ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1178-1211

 ตอนที่ 1178 กดทิ้งลงชักโครกเถอะ


โอหยางสยงอยากจะหนีไปแต่แข้งขาของเขากลับอ่อนระทวย ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงและกำลัง ร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งตัว


“อย่าเลย…คุณชายหมิงฟังผมก่อน”


แต่เหยียนหมิงซุ่นไหนเล่าจะเอาชั่วโมงบินมาฟังคำพูดไร้สาระได้ ตระกูลจ้าวถูกโค่นอำนาจ จะต้องมีพวกคนชั้นต่ำที่มักใหญ่ใฝ่สูงเหยียบย่ำรังแกเหมยเหมยแน่นอน ต่อให้เฮ่อเหลียนชิงไม่พูด เขาก็ต้องการจะเปิดเผยตัวตนเพื่อเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งหนุนเจ้าหญิงตัวน้อยของเขาอย่างโจ่งแจ้ง


ทั้งยังเป็นการประกาศให้โลกรู้ว่าเหมยเหมยคือคนของเหยียนหมิงซุ่น


ดูสิจะมีใครหน้าไหนกล้ามารังแกอีก!


“รอเดี๋ยว!”


เหยียนหมิงซุ่นเรียกลูกน้องเอาไว้โอหยางสยงจึงโล่งใจลงบ้าง ก่อนจะมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างตื่นเต้น ทั้งยังคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นเกิดความเมตตาสงสารเตรียมที่จะปล่อยเขาไปเสียอีก!


เพียงแต่…


“ไม่รู้จักดูอารมณ์กันเลย พาตัวเจ้าหมอนี่ออกไปจัดการข้างนอก”


“ทราบ!”


พวกเขาหิ้วปีกโอหยางสยงที่ท้อแท้หมดหวังออกไปอย่างง่ายดายราวกับลูกน้องเขาจับลูกไก่อยู่ แล้วพาตัวไปจัดการในห้องน้ำ การตัดหูก็แค่ใช้คมมีดเล่มเดียว ไม่ถึงนาทีก็เสร็จแล้ว แวบเดียวลูกน้องก็กลับมารายงานผล


“เรื่องดี ๆแบบนี้ต้องทำให้ถึงที่สุด เอาสวะนั่นไปส่งให้เฮ่อเหลียนเช่อเถอะ” เหยียนหมิงซุ่นพูดออกคำสั่ง


“แล้วหูข้างนั้นละครับ?” ลูกน้องถาม


“กดทิ้งลงชักโครกเลย อย่าให้ต้องแปดเปื้อนกับสภาพแวดล้อมจะดีกว่า” เหมยเหมยยิ้มตาหยีพลางร้องตอบ เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มที่มุมปากเห็นด้วยกับสิ่งที่เหมยเหมยเสนอ


ทุกคนต่างพากันใจสั่นวูบลอบมองเหมยเหมยอย่างหวาดกลัว เธอยังคงงดงามดังเดิม แต่ไหนกลับใจดำอำมหิตนักเล่า เกรงว่าจะกล้าแม้แต่ฆ่าคนด้วยซ้ำ!


โอหยางสยงออกมายังไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำกลับล้มลงไม่เป็นท่า เหลือเพียงแค่หูข้างเดียว น่าเวทนาเสียจริง


พวกนักเลงที่นอนกองอยู่กับพื้นมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความหวาดผวา มือทั้งสองข้างกุมหูไว้แน่น ในใจกลัวว่าจะมีจุดจบเช่นเดียวกับโอหยางสยง


“ไสหัวไป!”


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้อยากจะรังแกคนพวกนั้น มันไม่คุ้มค่าพอ


นักเลงกลุ่มนี้เสมือนนักโทษนิรกรรม ล้มลุกคลุกคลานตาลีตาเหลือกรีบออกไปจากร้าน คิดแค่ทั้งชีวิตนี้พวกเขาไม่กล้าจะคิดร้ายต่อเหมยเหมยอีก


“ไม่กินละ เห็นหน้าคนพวกนี้แล้วเสียอารมณ์ ไปกันเถอะ!”


เหมยเหมยเหลือบมองโอหยางซานซานที่ใบหน้าซีดเซียวแค่แวบเดียว ซึ่งไม่คิดที่จะจัดการนางผู้หญิงคนนี้ พรุ่งนี้ยังมีละครฉากพิเศษให้ได้ดูอีกนะ!


“งั้นกลับกันเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่งเธอเอง”


เหยียนหมิงซุ่นเอาใจเธอทุกอย่าง ออกคำสั่งให้ลูกน้องพาเจ้างั่งทั้งสองไปส่งที่บ้าน ส่วนเหมยเหมยเหรอ ต้องให้เขาไปส่งด้วยตัวเองสิ!


ถือโอกาสลดความทุกข์ทรมานจากความคิดถึงแล้วกัน!


แม้ว่าตัวเขาและแฟนสาวตัวน้อยจะห่างกันได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่ใครใช้ให้พวกเขาทั้งคู่มีความสัมพันธ์อันดีนักเล่า แยกจากกันแค่เพียงครึ่งวันก็คิดถึงสุดขั้วหัวใจแล้ว


ในจังหวะที่เดินผ่านโอหยางซานซาน เหมยเหมยชะงักฝีก้าวและมองเธออย่างดูถูก ขยับชิดข้างหูใช้น้ำเสียงเบาในระดับที่ได้ยินเพียงเธอสองคนเท่านั้น “พรุ่งนี้ฉันจะไปแสดงความยินดีกับเธอแน่นอน นักเขียนคนเก่ง!”


โอหยางซานซานนิ่งเงียบไป ไม่ใช่เพราะเธอคิดมาก แต่เธอคิดเสมอว่าคำพูดของเหมยเหมยนั้นไม่ปกติ โดยเฉพาะจังหวะที่พูดคำว่านักเขียนคนเก่ง น้ำเสียงดูหนักไปทางประชด


หรือจ้าวเหมยจะรู้อะไรเข้า?


ไม่…เป็นไปไม่ได้ คนพวกนั้นถูกแม่ซื้อตัวไว้หมดแล้ว ไม่มีทางพูดอะไรแม้แต่คำเดียว อีกอย่างจ้าวเหมยจะรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?


โอหยางซานซานพยายามสงบสติลง แต่ใบหน้าที่เริ่มซีดลงเรื่อย ๆ รวมถึงลมหายใจที่แรงขึ้นนั้นบ่งบอกได้ว่าในตอนนี้เธอกำลังกระวนกระวาย เหมยเหมยยิ้มเยาะเย้ยอย่างยากจะคาดเดา และยิ่งเป็นการยิ้มที่ทำให้โอหยางซานซานขาดความมั่นใจ


เหมยเหมยหันไปโบกมือลาสยงมู่มู่และเซียวเซ่อทอดทิ้งเพื่อนไปอย่างไม่นึกลังเล ได้แฟนแล้วลืมเพื่อน นับเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด!


เหยียนหมิงซุ่นขับรถไปจอดยังที่เงียบและลับตาคน ก่อนจะประทับลงบนริมฝีปากบางเล็กราวกับถูกวางยา บดขยี้จนเหมยเหมยแทบหมดลมหายใจกว่าจะเมตตาและปล่อยเธอไปได้


…………………………………………..


ตอนที่ 1179 ติดพัน


พออุ้มเหมยเหมยขึ้นมาวางบนหน้าขาก็เป็นธรรมดาที่มือของเหยียนหมิงซุ่นจะยุกยิกไปมาไม่หยุด เหมยเหมยปล่อยเขาไป เธอแค่ซบอยู่ในอกของเขาอย่างว่าง่าย คอยฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นตึกตักโครมคราม รู้สึกสบายใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นับว่าตอนนี้ได้เผชิญกับแรงกดดันใหญ่หลวงนัก เธอเชื่อมั่นว่าเหยียนหมิงซุ่นมีความสามารถจะรับมือได้


และนี่ก็เป็นดั่งความปรารถนาในตอนแรกของเธออยู่แล้ว!


แต่ไหนแต่ไรมาที่พึ่งของเธอไม่ใช่ตระกูลจ้าว มีเพียงเหยียนหมิงซุ่นเท่านั้น!


“พี่หมิงซุ่น ฉันผ่านบททดสอบแล้ว!” เหมยเหมยเอ่ยปากพูดอย่างต้องการคำชม


“สุดยอดเลย!”


เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่หน่ายที่จะชื่นชม หนำซ้ำยังเป็นการชื่นชมที่มาจากใจ ครั้งนี่เจ้าตัวแสบทำได้ไม่เลวเลยควรค่าแก่การชื่นชม!


เมื่อนึกถึงสิ่งเลวร้ายที่หานซู่ฉินและหานป๋อหย่วนต้องเจอ แววตาของเขาพลันดุดันขึ้นมา สองคนนั้นถูกเหมยเหมยจัดการจนกระอักพอตัว วันข้างหน้าไม่อาจมีชีวิตที่ดีได้ ไม่จำเป็นต้องให้ถึงมือเขาด้วยซ้ำ แต่เฮ่อเหลียนเช่อเขาไม่มีทางปล่อยไว้แน่


แม้ว่าเจ้าบ้านั่นจะไม่เคยทำสำเร็จ แต่เขาก็ไม่ควรคิดจะทำอะไรเหมยเหมยทั้งนั้น อีกทั้งยังมีใจที่ไม่บริสุทธิ์ เหยียนหมิงซุ่นเชื่อว่าหากเหมยเหมยตกอยู่ในมือของเฮ่อเหลียนเช่อจริง ๆจะต้องน่าเวทนาเสียยิ่งกว่าหานซู่ฉินแน่


เหอะ เมื่อก่อนที่สะกดรอยตามเป็นเพียงการเหย้าหยอกเล็กๆ น้อยๆ ดูท่าจะไม่แรงพอ ครั้งนี้เป็นการประจันกันซึ่ง ๆหน้า เขาจะต้องสั่งสอนไอ้ทรพีนี่ให้เจ็บแสบเลยคอยดู!


เหมยเหมยที่ได้รับการชื่นชมนั้นฉีกยิ้มร่าอย่างได้ใจ แต่เพียงครู่เดียวก็กลับมายู่ปากพร้อมกับเอ่ยฟ้อง ปากเล็ก ๆนั่นบ่นอุบอิบ ยกเรื่องที่เฮ่อเหลียนชิงไม่ทำตามสัญญาขึ้นมาพูด


“พี่หมิงซุ่น ตาแก่นั่นบอกว่าจะแนะนำพวกผู้หญิงให้พี่…” เหมยเหมยทำหน้าผิดหวัง


แม้ว่าเธอรู้อยู่เต็มอกว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้สนใจพวกผู้หญิงที่เฮ่อเหลียนชิงแนะนำ แต่ในใจลึก ๆก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนัก เปรียบเหมือนว่ากำลังกินของอร่อยกันอยู่ แต่ข้าง ๆจานกลับมีฝูงมดน่ารำคาญใจอยู่กระจุกหนึ่ง แน่นอนสิต้องมีผลกระทบต่อความอยากอาหารอยู่แล้ว


เหยียนหมิงซุ่นจับจ้องท่าทีน่าสงสารของหญิงสาวพลันดึงแก้มเธอไปมา นิ้วมือที่แห้งสากลูบวนอยู่บนใบหน้า ทั้งสากทั้งจั๊กจี้ เหมยเหมยเงยหน้าเล็กน้อยก็เห็นเพียงลูกกระเดือกของชายคนรักเคลื่อนตัวขึ้นลง น่าดึงดูดมากจนเธอเผลอกลืนน้ำลายไปหลายอึก ลืมเรื่องที่จะฟ้องไปเสียสนิท


ของดีอยู่ตรงหน้า ไหนจะมีเวลาคิดถึงคนอื่นได้เล่า!


เดิมทีเหยียนหมิงซุ่นต้องการจะปลอบประโลมเจ้าหญิงตัวน้อย แต่ผ่านไปเนิ่นนานกลับไม่เห็นเหมยเหมยจะว่าอะไร จึงก้มหน้าลงมองด้วยความงุนงง


เจ้าหญิงตัวน้อยของเขากำลังจับจ้องมาที่ลำคอของเขา!


เขาสังเกตเห็นความหื่นของแฟนสาวมานานแล้ว เธอชื่นชอบลูกกระเดือกของเขาที่สุด แม้ว่าตัวเขาจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เขาเองก็รู้สึกพึงพอใจไม่น้อย


เหยียนหมิงซุ่นกระซิบข้างใบหูเธอว่า “มองอะไรหรือ?”


“ลูกกระเดือก…เซ็กซี่มาก…” เหมยเหมยที่กำลังลุ่มหลงต่อสิ่งสวยงามจะทันคิดอะไรได้ จึงพลั้งปากเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว


เหยียนหมิงซุ่นกลั้วขำเสียงเบา ก่อนจะเกลี้ยกล่อมเจ้าหนูน้อยหมวกแดง “เธอก็จูบสิ…”


เหมยเหมยดวงตาเป็นประกาย แลบลิ้นเล็ก ๆออกมาพร้อมกับตวัด ยามที่ลิ้นเล็กอันนุ่มนวลอ่อนโยนสัมผัสเข้าที่ลูกกระเดือกของเขา ลมหายใจของเหยียนหมิงซุ่นเกิดติดขัด เลือดลมไหลกลับทิศทาง…


แต่กลับรู้สึกเสียใจไม่น้อย!


ทำไมเขาถึงได้ลืมเรื่องที่ว่าลูกกระเดือกเป็นจุดที่ไวต่อการสัมผัสไปเสียได้นะ!


นี่เป็นการยกก้อนหินทุบเท้าตัวเองหรือเปล่าเนี่ย?


เหยียนหมิงซุ่นกระแอมเสียงต่ำไม่ฝืนตัวเองอีกต่อไป จากผู้ถูกกระทำพลิกมาเป็นฝ่ายริเริ่ม พร้อมทั้งกดเหมยเหมยไว้ใต้ร่าง…


ช่วงฤดูใบไม้ผลิช่างดีเหลือหลาย ภายในภัตตาคารมีลมเหนือพัดผ่าน หลังจากที่เหยียนหมิงซุ่นและคนอื่น ๆจากไปนานแล้ว โอหยางซานซานถึงจะเรียกสติกลับคืนมาได้ สีหน้าแววตาแทบดูไม่ได้เลย


คุณชายหมิงที่โผล่มาเมื่อครู่เป็นใครมาจากไหนกันนะ?


เซียวเซ่อและสยงมู่มู่ต่างก็ไม่เข้าใจสถานการณ์ ทำไมเหยียนหมิงซุ่นถึงกลายเป็นคุณชายหมิงไปได้?


จู่ ๆสยงมู่มู่ก็เกิดความคิดบรรเจิดขึ้นมาพร้อมกับบ่นพึมพำกับตัวเองว่า “เหยียนหมิงซุ่นคงไม่ใช่ลูกนอกสมรสของตาแก่นั่นหรอกใช่ไหม?”


ตอนที่ 1180 การคาดเดาที่ไม่น่าเชื่อถือ


สยงมู่มู่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดของตนนั้นคือความจริง สาธยายอย่างตื่นเต้นว่า “เหยียนหมิงซุ่นหน้าตาไม่มีความละม้ายคล้ายคลึงกับคนตระกูลเหยียนสักนิด คนตระกูลเหยียนทั้งโง่ทั้งอัปลักษณ์ เหยียนหมงซุ่นต้องไม่ใช่เชื้อสายตระกูลเหยียนแน่ พ่อแท้ ๆของเขาต้องเป็นคนเก่งกาจที่อยู่ในเมืองหลวงอย่างแน่นอนแล้วตามหาเหยียนหมิงซุ่นเจอ จากนั้นก็…”


สมกับที่เป็นนักเรียนหัวกะทิ ปรับแต่งเรื่องราวต่าง ๆได้จนไม่เหลือเค้าความจริงอยู่เลยสักนิด ทั้งยังทำให้คนอื่นรู้สึก…ใช่เลย…ความจริงต้องเป็นแบบนี้ถึงจะสมเหตุสมผล!


เซียวเซ่อกลับไม่ได้ให้ความสนใจต่อฐานะของเหยียนหมิงซุ่น เธอยังคงลอยแพอยู่บนเรือลำนั้น!


“หากพูดตามความจริง สามปีก่อนมีชายลึกลับขับรถทหารชอบบุกมารับเธอที่บ้านของฉัน นั่นก็คือเหยียนหมิงซุ่น!”


ในที่สุดเซียวเซ่อก็ได้ค้นพบกับเรื่องบางอย่างเข้า สยงมู่มู่คิดไปไกลจนกู่ไม่กลับแล้ว


ชายลึกลับคนนั้นแน่นอนว่าเธอยังจำได้ เพราะชายผู้นี้พี่หกถึงกับร้อนรนจนทนไม่ไหว หนำซ้ำยังให้เขาและเจ้าเด็กอ้วนศึกษาถึงการแต้มจุดแดงพรหมจรรย์ด้วย ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือตุ๊กแกในบ้านของเธอถูกทำร้ายไปจนหมดไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว


มาจนถึงตอนนี้การแต้มจุดแดงพรหมจรรย์ก็ไม่คืบหน้าแม้แต่น้อย


“ไม่แปลกเลยที่เมื่อสามปีก่อนเหยียนหมิงซุ่นไม่เข้าร่วมสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่เลือกไปเป็นทหารแทน”


พ่อของเขาต้องเป็นหัวหน้าใหญ่ในกองแน่ถึงให้เหยียนหมิงซุ่นไปฝึกซ้อมโดยตรง


ท้ายที่สุดสยงมู่มู่ก็ยังคงวนกลับมาถึงพล็อตเรื่องบ้า ๆนั่นต่อ เซี่ยวเซ่อเองก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง


“คงจะเป็นแบบบนั้นแหละ กลับไปค่อยถามเหมยเหมยว่าพ่อสามีในอนาคตของเธอเป็นใครกันแน่!”


เซียวเซ่อไม่สบายใจนัก เธอรู้สึกว่าเหมยเหมยไม่ได้ซื่อสัตย์พอ เรื่องใหญ่ขนาดนี้กลับปกปิดเธอมาตลอดสามปี และที่สำคัญไปกว่านั้นคือนึกไม่ถึงว่าสมองอันชาญฉลาดของเธอจะถูกเด็กหัวขี้เลื่อยหลอกเอาได้


ช่างน่าอับอายเหลือเกิน!


ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่างก็รู้สึกอึดอัด


เพื่อนของนายหญิงในอนาคตของพวกเขานี่ ช่างมีจินตนาการที่ล้ำเลิศเสียจริง!


ภายในรถที่ประกายแสงอรุณรุ่งในฤดูใบไม้ผลิ


เหยียนหมิงซุ่นทำใจยอมปล่อยมือหญิงสาวใต้ร่างที่ดูสุกใสราวกับน้ำในแม่น้ำช่วงฤดูใบไม้ผลิไป เหมยเหมยรู้สึกอับอายจนต้องหลับตาปี๋ สัมผัสลื่นบนฝ่ามือได้เรียกสติเธอไว้ว่าเมื่อครู่ได้ทำอะไรลงไป


ทำไมเธอถึงได้ไร้สติไปชั่วขณะได้นะ?


พี่หมิงซุ่นจะคิดว่าเธอไร้ยางอายไหมนะ?


เหยียนหมิงซุ่นที่ได้รับการปลดปล่อยเป็นครั้งแรกจึงรู้สึกสบายใจมาก วันนี้เขาได้สัมผัสกับตัวเองแล้วว่าสัมผัสอันนุ่มนวลไร้กระดูกจากฝ่ามือเล็กนั้นสูบวิญญาณได้ระดับไหน ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้ตั้งแต่แรกนะ!


เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดมือเหมยเหมยจนสะอาด เมื่อเห็นว่าเธอยังคงหลับตาอยู่ ใบหน้าแดงราวสีเลือดจึงนึกใจอ่อนขึ้นมา


“เมื่อยมือหรือเปล่า…”


เหยียนหมิงซุ่นกระซิบเบา ๆที่ข้างหูเธอ เหมยเหมยยิ่งหน้าแดงเข้าไปอีก เธอจึงเลือกที่จะซุกหน้าหลบในอ้อมแขนของชายหนุ่ม


พอได้ยินเสียงหัวเราะขบขันที่ข้างหู เหมยเหมยทั้งอับอายและขุ่นเคือง พลันหยิกเข้าที่ช่วงเอวอันผอมบางของชายหนุ่มไปแรง ๆหนึ่งที พอได้ยินเสียงโอดครวญเธอถึงรู้สึกเหมือนว่าได้ระบายอารมณ์แล้ว


เมื่อครู่เธอไม่ควรจะใจอ่อนเลยจริง ๆ!


“เหมยเหมยคราวหน้าเอาแบบนี้อีกนะ!” เหยียนหมิงซุ่นกลับเหย้าหยอกเธอไม่หยุด พอได้ลิ้มรสสัมผัสอันหอมหวาน เขาก็ไม่อยากจะใช้นิ้วมือทั้งห้าของตัวเองอีกแล้ว พูดง่าย ๆก็คือเทียบไม่ติดเลยสักนิด!


และเป็นอีกครั้งที่ออกแรงหยิกเข้าที่เอว แต่เธอก็ยังออมแรงไว้ แรงหยิกแค่นั้นสำหรับเหยีนหมิงซุ่นแล้วก็เหมือนถูกมดกัดไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด แต่เพื่อเป็นการทำให้เจ้าหญิงตัวน้อยของเขาได้ระบายอารมณ์ เขาจึงต้องส่งเสียงร้องอย่างให้ความร่วมมือ


หัวหน้าใหญ่ในอนาคตเอาใจสาวน้อยถือว่ามีการพัฒนาขึ้นมาก!


“ต่อให้นางฟ้าลงมาจุติก็ไม่เข้าตาพี่ พี่ก็ชอบแค่ยัยโง่ตัวเล็กคนนี้เท่านั้นแหละ…”


คำพูดของเหยียนหมิงซุ่นยิ่งพูดก็ยิ่งน่าฟัง ทำเอาเหมยเหมยดีใจจนลืมความโกรธไปพลางจ้องหน้าเขาอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะเอ่ยว่า “ฉันไม่ได้โง่ ตอนนี้ฉันสอบได้แปดสิบคะแนนขึ้นทั้งนั้นเลยนะ”


“เก่งมาก สวยก็สวย หนำซ้ำยังเรียนเก่งอีกด้วย เหมยเหมยเธอต้องอยู่ให้ห่างจากผู้ชายคนอื่นให้มาก คนพวกนั้นไม่ได้มีเจตนาดีนักหรอก”


เหยียนหมิงซุ่นแสดงออกถึงอาการหึงหวง ความสนใจของเหมยเหมยเปลี่ยนไปได้ใจแทน ริมฝีปากอมยิ้มเล็กน้อยและกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้อีกต่อไป


ชอบนักที่ได้เห็นเหยียนหมิงซุ่นหึงหวงเนี่ย!


……………………………………….


ตอนที่ 1181 แผนของเฮ่อเหลียนเช่อ


 โอหยางสยงถูกคนของเฮ่อเหลียนเช่อพบเข้าที่ห้องน้ำในห้างสรรพสินค้า ส่วนทำไมเฮ่อเหลียนเช่อถึงรู้ว่าเกิดเรื่องกับโอหยางสยงนั่นเป็นเพราะเฮ่อเหลียนเช่อได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง


ถึงเขาจะไม่อยากรู้ว่าเป็นฝีมือใครก็ต้องรู้อยู่ดี!


ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นใส่ใจอย่างมาก แม้จะตัดหูของโอหยางสยงแต่กลับช่วยห้ามเลือดให้เขา แม้ไม่ได้ช่วยบรรเทาความเจ็บแต่ก็ทำเอาโอหยางสยงสลบหมดสติไปทั้งอย่างนั้นเพราะติดนิสัยลูกคุณหนูมาตั้งแต่เด็ก


เฮ่อเหลียนเช่อรู้จากปากของโอหยางสยงว่าเป็นฝีมือของคุณชายหมิง เจ้าตัวก็ไม่สบอารมณ์ทันที


คุณชายหมิงเป็นหนามที่ยอกอยู่ก้นบึ้งหัวใจของเขา เพราะเจ้าบ้าคุณชายหมิงนี่ทำเขาโดนคุณอาตำหนิดุด่าหลายต่อหลายครั้ง  แถมยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเขากับเหมยซูหานอีกด้วย


เพราะคุณอาคิดว่าเขาทุ่มเทให้ความรักต่อเหมยซูหานมากเกินไปจึงกระทบต่องาน ถึงเปิดช่องให้คุณชายหมิงได้สบโอกาสเข้ามาแทรกแซงแย่งชิงพื้นที่พวกเขาไปได้ไม่น้อย


หนิงเฉินเซวียนไม่เคยชอบเหมยซูหาน เขาไม่คัดค้านเฮ่อเหลียนเช่อเรื่องหาคู่นอนและไม่สนว่าคู่นอนคือผู้ชายผู้หญิงคนแก่หรือเด็ก หรืออาจเป็นคนชนชาติอื่น เรื่องพวกนี้เขาล้วนไม่สนใจ


แต่เขาไม่อนุญาตให้เฮ่อเหลียนเช่อทุ่มเทกับความรักมากไปเด็ดขาด!


สำหรับเขาแล้วมีเพียงคนที่ไร้ความรักถึงจะยิ่งใหญ่ได้ การมีความรักจะทำให้อ่อนแอลง


ทั้งที่เขาฝึกฝนเฮ่อเหลียนเช่อให้กลายเป็นหุ่นยนต์ที่เลือดเย็นไร้หัวใจ แต่ตอนนี้กลับถูกเหมยซูหานทำลายจนสิ้น หนิงเฉินเซวียนจะไม่โกรธได้อย่างไร?


แต่เสียดายที่ตอนนี้เฮ่อเหลียนเช่อเติบโตแล้ว มีพลังเป็นของเขาเอง เขาส่งคนไปลอบฆ่าเหมยซูหานหลายครั้งแต่ล้วนถูกเฮ่อเหลียนเช่อจับได้เขาจึงต้องรามือชั่วคราวอย่างระอา ไม่อยากให้คนชั้นต่ำนั่นทำลายความสัมพันธ์พ่อลูกของพวกเขา


แม้บุญคุณความแค้นนี้ทำให้เฮ่อเหลียนเช่อเกิดข้อบาดหมางในใจต่อหนิงเฉินเซวียน  แต่เขาเกลียดเหยียนหมิงซุ่นมากกว่า หากไม่ใช่เพราะเจ้าหมอนั่นที่เข้ามาก่อกวนเป็นระยะๆ คุณอาต้องไม่ห้ามความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเหมยซูหานแน่ๆ


เฮ่อเหลียนเช่อรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นต้องได้รับการฝึกฝนมาจากเฮ่อเหลียนชิงมาโดยเฉพาะ ถึงจะหวาดระแวงแต่เขาไม่ได้เก็บมาคิดมาก


ตัวเขาเองก็ถูกปั้นด้วยมือของเฮ่อเหลียนชิงเลยรู้วิธีการเหล่านั้นของเฮ่อเหลียนชิงละเอียดเป็นอย่างดี เขาสามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่าคิดจะหาใครที่แข็งแกร่งทัดเทียมเขาอีกคนในโลกนี้มันเป็นไปไม่ได้!


เหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!


“คุณชายเช่อ คุณต้องแก้แค้นให้ผมด้วยนะ…”


โอหยางสยงร่ำไห้อ้อนวอน การปะทะกับจ้าวเหมยถึงสองครั้งทำให้เขาต้องสูญเสียดวงตาข้างซ้ายกับหูข้างขวาไปตามลำดับ


ดวงตาไม่มีก็ใส่ลูกตาปลอมได้ แต่ไม่มีหูจะให้เขาทำอย่างไรเล่า?


หรือว่าใส่หูปลอมได้หรือ?


รู้สึกถึงอาการแสบร้อนจากหูข้างขวาโอหยางสยงก็อดพูดไม่ได้ว่า “คุณชายเช่อ นางแพศยาจ้าวเหมยนั่นเหิมเกริมเกินไปจริง ๆ เธอน่าจะยุ่งเกี่ยวกับคุณชายหมิงนั่นนานแล้ว เอางี้คุณหาทางจับตัวจ้าวเหมยมาให้พวกพี่ๆ น้องๆ สนุกกันหน่อย สวมเขาให้หมอนั่นสักที”


เฮ่อเหลียนเช่อหน้าเรียบตึง ความคิดของโอหยางสยงไม่เลว


หากเขารู้แต่แรกว่าจ้าวเหมยเป็นคนของฝั่งเฮ่อเหลียนชิงแล้ว จะปรานีนางแพศยาคนนี้ได้ที่ไหนกัน?


“เรื่องจ้าวเหมยยังไม่ต้องรีบ ลงมือกับแม่ของเธอก่อน ถึงอายุจะมากไปหน่อยแต่สวยมากจริงๆ รสชาติน่าจะดีกว่าเด็กผู้หญิงเยอะ” เฮ่อเหลียนเช่อยิ้มคลุมเครือ


จ้าวเหมยไม่สนใจความเป็นความตายของคุณย่า แต่กับแม่แท้ๆ ของตัวเองคงต้องสนใจสินะ!


ขอแค่ได้ยาวิเศษมาอยู่ในมือ เขาจะสวมเขาให้เหยียนหมิงซุ่น!


ไม่มีใครเคยลอยนวลหลังจากท้าทายเฮ่อเหลียนเช่ออย่างเขาไปได้!


เหมยซูหานซ่อนตัวอยู่ตรงมุมกำแพงชั้นสองด้วยสีหน้าย่ำแย่ สองวันนี้เฮ่อเหลียนเช่ออยู่ที่นี่กับเขาตลอด สวีทหวานอย่างไรก็ไม่พอ เดิมทีเขาอยากเกลี้ยกล่อมเฮ่อเหลียนเช่อเพื่อจะได้ไปเยี่ยมเยียนเหมยเหมยสักหน่อย


ตอนนี้ตระกูลจ้าวล้มแล้วเหมยเหมยต้องรู้สึกแย่แน่ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดเขาจะเมินเฉยต่อเหมยเหมยไม่ได้


แต่ตอนนี้เขาได้ยินอะไร?


เฮ่อเหลียนเช่อจะลงมือกับน้าเหยียน!


แล้วก็คุณชายหมิงนั่นเป็นใครกันแน่? เหมยเหมยเกี่ยวข้องอะไรกับเขา?


ตอนที่ 1182 ไม่อยากเป็นนกในกรงทอง


พวกโอหยางสยงกลับไปอย่างรู้เวลา  เฮ่อเหลียนเช่อมองไปชั้นสองด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป เดาไม่ออกว่าใจเขาคิดอะไรอยู่


เฮ่อเหลียนเช่อที่กำลังหงุดหงิดจุดไฟสูบบุหรี่ เพราะเหมยซูหานไม่ชอบกลิ่นควันบุหรี่เขาเลยสูบบุหรี่ที่นี่น้อยครั้งมาก แต่ตอนนี้เขากลับอยากสูบบุหรี่สักมวน คุณชายหมิงที่แอบปฏิบัติการในที่ลับมาโดยตลอดคราวนี้กลับลอยโผล่พ้นผิวน้ำมาแล้ว


เฮ่อเหลียนเช่อชักรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง


“ไปสืบประวัติของคุณชายหมิงนั่น” เฮ่อเหลียนเช่อสั่งลูกน้อง เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกคนจูงจมูกเดินแบบนี้เลย เขาจะต้องเปลี่ยนเป็นฝ่ายนำแทน


ลูกน้องได้รับคำสั่งเลยขอตัวไปก่อน


เฮ่อเหลียนเช่อสูบบุหรี่ไปครึ่งมวนก็บดขยี้ใส่ที่เขี่ยบุหรี่ก่อนจะตะเบ็งเสียงไปยังชั้นบน “ลงมาเถอะ!”


เหมยซูหานใจสะท้านเฮือกพลางก้าวเดินออกมาจากเงามืด มองเฮ่อเหลียนเช่อที่อยู่ชั้นล่างด้วยสีหน้าซับซ้อนพร้อมกับอารมณ์ที่ซับซ้อนเช่นกัน


หากบอกว่าเขาไม่มีความรู้สึกต่อเฮ่อเหลียนเช่อสักนิดคงไม่ใช่เรื่องจริง การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาสามปีหนำซ้ำเฮ่อเหลียนเช่อคอยตามใจเขาเสมอ ดีกับเขามากจริง ๆ เขาไม่ใช่สัตว์เลือดเย็นเสียหน่อย แล้วจะไม่มีความซาบซึ้งใจเลยหรือ?


แต่เขาเองก็กล่าวโทษเฮ่อเหลียนเช่อเหมือนกัน เพราะผู้ชายคนนี้เอาแต่ใจเกินไปกักขังเขาอย่างกับนกน้อยในกรงทอง เขาไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแอสักหน่อยแล้วจะยอมได้หรือ?


เขามีความทะเยอทะยาน ยิ่งอยากประสบความสำเร็จกลายเป็นเจ้าคนนายใหญ่ แต่ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของผู้ชายคนนี้


ฉะนั้นในสามปีนี้เหมยซูหานถึงได้พยายามขยายอิทธิพลสุดความสามารถ เปิดบริษัทแล้วบริษัทเล่าซึ่งเฮ่อเหลียนเช่อเองก็สนับสนุนเขาเต็มที่ทำให้กิจการของเขาราบรื่นไปได้สวยและเติบโตขึ้นมากแล้ว


แต่เฮ่อเหลียนเช่อกลับไม่อนุญาตให้เขาแตะต้องสังคมนั่นและไม่เคยปรึกษาเรื่องงานกับเขา เหมยซูหานมีความคิดที่อยากประคับประคองอิทธิพลตัวเองไว้แต่กลับไม่มีความสามารถนั้นเลย


เพราะเขาพบว่าพอห่างจากเฮ่อเหลียนเช่อเขาก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง!


“อาเช่อ นายปล่อยจ้าวเหมยไปได้มั้ย? ฉันกับเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันแล้วจริงๆ…” เหมยซูหานทำอะไรไม่ได้เลยทำได้เพียงอ้อนวอนเฮ่อเหลียนเช่อ


ทว่าเขาดันไม่รู้ว่ายิ่งเขาขอร้องแทนจ้าวเหมยมากแค่ไหน เฮ่อเหลียนเช่อก็ยิ่งเกิดอาการหึงหวง ยิ่งอยากจัดการจ้าวเหมยให้ตายสถานเดียว


“ในเมื่อไม่เกี่ยวอะไรกันแล้วทำไมถึงต้องเป็นห่วงความเป็นความตายของเธอด้วย? นายก็รู้…ฉันไม่ชอบให้ใครโกหกฉันที่สุด…”


เฮ่อเหลียนเช่อจับจ้องเหมยซูหานด้วยสายตาเยือกเย็นดุดัน แต่เสียงกลับอ่อนโยนและยิ่งทำให้เหมยซูหานรู้สึกหวาดผวา


หากเฮ่อเหลียนเช่อโกรธคงไม่มีอะไร แค่อดทนกล่อมหน่อยก็พอแล้ว แต่หากเขาเป็นอย่างตอนนี้ ไม่ดีใจไม่โกรธสิถึงน่ากลัวของจริง


“อาเช่อนายเชื่อฉันนะ สามปีมานี้ฉันมีแค่นายคนเดียวแล้วจะชอบจ้าวเหมยได้ยังไงอีก? แต่ยังไงจ้าวเหมยก็เป็นเพื่อนของฉัน ฉันก็หวังอยากให้เธอมีชีวิตที่ดี ไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย อาเช่อ…”


เหมยซูหานคอยพูดเกลี้ยกล่อมอย่างระมัดระวังปนระแวงด้วยความจนใจสุดขีด ตรงกันข้ามเขาไม่ได้กลัวเฮ่อเหลียนเช่อทำอะไรเขา ผู้ชายคนนี้เคยลงมือกับเขาเพียงครั้งเดียวเมื่อสามปีก่อน หลังจากนั้นต่อให้โกรธแค่ไหนก็ไม่เคยลงไม้ลงมือกับเขาอีก แต่จะเปลี่ยนไประบายใส่ลูกน้องแทน


ทุกครั้งที่เห็นท่าทางป่าเถื่อนเหี้ยมโหดของเฮ่อเหลียนเช่อดุด่าซ้อมลูกน้องอย่างบ้าคลั่ง เหมยซูหานก็จะโทษตัวเอง


เป็นเพราะเขาสร้างความเดือดร้อนให้ลูกน้องที่บริสุทธิ์เหล่านั้น


เฮ่อเหลียนเช่อไม่อยากฟังเหมยซูหานเอ่ยถึงจ้าวเหมยอีก แววตาเย็นชาลงเรื่อย ๆ ความหงุดหงิดทำให้ความอดทนของเขาหมดสิ้น พลางใช้มือข้างเดียวกระชากเหมยซูหานมาคร่อมอยู่ใต้ร่าง…


“อย่าพูดถึงจ้าวเหมย…ฉันไม่ชอบฟัง…”


ลูกน้องเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นอย่างรู้หน้าที่ เหลือพื้นที่ส่วนตัวให้พวกเขาสองคน


……


เฮ่อเหลียนเช่อที่ได้รับสิ่งที่พึงพอใจก็พลันอารมณ์ดีขึ้น เขากระชับกอดเหมยซูหานไว้ในอ้อมแขน ไอเยือกเย็นบนตัวจางลงมากทีเดียว


“คุณชายเช่อ คุณหนิงให้ท่านไปหา” ลูกน้องเดินเข้ามาด้วยท่าทางผวาดผวา


……………………………………….


 ตอนที่ 1183 ล้วนอยากได้ยาวิเศษกันทั้งนั้น


เหมยซูหานได้ยินชื่อหนิงเฉินเซวียนก็อดตัวสั่นไม่ได้ เฮ่อเหลียนเช่อรับรู้ถึงความกลัวของเขาเลยลูบปลอบเขาไปมา


“ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่”


เหมยซูหานเงยหน้ายิ้มแต่ความกลัวกลับก่อตัวขึ้นภายในใจมากขึ้นเรื่อย ๆ


เฮ่อเหลียนเช่อไม่กล้าชักช้า แต่งตัวเสร็จก็ไปยังที่พักของหนิงเฉินเซวียนปล่อยให้เหมยซูหานกลับห้องเพียงลำพังแล้วไม่นานก็ออกไปเช่นกัน


หนิงเฉินเซวียนรู้แต่แรกแล้วว่าหลายวันนี้เฮ่อเหลียนเช่อพักอยู่กับไอ้หนุ่มหน้าอ่อนนั่น และเห็นว่าเขามาช้าก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ ความถมึงทึงเริ่มก่อตัวที่ใบหน้า


“ได้ยินมาว่าวันนี้คุณชายหมิงนั่นโผล่หน้ามาแล้ว? สืบประวัติมันมาได้หรือยัง?” หนิงเฉินเซวียนถามเสียงนิ่ง


เฮ่อเหลียนเช่อลังเลสักพักพลางตอบกลับ “มีอะไรต้องสืบ ไอ้สารเลวนั่นต้องเป็นฝีมือไอ้แก่นั่นอยู่แล้ว”


‘เพี้ยะ’


หนิงเฉินเซวียนลุกตบหน้าเฮ่อเหลียนเช่อฉาดหนึ่ง แม้เขาจะดูตัวอ่อนแอราวกับหนอนหนังสือแต่แรงที่มือไม่น้อยเลย รอยนิ้วมือสีแดงขึ้นเด่นหราตรงแก้มของเฮ่อเหลียนเช่อ


“เจ้างั่ง คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่ามันเป็นคนของไอ้ชั่วนั่น? ฉันจะให้แกสืบว่าเมื่อก่อนมันทำอะไร? เป็นคนที่ไหน ชื่ออะไร ทำไมถึงรู้จักกับจ้าวเหมย…พวกนี้ฉันต้องรู้ให้หมด!”


หนิงเฉินเซวียนคำรามใส่อย่างเดือดพล่าน ความแค้นที่มีต่อเหมยซูหานก็มากกว่าเดิม


ไอ้หนุ่มหน้าอ่อนนั่นตัวกาลกิณีชัด ๆ จะให้เขาอยู่ข้างเฮ่อเอ๋อร์ไม่ได้อีกแล้ว!


เฮ่อเหลียนเช่อไม่กล้าโต้เถียงกลับสักคำได้แต่ก้มหน้ารับคำด่าไว้ อย่างไรเสียก็โดนด่ามาตั้งแต่เด็กจนชินแล้ว


รอหนิงเฉินเซวียนระบายความโกรธจนพอใจเฮ่อเหลียนเช่อถึงเริ่มพูดถึงแผนการของเขา “ในมือจ้าวเหมยน่าจะมียาวิเศษที่ช่วยให้อายุยืนได้ ตาแก่จ้าวคิดจะใช้ยาวิเศษนี้หนุนตระกูลจ้าวกลับมาให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่จ้าวเหมยเจ้าเล่ห์ไม่ยอมช่วยตระกูลจ้าว ผมคิดว่า…”


หนิงเฉินเซวียนถูกยาวิเศษดึงความสนใจไปตามคาด แต่เขายังไม่ค่อยเชื่ออยู่ดี บนโลกนี้มียาวิเศษที่ช่วยให้อายุยืนจริงหรือ?


“เมื่อก่อนผมแค่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ตอนนี้ผมมั่นใจพอสมควร”


เฮ่อเหลียนเช่อทำหน้าแน่วแน่ หลังจากเขารู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นรู้จักกับจ้าวเหมยก็ยิ่งมั่นใจ


“คุณอาลองคิดดูสิ ไอ้แก่นั่นบอกว่าใกล้ตายแล้วแต่ผ่านไปหลายปียังมีชีวิตอย่างสุขสบาย ผมได้ยินมาว่าตอนนี้ตาแก่นั่นกินได้นอนหลับ สุขภาพดีจะตาย เกรงว่ามีชีวิตต่ออีกสักห้าสิบปีก็ไม่เป็นปัญหา อาไม่รู้สึกแปลกใจบ้างเหรอ?”


หนิงเฉินเซวียนขบคิดตามกัน ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาแล้วว่าสุขภาพของเฮ่อเหลียนชิงย่ำแย่เพียงใด


เฮ่อเอ๋อร์พูดมีเหตุผล ผิดปกติจนน่าแปลกใจ คนที่ใกล้ตายอย่างเฮ่อเหลียนชิง จู่ๆ ก็หายดีย่อมได้รับยาวิเศษเข้าไปแน่


แบบนี้ก็อธิบายได้แล้วว่าทำไมเหยียนหมิงซุ่นถึงคบกับจ้าวเหมย


เท่านี้ก็บ่งบอกแล้วว่าจ้าวเหมยเองก็เป็นคนของเฮ่อเหลียนชิง ยาวิเศษของจ้าวเหมยช่วยไอ้แก่สารเลวนั่น!


สมควรตาย!


ไม่ใช่ของดีทั้งนั้น!


“ตระกูลจ้าวมีส่วนสมรู้ร่วมคิดมั้ย?” หนิงเฉินเซวียนเป็นคนที่ขี้สงสัยอย่างมาก


เฮ่อเหลียนเช่อส่ายศีรษะอย่างมั่นใจ “น่าจะไม่ ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งนี้เกิดเรื่องจ้าวอิสยง ไอ้แก่นั่นก็ไม่มีทางอยู่เฉยๆ ปกติไอ้แก่นั่นปกป้องคนของตัวเองอยู่แล้ว”


หนิงเฉินเซวียนสีหน้าผ่อนคลายลง คิดไปคิดมาก็ใช่ ผู้หญิงมักให้ความสำคัญกับคนภายนอกมากกว่า จ้าวเหมยกลับตระกูลจ้าวในวัยสิบสองปีคงไม่มีเยื่อใยกับตระกูลจ้าวลึกซึ้งเท่าไร คิดว่าหัวใจทั้งดวงคงอยู่บนตัวคนรักหมดแล้ว


“แกคิดจะบีบบังคับให้จ้าวเหมยเอายาวิเศษมาอย่างไร?”


“ง่ายมาก คุณอาก็รอข่าวดีเถอะ ถึงตอนนั้นคุณอาจะต้องอายุยืนยาวร้อยปี อยู่ให้ไอ้แก่รอจนตาย!” เฮ่อเหลียนเช่อพูดยกยอไปอีกประโยค เอาใจหนิงเฉินเซวียนให้อารมณ์ดียิ่งกว่าเดิม


“ฉันอายุยืนยาวร้อยปีจะมีประโยชน์บ้าอะไร แกรีบมีหลานให้ฉันต่างหากถึงจะถูกต้อง การสืบทอดตระกูลหนิงจะขาดในมือฉันไม่ได้ คนสกุลเหมยนั่นแกสนุกมาสามปีแล้ว เมื่อก่อนฉันสอนแกยังไง…”


แม้หนิงเฉินเซวียนถูกพูดเอาใจจนเริ่มอารมณ์ดีแต่ไม่ลืมที่จะสั่งสอนลูกชาย พยายามเกลี้ยกล่อมให้เฮ่อเหลียนเช่อไปจากเหมยซูหาน


เฮ่อเหลียนเช่อกลับไม่ยอมตกลงสักที เชิดหน้าพูดเสียงแน่วแน่ “เรื่องหลานอาไว้วางใจได้ผมจะมีให้อาแน่นอน แต่ผมไม่มีวันปล่อยมือจากเหมยซูหาน ถ้าเขาตาย ผมก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่ต่อไป!”


หนิงเฉินเซวียนโกรธจนง้างฝ่ามือขึ้น แต่ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ตบไม่ลง ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่


เวรกรรมจริง ๆ!


ตอนที่ 1184 เตรียมเปิดตัวสถานะ


ทางนี้เฮ่อเหลียนชิงก็กำลังสั่งสอนลูกชายตัวเองอยู่อย่างไม่สบอารมณ์เช่นกัน


“ทำไมแกไม่ตัดหูคนสกุลโอหยางนั่นไปทั้งสองข้าง? ใจไม่เด็ดขาดพอ แบบนี้แกจะทำการใหญ่อะไรได้?”


เฮ่อเหลียนชิงได้ยินว่าเหยียนหมิงซุ่นตัดหูโอหยางสยงไปเพียงข้างเดียวก็เดือดทันที สยงบ้าอะไรนั่น วิธีเพียงหนึ่งเดียวในการกำจัดเศษสวะประเภทนั้นของเขาก็คือ–


ไม่ให้เหลือทางรอด!


เข่นฆ่าให้สิ้นซาก!


ปราบให้ราบคาบ!


ตัดหูไปข้างเดียวมันใช้ได้ที่ไหน ไม่สู้ยายหนูนั่นที่ทำอะไรเด็ดขาดกว่าด้วยซ้ำ!


“ไว้ค่อยตัดทีหลัง” เหยียนหมิงซุ่นตอบเสียงเรียบทำเป็นมองไม่เห็นความโกรธของเฮ่อเหลียนชิง สั่งให้คนรับใช้จัดโต๊ะอาหารเพราะเหมยเหมยของเขาหิวแย่แล้ว


เฮ่อเหลียนชิงสะอึก คิดว่าก็ฟังดูมีเหตุผลดี ตัดครั้งเดียวจนหมดคงไม่ค่อยดีนัก


“งั้นคราวหลังแกเจอครั้งหนึ่งก็ตัดครั้งหนึ่ง ตัดข้างบนเสร็จก็ตัดข้างล่าง อย่าใจอ่อนเด็ดขาด” เฮ่อเหลียนชิงพูดด้วยสีหน้าเยือกเย็น เผยให้เห็นความตื่นเต้นในเรื่องดิบเถื่อนบนใบหน้า


เหมยเหมยกลอกตาอย่างไม่ใส่ใจ ตาแก่โรคจิตไม่ลงมือเองยังชอบสั่งให้คนอื่นทำเรื่องผิดศีลธรรมแบบนี้อยู่เรื่อยโดยเฉพาะพี่หมิงซุ่นของเธอ!


แต่ในเมื่อเป็นโอหยางสยงล่ะก็ถือว่าธำรงธรรมแทนสวรรค์แล้วกัน!


กับข้าวหอมกรุ่นถูกเสิร์ฟเต็มโต๊ะในไม่ช้า เหยียนหมิงซุ่นตักน้ำซุปปลาสีใสส่งให้เหมยเหมยก่อนหนึ่งถ้วย เอ่ยเสียงอ่อนโยน “กินน้ำซุปก่อนค่อยกินข้าว”


เหมยเหมยพยักหน้าอย่างเชื่อฟังแล้วตักน้ำซุปเข้าปากคำเล็กๆ ทีละคำๆ ด้วยท่าทางแสนเชื่อง


เฮ่อเหลียนชิงคอยมองถ้วยเปล่าตรงหน้าตัวเองแล้วแค่นเสียงใส่อย่างไม่พอใจ ลูกชายคนนี้ไม่กตัญญูเลยสักนิด ในใจมีแค่ยายสุนัขจิ้งจอกนั่นคนเดียว แม้แต่น้ำซุปยังไม่ตักให้เขาเลย


สู้ไอ้เด็กสวะนั่นไม่ได้ด้วยซ้ำ!


เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ทะเลาะกันไอ้สวะนั่นกตัญญูต่อเขาอย่างดี!


หน้าของเฮ่อเหลียนเช่อแวบผ่านหัวพลันทำให้เฮ่อเหลียนชิงอารมณ์เสียขึ้นมาทันที ความหงุดหงิดที่พลุกพล่านตนเลยตักน้ำซุปหนึ่งถ้วย รสชาติหอมหวานของน้ำซุปปลาได้ปลอบประโลมความหงุดหงิดในใจเขาให้สงบลงไม่น้อย


“อีกไม่กี่วันฉันจะจัดงานเลี้ยง แนะนำสถานะของแก สามปีแล้ว มันถึงเวลาแล้ว!”


จู่ ๆ เฮ่อเหลียนชิงก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยการรอคอยและตื่นเต้น อยากเห็นสีหน้าหลังจากสองพ่อลูกชั่วนั่นรู้เรื่องเหลือเกิน จะต้องสนุกมากแน่ ๆ!


“แล้วแต่คุณพ่อเลย” เหยียนหมิงซุ่นไม่มีความคิดเห็นใดๆ


เขาเองก็คาดหวังอย่างมาก!


แต่ว่า–


“วันนั้นเหมยเหมยก็ต้องเข้าร่วมด้วย” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว


เฮ่อเหลียนชิงหน้าตึงทันที พูดอย่างไม่พอใจ “เธอจะไปก่อกวนอะไรอีกล่ะ!”


“วุ่นวายอย่างไรเล่า เหมยเหมยเป็นคู่หมั้นของผมก็ต้องออกงานด้วยอยู่แล้ว เผื่อใครบางคนที่ไม่มีไหวพริบ แนะนำผู้หญิงที่ผมไม่รู้จักให้อีก น่ารำคาญจะตายชัก!” เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง


เฮ่อเหลียนชิงแอบรู้สึกผิดแปลก ๆ เพราะคนที่ไม่มีไหวพริบที่ว่านั่นก็คือเขานั่นเอง


แต่เขาไม่มีทางยอมรับง่ายๆ เขาเป็นพ่อ ต้องฟังตามที่เขาว่าเท่านั้น


“แกมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันยังไม่ตกลงสักหน่อย” เฮ่อเหลียนชิงโต้กลับเสียงสูงหมายจะขัดขืนให้สุดกำลัง อย่างไรเสียเขาก็ไม่อยากให้เหยียนหมิงซุ่นแต่งงานกับยายบ้านั่น ถึงตอนนั้นที่บ้านต้องไม่สงบแน่


เหมยเหมยถลึงตาจ้องเฮ่อเหลียนชิงที่นั่งตรงข้ามด้วยความโกรธ ตาแก่โรคจิตนี้ไม่ยอมรับตัวเองอีกแล้ว ทำไมถึงไม่หิวตายไปนะ!


เหยียนหมิงซุ่นตบมือแฟนสาวตัวเองเบา ๆ เป็นการปลอบไปทีหนึ่งค่อยเอ่ยด้วยเสียงเรียบ “พ่อบุญธรรมพูดผิดแล้ว เหมยเหมยผ่านบททดสอบได้เธอก็เป็นคู่หมั้นของผมแล้ว นี่พ่อบุญธรรมเป็นคนพูดเองกับปากเลยนะ”


“ฉันเคยพูดตั้งแต่เมื่อไหร่…”


เฮ่อเหลียนชิงเหมือนโดนคนบีบคอยังไงอย่างนั้น มองเหยียนหมิงซุ่นล้วงเครื่องอัดเสียงจากกระเป๋าตรงหน้าอกออกมาด้วยสีหน้าสะพรึง เสียงของเขาเป็นเอกลักษณ์เกินไปคิดจะปัดไม่ยอมรับคงไม่ได้


“แค่ยายนั่นเอาตัวรอดจากแผนของไอ้สวะนั่นได้ด้วยตัวเอง ฉันก็ตกลง…”


เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มมองเฮ่อเหลียนชิงที่สีหน้าบึ้งตึง “พ่อบุญธรรม จะฟังอีกมั้ย?”


“ปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันล่ะขี้เกียจจะยุ่งเรื่องของแกแล้ว เหอะ!” เฮ่อเหลียนชิงทั้งโกรธทั้งอาย ก้มหน้าทานข้าวเพื่อกลบเกลื่อนความอายของเขา


เหมยเหมยได้ใจในชั่วขณะพลางขยิบตาใส่เหยียนหมิงซุ่นอย่างซุกซนแต่กลับรู้สึกหวานชื่นไปทั้งใจ


คาดหวังการมาถึงของงานฉลองวันนั้นเหลือเกิน!


แบบนี้เธอก็จะได้เป็นคู่หมั้นของเหยียนหมิงซุ่นอย่างเป็นทางการแล้ว!


…………………………………………….


ตอนที่ 1185 มาหาเรื่องถึงบ้าน


เหยียนหมิงซุ่นมาส่งเหมยเหมยที่บ้านตระกูลจ้าว ซึ่งไม่ได้ส่งแค่หน้าบ้านแต่กลับเข้าไปส่งถึงในบ้าน


หลายวันมานี้ตระกูลจ้าวรังแกเหมยเหมยตั้งมากมาย จะไม่ให้เขาไปเคาะเตือนสติหน่อยหรือ?


อีกอย่างถึงเวลาแล้วที่ต้องให้คนตระกูลจ้าวรู้ว่าเบื้องหลังที่คอยหนุนเจ้าหญิงน้อยของเขาคือใครกันแน่ วันหลังอย่าได้มีตาแต่ไม่มีแววอีก!


ตระกูลจ้าวในยามนี้กำลังคึกคักอย่างมากเพราะคนตระกูลโอหยางมาหาถึงที่ ผู้ที่มาคือคุณย่าโอหยางแล้วก็แม่ของโอหยางสยง เป็นผู้หญิงสองคนในบ้านที่รักและเอ็นดูโอหยางสยงที่สุด


พวกเธอไม่ความแค้นทางการเมืองอะไรหรอกนะ พวกเธอรู้เพียงว่าหลานชาย(ลูกชาย)สุดที่รักของพวกเธอตากับหูหายไปอย่างละข้างล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับจ้าวเหมย พวกเธอจะต้องมาเรียกร้องความยุติธรรมคืนให้ได้!


หากเปลี่ยนเป็นอดีตพวกเธอยังไม่กล้ามาหรอกนะ แต่ตอนนี้ตระกูลจ้าวกลายเป็นตระกูลตกอับแล้ว พวกเธอมีอะไรให้ต้องยำเกรงอีก!


“ตระกูลจ้าวของพวกเธอมันกองโจรชัด ๆ ทะเลาะกันหน่อยก็ควักลูกตาตัดหูกันได้…สยงเอ๋อร์ผู้น่าสงสารของฉัน แล้วเขาจะแต่งงานหาเมียได้อย่างไร…”


ความเก่งกาจของคุณย่าโอหยางเป็นที่ขึ้นชื่อในเขตชุมชนนี้ ส่วนแม่ของโอหยางสยงเองก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไร หญิงแต่งงานสองคนพูดโต้กันละประโยคสองประโยคทำเอาคนตระกูลจ้าวจนปัญญากับพวกเธอ


อีกอย่างเรื่องนี้พวกเขาไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ!


อะไรดวงตากับหู!


“พวกเธออย่าเพิ่งโวยวาย พูดให้รู้เรื่อง ตากับหูของโอหยางสยงเป็นอะไร?” จ้าวอิงหัวถามเสียงดัง


คุณย่าโอหยางตวาดใส่ “เพราะลูกสาวของแกนั่นแหละ ทำสยงเอ๋อร์ของฉันตาบอดไปก่อนรอบหนึ่ง วันนี้ยังตัดหูของสยงเอ๋อร์ไปอีก…โอ๊ย…จ้าวเหมยของพวกแกเป็นนางโจรชัดๆ!”


คุณยายคนนี้แรงมากเกินไปเสียงดังก้องจนเพื่อนข้างบ้านมามุงดูด้วยความสนใจ หลังได้ยินคำของคุณย่าโอหยางกลับไม่ค่อยเชื่อเท่าไร


จ้าวเหมยพวกเขารู้จักดี ตัวเล็กอ้อนแอ้น จะควักตากับตัดหูได้อย่างไร?


ตีให้ตายพวกเขาก็ไม่เชื่อ!


“ซานซานเธอเล่าเรื่องตอนนั้นให้ชัดเจนว่าจ้าวเหมยก่อเรื่องยังไง!” คุณย่าโอหยางกระชากโอหยางซานซานมา


โอหยางซานซานคล้ายยังจะไม่ได้สติกลับมาจากเรื่องช่วงเช้า แต่เธอผู้ที่ยำเกรงต่อคุณย่าของเธอมาโดยตลอดนั้นจะกล้าขัดเสียที่ไหน ได้แต่เล่าเรื่องคาราโอเกะกับร้านน้ำชาด้วยเสียงตะกุกตะกัก


“ไม่หรอกน่า…เหมยเหมยเป็นคนทำจริงๆ เหรอ?”


ทุกคนกระซิบกระซาบแต่ก็ยังไม่ค่อยเชื่อนัก


เหมยเหมยที่อยู่ข้างนอกได้ยินทุกอย่างชัดเต็มสองหูก็อดแค่นเสียงหัวเราะไม่ได้ โอหยางซานซานเลี่ยงประเด็นสำคัญบอกไปเพียงเหตุการณ์ที่เธอทำต่อโอหยางสยง กลับไม่บอกว่าทำไมเธอถึงทำอย่างนั้น!


“จ้าวเหมยใจเหี้ยมจริงๆ ควักลูกตายังไม่พอ วันนี้ยังตัดหูสยงเอ๋อร์ของฉันไปอีก…สยงเอ๋อร์ของฉัน…”


คุณย่าโอหยางร่ำไห้คร่ำครวญด้วยความเสียใจจริง ๆ แม้โอหยางปินเป็นหลานชายที่เธอให้ความสำคัญที่สุดแต่โอหยางสยงเธอก็รักเหมือนกัน!


“หลีกหน่อย หลีกหน่อย!”


เหมยเหมยเบียดตัวเข้าไปข้างใน เหยียนหมิงซุ่นแรงเยอะแค่ผลักเบาๆ คนที่มุงอยู่รอบข้างก็แยกทางให้พวกเขาได้แทรกตัวเข้าไปได้อย่างง่ายดาย


ในขณะนี้จ้าวอิงหัวถามขึ้นว่า “ยังไม่บอกว่าเรื่องควักตาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า พวกคุณต้องพูดที่มาที่ไปก่อนสิ ลูกสาวของผมเป็นเด็กดีจะไปทำร้ายคนโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร? อีกอย่างโอหยางสยงเป็นผู้ชายบรรลุนิติภาวะแล้ว ลูกสาวฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กอ่อนแอ เธอจะเอาความสามารถที่ไหนมาทำร้ายคน?”


ความหมายที่แฝงนั้นก็คือหรือว่าหลานชายเธอเชื่อถืออะไรไม่ได้?


คุณย่าโอหยางสะอึกเพราะหาคำโต้กลับไม่ได้


แต่เธอไม่ใช่คนนิสัยท้อถอยง่าย ๆอยู่แล้ว ความงี่เง่าไร้เหตุผลเป็นเรื่องถนัดของเธอแล้วจะยอมแพ้ได้ง่ายๆ เสียที่ไหน พาลตะโกนกลับ “สยงเอ๋อร์ของฉันยอมเธอ ไม่ถือสาเด็กผู้หญิงอย่างเธอ ใครจะรู้ว่าลูกสาวเธอนิสัยโหดเหี้ยมทารุณ”


จ้าวอิงหัวกำลังจะโต้กลับแต่ดันเห็นลูกสาวตัวเองก่อนและไม่ทันเห็นเหยียนหมิงซุ่นเพราะความเร่งรีบจึงถามไปว่า “เหมยเหมย ที่หล่อนบอกว่าลูกควักดวงตาของโอหยางสยงไป เป็นเรื่องจริงเหรอ?”


เหมยเหมยยิ้ม พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ “จริงสิ หนูควักเอง”


ทุกคน “…”


จ้าวอิงหัวปวดใจนัก แล้วทำไมถึงยอมรับเสียงเด็ดขาดขนาดนั้น?


ตอนที่ 1186 ยุยงปลุกปลั่นกันอย่างโจ่งแจ้ง


คุณย่าโอหยางชะงักไปก่อนจะบันดาลโทสะมองเหมยเหมยด้วยความคุกรุ่น


“พวกแกได้ยินกันแล้วสินะ ตัวเธอยังยอมรับเองเลย ทำไมเธอถึงใจโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้!” คุณย่าโอหยางเศร้าแทบขาดใจ


หากจะว่าไปคุณย่าโอหยางกลับไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไร เธอแค่สงสารหลานชาย อยากเรียกร้องความยุติธรรมคืนให้หลานชายเท่านั้น


ไม่มีจุดประสงค์อื่น


“ทำไมคุณไม่ให้โอหยางซานซานบอกล่ะว่าทำไมฉันถึงควักตาหลานชายคุณ?” เหมยเหมยมองไปทางโอหยางซานซานที่กำลังหน้าเสีย


คุณย่าโอหยางชะงักอีกทีก่อนกล่าว “จะมีเหตุผลอะไร? ก็แค่ต่อปากต่อคำกันนิดๆ หน่อยๆ ไม่ใช่เหรอ ต่อให้สยงเอ๋อร์ของฉันผิด เธอตบหน้าไม่กี่ทีก็พอ ไม่เห็นต้องใจร้ายกันขนาดนี้!”


เหมยเหมยแค่นเสียงหัวเราะใส่ ชี้ไปที่โอหยางซานซานแล้วถาม “เธอบอกว่าฉันกับโอหยางสยงแค่ต่อปากต่อคำกัน?”


“ไม่ใช่ต่อปากต่อคำแล้วจะมีอะไรอีก? สยงเอ๋อร์ของฉันไม่ได้มีความแค้นส่วนตัวกับเธอสักหน่อย” คุณย่าโอหยางตอบ


“ฉันก็แปลกใจ ในเมื่อหลานชายคุณไม่เคยมีความแค้นส่วนตัวกับฉันแล้วทำไมเขาถึงจ้องจะทำร้ายฉัน?” เหมยเหมยตอบพร้อมซักถาม จ้าวอิงหัวไม่รู้เรื่องในร้านคาราโอเกะคืนนั้น พอฟังน้ำเสียงลูกสาวผิดปกติไปเลยทำหน้าเรียบตึง


“เหมยเหมย โอหยางสยงจะทำร้ายลูกเหรอ?”


“ใช่ค่ะ โอหยางสยงลักพาตัวเพื่อนหนูไปแล้ววางยา หลอกหนูไปร้านคาราโอเกะ หนึ่งในนั้นยังมีหานป๋อหย่วนหลานชายป้าสะใภ้สองคนเก่าของหนู พวกเขามีกันสิบกว่าคนคิดทำมิดีมิร้ายกับหนู ถ้าหนูไม่เคยเรียนศิลปะการต่อสู้มาสักหน่อย พ่อคงไม่เห็นหนูในวันนี้แล้ว!”


จ้าวเหมยเล่าเรื่องคืนนั้นทุกเรื่องอย่างไม่คิดปิดบัง และไม่ลืมจะเอ่ยถึงหานป๋อหย่วน


อย่างไรเสียคนที่เคยทำความผิดต่อเธอ ก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่สงบสุขเลย!


จ้าวอิงหัวกับเหยียนซินหย่าจะไม่รู้เหตุผลที่เหมยเหมยไม่ยอมเล่าได้อย่างไร หากโอหยางสยงสำเร็จตามแผน ชีวิตนี้ของลูกสาวเขาก็พังกันพอดี!


“ขอถามหน่อยว่าผมจ้าวอิงหัวเคยไปล่วงเกินตระกูลโอหยางของพวกคุณหรือไงถึงต้องวางแผนทำร้ายลูกสาวผมแบบนี้? จะเอาลูกสาวผมให้ตายเลยเหรอ?” จ้าวอิงหัวถามเสียงเย็นชา


คุณย่าโอหยางไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ในสายตาของเธอโอหยางสยงหลานชายคนนี้เป็นเด็กดีเสมอมา แถมยังขี้อายมาก ๆ ไม่ค่อยกล้าพูดกับเด็กผู้หญิงด้วยซ้ำ


แล้วเขาจะทำร้ายจ้าวเหมยอย่างนั้นได้อย่างไร?


เธอไม่เชื่อ!


“เป็นไปไม่ได้ สยงเอ๋อร์ของฉันไม่ใช่คนแบบนั้น เธอพูดเหลวไหล!” คุณแม่โอหยางสยงตวาดด้วยสีหน้าโกรธเคือง


“ลูกชายของคุณเป็นคนแบบไหนฉันไม่รู้ แต่เขาคิดจะทำร้ายฉันจริง แต่ฉันคิดว่าลูกชายของคุณน่าจะโดนคนอื่นหลอกใช้แล้วล่ะ” เหมยเหมยใจวูบไหวพลางมองไปทางโอหยางซานซานอย่างเจ้าเล่ห์


นางแพศยาคนนี้ไม่รู้จักสงบเสงี่ยมสักที ถ้างั้นเธอก็จุดไฟหน่อยแล้วกัน


โอหยางซานซานชักสังหรณ์ใจไม่ดี เสียดายที่เธอไม่ค่อยฉลาดนัก แล้วไหนจะไม่มีหวงอวี้เหลียนอยู่ข้างๆ คอยช่วยปกป้องเธอ


คุณย่าโอหยางถามอย่างใจร้อน “เธอรีบอธิบายให้รู้เรื่องเลยนะ!”


เหมยเหมยชี้ไปที่โอหยางซานซานก่อนกล่าว “พวกคุณทุกคนรู้ว่าฉันกับโอหยางซานซานไม่ถูกกัน นางแพศยาคนนี้ชอบวางแผนตลบหลังฉัน คืนวันนั้นเป็นงานปาร์ตี้วันเกิดของหานป๋อหย่วน โอหยางซานซานกับหานป๋อหย่วนกำลังคบหากันอยู่ โอหยางสยงเลยพาพวกไปเพราะคิดจะให้หน้าหลานสาว


จากนั้นก็โดนโอหยางซานซานพูดหว่านล้อมให้หาทางจัดการฉัน ฉันต้องปกป้องตัวเองเลยจำใจต้องควักดวงตาของโอหยางสยงมาข้างหนึ่งน่ะสิ!”


เธอหยุดเว้นช่วงไปอึดใจ แสร้งบอกว่า “ตอนแรกฉันกะจะควักทั้งสองข้าง แต่คิด ๆ แล้วโอหยางสยงก็โดนคนอื่นที่จิตใจชั่วช้าหลอกใช้เลยเหลือไว้ข้างหนึ่ง”


พูดจบเธอยังทำหน้าเหมือนบอกว่า ‘พวกเธอก็ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก’ ทำเอาคุณย่าโกรธแทบกระอักเลือด สายตาที่มองไปยังโอหยางซานซานเริ่มเย็นยะเยือก


…………………………………………………..


 ตอนที่ 1187 บีบเค้นให้สารภาพ


“แม่อย่าไปฟังจ้าวเหมยพูดเหลวไหล ซานซานจะทำร้ายพี่ชายตัวเองได้ยังไง เป็นจ้าวเหมยเองที่เธอจงใจทำร้ายสยงเอ๋อร์ทั้งนั้น”


หวงอวี้เหลียนที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก วิ่งมาช่วยลูกสาวตัวเองด้วยความเร่งรีบ


เหยียนซินหย่ายอกย้อนกลับ “หวงอวี้เหลียนเธออย่าพูดจาพล่อย ๆ ที่บ้านฉัน บอกว่าลูกสาวฉันทำร้ายโอหยางสยง เอาหลักฐานมาสิ ไม่มีหลักฐานก็หุบปากไป!”


เหมยเหมยแอบยกนิ้วโป้งให้ แม่ของเธอแกร่งขึ้นแล้ว!


หวงอวี้เหลียนแค่นหัวเราะ “เหยียนซินหย่างั้นเธอเอาหลักฐานมาสิ ซานซานของฉันเป็นเด็กดีที่สุด เธอจะทำร้ายพี่ชายตัวเองได้ยังไง!”


เหมยเหมยโผล่หัวมาจากด้านหลังเหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงดังเป็นการตักเตือนอย่างอดไม่ได้ “เธอพูดผิดแล้ว โอหยางสยงเป็นอาของโอหยางซานซานต่างหาก อย่าสลับลำดับผิดสิ!”


ทุกคนต่างกลั้นหัวเราะไว้อย่างยากลำบากขับให้สีหน้าดูแปลกไปตาม ๆ กัน


สีหน้าของคุณย่าโอหยางแย่ยิ่งกว่าใคร คำของเหมยเหมยทำให้เธอนึกถึงเรื่องอื้อฉาวที่ลือสะพัดเมื่อสามปีก่อน หน้าแก่ ๆ นี้จะสู้หน้าต่อได้อย่างไรอีก อายเสียจนอยากขุดหลุมมุดหน้าเข้าไปให้รู้แล้วรู้รอด


หวงอวี้เหลียนกลับคงมีท่าทีใจเย็นไม่สะทกสะท้านสักนิด สมแล้วที่เป็นนางมารยาร้อยเล่มเกวียน


“จ้าวเหมยถ้าเธอพูดเหลวไหลอีก ฉันจะหาทนายฟ้องร้องแล้วนะ ฉันว่าตระกูลจ้าวของพวกเธอไร้การอบรมสั่งสอนเสียจริง ถึงได้สอนลูกสาวให้ป่าเถื่อนหยาบคายแบบนี้ได้ มิน่าจ้าวอิงสยงถึงได้เข้าคุกไป!”


หวงอวี้เหลียนพูดแทงใจคนตระกูลจ้าวอย่างไม่เกรงใจ เธอเพิ่งเจอคนรักจากข้างนอกมา มีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม!


เหยียนหมิงซุ่นก้าวออกมาถึงทำให้ทุกคนสังเกตเห็นเขา ต่างสงสัยว่าเป็นใครมาจากไหน


“คุณนายโอหยางระวังคำพูดด้วย โลกนี้ไม่แน่นอน ไม่แน่สองพ่อลูกสามีกับคนรักของคุณอาจได้เข้าไปดื่มน้ำชาข้างในสักวัน!”


เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มน้อยๆ อย่างดูดีมีเสน่ห์ แต่ถ้อยคำที่เปล่งออกมากลับเปรียบดั่งลมฤดูใบไม้ผลิเดือนสาม คมยิ่งกว่าใบมีดเสียอีก


ไม่รอหวงอวี้เหลียนตอบโต้เหยียนหมิงซุ่นก็ตบบนตัวโอหยางซานซานไม่กี่ที ลงมือไวปานสายฟ้า รอจนทุกคนดึงสติกลับมาได้เหยียนหมิงซุ่นก็ชักมือกลับแล้ว


“แกทำอะไรลูกสาวฉัน?” หวงอวี้เหลียนแหวเสียงร้อง


แต่ไม่นานเธอรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นทำอะไรลงไป โอหยางซานซานครางร้องเสียงเจ็บปวด เจ้าตัวนอนคู้ตัวบนพื้น


“ซานซาน…ซานซานลูกเป็นอะไรไป?” หวงอวี้เหลียนเรียกอยู่หลายทีด้วยความร้อนรน โอหยางซานซานแค่ครางร้องด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่นานเหงื่อก็ชุ่มไปทั้งตัว


คนส่วนใหญ่ที่อาศัยในเขตนี้ล้วนมาจากกองทัพทหารทั้งนั้น ขณะนี้สายตาที่มองไปทางเหยียนหมิงซุ่นเริ่มลุ่มลึกเพราะท่วงท่าเมื่อครู่ของเหยียนหมิงซุ่นเป็นวิธีสำหรับสอบสวนอย่างหนึ่ง คล้ายคลึงกับมือแยกเอ็นแบ่งกระดูกในนิยายกำลังภายใน


พวกเขาแค่ดูปราดเดียวก็พอเดาที่มาที่ไปของเหยียนหมิงซุ่นได้แล้วว่าต้องเป็นทหารจากหน่วยรบพิเศษ ทหารทั่วไปทำแบบนี้ไม่ได้


แต่พ่อหนุ่มอายุน้อยคนนี้ก็ใจเหี้ยมจริง ๆ ถึงกลับกล้าลงมือกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง!


หวงอวี้เหลียนทั้งโกรธทั้งร้อนใจจึงด่ากราด “สัตว์เดรัจฉาน…ทำไมกล้าก่อเรื่องในเขตนี้…แม่คะ แม่เห็นชัดหรือยัง จ้าวเหมยกล้าทำแบบนี้กับหลานสาวของแม่ต่อหน้าต่อตา แล้วเธอจะไม่กล้าควักลูกตาหลานชายแม่ได้ยังไง?”


เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้วน้อยๆ พลางหิ้วโอหยางซานซานบนพื้นขึ้นมา “วางใจได้ เธอไม่ตาย ฉันแค่ให้เธอพูดความจริงบางอย่างออกมาเท่านั้น”


เขาตบบนตัวโอหยางซานซานเบา ๆ อีกไม่กี่ที โอหยางซานซานก็ครางเสียงเบาลงและความเจ็บปวดบนหน้าก็ดูจะคลายลงมากทีเดียว


“สารภาพเรื่องคืนนั้นมาให้ชัดเจน ถ้าพูดโกหกประโยคเดียว ฉันจะให้เธอเจ็บปวดไปตลอดชีวิต!” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ใช้เสียงดังแถมยังไพเราะเสนาะหูมาก แต่กลับทำให้โอหยางซานซานเย็นวาบไปทั้งตัวเหมือนอยู่ในนรกก็ไม่ปาน


เธอจะทนความเจ็บไหวได้อย่างไรอีก อ้าปากจะพูดความจริงแต่หวงอวี้เหลียนส่ายศีรษะให้เธอน้อย ๆ พร้อมสายตาที่แฝงการตักเตือน


ตอนที่ 1188 ตัดหูไปแค่ข้างเดียวก็นับว่าน้อยไปสำหรับเขา


โอหยางซานซานชะงักและเริ่มลังเล


เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงทีพลางตบอีกไม่กี่ที โอหยางซานซานก็ครางเสียงดังขึ้นจากเดิมจนเจ้าตัวตัวงอเหมือนกุ้ง เหยียนหมิงซุ่นเลยปล่อยเธอลงพื้นราวกับโยนถุงกระสอบ


“ฉันจะบอก…ฉันจะบอกหมดเลย…”


โอหยางซานซานไม่สนใจคำเตือนของหวงอวี้เหลียนอีกต่อไป ก่อนเล่าเรื่องค่ำคืนนั้นไปเสียงขาดๆ หายๆ


“เพราะแผนพี่สองกับหานป๋อหย่วนทั้งนั้น พวกเขามักรวมตัวด้วยกันบ่อยๆ หลอกผู้หญิงไปเล่นสนุก หานป๋อหย่วนกับพี่สองอยากเล่นงานจ้าวเหมยเลยหลอกเธอมา หนูไม่รู้อะไรทั้งนั้น…”


เหมยเหมยเดินไปเตะตัวเธอทีหนึ่ง พลางก่นด่า “เธอกำลังคบกับหานป๋อหย่วนไม่ใช่เหรอ? จะไม่รู้ได้ยังไง? เธอเป็นพวกเดียวกับพวกมัน!”


โอหยางซานซานเจ็บจนสะดุ้งวาบ โอดครวญพลางเอ่ยว่า “เปล่า…ฉันไม่ได้คบกับหานป๋อหย่วน คืออู่เยวี่ยต่างหาก…หล่อนต่างหากที่เป็นพวกเดียวกับพวกนั้น…จ้าวเหมยยังเตะเจ้าโลกหานป๋อหย่วนจนใช้งานไม่ได้อีก…อู่เยวี่ยก็โดนเธอจับกรอกยาแล้วถูกคนพวกนั้น…”


ทุกคนสูดปากกันถ้วนหน้าพลางมองไปทางเหมยเหมยอย่างระแวง


หลานสาวตระกูลจ้าวคนนี้เหี้ยมจริงๆ!


เหยียนหมิงซุ่นตบบนตัวเธออีกไม่กี่ทีแล้วพูดขึ้นว่า “เล่าเรื่องที่ร้านน้ำชาวันนี้ด้วย ว่าทำไมฉันถึงตัดหูของโอหยางสยง!”


ทุกคนในที่นี้ต่างตกตะลึง ที่แท้คนที่ตัดหูจริงๆ คือคน ๆ นี้นี่เอง!


หวงอวี้เหลียนอยากไปห้ามลูกสาวแต่กลับถูกจ้าวอิงหัวขวางเอาไว้ จ้าวอิงหัวแสยะยิ้ม “ไม่ต้องรีบ รอลูกสาวเธอพูดจบค่อยไป”


โอหยางซานซานรับสารภาพด้วยเสียงตะกุกตะกัก ความจริงก็ไม่มีอะไรแค่เธออยากหยามจ้าวเหมยแต่กลับเป็นการทำร้ายโอหยางสยงที่มาช่วยหนุนหลังเธอแทน


เมื่อได้ยินว่าโอหยางสยงเรียกอันธพาลนับสิบมาหยามลูกสาวตัวเองกลางวันแสก ๆ จ้าวอิงหัวก็โกรธจนตวัดฝ่ามือและโดนหน้าหวงอวี้เหลียนพอดิบพอดี


โดนตบเข้าจัง ๆ จนหน้าครึ่งซีกของหวงอวี้เหลียนเริ่มบวม


จ้าวอิงหัวตกใจตัวเองไปที เขาไม่เคยทำร้ายผู้หญิงมาก่อน แต่ไม่นานเขาก็หาเหตุผลให้ตัวเองได้


“ลูกสาวเธอทำร้ายลูกสาวผม ถือว่าผมตบเธอที่ไม่รู้จักสั่งสอนลูกสาว!”


เหยียนซินหย่าพุ่งเข้ามาตบไปอีกฉาดแล้วด่า “เหมยเหมยของฉันยังปรานีเกินไป น่าจะควักลูกตาลูกสาวเธอไปด้วย!”


เหมยเหมย “…”


พ่อแม่เธอดุดันขนาดนี้กันตั้งแต่เมื่อไร!


เหยียนหมิงซุ่นตบบนตัวโอหยางซานซานอีกไม่กี่ทีหญิงสาวผู้นี้ก็เงียบไป เจ้าตัวเหมือนเพิ่งถูกล้วงขึ้นมาจากน้ำเพราะสภาพที่เปียกชุ่ม ใบหน้าขาวซีด


หวงอวี้เหลียนแค้นที่สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวกล้าตบหน้าเธอจนเธออับอายขายหน้า ดวงตาฉายแววร้ายกาจชั่ววูบ


รอกลับเมืองจินเธอจะเอาคืนอย่างสาสม!


ขยะอย่างเหอปี้อวิ๋นเธอยังเก็บไว้อยู่แหนะ!


สองแม่ลูกสะใภ้โอหยางทำหน้าละล่ำละลัก พวกเธอรู้เรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังแบบนี้เสียที่ไหน ยิ่งไม่รู้ว่าเบื้องหลังโอหยางสยงเป็นคนเช่นนั้น


แต่พวกเธอก็ปวดใจอยู่ดี!


“ต่อให้สยงเอ๋อร์ของฉันทำผิดไป เธอตบตีระบายอารมณ์หน่อยก็พอ ทำไมถึงต้องควักลูกตากันขนาดนี้ด้วย?” คุณแม่โอหยางสยงทำหน้าขุ่นเคือง


เหมยเหมยมองเธออย่างเย้ยหยัน “ลูกชายคุณคิดจะพังชีวิตฉัน ฉันแค่ควักตาไปข้างเดียวเอง ถือว่าเมตตามากแล้ว!”


“แล้วหูของลูกชายฉันล่ะ? เขากับเธอไม่มีความแค้นส่วนตัวกันสินะ? เธอมีสิทธิ์อะไรมาตัดหูลูกชายฉัน?”


คุณแม่โอหยางสยงหันไปหาเรื่องเหยียนหมิงซุ่นแทน เธอไม่มีข้อแก้ตัวกับจ้าวเหมยแต่ผู้ชายคนนี้เธอคิดว่าเธอมีเหตุผลมากพอ


เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเสียงเบาก่อนกล่าว “ต้องมีความแค้นอยู่แล้ว ผมเป็นคู่หมั้นของจ้าวเหมย โอหยางสยงรังแกเหมยเหมย แค่ผมตัดหูข้างเดียวก็นับว่าปรานีมากพอแล้ว!”


ทุกคนเริ่มให้ความสนใจกันชั่วขณะ ดวงตาเหมือนแสงไฟสปอร์ตไลท์ที่กวาดผ่านตัวเหยียนหมิงซุ่นกับจ้าวเหมย


พ่อหนุ่มคนนี้หน้าตาดีไม่หยอก แต่เขาเป็นคนตระกูลไหนกัน?


…………………………………………….


 ตอนที่ 1189 ผมเป็นคู่หมั้นของจ้าวเหมย


ไม่เพียงแค่คนนอกที่ตกตะลึง แม้แต่คนตระกูลจ้าวเองยังตะลึงเช่นกัน จ้าวเหมยมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไร?


คุณปู่จ้าวมองไปทางจ้าวอิงหัวด้วยสายตาสงสัย เขาเคยเจอเหยียนหมิงซุ่นรอบเดียวแถมยังผ่านมาหลายปีแล้วจะจำได้อีกเสียที่ไหน ตอนนี้ก็ยังนึกหน้าไม่ออก


จ้าวอิงหัวสบถด่าในใจยาวเป็นพรวน เจ้าหมอนี่กลับมัดมือชกเสียได้ ที่สำคัญยังเอาเขาได้อยู่หมัดด้วยสิ!


ต่อให้เขาไม่อยากยอมรับขนาดไหนแต่จ้าวอิงหัวก็เลือกจะพยักหน้าอย่างกล้ำกลืน พูดกลั้วหัวเราะ “ผมขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักนะ คนนี้ว่าที่ลูกเขยในอนาคตของผม หน้าตาดูดีมีสง่าใช่มั้ยล่ะ ช่างเป็นคู่สร้างคู่สมกับเหมยเหมยของผมจริง ๆ!”


เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มมุมปาก คำชมของว่าที่พ่อตาในอนาคตคนนี้ไม่เลว!


เหยียนซินหย่าดีใจยิ่งกว่า เธอเห็นเหยียนหมิงซุ่นเป็นดั่งลูกชายตัวเองมาตั้งนานแล้ว ณ ตอนนี้เห็นเหยียนหมิงซุ่นปกป้องลูกสาวตัวเองแถมยังดูน่าเกรงขามขนาดนี้ น่าเกรงขามกว่าสามีเธอเยอะเลย!


จ้าวอิงหนานย่อมรู้จักเหยียนหมิงซุ่นดี เธอไม่รู้เรื่องราวของเหยียนหมิงซุ่นยังคิดว่าเขาเป็นเพียงทหารทั่วไป แม้ชื่นชมที่เขามีใจจะปกป้องหลานสาวตัวเองแต่ก็รู้สึกว่าเหยียนหมิงซุ่นวู่วามเกินไป


ตระกูลโอหยางในตอนนี้แม้แต่ตระกูลจ้าวยังไม่กล้าหาเรื่อง เขาเป็นแค่ทหารชั้นผู้น้อยเอาความกล้ามาจากไหน?


นี่ไม่ใช่การปกป้องเหมยเหมยแต่เป็นการทำร้ายเธอ!


สยงมู่มู่ดูออกถึงความคิดของจ้าวอิงหนานเลยกระซิบชิดหูเธอ “เหยียนหมิงซุ่นในตอนนี้เก่งเชียวล่ะ แม้แต่เฮ่อเหลียนเช่อยังกลัวเขาเลย!”


จ้าวอิงหนานไม่กล้าเชื่อคิดว่าลูกชายตัวเองกำลังพูดเรื่องตลกแค่ล้อเล่น ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่มีทางก้าวข้ามเฮ่อเหลียนเช่อได้ภายในเวลาสั้น ๆ สามปีหรอก?


หวงอวี้เหลียนตะเบ็งเสียงดัง “แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ตระกูลเหยียนของแกแค่ชาวบ้านธรรมดา แกเอาความกล้าจากไหนมาหนุนหลังจ้าวเหมย?”


สามปีนี้เธอสืบประวัติคนรอบตัวจ้าวเหมยมาหมดแล้วแน่นอนรวมถึงเหยียนหมิงซุ่นด้วย เพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาเธอเลยหมดซึ่งความสนใจไปเลยทันที


ตอนนี้พอเห็นเหยียนหมิงซุ่นยังกล้าทำร้ายลูกสาวเธอ หวงอวี้เหลียนอยากฆ่าเขาเสียด้วยซ้ำ!


โอหยางซานซานในอ้อมแขนเธอดึงแขนเสื้อหวงอวี้เหลียนอย่างอ่อนแรง เอ่ยเสียงแผ่ว “แม่คะ พี่สองเรียกเขาว่าคุณชายหมิง ไม่ใช่คนธรรมดา”


หวงอวี้เหลียนชะงัก คุณชายหมิง?


เธอกลับเคยได้ยินโอหยางปินพูดถึงมาก่อน ดูเหมือนจะเป็นคนใหญ่คนโตที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่งที่แม้แต่เฮ่อเหลียนเช่อยังไม่กล้าท้าทายอำนาจ แล้วจะกลายเป็นเหยียนหมิงซุ่นได้อย่างไร?


หรือว่าเหยียนหมิงซุ่นเป็นลูกนอกสมรสของผู้มีอำนาจใครสักคน?


ความคิดนี้กลับคล้ายคลึงกับสยงมู่มู่เหลือเกิน


เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงดังฟังชัด “ผมคือใคร อีกไม่กี่วันเธอก็จะได้รู้ ยังไงซะพวกเธอแค่รู้ไว้ว่าจ้าวเหมยเป็นคนของผมใครคิดจะรังแกเธอ อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ คราวหน้าไม่ใจอ่อนแค่ตัดหูอย่างเดียวแน่!”


ทุกคนตัวสะท้านเฮือก ตัดหูยังเรียกว่าใจอ่อนอีกหรือ?


แล้วแบบไหนเรียกว่าใจเหี้ยม?


หรือว่าต้องตัดน้องชายไปเลย?


คุณปู่จ้าวสีหน้ายากจะคาดเดาพลางเปล่งเสียงพูด “แยกย้ายเถอะ ถึงตระกูลจ้าวเราจะไม่มีอิทธิพลแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ใครจะรังแกก็ได้”


คุณแม่โอหยางสยงยังไม่ยอมรามือแต่คุณย่าโอหยางกัดฟันกระชากลูกสะใภ้ตัวเองไป ส่วนสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนเธอไม่แม้แต่จะปรายตามองสักแวบเดียว


ตัวกาลกิณีสองคน เธอรู้แล้วเชียวว่ากลับมาต้องไม่มีเรื่องดีแน่!


กลับไปก็ให้พวกหล่อนไสหัวไปซะ!


อย่าคิดจะกลับมาเป็นตัวซวยให้ลูกหลานเธออีก!


ตัวต้นเหตุของเรื่องไปแล้วคนอื่นจึงแยกย้ายกันกลับไป เหลือเพียงสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนที่เธอต้องคอยพยุงลูกสาวจากไปช้า ๆ


คุณปู่มองเหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่งด้วยสายตามีนัยบางอย่าง พลางกล่าว “เข้ามาก่อนค่อยว่าเถอะ”


“ผมแค่มาส่งเหมยเหมยกลับบ้าน ในเมื่อส่งถึงแล้วก็ขอไม่รบกวนแล้วล่ะกันครับ”


เหยียนหมิงซุ่นกลับปฏิเสธไป


ตอนที่ 1190 หานป๋อหย่วนที่น่าอนาถ


อดีตเหยียนหมิงซุ่นเคยเคารพนับถือจ้าวหวายซานมากแค่ไหนตอนนี้ก็ดูถูกมากเท่านั้น


ตระกูลจ้าวล่มจมหรือไม่นั้นเขาไม่ได้สนใจ สิ่งที่เขาสนใจคือท่าทีที่จ้าวหวายซานมีต่อเหมยเหมยในช่วงเวลาที่ผ่านมา ปล่อยให้ภรรยาลูกชายและลูกสะใภ้วางแผนทำร้ายเด็กโง่ของเขา เขาจะทำหน้าดี ๆ ใส่ตาแก่คนนี้ได้อีกหรือ?


คุณปู่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย การปฏิเสธของเหยียนหมิงซุ่นสร้างความไม่พอใจแก่เขาอย่างมากแต่จะให้เขาลดตัวเอ่ยรั้งขอให้เหยียนหมิงซุ่นอยู่ต่อนั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด


เหยียนหมิงซุ่นไม่มองเขาอีก แค่พยักหน้าทักทายสองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวกับสองสามีภรรยาจ้าวอิงหนานน้อย ๆ ถึงยิ้มให้เหมยเหมยอีกที พูดเสียงเบา “พี่ไปก่อนนะ พรุ่งนี้พี่จะมารับเธอ!”


“อืม”


เหมยเหมยยิ้มหวานใส่ ความสัมพันธ์ของเธอกับเหยียนหมิงซุ่นถูกเปิดเผยเสียที!


จ้าวอิงหย่งสังเกตเห็นทะเบียนป้ายรถยนต์ของเหยียนหมิงซุ่น ‘京666’ ใจพลันกระตุกวูบอย่างอดไม่ได้


เท่าที่เขาทราบว่าเลขทะเบียนประมาณ 666 888 999 อะไรเทือกนี้คล้ายถูกใครบางคนแย่งไปหมดแล้ว นายใหญ่เป็นคนที่เชื่อในเรื่องวิทยาศาสตร์เลยไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่มีสองคนที่ให้ความสนใจอย่างมาก


นั่นก็คือคู่ปรับตลอดกาลเฮ่อเหลียนชิงกับหนิงเฉินเซวียน เมื่อเริ่มมีการจดทะเบียนป้ายรถยนต์นั้นเฮ่อเหลียนชิงได้ชิงลงมือก่อน ใช้เส้นสายกวาดป้ายทะเบียนรถยนต์พวกนั้นไปจนเกลี้ยง


แต่คู่หมั้นของหลานสาวเขากลับขับรถยนต์ที่มีป้ายทะเบียน ‘京666’  หรือว่าเขาคือ…


จ้าวอิงหย่งมองไปทางเหมยเหมย เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มมองหลานสาวคนนี้ออกทะลุปรุโปร่งแล้ว!


ทุกคนกลับไปที่ห้องโถงต่างมองเหมยเหมยด้วยสีหน้าที่ประหลาดอย่างมาก จ้าวอิงหนานอดถามไม่ได้ “เหมยเหมย เหยียนหมิงซุ่นเขาเป็นใครกันแน่? มู่มู่บอกว่าเขาคือคุณชายหมิงอะไรนั่น ใช่เรื่องจริงไหม?”


จ้าวอิงหย่งใจกระตุกอีกที คุณชายหมิง?


ท่าทางเขาจะเดาไม่ผิด ว่าที่หลานเขยในอนาคตของเขาคือคนของเฮ่อเหลียนชิง!


จ้าวอิงหย่งกรี๊ดร้องลั่นอยู่ในใจ หนิงเฉินเซวียนเป็นศัตรูของตระกูลจ้าว เฮ่อเหลียนชิงเป็นคู่ปรับของหนิงเฉินเซวียน ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร เมื่อก่อนเขายังเครียดที่หาทางตีสนิทกับเฮ่อเหลียนชิงไม่ได้สักที แต่ตอนนี้…


ดูเหมือนว่าสวรรค์ไม่ยอมปล่อยให้ตระกูลจ้าวล่มแล้ว!


เหมยเหมยสังเกตเห็นสายตาเร่าร้อนของจ้าวอิงหย่งพลันไม่ค่อยสบายใจเท่าไรเลยพูดกับจ้าวอิงหนานว่า “รายละเอียดหนูก็ไม่รู้ อีกไม่กี่วันเดี๋ยวคุณอาก็รู้เองค่ะ”


คุณปู่ได้ยินชื่อเหยียนหมิงซุ่นก็ใจกระตุกวูบ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหรือผู้ชายที่ท่าทางน่าเกรงขามจนน่าตกใจคนนี้คือเด็กหนุ่มที่เคยซื้อโทรทัศน์จอสีให้ที่บ้านเมื่อนั้น


คิดไม่ถึงว่าไม่เจอสามปีเหยียนหมิงซุ่นจะเติบโตเร็วปานนี้ คุณปู่เดินฝ่าออกมาจากดงลูกกระสุนมาก่อนย่อมดูออกว่าเหยียนหมิงซุ่นเองผ่านการฆ่าคนมาแล้ว แถมไม่น้อยเสียด้วย


เหมยเหมยไม่อยากอยู่เสแสร้งกับคนตระกูลจ้าวเลยบอกเพียงว่าเหนื่อยขอตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้อง แม้คนตระกูลจ้าวมีเรื่องมากมายอยากถามเธอแต่จะให้ห้ามเธอคงไม่ได้กระมัง


จู่ๆ จ้าวเสวียไห่ถามขึ้น “เหมยเหมย หานป๋อหย่วนวางแผนกับโอหยางสยงจริงเหรอ?”


เหมยเหมยมองไปทางเขาพลางตอบกลับเสียงเรียบ “แน่นอน ถ้าพี่สี่ไม่เชื่อลองไปถามหานป๋อหย่วนได้”


จ้าวเสวียไห่หน้าเจื่อนลงคล้ายมีเรื่องที่ยากจะเอื้อนเอ่ย จ้าวเสวียกงมองเขาอย่างเห็นใจจึงตอบแทน “หานป๋อหย่วนอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยังนอนโรงพยาบาลอยู่เลย ต่อให้รักษาได้ก็เป็นได้แค่คนพิการที่ใช้งานไม่ได้แล้ว”


นึกถึงสภาพน่าอนาถของหานป๋อหย่วนที่โรงพยาบาลเมื่อวานจ้าวเสวียกงก็เผลอสูดปากทีหนึ่ง เปลี่ยนความคิดที่เขามีต่อลูกพี่ลูกน้องคนนี้ไปอย่างสิ้นเชิง


เจ้าโลกของเขากลายเป็นแค่ของประดับ ทวารด้านหลังโดนสุนัขทะลุทะลวงจนฉีกขาดที่แม้จะเย็บแล้วแต่ก็ไม่สู้เท่ากับได้มาตอนเกิดอยู่ดี!


เหมยเหมยไม่รู้เรื่องระหว่างหานป๋อหย่วนกับสุนัข เธอเห็นสีหน้าของจ้าวเสวียไห่ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที คิดว่าอีกเดี๋ยวลองไปถามพี่ชายตัวเองดู เขาต้องรู้แน่นอน


……………………………………………..


ตอนที่ 1191 ความห่างเหิน


จ้าวเสวียหลินย่อมต้องรู้อยู่แล้ว แม้เขาจะโกรธชังเล่ห์เหลี่ยมของสามีภรรยาจ้าวอิงสยงมากเช่นกัน แต่นั่นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเขากับลูกพี่ลูกน้องคนอื่น ๆ


เมื่อวานเขาไม่ได้ไปโรงพยาบาลแต่พวกจ้าวเสวียกงกลับมาได้เล่าให้เขาฟังถึงเรื่องวันนั้นที่โดนสุนัขทะลวงรูทวาร หานป๋อหย่วนไม่ได้เป็นคนบอกเองอยู่แล้วแต่เป็นหานซู่ฉินเองที่บอก


หานซู่ฉินอยากให้ลูกชายช่วยขอร้องแทนเธอเพื่อให้ได้กลับมาบ้านตระกูลจ้าว อีกทั้งยังอยากเอ่ยสภาพอนาถในวันนั้นของหานป๋อหย่วนให้จ้าวเหมยได้รับรู้ แน่นอนว่าไม่ได้เล่าเหตุการณ์ที่ตัวเธอพบเจอมา เธอยังไม่หน้าด้านหน้าทนถึงขนาดเล่าเรื่องแบบนั้นต่อหน้าลูกชาย


ความรู้สึกที่สามพี่น้องจ้าวเสวียไห่มีต่อเหมยเหมยเริ่มซับซ้อน พวกเขารู้ดีว่าพ่อแม่ตัวเองต่างหากที่เป็นฝ่ายผิดต่อน้องสาว แต่เหตุการณ์ที่หานซู่ฉินประสบพบเจอกลับทำให้พวกเขาไม่สามารถปล่อยวางได้


ต่อให้หานซู่ฉินจะทำตัวเองก็ตาม


แต่พวกเขายังไม่สามารถเผชิญหน้ากับน้องสาวได้อย่างสบายใจ บางทีวันเวลาผ่านไปความห่างเหินนี้อาจจะจางลงตามกาลเวลาสินะ!


ฟังจ้าวเสวียหลินเล่าเรื่องของหานป๋อหย่วนกับสุนัขเหมยเหมยก็หลุดขำออกมา ถามด้วยความสงสัย “รูทวารของหมอนั่นคงไม่พังไปแล้วหรอกนะ?”


อื้อหือ สุนัขพันธุ์ทิเบตันกับบลูด็อกอย่างละตัว พันธุ์ใหญ่ทั้งนั้นเลย!


หนำซ้ำยังรุมพร้อมกันสองตัวในเวลาเดียวอีกต่างหาก เฮ่อเหลียนเช่อก็ใจแคบชะมัด ยังไงก็ต้องทาเจลหล่อลื่นให้หน่อยสิ!


สยงมู่มู่ได้ยินเหมยเหมยอธิบายให้เห็นภาพก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์อีก ไร้ซึ่งความเห็นใจต่อหานป๋อหย่วน


จ้าวเสวียหลินถลึงตาใส่น้องสาวตัวเองแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ ไม่รู้ว่าเธอไปเรียนรู้คำศัพท์พวกนี้มาจากไหน?


แต่ก็เหมาะสมดี รูทวารหลังของเจ้าหานป๋อหย่วนก็พังไปแล้วนี่นา ได้ยินมาว่าหลังจากนี้ถ่ายหนักยังต้องระวังด้วยแหนะ!


แต่คนที่โหดที่สุดคงไม่พ้นเจ้าหญิงน้อยของพวกเขาที่ไม่ให้หานป๋อหย่วนได้สืบสกุลอีกต่อไป แล้วความสุขของผู้ชายอีกล่ะ!


สมน้ำหน้า!


สยงมู่มู่อยากรีบยืนยันสิ่งที่ตัวเองคาดเดาอย่างอดใจไม่ได้เลยถาม “เหยียนหมิงซุ่นเป็นลูกนอกสมรสของคนใหญ่คนโตสักคนหรือเปล่า?”


เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาไปทีหนึ่ง “คำพูดนี้ของนายอย่าให้พี่หมิงซุ่นได้ยินเชียว ระวังเขาจับนายโกนหัวนะ!”


สิ่งที่สยงมู่มู่รักมากที่สุดก็คือผมยาวสลวยถึงบั้นเอวของเขานั่นเอง สำหรับเขาแล้วโทษสถานหนักที่สุดคือการโกนผม ตามคาด—เขารีบเอามือปิดผมแล้วหุบปากอย่างว่าง่าย


จ้าวเสวียหลินกลับคิดถึงเรื่องบางอย่างตลอด ซึ่งไม่นานเขาก็คิดได้พลางตบหัวตัวเองทีหนึ่งแล้วจ้องเหมยเหมยถามขึ้นว่า “เหยียนหมิงซุ่นคือผู้ชายที่มารับเธอบ่อย ๆ เมื่อสามปีก่อนใช่มั้ย?”


666…หมายเลขป้ายทะเบียนรถยนต์นี้เขาจำได้ขึ้นใจ!


เหมยเหมยพยักหน้ารับ “อืม ก็คือพี่หมิงซุ่นนี่แหละ”


“แล้วตอนนั้นทำไมเธอบอกว่าไม่ใช่เขา ทำเอาฉันคิดว่าเธอ…” จ้าวเสวียหลินนึกฉุน ไม่เข้าใจว่าในเมื่อเป็นเหยียนหมิงซุ่นแล้วมีเรื่องอะไรให้ต้องปิดบัง


“ตอนนั้นมีเหตุผลหรอกน่า พี่ก็อย่าถามเลย อีกไม่กี่วันพี่ก็จะเข้าใจเอง!” เหมยเหมยแกล้งทำตัวเป็นนกคุ้ม แสร้งทำทีว่าจะนอนแล้ว เลยไล่พวกเขาสองคนออกไปจากห้อง


ในห้องหนังสือคุณปู่เรียกลูกชายสองคนเข้าไป นอกจากนี้ยังมีสองพี่น้องอย่างจ้าวเสวียเฟิงกับจ้าวเสวียเฉินที่ต่างทำหน้าจริงจังเคร่งขรึม มีเพียงจ้าวอิงหัวที่ใจเต้นไม่อยู่กับเนื้อกับตัว


“เจ้าสาม เรื่องเหยียนหมิงซุ่นเป็นยังไงกันแน่?” คุณปู่ถามขึ้น


จ้าวอิงหัวยักไหล่ “ผมจะรู้ได้ยังไง รู้แค่ว่าหมอนี่ค่อนข้างไปได้ดีในค่ายทหาร เหมยเหมยสนิทกับเขามาตั้งแต่เด็ก ที่สำคัญหมอนี่ยังหลงเหมยเหมยหัวปักหัวปำ ผมกับซินหย่าก็คิดว่าไม่แย่”


คุณปู่ไม่พอใจอย่างมาก เขาไม่สนใจสักนิดว่าเหยียนหมิงซุ่นจะมีความสัมพันธ์อันดีกับหลานสาวหรือไม่ เขาแค่อยากรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นมีพื้นหลังอะไรหรือเปล่า!


จ้าวอิงหย่งชิงพูดแทรก “พ่อครับ เหยียนหมิงซุ่นคนนี้น่าจะเป็นคนของเฮ่อเหลียนชิง!”


ทุกคนในที่นี้ “…”


ตอนที่ 1192 ต่างมีความคิดอยู่ในใจ


คุณปู่จ้าวตะลึงงัน รีบถามขึ้น “เขาเป็นคนของเฮ่อเหลียนชิงจริงเหรอ? ไม่เข้าใจผิดนะ?”


เขามีความคิดไม่ต่างจากจ้าวอิงหย่งเท่าไร ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร ปกติเฮ่อเหลียนชิงรักสันโดษ เขาอยากหาทางร่วมมือด้วยก็อับจนหนทางอยู่ร่ำไป ถ้าหากเหยียนหมิงซุ่นเป็นคนของเฮ่อเหลียนชิงจริงๆ ล่ะก็ ถ้าอย่างนั้น…


คุณปู่ตาลุกวาวหลังเหยียดตรงอย่างอดไม่ได้ หากเฮ่อเหลียนชิงยอมช่วย วันที่ตระกูลจ้าวจะผงาดอีกครั้งก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว


จ้าวอิงหย่งพยักหน้ากล่าว “น่าจะไม่ผิด ทะเบียนรถของเขาเป็นของเฮ่อเหลียนชิง บ่งบอกว่าคนที่ชื่อเหยียนหมิงซุ่นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเฮ่อเหลียนชิง เหมยเหมยน่าจะรู้ดี เรียกเหมยเหมยมาถามมั้ยครับ?”


จ้าวอิงหัวชาวาบที่ศีรษะพลันพูดตัดบททันที “เหมยเหมยจะไปรู้อะไร เฮ่อเหลียนชิงเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงยังไม่รู้เลย เหยียนหมิงซุ่นก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอีกไม่กี่วันก็รู้แล้ว!”


แม้เขาคิดว่าลูกสาวน่าจะรู้เรื่องดีแต่จ้าวอิงหัวก็ไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองเข้ามาแปดเปื้อนเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อนพวกนี้ ลูกสาวควรมีชีวิตที่เป็นสุข ไม่จำเป็นต้องสนใจมากมายขนาดนี้!


จ้าวอิงหย่งไม่พอใจท่าทีของจ้าวอิงหัว กำลังจะอ้าปากตำหนิแต่ถูกสายตาของพ่อห้ามไว้ เขามองลูกชายคนเล็กด้วยสายตาล้ำลึกแวบหนึ่ง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงเอ่ย “เจ้าสาม เราครอบครัวเดียวกัน ปากกาด้ามเดียวเขียนจ้าวสองตัวไม่ได้!”


เป็นครั้งแรกที่จ้าวอิงหัวรู้สึกว่าถ้อยคำคุณพ่อตัวเองเสียดแทงหูขนาดนี้ สั่งสอนเขามาตั้งแต่เด็กว่าความสามัคคีจะสร้างพลัง ครอบครัวเดียวกันสมานฉันท์ตระกูลจะต้องรุ่งเรือง แต่เวลาที่พี่สองพี่สะใภ้สองแล้วก็แม่ของเขาวางแผนใส่ลูกสาวของเขา เหตุใดพ่อของเขาจึงไม่ห้าม?


หรือครอบครัวเดียวกันที่ว่ามีไว้เฉพาะเวลารังแกลูกสาวเขา?


“พ่อ พี่สองกับแม่ของพวกผมไม่ได้เห็นลูกสาวผมเป็นครอบครัวเดียวกันหรอกนะ” จ้าวอิงหัวมองพ่อด้วยท่าทางเรียบนิ่งแต่นัยน์ตาแฝงด้วยความโกรธ


คุณปู่ทำหน้าชะงักค้าง นับตั้งแต่ลูกชายคนเล็กกลับมาจนถึงตอนนี้ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องที่ภรรยากับลูกชายคนรองลักพาตัวหลานสาว เขาหลงคิดว่าเพราะลูกชายคนเล็กเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งดียังรู้สึกปลาบปลื้มใจอยู่เสียด้วยซ้ำ!


แต่เขากลับไม่คิดว่าจ้าวอิงหัวกลับเอ่ยถึงเรื่องนี้ในยามนี้


จ้าวอิงหัวหมายความว่าอย่างไร?


คุณปู่ไม่พอใจอย่างมาก เขารู้สึกว่าอำนาจของตัวเองในตระกูลกำลังได้รับความท้าทาย


“เจ้าสาม แกพูดอะไรกับคุณพ่อน่ะ?” จ้าวอิงหย่งตวาดเสียงดุดัน


จ้าวอิงหัวยักไหล่พูดเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆ “ฉันแค่พูดความจริงเท่านั้น” เขาหันไปหาคุณปู่อีกครั้ง “พ่อครับ พ่อสอนผมตั้งแต่เด็กว่าปากกาด้ามเดียวเขียนจ้าวสองตัวไม่ได้ แต่ทำไมพวกเขาถึงวางแผนทำร้ายลูกสาวผม หรือว่าพ่อเองก็รู้สึกว่าลูกสาวผมไม่ใช่คนสกุลจ้าวเหมือนกัน?”


คุณปู่ใจดิ่งวูบ เขาเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีเสียแล้ว


ตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกหลานต่างอยู่ในความควบคุมของเขา คอยเชื่อฟังเป็นอย่างดีซึ่งสร้างความพอใจแก่เขามาก


แต่ขณะนี้ลูกชายคนรองได้หลุดพ้นจากการควบคุมของเขา และแทบทำให้ตระกูลจ้าวล่มสลาย ลูกชายคนเล็กเองก็เริ่มสงสัยในตัวเขา


“แกพูดบ้าอะไร? เรื่องเหมยเหมยเป็นแค่อุบัติเหตุ ฉันไม่รู้ว่าพี่สองกับแม่ของแกจะทำเรื่องแบบนั้นได้ ถ้าฉันรู้ล่ะก็ฉันจะอยู่นั่งดูดายได้อย่างไร?” ท่านผู้เฒ่าพูดแก้ตัว แต่ถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยออกมากลับไร้ซึ่งความน่าเชื่อถือ


จ้าวอิงหัวกระตุกยิ้ม ตั้งแต่กลับมาถึงตอนนี้เขาอยากได้ยินท่านผู้เฒ่าพูดคำว่า ‘ขอโทษ’ กับเขาสักคำ จนกระทั่งเวลานี้พ่อของเขายังคิดว่าตัวเองไม่มีความผิด


เขาเสียใจเหลือเกิน!


“ครั้งแรกไม่รู้ ครั้งที่สองก็ไม่รู้ ครั้งที่สามยังไม่รู้หรือครับ? พ่อ บ้านหลังนี้วางแผนทำร้ายลูกสาวผมครั้งแล้วครั้งเล่า พ่อจะบอกว่าตัวเองไม่รู้ตลอดคงไม่ได้หรอกมั้งครับ?”


จ้าวอิงหัวมองพ่อด้วยสายตาเย็นชา ในที่สุดก็ได้พูดในสิ่งที่เขาอยากพูดมาโดยตลอดสักที เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของผู้เป็นพ่อจ้าวอิงหัวกลับรู้สึกสะใจอย่างน่าแปลก


ไม่ต้องฝืนอดทนอีกต่อไปแล้ว!


……………………………………………………..


 ตอนที่ 1193 ขยี้ตามองใหม่


จ้าวอิงหัวสูดหายใจเข้าลึก เห็นสีหน้าจ้าวอิงหย่งที่แย่ยิ่งกว่าผู้เป็นพ่อก็ลอบแค่นหัวเราะในใจ


พี่สามคนนี้ของเขา ทำให้เขาต้องทำความรู้จักใหม่จริงด้วยสินะ!


อดีตคิดแค่ว่าเขาเป็นชายมุทะลุที่มีเพียงความกล้าแต่ไร้แผนการ แต่พอมาดูตอนนี้แล้วคนที่โง่เป็นเขาต่างหาก!


ตอนจ้าวอิงสยงยังไม่เข้าคุก กิจกรรมอย่างประชุมครอบครัวแบบนี้จ้าวอิงหย่งไม่เคยพูดเลยแม้แต่ประโยคเดียว ส่วนมากจะแสร้งเป็นใบ้ ไม่ว่าเรื่องอะไรถามไปก็ตอบเพียงว่าไม่รู้


ทว่าวันนี้เขากลับกระตือรือร้นขึ้นมาก ไม่ได้เงียบเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปากแล้ว ถึงขั้นจำเลขป้ายทะเบียนรถของเฮ่อเหลียนชิงได้ เรื่องนานนมเล็ก ๆน้อย ๆ เท่านี้เกรงว่าทั้งเมืองหลวงคนที่จำได้คงน้อยมากแล้วล่ะ!


ที่แท้พี่สามของเขาแกล้งทำตัวเป็นหมาป่าสวมหนังแกะนี่เอง!


คิดว่าจ้าวอิงสยงเข้าคุกไปแล้ว เขาจะกลายเป็นพี่ใหญ่สุดหรือ?


ฝันไปสิ!


“เจ้าสาม แกยังต้องคิดเผื่ออนาคตทางการเมืองของแก อีกแค่ครึ่งปีแกก็จะต้องเปลี่ยนสมัยแล้ว” จ้าวอิงสยงเอ่ยเสียงนิ่ง


จ้าวอิงหัวแค่นหัวเราะมองเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน “พี่สามมีเวลามาเป็นห่วงฉันก็เอาเวลาไปห่วงตัวเองให้มากเถอะ ฉันมีเวลาอีกตั้งครึ่งปีถึงจะเปลี่ยนสมัย แต่พี่กลับต้องไปทำงานฝ่ายธุรการแล้ว!”


จ้าวอิงหย่งหน้าตึงทันที ถ้อยคำของจ้าวอิงหัวเปรียบดั่งใบมีดที่ปักลงกลางอกเขา เพราะจ้าวอิงสยงเป็นตัวถ่วงทำให้อาชีพที่กำลังไปได้ดีของเขาในทีแรกกลายเป็นเพียงตำแหน่งว่างเสียเวลาไปวัน ๆ แม้ภายนอกมีชื่อที่ดูดีแต่ความจริงเป็นแค่เปลือกกลวงที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย


หากเขาไม่หาทางอื่น เกรงว่าผ่านไปอีกไม่กี่ปีคงไม่มีใครรู้จักจ้าวอิงหย่งอย่างเขาแล้ว!


“เจ้าสาม นี่แกกำลังดีใจบนความทุกข์คนอื่นเหรอ? พี่สามของแกล้มลงแล้วมีประโยชน์อะไรต่อแก?” คุณปู่ตวาดใส่อย่างไม่พอใจ


จ้าวอิงหัวหัวเราะร่วนอย่างไม่ใส่ใจ “พี่สามได้เลื่อนตำแหน่งก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับผม พ่อ พวกพ่อค่อยๆ คุยไปนะ ผมกลับไปนอนก่อนล่ะ”


ครอบครัวที่คิดจะวางแผนทำร้ายลูกสาวเขาอย่างเดียวแบบนี้ เหอะ เขากินความโกรธจนอิ่มท้องแล้วล่ะ!


หากอยู่ต่อไปเขาจะต้องหลุดปากด่ายับแน่นอน!


แบบนั้นก็ดูจะอกตัญญูเกินไปหน่อย ฉะนั้นทางที่ดีเผ่นก่อนดีกว่า!


รอแม่ของเขาไปจากโลกนี้เขาจะพาภรรยาลูกสาวไปจากที่นี่ หากไม่ใช่เรื่องใหญ่โตว่าใครตายเขาจะไม่กลับมาอีก!


ท้าทายไม่ได้อย่างน้อยก็หาทางหลบหนีได้นี่นา!


“เจ้าสาม…”


คุณปู่คิดจะเรียกลูกชายคนเล็กไว้แต่จ้าวอิงหัวกลับเปิดประตูเดินมุ่งออกไปอย่างไม่ลังเล


“คุณปู่ อาสาม พวกผมเองก็ขอตัวก่อน” สองพี่น้องจ้าวเสวียเฟิงมองตากันก่อนจะพูดขอตัว


จ้าวอิงหย่งทำหน้าไม่สบอารมณ์ “ไปเถอะ ไปเถอะ…”


เพราะได้รับความเดือดร้อนจากจ้าวอิงสยง จ้าวอิงหย่งเลยแสดงท่าทางไม่ดีใส่หลานชายทั้งสอง อีกอย่างหลายชายทั้งสองช่วยอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาเองก็คร้านจะสนทนาด้วย


คุณปู่เองก็ถอนหายใจยาว โบกมือปัดอย่างหมดแรงให้สองพี่น้องจ้าวเสวียเฟิงออกไปเสีย


สองพี่น้องจ้าวเสวียเฟิงรู้ตัวดีว่าสถานะของพวกเขากลายเป็นเรื่องอ่อนไหวของที่บ้านจึงไม่อยากอยู่นานมากไปกว่านี้ คิดว่ารอคุณย่าเสียชีวิตพวกเขาจะกลับไปที่ค่ายทหาร หลังจากนี้หากไม่ใช่เรื่องใหญ่โตว่าใครตาย จะไม่ต้องกลับมาให้คนอื่นระแคะระเคืองดีกว่า


ส่วนน้องเล็กจ้าวเสวียไห่ ตลอดหลายปีที่พวกเขาอยู่ในค่ายทหารก็ได้สะสมเส้นสายมาบ้าง แม้เทียบกับตระกูลจ้าวในวันวานไม่ได้แต่รับประกันได้ว่าน้องเล็กจะใช้ชีวิตอันราบรื่นในค่ายทหารอย่างไร้ปัญหา


สามพี่น้องพวกเขาไม่มีเป้าหมายใหญ่โตมาก เป็นอย่างตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน


จ้าวอิงหย่งพูดเสียงคับแค้นใจ “พ่อ เหมยเหมยต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเฮ่อเหลียนชิงแน่นอน ขอแค่เฮ่อเหลียนชิงยอม…”


คุณปู่โบกมือขัดคำพูดเขา “ฉันจะหาทางอื่นอีก แกออกไปก่อน”


เขารู้อยู่แล้วว่าขอแค่เฮ่อเหลียนชิงยอมช่วย ตระกูลจ้าวก็จะสามารถสู้ทัดเทียมกับเฮ่อเหลียนเช่อได้แน่นอน แต่ตอนนี้เขาเพิ่งเอ่ยไปจ้าวอิงหัวก็ชิงพูดตัดความหวังทุกทางไว้ก่อน


เวลานี้เขาเริ่มนึกเสียใจว่าไม่ควรปล่อยภรรยากับจ้าวอิงสยงทำตามใจตัวเอง แต่ลูกชายคนเล็กก็เห็นแก่ตัวเกินไปหน่อย ทำไมถึงไม่เห็นแก่ส่วนรวมเพียงเพราะความแค้นส่วนตัวบ้างล่ะ!


เขาต้องเรียกจ้าวอิงหัวมาคุยดี ๆ อีกสักหน่อย คนเราจะมองเรื่องเบื้องหน้าเท่านี้ไม่ได้ ต้องรู้จักมองการณ์ไกล!


ตอนที่ 1194 สามีผู้ซื่อสัตย์


ความจริงจ้าวอิงหัวเองก็คิดไม่ตกว่า ทำไมจู่ ๆเหยียนหมิงซุ่นถึงกลายเป็นคุณชายหมิง?


แน่นอนว่าเช่นนี้ถึงจะอธิบายได้ว่าทำไมสามปีที่ผ่านมาเหยียนหมิงซุ่นมีพลังลึกลับเพิ่มขึ้นมากมายขนาดนี้ แต่เขาแปลกใจเหลือเกิน—เจ้าหมอนี่ไปรู้จักเฮ่อเหลียนชิงตั้งแต่เมื่อไรกัน?


หรือว่าจะเป็นลูกนอกสมรสของเฮ่อเหลียนชิงจริงๆ?


จ้าวอิงหัวปัดตกคำคาดเดาที่แสนจะเหลวไหลนี้อย่างรวดเร็ว เฮ่อเหลียนชิงมีลูกไม่ได้ตั้งนานแล้ว อยากมีก็มีไม่ได้ ไม่ได้การล่ะ เขาต้องไปถามจากลูกสาวให้รู้เรื่องไม่อย่างนั้นคืนนี้เขาต้องนอนไม่หลับแหง


“ไม่รู้!”


เหมยเหมยส่ายศีรษะปฏิเสธเด็ดขาด ทำเอาสองพ่อลูกตรงหน้าอัดอั้นตันใจแทบแย่ ได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิดแต่ก็ทำอะไรเธอไม่ได้


ตีก็ทำใจตีไม่ลง ด่าก็ทำใจด่าไม่ลง พวกเขาจะทำอย่างไรได้อีก?


“โอ้ย พวกพ่อจะรีบทำไมล่ะ? พี่หมิงซุ่นบอกว่าอีกไม่กี่วันก็จะรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ? ดูพวกคุณพ่อแต่ละคนใจร้อนกันสิ หนูจะนอนแล้ว ออกไปช่วยปิดประตูให้ดีด้วย”


เหมยเหมยหาววอดทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ น้ำตาคลอเบ้า จ้าวอิงหัวนึกฉุนจนเอานิ้วเคาะปลายจมูกเล็กของลูกสาวหนัก ๆไปทีหนึ่งถึงกัดฟันแล้วผละออกมาโดยมีจ้าวเสวียหลินที่เดินกัดฟันตามหลังมาด้วย


ลูกสาว(น้องสาว) เจ้าเล่ห์ ไม่ได้กล่อมง่ายเหมือนตอนเด็กอีกแล้ว!


แต่พวกเขาก็ยังปลื้มใจอยู่มาก หากครั้งนี้ไม่ใช่เหมยเหมยที่มีไหวพริบเองจะเอาตัวรอดจากแผนของคนในครอบครัวได้หรือ?


เหยียนหมิงซุ่นกลับมาแล้วเหมยเหมยก็สบายใจหลับสนิทตลอดคืนกระทั่งช่วงส่ายๆ ถึงตื่น หลายวันที่ผ่านมาเธอไม่เคยได้นอนหลับเต็มอิ่มมัวแต่กังวลว่าคนในครอบครัวจะฉวยโอกาสตอนเธอนอนจับเธอมัดส่งไปให้เฮ่อเหลียนเช่อ


มื้อเช้าจ้าวอิงหย่งปรายตาสำรวจเหมยเหมยเป็นพัก ๆ เหมยเหมยขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้พาลทำให้หมดความอยากอาหารไปด้วย


ดูเหมือนว่าลุงสามของเธอก็ไม่ใช่คนสงบเสงี่ยมเหมือนกันนี่นา!


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เหมยเหมยรีบวิ่งไปรับสายซึ่งเป็นสายจากเหยียหมิงซุ่นพอดี “อีกสิบนาทีพี่จะไปรับ”


“ได้เลย” เหมยเหมยยิ้มร่า


ไม่ถึงสิบนาทีเหยียนหมิงซุ่นก็มาถึงแต่เขาไม่ได้เข้ามาแค่บีบแตรตรงหน้าประตูไม่กี่ที เรียกให้เหมยเหมยตาเป็นประกาย


“หนูออกไปแล้วนะ”


เธอสะพายกระเป๋าวิ่งออกไปอย่างร่าเริง แถมยังหันกลับมาขยิบตาให้สยงมู่มู่ทีหนึ่ง สยงมู่มู่เข้าใจความหมายทันทีเลยบอกลาคุณปู่รวมถึงคนอื่น ๆ ก่อนจะวิ่งตามออกไป


“พี่หมิงซุ่น ไปหอศิลป์ วันนี้มีเรื่องสนุก ๆ ให้ดูล่ะ!” ดวงตาของเหมยเหมยประกายระยิบระยับ


วันนี้เป็นงานแจกลายเซ็นหนังสือเล่มใหม่ของโอหยางซานซาน เท่าที่เซียวเซ่อสืบมาได้เห็นว่าหวงอวี้เหลียนให้ความสำคัญกับงานแจกลายเซ็นครั้งนี้มาก ทุ่มเงินซื้อหน้าม้ามาจำนวนไม่น้อยเพื่อสร้างภาพให้ลูกสาวเธอจึงทุ่มเงินไม่อั้น


เหยียนหมิงซุ่นบีบแก้มเหมยเหมยทีหนึ่งด้วยสายตาเอ็นดูพลางคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ ใบหน้าเย็นชาแข็งกระด้างที่อ่อนโยนขึ้นมากนั้นทำเอาสยงมู่มู่ตาโตอ้าปากค้าง


โอ้โห เจ้าเหยียนหมิงซุ่นเย็นชาเหมือนน้ำแข็งมาตั้งแต่เด็ก ภาพลักษณ์สามีผู้ซื่อสัตย์ในตอนนี้มันช่างแยงเข้าตาเกินไปจริง ๆ!


ดูเหมือนว่ายายบ้าจ้าวเหมยก็ถนัดเรื่องอบรมผู้ชายอยู่นะเนี่ย!


ชิ ชิ ชิ!


“พี่หมิงซุ่น หลักฐานพวกนั้นที่พี่หามาได้วันนี้จะได้ใช้ประโยชน์สักที ฉันจะดูว่าโอหยางซานซานจะแก้ตัวยังไง?” เหมยเหมยทำหน้าเหมือนรอดูเรื่องสนุก ๆ


หน้าม้าที่หวงอวี้เหลียนจ้างมามากเท่าไร เรื่องก็ยิ่งสนุกมากขึ้นเท่านั้น!


เข้าทางเธออย่างจังเลยว่าไหมล่ะ!


“อย่างมากโอหยางซานซานก็แค่ไม่อยู่ในวงการนักเขียนแล้ว ไม่มีความเสียหายอะไรมาก” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้อยากจะทำลายความหวังของเจ้าหญิงตัวน้อยของตนเลยแต่ความจริงก็คือเช่นนั้น ต้องบอกให้เหมยเหมยรู้ล่วงหน้า เผื่อถึงเวลานั้นถ้าผลลัพธ์กลับต่างไปจากที่คาดหวังไว้มาก เจ้าหญิงน้อยของเขาจะได้ไม่ต้องผิดหวังมาก


สยงมู่มู่มุ่นคิ้วแน่นเริ่มเผยสีหน้าลังเลใจ เหมยเหมยกลับยังทำท่าตื่นเต้นเหมือนไม่ส่งผลอะไรต่อเธอเลยสักนิด


“ไม่เป็นไร แน่จริงเธอก็เข้าวงการบันเทิงสิ ถึงตอนนั้นฉันก็จะฉุดเธอลงมาเหมือนเดิม…”


เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะน้อยๆ อย่างไม่ใส่ใจซึ่งเหมยเหมยเองก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แต่พวกเขากลับคาดไม่ถึงว่าคำของเหมยเหมยจะกลายเป็นลางบอกเหตุร้ายในสักวัน


………………………………………………………..


ตอนที่ 1195 เรื่องสนุกๆ ใกล้เปิดฉากขึ้นแล้ว


โอหยางซานซานแต่งตัวดูดีสง่างามมาก เพราะตอนนี้เธอเป็นถึงนักเขียนสาวที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ นับว่าสร้างหน้าตาให้กับวงศ์ตระกูล ฉะนั้นคราวนี้สองแม่ลูกกลับมาบ้านโดยพลการแต่ท่านผู้เฒ่าโอหยางกลับไม่โกรธมากเท่าไร


ท่านผู้เฒ่าโอหยางเป็นคนมีเหตุผล ใครช่วยสร้างชื่อเสียงให้ตระกูลเขาก็ชอบคนนั้น!


อีกทั้งไม่ถือสาเรื่องในอดีต!


คุณย่าโอหยางกลับตรงกันข้ามกับสามี เธอไม่ชอบใจสองแม่ลูกคู่นี้ อดีตเคยขัดตามากแค่ไหนตอนนี้ก็ยิ่งไม่ถูกตาต้องใจมากเท่านั้น ใครให้พวกหล่อนเป็นต้นเหตุให้หลานเธอเสียทั้งดวงตาและหูกันล่ะ


“พ่อคะแม่คะ วันนี้มีงานแจกลายเซ็นต์ซานซาน ถึงตอนนั้นจะมีนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์กับสำนักพิมพ์มาสัมภาษณ์ คนที่บ้านจะไปให้กำลังใจซานซานกันมั้ยคะ?”


หวงอวี้เหลียนพูดเสียงอ่อนโยนและยิ้มหวานแต่คำที่เอ่ยออกมากลับแฝงด้วยด้วยความเย้ยหยัน คุณย่าโอหยางกลอกตาทีหนึ่งพลางกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงค่อนแคะ


“ก็แค่ขายหนังสือเองกลัวคนทั้งประเทศจะไม่รู้หรือไงกัน ไหนจะสถานีโทรทัศน์ทั้งสำนักพิมพ์ ยังคิดว่าตระกูลโอหยางเราขายหน้าไม่พอเหรอ?”


หวงอวี้เหลียนหน้าถอดสีเล็กน้อย เธอเข้าใจความนัยของประโยคนี้ คงไม่พ้นที่จะสื่อถึงชีวิตของโอหยางซานซาน ยายแก่บ้านี่รออนาคตขยับตัวไม่ได้เธอจะไม่มีวันดูแลเป็นอันขาด!


ภรรยาของโอหยางปินแค่นหัวเราะทีพร้อมตอบกลับ “ฉันว่านะถ่อมตัวหน่อยดีกว่า ยิ่งปีนสูงตกลงมาก็ยิ่งเจ็บ ตัวเองตกไม่พอแต่อย่าพาลเดือดร้อนมาถึงพวกเราแล้วกัน!”


โอหยางปินปรายตามองเธอเป็นการเตือนวูบหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้แค่นหัวเราะเสียงเบาแล้วคร้านจะพูดอีก อย่างไรเสียของปลอมไม่มีวันกลายเป็นของจริงได้หรอก เธอจะรอดูสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนอับอายขายหน้า


เหอะ เจ้าโง่อย่างโอหยางซานซานจะแต่งบทความดี ๆอะไรออกมาได้ ต้องเป็นนางแพศยาหวงอวี้เหลียนจ้างคนมาเขียนแน่ กระดาษห่อไฟไม่อยู่ เท่าที่เธอรู้หลานสาวคนเก่งของตระกูลจ้าวเตรียมจะลงมือแล้ว!


หญิงสาวเขม่นมองสองแม่ลูกโอหยางซานซานอย่างดูถูกอีกทีหนึ่ง พวกโง่!


ทำเรื่องไร้ยางอายออกมาได้ยังกล้าประชาสัมพันธ์ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ กลัวคนอื่นจะไม่รู้หรือไง?


หวงอวี้เหลียนเป็นคนพูดเก่ง ท่านผู้เฒ่าโอหยางถูกเธอพูดจนใจหวั่นไหวจนตอบตกลงยอมไปให้กำลังใจถึงที่จัดงาน รวมถึงโอหยางปิน สองวันนี้ถ่านไฟเก่าของเขากับหวงอวี้เหลียนถูกจุดติดขึ้นมาใหม่


แม้ร่างกายจะทำอะไรไม่ได้ เพราะน้องชายใช้การไม่ได้แล้ว โอหยางปินถึงได้เริ่มมีเยื่อใยต่อลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง ย่อมต้องไปให้กำลังใจอยู่แล้ว


งานแจกลายเซ็นของโอหยางซานซานจะเริ่มในเวลาเช้าสิบโมงครึ่ง เมื่อพวกเหมยเหมยเดินทางถึงจุดหมายปลายทางหอศิลป์ก็แออัดไปด้วยผู้คน คนพลุกพล่านเสียจนแทบไม่มีที่ยืน


“รอบนี้หวงอวี้เหลียนลงทุนจริง ๆ!” สยงมู่มู่พูดประชด


เหมยเหมยกลับเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “หวงอวี้เหลียนกำลังช่วยเราประหยัดเงินอยู่แหนะ ตอนแรกฉันกะจะจ้างคนมาสักหน่อยแต่ตอนนี้คงไม่ต้องแล้วล่ะ!”


สยงมู่มู่เข้าใจความหมายของเธอเลยอดยิ้มร่าไม่ได้ รู้สึกคาดหวังกับการมาถึงของงานแจกลายเซ็นต์เหลือเกิน


“โอหยางซานซานทำไมยังไม่มา ฉันรอไม่ไหวแล้วนะ!” สยงมู่มู่กวาดตามองไปรอบๆ เวทีกลางสนามตระเตรียมเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่เองก็มาถึงแล้วเหลือเพียงตัวเอกที่ยังไม่ปรากฏตัว


“มาแล้ว!”


เหยียนหมิงซุ่นตาดี เห็นครอบครัวโอหยางซานซานทำท่าได้ใจมาแต่ไกล ด้านหลังเธอมีหวงอวี้เหลียนกับกลุ่มเครือญาตินำด้วยโอหยางปินที่มาช่วยเสริมทัพให้ดูยิ่งใหญ่


เหมยเหมยเริ่มกังวล ถามสยงมู่มู่ “ฝั่งเซ่อเซ่อไม่มีปัญหาใช่มั้ย?”


“สบายใจได้ ไม่มีปัญหาแน่นอน ตอนนี้ทางสำนักพิมพ์น่าจะเริ่มวางแผงขายแล้ว ไม่แน่อาจมีคนเห็นแล้วก็ได้!” สยงมู่มู่โบกไม้โบกมือให้เหมยเหมยสบายใจด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ


เหมยเหมยยังค่อนข้างไว้วางใจกับการจัดการของเซียวเซ่อ เธอยกแขนขึ้นดูเวลา สิบโมงยี่สิบห้านาที โอหยางซานซานขึ้นเวทีแล้ว พิธีกรก็เข้าที่แล้ว


เหมยเหมยกระตุกยิ้มที่มุมปาก เรื่องสนุกๆ ใกล้เปิดฉากขึ้นแล้ว!


ตอนที่ 1196 งานแจกลายเซ็น


คนที่หวงอวี้เหลียนจ้างมาดูเป็นมืออาชีพพอสมควร เห็นโอหยางซานซานก้าวขึ้นเวทีแต่ละคนก็เหมือนถูกฉีดยากระตุ้นปฏิกิริยา ต่างกู่ร้องด้วยเสียงดังก้องกังวาล


“ซานซาน ฉันรักเธอ!”


……


เสียงโหยหวนดังสนั่นสะท้านฟ้าจนเหมยเหมยรีบเอามือปิดหู ไม่อย่างนั้นเยื่อแก้วหูต้องฉีกขาดแน่ เตรียมการมาดิบดีแบบนี้หวงอวี้เหลียนทุ่มเงินไปไม่น้อยเลยจริง ๆ เธอเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะกัน?


“จ้างมาคนหนึ่งอย่างน้อยก็ต้องสิบหยวน อีกอย่างหนังสือหนึ่งเล่มสี่หยวนแปดสตางค์ ที่นี่อย่างน้อยมีคนนับพัน หวงอวี้เหลียนเอาเงินมาจากไหน?”


อัจฉริยะด้านการเรียนอย่างสยงมู่มู่คิดคำนวณค่าใช้จ่ายในวันนี้ที่หวงอวี้เหลียนต้องจ่ายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็สงสัยเช่นเดียวกับเหมยเหมย


หวงอวี้เหลียนกับโอหยางเซี่ยงหมิงเป็นมนุษย์เงินเดือน ต่อให้มีโบนัสพิเศษแต่รวมกันแล้วหนึ่งเดือนอย่างมากก็ได้เงินเดือนเพียงเจ็ดแปดร้อยหยวน ใช้ชีวิตสุขสบายได้อย่างไม่ลำบากแต่กลับไม่พอสำหรับหวงอวี้เหลียนในการจ้างคนมามากขนาดนี้


ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอดีตที่เธอเคยจ้างมือปืนสามคน นั่นก็เสียเงินไปมากเช่นกัน


ส่วนเงินต้นฉบับของโอหยางซานซาน ตอนนี้หนังสือยังไม่ทันขายด้วยซ้ำสำนักพิมพ์วันพลัสไม่มีทางจ่ายเงินให้เร็วขนาดนี้


เซียวเซ่อรีบตามมาทีหลังพอได้ยินข้อสงสัยของสยงมู่มู่เลยจึงตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “หวงอวี้เหลียนไม่มีเงินแต่โอหยางปินมีไง เฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนใจป้ำกับลูกน้อง เงินไม่กี่พันกี่หมื่นเรื่องเล็กน้อย”


เธอเคยได้ยินมาจากคุณหนูใหญ่เฝิงว่ามีธุรกิจนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเฮ่อเหลียนเช่อ ไม่เพียงแค่ภายในประเทศแต่ต่างประเทศก็มีจำนวนไม่น้อย ดูท่าทางลึกลับน่าดู อย่าเห็นเฝิงไห่ถังเป็นแค่เศรษฐีนีเพียงไม่กี่คนในเมืองหลวง ทรัพย์สมบัติอันน้อยนิดของเธอทัดเทียมอะไรกับเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้เลย


เห็นได้ว่าทรัพย์สมบัติของเฮ่อเหลียนเช่อมหาศาลเพียงใด ไม่ใช่ระดับที่เศรษฐีที่รู้จักกันดีเหล่านั้นจะเทียบได้


แน่นอนว่าอีกคนที่พอจะทัดเทียมกับเฮ่อเหลียนเช่อได้คือเฮ่อเหลียนชิง


เฮ่อเหลียนชิงกับหนิงเฉินเซวียนเป็นคู่ไม้เบื่อไม้เมา ขอแค่สิ่งใดที่หนิงเฉินเซวียนมีเฮ่อเหลียนชิงก็ต้องมี และต้องมีมากกว่าหนิงเฉินเซวียน


จึงเป็นเหตุผลที่ทรัพย์สมบัติของเฮ่อเหลียนชิงมีแต่จะมากกว่าหนิงเฉินเซวียน ไม่มีทางน้อยกว่า


ซึ่งแน่นอนว่าทรัพย์สมบัติส่วนมากอยู่ภายใต้การจัดการของเหยียนหมิงซุ่น เฮ่อเหลียนชิงแค่นั่งรอเก็บเกี่ยวผลอย่างสบายใจ คอยจัดหาหญิงหน้าตาน่าเกลียดให้เหมยเหมยกลัดกลุ้มใจและคอยต่อปากต่อคำกับหนิงเฉินเซวียนบ้างเป็นครั้งคราวชีวิตแสนสุขเกินกว่านี้ไม่ได้แล้ว


เหมยเหมยแค่ได้ยินว่าโอหยางปินเป็นคนให้ก็นึกถึงประเด็นสำคัญได้เลยพึมพำเอง “หรือว่าหวงอวี้เหลียนกับโอหยางปินกลับมาคืนดีกันอีกแล้ว?”


ไม่อย่างนั้นโอหยางปินจะใจป้ำขนาดนี้ได้หรือ?


เงินตั้งหลายพัน!


สองคนนี้เป็นรักกันมากเสียจริง!


แต่ตรงนั้นของโอหยางปินใช้งานไม่ได้แล้วไม่ใช่หรือ หรือว่าสองคนนี้แค่คุยกันเฉยๆ?


เซียวเซ่อทำหน้ารังเกียจ “หน้าไม่อายเลยจริงๆ” เธอกลอกลูกตาทีหนึ่งแล้วกระซิบข้างหูเหมยเหมย “หรือว่าเราให้เสี่ยวกัวถ่ายรูปแล้วค่อย…”


ประโยคหลังเธอไม่ได้พูดออกไปแต่เหมยเหมยกลับเข้าใจความหมายที่เธอจะสื่อ เริ่มรู้สึกคันยุบยิบในใจขึ้นมาฉับพลัน เธอเหลือบมองชายคนรักแวบหนึ่งแล้วยู่ปากเอ่ย “ไม่หาเสี่ยวกัวแล้ว พี่หมิงซุ่นของฉันเก่งกว่าเขาเยอะ ไม่เอาเงินด้วย”


เสี่ยวกัวพ่อค้าหัวหมอ อ้าปากก็เรียกเงินก้อนโตแล้ว เธอทำใจไม่ได้หรอก!


เซียวเซ่อเองก็นึกถึงพื้นหลังแสนลึกลับของเหยียนหมิงซุ่นเลยไม่ปฏิเสธ หญิงสาวสองคนส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้กันอยู่แวบหนึ่ง เผยรอยยิ้มที่ทำเอาสยงมู่มู่ขนลุกซู่ คิดว่าต้องมีคนดวงซวยแล้ว


โอหยางซานซานบนเวทีกำลังพูดกับพิธีกร ชัดเจนว่าพิธีกรถูกหวงอวี้เหลียนซื้อตัวไปแล้วเลยพูดยกยอปอปั้นโอหยางซานซานราวกับหาคนแบบเธอในโลกนี้ไม่ได้อีกเป็นคนที่สอง คนที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังหลงคิดว่าโอหยางซานซานเก่งอย่างที่พูดไว้ต่างมองด้วยสายตาอิจฉา ถึงขั้นมีผู้ปกครองหลายคนในที่นี้เริ่มสั่งสอนลูกหลานตัวเองให้เรียนรู้จากโอหยางซานซานเป็นตัวอย่าง


พิธีกรชมโอหยางซานซานเสร็จจึงประกาศเริ่มงานแจกลายเซ็น ครู่เดียวคนล่างเวทีก็เบียดกันขึ้นเวทีหวังจะแย่งกันซื้อหนังสือ แล้วค่อยให้โอหยางซานซานมอบลายเซ็นเองให้กับมือ บรรยากาศภายในงานคึกคักอย่างมาก


เหมยเหมยยักคิ้วให้เซียวเซ่อ “โอเค ตาฉันออกโรงแล้ว!”


……………………………………………………


 ตอนที่ 1197 เรื่องทุกอย่างมีฉันคอยกันอยู่


เซียวเซ่อกระชากเหมยเหมยไว้ด้วยความแปลกใจ “ไหนคุยกันว่าแอบลงมือเงียบ ๆไง? ตอนนี้เธอจะขึ้นไปทำอะไร?”


หลายวันก่อนพวกเขาปรึกษากันไว้ว่าหลักฐานที่รวบรวมได้จากมือปืนของโอหยางซานซานให้ทางสำนักพิมพ์แฉในวันนี้แล้วค่อยซื้อตัวนักข่าวของสถานีโทรทัศน์อีกหลายคนมาให้พวกเขาสัมภาษณ์ ‘มือปืน’ ในวันเดียวกัน ต้องฉีกหน้าโอหยางซานซานจนแก้ตัวไม่ทันแน่


ส่วนพวกเขาสั่งการอยู่ในที่ลับไม่เปิดเผยใบหน้าเพราะไม่จำเป็นต้องออกตัวเป็นปรปักษ์กับตระกูลโอหยางอย่างโจ่งแจ้ง


แต่ตอนนี้เหมยเหมยขึ้นเวทีก็เท่ากับกำลังบอกโอหยางซานซานตรงๆ ว่าเรื่องทุกอย่างเธอเป็นคนทำ!


“ฉันเปลี่ยนแผนแล้ว ฉันกับโอหยางซานซานต้องตายกันไปข้าง หลบๆ ซ่อนๆ ไม่สนุกเลย ต้องสู้กันซึ่งๆ หน้าแบบนี้แหละ เอาให้หล่อนอกแตกตาย!”


เหมยเหมยยิ้มตาหยีแต่นัยน์ตากลับฉายแววเยือกเย็น ตอนแรกเธอไม่ค่อยสนใจโอหยางซานซานนัก แค่ตัวประกอบที่น่ารำคาญคนหนึ่ง แต่นางแพศยาคนนี้ท้าทายเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เธอไม่ใช่แม่พระ แล้วจะไม่โกรธได้อย่างไร!


นับจากนี้ไปโอหยางซานซานจะได้รับการปฏิบัติเยี่ยงอู่เยวี่ย เธอจะทรมานยัยนี้ช้า ๆ ชีวิตอีกยาวไกล การได้หาเรื่องเหยียบย่ำนางแพศยานี้สักหน่อยก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเหมือนกัน!


อย่างไรเสียเธอก็มีว่าที่ผู้บังคับบัญชาการใหญ่ในอนาคตสุดที่รักคอยหนุนหลังอยู่!


หากปล่อยให้ถูกรังแกกันง่ายเกินไปก็ขายหน้าว่าที่ผู้บังคับบัญชาการใหญ่เกินไปสิ!


ว่าที่ผู้บังคับบัญชาการใหญ่ใจตรงกับเธอเลยก้มหน้าอมยิ้มให้เธอ แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่แถมยังยื่นมือมาลูบศีรษะเธอไปมาเหมือนลูบหัวสุนัขตัวน้อยก็ไม่ปาน


“ไปเถอะ จะรอเธอข้างล่างนี้!”


ความหมายของมันก็คือ เธอพุ่งได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะฆ่าคนหรือจุดไฟเผาย่อมมีฉันคอยคุ้มกันเธออยู่เบื้องหลัง!


เหมยเหมยเข้าใจเช่นนี้ เธอยิ้มหวานให้เหยียนหมิงซุ่น ริมฝีปากแดงเอ่ยอย่างไร้เสียง “ฉันจะให้รางวัลพี่นะ!”


เหยียนหมิงซุ่นหวนนึกถึงความรู้สึกเหมือนล่อยลอยอยู่บนท้องฟ้าได้ทันที หูอ่อนไหวสั่นระริก กลืนน้ำลายลงลูกกระเดือก ท้องน้อยเกร็งแน่นจนแทบหลุดอาการออกมา


เห็นดวงตาเหมยเหมยฉายแววได้ใจเพียงชั่ววูบเหยียนหมิงซุ่นก็อมยิ้มที่มุมปาก สีนัยน์ตาเข้มขึ้น


ยายปีศาจตัวน้อยใจกล้าขึ้นทุกวัน คิดไม่ถึงว่าจะกล้าหยอกเอินเขากลางวันแสกๆ อืม…เดี๋ยวเสร็จกิจจากตรงนี้แล้วสะบัดพวกก้างขวางคอไปให้พ้นแล้วค่อยกลับไปใช้เวลาสองต่อสองกับยายปีศาจตัวน้อยให้หนำใจ


เซียวเซ่อรู้สึกได้ถึงบรรยากาศคลุมเครือของสองคนนี้ก็แอบลูบแขนที่ขนลุกเกรียว หมายจะขึ้นเวทีไปพร้อมกับเหมยเหมย


“เซ่อเซ่อเธอไม่ต้องไปดีกว่า จะได้ไม่สร้างความลำบากใจให้แม่เธอ” เหมยเหมยห้ามไว้


คุณหนูใหญ่เฝิงผู้กระชับมิตรรอบด้านละมุนละม่อมกับทุกฝ่ายไม่เคยล่วงเกินใคร เธอไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อน ในเมื่อตระกูลโอหยางในเวลานี้กำลังได้ดิบได้ดี ไม่ใช่ตระกูลตกอับอย่างในอดีตแล้ว


เซียวเซ่อแค่นหัวเราะใส่ “เกี่ยวอะไรกับเธอ ฉันเป็นว่าที่องค์รัชทายาทอันดับหนึ่งเคาน์ติสแห่งเมืองยอร์กเชียว โอหยางซานซานจะกล้าทำอะไรฉัน!”


เหมยเหมยยังคงลังเลแต่เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าให้เธอน้อยๆ เป็นเชิงว่าสบายใจได้ ขณะที่ฝั่งเซียวเซ่อเองก็กระชากลากถูเธอให้เบียดแทรกตัวขึ้นไปข้างหน้าแล้ว


หวงอวี้เหลียนจ้างคนมามากเกินไปจนใต้เวทีแออัดแทบเดินไม่ได้ ดีที่เซียวเซ่อแรงเยอะเบียดสองทีสามทีก็มีที่ให้เดินแล้ว ไม่นานพวกเขาก็แทรกตัวไปอยู่ใต้เวทีได้สำเร็จ อยู่ห่างจากโอหยางซานซานเพียงห้าถึงหกเมตร


โอหยางซานซานมัวแต่แจกลายเซ็นจนเมื่อยมือแทบแย่ แต่ใบหน้ายิ้มแก้มปริ งานแจกลายเซ็นวันนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก หนังสือของเธอจะต้องขายดิบขายดี โอหยางซานซานเหมือนเห็นอนาคตสดใสของตัวเองเลยเผยความได้ใจออกมาทางสีหน้า


แต่ขณะที่เธอเผลอเงยหน้าขึ้นมองกลับเห็นเหมยเหมยที่อยู่ไม่ไกลจากเธอนัก เห็นว่าอีกฝ่ายมองมาเหมยเหมยเลยยิ้มให้เธอน้อย ๆ เรียกให้โอหยางซานซานใจหล่นวูบ ชาวาบไปทั้งหนังศีรษะโดยอัตโนมัติ


จ้าวเหมยมาทำอะไร?


เธอมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?


ตอนที่ 1198 เปิดโปง


ในมือเหมยเหมยถือหนังสือโอหยางซานซาน ส่วนสยงมู่มู่ถือหนังสือพิมพ์ เป็นหนังสือพิมพ์รายวันของปักกิ่งใหม่ล่าสุดของวันนี้ หลักฐานที่เกี่ยวข้องจากการที่โอหยางซานซานจ้างมือปืนนั้นถูกแฉจนหมดเปลือก


เพราะเพิ่งตีพิมพ์ลงไปคนส่วนมากได้อ่านไปเพียงหนังสือพิมพ์ตอนเช้าแต่ไม่ทันอ่านหนังสือพิมพ์รายวัน แม้แต่หวงอวี้เหลียนกับโอหยางปินก็ยังไม่เห็นด้วยซ้ำ


โอหยางซานซานพอเห็นเหมยเหมย อารมณ์ก็ดิ่งลงทันที รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มฝืดลงไม่ได้สดใสร่าเริงเหมือนเมื่อครู่ พยายามเรียกกำลังใจเพื่อแจกลายเซ็นต่อ


หวงอวี้เหลียนที่อยู่หลังเวทีใจสั่นวูบเช่นกันเมื่อเห็นพวกเหมยเหมย มีลางว่าจ้าวเหมยมาที่นี่ต้องแฝงด้วยเจตนาร้าย เธอรีบหันไปทางคนรักเก่า โอหยางปินขมวดคิ้วส่งสายตาเป็นเชิงให้เธอใจเย็นอย่าวู่วาม


“ไม่เป็นไร ลำพังแค่หล่อนคนเดียวจะทำอะไรได้ อย่าตื่นตูมไปหน่า” โอหยางปินไม่ได้เห็นเหมยเหมยอยู่ในสายตา ทำท่าไม่แยแสสักนิด


หวงอวี้เหลียนเห็นเขานิ่งได้ขนาดนี้ใจก็สงบลงบ้าง คิดว่าเหมยเหมยมาดูเพราะความอิจฉา ความไม่พอใจ ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ๆ


“หนังสือพิมพ์รายวันเมืองหลวงมาแล้ว…ข่าวใหม่ล่าสุด…นักเขียนชื่อดังโอหยางซานซานจ้างมือปืนเขียนหนังสือ…ฉบับละสิบสตางค์ รีบซื้อเร็ว พลาดแล้วพลาดเลยนะ!”


จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนร้องขึ้นกลางหอศิลป์เสียงดังฟังชัดก้อง โดยเฉพาะการเอ่ยถึงชื่อบุคคลยอดนิยมในวันนี้ ทุกคนต่างมองไปทางแผงขายหนังสือพิมพ์แล้วรีบแย่งซื้อกันคนละฉบับ


เพราะหวงอวี้เหลียนอยู่หลังเวทีเลยได้ยินไม่ค่อยชัด เห็นเพียงว่าคนล่างเวทีต่างแห่กันไปซื้อหนังสือพิมพ์ โดยแต่ละคนถือหนังสือพิมพ์อ่านกันคนละฉบับอย่างออกรสออกชาติไม่แม้แต่จะสนใจซื้อหนังสือแล้ว


เพราะมีคำเตือนจากเจ้าของแผงหนังสือพิมพ์ทุกคนเลยข้ามไปอ่านบทความข่าวเกี่ยวกับโอหยางซานซานโดยตรง แม้ไม่ใช่การพาดหัวข่าวใหญ่แต่เนื้อข่าวกลับมีไม่น้อย ข้อมูลความละเอียดมาก เว้นแต่เพียงไม่ได้เขียนข้อมูลส่วนตัวของมือปืนสามคนนั้น ส่วนเรื่องอื่นชี้แจงอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง


สีหน้าที่ต่างประหลาดใจของทุกคนต่างมองไปทางโอหยางซานซานที่ยังไม่รู้เรื่องบนเวที หากบนหนังสือพิมพ์เป็นเรื่องจริง ผู้หญิงคนนี้ก็น่ารังเกียจเกินไปแล้ว!


“จริงหรือเนี่ย? จ้างคนแต่งจริงเหรอ?”


“โอ้โห…จ้างสามคนด้วย…หน้าไม่อายเลย…ยังมีหน้ามาออกหนังสืออีก เห็นเราเป็นคนโง่กันหรือไง?”


“ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าบนหนังสือพิมพ์เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ เราอย่าเพิ่งด่วนตัดสินกันเลยดีกว่า”


“จะเท็จได้ยังไงอีก นี่มันหนังสือพิมพ์รายวันเมืองหลวงเชียวนะ สำนักพิมพ์รายวันเมืองหลวงไม่ใช่สำนักพิมพ์เล็กๆ สักหน่อย จะรายงานข่าวที่ไม่ใช่ความจริงได้ยังไง?”


“นั่นสิ…หนังสือพิมพ์รายวันเมืองหลวงเลยนะ…ดูเหมือนเรื่องนี้จะเป็นความจริงแล้วสิ น่ารังเกียจมาก เสียดายเงินฉันตั้งสี่หยวนแปดสิบสตางค์”


……


เสียงวิพากษ์วิจารณ์เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ หลายคนเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ แม้คนส่วนมากเป็นนักแสดงรับเชิญจากการว่าจ้างของหวงอวี้เหลียนแต่ก็มีจำนวนคนไม่น้อยที่มาเพราะชื่นชอบโอหยางซานซานจากใจจริงจึงตั้งใจมาหาไอดอลของพวกเขาโดยเฉพาะ


แต่ตอนนี้ไอดอลที่พวกเขานับถือและชื่นชอบเสมือนนางฟ้าคนนี้กลับถูกป่าวประกาศว่าเป็นปีศาจที่จ้องจะเอาผลผลิตของคนอื่นมาเป็นของตัวเองโดยเฉพาะ เหล่าหนุ่มสาวเดือดดาลขึ้นมาในทันที ไม่พอใจต่อโอหยางซานซานที่หลอกลวงความรู้สึกของพวกเขาอย่างมาก


หวงอวี้เหลียนสังเกตถึงความผิดปกติถึงให้คนไปซื้อหนังสือพิมพ์รายวันเมืองหลวงมา เพิ่งเห็นรายงานข่าวหน้านั้นเธอก็แทบเป็นลมหมดสติไป!


ทั้งที่เธอจัดการทุกอย่างไว้อย่างดีแล้วทำไมถึงยังเกิดข้อผิดพลาดได้?


ตรงไหนกันแน่ที่ผิดพลาด?


หวงอวี้เหลียนนึกถึงจ้าวเหมยตามสัญชาตญาณ เธอมองไปทางเหมยเหมยที่ยิ้มเหมือนได้ของรักของหวงด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก ต้องเป็นฝีมือของเหมยเหมยไม่ผิดแน่


นางแพศยารนหาที่ตายแล้ว!


……………………………………………..


 ตอนที่ 1199 ออกโรงเอง


แม้หวงอวี้เหลียนอยากจะพุ่งไปกำจัดเหมยเหมยล่างเวทีให้พ้นตาแต่เธอรู้ดีว่าตอนนี้สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือแก้ข่าวให้ลูกสาว เพื่อให้โอหยางซานซานมีชื่อเสียงเธอทุ่มเทอย่างหนัก คิดหาทุกวิถีทางถึงได้ใช้วิธีการเป็นนักเขียนออกหนังสือ เห็นอยู่กับตาว่าใกล้จะประสบความสำเร็จแล้ว


จะให้นางแพศยาจ้าวเหมยทำลายไม่ได้!


เธอยังคาดหวังว่าหลังจากลูกสาวมีชื่อเสียงจะได้เฉิดฉายต่อหน้ายายแก่นั่นสักที!


โอหยางซานซานเองก็เริ่มสังเกตถึงความผิดปกติของผู้คนล่างเวทีแต่เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงเผลอหันหน้ามองไปหลังเวทีด้วยความกังวลใจ


“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” คุณปู่โอหยางเองก็ดูออกเลยชักจะไม่พอใจเสียแล้ว


“พ่อคะ ไม่มีอะไร ฉันจะไปดูสักหน่อย” หวงอวี้เหลียนแสร้งทำเป็นยิ้มอย่างใจเย็น หัวสมองแล่นอย่างรวดเร็วพลางคิดว่าควรแก้ปัญหาเฉพาะหน้านี้อย่างไรดี


โอหยางปินรู้เรื่องที่จ้างมือปืน เขาส่งสายตาให้หวงอวี้เหลียนแวบหนึ่งก่อนจงใจเอ่ยว่า “ซานซานดังเกินไปเลยทำให้คนไม่พอใจ ไม่ต้องกลัว เราไม่ได้ทำผิดไม่ต้องกลัวใครจะมาทำร้ายได้”


หวงอวี้เหลียนเข้าใจความหมายของเขานั่นก็คือให้เธอไม่ยอมรับความจริง มีคนรักเก่าคอยเป็นเกราะหนุนหลังให้หวงอวี้เหลียนก็สบายใจขึ้นมาก พกรอยยิ้มสง่างามเดินไปหน้าเวที โอหยางซานซานที่กำลังกระวนกระวายพอเห็นคุณแม่ก็ใจสงบลงในทันที


ไม่ว่าเมื่อไรคุณแม่ก็คิดหาทางแก้ปัญหาได้เสมอ วันนี้ก็ต้องไม่มีปัญหาอะไร


โอหยางซานซานเชื่อมั่นในตัวหวงอวี้เหลียน!


“ทุกท่าน เรื่องบนหนังสือพิมพ์ไม่ใช่ความจริง มีคนจงใจกุข่าวใส่ร้ายลูกสาวฉัน ทุกท่านเป็นคนมีเหตุผล ไม่น่าจะหลงกลได้ง่าย ๆหรอกใช่ไหมคะ?”


หวงอวี้เหลียนอ้าปากก็เอ่ยชมทุกคนในที่นี้ก่อนหนึ่งรอบบวกกับเธอที่แต่งตัวดูดีภูมิฐาน น้ำเสียงอ่อนโยนฟังดูเป็นมิตรจึงมีคนจำนวนมากเกิดอาการลังเลใจ ไม่รู้ควรเชื่อใครดี


“ใช่ ต้องมีคนจงใจใส่ร้ายนักเขียนโอหยาง คนเริ่มดังก็ย่อมมีคนชัง เราไม่เชื่อคนจิตใจชั่วร้ายพวกนี้หรอก!”


ท่ามกลางผู้คนมีคนตะโกนแทรกขึ้นมาด้วยอารมณ์รุนแรง ไม่นานคนอื่นก็พลอยคล้อยตามไปด้วย สถานการณ์พลิกทำให้ส่วนใหญ่เลือกจะเชื่อโอหยางซานซาน


หวงอวี้เหลียนยิ้มอย่างได้ใจ ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอกำหนดไว้ นางแพศยาจ้าวเหมยคิดจะสู้กับเธองั้นหรือ?


เหอะ ยังอ่อนหัดไปหน่อย!


สถานการณ์กลับคืนสู่สภาพเดิมในไม่ช้า โอหยางซานซานเริ่มแจกลายเซ็นอีกครั้งโดยหวงอวี้เหลียนลอบมองไปล่างเวที เหมยเหมยรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาทางเธอก็ฉีกปากยิ้มกว้างให้ทีหนึ่ง


หวงอวี้เหลียนมุ่นคิ้วยังรู้สึกพะวงอยู่เล็กน้อย เธอมักรู้สึกว่าจ้าวเหมยต้องมีเจตนาแอบแฝง หรือว่านางแพศยาคนนี้ยังมีแผนต่อจากนี้อีก?


ไม่ได้ ต้องหาทางไล่จ้าวเหมยไปจากที่นี่ วันนี้เป็นวันสำคัญของซานซาน ห้ามใครมาทำลายเด็ดขาด!


หวงอวี้เหลียนเดินอ้อมไปหลังเวทีคิดจะปรึกษากับโอหยางปินว่าควรไล่จ้าวเหมยอย่างไรดี เสียงใสที่ถูกขยายให้ดังขึ้นจากล่างเวทีทำให้เธอชะงักฝีเท้า หัวใจเต้นระส่ำรัว


ตามคาด–


นางแพศยาเริ่มแผนการแล้ว!


“นักเขียนโอหยาง…” เหมยเหมยกัดฟันเน้นที่คำว่า ‘นักเขียน’ คนฉลาดย่อมฟังออกถึงน้ำเสียงเย้ยหยันที่แฝงอยู่จึงหันไปมองทางเหมยเหมยอย่างพร้อมเพรียง ไม่เข้าใจว่าหญิงสาวหน้าตาสะสวยน่าหลงใหลผู้นี้คิดจะพูดอะไรกันแน่


หวงอวี้เหลียนส่งสายตาให้พิธีกรแวบหนึ่ง พิธีกรเข้าใจความหมายเลยรีบยิ้มกล่าว “คุณหนูท่านนี้ ตอนนี้เป็นเวลาแจกลายเซ็นของนักเขียนโอหยาง ยังไม่รับคำถามใด ๆเดี๋ยวเรามีช่วงทำกิจกรรมร่วมกัน ถ้าคุณมีคำถามอะไรค่อยรอถามตอนนั้นก็ได้นะคะ!”


เหมยเหมยยู่จมูกพลางชี้ไปที่คุนพลุกพล่านก่อนกล่าว “เดี๋ยวคนพวกนี้ก็ไปแล้ว คำถามของฉันก็ไม่มีผู้ชมน่ะสิ แล้วจะสนุกอะไร!”


ตอนที่ 1200 หน้าด้านไร้ยางอาย


พิธีกรชะงัก ไม่เข้าใจความหมายของเหมยเหมยนึกว่าเธอแค่อยากทำตัวโดดเด่นเลยดูแคลนเหมยเหมยเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ขณะที่บนใบหน้ายังคงรอยยิ้มดูดีไว้ดังเดิม “หนูจ๊ะ หนูน่าจะเป็นแฟนหนังสือของนักเขียนโอหยางสินะ? หนูว่า…”


เหมยเหมยพูดขัดเธอ “คุณอย่าเข้าใจผิดไป ฉันจะเป็นแฟนหนังสือของโอหยางซานซานได้ยังไง? เธอคู่ควรเหรอ?”


เวลานี้แล้วต่อให้เป็นคนโง่ก็ฟังออกถึงความคุกรุ่นในน้ำเสียงเลยเริ่มให้ความสนใจไม่ซื้อหนังสือแล้ว เอาแต่จ้องเหมยเหมยเพราะอยากรู้ว่าหญิงสาวหน้าตาสวยคนนี้คิดจะทำอะไร


หวงอวี้เหลียนไม่พอใจพิธีกรคนนี้อย่างมาก หากไม่ใช่เพราะหร่วนเป่าฮุ่ยบาดเจ็บเธอจะเชิญพิธีกรไร้ฝีมือคนนี้มาได้อย่างไร พูดแต่เรื่องไร้สาระไม่มีประโยคไหนมีประโยชน์สักคำ


ในเมื่อคาดหวังกับพิธีกรไม่ได้หวงอวี้เหลียนจึงวิ่งมาแย่งไมค์จากมือพิธีกรไปเอง ขมวดคิ้วมองเหมยเหมยราวกับผู้ใหญ่ที่กำลังมองลูกหลานไม่รู้ความของตัวเองยังไงอย่างนั้น จะเอียนเองไปทางความเอือมระอามากกว่า


 “จ้าวเหมย เธอกับซานซานของฉันไม่ถูกกันตั้งแต่เด็ก ซานซานพยายามไม่ทำตัวโดดเด่นแล้วเพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกแย่ แต่จะให้ซานซานแสร้งทำตัวเป็นคนธรรมดาเพราะอยากให้เธอมีความสุขอยู่ฝ่ายเดียวคงไม่ได้หรอกใช่ไหม? ทั้งที่ซานซานของฉันยอดเยี่ยมขนาดนี้!”


หวงอวี้เหลียนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เห็นคนล่างเวทีเริ่มมีคนเผยสีหน้างุนงงเลยลอบดีใจก่อนจะพูดต่อ “เหมยเหมยอย่าทำตัวเป็นเด็ก ๆไปเลย คุณย่าของเธอป่วยหนักขนาดนั้นเธอกลับไปดูแลคุณย่าเธอเถอะ!”


เมื่อคนอื่นได้ฟังมาถึงตรงนี้ต่างเผยสีหน้าไม่เห็นด้วยอย่างมาก คุณย่ากำลังป่วยหนักกลับยังมีอารมณ์มาต่อปากต่อคำกับคนอื่น ช่างอกตัญญูเสียจริง


พอได้ฟังหวงอวี้เหลียนเล่า เด็กผู้หญิงหน้าตาสวยคนนี้จิตใจคับแคบเกินไปเสียจริง เพียงเพราะความอิจฉาริษยาเลยทำให้นักเขียนโอหยางถูกกลบไปตั้งหลายปี แต่ทองยังไงก็ต้องเปล่งประกายอยู่วันยังค่ำจะโดนเมฆครึ้มเหล่านั้นกลบมิดได้หรือ?


เมื่อเทียบกันแล้วทุกคนเริ่มเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อโอหยางซานซานไปในทางที่ดีมากขึ้น แม้ไม่ได้สวยเท่าเหมยเหมยแต่เป็นคนใจกว้าง เปี่ยมไปด้วยความสามารถแล้วยังมีหน้าตาที่ดูดีมีสง่า ดีกว่าเหมยเหมยที่มีเพียงภาพลักษณ์ภายนอกอยู่มากโข


เหมยเหมยแค่นหัวเราะและไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน เธอเคยเรียนรู้ความหน้าด้านไร้ยางอายของหวงอวี้เหลียนมาแล้วเลยไม่รู้สึกแปลกใจกับถ้อยคำเหล่านี้ของเธอสักนิด


“หวงอวี้เหลียนเธออย่าเปลี่ยนเรื่อง คุณย่าของฉันเป็นถึงคณะปฏิวัติที่มีความเที่ยงธรรม เกลียดการโดนหลอกลวงมากที่สุด ถ้าท่านรู้ว่าโอหยางซานซานที่อดีตเธอเคยให้ความสำคัญยิ่งกว่าหลานสาวแท้ ๆทุจริตหลอกลวงคนทั้งประเทศ ท่านคงรู้สึกไม่สบายเท่าไรนัก!”


เหมยเหมยยกโทรโข่งขึ้นมาพูดเสียงดัง เสียงโทรโข่งได้ประสิทธิภาพกว่าไมค์ในมือหวงอวี้เหลียนเท่าตัวจนทุกคนในสถานที่แห่งนี้ได้ยินกันถ้วนหน้า


หวงอวี้เหลียนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยังไม่ทันเอ่ยปากเหมยเหมยก็ชิงพูดขึ้นก่อน “ฉะนั้นเพื่อให้คุณย่าฉันสบายใจ ฉันก็ต้องทำตัวกตัญญูมาสะสางทุกอย่างให้รู้เรื่อง คืนความยุติธรรมให้คนทั้งประเทศ สิ่งสำคัญต้องรีบฉุดโอหยางซานซานไว้ก่อนจะร่วงตกหน้าผา อย่าได้ทำผิดไปมากกว่านี้”


“จ้าวเหมยเธอพูดเหลวไหลอะไร? เธออิจฉาฉันเลยจงใจมากุข่าวใส่ร้ายฉันที่นี่” โอหยางซานซานอดตะคอกไม่ได้


หวงอวี้เหลียนส่งสายตาให้เธอแวบหนึ่ง ด้านล่างเวทีมีสื่อมวลชนอยู่เลยต้องรักษาภาพพจน์คุณหนูมีมารยาทท่วงท่าสง่าใจกว้าง ห้ามมีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย


โอหยางซานซานหุบปากอย่างรู้หน้าที่ก่อนจะยิ้มอย่างน่าสงสารให้คนล่างเวที ขอบตาแดงกล่ำท่าทางเหมือนกับเด็กสาวที่ถูกใส่ร้ายจึงเรียกให้คนล่างเวทีต่างรู้สึกเห็นใจเธอไม่น้อย ทั้งคิดว่าเหมยเหมยทำตัวก้าวร้าวเกินไปหน่อย!


“หวงอวี้เหลียน ฉันขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับเธอ เธออธิบายเรื่องในหนังสือพิมพ์ให้ทุกคนก่อนเถอะ เธอหาว่าคนอื่นกุข่าวลือก็หมายความว่าคนอื่นกุข่าวลือจริงๆ ไม่ได้หรอกมั้ง ทุกอย่างต้องคุยกันด้วยหลักฐานสิ!”


เหมยเหมยหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นพลางชี้ไปยังเนื้อข่าวด้านบนแล้วซักถามเสียงดังอย่างไม่ยอมแพ้


……………………………………..


ตอนที่ 1201 แผนยั่วโมโห


อย่างไรเสียโอหยางซานซานอายุก็ยังน้อยอยู่จึงอดขาดความมั่นใจไม่ได้ ท่าทีดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่บ้าง หวงอวี้เหลียนส่งสายตาเตือนเธอแวบหนึ่ง โอหยางซานซานรีบทำตัวตรงแล้วยิ้มออกมาอย่างรู้งาน


 “คนอื่นตั้งใจจะสร้างข่าวปลอม สร้างความเสียหายให้กับลูกสาวของฉัน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฝ่ายตรงข้ามคือใคร จะเอาหลักฐานที่ไหนมา จ้าวเหมยคุณกำลังจงใจสร้างปัญหาชัด ๆ” หวงอวี้เหลียนไม่ได้มีท่าทีร้อนใจแต่อย่างใด


คนข้างล่างเวทีพยักหน้าหงึกหงักกันไม่น้อยเห็นด้วยกับสิ่งที่หวงอวี้เหลียนพูด การจู่โจมต่อหน้าสาธารณะมักบ่ายเบี่ยงได้ง่าย เมื่อคนเริ่มมีชื่อเสียงก็มักจะประสบกับปัญหาเหล่านี้ สาวงามคนนั้นกำลังตั้งใจมาหาเรื่องจริง ๆ


 “ฟังจากน้ำเสียงคุณแล้ว หมายความว่าโอหยางซานซานกำลังถูกคนใส่ร้ายสินะ?” เหมยเหมยจงใจถามขึ้น


หวงอวี้เหลียนทำสีหน้าจริงจัง พูดขึ้นมาว่า: “แน่นอน ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าฉันแล้ว ซานซานทุ่มเทไม่น้อยเพื่อเขียนหนังสือเล่มนี้ออกมา การเรียนมอปลายเดิมก็เคร่งเครียดอยู่แล้ว ตอนที่ซานซานเขียนหนังสือ เธอเสียสละเวลานอนของตัวเองมาเขียน กลางค่ำกลางคืนยังนั่งเขียนอยู่เลย ฉันเห็นแล้วก็ยังสงสาร…”


เหมยเหมยพูดประโยคเดียวทำเอาหวงอวี้เหลียนต้องพูดระบายความในใจออกมา เล่าถึงเรื่องความยากลำบากในการเขียนหนังสือของโอหยางซานซานจนผู้คนต่างยิ่งประทับใจ ด้านล่างเวทีมีผู้ปกครองหลายคนที่พาลูกมาด้วยแสดงสีหน้าขบคิด แล้วก็ถือโอกาสสอนลูกไปด้วยเลยในตัว


 “ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมความพยายามหลายปีของซานซาน คนที่สร้างข่าวลือพวกนั้นขึ้นมาช่างใจร้ายเสียจริง หากฉันรู้ว่าเป็นใคร ฉันจะด่าพวกเขาอย่างไม่ปราณีเลยคอยดูสิ!”


ถึงแม้คำพูดที่หลุดจากปากหวงอวี้เหลียนจะเป็นคำพูดที่ดูร้ายกาจ แต่ทุกคนกลับไม่ได้รู้สึกรังเกียจ ทว่ากลับรู้สึกชื่นชมในความรักลูกปกป้องลูกของเธอ


หากลูกของพวกเขาโดนคนอื่นใส่ร้ายป้ายสี พวกเขาก็จะต้องโมโหมากเช่นกัน ไม่มีวันอารมณ์เย็นไปกว่าหวงอวี้เหลียนแน่


เหมยเหมยไม่ได้พูดขัดหวงอวี้เหลียนแต่อย่างใด เหมยเหมยให้เธอแสดงความสามารถด้านการแสดงให้สมบทบาทอยู่บนเวทีอย่างเต็มที่


แสดงให้เต็มที่เลยนะ ยิ่งสมบทบาทมากเท่าไหร่ เดี๋ยวอีกสักครู่ก็จะถอนตัวออกจากบทบาทยากเท่านั้น!


เซียวเซ่อฟังแล้วก็รู้สึกรำคาญ เธอใช้ศอกกระทุ้งเหมยเหมย เร่งให้เร็วๆหน่อย


 “ฟังคุณพูดอย่างนี้แล้ว ดูท่าแล้วหนังสือเล่มนี้โอหยางซานซานน่าจะเป็นคนเขียนเองจริงๆ” เหมยเหมยพูดไปยิ้มไป


หวงอวี้เหลียนกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของเธอผิดปกติ ในใจรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็ยืนกรานพูดออกไปว่า “แน่นอนว่าโอหยางซานซานเขียนเองกับมือ ทุกคำทุกประโยคเป็นความพยายามของเธอที่กลั่นออกมา”


เหมยเหมยกับเซียวเซ่อมองตากัน แล้วเหยียดยกมุมปากขึ้น กำลังรอประโยคนี้ของคุณอยู่เลย


 “ฟังคุณพูดแบบนี้แล้ว ฉันก็รู้สึกว่าข่าวในหนังสือพิมพ์เป็นข่าวปลอมเช่นกัน แต่ปัญหาคือข่าวมาจากหนังสือพิมพ์จิงตงนี่สิ หนังสือพิมพ์ของเมืองหลวงจะมาจงใจแกล้งคนตัวน้อย ๆอย่างลูกสาวคุณทำไม พวกคุณคิดว่าอย่างนั้นกันไหม” เหมยเหมยหันไปถามทุกคน


ความคิดของคนจำนวนหนึ่งเริ่มไขว้เขว หนังสือพิมพ์จิงตงเป็นสำนักพิมพ์ขนาดใหญ่ จะไปใส่ร้ายนักเขียนตัวเล็ก ๆคนหนึ่งทำไมกันนะ?


ในใจของหวงอวี้เหลียนร้อนรนเป็นอย่างมาก เธอรู้ว่ายัยเด็กบ้าจ้าวเหมยไม่มีทางรามือง่าย ๆแน่ ตาแก่นั่นของหนังสือพิมพ์จิงตงคอยดูเถอะ รอเรื่องนี้จบลงก่อน เดี๋ยวจะให้โอหยางปินไปจัดการตาแก่ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!


 “สี่เท้ายังรู้พลาดนักปราชญ์ยังรู้พลั้ง บางทีบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์จิงตงอาจจะไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลให้ดี ก็เลยทำให้ข่าวที่ไม่เป็นความจริงนี้ถูกตีพิมพ์ออกมาได้” หวงอวี้เหลียนพยายามคิดเหตุผลออกมา


เหมยเหมยหยิบหนังสือมาจากมือสยงมู่มู่พลิกหน้าไปมา แล้วตะโกนขึ้นว่า “เรื่องตีพิมพ์ผิดพลาดนั้นจริงหรือไม่นั้นพูดยาก ฉันมีอีกวิธีหนึ่งที่จะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของลูกสาวคุณได้ กลัวแค่ว่าโอหยางซานซานจะไม่กล้าเนี่ยสิ!”


 “มีอะไรที่ฉันไม่กล้า?”


ไม่รอให้หวงอวี้เหลียนพูดอะไร โอหยางซานซานชิงตอบเสียแล้ว เธอจะมายอมแพ้ต่อหน้าจ้าวเหมยไม่ได้


ในใจหวงอวี้เหลียนรู้ว่าท่าจะไม่ดีแล้ว แต่เธอก็ไม่สามารถกลับคำอะไรได้ ทำได้เพียงรอจัดการไปทีละปัญหาเท่านั้น


ตอนที่ 1202 บ้านคุณคลอดลูกออกมาทีละรัง


 โอหยางซานซานถูกแผนยุแหย่ของเหมยเหมยยั่วโมโหได้สำเร็จ เธอไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย กระโดดลงกับดักที่เหมยเหมยขุดไว้


เหมยเหมยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เธอเห็นความร้อนรนของหวงอวี้เหลียนอย่างชัดเจนก็แอบรู้สึกขำขัน ไม่กลัวจะเจอศัตรูผู้เก่งกล้า แต่กลัวจะมีเพื่อนร่วมทีมที่โง่เหมือนหมูมากกว่า!


หวงอวี้เหลียนเจ้าเล่ห์ราวกับสุนัขจิ้งจอก แต่กลับมีลูกสาวที่โง่เหมือนหมู สวรรค์มีตาจริง ๆ!


 “วิธีการง่ายมาก เมื่อครู่แม่คุณพูดเองไม่ใช่เหรอว่าหนังสือเล่มนี้ทุกคำทุกประโยคเป็นความพยายามของคุณที่กลั่นออกมา ถ้าเช่นนั้นหนังสือเล่มนี้คุณคงจะท่องได้ขึ้นใจเลยสินะ” เหมยเหมยถาม


หวงอวี้เหลียนไม่รู้ว่าเหมยเหมยจะมาไม้ไหน แต่เธอรู้ว่าเหมยเหมยไม่ได้มาดีแน่ เธออยากจะพูดว่านักเขียนไม่สามารถจำผลงานของตัวเองได้ทุกอันหรอก แต่ผู้ร่วมทีมที่โง่เหมือนหมูของเธอดันชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน


 “แน่นอน ผลงานการเขียนของฉันก็เหมือนลูก ๆของฉัน ฉันสร้างมันมาเองกับมือจะไม่คุ้นชินได้อย่างไร?”


ถึงแม้โอหยางซานซานจะไม่มั่นใจแต่เธอก็ต้องยืนกรานออกไปเช่นนั้น เธอจำได้ว่าแต่ก่อนเคยดูทีวีเห็นบทสัมภาษณ์ของนักเขียนท่านหนึ่ง นักเขียนท่านนั้นก็พูดอย่างนี้ วันนี้ขอยืมมาพูดหน่อยน่าจะไม่มีปัญหาอะไรหรอก!


หวงอวี้เหลียนรู้สึกชื่นชมในคำตอบของลูกสาวที่ตอบออกมาได้อย่างดีเยี่ยม แม้แต่เธอเองก็ยังไม่สามารถคิดคำตอบที่ดีแบบนี้ออกมาได้


เหมยเหมยหัวเราะร่าทำให้โอหยางซานซานยิ่งรู้สึกโมโห


 “เธอไม่ต้องมามองฉัน ฉันก็แค่รู้สึกแปลกใจ ลูกของนักเขียนคนอื่นเขาค่อยๆคลอดกันทีละคนทีละคน แต่เธอกลับคลอดออกมาทีละรังทีละรัง”


เหมยเหมยกลั้นขำไว้แล้วพูดออกมา คนอื่นยังฟังไม่ค่อยเข้าใจ โอหยางซานซานกับหวงอวี้เหลียนก็ยังไม่เข้าใจเช่นกัน แต่พวกเธอรู้ว่าไม่ใช่คำพูดที่ดีแน่นอน


เซียวเซ่อกลับฟังรู้เรื่อง จงใจถามขึ้นมาว่า: “เหมยเหมยเธอพูดให้เข้าใจหน่อยสิ อะไรเรียกว่าคลอดออกมาทีละรังทีละรัง โอหยางซานซานยังไม่ได้แต่งงานเสียหน่อยจะคลอดลูกได้อย่างไร หรือว่าเธอท้องก่อนแต่งเหรอ?”


โอหยางซานซานสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที สบถด้วยความโกรธ “เซียวเซ่อ เธอพูดเพ้อเจ้ออะไร?”


เหมยเหมยทำมือปรามไว้ “อย่าใจร้อนสิ เมื่อครู่คุณพูดเองไม่ใช่เหรอว่าผลงานของคุณเป็นดั่งลูก ๆของคุณ ถ้าอย่างนั้นคุณเขียนผลงานออกมา มันก็คือคุณคลอดลูกออกมาไม่ใช่เหรอ ความหมายของฉันก็คือนักเขียนคนอื่นจะออกบทความมาทีละตอนทีละตอน แล้วสุดท้ายจึงจะตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือ ไม่เหมือนคุณโอหยางซานซาน เมื่อก่อนไม่เคยเห็นออกบทความของคุณมาก่อน แต่จู่ ๆ ก็ตีพิมพ์หนังสืออกมาเลย นี่ไม่ใช่การคลอดทีเดียวเป็นรังหรอกเหรอ!”


 “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”


สยงมู่มู่กับเซียวเซ่อหัวเราะเสียงดังลั่น คนอื่นก็เลยหัวเราะตาม ช่างเป็นการเปรียบเทียบได้เห็นภาพจริง ๆ


แต่ก็มีบางคนเดาออกถึงความหมายแฝงในคำพูดเหมยเหมย แล้วนึกถึงความผิดปกติในการออกหนังสือของโอหยางซานซาน ช่างไม่สมเหตุสมผลเลยเสียจริง ปกติแล้วการออกหนังสือจะเป็นการรวบรวมผลงานที่เคยออกมาก่อนแล้วค่อยมาตีพิมพ์ แต่โอหยางซานซานกลับกระโดดข้ามขั้นตอนนี้ไปถึงขั้นตอนสุดท้ายตีพิมพ์หนังสือเลย ดูผิดปกติจริง ๆ


สีหน้าของหวงอวี้เหลียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แอบหัวเสียว่าทำไมเธอถึงไม่คิดให้รอบคอบ ให้จ้าวเหมยมาจับผิดช่องโหว่ที่เห็นได้ชัดขนาดนี้ได้


 “แต่ก่อนพวกเราไม่เคยคิดจะออกหนังสือมาก่อน ซานซานชอบวรรณกรรมก็เลยหาเวลาว่างมาเขียนหนังสือ แต่ก็เป็นเพียงเพราะความสนใจเท่านั้นจึงไม่เคยแสดงผลงานมาก่อน จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง เพื่อนของฉันคนหนึ่งที่อยู่ในวงการนี้บังเอิญมาเห็นผลงานของซานซานก็เลยมาหว่านล้อมฉันให้ซานซานตีพิมพ์เป็นหนังสือ จึงเกิดงานขายหนังสือในวันนี้ขึ้น”


หวงอวี้เหลียนอธิบายด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล ถึงแม้ว่าเหตุผลจะฟังดูเหมือนแถแต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ข้อสงสัยในใจของหลายคนเริ่มหมดไป


เหมยเหมยพูดเสียงใสว่า “ก็ใช่ คุณปู่ของโอหยางซานซาน เอ่อ…พ่อก็ควบคุมการตีพิมพ์หนังสือ อยากจะออกหนังสือสักเล่มง่ายจะตายไป ประหยัดแรงยิ่งกว่าฉันทำกิจวัตรประจำวันทั่วไปเสียอีก!”


หวงอวี้เหลียนฟังออกว่าเธอจะสื่อเช่นนี้ แววตาอาฆาตราวกับชุบด้วยพิษงู จ้องมองไปที่เหมยเหมยอย่างดุร้าย


เหมยเหมยมองเธอเหมือนอากาศธาตุ พูดกับโอหยางซานซานว่า “ในเมื่อเป็นลูกที่คุณคลอดออกมาเอง ถ้าอย่างนั้นฉันจะลองอ่านประโยคหนึ่งจากในหนังสือ ดูว่าคุณจะรู้ไหมว่ามันมาจากบทความไหน!”


……………………………………………………….


ตอนที่ 1203 มาอีกหนึ่งท่อน


 โอหยางซานซานใจเต้นตึกตัก เธอเริ่มปวดขมับขึ้นเรื่อย ๆ มือเย็นเฉียบ ทั้ง ๆที่สภาพอากาศอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอากาศปลอดโปร่งเย็นสบาย แต่เธอกลับรู้สึกเหน็บหนาวยิ่งกว่าอากาศในฤดูหนาวเสียอีก


หวงอวี้เหลียนก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน เธอคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเหมยเหมยจะใช้วิธีการนี้!


ไม่มีใครรู้จักลูกสาวดีเท่าแม่ เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าโอหยางซานซานเป็นคนเช่นไร?


หนังสือเล่มนี้เธอเป็นคนจัดการเองหมดทุกอย่าง เธอให้โอหยางซานซานหาเวลาว่างมาอ่านหนังสือ แต่ปัญหาก็คือเธอไม่รู้สึกว่าโอหยางซานซานจะเชื่อฟัง


ตอนนี้หวังแค่ว่าโอหยางซานซานจะพอได้เรื่องบ้าง ท่องจำหนังสือเล่มนี้มาแล้วอย่างดี ไม่ให้แผนการของจ้าวเหมยสำเร็จได้


โอหยางซานซานไม่กล้ามองตาหวงอวี้เหลียน ตอนนี้เธอรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ถ้ารู้ว่าจะมีวันนี้เธอน่าจะเชื่อฟังแม่ตั้งแต่แรก ตั้งใจอ่านหนังสือบ้าง


แต่บนโลกนี้ไม่มียาแก้ความรู้สึกเสียใจภายหลังนี่นา!


หนังสือเล่มนี้โอหยางซานซานอ่านไม่จบเลยสักตอน เธอทำได้แต่เพียงภาวนาว่าท่อนที่จ้าวเหมยเลือกมา เป็นท่อนที่เธอเคยอ่านผ่านตาพอดี อีกทั้งต้องเป็นท่อนที่เธอจำได้ด้วย


เหมยเหมยมองเห็นความไม่มั่นใจของโอหยางซานซาน ก็รู้สึกได้เลยว่าตัวเองมีโอกาสชนะมากขึ้น เธอรู้ว่ายัยนี่ไม่มีทางทนอ่านหนังสือได้หรอก


 “วิธีของฉันเป็นวิธีที่ยุติธรรมมาก พวกคุณว่าใช่ไหมล่ะคะ?” เหมยเหมยถามคนที่อยู่ด้านล่างเวที


ทุกคนต่างพากันพยักหน้าหงึกหงัก วิธีนี้ยุติธรรมมากแล้วจริงๆ นักเขียนก่อนที่จะออกหนังสือ จะต้องแก้ต้นฉบับแบบแก้แล้วแก้อีก ในระยะอันสั้นต้องจดจำได้อย่างชัดเจนแน่นอน ตอนนี้เพิ่งจะออกหนังสือมา โอหยางซานซานต้องจำได้แน่


หวงอวี้เหลียนเดิมอยากจะพูดว่ามีหลายตอนเกินไปอาจจะจำได้ไม่หมด แต่พอเห็นทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดของจ้าวเหมย เธอจะกล้าพูดออกมาได้อย่างไร ทำได้เพียงแค่กลืนกลับเข้าไปในท้อง แล้วมองไปที่โอหยางซานซานอย่างกระสับกระส่าย


เหมยเหมยก็ไม่รอให้เสียเวลา เธอเลือกอ่านออกมาหนึ่งท่อน เสียงของเธออ่อนหวาน แต่ท่อนที่อ่านออกมาเป็นท่อนที่เสียดสีร้อนแรง ฟังแล้วทำให้ผู้คนต่างรู้สึกขบขัน


 “ฉันอ่านมาแล้วท่อนหนึ่ง เขียนได้ดีมากจริงๆ ถ้าไม่ได้รู้จักนักเขียนมาก่อน  ฉันคงจะคิดว่าคนที่เขียนน่าจะเป็นชายวัยกลางคนที่มีความสามารถแต่ไม่เป็นที่รู้จักนะเนี่ย”


เหมยเหมยจงใจพูดขึ้น หวงอวี้เหลียนเลิกคิ้วเล็กน้อย มือปืนที่เธอเชิญมาทั้ง 3 คน หนึ่งในนั้นเป็นนักเขียนที่ต้องการจะมีชื่อเสียงแต่ทำไม่สำเร็จ


ตอนนี้เธอมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องหนังสือพิมพ์ต้องเป็นจ้าวเหมยแน่!


โอหยางซานซานไม่สามารถโต้กลับอะไรเหมยเหมยได้เลย อีกทั้งเธอก็คงไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้ เพราะท่อนที่เหมยเหมยอ่านออกมา เธอจำไม่ได้เลยสักนิด


ทำอย่างไรดีล่ะ?


เหมยเหมยยิ้มตาหยีพลางถามขึ้น “โอหยางซานซาน ท่อนนี้อยู่ในตอนที่เท่าไหร่เหรอ?”


ตอนที่เธอถามขึ้น มีคนไม่น้อยเริ่มเปิดหนังสือดูกันแล้วเพื่อหาที่มาของบทความท่อนนั้น โอหยางซานซานมองพวกเขาด้วยความอิจฉา เธอก็อยากจะเปิดหนังสือ แต่เธอทำอย่างนั้นไม่ได้


โอหยางซานซานกัดริมฝีปาก พยายามนึกถึงสิ่งที่เธอเคยอ่านมาแต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก เม็ดเหงื่อผุดออกมาทั่วทั้งหน้าผากไม่หยุด สีหน้าซีดลงอย่างช้า ๆ


หรือว่าวันนี้เธอจะต้องขายหน้าอีกแล้ว?


ไม่!


ไม่ได้นะ!


กว่าที่เธอจะประสบความสำเร็จอย่างวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอจะไม่ยอมให้มันเสียเปล่าไปทั้งอย่างนี้หรอกนะ !


คนด้านล่างเวทีเห็นโอหยางซานซานไม่ยอมตอบเสียทีก็ย่อมจะต้องเริ่มสงสัยขึ้นมา นักเขียนที่แม้แต่ผลงานที่ตัวเองเขียนก็ยังนึกไม่ออกจะไม่ให้คนสงสัยได้อย่างไร


โอหยางซานซานกัดปาก เธอไม่ได้อยากให้จ้าวเหมยทำสำเร็จแต่เธอคิดไม่ออกจริง ๆ เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่หวงอวี้เหลียน หวังว่าแม่ที่ทำได้ทุกอย่าง วันนี้ก็จะสามารถช่วยเธอฝ่าฟันอุปสรรคไปได้เหมือนเคย


แต่ต่อให้หวงอวี้เหลียนจะเป็นองค์เทพไท่หลัว ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้แล้วในตอนนี้!


ด้านล่างเวทีเริ่มมีการเคลื่อนไหว หวงอวี้เหลียนรู้ดีว่าหากยังไม่คิดวิธีรับมือ ความพยายามตลอดทั้งปีของเธอก็จะสูญเปล่า


เหมยเหมยยิ้มอย่างได้ใจแล้วตะโกนขึ้นว่า “หนังสือเล่มหนึ่งมีตั้งหลายตอน อาจจะยังคิดไม่ออกในทันทีก็พอให้อภัยได้ อย่างนี้ละกันฉันจะอ่านขึ้นมาอีกหนึ่งท่อน โอหยางซานซานเธอก็ค่อย ๆคิดไปละกันนะ!”


ตอนที่ 1204 ฉันยังไม่ได้บอกว่าจบ


เหมยเหมยอ่านต่อออกมาอีกท่อนหนึ่ง ยังคงเป็นแนวเสียดสีแบบเผ็ดร้อนอย่างเคยแต่ครั้งนี้มีความละมุนขึ้นมาบ้าง สมองของโอหยางซานซานยังคงว่างเปล่า เหงื่อบนหน้าผากผุดมากขึ้นเรื่อย ๆ


ท่อนนี้หล่อนก็ไม่รู้สึกคุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย


จ้าวเหมยตั้งใจแน่ ๆ  จงใจเลือกตอนที่หล่อนไม่ได้อ่าน ทำให้หล่อนต้องขายหน้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้


หลังจากที่เหมยเหมยอ่านออกมา คนอื่น ๆก็เริ่มเปิดหนังสือหาดูอีกครั้ง แต่พวกเขาหาอย่างไรก็หาไม่เจอ ทำได้เพียงแต่เปิดหาต่อไป แต่บางคนก็มีท่าทีประหลาดเหมือนจะคิดอะไรออกแต่ไม่กล้าฟันธงว่าใช่


 “โอหยางซานซาน สองท่อนนี้เธอคิดออกแค่ท่อนเดียวก็ถือว่าโอเคแล้ว เธอคิดออกหรือยัง?” เหมยเหมยถาม


สีหน้าของโอหยางซานซานไม่สู้ดีนัก ในหัวของหล่อนตอนนี้ฟุ้งซ่านไปหมด ขนาดตอนที่เคยอ่านมาหล่อนเองก็ลืมไปหมดแล้ว


เหมยเหมยถามขึ้นมาอีกรอบ โอหยางซานซานก็ยังคงไม่ตอบอะไร ด้านล่างเวทีเริ่มมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น ตอนนี้ทุกคนต่างก็เริ่มสงสัย เหมือนที่สาวสวยคนนั้นพูดท่อนหนึ่งนึกไม่ออกอาจจะพอให้อภัยได้ แต่ถ้าสองท่อนถึงขนาดคิดไม่ออกเลยก็ดูผิดปกติจริงๆ


หรือว่าเรื่องที่ในหนังสือพิมพ์พูดจะเป็นเรื่องจริง?


 “โอหยางซานซานเธอเพิ่งออกหนังสือไม่ใช่เหรอ ทำไมจำไม่ได้สักนิดเลยล่ะ? เด็กพวกนี้เธอไม่ได้คลอดออกมาเองเหรอ?” เหมยเหมยหัวเราะถากถางใส่


 “จ้าวเหมย เธอจงใจใส่ร้ายฉัน หนังสือเล่มนี้ฉันเป็นคนเขียนเอง ในนั้นมีตั้งหลายบทหลายตอนฉันจะไปจำหมดทุกท่อนเลยได้อย่างไรกัน” โอหยางซานซานแก้ต่างให้กับตัวเอง แต่ก็ดูเหมือนจะไร้น้ำหนัก


โอหยางปินที่อยู่ด้านหลังเวทีสีหน้าเงียบขรึม เขารู้สึกไม่พอใจหวงอวี้เหลียนเป็นอย่างมาก ช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้อะไรเลยเสียจริง ขนาดเด็กสาวคนเดียวก็ยังเอาชนะไม่ได้


เขาเดินออกไปโทรศัพท์ ไม่นานนักบริเวณลานก็มีคนเดินเพิ่มเข้ามา สวมเสื้อผ้าธรรมดาเหมือนคนปกติทั่วไป คนพวกนี้แฝงตัวเข้ามาในกลุ่มคน


 “ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจจะมาหาเรื่อง หนังสือหนาขนาดนี้จะไปจำหมดได้อย่างไรกัน? ถึงแม้ว่าจะเป็นพ่อแม่แท้ ๆ พอมีลูกออกมากแล้วก็มีตอนที่จำไม่ได้เหมือนกัน” มีคนตะโกนขึ้นมาท่ามกลางคนชุกชุม


แล้วก็มีคนสนับสนุนขึ้นมาในทันที “ใช่ ตอนเด็กระหว่างฉันกับน้องชายฉัน แม่ฉันยังจำสลับกันอยู่เลย จำไม่ได้มันน่าแปลกตรงไหน”


……


คนส่วนใหญ่มักจะเอนเอียงไปตามกระแสส่วนใหญ่ จึงมีสำนวนที่กล่าวว่า ‘ขยับแขนเรียกแขก’


ขอแค่มีคนเปิดประเด็น ถึงแม้ในใจคนอื่นจะไม่ยินยอม แต่ก็จะไม่คัดค้านอะไร


สถานการณ์ในตอนนี้กำลังเป็นเช่นนั้น พวกที่มีท่าทีแปลกใจนั้นพอโดนคนกลุ่มนี้ขัดขึ้นมา พวกเขาก็ได้แต่เก็บความน่าสงสัยนั้นไว้ในใจ เปลี่ยนทีท่ากลับมาเป็นปกติ แล้วคนอื่น ๆก็หันมาสนับสนุนคนกลุ่มนี้ รู้สึกว่าจ้าวเหมยจงใจหาเรื่องโอหยางซานซาน


พิธีกรได้รับสายตาจากหวงอวี้เหลียน จึงพูดขึ้นว่าตอนนี้สายมากแล้ว เพื่อไม่เป็นการกระทบต่อเวลาทานอาหารกลางวันของทุกคน ในช่วงตอบคำถามก็จะข้ามไปเลยแล้วประกาศจบงานขายหนังสือในทันที


เหมยเหมยหยิบโทรโข่งขึ้นมาแล้วพูดว่า  “คุณจะรีบร้อนไปทำไมกัน? ยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลย เรื่องกินข้าวไม่ต้องรีบหรอก ตอบคำถามฉันมาก่อนจะดีกว่า!”


 “ใช่ ตอบคำถามมาก่อน!” คนที่ติดตามเรื่องราวอยู่จำนวนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมา สถานการณ์จึงวุ่นวายขึ้น


หวงอวี้เหลียนไม่อยากจะอยู่ต่อแล้วจึงลากตัวโอหยางซานซานจะออกไป เหมยเหมยร้อนใจรีบใช้แขนขาปีนขึ้นไปบนเวทีขวางทั้งสองแม่ลูกไว้ มองพวกเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม


 “จะรีบไปทำไมกันล่ะ? หรือพวกคุณยอมรับแล้วว่าเรื่องในหนังสือพิมพ์เป็นเรื่องจริงงั้นสิ?” เหมยเหมยโบกหนังสือพิมพ์ในมือไปมา


หวงอวี้เหลียนมองเหมยเหมยด้วยสายตาโกรธแค้น ยัยเด็กบ้านี่สมควรตาย มาพังเรื่องดีๆของเธอเสียทุกครั้ง!


 “แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องจริง แค่งานขายหนังสือในวันนี้จบลงแล้วก็เท่านั้น สำหรับเรื่องข่าวลือพวกเราจะกลับไปเช็คโดยละเอียดแน่ ไม่รามือง่าย ๆหรอก” หวงอวี้เหลียนพูดอย่างแน่วแน่


 “คุณบอกว่าจบมันก็จบอย่างนั้นเหรอ? หึ…ฉันยังไม่ทันบอกว่าจบเลย ในเมื่อโอหยางซานซานตอบไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะตอบแทนหล่อนเอง!” เหมยเหมยเปิดหนังสือขึ้นมา อมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยทำให้หวงอวี้เหลียนรู้สึกกระวนกระวายไม่น้อย


………………………………..


ตอนที่ 1205 งานที่คุณเขียนเอง คุณก็จำไม่ได้เหรอ


เหมยเหมยไม่สนใจความโกรธแค้นของหวงอวี้เหลียน นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น!


เธอเปิดหนังสือไปท่อนที่เธออ่านเมื่อสักครู่ แล้วพูดเสียงดังว่า “ท่อนแรกที่ฉันอ่านมาจากตอน ‘ชีวิตคนดุจละคร’ ท่อนที่สี่ของหนังสือเล่มนี้ น่าจะมีหลายคนที่หาเจอกันแล้วใช่ไหม?”


หลายคนด้านล่างเวทีต่างพากันพยักหน้า พวกเขาหาท่อนนี้เจอแล้วจริง ๆ แต่อีกท่อนหนึ่งพวกเขาหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ


เหมยเหมยเหลือบมองหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกแวบหนึ่งพลางฉีกยิ้มเล็กน้อย ราวกับมีเวทมนตร์เธอเปิดหนังสือเล่มที่อยู่ในมือขึ้นมาก็เปิดขึ้นมาอีกเล่มหนึ่ง หวงอวี้เหลียนใจเต้นตึกตักยิ่งกระวนกระวายขึ้นเรื่อย ๆ


 “คงจะมีหลายคนที่กำลังประหลาดใจ ทำไมถึงหาท่อนที่สองที่ฉันอ่านไม่เจอ” เหมยเหมยพูดพลางหัวเราะไป คนด้านล่างเวทีไม่น้อยต่างพากันพยักหน้าอีกครั้ง


ใช่ ก็มันหาไม่เจอนี่นา!


เหมยเหมยหยิบหนังสืออีกเล่มชูขึ้นมา “เพราะว่าท่อนนั้นไม่ได้อยู่ในหนังสือเล่มนี้ แต่อยู่ในหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ก็คือหนังสือในมือฉันเล่มนี้ เป็นงานเขียนที่เพิ่งตีพิมพ์ของคุณชายน่าหลัน น่าจะมีคนที่เคยอ่านหนังสือของเขา ก็น่าจะพอคุ้นๆท่อนนี้อยู่บ้าง”


 “ฉันเคยอ่าน คุณชายน่าหลันเป็นหนึ่งในนักเขียนที่ฉันชอบ มิน่าฉันฟังท่อนนั้นแล้วก็รู้สึกคุ้นหูขนาดนั้น!”


 “ฉันก็รู้สึกคุ้นหู แต่ก็ไม่แน่ใจนัก”


……


อู่เชาเขียนหนังสือมา 3 ปี ออกหนังสือมาประมาณ 3-4 เล่ม มีนักอ่านอยู่ทั่วประเทศ ไม่ใช่ของลอกเลียนแบบเกรดต่ำอย่างโอหยางซานซานจะมาเทียบได้


ดังนั้นทันทีที่เหมยเหมยพูดถึงหนังสือของคุณชายน่าหลัน ด้านล่างเวทีก็มีหลายคนที่ให้การตอบรับ พวกเขาต่างก็เป็นแฟนคลับของอู่เชา เป็นขณะเดียวกันกับที่พวกเขาเริ่มเกิดความสงสัย


หวงอวี้เหลียนดูท่าไม่ดีแน่ จ้าวเหมยถึงกับเอาผลงานคนอื่นมาเล่นงานซานซาน ตอนนี้จะทำอย่างไรดีนะ?


หวงอวี้เหลียนคนที่มีการวางแผนอย่างดิบดีมาตลอด รู้สึกกระวนกระวายใจเป็นครั้งแรก


เธอไม่รู้ว่าจะจัดการกับปัญหาที่อยู่ตรงหน้าอย่างไร เธอมองไปที่หลังเวที พบว่าโอหยางปินกับท่านผู้เฒ่าโอหยางไม่อยู่แล้ว รู้สึกเหมือนตกลงไปอยู่ในห้องแช่แข็งชั่วขณะ


เธอกับลูกสาวโดนบ้านตระกูลโอหยางทอดทิ้งอีกแล้ว!


ความพยายามทั้งหมดของเธอเท่ากับสูญเปล่า!


สยงมู่มู่ที่อยู่ด้านล่างอยากจะมีส่วนร่วมด้วย พูดขึ้นมาอย่างเสียงดังว่า “นักเขียนที่จำบทความของตัวเองไม่ได้อาจจะบอกได้ว่าความจำไม่ดี แต่ขนาดผลงานที่เป็นของตัวเองเขียนหรือไม่นั้นยังไม่รู้ อันนี้น่าจะฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่แหะ!”


เซียวเซ่อรีบพูดต่อขึ้นมาทันที: “นายโง่หรือไง มันก็หมายความว่าเธอไม่ได้เป็นคนเขียนหนังสือเองไงล่ะ ยัยสมองหมูโอหยางซานซาน บทความที่เธอเขียนออกมายังไม่สละสลวยเลยจะเขียนออกมาดีแบบในหนังสือได้อย่างไรกัน!”


สยงมู่มู่ตีหัวตัวเองเบา ๆ ราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน “ใช่เนอะ ทำไมผมถึงลืมประวัติของโอหยางซานซานเสียจนเกลี้ยง เธอมีชื่อเสียงได้การสร้างเรื่องจะตาย ห้าปีที่แล้วยังอยากจะใช้เส้นชนะการแข่งขันประกวดวาดภาพระดับประเทศอยู่เลย!”


 “ฝีมือระดับเด็กอนุบาลอย่างหล่อนน่ะหรอ ยังอยากจะมาแย่งตำแหน่งแชมป์กับฉัน?”


เซียวเซ่อกอดอก สีหน้าด้วยมาดเท่จนทำให้ดูไม่ออกว่าเธอเป็นหญิงหรือชาย ดึงดูดสายตาของเด็กสาวหลายคนได้ไม่น้อย  แต่ฟังจากที่เธอพูดแล้ว ทุกคนต่างก็รู้สึกเสียใจ


ทำไมเป็นผู้หญิงไปได้ล่ะ?


คนที่ยืนข้าง ๆเธอต่างหากที่เป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ!


สยงมู่มู่ก็รีบเข้ามาประจบเสริม “ก็ใช่น่ะสิ ถ้ามีเธอกับเหมยเหมยอยู่ แชมป์กับรองแชมป์จะเป็นของคนอื่นไปได้อย่างไร ยิ่งพวกของลอกเลียนแบบเกรดต่ำก็ยิ่งอย่าไปพูดถึงเลย!”


ทั้งสองคนหนึ่งรับคนหนึ่งส่งเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เล่าเรื่องเมื่อห้าปีก่อนที่โอหยางซานซานใช้เส้นสายออกมาจนหมด


เรื่องนั้นถึงแม้จะถูกโอหยางเซี่ยงหมิงปิดข่าวไปแล้ว แต่กำแพงมีหู ประตูมีช่อง มีบางคนที่รู้อยู่แล้วแต่แค่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเอง


แต่ตอนนี้เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่เอาเรื่องเก่าออกมาพูด บวกกับท่าทีที่พูดคลุมเคลือไม่ฉะฉานของโอหยางซานซาน สายตาของหลายคนก็เริ่มจะเปลี่ยนไป เริ่มมองโอหยางซานซานที่อยู่บนเวทีอย่างข้องใจ


ตอนที่ 1206 ธำรงธรรม


เหมยเหมยเก็บหนังสือ มองหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจอย่างเยาะเย้ย พูดด้วยท่าทีเย้ยหยันว่า “พวกเธอตอนนี้ยังมีอะไรที่อยากจะพูดอีกไหม? ขอคำอธิบายให้พวกเราทุกคนหน่อยจะได้ไหม? หนังสือเล่มนี้โอหยางซานซานเป็นคนเขียนเองจริงหรือไม่?”


 “ฉันเขียนเอง… ฉันเป็นคนเขียนขึ้นมาเอง…”


ทำอย่างไรโอหยางซานซานก็ไม่ยอมรับ ถึงแม้เธอจะไม่ฉลาด แต่เธอรู้ว่าวันนี้มีนักข่าวมาไม่น้อย เธอจะยอมรับต่อหน้าทุกคนไม่ได้


แต่เป็นไปตามเธอตัดสินใจได้ด้วยเหรอ?


 “เธอบอกว่าเธอเป็นคนเขียนก็แปลว่าเธอเป็นคนเขียนงั้นเหรอ? โอหยางซานซาน เธอนี่มันโง่เขลาเสียจริง ๆ เธอยังแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าอันไหนเธอเขียนเองอันไหนเธอไม่ได้เขียน แล้วเธอเอาหน้าที่ไหนมาบอกว่าบทความพวกนี้เธอเป็นคนเขียนเอง หรือว่าเธอคิดว่าพวกเราทุกคนโง่งั้นสิ?”


เหมยเหมยกล่าวโทษอย่างไม่ปราณี และไม่ไว้หน้าเลยสักนิด


 “โอหยางซานซานตัวเธอเองไม่มีความสามารถแต่ใช้อำนาจบ้านตระกูลโอหยาง ใช้อิทธิพลข่มหลอกล่อนักเขียนที่ไม่ประสบประสบความสำเร็จมาเขียนให้โดยปั่นหัวคนทั้งประเทศ คิดจะจับเสือมือเปล่าเลยไปขโมยผลงานของคนอื่นมา เพิ่มเกียติยศชื่อเสียงให้กับตัวเอง เธอรู้สึกละอายแก่ใจบ้างไหม?”


เหมยเหมยด่าโอหยางซานซานอย่างเจ็บแสบแบบไม่หยุดหายใจ ผู้คนด้านล่างเวทีร้องเชียร์ยกใหญ่ เสียงปรบมือราวกับคลื่นที่กำลังซัดเข้ามา


โอหยางซานซานทั้งอายทั้งโมโห อยากจะหาที่มุดตัวหายไปให้รู้แล้วรู้รอด


ก่อนหน้านี้เธอมีชื่อเสียงขนาดไหน ตอนนี้เธอก็รู้สึกขายหน้ามากเท่านั้น เสียงปรบมือด้านล่างราวกับมีดเล็ก ทุกเสียงปักเข้ามาในหัวใจของเธออย่างจัง


หวงอวี้เหลียนสุขุมมากกว่า เธอหยิกโอหยางซานซานเต็มแรงรู้สึกผิดหวังกับท่าทีของลูกสาวอย่างมาก ถ้ายังไม่ถึงจุดสุดท้าย จะมายอมแพ้ง่าย ๆได้อย่างไรกัน


 “จ้าวเหมย เรื่องหนังสือพิมพ์เธอเป็นคนทำใช่ไหม” หวงอวี้เหลียนถามขึ้นด้วยความสงสัย


เหมยเหมยเหลือบไปมองโอหยางซานซานที่ก้มหน้าก้มตายืนอยู่ข้างหวงอวี้เหลียน พลางยักไหล่เล็กน้อย พูดอย่างไม่ปฏิเสธว่า “ใช่ค่ะ นี่เป็นเซอร์ไพร์สที่ฉันจัดเตรียมไว้ให้กับงานขายหนังสือของลูกสาวคุณ เซอร์ไพร์สไหมคะ”


ถึงแม้เธอจะไม่ยอมรับ แต่หวงอวี้เหลียนก็มั่นใจอยู่ดีว่าเธอเป็นคนทำก็ยอมรับไปเสียเลยดีกว่า ทำให้หวงอวี้เหลียนคนจอมปลอมโมโหตายไปเลย!


หวงอวี้เหลียนโมโหเป็นฟืนเป็นไฟหน้าเขียวปัด แววตาฉายแววอำมหิต แต่เหมยเหมยไม่กลัวเลยสักนิด อีกทั้งเธอยังหัวเราะอย่างได้ใจมากกว่าเดิม


 “จ้าวเหมย ทำไมเธอจะต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกับซานซาน หล่อนกับเธอก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกันเลย!” หวงอวี้เหลียนถามขึ้น


เหมยเหมยหัวเราะขึ้นมา มองไปที่หวงอวี้เหลียนด้วยสายตาดูถูก ถึงขั้นกล้าถามคำถามปัญญาอ่อนขนาดนี้เลยหรือ?


 “ฉันธำรงความยุติธรรมแทนฟ้าดิน ไม่สนใจความแค้นส่วนตัวทั้งนั้น!” เหมยเหมยพูดด้วยความมั่นใจ ยิ่งทำให้หวงอวี้เหลียนโมโห โมโหที่ไม่ได้ตบยัยนี่สักฉาดสองฉาด


ยิ่งหวงอวี้เหลียนโมโหมากเท่าไหร่ เหมยเหมยก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น รอยยิ้มบนใบหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ว่าวันนี้ภารกิจสำเร็จแล้ว เธอก็ไม่อยากอยู่เสียเวลากับยัยสองแม่ลูกนี่แล้ว!


ถ้ามีเวลาว่างขนาดนั้น เอาเวลาไปนั่งคุยเล่นกับพี่หมิงซุ่นยังจะดีเสียกว่า!


จะได้คุยจู๋จี๋กันด้วย!


 “วันนี้รบกวนเวลาทุกคนมามากแล้ว ยังดีที่เรื่องราววันนี้มีผลสรุปออกมาแล้ว เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนคงเข้าใจแล้วว่า…”


เหมยเหมยพูดถึงตรงนี้แล้วชะงักไปครู่หนึ่ง หวงอวี้เหลียนกระโจนเข้ามาราวกับรู้ว่าต่อไปเหมยเหมยจะพูดอะไร แน่นอนว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เธอกระโจนเข้าไปโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้วคิดเพียงแต่จะแย่งโทรโข่งจากมือเหมยเหมย


เหมยเหมยเหยียดยิ้มเล็กน้อย ยักคิ้วให้กับหวงอวี้เหลียนอย่างได้ใจแล้วหลบตัวไปอย่างว่องไว พูดอย่างรวดเร็วออกมาว่า “ผลสรุปวันนี้ก็คือ เรื่องที่ในหนังสือพิมพ์พูดเป็นเรื่องจริง โอหยางซานซา ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ แท้จริงก็เป็นแค่ของปลอม อีกทั้งยังเป็นคนขี้ขโมยอีกด้วย!”


โอหยางซานซานภาพตัด จนในที่สุดหมดสติล้มลงไป


หวงอวี้เหลียนสีหน้าซีดเผือด พยายามพยุงลูกสาวไว้ ไม่ให้วันนี้ขายหน้ามากไปกว่านี้!


จบกัน!


ความพยายามทุกอย่างของเธอพังลงไปหมด!


จ้าวเหมย แกรนหาที่ตาย!


……………………………………..


 ตอนที่ 1207 เธอมันหัวขโมย


สิ้นเสียงของเหมยเหมย ด้านล่างเวทีก็เกิดความโกลาหลขึ้นมาในทันที


 “ขโมย!”


 “จอมหลอกลวง!”


 “หน้าไม่อาย…คืนเงิน ฉันไม่มีวันซื้อหนังสือของคนขี้ขโมยหรอก คืนเงินมา…”


 “คืนเงิน…”


……


ตอนแรกมีอยู่แค่ไม่กี่เสียงแต่ไม่นานก็มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายแม้แต่เหล่าบรรดาหน้าม้าที่หวงอวี้เหลียนใช้เงินซื้อมา ก็ตะโกนตามออกมาด้วย


หนังสือเล่มหนึ่งได้เงินตั้ง 4.8 หยวน ถ้าได้คืนเงินพวกเขาก็จะได้เงินเพิ่มอีกตั้ง 4.8 หยวน ใครจะโง่ไม่ทำล่ะ!


ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่ม เหล่าผู้คนที่โกรธแค้นต่างพากันกรูขึ้นเวท ตะโกนขอคืนเงิน พิธีกรตกใจจนต้องหนีไปซ่อน บนเวทีเหลือเพียงแต่หวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกและเหมยเหมยเท่านั้น


 “แน่นอนว่าต้องขอเงินคืน ถ้าหากพวกคุณซื้อหนังสือเล่มนี้ไปก็เท่ากับว่าสนับสนุนของโจร ต้องคืนเงินเท่านั้น!” เหมยเหมยพอได้โอกาสก็ใส่ไฟทำให้ทุกคนโกรธแค้นมากขึ้นไปอีก ผู้หญิงบางคนเริ่มผลักหวงอวี้เหลียน คำด่าที่ด่าออกมานั้นแน่นอนว่าไม่ได้สวยงามมากนัก


ทางด้านนักข่าวก็ไม่ยอมอยู่นิ่งเบียดเสียดกันเข้ามา ถามคำถามที่ตรงประเด็นในทุกคำถาม หวงอวี้เหลียนเคยเจอสถานการณ์ใหญ่ขนาดนี้เสียที่ไหน หล่อนก็รู้สึกตกใจแตกต่างจากเมื่อสักครู่ที่ดูสูงส่งสง่างาม พูดอ้ำ ๆอึ้ง ๆ อยู่แบบนั้น


คนอื่นกลับรู้สึกว่าหวงอวี้เหลียนเป็นวัวสันหลังหวะ ยิ่งดูถูกดูแคลนสองแม่ลูกมากขึ้นไปอีก


มีบางคนถึงขนาดพูดถึงเรื่องราวฉาวโฉ่เมื่อสามปีที่แล้ว รวมไปถึงภาพฉาวของหวงอวี้เหลียนกับโอหยางปิน อีกทั้งชาติกำเนิดของโอหยางซานซาน ด้านล่างเวทีวิพากวิจารณ์กันอย่างหนักหน่วง ยิ่งทำให้มีคนรู้เรื่องความลับเกี่ยวกับบ้านตระกูลโอหยางมากขึ้น


เหมยเหมยเห็นภาพความวุ่นวายของหวงอวี้เหลียนเช่นนั้นก็ส่งเสียงสะใจเบา ๆ แล้วกระโดดลงจากเวที ทำหน้าส่งสัญญาณให้กับเซียวเซ่อกับสยงมู่มู่ ทั้งสามคนก็เบียดออกมาจากผู้คนเพื่อออกไปสมทบกับเหยียนหมิงซุ่นที่รออยู่ด้านนอก เมื่อโอหยางปินพาคนเข้ามา ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของพวกเหมยเหมยแล้ว


 “โอหยางซานซาน ช่วงนี้น่าจะต้องอยู่เงียบ ๆไปพักใหญ่” สยงมู่มู่มีความสุขเป็นอย่างมาก เขารำคาญผู้หญิงที่อวดเก่งอวดฉลาดแบบโอหยางซานซานเป็นที่สุด


เซียวเซ่อเหลือบมองเขาอย่างไม่ยี่ระแวบหนึ่ง แค่นเสียงเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร


“ใครจะไปรู้ ถ้าหล่อนไม่เข็ด แล้วมาหาเรื่องฉันอีกล่ะ!” เหมยเหมยพูดเชิงล้อเล่นขึ้นมา


แต่ในใจของหล่อนมั่นใจมาตั้งแต่แรกแล้วว่าต่อไปโอหยางซานซานจะต้องกลับมาหาเรื่องหล่อนอีกแน่ แต่ช่วงนี้ก็น่าจะสงบเสงี่ยมไปอีกสักพัก


เมื่อสามปีที่แล้วหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกถูกขับไล่ออกจากบ้านตระกูลโอหยาง ถ้าไม่ใช่เพราะหวงอวี้เหลียนคิดวิธีนี้ออกมา จนถึงป่านนี้พวกเขาสองแม่ลูกก็อาจจะยังไม่ได้กลับมา แต่ว่าวันนี้บ้านตระกูลโอหยางขายหน้าขนาดนี้ สองแม่ลูกนี้น่าจะถูกขับไล่ออกจากตระกูลอีกครั้งหนึ่งแล้วกระมัง !


 “เซ่อเซ่อ นักข่าวพวกนั้นรู้ใช่ไหมว่าควรเขียนข่าวอย่างไร?” เหมยเหมยยังคงรู้สึกไม่วางใจ


ถึงแม้ครั้งนี้ไม่ได้เล่นงานโอหยางซานซานจนถึงที่สุด แต่ก็จัดการไม่ให้หล่อนกระดิกตัวได้ไปอีก 2-3ปีนี้ ทางที่ดีที่สุดคือทำให้พวกเขาตกใจกลัวแล้วอยู่ห่างจากเธอเสีย ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก


เซียวเซ่อทำมือโอเค “ไม่ต้องเป็นห่วง แน่นอนว่างานออกมาดุจเทพนิมิตแน่ ให้บ้านตระกูลโอหยางทั้งตระกูลอยู่ไม่เป็นสุขกันไปเลย”


เหมยเหมยกระพริบตาให้หล่อน ทั้งสองรับรู้กันพลันหัวเราะอย่างเบิกบานใจ


สยงมู่มู่กลับไม่เข้าใจ “เหมยเหมย เราไม่ได้บอกว่าพวกเขาดักโจมตีเหรอ? แล้วทำไมเธอถึงออกหน้าเองด้วย? ถ้าหากว่าหวงอวี้เหลียนแอบดักแก้แค้นคืนจะทำอย่างไร?”


เหมยเหมยกรอกตามองบนใส่เขา “แต่ก่อนฉันไม่เคยยุ่งกับพวกเขา หวงอวี้เหลียนยังจะมายุ่งกับฉันเหมือนกัน ในเมื่อมันไม่มีความแตกต่าง ฉันก็ต้องระบายความโกรธออกมาให้หมดสิ สีหน้าท่าทางเมื่อกี้ของหวงอวี้เหลียนช่างน่าสะใจเสียจริง!”


สยงมู่มู่รู้สึกสะใจไม่ออก เขาไม่ใช่ไม่รู้ถึงความโหดเหี้ยมของหวงอวี้เหลียน แต่ก่อนมีบ้านตระกูลจ้าวคอยคุ้มหัวอยู่ แต่ตอนนี้อำนาจบ้านตระกูลจ้าวไม่เหมือนก่อน ถ้าเกิด…


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอด เขาเหลือบไปมองสยงมู่มู่ที่กำลังกังวลใจ จึงพูดด้วยเสียงที่หนักแน่นว่า “ฉันไม่ให้เหมยเหมยเป็นอะไรไปแน่”


เหมยเหมยส่งยิ้มหวานให้เขา สยงมู่มู่จึงเพิ่งจะนึกได้ว่ามีบอสเหยียนหมิงซุ่นอยู่จึงรู้สึกสบายใจขึ้น


บทบาทช่างเปลี่ยนไปรวดเร็ว ตามไม่ทันเลยจริงๆ!


ตอนที่ 1208 เลวเหมือนกันทั้งรัง


เซียวเซ่อทำงานไม่เคยพลาด นักข่าวพวกนั้นที่เธอเชิญมารับผิดชอบหน้าที่ได้เป็นอย่างดี งานขายหนังสือจัดขึ้นตอนกลางวัน ข่าวภาคค่ำก็รายงานข่าวเรื่องนี้แล้ว


ถึงแม้เรื่องนี้คนที่เกี่ยวข้องคือโอหยางซานซาน แต่จากการชี้นำของเซียวเซ่อ นักข่าวก็จงใจพูดถึงเรื่องบ้านตระกูลโอหยาง พูดถึงว่าบ้านตระกูลโอหยางเลวเหมือนกันทั้งรัง โอหยางซานซานถึงขนาดกล้าขโมยผลงานของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ถ้าอย่างนั้นลูกหลานตระกูลบ้านโอหยางคนอื่นก็คงไม่ใช่คนดีอะไร


ข่าวภาคค่ำพูดมากไปจะไม่ดี ประเด็นหลักจึงอยู่ที่จ้างมือปืนเขียนงานให้ แต่เซียวเซ่อก็ไม่ได้หาสำนักพิมพ์แค่เจ้าเดียว สำนักพิมพ์เล็กเจ้าอื่นไม่ได้เกรงกลัวอะไรมากจึงเขียนละเลงจัดชุดใหญ่ ขุดเรื่องราวในอดีตของโอหยางซานซานออกมาแฉ


ห้าปีที่แล้วใช้เส้นสายในการแข่งขันระดับประเทศ อีกทั้งชาติกำเนิดที่น่าสงสัยของโอหยางซานซาน…


หนึ่งในนั้นมีสำนักพิมพ์เจ้าหนึ่งที่ใจกล้ามากที่สุด ขุดคุ้ยเรื่องราวสกปรกของบ้านตระกูลโอหยางทุกเรื่องออกมาแฉอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง


ใครให้ลูกหลานบ้านตระกูลโอหยางทำแต่เรื่องสกปรกล่ะ!


แน่นอนว่าคนพวกนี้ถูกเขียนผ่านเท่านั้น แต่พุ่งประเด็นมาที่เรื่องระหว่างหวงอวี้เหลียนกับโอหยางปิน ความรักไร้พรมแดน อีกทั้งโซ่ทองคล้องใจความรักของเขาทั้งสอง


อีกทั้งยังแนบหลักฐานความรักของคู่รักคู่นี้——


เหยียนหมิงซุ่นให้ลูกน้องไปแอบถ่ายความสัมพันธ์ของหวงอวี้เหลียนกับโอหยางปินในระยะนี้ ฝีมือการถ่ายภาพไม่เป็นรองเสี่ยวกัว อีกทั้งยังมีภาพถ่ายที่เสี่ยวกัวถ่ายไว้เมื่อสามปีที่แล้วอีก


เพื่อให้ผู้อ่านอ่านอย่างมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น สำนักพิมพ์ก็ไม่เสียดายต้นทุน แล้วยังตีพิมพ์ออกมาเป็นภาพสี อีกทั้งยังใส่ภาพโมเสคแค่พอเป็นพิธี


จิ๊จิ๊จิ๊!


ในยุคปัจจุบันบางประเทศยังไม่ได้มีหนังเอวีเข้ามามากมาย ปัญหาความเบื่อหน่ายของคนโสดหลายคนไม่ได้รับการแก้ไข หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ช่วยแก้ปัญหานี้ให้พวกเขาได้มากจริง!


ชั่วพริบตากระดาษก็เป็นสิ่งที่ขาดแคลนในเมืองหลวง รายงานพาดหัวข่าวนี้ถึงสามวัน และทุกวันขายหมดตลอด แม้แต่คนในสำนักพิมพ์ที่อยากจะซื้อกลับไปอ่านเองก็ยังไม่มี


บ้านตระกูลโอหยาถึงขนาดกดดันขมขู่และคำด่ามากมายให้สำนักพิมพ์แห่งนี้ แต่สำนักพิมพ์เล็กแห่งนี้กลับไม่เกรงกลัวอำนาจมืด ลุกขึ้นสู้กับอำนาจมืด เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่วงการเสียจริง!


แต่ความจริงแล้ว——


 “พี่หมิงซุ่น พี่คิดไว้นานแล้วใช่ไหมจึงซื้อสำนักพิมพ์เล็กเจ้านี้ไว้ตั้งแต่แรก” เหมยเหมยอยู่ในอ้อมกอดของชายผู้เป็นที่รัก มีความสุขที่สุดเลย


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มอย่างมีเลศนัยมองเข้าไปในตาของเหมยเหมย ความจริงน่าจะเป็นแบบที่เธอคิด เธอก็อดซาบซึ้งใจมากไม่ได้ เงยหน้าขึ้นไปจูบเขาเบาทีหนึ่ง


สำหรับบางคนที่ไม่ได้กินเนื้อมาครึ่งเดือนแล้ว จูบเบา ๆครั้งเดียวจะสามารถดับกระหายได้อย่างไรกัน?


เหยียนหมิงซุ่นใช้มือกดที่ท้ายทอยของหญิงสาว เพิ่มรสจูบให้ดูดดื่มมากขึ้นไปอีก บรรยากาศรอบข้างเริ่มเดือดพล่าน นกกระจอกรอบข้างก็เริ่มส่งเสียงร้อง มองมนุษย์คู่นี้ด้วยสายตาฉงน


สถานที่ที่พวกเขามาพลอดรักกันคือริมลำธารในป่าไม้ที่แสนเงียบสงบมากไม่มีใครมารบกวนได้ ยิ่งไปกว่านั้นเหยียนหมิงซุ่นมีประสาทสัมผัสที่เหนือมนุษย์ หากห่างออกไปอีก 100 เมตรมีการเคลื่อนไหวใดขึ้น เขาก็สามารถรับรู้ได้เช่นกัน


ดังนั้นเขาจึงสามารถกินเนื้อได้อย่างสบายใจ…


“เหมยเหมย…ตรงนี้ทรมาน…”


หัวหน้าใหญ่ในอนาคตก็อ้อนเป็นเหมือนกัน เหมยเหมยที่หายใจหอบก้มลงปิดตาด้วยความเขินอาย เหยียนหมิงซุ่นจับมือของเธอให้ไปสัมผัสบางอย่าง…


……


ผ่านไปสักพักในที่สุดบางคนก็รู้สึกพอใจแล้ว มองไปดูสาวน้อยที่ขวยเขินราวกับกระต่ายสีชมพูในอ้อมกอด ทั้งสองต่างฟังเสียงหัวใจของกันและกัน บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบขึ้นมา


คิดไปถึงเมื่อปีที่แล้วลูกน้องของเขาทำงานผิดพลาดซื้อสำนักพิมพ์ที่ใกล้จะล้มละลาย เขายังลงโทษส่งตัวลูกน้องไปทำภารกิจที่ไกลแสนไกลเป็นเวลาหนึ่งเดือน เหยียนหมิงซุ่นยังรู้สึกผิดเล็กน้อยอย่างไรไม่รู้


หลังจากกลับไปต้องลงโทษให้ลูกน้องคนนั้นไปอยู่ไกลกว่าเดิมแล้ว!


……………………………………………………


 ตอนที่ 1209 แทะโลม


“พี่หมิงซุ่น…พี่อย่าจับซี้ซั้วสิ”


เหมยเหมยไม่รู้เลยว่าในใจของเหยียนหมิงซุ่นกำลังฟุ้งซ่าน เธอไปล้างมือที่ริมแม่น้ำแล้วกลับมากินของว่าง จงใจเขยิบออกห่างคนบางคน แต่มือเรียวยาวของใครบางคนกลับคว้าเธอมานั่งบนเบาะหนังแท้


ดูท่าตอนที่ผู้นำใหญ่ในอนาคตจู๋จี๋กับเจ้าหญิงตัวน้อยตามลำพัง เจ้าหญิงตัวน้อยคงอยู่ได้แค่ในอ้อมกอดที่กว้างใหญ่ของเขาที่เดียวเท่านั้นแล้วแหละ


อย่าคิดจะได้หนีไปไหนเลย!


แน่นอนว่าเหมยเหมยเองก็ชอบขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของคนรักเช่นกัน แต่มือที่ปัดป่ายไปมาอยู่ไม่สุขทำให้เธอรำคาญใจไม่น้อย!


เธอไม่อยากจุดเชื้อเพลิงขึ้นมาอีก ตอนนี้มือของเธอยังปวดอยู่เลยนะ!


กดมือนั้นลงเป็นครั้งที่สิบแปด เหมยเหมยมองค้อนใส่เหยียนหมิงซุ่นที่ตีหน้านิ่ง เมื่อก่อนยังรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่เป็นคนสุขุมเยือกเย็น แต่ตอนนี้ดูท่าเธอคงจะตาถั่วไป


เห็นอยู่ทนโท่ว่าเป็นภูเขาไฟที่เดือดพล่านพร้อมปะทุพ่นลาวาออกมาได้ทุกเมื่อ!


เหยียนหมิงซุ่นจะทำใจออกห่างเจ้าตัวนุ่มหอมหวานได้ที่ไหนกัน ห้ามใจไม่ให้ลูบไล้ผิวเนียนละเอียดอีกครั้งไม่ไหว ถึงแม้จะทำอะไรไม่ได้ แต่สัมผัสนุ่มสบายกว่าอากาศแล้วกัน


เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาทีหนึ่งและคร้านจะยุ่งกับเขาแล้ว จึงเปิดของว่างที่หยิบนำมาด้วย สิ่งที่ดึงดูดเธอก็คือผลไม้ชั้นยอดอย่างเชอร์รีสีแดงสดที่ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้


รสชาติไม่เลวจริง ๆ  ไม่มีรสจืดเหมือนผลไม้นอกฤดูกาลเลยสักนิด เหมยเหมยป้อนใส่ปากไม่หยุด พอเห็นว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่กินจึงจับป้อนเข้าปากไปหนึ่งลูก


“อร่อยใช่ไหมล่ะ?” เหมยเหมยเอ่ยถาม


เหยียนหมิงซุ่นกินเชอร์รีเข้าไปแล้วคายเม็ดออกมา อันที่จริงเขาไม่ค่อยชอบกินผลไม้รสเปรี้ยวหวานประเภทนี้สักเท่าไร เขามองหญิงสาวในอ้อมกอดที่แหงนหน้าขึ้นมาเล็กน้อย คางสวยได้รูปที่มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ


มองลงมา…คอยาวขาวระหง ต่อให้เขาจูบเป็นหมื่นครั้งก็ไม่ทางเบื่อ


เพราะจูบอันเร่าร้อนและสิ่งที่อยู่ล่างคอเสื้อที่ถูกปลดออก รูปร่างอ้อนแอ้นที่เขาชอบมากที่สุด ต่อให้กัดขยำเป็นล้าน ๆรอบก็ยังอยากจะลิ้มรสอีก


เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งดับไฟราคะในร่างกายได้ก็ถูกลูกเชอร์รีสีแดงลูกเดียวปลุกเร้าขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด สายตาพลันขรึมลง ก้มหน้าลงประทับริมฝีปากสีแดงที่เขาไม่เคยเบื่อ ปฏิบัติการแทะโลมสาวน้อยเป็นครั้งแรก


“ไม่อร่อยเท่า…เหมยเหมยหรอก…”


เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยเสียงแหบพร่า ในปากเหมยเหมยมีเชอร์รีอยู่ลูกหนึ่ง พอเหยียนหมิงซุ่นบุกจู่โจมเข้ามาเชอร์รีในปากก็ถูกแย่งไป แต่เพียงครู่เดียวน้ำรสหวานเปรี้ยวก็ถูกส่งกลับเข้ามาให้ปาก


เหมยเหมยกลืนลงไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังรู้สึกว่าอร่อยกว่าตนเองเคี้ยวเสียอีก อดไม่ได้จะลอบด่าตัวเองในใจว่าช่างไร้ยางอายเสียจริง


“พี่ป้อนเชอร์รีให้เหมยเหมยแล้ว เหมยเหมยก็ต้องให้พี่กินเป็นการตอบแทนนะ”


เสียงของเหยียนหมิงซุ่นดังขึ้นข้างหู น่าเสียดายที่ไอคิวของเหมยเหมยไม่สูงพอ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจความหมายอันล่อแหลมนี้เลย เพียงแค่ยื่นมือไปหยิบลูกเชอร์รีในกล่องด้วยท่าทีซื่อบื่อ แต่กลับถูกผลักล้มนอนลงบนพรม


“พี่อยากกินอันนี้…”


… (นักเขียน : ไม่กล้าเขียนต่อแล้ว ทุกคนจินตนาการเอาเองนะ)


รอจนกินเสร็จอีกครั้ง เหมยเหมยถึงเพิ่งเข้าใจความหมายในคำพูดของเหยียนหมิงซุ่นเมื่อครู่ อายตัวแทบม้วนจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง ลอบด่าใครบางคนว่าเป็นหมาป่าจอมหื่น


ทำไมเมื่อก่อนเธอไม่เคยสังเกตเห็นธาตุแท้ของหมาป่าจอมหื่นนะ?


เหยียนหมิงซุ่นที่ได้กินเต็มอิ่มถึงสองมื้อกลับรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เขาจึงโอบสาวน้อยที่เหนื่อยล้าเข้ามาในอ้อมกอดอย่างระแวดระวังแล้วป้อนเชอร์รีเข้าปากทีละลูก บริการดีเต็มที่ไม่มีขาดตกบกพร่อง


ตอนแรกเหมยเหมยที่ยังโกรธอยู่ไม่ยอมอ้าปากกิน แต่ไหนเลยจะต้านทานอาหารรสเลิศและเสน่ห์ของชายหื่นได้ ไม่นานก็กลับไปเป็นเด็กสาวว่านอนสอนง่ายอย่างเดิม จัดการเชอร์รีหนึ่งกล่องจนเกลี้ยง


“พรุ่งนี้พี่จะมารับนะ เป็นเด็กดีรออยู่ที่บ้านล่ะ” เหยียนหมิงซุ่นลูบไล้เส้นผมของเหมยเหมยที่ลื่นราวกับเส้นไหมเบา ๆ


เหมยเหมยพยักหน้าอย่างว่าง่าย “อื้ม พี่หมิงซุ่นได้เชิญพวกคุณปู่ของฉันไหม?”


ตอนที่ 1210 คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ


 เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า “เชิญแล้ว หนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อก็เชิญมาแล้ว”


พรุ่งนี้เป็นวันดีที่เฮ่อเหลียนชิงจะจัดงานเลี้ยงขึ้น สถานที่จัดคือสวนฟาร์ม สวนฟาร์มสถานที่กว้างขวาง เอาโต๊ะไปวางหนึ่งร้อยตัวก็ไม่มีปัญหา


เฮ่อเหลียนชิงที่เงียบเหงามาสิบกว่าปี จู่ ๆก็เกิดแจกบัตรเชิญกะทันหัน เรื่องนี้เป็นที่น่าจับตามองเสียยิ่งกว่าหวงอวี้เหลียนกลับไปมีความสัมพันธ์กับคนรักเก่าเสียด้วยซ้ำ เป็นกระแสไปทั่วทั้งเมืองทำให้หลายคนรู้สึกไม่สบายใจ


พวกเขาไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนชิงต้องการจะทำอะไร?


เพราะนี่คือตัวอันตรายที่ทำให้คนปวดหัวได้ยิ่งกว่าอาวุธนิวเคลียร์!


เหมยเหมยได้ยินว่าเฮ่อเหลียนเช่อถูกรับเชิญมาเช่นกันพลันตาโตลุกวาวอย่างอดไม่ได้ “เขาบ้าไปแล้วเหรอ? ไม่กลัวว่าพรุ่งนี้คนชั่วสองคนนั้นจะมาก่อเรื่องหรืออย่างไร?”


เหยียนหมิงซุ่นจูบลงไปที่ริมฝีปากของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ปลอบโยนว่า “ไม่กลัวหรอก พรุ่งนี้นายใหญ่ก็จะไปเช่นกัน หนิงเฉินเซวียนน่าจะว่านอนสอนง่ายเสียยิ่งกว่าหวงฉิวอีก”


หนิงเฉินเซวียนถึงแม้อยากจะขึ้นมาแทนที่นายใหญ่ แต่ต่อหน้าเขาต้องทำเป็นจงรักภักดี กระทั่งหากว่าใครอยากจะทำร้ายนายใหญ่ เขาจะต้องออกมาประจานคนนั้นเป็นคนแรกแน่


เหมยเหมยไม่ได้เค้นถามต่อ เรื่องพวกนี้หล่อนไม่ค่อยเข้าใจถามไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี อีกอย่างเธอเชื่อใจเหยียนหมิงซุ่น เขาบอกว่าไม่มีปัญหาก็ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน


ทั้งสองหวานกันต่ออีกสักพักก็เก็บของกลับบ้าน


พรุ่งนี้สวนฟาร์มจะต้องเตรียมจัดงานเลี้ยงใหญ่ เหยียนหมิงซุ่นในฐานะที่เป็นคุณชายเจ้าของงานของสวนฟาร์ม อีกทั้งตาแก่เฮ่อเหลียนชิงเป็นคนดีแต่สั่ง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ให้เหยียนหมิงซุ่นไปเป็นคนจัดการ นัดในวันนี้เหยียนหมิงซุ่นแอบหาเวลาว่างออกมาเองเสียด้วยซ้ำ


เหยียนหมิงซุ่นส่งเหมยเหมยกลับบ้านตระกูลจ้าว ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว จ้าวอิงหย่งกลับมาแล้ว เขาถูกย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่ว่างงาน ทุกวันไม่มีอะไรให้ทำ เข้างานเลิกงานจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร


ไม่กี่วันก่อนหน้านี้จ้าวอิงหัวกลับเมืองจิน เขายุ่งมาก ๆ เห็นว่าคุณย่ายังไม่จากไปในเร็ววันนี้ จึงกลับไปจัดการธุระก่อน


จ้าวอิงหย่งเห็นรถของเหยียนหมิงซุ่นแล่นออกไป สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาในทันที เหมยเหมยก็ไม่ได้สนใจเขาเดินขึ้นไปข้างบนเลย หล่อนไม่ได้ติดค้างอะไรบ้านตระกูลจ้าวเสียหน่อย ทำไมต้องมานั่งดูสีหน้าคนบ้านตระกูลจ้าวด้วย?


 “เหมยเหมย ไปดูคุณย่าหน่อยสิ” จ้าวอิงหย่งพูดขึ้น


เหมยเหมยหยุดชะงักไม่ได้โต้ตอบอะไร แล้วเดินลงมาจากบันได เดินไปยังห้องของคุณย่า คุณย่านอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่บนเตียงนอน มีแต่เสียงของเครื่องที่อยู่ข้างเตียงเท่านั้น


กลิ่นในห้องไม่ค่อยดีนัก เหยียนซินหย่ากับอันหย่าฟางดูแลคุณย่าอยู่ในห้อง และยังมีจ้าวอิงหนานด้วย


เหมยเหมยขมวดคิ้วมองไปที่คุณย่าแวบหนึ่ง แล้วก็เดินออกจากห้องไปใช้เวลาไม่ถึงสองนาที


 “ทำไมออกมาเร็วขนาดนี้? พูดกับคุณย่าเสียหน่อยสิ ดีไม่ดีคุณย่าอาจจะอาการดีขึ้นก็ได้” จ้าวอิงหย่งรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความตำหนิติเตียน


เหยียนซินหย่าแย่งพูดขึ้นมาว่า: “ตอนนี้คุณย่าไม่ได้รับรู้อะไรทั้งนั้น เหมยเหมยพูดกับท่านตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร?”


จ้าวอิงหย่งรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเหมยเหมยไม่ยอมพูดอะไรกับคุณย่า เขาก็แค่รู้สึกรำคาญ รำคาญแบบไม่รู้ต้นสายปลายเหตุก็เลยอยากจะหาเรื่องหลานสาว


 “ถึงแม้ว่าแม่ของผมจะไม่ได้ยินแต่รู้สึกได้แน่นอน ในฐานะที่เหมยเหมยเป็นหลานสาว ตอนนี้เป็นเวลาที่เธอควรจะแสดงความกตัญญู วัน ๆออกไปแต่ข้างนอกไม่เห็นแม้แต่เงากลับมาก็ไม่มาดูแลย่าสักนิด มันคืออะไรกัน?” จ้าวอิงหย่งหาประเด็นมาตำหนิ


เหยียนซินหย่าจับเหมยเหมยที่กำลังจะเถียงไว้ มองไปที่จ้าวอิงหย่งด้วยสายตาเย้ยหยัน


แต่ก่อนหล่อนเคยรู้สึกว่าลุงสามป็นคนที่ซื่อตรงที่สุด ตอนนี้ดูแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากจ้างอิงสยงเลยสักนิด


 “พี่พูดว่าเหมยเหมยเป็นคนอกตัญญู แล้วพี่ล่ะ? พี่เคยมาแสดงความกตัญญูตอนไหน?” เหยียนซินหย่าไม่ยอมเลยแม้แต่น้อย


ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าคิดจะมารังแกลูกสาวหล่อนเป็นอันขาด!


……………………………………..


 ตอนที่ 1211 ปกป้องลูกสาว


 เหยียนซินหย่าไม่ยอมเลยแม้แต่น้อยสู้อย่างถึงที่สุด จ้างอิงหย่งคิดไม่ถึงเลยว่าน้องที่มีท่าทีอ่อนโยนขี้ขลาดมาโดยตลอดกลับกล้าต่อปากต่อคำกับเขา?


 “น้องพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ฉันไม่กตัญญูตอนไหน? ไม่เห็นเหรอว่าช่วงนี้ฉันกลับมาเร็วตลอด!” จ้าวอิงหย่งพูดด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ


เหยียนซินหย่าแสยะยิ้ม มุมปากแสดงให้ถึงการเยาะเย้ยเล็กน้อย “พี่สาม พี่จำเป็นต้องกลับมาไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างถึงแม้ว่าพี่กลับมาแล้ว พี่ทำอะไรบ้าง ทางแม่นี่ฉันกับพี่สะใภ้ก็คอยดูแลอยู่ พี่ก็ไม่เข้ามาในห้องนี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? พี่มีสิทธิ์อะไรมาว่าเหมยเหมย?”


หล่อนพูดจี้ใจดำอย่างจัง จ้าวอิงหย่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ โกรธเสียจนหน้าเขียวจนเกือบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่


อันหย่าฟางจับเขาไว้ ส่ายหัวเบาเบาเตือนเขา จ้าวอิงหย่งเงียบลงแต่โดยดี สีหน้าไม่สู้ดีนัก


 “ซินหย่าอย่าถือสาพี่สามเลยนะ พี่สามช่วงนี้อารมณ์ไม่ดี เธออภัยให้เขาหน่อยแล้วกัน” น้อยนักที่อันหย่าฟางจะพูดอะไรออกมา


เหยียนซินหย่าไม่ใช่คนที่ชอบเหน็บแนมเสียดสีอยู่แล้ว เมื่อสักครู่หล่อนแค่อยากจะปกป้องลูกสาวนาน ๆจะโมโหเสียทีหนึ่ง ตอนนี้อันหย่าฟางออกหน้า หล่อนก็คงจะไม่ดึงดันเถียงต่อ


 “เหมยเหมยกลับไปพักผ่อนเถอะ ตรงคุณย่านี่มีแม่กับป้าสามคอยดูแลอยู่ ลูกไม่จำเป็นต้องมาหรอก”


เหยียนซินหย่าพูดอย่างจงใจ จ้าวอิงหย่งแค่นเสียงไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา


หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ อันหย่าฟางก็ลากจ้าวอิงหย่งกลับไปที่ห้อง ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาจ้าวอิงหย่งกลัวภรรยาอยู่แล้ว เห็นว่าภรรยาสีหน้าไม่ดีนักในใจก็อดไม่ได้ที่จะตุ้ม ๆต่อม ๆไปด้วย


 “คุณโง่หรืออย่างไร? ไม่มีเรื่องอะไรแล้วคุณไปหาเรื่องพวกอิงหัวพวกเขาทำไม?” อันหย่าฟางมองสามีด้วยความโมโห


“ก็ผมโมโห ทั้งที่จ้าวเหมยพูดจาดี ๆไม่กี่คำผมก็จะกลับไปตำแหน่งเดิมได้แล้ว แต่พวกเขากลับดูดายไม่ยอมช่วยเหลือ คุณว่าผมจะไม่โมโหได้อย่างไร?” จ้าวอิงหย่งพูดด้วยความโมโห


อันหย่าฟางแสยะยิ้มมองสามีด้วยสายตาดูถูก โง่ปัญญาอ่อนเสียจริงเลย ในช่วงหลายปีนี้ถ้าไม่ใช่หล่อนช่วยวางแผนอยู่เบื้องหลัง จ้าวอิงหย่งจะมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไรเล่า?


แต่ตอนนี้กลับถูกตาโง่จ้าวอิงสยงพังหมดทุกอย่าง!


แน่นอนว่าหล่อนโมโหมาก แต่หล่อนรู้ว่าตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรได้ ยิ่งทำมากก็ยิ่งผิดมากเท่านั้น


เรื่องความสัมพันธ์ของหลานสาวจ้าวเหมยกับเฮ่อเหลียนชิง ตอนนี้หล่อนยังไม่มั่นใจนัก แต่ในเรื่องที่ยังไม่มั่นใจ หล่อนจะยังไม่ยอมลงมือง่าย ๆแน่


อีกอย่างถ้าจ้าวเหมยจะสนิทกับเฮ่อเหลียนชิงจริง ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งไปหาเรื่องจ้าวเหมยไม่ได้ จะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบ้านจ้าวอิงหัวเท่านั้นจึงจะสามารถขอร้องให้จ้าวเหมยช่วยขอคืนตำแหน่งให้จ้าวอิงหย่งได้


อีกอย่างตอนนี้บ้านจ้าวอิงหัวกำลังไม่พอใจเรื่องที่จ้าวเหมยถูกเล่นงาน โกรธแค้นที่บ้านแทบแย่ ตาโง่จ้าวอิงสยงก็โง่สิ้นดีไม่คิดจะสานความสัมพันธ์กับบ้านจ้าวอิงหัวไม่พอยังจะไปหาเรื่องอีก ช่างโง่เสียจริง


ยังดีที่ถึงแม้จ้าวอิงหย่งจะไม่ฉลาด แต่มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งคือเชื่อฟังภรรยา อันหย่าฟางล้างสมองให้เขาทั้งคืนถือว่าทำให้เขากลับมามีความคิดปกติได้เสียที


ตอนกินข้าวในเช้าของวันถัดมา เหมยเหมยเห็นจ้าวอิงหย่งมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสก็อดตกใจไม่ได้


วันนี้จะมาไม้ไหนอีกเนี่ย?


 “เหมยเหมย กลางวันนั่งรถของลุงสามไปสิ” จ้าวอิงหย่งเสนอตัว แต่ในใจก็รู้สึกแปลกๆ แต่จำเป็นต้องเชื่อฟังคำพูดของภรรยา


เหมยเหมยส่ายหัว “ไม่ต้องค่ะ พี่หมิงซุ่นจะมารับฉันกับแม่ค่ะ”


ไม่รู้ว่าจ้าวอิงหย่งจะมาไม้ไหน อยู่ให้ห่างหน่อยน่าจะดีเสียกว่า


จ้าวอิงหย่งเก็บความโมโหไว้ ถ้าปกติคงจะโมโหออกมาแล้วแต่วันนี้เขาต้องอดทน ทำได้เพียงก้มหน้ากินข้าวด้วยความหงุดหงิด ไม่กล้าทำให้ภรรยาของเขาโมโหอีก


คุณปู่มองหลานสาวด้วยสายตาที่ซับซ้อน อารมณ์ก็ซับซ้อนด้วยเช่นกัน กลางวันทุกอย่างก็น่าจะถูกเปิดเผย เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าหลานสาวของเขาอาจจะเป็นที่สนใจของคนทั่วทั้งเมือง


แต่เขากลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด!


…………………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)