ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1194-1201

บทที่ 1194 การแข่งขันคลานของเด็กทารก

 

ตามที่ฉินสือโอวคาดเดาไว้ สุดท้ายผู้กำกับใหญ่ก็ไม่สามารถพานิมิตส์ไปได้


ด้วยเหตุนี้นิมิตส์จึงวิ่งไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า วินนี่ก็ทิ้งมันไม่ลง จึงพูดกับผู้กำกับใหญ่ด้วยหน้าตาโศกเศร้าว่า “คาเมรอน วิธีนี้ไม่ได้ผล ต่อให้คุณพามันไปนิวยอร์กหรือลอสแองเจลิสก็ตาม มันก็ยังสามารถบินกลับมาได้ ถึงตอนนั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ?”


นกโจรสลัดใหญ่ก็เป็นราชาแห่งท้องนภา นกโจรสลัดธรรมดาทั่วไปปกติจะบินได้หนึ่งพันหกร้อยกิโลเมตรและบินได้ไกลมากสุดถึงสี่พันกิโลเมตร แต่นิมิตส์ถือเป็นราชาแห่งราชาที่ถูกเปลี่ยนแปลงโดยพลังโพไซดอน จึงสามารถบินได้ไกลถึงหกพันกิโลเมตรได้อย่างไม่มีปัญหา!


คาเมรอนถอนหายใจ ในที่สุดเขาก็ต้องยอมรับความจริงว่าเขาไม่สามารถพานิมิตส์ไปได้


อันที่จริงการพานิมิตส์ไปใช้เวลาไม่นาน ซึ่งจะใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน โดยปกติแล้วช่วงเวลาเพียงเท่านี้ยังถ่ายทำไม่เสร็จด้วยซ้ำ แต่คาเมรอนก็ต้องพานิมิตส์กลับแล้ว เพื่อรวบรวมข้อมูลภาพและเสียง จะมีสตูดิโอไอแอลเอ็มของบริษัทมาทำเทคนิคพิเศษ


แค่สิบห้านาทีนิมิตส์ยังไม่สามารถไปกับเขาได้ นับประสาอะไรกับครึ่งเดือนล่ะ?


ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงพูดโน้มน้าวคาเมรอนว่า “หรือว่าคุณจะกลับไปวางแผนเรื่องอื่นก่อนล่ะ? ผมกับวินนี่จะจัดการหาที่พักในฟาร์มปลาให้ จากนั้นพอมีเวลาว่างเราจะพานิมิตส์ไปหาคุณ เป็นอย่างไรบ้าง?”


คาเมรอนรู้สึกว่าข้อเสนอนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็ทำได้เพียงเท่านี้ เขาไม่สามารถพานิมิตส์ไปได้และถ้ายังฝืนพานิมิตส์ไปอีก บุชและแคลร์จะต้องทำสงครามกับเขาแน่นอน


ผู้กล้าทั้งสามบนท้องฟ้าต่างไม่พอใจกับการกระทำของเขาเป็นอย่างมาก เดิมบุชเป็นนกแห่งสงครามที่พร้อมต่อสู้มากเป็นพิเศษ จึงไม่มีใครกล้ายั่วโมโหมัน เพราะอาจจะพาความวุ่นวายมาให้ได้ และการกระทำของคาเมรอนที่ทำกับนิมิตส์ในครั้งนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการยั่วโมโหมัน


ในที่สุดคาเมรอนก็ออกจากฟาร์มปลาอย่างโดดเดี่ยว โชคดีที่ยังได้รับผลประโยชน์อยู่บ้าง เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาได้รวบรวมข้อมูลวิดีโอความคมชัดสูงของนิมิตส์ไว้จำนวนมาก ซึ่งสามารถส่งไปให้แผนกเทคนิคพิเศษทำการพัฒนาขั้นต้นได้


หลังจากพิธีหมั้นแล้ว ฟาร์มปลาก็กลับเข้าสู่ความเงียบสงบ ชาวประมงต่างก็ยุ่งอยู่กับการตกปลาและจับกุ้ง ในขณะที่ฉินสือโอวกลับมองดูเมฆบนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ เป็นเพื่อนวินนี่


ยังมีเรื่องอีกมากมายในฟาร์มปลา แซนเดอร์สได้ทำการเปลี่ยนที่เพาะเลี้ยงปูดันเจเนสส์ไปเป็นขั้นตอนสุดท้ายและในที่สุดปูดันเจเนสส์ก็จะถูกปล่อยลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติก


หลังจากเพาะเลี้ยงได้สองเดือน ปูดันเจเนสส์พวกนี้ก็สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือได้ แน่นอนว่าสิ่งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแซนเดอร์สเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและนี่ก็เป็นผลมาจากพลังโพไซดอน


โลกภายนอกอาจจะไม่รู้ แซนเดอร์สและนักเรียนของเขาคิดว่านี่เป็นผลงานของเขา พวกเขาจึงบันทึกรูปแบบการกิน กิจวัตรประจำวันของปูอย่างละเอียดทุกวันและการบันทึกอัตราการตายอย่างชัดเจน แม้แต่ปูแค่ตัวเดียวก็ห้ามละเลย


ตาข่ายลักษณะโค้งงอถูกดึงขึ้นมาจากน่านน้ำแถบชายฝั่งของฟาร์มปลา ซึ่งเป็นการวางอวนขนาดใหญ่ในทะเลให้ห่างจากน่านน้ำทะเล นี่เป็นขั้นตอนที่สองของการเพาะเลี้ยงปูดันเจเนสส์และจะนำปูส่งไปยังน่านน้ำทะเลเพื่อแยกการเพาะเลี้ยง


ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของปูดันเจเนสส์ ถ้าปูดันเจเนสส์ไม่ปรับตัว พวกมันก็อาจจะตายได้ในช่วงนี้ ดังนั้นจึงต้องวางตาข่ายเพื่อให้พวกมันสามารถอยู่รอดต่อไปได้ในฟาร์มปลา


วันนั้นที่มีการเพาะเลี้ยงสัตว์ แซนเดอร์สได้เรียกฉินสือโอวไป เพราะศาสตราจารย์อาวุโสได้เชิญผู้สื่อข่าวมาจำนวนมาก


ศาสตราจารย์อาวุโสยืนอยู่บนฝั่งกำลังมองดูปูที่ยังมีชีวิตอยู่ในบ่อและพูดด้วยความท้อใจว่า “ในที่สุดสองเดือนของการทำงานหนักก็มาถึงวันนี้  บอส คุณไว้วางใจได้จริงๆ จนถึงตอนนี้ การเพาะเลี้ยงปูเหล่านี้ก็ทำสำเร็จแล้ว”


ฉินสือโอวยื่นมือออกมาและพูดว่า “ขอแสดงความยินดีกับศาสตราจารย์ด้วย คุณได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ในวงการเพาะพันธุ์แล้ว”


ชายชราแสดงสีหน้าพึงพอใจ แต่ก็ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมเยือกเย็นว่า “ไม่หรอก การทดสอบเพิ่งเริ่มขึ้น พวกมันจำเป็นต้องมีชีวิตรอดในทะเลถึงจะใช้ได้”


บ่อบำบัดน้ำทะเลทั้งหมดจะมีประตูกักน้ำเพื่อแยกน้ำทะเล ซึ่งในเวลานี้ประตูจะเปิดออกและปูดันเจเนสส์จะถูกดันลงไปในบ่อตามกลิ่นอายของน้ำทะเลบริสุทธิ์ แม้ว่าจะแย่งกันลงทะเลแล้ว พวกมันก็ยังคงแออัดกันอยู่ในบ่อเพาะเลี้ยง


จึงต้องบังคับพวกมันเข้าไป เพราะสุดท้ายก็จะไม่จำเป็นต้องเอาสิ่งเหล่านี้มารวมกันแล้ว ปูดันเจเนสส์ดำดิ่งลงไปบริเวณรอบๆ ฟาร์มปลาอย่างมีความสุขและก็ตื่นเต้นในใจมาก


หลังจากลงน้ำแล้ว ก็เกิดการต่อสู้ตามมาติดๆ


หลังจากเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ปูดันเจเนสส์ก็ยังต้องการอยู่ใกล้ๆ กับบ่อเพาะเลี้ยงตามสัญชาตญาณ ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงเป็นตัวเลือกแรกในการอยู่อาศัยของพวกมัน


ปูตัวเมียขนาดใหญ่จะแย่งชิงสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยที่ดีที่สุดก่อน ส่วนปูตัวเล็กบางตัวก็อยากไปเผชิญเรื่องที่อันตรายมาก ปูตัวเมียจึงอ้าก้ามโตและสอนวิธีปฏิบัติตัว โดยพาปูตัวเล็กมากำจัดเป็นชิ้นๆ!


ทันทีหลังจากนั้น ทิญาก็พาชาวประมงสองคนขึ้นเรือมาเพื่อกระจายอาหาร การเพาะเลี้ยงในระยะนี้ยังคงต้องให้อาหารอยู่ นอกจากการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยแล้ว สิ่งอื่นๆ ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ปูดันเจเนสส์ค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม


หลังจากปูดันเจเนสส์ลงไปในน้ำทะเล แซนเดอร์สก็กลับมางานยุ่งอีกครั้ง ทางฝั่งฉินสือโอวก็กำลังพักผ่อนสงบจิตสงบใจ เพราะเขาเต็มไปด้วยเชื่อมั่นในพลังโพไซดอนและปูดันเจเนสส์ชุดนี้จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน


ในขณะที่เขากำลังเตรียมตัวกลับ ก็มีนักข่าวหลายคนเข้ามาหาเขาและบอกว่าต้องการสัมภาษณ์เขาสักพัก


ฉินสือโอวไม่มีปัญหาอะไร เขาทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงเอาสิ่งของทั้งหมดให้กับแซนเดอร์สรับผิดชอบ เอ๊ะ ไม่ถูกสิ ควรจะพูดว่าคุณงามความดีทั้งหมดนี้ต้องยกให้กับความพร้อมของศาสตราจารย์อาวุโสต่างหาก ดังนั้นจะสัมภาษณ์หรือไม่ก็ไม่สำคัญ


ผลก็คือผู้สื่อข่าวพวกนี้ถามคำถามแค่เพียงสองข้อซึ่งเกี่ยวกับปัญหาการเพาะเลี้ยงปูดันเจเนสส์และจากนั้นเนื้อหาของการสัมภาษณ์ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีระเบิดธนูใส่ปลาของเยาวชน


ซึ่งเรื่องนี้ฉินสือโอวแทบจะลืมไปแล้ว หลังจากการพิจารณาคดีครั้งแรกของเยาวชนทั้งสี่ถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาก็คิดว่ามันจบลงแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่


ในช่วงแรกคำตัดสินของศาลเซนต์จอห์นสรุปว่า เยาวชนทั้งสี่ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายโดยใช้อาวุธรุนแรงและฆ่าปลาวาฬ เนื่องจากโทษในการล่าและอนุรักษ์สัตว์หรือเต่ามะเฟืองยังคงมีอยู่


ครอบครัวของเยาวชนทั้งสี่มีความกระตือรือร้นมาก พวกเขาจ้างทีมทนายความที่มีอำนาจเพื่อยื่นอุทธรณ์ คดีนี้จึงถูกส่งไปยังศาลฎีกาแห่งนิวฟันด์แลนด์และผู้สื่อข่าวก็ถามคำถามที่เกี่ยวกับเรื่องนี้


ฉินสือโอวไม่มีอะไรจะพูด เพราะเรื่องนี้อาจจะทำให้ถูกจับได้ง่ายๆ ถ้าไม่มีเออร์บักอยู่ข้างๆ เขาจะไม่กล้าพูดไร้สาระกับนักข่าว ถ้าพูดอะไรสะเพร่าออกไป ก็จะถูกคนพวกนี้หาผลประโยชน์ใส่ตัวเองและทำให้เรื่องวุ่นวายได้


ใครจะไปรู้ว่านักข่าวพวกนี้คิดจะมาสัมภาษณ์อะไรเขา? ถึงอย่างไรก็ต้องระวังตัวอยู่เสมอ ก็เหมือนกับการป้องกันนิมิตส์จากคาเมรอน เพราะมักจะมีลางสังหรณ์ว่าจะมีคนไม่ดีหวังจะมาทำร้ายเสมอ!


หลังจากกลับไปที่วิลล่า วินนี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับไปหาเขาและพูดว่า “ที่รัก พ่อแม่มีแผนจะกลับมา แต่ก่อนจะกลับ ฉันอยากรวมตัวครอบครัวของเราทุกคนและจัดกิจกรรมร่วมกันสักครั้ง”


ฉินสือโอวกอดเธอและถามว่า “กิจกรรมอะไรล่ะ? ผมจะสนับสนุนคุณอย่างเต็มที่เลย”


“พาเสี่ยวเถียนกวาไปเข้าร่วมการแข่งขันการคลานของเด็กเล็กแคนาดาที่เซนต์จอห์นค่ะ!” วินนี่กล่าว


“อะไรนะ? มีการแข่งขันแบบนี้ด้วยเหรอ?” ฉินสือโอวตอบ


มิแรนดาอธิบายให้เขาฟังทันทีว่าวันจันทร์ที่ใกล้จะถึงนี้คือวันที่ 24 มิถุนายน ถูกกำหนดให้เป็นวันแห่งการค้นพบของทุกปี ซึ่งเป็นเทศกาลท้องถิ่นที่ไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเท่าไร แต่เทศกาลนี้มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากนั่นคือ “กิจกรรมการเดินขบวนสำหรับเด็ก”


เทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงผู้คนที่ค้นพบนิวฟันด์แลนด์เป็นครั้งแรกในปี 1497 ตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมา เทศกาลนี้จึงได้รวมอยู่ในการจัดวันหยุดของนิวฟันด์แลนด์ด้วย ซึ่งในวันนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถหยุดได้หนึ่งวัน


สำหรับกิจกรรมการเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ คือเด็กที่เพิ่งหัดเดินจะมารวมตัวกันเดินขบวน ซึ่งฉินสือโอวก็ไม่รู้ว่ากิจกรรมนี้เกี่ยวอะไรกับ ‘วันแห่งการค้นพบ’…

 

 

 


บทที่ 1195 วันแห่งการค้นพบ

 

การแข่งขันคลานของเด็กทารกเป็นกิจกรรมที่เพิ่งปรากฏขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ หลังจากเกิดขึ้นแล้วก็กลายเป็นที่นิยมในหมู่ชาวแคนาดาอย่างรวดเร็ว จากที่มิแรนดากล่าวไว้ พบว่าการแข่งขันคลานของเด็กทารกในวันแห่งการค้นพบนี้เป็นกิจกรรมที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา


การเข้าร่วมกิจกรรมประเภทนี้เป็นเรื่องที่ดี พวกเขาอยู่ใกล้กับเซนต์จอห์นอยู่แล้ว ฉินสือโอวจึงช่วยเสี่ยวเถียนกวาลงชื่อสมัคร เขาจะต้องโทรศัพท์กรอกใบสมัครทางออนไลน์ เมื่อถึงเวลาก็จะใช้รหัสเชิญทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน


การจัดการเป็นไปอย่างราบรื่น ฉินสือโอวใช้โทรศัพท์มือถือจัดการจนเสร็จ จากนั้นก็เริ่มทำการฝึกให้เสี่ยวเถียนกวา


โดยปกติเวลาที่เถียนกวาไม่มีอะไรทำเธอมักจะคลานไปรอบๆ บ้าน ด้วยเหตุนี้วินนี่จึงสั่งพรมขนสัตว์ครบชุดจากอินเทอร์เน็ตมาไว้ ดังนั้นในวิลล่ารวมไปถึงบันไดจึงมีเบาะนุ่มๆ เต็มไปหมด


ฉินสือโอวเห็นเถียนกวาจึงผิวปากพร้อมกับกวักมือเรียกให้เธอคลานมาหาเขา


ทันใดนั้น เด็กหญิงตัวน้อยก็ใช้แขนและขาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยพละกำลังคลาน ‘กระดึ๊บๆ’ เข้ามา


ฉินสือโอวอุ้มลูกสาวขึ้นมาพร้อมกับยิ้มและพูดว่า “เฮ้ นักกีฬาตัวน้อย เตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง? เดี๋ยวปาป๊ากับหม่าม๊าจะพาหนูไปเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศเร็วๆ นี้นะ”


เด็กหญิงตัวน้อยทำเสียงพึมพำพร้อมกับจ้องตาโตไปที่ฉินสือโอว หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา เธอก็เปิดปากกว้างและยิ้มอย่างไร้เดียงสาพร้อมกับส่งเสียงเป็นคำๆ ออกมาว่า “เฮ้…”


ฉินสือโอวถึงกับสะดุ้ง เสี่ยวเถียนกวาก็ยังคงส่งเสียง ‘เฮ้’ ไม่หยุด จึงทำให้เขามีปฏิกิริยาตกใจที่ลูกสาวของเขาพูดได้แล้ว!


การค้นพบเรื่องนี้ทำให้เขาดีใจมากจนทำตัวไม่ถูก แม้เขาจะรู้ว่านี่ไม่ใช่การพูดที่มีความหมายจริงๆ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการเลียนแบบพ่อแม่ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งไม่ว่าจะพูดอะไร นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในการเติบโตและพัฒนาการของเด็ก


เขาอุ้มลูกสาวมานั่งบนโซฟาแล้วสอนเธอว่า “เด็กดี ลูกรัก เรียนรู้ตามปาป๊านะ ปาป๊า…”


“เฮ้ๆ” เสี่ยวเถียนกวายิ้มและยังคงพูดคำนี้ออกมาไม่หยุด


ฉินสือโอวจึงสอนว่า “ไม่ใช่นะไม่ใช่ ต้องเป็นปาป๊าๆๆ!”


“โอ้” เด็กหญิงตัวน้อยตอบรับและหยุดพูด เธอเอื้อมมือไปจับจมูกของฉินสือโอว หลังจากบีบไปมาสองครั้ง เธอก็หัวเราะคิกคักออกมาและจากนั้นแม้แต่คำว่า ‘เฮ้’ เธอก็ไม่พูดออกมาอีกเลย


วินนี่เดินออกจากห้องน้ำและมองดูฉินสือโอวที่กำลังสอนลูกสาวพูด เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ยังเร็วเกินไปนะคะที่รัก เด็กต้องใช้เวลาอย่างน้อยหกเดือนถึงจะเลียนแบบคำที่พ่อแม่สอนมาพูดตามได้”


“ไม่ๆๆ เมื่อกี้ลูกสาวเลียนคำพูดของผม” ฉินสือโอวกล่าว


วินนี่ลุกขึ้นนั่งด้วยความประหลาดใจและถามว่า “จริงเหรอคะ? พูดตามคุณว่าอะไรคะ?”


ฉินสือโอวจูบลูกสาวและพูดว่า “เฮ้”


เสี่ยวเถียนกวายื่นมือออกมาลูบจมูกของเขาไม่หยุด ฉินสือโอวจึงส่ายหัวด้วยสีหน้าจนปัญญา “นี่มันเล่นไม่ได้นะ หนูต้องอ้าปากพูดสิ ถ้าพูดแล้วปาป๊าจะให้เล่นนะ”


เด็กหญิงตัวน้อยหัวเราะคิกคัก ฉินสือโอวยิ่งหลบเธอก็ยิ่งจับ ไม่มีทางอื่นแล้ว ฉินสือโอวจึงร้องเรียกฉงต้ามา หลังจากรอให้มันนั่งลงแล้วก็เอาเด็กหญิงตัวน้อยเข้าไปในอ้อมแขนของมันและหาของเล่นใหม่ให้ลูกสาว


เสี่ยวเถียนกวาไม่เหมือนกับเด็กทารกคนอื่นๆ เธอไม่ค่อยสนใจของเล่นธรรมดาๆ ทั่วไป เพื่อนเล่นและของเล่นของเธอก็เป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ในฟาร์มปลาและยังมีเด็กอ้วนอีกคนด้วย


เมื่อเด็กตัวใหญ่โตขึ้น แอนนี่ไม่สามารถอุ้มคนเดียวได้แล้วและบูลก็ต้องออกไปทำงานทั้งวันหรือไม่ก็ต้องเข้าเวรตลอดทั้งคืน ดังนั้นตอนกลางวันเธอจะพาลูกมาที่ฟาร์มปลาหรือไม่วินนี่ก็จะพาลูกไปหาเธอ ทั้งสองจะพาลูกๆ มาหากัน


เด็กอ้วนที่คลานไม่ได้จึงกลายเป็นของเล่นสุดโปรดอีกอย่างหนึ่งของเสี่ยวเถียนกวา ขอแค่ได้เจอ เธอก็จะต้องหยิกแก้มของเด็กอ้วนทันที ตอนแรกเด็กอ้วนทั้งดิ้นและร้องไห้ แต่จากนั้นพอโดนบ่อยขึ้น คาดกันว่าคงจะยอมให้แล้ว เด็กอ้วนจึงไม่ดิ้นรนอีกต่อไป


แอนนี่มีความสุขมากที่ได้ให้เสี่ยวเถียนกวาแกล้งลูกชาย เพราะเด็กอ้วนเป็นเด็กที่ขี้เกียจมาก เมื่อไรที่กินอิ่มก็จะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย พอมีเสี่ยวเถียนกวามาแกล้ง เด็กอ้วนตัวใหญ่ก็ขยับตัวมากขึ้นและเติบโตได้เร็วขึ้นด้วย


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันที่ใกล้กับวันจันทร์ที่ 24 มิถุนายนที่สุดก็คือวันที่ 22 มิถุนายน ในตอนเช้าวินนี่สวมสนับเข่าและถุงมือที่แม่ฉินทำไว้ให้แล้วเตรียมตัวไปคว้าแชมป์ที่เซนต์จอห์น


ฉินสือโอวรู้สึกว่าแม้ว่าลูกสาวจะยังเด็ก แต่ฝ่ายตรงข้ามของเธอล้วนเป็นเด็กอายุแปดเดือน สิบเดือนหรือสิบสองเดือนกันทั้งนั้น ซึ่งเธอได้เข้าร่วมในกลุ่มที่อายุต่ำกว่าสิบสองเดือน


ในตอนที่ลงชื่อสมัครฉินสือโอวไม่พอใจมาก ทำไมไม่มีกลุ่มการแข่งขันอายุต่ำกว่าหกเดือน? เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมจริงๆ ที่ลูกสาวจะลงแข่งขันกับกลุ่มเด็กที่มีอายุมากกว่าเธอถึงสองเท่า


แอนนี่และบูลก็ได้พาเด็กอ้วนเข้าร่วมการแข่งขันนี้เช่นกัน แต่พวกเขาเน้นไปที่การมีส่วนร่วมเท่านั้น หลังจากผ่านการแกล้งของเถียนกวามาอย่างโชกโชนแล้ว ในที่สุดเด็กอ้วนก็เรียนรู้ที่จะคลาน แต่ระยะทางนั้นไม่ไกลมากนัก เขาคลานได้เพียงสองถึงสามเมตรเท่านั้นจากนั้นก็ไม่คลานอีกเลย


การแข่งขันนี้จัดขึ้นที่จัตุรัสอนุสรณ์นิวฟันแลนด์ เมื่อถึงเวลาจะมีเด็กๆ ที่เพิ่งหัดเดินมาเข้าแถวเดินขบวนและพวกเขาจะต้องเดินไปรอบๆ จัตุรัสอีกด้วย


เทศกาลนี้เป็นเทศกาลท้องถิ่น มีเพียงนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์เท่านั้นที่มีการเฉลิมฉลองนี้ แต่ก็ยังได้รับการยกย่องในท้องถิ่น เนื่องจากนายกเทศมนตรีเมืองแฮมเล็ตเป็นเจ้าภาพเป็นการส่วนตัว


หลังจากที่ฉินสือโอวมาถึงเขาก็แลกรหัสยืนยันอิเล็กทรอนิกส์เป็นบัตรแข่งขัน หมายเลขก็คือ 0088 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีมาก เมื่อพ่อฉินและแม่ฉินเห็นตัวเลขที่ราบรื่นนี้จึงหัวเราะและพูดว่า “เสี่ยวเวยจะได้คะแนนดีแน่นอนและพระเจ้าจะคุ้มครองเธอด้วย”


จัตุรัสอนุสรณ์ถูกจัดให้เป็นสนามเด็กเล่นสำหรับเด็ก เพราะในนั้นมีสิ่งของมากมาย เช่น บ้านสไลเดอร์ สไลเดอร์รูปสัตว์ เก้าอี้ล้อเลื่อน เก้าอี้หมุนไฟฟ้า กลองเหยียบ รถกันชนไฟฟ้ารูปแบบต่างๆ รถตำรวจไฟฟ้ารวมกับกันชนและอื่นๆ


ไม่รู้ว่าผู้จัดงานเริ่มเตรียมการมานานแค่ไหน แต่สิ่งอำนวยความสะดวกในสวนสนุกนั้นครบถ้วนมาก ซึ่งมีความแปลกใหม่เล็กๆ และมีสีสันสดใส


ชิงช้าสวรรค์ขนาดเล็กสร้างขึ้นตรงใจกลางจัตุรัส ถัดจากนั้นมีรถไฟสวนสนุกห้าขบวนวิ่งบนรางวงกลม ภายในรางก็เป็นสนามหญ้าเล็กๆ เด็กๆ ที่นั่งอยู่ในรถไฟขบวนเล็กๆ คงจะรู้สึกเหมือนกำลังขับรถอยู่ในทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่


เมื่อเห็นของเล่นชิ้นใหญ่เหล่านี้ ดวงตาของเด็กอ้วนก็เป็นประกายทันที เขายื่นมือและกรีดร้องออกมาพร้อมกับวิ่งไปที่ของเล่น


เถียนกวากลับไม่รู้สึกอะไร เธอกวาดสายตามองดูคร่าวๆ และสายตาของเธอก็โฟกัสไปที่หู่จือและเป้าจือที่ตามฉินสือโอวมา เมื่อวินนี่วางเธอลงบนพื้น เธอก็คลานไปข้างๆ หู่จือและเป้าจือทันทีพร้อมกับคว้าเจ้าแลบราดอร์มาเล่นด้วยตัวเอง


ฉินสือโอวเป็นคนมีชื่อเสียงในท้องถิ่น หู่จือและเป้าจือจึงเป็นสุนัขที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นเช่นกัน หลังจากที่พวกเขามาถึงก็มีคนเข้ามาทักทาย ฉินสือโอวจึงตอบกลับทีละคน จากนั้นไม่นาน แฮมเล็ตก็มาและเป็นประธานเริ่มกิจกรรมการเดินขบวนของเด็กๆ


เด็กๆ กลุ่มหนึ่งเดินต่อแถวสะดุดกันออกจากจัตุรัส เด็กที่เดินนำหน้าจะเป็นเด็กที่มีอายุน้อยที่สุดและเดาว่ากำลังจะเดินออกไป และจะมีผู้ใหญ่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังคอยดึงเชือกไว้ มือข้างหนึ่งของพวกเขาถือเชือกไว้ส่วนอีกข้างก็ถือธงเล็กๆ พวกเขาทั้งเดินทั้งเล่นกันอย่างมีความสุข


แถวหลังจะมีอายุจะเพิ่มขึ้นตามลำดับและคนสุดท้ายก็คือเด็กอายุสี่ถึงห้าขวบที่ไม่เพียงแต่เดินได้เท่านั้น แต่ยังวิ่งได้อีกด้วย เด็กๆ เหล่านี้สวมเสื้อผ้าสีสันสดใส พวกเขาโบกธงเล็กๆ หรือไม่ก็ของเล่นของตัวเอง ใบหน้าของพวกเขาก็จะวาดธงชาติแคนาดา ใบเมเปิลและพิมพ์อุ้งเท้าสุนัขเล็กๆ เอาไว้


ผู้ปกครองก็คอยจะเดินตามอยู่รอบๆ และมีเด็กบางคนที่เดินอยู่ก็เริ่มร้องไห้ออกมา ทำให้ตอนนี้ผู้ปกครองต้องรีบไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น


กิจกรรมการเดินขบวนที่เหมือนกับละครตลกก็สิ้นสุดลง การแข่งขันคลานของเด็กทารกจะยังไม่เริ่มขึ้น เพราะช่วงต่อไปจะเป็นกิจกรรมการแข่งขันระหว่างเด็กที่เพิ่งหัดเดินกลับไปกลับมาได้

 

 

 


บทที่ 1196 หู่เป้าพากันแตกตื่นไปหมดแล้ว

 

เทศกาลแบบนี้จะเน้นไปที่บรรยากาศ ฉินสือโอวไม่รีบร้อนที่จะแข่งขัน เขาอุ้มลูกสาวและพาสัตว์เลี้ยงพร้อมกับภรรยาไปหาพ่อแม่ และทุกคนก็เดินมาที่จัตุรัสอย่างมีความสุข


มีเด็กๆ จำนวนมาก ขายขนมขบเคี้ยว ของว่างและเครื่องดื่มมากมาย ฉินสือโอวจึงไปซื้อเครื่องดื่มเย็นๆ อย่างสมูทตี้และซื้อของว่างอย่างลูกชิ้นปลาที่เป็นจุดเด่นของเซนต์จอห์น


ทางฝั่งพ่อฉินและแม่ฉินทั้งมองดูด้วยความแปลกใจทั้งกินของว่างไปด้วย และเอ่ยปากชมความมหัศจรรย์ของมันอยู่ตลอดเวลา ฉินสือโอวจึงหัวเราะและพูดว่า “เทศกาลในต่างประเทศก็น่าสนใจเหมือนกันใช่ไหมล่ะครับ?”


พ่อฉินมองไปที่เขาและพูดว่า “สนุกมันก็สนุกนะ แต่สิ่งที่สงสัยคือที่นี่มีเด็กๆ เยอะขนาดนี้ ทำไมไม่เห็นตำรวจรักษาความปลอดภัยสักคนเลย? ดูผู้ปกครองหลายๆ คนก็สบายอกสบายใจ ไม่กลัวว่าลูกจะถูกลักพาตัวไปเหรอ?”


เมื่อได้ยินพ่อพูดเช่นนั้น ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องนั้นที่เจอในตลาดเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นก็มีคนจะลักพาตัวเด็กไปเช่นกัน แต่หู่จือและเป้าจือตามกลิ่นไปจนหาเจอ


แต่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นน้อยมากในเซนต์จอห์น เขาจึงอธิบายว่า “ที่นี่มีคนลักพาตัวเด็กน้อยมากและผมก็ไม่ค่อยได้ยินว่ามีเกิดขึ้นเหตุการณ์แบบนี้บ่อยนัก ดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้ตระหนักถึงการคุ้มครองเด็กในครอบครัว”


แม่ฉินรู้สึกประหลาดใจและพูดว่า “การรักษาความปลอดภัยของเซนต์จอห์นดีขนาดนี้เลยเหรอ?”


ฉินสือโอวจึงคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า “ก็พูดไม่ได้ว่าความปลอดภัยนั้นดี เพราะทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม กฎหมายและประเพณีในแคนาดา คดีที่เกี่ยวกับเด็กเป็นคดีที่ร้ายแรงและใครก็ตามที่ถูกจับได้ว่าลักพาตัวเด็กไปจะต้องถูกตัดสินโทษอย่างหนัก”


“นอกจากนี้ ชาวต่างชาติยังให้ความสำคัญกับครอบครัวและเด็กมาก เมื่อก่อนผมเคยดูข่าว ช่วงก่อนหน้านั้นทางฝั่งเหมาเหว่ยหลง ก็คือที่แฮมิลตัน มีชาวนาพบโจรลักพาตัวเด็ก จึงติดต่อชาวนาโดยตรงและให้ฆ่าคนคนนั้น สุดท้ายดูแล้วเหมือนกฎหมายจะคุ้มครองสถานการณ์แบบนี้ได้ไม่มากนัก”


“จนในที่สุด การตรวจตราและการควบคุมของเซนต์จอห์นก็มีมากขึ้น ลองดูรอบๆ จัตุรัสนี้ มีกล้องวงจรปิดอย่างน้อยห้าสิบตัว ดังนั้นเพียงแค่พบว่ามีเด็กหายไป ก็สามารถมองหาผ่านกล้องได้ทันที ไม่ต้องรอให้ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเพื่อลงบันทึก”


พ่อฉินและแม่ฉินต่างพยักหน้าด้วยความเข้าใจทันทีและบอกว่าประเทศนี้มีความสามารถในการคุมครองเด็กๆ ดีจริงๆ นี่เป็นเรื่องจริง การคุ้มครองเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของแคนาดา คาดว่าจะเป็นประเทศแรกในโลก


ในที่สุดประมาณสิบโมง การแข่งขันคลานของเด็กทารกกำลังจะเริ่มขึ้น


การแข่งขันนี้จัดขึ้นอย่างเป็นทางการมาก มีการแข่งหลายรอบ ฉินสือโอวจึงส่งเสี่ยวเถียนกวาให้วินนี่อุ้ม เพื่อที่เธอจะได้ไปลงชื่อสมัคร ส่วนตัวเองก็เดินไปดูข้างหน้าและวิเคราะห์สถานการณ์ของคู่ต่อสู้ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง


ซึ่งจะมีทั้งหมดห้าลู่ แต่ละลู่จะมีทารกเข้าแข่งขันคลานได้สี่คน ก็คือในหนึ่งรอบจะมีเด็กทารกยี่สิบคนเข้าร่วม


ความยาวของลู่แบ่งออกเป็นสิบเมตรและยี่สิบเมตร การแข่งขันที่เริ่มขึ้นก่อนจะเป็นการแข่งขันระยะสั้น ฉินสือโอวจึงไปถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เด็กทารกที่เข้าร่วมการแข่งขันมีทั้งหมดสองร้อยห้าสิบสองคน ซึ่งทำให้ความเข้มข้นของการแข่งขันค่อนข้างสูง


ในการแข่งขันอนุญาตให้ผู้ปกครองวิ่งช่วยได้ กล่าวคือผู้ปกครองสามารถเรียกทารกให้คลานไปข้างหน้าได้หรือจะใช้อุปกรณ์ประกอบเพื่อดึงดูดให้ทารกคลานตามมาจับได้ ดังนั้นบรรดาเด็กทารก ณ ที่นี้ ที่ลงแข่งขันในรอบแรก จึงมีคนวางของเล่นไว้ข้างหน้าพวกเขาเต็มไปหมด


ฉินสือโอวจึงถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะใช้สิ่งมีชีวิตมาวิ่งช่วย ซึ่งก็คือให้สัตว์เลี้ยงที่บ้านมาคลานเป็นเพื่อน


เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ตัดสินจึงพูดว่า “แบบนี้ก็ได้ แต่คุณต้องเซ็นข้อตกลง เมื่อสัตว์เลี้ยงทำร้ายเด็กทารก คุณต้องรับผิดชอบทั้งหมด”


ฉินสือโอวพูดซ้ำไปมาว่าไม่มีปัญหา เขาจึงไปเซ็นข้อตกลงสองส่วนนั้น จากนั้นก็พาหู่จือและเป้าจือเข้ามา


นอกจากเขาแล้ว ก็ยังมีคนอื่นๆ อีกที่เตรียมการแบบนี้ แต่สัตว์เลี้ยงที่ใช้ในการคลานเป็นเพื่อนเด็กทารกส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ขนาดเล็กอย่างสุนัขหรือแมว เช่นสุนัขพันธุ์ดัชชุน สุนัขพันธุ์คอร์กี้ สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล สุนัขพันธุ์ปักกิ่งและแมวสก็อตติช โฟล์ด


หลังจากลงทะเบียนแล้ว ลำดับของการแข่งขันจะถูกจัดเรียงแบบสุ่ม ตามกฎกติกาเสี่ยวเถียนกวาจะอยู่ในรอบที่สอง เนื่องจากขนาดของสถานที่มีจำกัด จึงอนุญาตให้เฉพาะพ่อแม่และญาติของเด็กทารกเข้าร่วมมาชมอยู่ข้างหน้าได้เท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ไม่สามารถมาอยู่ข้างหน้าได้


ฉินสือโอวร้องเรียกหู่จือและเป้าจือเข้ามา พวกมันเป็นสุนัขขนาดใหญ่เพียงสองตัวเท่านั้น หลังจากวิ่งมาแล้ว จากเดิมที่เห็นสัตว์ประเภทเดียวกันหลายตัวแล้วจะมีความสุขมาก แต่เมื่อมองอย่างละเอียดแล้วพวกมันล้วนเป็นสัตว์ตัวเล็กนิดเดียว ทั้งสองตัวจึงเมินใส่ทันที จากนั้นก็ไปวิ่งเล่นกับฉินสือโอว


ซึ่งในขณะนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งเดาว่าอาจจะใจจดใจจ่อกับการชมการแข่งขันมากเกินไป เธอจึงไม่ได้สังเกตว่าสุนัขพุดเดิ้ลที่จูงได้หลุดจากมือไปแล้ว จากนั้นก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและโผเข้าใส่ข้างหลังหู่จือพร้อมกับใช้อุ้งเท้าเล็กๆ กอดขาของหู่จือไว้ จากนั้นมันก็เริ่มกระเด้าตูดอย่างเมามัน


วินาทีนั้น ฉินสือโอวตกใจมาก!


วินาทีนั้น หู่จือก็ตกใจเช่นกัน!


วินาทีนั้น เมื่อทุกคนเห็นเหตุการณ์นี้ก็ต่างพากันตกใจ!


ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นพร้อมกัน เสี่ยวเจิ้งวัยสี่ห้าขวบก็จ้องไปที่สุนัขพุดเดิ้ลและหู่จืออย่างแปลกใจและถามอย่างไร้เดียงสาว่า “หม่ามี๊ สุนัขตัวน้อยนั้นกำลังทำอะไรอยู่? มันจะปีนขึ้นไปขี่ม้าบนตัวของสุนัขตัวใหญ่เหรอ?”


หญิงสาวรู้สึกอายมาก จึงรีบปิดตาลูกชายและพูดกับฉินสือโอวว่า “นี่คุณ ช่วยเอาพวกมันออกไปเร็วๆ เลยนะ”


หู่จือตอบสนองได้ค่อนข้างเร็วกว่าฉินสือโอว แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นสุนัขคู่กรณี หลังจากตอบสนองกลับไปแล้ว ก็เตะขาหลังของมันอย่างแรงเพื่อให้สุนัขพุดเดิ้ลตัวนั้นออกไป แต่มันมองข้ามความดื้อรั้นในความต้องการผสมพันธุ์ของสุนัขพุดเดิ้ลมันเตะขาไปมา คิดไม่ถึงว่าทำอย่างไรก็สะบัดสุนัขตัวนั้นไม่ออก


เมื่อเป็นเช่นนี้ หู่จือจึงโกรธมาก จึงหันหลังกลับมากัดสุนัขตัวนั้น จนทำให้สุนัขตาบอด ตัวของหู่จือเองเป็นสุนัขตัวผู้ มันจึงไม่สามารถทำแบบนั้นได้!


สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวนับถือก็คือ ไม่ว่าหู่จือจะเตะขาหรือหันหลังแล้วร้องตะโกน สุนัขพุดเดิ้ลตัวนั้นก็ไม่สนใจ มันกอดขาหลังของหู่จืออย่างสุดแรงพร้อมกับกระเด้าก้นน้อยๆ ของมันอย่าตั้งอกตั้งใจและใจจดใจจ่ออย่างกับว่ากำลังติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก


ในที่สุดเจ้าของสุนัขพุดเดิ้ลก็เห็นเหตุการณ์นี้ เธอจึงวิ่งไปอุ้มเจ้าสุนัขตัวเล็กออกมาด้วยความเขินอาย แต่สุนัขพุดเดิ้ลกลับไม่สนใจ หลังจากเปลี่ยนเป้าหมายแล้วจึงกอดแขนขาวๆ ราวกับหิมะของหญิงสาวและเริ่มกระเด้าตูดอีกครั้ง


ครั้งนี้ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกจนปัญญามาก หรือว่ามันได้รับยากระตุ้นความต้องการทางเพศ? และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสัตว์ที่ดุร้ายเช่นนี้


ข้างหลังยิ่งดุร้ายมากกว่า ผู้หญิงคนนั้นก็รู้สึกจนปัญญา จึงมัดสุนัขพุดเดิ้ลไว้กับพงหญ้าข้างๆ สุนัขตัวนี้ก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย มันยังหันตัวมาขี่พุ่มดอกไม้และยังคงกระเด้าตูดต่อไม่หยุดและยังตั้งอกตั้งใจทำอีกด้วย…


หู่จือก็ดูเหมือนจะรู้สึกจนปัญญาเหมือนกัน มันจึงหดตัวด้วยความกลัวและเป้าจือก็หดตัวเช่นเดียวกัน จากนั้นพี่น้องตัวน้อยก็พึ่งพาซึ่งกันและกัน


การแข่งขันรอบแรกจบลงอย่างรวดเร็วและก็ถึงรอบของเสี่ยวเถียนกวาที่จะเริ่มการแข่งขันขึ้น ฉินสือโอวจึงลากหู่จือและเป้าจือเข้ามาและให้พวกมันยืนบนลู่พร้อมกับทำท่าคลานไปข้างหน้า


บังเอิญที่ในเวลานี้ก็มีคนพาสุนัขมาวิ่งช่วยเช่นกัน และบังเอิญมันก็เป็นสุนัขพุดเดิ้ลเหมือนกันอีก หู่จือและเป้าจือจึงหันหน้าไปมองพร้อมกับวิ่งตรงไปด้วยเท้าทั้งสี่อย่างตื่นตระหนกตกใจ…


นานมาแล้วที่ฉินสือโอวไม่ได้เห็นพี่น้องทั้งสองตัวตกใจกลัวมากขนาดนี้ จะเห็นได้ว่าสุนัขพุดเดิ้ลมีผลต่อจิตใจของพวกมันเป็นอย่างมาก!


วินนี่จึงขึ้นไปปลอบเจ้าสองพี่น้อง แต่เมื่อสุนัขพุดเดิ้ลตัวนั้นยังไม่ได้แสดงอาการกำหนัดออกมา หู่จือและเป้าจือก็ได้เรียนรู้ว่ามันดูไม่อันตราย จึงวิ่งกลับมาที่ลู่ แต่สายตาก็จับจ้องไปที่สุนัขพุดเดิ้ลที่อยู่ข้างๆ เพียงแค่เห็นว่าท่าไม่ดีก็จะรีบวิ่งหนีทันที

 

 

 


บทที่ 1197 กวาดให้เรียบ

 

ในการแข่งขันรอบที่สอง เถียนกวาเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุด ส่วนเด็กคนอื่นๆ ก็มีอายุประมาณสิบเดือนกว่า นี่เป็นการตัดสินที่ดีเพราะมีป้ายที่ด้านหลังของเสื้อผ้าพวกเขา ซึ่งจะแนะนำอายุ ภูมิลำเนาและเพศของเด็กทารก


เมื่อเห็นว่าเถียนกวาอายุต่ำกว่าห้าเดือน คุณแม่ที่อุ้มลูกอยู่ข้างๆ บางคนก็พูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “ลูกของคุณโตเร็วมาก แต่ยังเล็กแบบนี้คงไม่เหมาะที่จะให้เธอเข้าร่วมการแข่งขันนะคะ?”


การเจริญเติบโตของทารกจำเป็นต้องได้รับการคัดเลือกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่เรื่องดีที่คลานได้เร็ว เดินได้เร็วหรือพูดเร็ว ถ้ากระดูก กล้ามเนื้อและสมองของพวกเขาพัฒนาได้ไม่เพียงพอที่จะประสานกับการเคลื่อนไหว นั่นจะถือว่าเป็นการบังคับให้พวกเขาทำสิ่งเหล่านี้เร็วเกินไป ซึ่งมันเป็นการเร่งรีบมากเกินไปโดยใช้วิธีที่ผิด


วินนี่ก็เคยกังวลเรื่องนี้เช่นกัน แต่เธอก็ได้ขอให้โอดอมมาทำการตรวจร่างกายอยู่หลายครั้งและไปโรงพยาบาลในเซนต์จอห์นเพื่อรับผลวินิจฉัย ผลตรวจทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าเถียนกวาเป็นคนที่มีพรสวรรค์และมีความพิเศษ ความหนาแน่นของกระดูก ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการพัฒนาการมีความรวดเร็วกว่าเด็กธรรมดาทั่วไป


โอดอมถึงกับพูดติดตลกว่าเถียนกวามียีนนักกีฬาชั้นยอด ต่อไปคงจะไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเพื่อคว้าเหรียญในอนาคตได้


เป็นหนทางที่ยาวนานในการคว้าเหรียญรางวัลในกีฬาโอลิมปิก แต่ตอนนี้เถียนกวาก็ได้ลงสนามแล้ว


เด็กทารกทั้งยี่สิบคนเตรียมตัวพร้อมแล้ว กรรมการจึงเป่านกหวีดเพื่อส่งสัญญาณว่าเริ่มได้แล้ว


ฉินสือโอวมองไปข้างหน้าและพบว่ามีเด็กทารกเกือบครึ่งที่ยังไม่คลานออกมาและยังคงนอนอยู่บนลู่พร้อมกับเล่นกับสัตว์เลี้ยงของตัวเอง หรือไม่ก็เล่นของเล่นที่พ่อแม่เอามาให้ แต่ในทางตรงกันข้ามเสี่ยวเถียนกวากลับนำหน้ากว่าคนอื่นมาก เธอยังคงคลานและมองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น


เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น ฉินสือโอวก็คุกเข่าลงครึ่งหนึ่งที่เส้นชัยและโบกมือให้กับเสี่ยวเถียนกวาพร้อมกับทำท่าอยู่ข้างหน้าและตะโกนว่า “ไป!”


หู่จือและเป้าจือได้ยินเสียงตะโกนของเขา จึงใช้ขาทั้งสี่ข้างหมอบลงกับพื้นทันที ซึ่งท่าทางเหมือนกับสุนัขที่กำลังว่ายน้ำอยู่ในน้ำและลื่นไถลไปข้างหน้า


เสี่ยวเถียนกวาตกตะลึง ฉินสือโอวเห็นว่าเด็กทารกคนอื่นๆ เริ่มคลานแล้ว เขาจึงตบก้นเล็กๆ ของเธอและให้เธอรีบคลานเร็วๆ


ไม่จำเป็นต้องเร่งเธอเพราะแค่เห็นหู่จือและเป้าจือคลานออกไป เสี่ยวเถียนกวาก็จะรีบคลานไปข้างหน้าทันที


หู่จือและเป้าจือคลานได้เร็วมาก ไม่นานก็ถูกขวางไว้ที่เส้นชัย ซึ่งตอนนี้เสี่ยวเถียนกวาก็มีสติปัญญาขั้นพื้นฐานแล้ว เมื่อเธอรู้ว่าสัตว์เลี้ยงตัวน้อยไม่สามารถวิ่งได้แล้ว เธอจึงคลานไปข้างหน้าอย่างช้าๆ


ระยะห่างสิบเมตร เสี่ยวเถียนกวาใช้เวลาสามสิบห้าวินาทีในการคลานจนถึงเส้นชัย ซึ่งความเร็วนี้ไม่นับว่าเร็วเท่าไรนัก สาเหตุหลักคือคู่ต่อสู้อ่อนแอมาก อันดับที่สองเมื่อเธอคลานไปจนถึงเส้นชัย คู่ต่อสู้ที่ตามมาเพิ่งจะคลานเลยครึ่งทางมาเท่านั้นเอง


การแข่งขันนี้จึงคึกคักมาก หมาก็เห่าแมวก็ร้อง พ่อแม่ก็ต่างพากันตะโกนเชียร์และมีคนเอาของเล่นไปไว้ข้างหน้าให้เด็กๆ ไล่ตามไม่หยุด…


หู่จือและเป้าจือหยุดที่เส้นชัย เสี่ยวเถียนกวาจึงคลานเข้าไปและยื่นแขนไปโอบคอของพวกมัน พร้อมกับหันไปเอนตัวใส่หู่จืออย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็ยิ้มแป้นแล้นและเล่นกับหูใบใหญ่ของหู่จือ


เสียงปรบมือรอบๆ ก็ดังขึ้น พ่อฉินและแม่ฉินก็ปรบมือให้อย่างสุดแรงและพูดกับคนรอบๆ ตัวอย่างมีความสุขว่า “นั่นคือหลานสาวของฉัน หลานสาวของฉัน เวรี่ กู๊ดใช่มั้ย?”


เด็กที่เข้าร่วมการแข่งขันนี้มีทั้งหมดแปดสิบกว่าคน แบ่งออกเป็นห้ารอบ จากผลการแข่งขัน เวลาที่ใช้ทั้งหมดสามารถเรียงยี่สิบอันดับแรกได้และจะได้เข้าร่วมในรอบชิงชนะเลิศต่อไป


ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เมื่อเห็นระบบการจัดการแข่งขันนี้ ขอร้องล่ะ นี่เป็นแค่การแข่งขันคลานของเด็กทารกเท่านั้นเอง มันจะต้องเป็นทางการขนาดนั้นเลยเหรอ? ยังจะมีตกรอบและรอบชิงชนะเลิศอีกเหรอ? โชคดีที่มีแค่สองรอบเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเด็กๆ ต้องเหนื่อยแย่แน่!


แต่หลังจากจบการคลานรอบแรก เสี่ยวเถียนกวาก็ได้รับรางวัลเหรียญทองขนาดเล็กแล้ว ซึ่งทำมาจากพลาสติกและยังใช้เป็นรางวัลแก่ผู้ชนะในรอบตกรอบ และข้างบนก็มีเด็กอ้วนคนหนึ่งกำลังยกนิ้วหัวแม่มือให้อย่างมีความสุข


ฉินสือโอวมองไปที่ท่าทางของเด็กอ้วน ก็เห็นว่าบูลกำลังมองหน้าอ้วนๆ ของลูกชายเขาอยู่ จึงพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า “พระเจ้า บูล ลูกชายของนายก็ได้เหรียญรางวัลเหรอ?”


บูลจึงดูเหรียญรางวัลอย่างละเอียดแล้วหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “มันเหมือนจริงๆ กัปตัน แต่พวกเขาไม่ได้จ่ายค่ารูปให้ผม ผมจะบอกพวกเขาดีไหม?”


ฉินสือโอวตบไหล่เขาเบาๆ และพูดให้กำลังใจว่า “ถ้าบอกพวกเขา ลูกชายของนายก็อาจจะมีชื่อเสียงได้นะ”


ทั้งสองคนกำลังพูดล้อเล่นกันอยู่ เด็กอ้วนก็มองดูเหรียญรางวัลที่แกว่งไปมาอยู่ในมือของฉินสือโอวอย่างสนใจ จึงยื่นมือออกไปพร้อมกับส่งเสียงอุแว้อุแว้อยากได้มาไว้กับตัว


ฉินสือโอวจึงเอาเหรียญรางวัลให้กับเขา แต่สุดท้ายเด็กอ้วนก็เอาเข้าไปในปากอย่างมีความสุข


เมื่อเป็นเช่นนั้นฉินสือโอวก็ตกใจ เหรียญรางวัลจะกินได้อย่างไร? ต้องเกิดเรื่องแน่ๆ!


เขากับบูลรีบเอาเหรียญรางวัลออกมาทันที เด็กอ้วนจึงหรี่ตาพร้อมกับแบะปากร้องไห้โฮ วินนี่ที่กำลังอุ้มเสี่ยวเถียนกวาอยู่ในตอนนี้ก็เดินเข้ามาหา เถียนกวาจึงเหลือบมองไปที่เด็กอ้วนด้วยสายตาไม่พอใจเป็นอย่างมาก


เด็กอ้วนตัวสั่นทันทีเมื่อเห็นเถียนกวาเข้ามาใกล้ เขาทำอะไรไม่ได้จึงร้องไห้ออกมาพร้อมกับบีบแขนไปมาในอ้อมกอดของแอนนี่และเอาหัวใหญ่ๆ มุดเข้าไปในซอกรักแร้ของแอนนี่และกระดกก้นขึ้นแล้วซ่อนตัวเองไว้


แอนนี่กังวลเรื่องลูกชายแทบตาย เธอทั้งอุ้มลูกชายอย่างหมดแรงทั้งบ่นว่า “พระเจ้า เมื่อไหร่บูลน้อยของฉันจะรู้เรื่องเหมือนเถียนกวาบ้างนะ? คงจะดีไม่น้อยถ้าเขามีความกล้าได้สักครึ่งหนึ่งของเถียนกวา ไม่อย่างนั้นต่อไปเข้าโรงเรียน เขาจะถูกรังแกบ่อยแค่ไหน?”


 “ไม่เป็นไร เถียนกวากับบูลน้อยจะต้องได้ไปโรงเรียนด้วยกัน พอถึงตอนนั้นเถียนกวาจะปกป้องบูลน้อยเอง” วินนี่ปลอบเธอ


หลังจากรอนานกว่าสิบนาที การแข่งขันรอบที่สองก็เริ่มขึ้น ฉินสือโอวรู้สึกว่าความเร็วของเถียนกวาน่าจะเร็วได้มากกว่านี้ เพียงแต่แค่การไล่ตามหู่จือและเป้าจือมันน่าเบื่อ เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายและพาเด็กอ้วนไปที่เส้นชัย


แน่นอนว่าเมื่อได้เห็นเด็กอ้วนนั่งมองดูรอบๆ อย่างไม่รู้เรื่องอยู่ที่เส้นชัย เสี่ยวเถียนกวาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ฉินสือโอววางเธอลงและเธอก็อยากจะรีบคลานไปจับเด็กอ้วน


เมื่อเด็กอ้วนเห็นเสี่ยวเถียนกวาอยู่ต่อหน้า ก็เหมือนกับหนูเห็นแมว เขาจึงเริ่มคลานพร้อมกับตัวสั่นไปด้วยและต้องการจะวิ่ง แต่น่าเสียดายที่คลานยังไม่ถึงหนึ่งหรือสองเมตร เขาก็นอนลงบนพื้นอย่างเหนื่อยล้าและเฝ้าดูปีศาจที่กำลังย่างกรายเข้ามาอย่างสิ้นหวัง


ผู้ตัดสินเป่านกหวีดอีกครั้ง ฉินสือโอวจึงปล่อยลูกสาวออกตัวพร้อมกับยิ้มเยาะ ทันใดนั้นเสี่ยวเถียนกวาก็เหมือนกับกระต่ายไฟฟ้าที่ชาร์จแบตเตอรี่มาเต็มที่ เธอคลานอย่างรวดเร็วด้วยมือและเท้า พ่อแม่ที่ดูอยู่รอบๆ ก็ร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘พระเจ้า’


ระยะห่างสิบเมตร เสี่ยวเถียนกวาใช้เวลาเพียงแค่ยี่สิบสองวินาทีก็ถึงเส้นชัยแล้ว ซึ่งตอนนี้ข้างหลังเธอก็ไม่มีเด็กคนอื่นคลานได้ถึงครึ่งทางและยังมีเด็กคนหนึ่งที่หยุดนิ่งและไม่คลานพร้อมกับกำลังกรีดร้องตะโกนต่อต้านพ่อแม่อยู่ที่จุดเริ่มต้น


ดังนั้นเสี่ยวเถียนกวาจึงคว้าเหรียญทองในการแข่งขันมาได้อย่างง่ายดาย ฉินสือโอวมองไปที่คำแนะนำและก็พบว่าเหรียญทองนี้ชุบทองจริงๆ


แต่เสี่ยวเถียนกวาก็ไม่สนใจเหรียญทอง สิ่งที่เธอสนใจอยู่ที่เด็กอ้วนเท่านั้น ซึ่งเธอกำลังจะไปทับตัวเขาและจัดการกับแก้มอ้วนๆ ของเขาอย่างสนุกสนาน


วินนี่ยังคิดว่าจะให้เสี่ยวเถียนกวาเข้าร่วมการแข่งขันยี่สิบเมตรด้วย แต่ฉินสือโอวรู้สึกว่านั่นคงไม่ดีสำหรับเด็กอายุครึ่งปีแม้ว่าเสี่ยวเถียนกวาจะคลานในบ้านได้ ไม่ต้องพูดถึงยี่สิบเมตร แม้แต่หนึ่งร้อยเมตรก็คลานได้ แต่ถึงอย่างไรการเล่นด้วยตัวเองนั้นก็แตกต่างจากการแข่งขันโดยสิ้นเชิง


แค่คว้าเหรียญทองได้ก็พอแล้ว การแข่งขันประเภทนี้เน้นการเล่นและไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะต้องได้เหรียญรางวัลมามากเท่าไร


ดังนั้นพอได้เหรียญรางวัลมาสองเหรียญ ฉินสือโอวจึงพาครอบครัวไปเตรียมทานอาหารค่ำ แมกซ์ เวลรู้ว่าพวกเขามาเข้าร่วมการแข่งขันงานเทศกาล จึงตั้งใจเชิญพวกเขามาที่บ้านโดยเฉพาะ


ครอบครัวขนาดใหญ่กำลังปิ้งย่างและทำอาหารที่ลานบ้านของเวล พวกเขาเพลิดเพลินกันจนพระอาทิตย์ตก ถึงจะกลับฟาร์มปลา ซึ่งคู่สามีภรรยามิแรนดาและมาริโอ้ก็เตรียมตัวเดินทางกลับด้วยเช่นกัน

 

 

 


บทที่ 1198 พ่อที่ทุ่มเทให้กับลูกๆ

 

หลังจากหมั้นหมายกันแล้ว ก็ส่งพ่อแม่และครอบครัวกลับไป วินนี่จึงตั้งใจเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีในเดือนหน้า


ซึ่งเรื่องนี้ฉินสือโอวไม่สามารถช่วยเธอได้มากนัก ตัวเขาเองก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน เดือนมิถุนายนเป็นช่วงที่ปลาไส้ตันจะกลับไปที่แม่น้ำจืดเพื่อขยายพันธุ์ ปลาไส้ตันฟลอริดาในฟาร์มปลาจึงมีโอกาสที่จะขยายกลุ่มสายพันธุ์


แต่ความต้องการของปลาที่คล้ายกับปลาชนิดนี้เข้มงวดมาก ประการแรกสภาพแวดล้อมต้องเป็นที่เงียบสงบ ประการที่สองคุณภาพน้ำต้องใส มลพิษต้องบางเบาและควรมีกระแสน้ำที่ค่อนข้างเร็วเพื่อให้แน่ใจว่ามีเหยื่อเพียงพอ และสุดท้ายก้นแม่น้ำควรเป็นพื้นกรวด พวกมันคุ้นเคยกับการซ่อนไข่ไว้ใต้สิ่งนี้


โชคดีที่แม่น้ำสายเล็กๆ ที่ไหลลงมาจากเทือกเขาเคอร์บัลตรงตามเงื่อนไขนี้ ดังนั้นจึงทำให้ฉินสือโอวลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้


ฉินสือโอวกังวลมากว่าพวกมันจะมีปัญหา ดังนั้นจึงเฝ้าติดตามการกลับสู่กระแสน้ำของพวกมันตลอดเวลา และรู้ว่ามีปลาแซลมอนในภูเขาและแม่น้ำ ปลาพวกนี้กินเนื้อสัตว์ ถ้าจับปลาไส้ตันที่ผอมแห้งแรงน้อยได้ มันจะต้องเป็นอาหารชั้นดีอีกหนึ่งมื้อของมันแน่นอน


จำนวนของปลาไส้ตันมีหลายพันตัวฟังแล้วดูเหมือนจะมาก แต่อันที่จริงสำหรับมหาสมุทรและแม่น้ำแล้ว จำนวนนี้ถือว่าไม่มากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนาดของปลาเหล่านี้มีขนาดเล็กมากอีกด้วย แม่น้ำขนาดเล็กบนภูเขาจึงเพียงพอสำหรับการวางไข่ของพวกมัน


ช่วงหัวค่ำ จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งสี่ของฉินสือโอวถูกส่งออกไปทั้งหมด ปลาไส้ตันและสายพันธุ์อื่นๆ ก็เหมือนกัน เมื่อถึงช่วงใกล้วางไข่จะร้อนรนกระวนกระวายใจ พวกมันมักจะมองหาน้ำจืดเพื่อตัดเข้าปากแม่น้ำ ถ้าฉินสือโอวยังไม่ลงมือทำอะไรเลย พวกมันก็จะไปหาแม่น้ำทางเหนือ


จากการวิจัยพบว่าในสมองของปลาไส้ตันมีอนุภาคเหล็กชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถช่วยพวกมันเดาทิศทางในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ได้เหมือนกับเข็มทิศ


และความสามารถทางประสาทสัมผัสของพวกมันก็แข็งแกร่งมาก พวกมันสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของจำนวนอนุภาคเกลือในน้ำทะเลในระยะหนึ่งร้อยเมตรได้ ด้วยความสามารถทั้งสองนี้ พวกมันจึงสามารถค้นหาแม่น้ำบนชายฝั่งในทะเลที่ไม่คุ้นเคยเจอได้


นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดที่พวกมันต้องกลับไปในกระแสน้ำ ตอนแรกมีคนคิดว่าไข่ปลาของพวกมันกับปลาแซลมอนเหมือนกัน จึงสามารถอยู่รอดได้ในน้ำจืดเท่านั้น แต่ต่อมาการศึกษาค้นคว้าวิจัยก็พบว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น


ฉินสือโอวคิดว่าสาเหตุที่ปลาไส้ตันกลับกระแสน้ำเพื่อวางไข่ก็เพราะความปลอดภัยของแม่น้ำนั้นสูงกว่าในมหาสมุทร


แม้ว่าไข่ปลาของพวกมันจะไม่ใหญ่และอร่อยเท่าไข่ปลาแซลมอน ในช่วงที่ปลาไส้ตันตัวเมียวางไข่จะไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน ดังนั้นในมหาสมุทรนี้จึงเป็นที่ที่อันตรายมาก


ฝูงปลาไส้ตันที่เร่งรีบหาแม่น้ำจนเจอ ฉินสือโอวจึงใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนปกคลุมและควบคุมพวกมันไว้ จากนั้นก็พาพวกมันไปที่ปากแม่น้ำด้วยกัน


ในเวลานี้ ฉินสือโอวไม่สามารถใจร้อนได้ เขาต้องรอสักช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อให้ปลาไส้ตันปรับตัวได้


สำหรับปลาทะเลแล้ว การสัมผัสกับน้ำจืดอย่างกะทันหันเป็นการทดสอบความเป็นความตายของชีวิต ไตและอวัยวะอื่นๆ ของพวกมันต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ขาดแคลนเกลืออย่างกะทันหัน


เช่นเดียวกับปลาแซลมอน เมื่อลงสู่แม่น้ำพวกมันจะหยุดกินอาหารหรือแม้แต่น้ำก็หยุดกิน การอยู่รอดของพวกมันในน้ำจืดทั้งหมดขึ้นอยู่กับพลังงานที่เก็บไว้ในร่างกาย ดังนั้นเมื่อปลาแซลมอนวางไข่แล้วมันจะไม่อร่อย เพราะขณะนั้นไขมันในร่างกายของพวกมันถูกใช้ไปเกือบหมดแล้ว จึงทำให้รสชาติไม่อร่อย


ปลาไส้ตันมีขนาดเล็กมาก จึงเก็บสะสมไขมันได้ไม่มาก พลังงานในร่างกายไม่เพียงพอที่จะประคับประคองพวกมันตลอดขั้นตอนการวางไข่ ดังนั้นพวกมันจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม


ก็เหมือนกับมนุษย์ เด็กจากสังคมชั้นล่างมักมีความสามารถในการปรับตัวทางสังคมได้ดีกว่าและสิ่งมีชีวิตในทะเลก็เช่นกัน


ในขั้นตอนทั่วไป ปลาไส้ตันจะอาศัยอยู่ที่ปากทางเข้าของทะเลเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ถึงสิบวัน พลังโพไซดอนจะเปลี่ยนขั้นตอนนี้ ฉินสือโอวช่วยพวกมันป้อนพลังโพไซดอน เพียงชั่วโมงกว่าๆ ปลาก็จะว่ายตามน้ำจืดได้โดยอัตโนมัติ


เมื่อถึงขั้นนี้ พวกมันจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมน้ำจืดได้


แต่ส่วนใหญ่พวกมันว่ายน้ำไปแอ่งน้ำที่ด้านบนสุดของป่าเล็กๆ และที่นั่นจะเป็นน้ำตกเล็กๆ ฝูงปลาไส้ตันมีความบอบบางเกินไป จึงยากที่จะข้ามน้ำตกแบบนี้ได้และพวกมันก็ไม่ใช่ปลาแซลมอน ปลาแซลมอนสามารถกระโดดข้ามน้ำตกที่สูงสิบถึงยี่สิบเมตรได้!


แค่ลงสู่แอ่งน้ำและแม่น้ำได้แล้ว ฝูงปลาไส้ตันก็พอใจแล้ว พวกมันว่ายน้ำอย่างระมัดระวังไปที่ก้นแม่น้ำและเมื่อเจอกับเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ก็จะสามารถหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว นี่เป็นนิสัยที่พวกมันฝึกฝนในมหาสมุทร


จริงๆ แล้วปลาไส้ตันอยู่ในห่วงโซ่อาหารระดับที่ต่ำมาก แค่พวกปลาและกุ้งกินเนื้อก็สามารถรังแกปลาไส้ตันได้


ในแม่น้ำและแอ่งน้ำมีร่องรอยของปลาแซลมอนแอตแลนติก โดยทั่วไปปลาแซลมอนแปซิฟิกจะตายหลังจากอพยพและวางไข่ แต่ปลาแซลมอนแอตแลนติกจะไม่เป็นอย่างนั้น พวกมันสามารถอพยพและวางไข่ได้ปีแล้วปีเล่าและบางชนิดก็อยู่รอดในแม่น้ำได้ในระยะยาว


ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนจัดการอีกรอบ เขาไล่ปลาแซลมอนแอตแลนติกพวกนี้ไปที่ฟาร์มปลา


เรื่องนี้ ฝูงปลาแซลมอนแอตแลนติกแสดงให้ว่าฉินสือโอวทำเกินไป นี่เป็นการบุกรุกครอบครองที่ดินของผู้อื่นใช่ไหม? นี่คือแม่เลี้ยงตีลูกใช่ไหม? ดังนั้นฝูงปลาแซลมอนที่กำลังโมโหจึงเริ่มปลดปล่อยอารมณ์และค่อยๆ ลงทะเลไปและเริ่มกินปลาคาพีลินทันที


ในแม่น้ำมีอาหารไม่มากนัก ปลาแซลมอนแอตแลนติกมักจะหิวบ่อย ดังนั้นเมื่อมีโอกาสได้กินอาหาร พวกมันจะปล่อยไปได้อย่างไร?


พวกปลาคาพีลินรู้สึกเจ็บปวด พวกมันต้องการถามปลาแซลมอนอันธพาลกลุ่มนี้มาก ในเมื่อไม่มีความคับแค้นระหว่างเรา ทำไมพวกนายถึงโหดร้ายกับพวกเราขนาดนี้?


ทุกอย่างยังคงหมุนเวียนไป ปลาแซลมอนตัวอ้วนจึงทำการจับเหยื่อของปลาอื่นๆ มา ฝูงปลาที่เจอเหตุการณ์นี้คือปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ฝูงปลาขนาดใหญ่หลายสิบตัวส่งเสียงร้องออกมาและเอาปลาแซลมอนที่ลงสู่ทะเลกินจนเกลี้ยงเหมือนกับไถดิน


ปลาคาพีลินรู้สึกขอบคุณความช่วยเหลือของปลาทูน่าครีบน้ำเงินมาก พวกมันจึงได้รับการสนับสนุนให้เป็นกองทัพหลัก แต่หลังจากที่กองทัพหลักจัดการปลาแซลมอนแล้วก็ยังหิวอยู่ จึงหันกลับมาลงมือกับพวกเดียวกันเองและยังกินอย่างมีความสุข


หลังจากลงสู่แม่น้ำแล้ว ปลาคาพีลินที่ดูเก้งก้างก็แสดงให้เห็นถึงความฉลาดของเผ่าพันธุ์ พวกมันไม่ได้กระจัดกระจายตามใจชอบ และปลาตัวเมียที่ยิ่งอ้วนก็จะได้รับตำแหน่งที่ปลอดภัยกว่าและปลาตัวผู้จะเฝ้าดูแลอยู่ที่ปากทางเข้าของแม่น้ำสายเล็กๆ


พวกมันจะอยู่ที่นั่น ไม่ใช่เพื่อต่อสู้กับปลาตัวใหญ่ที่มาจู่โจม หลังจากได้พบกับปลากินเนื้อตัวใหญ่แล้ว จะเสียสละตัวเองให้ปลาใหญ่จนอิ่มท้อง เมื่อเป็นเช่นนี้ปลาตัวใหญ่ก็จะปล่อยตัวเมียที่กำลังจะวางไข่เหล่านั้นไป


นี่เป็นน้ำใจอันยิ่งใหญ่ น่าเสียดายที่พวกมันมีรสชาติที่เอร็ดอร่อย โดยทั่วไปกลุ่มสายพันธุ์จะมีขนาดค่อนข้างเล็ก หลังจากปลาตัวใหญ่กินพวกมันลงไปก็จะรู้รสชาติทันที จึงถือโอกาสกินปลาตัวเมียเข้าไปด้วย…


แต่ในฟาร์มปลาไม่มีความอันตรายนี้ ฉินสือโอวได้จัดการเอางูเหลือมทะเลสองตัวมาอยู่ที่ปากทางเข้าของทะเล เพียงแค่มีปลาตัวใหญ่เข้ามาใกล้ พวกมันจะถูกไล่ออกไปทันที


งูเหลือมทะเลสองตัวเทียบเท่ากับเทพเจ้าเฝ้าประตูสององค์ แค่มีพวกมันอยู่ ปลาไส้ตันก็จะสามารถวางไข่ได้อย่างปลอดภัย


เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ฉินสือโอวถึงกับเอาเต่าด่างออกไป เต่าหายากชนิดนี้ชอบกินไข่ปลา แต่เต่ามะเฟืองกลับไม่เป็นอะไร พวกมันชอบกินแค่แมงกะพรุนเท่านั้นและไข่ปลาก็ไม่ใช่อาหารของพวกมัน


ตั้งแต่ฉินสือโอวได้ดูแลฟาร์มปลาในระยะเวลาสองปีครึ่ง สิ่งมีชีวิตในฟาร์มปลาล้วนได้รับการคุ้มครอง จำนวนเต่าด่างก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ตอนที่พวกมันเข้ามาครั้งแรกมีเพียงสิบกว่าตัวเท่านั้น แต่ตอนนี้พวกมันขยายออกเป็นหลายร้อยตัวแล้ว


ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคำนวณหาจำนวนเต่าเหล่านี้ เนื่องจากพวกมันมีขนาดเล็กมาก บางตัวจะหาโพรงซ่อน การซ่อนตัวของพวกมันจะใช้เวลาหนึ่งเดือนและไม่สามารถหาเจอได้ง่ายๆ…

 

 

 


บทที่ 1199 นี่อาจจะเป็นเรื่องใหญ่

 

ปัญหาการวางไข่ของปลาไส้ตันฟลอริดาได้เอาเวลาส่วนใหญ่ของฉินสือโอวไป เขาคอยเฝ้าควบคุมตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน ตำแหน่งปากทางเข้าสู่ทะเลก็มีงูเหลือมทะเลควบคุมไว้ เพราะมีปลากะพงญี่ปุ่นและปลาแซลมอนว่ายตามกระแสน้ำเข้ามา ดังนั้นเขาจึงเตรียมการปกป้องไว้


หลังจากที่เป็นพ่อมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ใจ มีสาเหตุที่ทำให้ปลาชนิดนี้ขาดแคลน ซึ่งครั้งนี้ไม่สามารถตำหนิมนุษย์ที่เข้ามาตกปลาได้ เพราะความสามารถในการมีชีวิตรอดของพวกมันแย่มาก!


ถ้าแค่พูดถึงความสามารถในการอยู่รอด จริงๆ แล้วปลาคาพีลินแย่ยิ่งกว่า แต่ถึงอย่างไรปลาไส้ตันฟลอริดาก็สามารถเติบโตได้ถึงสามสิบเซนติเมตร ถือว่าเป็นปลาขนาดใหญ่ในแม่น้ำจืด ปลาไส้ตันฟลอริดาสามารถเติบโตได้มากขึ้นอีกสิบเซนติเมตร


แต่ความสามารถในการสืบพันธุ์ของปลาคาพีลินนั้นทรงพลังมาก ปลาตัวเมียหนึ่งตัวสามารถสืบพันธุ์ไข่ปลาได้ครั้งละหลายล้านฟอง นอกจากนี้แม้ว่ากำลังต่อสู้ของพวกมันจะไม่ดี แต่ความสามารถในการเคลื่อนไหวกลับค่อนข้างดีมากจนสามารถหนีเอาชีวิตรอดออกจากปากของวาฬได้อีกด้วย


นิสัยของปลาไส้ตันฟลอริดาเชื่องมาก สังเกตได้จากพฤติกรรมของปลาตัวเมียที่วางไข่และปลาตัวผู้ก็เคลื่อนไหวให้อาหารอยู่รอบๆ นอกจากนี้ความสามารถในการสืบพันธุ์ของพวกมันยังไม่แข็งแรงพอ สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ถูกกำหนดให้เป็นส่วนล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร ไม่น่าล่ะจำนวนของมันถึงไม่เพิ่มขึ้นเลย


เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม อากาศค่อนข้างร้อน ฉินสือโอวจึงตั้งร่มกันแดดบนชายหาด ปูเสื่อปิกนิกและนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ในร่ม ข้างๆ ก็มีเสี่ยวเถียนกวาอยู่ วินนี่ก็กำลังเตรียมตัวสู้รบกับการเลือกตั้งเมืองและเขาก็ต้องทำหน้าที่ดูแลลูกสาว


เมื่อเสี่ยวเถียนกวามีพลังงานเต็มอิ่ม เธอจึงนั่งอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ หลังจากเล่นไปสักพัก เธอก็รีบลุกขึ้นและคลานไปทั่วชายหาดอย่างรวดเร็ว


ฉินสือโอวผิวปากเรียกหู่จือและเป้าจือให้ตามเสี่ยวเถียนกวาไปและหยอกล้อเธออย่างเซื่องซึม เมื่อเธอเข้าใกล้น้ำทะเล พวกมันจึงจะคาบเธอกลับมา


เสี่ยวเถียนกวาค้นพบวิธีการเล่นแบบใหม่ได้อย่างรวดเร็ว เป้าจือใช้อุ้งเท้าขุดหลุมและขุดเจอปูก้ามดาบสองตัวออกมา หลังจากที่ปูก้ามดาบตัวเล็กโผล่หัวออกมา มันก็ยกก้ามใหญ่ตั้งขึ้นเหมือนโล่ป้องกันขึ้นและจ้องมองไปที่หู่จือและเป้าจือสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ทั้งสองตัวอย่างกับไม้ขีดไฟพร้อมกับคุ้มกันตัวเองอย่างแน่นหนา


เสี่ยวเถียนกวาไม่เคยเห็นปูก้ามดาบมาก่อน แต่หลังจากที่เธอได้เห็นในตอนนี้แล้ว เธอรู้สึกสงสัยมาก ปูก้ามดาบทั้งสองตัวนั้นวิ่งหนีไป เธอจึงนั่งลงและขุดทรายหาพวกมันเอง


แหล่งทรัพยากรปูก้ามดาบในฟาร์มปลามีความอุดมสมบูรณ์มาก เสี่ยวเถียนกวาจึงสามารถขุดได้ตามใจชอบ จากนั้นก็ขุดเจอหลุมของปูก้ามดาบ


หลังจากขุดปูก้ามดาบออกมาเธอจึงหัวเราะคิกคักพร้อมกับยื่นมือไปจับ แต่ปูก้ามดาบตัวน้อยโกรธมาก ดังนั้นผลที่ตามมาจึงร้ายแรงมาก ซึ่งก็คือเธอโดนก้ามปูหนีบ มือเล็กๆ อันบอบบางของเสี่ยวเถียนกวามีเลือดออกมาทันที จากนั้นเธอจึงเปิดปากส่งเสียงร้องไห้ โอ๊ย เจ็บ!


ฉินสือโอวตกใจเมื่อได้ยินเสียงลูกสาวร้องไห้ เขาจึงลุกขึ้นไปดูและเห็นว่ามือของลูกสาวเต็มไปด้วยเลือด!


“อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น?” ฉินสือโอวเข้าไปกอดเสี่ยวเถียนกวาและรีบหาอะไรบางอย่างมาห้ามเลือดของลูกสาว แต่หาอย่างไรก็หาไม่เจอ จึงทำได้เพียงแค่เอาเสื้อผ้ามาปิดแผลที่มือของเธอ


หู่จือที่คาบอาชกรตัวร้ายไว้อยู่ในปาก ก็โยนมันไปไว้ต่อหน้าฉินสือโอว จากนั้นก็ร้องคำรามด้วยความโกรธ เป้าจือก็ร้องคำรามตามเช่นกัน พร้อมกับทำท่าทางเกลียดชัง


เจ้าเด็กน้อยทั้งสองตัววางแผนได้อย่างชัดเจน ฉินสือโอวให้พวกมันมาดูแลลูก แต่ลูกกลับประสบอุบัติเหตุและพวกมันจะต้องความรับผิดชอบ


ฉินสือโอวจ้องไปที่เจ้าเด็กน้อยทั้งสองตัวและอุ้มลูกสาววิ่งกลับไปที่บ้าน วินนี่กำลังอ่านหนังสืออยู่ เธอได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกสาวดังมาจากไกลๆ เธอมองไปที่มือเล็กๆ ของลูกสาวที่เต็มไปด้วยเลือดและพูดด้วยความกังวลในทันทีว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”


ความรับผิดชอบกลับสลับกัน ตอนนี้ความรับผิดชอบตกมาอยู่ที่ฉินสือโอว เขารู้ว่าต่อจากนี้จะต้องเป็นพายุที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอน จึงพูดพร้อมขมวดคิ้วว่า “ไม่มีอะไร ลูกสาวเราไปขุดหลุมแล้วเจอปู ก็เลยถูกมันหนีบนิ้วเข้า”


พ่อฉินและแม่ฉินก็ออกมาดูเช่นกัน ทั้งสองคนตกใจยิ่งกว่าและร้องขึ้นเป็นเสียงเดียวกันว่า “ฉินสือโอว แกดูแลลูกอย่างไร?”


วินนี่หายาฆ่าเชื้อของเด็กมาทำแผลให้เสี่ยวเถียนกวา จากนั้นก็ใช้ผ้าก๊อซพันไว้ พ่อฉินจึงถามว่า “ไปเช็กที่โรงพยาบาลหน่อยไหม? ถึงอย่างไรโรงพยาบาลก็อยู่ใกล้ๆ กับตัวเมือง”


วินนี่ยิ้มอย่างฝืนใจแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะพ่อ ในขณะที่หัดคลาน เด็กๆ มักจะประสบอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เสมอ ไม่เป็นไรนะคะ หลังจากฆ่าเชื้อโรคแล้วจะดีขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอนค่ะ”


ฉินสือโอวรีบแสดงความรับผิดชอบของตัวเองอย่างรวดเร็ว “ถ้าไม่ไปก็ให้โอดอมมาตรวจดูอีกสักหน่อยไหมล่ะ? ถ้าไม่ไปก็ให้ฆ่าเชื้ออีกครั้ง”


วินนี่แสดงท่าทางความเป็นลูกสะใภ้ออกมาได้อย่างชัดเจน เมื่อปฏิบัติต่อพ่อฉินและแม่ฉิน แต่จะต่างออกไปเมื่อเธอปฏิบัติกับฉินสือโอว เธอกัดฟันและพูดออกมาทีละคำว่า “ไม่จำเป็นแล้ว!”


“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้อง” ฉินสือโอวยักไหล่ใส่


เป็นครั้งแรกที่เด็กหญิงตัวน้อยได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอคลาน สิ่งของทุกอย่างที่บ้านได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ อย่างมากก็แค่ล้มแต่ไม่เจ็บมาก แต่ครั้งนี้คงจะเจ็บมากจริงๆ เธอถึงกับมุดเข้าไปร้องไห้ในอ้อมแขนของวินนี่ไม่หยุด


พ่อฉินและแม่ฉินเข้าไปหยอกเธอ วินนี่จึงพูดว่า “ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะพ่อแม่ เสี่ยวเถียนกวาให้ฉันจัดการ พวกคุณไปตำหนิฉินสือโอวเถอะ ต้องให้เขาเพิ่มความจำ เขาไม่ได้ตั้งใจดูแลลูกเลยสักนิด!”


เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินสือโอวก็กระวนกระวายใจทันที ให้ตายเถอะ ไม่ใช่ว่าบอกไว้แล้วเหรอว่าต้องจะเป็นเทวดาของทั้งคู่? ภรรยาสุดที่รักทำไมถึงพูดแบบนี้?


แม่ฉินลากฉินสือโอวมาแล้วเริ่มตำหนิ พ่อฉินก็โบกมืออย่างหงุดหงิดและพูดว่า “ต่อไปนี้จะไม่ให้แกดูแลหลานอีก พวกเราให้แกดูแลลูก นี่แค่ลูกเพิ่งจะคลานได้ยังเกิดเรื่องขนาดนี้ ต่อไปถ้าเดินได้แล้วให้แกดูแล จะไม่ทำลูกหายเลยเหรอไง?”


“เป็นไปไม่ได้ มีหู่จือเป้าจือคอยเฝ้าดูอยู่ จะหายได้อย่างไร?” ฉินสือโอวแก้ตัว


“นี่แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ? คราวนี้โยนลูกให้สุนัขอีกแล้วใช่ไหม?” แม่ฉินถาม


หู่จือและเป้าจือนั่งลงอย่างเชื่อฟังด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก


โชคดีที่เวลานี้มีเสียงเครื่องรับส่งวิทยุดังขึ้น ทริกเกอร์พูดว่า “บอส มีคนมาหาคุณ มาจากบริษัททรีเอ็ม พวกเขามาหาคุณเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการโอนสิทธิบัตรของซูเปอร์กาว ผมจะพาพวกเขามาพบคุณได้ไหมครับ?”


“อืม ให้พวกเขาเข้ามา” ฉินสือโอวกล่าว


วินนี่อุ้มเถียนกวาขึ้นมาและพ่อฉินแม่ฉินก็ออกจากห้องนั่งเล่นไป ก่อนออกไปวินนี่จ้องมองเขาและทำปากพูดอย่างไม่มีเสียงว่า “เรื่องนี้ยังไม่จบนะคะ!”


ฉินสือโอวยื่นมือออกมาส่งจูบให้กับเธอพร้อมกับยังหัวเราะคิกคักและวางแผนที่จะเปิดเผยเรื่องนี้


บริษัททรีเอ็มส่งทีมงานมาเพื่อหารือเกี่ยวกับการรับซื้อสิทธิบัตร จะเห็นได้ว่าพวกเขาค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ซึ่งพวกเขามีทั้งหมดห้าคน นำโดยหัวหน้าผู้ตรวจสอบของสาขาแคนาดาหนึ่งคนและอีกสี่คนที่เหลือก็เป็นช่างฝ่ายติดกาว ผู้ช่วยและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย


ชื่อของหัวหน้าผู้ตรวจสอบคือมารอน พอร์เตอร์ หลังจากพบกับฉินสือโอวแล้วเขาก็จับมือกันอย่างอบอุ่นและพูดว่า “คุณฉิน? คุณดูอายุน้อยและหล่อกว่าภาพในข่าวมาก ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับคุณ”


ฉินสือโอวยิ้มและพูดว่า “คุณสุภาพไปแล้ว ผมขอถามหน่อยว่าพวกคุณต้องการซื้อสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับกาวชีวภาพคิวเอสใช่ไหมครับ?”


มารอนรู้สึกตะลึงอยู่เล็กน้อย เขาเคยมีประสบการณ์การเจรจาแบบตรงไปตรงมา แต่เขาไม่เคยเจอการเจรจาแบบตรงไปตรงมาเช่นนี้มาก่อน ฉินสือโอวยังไม่ได้แนะนำตัวเลยด้วยซ้ำก็โยนประเด็นสุดท้ายออกมาโดยตรงเลย นี่จึงทำให้เขาเริ่มคิดมากขึ้น ชายคนนี้คงกระตือรือร้นที่จะขายสิทธิบัตรกาวชนิดนี้ใช่ไหม?


ในขณะที่กำลังนึกถึงเรื่องนี้อยู่ มารอนก็เผยรอยยิ้มที่มีความสุขออกมาและพูด “อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าจะมาซื้อสิทธิบัตรกาวชีวภาพเป็นพิเศษหรอก พวกเราอยากจะมาเยี่ยมคุณและศาสตราจารย์แซนเดอร์สมากกว่า”


“อ้าว ไม่ใช่ว่ามาซื้อสิทธิบัตรกาวชีวภาพหรอกเหรอ? ถ้าอย่างขออภัยด้วย เราไม่ต้อนรับ ลาก่อน” ฉินสือโอวกล่าว


แม่เจ้า คุณนี่แตกต่างกว่าที่ผมคิดนะ? ยังมีความสุขดีใช่ไหม? พร้อมกับรอยยิ้มอันแข็งทื่อบนใบหน้าของมารอน…

 

 

 


บทที่ 1200 ไม่ใช่แค่กาวน้ำ

 

เมื่อเห็นใบหน้าที่ตกใจของมารอนและคนอื่นๆ ฉินสือโอวก็ยักไหล่ใส่และพูดว่า “ดูสิ ตอนนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวของฟาร์มปลา ผมมีงานต้องทำมากมาย ดังนั้นจึงไม่มีเวลาไปต้อนรับเพื่อนๆ นอกจากนี้นะคุณ เราเป็นเพื่อนกันเหรอ?”


มารอนเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากมามากมาย เขาจึงมีส่วนร่วมกับบริษัททรีเอ็มในหลายสาขาและมีการซื้อสิทธิบัตรมากมาย เขายังเคยเข้าร่วมในการเจรจาเรื่องสิทธิบัตรหลายครั้งและคุ้นเคยกับเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอกับการเจรจาแบบนี้


หลังจากได้ยินคำถามของฉินสือโอว มารอนจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “เราเพิ่งเจอกันและความสัมพันธ์ก็ไม่น่าจะถึงกับเป็นเพื่อนกันได้”


ฉินสือโอววางมือแล้วพูดว่า “ดูสิ เรายังไม่ใช่เพื่อนกันด้วยซ้ำ แล้วผมจะเสียเวลาอันมีค่ามาเล่นกับคุณทำไม?”


มารอนยิ้มเจื่อนๆ เขารู้สึกว่าชายตรงหน้าเขาทำน่าเกลียดเกินไปแล้ว ถ้าสำนักงานใหญ่ขอแค่สิทธิบัตรสำหรับกาวนี้ ตอนนี้เขาคงจะหันหลังกลับและจากไปแล้ว


เมื่อเห็นท่าทางที่หมดหนทางของคนพวกนี้ จู่ๆ ฉินสือโอวก็หัวเราะออกมา เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “เอาล่ะพวกคุณ ผมขอโทษ จริงๆ แล้วเมื่อกี้ผมล้อเล่น หวังว่าพวกคุณจะไม่จริงจังนะ ผมแค่ล้อเล่น ยินดีต้อนรับพวกคุณเข้าสู่ฟาร์มปลาของผม”


มารอนก็หัวเราะออกมาเช่นกัน แต่เขาไม่รู้ว่าตัวเองหัวเราะอะไรอยู่และตอนนี้เขาก็อยากจะถามอีกว่า คนจีน เราจะปฏิบัติตามประเพณีได้ไหม?


คนอื่นๆ ก็หัวเราะตาม โดยที่พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังหัวเราะอะไร


ดังนั้นหลังจากที่แซนเดอร์สเข้ามา สิ่งที่เขาเห็นก็คือกลุ่มคนที่กำลังหัวเราะกันอยู่ แต่พวกเขากลับหัวเราะแปลกๆ…


ฉินสือโอวเสิร์ฟกาแฟให้ทุกคน จากนั้นก็ถามมารอนเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทและทั้งสองฝ่ายต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างเรียบง่าย


มารอนก็ถามเกี่ยวกับฟาร์มปลาเช่นกัน ท่าทางของเขาดูสนใจที่จะทำฟาร์มปลามาก จากนั้นเขาก็ถามถึงราคาในการซื้อฟาร์มปลาแล้วอุทานอย่างตะลึงว่า “พระเจ้า แพงมาก คนธรรมดาๆ อย่างผมควรเปิดสระน้ำเล็กๆ ในสวนก็พอ ถ้าเป็นฟาร์มปลาผมคงทำไม่ไหว”


แซนเดอร์สที่กำลังดื่มกาแฟอยู่ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ผมขอแนะนำให้คุณลงทุนแค่อย่างเดียว บางทีคุณอาจจะสามารถได้ทุนคืนในไม่ช้า เช่นอย่างบอสของเรา จู่ๆ ก็คิดค้นสิ่งที่อ้างอิงจากไบโอนิกส์และเงินที่ขายสิทธิบัตรก็ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้คุณได้รับเงินคืนจากการซื้อฟาร์มปลาก็ได้”


เมื่อเข้าสู่ประเด็นอย่างเป็นทางการ แซนเดอร์สร่วมมือกับฉินสือโอวเอามารอนมาเป็นพวกด้วยและข้อเสนอที่คลุมเครือทำให้พวกเขาความคาดหวังกับราคาของกาวชีวภาพ


มารอนหัวเราะแห้งๆ และพูดว่า “บางที ผมก็อาจจะขาดเงินทุนในการเริ่มต้นและถ้าผมคิดค้นกาวน้ำมาแค่เพียงอย่างเดียว ค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรอาจไม่เพียงพอที่จะซื้อฟาร์มปลา”


“แล้วพวกคุณต้องการจ่ายเท่าไหร่?” ฉินสือโอวถามพร้อมกับยิ้มตาหยี


มารอนถามกลับอย่างจริงจังว่าคุณต้องการขายเท่าไร เขาหยิบสัญญาฉบับหนึ่งออกมาและส่งให้กับฉินสือโอว แล้วถามว่า “ตามการประเมินของเรา มูลค่าสิทธิบัตรของกาวฉบับนี้ของคุณคือหนึ่งจุดแปดล้านดอลลาร์แคนาดา อยากถามคุณฉินว่ามีความเห็นอะไรหรือไม่?”


ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมาและพูดว่า “นี่คุณ คุณกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า? คุณล้อผมเล่นใช่ไหม?”


เขาไม่ได้อ่านสัญญาเลย เขาวางลงบนโต๊ะและไม่ได้เปิดดูด้วยซ้ำ


มารอนยิ้มและพูดว่า “คุณฉิน นี่เป็นแค่สิทธิบัตรกาวน้ำเท่านั้น ไม่ใช่เทคโนโลยีทันสมัยอะไร ผมคิดว่าหนึ่งจุดแปดล้านเป็นราคาที่ไม่เลวเลยใช่ไหม? คุณอาจไม่รู้ ช่วงแรกเราได้รับสิทธิ์ในการจดสิทธิบัตรของกาวชนิดแห้งเร็วสก๊อตช์-เวลด์™ เราจ่ายเงินเพียงแค่หนึ่งล้านดอลลาร์แคนาดาเท่านั้น”


“แล้วทำไมของผมถึงได้ราคาเกือบสองเท่าล่ะ?” แซนเดอร์สถามด้วยรอยยิ้ม


ฉินสือโอวก็ยิ้มเช่นกัน ในขณะเดียวกันก็คำนวณในใจไปด้วย หนึ่งจุดแปดล้านดอลลาร์แคนาดา ราคานี้ก็ถือว่าโอเคแล้ว เพราะเป็นแค่สิทธิบัตรกาวน้ำฉบับเดียวเท่านั้น


มารอนพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “เพราะคุณทำแอปพลิเคชันบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ได้อย่างชาญฉลาด แม้ว่าจะไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจกับสถิติโลกนี้เท่าไร แต่ก็ยังสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าของกาวได้”


“แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะเพิ่มเงินอีกแปดแสนใช่ไหม?” แซนเดอร์สถามอย่างไม่เต็มใจ


มารอนผายมือออกและพูดอย่างจนปัญญาว่า “โอเค โอเค พูดตามตรง ผมก็ไม่รู้ว่ากาวน้ำของคุณทำไมถึงมีราคามากขนาดนี้ ราคานี้เป็นราคาที่สำนักงานใหญ่ของเราเสนอมา ความจริงผมเป็นแค่คนบอกต่อ ใบเสนอราคาที่บริษัทเราบอกต่อให้ คนอื่นๆ ผมไม่สามารถเป็นผู้นำได้ ถ้าคุณคิดว่าราคาไม่เหมาะสม ผมคงทำได้แค่กลับไปและให้หัวหน้าระดับสูงกว่านี้มาพูดคุยเอง”


แซนเดอร์สพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ ผมแนะนำให้พวกคุณเปลี่ยนคนคุย เพราะคุณไม่เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมกาวนี้ถึงมีมูลค่าถึงหนึ่งจุดแปดล้านและก็ยังไม่รู้ถึงประโยชน์ที่แท้จริงของกาวนี้อีกด้วย”


ในขณะที่พูดอยู่ เขาก็พลางหยิบขวดหลอดทดลองพลาสติกออกมาจากกระเป๋าเอกสาร ซึ่งในหลอดนั้นเป็นเมือกสีเหลืองซีดใสๆ


มารอนไม่สนใจคำพูดที่เหมือนจะดูถูกของแซนเดอร์ส เขาเผลอหัวเราะออกมาและพูดว่า “กาวเป็นสิ่งที่ใช้เพื่อให้วัตถุติดกัน แน่นอนว่าประโยชน์ของมันก็คือสิ่งนี้ จะยังมีอะไรอีกล่ะครับ?”


แซนเดอร์สยิ้มพร้อมกับส่ายหัวและพูดว่า “ตอนนี้ที่นี่ มีใครมีบาดแผลตามร่างกายไหม? บาดแผลที่เพิ่งมีก็ได้?”


ความสนใจอันกระตือรือร้นของฉินสือโอวก็ได้กลับมาอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็น ตอนที่แซนเดอร์กำลังพูดประโยคเหล่านี้ สีหน้าของมารอนเปลี่ยนไปและแดงขึ้นมาเล็กน้อย นี่คือสาเหตุของการเร่งการเต้นของหัวใจ


นั่นจึงทำให้เขารู้สึกแปลกๆ คำพูดของแซนเดอร์สหมายถึงอะไร? ทำไมมารอนถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้? ศาสตราจารย์อาวุโสดูเหมือนจะพูดไม่ผิด มารอนรู้ประโยชน์ที่แท้จริงของกาวนี้ แต่ฉินสือโอวในฐานะที่เป็นเจ้าของกลับไม่รู้!


ฉินสือโอวไม่พอใจ จึงนั่งลงข้างๆ แซนเดอร์สและกระซิบข้างหูเขาแล้วพูดว่า “ผมว่านะศาสตราจารย์ เหมือนคุณจะมีความลับอะไรปิดบังผมอยู่?”


เขาคิดว่าศาสตราจารย์อาวุโสต้องมีปัญหาแน่ เพราะมีหลายเรื่องที่ไม่ได้รับการรายงานจากเขาและเมื่อถึงช่วงวิกฤตจริงๆ ถึงจะพูดออกมา ดูเหมือนจะชอบทำให้เขาแปลกใจเหมือนกัน เรื่องแอปพลิเคชันบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ก่อนหน้านี้ก็เป็นแบบนี้ เมื่อทีมคนอื่นๆ มาแล้ว ศาสตราจารย์จึงพูดกับเขาว่าเกิดอะไรขึ้น


แซนเดอร์สก็กระซิบเขากลับเช่นกันและพูดว่า “ผมไม่ได้มีเจตนาอะไร ผมค้นพบหลังจากพิธีหมั้นของคุณ เพิ่งจะพบไม่นานมานี่เอง และเมื่อเร็วๆ นี้ ผมมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ ผมจึงลืมมันไป”


ในระหว่างการเจรจาอนุญาตให้มีการพูดคุยกระซิบกันได้ ในขณะที่ทั้งสองกำลังกระซิบกันอยู่นั้น มารอนและลูกน้องทั้งสี่คนก็พูดคุยกระซิบอะไรกันสักอย่างเช่นกัน สีหน้าดูเคร่งขรึมมาก


“แล้วประโยชน์ที่แท้จริงของกาวนี้คืออะไร?” ฉินสือโอวถาม


แซนเดอร์สชำเลืองมองไปที่มารอนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเช่นเดียวกันว่า “นี่มันเป็นกาวชีวภาพ บอส!”


“ผมรู้ว่ามันเป็นน้ำยาประสานคอนกรีตชีวภาพคิวเอส แล้วมันอย่างไรล่ะ?” ฉินสือโอวสับสน


แซนเดอร์สพูดต่อว่า “ไม่ มันคือกาวชีวภาพ ไม่ใช่น้ำยาประสานคอนกรีต! ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสองคำนี้ คือประโยชน์ของกาวชีวภาพไม่ได้เป็นเพียงแค่กาวติดวัตถุธรรมดาทั่วไปเท่านั้น แต่มันยังสามารถใช้เป็นเวชภัณฑ์ได้!”


ฉินสือโอวหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาอย่างใจเย็น ที่ประเทศจีนถ้าเจอกับเรื่องที่ไม่เข้าใจจะค้นหาในไป่ตู้ ส่วนต่างประเทศถ้ามีปัญหาที่ไม่เข้าใจจะค้นหาในกูเกิล


เขาค้นหากาวชีวภาพและสิ่งที่เจอก็คือกาวน้ำ ซึ่งกาวน้ำนี้ได้รับการพัฒนาโดยวิทยาศาสตร์ชีวโมเลกุล


ในขณะที่เขากำลังค้นหากาวชีวภาพอีกครั้ง คำแนะนำที่เจอก็แตกต่างกันออกไป เหมือนกับที่แซนเดอร์สว่านี่ไม่ใช่กาวธรรมดา แต่ยังเป็นเวชภัณฑ์ได้อีกด้วย

 

 

 


บทที่ 1201 หลี่ หนิง

 

กาวชีวภาพเป็นเทคโนโลยีใหม่ทางการแพทย์ของยุโรปและอเมริกาหลังจากเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ชื่อเต็มคือกาวชีวภาพสำหรับรักษาบาดแผล ซึ่งสามารถใช้ห้ามเลือด ลดความเจ็บปวดและลดการติดเชื้อในระหว่างการรักษาบาดแผล


พูดง่ายๆ คือกาวชนิดนี้สามารถใช้ในการติดหลอดเลือดและเมื่อใช้ร่วมกันจะสามารถแก้ปัญหาเลือดออกระหว่างการผ่าตัดรวมถึงยังช่วยในปัญหาการยึดติดของอวัยวะภายในขนาดเล็ก


วัสดุหลักของกาวชีวภาพประเภทนี้คือไคทินดัดแปลง ตอนนี้แซนเดอร์สได้ตรวจสอบเจอสิ่งนี้จากยางสกัดเพรียงตีนเต่า แต่เขาบอกว่าเขามีหัวข้อที่สำคัญกว่าที่กำลังศึกษาอยู่และเขาไม่มีเวลาทำการทดลอง ดังนั้นจึงไม่แน่ใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกาวชีวภาพที่สกัดออกมาว่าเป็นอย่างไร


ไคทินเป็นสารชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการควบคุมสองทางที่ไม่เหมือนใคร นอกจากจะใช้ในทางการแพทย์แล้ว ยังสามารถใช้ในเรื่องความงามได้อีกด้วย เนื่องจากมันสามารถปรับสมดุลและรักษาบาดแผล สร้างสภาพแวดล้อมการรักษาที่ชุ่มชื้น ปราศจากเชื้อ ปราศจากรอยแผลเป็น ทำให้ผิวที่เสียหายได้รับการรักษาให้เรียบเนียนและหนาแน่น ยับยั้งการเกิดแผลเป็นในแง่มุมทางเซลล์วิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องสำอางและศัลยกรรมได้พิจารณาว่าเป็นวิธีเดียวในการรักษาแบบไร้แผลเป็น


ขณะนี้สถาบันทางการแพทย์หลายแห่งในเกาหลีใต้กำลังศึกษาการสังเคราะห์ไคทินเทียม เมื่อประสบความสำเร็จแล้ว สิ่งนี้จะกลายเป็นการปฏิวัติทางประวัติศาสตร์ในวงการศัลยกรรม


แต่การสังเคราะห์ไคทินไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่อย่างนั้นปัญหาการรักษาเลือดออกทางการแพทย์ก็จะไม่เป็นปัญหาที่แก้ยาก และนี่คือคุณค่าของกาวชีวภาพเพรียงตีนเต่า ซึ่งบางทีมันอาจจะให้แนวคิดใหม่ๆ กับการวิจัยได้


มารอนถามฉินสือโอวว่าเขาต้องการขายเท่าไร ฉินสือโอวจึงใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาตั้งแต่ตั้งแผงขายของริมถนนกับพ่อแม่ แล้วพูดว่า “ราคาของคุณไม่เหมาะสม เอาอย่างนี้ ผมจะให้โอกาสคุณเสนอราคาอีกครั้ง”


เมื่อได้ยินเช่นนั้น มารอนก็แทบจะกระโดดขึ้นมาและยกกำปั้นใส่เขา! ใครเอาความกล้าให้คุณมาทำแบบนี้? การเจรจาเป็นไปตามระเบียบ เมื่อผู้ซื้อเสนอราคาแล้ว ผู้ขายก็จะต้องเสนอราคาด้วย ทั้งสองฝ่ายต้องซื่อสัตย์ จริงใจและตรงไปตรงมา!


ฉินสือโอวเป็นคนหน้าไม่อาย เขาทำท่าทางไม่รู้และไม่กลัวอะไรทั้งนั้น อย่างไรก็ตามนี่คืออาณาเขตของเขา เขาสามารถนำการเจรจาต่อรองนี้ได้ ถ้ามารอนไม่ยอมก็ออกไป


หลังจากเข้าใจคุณค่าของกาวชีวภาพแล้ว ฉินสือโอวเชื่อว่าต้องมีบริษัทยาระหว่างประเทศบางแห่งสนใจกาวของเขา


มารอนไม่สามารถไปได้จริงๆ เพราะงานที่สำนักงานใหญ่มอบหน้าที่นี้ให้เขา ซึ่งก็คือการพยายามหารือเกี่ยวกับสิทธิบัตรฉบับนี้อย่างเต็มที่


ดังนั้นเขาทำได้เพียงแค่กล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้ำใจและพูดอย่างนิ่มนวลว่า “คุณฉิน เราต้องปฏิบัติตามกฎของการเจรจาธุรกิจระหว่างประเทศไม่ใช่เหรอครับ?”


ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างจริงจังและพูดว่า “ใช่ เราต้องปฏิบัติตามกฎ ไม่มีกฎไม่สามารถมีอาณาเขตได้ใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้น คุณมารอน ขอถามหน่อยสิว่าพวกคุณจะยอมจ่ายสิทธิบัตรของผมเท่าไหร่กันแน่?”


หลังจากได้ยินประโยคครึ่งแรกของเขา มารอนก็ยังอยากจะหัวเราะ แต่พอได้ยินทั้งประโยค มารอนก็แทบจะร้องไห้ออกมา เขาไม่รู้ว่าชายตรงหน้าคนนี้ตั้งใจจะล้อเขาเล่นหรือว่าโง่จริงๆ กฎจากที่ไหนกัน? มันตรงไปตรงมาที่ไหน?


เมื่อหมดหนทางแล้ว มารอนจึงยิ้มเจื่อนและทำการเสนอราคาต่อ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ คุณฉิน ผมจะบอกราคาต่ำสุดของเรา ถ้าร่วมมือกันได้ งั้นเราก็ร่วมมือกัน ถ้าร่วมมือกันไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ”


“เท่าไหร่?”


“สองจุดหกล้านดอลลาร์!” มารอนกล่าว


สองจุดหกล้านดอลลาร์เป็นเงินประมาณสามล้านดอลลาร์แคนาดา ราคานี้นับว่าเป็นราคาที่สูงมากสำหรับสิทธิบัตรกาวฉบับนี้ แต่สำหรับกาวชีวภาพแล้ว ราคานั้นยังห่างไกลอยู่พอสมควร


แต่มารอนแสดงความจริงใจของเขาด้วยการทำแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวก็ไม่ได้รู้สึกลำบากใจจึงพูดว่า “ผมยินดีที่จะขายสิทธิบัตรนี้ให้คุณในราคาเดิมหนึ่งจุดแปดล้านดอลลาร์แคนาดา…”


มารอนและลูกน้องทั้งสี่คนก็มีท่าทางไม่อยากจะเชื่อและสายตาของฉินสือโอวก็มองเหมือนกับคนโง่


แต่มารอนกลับรออย่างเงียบๆ และเขาเชื่อว่าฉินสือโอวยังมีบางอย่างที่จะพูด


และฉินสือโอก็พูดต่อจริงๆ ว่า “หนึ่งจุดแปดล้านดอลลาร์แคนาดา สิบเท่าของราคานี้!”


“วู้!” เสียงถอนหายใจดังขึ้น มารอนและลูกน้องทั้งสี่คนก็มองไปที่ดวงตาของฉินสือโอวไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงมองเขาด้วยสายตาที่โง่เขลา


แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ เขาพามารอนไปที่ลานบ้านและชี้ไปที่อาคารโรงงานเคมีที่อยู่ทางมุมตะวันตกเฉียงเหนือ แล้วพูดว่า “เราทุกคนรู้ถึงคุณค่าของกาวชีวภาพใช่ไหม? ดูที่สถานที่นั้น นั่นคือโรงงานที่ผมซื้อมาและปรับเปลี่ยนสักหน่อยก็สามารถทำเป็นโรงงานผลิตกาวชีวภาพได้”


มารอนหัวเราะขึ้นมา นี่มันโอ้อวดจริงๆ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ไม่อย่างนั้นสำนักงานใหญ่คงไม่ส่งหัวหน้าผู้ตรวจสอบอย่างเขามาคุยธุรกิจสำคัญแบบนี้


เขาเข้าใจถึงความเข้มงวดและความยากลำบากของการผลิตยาเป็นอย่างมาก โรงงานขนาดเล็กแบบนี้ยังต้องการผลิตกาวชีวภาพอีกเหรอ? มันเรียบง่ายมาก สิ่งนี้มีค่าได้มากขนาดนี้เลยเหรอ?


ฉินสือโอวก็หัวเราะขึ้นมาเช่นกันและพูดว่า “ผมอาจจะพูดไม่ชัดเจนพอ ผมไม่ได้ผลิตด้วยตัวเอง แต่ร่วมมือกับบริษัทอื่น นั่นคือบริษัท ดาว เคมิคอล! ถ้าคุณอาจจะคิดว่าผมพูดเรื่องไร้สาระ คุณสามารถตรวจสอบข่าวของปีที่แล้วได้ บริษัท ดาว เคมิคอลเคยเกือบจะมาสำรวจที่เกาะของผม แต่ผมไม่พอใจกับราคาที่พวกเขาเสนอ จากนั้นเราก็เลยจบกัน”


“แต่คุณมารอน โปรดเชื่อเถอะว่า แค่คุณยอม บริษัท ดาว เคมิคอลก็จะสามารถกลับมาที่เกาะเราได้ทุกเมื่อที่ผมต้องการ”


แม้ว่าชื่อของบริษัท ดาว เคมิคอลจะมีคำว่า ‘เคมี’  แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่บริษัทที่ผลิตสารเคมีเพียงอย่างเดียว มันเป็นเหมือนกับบริษัททีเอ็ม เป็นบริษัทที่มีความหลากหลาย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำบริสุทธิ์ อาหาร สี บรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล อาคาร บ้าน รถและอีกหลากหลายสาขา


แน่นอนว่าพวกเขายังมีส่วนร่วมในการขาย บุกเบิก ศึกษาและผลิตยาและเครื่องใช้ทางการแพทย์ด้วย อีกทั้งจุดแข็งของพวกเขาในด้านนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง อย่างน้อยก็ดีกว่าบริษัททรีเอ็ม แต่ถึงอย่างไรเคมีและการแพทย์ก็ทับซ้อนกันในหลายๆ ที่มาก


หลังจากได้ยินแบบนี้แล้ว ท่าทางของมารอนก็จริงจังขึ้นมาทันที แต่กลับเขาส่ายหัวและพูดว่า “ผมเชื่อที่คุณพูด คุณฉิน แต่ราคาของคุณมันไม่สมเหตุสมผลเกินไป หนึ่งจุดแปดล้าน? ไม่ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ไม่มีใครยอมซื้อในราคานี้ได้หรอก”


ฉินสือโอวยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็น่าจะกลับไปสอบถามผู้บริหารของบริษัท ดาว เคมิคอลดูนะ พวกเขายอมเสนอได้น่าดึงดูดกว่าของคุณมาก”


งั้นเป็นอันว่าการเจรจานี้จบกัน มารอนก็ไม่ยอมและถามว่า “พูดตามตรงราคานี้ยากเกินไปสำหรับเรา หรือว่าเราจะไม่มีทางได้ร่วมมือกันได้จริงๆ เหรอครับ?”


ฉินสือโอวพิจารณาอยู่สักพักและพูดว่า “ไม่สิ ร่วมมือกันได้ ถ้าพวกคุณอนุญาตให้เราลงทุนในสิทธิบัตรและเทคโนโลยีซึ่งจะยังคงอยู่ในราคาหนึ่งจุดแปดล้าน จากนั้นค่อยเพิ่มเงินปันผล ผมถึงจะยอมร่วมมือกับพวกคุณ”


“นี่เป็นไปไม่ได้แน่นอน!” มารอนพูดอย่างหนักแน่น


ฉินสือโอวตบไหล่เขาเบาๆ พร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า “ก้มมองดูรองเท้าผมสิ”


“อะไร?” มารอนถามอย่างไม่เข้าใจ “นี่เป็นยี่ห้ออะไร? ผมไม่ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยหรอกนะ”


ฉินสือโอวชี้ไปที่สัญลักษณ์ ‘หลี่ หนิง’ บนรองเท้าและพูดว่า “นี่เป็นแบรนด์ประจำชาติของเราและสโลแกนของเขาคือทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปได้!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)