ แต่ราชินีสวรรค์ก็ควบคุมตลาดสวรรค์ทั้งหมด ต่อให้ราชินีสวรรค์ไม่ทำอะไร แต่ผลประโยชน์ที่นำมาให้ตระกูลเซี่ยโห้วก็เป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่ดี


ทางซ้ายและขวามีหัวหน้าสมาคมสาขาของสี่เขตเมืองนั่งอยู่ฝั่งละสองคน ข้างล่างยังมีอีกสองแถว แถวละหกคน เป็นตำแหน่งของกรรมการสิบสองคน


ผู้จัดการร้านของตระกูลสี่อ๋องสวรรค์ไม่เกี่ยงที่จะถูกเลือกเป็นรองหัวหน้าสมาคม ผู้จัดการร้านของสิบสองจอมพลถูกเลือกเป็นกรรมการ ส่วนกรรมการอีกสิบสองตำแหน่งที่เหลือ ตระกูลของสามสิบหกเทพประจำดาวครองไปแล้วแปดตำแหน่ง ได้ไปเขตเมืองละสองคน คนอื่นๆ ที่ไม่ถูกเลือกก็ทำได้เพียงโทษว่าตัวเองไม่มีผลการลงคะแนนมากพอ ส่วนตำแหน่งกรรมการที่เหลืออีกสี่ตำแหน่งมอบให้ร้านค้าที่ไม่มีทางการหนุนหลัง สมาคมร้านค้าต้องการมีตัวแทน เป็นไปไม่ได้ที่จะกันคนที่ไม่มีทางการหนุนหลังไว้ข้างนอกทั้งหมด


คนที่ได้นั่งในที่ประชุมมีทั้งหมดยี่สิบเก้าคน หวงฝู่จวินโหรวก็เป็นหนึ่งในกรรมการเช่นกัน อวี้ซวีเจินเหรินก็ครอบครองได้หนึ่งตำแหน่ง


รสชาติของการได้คุมอำนาจสมาคมร้านค้าของตลาดสวรรค์อีกครั้งไม่เลวเลย กลุ่มคนข้างล่างกำลังหัวเราะกระซิบกระซาบกัน หลังจากผู้จัดการร้านหูอวี้หยวนคุยกับคนข้างๆ ไปสักพัก ก็เอียงหน้าเหลือบมองด้านบน แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “หัวหน้าสมาคมโจว ทุกคนมากันครบแล้ว ทำไมท่านไม่พูดอะไรสักที มีเรื่องอะไรกันแน่?”


โจวหรานได้ยินแล้วดึงสติกลับมา นั่งตัวตรงแล้วถอนหายใจ “ทุกท่าน เรื่องาการทดสอบที่นรกเกิดหักมุมนิดหน่อย นายท่านที่อยู่เบื้องหลังพวกเราเกรงว่าจะไม่มีทางลงมือกับหนิวโหย่วเต๋อได้อีกแล้ว”


ทุกคนได้ยินแล้วงงทันที หวงฝู่จวินโหรวรีบถามว่า “หมายความว่ายังไง?”


ดวงตาของทุกคนล้วนฉายแววสอบถาม ต่างก็รู้ว่าราชินีสวรรค์เป็นคนจัดการทดสอบในนรก ข่าวของตระกูลเซี่ยโห้วย่อมไวกว่าทุกคนอยู่แล้ว ในด้านนี้ต่อให้เป็นสมาคมวีรชนที่ได้ชื่อว่าข่าวไวก็เทียบไม่ติด


“เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้ เพิ่งได้ข่าวมาจากนรก…” โจวหรานหยุดชะงัก เหมือนลำบากที่จะเอ่ยคำต่อไปออกมา


“หัวหน้าสมาคมโจว เกิดอะไรขึ้นท่านก็บอกมาสิ”


“ใช่ ทุกคนรออยู่นะ”


“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำมถึงลงมือกับหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้?”


กลุ่มคนพากันถามซักไซ้หลายปาก


โจวหรานถอนหายใจ สายตาไปหยุดอยู่ที่กรรมการคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างล่าง “ผู้จัดการร้านเถียน เจ้าต้องเตรียมทำใจไว้ให้ดีนะ  จาเหรินจวิ้น หลานชายนายหญิงเจ้าของร้านของเจ้าตายด้วยน้ำมือหนิวโหย่วเต๋อแล้ว”


ผู้จัดการร้านเถียนเฟิงฮ่าวที่นั่งอยู่ข้างล่างอ้าปากค้าง จากนั้นก็โบกมือซ้ำๆ “หัวหน้าสมาคมโจว ข่าวของเจ้าจริงหรือปลอม? เพื่อที่จะปกป้องนายน้อยจา นายหญิงร้านค้าส่งยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการใหญ่ไปสี่คน เป็นนักพรตบงกชทองขั้นเก้าที่เชี่ยวชาญการรบทั้งหมด สู้กับหนิวโหย่วเต๋อไม่มีทางเสียเปรียบแน่”


โจวหรานถอนหายใจแล้วตอบว่า “ข้ารู้ สี่คนนั้นมีเนี่ยกง ไก้อู๋ซวง หู่โพ่ ฮัวต้าหลาง แต่หนิวโหย่วเต๋อนั่นเหี้ยมหาญจริงๆ นายน้อยจาของเจ้ากระโดดออกไปท้าสู้คนแรก ผลก็คือโดนหนิวโหย่วเต๋อใช้ทวนปาดทีเดียวตายเลย จากนั้นสี่คนที่เจ้าบอกก็ระดมทัพห้าหมื่นกว่าคนมาล้อมโจมตีหนิวโหย่วเต๋อทันที ผลก็คือเนี่ยกง ไก้อู๋ซวงกับหู่โพ่ตายด้วยทวนของหนิวโหย่วเต๋อทั้งหมด แต่ฮัวต้าหลางหนีไว โชคดีเอาชีวิตรอดมาได้ ส่วนกำลังพลห้าหมื่นนั่นก็โดนหนิวโหย่วเต๋อบุกเดี่ยวโจมตีจนแตกกระเจิง โดนหนิวโหย่วเต๋อใช้ทวนฟันตายคาที่ไปสองพันกว่าคน ฆ่าจนคนหนีหัวซุกหัวซุน ศึกเดียวของหนิวโหย่วเต๋อทำให้ทัพใหญ่หนึ่งล้านสั่นสะเทือนแล้ว! เรื่องนี้ไม่ผิดพลาดแน่นอน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองชั่วยามก่อนหน้านี้เอง ได้รับการยืนยันแล้ว คาดว่าอีกไม่นานเจ้าคงได้รับข่าว ที่นี่แค่รู้เร็วกว่าเจ้าก้าวหนึ่งเท่านั้นเอง”


…………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)