ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1202-1209

บทที่ 1202 การออกเสียง

 

เมื่อเรื่องนี้มีความเห็นไม่ตรงกัน แต่ก็ยังไม่ได้จบลงเช่นกัน มารอนไม่สามารถทำหน้าที่ในครั้งนี้ได้


ในที่สุดเขาก็เสนอราคาที่ต่ำสุดจริงๆ ให้ฉินสือโอว แปดล้านดอลลาร์แคนาดา


ในความเป็นจริงถ้าเขาพูดถึงแค่ราคาที่เสนอ เขาก็สามารถรับผิดชอบหน้าที่นี้ได้ เพราะสิ่งที่พูดไปก่อนหน้านี้เป็นเพียงกลยุทธ์อย่างหนึ่งเท่านั้น ทำให้ฉินสือโอวยังคงไม่ทำตามแผนปฏิบัติต่อไปและเขาก็ไม่สามารถเป็นผู้นำได้


สิบล้านดอลลาร์แคนาดาเป็นราคาต่ำสุดของฉินสือโอว ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายจะมีความหวังที่จะได้ร่วมมือกัน แต่เมื่อคิดดูแล้ว จริงๆ แล้วกาวชีวภาพชนิดนี้เป็นไก่ที่ออกไข่สีทองเลยนะ ทำไมคุณถึงต้องการขายมัน? จะดีกว่าไหมถ้าได้รับเงินปันผลเป็นเวลานานจากการลงทุนในเทคโนโลยีและวัตถุดิบการแปรรูป?


เงินแปดล้านดอลลาร์แคนาดาไม่ได้เข้าตาฉินสือโอวเลยสักนิด แบรนด์อาหารทะเลต้าฉินยังคงเชื่อมต่อกันเป็นลูกโซ่อย่างต่อเนื่องและเขาสามารถสร้างรายได้ถึงสิบล้านลาร์แคนาดาต่อเดือน!


ด้วยเงื่อนไขการเจรจา มารอนจึงกลับไป


ฉินสือโอวจึงรีบไปดูลูกสาว ในที่สุดเด็กหญิงตัวน้อยก็ไม่ร้องไห้แล้ว แต่มือเล็กๆ ที่ถูกพันไว้นั้นเหมือนกีบเท้าของหมูตัวอ้วน


คาดว่าเด็กหญิงตัวน้อยเองก็สับสนเช่นกัน จึงชูมือขวาขึ้นต่อหน้าอย่างงุนงงและนึกไม่ออกว่ามันคืออะไร


เมื่อเห็นฉินสือโอวเข้ามา เด็กหญิงตัวน้อยก็ตะโกนว่า ‘อาอา’ ในปากพร้อมกับยื่นมือออกมาทางเขา ฉินสือโอวหัวเราะแหะแหะแล้วพูดว่า “มา มา พ่ออุ้ม”


ทำให้เด็กหญิงตัวน้อยพูดตามเขาว่า “อุ้มๆ…”


สีหน้าหน้าของพ่อฉินและแม่ฉินเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นทันที วินนี่เองก็ประหลาดใจมากเช่นกัน จึงอุ้มเสี่ยวเถียนกวาขึ้นมาแล้วพูดว่า “พระเจ้า ลูกสาวฉันพูดได้”


เสี่ยวเถียนกวา “ฮือๆ…”


วินนี่รีบวางเธอลงอีกครั้งและพูดด้วยความรู้สึกผิดว่า “ขอโทษๆ เด็กดีไม่ร้องไห้นะ แม่ไม่ได้ตั้งใจจะแตะอุ้งเท้าน้อยๆ ของหนูเลย”


ฉินสือโอวถึงกับพูดไม่ออก อุ้งเท้าน้อยๆ มันคืออะไร?


เมื่อวางลูกสาวไว้บนตัก เขาหยิบขวดกาวชีวภาพที่แซนเดอร์สให้ไว้ออกมาและพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “มา ผมจะเปิดผ้าก๊อซให้ลูก ผมมียาห้ามเลือดแบบใหม่ล่าสุด มันมีประโยชน์จริงๆ ต่อไปถ้ามีแผลก็สามารถใช้ห้ามเลือดได้”


วินนี่ถอนหายใจและพูดว่า “ใช้ได้จริงเหรอคะ? หายากหรือเปล่า? มือของลูกไม่มีเลือดออกแล้ว คุณยังจะเอาลูกไปทำอะไรอีก มา เด็กดี พูดตามแม่นะ ปาป๊า…”


ฉินสือโอวมีความสุขและพอใจเป็นอย่างมาก วินนี่เป็นคนที่มีความรู้มาก คำแรกที่สอนลูกสาวให้พูดคือพ่อ ซึ่งมันดีมาก


เมื่อได้ยินเสียง ‘ปาป๊า’ ของวินนี่ พ่อฉินก็ตอบรับโดยไม่รู้ตัวว่า “เป็นอะไรไปวินนี่? เกิดอะไรขึ้น?”


เสี่ยวเถียนกวาจ้องไปที่พ่อฉิน ปากเล็กๆ ก็อ้าออกและพูดอย่างไม่ชัดเจนว่า “หม่าม๊า…”


พ่อฉินพูดภาษาจีนกลางซึ่งเป็นภาษาถิ่นที่ขาดไม่ได้และเขายังออกเสียงม๊า ดังนั้นเสี่ยวเถียนกวาจึงออกเสียงคล้ายกับคำว่า ‘หม่าม๊า’ เล็กน้อย


เมื่อได้ยินเธอเรียกแบบนี้ ดวงตาของวินนี่ก็มีน้ำตาคลอเบ้าทันที เธอกอดลูกสาวไว้แน่น แล้วพูดด้วยความซาบซึ้งใจว่า “เด็กดี เป็นเด็กดีจริงๆ แม่อยู่ที่นี่นะ แม่อยู่นี่”


ถ้าเทียบกับเวลาที่เสี่ยวเถียนกวาพลิกตัวและคลาน เวลาในการออกเสียงของเธอจะถือว่าช้ากว่า


เพราะพัฒนาการทางภาษาของเด็กต้องผ่านหลายขั้นตอน ซึ่งขั้นแรกตั้งแต่เพิ่งเกิดจนถึงประมาณสองถึงสามเดือนจะร้องไห้เป็นหลัก ในเดือนที่สามและสี่จะเริ่มกรีดร้องและทำเสียงเล่นบ้างเล็กน้อย เมื่อเดือนหกหรือเจ็ดเด็กจะเข้าสู่ขั้นตอนของการหัดพูดอ้อแอ้ เช่นการออกเสียงตามพ่อแม่จะปรากฏในขั้นตอนนี้


เวลาที่เสี่ยวเถียนกวาใช้ในการพลิกตัวและคลานนั้นจะสั้นกว่าเด็กทั่วไปถึงครึ่งหนึ่ง จะมีเพียงเวลาที่ใช้ในการออกเสียงเท่านั้นที่ใกล้เคียงกับเด็กทั่วไป ซึ่งอาจเป็นเพราะพลังโพไซดอนที่ช่วยปรับกล้ามเนื้อและกระดูกของเด็กเป็นหลัก แต่สำหรับการเปลี่ยนแปลงของสมองจะไม่ช่วยเท่าไรนัก


หลังจากนั้นไม่กี่วัน ครอบครัวก็ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมเสี่ยวเถียนกวาให้พูด หลังจากที่พวกเขาพยายามอย่างไม่ท้อถอย เด็กหญิงตัวน้อยไม่เพียงแต่ออกเสียงมาได้ แต่ยังออกเสียงปาป๊าคำนี้ได้สำเร็จอีกด้วย


ไม่กี่วันมานี้ ฉินสือโอวแทบไม่ได้หวนคิดเลยจริงๆ ว่า สองสามวันนี้พวกเขาทรมานเด็กหญิงตัวน้อยอย่างหนัก ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะร้องเรียกว่า ‘ป๊าม๊า’ เดาว่าเด็กหญิงตัวน้อยก็คงจะรู้สึกไม่ดีที่ถูกทรมานเช่นกัน ภายใต้สถานการณ์แบบนี้หู่จือและเป้าจือก็สามารถร้องคำว่า ‘ป๊า’ ออกมาได้เช่นกัน


หลังจากทานอาหารกลางวันในวันเสาร์แล้ว เชอร์ลี่ย์และเด็กๆ ก็เข้ามาร่วมด้วยเมื่อเจอสิ่งนี้ เด็กหญิงตัวน้อยกินฟองนมจนเต็มปาก วินนี่ก็กำลังเช็ดตัวให้เธอ เชอร์ลี่ย์จึงวิ่งมาอุ้มและหยอกเธอเล่น แล้วพูดว่า “เรียกว่าพี่สาวสิ พี่สาว พี่สาว พี่สาว”


เด็กหญิงตัวน้อยเบิกตากว้างจ้องมองเธอและปากเล็กๆ อันอวบอ้วนก็สำลักออกมา อาจเป็นเพราะต้องการพ่นฟองนมใส่หน้าเธอ แต่น่าเสียดายที่วินนี่เช็ดออกจนหมดแล้ว จึงพ่นออกมาไม่สำเร็จ


เมื่อเห็นว่าลูกสาวอยากจะเล่นมากจนทนไม่ไหว วินนี่จึงพูดอย่างหมดหนทางว่า “เชอร์ลี่ย์ ตอนบ่ายนี้จะมาทำอะไร? ฝึกไวโอลินเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”


เชอร์ลี่ย์มองไปที่เถียนกวา จึงวางเธอลงบนโซฟาแล้ววิ่งกลับไปที่ห้องแล้วหยิบไวโอลินออกมา จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ แล้วเล่นอย่างเต็มที่


ทันทีที่เสียงไวโอลินดังขึ้น หู่เป้าฉงหลัวและแมวป่าที่เพิ่งกินอาหารและนอนอยู่ในบ้านก็รีบลุกขึ้นและวิ่งออกมาทันที เกือบจะเป็นการตอบสนองสิ่งเร้าแล้ว


เด็กหญิงตัวน้องก็อยากจะวิ่งด้วย แต่เธอไม่สามารถลงจากโซฟาเองได้ ทำได้เพียงทนกับความแวววาวของไวโอลินของเชอร์ลี่ย์เท่านั้น


ฉินสือโอวมองดูอย่างเจ็บปวดมาตลอด จึงพูดกับวินนี่ว่า “ไม่ใช่ว่าการฝึกไวโอลินจะเป็นการฝึกฝนนิสัยของคนคนหนึ่งอย่างหนักเหรอ? คุณดูเชอร์ลี่ย์สิ เธอเอาไวโอลินตัวนี้มาเล่นเป็นอะไร? เล่นไปอีกสักสองปี เธอก็คงทำงานเป็นคนตัดไม้ได้เลยนะ”


“ไวโอลินไม่สามารถฝึกได้ในหนึ่งหรือสองวัน โดยเฉพาะเพิ่งจะมาเรียนรู้ตอนกลางคันยิ่งยากกว่า รอให้เถียนกวาของเรารู้เรื่องก่อน ฉันจะสอนเธอเล่นไวโอลิน ในอนาคตเธอจะกลายเป็นหญิงสาวตัวน้อยที่งดงามแน่นอน” วินนี่ปลอบเขา


ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมา เพียงแค่เห็นเถียนกวากำลังคลานได้ในตอนนี้ก็สามารถทรมานหู่เป้าฉงหลัวและแมวป่าได้อย่างเจ็บปวดจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปได้แล้ว ในอนาคตเธอจะกลายเป็นหญิงสาวตัวน้อยที่งดงามได้นั้นคงจะเรียกว่าเป็นความเมตตาของพระเจ้า


เสี่ยวเถียนกวารู้สึกไม่ชอบเสียงเสียดสีของไวโอลิน จึงยื่นมือออกไปและร้องตะโกนใส่วินนี่ว่า ‘หม่าม๊า’ แม้จะคลุมเครือไปบ้าง แต่คำๆ นี้ก็ส่งเสียงออกมาได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ


วินนี่รอช่วงเวลานี้ เธออุ้มเสี่ยวเถียนขึ้นมาด้วยรอยยิ้มและหมุนตัวสองรอบ จากนั้นวางกลับลงไปบนโซฟาและจากไป ส่วนฉินสือโอวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็มองเธออย่างคาดหวัง


เสี่ยวเถียนกวาตกตะลึง เธอมองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ จึงทำได้เพียงยื่นแขนออกไปหาฉินสือโอวและตะโกนว่า ‘ปาป๊า’ อย่างร้อนใจ


เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ แม่ฉินก็โกรธมาก จึงไปตีหลังเขาและพูดว่า “แกอายุเท่าไหร่แล้ว? ทำไมยังทำตัวเป็นเด็กไปได้ นอกจากนี้ คนในบ้านที่ไหนกันจะทรมานลูกตัวเอง? รีบไปกอดเสี่ยวเวยเลย”


“ว่าแต่บ่ายนี้ไม่มีอะไรทำใช่ไหม? ว่างก็คือว่างนะ” ฉินสือโอวกล่าว


แม่ฉินพาเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังร้องตะโกนออกไปและพูดว่า “เอาล่ะ ถ้าแกไม่มีอะไรทำก็ไปช่วยห่อเกี๊ยวซะ เย็นนี้เราจะกินเกี๊ยวยัดไส้ผักจี่ไฉ่และเนื้อแกะกัน เป็นอย่างไร?”


ฉินสือโอวหัวเราะแหะแหะแล้วพูดว่า “ได้สิ ไม่มีปัญหา”


พ่อฉินและแม่ฉินจะเดินเล่นไปตามเทือกเขาเคอร์บัลในตอนเช้าและขุดผักป่ามาจำนวนมาก จึงเริ่มต้มในน้ำให้เดือดแล้วนำไปเก็บไว้ในที่เก็บน้ำแข็ง ซึ่งจะสามารถรักษาความสดใหม่และเก็บไว้ได้นานไม่เน่าเสีย


ที่บ้านเกิดของฉินสือโอว จริงๆ แล้วเกี๊ยวจะเป็นอาหารหลัก แม่ฉินเห็นวินนี่ไม่ชอบกินเกี๊ยว ดังนั้นปกติแล้วจะทำไม่เยอะและตอนนี้ก็เห็นว่ามีผักจี่ไฉ่มากมายที่ไม่กินและใกล้จะเน่าเสียแล้ว จึงตัดสินใจเอามาห่อเป็นเกี๊ยวให้หมด


ฉินสือโอวยังคงสนใจในการห่อเกี๊ยวมาก นึกถึงเกี๊ยวไส้ผักจี่ไฉ่และเนื้อสอดไส้คำโตที่เคยกินที่บ้านเมื่อก่อน จึงรู้สึกอยากกินไม่ไหวและนี่ก็เป็นสิ่งที่แคนาดาไม่มี

 

 

 


บทที่ 1203 เขตต้องห้ามของพระเจ้า

 

พ่อฉินกำลังสับเนื้ออยู่ในครัว ฉินสือโอวเดินเข้ามาหยิบมีดหั่นผักและเขียง จากนั้นก็เริ่มสับ ‘ป๊อกๆๆ’


วินนี่อุ้มเสี่ยวเถียนกวาเข้ามาดูและถามว่า “ในบ้านมีเครื่องบดเนื้ออยู่ไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมต้องสับด้วยล่ะ?”


พ่อฉินยิ้มและพูดว่า “เนื้อที่สอดไส้เกี๊ยวอย่าใช้เครื่องบดเนื้อเด็ดขาด เพราะจะทำให้เสียรสชาติ เนื้อจะเหนียวและน้ำในเนื้อก็จะไม่มี พอกินเข้าไปแล้วจะมีกลิ่นหอมที่ไหนกัน?”


คราวนี้จะใช้เนื้อแกะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเนื้อไม่ติดมัน ดังนั้นจึงเอามาห่อรวมกับผักป่าทำเป็นเกี๊ยวจะดีกว่า ส่วนเนื้อหมูมีไขมันมากเกินไป จะทำให้ผักป่าถูกกลบรสชาติไปจนหมด


หลังจากสับเนื้อแล้ว ฉินสือโอวก็เอาผักจี่ไฉ่และไส้เนื้อที่สับไว้ก่อนหน้านี้มาคลุกเคล้าในปริมาณเท่าๆ กัน จากนั้นใส่ผงเครื่องเทศห้าอย่าง ต้นหอมสับ ขิงสับ ซีอิ๊วขาว ซอสหวานและผงชูรส หลังจากผสมกันแล้วก็จะเติมน้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อย


ในขณะที่วินนี่กำลังหยอกล้อลูกสาวอยู่ก็ถามรายละเอียดการห่อเกี๊ยวไปด้วย ฉินสือโอวขี้เกียจตอบ จึงพูดว่า “คุณไม่ชอบกินเกี๊ยวไม่ใช่เหรอ? จะถามอะไรมากมายขนาดนี้?”


วินนี่พูดอย่างหมดหวังงว่า “ก็คุณชอบกิน ต่อไปฉันจะได้ห่อให้คุณกิน ไม่ได้เหรอคะ?”


พ่อฉินโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นหรอก ให้เสี่ยวโอวห่อเองเถอะ เขาห่อเกี๊ยวได้อย่างคล่องแคล่วเลยล่ะ”


ฉินสือโอวยิ้มและพูดว่า “ถ้าผมอยากกินเกี๊ยวก็ไม่จำเป็นต้องห่อเองก็ได้ แค่ให้เชอร์ลี่ย์กับพาวลิสทำก็พอแล้ว”


“แกนี่ขี้เกียจจริงๆ ตั้งใจทำแล้วกัน” แม่ฉินม้วนแขนเสื้อพร้อมกับมองค้อนใส่


คนในบ้านกำลังยุ่งกันอยู่ในครัว แซนเดอร์สมาหาฉินสือโอว จึงเคาะประตูแล้วถามว่า “บอสมีเวลาไหมครับ? ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะรายงานให้คุณทราบ”


ฉินสือโอวโผล่หัวออกมาจากห้องครัวแล้วพูดว่า “เฮ้ ศาสตราจารย์ คุณมาพอดีเลย เที่ยงวันนี้เรากินเกี๊ยวกัน คุณกับทิญามากินด้วยสิ ผักป่าที่แม่ของผมเอามาห่อเกี๊ยวอร่อยมากเลยนะ”


หลังจากใช้เวลากว่าครึ่งปีในการอยู่ที่ฟาร์มปลา แซนเดอร์สและผู้คนในฟาร์มปลาต่างก็คุ้นเคยกันแล้ว เขาเป็นนักวิชาการที่ถ่อมตัวมาก ถึงบูลจะยังเรียนไม่จบชั้นมัธยมแต่เมื่อได้พูดคุยกับแซนดอร์สก็สามารถค้นหาหัวข้อประเด็นต่างๆ มาพูดคุยกันได้ ดังนั้นผู้คนในฟาร์มปลาจึงชอบเขามาก


พ่อฉินและแม่ฉินต่างก็เคารพแซนเดอร์มากเป็นพิเศษ ในใจของพวกเขาเชื่อว่าศาสตราจารย์ที่มาจากมหาวิทยาลัยชิงหวาและปักกิ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมาก ถ้าอยู่ในบ้านเกิดของพวกเขา ก็จะเป็นเหมือนกับบทประพันธ์ที่เขียนได้ดี เพราะเขาค่อนข้างมีความสามารถ


แซนเดอร์สเห็นว่าคนในบ้านกำลังยุ่งจึงไม่ได้ถามเขาต่อ แต่เขากลับถามให้ดูกลมกลืนกันว่า “อ๋อ เกี๊ยวเหรอ? ผมชอบอาหารประเภทนี้มาก ผมเคยไปกินเกี๊ยวซุปเปรี้ยวของพวกคุณที่ไชน่าทาวน์ในโตรอนโต วันนี้ก็ใช่เหรอ?”


ฉืนสือโอวล้างมือและเดินออกไป เขายิ้มและพูดว่า “ไม่ๆ ศาสตราจารย์ วันนี้ไม่ใช่เกี๊ยวซุปเปรี้ยว แต่เป็นเกี๊ยวสอดไส้ ต้องเป็นของที่คุณไม่เคยกินมาก่อนอย่างแน่นอน”


ในครัวยังมีผักจี่ไฉ่ที่ไม่ได้ใช้เหลืออยู่เล็กน้อย ศาสตราจารย์อาวุโสจึงชี้ไปที่พวกมันและถามว่า “นั่นคือผักป่าชนิดนั้นใช่ไหม? โอ้ พระเจ้า ผมไม่เคยกินเกี๊ยวสอดไส้ผักป่ามาก่อนเลยจริงๆ ผักป่าพวกนี้กินได้ด้วยเหรอครับ?”


ฉินสือโอวจึงช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมผักป่าของจีนให้เขา “ชื่อภาษาจีนของผักป่าชนิดนี้คือจี่ไฉ่ ซึ่งเป็นผักป่าที่ดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยกรดจี่ไฉ่ นี่เป็นส่วนประกอบในการห้ามเลือดที่มีประสิทธิภาพชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถลดเลือดออกและเวลาในการแข็งตัวของเลือดได้”


“นอกจากนี้ จี่ไฉ่ยังมีสารประกอบแอซิติลโคลีน ซิโตสเตอรอลและควอเทอร์นารีเอมีน ซึ่งไม่เพียงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและปริมาณไตรกลีเซอไรด์ในเลือดและตับเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความดันโลหิตอีกด้วย”


หลังจากได้ยินแบบนี้แล้ว แซนเดอร์สก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที “ผักป่าชนิดนี้มีส่วนประกอบห้ามเลือดด้วยเหรอ? ถ้าอย่างนั้นผมต้องกลับไปหาเพื่อนร่วมงานเพื่อขอความช่วยเหลือซะแล้ว ถ้าส่วนประกอบห้ามเลือดเหล่านี้สามารถเพิ่มประโยชน์ลงในกาวชีวภาพได้ก็คงจะดีมาก”


ทั้งสองนั่งคุยกันในห้องนั่งเล่น วินนี่จึงช่วยชงชาแดงให้แซนเดอร์ส ศาสตราจารย์อาวุโสอายุเพิ่มขึ้น จึงชอบดื่มสิ่งนี้ เพราะหลังจากดื่มแล้วทำให้ร่างกายรู้สึกอบอุ่น


ขณะที่ดื่มชาแดง แซนเดอร์สก็กลับเข้าประเด็นที่จะพูด “บอส คุณจำกระดองของแมลงยักษ์คล้ายกับตะขาบที่คุณเคยให้ผมตอนแรกๆ ได้ไหม? ผมอยากถามว่ามันยังอยู่ไหม?”


ฉินสือโอวส่ายหัวและพูดว่า “ผมก็ไม่แน่ใจ ผมได้มันมาโดยบังเอิญ คงต้องลองหาดูก่อนถึงจะให้คำตอบได้ เกิดอะไรขึ้น? คุณเคยศึกษามันเหรอ?”


แซนเดอร์สขยับเข้าใกล้เขาและกระซิบว่า “ใช่บอส ผมศึกษามันและพบว่ามันเป็นอย่างที่คุณพูด นี่เป็นสิ่งที่วิเศษมากจริงๆ! องค์ประกอบของมันซับซ้อนมาก ในนั้นมีองค์ประกอบของแร่ธาตุแปลกๆ อยู่ ผมได้ทำการทดลองและพบว่ามันมีความสามารถในการลดการเผาผลาญของเซลล์!”


“แล้วไงต่อ? คุณค่าของมันคืออะไร?” ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ


ท่าทางของแซนเดอร์สจริงจังขึ้นมาทันที เขาคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยๆ พูดว่า “การคาดเดาของผมอาจจะไม่ถูก แต่ถ้าถูกล่ะก็ มันต้องน่ากลัวมากแน่ๆ! ผมคิดว่าคุณคงรู้ตำนานในแต่ละประเทศที่มีการบันทึกของยาอายุวัฒนะใช่ไหม?”


ไม่ต้องพูดให้มากความ ฉินสือโอวเข้าใจความหมายของแซนเดอร์ส เขาเบิกตากว้างและถามว่า “ไม่จริงนะ ในกระดองนี้มีสารที่คล้ายกับยาอายุวัฒนะเหรอ?”


แซนเดอร์สถูมือไปมาแล้วพูดว่า “ผมเดาว่าเป็นแบบนี้ แต่จะค้นคว้าและทดลองให้มากกว่านี้ได้อย่างไร อย่างน้อยดูตอนนี้ มันมีความสามารถในการลดอัตราการเผาผลาญทางชีวภาพและยืดอายุสิ่งมีชีวิตได้อีกด้วย”


“แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป การลดอัตราการเผาผลาญของเซลล์จะทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ของชีวิต ผลที่ตามมาจึงไม่แน่นอน มันอาจจะลดพละกำลังของชีวิตลง”


“แล้วคุณค่าของมันอยู่ที่ไหน?” ฉินสือโอวถาม


“คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการยืดอายุให้ยืนยาว คุณก็รู้บอส ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ ล้วนมีพละกำลังมากที่สุดเมื่อตอนที่ยังเด็กและยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไรพละกำลังก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ สารชนิดนี้ที่พบในกระดองของแมลงยักษ์ จะทำให้มนุษย์เข้าสู่วัยชราเร็วขึ้นและทำให้พละกำลังของมนุษย์แย่ลง” แซนเดอร์สกล่าว


“แต่สิ่งนี้ก็ทำให้ชีวิตของมนุษย์มีอายุยืนยาวขึ้นได้เช่นกัน สำหรับคนปกติแล้ว สิ่งนี้มีค่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้ายและผู้สูงอายุแล้ว มันมีประโยชน์มาก!”


เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ แซนเดอร์สจึงส่ายหัวและพูดว่า “ผมจะศึกษาต่อไป ถ้าการคาดเดาของผมได้รับการยืนยันแล้ว ถ้าอย่างนั้นการค้นพบนี้ก็คงจะน่ากลัวเกินไป บอส ผมคิดว่าเราเข้าสู่เขตต้องห้ามของพระเจ้าแล้ว ผมไม่รู้ว่าผลของมันจะออกมาเป็นอย่างไร”


ฉินสือโอวถามอย่างเด็ดขาดว่า “ถ้าอย่างนั้นนอกจากผม มีใครจะรู้ผลการวิจัยของคุณบ้าง?”


แซนเดอร์สยิ้มและพูดว่า “ผมเข้าใจว่าคุณกังวลเรื่องอะไร มีเพียงเราสองที่รู้ความลับนี้ ผมเพิ่งจะบังเอิญเริ่มประเด็นนี้และเจาะตรงไปที่ประเด็นหลัก ดังนั้นหลังจากที่ผมรู้ความลับที่อยู่ในกระดองแล้ว ผมเลยให้ความสำคัญกับการรักษาความลับนี้เป็นอย่างมาก”


ต่อมาศาสตราจารย์อาวุโสก็ได้อธิบายให้ฟังว่าทำไมเขาถึงเริ่มประเด็นนี้โดยบังเอิญ


หลังจากที่ฉินสือโอวส่งกระดองให้เขา เขาก็ไม่ได้สนใจมันมาเป็นเวลานาน ก่อนหน้านี้เขาเคยศึกษาแมงกะพรุนเวเลลลาเรืองแสงมาตลอด แมงกะพรุนชนิดนี้ขาดการต้านทานต่อแสงเป็นอย่างมากและเมื่อเจอกับแสงจ้าก็จะตายทันที เขาจึงคิดหาวิธีแก้ปัญหาด้านนี้มาโดยตลอด


……………………………………………………

 

 

 


บทที่ 1204 เรือผีปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แซนเดอร์สล้มเหลวในการทดลองติดต่อกันหลายครั้ง


ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจระงับการวิจัยที่เกี่ยวข้องชั่วคราวและเปลี่ยนไปค้นคว้าเรื่องอื่นแทน และแมลงยักษ์คล้ายตะขาบที่ฉินสือโอวเร่งให้เขาค้นคว้าวิจัยจึงถูกนำเข้ามาเป็นหัวข้อวิจัยต่อไปของเขา


เขาเอากระดองมาบดเป็นผงและทำการวิเคราะห์องค์ประกอบ ของเสียหลังจากวิเคราะห์ก็โยนทิ้งไป บังเอิญในขณะที่ตอนนั้นศาสตราจารย์อาวุโสกำลังอ่อนเพลีย จึงหยิบของที่ตกอยู่ในตู้ปลาบนโต๊ะทดลอง


ในตู้ปลานั้นเพาะเลี้ยงแมงกะพรุนเวเลลลาเรืองแสงที่เคยถูกดวงอาทิตย์อยู่สองสามตัว แน่นอนว่าพวกมันจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ถึงอย่างไรศาสตราจารย์อาวุโสก็ต้องการทิ้งมันอยู่ดี ซึ่งควรจะแยกถังขยะไว้ก่อนก็ได้ จากนั้นจึงทิ้งทั้งหมดรวมกัน


สุดท้าย ต่อมาเขาก็ยุ่งอยู่กับการเอาปูดันเจเนสส์ลงทะเลเพื่อผสมพันธุ์ เมื่อเขาทำเสร็จก็นึกถึงเรื่องแมงกะพรุนเวเลลลาเรืองแสงในตู้ปลาขึ้นมา เขาจึงรีบกลับไปทิ้งมัน ไม่อย่างนั้นถ้าแมงกะพรุนตายจะส่งกลิ่นเหม็น


หลังจากมาถึงห้องทดลอง ตอนแรกก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ เพราะแมงกะพรุนเวเลลลาไม่กี่ตัวนี้กำลังว่ายลอยไปมาอย่างอ่อนแอ เหมือนกับใกล้จะตายแล้ว


แต่ในขณะที่เขากำลังจะทิ้ง จู่ๆ ก็พบว่าตัวของแมงกะพรุนเวเลลลาพวกนี้ยังคงเรืองแสงและเห็นได้ชัดว่าแมงกะพรุนที่ตายแล้วไม่สามารถเรืองแสงได้ แมงกะพรุนเวเลลลาพวกนี้แค่มีความกระตือรือร้นต่ำ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันยังไม่ตาย


การค้นพบนี้ทำให้เขาประหลาดใจ หลังจากตรวจสอบก็พบว่า แมงกะพรุนเวเลลลาพวกนี้ยังไม่ตายจริงๆ ด้วย


แต่นี่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ควรเป็นแบบนั้น เพราะเขาได้ทำการทดลองที่เกี่ยวข้องมาแล้วหลายร้อยครั้งและแมงกะพรุนเวเลลลาที่โดนแสงแดดจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งวัน แต่แมงกะพรุนเวเลลลาไม่กี่ตัวนี้หลังจากโดนแสงแดดกลับมีชีวิตอยู่ได้ถึงสี่ห้าวันแล้ว!


เรื่องต่อจากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดและตรวจสอบแล้ว แซนเดอร์สหากระดองจนเจอและพบว่ามันเต็มไปด้วยแร่ธาตุวิเศษอยู่


หลังจากวิเคราะห์แล้ว ศาสตราจารย์อาวุโสจึงรู้สึกลังเลขึ้นมาเล็กน้อยและมองไปที่ฉินสือโอวด้วยสายตาแปลกๆ


ฉินสือโอวที่ถูกเขามองก็รู้สึกขนลุกในใจ จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คุณรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลใช่ไหม?”


“ไม่ ไม่ใช่ไม่ชอบมาพากล ผมแค่สับสนเล็กน้อย บอส ก่อนหน้านี้คุณเร่งให้ผมศึกษาวิจัยกระดองนี้มาตลอด คุณรู้ความลับของมันใช่ไหม?” แซนเดอร์สกล่าว


ที่แท้ก็คำถามนี้เอง ฉินสือโอวจึงหัวเราะออกมา เขามีความลับมากมายที่ไม่สามารถบอกได้ แต่คำตอบของคำถามนี้กลับง่ายมาก


“ไม่ ผมไม่รู้ประสิทธิภาพของมัน เหตุผลที่ผมต้องการให้คุณรีบศึกษาสิ่งนี้ เพราะผมเคยเห็นบริษัทผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของกลุ่มชาวยุโรปเหนือ พวกเขาแสดงให้เห็นว่ามีผลงานวิจัยเกี่ยวกับแมลงยักษ์คล้ายตะขาบที่นิทรรศการการประมงในอัมสเตอร์ดัม”


“ตอนนั้นผมบังเอิญมีกระดองนี้อยู่ในมือ ดังนั้นจึงอยากให้คุณศึกษาดูว่ามันมีผลอะไรต่อสุขภาพกันแน่ พระเจ้า คิดไม่ถึงว่าคุณจะค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่!”


แซนเดอร์สพยักหน้าอย่างเข้าใจทันที จากนั้นเขาก็ถามว่า “บอส ถ้าอย่างนั้นคุณรู้ไหมว่าบริษัทผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพนั้นได้ศึกษาวิจัยไปถึงไหนแล้ว? พวกเขาไปเอากระดองของแมลงยักษ์คล้ายตะขาบชนิดนี้มาจากไหน?”


ฉินสือโอวส่ายหัวและพูดอย่างจนปัญญาว่า “ตอนนั้นพวกเขาไม่ยอมพูดอะไรเลยและพวกเขาก็เป็นแค่พนักงานขายเท่านั้น คุณคิดว่าพวกเขาจะรู้ส่วนประกอบลับในกระดองไหมล่ะ?”


หลังจากคิดอยู่สักพัก เขาก็พูดเสริมว่า “นอกจากนี้นะศาสตราจารย์ ผมคิดว่าพวกเขาอาจจะยังไม่ค้นพบแร่ธาตุชนิดนี้ก็ได้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่นำมาขายเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพธรรมดาๆ ทั่วไปหรอกใช่ไหม?”


“นั่นก็จริง แต่ผมคิดว่าเราต้องติดต่อกับพวกเขา คุณคิดอย่างไร? ถ้ารู้ผ่านพวกเขาว่ากระดองเหล่านี้ได้มาจากที่ไหน เราก็จะได้รับข้อมูลมากมายเลยนะ” แซนเดอร์สถาม


จริงๆแล้วฉินสือโอวไม่คิดว่ามันจำเป็น ไม่ว่าพวกเขาจะได้กระดองมาจากไหน แต่ต้องได้มาน้อยแน่นอน และกระดองที่พวกเขาจัดแสดงในนิทรรศการนั้นก็ใหญ่ไปเล็กน้อย แต่เขารู้ว่ากระดองขนาดใหญ่ชนิดนี้มีจำนวนมากแค่ไหนในหลุมน้ำเงินใต้ท้องทะเล


ดังนั้นเขาจึงพิจารณาอยู่สักพักและพูดว่า “อย่ากังวลเรื่องนี้เลย ก่อนอื่นคุณต้องศึกษาองค์ประกอบของกระดองนี้และสำรวจประสิทธิภาพของมันต่อไป ผมคิดว่าสิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะลดอัตราการเผาผลาญของเซลล์เท่านั้นหรอกนะ”


แซนเดอร์สยิ้มเจื่อนและพูดว่า “แต่การค้นคว้าวิจัยของผมต้องการตัวอย่างและกระดองที่คุณให้ผมมาก็ใช้ไปมากกว่าครึ่งแล้ว”


“เชื่อเขาเลย กระดองใหญ่ขนาดนั้น ใช้ไปครึ่งหนึ่งเลยเหรอ?” ฉินสือโอวตกใจ


แซนเดอร์สยักไหล่ใส่และพูดอย่างจนปัญญาว่า “ผมพยายามประหยัดอย่างเต็มที่แล้ว แต่คุณต้องรู้ด้วยนะบอส การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ก็เป็นแบบนี้ ผมต้องทำการทดสอบหลายสายพันธุ์และต้องใช้หลายวิธีเพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบของกระดอง นี่ จึงทำให้สิ้นเปลืองวัตถุดิบ”


ฉินสือโอวถอนหายใจและพูดว่า “โอเค ผมเข้าใจแล้ว คุณศึกษาไปก่อน ส่วนเรื่องอื่นปล่อยให้เป็นเรื่องของผม ผมจะหาคนที่รู้เกี่ยวกับข้อมูลของบริษัทผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ”


หลังจากพูดคุยเรื่องธุรกิจจบ แซนเดอร์สก็หยิบผักจี่ไฉ่และออกไป ฉินสือโอวจึงก็ชักชวนว่า “อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันไหม?”


ศาสตราจารย์อาวุโสยิ้มและพูดว่า “ไม่ล่ะ ผมจะให้ทิญากลับมาเอาเกี๊ยวกลับไปชิมแล้วกัน ตอนนี้ผมต้องกลับแล้ว เวลามีค่า โลกอันแสนลึกลับกำลังรอให้ผมเข้าไปสำรวจอยู่ ผมรอไม่ไหวที่จะสำรวจมันแล้ว”


ฉินสือโอวยักไหล่ใส่ โอเค แค่คุณมีความสุขก็พอแล้ว


เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่ากระดองของแมลงยักษ์คล้ายตะขาบชนิดนี้จะมีส่วนประกอบแบบนี้อยู่ แซนเดอร์สบอกว่าส่วนประกอบนี้เป็นยาอายุวัฒนะที่มีความเกินจริงไปมาก ซึ่งถ้าสกัดออกมาได้สำเร็จ คงจะสร้างความตกใจเป็นอย่างมากแน่นอน


แต่มีปัญหาที่ต้องพิจารณา ถ้าคนเก่งและมีอุดมการณ์พบสารนี้เข้าจริงๆ เขาจะเก็บไว้ได้ไหม? ถึงเวลาเขาจะอธิบายอย่างไรว่าพบกระดองนี้มาจากที่ไหน?


ฉินสือโอวที่นั่งอยู่บนโซฟาก็คิดไปต่างๆ นานา เขาเงียบและไม่พูดอะไร จนวินนี่อุ้มลูกสาวเข้าเพื่อตามเขาไปทานอาหารเย็น


เกี๊ยวเอาออกมาจากหม้อแล้ว พ่อฉินและแม่ฉินก็ยุ่งตลอดทั้งช่วงเช้าเพราะห่อเกี๊ยวเยอะมาก ดังนั้นฉินสือโอวจึงออกไปเรียกชาวประมงและทหารที่ไม่ได้ออกทะเลเข้ามา


กลุ่มชายร่างสูงใหญ่แข็งแรงต่างพูดคุยและหัวเราะกันในห้องอาหารเล็กๆ กินเกี๊ยวไปด้วยและพูดคุยกันไปด้วย ฉินสือโอวจึงชอบบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเรียบง่ายนี้


ในช่วงบ่าย ความกังวลก็เกิดขึ้น มีโทรศัพท์เข้ามา บอกว่าจะให้เขาเตรียมตัวเข้าร่วมคดีจับปลาและเต่าของเยาวชนลินตันทั้งสี่ในสัปดาห์หน้า ตอนนี้ครอบครัวของเด็กๆ ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาแห่งนิวฟันด์แลนด์แล้ว ฉินสือโอวจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้อีก


แต่ผลของคดีนี้ชัดเจนมาก ตอนนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวของฟาร์มปลาและไม่มีใครกล้าขโมยปลาในพื้นที่ของเขา นี่จึงเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องของฉินสือโอวต่อเยาวชนทั้งสี่คนนั้น


ใยบรรดาผู้ที่ประกอบการในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ตอนนี้ล้วนเข้าใจตรงกันว่าชาวจีนที่ทำฟาร์มปลาในเกาะแฟร์เวลไม่ควรไปยุ่งด้วย เขาไม่เพียงแต่มีปืน แต่ยังมีกฎหมายด้วย


แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับเรือผีที่เพิ่งกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง หลังจากแพรีสกลับมาถึงสำนักพิมพ์ เธอก็รายงานสิ่งที่เธอและนีลเซ็นพบเจอในทะเล เธอถ่ายภาพมาจำนวนมาก ดังนั้นข่าวกับภาพถ่ายจึงสอดคล้องกัน มันจึงเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากเพราะมันเทียบกับในอดีตไม่ได้เลย


ทันทีที่เรื่องเรือผีได้รับความนิยม เรือประมงที่กล้าเข้ามาในฟาร์มปลาต้าฉินก็มีจำนวนน้อยลงมาก แม้แต่เรือบางลำจากกรีนแลนด์ที่มุ่งหน้าไปยังสหรัฐอเมริกายังต้องอ้อมเมื่อผ่านน่านน้ำของพวกเขา เพราะกลัวที่จะเจอกับเรือผีในตำนาน

 

 

 


บทที่ 1205 กักเรือลำนี้ไว้

 

ลองคิดดูอีกที ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าฟาร์มปลาของตัวเองอาจจะอุดมสมบูรณ์เหมือนที่เป็นอยู่ในขณะนี้แล้วก็ได้ ไม่ใช่แค่เพราะหัวใจแห่งโพไซดอนเท่านั้น แต่เป็นเพราะความพยายามที่เขาทำเพื่อฟาร์มปลาเป็นอย่างมากอีกด้วย


ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เพื่อที่จะป้องกันการขโมยปลา เขาทำมาตรการขึ้นมาตั้งเท่าไร? ติดตั้งเรดาร์ตรวจการณ์ ซื้อเรือความเร็วสูงสี่ลำ วางแผนตำนานเรือผี ใส่ร้ายและฟ้องร้องเยาวชนลินตันทั้งสี่คนนั้น…


ในที่สุด ผลก็เริ่มปรากฏออกมาแล้ว หลังจากเข้าสู่ฤดูจับปลา ฟาร์มปลาอื่นๆ ต่างก็เตรียมป้องกันเรือขโมยปลา ทะเลฝั่งเขาเงียบสงบมาก เพราะไม่มีเรือขโมยปลาเข้ามาเป็นเวลาหลายวันแล้ว


แต่เขาก็มีความสุขได้ไม่นาน วันรุ่งขึ้นหลังจากได้รับโทรศัพท์จากศาลฎีกาแห่งนิวฟันด์แลนด์ แอร์แบ็คที่เข้าเวรอยู่ก็บอกเขาว่า “บอส เรือบรรทุกสินค้าลำหนึ่งเข้ามาในน่านน้ำฟาร์มปลาของเรา คุณจะไปดูเขาไหมครับ?”


ตอนนี้พวกคนที่จะมาขโมยปลาฉลาดมาก ใช้ทุกวิถีทางในการปลอมตัว เหมือนกับงานปาร์ตี้ฮาโลวีนที่ต้องสวมหน้ากาก ขอแค่เห็นว่ามีเรือกำลังเข้ามาเจ้าของฟาร์มปลาก็ต่างพากันตกใจกลัวแล้ว ก่อนออกจากฟาร์มปลา พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะยืนยันจุดประสงค์ที่แท้จริงของเรือเหล่านี้


ทางฝั่งฉินสือโอวก็สะดวกสบายมาก เรดาร์ที่ติดตั้งมาด้วยราคาแพงก็เป็นประโยชน์มาก มันสามารถสแกนรูปร่างขนาดเล็กใหญ่ของเรือและส่งข้อมูลกลับมา เพื่อให้ชาวประมงที่มีประสบการณ์วิเคราะห์ประโยชน์ใช้สอยทั่วไปของเรือลำนี้


เมื่อได้ยินว่าเป็นเรือบรรทุกสินค้า ฉินสือโอวก็ส่ายหัวและพูดว่า “นายไม่ต้องเฝ้าดูหรอก ตามเลยดีกว่า แต่ถ้านายไม่ได้อยู่ที่น่านน้ำของเรานาน ก็ไม่เป็นไร”


สรุปว่าสองชั่วโมงต่อมา แอร์แบ็คก็มาหาฉินสือโอวอีกครั้งและพูดว่า “บอส เรือลำนั้นไม่ได้แวะจอดนาน แต่มันเข้ามาตามทิศทางของท่าเรือ ผมคิดว่าจำเป็นต้องรายงานให้คุณทราบ”


ฉินสือโอวที่กำลังรับลมอยู่บนชายหาดก็ลุกขึ้นและถามด้วยความประหลาดใจว่า “อะไรนะ? มาตามท่าเรือของเราเหรอ? หรือว่าจะเป็นคนรู้จัก? ถ้าอย่างนั้นให้เบิร์ดขับเฮลิคอปเตอร์ไปดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น”


หลังจากที่เบิร์ดขับเฮลิคอปเตอร์ไปตรวจสอบและส่งข่าวกลับมาว่าไม่ใช่คนรู้จักมาที่นี่ เรือลำนั้นมีชื่อว่าเบนสันซีฮอร์ส เป็นเรือบรรทุกสินค้าที่จดทะเบียนในนิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจะให้บริการเส้นทางจากนิวยอร์กไปยังกรีนแลนด์เป็นหลัก ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ ถึงเข้ามาเทียบท่าได้?


หลังจากผ่านไปครึ่งวัน เรือบรรทุกสินค้าก็เข้าใกล้ท่าเทียบเรือของฟาร์มปลาเรื่อยๆ เมื่อเห็นแบบนี้ฉินสือโอวจึงขึ้นเรือกำปั่นทะเลตะวันออก จากนั้นชาร์คก็ออกเดินเรือและไปทางเรือบรรทุกสินค้าอย่างรวดเร็ว


เหตุผลที่ทำแบบนี้ เขาแค่ต้องการยืนยันตัวตนและวัตถุประสงค์ของเรือลำนี้ให้แน่ใจ ทะเลจะแตกต่างจากพื้นดิน เพราะไม่สามารถให้เรือเทียบท่าได้ตามต้องการ ไม่อย่างนั้นถ้าเรือลำนี้มีปัญหา พอถึงเวลานั้นจะรั้งเอาไว้ไม่ได้


เรือยนต์ความเร็วสูงเข้าใกล้เรือบรรทุกสินค้า บูลจึงถือเครื่องขยายเสียงขึ้นมาแล้วตะโกนสุดเสียงว่า “เฮ้ พวกคุณเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”


ชายวัยกลางคนในชุดทำงานสีน้ำเงินเดินออกมาจากห้องโดยสารขับเรือบรรทุกสินค้า เขายิ้มและพูดว่า “ขอโทษครับคุณ ผมเบนสันกัปตันเรือลำนี้ คืออย่างนี้นะ ถังเก็บน้ำมันบนเรือบรรทุกสินค้าของเรามีบางอย่างผิดปกติ คืนนี้เราจึงต้องการแวะพักที่ท่าเรือของพวกคุณ จากนั้นจะเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อน้ำมันดีเซล”


“แล้วเรือของพวกคุณขนส่งอะไรมา? กำลังจะไปที่ไหน?” บูลถามอย่างระมัดระวัง


เบนสันพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “เรือลำนี้ขนส่งสิ่งทอฝ้าย ถ้าคุณไม่เชื่อก็สามารถส่งคนมาตรวจสอบได้ เราออกเรือจากท่าเรือสปาร์คในรัฐนิวยอร์กและปลายทางคือท่าเรือชาลส์ในกรีนแลนด์ ข้อมูลนี้ได้รับการจดทะเบียนที่สำนักงานรับรองเอกสารศุลกากร ถ้าคุณไม่เชื่อผมก็สามารถกลับไปตรวจสอบได้”


เมื่อเขามาถึง ฉินสือโอวได้ตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องของเรือลำนี้แล้วและก็เป็นจริงตามที่เบนสันพูด เรือลำนี้กำลังขนส่งสิ่งทอฝ้ายจากนิวยอร์กไปยังกรีนแลนด์


บูลยังต้องการถามอะไรบางอย่างอีก ฉินสือโอวจึงส่ายหัวและโบกมือส่งสัญญาณให้เรือลำนี้แล่นไปที่ท่าเรือ จากนั้นเขาก็หันกลับมาพูดกับชาร์คที่กำลังขับเรืออยู่ว่า “แจ้งแบล็คไนฟ์ที่อยู่บนฝั่งด้วยว่าให้พาพวกเราไป หลังจากที่เรือลำนี้เข้าเทียบท่าแล้วก็คุมตัวผู้ควบคุมเรือมาให้ฉันด้วย”


ชาร์คประหลาดใจและถามว่า “มีอะไรเหรอบอส ทำไมดูจริงจังขนาดนี้?”


“นายไม่คิดว่าเรือลำนี้จะมีปัญหาเหรอ?” ฉินสือโอวกล่าว


ชาร์คส่ายหัวและพูดว่า “ก็เป็นแค่เรือบรรทุกสินค้าลำหนึ่งเท่านั้นเอง จะมีปัญหาอะไรครับ? ทุกปีเรือจากสหรัฐอเมริกาและแคนาดาที่ไปกรีนแลนด์เพื่อทำธุรกิจสิ่งทอก็มีจำนวนมาก เมื่อตอนที่ผมยังเป็นวัยรุ่นก็เคยเดินเรือเส้นทางนี้”


ฉินสือโอวกลอกตาไปมาและพูดอย่างอดทนว่า “ในเมื่อเคยทำธุรกิจนี้มาแล้ว นายควรรู้ว่าจะไปที่ไหนถ้าถังเก็บน้ำมันของเรือมีปัญหา? ฟาร์มปลาของเราอยู่ใกล้กับท่าเรือเซนต์จอห์นมาก ทำไมพวกเขาไม่ไปแวะพักที่ท่าเรือเซนต์จอห์นล่ะ? พูดมาถึงตรงนี้แล้วยังจะบอกว่าไม่มีปัญหา นายเชื่อได้ไหม?”


“บางทีน้ำมันของพวกเขาอาจจะไม่เพียงพอที่จะขับรถไปที่ท่าเรือเซนต์จอห์นก็ได้?” บูลเดา


ชาร์คพูดขัดจังหวะเขาว่า “ช่างเถอะบูล บอสพูดถูก เรือลำนี้อาจจะมีบางอย่างผิดปกติก็ได้ เราอยู่ห่างจากเซนต์จอห์นแค่ไหน? ระยะทางใกล้ขนาดนั้นจะกินน้ำมันได้มากแค่ไหนกันเชียว? คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเทียบท่าเรือเล็กๆ ที่ไม่เป็นที่รู้จักของเราแทนที่จะไปที่เซนต์จอห์น ซึ่งมันก็ผิดปกติอยู่บ้างจริงๆ”


ไม่ว่าจะเป็นเรือประมงหรือเรือบรรทุกสินค้า ถ้ามีปัญหาจะต้องจอดพัก เว้นแต่จะหมดหนทางจริงๆ ไม่อย่างนั้นก็ต้องพยายามจอดเทียบท่าเรือส่วนตัวขนาดเล็ก ซึ่งนี่ก็ยังคงเป็นปัญหาที่ฉินสือโอวเคยกังวลมาก่อนหน้านี้ ท่าเรือแบบนี้ไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น


ชาร์คใช้เครื่องรับส่งวิทยุแจ้งกับแบล็คไนฟ์ให้พาคนไปเตรียมการ พวกเขาตามหลังเรือเบนสันซีฮอร์สไป เหมือนกับการควบคุมนักโทษ ซึ่งจะคุมเรือลำนี้ไปที่ท่าเรือของฟาร์มปลา


ทันทีที่เรือจอดเทียบท่า แบล็คไนฟ์ก็พาทหารสี่คนกระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าเรืออย่างรวดเร็ว จากนั้นโบกมือให้คนในห้องโดยสารขับเรือออกมา


“นี่พวกคุณ เป็นอะไรหรือเปล่า? ดูเหมือนว่าคนที่นี่จะไม่ต้อนรับนะ” เบนสันเดินออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดไปด้วย


แบล็คไนฟ์ถามด้วยใบหน้าบึ้งตึงว่า “พวกคุณมีกี่คน? ช่วยออกมาตรวจสอบด้วย”


หลังจากได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเบนสันก็หายไป เขาจึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “เฮ้คุณ พวกคุณไม่ใช่ตำรวจทางทะเลหรือศุลกากรนะ พวกคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะค้นเรือของเรา โอเคไหม? อันที่จริงเราแค่ต้องการเติมน้ำมันดีเซลและน้ำจืดในเมืองของพวกคุณเท่านั้น เราแค่แวะพักอีกครู่เดียวและจะจ่ายค่าจอดให้พวกคุณด้วย ดังนั้นเราควรเคารพซึ่งกันและกันไม่ใช่เหรอ?”


เรือยนต์ความเร็วสูงได้ขวางเรือบรรทุกสินค้าอยู่ข้างหลัง ฉินสือโอวจึงขึ้นไปบนเรือ เขายิ้มและพูดว่า “อย่าเข้าใจผิด กัปตันเบนสัน แน่นอนผมและลูกน้องของผมเคารพพวกคุณมาก แต่เราก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ของเราด้วยไม่ใช่เหรอ?”


เบนสันมองเขาอย่างสับสนและถามว่า “พวกคุณมีหน้าที่อะไร? ทำอะไรในฟาร์มปลา?”


ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เราไม่เพียงแต่เป็นชาวประมงในฟาร์มปลาเท่านั้น แต่ยังเป็นทหารอาสาสมัครอีกด้วย เรนเจอร์น่ะ เคยได้ยินไหม?”


เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของชายหนุ่มทั้งสองคนที่ตามเบนสันมาด้วยก็เปลี่ยนไปทันที หนึ่งในนั้นถามด้วยความประหลาดใจว่า “เรนเจอร์เหรอ? พระเจ้า ชาวอเมริกันส่งกองกำลังพิเศษมาเลยเหรอ?”


สีหน้าของฉินสือโอวก็เปลี่ยนไปเช่นกัน แม่เจ้า ทหารอาสาสมัครของแคนาดาต้องเรียกว่าพวกอ่อนแอสิ ทุกครั้งที่พูดออกไปก็จะคิดว่าตัวเองเป็นทหารที่ทำงานหนักเพื่อจักรพรรดิแห่งอเมริกัน!


แต่ถ้าสังเกตจากปฏิกิริยาของชายหนุ่มทั้งสองคนแล้ว เรือลำนี้คงจะมีปัญหาจริงๆ เพราะการตอบสนองของพวกเขาผิดปกติไป


เห็นได้ชัดว่าเบนสันและชายหนุ่มอีกสองคนก็รู้เรื่องนี้ หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ พวกเขาก็กลับไปที่ห้องโดยสารขับเรือ

 

 

 


บทที่ 1206 จับเชลย

 

เบนสันและคนอื่นๆ ก้าวถอยหลังและเหล่าทหารที่นำโดยแบล็คไนฟ์เอามือทั้งสองไขว้ไปข้างหลังและยกปืนขึ้นพร้อมกับพูดว่า “อย่าขยับ! หมอบลง! หมอบลงทั้งหมด! เร็วสิ!”


ปากกระบอกชี้ไปที่ปืนพกห้ากระบอก สีหน้าเบนสันและทั้งสามคนก็ตื่นตระหนกตกใจออกมาและหมอบลงกับพื้นทันที


แอร์แบ็คเดินรอบๆ อยู่ข้างหลังและตะโกนว่า “ชูมือทั้งสองข้างขึ้นบนหัวและวางให้เรามองเห็นด้วย! เร็ว! ให้ตายสิ ยกมือขึ้น!”


ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนว่า “โอ้พระเจ้า โอ้พระเจ้า! คือเรนเจอร์จริงๆ! เรนเจอร์มาแล้ว! เบนสัน ผมว่าถ้าเราทำแบบนี้จะมีเรื่องนะ! ดูสิ มีเรื่องแล้ว มีเรื่องจริงๆ ด้วย พระเจ้า!”


เบนสันจ้องมองชายหนุ่มคนนั้นอย่างโมโหและตะโกนว่า “หุบปาก ไอ้โง่แครี่! หุบปากหมาๆ ของนายซะ!”


เมื่อพวกเขาพูดแบบนี้ ไอ้โง่ก็รู้ว่าเรือลำนี้มีปัญหาแล้ว แต่ฉินสือโอวยังคงรู้สึกว่าแบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ในสถาการณ์แบบนี้พวกเขามีข้อได้เปรียบที่จำนวนคน แล้วทำไมพวกเขาถึงยังเอาปืนพกออกมา?


ฉินสือโอวช่วยแบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ ทำเรื่องใบอนุญาตปืน แต่เป็นแค่ใบอนุญาตปืนยาวธรรมดาเท่านั้น ใบอนุญาตปืนพกนั้นทำเรื่องยากมาก ถ้าเรือลำนี้ไม่มีปัญหา เบนสันและคนอื่นๆ ก็สามารถฟ้องพวกเขาในข้อหาครอบครองปืนพกอย่างผิดกฎหมายได้


“ดูพวกเขาให้ดีแล้วเก็บปืนไปก่อนเถอะ” ฉินสือโอวพูดพร้อมกับมองไปที่แบล็คไนฟ์


แบล็คไนฟ์ยืนกรานว่า “บอส เราต้องเตรียมตัวป้องกันอันตราย ปืนเป็นคู่หูที่น่าเชื่อถือที่สุดในตอนนี้ เราต้องแน่ใจว่าเรือลำนี้ไม่อันตรายก่อนแล้วถึงจะเก็บปืนได้!”


แอร์แบ็คมองดูสองคนจากด้านหลัง แบล็คไนฟ์พาทริกเกอร์มาและบีบีซวงพาออสเปรมา พวกเขากลุ่มหนึ่งก็เข้าไปในห้องโดยสารของเรือบรรทุกสินค้าอย่างกังวลใจ


ไม่นานก็มีคนยกมือขึ้นและเดินออกมาจากห้องโดยสารเรือ ทั้งสี่คนที่เดินออกมาทั้งหน้าและหลัง พวกเขาก็มองไปที่เบนสันด้วยใบหน้าที่เศร้าโศกและถามว่า “กัปตัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น เราถูกปล้นแล้วเหรอ?”


แบล็คไนฟ์ให้พวกเขาหมอบลงบนดาดฟ้าเรือ บีบีซวงและทั้งสามคนก็ค้นในห้องโดยสารขับเรือและลูกเรือ จากนั้นก็ออกมาพร้อมกับปืน AR-15 สองกระบอกและเรมิงตันสองกระบอก โยนพวกมันลงบนเรือและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “อย่าบอกนะว่าพวกคุณเป็นแค่เรือบรรทุกสินค้าธรรมดาทั่วไป!”


“ในการออกเดินทะเล ใครจะไม่พกไว้บนเรือบ้างล่ะเพื่อน?” เบนสันเถียง


ฉินสือโอวขมวดคิ้วและพูดว่า “ดีล่ะคุณกัปตัน เรือบรรทุกสินค้าธรรมดาจะไม่นำอาวุธออกทะเล นี่คือมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ไม่ใช่อ่าวเอเดน เว้นแต่ว่าคุณจะเป็นพ่อค้าอาวุธ แต่พวกคุณเป็นไหมล่ะ? ถ้าอย่างนั้นบอกผมหน่อยสิว่าพวกคุณทำธุรกิจผิดกฎหมายอะไร?”


ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ ชายหนุ่มสองคนที่ตามเบนสันมาก่อนหน้านี้ก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็มีคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “โอ้ ให้ตาย พวกคุณไม่ใช่เรนเจอร์!”


ฉินสือโอวเข้าใจว่าปัญหาอยู่ตรงไหนได้อย่างรวดเร็ว เริ่มแรกเขาเรียกตัวเองว่าเรนเจอร์ ส่วนแบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ ก็หยิบปืนออกมา ตอนนั้นคนพวกนี้ตกใจกลัวมาก จึงคิดว่าการกระทำที่ผิดกฎหมายของพวกเขาเป็นที่รู้ของทหารสหรัฐฯ จึงส่งกองกำลังพิเศษมาจับพวกเขา


แต่ในเมื่อตอนนี้เขาถามแบบนี้แล้ว คนพวกนี้ก็เข้าใจทันทีว่าฝ่ายตรงข้ามไม่รู้การกระทำที่ผิดกฎหมายของพวกเขา ซึ่งหมายความว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย


เมื่อรู้เรื่องนี้แล้ว เบนสันก็ตะโกนอย่างตื่นเต้นทันทีว่า “พวกคุณไม่มีสิทธิ์กักตัวเรา! เราเป็นพลเมืองเดนมาร์ก พวกเราต้องการพบท่านทูต!”


เมื่อก่อนกรีนแลนด์เคยเป็นดินแดนของเดนมาร์ก แม้ว่าจะสิ้นสุดการปกครองตนเองในปี 2552 แต่ก็ยังมีชาวเดนมาร์กจำนวนมากอาศัยและทำงานอยู่บนเกาะ


คนอื่นๆ ก็ร้องตะโกนด้วยกันกับเบนสัน แบล็คไนฟ์จ้องไปที่พวกเขาและต้องการลงมือจัดการคนพวกนั้น แต่ฉินสือโอวรีบคว้าตัวเขาไว้ ครั้งนี้สถานการณ์จะแตกต่างจากเมื่อก่อน เบนสันและลูกน้องไม่ได้จะทำอันตรายอะไรกับฟาร์มปลา พวกเขาต้องการจะวางแผนใส่ร้ายยัดของกลางแต่ทำไม่สำเร็จ เพราะนี่เป็นเรือบรรทุกสินค้ามาตรฐานที่จดทะเบียนในหนังสือ


ถ้าเป็นแค่การค้นเรือก็แล้วไป แต่พวกเขาพบอาวุธบางอย่าง ซึ่งสามารถกล่าวหาว่าพวกเขานำอาวุธบุกเข้ามาในฟาร์มปลาส่วนตัวได้ แต่อีกฝ่ายไม่ได้โจมตี ฉินสือโอวและคนอื่นๆ จึงไม่มีเหตุผลที่จะโจมตีพวกเขา


เบนสันก็เข้าใจเหตุผลนี้เช่นกัน พวกเขาตะโกนเพื่อต้องการไปที่สถานทูต โดยบอกว่าพวกเขาถูกฉินสือโอวและคนอื่นๆ ล่วงละเมิด พวกเขาไม่ได้ก่ออาชญากรรมใดๆ เพียงแค่เข้ามาจอดเทียบท่าเรือเท่านั้น


อาวุธที่ค้นเจอก็สามารถฟ้องร้องเบนสันและลูกน้องได้ แต่พวกเขาจะไม่ได้รับความผิด ส่วนใหญ่รัฐบาลแคนาดาจะส่งตัวพวกเขาให้กับรัฐบาลเดนมาร์ก เหมือนกับที่เบนสันว่า มีเรือลำไหนที่ออกทะเลแล้วไม่มีอาวุธต้องห้ามบ้าง?


บางทีเรือหลายลำอาจจะไม่ได้นำปืนออกทะเล แต่เรือทุกลำต้องมีสิ่งหนึ่ง นั่นคือมีดแหลมคม ซึ่งเป็นอาวุธพิเศษในการออกทะเล เมื่อเจอกับการปะทะก็สามารถใช้สิ่งนี้เพื่อป้องกันตัวเองได้และเมื่อจับปลาตัวใหญ่ได้ก็สามารถใช้แยกชิ้นส่วนของเนื้อปลาได้


ฉินสือโอวรู้ว่าเรือลำนี้ต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน จากปฏิกิริยาแปลกๆ เมื่อกี้ของคนพวกนี้ก็มองออกแล้ว ขอแค่พบปัญหาว่าอยู่ตรงไหน พวกเขาก็จะไม่กล้าที่จะอวดดีแบบนี้อีก


ดังนั้น เขาจึงพยักหน้าให้กับแบล็คไนฟ์และพูดว่า “เรียกทุกคนขึ้นมาและค้นเรือลำนี้ให้ฉันอย่างละเอียด!”


“เราจะประท้วง!” เบนสันตะโกนขึ้นมาทันที “คุณไม่มีสิทธิ์มาค้นเรือของเรา! ผมจะไปสถานทูตเพื่อประท้วงการใช้ความรุนแรงของชาวแคนาดาที่ล่วงละเมิดสิทธิของเรา!”


ฉินสือโอวหัวเราะเยาะและพูดว่า “คุณสามารถประท้วงได้เต็มที่ หวังว่าหลังจากเจอหลักฐานทางอาญาของพวกคุณแล้วจะยังอวดดีแบบนี้ได้อยู่นะ”


แบล็คไนฟ์ตะโกนใส่เครื่องรับส่งวิทยุ ชาวประมงจึงทยอยขึ้นเรือและค้นเรืออย่างระมัดระวัง


เมื่อเห็นชาวประมงร่างกายกำยำจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น ความหยิ่งยโสของเบนสันคนอวดดีก็อ่อนลงทันที เขาจึงพูดกับฉินสือโอวว่า “นี่คุณ จริงๆ แล้ว เราไม่ได้มีความขัดแย้งกันอะไรกันเลยไม่ใช่เหรอ? เราแค่ต้องการเติมเชื้อเพลิงในเมืองของคุณก็เท่านั้น แล้วทำไมเราถึงอยู่ร่วมกันอย่างสันติไม่ได้ล่ะ?”


ชายหนุ่มที่มีผมสีน้ำตาลยังพูดเสริมอีกว่า “คุณเป็นพ่อค้าคนเอเชียใช่ไหม? หลักการห้าประการของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของนายกรัฐมนตรีโจว เป็นนโยบายต่างประเทศของพวกคุณ ทำไมคุณถึงไม่ปฏิบัติตามล่ะ?”


ฉินสือโอวหัวเราะออกมา คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะเข้าใจหลักการห้าประการของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เขาประเมินวีรบุรุษของโลกต่ำเกินไปจริงๆ


ในเมื่อมีคนที่เข้าใจวัฒนธรรมทางการทูตของจีนแล้ว ฉินสือโอวจึงเดินเข้าไปและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คุณรู้จักหลักการห้าประการของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติแล้ว ถ้าอย่างนั้นคุณรู้สุภาษิตของพวกเราคนจีนไหม? คุณเดินไปบนทางหลักของคุณ…”


“รู้สิๆ รู้ คุณเดินไปบนทางหลักของคุณ ส่วนผมจะเดินไปตามทางของผมใช่ไหม?” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลพูดอย่างตื่นเต้น


คนรอบข้างมองเขาอย่างอิจฉาและมีคนกระซิบว่า “โอ้ ให้ตายเถอะ ปกติผมก็รู้เรื่องวัฒนธรรมต่างชาติมามาก เพราะดูลิตเติ้ลคาร์เชอร์ เลยอยากจะอวด!”


อวดเหรอ? แทบจะบ้า ฉินสือโอวถูกคำพูดของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลชายแทงใจดำแล้ว คนที่มีไหวพริบคนนี้ก็มีคุณภาพเช่นกัน สุภาษิตจีนประโยคนี้เขาจะแก้ไขมันให้เป็นอะไรดีนะ?


ฉินสือโอวให้เขาหุบปาก จากนั้นก็พูดจบประโยคนี้ว่า “คุณเดินบนถนนหลักของคุณ ผมจะข้ามสะพานไม้ต้นเดี่ยวของผม มันพูดแบบนี้ต่างหาก! ความหมายคืออะไรน่ะเหรอ? ขอแค่คุณจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผม ผมก็จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้คุณเช่นกัน!”


“เราไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้คุณ” เบนสันพูดด้วยรู้สึกไม่เป็นธรรม


ฉินสือโอวหัวเราะเยาะและพูดว่า “ในเมื่อพวกคุณทำธุรกิจผิดกฎหมาย งั้นก็ไม่ควรอยู่ในพื้นที่ของผม ต่อไปถ้าพวกคุณทำเรื่องไม่ดีขึ้น แล้วองค์การตำรวจสากลพบว่าพวกคุณอยู่ที่ท่าเรือของผม ผมจะจัดการกับเรื่องนี้ได้ใช่ไหม?”

 

 

 


บทที่ 1207 เกิดมาคู่กัน

 

สิ่งที่ฉินสือโอวกังวลคือเรื่องนี้ ในเมื่อเรือลำนี้มีปัญหา อย่างนั้นก็ต้องตัดการเชื่อมต่อกับพวกเขา ไม่อย่างนั้นต่อไปถ้าคนพวกนี้มีเรื่องขึ้นมา จะทำให้ดึงเขาลงดิ่งไปด้วยได้ง่ายๆ


คนฉลาดจะมองเห็นและลดความเสี่ยงได้ นี่คือหลักการ


หลังจากคาดการณ์ว่าเรือลำนี้ต้องมีปัญหาแน่นอน ฉินสือโอวจึงไปแจ้งความกับตำรวจทางทะเลในเซนต์จอห์น ถ้าเรือลำนี้ไม่มีปัญหา อย่างมากเขาก็แค่กระต่ายตื่นตูมไปเอง แต่ถ้าเรือลำนี้มีปัญหาจริงๆ การแจ้งความทันเวลาของเขาจะสามารถปกป้องฟาร์มปลาได้มากที่สุด


ชาวประมงค้นเรือไปหนึ่งรอบก็พบว่า นอกจากธนูกับลูกศรอีกสองอันและมีดสั้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย ไม่มียาเสพติดหรือสินค้าหนีภาษีที่ฉินสือโอวคาดเดาเอาไว้


ใช่แล้ว เขาต้องการหายาเสพติดและสินค้าหนีภาษี อาชญากรรมทางทะเลมักจะเกิดเรื่องแบบนี้บ่อยที่สุด


สายตาเย็นชาของเบนสันและคนอื่นๆ มองไปที่ชาวประมงที่ไม่พบอะไรเลย พวกเขาจึงพร้อมใจร้องตะโกนขึ้นอีกครั้งว่า


“เราจะฟ้องร้องพวกคุณ! พวกนักเลงแคนาดา! พวกแคนาดาชั่ว! พวกอันธพาลแคนาดา!”


“ใครมีโทรศัพท์? โทรแจ้งตำรวจเร็ว ให้ตำรวจมาช่วยเรา!”


“ไม่ เราจะต้องหาสถานทูต วันนี้เราจะไปประท้วงที่สถานทูตเดนมาร์กในโทรอนโต!”


ฉินสือโอวยิ้ม เขายืนบนหัวเรือและโน้มตัวมาข้างหน้าพร้อมกับผิวปาก เมื่อเสียงผิวปากดังขึ้น หู่เป้าฉงหลัวและแมวป่าที่กำลังเล่นกันบนชายหาดก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกันและเห็นฉินสือโอวกวักมือเรียกพวกมัน จากนั้นมันก็วิ่งไปที่ท่าเรืออย่างตื่นเต้นทันที


ฉินสือโอวอุ้มหู่จือและเป้าจือขึ้นไปบนเรือ เขายิ้มให้เบนสันและพูดว่า “นี่คุณ ผมขอแนะนำตัวก่อนนะ พวกเราคือเรนเจอร์ แต่เราไม่ใช่กองกำลังพิเศษของอเมริกาอย่างที่พวกคุณเข้าใจ แต่เป็นกองกำลังพิเศษของแคนาดาที่รับผิดชอบการลาดตระเวนทางทะเลโดยเฉพาะและทะเลผืนนี้ก็เป็นที่ของเรา”


แบล็คไนฟ์นำไอดีเรนเจอร์ออกมาแสดงให้ทุกคนเห็นได้ทันเวลาพอดี ซึ่งตราสัญลักษณ์แห่งชาติของแคนาดาและตราประจำกองทัพด้านบนนั้นเป็นอะไรที่น่าตื่นตามาก


“แล้วสุนัขสองตัวนี้ ก็เป็นสุนัขตรวจหาสารเสพติดที่เตรียมไว้ ดังนั้นในเมื่อพวกคุณปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ เราจึงต้องมาจัดการเองเท่านั้น” ฉินสือโอวตัดสินใจโกหกคนพวกนี้ เพราะตำรวจทะเลใกล้จะมาถึงแล้ว ถ้าเขาเอาหลักฐานออกมาไม่ได้ก็จะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น แม้ว่าปืนพวกนี้จะสามารถเอาเรื่องคนพวกนี้ได้มากพอก็ตาม


เบนสันและลูกน้องมองไปที่ฉินสือโอวอย่างสงบเสงี่ยม พวกเขามองฉินสือโอวด้วยสายตาแปลกๆ และพูดว่า “คุณคิดว่าเราเป็นพ่อค้ายาเสพติดเหรอ?”


ฉินสือโอวยักไหล่และพูดว่า “ถ้ามีสินค้าต้องห้ามอื่นๆ ลูกๆ ของผมก็สามารถหาเจอได้เช่นกัน”


เขาพูดพลางตบตูดของหู่จือและเป้าจือเพื่อให้พวกมันเข้าไปในห้องผู้โดยสารเรือ เจ้าแลบราดอร์หันหน้ามามองเขาด้วยสีหน้างงงวย พ่อ พวกเด็กๆ ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร


เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ พวกคุณก็ให้ผมเข้าไปก็พอ ฉินสือโอวพึมพำในใจและพาเจ้าแลบราดอร์ทั้งสองตัวเข้าไปในห้องโดยสารเรืออย่างราบรื่น


ท่าทางอันสงบเสงี่ยมของเบนสันและคนอื่นๆ ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกท่าไม่ดีแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองอาจจะแก้ปัญหาผิดจุด แต่ถ้าดูจากท่าทางของคนพวกนี้ในตอนแรกแล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีปัญหาจริงๆ!


แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหนล่ะ?


ฉินสือโอวที่กำลังคิดอย่างหนัก จู่ๆ เสียงร้องของหู่จือและเป้าจือก็ดังขึ้นจากห้องโดยสารเรือ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกมันเจออะไรบางอย่างแล้วแน่ๆ


หลังจากเบนสันและคนอื่นๆ ได้ยินเสียงสุนัขเห่าสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เบนสันจ้องไปที่เขาอย่างโหดเหี้ยม เขาจึงทำได้เพียงหุบปากอย่างคับแค้นใจ


ฉินสือโอวดีใจมาก คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอกับเรื่องดีๆ เดิมทีเขาแค่ต้องการให้หู่จือและเป้าจือขึ้นมาร้องคำรามใส่เบนสันและคนอื่นๆ เท่านั้น  คิดไม่ถึงว่าพวกมันจะเจออะไรบางอย่างจริงๆ


หลังจากตามเสียงเห่าของสุนัขแล้ว ฉินสือโอว แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ ก็วิ่งเข้าไปในห้องโดยสารเรือ จากนั้นเข้าไปในห้องบังคับเรือ นี่คือเรือบรรทุกสินค้าธรรมดาทั่วไป จึงมีขนาดเล็กเพียงสี่ถึงห้าร้อยตันเท่านั้น ดังนั้นห้องบังคับเรือจึงเป็นเหมือนกับห้องพักของลูกเรือ ซึ่งพื้นที่มีขนาดเล็กและมีสิ่งของแค่ไม่กี่อย่าง


ตอนนี้หู่จือและเป้าจือตัวหนึ่งกำลังหมอบอยู่ข้างนอกประตูและอีกตัวหนึ่งกำลังหมอบอยู่ข้างในประตู มันเงยหน้าขึ้นไปที่กรงเหล็กบนโต๊ะแล้วส่งเสียงร้อง


ฉินสือโอวจึงเข้าไปดูและเห็นว่ามีเฟอเรทสองตัวอยู่ในกรงเหล็กบนโต๊ะ หู่จือและเป้าจือก็กำลังร้องคำรามใส่พวกมัน


เฟอเรททั้งสองตัวนี้ยังคงเป็นตัวเล็กๆ เท่าฝ่ามือเท่านั้น มีขนสีขาวราวกับหิมะทั่วทั้งตัว ดวงตาเล็กๆ สีดำมืดของพวกมันจ้องไปที่สิ่งที่กระจัดกระจายในกรง บางครั้งก็หยุดและหันหน้าไปส่งเสียง ‘จิ๊ดๆ’ ใส่หู่จือที่อยู่ในห้อง จากนั้นก็วิ่งไปรอบๆ ต่อ


เมื่อเห็นเช่นนี้ แบล็คไนฟ์จึงถอนหายใจและพูดอย่างจนปัญญาว่า “ผมคิดว่าจะเจออะไรบางอย่างซะอีก นี่เป็นเฟอเรทสีขาวบริสุทธิ์ มันเป็นสัตว์เลี้ยงธรรมดาทั่วไป น้องชายของผมก็เลี้ยงไว้ในบ้านหนึ่งตัว เจ้าตัวเล็กนี้น่ารักมาก แต่ความจริงๆ แล้วสุนัขไม่ชอบพวกมัน”


ฉินสือโอวเข้าใจว่าหู่จือและเป้าจือพบเฟอเรทแค่สองตัวเท่านั้น จึงรู้สึกเจ็บใจเช่นกัน เฟอเรทเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่พบได้มากที่สุดในครอบครัวชาวอเมริกันและแคนาดา ว่ากันว่าตอนนี้มีเฟอเรทมากกว่าสิบล้านตัวที่เลี้ยงในทวีปอเมริกาเหนือ จำนวนสัตว์เลี้ยงในบ้านกำลังจะเกินกว่าจำนวนแมวแล้ว


เมื่อเห็นฉินสือโอวเข้ามา หู่จือที่อยู่ในห้องก็กระโดดตรงขึ้นไปบนโต๊ะ


สิ่งนี้ทำให้เฟอเรทตัวน้อยทั้งสองในกรงตกใจ พวกมันพยายามเบียดกันเข้าไปในมุมกรงจนไม่มีทางถอย จากนั้นก็รวมตัวกันและมองดูหู่จืออย่างน่าเวทนา


ฉินสือโอวจึงลากหู่จือออกไป แต่เมื่อเขามองเข้าไปในกรง เขาก็เห็นขนของเฟอเรทที่หล่นกระจัดกระจายบางส่วนก่อนหน้านี้ มีขนสีขาวเพียงครึ่งเดียวและครึ่งหนึ่งเป็นสีน้ำตาลไม่ก็ดำ


นอกจากนี้ การมองเห็นที่เฉียบแหลมของเขาก็แสดงความสามารถอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นร่องรอยของสีขาวตามฐานไม้ของกรง


แบล็คไนฟ์ไม่เข้าใจว่าเขาหยุดเดินทำไม จึงถามว่า “บอส เจออะไรใหม่ๆ เหรอครับ?”


ฉินสือโอวไม่ได้พูดอะไร แต่ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วทันที เขานึกถึงท่าทางที่สงบเสงี่ยมของเบนสันและคนอื่นๆ เมื่อตอนที่หู่จือและเป้าจือเพิ่งจะเข้ามาและยังนึกถึงท่าทางที่เปลี่ยนไปของคนพวกนี้เมื่อได้ยินเสียงร้องคำรามของหู่จือและเป้าจือ ทันใดนั้นเขาก็เดาบางอย่างขึ้นในใจทันที


เขาหันหน้ากลับมาแล้วถามแบล็คไนฟ์ว่า “นี่แบล็คไนฟ์ นายรู้ไหมว่าเฟอเรทสายพันธุ์ไหนหายากมากเป็นพิเศษ? หรือพวกมันมีสปีชี่ส์เดียวกันหรือสัตว์ที่หน้าตาคล้ายกัน…”


“เฟอเรทแบลคฟุต” แบล็คไนฟ์พูดอย่างเรียบง่าย


“อะไรนะ?” ฉินสือโอวได้ยินไม่ชัดจึงถามอีกครั้ง


“เฟอเรทแบลคฟุตสายพันธุ์นี้หาได้ยากมาก เรียกได้ว่าเป็นแพนด้ายักษ์ในอเมริกาเหนือ จริงๆ แล้วจำนวนของพวกมันมีน้อยกว่าแพนด้ายักษ์ซะอีก ในป่าพวกมันอาจจะมีแค่สิบกว่าตัวเท่านั้นและการขยายพันธุ์เทียมก็มีไม่ถึงห้าร้อยตัว” แบล็คไนฟ์อธิบาย


เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินสือโอวก็หัวเราะขึ้นมาทันที เขาลูบเจ้าตัวน้อยทั้งสองในกรงเบาๆ แล้วพูดว่า “อาบน้ำให้พวกมัน ฉันคิดว่าเราเจอเฟอเรทแบลคฟุตสองตัวแล้ว!”


ในเมื่อคนพวกนี้ไม่ใช่พ่อค้ายาเสพติด งั้นก็เป็นผู้ลักลอบค้าของเถื่อน อาชญากรรมทางทะเลมีเพียงสองประเภทนี้เท่านั้นที่พบบ่อยที่สุด แต่การลักลอบค้าของเถื่อนมีความหลากหลายมากและการลักลอบค้าสัตว์และพืชหายากก็เป็นหนึ่งในนั้น


ฉินสือโอวให้แบล็คไนฟ์ยกอ่างน้ำมา เขาจับเจ้าเฟอเรทตัวเล็กสองตัวใส่ลงในน้ำอุ่น เฟอเรทไม่กลัวน้ำ ดังนั้นหลังจากเอาลงในน้ำแล้วพวกมันจะดิ้นตามสัญชาตญาณเท่านั้น ฉินสือโอวจึงใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมพวกมันทันที จากนั้นก็ใช้เจลอาบน้ำและสบู่ทำความสะอาดให้พวกมันอย่างเกลี้ยงเกลา

 

 

 


บทที่ 1208 ติดกับดักแล้ว

 

หลังจากทำความสะอาดแล้ว เฟอเรททั้งสองตัวก็ขาวสะอาด จึงทำให้เห็นสีขนที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้


ฉินสือโอวใช้ไดร์เป่าผมเป่าขนของเจ้าสองตัวน้อยให้แห้ง ทันใดนั้นเฟอเรทตัวน้อยไร้เดียงสาทั้งสองตัวก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา


หลังจากล้างสีย้อมออกจากขนแล้ว ขนที่หัวและหลังของเฟอเรทตัวน้อยทั้งสองตัวนี้เป็นสีเหลืองอ่อน ส่วนท้องมีสีคล้ายกันแต่จะอ่อนกว่าเล็กน้อยและขอบตาเป็นสีน้ำตาลเข้มเหมือนกับหมีแพนด้ายักษ์


นอกจากนี้ ปากของพวกมันยังมีสีขาวราวกับหิมะ แขนขาทั้งสี่และส่วนตรงกลางหางเป็นสีดำ เหมือนกับว่ากำลังสวมรองเท้าบูตสีดำอยู่


ฉินสือโอวเป่าขนให้พวกมันจนแห้ง เจ้าตัวเล็กทั้งสองนอนอยู่บนฝ่ามือของเขาอย่างเชื่อฟัง ดวงตากลมโตกลอกตาไปมา เผยให้เห็นความฉลาดและเสียง ‘ยะ’ ที่ไม่ชัดเจนในลำคอก็ดังขึ้น ราวกับเด็กงอแงที่กำลังใช้หัวสีกับนิ้วหัวแม่มือของเขา


เมื่อเห็นสภาพที่แท้จริงของเจ้าตัวเล็กทั้งสองตัวนี้ แบล็คไนฟ์ก็ร้องอุทานว่า “พระเจ้า มันคือเฟอเรทแบลคฟุตจริงๆ ด้วย! เจ้าพวกนี้เป็นของหายากแล้วพวกเขาไปเอามาจากไหนกันนะ? จริงๆ แล้วพวกมันอาจจะเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ ดังนั้นคู่นี้คงจะมีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งล้านดอลลาร์!”


ฉินสือโอวค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนี้ ปรากฏว่าเดิมทีเฟอเรทที่เลี้ยงกันในครอบครัวในยุคปัจจุบันที่ได้รับความนิยมมากในอเมริกาเหนือ จริงๆ แล้วเฟอเรทแบลคฟุตเป็นเฟอเรทชนิดเดียวที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปผืนนี้อย่างแท้จริง


เมื่อเทียบกับสปีชี่ส์เดียวกันของพวกมันแล้ว เฟอเรทแบลคฟุตจะมีขนเรียบกว่า มีความรู้สึกไวกว่า รูปลักษณ์ภายนอกน่ารักกว่าและความสามารถในการล่าสัตว์ที่รวดเร็วกว่าด้วย


แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กลับไม่ใช่เพราะขนหรือรูปลักษณ์ภายนอกของพวกมัน แต่กลับเป็นอาหาร


ในยุคที่เจริญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุด มีเฟอเรทแบลคฟุตจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วตอนใต้ของแคนาดาและตามเทือกเขาร็อกกีตรงไปทางตะวันออกไปยังพื้นที่กว้างของโอคลาโฮมา แคนซัสและเนแบรสกาในสหรัฐอเมริกา ทุกที่ล้วนสามารถพบเห็นร่องรอยของพวกมัน


พื้นที่บริเวณนั้นยังเป็นเขตทุ่งหญ้าที่มีชื่อเสียงของทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งมีหนูและแพรี่ด็อกจำนวนมากและสัตว์ตัวเล็กๆ ทั้งสองชนิดนี้ก็บังเอิญเป็นที่โปรดปรานของเฟอเรทแบลคฟุต


แต่สัตว์ทั้งสองชนิดนี้ก็บังเอิญเป็นศัตรูตัวฉกาจของเหล่าเจ้าของฟาร์ม โดยเฉพาะแพรี่ด็อก พวกมันชอบแทะรากของทุ่งหญ้าและอาศัยอยู่กันเป็นกลุ่ม ซึ่งในกลุ่มหนึ่งมักจะมีแพรี่ด็อกหลายพันตัวและพวกมันสามารถทำลายทุ่งหญ้าได้หลายสิบเฮกตาร์


ในศตวรรษที่ผ่านมา เพื่อที่จะกำจัดสัตว์ฟันแทะที่ทำลายทุ่งหญ้าชนิดนี้ เจ้าของฟาร์มจึงใส่เหยื่อผสมยาพิษจำนวนมากเพื่อกำจัดแพรี่ด็อก


วิธีนี้ได้ประโยชน์มาก แพรี่ด็อกประสบกับภัยพิบัติร้ายแรง ในขณะเดียวกันเฟอเรทแบลคฟุตที่กินพวกมันเป็นแหล่งอาหารหลัก ก็ต้องประสบภัยพิบัตินี้เช่นกัน จำนวนของพวกมันลดลงอย่างรวดเร็ว จนถึงช่วงปี 1970 ทุ่งหญ้าแคนาดาจึงประกาศการทำลายเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่น่ารักชนิดนี้


โชคดีที่เผ่าพันธุ์เฟอเรทแบลคฟุตยังอยู่รอดต่อไปได้ ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 นักชีววิทยาชาวอเมริกันบังเอิญค้นพบเผ่าพันธุ์ขนาดเล็กของเฟอเรทแบลคฟุตประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบตัวที่รัฐไวโอมิง


แต่เดิมสำหรับเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ หนึ่งร้อยยี่สิบตัวนั้นนับว่าไม่น้อยเกินไป เพียงแค่ได้รับการป้องกันที่ดี แค่ไม่กี่ปี มันก็สามารถแพร่พันธุ์ได้ถึงหลายพันตัว จากนั้นก็เป็นหมื่นตัว จากนั้นอีกก็จะสามารถหลุดออกจากสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ได้


โชคไม่ดีที่ในปี 1985 เผ่าพันธุ์เฟอเรทแบลคฟุตเกิดการระบาดของโรคติดต่อกันถึงสองครั้งและสุดท้ายพวกมันก็มีชีวิตรอดเหลือเพียงแค่สิบแปดตัว นักชีววิทยาควรลงมือตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้นทั้งสิบแปดตัวนี้ก็จะไม่รอดเช่นกันและสุดท้ายมาตรการป้องกันของมนุษย์ก็จะไร้ประโยชน์


จากนั้นพวกเขาจึงเอาเฟอเรททั้งสิบแปดตัวนี้มาเป็นแม่พันธุ์และเพิ่มเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างทารกในหลอดทดลองและไข่ที่ผ่านการแช่แข็ง ในที่สุดนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันก็ได้ช่วยชีวิตสัตว์ชนิดนี้ไว้ได้ แต่เนื่องจากมันไม่ได้อาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้า ความสามารถในการมีชีวิตรอดและการสืบพันธุ์ของเฟอเรทเหล่านี้แย่มาก จนปัจจุบันนี้จำนวนของพวกมันก็มีแค่ประมาณห้าร้อยตัวเท่านั้น


ไม่รู้ว่าเบนสันและคนพวกนี้เอาเฟอเรทแบลคฟุตตัวน้อยมาจากที่ไหน ราคาที่เพิ่งเสนอของแบล็คไนฟ์จริงๆ แล้วก็ค่อนข้างหัวโบราณเล็กน้อย สัตว์ตัวน้อยชนิดนี้ควรมีราคาต่อหนึ่งตัวมากกว่าหนึ่งล้านดอลลาร์ด้วยซ้ำ


ซึ่งเฟอเรทแบลคฟุตเป็นสัตว์ที่หายากกว่าแพนด้ายักษ์ ตอนนี้ประเทศจีนสามารถส่งแพนด้ายักษ์ไปเป็นนักการทูตในประเทศอื่นๆ ได้แล้ว แต่ชาวอเมริกันไม่เต็มใจที่จะใช้เฟอเรทแบลคฟุตเป็นสัญลักษณ์ทางการทูต


ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้แพนด้ายักษ์ในตลาดมืดมีราคาเท่าไร? เพราะเฟอเรทแบลคฟุตมีแต่จะแพงขึ้น!


รูปลักษณ์ภายนอกของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ชนิดนี้ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าแพนด้ายักษ์เท่าไร โดยเฉพาะตอนนี้เจ้าตัวนุ่มๆ ขนาดเล็ก ตัวอวบอ้วนที่เต็มไปด้วยขนที่หนานุ่ม ฉินสือโอวที่เพิ่งเข้ามาได้เพียงครู่หนึ่งก็โดนรูปลักษณ์ภายนอกของพวกมันพิชิตใจได้ซะแล้ว


มันน่ารักมากจริงๆ!


น่าเสียดายที่เจ้าตัวเล็กทั้งสองตัวนี้เป็นอาวุธนิวเคลียร์สองลูกที่สามารถวิ่งได้ ชาวอเมริกันจึงจัดทำข้อมูลของเฟอเรทแบลคฟุตแต่ละตัวที่เพิ่งเกิดรวมทั้งบันทึกสีขน ยีนและลักษณะทางกายภาพของพวกมัน ซึ่งมันจะไม่สูญหายไปได้แม้แต่ตัวเดียวแน่นอน


คาดว่าตอนนี้ชาวอเมริกันคงรู้แล้วว่าพวกเขาได้เสียเฟอเรทแบลคฟุตไปแล้วสองตัว ไม่แปลกใจเลยที่ตอนที่พวกเขาเรียกตัวเองว่าเรนเจอร์เบนสันและคนอื่นๆ ก็กลัวขึ้นมาทันที เพื่อที่จะค้นหาเฟอเรทแบลคฟุตคู่หนึ่งชาวอเมริกันอาจจะส่งกองกำลังทหารเรนเจอร์ออกไปก็ได้!


ถ้าฉินสือโอวแอบเก็บเฟอเรทแบลคฟุตตัวน้อยไว้อย่างเงียบๆ และรอให้ชาวอเมริกันมาจับเบนสันและคนอื่นๆ ไปและจัดการสถานการณ์ให้เรียบร้อย เดาว่าคงจะส่งเขาไปที่ศาลโดยตรง พอถึงตอนนั้นสถานะทหารอาสาสมัครของเขาก็จะไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้


ในสหรัฐอเมริกา เฟอเรทแบลคฟุตเป็นสัตว์คุ้มครองที่ไม่ได้รับการอนุญาตให้ขนส่ง ซื้อขายและการเพาะพันธุ์ส่วนตัว ดังนั้นระดับการป้องกันจึงมีมากกว่านกอินทรีหัวขาว เนื่องจากพวกมันมีจำนวนน้อยเกินไป


ฉินสือโอวรักและทะนุถนอมเฟอเรทแบลคฟุตตัวน้อยทั้งสองมาก เมื่อกี้ตอนที่ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมพวกมัน เขาได้ป้อนพลังโพไซดอนส่วนหนึ่งเข้าไปอย่างราบรื่นและตอนนี้เจ้าตัวเล็กทั้งสองตัวก็เต็มไปด้วยความผูกพันกับเขา พวกมันจึงนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างไร้เดียงสา


ฉินสือโอวพาเฟอเรทขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ เขามองไปที่เบนสันและลูกน้อง จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “เมื่อกี้ผมพูดอะไรนะ? พวกคุณอวดดีต่อสิ หึหึ? ทำไมไม่อวดดีแล้วล่ะ?”


เห็นได้ชัดว่าชาวประมงก็รู้จักเฟอเรทแบลคฟุตเช่นกัน พวกเขารวมตัวกันและล้อมรอบมองดูด้วยความประหลาดใจสักพัก จากนั้นก็ถึงคราวที่พวกเขาจะอวดดีบ้าง


“ให้ตายเถอะ ฉันเรียนมาน้อยเลยไม่เข้าใจกฎหมาย ใครบอกฉันได้บ้างว่าโทษทางกฎหมายในการลักลอบค้าเฟอเรทแบลคคืออะไร?”


“ฮ่าฮ่า ถ้าคุณถูกชาวอเมริกันจับได้ ระดับยิงเป้าก็สามารถทำได้เป็นการส่วนตัวนะ”


“เยี่ยมไปเลย ให้ตายเถอะ พวกคุณเอาเฟอเรทแบลคมาได้อย่างไร? ผมคิดว่าการขโมยสิ่งนี้จากชาวอเมริกันนั้นยากกว่าการขโมยทองคำจากซิตี้แบงก์อีกใช่ไหม?”


เมื่อเห็นเฟอเรทตัวน้อย สีหน้าของเบนสันและคนอื่นๆ ก็หน้าซีดทันที ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลจึงพูดปากสั่นว่า “กัปตัน พวกเขาเจอแล้ว! ทำอย่างไรดี? พวกเขาเจอเฟอเรทแบลคแล้ว! เราจบเห่แน่ เราจะถูกฆ่าตายไหม?”


เบนสันไม่สนใจเพื่อนร่วมทางที่กำลังหวาดกลัวอยู่ข้างๆ และตะโกนใส่ฉินสือโอวด้วยสีหน้าที่ดูกังวลของเขาว่า “ใครให้คุณอาบน้ำให้มัน? คุณใช้น้ำเปล่าล้างสีย้อมใช่ไหม?”


ฉินสือโอวพูดอย่างงงงวยว่า “ใช้น้ำอาบให้มันแล้วจะเป็นอย่างไร?”


เบนสันลุกขึ้นยืนต่อหน้าเขาและอุทานด้วยความโกรธว่า “คุณไม่รู้เหรอว่าสีย้อมที่อยู่บนตัวพวกมันคืออะไร? พระเจ้า! พระเจ้า! เจ้าตัวเล็กทั้งสองจบเห่แล้ว…เร็วเข้า ไปเอาพวกมันมา! รีบไปเอามา ไม่อย่างนั้นจะสายเกินไป!”


ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าเบนสันหมายถึงอะไร แต่เขารู้สึกว่าตัวเองทำผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว เขาจึงไปเอาเฟอเรทแบลคมาให้เขา


แต่เมื่อเบนสันได้ตัวเฟอเรทตัวน้อยแล้วกลับหันหลังวิ่งหนีไป เขาวิ่งอย่างรวดเร็วเข้าไปในเรือแล้วโยนเฟอเรทตัวน้อยลงทะเล

 

 

 


บทที่ 1209 วิ่งหนีไป วิ่งหนีไป

 

เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนช็อก!


ฉินสือโอวสบถ บ้าเอ๊ย นายเกิดมาฉลาดแบบนี้ได้อย่างไร? ไม่เพียงแค่ฉลาดเท่านั้น แต่ยังจู่โจมได้อีกด้วย สีหน้าที่ตกใจของเบนสันเมื่อครู่นี้หลอกเขาได้จริงๆ จนทำให้เขาคิดว่าตัวเองทำเรื่องอะไรที่ไม่ดีลงไป


ไม่อย่างนั้น เขาจะเอาเฟอเรทตัวน้อยให้เบนสันอย่างโง่เขลาได้อย่างไร? ในขณะเดียวกันเขาก็ประเมินความชั่วร้ายของคนคนนี้ต่ำเกินไป!


คิดไม่ถึงว่าเพื่อที่จะลดโทษทางกฎหมาย ผู้ชายคนนี้จะโยนเฟอเรทตัวน้อยลงไปในน้ำให้จมน้ำตาย?! ฉินสือโอวนึกถึงข่าวหนึ่งก่อนหน้านี้ ที่มีคนขโมยทารกและพ่อแม่ของเขาก็โทรแจ้งตำรวจ เพื่อหลบหนีและตามหาเบาะแสของคนคนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะบีบคอทารกและฝังน้ำแข็งในอากาศที่หนาวเย็นจัด!


แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ ก็รู้สึกโมโหกับการกระทำของเบนสัน จากนั้นปืนพกของเขาก็มีเสียง ‘แครก’ ดังขึ้นและเขาก็ร้องตะโกนว่า “ไอ้บ้านี่ แกต้องตายแน่! แกตายแน่!”


สีหน้าของเบนสันซีดขึ้นมาทันที เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างรวดเร็วและตะโกนว่า “ไม่ๆๆ! อย่ายิง! ฉันไม่ได้ต้องการฆ่าพวกมัน! พวกมันว่ายน้ำเก่ง ไม่มีทางจมน้ำทะเลตายหรอก! และอีกอย่างตรงนี้ก็อยู่ใกล้กับชายฝั่งมาก พวกมันเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว!”


ฉินสือโอวโบกมือห้ามแบล็คไนฟ์และตะโกนว่า “อย่ายิง สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือจะจับเฟอเรทคู่นี้ได้อย่างไร แอร์แบ็คนายคอยดูพวกบ้านี่ไว้ ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือตามฉันมา!”


การจับเฟอเรทตัวน้อยนั้นจริงๆ แล้วง่ายมาก เบนสันโยนพวกมันลงไปในน้ำและจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็ได้ตามมันไป เพียงแค่ฉินสือโอวยินยอม พวกมันก็สามารถอยู่ในทะเลอย่างคงที่ได้ตลอดเวลา


แต่ทำไมเขาถึงต้องการให้อยู่อย่างคงที่ด้วยล่ะ? ก่อนหน้านี้เขาเห็นว่าเจ้าตัวเล็กน่ารัก ต้องดีมากแน่ๆ ถ้าเก็บพวกมันไว้ให้ลูกสาว เหตุผลหลักคือตอนนั้นเขากังวลว่าจะเก็บพวกมันไม่ได้และชาวอเมริกันต้องมาคุกคามเขาแน่นอน


ตอนนี้สถานการณ์เริ่มเข้าที่แล้ว เบนสันโยนเฟอเรทตัวน้อยทั้งคู่ลงทะเลท่ามกลางคนจำนวนมาก แล้วทำไมฉินสือโอวจึงไม่ปกป้องพวกมัน จากนั้นยังจะแอบพาพวกมันกลับไปอีก?


ด้วยความคิดนี้ ฉินสือโอวจึงใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสร้างคลื่นให้ขนานกับชายฝั่งและดันเฟอเรทตัวน้อยให้ลอยกลิ้งไปในระยะทางไกลอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวเล็กทั้งสองตกใจกลัวอยู่ในน้ำนี่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกมันลงน้ำ แต่กระแสน้ำทำไมถึงเร็วขนาดนี้ล่ะ?


แม่เจ้า ช่วยด้วย!


ตัวของเฟอเรทแบลคฟุตมีสีเหลืองอ่อนผสมกับสีดำและสีน้ำตาล หลังจากลงน้ำแล้วจึงทำให้สังเกตได้ยาก นอกจากนี้ยังมีหัวขนาดเล็กและหลังจากที่เปียกน้ำขนก็ยังติดไปกับตัว จึงยิ่งทำให้มีขนาดเล็กเหมือนกับหนูน้ำ หลังจากคลื่นสองสามลูกซัดมาก็หาพวกมันไม่เจอแล้ว


ทหารและชาวประมงมองหาพวกเขาอย่างกระตือรือร้นเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่เจอแม้แต่ร่องรอยของพวกมัน พวกเขาจึงกังวลมากและถามฉินสือโอวว่า “บอส เราจะทำอย่างไรดี?”


ฉินสือโอวจะรู้ได้อย่างไรว่าจะต้องทำอย่างไร? เพราะตอนนี้เขาก็สับสนอยู่เหมือนกัน คลื่นที่ซัดเมื่อสักครู่นี้ได้พัดพาเจ้าตัวเล็กทั้งสองไปไกลจากท่าเรือ จากนั้นจึงไปดูบนชายหาด พวกมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย มันจะฉลาดเกินไปแล้วนะ!


พื้นดินไม่ใช่อาณาเขตของโพไซดอน ตอนนี้ฉินสือโอวจึงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก


เมื่อมองหากันไปรอบหนึ่งแล้วก็ยังไม่เจอเฟอเรทแบลคฟุต แบล็คไนฟ์จึงดึงคอเสื้อของเบนสันขึ้นด้วยความโกรธพร้อมกับกัดฟันแล้วพูดว่า “บ้าเอ๊ย แกตายแน่! แกพยายามฆ่าสัตว์ที่กฎหมายคุ้มครอง แกตายแน่!”


เบนสันตกใจกลัวแบล็คไนฟ์จนขาสั่น แต่เขามีปฏิกิริยาตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและตะโกนว่า “ใครฆ่าสัตว์ที่กฎหมายคุ้มครองกัน? ฉันไม่ได้ทำแบบนี้สักหน่อย ใครทำกัน? ที่นี่มีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ที่ไหนกัน?”


ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลตัวสั่นพร้อมกับตอบสนองกลับและร้องตะโกนข่มว่า “เราไม่มีกฎหมายลักลอบเพื่อคุ้มครองสัตว์! เราเป็นลูกเรือที่ซื่อสัตย์ พวกเราพกปืนมาอย่างมากก็แค่สองสามกระบอกเท่านั้น แต่ที่พกก็เพื่อป้องกันตัวเอง…”


คนอื่นๆ ก็ต่างพากันตะโกนขึ้นและพยายามแยกตัวออก


ใบหน้าตื่นตระหนกของเบนสันก็แอบดีใจในใจ โชคดีที่ตัวเองฉลาดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่ต้องถูกหน่วยรบพิเศษของอเมริกายิงเป้า


เดิมทีเขาวางแผนที่จะโยนเฟอเรทคู่นี้ลงไปในน้ำแล้วให้พวกมันปีนขึ้นไปซ่อนบนฝั่ง แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่อย่างที่คิด ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง ขอแค่พวกเขาแสร้งบอกว่าไม่ได้ลักลอบค้าเฟอเรทแบลคฟุตและอีกอย่างก็ไม่มีหลักฐาน ดังนั้นจะไม่สามารถฟ้องร้องได้อย่างแน่นอน


แต่เมื่อนึกถึงเจ้าของที่อยู่เบื้องหลัง เหงื่อของเขาก็ไหลออกมาอีกครั้ง นั่นคือเฟอเรทแบลคฟุตหนึ่งคู่ที่มีมูลค่าถึงสองล้านดอลลาร์ ว่ากันว่าเศรษฐีคนหนึ่งในตะวันออกกลางมีคอนเนคชั่นที่หลากหลาย ถ้ากลับไปแล้วสุดท้ายตัวเองถูกโยนลงทะเลจนไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูกจะทำอย่างไร?


เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็หมดหวังอีกครั้งและร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดในขณะที่กอดขาแบล็คไนฟ์อยู่


เรือสปีดโบ๊ทสีขาวของตำรวจทางทะเลขับเข้ามา แบล็คไนฟ์จึงมองไปที่ฉินสือโอวด้วยความลำบากใจและถามว่า “ทำอย่างไรดี เรื่องเฟอเรทแบลคฟุตเราจะพูดออกไปดีไหม?”


ฉินสือโอวส่ายหัวแล้วเตะเบนสันอย่างรุนแรงและพูดว่า “แม่เจ้า ไอ้พวกบ้านี่โชคดีชะมัด ไม่ต้องพูดแล้ว ว่าแล้วเราก็ต้องรับผิดร่วมกัน ถ้าชาวอเมริกันตั้งข้อกล้าวหาว่าเราไม่พยายามปกป้องก็จะลำบาก”


ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลถอนหายใจด้วยความโล่งอกและทำท่าทางขอบคุณพระเจ้าที่คุ้มครองบนหน้าอก


ฉินสือโอวมองดูด้วยความโกรธและขึ้นไปชกเขาอีกครั้ง


เมื่อครู่นี้เบนสันใจดำอำมหิตมากจริงๆ อย่างที่เขาว่าเฟอเรทแบลคฟุตว่ายน้ำได้และมันจะไม่จมน้ำตายในทะเลแน่นอน ใช่ เฟอเรทแบลคฟุตว่ายน้ำได้เป็นอย่างดี แต่เฟอเรทสองตัวนั้นยังคงเป็นลูกเฟอเรทตัวน้อย ความสามารถในการว่ายน้ำของพวกมันยังอ่อนแอมาก


นอกจากนี้ ยังมีปลาและกุ้งจำนวนมากในฟาร์มปลา เฟอเรทแบลคฟุตตัวน้อยขนาดเท่าฝ่ามือสองตัวว่ายน้ำอยู่น่านน้ำ จะต้องถูกปลาค็อดและปลาอีโต้มอญคอยจ้องมองแน่นอน นั่นเป็นสิ่งที่อันตรายมาก!


ตอนนี้ยิ่งอันตรายมากยิ่งขึ้น ถ้าหลังจากเจ้าตัวเล็กทั้งสองขึ้นฝั่งก็ไม่รู้ว่าจะวิ่งไปที่ไหน ฉินสือโอวจึงรู้สึกจนปัญญา


ตำรวจทางทะเลขึ้นไปบนเรือและถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉินสือโอวจึงอธิบายสิ่งที่เกิดอย่างเซื่องซึม แน่นอนว่าเกี่ยวกับเรื่องที่เฟอเรทแบลคฟุตถูกจับไป


ตำรวจทางทะเลคนนั้นจึงเกาหัวและพูดว่า “เพียงเพราะพวกเขาต้องการจอดเทียบท่าของคุณ คุณจึงคิดว่าพวกเขามีปัญหาใช่ไหม?”


ฉินสือโอวพูดด้วยความโมโหว่า “นี่คุณ คุณจัดการได้ดีนะ แต่ทะเลผืนนี้เป็นอาณาเขตของผม! ผมมีสิทธิ์ที่จะตรวจสอบสภาพของเรือที่เข้ามาในบริเวณของผม! นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นฐานอนุรักษ์เต่ามะเฟืองอีกด้วย ใครจะรู้ว่าเรือลำนี้ไม่ได้เข้ามาลักลอบจับเต่ามะเฟืองกันล่ะ?”


ตำรวจทางทะเลลูบจมูกไปมาและพึมพำว่า “อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปหน่อยเลย? มีคนจำนวนมากมาขโมยเต่ามะเฟืองงั้นเหรอ?”


ฉินสือโอวหัวเราะเยาะและชี้ไปที่คนพวกนั้นแล้วพูดว่า “คุณดูพวกเขาสิ ผมรู้สึกว่าพวกเขามีเจตนาที่ไม่ดี ถ้าพวกเขาไม่ได้ต้องการทำเรื่องผิดกฎหมาย แล้วพวกเขาจะพกอาวุธเหล่านี้มาทำไม?”


ตำรวจทางทะเลยักไหล่ใส่และเริ่มจัดการตามระเบียบ


แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ ถือปืนไรเฟิลเอนฟิลด์และจ้องไปที่เบนสันและคนอื่นที่อยู่ข้างๆ อย่างดุร้าย ถ้าพวกเขายังพูดเรื่องไร้สาระอยู่จะจัดการอย่างไม่เหลือความปรานีแม้แต่น้อย


หลังจากตำรวจทางทะเลตรวจสอบปืน คันธนูและลูกศรแล้ว พวกเขาจึงจับกุมเบนสันและคนอื่นๆ ไป และการนำอาวุธลักลอบเข้ามาในประเทศอื่น ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ


สุดท้ายเบนสันก็ยังต้องการที่จะตอบโต้กลับ จึงชี้ไปที่แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ แล้วร้องตะโกนว่า “พวกเขามีปืนพกซ่อนอยู่ พวกคุณต้องตรวจสอบพวกเขาด้วย…โอ้ ให้ตายเถอะ หยุดตีผมได้แล้ว! ช่วยด้วย พวกคุณไม่ยุติธรรม…”


ทันทีที่เขาพูดจบ ทหารก็รุมซ้อมเขา


ตำรวจทางทะเลเมินพวกเขา มีบางคนที่ยังถือว่าใจดีพอที่จะอธิบายให้กับชายหนุ่มผมสีน้ำตาลและคนอื่นๆ ให้เข้าใจว่า “ทางที่ดีพวกคุณควรจะทำตัวให้ดี คนพวกนี้อยู่เหนือการควบคุมของเรา พวกเขาเป็นคนของระบบกองทัพ ดังนั้นถ้าพวกคุณยั่วยุพวกเขา การถูกทำร้ายหรือทุบตีนั้นก็จะเอาเรื่องอะไรไม่ได้”


ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลและคนอื่นๆ พยักหน้าอย่างแรง ในขณะที่เบนสันถูกทุบตีอย่างหนัก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)