พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1207-1208

 บทที่ 1207 เจ้าโจรอ้วนระเบิดอารมณ์

โดย

Ink Stone_Fantasy

“อ๋าว…”


เฮยทั่นคำรามอย่างบ้าระห่ำ ถูกยิงจนคว่ำกระเด็นครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วก็ม้วนตัวลุกขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำอีก


มันเองก็ไม่ได้โง่ หลังจากเสียเปรียบไปหลายครั้ง พอลุกขึ้นได้ก็อยากจะวิ่งอ้อมเข้ามาใกล้ทันที แต่จนใจเพราะลูกธนูดาวตกที่ยิงเข้ามาร้ายกาจเกินไป นอกจากความเร็วแล้ว ยังเลี้ยวไล่ตามโจมตีได้ด้วย ทำให้มันล้มลงอีกครั้ง


“อ๋าว…” เฮยทั่นที่คำรามอย่างบ้าคลั่งไม่มีทางเข้าใกล้ต่งอิ้งเกาได้ เมื่อเข้าใกล้ไม่ได้ก็ไม่มีทางล้างแค้นได้ ได้แต่กระวานกระวายอยู่อย่างนั้น


ยิ่งมันกระวนกระวาย คนจำนวนไม่น้อยก็ยิ่งรู้สึกสนใจ เหมือนจะมีลูกหลานผู้มีอำนาจจำนวนไม่น้อยที่ชอบความบันเทิงแบบนี้ เสียงร้องให้กำลังใจดังเป็นแถบ


พอเฮยทั่นโดนยิงจนล้มกระเด็นหนึ่งครั้ง พวกเขาก็จะร้องชมเสียงดังหนึ่งครั้ง พอพวกเขาตะโกนว่าดีมาก คนรอบนอกที่ให้พวกเขาเป็นจุดศูนย์กลางก็ส่งเสียงยกย่องตามทันที ย่อมร้องตะโกนตามว่าดีมาก


“ยิง! รีบยิงสิ! มันลุกขึ้นมาอีกแล้ว” เซี่ยโห้วหลงเฉิงโวยวายเสียงดังพลางโบกมือเร่ง


พวกจางฮั่นฟางก็รู้สึกคึกคักเช่นกัน ซูลี่เองก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ร้องว่าดีมากตามพวกเขา


บนจุดสูงสุดของดาวเคราะห์ที่ลอยนิ่งอยู่ไม่ไกลจากทางออก คนสองคนยืนเคียงข้างกัน มองดูฉากนี้อย่างเงียบๆ


เกาก้วนที่สวมหมวกทรงสูงและคลุมผ้าสีดำที่บ่ายืนเอามือไขว้หลัง จ้องมองไปยังจุดที่โห่ร้องชื่นชม พลางถามอย่างเย็นชาว่า “จอมพลเถิง เจ้าเห็นหรือยังล่ะ?”


เถิงเฟยไม่ได้ตอบอะไร ตอนนี้สีหน้าแย่มาก ไม่ใช่เพราะเหมียวอี้ สายตาเย็นเยียบกวาดมองช้าๆ ผ่านกลุ่มคนที่กำลังโห่ร้อง…


หลังจากต่งอิ้งเกายิงธนูต่อเนื่องกันได้สักพัก สายตาที่มองดูเฮยทั่นก็ค่อยๆ แสดงอาการตกตะลึง สัตว์พาหนะตัวนี้โดนลูกธนูไปเยอะขนาดนั้น แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เป็นอะไรเลยสักนิด คนอื่นไม่รู้ถึงอานุภาพลูกธนูของเขา แต่เขากลับรู้อย่างชัดเจน


ถึงแม้สัตว์พาหนะตัวนี้จะสวมเกราะรบผลึกแดง ทำให้อานุภาพของลูกธนูเจาะทะลุได้ยาก แต่พลังโจมตีกลับสามารถส่งต่อได้ ดูจากที่หนิวโหย่วเต๋อโดนลูกธนูครั้งเดียวแล้วล้มคว่ำก็รู้แล้ว แต่สัตว์พาหนะโดนลูกธนูของตนไปเจ็ดแปดครั้ง แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะยังไม่ตาย


คนอื่นอาจจะไม่รู้ชัดเจน แต่เขาเองรู้อย่างแจ่มแจ้ง ว่าด้วยอานุภาพของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ผนึกกับลูกธนูดาวตก อย่างมากก็สามารถยิงลูกธนูได้สิบห้าครั้ง หลังจากยิงลูกธนูไปสิบห้าครั้งแล้ว อานุภาพที่อยู่ในนั้นก็จะถูกใช้ไปจนหมด จะต้องใช้ยาเจี๋ยตันเติมเข้าไปใหม่ พอเติมไปแล้วก็ต้องรอให้มันย่อยอีก


“กลับมา!” เสียงกลัดกลุ้มที่แฝงไปด้วยความบ้าระห่ำดังขึ้น


โค่วเหวินชิงที่จ้องเหมียวอี้ด้วยสีหน้ากังวลมาตลอด ตอนนี้ตาเป็นประกายทันที เหมียวอี้ที่ถ่างแขนถ่างขาลอยนิ่งและกำทวนเกล็ดย้อนไว้แน่นขยับตัวแล้ว ทั้งร่างกายพลันลุกขึ้นมาอีกครั้ง เสี่ยงนั้นก็คือเสียงของเหมียวอี้นั่นเอง


“ถุย!” เหมียวอี้เอียงหน้าถ่มเลือดออกมาคำหนึ่ง ยกมือถูรอยเลือดบนจมูกและปาก แยกไม่ออกเหมือนกันว่าตรงไหนคือเลือกของตัวอเง ตรงไหนคือเลือดของคนอื่น เขาก็ยกมือกดหน้าอกและท้องด้วยความเจ็บแปลบ กระดูกซี่โครงสะเทือนจนหักไปแล้วหลายท่อน ได้รับบาดเจ็บภายในไม่น้อยเลย


เขารู้สึกโชคดีมาก ถ้าไม่ใช่เพราะบนตัวสวมเกราะรบผลึกแดง ก็เกรงว่าคงจะโดนลูกธนูเจาะทะลุไปแล้ว และก็โชคดีมากที่ลูกธนูสามดอกนั้นมีอานุภาพไม่เยอะเท่าไร ถ้าจุดดำสามจุดที่หมุนวนนั่นใหญ่เท่าจุดดำขนาดเม็ดถั่วเหลืองที่ตัวเองลงมือ ตัวเองคงถูกกำจัดทิ้งไปแล้วแน่นอน เคราะห์ดีที่เกราะรบของเยารั่วเซียนช่วยคลายพลังของฝ่ายตรงข้ามได้ส่วนหนึ่ง


แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ถึงแม้ชั่วพริบตาที่โดนลูกธนูเขาจะรีบหันตัว แต่ก็ตอบสนองและป้องกันตัวได้เร็ว ทำให้คมธนูที่ยิงโดนตัวเองเบี่ยงไปเล็กน้อย


อย่าไปมองว่าเป็นแค่การเบี่ยงตัวเล็กน้อยจากการตอบสนองอันรวดเร็ว เพราะที่จริงมันช่วยเขาได้เยอะมาก ไม่ได้ทำให้พลังโจมตีทั้งหมดมีผลกับร่างกายเขาโดยตรง นี่ต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาคลายพลังโจมตีอันรุนแรงได้ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็ไม่มีทางลุกไหวเลย อาศัยวรยุทธ์อย่างเขา ต่อให้มีเกราะรบที่รั่วเซียนหลอมสร้างให้แต่ก็ต้านทานไม่ไหวอยู่ดี


ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังถูกอานุภาพของลูกธนูทำให้มึนงงอยู่ดี ได้รับบาดเจ็บแล้ว


โชคีที่เขากลืนสมุนไพรเซียนซิงหัวไว้ตั้งแต่แรก ทำให้ตัวเองได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว และทำให้ร่างกายบรรเทาจนลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง


ตอนนี้เขากำลังใช้สายตาเย็นเยียบมองดูกลุ่มคนที่ตะโกนโห่ร้องเสียงดัง รอยยิ้มบนใบหน้าแต่ละหน้านั้น ในสายตาเขาคือหน้าตาอัปลักษณ์ดุร้าย ราวกับสีหน้าของกำลังพลนับล้านนั่นฝังลึกอยู่ในหัวสมองของเขาในชั่วพริบตาเดียว ตราตรึงใจไม่รู้ลืม!


ทุกคนกำลังหัวเราะเยาะตน ทุกคนอยากจะเหยียบย่ำตนไว้ใต้เท้าใจจะขาด!


เฮยทั่นคำรามอย่างเกรี้ยวกราดร้อนรนหลังจากโดนยิงจนล้ม แต่กลับถูกหัวเราะเยาะเหมือนตัวตลก ภาพนี้ยิ่งทำให้ไฟโกรธสุมเต็มอกเขา จิตสังหารปะทุ ทวนเกล็ดย้อนพลันสะบัดเสียงดังอยู่ในมือ โบกชี้ไปที่กลุ่มคน ส่งเสียงมังกรครางเบาๆ ทั้งหมดเป็นคนที่สมควรตาย!


เฮยทั่นโดนยิงล้มและลุกขึ้น พอได้ยินเสียงเรียกก็หันหน้าไปมอง เห็นเหมียวอี้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง “อ๋าว…” มันคำรามหนึ่งครั้ง แล้วเลิกสนใจต่งอิ้งเกาทันที รีบวิ่งกลับไปหาเหมียวอี้แล้ว


เสียงหัวเราะที่ดังต่อเนื่องเป็นระลอก เสียงโห่ร้องชื่นขมพลันเงียบลง แต่ละคนกำลังมองมาทางนี้


ต่งอิ้งเกาทำสีหน้างุนงง จะเป็นไปได้ยังไง? จากที่เขารู้มาตอนลงสมัครเข้าร่วมการทดสอบ เหมียวอี้มีวรยุทธ์ระดับบงกชทองขั้นสี่เท่านั้น นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงพูดได้อย่างมั่นใจว่าจะเด็ดหัวเหมียวอี้ วรยุทธ์แค่บงกชทองขั้นสี่ จะเป็นไปได้อย่างไรที่โดนลูกธนูดาวตกของเขาแล้วยังลุกขึ้นได้ หรืว่าเจ้าเวรนี่มันปิดบังวรยุทธ์ที่แท้จริงเอาไว้? แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ตอนที่รวมตัวกันในพื้นแอ่งก่อนหน้านี้ก็น่าจะโดนตรวจสอบแล้ว เป็นสิ่งที่ปิดบังไม่อยู่


เฮยทั่นเข้ามาแบกรองเหมียวอี้ไว้โดยตรง เหมียวอี้ชี้ทวนไปที่ต่งอิ้งเกา แต่ไม่ได้ตะโกนเสียงดัง แค่พึมพำด้วยเสียงทุ้มต่ำคำเดียวว่า “ฆ่า!”


“อ๋าว…” เฮยทั่นเงยหน้าคำรามเสียงพิโรธ แล้วพุ่งพรวดออกไปทันที โผตรงไปหาต่งอิ้งเกาอีกครั้ง


กลุ่มคนที่อยู่ทางซ้ายและขวามองไปทางต่งอิ้งเกาทันที ดุว่าเขาจะรับมืออย่างไร


“เฮอะ! ช่างไม่รู้จักความเป็นความตาย!” ต่งอิ้งเกาแสยะยิ้ม แล้วคว้าลูกธนูดาวตกสามดอกมาง้างที่สายธนู เล็งเป้า!


เมื่อเห็นเหมียวอี้พุ่งเข้ามาใกล้ เสียงระเบิดก็ดังขึ้น ท่ามกลางพลังอิทธิฤทธิ์ที่โหมซัดสาด ลำแสงสามสายยิงออกมาเร็วมาก


เหมียวอี้ที่พุ่งตรงมาข้างหน้าพลันยกฝ่ามือข้างเดียวผลัก แสงสีทองจุดหนึ่งระเบิดในฝ่ามือ ในชั่วพริบตาเดียว ลูกกลมสีแดงขนาดใหญ่ก็ถูกผลักออกมากำบังลำแสงสามสายที่ยิงเข้ามา


ลูกกลมสีแดงปะทะกับลำแสงสามสาย ชั่วพริบตาที่สัมผัสกัน ลำแสงสามสายพลันกลายเป็นลูกธนูดาวตกสามดอกชนกับลูกกลมสีแดง


บึ้ม! เสียงระเบิดดังสะเทือนก้องท้องฟ้า


คนที่ดูการต่อสู้ยังนึกว่าตัวเองตาฝาดไป ต่งอิ้งเกาก็นึกว่าตัวเองตาฝาดเช่นกัน เห็นเพียงวินาทีที่ลูกกลมสีแดงชนปะทะ ขณะที่มันระเบิดพลิกกลับด้าน ไม่น่าเชื่อว่าจะกลืนลูกธนูดาวตกสามดอกเข้าไปในคำเดียว


ทุกคนยังไม่ทันรู้ชัดว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่ ต่งอิ้งเกาก็ยังไม่ทันรู้ตัวเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลูกกลมสีแดงนั่นก็หดเล็กลงหลายเท่าแล้ว หายไปอย่างฉับพลัน


เมื่อเห็นลูกกลมสีแดงหายไป เหมียวอี้ที่ไร้ลูกกลมสีแดงกำบังก็พลันปรากฏตัวพุ่งเข้ามา ต่งอิ้งเการีบเรียกลูกธนูดาวตกสามดอกนั้น


ลูกธนูดาวตกถูกกลืนอยู่ในท้องของลูกกลมตีไม่พังแล้ว ถูกเหมียวอี้เก็บเข้ากำไลเก็บสมบัติพร้อมกัน ตัดขาดการเชื่อมต่อระหว่างต่งอิ้งเกากับลูกธนูดาวตก ถ้าสามารถเรียกกลับมาได้ก็แปลกแล้ว


เมื่อไม่สามารถเรียกลูกธนูดาวตกกลับมาได้ ต่งอิ้งเกาก็ตกใจจนหน้าถอดสี รู้สึกหวาดกลัวถึงขีดสุด เพราะลูกธนูดาวตกไม่ได้หลอมสร้างกันได้ง่ายๆ นี่เป็นของวิเศษที่เขาบังเอิญได้มา ธนูมีหนึ่งคัน ลูกธนูมีสามดอก ไม่ใช่ลูกธนูที่ใช้กันทั่วไป ไม่ใช่ประเภทที่ยัดไว้ในกระบอกได้เป็นกองเพื่อเตรียมใช้ ใช่ว่าเก็บลูกธนูอะไรมาวางไว้บนธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แล้วจะสำแดงอานุภาพได้


ถ้าไม่เกิดเรื่องที่เหมียวอี้โจมตีทัพใหญ่ห้าหมื่นจนแตกพ่ายด้วยตัวคนเดียว วรยุทธ์บงกชทองขั้นเก้าอย่างเขาก็ยังกล้าที่จะสู้กับเหมียวอี้สักตั้ง แต่ตอนนี้ไม่มีของวิเศษให้พึ่งพาแล้ว มีคนตายมากขนาดนั้นให้เห็นเป็นบทเรียน เมื่อเห็นเหมียวอี้สังหารเข้ามาราวกับมารปีศาจร้าย เขาก็ตกใจจนแทบจะขวัญหนีดีฝ่อ


เขายังจะกล้าหยุดอยู่ที่เดิมได้อย่างไร ไม่สนใจจะอารักขาเซี่ยโห้วหลงเฉิงแล้ว อันที่จริงเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ขาดคุณธรรมน้ำมิตรเอามากๆ รีบถลันหลบไปอีกด้านพร้อมสีหน้าหวาดกลัวแล้ว ไม่ได้มีแค่เซี่ยโห้วหลงเฉิงเท่านั้น คนที่อยู่ทางซ้ายและขวาลนลานหนีออกเป็นสองฝั่ง แม้แต่ ‘สาวงามผมแหว่ง’ ที่แค้นเหมียวอี้จนกัดฟันกรอดก็หมดอารมณ์ล้างแค้นแล้ว รีบหนีอย่างไว


ต่งอิ้งเกาขี่เดรัจฉานสับปลับพุ่งขึ้นฟ้าอย่างฉับพลัน


เหมียวอี้จะปล่อยอีกฝ่ายหนีไปง่ายๆ ได้อย่างไร เขาอาศัยความเร็วของเฮยทั่นที่พุ่งเข้ามา กระโจนตัวพุ่งขึ้นฟ้าในแนวเฉียงราวกับลูกธนูที่ยิงออกจากสาย เฮยทั่นที่ช้ากว่าหนึ่งก้าวตามขึ้นไป กำลังพลที่อยู่เบื้องล่างแหงนหน้ามอง


เดรัจฉานสับปลับที่อยู่ด้านบนพลันก้มหัว พ่นหมอกแดงร้อนจี๋ออกมาคำหนึ่ง


เหมียวอี้ที่กำลังไล่ตามไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลย เขาฝ่าเข้าไปในหมอกแดงโดยตรง แทงทวนออกไปหนึ่งครั้งราวกับดาวตก หัวทวนที่แหลมคมเข้าไประเบิดอยู่ในท้องของเดรัจฉานสับปลับ แล้วก็เห็นเหมียวอี้โบกทวนทะยานขึ้นฟ้าอีกครั้ง “อู…” ท่ามกลางเสียงครวญครางของเดรัจฉานสับปลับ ร่างกายขนาดยักษ์ถูกคว้านท้องกลางอากาศ เลือดร้อนๆ สาดกระจายอย่างบ้าคลั่ง


ต่งอิ้งเกาที่ตกตะลึงพรึงเพริดเหยียดขาหนีขึ้นฟ้าอีกครั้ง โบกมือโยนเหยี่ยวมารวานรยักษ์ตัวหนึ่งออกมา ต้องการจะให้มันพาบินหนี


จู่ๆ เบื้องล่างก็มีเงาร่างสายหนึ่งผ่านเหมียวอี้ไปอย่างรวดเร็ว เฮยทั่นพุ่งขึ้นมาอาศัยแรงเหมียวอี้แล้ว มันยื่นกรงเล็บตะปบก้นเหยี่ยวมารวานรยักษ์ ตะปบจนเลือดปนขนเหล็กสาดกระจาย “วี๊ด…” เหยี่ยวมารวานรยักษ์ที่เพิ่งจะออกมาร้องเสียงแหลม ร่างกายเอียงลง ตามติดด้วยเสียงดังสะเทือนหนึ่งครั้ง โดนเฮยทั่นที่โบกกรงเล็บเป็นครั้งที่สองตบจนปลิวออกไป เฮยทั่นคำรามพลางไล่ตามไปหาต่งอิ้งเกาที่อยู่ด้านบนโดยตรง


แต่ใคจะคิดว่าต่งอิ้งเกาจะโยนเหยี่ยวมารวานรยักษ์ออกมาอีกตัว ขณะเดียวกันก็ควงดาบฟันไปทางหัวเฮยทั่นที่อยู่ด้านล่างอย่างบ้าคลั่ง


เฮยทั่นโบกกรงเล็บคลั่งออกมาหนึ่งที ปะทะกับดาบที่ฟันเข้ามา ต้องการจะใช้กำลังอันป่าเถื่อนของตัวเองปะทะกับพลังอิทธิฤทธิ์ของต่งอิ้งเกาอย่างมุทะลุดุดัน


ปั้ง! ดาบใหญ่สะบัดในแนวขวาง ไม่น่าเชื่อว่าต่งอิ้งเกาที่มีวรยุทธ์บงกชทองขั้นเก้าจะถูกทำให้ร่างกายพลิกหนึ่งรอบ แขนก็ยิ่งสะเทือนจนชา ดาบใหญ่แทบจะกระเด็นหลุดมือ


ร่างกายยังไม่ทันยืนได้อย่างมั่นคง เฮยทั่นที่พุ่งเข้ามาก็ใช้หัวชนต่งอิ้งเกาแล้ว ชนจนต่งอิ้งเกากระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง “วี้ด…” ข้างกันมีเสียงเหยี่ยวร้องอย่างเจ็บปวด โดนหางของเฮยทั่นที่สะบัดออกมาฟาดจนพลิกคว่ำแล้ว


พอเฮยทั่นพลิกตัว ก็สะบัดหางฟาดบนหน้าอกของต่งอิ้งเกาอย่างบ้าคลั่งหนึ่งชุด ทำให้ต่งอิ้งเกาสำลักเลือดออกมา เฮยทั่นหันตัวมากระแทกอย่างดุร้าย แล้วก็ใช้หัวชนบนตัวของต่งอิ้งเกาอย่างดุดันหนึ่งครั้ง หลังจากชนจนต่งอิ้งเกากรเด็นออกไปแล้ว มันก็ไล่ตามไปใช้ทั้งกรงเล็บทั้งอุ้งเท้าตะปบอย่างโหดร้ายอีกหนึ่งชุด


ก่อนหน้านี้มันต้านทานอานุภาพของลูกธนูดาวตกไม่ไหว โดนทำร้ายจนยับเยิน แต่ตอนนี้มันจับต่งอิ้งเกามาระบายความโกรธแค้นอย่างเต็มที่แล้ว


ทุกคนที่อยู่ข้างล่างมองจนตกตะลึงอ้าปากค้าง หนิวโหย่วเต๋อห้าวหาญ แม้แต่สัตว์พาหนะของเขาก็ยังโหดขนาดนี้เลยเหรอ?


เหมียวอี้ที่เงยหน้ามองการต่อสู้ด้านบนถูกเฮยทั่นทำให้ตะลึงค้างแล้ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าโจรอ้วนจะมีพละกำลังเยอะถึงขั้นนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะทารุณจนนักพรตบงกชทองขั้นเก้าไม่มีแรงจะโต้ตอบ!


ตอนนี้เขาถึงได้พบว่ายาเจี๋ยตันที่ทุ่มไปบนตัวเฮยทั่นมาหลายปีไม่ใช่สิ่งที่ไร้ความยุติธรรมสักนิดเลย ทำไมถึงว่าได้ว่าเจ้าโจรอ้วนไม่มีพลังปาฏิหาริย์ที่ร้ายกาจ มีพลังเยอะไม่สิ้นสุด ถึกทนแข็งแรงนับว่าเป็นพลังปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งด้วยรึเปล่า?…เหมียวอี้ไม่กล้าฟันธง


เมื่อเห็นต่งอิ้งเกาโดนเฮยทั่นโจมตีจนย่อยยับแล้ว เหมียวอี้ก็ก้มหน้ามอง แล้พุ่งตัวกลับลงข้างล่าง คนข้างล่างหลีกทางให้เป็นช่องว่างทันที ยังมีคนฝืนยิ้มให้เหมียวอี้ด้วย แต่ใครจะคิดว่าตอนที่เพิ่งจะยิ้มออกมา ดวงตาก็พลันเบิกกว้าง แสงเย็นหลายสายยิงเข้ามาแล้ว


“อา…” ชั่วพริบตาเดียวเสียงกรีดร้องก็ดังเป็นแถบๆ เหมียวอี้พลันลงมือปาดทวนใส่คนที่อยู่บนสัตว์พาหนะจนกระเด็นออกไปรวดเดียวสามคน พุ่งเข้าไปราวกับลูกธนูยิงออกจากสาย เงาร่างที่โดดเดี่ยวพุ่งตรงไปยังจุดลึกของกลุ่มคน ออกทวนราวกับมังกร เห็นใครก็ฆ่าหมด บุกสังหารกลางทัพใหญ่หนึ่งล้านอย่างบ้าระห่ำ ไม่สนใจความเป็นความตายแล้วจริงๆ


พอเฮยทั่นที่อยู่ด้านบนหันมามอง มันก็อ้าปากกว้างที่เหมือนแอ่งเลือดทันที มันกัดหัวของต่งอิ้งเกาไว้ในปากแล้ว ฟันที่แหลมคมน่ากลัวเจาะทะลุคอต่งอิ้งเกา ลากศพหนึ่งร่างพุ่งลงไล่ตามไปหาเหมียวอี้


…………………………


บทที่ 1208 พูดคำไหนคำนั้น

โดย

Ink Stone_Fantasy

ราวกับว่ามันฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย ทุกคนได้เห็นประจักษ์ชัดแจ้งกันหมดแล้ว จู่ๆ มันพุ่งเข้ามาในกลุ่มคนแบบนี้ ก็ทำให้เกิดฉากที่เหมือนกับโยนกินลงน้ำแล้วเกิดคลื่นนับพันชั้น


จู่ๆ เหมียวอี้ก็เปิดฉากสังหารใหญ่ ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างชุลมุนวุ่นวายไปหมดแล้ว เฮยทั่นพุ่งเข้ามาประสมโรงอีก แค่คิดก็รู้แล้วว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร


หลังจากคนหนึ่งคนกับสัตว์พาหนะหนึ่งตัวร่วมมือกันด้วยกัน ก็ช่างเหมือนกับปลาที่ได้น้ำจริงๆ ปราณปีศาจโลหิตพัดม้วนขึ้นมาจากตัวเหมียวอี้ บนคมทวนเสริมด้วยปราณเลือดชั่วร้าย ด้านบนโบกทวนปาดไม่หยุด เฮยทั่นที่อยู่ด้านล่างแยกเขี้ยวยิงฟันสะบัดหางชนมั่วๆ สังหารจนเกิดเสียงกรีดร้องอย่างต่อเนื่องท่ามกลางกลุ่มคนที่แตกกระเจิง ใครที่หนีช้าหน่อยก็จะประสบหายนะ


โหดเหี้ยมห้าวหาญ ไม่น่าเชื่อว่าคนหนึ่งคนกับสัตว์พาหนะหนึ่งตัวจะกล้ารุกโจมตีทัพใหญ่หนึ่งล้าน โค่วเหวินชิงกับปี้เยว่ฮูหยินเหม่อค้างนิดหน่อย ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรตะลึงค้าง


เกาก้วนที่เอามือไขว้หลังยืนดูการต่อขมวดคิ้วขึ้น รู้สึกว่าเหมียวอี้ทำเกินไปหน่อย สู้ไปศึกแรกก็สะเทือนขวัญคนพวกนี้แล้ว ไม่มีใครลงมือกับเจ้าแล้ว ได้รับทั้งชื่อเสียงทั้งผลประโยชน์แล้ว สามารถปลีกตัวออกไปได้เลย ตอนนี้ทำแบบนี้เท่ากับเป็นการยั่วความโมโหของฝูงชนและรนหาที่ตาย


ที่จริงคนที่อยากจะประมือกับเหมียวอี้ก็มีไม่เยอะเลย ภาพเหตุการณ์ตอนนี้ไม่ได้มีกำลังพลห้าหมื่นไปรวมตัวกันที่จุดเดียวเหมือนก่อนหน้า กำลังพลห้าหมื่นโดยส่วนใหญ่จะกระจายตัวกัน ทั้งด้านบนและด้านล่างของดาราจักรมีพื้นที่ว่างมากมายให้หลบหนี เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะมีคนเบียดกัน


เหมียวอี้ขี่เฮยทั่นพุ่งสังหารเป็นเส้นตรง ครั้งนี้ได้ทำให้ทุกคนเห็นศักยภาพของเขาอย่างแท้จริงแล้ว ความเร็วในการออกทวน คนที่มักลงมือก่อนกลับถูกคนที่ลงมือทีหลังอย่างเขาใช้ทวนปาดกระเด็น สังหารไปข้างหน้าตลอดทาง ราวกับกับตัดฟันคลื่น สังหารจนเกิดเป็นทางเลือดหนึ่งทาง แทบจะไม่มีใครสู้เขาได้เกินหนึ่งท่า


ที่สำคัญคือไม่มีใครอยากจะประมือกับเขา คนส่วนใหญ่ไม่ได้มีความแค้นอไรกับเขา ใครจะอยากไปสู้ตายกับเขาล่ะ บวกกับถูกความองอาญห้าวหาญของเขาเขย่าขวัญ ขวัญกำลังใจในการรบถูกเหมียวอี้ทำลายไปแล้ว


เถิงเฟยที่เอามือขยี้หนวดจ้องเหมียวอี้พร้อมกล่าวชม “เป็นวิชาทวนที่ดี!”


ยิ่งผู้บัญชาการใหญ่หนิวห้าวหาญร้ายกาจมากเท่าไร คนที่อยู่ข้างหลังก็ยิ่งไม่กล้ามาลูบคม ทิศทางที่เส้นทางการสังหารของเขามุ่งไป กำลังพลพากันหลีกหนีไปทางซ้ายขวาบนล่าง หลีกหนีอย่างรวดเร็ว


ผ่านไปไม่นาน คนหนึ่งคนกับอาชามังกรหนึ่งตัวก็ทะลุผ่านกำลังพลหนึ่งล้านอย่างห้าวหาญ สังหารฝ่าทัพใหญ่หนึ่งล้านจนเกิดเป็นทางเลือดแนวเส้นตรงออกมา


คนที่ดูการต่อสู้ตะลึงค้างแล้ว ทัพใหญ่หนึ่งล้านสั่นสะเทือน ปี้เยว่ฮูหยินอ้าปากกว้าง เหมือนไม่กล้าเชื่อว่านี่คือลูกน้องของตัวเอง


พวกจางฮั่นฟางก็หุบปากไม่ลงเช่นกัน ซูลี่หน้าซีดเผือด


“แต่งตัวเป็นหมูเพื่อมากินเสือ มารดาเจ้าเถอะ ลงนามสัญญาเพราะอยากจะวางกับดักข้าชัดๆ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่ใบหน้าเหมือนโดนตะคริวกินพึมพำกับตัวเอง


แม้แต่เกาก้วนเองก็ยังจ้องเหมียวอี้อย่างตกตะลึงปนประหลาดใจ


ขบวนของทัพใหญ่หนึ่งล้านถูกตัดครึ่งเป็นสองส่วน แสดงความแตกต่างกันอย่างชัดเจน กำลังพลที่อยู่ในนั้นถูกเหมียวอี้ถือทวนบุกเดี่ยวมาสังหารจนแตกซ่าน ศพนับพันลอยล่องอยู่ทั้งข้างล่างข้างบน มีคนไม่น้อยที่โดนทวนแล้วยังไม่ตาย แต่กลับโดนปราณเลือดชั่วร้ายรุกเข้ากัดกิน ทำให้กรีดร้องดิ้นพล่านอยู่กลางอากาศ


ก่อนหน้านี้ทุกคนยังไม่เห็น ตอนนี้ทุกคนได้เห็นเหมียวอี้บุกเดี่ยวสังหารคนตายนับพันในรวดเดียว ถึงแม้ในจำนวนนั้นจะมีผลงานของเฮยทั่นอยู่ไม่น้อย แต่สิ่งที่ได้เห็นและได้ยินที่นำความตกตะลึงมาให้ทุกคนก็ยากที่จะบรรยายออกมาได้


หลังจากสังหารฝ่าออกมาจากทักใหญ่หนึ่งล้าน เหมียวอี้ที่หันหลังให้กลุ่มคนก็ทำกระพุ้งแก้มพองลม เขาไม่ได้กลั้นเอาไว้ ที่ปากและจมูกมีเลือดทะลักออกมา เป็นเพราะลูกธนูสามดอกของต่งอิ้งเกาทำให้บาดเจ็บหนักจริงๆ เขาดันทุรังเปิดศึกเลือดโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บสาหัส กอปรกับตอนที่พุ่งสังหารเมื่อครู่นี้ ร่างกายก็โดนโจมตีไปครั้งหนึ่ง ถึงแม้จะกินสมุนไพรเซียนซิงหัวไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ความเร็วในการเยียวยาของสมุนไพรเซียนซิงหัวก็ไม่ได้ทำให้หายในทันทีเช่นกัน


สภาพร่างกายสู้ไม่ไหว หลังจากเหมียวอี้สังหารฝ่าออกมาแล้ว เดิมทีอยากจะควบเฮยทั่นเข้าไปในจุดลึกของดาราจักรที่กว้างใหญ่โดยตรง แต่เขาแววตาวูบไหว ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ กระตุกมุมปากอย่างดุร้ายครู่หนึ่ง


จู่ๆ เฮยทั่นก็หยุดและหันตัวมาสะบัดหัว ศพของต่งอิ้งเกาที่คาบอยู่ในปากตลอดถูกโยนออกมา


เหมียวอี้ที่ถือทวนเฉียงอยู่ในมือโบกทวนเก็บอย่างดุร้าย พอใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์รีบกวาดมองทัพใหญ่ที่ถูกตัดออกเป็นสองฝั่ง ไม่นานก็เห็นพวกจางฮั่นฟางแล้ว เขาแยกแยะและจ้องตรงไปที่ซูลี่อีก จากนั้นโบกทวนชี้ พร้อมจะโกนด้วยเสียงดุดัน “ซูลี่ บังอาจทรยศข้า เอาชีวิตมาซะ!”


ยังพูดไม่ทันจบ เฮยทั่นที่กำลังคลั่งก็แบกเขาพุ่งกลับมาแล้ว พุ่งสังหารอย่างบ้าคลั่งไปยังกำลังพลที่อยู่ทางด้านขวา


เดิมทีนึกว่าเขาจะหนีออกจากฝูงชนไปตอนนี้ แต่จู่ๆ ก็เห็นเขาพุ่งสังหารกลับมา กำลังพลที่อยู่ทางขวาหวาดกลัวทันที กำลังพลที่อยู่ข้างหลังเดิมทีก็เหาะเหินโดยไม่มีสัตว์เทพอยู่แล้ว จะมีใครกล้าขวางล่ะ?


ที่กลัวกว่าคือซูลี่ที่อยู่ในนั้น พอโดนเหมียวอี้ตะโกนเรียกชื่อ ก็ตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทันที เขายังไม่ทันไหวตัวหลบหนี พวกจางฮั่นฟางก็รีบขี่สัตว์เทพออกจากทัพใหญ่หนีไปยังจุดลึกของดาราจักรแล้ว


“ผู้บัญชาการใหญ่จาง รอข้าด้วย รอข้าก่อน พาข้าไปด้วย ผู้บัญชาการใหญ่เหยียนช่วยข้า…” ซูลี่ที่รู้ตัวรีบไล่ตามทันที โบกมือร้องเรียกตลอดทาง


แต่นอกจากจะหันกลับมามองนิดหน่อย พวกจางฮั่นฟางก็ไม่มีใครพาเขาไปด้วยเลย ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วยชีวิตเขา แต่การพาเขาไปด้วยอาจจะล่อให้เหมียวอี้ไล่สังหารไม่ปล่อยก็ได้ ย่อมต้องทิ้งซูลี่อยู่แล้ว ทิ้งซูลี่ไว้อาจจะช่วยถ่วงเวลาให้พวกเขาหลบหนีได้บ้าง


ซูลี่เร่งไล่ตามและมองดูตลอดทาง ไม่เห็นพวกจางฮั่นฟางมีท่าทีว่าจะหยุด กลับหนีเร็วยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ ส่วนผู้บัญชาการใหญ่หนิวที่อยู่ข้างหลังก็สังหารฝ่ากลุ่มคนเข้ามาแล้ว สังหารมาตลอดทางราวกับฝ่าตัดคลื่น ขนาดเจอทางที่ใกล้กว่าก็ยังไม่ยอมลัดไป ดันทุรังจะสังหารฝ่าแรงต้านเข้ามาให้ได้ โหดเหี้ยมจนคนต้องยกนิ้วให้จริงๆ


ซูลี่รู้ตัวว่าถ้าอาศัยการความเร็วในการเหาะของตัวเองก็ไม่มีทางหนีการไล่โจมตีนี้พ้นเลย เมื่อเห็นว่าไม่มีใครช่วยเหลือ ทั้งยังมีคนไร้พ่ายไล่ฆ่าอยู่ข้างหลัง อารมณ์สิ้นหวังเศร้าโศกปนเดือดดาลบนใบหน้าเขาก็ยากจะบรรยายออกมาได้ อารมณ์นึกเสียใจทีหลังก็บรรยายได้ยากเช่นกัน ถ้ารู้แต่แรกว่าผู้บัญชาการใหญ่หนิวจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ ขนาดทัพใหญ่หนึ่งล้านยังต้านไม่ไหว มีหรือที่ตนจะทรยศได้


ยังมีอีกคนที่สีหน้าเปลี่ยน ปี้เยว่ฮูหยินเรียกได้ว่าทำสีหน้าขื่นขม หนิวโหย่วเต๋อคนนี้ไม่ปล่อยแม้แต่คนของตัวเองด้วยซ้ำ แต่พอลองคิดดูว่าก่อนหน้านี้ ‘พวกเดียวกัน’ ทำอะไรหนิวโหย่วเต๋อไว้บ้าง เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็สมเหตุสมผลไม่ใช่เหรอ


สรุปก็คือตอนนี้นางเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ไม่ใช่เพราะหนิวโหย่วเต๋อกลัวพวกจางฮั่นฟาง แต่หนิวโหย่วเต๋อกำลังป้องกันนางอยู่! อดกลั้นไว้ในใจตลอดจนมาถึงที่นี่ พอหลุดพ้นอำนาจอิทธิพลของนางแล้วค่อยลงมือ


เหมียวอี้เข้าแล้วออก สังหารเข้ามาอีกครั้ง ครั้งนี้กลับไม่มีแรงต้านอะไร ทุกคนเตรียมใจไว้นานแล้ว เมื่อเห็นเขาพุ่งเข้ามาทางนี้ ก็พากันถลันตัวหลบออกไปทันที


การทะลุผ่านครั้งนี้สังหารไปไม่กี่สิบคนเท่านั้น แต่เสียงกรีดร้องสิบกว่าครั้งก็ยังทำให้คนหวาดระแวงกลัวอยู่ดี


มีบางคนรู้สึกพูดไม่ออกนิดหน่อย ทำไมถึงรู้สึกว่าฆ่าไปแค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้นล่ะ? ปกติทุกคนฆ่าได้ไม่กี่คนก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว ตอนนี้จู่ๆ ก็พบว่าคนไม่กี่สิบที่ตายด้วยน้ำมือหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้เรียกว่าฆ่าคนด้วยซ้ำ


คนที่เบียดอยู่สองข้างทางมองดูเหมียวอี้ทั้งตัวมีปราณปีศาจโลหิตไหลกลิ้งแฉลบผ่านหน้าไป


สังหารฝ่าออกมาจากทัพใหญ่อีกครั้ง เหมียวอี้จ้องและไล่ตามไปหาซูลี่อย่างรวดเร็ว


“ซูลี่คนนี้เป็นใครกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะมีค่าพอให้หนิวโหย่วเต๋อกัดไม่ปล่อย?” เถิงเฟยที่กำลังดูการต่อสู้ถามอย่างแปลกใจ


เกาก้วนตอบเสียงเรียบว่า “เป็นผู้บังคับการกองร้อยคนหนึ่งของเขา ก่อนการทดสอบทรยศเขาเพื่อไปรวมกลุ่มกับคนอื่น ใช้วิธีการดูหมิ่นเหยียดหยามหนิวโหย่วเต๋อต่อหน้าฝูงชนเพื่อเป็นใบรับรองสมาชิกกลุ่ม”


“มิน่าล่ะ!” ขณะที่เถิงเฟยพยักหน้าก็อึ้งอีกครั้ง หันหน้าช้าๆ กลับมา ถามว่า “ขนาดเรื่องนี้เจ้ายังรู้เลยเหรอ ยังไม่อะไรที่หน่วยข่าวกรองของเจ้าไม่รู้บ้าง?”


“ที่ข้ายังมีสิ่งที่เจ้าอยากจะรู้อีก แต่เจ้าไม่กล้าถามหรอก” เกาก้วนกล่าว


“…” เถิงเฟยกระตุกมุมปากเล็กน้อย ไร้คำพูดโต้ตอบ


ซูลี่เหาะหนีสุดชีวิตและหันกลับมามองตลอดทาง เมื่อเห็นเหมียวอี้เข้ามาประชิด จู่ๆ ไม่หนีแล้ว เพราะรู้ว่าต่อให้หนีก็หนีไม่รอด จึงถือทวนหันตัวมา แล้วกล่าวเสียงดังด้วยสีหน้าหวาดกลัวว่า “ผู้บัญชาการใหญ่ ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว! ผู้บัญชาการใหญ่โปรดไว้ชีวิต ข้าน้อยก็โดนกดดันจนไม่มีทางเลือกเหมือนกัน! ข้าน้อยแค่อยากหาทางรอด แค่อยากจะหาทางรอดก็เท่านั้นเอง! ผู้บัญชาการใหญ่โปรดเมตตา!”


เหมียวอี้แสยะยิ้ม “ตอนที่เจ้าทรยศข้า เจ้ายังจำที่ข้าพูดได้มั้ย? กล้าทำก็ต้องกล้ารับผลที่ตามมา แค่ยอมจำนนก็พอ!”


ซูลี่ ถ้าเจ้าอยากจะต่อสู้เพื่ออนาคต ข้าก็ไม่ขัดขวางเจ้าหรอก เจ้ากลัวว่าข้าจะทำให้เจ้าลำบากไปด้วย ข้าก็ไม่โทษเจ้าเช่นกัน แต่มีอยู่คำหนึ่งที่เจ้าต้องจำไว้ให้ดี ข้าไม่ถือสาที่คนเรามีปณิธานต่างกัน แต่ถ้าเป็นคนทรยศ ข้าไม่ปล่อยไปเด็ดขา!’


ในหัวซูลี่มีคำพูดเหล่านี้แวบเข้ามา ราวกับดังอยู่ในหูอีกครั้ง!


เมื่อเห็นว่าร้องขอชีวิตแล้วไม่ได้ผล ซูลี่ก็พลันคำรามอย่างเดือดดาล “อ๋า! หนิวโหย่วเต๋อ ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!” พูดจบก็ถือทวนพุ่งเข้ามา จนตรอกเป็นสุนัขกระโดดกำแพงจริงๆ จะซ้ายหรือขวาก็ตายอยู่ดี ทำได้เพียงดิ้นรนก่อนตายสักตั้ง


ชั่วพริบตาที่ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กัน ซูลี่โบกทวนแทงเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เหมียวอี้ที่ยืนอยู่บนตัวเฮยทั่นที่พุ่งเข้ามาทำสีหน้าเหยียดหยาม ใช้มือข้างเดียวแทงทวนออกไปหนึ่งครั้งอย่างฉับพลัน


แกร๊ง! เสียงดังชัดเจน ทวนยาวในมือซูลี่โดนทวนเกล็ดย้อนทำลายหัก การเคลื่อนไหวของหัวทวนสามคมยังไม่หยุด แทงทะลุเกราะทองของซูลี่เสียงดังฉึก ทิ่มเข้าไปในหัวใจ ทะลุออกมาจากแผ่นหลัง เลือดสดพุ่งกระฉูด


โจมตีสังหารภายในทวนเดียว สังหารได้อย่างเบาสบายมือ


ซูลี่ที่โดนทวนปาดหิ้วขึ้นมาเอามือจับด้ามทวนเกล็ดย้อน มุมปากมีเลือดสดไหลทะลัก บนใบหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์สิ้นหวัง พบว่าสู้สุดชีวิตไปก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งสองไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันเลย


“เหอะๆ!” จู่ๆ ซูลี่ก็ฝืนหัวเราะอย่างน่าเวทนา แล้วกล่าวพร้อมหายใจติดๆ ขัดๆ ว่า “ผู้บัญชาการใหญ่พูดคำไหนคำนั้นจริงๆ ด้วย ไม่ปล่อยข้าน้อยไปจริงๆ!”


ซวบ! ทวนเกล็ดย้อนพลันดึงออกมา คมทวนกวาดหนึ่งครั้ง กวาดบนคอซูลี่จนละอองเลือดสาดกระจายหนึ่งสาย


เหมียวอี้โบกมือเก็บทั้งคนเก็บทั้งของ แล้วใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มองไปยังจุดลึกในดาราจักร เขาตามพวกจางฮั่นฟางไม่ทันแล้ว เฮยทั่นแบกเขาเลี้ยวกลับมาอีกครั้ง


เมื่อเห็นเจ้าเวรนี่พุ่งกลับมาอีก ทัพใหญ่ที่ชุมนุมกันเพิ่มความระวังตัวอย่างสูงทันที ป้องกันไม่ให้เขาพุ่งเข้ามาสังหารอีก


แต่ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะมาหยุดอยู่ตรงหน้ากระบวนทัพ แล้วโบกทวนชี้ไปที่กลุ่มคน พร้อมตะโกนเสียงดังว่า “มัวแต่หลบซ่อนจะนับเก่งอะไรล่ะ ผู้บัญชาการใหญ่หนิวโหย่วเต๋อของตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวนอยู่นี่แล้ว ถ้าอยากจะได้ชีวิตข้า ก็รีบมาสู้ตายกับข้าสักตั้ง!”


เมื่อเผชิญหน้ากับคนเลอะเลือดที่กลิ่นอายสังหหารพลุ่งพล่าน ไม่น่าเชื่อว่าในทัพใหญ่จะไม่มีใครพูดอะไรเลย แต่ละคนหันซ้ายหันขวา มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา


จ้านหรูอี้ที่ยืนอยู่แถวหน้ากัดฟัน ในใจลังเลไม่หยุด อีกฝ่ายคืออันดับหนึ่งที่ราชันสวรรค์แต่งตั้งให้ นางก็เป็นอันดับหนึ่งที่ราชันสวรรค์แต่งตั้งให้เช่นกัน ตอนนี้เจอประกาศท้าทายต่อหน้าฝูงชน ถ้าหากหลีกเลี่ยงที่จะสู้…ที่สำคัญคือนางเคยพูดไว้ต่อหน้าทุกคนแล้วว่าจะเอาชีวิตเหมียวอี้ กอประกับมาเป็นหน้าเป็นหน้าให้กับตระกูลอิ๋ง ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่สู้ ก็อาจจะน่าอับอายเกินทน


เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบรับ เหมียวอี้ที่รออยู่ครู่หนึ่งก็โบกทวนชี้ไปที่กลุ่มคนอีกครั้ง เสียงดังกว่าเดิมหลายเท่า ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราดว่า “หนิวโหย่วเต๋ออยู่นี่แล้ว ใครกล้าสู้กับข้า!”


“อ๋าว…” เฮยทั่นที่สั่นหัวส่ายหางก็เงยหน้าคำรามเสริมอานุภาพเช่นกัน


ภายใต้การท้าสู้ที่ต่อเนื่อง จ้านหรูอี้ทนไม่ไหวแล้ว จู่ๆ ก็หันกลับมาตะคอกเสียงเข้ม “จะให้ไอ้โจรกระจอกนี่มันเย้ยว่าเราไร้ความสามารถเหรอ ตราบใดที่พวกเราร่วมใจกัน เขาจะต้องตายแน่นอน ข้าจะรบอยู่แนวหน้า  ทุกคนร่วมมือกับข้า วันนี้ต้องเอาชีวิตเขาให้ได้ ติดตามข้าไปสังหาร ฆ่า!”


…………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)