ลำนำบุปผาพิษ 1177-1182

 บทที่ 1177 มรสุมพิธีสมรส 4


ทุกคนต่างนิ่งอึ้ง


เลือดไหลอาบหน้าอกของโม่เจ้า แม้แต่ริมฝีปากยังมีเลือดไหลออกมา


ร่างกายของเขาสั่นเทา ปิ่นทองปักผมเปื้อนเลือดหนึ่งอันร่วงหล่นจากบริเวณบาดแผลที่หน้าอก ตกลงสู่พื้นเสียงดังแกร๊ง


เห็นได้ชัดมากว่า เมื่อสักครู่กู้ซีจิ่วลอบทำร้ายเขาด้วยปิ่นทองนี้ ปิ่นยาวประมาณครึ่งฉื่อ เจาะทะลวงเข้าไปในหัวใจเขา ทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือด


หากเป็นคนธรรมดาคงสิ้นชีพไปทันทีเมื่อถูกโจมตีเช่นนี้ ทว่าโม่เจ้าไม่ใช่คนธรรมดา เขายังคงยืนได้อย่างมั่นคง และยังพูดได้ “กู้ซีจิ่ว ที่แท้เจ้าแสร้งความจำเสื่อม! ปิ่นทองนี้…มาจากที่ใดกัน?”


โม่เจ้าสงสัยยิ่งนัก ไม่ว่าเขาทำอะไรก็มักจะตัดไฟแต่ต้นลมเสมอ ดังนั้นถึงแม้รู้ดีแก่ใจว่ากู้ซีจิ่วสูญเสียความทรงจำแล้ว ทั้งหัวใจมีแต่เขา เขาก็ไม่อยากให้ตัวนางมีสิ่งของใดที่ใช้เป็นอาวุธได้ พิธีมงคลสมรสคราวนี้ รัดเกล้าที่นางสวมใส่บนศีรษะงดงามตระการตา ล้วนทำมาจากไข่มุกที่ร้อยเรียง ไม่มีสิ่งใดแหลมคม แม้แต่ปิ่นปักผมขนาดครึ่งชุ่นยังไม่มี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงปิ่นปักผมยาวครึ่งฉื่อนี้เลย


กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วเยาะยิ้ม ไม่ได้ตอบกลับ เธอไม่ได้มีหน้าที่ไขข้อข้องใจให้กับเขา


ความจริงแล้วเธอฟื้นคืนความทรงจำได้ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า จากนั้นจึงตัดสินใจวางแผนตลบหลัง ฉวยโอกาสขโมยปิ่นปักผมบนศีรษะของข้ารับใช้นางนั้นตอนตนสะดุดล้ม


ข้ารับใช้นางนั้นชอบปักปิ่น บนศีรษะนางมีปิ่นอยู่สี่ถึงห้าอัน หากหายไปหนึ่งคงไม่รู้ตัว


สายตาของโม่เจ้าหันไปมองตี้ฝูอี “ทั้งที่บนตัวเจ้ายังมีตรวนสลายวิญญาณอีกสองเส้น…”


ตี้ฝูอีอมยิ้ม “เจ้าลองมองดูสิ่งที่ทะลวงฝ่ามือของเจ้าสิ”


โม่เจ้าโดนลอบทำร้ายติดต่อกันหลายครั้ง เจ็บปวดทั้งขาและหัวใจ จนลืมความเจ็บปวดที่มือไปแล้ว เมื่อตี้ฝูอีพูดเขาจึงนึกขึ้นได้


เขายกมือขึ้นโดยสัญชาตญาณ และพบกุญแจประกายเย็นเยือกในฝ่ามือดอกนั้น…


กุญแจดอกนั้นเป็นกุญแจที่ปลดตรวนสลายวิญญาณบนตัวตี้ฝูอี


สายตาของโม่เจ้ามองไปที่กู้ซีจิ่วทันใด “เจ้าขโมยกุญแจนี้ไปให้มันงั้นรึ?”


“ถูกต้องแล้ว” กู้ซีจิ่วบอกเขาสามคำ เธอทำทีเป็นจูงมือโม่เจ้า ฉวยโอกาสตอนนิ้วมือประสานกัน กระตุกกุญแจในแขนเสื้อเขาออกมา จากนั้นแสร้งเดินสะดุดล้ม อาศัยตอนที่เกือบโผเข้าสู่อ้อมกอดตี้ฝูอี ใส่กุญแจลงในแขนเสื้อของอีกฝ่าย


ทักษะอันแคล่วคล่องว่องไวของนาง ไม่มีผู้ใดสัมผัสได้เลยจริงๆ มืออาชีพเสียยิ่งกว่านักย่องเบาอาชีพ โม่เจ้าไม่รู้สึกอะไรเลย…


และตี้ฝูอีก็มีความรู้สึกว่ากุญแจนั้นสัมผัสแขนของตน


กุญแจเย็นเยียบ ทว่าหัวใจเขากลับร้อนรุ่ม ณ ตอนนั้น…


โม่เจ้ากล่าวสิ่งใดไม่ออก ถึงแม้เขาเป็นคนสุขุมเยือกเย็นมาแต่ไหนแต่ไร ทว่าผู้ที่ใช้กลอุบายต่อหน้าต่อตาเขาก็ยังมีเพียงกู้ซีจิ่วคนเดียว ที่น่าโมโหยิ่งกว่าก็คือ นางทำสำเร็จแล้ว!


เด็กสาวคนนี้แท้จริงแล้วกลับชาติมาเกิดอย่างไรกันแน่? ปราดเปรื่อง กล้าหาญ อีกทั้งแสดงได้สมบทบาท….


ทั้งที่เขารู้ลักษณะนิสัยเฉพาะของนาง กลับถูกนางหลอกเข้าอีกครั้ง! ทั้งยังเป็นการลวงหลอกที่โหดร้ายเพียงนี้!


บาดแผลที่หน้าอกของเขาเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ทำให้เบื้องหน้าของเขาค่อนข้างพร่ามัว…


เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว พลันยิ้มอย่างเยือกเย็น “ฝีมือของพวกเจ้าไม่เลว ร่วมมือกันได้เข้าขานัก หากแต่ตอนนี้เจ้าอยู่ในฐานลับของข้า เจ้าลอบทำร้ายข้าแล้วคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้หรือ? ใครก็ได้ จับตัวพวกเขาเอาไว้!”


ถึงตอนนี้ คนทั้งห้องโถงเพิ่งจะตอบสนอง รายล้อมกันเข้ามา…


กู้ซีจิ่วเคลื่อนย้ายในทันใด โฉบผ่านข้างกายคนสองคนไป!


เธอใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา ทั้งสองคนนั้นไม่ทันได้เตรียมป้องกัน เมื่อตอบสนอง อาวุธในมือก็ถูกกู้ซีจิ่วช่วงชิงไปเสียแล้ว!


เมื่อกู้ซีจิ่วกลับไปอยู่ข้างกายตี้ฝูอีอีกครั้ง ในมือของเธอก็มีกระบี่เพิ่มขึ้นมาสองเล่ม


————————————————


บทที่ 1178 มรสุมพิธีสมรส 5


เธอแบ่งให้ตี้ฝูอีหนึ่งเล่ม ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา “พวกเราหาทางฝ่าออกไปกัน!”


เธอเองก็รู้ว่าการกระทำในตอนนี้อันตรายยิ่งนัก แต่ว่าเธอไม่สนใจอะไรแล้ว!


หนึ่งคือเธอไม่อยากกราบไหว้ฟ้าดินกับโม่เจ้า ต่อให้เสแสร้งแกล้งทำก็ไม่ได้ เธอทำใจปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้


ประการที่สองคือเธอรู้ว่าเมื่อพิธีสมรสเสร็จสิ้นลง โม่เจ้าจะจัดการกับตี้ฝูอีอย่างแท้จริง! เธอมีเวลาวางแผนการทั้งหมดนี้ไม่มาก ทำได้เพียงค่อยๆ คิดค่อยๆ แก้ไปทีละเปลาะ


สวรรค์มีตา พริบตาที่เธอฟื้นคืนความทรงจำ ยังนึกถึงสิ่งที่ตี้ฝูอีทุ่มเททำเพื่อเธอได้ หัวใจเธอร้อนรุ่ม ความทุกข์ใจระคนอบอุ่นใจเอ่อท่วมท้น เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ยินยอมเป็นตัวประกันของโม่เจ้าเพื่อเธอ ทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน เช่นนั้น เหตุใดเธอจะไม่ยอมเสี่ยงชีวิตนี้เพื่อช่วยเขาบ้างเล่า?!


เคราะห์ดีที่ความทรงจำของเธอฟื้นกลับมาได้ทันเวลา!


เธอแทบไม่กล้าจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้างหากความทรงจำกลับมาไม่ทันเวลา ได้ร่วมหอลงโรงกับโม่เจ้า และตี้ฝูอีเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธออีกครั้ง ตอนนั้นต่อให้เธอทำเช่นไรก็มิอาจนำทุกอย่างกลับคืนมาได้แล้ว!


โชคดีที่เธอตื่นขึ้นมาก็ยังไม่นับว่าสายเกินไป ยังมีความหวังที่จะเอาทุกอย่างกลับคืนมาได้


เธอคอยหาจังหวะตลอด วางแผนการทั้งหมดอย่างเยือกเย็น เพียงแค่รอให้โอกาสนี้มาถึง


เมื่อสักครู่ เธอใช้ปิ่นปักผมแทงทะลุหลอดเลือดหัวใจโม่เจ้า เธอรู้จุดแม่นยำ แต่เกรงว่าจะแทงไม่ลึกพอ หลังจากแทงเข้าไปแล้ว ยังพยายามหาโอกาสซัดฝ่ามือเข้าไปอีกที ให้ปิ่นปักผมฝังเข้าไปจนมิดด้าม


เธอแทงทะลุหลอดเลือดของเขา ทั้งยังลึกขนาดนั้น ยามนี้คาดไม่ถึงว่าโม่เจ้ายังไม่มีทีท่าว่าจะล้มลง ซ้ำทั้งยังออกคำสั่งให้ฝูงชนต่อสู้ได้อีก


ความจริงแล้วโม่เจ้าจัดพิธีมงคลสมรสครั้งนี้อย่างใหญ่โต เพื่อชดเชยเรื่องแขกภายนอก เกือบทุกคนภายในวังใต้พิภพล้วนมากันพร้อมหน้าพร้อมตาไม่น้อยกว่าสามร้อยกว่าคน


พลังวิญญาณของคนเหล่านี้ไม่ต่ำต้อย หากต่อสู้กันขึ้นมา ตนเองและตี้ฝูอีคงไม่ใช่คู่มือพวกเขาเป็นแน่…


แต่แล้วอย่างไรเล่า?


ขอเพียงเธอและเขาอยู่ด้วยกัน ถึงแม้ต้องตายตกไปตามกันก็ไม่เป็นไร!


ฆ่าสองคนก็เท่าทุน ฆ่าสี่คนก็กำไร!


กู้ซีจิ่วคาดการณ์จากความสามารถตนในตอนนี้ มั่นใจอย่างยิ่งว่าจะต่อสู้ได้สิบกว่าคน


ส่วนตี้ฝูอี…


เขาถูกตรึงด้วยตรวนสลายวิญญาณมาเป็นเวลานาน พลังวิญญาณในตัวคงถูกทำลายไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว ตอนนี้เขายืนอยู่ข้างกายเธอได้โดยที่เธอไม่ต้องอุ้ม ไม่ต้องประคอง กู้ซีจิ่วก็พึงพอใจมากแล้ว ย่อมไม่คาดหวังให้เขามาต่อสู้


เมื่อทุกคนตีวงล้อมเข้ามา เธอเอียงหน้าพูดกับตี้ฝูอี “เดี๋ยวเจ้าตามติดข้ามา”


สายตาตี้ฝูอีพลันวูบไหว ก่อนพยักหน้า “ได้!”


เธอยังไม่วางใจ “เจ้ายืนไหวหรือไม่? ให้ข้าแบกเจ้าไปไหม?”


ตี้ฝูอีส่ายหน้า เขาเข้มแข็งยิ่งนัก “ข้าไหว ไม่ต้องแบกข้า” เขาพิจารณานางอีกหลายครา “ซีจิ่ว เจ้าเหมือนจะเลื่อนขั้นแล้ว”


กู้ซีจิ่วเองกลับไม่รู้ตัว “หา?”


ตี้ฝูอีกล่าว “ดูจากฝ่ามือเมื่อสักครู่ของเจ้า เจ้าบรรลุพลังวิญญาณขั้นแปด วิญญาณทะลวงขั้นแล้ว”


เมื่อครู่กู้ซีจิ่วมัวแต่ตื่นเต้นจนไม่ทันได้สังเกตจุดนี้ ทว่าเธอรู้สึกว่าตนเองตัวเบากว่าก่อนมากจริงๆ เธอสะบัดแขน โคจรพลังวิญญาณ ปลายแหลมของกระบี่วิเศษในมือมีลำแสงขาวสว่างไสวพวยพุ่งออกมาสามฉื่อ…


เธอเบิกตากว้าง “ขั้นแปดแล้วจริงๆ ด้วย!” เธอเลิกคิ้ว ความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น


ฝ่าออกไปได้หรือไม่ได้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง พลังเธอเพิ่มมากขึ้น เช่นนั้นแพะรับบาปในการต่อสู้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นแล้ว…


“เด็กน้อย เจ้าสร้างปาฏิหาริย์แล้ว! หลับตื่นเดียวบรรลุสองขั้น!”


———————————————–


บทที่ 1179 ข้าจะเป็นกำลังใจให้เจ้าอยู่ด้านข้าง


“เด็กน้อยเจ้าสร้างปาฏิหาริย์แล้ว! หลับตื่นเดียวบรรลุสองขั้น!” ตี้ฝูอีดูปรีดายิ่งนัก ยื่นมือไปสางผมให้กู้ซีจิ่ว ก่อนนางจะหลับไปพลังวิญญาณอยู่ที่ขั้นหกชัดๆ พอตื่นขึ้นมาพลังวิญญาณกลับบรรลุขั้นแปดแล้ว แค่นอนก็ได้ชัยโดยแท้…


หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย ในความฝันเธอพยายามพุ่งชนกำแพงบานหนึ่งอย่างสุดชีวิต เหมือนว่าพุ่งๆ อยู่ก็มีแสงพวยพุ่งออกมา…


หรือว่าตอนนั้นเป็นการฝ่าทะลวงขั้น?


“จับตัวพวกเขา!” โม่เจ้าเห็นพวกเขาพะเน้าพะนอกันก็ขัดตายิ่งนัก ออกคำสั่งทันที!


ฝูงชนแห่กันเข้าไปล้อม ตี้ฝูอีพิงไหล่กู้ซีจิ่วกวาดตามองรอบข้างแวบหนึ่งหัวเราะเบาๆ “นี่พวกเจ้าจะเป็นหมาหมู่หรือ?”


ฝูงชนเงียบงัน


ตี้ฝูอีหัวเราะอีกครา “พวกเจ้าทุกคนก็เคยเป็นอัจฉริยะของแผ่นดินมาก่อน ตอนนี้คนสองสามร้อยคนคิดจะรุมแม่นางน้อยเพียงคนเดียวงั้นรึ? ช่างเป็นชายชตรีที่ห้าวหาญยิ่งนักโดยแท้!”


ท่ามกลางผู้คนในที่นี่ยังคงมีอยู่หลายคนที่ต้องการจะแสดงความสามารถต่อหน้าท่านเจ้า อีกทั้งพวกกู้ซีจิ่วทั้งคนที่พวกเขาจะรังแกคนหนึ่งเป็นเด็กสาว คนหนึ่งเป็นบุรุษที่บาดเจ็บที่แม้แต่ยืนก็ยืนแทบไม่อยู่แล้ว…


มีคนสองคนกระโจนออกมาในทันใด หนึ่งถือดาบอีโต้ หนึ่งถือลูกตุ้มดาวตก ดูน่าเกรงขามอย่างยิ่ง


“ท่านเจ้า พวกเราสองพี่น้องขออาสาขอรับ!”


สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน เคยเป็นมารร้ายชื่อกระฉ่อนของทวีปนี้ สังหารคนโหดเหี้ยมไร้ปรานี ยามที่พเนจรอยู่ด้านนอกพังวิญญาณบรรลุขั้นหกแล้ว ต่อมาเนื่องจากก่อกรรมชั่วมากเกินไป ถูกมู่เฟิงลูกน้องของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายออกคำสั่งจับกุม พวกเขาไร้หนทางหลบหนี ถูกหลงฟั่นรับไว้ที่นี่ เนื่องจากหลงฟั่นใช้ตัวยาพัฒนายกระดับพวกเขา ภายในระยะสั้นๆ เพียงสองปี ระดับพลังวิญญาณก็บรรลุถึงขั้นแปดแล้ว ถือเป็นผู้มีความสามารถของตำหนักใต้ดินแห่งนี้เช่นกัน


โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองออกโรงพร้อมกัน อย่าว่าแต่ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้เลย ต่อให้เป็นด้านนอก ก็ทำให้วีรบุรุษผู้กล้าทั้งแผ่นดินปวดเศียรเวียนเกล้าได้


“นี่ พวกข้าสองคน พวกเจ้าก็สองคน สู้กันเช่นนี้พวกเจ้าก็ไม่เสียเปรียบแล้วกระมัง?” ปลายดาบของคนที่ใช้ดาบยักษ์ผู้นั้นแทบจะชี้โดนจมูกของตี้ฝูอีแล้ว


ตี้ฝูอีเอียงคอมองกู้ซีจิ่ว “เด็กน้อย สองคนนี้เจ้าจัดการไหวหรือไม่?”


กู้ซีจิ่วทราบว่ายามนี้ร่างกายเขาอ่อนแอ เธอยังคงเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเป็นอย่างดี “ไม่มีปัญหา เจ้าสองตัวนี้ไม่คู่ควรให้ท่านลงมือหรอก ข้าคนเดียวก็กำราบได้แล้ว!”


ตี้ฝูอีพยักหน้านิดๆ “เยี่ยมมาก ข้าจะเป็นกำลังใจให้เจ้าอยู่ด้านข้างนะ” พลางถอยหลังไปเล็กน้อย ยืนพิงเสาต้นหนึ่ง


ฝูงชนที่ห้อมล้อมอยู่เงียบงัน…


ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ไร้คุณธรรมเกินไปแล้วกระมัง?! ให้แม่นางน้อยของบ้านอื่นออกไปเป็นเบี้ยรับเคราะห์แทนตนเช่นนี้


อันใดคือไม่คู่ควรให้เขาลงมือ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าอ่อนแรงจนไม่อาจลงมือได้แล้ว…


ฝูงชนก็คิดว่าสองคนนี้หนีไม่พ้นแล้ว ดังนั้นจึงชมเรื่องครื้นเครงฉากนี้อย่างรื่นเริง พุ่งออกไปรอบด้าน ทำให้ตรงกลางเหลือพื้นที่ขนาดใหญ่ ให้สามคนนั้นได้สู้กัน


พี่น้องคู่นั้นไหนเลยจะเห็นกู้ซีจิ่วอยู่ในสายตา?


พ่นลมออกจากจมูกดังฮึ “แม่นางน้อย เจ้าสละชีพบูชารัก ทว่าผู้อื่นกลับใช้เจ้าเป็นเบี้ยรับเคราะห์ เจ้าโง่หรือไง?! เจ้า…”


กล่าววาจายังไม่ทันจบกู้ซีจิ่วก็เอ่ยขัดทันที “ข้าชมชอบ! ข้ายินดี! พล่ามเหลวไหลอันใดมากมาย?! ลงมือเถิด!”


สองพี่น้องคู่นั้นตะลึง


“นังเด็กตัวเหม็น ในเมื่อเจ้าไม่รู้ดีรู้ชั่วเช่นนี้ ถ้างั้นก็อย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ! ถึงเจ้าจะเป็นฮูหยินที่ท่านเจ้าตกแต่งสู่ขอ แต่เมื่อเจ้าทรยศท่านเจ้าเช่นนี้ อย่างไรก็ต้องให้เจ้าได้รับบทเรียน…”


ในที่สุดสองพี่น้องก็ถืออาวุธพุ่งเข้าไปสังหาร…


เนื่องจากถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วก็เป็นเจ้าสาวในวันนี้ ดังนั้น…


————————————————————————————-


บทที่ 1180 บุปผาพิฆาตที่แสนเย็นชา


เนื่องจากถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วก็เป็นเจ้าสาวในวันนี้ ดังนั้นเริ่มแรกที่สองพี่น้องลงมือจึงยังเหลือหนทางถอยให้เธออยู่ พยายามจับเป็นเธอ ไม่เล่นงานให้ถึงตาย


พวกเขาสองคนสอดประสานไร้ช่องว่าง เมื่อสำแดงกระบวนท่าออมาก็ดุเดือดไม่เป็นสองรองใคร แสงทักษะสว่างเจิดจ้าจนแยงตาผู้คน ไม่ทราบว่ามีวีรบุรุษมากน้อยเพียงใดที่เคยเสียเปรียบครั้งใหญ่ด้วยน้ำมือของพวกเขา ตกตายสิ้นสิ้นชีพไป


พวกเขานึกว่าสามารถจบการต่อสู้ได้ภายในหนึ่งเค่อ จะทำให้กู้ซีจิ่วบาดเจ็บแล้วจับเป็น จากนั้นค่อยจับตัวตี้ฝูอีที่ยืนพิงเสาชมเรื่องครื้นเครงอยู่ด้านข้าง กลับนึกไม่ถึงว่าสิ่งที่พวกเขาคาดเดาไว้ในตอนต้นกลับไม่จบลงอย่างที่คาดไว้


การต่อสู้จบลงภายในหนึ่งเค่อจริงๆ เพียงแต่ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่นอนเป็นศพอยู่บนพื้นคือสองพี่น้องคู่นั้น


ในการต่อสู้ครั้งนี้กู้ซีจิ่วที่ดูนุ่มนิ่มบอบบางเพียงแต่ผมยุ่งเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนอื่นไม่บุบสลายเลย เธอถึงขั้นที่ยังสวมชุดแต่งงานที่รุ่มร่ามชุดนั้นอยู่เลย


มงกุฎหงส์อันนั้นที่เดิมทีสวมอยู่บนศีรษะเธอถูกเธอถอดทิ้งไปแล้ว


นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เธอดึงไข่มุกทั้งหมดออกมาจากมงกุฎหงส์ ซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ในสถานการณ์คับขัน ไข่มุกเหล่านี้ได้กลายเป็นอาวุธลับทำร้ายคนของเธอ ตอนที่ต่อสู้เมื่อครู่นี้ เธอสบช่องดีดไข่มุกออกไปสองเม็ด เม็ดหนึ่งพุ่งทะลุอกของพี่ชายดาบยักษ์ เม็ดหนึ่งระเบิดดวงตาของน้องชายลูกตุ้มดาวตก…


กระบวนท่าที่เธอสำแดงไม่ฉูดฉาดบาดตา แต่ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดก็คือความเร็ว! สายฟ้าแลบก็ไม่เพียงพอจะใช้อธิบายความเร็วของเธอ ยามที่สู้อยู่เมื่อครู่นี้ ฝูงชนที่มุงดูอยู่เห็นเพียงภาพติดตาที่เธอเดินผ่านเท่านั้น…


ยามที่สองพี่น้องคู่นั้นทรุดลงบนพื้นสิ้นชีพนัยน์ตาเบิกโพลง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์แทบจะกลั้นหายใจกันหมด สายตาที่มองกู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนอย่างสิ้นชิง


หลายวันมานี้กู้ซีจิ่ววิ่งไปวิ่งมาอยู่ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้มาโดยตลอด ทุกวันจะร้องเรียก ‘พี่โม่’ ‘พี่โม่’ อยู่ไม่ขาดปาก ดูสดใสไร้เดียงสา น่ารักยิ่งนัก


เดิมทีทุกคนนึกว่านางเป็นเพียงบุปผาเปราะบางดอกหนึ่ง กลับนึกไม่ถึงว่าพอความทรงจำของนางกลับมาจะกลายเป็นบุปผาพิฆาตที่แสนเย็นชาดอกหนึ่ง!


การต่อสู้ครั้งนี้กู้ซีจิ่วปลิดชีพไปสามคน


มีสองคนที่ท้าประลองกับเธอ และมีอีกคนที่ฉวยโอกาสตอนเธอต่อสู้พัวพันไปที่ด้านหลังเสาหมายจะลอบโจมตีตี้ฝูอี ถูกกู้ซีจิ่วเห็นเขา พาหยุหมุนลูกหนึ่งวนผ่าน สังหารคนผู้นั้นตายคาที่!


ยามที่ธุลีตกถึงพื้น กู้ซีจิ่วก็ยืนอยู่ข้างกายตี้ฝูอีแล้ว ไอสังหารบนร่างแผ่อบอวล ยามที่เธอหันกลับไปมองตี้ฝูอีกลับถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านเป็นยังไงบ้าง? เมือกี้ไอ้สารเลวนั่นได้ทำร้ายท่านหรือไม่?”


ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ไม่เลย เจ้ากลับมาได้ทันเวลายิ่งนัก”


กู้ซีจิ่วโล่งอก เธอเสยผมที่ยาวปรกหน้าผากออก ขมวดคิ้วเล็กน้อย เส้นผมนี้ยาวสยายและรุงรังเกินไป ต่อสู้ไม่ค่อยสะดวก เธอหาสิ่งที่จะมัดรวบมันขึ้นไม่ได้ในตอนนั้น…


เธอมุ่นคิ้วคราหนึ่ง เงื้อมือขึ้นอย่างว่องไว กระบี่ยาวส่องประกาย เส้นผมยาวสยายถูกตัดจนสั้นเรียบร้อยแล้ว…


เธอลงมือรวดเร็ว อีกทั้งไม่ได้ถือเรื่องทรงผม จึงใช้กระบี่ตัดในฉับเดียว


เรือนผมที่เดิมทียาวระเอวถูกเธอตัดจนสั้นเท่าติ่งหู ทุกคนตะลึงงันอ้าปากค้าง รวมถึงตี้ฝูอีที่อยู่ข้างกายเธอด้วย…


อันว่าเรือนร่างและเกศา บุพการีประทานให้ ในยุคนี้ยังไม่อนุญาตให้ตัดผมตามใจชอบ


การตัดผมบ้างก็ว่าเป็นการตัดสัมพันธ์ บ้างก็ว่าเป็นปลงผมออกบวช การกระทำเช่นนี้ของกู้ซีจิ่วเห็นได้ชัดว่าน่าตื่นตะลึงนัก ทำให้คนทั้งหลายตกใจ


แม้แต่นักพิณที่ดีดพิณอยู่ตลอดด้วยไม่กล้าหยุดนางนั้นก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ


ตี้ฝูอีมองเส้นไหมดำขลับในมือนาง จากนั้นก็มองนาง “นี่เจ้าทำอะไร?”


กู้ซีจิ่วม้วนเส้นผมที่ตัดออกมา เก็บไว้ในแขนเสื้อ นี่ก็สามารถใช้เป็นอาวุธลับได้เหมือนกัน ยามนี้ไม่ว่าสิ่งใดเธอก็ไม่อยากสิ้นเปลืองทั้งสิ้น


————————————————————————————-


บทที่ 1181 ต่อสู้


เธอตอบอย่างคล่องปาก “ผมยาวเกินไป สู้ไม่ถนัด”


ตี้ฝูอีเงียบงัน


ทั้งสองคนหนึ่งถามหนึ่งตอบอย่างโจ้งแจ้งไร้ซึ่งความกริ่งเกรง กลุ่มคนตีวงล้อมเข้ามาอีกครั้ง ทว่าไม่มีผู้ใดบุ่มบ่ามลงมือแล้ว…


ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ชื่อเสียงเกรียงไกร ยามนี้ต่อให้เขาบาดเจ็บอยู่ แต่ผู้ใดจะทราบได้ว่าที่แท้แล้วอาการบาดเจ็บของเขาหนักหนาถึงขั้นไหน?


อูฐที่ผอมโซก็ยังตัวโตกว่าม้า[1] ยิ่งไปกว่านั้นคือข้างกายเขายังมีกู้ซีจิ่วอยู่อีกคน แม่นางผู้นี้เพิ่งลงมืออย่างเหี้ยมหาญเหนือธรรมดาไป ทำให้ทุกคนตกตะลึง


ถึงอย่างไรเธอก็เป็นเจ้าสาวที่โม่เจ้ารักถนอมประคองไว้กลางฝ่ามืออีกทั้งโม่เจ้าไม่ได้บอกว่าไม่แยแสว่าจะเป็นหรือตาย พวกเขาจึงต้องลงมืออย่างพะว้าพะวง ดังนั้นในยามนี้ผู้ใดก็ไม่คิดจะออกหน้าเป็นแกนนำอีก


ที่นี่อยู่ใต้ดินลึก อีกทั้งอยู่ท่ามกลางลาวาภูเขาไฟ ถ้าไม่มีพาหนะพิเศษ สองคนนี้ก็หนีออกไปไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงรับชมอย่างสุขสันต์ไปก่อน


โม่เจ้าที่ถูกกู้ซีจิ่วโจมตีครานั้นถึงแม้จะยังไม่ตาย แต่ถึงอย่างไรก็แทงถูกจุดสำคัญ


เขาใช้พลังวิญญาณห้ามเลือด แต่การแทงของกู้ซีจิ่วโหดเหี้ยมเกินไป เลือดจึงไม่อาจหยุดไหลได้ทันที ที่สำคัญกว่านั้นคือมันเจ็บปวดอย่างยิ่ง! เจ็บจนเบื้องหน้าเขามืดมัวเป็นพักๆ…


เพียงแต่เขาก็ไม่ได้เป็นกังวลจนเกินไป ร่างกายที่ใช้การไม่ได้ร่างนี้ เขาไม่ต้องการแล้ว!


เขาพิงเสาต้นหนึ่ง จ้องมองคนทั้งสองที่ถูกลูกน้องล้อมไว้ มุมปากหยักยิ้มเยียบเย็น “ไม่รู้จักความเป็นความตายเสียเลย!”


เขามองกู้ซีจิ่ว ดวงตาฉายแววเร่าร้อนแวบหนึ่ง


นางยืนอยู่ตรงนั้น ดุจต้นสนในฤดูหนาวที่ยืนต้นตระหง่านท้าสายลม เย็นชา เฉียบแหลม เด็ดขาด บุคลิกแปรเปลี่ยนไปทั้งหมด แตกต่างจากกู้ซีจิ่วที่โง่เขลาทึ่มทื่ออย่างสิ้นเชิง นางที่เป็นแบบนี้สิถึงจะเป็นคนที่เขาชมชอบอย่างแท้จริง…


แต่น่าเสียดายที่พอนางมีสติสัมปชัญญะแจ่มแจ้งแล้ว ความเจิดจ้าของนางไม่ได้ผลิบานเพื่อเขา ในสายตาและในหัวใจของนางมีเพียงตี้ฝูอีที่อยู่ข้างกายนางคนนั้นเพียงผู้เดียวมาโดยตลอด ไม่มีผู้ใดอีก


นิ้วมือของโม่เจ้ากำเข้าหากันคราหนึ่ง ต่อให้โดนบุปผาดอกนี้ทิ่มแทงมากเพียงใด ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องหาทางเด็ดนางมาไว้ในมือให้ได้


ยอมให้นางเหี่ยวเฉาโรยราในมือเขา ดีกว่าปล่อยให้นางไปเบ่งบานอยู่ข้างกายชายอื่น…


ในวินาทีนี้เองเขาได้ตัดสินใจแล้ว เมื่อจับกุมกู้ซีจิ่วได้อีกครั้ง เขาจะไม่ลบความทรงจำของนางแล้ว แค่จะสกัดจุดนางไว้แล้วบังคับครอบครองนางเสียแล้วค่อยว่ากัน


จากนั้นก็จะทำลายวรยุทธ์ทั้งหมดให้นางเป็นสวะไร้พลัง จองจำนางไว้ข้างกาย เช่นนี้บุคลิกของนางจะไม่เปลี่ยนไป และไม่เป็นอันตรายอันใดอีก…


ส่วนตี้ฝูอี เขาจะล่ามตรวนสลายวิญญาณไว้บนร่างเขาสิบเส้น ทำให้พลังวิญญาณของเขาสลายหายไปอย่างสมบูรณ์ จากนั้นก็ใช้ทัณฑ์ทรมานบังคับให้เขาทำพันธะสัญญาวิญญาณกับเขา ให้ยินยอมมอบสังขารของตนออกมา มอบความหฤหรรษ์ให้เขาด้วยตัวเองอีกครั้ง กระตุ้นให้เขาจิตใจแตกสลายอย่างสมบูรณ์! ทำให้เขาก่อเรื่องไม่ได้อีกต่อไป!


แผนการของโม่เจ้ายอดเยี่ยมมาก เขามองการโต้ตอบกันของสองคนนั้นด้วยสายตาเยียบเย็น ราวกับมองปลาบนเขียงสองตัวที่ไม่รู้จักความเป็นความตาย…


จากนั้นก็แบ่งสติออกมาตามหาที่อยู่ของหลงฟั่น


หากเป็นเมื่อก่อน เขาบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ ไม่ต้องให้เขาพูด หลงฟั่นก็จะวิ่งเข้ามารักษาเขาด้วยตัวเองแล้ว


แต่ตอนนี้เขากลับยืนอยู่ในมุมหนึ่ง เม้มปากมองทุกอย่างที่เกิดขึ้น ดวงตาดำสนิทคู่นั้นดั่งบึงลึกที่ไร้ซึ่งระลอกคลื่นใดๆ


รูปโฉมของหลงฟั่นอันที่จริงสง่างามยิ่งนัก เป็นสง่างามแบบที่ดึงดูดล่อลวงใจคนได้ ยามนี้เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเยือกเย็น มุมปากหยักขึ้นบางๆ เสมือนไม่เกี่ยวข้องกับโลกนี้


เงามืดทะมึนพาดผ่านนัยน์ตาของโม่เจ้าแวบหนึ่ง ดูเหมือนหลงฟั่นจะเอาใจออกห่างเขาแล้วสินะ! บางทีเขาอาจจงใจเล่นตัวก็ได้…


ยามนี้โม่เจ้าคร้านจะสนใจเขา สายตาหันเหกลับมาที่ร่างพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองอีกครั้ง ทันใดนั้นก็ปรบมือไม่กี่ครั้ง


————————————————————————————-


บทที่ 1182 ฉากที่ซาบซึ้งตรึงใจนัก


“เป็นฉากที่ซาบซึ้งตรึงใจนัก! ข้าเห็นแล้วซาบซึ้งอยู่บ้าง เพียงน่าเสียดายที่ทั้งสองท่านถูกลิขิตให้เป็นคู่ยวนยางที่อับโชค อยู่ครองคู่กันไม่ได้ กู้ซีจิ่ว เจ้านึกว่าเจ้าจะพาเขาที่บาดเจ็บสาหัสหนีออกไปได้งั้นหรือ?”


เขาเหลือบมองตี้ฝูอีอีกแวบหนึ่ง น้ำเสียงหมิ่นแคลน “ยามนี้ถึงแม้เขาจะเป็นอิสระแล้ว แต่อย่างมากก็เหลือเรี่ยวแรงพอจะเดินได้สองก้าวเท่านั้น อ่อนแอยิ่งกว่าไก่อ่อนเสียอีก ข้ารับใช้ของข้าตีส่งๆ สักทีก็ทำให้เขาล้มคว่ำได้แล้ว เจ้าพาเขาไปด้วยอย่าว่าแต่จะออกจากวังใต้ดินแห่งนี้เลย ต่อให้ออกจากห้องโถงก็ยากแล้ว! เจ้า…”


เขากล่าววาจายังไม่จบก็ถูกตี้ฝูอีเอ่ยขัดแล้ว “ถ้าหากข้ากับนางสามารถออกจากห้องโถงนี้และถึงขั้นที่ออกไปจากวังใต้พิภพแห่งนี้ได้ทั้งคู่เล่า?”


โม่เจ้าหยามหยัน “เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าท่านปู่เลย!”


ตี้ฝูอีพยักหน้า “ดีมาก! เจ้าก็รอเรียกข้าว่าท่านปู่เถิด!”


เขาวางมือข้างหนึ่งไว้บนบ่าของกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว เห็นทีว่าเจ้ากับข้าต้องสู้ตายสักตั้งแล้ว”


กู้ซีจิ่วยังคงนึกว่าในที่สุดเขาก็ค้ำไว้ไม่ไหวแล้ว ฉวยโอกาสใช้เธอเป็นที่พยุง ดังนั้นเธอจึงยอมให้เขาโอบไว้ เม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มบางๆ เอ่ยเพียงสามคำ “ได้ สู้ตาย!”


เธอกวาดสายตามองฝูงชนที่รายล้อมอยู่แวบหนึ่ง มุมปากหยักยิ้มบางๆ ไอสังหารบนร่างแผ่กระจาย ราวกับอสูรกายกระหายเลือด


ฝูงชนพลันเหน็บหนาว คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดถอยหลังไปหลายก้าวอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้


ฝูงชนค่อนข้างลังเลใจอยู่บ้าง บางคนเอ่ยถามโม่เจ้าอย่างอดไว้ไม่อยู่ “ท่านเจ้า เมื่อคนผู้หนึ่งหมายจะสู้ตายไพร่พลเรือนหมื่นก็มิอาจกีดขวางได้ อีกทั้งพวกข้าน้อยก็ไม่กล้าทำร้ายนางอย่างจริงจังด้วย…”


แววตาโม่เจ้ามืดทะมึนเย็นชา เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “พวกเจ้าลงมือได้โดยไม่เป็นต้องพะว้าพะวง ลงมืออย่างเต็มที่ก็พอ!”


“หากว่าพวกข้าน้อยพลั้งมือสังหารเล่าขอรับ?”


“เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ข้าพูดแล้ว พวกเจ้าลงมือได้โดยไม่จำเป็นต้องพะว้าพะวง!” น้ำเสียงโม่เจ้าหนาวยะเยือกปานลมหนาวในเดือนสิบสอง ก้องสะท้อนอยู่ในห้องโถง


ยามนี้ถึงสังหารกู้ซีจิ่วไปก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียหลงฟั่นก็สร้างร่างโคลนนิ่งขึ้นใหม่ได้ เมื่อถึงเวลาค่อยสร้างอีกคนที่เหมือนกันขึ้นมาก็ได้


อีกอย่างร่างเดิมของนางก็ยังอยู่ ตอนนี้ร่างเดิมของนางถูกคนจับตามองอยู่ด้านนอก ยังมีชีวิตอยู่ดี


เมื่อถึงเวลาที่เขาจัดการทุกอย่างที่นี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว คอยไปชิงร่างเดิมของกู้ซีจิ่วมา ให้กู้ซีจิ่วกลับเข้าร่างอีกครั้งแล้วอย่างอื่นค่อยว่ากัน


เด็กสาวผู้นี้ปองร้ายเขาเช่นนี้ สมควรมอบบทเรียนโลหิตให้นางสักครั้งทำให้นางจดจำไปอีกนานแสนนาน! ดังนั้นเขาจึงเอ่ยเสริมอีกประโยคหนึ่ง “เป็นตายไม่สำคัญ ขอเพียงสังหารนางได้ก็จะมีรางวัล! มีรางวัลอย่างงาม!”


ฝูงชนเงียบงัน


มิใช่ว่าท่านเจ้าวางแม่นางผู้นี้ไว้เป็นยอดดวงใจเสมอมาหรอกหรือ? เหตุใดจึงพลิกโฉมหน้าเป็นไร้เยื่อใยเช่นนี้เล่า?


ท่านเจ้ามิเสียทีที่เป็นท่านเจ้าจริงๆ ยกได้วางเป็น ร้ายกาจพอ เหี้ยมโหดพอ เด็ดขาดพอ


ฝูงชนทั้งเลื่อมใสทั้งหนาวสะท้านในหัวใจอยู่บ้าง ท่านเจ้าผู้นี้ขนาดสตรีที่เป็นยอดดวงใจก็ยังปฏิบัติด้วยเช่นนี้ แล้วลูกน้องอย่างพวกเขาเล่า?


บางคำถามเมื่อคิดแล้วช่างน่าหวาดหวั่นโดยแท้ ดังนั้นไม่ต้องคิดดีกว่า…


ฝูงชนข่มความหนาวยะเยือกในหัวใจลงไป ค่อยๆ ชักอาวุธออกมา ประกายแสงเยียบเย็นนับไม่ถ้วนส่องสะท้อนแสงโคม เจตนาสังหารแพร่กระจายท่วมท้น


ในเมื่อท่านเจ้าออกปากแล้ว เช่นนั้นพวกเขาย่อมลงมือได้อย่างไร้ความพะวงแล้ว!


บางคนต้องการประจบเอาใจท่านเจ้า จึงเริ่มด่าทอทั้งสองคนที่ถูกล้อมไว้


“ฮ่าๆ ท่านทั้งสอง ถึงยามนี้แล้วยังคิดว่าจะหนีออกไปได้อีกหรือ? ฝันไปเถอะ!”


“กู้ซีจิ่ว วางเจ้าไว้ในตำแหน่งฮูหยินของท่านเจ้าดีๆ เจ้าไม่รับ กลับต้องการช่วยเหลือไอ้หน้าขาวผู้นี้ เจ้าโง่หรือไง? ไอ้หน้าหยกนี่ดีกว่าท่านเจ้าตรงไหน? เขาเทียบแม้แต่สักนิ้วมือหนึ่งของท่านเจ้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!”


“มิผิด ถ้ายังรู้ว่าอะไรควรมิควรก็รีบโยนไอ้หน้าขาวนี่ทิ้งซะ คุกเข่าโขกศีรษะให้แก่ท่านเจ้า บางทีท่านเจ้าอาจจะเห็นแก่ดวงหน้าที่เพริศพริ้งของเจ้าละเว้นโทษตายเจ้า ให้เจ้าเป็นหญิงอุ่นเตียงอะไรทำนองนั้นก็ได้”


————————————————————————————-


[1]  อูฐที่ผอมโซก็ยังตัวโตกว่าม้า อุปมาถึง คนที่เคยยิ่งใหญ่มาก่อนถึงภายหลังจะตกอับตกต่ำลง แต่ลักษณะแข็งแกร่งทรงอำนาจบางอย่างยังคงอยู่ไม่เลือนหายไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)