ลำนำบุปผาพิษ 1185-1190
บทที่ 1185 เธอมิอาจต่อสู้เพียงลำพัง
เดิมทีลูกน้องของเขาก็แตกความสามัคคีกันอยู่แล้ว หากตี้ฝูอีเป็นเพียงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ลูกน้องเหล่านี้คงไม่หวาดหวั่นเมื่อต้องลงมือ แต่หากพวกเขาคิดว่าตี้ฝูอีเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ จะมีจิตใจอยากสู้รบได้อย่างไร?!
เขาก็ตอบสนองได้รวดเร็ว รีบแค่นเสียงเยาะหยัน “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร? เจ้าจะเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?! เจ้ากับเขานิสัยไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย! อย่ายกยอตัวเองไปหน่อยเลย!”
ตี้ฝูอียิ้มอย่างไม่แยแส ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ “เรื่องนี้ก็พูดยาก!”
ฝูงชนต่างมองกันไปมา สีหน้าสงสัย
ความจริงพวกเขาก็คิดว่าตี้ฝูอีไม่ใช่เทพศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน…
โม่เจ้าเกรงว่าเรื่องราวจะยืดเยื้อ ออกคำสั่งทันที “คนผู้นี้ยังคิดแสร้งทำตัวเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนไม่ต้องเกรงใจ ลุยเข้าไปพร้อมกันเลย! ไม่ว่าเขาเป็นใคร ครั้งนี้พวกเจ้าทำให้เขาขุ่นเคืองใจนัก หากปล่อยให้หลบหนีไปได้ พวกเจ้าก็จะไม่มีใครรอดสักคน! ฆ่าเขา!”
ฝูงชนมองกันไปมาอยู่หลายครา ในที่สุดก็ตั้งสติได้!
ทุกคนต่างรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าคำพูดของโม่เจ้าสมเหตุสมผล ที่นี่แทบไม่มีใครเป็นคนดี ต่างเป็นผู้ติดตามคนชั่วช้าสามานย์ ครั้งนี้จะจัดการตี้ฝูอีให้ถึงที่สุด หากปล่อยตี้ฝูอีหลบหนีไป พวกเขาเหล่านี้จะมีชีวิตรอดต่อไปอย่างไร?!
ดังนั้นฝูงชนจึงรายล้อมเข้ามาอีกครั้ง กลายเป็นกำแพงมนุษย์แนวหนึ่งล้อมพวกตี้ฝูอีเอาไว้ ดาบกระบี่พร้อมมือ นิ้วมือประสานมุทรา รังสีอำมหิตแผ่คลุมไปทั่วทั้งห้องโถงราวพายุพัดโหมกระหน่ำ
ถึงแม้ตี้ฝูอีมีพลังวิญญาณขั้นเก้า ทว่าเขากับกู้ซีจิ่วจำนวนคนน้อยกว่า อีกทั้งเข้ามาภายในฐานลับของพวกตน พวกเขาไม่คิดว่าทั้งสองคนจะพลิกแผ่นฟ้าหนีออกไปได้จริง!
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาไม่ใช่เทพศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้เขาใช่ ในเมื่อทำให้ขุ่นเคืองใจแล้ว ก็คงต้องตกกระไดพลอยโจน กำจัดเขาให้สิ้นซาก!
ศึกใหญ่กำลังจะปะทุขึ้นแล้ว!
กู้ซีจิ่วยืดตัวยืนตรง เธอรู้ว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงศึกอันโหดร้ายนี้ได้
เคราะห์ดีที่ตี้ฝูอีกยังมีพลังวิญญาณ เธอมิอาจต่อสู้เพียงลำพังได้
โม่เจ้าถอยออกจากวงล้อมอย่างเยือกเย็น เขาบาดเจ็บสาหัส ความจริงเขาฝืนทนออกคำสั่งมาโดยตลอด ยามนี้เรียกขวัญและกำลังใจกลับมาได้แล้ว จึงสบายใจได้ไปเปลาะหนึ่ง
ตอนนี้หมอหลี่อยู่ข้างกายเขาเอ่ยขึ้น “ท่านเจ้า ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าน้อยรักษาบาดแผลให้ท่านก่อนดีไหมขอรับ?”
เวลาสำคัญเช่นนี้ กลับเป็นคนผู้นี้ที่ยังจงรักภักดีต่อเขา
โม่เจ้าไม่ค่อยเข้าใจศาสตร์การแพทย์ เมื่อสักครู่ถึงแม้เขาห้ามเลือดไปแล้ว แต่ยังปวดแสบปวดร้อนบริเวณบาดแผล และยังไม่ทันได้ทำแผล…
โม่เจ้าพยักหน้าเบาๆ “รบกวนเจ้าแล้ว”
เขาถอยกลับไปที่มุมหนึ่ง ถอดสาบเสื้อด้านนอกออก เผยให้เห็นบาดแผลเหวอะหวะ
หมอหลี่ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบผ้าพันแผล สำลี ยาน้ำ ขี้ผึ้งออกมา เขาถือยาน้ำพลางพูด “ท่านเจ้า บาดแผลของท่านต้องจัดการล้างให้ดีเสียก่อน มันจะเจ็บปวดนิดหน่อย ท่านอดทนหน่อยนะขอรับ”
ยาน้ำนั้นเป็นสีม่วงอ่อน เป็นยาน้ำที่ใช้ล้างแผลเป็นประจำเหมือนแอลกอฮอล์ ช่วยฆ่าเชื้อโรค
โม่เจ้าพูด “ไม่เป็นไร”
หมอหลี่ยกมือขึ้นกำลังจะเทยาน้ำลงบาดแผลของเขา…
โม่เจ้าจับมือที่ถือยาน้ำนั้นในทันใด “ช้าก่อน!”
หมอหลี่เงยหน้าอย่างประหลาดใจ “ท่านเจ้า?”
โม่เจ้าหยิบยาน้ำในมือเขามา “ลูกน้องผู้จงรักภักดีต้องทดลองยาก่อน เจ้าลองใช้มันก่อน…” …ยังไม่ทันพูดจบ เบื้องหน้าก็สาดแสงอันเย็นเยือก! กระบี่มรกตปรากฏที่มือซ้ายของหมอหลี่ผู้นั้น แล้วแทงไปที่โม่เจ้า!
โม่เจ้ากลับเตรียมการป้องกันไว้ก่อนแล้ว แค่นเสียงเย็นชาคราหนึ่ง “ว่าแล้วเจ้าดูไม่ชอบมาพากล!” ฝ่ามือด้านซ้ายหยุดยั้ง มือด้านขวาสาดยาน้ำใส่หมอหลี่!
ทั้งสองประมือกันอย่างรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาด
———————————————-
บทที่ 1186 แต่ละคนกลายเป็นนักแสดงนำยอดเยี่ยมแล้วหรืออย่างไร?!
ถึงแม้โม่เจ้าบาดเจ็บ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นมารสวรรค์ พลังวิญญาณที่แท้จริงบรรลุขั้นสิบไปแล้ว เพียงแต่ร่างนี้เป็นขั้นเก้า เขายังไม่ได้ฝึกฝนอย่างจริงจัง แต่การตอบสนองยังอยู่ในระดับสิบขึ้นไป ถึงแม้บาดเจ็บ พลังวิญญาณก็ยังน่ากริ่งเกรงอยู่เช่นกัน!
แสงห้าสีในมือซ้ายดังดาบวงจักรห้าสีเล่มหนึ่ง บดขยี้กระบี่มรกตในมือของหมอหลี่เป็นผุยผงในชั่วพริบตา ยาน้ำนั้นกระฉอกออกมา ทันทีที่ซัดสาดยาน้ำสีม่วงอ่อนกลับกลายเป็นสีเขียวเข้ม เห็นได้ชัดว่ามีพิษร้าย!
การตอบสนองของหมอหลี่รวดเร็วยิ่งนัก เอียงไปด้านหลังทันที หลบเลี่ยงการสาดกระเซ็นของยาน้ำนั้น ยาน้ำจึงสาดไปโดนองครักษ์วังใต้พิภพคนหนึ่งด้านหลัง องครักษ์ผู้นั้นกรีดร้องโหยหวน ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต ล้มลงดังตึง ร่างกายชักกระตุกอยู่บนพื้นเพียงชั่วครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นน้ำสีเขียวหายวับไป
โม่เจ้าเดือดดาล ไม่รอให้หมอหลี่ลุกขึ้นมาก่อน ก็ซัดหนึ่งฝ่ามือไปที่เขา!
การลงมือครั้งนี้ไร้ซึ่งความปรานี เพิ่งเริ่มซัดฝ่ามือก็เป็นลมกรดอันดุเดือด กดทับไปที่หมอหลี่ประดุจภูเขาลูกใหญ่!
หมอหลี่ยังไม่ทันลุกขึ้น ขบกัดฟัน กำลังจะเตรียมรับมือ ลำแสงสีขาวสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเป็นเกลียว แผ่ปกคลุมหมอหลี่เอาไว้ ฝ่ามือของโม่เจ้าอยู่เหนือแสงสีขาวนั้น เสียงเปรี้ยงดังขึ้นราวกับเสียงฟ้าผ่ากลางแผ่นฟ้า!
โม่เจ้าถูกกระเทือนถอยหลังไปหลายก้าวติดกัน ส่วนหมอหลี่ก็เกือบจะหูหนวกแล้ว การตอบสนองของเขาก็รวดเร็ว กระโดดขึ้นมาทันที ในพริบตาเดียวก็ร่อนลงข้างกายพวกกู้ซีจิ่วสองคน และเหลือบมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง “ขอบคุณ!”
เห็นได้ชัดว่า ลำแสงสีขาวเมื่อสักครู่นั้นเป็นตี้ฝูอีที่สำแดงออกมา เพื่อช่วยชีวิตเขายามตกอยู่ในอันตราย
ตี้ฝูอีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง พูดเพียงแค่คำเดียวว่า “โง่เขลา!”
อูฐที่ผอมโซก็ยังตัวโตกว่าม้า คนอย่างโม่เจ้าไฉนเลยจะถูกลอบทำร้ายได้ง่ายดายอย่างนี้?
ฝูงชนที่พร้อมตั้งท่าต่อสู้คาดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ต่างพากันตกตะลึงโดยไม่ได้นัดหมาย ยามกำลังจะเคลื่อนไหวครั้งยิ่งใหญ่ก็เหลือบมองกลับไปอีกครั้ง…
โม่เจ้าเงยหน้าจ้องมองหมอหลี่ผู้นั้น “เจ้าทรยศข้า!”
“เดิมทีข้ากับท่านก็เดินคนละเส้นทางอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับทรยศหรือไม่ทรยศ” น้ำเสียงหมอหลี่เย็นชา ถึงแม้ใบหน้าของเขายังคงเป็นใบหน้านั้น ทว่าน้ำเสียงกลับแปรเปลี่ยนไป กลายเป็นชัดเจนและสุขุม…
กู้ซีจิ่วประหลาดใจ “ครูฝึกหลง!”
หมอหลี่ยิ้มบางๆ มาที่เธอ “ซีจิ่ว!”
เป็นเสียงของหลงซือเย่จริงๆ หมอหลี่ท่านนี้เป็นหลงซือเย่แปลงโฉมมา…
สีหน้าโม่เจ้าแปรเปลี่ยน คาดไม่ถึงว่าหมอหลี่รูปโฉมค่อนข้างอัปลักษณ์ที่คอยรับใช้เขาผู้นี้กลับเป็นหลงซือเย่ปลอมตัวมา!
แต่ละคนกลายเป็นนักแสดงนำยอดเยี่ยมแล้วหรืออย่างไร?!
ฝูงชนต่างคาดไม่ถึงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ใบหน้าแต่ละคนตะลึงงัน
โม่เจ้าประมวลความคิดรวดเร็วยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าหมอหลี่เป็นหลงซือเย่ ก็นึกถึงลูกกลอนสามหยางที่ตัวเองกินขึ้นมาทันที ใบหน้าหล่อเหลาพลันเขียวคล้ำ!
“หลงซือเย่ เจ้ายินยอมเป็นสายลับของตี้ฝูอี! ฮึ เขาแย่งคนอันเป็นที่รักของเจ้า…”
เขายังไม่ทันพูดจบก็ถูกหลงซือเย่ตัดบทอย่างเย็นชา “ข้าแยกแยะเรื่องส่วนรวมกับเรื่องส่วนตัวมาตลอด ข้ากับเขามีอุดมการณ์เดียวกันในหนทางการกำจัดมาร”
โม่เจ้ากระชับหมัดแน่น
ในเมื่อหลงซือเย่เป็นสายลับ ลูกกลอนสามหยางนั้นต้องไม่ใช่สิ่งที่ดีอย่างแน่นอน!
ตี้ฝูอีจงใจพูดชื่อสมุนไพรสามชนิดออกมาอย่างคลุมเครือ ตัวเขาก็ขุดบ่อเมื่อกระหายน้ำ[1] และยังเกิดความสงสัยในตัวหลงฟั่น จึงต้องไปถามศาสตร์การแพทย์กับหมอหลี่ที่เป็นลูกมือของหลงฟั่นแทน ทว่า ‘หมอหลี่’ คนนี้กลับตอบรับเจตนารมณ์ของตี้ฝูอีไปก่อนหน้านั้นแล้ว…
———————————————–
บทที่ 1187 ที่แท้วางหมากไว้อย่างดีแต่แรกแล้ว
จากนั้นเขาก็มุดเข้าไปในกับดักของสองคนนี้!
โม่เจ้าประมวลความคิดอย่างรวดเร็ว เขาพลันนึกผู้คุ้มกันไม่กี่คนที่หลงซือเย่พาออกไปยามไปเก็บสมุนไพร จึงกวาดสายตามองทันที พบว่าไม่กี่คนนั้นยังปะปนอยู่ในฝูงชน เอาอ้าปากตะโกน “ระวังจางชิง…”
เขาเพิ่งจะเอ่ยนามหนึ่งออกมา ไม่กี่คนนั้นก็ลงมือในทันใด…
ไม่เพียงแต่ไม่กี่คนนั้นที่ลงมือ ในฝูงชนยังมีอีกกว่าสิบคนที่จู่ๆ ก็ระเบิดพลังออกมา
ลำแสงสีหลากสีสันนับไม่ถ้วนพุ่งวาบสลับกันไปมา ผู้คุ้มกันของตำหนักใต้ดินที่อยู่รอบตัวพวกเขากรีดร้องออกมาสั่นๆ จากนั้นก็ล้มลงไปหลายสิบคน
เห็นได้ชัดว่าฝูงชนคาดไม่ถึงว่าจะมีในกลุ่มจะมีมือสังหาร จึงตอบสนองไม่ทันชั่วขณะ เกิดความโกลาหลขึ้นทันที กระจายตัวออกไปรอบด้ายเสียงดังครืน…
“นายท่าน”
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย”
“ฝูอี!”
“ซีจิ่ว…”
มีเจ็ดแปดคนเหินทะยานมาอยู่รอบกายพวกตี้ฝูอีทั้งสอง พากันทำความเคารพพวกเขา แน่นอนว่าถึงแม้ยามนี้รูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขาจะยังเป็นสาวกของตำหนักใต้ดินอยู่ ทว่าเสียงกลับเปลี่ยนเป็นเสียงเดิมของตนแล้ว
กู้ซีจิ่วกุมหน้าผาก ความจำของเธอดีมาก ความสามารถด้านการจดจำผู้คนก็แข็งแกร่ง สำหรับเธอแล้วคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนคุ้นเคยทั้งนั้น
มู่เฟิง มู่เหล่ย มู่อวิ๋น มู่เตี่ยน เที้ยนจี้เยวี่ย เชียนเยวี่ยหราน…
สานุศิษย์สวรรค์ทั้งห้านอกจากฮวาอู๋เหยียนแล้วที่เหลือล้วนอยู่ที่นี่กันพร้อมหน้า!
และคนที่เหลือเหล่านั้นน่าจะเป็นลูกน้องของตี้ฝูอี เนื่องจากตอนที่พากันทำความเคารพพวกเขาเรียกว่า ‘นายท่าน’
จะอย่างไรกู้ซีจิ่วก็นึกไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะปะปนเข้ามาหมดเลย อดไม่ได้ที่จะหันไปมองตี้ฝูอี
มิน่าล่ะเจ้าคนผู้นี้ถึงทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ตลอด ที่แท้เขาก็วางหมากไว้อย่างดีแต่แรกแล้ว!
สถานการณ์นี้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินไป ผู้คุ้มกันของวังใต้ดินเหล่านั้นส่วนใหญ่ถูกทิ้งให้ตกตะลึงจนตาค้างอ้าปากหวอแล้ว…
ถึงแม้ว่าสีหน้าของโม่เจ้าจะซีดเผือด แต่ยังคงคิดจะสู้อย่างหลังชนฝาอยู่ รีบตะโกนเสียงดัง “พวกเขาก็แค่สิบแปดคนเท่านั้น ทว่าพวกเรามีกว่าสามร้อยคน ทุกคนไม่ต้องกลัว สู้ตายกับพวกเขากันเถอะ!”
การตะโกนนี้ของเขาส่งผลให้คนสงบใจลงได้ ผู้คุ้มกันของวังใต้ดินที่กำลังโกลาหลอยู่เหล่านั้นในที่สุดก็ดูเหมือนจะแกนนำเจอแล้ว จึงสงบสติลงอีกครั้ง พากันโอบล้อมอยู่รอบๆ โม่เจ้า
‘ติ้ง!’ เกิดเสียงคล้ายพิณสายขาดดังขึ้น สะเทือนจิตใจของฝูงคนให้สั่นสะท้าน
ฝูงชนมองไปตามเสียงพิณ พบว่าสตรีบรรเลงพิณที่ขี้ขลาดยิ่งนักเสมอมาคนนั้นนั่งอย่างผึ่งผายอยู่บนโต๊ะ พิณตัวนั้นพาดอยู่บนตัก ยิ้มเจ้าเล่ห์ปานจิ้งจอก “พวกเจ้ายังนึกว่าจะมีแรงสู้อยู่อีกหรือ? ไยทุกท่านไม่สัมผัสจุดที่อยู่ถัดลงไปจากสะดือหนึ่งชุ่นหน่อยเล่า ดูเสียหน่อยว่ามีความรู้สึกผิดปกติอันใดหรือไม่”
ฝูงชนนิ่งงัน วันนี้กิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมายเกินไป เหล่าผู้คุ้มกันของตำหนักใต้ดินจึงตื่นตระหนกปานวิหคผวาธนูแล้ว จึงพากันสัมผัสตามที่ได้ยิน จากนั้นก็หดมือกลับดั่งถูกผึ้งต่อย
เจ็บ! เจ็บ! คัน! คัน!
ที่สำคัญกว่านั้นคือ พลังวิญญาณของพวกเขาคล้ายจะถูกผนึกไว้ ใช้ไม่ได้เลยสักส่วนเดียว!
ชัดเจนยิ่งนัก พวกเขาถูกพิษโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เหล่าผู้คุ้มกันของตำหนักใต้ดินแต่ละคนหน้าถอดสี ทราบว่าหมดหวังอย่างแท้จริงแล้ว สบตากันแวบหนึ่ง พลันวิ่งหนีออกไปนอกประตูเสียงดังตึงตัง…
เพียงแต่พวกเขายังวิ่งไปไม่ทันถึงปากประตู ฝาครอบโปร่งใสอันหนึ่งก็ร่วงลงมาตรงประตูเสียงดังสวบ ปิดกั้นประตูใหญ่ไว้ทันที แม้แต่ช่องว่างสักน้อยก็ไม่มี ด้านบนฝาครอบ มีสตรีนางหนึ่งยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ สวมอาภรณ์สีเหลืองพลิ้วไสว “คิดจะหนีรึ? ปองร้ายนายท่านของพวกเราแล้วยังคิดจะว่าจะหนีรอดอีกหรือ? ไหนเลยจะง่ายดายถึงเพียงนั้น?!”
ดวงตาของสตรีนางนั้นกลมโตขาวดำตัดกันชัดเจนดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก แฝงกลิ่นอายดุดันห้าวหาญ มองเหล่าผู้คุ้มกันของวังใต้ดินที่อยู่ด้านล่าง เสมือนนักล่ากำลังมองกระต่ายขาวตัวน้อยที่วิ่งพล่านไปทั่ว
ฝาครอบอันนี้ของนางเห็นได้ชัดว่าเป็นอาวุธวิเศษ ขวางอยู่ตรงนั้นเหมือนขุนเขาที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายได้
————————————————————————————-
บทที่ 1188 หมากของตี้ฝูอี
ห้องโถงนี้มีประตูใหญ่บานนี้บานเดียว ที่เหลือล้วนเป็นกำแพงหยกเขียวที่กันไฟได้ประเภทนั้น นอกกำแพงคือลาวาที่สามารถเผาไหม้ทุกสิ่งได้
ไร้หนทางหลบหนี อีกทั้งทุกคนถูกพิษประหลาดไม่อาจใช้พลังวิญญาณได้ คนของวังใต้ดินมีมากว่าแล้วอย่างไรเล่า? มิใช่ลูกไก่น้อยที่ปล่อยให้คนหนึ่งหนึ่งเชือดเอาได้หรอกหรือ?
คนเหล่านี้ผู้ใดก็ไม่คาดคิดว่าพิธีสมรสที่เดิมทีรื่นเริงคึกคักจะแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปได้
ก่อนหน้านี้พวกเขายังเยาะเย้ยถากถางทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอยู่เลย มองคนรักตัวน้อยของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายแต่งให้แก่ท่านเจ้าของพวกเขา คิดจะชมเรื่องครื้นเครงของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ให้ถึงที่สุด
ต่อมากลับพลิกผันจนมาถึงจุดนี้ พวกเขาก็ถอนตัวไม่ได้แล้ว ถึงขั้นที่การคาดหวังให้ไว้ชีวิตพวกเขาก็เป็นเรื่องที่ฝันสูงเกินไป
ทุกคนสิ้นหวังจนหน้าถอดสีไปหมด สายตานับไม่ถ้วนมองไปทางโม่เจ้า และบางคนก็มองหาผู้อาวุโสหลงตามสัญชาตญาณ…
ไม่ว่าด้านวิชาแพทย์หรือด้านวิชาพิษผู้อาวุโสหลงล้วนเป็นเลิศทั้งสิ้น ปกติแล้วขอเพียงมีเขาอยู่ คนเหล่านี้จะไม่กังวลที่ถูกพิษเลย เนื่องจากผู้อาวุโสหลงสามารถสามารถตรวจจับพิษทุกชนิดได้ล่วงหน้า ทำให้พวกเขาไม่ถึงขั้นหลงกลเข้าเต็มเปา แต่ตอนนี้พวกเขาถูกพิษกันหมดแล้ว เหตุใดผู้อาวุโสหลงถึงมองไม่ออกล่วงหน้าเล่า?
หรือว่าหลงฟั่นก็เป็นคนของตี้ฝูอีเหมือนกัน?
“ผู้อาวุโสหลงหายไปแล้ว!”
“อ๋า ใช่ เขาหายไปได้อย่างไร?!” ฝูงชนโวยวายขึ้นมา
เนื่องจากนห้องโถงมีผู้คนมากมายเกินไปจริงๆ ซ้ำยังปะปนกันอยู่ตลอด สุดท้ายแล้วคนเหล่านี้จึงมองไม่เห็นเช่นกันว่าหลงฟั่นจากไปตั้งแต่ตอนไหน
กู้ซีจิ่วก็ขมวดคิ้วเช่นกัน หลงฟั่นก็เป็นภัยร้ายแรงเหมือนกัน ถ้าหากเขาหนีไปได้…
ตูเหมือนตี้ฝูอีจะสัมผัสได้ถึงความกังวลของเธอ ขึงบีบมือเธอเบาๆ กล่าวว่า “วางใจเถอะ เขาหนีไม่รอดหรอก”
เขาเพิ่งกล่าวประโยคนี้จบ ด้านนอกก็มีเสียงเอะอะต่อสู้แว่วเข้ามา
เห็นได้ชัดเจนยิ่งนักว่าด้านนอกก็มีคนของตี้ฝูอีจัดวางไว้เช่นกัน น่าจะปะทะกับหลงฟั่นที่อาศัยจังหวะชุลมุนวุ่นวายหนีออกไปแล้ว…
ตี้ฝูอีส่งสัญญาณให้มู่เฟิง มู่เฟิงจึงรีบลากมู่อวิ๋นออกไปจับกุมคนทันที
ตี้ฝูอีมองโม่เจ้าที่ยืนหลุบตาอยู่ตรงนั้น หยักยิ้มแวบหนึ่ง “โม่เจ้า เจ้าควรเรียกขานข้าว่าท่านปู่มิใช่หรือ?”
โม่เจ้าเชิดหน้ายิ้มแวบหนึ่ง “ฝันไปเถอะ!”
เรือนกายพุ่งทะยานขึ้นในทันใด ซัดฝ่ามือใส่หลังคาห้องโถงเสียงดังตูม…
สีหน้าของของทุกคนในห้องโถงแทบจะแปรเปลี่ยนไปทั้งสิ้น!
เหนือหลังคานี้คือลาวาเดือดพล่าน ถ้าหากถล่มลงมา ลาวาจะหลั่งไหลเข้ามาทันที เมื่อถึงยามนั้นทุกคนจะจบสิ้นกันหมด
คนทั้งหลายอุทานด้วยความตกใจ “อย่านะ!”
“ไม่!”
แต่โม่เจ้าลงมือเร็วเกินไป ฝูงชนขัดขวางไว้ไม่ทัน
ฝ่ามือนี้ของเขาทรงพลังจนซัดขุนเขาถล่มได้ นับประสาอะไรกับการซัดหยกประเภทนี้ให้แตก ต่อให้มีกายาทองก็สามารถถูกฝ่ามือของเขาซัดจนปลิวได้…
เกิดเสียง ‘ปัง!’ ดังสั่นหวั่นไหวขึ้น ทำให้ผู้คุ้มกันของวังใต้ดินทั้งหมดที่ถูกพิษตัวสั่นสะท้าน บางส่วนที่วรยุทธ์อ่อนด้อยก็กระอักเลืดออกมาทันที
โม่เจ้านึกว่ายังนึกฝ่ามือที่ตนซัดออกไปสุดกำลังจะทำให้หลังคาถล่มลงมาอย่างสมบูรณ์ ทุกคนจะตกตายไปพร้อมกันหมด
นึกไม่ถึงว่าเมื่อเขาซัดฝ่ามือนี้ออกไป บนหลังหยกเขียวจะมีเขตแดนสีขาวสายหนึ่งวาบออกมา ฝ่ามืออันทรงอานุภาพของเขาเพียงสั่นสะเทือนเขตแดนนั้นหลังคาหยกเขียวนั้นไม่ปรากฏแม้แต่รอยร้าวด้วยซ้ำ
โม่เจ้าตะลึง เขาคาไม่ถึงว่าหลังคาห้องโถงนี้จะมีเขตแดนเช่นนี้อยู่ด้วย สายตาหันเหไปที่ตี้ฝูอีทันที เส้นเลือดฝอยในตาแทบจะแตกซ่าน “เจ้าติดตั้งกลไกเขตแดนไว้ที่นี่ด้วยหรือ?”
ตี้ฝูอีตอบกลับเขาเพียงสองคำ “เหลวไหล!”
โม่เจ้ากำมือแน่นจนเกิดเสียงดังกร็อบๆ “เมื่อพิจารณาดูแล้วสำหรับเจ้าอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น!”
จวบจนยามนี้ทุกคนในที่เกิดถึงมีปฏิกิริยาตอบสนองอีกครั้ง นึกแล้วหวาดผวากันแทบทุกคน
คนที่ตี้ฝูอีพาเข้ามายังดีหน่อย คนเหล่านี้ล้วนเป็นอัจฉริยะผู้เลิศล้ำทั้งสิ้น ต่อให้ลาวาทะลักเข้ามา พวกเขาก็สามารถหลบหนีออกจากห้องโถงนี้ได้ทันกาล
————————————————————————————-
บทที่ 1189 หมากของตี้ฝูอี 2
แต่ผู้คุมกันของตำหนักใต้ดินเหล่านี้ล้วนถูกพิษกันหมด วิ่งธรรมดาก็กลายเป็นปัญหาแล้ว หากลาวาทะลักเข้ามา พวกเขาอยากวิ่งก็วิ่งไม่ได้แล้ว!
ท่านเจ้าของพวกเขาไม่แยแสความเป็นความตายของพวกเขาเลย…
หลงฟั่นก็ทอดทิ้งพวกเขาแล้วหนีไป ท่านเจ้าคิดจะลากพวกเขาให้ตายตกไปตามกัน ที่แท้ความจงรักภักดีของพวกเขาเป็นเพียงเรื่องน่าขัน…
ผู้คุ้มกันเหล่านี้เนื่องจากเดิมทีถูกพิษจนหน้าเขียวคล้ำแล้ว ยามนี้กลับซีดเทาทันที!
ในช่วงเวลาที่สิ้นหวังที่สุดเช่นนี้ พวกเขาจึงเลิกภักดี มีคนไม่น้อยก่นด่าออกมาแล้ว ถ้อยคำที่ก่นด่ากล่าวทำนองว่าโม่เจ้าจิตใจโหดเหี้ยงเยี่ยงเดรัจฉาน พวกเขาตาบอดแท้ๆ ที่ติดตามเขา…
ถึงยามนี้ สามารถกล่าวได้ว่าโม่เจ้าไร้ญาติขาดมิตรอย่างสมบูรณ์แล้ว
ลูกน้องเหล่านี้ของเขาหากว่าไม่ถูกพิษจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้ เกรงว่าคงพากันรุมสกรัมเขาไปแล้ว
โม่เจ้าช่างสมกับที่เป็นมารสวรรค์ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกล้อมไว้สี่ทิศเช่นนี้ก็ยังคงสงบนิ่งยิ่งนัก เขามองตี้ฝูอีอย่างเยือกเย็น “เจ้าช่างสมกับที่เป็นจิ้งจอกเฒ่าเสียจริง วางแผนได้ยอดเยี่ยมนัก!”
ตี้ฝูอีนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง มือเท้าศีรษะอย่างเอื่อยเฉื่อย “พูดได้ดี! รับมือกับคนอย่างเจ้า ย่อมต้องวางแผนให้รัดกุมเสียหน่อย ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
โม่เจ้ายิ้ม “ยินดีพนันย่อมต้องยินยอมรับความพ่ายแพ้ ข้าไม่มีอะไรจะพูด เพียงแต่ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ยังไม่กระจ่าง หวังว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะคลายข้อสงสัยให้”
ตี้ฝูอีผลิยิ้มแล้ว “เจ้าอยากถามใช่ไหมว่าเจ้าตรวจสอบอย่างเข้มงวดถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดคนของข้ายังแทรกซึมเข้ามาได้กระมัง? อยากถามใช่ไหมว่าเจ้าติดตั้งกล้งวงจรปิดไว้จนทั่วแล้ว เหตุใดคนของข้ายังติดตั้งกลไกไว้ในโถงใหญ่แห่งนี้ได้? อยากถามใช่ไหมว่าคนของเจ้าถูกพิษใดกัน?”
โม่เจ้าเงียบงัน คนผู้นี้เป็นวิชาอ่านใจหรืออย่างไร?!
“ในเมื่อเจ้าทราบว่าข้าอยากถามสิ่งใด เช่นนั้นคงจะให้คำตอบได้กระมัง?”
ตี้ฝูอีเลิกคิ้ว “ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย?”
โม่เจ้าพูดไม่ออก
คนผู้หนึ่งวางแผนการนับไม่ถ้วนเพื่อเล่นงานคนอื่น เมื่อประสบความสำเร็จมิใช่ว่าควรเล่าออกมาอย่างภาคภูมิใจหอกหรือ?!
เขากัดฟัน “เจ้าไม่คิดจะให้ข้าได้เป็นผีรู้แจ้งเลยหรือ?”
ตี้ฝูอีกล่าวอย่างผ่อนคลาย “ได้ปล่อยให้เจ้าเป็นผีฉงนข้าจะรู้สึกดียิ่งกว่า” เขาไม่คิดจะพูดจาไร้สาระกับโม่เจ้าแล้ว โบกมือให้พวกมู่เหล่ยคราหนึ่ง “จับตัวเขา!”
โม่เจ้าเชิดหน้าหัวเราะ “จับกุมข้า? เจ้านึกว่าอาศัยฝีมืออย่างพวกเขาจะสามารถจับข้าได้หรือ?”
จู่ๆ รอบกายเขาก็เปล่งแสงสีแดงออกมา ปลายของลำแสงสีแดงแฝงเร้นแสงห้าสีไว้ด้วย…
แย่แล้ว! คนผู้นี้จะระเบิดตัวเองอีกแล้ว!
“ระวัง! ขากำลังจะระเบิด!” กู้ซีจิ่วตะโกน ยกมือข้างหนึ่งขึ้นก่อกำแพงสีเขียวสายหนึ่ง ปกป้องหลายคนฝั่งพวกเขาไว้
‘ตูม!’ โม่เจ้าระเบิดอีกครั้งแล้วจริงๆ…
เพียงแต่การระเบิดครั้งนี้กลับไม่ได้ระเบิดจนแหลกเละฝนโลหิตโปรยปราย เพียงระเบิดตรงหน้าอกจนเป็นรูใหญ่…
ซากศพล้มลง ดวงวิญญาณของโม่เจ้าก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอีกครั้ง
เขามองซากร่างที่อยู่บนพื้นอย่างไม่กล้าเชื่อสายตาของตน! เงยหน้ามองไปทางตี้ฝูอีทันที ในดวงตาคู่นั้นเส้นฝอยแทบจะแตกซ่านแล้ว “เจ้าเล่นเล่ห์อีกแล้ว!”
อานุภาพการระเบิดร่างกายของเขาผสานกับพลังวิญญาณดั้งเดิมของร่างนี้ว่ากันตามสัดส่วนแล้ว พลังวิญญาณยิ่งสูง อานุภาพยิ่งร้ายแรง
อย่างเช่นตอนที่เขาระเบิดออกมายามที่สิงอยู่ในร่างของหรงเช่อ อานุภาพของการระเบิดคือพลังวิญญาณขั้นห้าตอนกลาง ยามนั้นทั้งตำหนักบรรทมโดนระเบิดจนแทบถล่มออกมาทั้งหมด
และครั้งนี้ถึงแม้ร่างนี้ของเขาจะมีอาการเสื่อมสมรรถภาพ แต่พลังวิญญาณนั้นสูงอย่างไร้ซึ่งข้อกังขา เขายังนึกอยู่ว่าต่อให้การระเบิดครั้งนี้ไม่อาจระเบิดทุกคนในห้องโถงให้ตายได้ อย่างน้อยก็น่าจะระเบิดห้องโถงแห่งนี้ให้ถล่มลงมาได้…
กลับนึกไม่ถึงเลยว่าเขาโคจรพลังวิญญาณทั้งหมดแล้วก็ยังทำได้เพียงระเบิดทรวงอกตนให้เป็นรูเท่านั้น…
————————————————————————————-
บทที่ 1190 หมากของตี้ฝูอี 3
ตี้ฝูอีมองเขาอย่างอ่อนโยน ครานี้ได้คลายข้อสงสัยให้เขา “นี่คือสรรพคุณของอีกอย่างหนึ่งของลูกกลอนสามหยาง ความชอบนี้มิใช่ของข้า เป็นของเจ้าสำนักหลง”
หลงซือเย่ที่อยู่ด้านเม้มริมฝีปากบางนิดๆ “ข้าไม่กล้ารับความชอบ แผนร้ายนี้เป็นเจ้าที่ออกความคิด!”
สีหน้าของโม่เจ้าเขียวคล้ำ…
เขาหลงนึกว่าหนนี้จับตี้ฝูอีไว้อยู่หมัดแล้ว กลับคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายวางกับดักตนนับไม่ถ้วนอย่างไร้สุ้มเสียง!
ส่วนเขาที่ระวังแล้วระวังอีก ก็ยังคงติดกับเข้าจนได้! หมากตานี้เขาสมควรได้ชัยแล้วชัดๆ!
สายตาของเขาจับนิ่งอยู่ที่ใบหน้าตี้ฝูอี “ข้าเสียใจยิ่งนักที่ไม่ได้สังหารเจ้าทิ้งทันที!”
ตี้ฝูอีมองเขาอย่างจริงจัง “บนโลกนี้ไม่มียาแก้เสียใจภายหลังให้กินหรอก”
“ตี้ฝูอี แม้แต่การถูกจับเป็นเชลยครั้งนี้เจ้าก็วางแผนไว้ก่อนแล้วใช่ไหม? เจ้าประเคนตัวมาให้ข้า มิใช่ง่ายดายเพียงเพื่อช่วยนางกระมัง” โม่เจ้าชี้นิ้วไปที่กู้ซีจิ่ว
เพียงแต่เขาเพิ่งจะชี้ ตี้ฝูอีก็ซัดฝ่ามือใส่เขาแล้ว “อย่าได้นำอุ้งเท้าของเจ้ามาชี้นาง ข้าไม่ชอบ!”
ถึงแม้โม่เจ้าจะเป็นร่างจิต ทว่าปฏิกิริยาตอบสนองยังคงว่องไวนัก เคลื่อนกายไปด้านข้างทันที หลบหลีกฝ่ามือนี้ของตี้ฝูอี เขายิ้มเยาะ “ถูกข้าพูดแทงใจเข้ารึไง?”
ตี้ฝูอีมองเขาอย่างได้อรรถรส “เจ้าใช้แผนยุแยงตะแคงรั่วเช่นนี้ไม่ค่อยฉลาดเลยนะ”
โม่เจ้ายิ้มแวบหนึ่ง “ใช่รึ?” เขาเห็นกู้ซีจิ่วปกป้องคุ้มครองอยู่ข้างกายตี้ฝูอีตลอดจึงรู้สึกขัดตาจริงๆ จึงคิดจะสุมไฟใส่ใจนางสักหน่อย
ยามนี้เทียนจี้เยวี่ย เชียนเยวี่ยหร่าน มู่เหล่ย มู่เตี่ยนก้าวเข้ามาอยู่สี่มุมอย่างเงียบเชียบ ต่างจรดนิ้วเตรียมร่ายอาคมต่อกรกับร่างจิต
กำจัดวัชพืชต้องขุดรากถอนโคน พวกเขาชังเขายิ่งนัก ดังนั้นจึงไม่ได้คิดจะจับเป็นเขา แต่คิดจะโจมตีดวงวิญาณเขาให้แตกสลายไปโดยตรง!
แต่ทว่า…
มุมปากของโม่เจ้ากระตุกเป็นรอยยิ้มประหลาด “ตี้ฝูอี ครั้งนี้เจ้าชนะ เพียงแต่ เจ้าจะไม่ได้หัวเราะในตอนจบ!” เขากระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างรุนแรง!
ประกายแสงห้าสีผุดออกมาจากไต้ฝ่าเท้าเขาดั่งสายรุ้ง เกิดเสียงปังดังสนั่น พื้นใต้ฝ่าเท้าเขาเหมือนถูกกระตุ้นกลไกบางอย่างเข้า ทรุดตัวลงทันที!
‘ตูม!’ เสาลาวาขนาดมหึมาพุ่งขึ้นมาเสมือนภูเขาไฟระเบิด และเงาร่างของโม่เจ้าก็หายลับไปในพริบตา…
‘ตูม!’
‘ตูม!’
ดูเหมือนจุดที่โม่เจ้ากระทืบจะเป็นกลไกทำลายวังใต้ดินทั้งหลังทิ้ง ทั่วทั้งตำหนักใต้ดินเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นไม่หยุด มีหลายจุดที่ปะทุขึ้นมาคล้ายภูเขาไฟระเบิด พื้นดินสั่นสะเทือน
น่าตายนัก!
กู้ซีจิ่วลอบสบถคราหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายโม่เจ้าจะยังมีลูกเล่นเช่นนี้อยู่
ฝูงชนย่อมนึกไม่ถึงเช่นกัน พากันสะกิดเท้าเหินทะยานออกไปด้านนอก…
….
ลาวาสีแดงฉานปะทุขึ้นทุกหนทุกแห่งในตำหนักใต้ดิน ราวกับทั้งโลกถึงกาลอวสานแล้ว
พวกกู้ซีจิ่วยังว่าดี ถึงอย่างไรก็ล้วนเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ พวกเขาดหินทะยานไปเกือบถึงทิศทางที่เรือหินอัคคีที่สร้างขึ้นเพื่อออกไปโดยเฉพาะเหล่านั้นแล้ว
น่าเวทนาก็แต่ผู้คุ้มกันของตำหนักใต้ดินเหล่านั้น พวกเขาถูกพิษแล้วไม่มีทางเหาะทะยานได้ ถึงขั้นที่จะวิ่งก็วิ่งได้ไม่เร็ว ถูกลาวาทับถมจนเกิดเสียงกรีดร้องแว่วขึ้นไม่หยุด…
ในใจของกู้ซีจิ่วยังคงเป็นกังวลยิ่งนัก เกรงว่าเรือเหล่านั้นจะถูกทำลายไปแล้วเหมือนกัน ถ้าเป็นแบบนั้นเกรงว่าพวกเขาล้วนต้องถูกฝังกลบไว้ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้กันหมด!
ค่อยยังชั่วว่าพอพวกเขาหนีมาถึงสระลาวาด้านนี้ มู่เฟิ่งกับพวกกู่ฉานโม่ก็ปรี่เข้ามาหา
“ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย หลงฟั่นผู้นั้นที่หนีออกมาก่อนหน้านี้คิดจะมาทำลายเรือพวกนี้ทิ้ง โชคดีที่ผู้เฒ่าพบเห็นเข้าทันกาล…” กู่ฉานโม่ตะโกนมาแต่ไกล
“นายท่าน รีบขึ้นเรือเถอะขอรับ คนของพวกเราควบคุมเรือพวกนี้ไว้แล้ว!” มู่เฟิงก็รายงานอย่างเร่งด่วนเช่นกัน
————————————————————————————-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น