พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1195-1198

 บทที่ 1195 กำลังพลหนึ่งล้านแปดแสน

โดย

Ink Stone_Fantasy

และเหมียวอี้ก็วางแผนป้องกันพวกเขาจริงๆ เน้นหนักไปที่ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ เพราะทั้งสองรู้ถึงทรัพย์สินที่เขามีอยู่ที่ตลาดสวรรค์


ในปีนั้นหลังจากที่ได้เห็นอวิ๋นจือชิวสั่งให้ผีจวินจื่อเตรียมตัวขุดทางใต้ดิน ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดอะไรเลย ถึงแม้อวิ๋นจือชิวจะไม่ได้พูดอะไรกับเขา เขาเองก็ไม่อยากจะคิดถึงฝูชิงและอิงอู๋ตี๋ไปในทางนั้นด้วย แต่เมื่อเรื่องจวนตัวก็ยังแอบเตรียมการไว้อย่างลับๆ


นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมตอนอยู่พิภพเล็กอวิ๋นจือชิวจึงกดดันให้ประมุขถิ่นสี่ทิศยอมรับลำดับสูงต่ำให้ชัดเจน หลังจากที่โมโหไปแล้วเขาก็ยอมรับเหตุผลข้อนี้เช่นกัน พอลองนึกว่าถ้าการทดสอบครั้งก่อนตนกลับมาไม่ได้และสิ่งที่อวิ๋นจือชิวป้องกันไว้เกิดขึ้นจริงๆ เขาก็รู้สึกกลัวนิดหน่อยเมื่อคิดย้อนไป


นี่ก็คือความเศร้ายามมีอำนาจสูงถึงในระดับหนึ่ง มิตรภาพต้องหลีกทางให้ มีแค่เจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น ไม่มีพี่น้อง!


ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่อยู่เยื้องตรงข้ามกับร้านโฉมเมฆา จงหลีค่วยกำลังจับตาดูร้านโฉมเมฆา นี่คือสิ่งที่เหมียวอี้เตรียมไว้ก่อนที่จะไป ถึงขั้นนำเครื่องมือสำหรับใช้งานค่ายกลใหญ่ป้องกันตลาดสวรรค์ไว้ให้เขา ขอร้องว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับร้านโฉมเมฆา ก็ขอให้จงหลีค่วยคอยคุ้มกันเถ้าแก่เนี้ยที่อยู่ในร้านโฉมเมฆาเพื่อพาหนีไปอย่างลับๆ


ถึงแม้จงหลีค่วยจะตอบตกลง แต่ในใจก็ยังเซ็งนิดหน่อย มีข่าวลือว่าหนิวโหย่วเต๋อชอบผู้หญิงที่มีสามีแล้ว สงสัยจะเป็นเรื่องจริง แต่ก็ช่วยไม่ได้ สำนักได้เตือนเขาไว้ตั้งแต่แรกว่าให้ฟังคำสั่งเหมียวอี้ ก่อนหน้านี้เขาทำได้เพียงบอกเรื่องนี้กับสำนักอีกครั้ง ยืนยันให้แน่ใจว่าต้องการจะช่วยเหลือเรื่องที่ไร้สาระนี้หรือไม่


ใครจะคิดว่าเจ้าสำนักจะตอบกลับมาเพียงประโยคเดียว ให้ความร่วมมือกับหนิวโหย่วเต๋ออย่างเต็มที่!


แค่นั้นยังไม่พอ ท่านอาจารย์เจ้าสำนักฝูเสี่ยนกลัวว่าอาศัยแรงเขาคนเดียวและจะช่วยเหลือลำบาก ไม่น่าเชื่อว่าจะสั่งคนอีกสามคนมาช่วยเหลือเขาด้วย


พอนึกถึงตรงนี้ จงหลีค่วยก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองสามคนที่หันหน้าเข้าหากำแพง เป็นอาจารย์อาระดับบงกชรุ้งสองคน หนึ่งในนั้นยังมีผู้อาวุโสของปราสาทดำเนินภาที่เก็บตัวฝึกตนมาหลายปีโดยไม่ได้ออกมาข้างนอกด้วย


จงหลีค่วยไม่ค่อยกล้าจินตนาการถึงเรื่องราวเบื้องลึกที่ซ่อนอยู่ในนั้น นึกไม่ถึงว่าสำนักจะส่งผู้อาวุโสที่ระดับพลังอิทธิฤทธ์อนันตภาพมาช่วยเขา เพื่อการฝากฝังของเหมียวอี้คนเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจะสะเทือนจนผู้อาวุโสของสำนักต้องออกโรงเอง จนกระทั่งตอนนี้ความรู้สึกตกตะลึงในใจก็ยังสงบลงได้ยาก


ในภูเขานอกเมือง ลมเย็นพัดเอื่อย บนภูเขาหินก้อนหนึ่ง ปานเยว่กงเอามือไขว้หลังยืนจ้องมาทางตลาดสวรรค์


เขาเองก็มาเพราะได้รับการฝากฝังจากเหมียวอี้เช่นกัน ตอนนี้กำลังซ่อนตัวอยู่นอกเมือง เขาไม่รู้ว่าเหมียวอี้ต้องการให้เขาสนับสนุนใคร เหมียวอี้เพียงกำชับไว้ว่า ถ้ามีคนออกนอกเมืองมาส่งสัญญาณ ก็จะต้องคุ้มกันให้คนกลุ่มนั้นอย่างลับๆ เพื่อหนีรอดไป ช่วยให้คนกลุ่มนั้นหลุดพ้นจากการสะกดรอยตาม


การทำเรื่องแบบนี้อยู่นอกตลาดสวรรค์ ปานเยว่กงก็ค่อนข้างกังวลใจเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ปานเยว่กงจึงหาพวกไม่กลัวตายที่รู้จักแต่เงินไม่รู้จักคนมาช่วยสิบกว่าคน เหมียวอี้ไม่ได้ให้เขาออกเงินส่วนนี้ เพราะได้ทิ้งทรัพยากรก้อนใหญ่ไว้ให้เขาตั้งแต่แรกแล้ว คนพวกนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องการจะทำอะไร ตอนนี้กำลังซ่อนตัวฝึกตนอยู่ในภูเขา ถ้ามีการเรียกก็จะลงมือทันที


เหมียวอี้ไม่รู้ว่าทางปราสาทดำเนินภาส่งคนมาช่วยจงหลีค่วย ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้ปานเยว่กงมาช่วยสนับสนุนอีก สรุปก็คือถ้าเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นมาจะได้รับประกันได้ว่าอวิ๋นจือชิวและคนอื่นๆ จะถอนทัพกลับพิภพเล็กได้อย่างปลอดภัย


ตอนนี้เหมียวอี้อยู่ในคฤหาสน์ตรงตีนเขาของจวนแม่ทัพภาคตงหัวเป็นเวลาสองเดือนเต็มแล้ว


อีกสองเดือนกว่าหลังจากนี้ เวลาออกเดินทางก็จะมาถึง ระหว่างนี้ยังเหลือเวลารวมตัวอีกช่วงหนึ่ง ต้องออกเดินทางล่วงหน้า


คนสองพันกว่าคนเปลี่ยนเกราะรบที่แสดงถึงยศของตัวเอง เหมียวอี้ที่สวมเกราะรบของแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบยืนเด่นอยู่ข้างหน้าเหมือนนกกระเรียนในฝูงไก่


ปี้เยว่ฮูหยินก็เปลี่ยนมาสวมเกราะม่วงแล้วเช่นกัน นางเหาะจากฟ้าลงมาอยู่ตรงหน้าทุกคน สายตาไปหยุดอยู่บนตัวเหมียวอี้ที่โดดเด่นสะดุดตาครู่หนึ่ง จากนั้นก็กวาดมองทุกคน พร้อมเตือนว่า “สำหรับการไปทดสอบครั้งนี้ ทุกคนไปเป็นตัวแทนจวนแม่ทัพภาคตงหัว หลังจากเข้าไปแล้วต้องสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันไว้”


“รับทราบ!” ทุกคนเอ่ยรับ


สำหรับเหมียวอี้แล้ว นี่เป็นคำพูดที่เหลวไหลเหมือนผายลม แต่ก็ยังเอ่ยรับตามไปด้วย


ปี้เยว่ฮูหยินบอกอีกว่า “กฎของการเข้าร่วมการทดสอบ ข้าก็ได้บอกให้ทุกคนฟังชัดแล้ว อะไรที่ห้ามพกไปนรกก็ห้ามพกไป ไม่อย่างนั้นจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว”


สิ่งที่นางบอกว่าห้ามพกไปก็หมายถึงคน การทดสอบไม่อนุญาตให้แอบนำคนใส่กระเป๋าสัตว์เข้าไปในนรกเป็นการส่วนตัว นี่คือกฎหลังจากที่ตำหนักสวรรค์ปิดล้อมนรกไว้แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้โจรกบฏที่อยู่ด้านนอกร่วมทางและพกทรัพยากรเข้าไปช่วยโจรกบฏในนรก ถ้าควบคุมเงื่อนไขข้อนี้ไม่ได้ ก็จะไม่สามารถควบคุมพลังของโจรกบฏในนรกได้ แบบนั้นก็ไม่มีทางขังโจรกบฏเอาไว้ข้างในได้แล้ว จะต้องรับการตรวจสอบก่อนเข้าไปทดสอบในนรก ถ้าพบว่าใครฝ่าฝืนกฎก็จะถูกลงโทษ ถึงแม้จะสงสัยว่าที่นรกยังมีอีกเส้นทางหนึ่ง แต่ก็ยังปฏิบัติตามแบบเดิมอยู่ดี


“เข้าใจแล้ว!” ทุกคนเอ่ยรับ


“ออกเดินทาง!” พอปี้เยว่ฮูหยินโบกมือ ก็นำคนสองพันกว่าคนเหาะขึ้นฟ้าไป ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์สิบคนเรียงแถวอยู่ข้างหลังเขา ฝ่าท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ออกไป เร่งไปยังจุดลึกในทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่ไพศาล


น่านฟ้าระกาติงในสายมะเมีย เป็นจุดเกิดเหตุที่ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์สามคนโดนฆ่าตาย และเป็นทางเข้าออกแดนอเวจีเช่นกัน ย่อมต้องกลายเป็นจุดรวมตัวของกำลังพลที่จะเข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้อยู่แล้ว จุดรวมตัวก็คือดาวเคราะห์ที่เป็นอาณาเขตเดิมของเฮยกว่าฟู่ ซึ่งที่นั่นอยู่ใกล้ทางเข้านรกที่สุด


ส่วนเฮยกว่าฟู่ ไม่ว่านางจะมีส่วนร่วมเรื่องฆ่าขุนนางของตำหนักสวรรค์หรือไม่ แต่สรุปก็คือนางมีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าไม่ใช่เพราะนางตกปลาสายรุ้งดินล่อให้ผู้บัญชาการใหญ่ไปหา ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ดังนั้นไม่ว่าจะมีความผิดหรือไม่มีความผิด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะไม่เป็นอะไรเลย มักต้องมีคนออกมารับผิดชอบเสมอ การฆ่านางไม่มีอะไรต้องรับผิดชอบ ดังนั้นนางจึงถูกตัดหัว ส่วนปีศาจลูกสมุนก็โดนฆ่าจนหมดเกลี้ยง ฆ่าจนไม่เหลือเกล็ด ทำแบบนี้เพื่อขู่ให้คนชั่วเกรงกลัว!


ขณะนี้เอง ในพื้นที่รูปอ่างขนาดใหญ่ที่มีภูเขาล้อมรอบ มีบ้านที่ถูกสร้างขึ้นชั่วคราวเรียงรายหลายแถว ติดต่อกันเป็นแพยาวเหยียด ถึงแม้จะบอกว่าเป็นบ้าน แต่ที่จริงแล้วเป็นเพิงอย่างง่ายๆ แค่ใช้บังแดดบังฝนได้เท่านั้น บนยอดเขาที่อยู่รอบๆ มีทหารสวรรค์กระจายกำลังกันเฝ้าอยู่


มีคนไม่น้อยเข้าไปพักอยู่ในนั้นแล้ว ทุกคนมีแค่ไม้กระดานที่สามารถนั่งนอนได้ก็เท่านั้นเอง บนฟ้ายังมีคนทยอยเหาะมารายงานตัวบนยอดเขาที่ล้อมรอบกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า


เยว่ฮูหยินที่เหาะเดินทางมาหลายเดือนก็เหาะลงมาจากฟ้าเช่นกัน กำลังมองดูเพิงพักที่ยาวเหยียดอยู่ในพื้นแอ่ง จากนั้นก็เหาะไปเหยียบลงบนยอดเขาที่มีธงขนาดใหญ่ปักอยู่


มีคนเข้ามาตรวจสอบสถานะของปี้เยว่ฮูหยินทันที จากนั้นก็รับงานต่อจากปี้เยว่ฮูหยิน ทำการตรวจสอบคนที่ปี้เยว่ฮูหยินพามาทีละคน


ภูมิหลังของเหมียวอี้ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ชื่อเสียงก็โด่งดัง พอคนที่ตรวจสอบได้ยินว่าคนนี้ชื่อหนิวโหย่วเต๋อ ก็อดไม่ได้ที่จะมองดูหลายครั้ง จากนั้นก็กระซิบกระซาบกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นพลางชี้มาที่เหมียวอี้ ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังพูดอะไรกัน


หลังจากตรวจสอบสมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบทุกคนแล้วว่าไม่มีผิดพลาด คนกลุ่มนี้ก็ถูกพาไปอีกด้านหนึ่งชั่วคราว ปี้เยว่ฮูหยินไปหาผู้คุมเพื่อทำการส่งมอบงานเป็นครั้งสุดท้าย


ในถ้ำภูเขาที่ขุดสร้างไว้ชั่วคราวถูกจัดแต่งไว้อย่างสะอาดเรียบร้อย ผู้คุมที่รับผิดชอบคุมการทดสอบครั้งนี้ก็ยังเป็นเกาก้วนทูตขวาตรวจการของตำหนักสวรรค์ เมื่อได้เจอทูตขวาตรวจการผู้มีใบหน้าเย็นชาในตำหนักอีกครั้ง ปี้เยว่ฮูหยินที่เคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่งค่อนข้างหวาดระแวงกลัว เพราะมือของท่านผู้นี้ย้อมด้วยเลือดสดของผู้มีอำนาจในตำหนักสวรรค์มาแล้วไม่น้อย ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา อีกฝ่ายคงไม่ปล่อยนางไปเพียงเพราะนางเป็นฮูหยินของท่านโหวเทียนหยวนแน่


เกาก้วนกำลังนั่งอย่างสง่า เมื่อเห็นนางเขาก็มองด้วยแววตาเย็นเยียบสองครั้ง หลังจากรับรายชื่อมาตรวจอ่านแล้ว ก็ถามจุยหย่วนที่อยู่ข้างๆ ว่า “แน่ใจนะว่าคนที่อยู่ในรายชื่อมาครบแล้ว?”


“ตรวจสอบครบหมดแล้วขอรับ” พ่อบ้านจุยหย่วนที่คุมการทดสอบมาสามสนามแล้วกล่าวตอบ


เกาก้วนไม่พูดอะไรกับปี้เยว่ฮูหยินสักคำ พอโบกมือ จุยหย่วนก็ยื่นมือเชิญให้ปี้เยว่ฮูหยินออกไปทนัที


เมื่อออกนอกประตูใหญ่ของห้องถ้ำมาแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินก็กุมหมัดคารวะ ส่วนจุยหย่วนก็โบกมือกล่าวว่า “ฮูหยินท่านโหวกรุณาอยู่ก่อน เกรงว่าจะต้องรบกวนเวลาฮูหยินสักระยะ คือเรื่องเป็นอย่างนี้นะ รายชื่อคนสมัครทดสอบที่ได้มาตอนสุดท้ายเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าเมื่อเทียบกับตอนแรก เรื่องลงสมัครทดสอบติดอยู่ที่ช่วงสุดท้าย คาดว่าฮูหยินคงจะรู้แล้ว”


ปี้เยว่ฮูหยินพยักหน้า “พ่อบ้านจุยพูดถูก ทางข้าก็มีคนมาสมัครเยอะมากในตอนสุดท้ายเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ทราบว่ารั้งข้าไว้เพราะมีอะไรเกี่ยวข้องกันเหรอ?”


จุยหย่วนยิ้มพร้อมกล่าวว่า “คืออย่างนี้นะ! ก่อนหน้านี้นึกไม่ถึงว่าจะมีคนมาลงชื่อสมัครเยอะขนาดนี้ สมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบมีมากถึงหนึ่งล้านแปดแสนกว่าคนแล้ว กำลังคนผู้รับผิดชอบที่เตรียมไว้มีไม่พอ ดังนั้นนายท่านผู้คุมจึงรายงานขึ้นไปถึงราชินีสวรรค์ และได้รับอนุญาตจากราชินีสวรรค์แล้ว ว่าให้แม่ทัพภาคทุกคนที่พาคนมาอยู่ให้ใช้งานที่นี่ รับผิดชอบควบคุมดูแลคนที่ตัวเองพามา จะได้ไม่เกิดความวุ่นวายอะไร รอให้สมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบทุกคนเข้าแดนอเวจีหมดแล้ว ก็ค่อยปล่อยแม่ทัพภาคทุกคนกลับไป ไม่ทราบว่าฮูหยินมีอะไรสงสัยหรือไม่?”


ปี้เยว่ฮูหยินร่ำร้องในใจ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกคงไม่รีบมาขนาดนี้ เวลาก็ไม่ยาวนาน เหลืออีกหนึ่งเดือนก็จะถึงเวลาทดสอบอย่างเป็นทางการ เพียงแต่นางกลัวเกาก้วนนิดหน่อย ไม่อยากติดต่อสมาคมกับทูตขวาหน้าตายนั่นนานๆ


แต่มีทางเหลือให้นางปฏิเสธด้วยเหรอ? ถ้าไม่ตอบตกลงเกรงว่าจะอธิบายกับท่านที่อยู่ข้างในไม่ได้ จึงฝืนยิ้มพร้อมกุมหมัดคารวะทันที “ย่อมต้องน้อมรับคำสั่ง!”


จุยหย่วนพยักหน้า แล้วหยิบป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่งออกมาให้ปี้เยว่ฮูหยิน “ฮูหยินสามารถอาศัยป้ายคำสั่งนี้เพื่อเข้าออกที่พักของสมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบได้” พูดจบก็โบกมือ เรียกที่ปรึกษาแต่ละคนเข้ามา แล้วสั่งให้พาปี้เยว่ฮูหยินร่วมทั้งกำลังพลกลับที่พัก


เกาก้วนที่สวมหมวกทรงสูงและคลุมผ้าคลุมสีดำที่บ่าโผล่ออกมาอยู่ตรงประตูห้องถ้ำตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ กำลังเอามือไขว้หลังยืนอยู่บนบันได ยังคงมีสีหน้าเย็นเยียบ สายตาเหลือบมองกลุ่มของปี้เยว่ฮูหยิน มองดูเหมียวอี้เดินตามปี้เยว่ฮูหยินลงเขาไป


ในพื้นแอ่งขนาดใหญ่ที่มีภูเขาล้อมรอบ เดิมทีมีแม่น้ำหลายสาย แต่กลับถูกคนร่ายอิทธิฤทธิ์เปลี่ยนแปลงให้มีทิศทางการไหลเชื่อมกันเป็นรูปตัวอักษร ‘井’ วาดแบ่งพื้นแอ่งขนาดใหญ่ให้เป็นเก้าเขต สาเหตุที่แบ่งให้เป็นเก้าเขต ก็เพราะตลาดสวรรค์แปดพันแห่งในสังกัดของตำหนักสวรรค์ถูกแบ่งให้หัวหน้าภาคใหญ่เก้าคนดูแล เก้าเขตนี้คือจุดรวมตัวกำลังพลเข้าร่วมทดสอบของหัวหน้าภาคใหญ่เก้าคนในระบบตลาสวรรค์ที่ราชินีสวรรค์ควบคุม


ในทุกเขตจะปักธงใหญ่เอาไว้หนึ่งเสา นับว่าเป็นป้ายชื่อเช่นกัน จวนแม่ทัพภาคตงหัวของปี้เยว่ฮูหยินอยู่ใต้สังกัดจวนหัวหน้าภาคหลิงเย่าและจวนหัวหน้าภาคใหญ่ก่วงผิง ดังนั้นพวกเขาจึงเหาะไปยังอาณาเขตที่มีธงใหญ่ที่เขียนว่า ‘ก่วงผิง’ จากนั้นก็ไปหาเสาธงเตี้ยที่มีสัญลักษณ์ ‘หลิงเย่า’ และสุดท้ายก็ไปเหยียบลงใต้ธงเล็กที่เขียนว่า ‘ตงหัว’


ทุกคนเหยียบลงพื้นแล้วมองซ้ายมองขวา พบว่าทางเดินระหว่างเพิงมุงจากที่อยู่ทางซ้ายและขวากว้างเพียงหนึ่งจั้ง ที่ปรึกษาที่เดินนำทางชี้ตรงเพิงมุงจากที่เรียงแถวอยู่ตรงหน้าพร้อมบอกว่า “นี่คือที่พักชั่วคราวของจวนแม่ทัพภาคตงหัวแล้ว แม่ทัพภาคเชิญตามสะดวก”


“รบกวนแล้ว!” ปี้เยว่ฮูหยินกุมหมัดคารวะ ส่งอีกฝ่ายอย่างสุภาพเกรงใจ แล้วหันมองสภาพแวดล้อมอันเรียบง่ายที่ไร้เตียงแยกแต่ละหลังของเพิงมุงจาก ในใจต้องร่ำร้องอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะต้องมาเบียดรวมอยู่กับกลุ่มคนในสภาพแวดล้อมแบบนี้หนึ่งเดือนกว่า


แต่ก็ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงถอนหายใจแล้วบอกว่า “มีปัจจัยเท่านี้ ถึงอย่างไรก็อยู่ไม่นาน ทุกคนอยู่แก้ขัดไปสักหน่อย ต่างคนต่างหาที่นอนของตัวเองแล้วกัน”


…………………………


บทที่ 1196 ศัตรูเยอะจริงๆ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ทุกคนยังคงเหลียวซ้ายแลขวา สภาพอากาศกลับไม่เป็นใจ เมฆครึ้มผืนหนึ่งพัดเข้ามาแล้ว มีบางคนบ่นว่า “มารดาเจ้าเถอะ ฝนจะตกแล้ว อีกประเดี๋ยวพื้นจะต้องเต็มไปด้วยโคลนแน่ๆ  ที่อยู่ก็แย่ แม้แต่พื้นก็ไม่จัดให้ดีสักหน่อย ใครกันที่เลือกที่นี่?” เริ่มมีการร้องเรียนอย่างไม่พอใจ


ทุกคนมองดู ฝนจะตกแล้วจริงๆ คนสองพันคนแยกย้ายกันหาที่พักของตัวเองทันที ไม่ได้กำหนดด้วยว่าให้ใครไปอยู่ตรงไหน แต่เห็นได้ชัดว่าเหมียวอี้เป็นคนเดียวที่ถูกเบียดออก


ผู้บัญชาการใหญ่หนิวก็สำนึกตัวได้เหมือนกัน ไปหาตำแหน่งที่อยู่ในมุมของเขตตงหัว เขตนี้มีที่มากมาย เขาจึงไปเลือกจุดที่อยู่ไกลกับกลุ่มคนสักหน่อย


เขาไปเลือกจุดที่ห่างไกลจากฝั่งนี้ แต่กลับไปอยู่ใกล้กับคนอีกเขตหนึ่ง ข้างกันมีคนใช้ปลายเท้าเคาะเสาไม้แล้ว “นี่ ผู้น้อยถังซาน เจ้าคือหนิวโหย่วเต๋อใช่มั้ย?”


เมื่ออีกฝ่ายถามแบบนี้ ก็ทำให้คนไม่น้อยหันมามอง เหมียวอี้หันกลับไปมองแวบหนึ่ง เห็นเพียงชายคนหนึ่งกำลังใช้สองมือกุมหัวเอนกายอยู่บนไม้กระดาน หัวเคราะคิกคักพลางยกขาขึ้นไขว่ห้างมองสำรวจตน แต่หน้าตาไม่คุ้นเลย จึงถามว่า “เรารู้จักกันเหรอ?”


ผู้คนที่เรียกตัวเองว่าถังซานชักมือออกมาจากหมอนใบหนึ่ง ชี้ไปยังเกราะม่วงหนึ่งแถบบนตัวเขา แล้วก็ชี้ไปหาปี้เยว่ฮูหยินที่อยู่ไม่ไกล พร้อมพูดหยอกล้อว่า “เจ้าดูไม่เข้าพวกไง มิหนำซ้ำคนที่มาจากจวนแม่ทัพภาคตงหัว นอกจากแม่ทัพภาคของพวกเจ้าที่สามารถสวมเกราะรบแม่ทัพได้ อีกคนหนึ่งก็เหมือนจะเป็นเจ้าไง หนิวโหย่วเต๋อ ราชันสวรรค์แต่งตั้งเองให้”


ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! เหมียวอี้นั่งอยู่บนไม้กระดาน นั่งขัดสมาธิ มองดูสายหน้ารอบข้างที่จ้องเข้ามา พร้อมพูดเย้ยตัวเอง “สายตาเจ้าไม่เลวเลยนี่”


เมื่อเห็นว่ายืนยันแล้ว ถังซานก็พลิกตัวนอนตะแคงทันที ใช้มือข้างเดียวหนุนศีรษะ พร้อมถามอย่างแปลกใจว่า “เจ้าคือหนิวโหย่วเต๋อจริงเหรอ?”


“ถ้าเป็นของปลอมก็ยินดีเปลี่ยนให้เจ้าใหม่เลย!” เหมียวอี้ใช้สองมือกุมเข่า


ถังซานเดาะลิ้นทันที “ผู้บัญชาการใหญ่หนิว ข้าว่าเจ้านี่ใจกล้าไม่เบาเลยนะ เจ้าไม่รู้ตัวเหรอว่าสถานการณ์ของเจ้าเป็นยังไง!”


“ไม่รู้สิ พี่ถัง พวกเรามาเป็นพันธมิตรร่วมรับมือกับการทดสอบดีมั้ย?” เหมียวอี้กล่าวเสียงเรียบ


“ลืมมันไปเถอะ! ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่อีกหลายๆ ปี!” ถังซานหันตัวกลับไป หันก้นให้เขา ไม่อย่างสร้างปัญหาให้ตัวเอง


ในที่สุดข้างหูเหมียวอี้ก็สงบเงียบแล้ว ใครจะคิดว่าฝนเม็ดใหญ่จะกระหน่ำจั้กๆ ลงมากอีก ในชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้ฟ้าดินพร่ามัวไปด้วยไอน้ำ แต่กลับยากที่จะปิดกั้นสายตารอบข้างที่มองมาหาตนอยู่เป็นระยะ


ตอนนี้ตรงจุดที่อยู่ใกล้ๆ มีแม่ทัพภาคมาอีกหลายคน ฝ่าฝนมาเยี่ยมคำนับปี้เยว่ฮูหยิน พวกเขาล้วนเป็นลูกน้องของท่านโหวเทียนหยวน ถึงอย่างไรเทียนหยวนก็ตักตวงตำแหน่งแม่ทัพภาคมาได้ไม่น้อย ถึงแม้แม่ทัพภาคเหล่านั้นจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ฐานะของฮูหยินท่านโหวก็เห็นๆ กันอยู่ ย่อมต้องมาแสดงมารยาททักทายอยู่แล้ว


หลังจากทักทายปราศรัยกันไปสักพัก แม่ทัพภาคบางคนก็ถามว่า “ฮูหยิน ไม่ทราบว่าคนไหนคือหนิวโหย่วเต๋อ”


ปี้เยว่ฮูหยินแอบถอนหายใจ ยังมีคนที่ไม่อยากจะปล่อยหนิวโหย่วเต๋อไปจริงๆ ด้วย นางหันกลับมามองเหมียวอี้แวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร


แม่ทัพภาคหลายคนมองตามไป สายตาไปหยุดอยู่บนตัวเหมียวอี้ที่สวมเกราะรบสีม่วง ดวงตาแต่ละคนฉายแววสำรวจประเมิน


เหมียวอี้สบตากับพวกเขาหลายครั้งด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นหันกลับมาหลับตาลง นั่งสมาธิฝึกตน


นี่เพิ่งจะเริ่มต้น เห็นได้ชัดว่าคนที่สนใจผู้บัญชาการใหญ่หนิวไม่ได้มีแค่เท่านี้ พวกแม่ทัพภาคทางนี้ยังออกไปได้ไม่นาน ก็มีคนอีกกลุ่มเหาะฝ่าฝนลงมาแล้ว หัวหน้ากลุ่มที่สวมเกราะทองหนึ่งแถบตะโกนถามว่า “คนไหนคือหนิวโหย่วเต๋อ?” ข้างหลังทางซ้ายและขวากลับมีกลุ่มคนที่สวมเกราะทองสี่แถบ ห้าแถบและหกแถบตามมาด้วย


ผู้ที่มาไม่ใช่ใครที่ไหน จาเหรินจวิ้นนั่นเอง ที่จริงเขาไม่ได้อยู่ในฐานะขุนนาง การทดสอบที่นรกครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่คนของตำหนักสวรรค์เท่านั้น เพื่อที่จะลงชื่อสมัครเข้าร่วมทดสอบครั้งนี้ เขาจึงจงใจหายศเกราะทองหนึ่งแถบมาเพื่อใช้ลงสมัคร


เหมียวอี้ลืมตามองไป พบว่าตัวเองไม่รู้จักอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายกลับระบุชื่อแซ่เพื่อมาหาตน


“ใครมาตะโกนโหวกเหวกอยู่ที่นี่!” ปี้เยว่ฮูหยินที่นั่งขัดสมาธิอยู่กลางเขตตงหัวตะคอกถาม


จาเหรินจวิ้นกวาดสายตามองมา พอเห็นปี้ยศของเยว่ฮูหยินก็รู้ทันทีว่าเป็นแม่ทัพภาคที่คุมรักษาการณ์ที่นี่ จึงแอบถ่ายทอดเสียงตอบ่วา “ผู้น้อยจาเหรินจวิ้น จาหรูเยี่ยน ฮูหยินของเทพประจำดาวเถาะฟ้าคืออาหญิงของผู้น้อย” เขาไม่สะดวกจะเปิดเผยท่ามกลางฝูงชนว่ามีว่ามีอาเขยหนุนหลัง


ปี้เยว่ฮูหยินพูดไม่ออก คนคนนี้มีภูมิหลังยิ่งใหญ่กว่าสามีของตนเสียอีก จึงถ่ายทอดเสียงตอบทันทีว่า “อย่าก่อเรื่องที่นี่ ถ้ามีความขัดแย้งอะไรกัน พวกเจ้าค่อยไปแก้ไขกันในนรกเถอะ”


“ท่านแม่ทัพภาควางใจได้ เพียงมาถามหาตัวเฉยๆ ไม่ก่อเรื่องแน่นอน” จาเหรินจวิ้นแอบบอก แต่ภายนอกกลับกุมหมัดคารวะเอ่ยรับอย่างสุภาพเกรงใจ “ขอรับ!”


นัวว่าไว้หน้าปี้เยว่ฮูหยินแล้ว จากนั้นก็ใช้สายตากวาดมองหาจากกลุ่มคนอีก


เกราะรบของท่านขุนนางเหมียวสะดุดตาเกินไป ถ้าไม่อยากให้สังเกตเห็นก็คงยาก ในปีนั้นราชันสวรรค์แต่งตั้งให้อย่างมีหน้ามีตา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นความยุ่งยากและภาระ


จาเหรินจวิ้นนำกลุ่มคนแทรกเข้ามาทันที มาอุดอยู่ตรงหน้าไม้กระดานที่เหมียวอี้นั่ง แล้วตะโกนถาม “เจ้าคือหนิวโหย่วเต๋อเหรอ?”


“เจ้าเป็นใคร?” เหมียวอี้ถามกลับ


“ข้าเป็นใครเจ้าไม่คู่ควรที่จะได้รับรู้หรอก” จาเหรินจวิ้นพูดเหยียด


เหมียวอี้ชี้ไปยังยศทหารเลวหนึ่งแถบของเขา แล้วชี้ยศแม่ทัพหนึ่งแถบของตัวเอง “ทหารเลวหนึ่งแถบต่ำต้อย แต่บังอาจมามาพูดกับแม่ทัพแบบนี้ หรือว่ามองไม่เห็นกฎของตำหนักสวรรค์อยู่ในสายตา?”


นี่เป็นปมด้อยของจาเหรินจวิ้นจริงๆ จึงกล่าวอย่างโมโหเพราะความอับอาย “ข้าถามว่าเจ้าใช่หนิวโหย่วเต๋อหรือเปล่า?”


“แล้วยังไงล่ะ?” เหมียวอี้ถาม


“เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!” จาเหรินจวิ้นทำสีหน้าจริงจังทันที “เจ้ายังจำเย่สวินเกาที่ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวนได้หรือเปล่า?”


“ถ้าอยากจะล้างแค้นข้า ก็ยังไม่ถึงคราวของทหารเลวหนึ่งแถบต่ำต้อยอย่างเจ้าหรอก คนที่ยศสูงกว่าเจ้ามีตั้งเยอะ ไปต่อแถวก่อนไป ดูว่าเมื่อไรจะถึงคราวเจ้า” เหมียวอี้กล่าว


เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ก็ทำให้รอบข้างมีเสียงหัวเราะดังลั่นของกลุ่มคน


เห็นได้ชัดเจนว่าสีหน้าของจาเหรินจวิ้นกำลังข่มไฟโกรธเอาไว้


“บังอาจ!” ทหารเลวหกแถบคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายยกมือตบบ่าเหมียวอี้ แล้วเตือนว่า “ทำปากให้มันสะอาดๆ หน่อย!”


เหมียวอี้เอียงหน้ามองดูบ่าตัวเอง “ถ้าเจ้าขยับปากอย่างเดียวก็ว่าไปอย่าง ยังกล้าขยับมือด้วยเหรอ? ถ้ายังไม่เอากรงเล็บของเจ้าออกไป เจ้าเชื่อมั้ยว่าข้าจะตัดหัวเจ้าทิ้งได้?”


เมื่อมาถึงที่นี่ ปี้เยว่ฮูหยินก็ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้แล้ว แต่เป็นเกาก้วน ทูตขวาของตำหนักสวรรค์ที่ควบคุม ความอดทนของเขาไม่ได้มีมากเหมือนตอนที่อยู่จวนแม่ทัพภาคตงหัว


คนคนนั้นถลึงตาสองข้าง แสยะยิ้มบอกว่า “เจ้ากล้าเหรอ!”


เหมียวอี้พลันเหลือบตาขึ้นจ้องเขา บนตัวมีกลิ่นอายสังหารลอยขึ้นจางๆ


“พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกัน?” ปี้เยว่ฮูหยินพลันตะคอก ถลันตัวมายืนอยู่บนไม้กระดานข้างๆ ที่ว่างพร้อมจ้องทุกคน ถ้านางไม่ออกหน้ามาห้ามไว้จะต้องเกิดเรื่องแน่


ในขณะนี้เอง สตรีที่รูปร่างสูงสะโอดสะอง บุคลิกงดงามมีเสน่ห์ถลันตัวมายืนอยู่ข้างกายปี้เยว่ฮูหยิน สวมกระโปรงสีเขียวคราม ถึงแม้จะไม่ได้สวมเกราะรบ แต่ป้ายคำสั่งที่ปรึกษาที่ห้อยอยู่ตรงเอวก็เผยสถานะของนางแล้ว


ผู้ที่มาก็คือโค่วเหวินชิง นางถามเสียงต่ำว่า “มารวมตัวกันก่อเรื่องที่นี่ เบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วใช่มั้ย?”


“เนี่ยกง!” จาเหรินจวิ้นตะโกนห้าม ยื่นมือไปปัดมือของสหายบนบ่าเหมียวอี้ออก แต่กลับชี้หน้าเหมียวพร้อมขู่ว่า “ชาติสุนัข เดี๋ยวถึงเวลาที่เจ้าจะได้ร้องไห้แน่ พวกเราไปกันเถอะ” พูดจบก็หันตัวไปพร้อมกับสีหน้าอึมครึม นำกลุ่มคนออกไปแล้ว


เมื่อเห็นเรื่องนี้สงบ ปี้เยว่ฮูหยินก็มองไปที่โค่วเหวินชิง แล้วก็มองไปที่เหมียวอี้ รู้ว่าโค่วเหวินชิงรู้จักเหมียวอี้ นางจึงพยักหน้าทักทายโค่วเหวินชิง แล้วหันตัวกลับไปอยู่ในที่ของตัวเอง ที่จริงแล้วในใจรู้สึกอับอายอยู่บ้าง


โค่วเหวินชิงสามารถปรากฏตัวอยู่ที่นี่ในเวลานี้ได้ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจมาดูแลเหมียวอี้เป็นพิเศษ มีความเป็นไปได้สูงว่าเบื้องหลังมีโค่วเหวินหลานฝากฝังมา โค่วเหวินหลานเป็นผู้บังคับบัญชาของหนิวโหย่วเต๋อที่ออกไปจากที่นี่หลายปีแล้ว แต่ยังมีความตั้งใจมาดูแลได้ ลองย้อนกลับมามองผู้บังคับบัญชาในปัจจุบันอย่างนางสิ บางทีอาจจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไม่เหมาะสม การที่หนิวโหย่วเต๋อตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นผลจากการที่นางและสามีดึงดันกักตัวไว้ไม่ปล่อยให้โค่วเหวินหลานพาไป นางก็คิดว่าสามีของตัวเองทำเกินไปเช่นกัน แต่นางรู้ว่าตัวเองไม่ได้มองการณ์ไกลเท่าสามี จึงทำได้เพียงเชื่อฟัง


เหมียวอี้เองก็พยักหน้าเล็กน้อยให้โค่วเหวินชิง แสดงความขอบคุณโดยไม่ได้พูดอะไร


“คนไหนคือหนิวโหย่วเต๋อ?” ด้านนอกมีคนอีกกลุ่มโผล่มาถาม


ผลปรากฏว่าโดนโค่วเหวินชิงไล่ไปอีก


ทว่ามีเข้ามากลุ่มแล้วกลุ่มเล่า มีคนมาหาไม่ขาดสาย ใช้เวลาเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว โค่วเหวินชิงก็ไล่คนไปแล้วสิบกว่ากลุ่ม


ขณะมองดูเหมียวอี้หลับตานั่งสมาธิทำหูทวนลม โค่วเหวินชิงก็รู้สึกทอดถอนใจเช่นกัน ตอนเหมียวอี้ผ่านศึกเลือดด่านสุดท้ายของการทดสอบครั้งนั้น นางได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว สมกับเป็นชายชาตรีจริงๆ แต่น่าเสียดายที่อ่านสถานการณ์ไม่ออกจนไปล่วงเกินคนไว้เยอะเกินไป ถึงขนาดทำให้ทุกคนสามารถฆ่าเขาได้ สิ่งนี้ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ


พวกจางฮั่นฟางมองฉากนี้ด้วยความขบขัน พอมีคนวิ่งมาถามว่าใครคือหนิวโหย่วเต๋อ พวกเขาก็ยังชี้ไปทางเหมียวอี้ จะมีไมตรีของเพื่อนร่วมงานสักนิดเสียที่ไหนกัน และพอเห็นว่ามีคนมากมายต้องการจะหาเรื่องเหมียวอี้ ซูลี่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนก็โล่งใจแล้ว เขายังกังวลอยู่บ้างว่าเหมียวอี้จะมาคิดบัญชีกับเขาหรือเปล่า แต่ดูจากสถาการณ์ในตอนนี้ คาดว่าผู้บัญชาการใหญ่หนิวเองก็ยังดูแลตัวเองไม่ไหวเลย


ฝนกระหน่ำแรง แต่ก็หยุดเร็วเช่นกัน ขณะที่น้ำฝนหยดจากชายคาติ๋งๆ ด้านนอกก็มีสตรีรูปร่างสูงโปร่งที่สวมเกราะรบสีม่วงของแม่ทัพเหาะลงมา ใบหน้าที่อยู่ใต้เกราะรบงดงามดุจภาพวาด ลักษณะห้าวหาญ เหยียบโคลนเดินเข้ามาลำพังจนถึงใต้เพิง ดวงตางามกำลังกวาดมองทุกคน


จู่ๆ ก็มีแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบโผล่มา ทุกคนไม่รู้ว่านางเป็นใคร กลับเป็นโค่วเหวินชิงที่ยืนบังฝนอยู่ข้างกายเหมียวอี้ที่ขมวดคิ้วถามว่า “จ้านหรูอี้ เจ้ามาทำอะไรตรงนี้?”


“จ้านหรูอี้?”


“เขาก็คือจ้านหรูอี้ที่ได้อันดับหนึ่งจากการทดสอบครั้งก่อน?”


กลุ่มคนที่อยู่ในเพิงเริ่มสุมหัวกระซิบกระซาบกันทันที ต่างก็มองสำรวจผู้หญิงคนนี้ แม้แต่ปี้เยว่ฮูหยินก็อดไม่ได้ที่จะมองหลายครั้ง


การปรากฏตัวของผู้หญิงคนนี้ทำให้คนกลุ่มใหญ่ที่อยู่รอบข้างรวมตัวกันหันมามองทันที


จ้านหรูอี้? ในหัวเหมียวอี้มีชื่อนี้แวบเข้ามา ทำให้ลืมตาเอียงหน้ามองทันที


สายตาของจ้านหรูอี้ไปหยุดอยู่บนเกราะรบบนตัวเขา บวกกับที่พวกจางฮั่นฟางชี้บอก นางจึงเอามือไขว้หลังเดินช้าๆ เข้ามา ถามว่า “เจ้าเองเหรอหนิวโหย่วเต๋อ?”


เหมียวอี้มองสำรวจนางศีรษะจดเท้าเท้า แล้วถามเสียงเรียบว่า “คำถามนี้ข้าตอบจนไม่อยากจะตอบอีกแล้ว”


จ้านหรูอี้พยักหน้าเบาๆ “คนเปิดเผยย่อมไม่ทำเรื่องลับๆ หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าฟังข้าให้ดีนะ เมื่อเข้าไปในนรกแล้ว เข้าจะเอาชีวิตเจ้าให้ได้!”


“มีเจ้าเพิ่มมาอีกสักคนก็ไม่ได้เยอะขึ้นนักหรอก” เหมียวอี้กล่าว


จ้านหรูอี้ไม่ได้พูดอะไรมากอีก มาเพื่อทำความรู้จักเฉยๆ นางจ้องเหมียวอี้อย่างละเอียดครู่หนึ่ง แล้วหันตัวช้าๆ เดินจากไป


ส่วนเหมียวอี้ก็เงยหน้ามองไปทางโค่วเหวินชิง แล้วถ่ายทอดเสียงถามว่า “ท่านรู้จักมั้ย? คนของตระกูลโค่วรึเปล่า? อีกประเดี๋ยวเวลาลงมือข้าต้องปรานีนางมั้ย?”


โค่วเหวินชิงถ่ายทอดเสียงตอบว่า “ไม่ต้องปรานีหรอก เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก็พอ นางเป็นหลานนอกของอ๋องสวรรค์อิ๋ง เป็นลูกพี่ลูกน้องของอิ๋งเหย้า ครั้งก่อนอิ๋งเหย้าพลาดโดนประหาร นางจึงเข้าร่วมการทดสอบครั้งที่สองแล้วคว้าอันดับหนึ่งมา กู้หน้ากลับมาให้ตระกูลอิ๋งได้ครั้งหนึ่ง ตอนนี้เจ้าน่าจะเข้าใจแล้วนะว่าทำไมนางถึงต้องการจะฆ่าเจ้า?”


เข้าใจแน่นอน เหมียวอี้แอบยิ้มเจื่อน ถ้าตัวเองไม่ฆ่าชิงอวี้หลางจนกดดันให้อิ๋งเหย้าขัดแย้งกับเกาก้วน อิ๋งเหย้าก็คงไม่โดนเกาก้วนประหารต่อหน้าฝูงชนเหมือนกัน จ้านหรูอี้มาเพื่อล้างแค้นให้พี่ชายของตัวเอง สงสัยศัตรูของเขาจะไม่ได้เยอะแบบธรรมดา


“หลีกไป หลีกไปให้หมด อย่างกับแมลงวันตอมขี้หมา มาเบียดกันอยู่ตรงนี้ทำไม? ว่ะฮ่าๆๆๆ ไม่ใช่ขี้หมา แต่เป็นน้องจ้านคนสวยนี่นา บังเอิญอะไรขนาดนี้!” จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงดังลั่นดุจฆ้องที่ไม่เกรงกลัวใคร


…………………………


บทที่ 1197 เจ้าเวรที่ทำให้ปวดหัว

โดย

Ink Stone_Fantasy

พอได้ยินเสียงนี้ ยังไม่ทันจะได้เห็นตัว เหมียวอี้ก็เริ่มปวดหัวแล้ว อย่าบอกนะว่าเจ้าเวรนั่นมาแล้ว?


เดาถูกแล้ว ผู้ที่มาคือเซี่ยโห้วหลงเฉิง!


ที่นี่คนเบียดกันเต็ม เซี่ยโห้วหลงเฉิงนำกลุ่มคนเหาะเบียดเข้ามาอย่างไม่สนใจใยดี แขนใหญ่ผลักคนออกไปสองฝั่ง บังเอิญเจอกับจ้านหรูอี้ที่โดนคนข้างนอกอุดไว้จนแทบจะออกไปไม่ได้พอดี พอเจอหน้ากันก็พูดหยอกล้อ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายเป็นคนรู้จักกันมานานแล้ว


เห็นได้ชัดว่าจ้านหรูอี้ไม่อยากสนใจเขา จึงอาศัยช่องว่างตอนกลุ่มคนแยกออกจากกันถลันตัวเหาะออกไป


“จ้านคนสวย ไปดีๆ นะ ส่งตรงนี้!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงโบกมือไปบนฟ้าอย่างร่าเริง พอหันกลับมาก็โบกแขนสองข้างอย่างเผด็จการมาก ผลักคนที่ขวางทางให้ออกไป บุกเข้าไปใต้เพลิงแล้วพลางกวาดมองทุกคนของจวนแม่ทัพภาคตงหัวด้วยแววตาที่ดุร้ายเหมือนเสือ ลักษณะท่าทางดูวางอำนาจบาตรใหญ่


ตอนแรกสบตากับปี้เยว่ฮูหยินที่เป็นคนรู้จักเก่า จากนั้นเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็หัวเราะหึหึ แล้วเบนสายตาออกไป ไม่สนใจใยดีอีก


เมื่อเห็นเขาแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินก็ปวดหัวเช่นกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนยังดีหน่อย แต่ตอนนี้ตลาดสวรรค์ถูกแยกจากสังกัดเดิมแล้ว แยกออกมามีระบบของตัวเองและถูกควบคุมอยู่ในมือราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ควบคุมปี้เยว่โดยตรง แถมเจ้าบ้านี่ก็เป็นหลานชายแท้ๆ ของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ ตอนนี้นางไม่กล้าไปขัดใจคนของตระกูลเซี่ยโห้ว


แต่พอเอียงหน้ามองโค่วเหวินชิงที่อยู่ข้างกายเหมียวอี้ นางก็โล่งใจอีกครั้ง มีโค่วเหวินชิงอยู่ด้วยนางก็ไม่น่าจะเป็นอะไร


“หึหึ! หนิวโหย่วเต๋อ เราเจอกันอีกแล้วนะ!” สายตาของเซี่ยโห้วหลงเฉิงหยุดอยู่บนตัวเหมียวอี้ นำคนแทรกเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์


พอได้เจอเขา เหมียวอี้ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเลยจริงๆ ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ถ้ายังคิดจะทำมาหากินอยู่ในระบบของตลาดสวรรค์ ก็ไม่ใช่เรื่องดีหากจะจะไปมีเรื่องกับคนตระกูลเซี่ยโห้ว


ที่เขากังวลแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ในสายตาของคนส่วนใหญ่ ราชินีสวรรค์ก็คือตัวแทนของตระกูลเซี่ยโห้ว


พอเห็นเซี่ยโห้วหลงเฉิงเดินเข้ามา โค่วเหวินชิงก็เตือนก่อนเลยว่า “เซี่ยโห้วหลงเฉิง ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้นะ อย่ามาก่อเรื่องที่นี่!”


เซี่ยโห้วหลงเฉิงกวาดสายตามองบนเรือนร่างของนาง แล้วถามอย่างต่ำทรามว่า “หึหึ! โค่วเหวินชิง ทำไมเจ้าเอาแต่ปกป้องมัน ข้าว่าพวกเจ้าสองคนคงได้กันแล้วล่ะมั้ง?”


โค่วเหวินชิงเดือดดาลทันที ปลดป้ายคำสั่งที่ปรึกษาตรงเอวออกมาโดยตรง แล้วเผยตรงหน้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงพร้อมถามว่า “บังอาจพูดใส่ร้ายที่ปรึกษาของการทดสอบ ควรจะโดนข้อหาอะไรดีล่ะ?”


ใบหน้ายิ้มของเซี่ยโห้วหลงเฉิงชะงักค้าง มุมปากกระตุกเล็กน้อย เขาเองก็กลัวข้อหานี้เหมือนกัน คนอื่นไม่กล้าแตะต้องเขา แต่ทูตขวาหน้าตายนั่นคงไม่เห็นว่าศีรษะของเขาสำคัญสักเท่าไร จึงไอแห้งๆ แล้วบอกทันทีว่า “โค่วเหวินชิง เราเป็นคนรู้จักกันมานานแล้ว พูดล้อเล่นกันก็เป็นเรื่องปกติมากไม่ใช่เหรอ เจ้าวางใจเถอะ ตอนนี้ข้าไม่หาเรื่องเจ้าเวรนี่หรอก เดี๋ยวพอเข้าไปในนรกแล้วข้าค่อยเล่นงานมันให้ตายก็ได้”


เมือ่เมียบกับจ้านหรูอี้ คำพูดนี้จัดว่าตรงไปตรงมาพอสมควร จริงใจใช้ได้เลย


เพียงแต่เหมียวอี้แปลกใจนิดหน่อย จึงถามว่า “มีควาย เจ้าก็เข้าร่วมการทดสอบเหมือนกันเหรอ?” เขานึกว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะมาเป็นพวกที่ปรึกษาเสียอีก ถึงอย่างไรครั้งก่อนก็เป็นแบบนี้


“ว่ะฮ่าๆๆ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงเงยหน้าขึ้นฟ้าพลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จ้องเหมียวอี้ด้วยแววตาดุร้ายพร้อมบอกว่า “ถูกต้องแล้ว! ไอ้แซ่หนิว ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วสินะ? ทั้งบัญชีใหม่ทั้งบัญชีเก่าของพวกเรา ควรจะมาสะสางกันดีๆ ได้แล้ว ข้าอยากจะเห็นว่าครั้งนี้เจ้าจะไปหลบที่ไหนได้!”


ที่เขามาเข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ จุดประสงค์หลักไม่ใช่เพื่อมาแก้แค้นเหมียวอี้ แต่ที่จริงมาเพื่อเข้าร่วมการทดสอบ เพราะไม่มีทางเลือกแล้ว เขาหมดความหวังในตระกูลเซี่ยโห้วโดยสิ้นเชิง ไม่มีอนาคตอีกแล้ว จู่ๆ ก็มีการทดสอบโผล่มา แล้วเขาก็มีคุณสมบัติถึงที่จะเข้าร่วมการทดสอบด้วย ย่อมต้องคว้าฟางเส้นสุดท้ายสำหรับช่วยชีวิตเอาไว้อยู่แล้ว จึงรีบมาประสมโรง ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ให้คนที่เกี่ยวข้องตระกูลเข้ามาแทรกแซงเรื่องในตลาดสวรรค์ เขาจึงไม่อาศัยเส้นสายของตระกูลเซี่ยโห้ว หาตำแหน่งผู้บัญชาการที่ตลาดสวรรค์ด้วยตัวเองก็น่าจะได้อยู่กระมัง?


ในบรรดาผู้มีอำนาจของตำหนักสวรรค์ คนที่มีสถานการณ์แบบเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็มีไม่น้อยเลย อย่าไปนึกว่าคนในตระกูลของผู้มีอำนาจจะไม่มีใครกล้ามาสู้ตายในนรก เพียงแต่ส่วนใหญ่มาต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีเท่านั้น ถ้าไม่มีตำแหน่งฐานะในตระกูล ทุกคนก็จะมองไม่เห็นความสำคัญ การโดนเมินใส่แบบนั้น การโดนมองข้ามแบบนั้น คนที่ไม่เคยลิ้มลองรสชาติไม่มีทางรู้ว่าทรมานขนาดไหน บางครั้งน่ากลัวยิ่งกว่าตายเสียอีก เพียงแต่ถ้าไม่มีโอกาส ต่อให้เจ้าตายไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสแล้ว คนส่วนใหญ่จึงไม่อยากพลาดไป จาเหรินจวิ้นเป็นตัวแทนของสถานการณ์แบบหนึ่งท่ามกลางผู้มีอำนาจ จ้านหรูอี้ก็เป็นตัวแทนของสถานการณ์แบบหนึ่งเช่นกัน ดังนั้นลูกหลานของผู้มีอำนาจในตำหนักสวรรค์จึงมาเข้าร่วมการทดสอบไม่น้อยเลย อย่างน้อยการที่พวกได้อาศัยภูมิหลังของตัวเอง ก็ยังทำให้มีโอกาสชนะอยู่บ้าง


พอได้ยินว่าเขาจะเข้าร่วมการทดสอบจริงๆ เหมียวอี้ก็เริ่มปวดหัวแล้ว สัตว์เดรัจฉานอย่างเซี่ยโห้วหลงเฉิง เจ้าจะซ้อมสักยกก็ไม่เป็นอะไรหรอก แต่จะไปฆ่าทิ้งไม่ได้ อย่าว่าแต่เหมียวอี้เลย แม้แต่คนที่มีภูมิหลังแบบโค่วเหวินหลาน ตอนแรกก็ไม่กล้าเล่นงานเซี่ยโห้วหลงเฉิงจนถึงตายเหมือนกัน


ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ ไม่ว่าราชินีสวรรค์จะได้กุมอำนาจหรือไม่ ไม่ว่าราชินีสวรรค์มีไว้ประดับตำแหน่งเฉยๆ หรือไม่ แต่ตราบใดที่ตำแหน่งราชินีสวรรค์ของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ยังอยู่ ชีวิตของคนในตระกูลเซี่ยโห้วก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะกล้ามาเอาไปส่งเดช อย่าลืมนะว่าราชินีสวรรค์เป็นฮูหยินของราชันสวรรค์ ตบหน้าราชินีสวรรค์ก็เท่ากับตบหน้าราชันสวรรค์


เหมียวอี้เองก็เคยได้ยินข่าวลือนี้มาบ้างเหมือนกัน ประมาณว่าราชินีสวรรค์ทำให้อำนาจของตระกูลเซี่ยโห้วเสียหาย แต่ผลประโยชน์ที่ราชินีสวรรค์นำมาให้ตระกูลเซี่ยโห้วก็ประจักษ์ชัดแจ้งเช่นกัน ตระกูลเซี่ยโห้วมีรัศมีอย่างราชินีสวรรค์ห่อหุ้มอยู่หนึ่งชั้น ชีวิตลูกหลานของตระกูลเซี่ยโห้ว นอกจากราชันสวรรค์กับราชินีสวรรค์ก็ไม่มีใครจะกล้าแตะต้องแล้ว


ตระกูลอื่นอาจจะมีช่วงที่รุ่งเรืองและตกต่ำสลับกัน แต่ตราบใดที่ราชินีสวรรค์ยังนั่งอยู่ในตำแหน่งนั้น ตระกูลเซี่ยโห้วก็ไม่มีวันล้มลง ใต้หล้านี้จะมีที่ยืนสำหรับตระกูลเซี่ยโห้วตลอดไป นี่ก็เป็นเหตุผลที่ตระกูลเซี่ยโห้วสนับสนุนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่อย่างเต็มที่


แต่สำหรับเหมียวอี้ นี่ถือเป็นปัญหาใหญ่แล้ว เขาไม่อยากฆ่าเซี่ยโห้วหลงเฉิง แต่ประเด็นคือเซี่ยโห้วหลงเฉิงอยากฆ่าเขา เมื่อเจอกับคนหน้าด้านไร้ยางอายแบบนี้ เจ้าจะทำอย่างไรได้ล่ะ?


ตอนให้นอนฝันเหมียวอี้ก็นึกไม่ถึงว่าเจ้าเวรนี่จะมาเข้าร่วมการทดสอบ จึงถามอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกว่า “มีควาย พวกเราไม่สู้มาเป็นพันธมิตรกันดีกว่ามั้ย?”


เซี่ยโห้วหลงเฉิงยิ้มชั่วร้ายทันที “อยากจะเป็นพันธมิตรกับข้าเหรอ ได้สิ ใช่ว่าจะไม่ได้…”


“แค่กๆ!” คนที่อยู่ข้างกายเขาเริ่มจะกลัวนิดหน่อย รีบตีที่ข้อศอกของเขา กลัวว่าเขาจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมา แอบถ่ายทอดเสียงพึมพำอะไรบางอย่าง


เซี่ยโห้วหลงเฉิงสีหน้าเปลี่ยนทันที ถลึงตาคำรามใส่เหมียวอี้ “ช่างมีความคิดชั่วร้ายนัก บังอาจจะดึงข้าไปซวย…”


บนยอดเขาที่สูงที่สุดรอบๆ พื้นแอ่ง เกาก้วนยืนอยู่บนบันไดนอกห้องถ้ำอีกแล้ว กำลังใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์กวาดมองสถานการณ์ในพื้นแอ่ง สายตาไปหยุดอยู่ตรงจุดที่มีกลุ่มคนรวมตัวกันโดยตรง เขาถามเสียงเรียบว่า “คนพวกนั้นไปร่วมตัวกันทำอะไรตรงนั้น?”


“ข้านอยจะไปดูสักหน่อย” จุยหย่วนที่อยู่ข้างกายตอบ


“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ถ้าอยากจะมีเรื่องกันก็รอไปมีในนรก ไม่มีใครยุ่ง ถ้ากล้าก่อเรื่องที่นี่ ฆ่าไม่ละเว้น!” เกาก้วนกล่าวพร้อมแววตาที่วูบไหว


“ขอรับ!” จุยหย่วนกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง จากนั้นก็เหาะไปยังจุดที่คนรวมตัวกัน แล้วตะโกนอยู่บนฟ้าทันที “แยกย้าย!”


ทุกคนเงยหน้ามอง เมื่อเห็นว่าท่านพ่อบ้านมาแล้ว ก็รีบกระจัดกระจายเหมือนผึ้งแตกรัง


จุยหย่วนเหยียบลงพื้น ใช้สายตาเย็นเยียบกวาดมองในเพิงพักทางซ้ายและขวา “โค่วเหวินชิง ที่นี่เกิดเรื่องอะไรกันแน่?”


โค่วเหวินชิงรายงานสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ ทันที สายตาจุยหย่วนหยุดอยู่บนตัวเหมียวอี้ครู่หนึ่ง เขาพอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว เกรงว่าท่านนี้คงจะมีเคราะห์มากกว่ามีโชค จากนั้นสายตาก็ไปหยุดอยู่บนตัวเซี่ยโห้วหลงเฉิง พร้อมร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนบอกเสียงดัง “ท่านผู้คุมสั่งมา ถ้าอยากจะมีเรื่องกันก็ไปมีในนรก ไม่มีใครยุ่ง แต่ถ้ากล้าก่อเรื่องที่นี่ ฆ่าไม่ละเว้น!” เสียงนี้ดังกังวานอยู่ในพื้นแอ่ง


เมื่อโดนสายตาของเขาจ้อง เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็จำเป็นต้องหดคอ ไม่ใช่ว่ากลัวจุยหย่วน แต่กลัวท่านนั้นที่อยู่เบื้องหลังจุยหย่วน ท่านนั้นสามารถฆ่าคนแทนราชันสวรรค์ได้ ภาพที่อิ๋งเหย้าตายตอนนั้นยังคงชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น


หลังจากประกาศคำสั่งแล้ว จุยหย่วนก็ถลันตัวจากไป เมื่อมีคำพูดของเกาก้วนคอยข่ม ที่นี่ก็ไม่มีทางเกิดเรื่อง โค่วเหวินชิงก็ออกไปจากตรงนั้นแล้วเช่นกัน นางไม่สะดวกที่จะเฝ้าอยู่ข้างกายเหมียวอี้ตลอดเวลา


เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่กล้าแม้แต่จะผายลม เป็นเพราะทูตขวาตรวจการเกาก้วนมีอิทธิพลมากเกินไป เป็นคนที่ทำให้ผู้มีอำนาจในราชสำนักของตำหนักสวรรค์หนาวสั่นในใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกหลานของู้มีอำนาจพวกนั้นเลย


“ไป!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงท่าทางอ่อแอลงจนถึงขีดสุด กำลังจะพาตัวลูกน้องออกไปจากตรงนั้นแล้ว


แต่เหมียวอี้กลับไม่ทำแบบนั้น ถ้าไม่สะสางปัญหากับเจ้าเวรนี่ พอไปถึงนรกจะต้องโดนอีกฝ่ายวางกับดักจนตายแน่นอน ถ้าเจ้าบ้านี่ไล่ตามไม่หยุดขึ้นมา แถมตัวเองก็ไม่กล้าฆ่าเขาอีก ไม่กล้าลงมือเต็มที่แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับคนมากมายที่ต้องการให้ตัวเองตาย แบบนั้นตนต้องตายแน่นอน


“หมีควาย หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”


หากลังเลไม่เด็ดขาด ภัยพิบัติจะตามมา เหมียวอี้กระโดดขึ้นมาจากไม้กระดานอย่างเด็ดเดี่ยว มาขวางตรงหน้าเซี่ยโห้วหลงเฉิง


เซี่ยโห้วหลงเฉิงถูกเขาทำให้ตกใจ กังวลว่าเจ้าบ้านี่จะยอมพังพินาศลงไปพร้อมตน จงใจดึงตนให้โดนเกาก้วนทำโทษด้วยกัน จึงรีบมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นคนคุมการทดสอบ ก็แยกเขี้ยวยิงฟันถามว่า “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าคิดจะทำอะไร?”


“หนีทำไม เจ้ากลัวข้าเหรอ?” เหมียวอี้เลิกคิ้วถาม


พวกจางฮั่นฟางที่อยู่ในเพิงแอบรู้สึกแปลกใจ พบว่าหลังจากมาถึงที่นี่ เหมือนเหมียวอี้จะกล้าหาญขึ้นเยอะมาก ไม่กลัวแม้แต่คนที่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่กว่าพวกเขา เหมือนเป็นคนละคนกับตอนโดนสร้างความอัปยศที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวแล้วไม่กล้าเถียง


“หนีอะไร? ปู่คนนี้น่ะเหรอจะกลัวเจ้า?” เซี่ยโห้วหลงเฉิงถลึงตาถาม


“ไม่กลัวก็ดีแล้ว กล้ารับคำท้าของข้ามั้ยล่ะ?” เหมียวอี้ถาม


เซี่ยโห้วหลงเฉิงอึ้งไปชั่วขณะ แล้วมองไปรอบๆ ถามอย่างกังวลนิดหน่อยว่า “คำท้าอะไร!”


เหมียวอี้ตอบว่า “สู้ตายกับข้าสักตั้ง! เจ้าอยากจะคิดบัญชีกับข้ามาตลอดไม่ใช่เหรอ ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว”


เซี่ยโห้วหลงเฉิงอ้าปากค้างไปครู่หนึ่ง เจ้าอยากจะดึงข้าให้ซวยไปด้วยกันอย่จริงๆ ด้วย! จึงตอบด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “แบบนั้นสมองข้าคงมีปัญหาแล้วล่ะ ถ้าอยู่ที่นี่ ต่อให้เอาชนะเจ้าได้ข้าก็ซวยอยู่ดี ไสหัวไป อย่ามาขวาง”


เหมียวอี้ยื่นมือขวาง “ถ้าเจ้ากลัวที่จะสู้ที่นี่ งั้นเราก็นัดสู้กันหลังจากการทดสอบจบแล้วสิ!”


“ถุยสิ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงรู้สึกอยากขำ “เจ้าคิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดจนถึงการทดสอบจบเหรอ? พอการทดสอบเริ่มขึ้น ข้าก็จะเล่นงานเจ้าให้ตายแล้ว!”


เหมียวอี้ส่ายหน้า “หลังจากการทดสอบเริ่มต้น ข้าก็ยุ่งมาก ไม่มีเวลามาสนใจเจ้าหรอก ถ้าไม่สู้ตายกันตอนนี้ ก็รอสู้ตายหลังจากการทดสอบจบ!”


“ทำไม?” เซี่ยโห้วหลงเฉิงแปลกใจ


ทหารเลวห้าแถบคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ กล่าวกลั้วหัวเราะทันที “พี่เซี่ยโห้ว เจ้าบ้านี่กลัวว่าเมื่อถึงเวลาท่านกับคนอื่นจะร่วมมือกันเล่นงานจนเขาตาย ตอนนี้จึงอยากกำจัดท่านก่อน พอตัวเองเข้าไปในนรกแล้วจะได้กดดันน้อยลง”


เซี่ยโห้วหลงเฉิงเข้าใจในทันที จึงยิ้มชั่วร้ายพร้อมบอกว่า “เจ้าฝันหวานเกินไปจริงๆ!”


“เจ้าชื่ออะไร?” เหมียวอี้พลันชี้ไปยังคนที่เพิ่งพูดแทรก สีหน้าฉายแววมุ่งสังหาร


คนคนนั้นเชิดหน้าเล็กน้อย ตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “ผู้น้อยต่งอิ้งเกา ทำไม เจ้าอยากจะท้าสู้กับข้ารึไง? ข้าไม่ตกหลุมพรางเจ้าหรอก”


เหมียวอี้แสยะยิ้ม “เจ้าไม่ต้องลดความกดดันให้ข้าหรอก หลังจากไปที่นรกแล้ว เจ้าก็ปล่อยของออกมาเต็มที่ได้เลย” จากนั้นก็ชี้ไปยังคนอื่นๆ ที่อยู่ทางซ้ายและขวาของเซี่ยโห้วหลงเฉิงอีก “พวกเจ้าก็ด้วย อย่าหดหัวเชียวนะ เมื่อเข้าไปในนรกแล้ว ถ้าเก่งนักก็เข้ามาเลย มาเท่าไรข้าก็รับไว้เท่านั้น!”


แล้วก็ชี้ไปที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงพร้อมบอกว่า “คนที่อยากสังหารข้ามีเป็นหมื่นเป็นพัน เจ้าคิดว่าข้าแยแสหมีควายอย่างเจ้าตัวเดียวเหรอ? ข้าแค่รู้สึกว่าความแค้นระหว่างเราไม่เหมือนคนอื่น ระหว่างเราเป็นความแค้นส่วนตัว และการทดสอบครั้งนี้ราชินีสวรรค์ก็เป็นคนจัดขึ้นมา เจ้ารู้สึกว่าการกำจัดศัตรูคู่แค้นส่วนตัวของเซี่ยโห้วหลงเฉิงในการทดสอบที่ราชินีสวรรค์จัดขึ้นนั้นเหมาะสมแล้วเหรอ? หรือว่าเจ้าอยากจะพังงานของราชินีสวรรค์?”


…………………………


บทที่ 1198 ถึงเวลาแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อโดนข้อหานี้ เซี่ยโห้วหลงเฉิงค่อนข้างพูดไม่ออก


พอพูดจบ เหมียวอี้ก็ไม่ให้เวลาเซี่ยโห้วหลงเฉิงตอบสนอง รีบนำแผ่นหยกออกมา เขียนอะไรบางอย่างลงไป แล้วโยนให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงโดยตรง “นี่คือหนังสือท้ารบ หลังจากการทดสอบจบลงแล้ว เจ้ากับข้าก็มาสู้ตายกันสักตั้ง ข้าเป็นฝ่ายท้าเจ้าเอง ถ้าข้าตายด้วยน้ำมือเจ้า ก็จะไม่ถามหาความรับผิดชอบอะไรจากเจ้าทั้งนั้น ถ้าเจ้าไม่กลัวตาย ก็ต้องกล้าหาญเขียนสัญญาไม่เอาเรื่อง แล้วหลังจากนั้นก็มาสู้ตายกับข้าสักตั้ง!”


แค่หมีควายเจ้าอารมณ์ที่สมองไม่ค่อยมีรอยหยักอย่างเซี่ยโห้วหลงเฉิง เมื่อโดนเหมียวอี้ปลุกปั่นต่อหน้าคนมากๆ แบบนี้ มีหรือที่จะหลบเลี่ยง มิหนำซ้ำเดิมทีก็ไม่กลัวเหมียวอี้อยู่แล้ว จึงถลึงตาตอบทันที “ลงนามก็ลงนาม คิดว่าข้ากลัวรึไง?”


“พี่เซี่ยโห้ว!” ต่งอิ้งเกากดแขนเซี่ยโห้วหลงเฉิง บอกใบ้ให้ไตร่ตรองอีกที


แต่ใครจะคิดว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่รับไมตรี ไม่สนว่าจะเป็นคนฝ่ายตัวเองหรือไม่ สะบัดแขนตะคอกว่า “ไสหัวไป!”


ต่งอิ้งเกาถูกดุต่อหน้าฝูงชนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองดูเซี่ยโห้วหลงเฉิงหยิบแผ่นหยกออกมาลงนามสัญญาแล้วโยนให้เหมียวอี้ เรียกได้ว่าค่อนข้างพูดไม่ออก อีกฝ่ายจะรอดกลับมาจากการทดสอบได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย ลงนามสัญญาบ้าอะไรล่ะ เขาเอบถอนหายใจ ขนาดนี้ยังถูกปลุกปั่นได้ สมองธรรมดาสามัญจริงๆ


เหมียวอี้อ่านเนื้อหาในแผ่นหยก เมื่อบรรลุเป้าหมาย ในใจก็ปลาบปลื้ม โบกแผ่นหยกในมือพร้อมบอกว่า “ไม่ไปส่งนะ!”


“ไปกัน!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงโบกมืออย่างห้าวหาญมาก นำคนเดินออกไปแล้ว


เหมียวอี้ที่โล่งใจกลับมายังที่นอนของตัวเอง นั่งสมาธิบนไม้กระดานต่อไป


คนที่อยู่ใกล้ๆ พากันมองไปที่เขา ในหัวมีแสงสว่างแห่งปัญญาเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่นถังซานที่อยู่ติดกัน ทำสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิด ส่วนปี้เยว่ฮูหยินที่รู้เรื่องความแค้นระหว่างเหมียวอี้กับเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ถอนหายใจเบาๆ แอบชื่นชมว่าเหมียวอี้มีความสามารถ พูดแค่คำสองคำก็ระงับเซี่ยโห้วหลงเฉิงที่จัดการยากที่สุดได้แล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงลงมือขึ้นมา ผู้บัญชาการใหญ่หนิวจะต้องปวดหัวแน่นอน


เพราะสาเหตุนี้เอง ปี้เยว่ฮูหยินจึงเกิดความสงสัยในใจ หรือว่าหนิวโหย่วเต๋อมีความมั่นใจว่ารอดพ้นจากการทดสอบครั้งนี้ไปได้?


ภายใต้คำสั่งของเกาก้วน ได้กำจัดคนที่มาราวีเหมียวอี้แล้วไม่น้อยเลย ถึงแม้ตอนหลังจะมีคนทยอยมายืนยันอีกว่าคนไหนคือหนิวโหย่วเต๋อ แต่กลับไม่มีใครกล้ามาท้าทายอีก


วันฝนตกสลับกันวันฟ้าใสดำเนินไปต่อเนื่องเป็นเวลาครึ่งเดือนกว่า ระหว่างนั้นยังมีคนทยอยมาถึงเรื่อยๆ


ตอนการทดสอบที่สถานที่ไร้ชีวิตครั้งก่อน กลุ่มคนที่มาสายแล้วโดนเกาก้วนประหารก็ได้มีให้เห็นเป็นบทเรียนแล้ว ไม่มีใครกล้าตกค้างอีก สมาชิกผู้เข้าร่วมการทดสอบหนึ่งล้านแปดแสนกว่าคน ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรืออยู่ไกล ต่างก็มากันครบก่อนจะถึงกำหนดเวลา


ฝนตกอีกครึ่งเดือน ฟ้าใสอีกครึ่งเดือน จากนั้นก็มีฝนตกติด่อกันอีกหลายวัน


ยิ่งเข้าใกล้วันทดสอบ สมาชิกผู้เข้าร่วมทดสอบที่รออยู่ในเพิงมุงจากของพื้นแอ่งก็เรียกได้ว่าเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทีละนิด ทุกคนผ่อนคลายไม่ไหวอีกต่อไป แดนอเวจีเชียวนะ! แดนอเวจี! นั่นคือสถานที่อันตรายซึ่งราชันสวรรค์เคยนำทัพใหญ่ไปปราบเองแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้!


ไม่ได้ยินเสียงหัวเราะใดๆ จากในพื้นแอ่งนั้นอีกแล้ว สมาชิกวิ่งเต้นไปทั่ว ตามหาพันธมิตรอย่างเร่งด่วน เพื่อรับมือกับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น พวกจางฮั่นฟางก็ไม่มีอารมณ์มาหาเรื่องเหมียวอี้เช่นกัน ต่างก็กำลังวางแผนสำหรับเข้าแดนอเวจี ส่วนซูลี่ก็ตามติดอยู่หลังก้นพวกจางฮั่นฟาง


แม้แต่ปี้เยว่ฮูหยินที่เป็นคนนอกก็ยังรู้สึกกดดันเพราะตัวอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ สมาชิกหนึ่งล้านแปดแสนกว่าคนที่เข้าร่วมการทดสอบ ไม่รู้ว่าจะรอดชีวิตกลับมาได้สักกี่คน ตรงหน้ามีคนเดินไปเดินมา นางเอียงหน้ามองไปทางเหมียวอี้ที่นั่งสมาธิฝึกตนอยู่ในมุม มีเพียงเหมียวอี้ที่ไม่ขยับเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้ไปหาพันธมิตร


นางเองก็รู้อย่างแจ่มแจ้ง ว่าเขาคือคนโดดเดี่ยวในการทดสอบครั้งนี้ ทั้งยังเป็นคนโดดเดี่ยวที่ทุกคนอยากจะเหยียบอีกด้วย ต่อให้ไปหาพรรคพวกแต่ก็ไม่มีใครต้องการอยู่ดี ทำได้เพียงโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ในมุม


ในวันที่ฝนห่าใหญ่เทลงมาในแอ่ง ปี้เยว่ฮูหยินและแม่ทัพภาคอีกแปดร้อยกว่าคนรวมตัวกันฟังคำสั่งเกาก้วน หลังจากได้รับคำสั่งแล้วก็กลับมายังที่พักของตัวเองเพื่อแจกจ่ายกฎกติกาในการทดสอบให้ลูกน้องทุกคน


เหมียวอี้และสมาชิกผู้เข้าร่วมทดสอบคนอื่นๆ รับแผ่นหยกมาอ่านเนื้อหาที่อยู่ในนั้นอย่างละเอียด เนื้อหาการทดสอบรวมทั้งวิธีตัดสินคะแนนทดสอบนับว่าถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว


ในเนื้อหาระบุไว้ว่า พื้นที่บริเวณทางเข้าออกของแดนอเวจีไม่รวมอยู่ในขอบเขตการทดสอบ เพราะพื้นที่สองเขตนั้นถูกตำหนักสวรรค์สำรวจจนคุ้ยเคยตั้งนานแล้ว สมาชิกผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องไปสำรวจสถานการณ์ของอาณาเขตอื่น


เกณฑ์การตัดสินคะแนนก็จะอิงตามขนาดอาณาเขตที่สำรวจรวมทั้งรายละเอียดสถานการณ์ที่สำรวจได้ คนเข้าร่วมการทดสอบมากขนาดนี้ เขตพื้นที่ที่สำรวจได้จะต้องมีซ้ำกันอยู่แล้ว แต่ตำหนักสวรรค์ไม่ได้สนใจมากขนาดนั้น ใครสำรวจเขตพื้นที่ได้ใหญ่กว่า สืบเสาะสถานการณ์ได้ละเอียดกว่า คนนั้นก็จะชนะ ไม่มีเหตุผลอื่นต้องอธิบาย


นอกจากนี้ ถ้าใครสำรวจในเขตที่คนอื่นไม่มีข้อมูล ก็แสดงว่าไปในที่ที่คนอื่นไม่กล้าไป ก็จะถูกเน้นให้อยู่ในกลุ่มผู้ที่มีโอกาสชนะ


ถ้าใครหาประตูดวงดาวบานใหม่ที่ไปแดนอเวจีพบ หรือหาเส้นทางใหม่สำหรับเข้านรกพบ ก็สามารถมารายงานตัวเพื่อจบการทดสอบได้ทุกเมื่อ ต่อให้เจ้าจะเข้าร่วมการทดสอบได้แค่ปีเดียว แต่เจ้าจะไม่เข้าร่วมการทดสอบตอนหลังก็ได้ จะถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ชนะโดยตรง ตลาดสวรรค์แปดพันกว่าแห่งของตำหนักสวรรค์ เจ้าจะเลือกเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าระดับของเจ้าจะสูงหรือต่ำ แต่ก็จะถูกเลื่อนยศให้เป็นแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบโดยตรง จะได้ค่าจ้างเหมือนแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบ ถ้ามียศเดิมระดับนั้นอยู่แล้ว ก็จะถูกเลื่อนให้สูงขึ้นอีกขั้น


เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทางเข้าออกแห่งเดียวถูกคนค้นพบเยอะเกินไป คนที่ค้นพบก่อนจะชนะ ส่วนคนที่เหลือไม่นับ ต้องกลับไปอยู่จนจบเวลาทดสอบที่เหลืออยู่


ทุกจุดที่สำรวจค้นหามาได้ จะต้องมีภาพเส้นทางที่ละเอียดเพื่อให้ตำหนักสวรรค์ตรวจสอบได้ ถ้าพบว่ามีใครหลอกลวง ประหาร!


จุดสิ้นสุดการทดสอบคือทางเข้าแดนอเวจีที่แผนที่ดาวระบุไว้


เวลาของการทดสอบยังคงเป็นหนึ่งร้อยปีเหมือนเดิม!


คำเตือนสุดท้ายก็คือ สมาชิกที่เข้าร่วมทดสอบอย่าเอาแค่คิดจะดักซุ่มอยู่ใกล้ๆ ทางออกแดนอเวจีเพื่อปล้นฆ่าผลงานที่สมาชิกคนอื่นหามาอย่างยากลำบาก โจรกบฏในนรกจะต้องรู้ข่าวเรื่องการทดสอบครั้งนี้แล้วอย่างแน่นอน บริเวณทางออกคือจุดที่อันตรายที่สุด ให้ทุกคนชั่งน้ำหนักผลที่จะตามมาเอาเอง มีแค่ช่วงที่ใกล้จะจบการทดสอบเท่านั้น ตำหนักสวรรค์ถึงจะส่งกองทัพใหญ่ไปกวาดล้างเขตพื้นที่นั้น ควบคุมบริเวณทางออกเพื่อปกป้องให้ทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัย


ถ้าการทดสอบจบแล้วเข้ามาในบริเวณทางออก ในขอบเขตที่กองทัพใหญ่ควบคุมอยู่จะไม่อนุญาตให้ปล้นฆ่ากันเอง หากใครฝ่าฝืน ก็ไม่ว่าจะมีภูมิหลังเป็นอย่างไร ประหารไม่ละเว้น!


ส่วนเวลาอื่นและสถานที่อื่นในระหว่างที่ทดสอบ ทุกคนจะทำอะไรก็ตามใจ อย่างไรเสียหลังจากที่ทุกคนเข้าไปในนรกแล้ว ตำหนักสวรรค์ก็ไม่มีทางควบคุมการกระทำของทุกคนได้อยู่ดี ที่บอกว่าห้ามทำอย่างนั้นห้ามทำอย่างนี้ก็เป็นเพียงการหลอกตัวเอง


เจตนานี้ชัดเจนมาก ต้องการจะกดดันให้คนหนึ่งล้านแปดแสนกว่าคนนี้ทดสอบอย่างซื่อสัตย์ อย่าคิดที่จะมาชุบมือเปิบในด่านสุดท้าย


เมื่อเนื้อหาคำเตือนประกาศออกมา ก็ไม่รู้ว่ามีคนตั้งเท่าไรที่ร่ำร้องในใจ โดยเฉพาะพวกที่เป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์อยู่แล้ว หรือไม่ก็ลูกหลานผู้มีอำนาจที่สามารถดึงกำลังพลมาช่วยเหลือได้ มีคนไม่น้อยที่เตรียมจะซ่อนตัวอยู่บริเวณทางออกเพื่อรอปล้นผลงานของคนอื่นในตอนสุดท้าย ตอนนี้นับว่าสิ้นหวังโดยสิ้นเชิงแล้ว


ถ้าไม่แย่งชิงตรงทางออก แล้วคิดจะแย่งชิงตรงจุดอื่น นรกกว้างใหญ่ขนาดนั้น เจ้าก็ต้องเจอเป้าหมายเหมือนกัน อย่างน้อยตัวเองก็ต้องวิ่งไปทุกที่ถึงจะได้ ถ้าตัวเองกล้าเพ่นพ่านไปทุกที่ ก็แสดงว่าจริงจังกับการทดสอบแล้ว ยังจะต้องไปปล้นอะไรใครอีกล่ะ


คนที่มีความคิดไม่ซื่ออยู่ในใจคาดไม่ถึงว่ากติกาการทดสอบครั้งนี้จะเด็ดขาดขนาดนี้ นี่คือการบังคับให้ทุกคนสู้สุดชีวิต หรือไม่ก็กดดันให้ผู้บัญชาการใหญ่บางคนที่อยากจะรกษาตำแหน่งไว้เป็นฝ่ายสละตำแหน่งเอง


จาเหรินจวิ้นที่ถือกติกาทดสอบอยู่ในมือเรียกได้ว่าใจแป้วไปครึ่งหนึ่งแล้ว การทดสอบสองครั้งก่อนหน้านี้อนุญาตให้ปล้นฆ่ากันในด่านสุดท้ายไม่ใช่เหรอ? ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?


แล้วแบบนี้เขาจะให้จาหรูเยี่ยนอาหญิงของตัวเองไปบอกกำลังพลของอาเขยเพื่ออะไร เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองมีศักยภาพพอที่จะนำกลุ่มคนฝ่าฟันอยู่ที่แดนอเวจีได้


พอได้อ่านกฎกติกานี้แล้ว ก็ไม่รู้ว่ามีลูกหลานผู้มีอำนาจตั้งเท่าไรที่อยากจะเอาหัวโขกพื้นให้ตาย อยากจะถอนตัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว ถ้าอยากจะมองเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่นๆ ก็ต้องถามท่านผู้คุมหน้านิ่งคนนั้นก่อนว่าอนุญาตมั้ย!


นี่คือกติกาการทดสอบที่พุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงตลาดสวรรค์อย่างแท้จริง ต้องการจะเตะพวกไร้คามสามารถออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ให้หมด


มีผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์มากมายที่ตัดใจแล้วโดยสิ้นเชิง ความหวังสุดท้ายที่จะรักษาตำแหน่งไว้ถูดตัดทิ้งไปแล้ว ทำได้เพียงละทิ้งตำแหน่งเพื่อรักษาชีวิต


คนบางคนก็เป็นแบบนี้ เวลาสู้ตายปล้นแย่งกับคนของตัวเองหรือต่อสู้กันเองภายใน พวกเขาก็ค่อนข้างมีความกล้าหาญ ทำงานคนเดียวได้ประสิทธิภาพเหมือนทำสองคน แต่พอเจอกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นหรือสิ่งที่ไม่รู้ชัดเจน ก็จะค่อนข้างหวาดกลัว จะเริ่มหดหัวทันที ลักษณะอันน่าเกรงขามตอนอยู่กับหน่วยงานของตัวเองหายไปหมดสิ้น


ทว่ากฎการทดสอบที่เข้มงวดแบบนี้ สำหรับพวกนักพรตที่ไม่มีภูมิหลังและมาสมัครเข้าร่วมทดสอบเพื่ออนาคต หลังจากได้อ่านแล้วก็ดีใจมาก อย่างน้อยตำหนักสวรรค์ก็รับประกันความยุติธรรมให้พวกเขาได้ในระดับหนึ่ง


ถ้ากฎการทดสอบนี้ประกาสไปตั้งแต่แรก เกรงว่าคนที่อยากจะมาเข้าร่วมการทดสอบคงจะไม่ได้มีแค่เท่านี้


สมาชิกที่เข้าร่วมทดสอบแต่ละคนที่ได้รับแจกกฎการทดสอบ ตอนนี้กำลังอ่านเนื้อหาอย่างจริงจริงจังอยู่ในเพิงมุงจาก บางคนก็ดีใจบางคนก็กลุ้มใจ


สำหรับคนส่วนใหญ่ นี่คือหนึ่งวันหนึ่งคืนที่ลำบากเกินทน


วันต่อมา ฝนยังไม่หยุด เมฆดำลอยเต็มฟ้า ละอองฝนโปรยปราย


ในห้องถ้ำบนยอดเขา ท่านผู้คุมที่สีหน้าเย็นชา สวมหมวกทรงสูง สวมผ้าคลุมสีดำ สวมรองเท้ายาวสีดำที่มีพื้นหนาสีขาวเดินก้าวยาวออกมา ทางซ้ายและขวามีกำลังพลสองกลุ่มเดินออกมาและกระจายตัวกัน


เกาก้วนที่ยืนอยู่บนบันไดยื่นฝ่ามือสีขาวข้างหนึ่งจากผ้าคลุมออกมารับเม็ดฝนที่เย็นใส


“นายท่าน!” จุยหย่วนที่อยู่ข้างกายกุมหมัดคารวะ “ถึงเวลาแล้วขอรับ!”


เกาก้วนสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตอบอะไร ฝ่ามือที่รับละอองฝนโบกเบาๆ


“ขอรับ!” จุยหย่วนหันตัวมา แล้วตะโกนว่า “ลั่นกลอง!”


ทหารสวรรค์ด้านล่างที่ยืนตากฝนอยู่ตรงหน้ากลองสะท้านฟ้าโบกไม้กลองตีทันที


ตุ้งๆๆๆๆ…


เสียงกลองสะท้านฟ้าดังก้องฮึกเหิม ละอองฝนที่โปรบปรายสั่นไหวตามเสียงกลอง เมฆดำที่อยู่บนฟ้าก็สะเทือนขึ้นลงเช่นกัน เสียงกลองดังพอที่จะครอบคลุมทั้งพื้นแอ่ง


น้ำที่ขังอยู่ในแอ่งเล็กแอ่งใหญ่ระหว่างเพิงมุงจากสะเทือนจนเป็นโคลนขุ่นทันที กระเพื่อมเป็นระลอก สมาชิกผู้เข้าร่วมทดสอบทุกคนต่างก็ตกใจ รวมทั้งเหมียวอี้ด้วย คนส่วนใหญ่เพิ่งเคยได้ยินเสียงกลองที่สะท้านใจขนาดนี้เป็นครั้งแรก


ปี้เยว่ฮูหยินกระโดดลงมาจากไม้กระดานที่นั่งสมาธิทันที ตะคอกด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “รวมตัว! ถ้าเสียงกลองดังสามยกแล้วยังไม่ประจำตำแหน่ง ประหาร!”


เสียงของแม่ทัพภาคแต่ละคนในพื้นแอ่งดังต่อเนื่องเป็นระลอก


ชั่วพริบตาเดียว เงาคนนับไม่ถ้วนก็แฉลบลอยออกมาจากเพิงมุงจาก ต่างคนต่างลอยอยู่บนฟ้าเหนือเพิงมุงจากของตัวเอง ลอยจัดแถวอยู่ในพื้นแอ่งพลางฟังเสียงกลองที่เขย่าใจคน ปี้เยว่ฮูหยินและแม่ทัพภาคคนอื่นๆ รีบนับว่ากำลังพลมากันครบหรือยัง หากจำนวนคนที่เข้าแดนอเวจีผิดพลาด คนที่จะซวยก่อนก็คือพวกเขา


กำลังพลที่ลอยกระจายยุ่งเหยิงอยู่บนพื้นแอ่งเปลี่ยนเป็นมีระเบียบอย่างรวดเร็ว กำลังพลหนึ่งล้านแปดแสนกว่าคนสวมชุดเกราะเรียงแถวอยู่ภายใต้เมฆครึ้มที่พัดม้วน มีพลังอำนาจน่าตกตะลึง


หลังจากเสียงกลองสามยกจบลง ท่ามกลางกองทัพใหญ่เกราะทองที่ยาวเหยียดจนมองไม่เห็นปลายแถวก็ไม่มีช่องว่างแล้ว


เกาก้วนกวาดสายตาเย็นเยียบมองกองทัพใหญ่ที่รวมตัวกัน จู่ๆ ก็โบกมือสะบัดผ้าคลุม เหาะพุ่งขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว


“ออกเดินทางตามลำดับแถว!” จุยหย่วนร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนด้วยเสียงอันดังก้อง


…………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)