ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1174-1180
บทที่ 1174 เจ้าชายน้อยแสนแปลก
แม้จะไม่รู้รายละเอียดฐานะของคนที่มา แต่ฉินสือโอวคาดเดาไว้ว่าน่าจะเป็นแขกผู้มีเกียรติที่เขาเชิญมาร่วมงาน
ตอนนี้ก็ปลายเดือนแล้ว ห่างจากพิธีงานหมั้นไปไม่ถึง 2 วัน คนส่วนมากก็จะต้องมาเวลาประมาณนี้แล้ว
เมื่อเป็นแบบนี้ ก็พอดีกับที่ว่าฉินสือโอวและคนอื่นๆ กำลังดูแคลร์หัดบิน จึงอยู่ด้านนอกกันทุกคน พวกเขาต่างเดินไปที่ท่าเรือ เพื่อต้อนรับแขกที่มาท่านนี้
เมื่อเรือที่มีรูปร่างลักษณะสะดุดตาลำนี้เทียบฝั่ง ฉินสือโอวก็รู้แล้วว่าใครมา เพราะด้านข้างเรือมีรูปธงชาติและสัญลักษณ์ประจำชาติอยู่ สีโดยรวมของธงชาติคือสีเขียว และยังมีภาษาอาหรับที่เขาไม่เข้าใจเขียนไว้อยู่
ไม่เข้าใจภาษาอาหรับประโยคนั้นก็ไม่เป็นไร คำนึงว่าในบรรดาแขกที่เขาเชิญมีเพียงเพื่อนสองท่านที่มาจากตะวันออกกลาง จึงเดาได้เลยว่าเป็นอาฟิฟและเจ้าหญิงซาลามาห์ที่มาอย่างแน่นอน
หลังจากเทียบชายฝั่ง เรือยอชต์เริ่มลดความเร็ว ในขณะเดียวกันก็เก็บปีกที่อยู่กราบเรือทั้งสองข้างขึ้น ซึ่งนี่ก็คือจุดเด่นอีกจุดหนึ่งของเรือไฮโดรฟอยล์ที่มีปีกประสิทธิภาพสูง มันสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้!
ตอนที่สยายปีกออก มันสามารถเหินอยู่บนน้ำได้สูงประมาณ 1 เมตร ความเร็วอยู่ที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พอเก็บปีกขึ้นก็จะเปลี่ยนเป็นเรือไฮโดรฟอยล์ที่คล้ายกับเรือโฮเวอร์คราฟต์ที่แล่นอยู่บนน้ำด้วยความเร็วสูง
ทั้งสี่ด้านของเรือมีถุงลมบางๆ ทำจากยางคลุมรอบ พอพับเก็บปีกขึ้น สามารถใช้เครื่องเป่าลมแบบมือถือเป่าอากาศเข้าไปตรงเรือด้านล่างได้ คู่กับอากาศที่ดูดเข้ามาทางร่องตรงเครื่องเรือติดท้าย กลายเป็นเบาะลมอยู่ด้านล่างเรือ
ด้วยวิธีนี้ความดันของเบาะลมจะทำให้ถุงลมเต็มไปด้วยก๊าซ หลังจากนั้นก็จะยกตัวเรือขึ้นจากผิวน้ำ ซึ่งแบบนี้เรือเล็กก็ยังคงแล่นไปบนผิวน้ำได้ ถ้าจะเพิ่มความเร็ว ด้านหลังเรือจะมีเครื่องยนต์แบบพัดลมที่สามารถเสริมแรงให้เรือยังคงแล่นไปในความเร็วที่สม่ำเสมอได้
เรือยอชต์แล่นอยู่บนผิวน้ำเป็นรูปวงรีครึ่งวง สร้างวงน้ำกระเพื่อมราวกับคริสทัลที่ส่องแสงสุกใสภายใต้แสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงความใสของน้ำทะเลขั้นสุด หลังจากนั้นความเร็วก็ค่อยๆ ลดลง ท้ายสุดก็จอดเทียบกับท่าเรือ
ประตูเรือยอชต์เปิดออก ฉินสือโอวมองขึ้นไป คนที่เดินออกมาก่อนสองคนแรกเป็นชายผิวดำร่างใหญ่ที่ใส่สูทสีดำ สวมแว่นดำ แล้วยังสวมหูฟังสีดำไว้ที่หู
เมื่อพวกเขาเดินออกมาแล้วยืนด้วยท่าทางเคร่งขรึมบนท่าเรือทั้งสองด้าน จนทำให้ฉินสือโอวนายใหญ่อดไม่ได้ที่จะนึกถึงพี่น้องชาวแอฟริกันที่ยืนอยู่หน้าเทียนอันเหมินเพื่อเคารพมรดกของท่านประธาน
หลังจากที่ชายผิวดำร่างใหญ่เดินออกมา ก็มีคนสองคนในชุดสูทสีดำเดินตามมา ซึ่งครั้งนี้เป็นหนุ่มผิวขาว แต่ก็ยังคงยืนอย่างเคร่งขรึมอยู่ทั้งสองด้าน หลังจากนั้นก็มีคนสองคนเดินออกมาอีก แล้วก็มีอีกสองคน รวมแล้ว 8 คน ทั้งหมดล้วนเป็นชายร่างใหญ่ในชุดสูทสีดำ!
เชี่ย ฉินสือโอวยอมเลย เขารู้ว่าเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งตะวันออกกลางเวลาออกเดินทางจะดูมีสไตล์ แต่แบบนี้ก็ออกจะมากไปหน่อยไหม
ผมอนุญาตให้คุณโอ้อวดได้ แต่ไม่อนุญาตให้โอ้อวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในฟาร์มปลาของผม ฉินสือโอวนายใหญ่ได้กำหนดมาตรฐานในการต้อนรับแขกกับตัวเอง หลังจากนั้นก็รอการปรากฏตัวของอาฟิฟและองค์หญิงน้อย
ผลคือหลังพวกบอดี้การ์ดเดินออกมาแล้ว ก็มีหนุ่มหล่อในชุดลำลองสีขาวปรากฏตัวขึ้น!
เมื่อเห็นคนที่มา ฉินสือโอวก็รู้สึกประหลาดใจ นี่คือเจ้าชายฮามานแดน บุคคลสำคัญแห่งตะวันออกกลาง!
ไม่คิดเลยว่าคำพูดของซาลามาห์จะเชื่อได้จริงๆ เธอเชิญหนุ่มหล่อคนนี้มาจนได้ ฉินสือโอวต้องต้อนรับเขาอย่างจริงจัง เพราะฮามานแดนเป็นหนึ่งในเจ้าชายที่อายุน้อยที่สุดในโลกพร้อมๆ กับคิม จอง อึน เจ้าชายวิลเลียมและ เจ้าชายเฮนรี!
มารยาทและการอบรมปลูกฝังมาของฮามานแดนไม่ต้องพูดถึงเลย ถึงแม้ว่าตอนที่อยู่เกรตแบร์ริเออร์รีฟด้วยกันทั้งสองจะไม่ได้ชอบหน้ากันมากนัก แต่หลังจากที่ฉินสือโอวยื่นมือออกไป เจ้าชายน้อยก็ยังจับมือกับเขาอย่างสุภาพ พร้อมพูดว่า “พี่ฉินสือโอว ยินดีด้วยครับสำหรับงานหมั้น”
ฉินสือโอวกล่าวขอบคุณ เชิญให้เขาขึ้นมาบนฝั่ง ส่วนด้านหลังก็ตามมาด้วยเจ้าหญิงโลลิต้าที่เหมือนผีเสื้อตัวน้อย เธอสวมกระโปรงยาวสีชมพู หลังจากกระโดดออกมาก็กะพริบตาให้ฉินสือโอวพร้อมหัวเราะคิกคัก “พวกเราไม่ได้มาช้าไปใช่ไหมคะ ฉิน คนไหนคือภรรยาของคุณเหรอ?”
“พวกคุณมาเร็วที่สุดแล้ว” ฉินสือโอวพอเห็นเจ้าหญิงโลลิต้าก็ยิ้มออกมา ซึ่งแตกต่างจากรอยยิ้มที่ยิ้มให้เจ้าชาย เป็นรอยยิ้มที่จริงใจกว่ามาก
พอได้ยินเจ้าหญิงโลลิต้าถาม วินนี่ที่อุ้มบุชอยู่ก็เดินออกมาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีค่ะ ใต้ฝ่าพระบาท ฉันวินนี่ภรรยาของฉิน เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบคุณค่ะ”
หลังจากที่วินนี่ปรากฏตัว ฉินสือโอวก็รู้สึกได้ว่าดวงตาของฮามานแดนที่ยืนอยู่ข้างๆ พลันเบิกกว้างขึ้น ตอนที่เขามองไป เจ้าชายก็ยังเบิกตากว้างมองไปที่วินนี่ เชี่ย มองอย่างจริงจังซะด้วย
สายตาของเจ้าชายทำให้เขารู้สึกขนลุก เขาจึงรีบแนะนำว่า “นี่คือภรรยาของกระหม่อมครับ ฝ่าพระบาทฮามานแดนมีอะไรจะกล่าวไหมครับ?”
ฮามานแดนกะพริบตา แล้วก็พยักหน้าหลังจากที่รู้สึกตัว “โอว ผมเข้าใจแล้ว ผมอยากจะถามสักหน่อยว่า นี่คืออินทรีหัวขาวใช่หรือไม่?”
พอได้ยินเขาถามแบบนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว เจ้าชายน้อยไม่ได้จ้องวินนี่ แต่จ้องบุชที่อยู่ในอ้อมอกเธอ ก่อนหน้านั้นเขาก็เคยได้ยินมานานแล้วว่าเจ้าชายโปรดม้าที่มีชื่อ รถซูเปอร์คาร์และสัตว์แปลกๆ ทุกชนิด
ฉินสือโอวนายใหญ่กวักมือเรียก วินนี่จึงปล่อยบุช เจ้าบุชพอขยับปีกก็บินไปอยู่บนไหล่เขา เอียงคอมองไปที่เจ้าชายที่ยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าเหมือนกำลังพิจารณาอยู่
“ใช่แล้วครับ นี่เป็นอินทรีหัวขาว ผมเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กจนโต มันชื่อว่าบุช เป็นเด็กที่เชื่อฟังมาก” ประโยคสุดท้ายของฉินสือโอวนายใหญ่ดูจะขัดกับความตั้งใจของเขา แต่ชาวต่างชาติมักจะพูดประโยคนี้เวลาแนะนำสัตว์เลี้ยงของเขา
เจ้าชายน้อยมองไปที่อินทรีหัวขาวด้วยความสนใจ เขาอยากจะเข้าใกล้ บอดี้การ์ดคนหนึ่งก็เขยิบเข้าไปอยู่ข้างๆ เขาทันทีอย่างไร้เสียง เห็นได้ชัดว่า การเข้าใกล้บุชที่โตเต็มวัยมีความน่าหวาดระแวงอยู่ เพียงแค่มันอ้าปาก ครึ่งหน้าของเจ้าชายก็อาจจะหายไปทันที!
ต่อจากเจ้าหญิงซาลามาห์ก็เป็นอาฟิฟที่เดินออกมา หนุ่มหนวดเฟิ้มหัวเราะเสียงดัง กอดฉินสือโอวแน่นแล้วตบไปที่หลังเขา “ตอนนั้นที่อยู่โทรอนโต ตอนที่ผมเห็นคุณพาวินนี่ขึ้นเรืออัล ซาลามาห์ ผมก็รู้แล้วว่าพวกคุณสองคนท้ายที่สุดแล้วจะต้องอยู่ด้วยกัน และในที่สุดวันนั้นก็มาถึง”
เรืออัล ซาลามาห์เป็นเรือยอชต์สุดหรูที่ฉินสือโอวและวินนี่เข้าร่วมงานแสดงเรือในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อพวกเขาไปเยือนโทรอนโตเป็นครั้งแรก
ฉินสือโอวขอบคุณคำอวยพรของพวกเขา แล้วพาพวกเขาไปทางวิลล่า ฮามานแดนพยายามหาทางแกล้งบุช ซึ่งบุชแสดงสีหน้าไม่พอใจ บุชที่เดิมทีเกาะอยู่บนไหล่ฉินสือโอว แต่ก็อาศัยโอกาสที่ไม่มีใครสังเกตจากไปแบบเงียบๆ
วินนี่ยิ้มแล้วพูดกับฮามานแดนว่า “เจ้าชายดูเหมือนจะชอบอยู่กับสัตว์เล็กๆ นะคะ?”
ฮามานแดนยิ้มอย่างสงวนท่าที แล้วตอบในสิ่งที่ไม่ได้ถูกถาม “คุณเรียกผมว่าฮามานแดนได้นะ ไม่จำเป็นต้องเรียกเจ้าชาย ตอนที่ผมเรียนที่อังกฤษ เพื่อนทุกคนต่างก็เรียกชื่อผม”
ฉินสือโอวแอบเบะปาก เขาอยู่กับเจ้าชายตั้งนานตอนที่อยู่ออสเตรเลีย แต่เจ้าหนุ่มนี่ไม่เคยพูดกับเขาด้วยความเกรงใจขนาดนี้
เจ้าชายน้อยพูดต่อ “ใช่แล้ว ผมชอบอยู่กับสัตว์ตัวเล็กๆ มาก พวกมันไม่มีพิษไม่มีภัย เวลาอยู่กับพวกมัน ผมรู้สึกสบายใจ ที่บ้านผมก็เลี้ยงนกที่เก่งมากไว้ตัวหนึ่ง เป็นอินทรีทอง”
ขณะที่พูดอยู่ ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาอยู่ดีๆ ก็ยักคิ้วให้กับฉินสือโอว
ในหมู่ผู้ชาย การกระทำแบบนี้ถือเป็นการยั่วยุ
ฉินสือโอวนายใหญ่แค่ยิ้มแต่ไม่ได้โต้ตอบอะไร อย่างไรเขาก็เป็นแขก อีกทั้งยังเป็นแขกผู้มีเกียรติเสียด้วย นี่ไม่ได้อยู่ที่ออสเตรเลียแล้ว เขาคงไม่สามารถทำให้เจ้าชายขายขี้หน้าได้อีกแล้ว
……………………………………….
บทที่ 1175 ไม่ได้ชอบหรอกเหรอ
ดังนั้นฉินสือโอวจึงทำได้แค่เพียงแค่ยิ้มและประจบตลอดทาง ทำให้เจ้าชายรู้สึกสบายใจและหัวเราะอย่างเปิดเผย
พอถึงหน้าประตูวิลล่า ฉินสือโอวตะโกนเรียก “แคลร์!”
แคลร์โผล่มาจากพุ่มไม้ หัวอวบอ้วนโผล่ออกมามองไปทางพวกเขา อินทรีทองน้อยเมื่อกี้โกรธพ่อฉินสือโอวมาก แต่พอพ่อของมันเรียกมัน มันก็ยังวิ่งออกมาหา วิ่งพุ่งไปหาอย่างรวดเร็วราวกับไก่ตัวผู้
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่มีความสุขของเจ้าชายพลันสะดุด เขามองไปที่แคลร์ที่กำลังกะพริบตาปริบๆ แล้วถามด้วยความประหลาดใจว่า “นี่คืออินทรีทองเหรอ?!”
เขาเคยเลี้ยงนกพวกนี้ และรู้ว่าเลี้ยงอินทรีทองไม่เหมือนกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ อินทรีทองมักจะมีอารมณ์รุนแรง จึงทำได้เพียงเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กๆ ไม่เช่นนั้นถ้าไปจับอินทรีทองที่โตเต็มวัยมาเลี้ยง พวกมันจะอดอาหารจนตาย ทำแม้กระทั่งทำร้ายตัวเอง!
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นแคลร์ เขาจึงยิ่งดูออกว่าคือนกอะไร
ฉินสือโอวนั่งยองๆ แล้วอุ้มเอาอินทรีทองน้อยตัวอวบอ้วนขึ้นมา เขาหัวเราะแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้วล่ะครับ นี่คืออินทรีทอง เจ้าชายชอบสัตว์ตัวเล็กๆ ถ้าเช่นนั้นผมจะให้พวกมันอยู่กับเจ้าชาย หวังว่าคุณจะอยู่ที่ฟาร์มปลาได้อย่างมีความสุขและสบายนะครับ”
พูดไป เขาก็เริ่มตะโกนเรียก “หู่จือ เป้าจือ ฉงต้า ต้าป๋าย ซิมบ้า หลัวปอ ปอหลัว มาสเตอร์ มาสเตอร์แกไม่ต้องละ กลับไปก่อน…”
ทั้งหู่จือเป้าจือฉงต้าหลัวปอ แมวป่าน้อย กวางอูฐสีทอง พวกมันกลุ่มใหญ่ต่างก็วิ่งออกมาตามที่ต่างๆ รอบๆ ฟาร์มปลา แล้ววิ่งมาหาฉินสือโอวอย่างมีความสุข
ใช่เลย เจ้าพวกนี้ โตเต็มวัยกันหมดแล้ว อย่างซิมบ้าที่อายุน้อยสุดก็ตัวโตครึ่งหนึ่งของแมวป่าแล้ว
ตอนเห็นสุนัขแลบราดอร์ บอดี้การ์ดต่างยังคงนิ่งสงบได้ แต่พอมีหมาป่าและตามมาด้วยหมีสีน้ำตาลปรากฏตัวขึ้น ด้านหลังของพวกบอดี้การ์ดเริ่มมีเหงื่อเย็นๆ ไหลย้อยออกมา เพียงพริบตาเดียวก็ร้อนรนขึ้นมา!
เนื่องด้วยฐานะของซาลามาห์และฮามานแดนไม่เหมือนใคร เหล่าบอดี้การ์ดจึงพกปืนเป็นอาวุธ แต่นี่อยู่ในเขตฟาร์มปลาของฉินสือโอว พวกเขาคงไม่ใช้อาวุธไปเรื่อยใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็เสียมารยาทเกินไปแล้ว แต่ถ้าไม่ใช้อาวุธ แล้วต้องเผชิญหน้ากับหมาป่าสีขาวที่แข็งแกร่งและหมีสีน้ำตาลที่บึกบึน แล้วสู้ด้วยมือเปล่า พวกเขาคงได้แค่คุกเข่าเท่านั้น!
ยังดีว่าฉินสือโอวก้าวออกไปข้างหน้าก่อน กอดพวกมันทีละตัว อีกทั้งตอนที่พวกมันปรากฏตัวต่างก็ประพฤติตัวดีมาก พวกมันห้อมล้อมอยู่รอบๆ ฉินสือโอว โดยไม่แสดงความก้าวร้าวแม้แต่น้อย
มือข้างหนึ่งของฉินสือโอวโอบฉงต้า อีกข้างหนึ่งหนีบซิมบ้าไว้ ยิ้มพร้อมพูดกับฮามานแดนว่า “นี่เป็นเด็กๆ ของผมทั้งหมดเลยครับ เป็นเจ้าพวกไร้เดียงสา คุณชอบไหมครับ”
สายตาของฮามานแดนจ้องเขม็ง เขาเป็นเจ้าชาย แต่เขาไม่มีของเล่นที่เป็นหัวใจของทะเลทรายอย่างของพวกนี้ เขาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมาไม่น้อย แต่ไม่เคยมีแบบที่เชื่องขนาดนี้ ความจริงแล้วก็คือเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีใครเลี้ยงหมาป่าและหมีได้เชื่องขนาดนี้!
ความจริงไม่ใช่ในหนังหรือการ์ตูนแอนิเมชัน เพราะหมาป่าและหมีเป็นสัตว์ดุร้ายยากที่จะสอนและมีความเป็นสัตว์ป่าสูงมากที่สุด คนรวยมักจะเลี้ยงไว้เพื่อเก็บไว้ดู แต่ไม่มีทางที่จะกอดกับพวกมันอย่างสนิทสนมแบบนี้
ดวงตาสีแอปริคอตที่สวยงามของซาลามาห์เบิกกว้าง เธอมองพวกสัตว์ตัวเล็กๆ นี้ด้วยความประหลาดใจ ใจหนึ่งก็อยากเข้าไปลูบพวกมัน แต่อีกใจก็ไม่กล้า ได้แต่มองไปที่ฉินสือโอวอย่างเขินอายแล้วถามขึ้น “พวกมันกัดคนไหมคะ?”
ฉินสือโอวดันฉงต้าไปข้างหน้าให้เธอลองสัมผัสมันดู ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ ไม่เลย พวกมันเชื่องมากๆ”
เจ้าหญิงโลลิต้าลองลูบไปที่อุ้งมืออ้วนๆ ของหมีสีน้ำตาล ฉงต้าอ้าปากเตรียมหาว เพราะเมื่อกี้มันถูกเรียกในขณะที่กำลังหลับอยู่ ตอนนี้จึงยังมึนๆ งงๆ อยู่
พอเห็นหมีสีน้ำตาลอ้าปากกว้างเผยให้เห็นฟันแหลมคม เจ้าหญิงโลลิต้าจึงตกใจ พวกบอดี้การ์ดยิ่งเตรียมพร้อมที่จะชักปืนออกมา แต่แล้วฉงต้าก็ปิดปาก จ้องตากลมโตไปที่เจ้าหญิงโลลิต้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่มีเจตนาที่จะโจมตีเลยสักนิด ดังนั้นพวกเขาจึงผ่อนคลายลงมา
เจ้าหญิงโลลิต้าเกาคอด้านหลังของฉงต้าไปมา ฉงต้าบอกว่าพฤติกรรมนี้ทั้งไร้เดียงสาและเป็นพฤติกรรมระดับต่ำ แต่เจ้าฉงต้าก็ไม่ได้ถือสาอะไร ทำอีกหลายรอบก็ได้ เพราะเกาขนมันนั้นให้ความรู้สึกสบาย…
พอแนะนำเจ้าพวกนี้ทีละตัวจนเสร็จ อาฟิฟก็อุทานขึ้นมาว่า “พระเจ้าอัลเลาะห์ น้องฉินสือโอวนี่น่าทึ่งจริงๆ ฟาร์มปลาของคุณกลายเป็นโลกของสัตว์ที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ ผมเคยเจอสัตว์มามากมาย แต่ก็ไม่มีตัวไหนที่เทียบกับสัตว์เลี้ยงของคุณที่นี่ได้เลย”
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมา ลูบไปที่หลังของต้าป๋ายอย่างเอ็นดู “นอกจากตัวที่อยู่ในอ้อมกอดผมแล้วเนี่ย คุณอย่าคิดนะว่าตัวอื่นจะว่านอนสอนง่าย จริงๆ แล้วพวกมันซนมาก โอเค พวกเราเข้าไปในห้องกันเถอะ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าร่วมพิธีงานหมั้นของผม”
อาฟิฟและฮามานแดนนั่งอยู่บนโซฟา บอดี้การ์ดแปดคนยืนเรียงอยู่ด้านหลังราวกับคิงคองแปดตัว ฉินสือโอวพอเห็นฉากนี้ ก็ทำให้อดนึกถึงนกยูงรำแพนหางไม่ได้
วินนี่ถามพวกเขาว่าจะดื่มอะไร ฮามานแดนยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วพูดว่า “อะไรก็ได้ครับ แต่ให้น้ำเปล่าผมสักแก้วก็ดีครับ ผมคิดว่าเครื่องดื่มที่ดีที่สุดคือน้ำที่ไม่ปรุงแต่งอะไรเพิ่มเลยครับ”
อาฟิฟอยากดื่มกาแฟ ส่วนเจ้าหญิงโลลิต้าไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเอาแค่น้ำบลูเบอร์รี แล้วก็หันกลับไปแหย่เล่นกับเจ้าสัตว์พวกนั้นต่อ เมื่อเทียบกันแล้ว เธอชอบหลัวปอและฉงต้ามากกว่า ท้ายสุดเธอนั่งอยู่ข้างๆ ฉงต้าแล้วอุ้มหลัวปอเล่น
ฉินสือโอว ฮามานแดนและอาฟิฟนั่งคุยเล่นไปเรื่อยๆ โดยหัวข้อที่คุยกันก็เป็นระดับไฮเอนด์ คุยกันถึงเรื่องสถานการณ์ของประเทศต่างๆ บนโลกใบนี้ โดยมีประเด็นร้อนที่ถกเถียงกันคือรัสเซียและกองกำลังพันธมิตรในยุโรปและอเมริกาจะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อยูเครนหรือไม่
พอถึงตอนบ่ายพวกเด็กๆ ก็เลิกเรียนแล้ว พูดไปหัวเราะไปเหยียบบนวงล้อกลับมาที่ฟาร์มปลา ในกลุ่มเด็กจะมีแค่เสี่ยวฮุยกับไวส์ที่ไม่มีวงล้อ ไวส์ไม่ชอบเล่นเจ้าสิ่งนี้ แต่เสี่ยวฮุยชอบมาก พาวลิสเลยให้เขาเล่น แต่เขาก็รู้จักกาลเทศะ เล่นเพียงครู่เดียวก็คืนให้กับพาวลิส
กอร์ดอนเดินกลับไปกลับมาด้วยวงล้อ เดินไปก็ตะโกนเรียกเสี่ยวฮุยไป “เพื่อน ดูนี่สิ ฉันสามารถเพิ่มความเร็วแล้ววิ่งไปข้างหน้า ถอยหลังก็เพิ่มความเร็วได้เช่นกัน ฉันยังลอยได้ด้วยนะ มา ฉันจะลอยให้นายดู เป็นอย่างไรบ้าง เท่ไหม?”
เสี่ยวฮุยมองภาพนี้ด้วยความอิจฉา พาวลิสดูออกว่ากอร์ดอนพยายามจะอวดอยู่ จึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “กอร์ดอน นายอย่าทำแบบนี้สิ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะเอาวงล้อของนายให้กับเสี่ยวฮุย!”
ดังนั้นเสี่ยวฮุยจึงมองไปที่กอร์ดอนอย่างคาดหวัง แล้วถามขึ้นมาว่า “นายนอกจากลอยได้แล้วยังทำอะไรได้อีก? ลองโชว์ให้ดูสักหน่อยสิ!”
กอร์ดอน “…”
พอเห็นว่ากอร์ดอนไม่ติดกับ เสี่ยวฮุยก็ทอดถอนใจอย่างเสียดาย ไวส์พูดปลอบ “ของชิ้นนี้มีดีอะไร?”
เสี่ยวฮุยถามเขาอย่างแปลกๆ “นายไม่ชอบเหรอ? สนุกจะตาย”
ไวส์ส่ายหัวอย่างไม่สนใจแล้วพูดขึ้น “สนุกตรงไหน ฉันสอนวิชาตัวเบาให้นายเอาไหม? พอเป็นแล้ววิชาตัวเบาจะไร้เทียมทานมาก เพราะพวกเราสามารถลอยบนน้ำได้ นายลองดูสิ พวกเขาเหยียบอยู่บนของเล่นห่วยๆ นี่ลอยตัวบนน้ำได้ที่ไหน?”
เสี่ยวฮุยยิ้มฝืนๆ เขาก็เคยหมกมุ่นเกี่ยวกับพวกฝึกวิทยายุทธ์ แต่พอหลังจากเข้าเรียนแล้ว เขาก็รู้ว่าของพวกนี้เป็นเรื่องไม่จริงทั้งนั้น แต่เขาก็ไม่โง่ที่คิดจะไปเถียงกับไวส์ด้วยเรื่องแบบนี้ ตอนเข้าเรียนวันแรก เขาก็ได้ยินมาแล้วว่า ใครที่ดูหมิ่นวิทยายุทธ์ ไวส์จะฆ่าคนคนนั้น
ตอนนี้ไวส์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในโรงเรียนแกรนท์เพราะยังมีอีกหลายชีวิตที่อยู่ในกำมือของเขา ขอเพียงแค่เขาฝึกวิชาสำเร็จ หลังจากนั้น…
หลังจากที่เด็กๆ กลับมา ฉินสือโอวก็แนะนำพวกเขา อายุของเจ้าหญิงซาลามาห์มากกว่าพวกเด็กๆ อยู่นิดหน่อย จึงถือว่าเป็นรุ่นเดียวกัน สามารถเล่นด้วยกันได้
เชอร์ลี่ย์และเจ้าหญิงซาลามาห์เมื่อเจอกันครั้งแรกก็รู้สึกถูกชะตาเลย เป็นครั้งแรกที่พวกเธอต่างเจอเด็กสาวที่คุยโม้ด้วยได้
กอร์ดอนก็รู้สึกเช่นกันว่าตัวเองถูกชะตากับเจ้าหญิงซาลามาห์ เขาล้วนถูกชะตากับสาวสวยทุกคนที่เจอกัน แต่น่าเสียดายที่เจ้าหญิงซาลามาห์เพียงครั้งแรกก็มองออกว่าเขาเป็นพวกขี้แพ้ จึงไม่เล่นกับเขา!
บทที่ 1176 คุณคิดว่าน้องสาวผมเป็นอย่า...
มื้อค่ำแน่นอนว่าฉินสือโอวพยายามอย่างเต็มที่ เขายังคงเชิญคุณลุงฮิคสันมาจัดการพวกอาหารทะเลและผัก แสดงฝีมือและรสชาติอันล้ำเลิศของอาหารตะวันตก
พอคุณลุงฮิคสันรู้ว่าแขกในค่ำคืนนี้เป็นใครก็หัวเราะขึ้นมา และยังรู้สึกตื่นเต้นจนถามขึ้นมาว่า “โอว พระเจ้า นี่เป็นครั้งแรกที่ผมทำอาหารให้เจ้าชายและเจ้าหญิง นี่จะต้องเป็นความสำเร็จของตระกูลพ่อครัวฮิคสันที่จารึกในประวัติศาสตร์!”
ฉินสือโอวเขียนพันธุ์ปลาทั้งหมดที่อยู่ในฟาร์มปลาบนเมนูหนึ่งแผ่น เขาเชิญให้ฮามานแดน อาฟิฟและคนอื่นๆ มาตรวจดู ถามเขาว่าตอนเย็นอยากทานอะไร มีอะไรที่ทานไม่ได้ไหม
ฮามานแดนพอเห็นว่ามีเพรียงคอห่านบนเมนูจึงถามอย่างสนอกสนใจว่า “ฟาร์มปลาคุณก็มีเพรียงคอห่านด้วยเหรอ? นี่เป็นเพรียงคอห่านของสเปนไหม? ผมเคยชิมตอนที่อยู่มาดริด รสชาติดีมาก”
ฉินสือโอวยิ้ม “ดีกว่าพวกนั้นอีกครับ นี่ผมไม่ได้โม้เองนะ ถ้าคุณชอบค่ำนี้ก็ลองชิมดูสักหน่อย”
ฮามานแดนไม่ใช่คนกินจุ เป็นถึงเจ้าชายจะมีอาหารเลิศรสอะไรบ้างที่ยังไม่เคยกิน? แต่สิ่งที่เขาสนใจคือ “ผมได้ยินคนสเปนพูดกันว่า การเก็บเพรียงคอห่านเป็นการกระทำที่กล้าหาญ ผมยังไม่เคยเห็นเลยว่าเก็บเพรียงคอห่านกันอย่างไร จะสะดวกให้ผมเยี่ยมชมไหม?”
พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เพรียงคอห่านของฟาร์มปลาอยู่ที่ส่วนฐานของท่าเรือแบบดั้งเดิม ตอนเก็บแค่ต้องเสียแรงไปเยอะ แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ยากลำบากอะไร จะลำบากก็ตรงจุดที่เพรียงคอห่านห้อยอยู่ตรงด้านหลังโรงงานเคมี ซึ่งต้องดูฟ้าฝนให้ดีถึงจะเก็บได้ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้อย่างแน่นอน
ฉินสือโอวอธิบายให้ฟัง ฮามานแดนจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นเขาดูการเก็บเพรียงคอห่านตรงท่าเรือก็ได้
ในเมื่อเจ้าชายน้อยสนใจ เขาก็จะไปเป็นเพื่อนเขา เขาและชาร์คไปที่ท่าเรือ เขาเลือกสถานที่ที่มีทรัพยากรเพรียงมากมายผ่านจิตใต้สำนึกแห่งโพไซดอน แล้วปีนลงไปแงะเอาเพรียงคอห่านด้วยกริช
จริงๆ การทำแบบนี้ก็อันตรายอยู่ เพราะคลื่นก็ยังคงซัดมาที่ท่าเรืออย่างต่อเนื่อง จะมีโอกาสเก็บได้ก็เพียงตอนที่คลื่นลดลงเท่านั้น แต่คลื่นก็จะกลับมาซัดสาดในพริบตา คนที่อยู่ด้านล่างจึงต้องรับแรงตีจากคลื่น
อาหารทะเลที่มีมูลค่า มักจะต้องเสียแรงไปมากในการเก็บเกี่ยว
ฉินสือโอวถอดเสื้อผ้าออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและเรียบเนียน ฮามานแดนเบะปาก หลังจากนั้นก็ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นพร้อมพูดว่า “หุ่นดีมาก!”
ไปที่ส่วนฐานของท่าเรือพร้อมกับชาร์คและบีบีซวง ซึ่งตรงจุดนี้มีเพรียงคอห่านอยู่หนาแน่นทั้งบนผิวน้ำและใต้ผิวน้ำ
การเก็บเพรียงคอห่านตรงท่าเรือยังง่ายกว่าการเก็บตามโขดหินที่ห้อยอยู่ตรงหน้าผาไม่น้อย เพราะโขดหินที่มีผิวค่อนข้างขรุขระตรงฐานของท่าเรือ เมื่อเทียบกันแล้วก็ยังเรียบลื่นกว่ามาก จึงทำให้เพรียงคอห่านพวกนี้มีแรงยึดติดน้อย
ได้ยินว่าฉินสือโอวมาเก็บเพรียงคอห่าน แซนเดอร์สจึงรีบพาทิญามาด้วยกัน เขาต้องการกาวไบโอที่อยู่ตรงส่วนขาของเพรียงคอห่าน เพราะตอนนี้การวิจัยเกี่ยวกับกาวที่ยึดเกาะยังดำเนินอยู่ ยิ่งมีตัวอย่างเยอะก็ยิ่งดี
ฮามานแดนนั่งยองๆ บนท่าเรือและมองด้วยความสนใจ ซึ่งสิ่งนี้เขาไม่ได้เสแสร้งออกมา เจ้าชายเป็นคนดังบนโลกอินเทอร์เน็ต จึงมักจะโพสต์รูปถ่ายของเขาที่มีส่วนร่วมในกีฬาต่างๆ กีฬาผาดโผน การผจญภัยในป่า และการเดินทางท่องเที่ยวรอบโลกบนอินเทอร์เน็ต
การเก็บเพรียงคอห่านท่ามกลางคลื่นซัดสาดก็ถือว่าเป็นกีฬาผาดโผนหรือการผจญภัยในป่าอย่างหนึ่ง
แม้ว่าเจ้าชายน้อยจะชอบกีฬาทุกประเภท แต่ก็มีข่าวลือว่าเขาได้แชมป์การแข่งขันขี่ม้าถึงสองครั้ง ซึ่งก็ไม่เป็นความจริง
คนที่มีฝีมือยอดเยี่ยมในการขี่ม้าคือพี่ชายของเขา เจ้าชายราชิด เขาก็ชอบกีฬาขี่ม้ามากเช่นกัน แต่ที่เข้าร่วมการแข่งขันระดับโลกทั้งสองครั้ง เขาก็จบเกมตั้งแต่รอบน็อคเอาต์แล้ว
มองดูฉินสือโอวและชาร์คค่อยๆ เก็บเพรียงคอห่านขึ้นมาทีละตัว ดูเหมือนว่าจะลำบากไม่น้อย เขาก็พลันรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
หลังจากนั้นชาร์คก็ปีนขึ้นมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ ฮามานแดนถอดเสื้อนอกออก สวมแค่เสื้อเชิ้ตอยู่เตรียมจะลงไปลองบ้าง แต่ฉินสือโอวโบกมือบอกว่านี่มันอันตรายเกินไป อย่าลงไปเลย
เขาไม่พูดประโยคนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะยิ่งเขาพูดประโยคนี้ ฮามานแดนยิ่งอยากลงไปลองแน่ๆ พวกบอดี้การ์ดก็เหมือนจะเข้าใจอารมณ์ของเจ้านายตัวเองดี ชายผิวดำที่ตัวใหญ่ที่สุดสองคนก็ถอดชุดตาม แล้วเปลี่ยนเป็นใส่เสื้อชูชีพลงไปที่ท่าเรือก่อน
ฮามานแดนใส่เสื้อเชิ้ตลงไปในน้ำ พวกบอดี้การ์ดราวกับหอคอยเหล็กดำคอยกันอยู่ข้างหลังเขา คอยป้องคลื่นทะเล ส่วนเขาก็ใช้กริชแงะเพรียงคอห่านที่ติดอยู่บนโขดหินอย่างแน่นหนาด้วยความกระตือรือร้น
เจ้าชายน้อยมีผู้ช่วยติดตามมาด้วย หลังจากที่เขาลงไปในน้ำ ผู้ช่วยก็หยิบกล้องที่เหมือนปืนใหญ่ออกมา แล้วลงมือถ่ายรูปเจ้าชายน้อยที่อยู่ในน้ำ
ฉินสือโอวมองอย่างตะลึงอยู่ด้านข้าง ฮามานแดนมีท่าทางต่างๆ กันในตอนแงะ เนื่องด้วยพวกเขาต้องคอยหลบคลื่นที่ซัดมา ท่าทางจึงยากที่จะดูเป็นธรรมชาติ ส่วนมากแล้วก็จะเป็นท่าทางที่กำลังหดตัวอยู่
แต่เจ้าชายน้อยกลับแตกต่าง ท่าทางเต็มไปด้วยความกล้าหาญ มือถือกริชเช่นเดียวกับวีรบุรุษที่ต้องการจะต่อสู้
ทางด้านฉินสือโอวเก็บเพรียงคอห่านไปได้ 10 กว่าตัว ส่วนเจ้าชายน้อยแงะออกมาได้แค่ 1 ตัว แต่พอหลังจากได้มา เขาก็ถือมันขึ้นมาทำท่าต่างๆ เพื่อให้เหมาะกับการถ่ายรูป มีทั้งแบบหล่อเท่ แข็งแรงกล้าหาญ และยังมีแบบน่ารักด้วย…
“ผมกำลังเป็นมิตร” เจ้าชายน้อยคงคิดว่าท่าที่เลียนแบบสุนัขกำลังจะกัดเพรียงคอห่านเข้าไปดูไม่ค่อยสง่า จึงรีบอธิบายให้เข้าใจ
ฉินสือโอวนายใหญ่พยักหน้า แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แม่งจะไปอธิบายให้วินนี่ฟังทำไม? วินนี่เป็นภรรยาผมไม่ใช่แฟนคลับของคุณ เธอจะไปสนใจว่าคุณเป็นมิตรอะไรได้อย่างไร?
เมื่อเก็บเพรียงคอห่านจนพอแล้ว ฉินสือโอวก็เตรียมจากไป ฮามานแดนกะพริบตาปริบๆ บอกเป็นนัยๆ ว่าให้เขารอสักหน่อย
ดังนั้นเมื่อคนอื่นไปแล้ว จึงเหลือเพียงแค่คนสองคนที่ท่าเรือกว้าง แน่นอนว่าพวกบอดี้การ์ดหอคอยดำยังคอยคุ้มกันด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เจ้าชายน้อยยังคงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปียกปอน เสื้อแนบเนื้อทำให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ มองออกเลยว่าเขาก็ใช้เวลาในการออกกำลังกายไปไม่น้อยเช่นกัน
ปีนอยู่บนราวกั้นที่อยู่ด้านหน้าท่าเรือ เจ้าชายน้อยปล่อยให้ลมพัดผมสีดำโบกสะบัด มองลงไปส่วนลึกของมหาสมุทรด้วยแววตาที่ลึกล้ำ ฉินสือโอวนึกว่าเขาจะร่ายบทกวีสักบท ปรากฏว่าพอเขาอ้าปากกลับพูดออกมาว่า “พี่ฉินสือโอว คุณคิดว่าน้องสาวของผมเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เจ้าหญิงซาลามาห์เหรอ?” ฉินสือโอวถามกลับ ฮามานแดนมองกลับไปที่เขาด้วยสายตาโง่ๆ แล้วถามขึ้นเช่นกันว่า “ถ้าอย่างนั้น คุณเคยเห็นน้องสาวคนอื่นของผมเหรอ?”
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเขาไม่ควรถือสาหาความกับเด็กไม่เต็มบาท ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วถ้าเทียบอายุกัน เจ้าชายน้อยอายุมากกว่าเขาหน่อย เมื่อพูดถึงเจ้าหญิงโลลิต้า ฉินสือโอวต้องประเมินให้สูงสักหน่อย “เธอเหมือนนางฟ้า ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ท่าทางหรือนิสัย ผมกล้าพนันได้เลยว่า เธอจะต้องเป็นไข่มุกที่ล้ำค่าที่สุดในทะเลทรายของคุณ ใช่ไหม?”
ฮามานแดนยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วพยักหน้า “ใช่ เธอเป็นดั่งไข่มุกเม็ดหนึ่ง จริงๆ แล้วเธอยังมีข้อดีอีกมาก คุณรู้ไหม?”
ฉินสือโอวส่ายหน้า แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ความหมายของเขา แต่แค่ไม่เข้าใจว่าฮามานแดนจะพูดถึงเรื่องนี้ทำไม
“น้องสาวผมยังอายุน้อย แต่คุณดูสิ เธอกลับทั้งสวยทั้งรู้จักกาลเทศะขนาดนี้แล้ว” ฮามานแดนยังคงพูดต่อ
ฉินสือโอวพยักหน้า เขายอมรับในจุดนี้
“คุณคิดว่า ในอนาคตเธอจะทำให้ผู้ชายมากมายหลงใหลได้ไหม?” ฮามานแดนมองมาที่เขาแล้วถามขึ้น
ฉินสือโอวตอบ “ไม่ แค่ตอนนี้เธอก็สามารถทำให้ผู้ชายมากมายหลงใหลได้แล้วล่ะ”
ฮามานแดนกระเถิบมาใกล้เขา พูดเสียงเบา “ถ้าอย่างนั้น คุณทำไมถึงรีบหมั้นล่ะ? ผ่านไปอีกสัก 10 ปี ไม่สิ ห้าปี น้องสาวของผมจะสวยกว่าวินนี่อีก น่ารักกว่าด้วย อีกอย่างความสวยของเธอยังคงอยู่ได้นานหลายปี…”
ฉินสือโอวเบิกตากว้าง รู้สึกว่าขนลุกไปทั้งตัว คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?!
บทที่ 1177 ขี่ดาบโบยบิน
ท้ายสุดฉินสือโอวก็ยังคงไม่เข้าใจความหมายของเจ้าชายที่ต้องการจะสื่อ เขาก็พูดมาประโยคสองประโยคอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย อย่างกับล้อเล่น แต่ตัวเขารู้สึกว่า ถ้าพูดถึงความสนิทของเขากับเจ้าชายน้อยแล้ว ก็คงยังไม่ถึงจุดที่จะมาล้อเล่นแบบนี้ได้
กันไว้ดีกว่าแก้ ฉินสือโอวนายใหญ่รู้สึกว่าตัวเองต้องป้องกันตัวเองจากเจ้าชายน้อยสักหน่อย เพราะนึกถึงปฏิกิริยาตอนแรกที่เขามองวินนี่แล้ว เชื่อถือไม่ได้
ขุดเพรียงคอห่านเสร็จแล้ว ฟาร์มปลายังเตรียมอาหารทะเลอย่าง หอยงวงช้าง ปลาตัวเป่า ปลาโอแถบตากแห้ง ปลาอีโต้มอญ ล็อบสเตอร์สีรุ้ง ปลาแฮลิบัตแอตแลนติกเหนือ ปลิงขาว เป็นต้น ผักจะขึ้นตามธรรมชาติในฤดูหนาว รสชาติจะยิ่งดี มีวิตามินบำรุงสูง
พวกเจ้าชายน้อยต่างเป็นมุสลิม ฉินสือโอวก็กังวลว่าอาหารที่ตัวเองเตรียมไว้จะไปละเมิดความเชื่อของพวกเขา จึงทำการตรวจสอบมาโดยเฉพาะ และพบว่าของเหล่านี้ที่เตรียมไว้โอเค ไม่ว่าจะเป็นปลา กุ้ง ปูก็ไม่มีปัญหาอะไร
มีบันทึกในข้อ 96 ของบทที่ 5 “งานเลี้ยง” ของคัมภีร์อัลกุรอาน สัตว์และอาหารในทะเลเป็นสิ่งที่ถูกกฎสำหรับคุณ คุณและนักเดินทางสามารถเพลิดเพลินกับมันได้
วัตถุดิบที่ใช้เป็นผัก ผลไม้และอาหารทะเลจากฟาร์มปลา แต่คนที่ทำกับข้าวกลับไม่ใช่คุณลุงฮิคสัน แต่เป็นผู้ช่วยท่านนั้นของเจ้าชายน้อย ตอนที่เตรียมจะกินข้าวอาฟิฟเคยแนะนำแล้วว่าผู้ช่วยท่านนี้มีหลายตำแหน่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือนักชิมชื่อดังของตะวันออกกลาง
ฉินสือโอวคาดเดาว่า ก็คงเป็นช่างภาพที่มีชื่อเสียงของตะวันออกกลางด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่แค่พาพ่อครัวมาเอง อุปกรณ์ เครื่องครัวในการทำกับข้าวพวกเขาก็เตรียมมาเอง ซึ่งฉินสือโอวเข้าใจในจุดนี้ ชาวมุสลิมไม่สามารถใช้เครื่องครัวและอุปกรณ์ทำอาหารของพวกเขาได้ แต่เขาได้เตรียมเครื่องใช้ใหม่เป็นพิเศษสำหรับการใช้งานประจำวันและสุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้ใช้
ในแง่ของไวน์ ถือว่าได้ใช้ของในฟาร์มปลาแล้ว ฉินสือโอวเตรียมไอซ์ไวน์ที่คุณลุงฮิคสันเป็นคนบ่มไว้ เขาคิดว่าไอซ์ไวน์นี้รสชาติยังดีกว่าไวน์ห้าอรหันต์ที่เป็นที่รู้จักในตลาดเสียอีก มีกลิ่นหอมผลไม้ในไวน์ ทำให้รู้สึกสดชื่น
ฮามานแดนเคยเดินทางไปเที่ยวรอบโลก อาหารชั้นเลิศไหนที่เขาจะไม่เคยพบบ้าง? เขามาเป็นแขกที่บ้านฉินสือโอวก็เพราะน้องสาวบังคับเขามา จริงๆ แล้วเขาไม่ได้คาดหวังอะไรเลยในอาหารหรือไวน์ แม้กระทั่งไวน์ชั้นเลิศที่เขาเตรียมมาก็อยู่ในเรือยอชต์
แต่หลังจากที่เริ่มมื้ออาหารแล้วเขากลับรู้สึกประหลาดใจมาก โดยเฉพาะไอซ์ไวน์ที่หมักเองโดยเชฟประจำที่นี่ รสชาติและรสสัมผัสกลับเหนือความคาดหมายของเขา
ฉินสือโอวมองฮามานแดนตอนกินข้าว แล้วก็แอบส่ายหัว ไม่ใช่เพราะท่าทางการทานข้าวของเขาไม่ดี เพราะจริงๆ แล้วเจ้าชายน้อยได้รับการฝึกอบรมมารยาทบนโต๊ะอาหารที่เป็นมืออาชีพมากที่สุด ไม่ว่าจะยกมือหรือทำท่าอะไรก็ราวกับสวมบทบาทอยู่ มีดส้อมหรือแม้กระทั่งตะเกียบก็ใช้เป็นทุกอย่าง
แต่สิ่งที่ทำให้เขาทอดถอนใจก็คือ การกินข้าวของฮามานแดนดูน่าเหนื่อยใจมาก ก่อนที่จะดื่มไวน์ ก็ต้องให้พวกบอดี้การ์ดลองชิมก่อน อาหารทุกจานที่ผู้ช่วยทำออกมา ผู้ช่วยท่านนั้นก็จะต้องชิมก่อน…
อาฟิฟขอโทษฉินสือโอวเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ว่าเจ้าชายน้อยเย่อหยิ่ง แต่เป็นเพราะตอนนี้เขาจำเป็นต้องระแวดระวัง หลังจากที่เจ้าชายราชิดสวรรคต เจ้าชายน้อยจึงกลายเป็นรัชทายาทอันดับที่หนึ่งของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย จะทำอะไรจึงต้องระวังเป็นพิเศษ
ฉินสือโอวไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย เขารู้ดีจึงยิ้มไปพูดไปไม่มีอะไรหรอก ส่วนคุณลุงฮิคสันไม่มีจิตใจจะทำอะไรแล้ว เดิมทีคิดว่าทำอาหารให้คนในราชวงศ์ทานถือเป็นเกียรติอย่างสูง สุดท้ายเขากลายเป็นลูกมือก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่อาหารที่ทำออกมาเขาก็ยังไม่ได้รับการไว้วางใจอีก
อย่างไรก็ตามคนที่มาจากแดนไกลก็เป็นแขก ระหว่างนั้นฉินสือโอวจึงไปปลอบคุณลุงฮิคสันในห้องครัว จิตใจของคุณลุงที่กำลังเศร้าอยู่จึงค่อยรู้สึกดีขึ้นมา
ถ้าพูดแบบจริงจังแล้ว อาหารมื้อนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณลุงฮิคสันมาก สิ่งที่เขาช่วยหลักๆ จะเป็นการจัดหาไวน์แดง ส่วนการปรุงอาหารทั้งหมดจะเป็นคนของฮามานแดนเป็นคนจัดการ
พอรับประทานอาหารเสร็จ แน่นอนว่า อาฟิฟ ฮามานแดน ซาลามาห์และคนอื่นๆ ไปพักอยู่ที่โรงแรมห้าดาวในเมืองเซนต์จอห์น ฉินสือโอวได้เตรียมห้องชุดเพรสซิเดนเชียล สวีทไว้ เขาไปส่งพวกเขาด้วยการนั่งเรือไฮโดรฟอยล์ไป
ความเร็วของเรือไฮโดรฟอยล์ติดปีกนั้นเร็วจริงๆ หลังจากที่เพิ่มความเร็วปีกสองข้างก็สยายออก เรือยอชต์แล่นไปบนผิวน้ำอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวทอดถอนใจ “ผมรู้สึกว่าเหมือนผมอยู่บนเรือยนต์ไม่ใช่เรือยอชต์ เร็วมากจริงๆ”
พอได้ยินประโยคนี้ อาฟิฟก็ถามขึ้นด้วยความสนใจว่า “คุณชอบขับเรือยนต์เหรอ?”
ฉินสือโอวยิ้ม “ก็ไม่ได้ชอบขับหรอก แต่ว่าผมมีฟาร์มปลา คุณภาพน้ำก็ไม่เลว ถ้าไม่ได้ขับเรือยนต์ก็คงน่าเสียดายไปหน่อย?”
ซาลามาห์ที่นั่งดูรูปอยู่บนโซฟาเงยหน้าพูดอย่างดีใจว่า “คุณภาพน้ำของคุณที่นี่ไม่ใช่ไม่เลวนะ แต่ว่าสุดยอดมาก จริงไหมคะพี่?”
ฮามานแดนถึงจะหยิ่งยโสหน่อย แต่ก็จะไม่พูดอะไรซี้ซั้ว เขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว คุณภาพน้ำดีมาก ดูเหมือนว่าคุณจะรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดีมาก รสชาติอาหารทะเลก็ดี ผมเคยไปมาตั้งหลายที่แต่แทบจะไม่มีที่ไหนเลยที่เทียบกับอาหารทะเลของคุณได้”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วบอกกับทุกคนว่าหากทุกคนชอบต่อจากนี้ก็ค่อยๆ เพลิดเพลินกับที่นี่ อาฟิฟแนะนำต่อ “ทำไมคุณถึงไม่ไปเปิดร้านเฟรนไชส์อาหารทะเลต้าฉินที่ดูไบล่ะ? ผมเชื่อว่าด้วยคุณภาพอาหารทะเลของคุณ ต้องเป็นที่นิยมมากแน่ๆ”
ฮามานแดนก็เหมือนจะเห็นด้วย เขานึกย้อนถึงรสชาตินุ่มๆ ของเนื้อปลาลิ้นหมา สีสวยสดของล็อบสเตอร์สีรุ้ง ความสดใหม่ของเพรียงคอห่าน จึงอดยอมรับไม่ได้ว่า “อย่างน้อยเท่าที่ผมรู้ ก็ยังไม่มีร้านอาหารทะเลไหนในดูไบที่สู้กับคุณได้เลย”
ฉินสือโอวจึงบอกว่าเขาจะพิจารณาดู เรื่องนี้คงต้องมอบให้บัตเลอร์ ซึ่งคาดว่าคุณลุงหนวดเฟิ้มผิวเข้มก็คงไม่ได้คิดที่จะรีบขยายกิจการไปทางตะวันออกกลาง ทำงานต้องมีความมั่นใจ มีขั้นตอน เพราะตลาดที่พวกเขาไปเปิดที่อเมริกาก็ยังไม่เสถียรเลย
หลังจากที่พวกเจ้าชายน้อยและคนอื่นๆ มาถึง แขกคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยกันมา คนที่มาถัดมาก็คือจอร์จและวิเวียนพ่อแม่ของไวส์
สมแล้วที่เป็นราชาแห่งเหล็กกล้า เมื่อก่อนตอนที่จอร์จและภรรยาเจอฉินสือโอว ก็ยังรักษาความอ่อนน้อมถ่อมตัวไว้ แต่ครั้งนี้ยกระดับขึ้นมาหน่อย เพราะนั่งเครื่องบินสุดหรู กัลฟ์ สตรีม จี 500 บินตรงมาลงที่สนามบินที่ฟาร์มปลาต้าฉิน
ราคาของเครื่องบินลำนี้มากกว่า 40 ล้านดอลลาร์แคนาดา ไวส์พอเห็นก็บอกว่ามันเป็นของบ้านพวกเขา ปกติเขาไปหาหมอที่นิวยอร์กหรือลอสแอนเจลิสก็จะนั่งเครื่องบินรุ่นนี้
เสี่ยวฮุยได้ยินว่าปกติเขานั่งเครื่องบินรุ่นนี้ก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที “ถ้าอย่างนั้นนายก็น่าเกรงขามมาก”
ไวส์ส่ายหัวด้วยความเหยียดหยาม แล้วพูดขึ้นว่า “น่าเกรงขามอะไรกัน? นายรอวันที่ฉันฝึกการขี่ดาบโบยบินได้สำเร็จ นั่นถึงจะเรียกว่าน่าเกรงขาม! ถึงตอนนั้นฉันจะเหยียบอยู่บนดาบและโบยบินไปหาแดดดี๊และหม่ามี๊ที่ชิคาโก้ทุกวัน แดดดี๊ หม่ามี๊!”
จอร์จและภรรยารีบลงมาจากเครื่องบิน ไวส์พอเห็นทั้งสองคนก็ยิ้มด้วยความประหลาดใจขึ้นมาทันใด แล้วรีบวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
มองเห็นลูกชายหน้าแดงๆ วิ่งเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้น วิเวียนนั่งยองๆ ลงและกอดเขาอยู่ในอ้อมแขนของเธอ ดวงตามีน้ำตารื้นออกมา “ว่าอย่างไร เด็กน้อย ช่วงนี้ไม่ได้อยู่ข้างพ่อกับแม่ ลูกยังสบายดีอยู่ไหม?”
ไวส์พยักหน้าหงึกๆ “ดีมากเลยครับ ผมอยู่ที่นี่สบายมาก ไม่ต้องไปกินยาที่โรงพยาบาล ฝึกฝนวิทยายุทธ์ก็พอแล้ว! แต่ก็ชอบมีคนรังแกผมตลอดเลย!”
จอร์จมองหน้าลูกชายตัวเองแล้วยิ้ม เขาวางมือลงบนหน้าอกไวส์อย่างใจเย็นเพื่อเช็กการเต้นของหัวใจ หลังจากที่สัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจมีจังหวะที่ดี เลยถามขึ้นว่า “ใครรังแกลูกล่ะ? อาจารย์ของเราไม่ได้ช่วยเหรอ?”
พูดไปเขาก็ยิ้มไปแล้วมองไปทางฉินสือโอว แต่ไม่ได้ยื่นมือไป แต่กลับทำท่าคารวะแล้วยื่นไปข้างหน้า ราวกับเพื่อนเก่าเจอกันก็จะใช้วิธีชนหมัดกัน
ไวส์หันกลับไปมองกอร์ดอน กอร์ดอนเบิกตากว้างใจเต้นตุบๆ โธ่เอ๊ยพี่น้องอย่าทำแบบนี้ แม่งความแค้นระหว่างกันยังจะเอามาฟ้องด้วยเหรอ?
บทที่ 1178 ทยอยกันมาถึง
ก่อนที่เสี่ยวฮุยจะมา กอร์ดอนชอบแกล้งไวส์ แต่พอหลังจากเสี่ยวฮุยมา กอร์ดอนจึงเปลี่ยนมาแกล้งเสี่ยวฮุยแทน แต่ในขณะเดียวกันก็แกล้งไวส์ด้วย…
พอเป็นแบบนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจอร์จและภรรยาของเขา เขาจึงรู้สึกผิดเล็กน้อย จึงหาโอกาสยั่วยุไวส์ พอไวส์โกรธก็จะวิ่งไล่ตีเขา เด็กสองคนวิ่งร้องลั่นจนหนีไปไกล หู่จือและเป้าจือก็วิ่งตามทั้งสองคนไปด้วยอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นลูกชายวิ่งอย่างอิสระ ดวงตาของวิเวียนก็มีน้ำตารื้นขึ้นมาอีก ฉินสือโอวเริ่มสงสัยว่านี่คือหญิงเหล็กแห่งตระกูลคาร์เนกี จระเข้หญิงแห่งห้างสรรพสินค้าที่ชิคาโก้จริงเหรอ? ความรู้สึกมีหลากหลายอารมณ์มากเหลือเกิน
จอร์จพูดอย่างมีความสุขว่า “ฉิน ขอบคุณคุณมาก ขอบคุณคุณและวินนี่ที่ช่วยดูแลไวส์ นอกจากนี้แล้วผมยังอยากจะถามว่า คุณว่าอายุแบบผมฝึกวิทยายุทธ์ยังทันไหม? ศิลปะการต่อสู้แบบจีนของคุณมันเยี่ยมยอดมาก!”
เขาและวิเวียนรู้สึกชื่นชมจากใจจริง ช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มาหา แต่ก็คอยส่งหมอมาตรวจสุขภาพของไวส์ตลอด ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็เป็นแง่ดี ยีนของไวส์ยังคงมีปัญหา แต่การทำงานของเซลล์ยังแข็งแรงพอที่จะรับประกันให้เขาใช้ชีวิตอย่างแข็งแรง
แพทย์ที่มีชื่อเสียงก็ไม่สามารถอธิบายสาเหตุของเรื่องนี้ได้ บอกสาเหตุได้เพียงว่าไวส์พออยู่ที่นี่จึงอารมณ์ดี กินอยู่ดี ไม่มีมลพิษจากในเมือง ร่างกายจึงมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น
จอร์จไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรต่อเรื่องนี้ ตอนที่ไวส์อยู่ที่ชิคาโก้ แม้จะอาศัยอยู่ในห้องที่แยกออกมาโดยสิ้นเชิง อาหารที่กินก็เป็นแบบออร์แกนิกปราศจากมลพิษ เป็นอาหารจากธรรมชาติทั้งหมด แต่ร่างกายกลับแย่ลงไปอีก
เขาเชื่อในการสอนเทคนิคการหายใจและวิธีการออกกำลังของฉินสือโอวที่สอนไวส์ทุกวันว่าส่งผลให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรงได้จริงๆ
ซึ่งเรื่องนี้เขาไม่ได้บอกพวกแพทย์ เพราะเขาคิดว่านี่เป็นความลับของฉินสือโอว และเขาในฐานะพ่อของไวส์ก็มีหน้าที่เก็บเป็นความลับ
ฉินสือโอวนึกว่าจอร์จพูดเล่นจึงไม่ได้คิดอะไร แต่ปรากฏว่าวิเวียนกลับพูดว่า “ฉิน ถ้าพวกเราสามารถฝึกด้วยได้ ฉันและจอร์จก็อยากจะลองดูจริงๆ เดิมทีจอร์จไม่อยากจะรบกวนคุณ จึงติดต่อสถาบันฝึกการต่อสู้ไว้หลายแห่งที่ชิคาโก้ แต่ก็ไม่ได้ผล”
ฉินสือโอวแอบพูดกับตัวเองในใจว่าแน่ล่ะมันไม่มีประโยชน์หรอก เพราะสิ่งที่ทำให้เกิดผลที่ดีไม่ใช่การฝึกการออกกำลังที่เขาสอนให้ไวส์ แต่เป็นพลังโพไซดอน
อย่างไรก็ตามเมื่อจอร์จและวิเวียนสนใจ เขาก็ยินดีต้อนรับ เพราะก็แค่ป้อนพลังโพไซดอนให้กับเขาสองคนเป็นช่วงๆ ไป ตอนนี้ตัวเขาเองก็ป้อนพลังโพไซดอนให้กับทุกคนในฟาร์มปลาอย่างพอดี แค่สองคนเพิ่มขึ้นมาไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเขาที่จะดูแลสุขภาพให้กับจอร์จและวิเวียน ครั้งนี้ที่งานหมั้นของเขาสามารถเรียกคนมาได้เยอะถึงขนาดนี้ ก็เพราะชื่อของจอร์จและภรรยา เพราะคนส่วนมากที่มาก็เพราะชื่อของสองคนนี้
ดังนั้นฉินสือโอวจึงพูดไปยิ้มไป “ไม่ได้สร้างความแตกต่างที่วิเศษอะไรมากหรอกครับ แต่วิธีการออกกำลังกายที่ครอบครัวเราสืบทอดกันมา เดิมทีก็เพื่อเสริมสร้างร่างกายเท่านั้น ดังนั้นจึงเริ่มเมื่อไรก็ได้ ขอแค่ทำต่อเนื่องก็พอครับ”
จอร์จยกมือขึ้นทำท่าคารวะเขา แล้วพูดว่า “อาจารย์ฉินวางใจได้ สิ่งที่ผมและวิเวียนไม่ขาดเลยก็คือความอดทน ถ้าอย่างนั้นช่วงเวลานี้ก็ต้องรบกวนคุณช่วยชี้แนะพวกเราหน่อยแล้ว”
ฉินสือโอวก็ยกมือขึ้นคารวะพร้อมรอยยิ้ม หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็พักเก็บไปเป็นการชั่วคราว เขาแนะนำจอร์จและภรรยาให้เจ้าชายน้อยที่มาพร้อมพรรคพวกคนอื่นๆ ทั้งสองฝ่ายสามารถร่วมมือกันได้ อาณาจักรเหล็กกล้าของจอร์จก็ได้ขยายไปที่ตะวันออกกลางแล้ว พวกเขาเคยเจอกันมาก่อน
วันที่ 1 เดือนมิถุนายน แขกก็มาถึงมากขึ้น
สองพ่อลูกตระกูลสเตราส์นั่งเรือยอชต์ชั้นธุรกิจมาจากนิวยอร์กพร้อมกับผู้กำกับคาเมรอนและลิฟหัวหน้านักออกแบบของร้านทิฟฟานี่ก็ตามมาด้วย หลังจากที่มาถึงฟาร์มปลา ก็พอดีกับที่นิมิตส์และบุชกำลังเตรียมจะบินจากไป
ฉินสือโอวจึงรีบตะโกนเรียกนิมิตส์ให้คาเมรอนดู พร้อมถามว่า “สวัสดีครับ ผู้กำกับใหญ่ คุณจะเริ่มจ้างดาราน้อยของพวกเราเมื่อไรครับ?”
นิมิตส์กำลังรีบจะไปต่อสู้ จึงเกาะอยู่บนบ่าของฉินสือโอวพร้อมมองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวาย แต่นิสัยคาเมรอนเป็นคนเชื่องช้า เขาจึงลากฉินสือโอวไปคุยตรงชายหาด พอเป็นแบบนี้บุชรอไม่ไหว จึงพาอินทรีทองน้อยบินไปด้วยกันก่อน
วินนี่วิ่งตามไป พอเห็นเจ้าสองตัวบินไปไกลก็ทอดถอนใจออกมา เจ้าชายฮามานแดนปรากฏตัวขึ้นด้านหลังทันใด ยิ้มแล้วถามออกไปว่า “วินนี่ คุณถอนหายใจทำไมเหรอ?”
วินนี่ยักไหล่ แล้วตอบว่า “ใต้ฝ่าพระบาท สวัสดียามบ่ายค่ะ ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ลูกคนโตของฉันพาลูกคนเล็กไปเกเร แต่เจ้าตัวนั้นยังเด็ก เพิ่งบินได้ไม่เท่าไร ฉันเลยกลัวว่ามันจะโดนเอาเปรียบ”
ฮามานแดนพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชมว่า “คุณรู้ไหม เวลาคุณพูดถึงสัตว์เลี้ยงของคุณ รัศมีความเป็นแม่มันส่องแสงออกมาทำให้น่าประทับใจ”
ฉินสือโอวนายใหญ่จ้องสองคนนี้จากระยะไกล ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเจ้าชายน้อยคุยอะไรกับภรรยา แต่เขาก็รู้สึกว่าอันตรายไปหน่อย
ส่วนผู้กำกับใหญ่ยื่นมือไปแหย่นิมิตส์ ซึ่งมันรู้สึกรำคาญใจมาก เพราะเดิมทีสามารถไปเล่นที่ภูเขาและบนป่าได้ แต่ตอนนี้ทำได้แค่เชิดหน้าอยู่กับพวกมนุษย์นี่ มันไม่มีความสุข หลบไปไกลๆ เลย!
นิมิตส์กางปีกออกตบไปที่มือของคาเมรอน ทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจใส่ฉินสือโอว ฉินสือโอวนายใหญ่บิดหัวของมันให้มันหันไปมองเจ้าชายน้อยแล้วกระซิบว่า “ไปเลย บินไปกัดมัน ไล่ไอ้เจ้าชู้นั้นไป…”
ผู้กำกับใหญ่นิ่งตกตะลึง
พิธีหมั้นจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ คนที่อยู่ไกลออกไปจากเซนต์จอห์นต่างก็มาถึงล่วงหน้าก่อนหนึ่งวัน
คนที่มาถัดจากนั้นคือเอี๋ยนตงเหล่ย ผู้ที่ก่อนหน้านั้นไม่สามารถพาฉินสือโอวเข้าสู่สมาคมช่วยเหลือชาวจีนโพ้นทะเลได้สำเร็จ เขายังรู้สึกเสียใจอยู่ตลอดเวลา ครั้งนี้หลังจากมาถึง เขาจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะพาฉินสือโอวนายใหญ่เข้าไปอยู่ในสมาคมให้ได้
ฉินสือโอวพาเขาไปเจอกับจอร์จ พอราชาแห่งเหล็กกล้าที่ชิคาโก้มา เอี๋ยนตงเหล่ยพลันเปลี่ยนน้ำเสียงและเริ่มแจกนามบัตร
พ่อลูกตระกูลสเตราส์ก็คุยอยู่กับจอร์จและภรรยาด้วยกัน เดินเล่นบนชายหาดรับลมทะเลฟังเสียงคลื่น รู้สึกดีจริงๆ
ฉินสือโอวตั้งร่มกันแดดบนหาดทรายละเอียดสีทอง ติดตั้งกระท่อมเล็กๆ สองสามหลัง ซึ่งก็คือกระท่อมแคปซูลที่พวกบิลลี่มอบให้กับเขา รวมกับกระท่อมที่ร้านกาแฟ กระท่อมเบียร์ที่ก่อนหน้านั่นเขาซื้อเอง เมื่อได้มาอยู่กับหาดทรายและน้ำทะเล ทำให้มีความรู้สึกสวยงดงามได้อารมณ์
เจ้าหญิงโลลิต้าไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้ เธอจึงเล่นน้ำอย่างสนุกสนานกับเชอร์ลี่ย์ ฉินสือโอวเรียกบอลหิมะ ไอซ์สเกต และบีนทั้งสามตัวมา พอมีพวกมันเล่นด้วย เจ้าหญิงโลลิต้าก็มีความสุขสุดๆ เลย
อาฟิฟนั่งให้แดดเลียท้องอยู่บนชายหาด เขาจะยิ้มตอนที่มองไปที่เจ้าหญิงโลลิต้า แต่รู้สึกเศร้ากังวลตอนที่มองไปที่ฮามานแดน
บิลลี่ แบรนดอนและเบลคมาด้วยกันทั้งสามคน พวกเขานั่งเฮลิคอปเตอร์หลายเครื่องยนต์ลำหนึ่งมา เป็นสีเบอร์กันดีสดใส รุ่น MD 902 ที่มีชื่อเสียง ซึ่งมีราคา 6 ล้านกว่าดอลลาร์แคนาดา
ทั้งสามคนลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ฉินสือโอวอ้าแขนยินดีต้อนรับ ทั้งสามคนจึงดีใจรีบอ้าแขนตาม แต่ปรากฏว่าเห็นฉินสือโอวเดินผ่านทั้งสามคนไป ไปกอดเฮลิคอปเตอร์แทน
“ว้าว MD 902 ราชาแห่งท้องฟ้า นี่เครื่องบินของใครกัน? ช่างมีรสนิยมจริงๆ? คงไม่ใช่ของขวัญงานหมั้นที่พวกนายมอบให้ฉันหรอกนะ? ขอบคุณพวกนายสามพี่น้องจริงๆ มิตรภาพคงอยู่ตลอดไป!”
บิลลี่ชูนิ้วกลางให้เขา “ให้มิตรภาพไปลงนรกซะ!”
ผ่านไปไม่นาน ก็มีเครื่องบินอีกลำบินมา ครั้งนี้เป็นเครื่องบินโบอิง BBJ บิซิเนสเจ็ต ราคาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า กัลฟ์ สตรีม จี 500 ที่จอร์จและภรรยานั่งมาเลย ต้องใช้เงิน 60-70 ล้านดอลลาร์แคนาดาพอๆ กันถึงจะสามารถซื้อสินค้าระดับพรีเมียมนี้ได้
เครื่องบินลำใหญ่ค่อยๆ จอดลงอย่างช้าๆ เมื่อประตูผู้โดยสารเปิดออก คนที่เดินออกมากลับทำให้ฉินสือโอวประหลาดใจ
บทที่ 1179 แลกเปลี่ยนแหวนหมั้น
คนที่เดินออกมาคือชายวัยกลางคนที่แข็งแรงและดูกระตือรือร้น พอเขาเห็นฉินสือโอวก็ยิ้มจนเห็นฟันขาว ตะโกนเรียก “สวัสดี ฉิน ไม่ได้เจอกันนานเลย!”
คนคนนี้มีชื่อว่า ชากูนิส เขามาพบกับฉินสือโอวได้ก็ตอนงานประชุมอเมริกันเอ็กซ์เพรส ตอนนั้นพวกเขาไปปีนเขาผจญภัยด้วยกัน ตอนที่เจ้าหนุ่มนี่ตกปลาที่แม่น้ำเมดูล่า ดันไปเจอปลากระเบนไฟฟ้าน้ำจืดขนาดยักษ์ ซึ่งก็ได้ฉินสือโอวช่วยชีวิตเขาไว้
พอกลับจากเกรตแบร์ริเออร์รีฟ ฉินสือโอวก็ติดต่อเขาน้อยลง พิธีหมั้นครั้งนี้เขาก็แค่โทรไปหา เลขาของชากูนิสเป็นคนรับสาย บอกว่าเขากำลังเข้าร่วมประชุมผู้นำระดับสูงของโบอิง ตอนแรกฉินสือโอวไม่ได้คาดหวังอะไร คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมา
คนที่มาด้วยกันกับชากูนิสล้วนเป็นคนใหญ่คนโต ทั้งโมล ฟริตซ์ ผู้มีอิทธิพลในอาณาจักรทางรถไฟ อังเคร คาลันโป ซีอีโอบริษัท บุหรี่มาโบโร่ ซิต ชวาร์ซ ซีอีโอของบริษัท Onex ที่ลงทุนด้านไพรเวท อิควิตี้ คนพวกนี้ล้วนเป็นคนที่เพียงแค่ย่ำเท้าบนโลกเศรษฐกิจของอเมริกาก็สามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้แล้ว
โดยเฉพาะอังเคร คาลันโปท่านนี้เป็นถึงนายใหญ่ของบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่งจาก 500 แห่งทั่วโลก ถ้าจะบอกว่าเขามีแผนงานให้ทำทุกวันก็ไม่เกินจริงไปเลยสักนิดเดียว
แต่พวกเขาก็มาแล้ว อันดับแรกก็ต้องยกให้หน้าตาของตระกูลสเตราส์ เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทของเคอร์ อันดับที่สองก็เพราะตัวฉินสือโอวเองหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรเลย แต่เป็นเพราะพลังของคนรอบๆ ตัวฉินสือโอว ซึ่งมีแรงดึงดูดมากจริงๆ
แน่นอนว่า ภายในใจของฉินสือโอวเขาไม่ได้อะไรกับคนพวกนี้มาก สาบานด้วยหัวใจแห่งโพไซดอน คนที่เขาพูดถึงไม่ใช่อังเคร คาลันโป แต่เป็นทุกคนที่นั่งเป็นแขกอยู่เป็นขยะทั้งนั้น
อาหารกลางวันและอาหารเย็นจัดขึ้นที่โรงแรมระดับห้าดาวในเมืองเซนต์จอห์นที่มีชื่อว่า ‘คอสตัล การ์เด้น’ หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ มือถือของฉินสือโอวก็ดังขึ้นมา เบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์แปลกหน้า เขารับสายด้วยความฉงน แล้วเสียงใสๆ ของสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้น “สวัสดี ฉิน ยังจำฉันได้ไหม?”
พูดตามตรง ฉินสือโอวเกลียดการเล่นอะไรที่คลุมเครือแบบนี้มาก ถ้าเป็นผู้ชายถามคำถามนี้ เขาจะวางสายเลยทันที
แต่ตอนนี้เป็นผู้หญิงที่ถาม เขาจึงไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นแล้ว ไม่ใช่เพราะสงสารหรือว่าเป็นสุภาพบุรุษหรอกนะ แต่เพราะว่าผู้หญิงที่เขาติดต่อด้วยมีน้อยมาก และความจำเขาก็ดีมาก เพราะฉะนั้นเขาจึงสามารถแยกแยะผู้หญิงที่เขาเคยติดต่อด้วยเวลาโทรมาได้
ถ้าเป็นผู้ชายก็ยากแล้ว เพราะผู้ชายที่เขาติดต่อด้วยมีเยอะเกินไปแล้ว
“นิกิ ฮิลตัน?” ฉินสือโอวถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้ติดต่อตั้งนานแล้ว ช่วงนี้ทุกอย่างราบรื่นดีใช่ไหม?”
พอผู้ชายฝ่ายตรงข้ามสามารถแยกแยะเสียงของเธอได้ว่าเป็นใครเพียงชั่วครู่ ฮิลตันน้อยก็ตกใจเล็กน้อย แต่ก็พูดด้วยเสียงร่าเริงต่อทันทีว่า “ก็ดีค่ะ ราบรื่นดีอยู่ คือแบบนี้ ฉันได้ยินมาว่าคุณจะหมั้นแล้ว? โอ้ พระเจ้า จำนวนผู้ชายที่ทั้งเก่งและโสดบนโลกใบนี้ลดไปอีกหนึ่งคนแล้วเหรอเนี่ย”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วก็พูดขอบคุณในคำชมของเธอ หลังจากนั้นก็ถามเธอว่าโทรมามีอะไร เขาคิดว่าไม่น่าแค่โทรมาอวยพรเท่านั้น เพราะความสนิทของทั้งสองคนยังไม่ถึงขั้นนั้น ฮิลตันน้อยก็ไม่น่าทำอะไรไม่เหมาะสม เพราะอย่างไรก็แล้วแต่ฉินสือโอวก็ไม่ได้แจ้งอะไรกับเธอ
หลังจากได้ยินคำถามของเขา ฮิลตันน้อยอยู่ดีๆ ก็อ้อนกับเขาขึ้นมา บอกว่างานเลี้ยงเรื่องแบบนี้ ทำไมไม่จัดที่โรงแรมของพวกเธอล่ะ? บอกเขาว่าตอนเย็นต้องเปลี่ยนให้ได้นะ เปลี่ยนมาเป็นที่โรงแรมฮิลตันของพวกเธอ
พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวก็รู้สึกไม่เข้าใจแล้ว ตอนนี้ธุรกิจมันทำยากขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่ใช่แค่ธนาคารที่ดึงลูกค้าไปเปิดบัญชีฝากเงิน โรงแรมก็ดึงลูกค้าเหมือนกัน? ต่อให้ดึงไปที่โรงแรมฮิลตันได้ มันก็ไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรกับนิกิ ฮิลตันมั้ง?
อย่าคิดว่าพวกพี่น้องสาวๆ ของฮิลตันจะโดดเด่นมีชื่อเสียงนะ เพราะจริงๆ แล้วธุรกิจของครอบครัวตระกูลฮิลตันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพวกเธอมากนัก พวกเธอมีหุ้นแค่เล็กน้อย ดังนั้นพวกเธอถึงสร้างธุรกิจเองตั้งแต่อายุยังน้อย ช่วยไม่ได้ เพราะพวกเธอไม่ได้เงินมากมายจากตระกูล จึงทำได้เพียงใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ของครอบครัวมาหาเงิน
แน่นอนว่า เรื่องแบบนี้คงถามเหตุผลไม่ได้ ในเมื่อฮิลตันน้อยขอร้องอย่างหนักและยังทำบัตรวีไอพีให้เขาเรียบร้อยแล้วด้วย เขาจึงทำได้เพียงตอบรับว่าจะย้ายงานเลี้ยงไปจัดที่นั่น
หลังจากที่ตอบรับคำขอร้องของฮิลตันน้อยแล้ว ฉินสือโอวนึกว่าเธอจะตรงไปตรงมาเลย แต่สรุปสุดท้ายเธอกลับอวยพรเขาอีกรอบแล้วก็วางสายไป
ซึ่งทำเอาฉินสือโอวไปไม่ถูกเลย จึงทำได้เพียงเก็บโทรศัพท์แล้วเก็บความสงสัยนี้ไว้ที่ส่วนลึกในใจ
ไฮไลต์ที่แท้จริงคือตอนเที่ยงของวันที่ 2 ตั้งแต่เช้า พวกชาวประมงและเหล่าทหารในชุดสูทเรียบตรงก็ยุ่งอยู่กับการจัดพื้นที่ฟาร์มปลา เพราะจะจัดพิธีงานหมั้นที่นี่
เดิมทีฉินสือโอวคิดที่จะเอาสมบัติของฟาร์มปลาสักสองสามชิ้นออกมา แต่ถ้าอย่างนั้นตอนที่เขาแต่งงานก็ไม่มีอะไรเด็ดๆ แล้ว เขาจึงไม่ได้เอาปลาทูน่าครีบน้ำเงินและปลาไส้ตันฟลอริดา พวกทรัพยากรในทะเลออกมา
พิธีงานหมั้นจะว่าเรียบง่ายก็ใช่ ทั้งสองจะแลกเปลี่ยนแหวนกัน พ่อแม่ฝ่ายหญิงจะมอบเค้กอวยพรก้อนโตให้ หลังจากนั้นใครจะกินก็กิน จะดื่มก็ดื่ม เป็นเหมือนกับปาร์ตี้ที่ครึกครื้นหน่อยๆ
เออร์บักรับบทเป็นพิธีกร เขาเล่าเรื่องราวการเจอกัน และรักกันของฉินสือโอวและวินนี่ หลังจากนั้นก็ให้ฉินสือโอวเอาแหวนหมั้นออกมา
ลิฟเป็นคนเอาแหวนหมั้นมาให้เมื่อวานนี้ กล่องแหวนหมั้นเป็นสีฟ้า หลังจากที่ฉินสือโอวเปิดออก แหวนปะการังสีแดงเพลิงสุกสกาวราวกับคริสทัลใสสองวงก็ปรากฏขึ้น ดวงอาทิตย์ยามเที่ยงส่องแสงลงมาที่กล่องเครื่องประดับ แสงแวววาวของตัวแหวนก็สาดส่องขึ้นมาราวกับเปลวไฟที่ลุกโชน
“ว้าว! งามมากจริงๆ!” เหมาเหว่ยหลงลุกขึ้นมาและปรบมือให้ก่อน
ฉินสือโอวยิ้มออกมา ดึงแหวนที่เป็นของวินนี่ออกจากกล่องแล้วค่อยสวมลงไปบนนิ้วกลางของเธออย่างเบามือ
แหวนทั้งสองวงมีพื้นผิวที่เหมือนกัน แต่มีทรงการออกแบบที่ต่างกัน แหวนของวินนี่จะแคบกว่า ด้านบนแกะสลักเป็นรูปกลีบดอกกุหลาบ ส่วนแหวนของฉินสือโอวกว้างมากกว่า ด้านบนแกะสลักเป็นรูปใบมะกอก
แหวนด้านในมีชื่อของทั้งสองคนสลักไว้ เป็นความหรูที่ไม่เวอร์วังอลังการแต่แฝงไปด้วยความหมาย
วินนี่ใส่แหวนเรียบร้อย ก็หยิบแหวนอีกวงสวมให้กับฉินสือโอวที่นิ้วกลาง
วัฒนธรรมเครื่องประดับของทางตะวันตกแตกต่างจากทางตะวันออก อย่างเช่น แหวน ชาวตะวันตกจะใส่แหวนนิ้วกลางหมายถึงการหมั้น แต่สำหรับชาวตะวันออกกลับหมายถึงความรักที่ร้อนแรง เพราะเวลาชาวตะวันออกหมั้นจะไม่ต้องแลกเปลี่ยนแหวนกัน นอกจากนี้แล้ว หากชาวตะวันตกสวมแหวนไว้ที่นิ้วหัวแม่มือก็เป็นการแสดงออกที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร แต่สำหรับชาวตะวันออกหากสวมแหวนที่นิ้วหัวแม่มือหรือสวมแหวนนิ้วโป้ง ก็จะหมายถึงอำนาจสูงสุด!
เมื่อแลกเปลี่ยนแหวนกันแล้ว จุดไฮไลต์ของพิธีงานหมั้นนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ ถัดมาก็จะเป็นการกินเค้ก
เค้กซื้อมาจากเมืองเซนต์จอห์น เค้กก้อนโตเจ็ดชั้น ทั้งพ่อฉิน แม่ฉิน มิแรนดา และมาริโอ้ช่วยกันยกขึ้นมา ฉินสือโอวขึ้นไปตัดเค้ก มาริโอ้ตบไปที่บ่าของเขาแล้วพูดด้วยความรักว่า “เฮ้! ไอ้หนุ่ม สมบัติที่ผมรักมากที่สุด ต่อจากนี้ไปก็ยกให้กับคุณแล้วนะ”
มือหนึ่งของฉินสือโอวโอบเอวบางของวินนี่ไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งก็กอดลูกสาวที่น่ารัก เขายิ้มแล้วพูดว่า “ผมจะดูแลปกป้องพวกเธอเป็นอย่างดีแน่นอนครับ จากนี้เป็นต้นไปพวกเธอก็จะเป็นสมบัติที่ผมรักที่สุดแล้วครับ”
เขาก็กำลังแสดงความรักต่อวินนี่ เสี่ยวเถียนกวาทางฝั่งโน้นกลับทนไม่ได้แล้ว เบิกตากว้างยื่นมือชี้ไปที่โต๊ะตัวหนึ่ง อ้าปากร้องเสียงดังขึ้นมา
ส่วนโต๊ะนั้นมีชาวประมงและครอบครัวของพวกเขานั่งอยู่ด้วย คนที่เสี่ยวเถียนกวาเห็นแน่นอนว่าเป็นลูกชายแสนอ้วนของบูล
เด็กน้อยนั่นเดิมที ถือเค้กแล้วก็กินอย่างมีความสุข แต่พอเสี่ยวเถียนกวาชี้มา เขาก็ตกใจจนตัวสั่น โยนเค้กชิ้นนั้นทิ้งแล้วก็มุดหัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของแอนนา ราวกับกระรอกดินที่มุดลงไปในดิน โผล่ออกมาแต่ก้นขาวๆ ดึงไปดึงมา…
บูลจึงบ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เฮ้ เจ้าตัวเล็กนี่ขี้ขลาดจริงๆ!”
บทที่ 1180 ลูกศิษย์ทรงพลัง
บนชายหาดที่ฟาร์มปลาทุกคนกำลังร่วมกันทานอาหารและเค้กกลางแจ้งในตอนกลางวันอยู่นั้น ในตอนเย็นฉินสือโอวก็จะทำการจัดงานเลี้ยงภายในด้วย สภาพแวดล้อมอันเงียบสงบทุกคนต่างพากันกิน ดื่มและพูดคุยกัน
ผู้เข้าร่วมจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลักๆ กลุ่มแรกประกอบไปด้วยคนธรรมดาทั่วไปจากเกาะแฟร์เวลและเซนต์จอห์น ซึ่งนำโดยชาวประมงและพวกทหาร พวกเขาดื่มเบียร์และพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือแวดวงของคนรวยมหาเศรษฐี แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงแต่นักธุรกิจเท่านั้น แต่ยังมีนักการเมืองอย่างแฮมเล็ตและเอี๋ยนตงเหล่ยด้วย แฮมเล็ตชอบสังคมประเภทนี้มากเป็นพิเศษ เพราะในอนาคตถ้ามีการลงแข่งขันเลือกตั้งอีกก็สามารถดึงดูดผู้สนับสนุนเขาในครั้งต่อๆ ไปจากที่นี่ได้
มือซ้ายของฉินสือโอวและมือขวาของวินนี่จับกันไว้แน่นตลอดเวลา ทำให้แหวนรูปทรงปะการังสีแดงก็เปล่งแสงแพรวพราวเสริมกันและกัน นอกจากนี้ยังเปล่งแสงสีแดงอ่อนๆ ภายใต้แสงไฟในยามค่ำคืน
บิลลี่ เบลคและคนอื่นๆ ด่าฉินสือโอวว่านี่เป็นการอวดความรัก อวดภรรยาและทำร้ายคนโสดมาก ลิฟยิ้มพร้อมกับลากวินนี่ออกไป โดยบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเธอและต้องการขอให้วินนี่เป็นนางแบบให้พวกเขา ซึ่งเป็นแบบครั้งนี้จะใช้แค่มือเพื่อโชว์เครื่องประดับกำไรข้อมือเท่านั้น
เมื่อฉินสือโอวที่กำลังว่างๆ อยู่คนเดียว อาฟิฟจึงโบกมือให้เขาและเดินเข้าไปคุยกัน
บังเอิญที่ฉินสือโอวมีเรื่องที่จะถามเขาพอดี หลังจากคุยเรื่องของสะสมกับอาฟิฟได้สองสามคำถามแล้ว เขาจึงเข้าประเด็นและถามว่า “พี่อาฟิฟ คุณรู้ใช่ไหมว่าเจ้าชายฮามานแดนมีอะไรบางอย่างผิดปกติ?”
เห็นได้ชัดว่าอาฟิฟเข้าใจสิ่งที่ฉินสือโอวต้องการจะสื่อ แต่เขาจำเป็นต้องแกล้งโง่และถามด้วยท่าทางที่ไม่เข้าใจ “ผิดปกติตรงไหน? เขาไม่ใช่คนดีหรอกเหรอ?”
ฉินสือโอวจ้องไปที่อาฟิฟ อาฟิฟจึงเงียบอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็สารภาพออกมาว่า “ไม่ต้องกังวล น้องฉินสือโอว ฮามานแดนไม่ทำเรื่องอะไรที่ออกนอกกรอบอย่างแน่นอน เขาเป็นนักการเมืองที่เป็นผู้ใหญ่มาก ฉันคิดว่าน่าจะเป็นวินนี่ที่โดดเด่นเกินไป จึงทำให้ดึงดูดพี่ชายของฉันไปบ้างเล็กน้อย”
เอาล่ะ ทันทีที่ฉินสือโอวได้ยินก็ไม่พอใจ เพราะเขาเห็นว่าฮามานแดนมีความรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับวินนี่ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอผู้ชายคนนี้ก็แกล้งทำเป็นสนใจบุชที่อยู่ในอ้อมแขนของวินนี่ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจวินนี่ไม่ใช่เหรอ
แต่เขาก็ไม่เชื่อคำพูดของอาฟิฟ จริงๆ แล้ววินนี่โดดเด่นมาก แต่คงไม่ถึงกับว่าเจ้าชายที่ยอดเยี่ยมที่สุดในตะวันออกกลางจะหลงเสน่ห์ได้ ถึงแม้ว่าความมั่งคั่ง สถานะและรูปลักษณ์ของเจ้าชายน้อยจะคู่ควรกับผู้หญิงที่โดดเด่นและดีเลิศที่สุดในโลกก็ตาม!
วินนี่ยอดเยี่ยมมาก ฉินสือโอวจึงรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก แม้ว่าในสายตาของคนอื่นอาจจะไม่ใช่แบบนั้น แต่เธอก็อาจจะยังไม่ดีพอที่จะทำให้เจ้าชายน้อยหลงใหลกับสถานภาพก็ได้?
ฉินสือโอวพูดปัญหาออกไป จากนั้นก็มองไปที่อาฟิฟด้วยสายตาสงสัย
อาฟิฟตอบด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ และกระซิบข้างๆ หูฉินสือโอวเบาๆ ว่า “ฉันจะบอกความลับนาย พี่ชายของฉันชอบผู้หญิงสวยที่มีความเป็นผู้ใหญ่และมีสัญชาตญาณความเป็นแม่สูง อย่าไปพูดที่ไหนเชียวล่ะ”
ฉินสือโอวแอบด่าในใจ ถ้ารู้เร็วกว่านี้เขาและวินนี่คงจะหมั้นกันให้เร็วขึ้นแล้ว หมั้นกันก่อนคลอดจะดีแค่ไหน!
เจ้าชายน้อยดูเหมือนจะไม่เลิกคิดกับวินนี่เลยแม้แต่น้อย ฉินสือโอวจ้องมองเขาไม่ละสายตาและพบว่าผู้ชายคนนี้มักจะเหลือบมองไปที่วินนี่หลายต่อหลายครั้ง
คาดว่าเจ้าชายน้อยคงเคยได้รับการฝึกอบรม การสืบสวนและการต่อต้านการลาดตระเวนมาอย่างมืออาชีพ เขายังคงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานกับเหล่ามหาเศรษฐีที่อยู่รอบๆ ตัวไม่หยุด ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าหางตาของเขากำลังเหลือบมองอะไร ซึ่งนั่นทำให้ฉินสือโอวรู้สึกได้ไว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมีอันตราย
ดังนั้นฉินสือโอวจึงเตรียมพร้อมเพื่อไม่ให้ฮามานแดนมีโอกาสเข้าถึงวินนี่ เขาจึงยืนขวางวินนี่ตลอดเวลา เมื่อเป็นเช่นนี้เมื่อเจ้าชายน้อยเหลือบมองก็จะเห็นเขา เหลือบมองได้ไม่กี่ครั้งก็เดาว่าเขาคงรู้สึกขยะแขยงและเขาคงจะไม่มองมาทางฉินสือโอวอีก
ตั้งแต่วันที่สามเป็นต้นไป เหล่ามหาเศรษฐีจึงเริ่มพากันกลับ
การแลกเปลี่ยนสื่อสารในช่วงกลางวันและงานเลี้ยงในช่วงเย็นวันที่สองเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาทุกคนได้รับบางสิ่งบางอย่าง พ่อลูกตระกูลสเตราส์จึงเดินทางกลับในเช้าวันที่สาม สุดท้ายเหลือเพียงแค่บิลลี่ กลุ่มคนงานของเหมาเหว่ยหลง ผู้กำกับที่ต้องการพานิมิตส์ไปและเหล่าเจ้าชายน้อยแห่งตะวันออกกลาง
เดาว่าเหล่าเจ้าชายน้อยและเจ้าหญิงแห่งตะวันออกกลางคงไม่สามารถเดินทางก่อนเวลาได้ ส่วนอาฟิฟก็ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าหญิงโลลิต้าจะออกมาวิ่งเล่นและอยากสนุกอยู่ข้างนอก โดยเฉพาะบรรยากาศในฟาร์มปลาที่มีความสวยงามพร้อมกับมีหู่เป้าฉงหลัว บอลหิมะและไอซ์สเกตอยู่เป็นเพื่อน ส่วนเจ้าชายฉินสือโอวรู้สึกว่าเขาชอบพอภรรยาของเขามาโดยตลอด
แต่ระยะห่างระหว่างฮามานแดนกับวินนี่มีมากมาย เช่นผู้กำกับคาเมรอน เขาติดตามวินนี่ทุกวันเพื่อเรียนรู้วิธีที่จะเข้ากับนิมิตส์ให้ได้และจะพามันไปถ่ายภาพยนตร์ในไม่ช้า
นิมิตส์ไม่ได้มีความตื่นตัวในการเป็นดาราภาพยนตร์เลย มันคอยระแวดระวังผู้กำกับตลอด ฉินสือโอวรู้สึกว่าทุกครั้งที่ผู้กำกับมอง สายตาของมันมักจะมีอะไรผิดปกติ การรับรู้ของนกโจรสลัดใหญ่มีความเฉลียวฉลาดมาก มันมักรู้สึกได้ว่ามีคนเกเรต้องการทำร้ายพวกมัน!
จอร์จและภรรยาก็อยู่เช่นกัน พวกเขาจะอยู่ที่ฟาร์มปลาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ หลักๆ คืออยู่เป็นเพื่อนไวส์ และในขณะเดียวกันก็เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้จากฉินสือโอว
การแกล้งไวส์เป็นเรื่องง่ายๆ เพราะเขาเชื่อในวัฒนธรรมศิลปะการต่อสู้ แต่การแกล้งจอร์จและภรรยานั้นยากกว่ามาก อย่างน้อยก็ไม่สามารถสอนไวส์ให้เชื่อมต่อท่าพื้นฐานของยิมนาสติกแปดท่าเหมือนสอนพวกเขาได้ ซึ่งต่อมานี่จึงเรียกว่าการออกกำลังกายเปลี่ยนเส้นเอ็น…
ฉินสือโอวต้องการจะแกล้งพวกเขา ในตอนเช้าจอร์จและภรรยาจะตื่นขึ้นมาเพื่อออกกำลังกายกับเขาพร้อมฝึกศิลปะการต่อสู้เป็นเพื่อนไวส์
เมื่อเห็นสายตาอันซื่อสัตย์และจริงใจของสามีภรรยาราชาแห่งเหล็กกล้าแล้ว ฉินสือโอวจึงซ่อนจิตสำนึกบาปบุญคุณโทษไว้และเริ่มสรรหาคำพูดดีๆ เพื่อพูดหลอกให้ตายใจ “วัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน จะเน้นความเป็นจิตนิยม ต้องเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงผ่านศิลปะการต่อสู้ นอกจากการออกกำลังกายให้มากขึ้นแล้ว ยังต้องมีศรัทธาด้วย”
“ไม่มีปัญหา พวกเราศรัทธาในพระเยซูเจ้าอยู่แล้วและไม่มีสิ่งใดสามารถทำลายได้!” จอร์จพูดอย่างหนักแน่น
ฉินสือโอวแตะจมูกไปมาเพื่อเปลี่ยนเรื่อง “พวกคุณคงสงสัยมาตลอดว่าทำไมไวส์ถึงอยู่ที่นี่แล้วมีร่างกายแข็งแรงได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ นอกจากเหตุผลในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลคือที่นี่ไม่มีใครมองเขาเป็นผู้ป่วยเลย เมื่อเวลาผ่านไป ตัวเขาเองก็เชื่อว่าตัวเองมีสุขภาพดี ในอเมริกาผมคิดว่าใครต่อใครต่างปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นคนป่วยใช่ไหม?”
วิเวียนพยักหน้าพร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างและพูดว่า “นี่คือพลังแห่งจิตวิญญาณเหรอคะ?”
ฉินสือโอวปรบมือ “ใช่ ไวส์รู้สึกว่าตัวเองมีสุขภาพดี ดังนั้นสภาพจิตใจของเขาจึงสดใสแข็งแรง ทำให้ประสานเข้ากับการออกกำลังกายด้วยศิลปะการต่อสู้ได้ จากนั้นจึงทำให้สุขภาพร่างกายของเขาดีขึ้น ดังนั้นพวกคุณควรจะต้องการสื่อสารกับตัวตนภายในของตัวเองให้ชำนาญและใช้พลังทางจิตวิญญาณเพื่อปรับสภาพของตัวเองให้ดีขึ้น”
จอร์จเป็นคนฉลาด แม้ว่าเขาอยากจะเรียนศิลปะการต่อสู้ แต่เขาก็ไม่เชื่องมงายในเรื่องศิลปะการต่อสู้ พอฉินสือโอวพูดแบบนี้แล้วเขาจึงเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย นี่มันคือการแกล้งต่างหาก! เหล่านักจิตวิทยาล้วนหลอกลวงคนแบบนี้ทั้งนั้น และปกติเขามักจะหลอกลูกน้องของเขาแบบนี้!
ฉินสือโอวรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในความคิดของจอร์จ จึงรีบตัดบทและเปลี่ยนเรื่องทันที “แต่ท้ายที่สุดแล้วศิลปะการต่อสู้ล้วนเป็นของจริง มันไม่ใช่การเลี้ยงข้าว ไม่ใช่การเขียนบทความ ไม่ใช่การวาดภาพหรือเย็บปักถักร้อย ไม่ใช่สิ่งที่ว่างเปล่า จะอาศัยแค่ความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณเท่านั้นมันไม่เพียงพอ มันยังต้องอาศัยการเคลื่อนไหวแบบศิลปะการต่อสู้เพื่อประสานกันด้วย”
เขาพูดไปพร้อมทั้งรู้ตัวว่าตัวเองโกหกต่อไม่ได้แล้ว จึงรีบส่งหัวหน้าลูกศิษย์ออกมา “ไวส์ นายอธิบายให้พ่อและแม่ฟังสักหน่อยสิ”
ไวส์ที่กำลังนั่งยองๆ ท่าม้าจึงยืนขึ้นแล้วพูดว่า “มันง่ายมาก สิ่งที่อาจารย์ผมหมายถึงก็คือ ศิลปะการต่อสู้เป็นการผสมผสานระหว่างกำลังภายในและการเคลื่อนไหวภายนอก พลังแห่งจิตวิญญาณคือกำลังภายใน สิ่งที่ผมมักจะฝึกฝนก็คือการเคลื่อนไหวแบบภายนอก ทั้งสองฝ่ายจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ผมพูดถูกไหมครับอาจารย์?”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น