ลำนำบุปผาพิษ 1199-1202
บทที่ 1199 น้ำเสียงของเขาราวกับจะฝากฝัง
เพียงแต่เขาเดี๋ยวจริงเดี๋ยวหลอก ทำให้เธอประมาท
วินาทีนี้ในใจราวกับถูกอะไรฉุดรั้งไว้ เธอสูดลมหายใจเข้า เอ่ยถามคำถามออกมาเป็นชุด “ร่างกายของท่านเป็นแบบนี้…เหตุใดไม่รีบบอกเล่า? ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง? เจ็บมากใช่หรือไม่? พลังวิญญาณของท่านถูกทำลายอย่างร้ายแรง? วิชาคาถามากมายที่ท่านใช้ภายในวังใต้พิภพเป็นวิชาต้องห้ามหรือไม่? เป็นชนิดที่อันตรายต่อร่างกาย…”
ตี้ฝูอียิ้ม ยื่นมือไปดึงนางเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก “คำถามมากมายอย่างนี้ เจ้าจะให้ข้าตอบคำถามไหนก่อนดี?”
เขาใช้นิ้วมือลูบผมนาง พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “รับปากข้าเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไร?” น้ำเสียงของเขาราวกับจะฝากฝัง กู้ซีจิ่วรู้สึกตึงเครียดขึ้นมา
“ผมสั้นนี้ช่าง…มีผลต่อความงามเหลือเกิน ต่อไปอย่าตัดอีกนะ เลี้ยงมันไว้”
กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง
เธอหยุดนิ่ง “ข้าว่าไม่ต้องเลี้ยงมันไว้อีกแล้ว ข้าอยากสลับกลับไปร่างของตัวเอง”
ภายในร่างนี้มีอุปกรณ์บอกตำแหน่งอยู่ และยังซ่อนไว้ในห้องหัวใจของเธอ หากคิดจะเอาออกก็ต้องผ่าตัดเท่านั้น อีกทั้งการผ่าตัดชนิดนี้ต้องเปลือยทั้งร่างกายและต้องดมยาสลบ คงมีเพียงหลงซือเย่เท่านั้นที่ทำงานนี้ได้…
ร่างนี้เป็นร่างที่หลงฟั่นโคลนนิ่งออกมา ไม่รู้ว่าด้านในมีสิ่งแปลกปลอมอีกเท่าใดแอบซ่อนอยู่ กู้ซีจิ่วอยู่ในร่างนี้มักจะรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนระเบิดเวลา ดังนั้นเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม เธอควรจะกลับเข้าร่างของตัวเองร่างนั้น
ตอนนี้ร่างเดิมของเธอบรรลุขั้นแปดแล้ว แต่ร่างโคลนนิ่งนี้เพิ่งขั้นหกกว่า หากไม่สลับกลับเธอขาดทุนแย่?!
อีกทั้งหยกนภากับกำไลคู่บุพเพต่างอยู่ที่ร่างนั้น กู้ซีจิ่วไม่อยากกลายเป็นคนนอก!
ตี้ฝูอีกลับไม่ได้เก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ “ร่างนี้ของเจ้าไม่เลวทีเดียว เป็นอัจฉริยะการฝึกฝน กายจิตของเจ้าบรรลุพลังวิญญาณขั้นแปดแล้ว ขอแค่ขยันฝึกฝน ภายในครึ่งปี ร่างนี้ของเจ้าจะต้องบรรลุขั้นแปดหรือมากกว่านั้นได้…”
“ไม่! ร่างนี้ของข้ามีอุปกรณ์บอกตำแหน่งที่หลงฟั่นติดตั้งไว้อยู่ และหลงฟั่นก็ยังไม่ตาย…”
“ข้าเอามันออกมาให้เจ้าได้”
“เอาออกมาไม่ได้ ของสิ่งนั้นติดตั้งไว้ภายในหัวใจข้า หากจะเอาออกต้องผ่าตัดเท่านั้น การผ่าตัดนี้…” กู้ซีจิ่วบอกอุปสรรคของการผ่าตัดชนิดนี้
จุดสำคัญอยู่ที่ต้องเปลือยกายและมีเพียงหลงซือเย่เท่านั้นที่ทำให้เธอได้…เธอรู้ดีว่าตี้ฝูอีเป็นคนรักสะอาด และไม่มีทางอนุญาตให้หลงซือเย่มาทำการผ่าตัดนี้ได้
ตี้ฝูอีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เอานิ้วมือจับชีพจรนาง เริ่มสำรวจหา ‘อุปกรณ์บอกตำแหน่ง’ นั้น และถือโอกาสตรวจดูภายในร่างกายนี้ว่ายังมีตรงไหนผิดปกติหรือไม่
ครู่หนึ่ง เขาลืมตาขึ้น “ของสิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดอันใด ข้าสอนวรยุทธ์ให้เจ้าอย่างหนึ่ง เจ้าสามารถใช้วรยุทธ์จัดการอุปกรณ์หาตำแหน่งนั้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป”
“แต่กำไลคู่บุพเพยังอยู่ที่ร่างนั้นนี่!” นี่คือสิ่งที่เธอให้ความสำคัญที่สุด
ตี้ฝูอีลูบผมของนางเล็กน้อย “เด็กโง่ ของเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งของนอกกาย เหตุใดต้องคิดเล็กคิดน้อยเยี่ยงนี้?”
กู้ซีจิ่วนิ่งงันไปครู่หนึ่ง มองเขาด้วยความสงสัย “ท่านเหมือนไม่หวังให้ข้าสลับคืนร่างของตัวเอง? เพราะอะไร?”
ตี้ฝูอียิ้ม “ร่างกายก็เป็นเพียงแค่เนื้อหนังมังสาที่ห่อหุ้มจิตวิญญาณ ตราบใดที่เป็นกายจิตเดียวกัน ความจริงแล้ว เนื้อหนังมังสาก็เป็นสิ่งของนอกกาย ข้ารู้สึกว่าร่างนี้ของเจ้ามีความสามารถที่หาได้ยากยิ่ง ดีกว่าร่างเดิมของเจ้ามาก ข้าตรวจดูร่างกายเจ้าแล้ว นอกจากอุปกรณ์บอกตำแหน่งแล้ว ไม่มีสิ่งอื่นใด และร่างนี้ก็ใกล้เคียงกับอายุจริงของเจ้ามากกว่าไม่ใช่หรือ? ส่วนเรื่องหยกนภา ข้าเชื่อว่าขอแค่มันเห็นเจ้า มันจะต้องกลับมาอยู่ข้างกายเจ้า”
—————————————————–
บทที่ 1200 สวรรค์มีตารู้ว่าเธอรังเกียจร่างโคลนนิ่งขนาดไหน…
“แล้วกำไลคู่บุพเพเล่า? มันจะกลับมาอยู่กับร่างนี้ของข้าไหม?”
ตี้ฝูอีอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ “มันก็แค่กำไลวงเดียวเท่านั้นเอง หากเจ้าชอบ เดี๋ยวข้าหาอันใหม่ที่ดีกว่าให้เจ้า งดงามกว่ากำไลวงนั้นแน่นอน”
มันจะไปเหมือนกันได้อย่างไร? กำไลนั้นเป็นกำไลคู่บุพเพ มีความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่าแหวนหมั้นเสียอีก!
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่แก้ว แต่ภายในใจของกู้ซีจิ่ว ไม่มีกำไลวงไหนมาแทนที่ได้!
“ไม่รู้แหละ! ไม่ว่าอย่างไรข้าก็อยากกลับไปในร่างนั้น ร่างที่เป็นของตัวข้าเอง…”
“ซีจิ่ว เจ้าและข้าต่างรู้ดี นั่นไม่ใช่ร่างของเจ้า…” ตี้ฝูอีพูดอย่างช้าๆ “มันเป็นของลูกสาวจวนแม่ทัพ”
กู้ซีจิ่วชะงักไปครู่หนึ่ง “แต่นางตายไปแล้วนะ หยกนภาบอกว่า หลังจากที่ข้าแก้แค้นให้นาง ทำให้ความโกรธของนางสงบลง มันก็จะกลายเป็นของข้าอย่างแท้จริง…”
ตี้ฝูอีทอดถอนใจ “คำที่หยกนภาพูดไม่อาจเชื่อได้ทั้งหมด ความจริงแล้ว การเกิดมาเป็นคนธรรมดา หนึ่งกายจิต ต่อหนึ่งร่างกาย ร่างกายที่มีเจ้าของมาก่อน ถึงแม้เจ้ายึดครองมาได้ แต่ก็มีผลเสียต่อกายจิตของเจ้า และไม่มีทางใช้การสังขารนั้นได้อย่างแคล่วคล่องสมบูรณ์ อย่างเช่นโม่เจ้า เขาเคยใช้วิธีไม่ถูกต้องเพื่อครอบครองสังขารของหรงเช่อ ท้ายที่สุด ถึงแม้จะครอบครองได้สำเร็จ แต่ถึงอย่างไรการฝึกฝนพลังวิญญาณก็บรรลุได้เพียงขั้นห้าครึ่ง ตอนแรกกายจิตของเขาถูกจองจำไว้ด้านใน พลังวิญญาณไม่เพิ่มขึ้นแต่กลับลดลง นั่นคือสาเหตุที่เขาเร่งรัดให้หลงฟั่นสร้างสังขารใหม่ให้เขา”
กู้ซีจิ่วไม่ทันได้คิดว่ากายจิตนี้ยังมีความซับซ้อนมากมายภายใน ลึกลับและลึกซึ้ง เธอขมวดคิ้ว “แต่ข้าใช้ร่างนั้นได้ดีมากเลยนะ ไม่มีความรู้สึกแปลกอันใด ซ้ำยังเปลี่ยนร่างสวะไร้ค่าให้กลายเป็นอัจฉริยะ…”
“นั่นก็เป็นเพราะกายจิตของเจ้าแข็งแกร่ง ซีจิ่ว หากเจ้าใช้ร่างนี้มาตั้งนานแล้ว บางทีเจ้าอาจจะบรรลุถึงขั้นเก้าแล้วก็ได้”
สัญชาตญาณของกู้ซีจิ่วบอกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่กลับไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรที่ไม่ถูกต้อง “แต่ว่า…” อึกอักอยู่ช่วงหนึ่งในที่สุดก็คิดถึงจุดนี้ออก “ร่างนี้ก็ไม่อาจนับได้ว่าเป็นของข้า เป็นร่างที่หลงฟั่นโคลนนิ่งออกมา…”
“ไม่ มันเป็นของเจ้า กลิ่นอายของร่างนี้กับกลิ่นอายของกายจิตเจ้าเหมือนกันทุกประการ มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ เจ้าของคนแรกของมันก็คือเจ้า หากมองจากจุดนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการเกิดของเด็กธรรมดาเลย…”
กู้ซีจิ่วฝืนยิ้ม “ความหมายของเจ้าก็คือ เดิมทีข้าก็เป็นมนุษย์โคลนนิ่ง ดังนั้น ใช้ร่างโคลนนิ่งเหมาะสมที่สุด?”
สวรรค์มีตารู้ว่าเธอรังเกียจร่างโคลนนิ่งขนาดไหน…
สวรรค์มีตารู้ว่าเธออยากมีสังขารที่เป็นของตัวเองขนาดไหน สังขารของมนุษย์ ร่างที่เกิดจากพ่อแม่ ไม่ใช่ร่างโคลนนิ่ง…
ตี้ฝูอีเหมือนรู้ว่าคำพูดเหล่านี้ทำให้นางเจ็บปวด เอื้อมมือดึงนางมาอยู่ในอ้อมแขนตัวเอง “อย่าใส่ใจมากขนาดนั้น ร่างโคลนนิ่งก็ดี ร่างกายธรรมดาก็เถอะ ถึงอย่างไรก็เป็นแค่เพียงสังขารหนึ่งเท่านั้น ยากยิ่งนักที่เจ้าจะมีโอกาสเลือกสองทาง เจ้าควรรู้สึกดีใจถึงจะถูก”
กู้ซีจิ่วยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว รู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างแฟนตาซีเหลือเกิน
ตอนเป็นนักฆ่าก่อนทะลุมิติมายังเป็นคนไม่เชื่อในพระเจ้า คาดไม่ถึงว่าทะลุมิติมายังไม่ครบปี เธอก็เริ่มตามหาสังขารที่เหมาะสมให้กับกายจิตตัวเองแล้ว นั่นคือเหตุผลที่พุทธศาสนาสอนไว้ว่าร่างกายก็เป็นเพียงถุงเนื้อหนัง เป็นเพียงสื่อนำกายจิต ยามนี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้ว!
แต่ว่า…แต่ว่า บางทีเธออาจไม่ได้ตรัสรู้ในพุทธศาสนากระมัง เธอยังปล่อยวางไม่ได้ ยังอยากได้สังขารนั้นกลับคืนมาเหลือเกิน
เธอรู้สึกว่าสังขารนั้นเป็นสังขารที่เหมาะสมกับเธอที่สุด เหมาะสมมากกว่าร่างโคลนนิ่งนักฆ่าชาติก่อนนั้นอีก…
———————————————————-
บทที่ 1201 สะใภ้ขี้เหร่ถึงอย่างไรก็ต้องเจอพ่อแม่สามี
เธอเหลือบมองด้านข้างของตี้ฝูอี ตอนนี้เขายังบาดเจ็บอยู่ เธอไม่อยากโต้เถียงกับเขาเรื่องนี้
กระแอมเสียงหนึ่งที “บาดแผลของท่าน…”
ตี้ฝูอียื่นขวดสีเขียวเข้มเล็กให้นาง “ข้าเจ็บแผล เด็กน้อย เจ้าทายาให้ข้าหน่อย”
โม่เจ้าโหดร้ายยิ่งนัก ตอนตรึงตรวนสลายวิญญาณไว้บนร่างกายของตี้ฝูอี นอกจากแขนขาทั้งสองข้างแล้ว ตำแหน่งที่ตรึงโซ่ตรวนอื่นนั้นอันตรายมาก บนกระเบนเหน็บ หลังหัวไหล่ ต้นขา หน้าอก…ล้วนเป็นรอยแผลที่สิ่งนั้นหลงเหลือไว้
เมื่อสักครู่ ตอนที่กู้ซีจิ่วตรวจสอบบาดแผลบนตัว เขายับยั้งเล็กน้อย ให้เธอดูแค่แขนขาทั้งสองข้างกับกระดูกไหปลาร้า
กู้ซีจิ่วทายาให้เขาสามแห่งนี้ก่อน มองดูกระดูกไหปลาร้าที่ร้ายแรงกว่าแขนขาทั้งสองข้าง ก็รู้ได้ว่าเข้าใช้กลอุบายเล่นตุกติกอันใดแล้ว…
เธอนึกตำแหน่งที่ถูกตรึงตรวนสลายวิญญาณในตอนนั้นได้ จึงดึงเสื้อคลุมเขาอย่างไม่คิดชีวิต “ถอด!”
ตี้ฝูอีนิ่งอึ้ง
เมื่อสักครู่ เขาเลื่อนเสื้อคลุมลงมาจากหัวไหล่แค่เพียงนิดเดียว ตอนนี้เมื่อเห็นสายตาวาบไหวและแหลมคมของกู้ซีจิ่ว เขารู้สึกกดดัน กระแอมเสียง “ที่อื่นเดี๋ยวข้าทาเองได้”
กู้ซีจิ่วขบเม้มริมฝีปาก จ้องมองเขาจริงจังยิ่งนัก “เจ้าอายหรือ?” คนหน้าหนาเช่นนี้กลับรู้จักเขินอาย ช่างหาได้ยากเสียเหลือเกิน
ความจริงตี้ฝูอีไม่รู้ว่าเขินอายคืออะไร เมื่อครู่ที่เขาให้นางทายาให้ก็เพื่อที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา บาดแผลบนตัวเขามากมายยิ่งนัก เขากลัวจะทำให้นางตกใจ…และเขาไม่อยากให้นางเห็นสภาพเขาที่น่าอนาจเช่นนี้…
ใครๆ ก็อยากแสดงด้านที่ดีที่สุดของตัวเองต่อหน้าคนที่ตัวเองชอบ ผู้ยิ่งใหญ่อย่างตี้ฝูอีก็ไม่ละเว้น
หากแต่เห็นสายตาไม่ยอมลดละของนาง ตี้ฝูอีก็รู้ว่าหนีไปไหนไม่รอด ทอดถอนใจเอ่ย “ช่างเถิด สะใภ้ขี้เหร่ถึงอย่างไรก็ต้องเจอพ่อแม่สามี[1]” ถอดเสื้อคลุมออกอย่างรู้ชะตากรรม…
กู้ซีจิ่วรู้จักเขามานาน แต่ยังไม่เคยเห็นร่างกายที่แท้จริงของเขา ต่อให้ครั้งนั้นที่สระน้ำร้อน เขาที่เห็นก็สวมอาภรณ์แดงตัวใหญ่ไว้อยู่…
ทว่าตอนนี้ ชายหนุ่มที่น่าหลงใหลมาปรากฏต่อหน้าเธอเยี่ยงนี้
สวมเสื้อผ้าดูผอมบาง ถอดเสื้อผ้าดูมีเนื้อหนัง กล้ามท้องด้านข้าง ร่องหน้าท้อง ซิกแพค ลายเส้นมีพลังสมบูรณ์แบบ…
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าคำเหล่านี้ที่มักจะใช้พรรณนาร่างกายผู้ชายไม่เพียงพอสำหรับเขา! ถึงขั้นมิอาจบรรยายข้อดีของรูปร่างเขาออกมาได้หมด
คนผู้นี้ไม่เพียงแต่มีใบหน้าที่มีเสน่ห์ แม้แต่รูปร่างก็เป็นประเภทล่มบ้านล่มเมืองได้ ทำให้คนเยือกเย็นอย่างเธอมองแล้วหัวใจสั่นไหว ชาติที่แล้วเธอเป็นถึงนักเรียนแพทย์ เห็นร่างกายมนุษย์มาเยอะ หนึ่งในนั้น มีรูปร่างนายแบบที่ทำให้สายตายเป็นประกาย ต่อให้เป็นเพื่อนร่วมงานชายของเธอหลายคน รูปร่างเยี่ยมยอด ตอนเดินเล่นบนชายหาด สามารถดึงดูดสายตาจิ้งจอกของหญิงสาวจำนวนมาก…
ทว่ารูปร่างอันยอดเยี่ยมของคนเหล่านั้นรวมกันแล้วยังสวยงามเทียบไม่ได้กับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่อยู่เบื้องหน้า!
หากต้องสรรหาคำหนึ่งคำมาเพื่ออธิบายให้ได้ เช่นนั้นก็คือสามคำ…สมบูรณ์แบบ!
แน่นอนว่า หากบนตัวเขาไม่มีบาดแผลที่น่าสยดสยองเหล่านี้ก็จะยิ่งสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบอย่างมากของรูปร่างจึงทำให้บาดแผลเหล่านี้ดูขัดตาเป็นพิเศษ! อกสั่นขวัญหายเป็นพิเศษ!
ยามนี้ กู้ซีจิ่วไม่มีกะจิตกะใจชื่นชมชายหนุ่ม ดังนั้น หลังจากเธอตกตะลึงไปไม่กี่วินาที จึงเริ่มทายาให้เขาอย่างระมัดระวัง…
ตี้ฝูอีเพลิดเพลินกับความอ่อนโยนของนาง ถึงแม้นางจะทำหน้านิ่งตลอดเวลา แต่การเคลื่อนไหวนุ่มนวลยิ่งนัก ราวกับเขาเป็นเครื่องลายครามสูงค่าที่บอบบาง ต้องการการปกป้องอย่างละเอียดอ่อน
นิ้วมือของนางสัมผัสผิวเขาเป็นครั้งคราว ละเอียด นุ่มลื่น
เดิมทีบาดแผลของเขาเจ็บปวดรวดร้าว…
————————————————————————————-
บทที่ 1202 ข้าทนรับไหว
เดิมทีบาดแผลของเขาเจ็บปวดรวดร้าว แต่การสัมผัสของมือเล็กของนางทำให้ความเจ็บปวดนั้นบรรเทาลงอย่างน่าประหลาดใจ และบางทีก็ถูกเขามองข้ามไป
ความรู้สึกเสียวซ่าจากรอยเย็บบริเวณที่นางสัมผัสเอ่อล้น ทำให้ร่างกายของเขามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ดวงตายิ่งลึกขึ้นเรื่อยๆ…
กู้ซีจิ่วเป็นหมอที่ดีคนหนึ่ง ตอนนางรักษานางตั้งใจมาก ดังนั้น จึงไม่ทันได้สังเกตสายตาของตี้ฝูอี สมาธิทั้งหมดของนางทุ่มเทไปที่บาดแผลนั้น
บาดแผลหน้าท้องของเขาเป็นแผลฉกรรจ์ ปากแผลไม่เล็ก จะให้ดีที่สุดคือเย็บแผลแล้วรักษา แผลจะหายได้เร็ว
นางนำเข็มผ่าตัดและยาชาออกมาจากตัว…
สิ่งเหล่านี้ล้วนนำมาจากห้องทดลองของหลงฟั่น ตอนนั้นที่ยังสูญเสียความทรงจำ เธอเดินเที่ยวไปมาในห้องทดลองของเขา เมื่อเห็นสิ่งของเหล่านี้ สัญชาตญาณเธอบอกว่าของสิ่งนี้ใช้การได้ ดังนั้นเธอจึงขอมันมาจากหลงฟั่น ท่าทางของหลงฟั่นในตอนนั้นซับซ้อนยิ่งนัก มองเธออยู่หลายที ก่อนจะพูดอย่างช้าๆ ‘สิ่งของเหล่านี้ไม่ใช่ของเล่น เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งนี้’ จากนั้นเขาให้เครื่องประดับแก่เธอหลายอย่าง เพื่อให้เธอออกไป
แต่เขาไม่รู้ว่ากู้ซีจิ่วเป็นคนประเภทที่หากปรารถนาสิ่งใดจะต้องหาวิธีทำให้สิ่งนั้นมาอยู่ในมือให้ได้ ตอนนั้นเธอออกไปแล้วและไม่ได้ร้องขออีก เพราะเธอหยิบไปโดยไม่ได้บอกกล่าวแล้ว…
ตอนนี้กลับได้ใช้มันจริงๆ
เธอผสมยาชาเล็กน้อย กำลังจะใช้กับตี้ฝูอี กลับถูกตี้ฝูอียับยั้งไว้ “แผลนี้ของข้าใช้อันนี้ไม่ได้”
กู้ซีจิ่วรู้ว่าเข้าเชี่ยวชาญด้านนี้ ไม่ได้โต้แย้งกลับไป เพียงแค่ขมวดคิ้ว “แต่ถ้าไม่ใช้อันนี้จะเจ็บมาก…” ปากแผลนี้ของเขาต้องเย็บอย่างน้อยแปดถึงเก้าเข็ม
ตี้ฝูอีอมยิ้ม “ไม่เป็นไร ความเจ็บปวดแค่นี้ ข้าทนรับไหว”
เอาเถอะ กู้ซีจิ่วยอมเขาแล้ว “เช่นนั้น ท่านอดทนหน่อยแล้วกัน หากทนไม่ไหวเมื่อใดก็บอกข้า ข้าจะได้หยุดชั่วคราว”
“ตกลง!”
ตี้ฝูอีทนเจ็บได้มากยิ่งนัก เขาไม่ร้องเจ็บสักแอะจนกระทั่งกู้ซีจิ่วเย็บแผลของเขาเรียบร้อย ถึงขั้นไม่ได้ขมวดคิ้วเลยสักนิด ทำให้กู้ซีจิ่วสงสัยว่าต่อมรับรู้ความเจ็บของเขาไม่ทำงาน…
หลังจากจัดการบาดแผลหน้าท้องเสร็จเรียบร้อย บาดแผลครึ่งท่อนบนก็รักษาหมดแล้ว สายตากู้ซีจิ่วร่อนลงบนกางเกงของเขา เธอจำได้ว่าต้นขาเขาเคยมีตรวนสลายวิญญาณสองเส้นตรึงอยู่ ตำแหน่งต้นขาใกล้กับ…
สายตาของเธอร่อนลงที่ตำแหน่งนั้น เขาเปลี่ยนกางเกงแล้ว ตรงนั้นยังมีคราบเลือดเลือนๆ
เธอหยุดชะงักเล็กน้อย ถ้าหากรักษาตรงนั้นก็ต้องให้เขาถอดกางเกง แต่คนยุคสมัยนี้ไม่ใส่กางเกงใน นั่นไม่ใช่…
ถึงแม้เธอตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับเขาแล้ว แต่นี่ก็ยังไม่ได้แต่ง จนถึงตอนนี้เขาและเธอชิดเชื้อกันมากที่สุดก็คือเคยจูบกันไม่กี่ครั้ง แต่ไม่เคยก้าวเท้าเข้าสู่กองเพลิง นับได้ว่าเป็นความสัมพันธ์รักอันบริสุทธิ์ ตอนนี้ให้มามองดูส่วนสงวนของเขาอย่างฉับพลัน ความกดดันนี้จึงมากนัก
เธอวุ่นวายใจครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยถามเขา “บาดแผลที่ต้นขาเจ้าไม่สาหัสกระมัง? หากไม่สาหัส เจ้าก็ทายาด้วยตัวเองได้…”
ตี้ฝูอีตัดบทนาง “สาหัส! สาหัสมาก! สาหัสยิ่งกว่าแผลที่หน้าท้องนี้อีก!”
เช่นนั้นก็ต้องเย็บด้วยหล่ะสิ…
ตี้ฝูอีนอนราบอยู่ตรงนั้น หรี่ตามองใบหน้าอันสวยงามที่ค่อนข้างสับสนของนาง โบกมือให้นาง กู้ซีจิ่วคิดว่าเขามีอะไรจะพูด จึงโค้งตัวลงเข้ามาใกล้เขา “ท่านจะพูดอะไร?”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็ถูกเขาดึงคอล้มลง นางไม่ทันได้เตรียมป้องกัน นอนทับลงบนตัวเขาไปพอดี
เธอร้องเบาๆ ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาคืออย่าทับบาดแผลของเขา ยังไม่ทันประมวลความคิดนี้เสร็จ จุมพิตของเขาก็ประกบเข้ามา…
————————————————————————————-
[1] สะใภ้ขี้เหร่ถึงอย่างไรก็ต้องเจอพ่อแม่สามี อุปมาว่า แอบซ่อนไว้ไม่ได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น