เทพปีศาจหวนคืน 1171-1187
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1171 เสียงคำรามของวายุสายฟ้า
แปลโดย iPAT
ไป่ซูเหว่ยเปลี่ยนเป้าหมายเป็นหวังอู๋หมิงและไล่ล่าไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
หวังอู๋หมิงในร่างสุนัขดาวตกเพลิงวิ่งและตะโกน “เหตุใดเจ้าถึงไล่ล่าข้า? ข้าไม่ได้นำรังอินทรีย์ไปแม้แต่รังเดียว! มันคือหลิวกวนซื่อ! เจ้าตาบอดหรือไร้สมอง!?”
“พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย!” ไป่ซูเหว่ยคำราม
เขาไม่พบร่างจริงของฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงไล่ล่าหวังอู๋หมิง
หวังอู๋หมิงแข็งแกร่งแต่เขาไม่กล้าสังหารไป่ซูเหว่ย
ต้องขอบคุณหวังอู๋หมิงที่ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของไป่ซูเหว่ย มันจึงทำให้ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการเก็บเกี่ยวรังอินทรีย์
“อา…” ไป่ซูเหว่ยพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอีกครั้งแต่ฟางหยวนยังใช้วิธีเดิม
ไป่ซูเหว่ยคำรามด้วยความโกรธและส่งเข็มทองคำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปทุกทิศทุกทาง
ภูตมนุษย์จำนวนมากถูกทำลายแต่ฟางหยวนยังเติมเต็มพวกมันอย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์ที่ไร้ยางอายนี้ทำให้ไป่ซูเหว่ยยิ่งโกรธมากขึ้น
เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูคนอื่นๆเดินทางมาถึง
“อา…รังอินทรีย์ของพวกเราอยู่ที่ใด?”
“ท่านเหว่ย ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“คนชั่ว! คืนรังอินทรีย์ของพวกเรามา!”
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูโกรธมากแต่ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
ในเวลาเดียวกันหลี่ซื่อจุนก็ปรากฏตัวขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของกลุ่มผู้อมตะเผ่าไป่ซู เขาเข้าใจทันทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
เขามองสุนัขดาวตกเพลิงหวังอู๋หมิงและกล่าวด้วยความอิจฉา “หวังอู๋หมิง เจ้าทำกำไรได้มากจริงๆ!”
สุนัขดาวตกเพลิงที่ได้รับบาดเจ็บได้ยินถ้อยคำเหล่านี้และระเบิดความโกรธออกมา “กำไรบัดซบใด! ข้าไม่ได้สิ่งใดทั้งสิ้น!”
หลี่ซื่อจุนกรอกตาและชี้นิ้วไปที่สุนัขดาวตกเพลิง “น่าขัน ดูว่าตนเองน่าสมเพชเพียงใด? คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้างั้นหรือ?”
หวังอู๋หมิงแทบไม่สามารถระงับความโกรธ “บัดซบ! หากเจ้าไม่เชื่อข้า ทุกสิ่งจะถูกยึดครองโดยหลิวกวนซื่อ!”
หลี่ซื่อจุนตะลึงก่อนจะมองไปที่กองทัพภูตมนุษย์ด้วยดวงตาส่องประกาย “ที่รักหลิวช่างยอดเยี่ยมนัก เขาช่างเป็นตัวตนที่โดดเด่นจริงๆ”
ขณะที่เขากำลังกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ บางสิ่งพลันบังเกิดขึ้น
แสงสีเขียวปะทุขึ้นจากกลุ่มผู้อมตะเผ่าไป่ซูก่อนที่ร่างยักษ์เขียวจะก่อตัวขึ้น
“ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนี!” ยักษ์เขียวตะโกนเสียงดัง
หวังอู๋หมิงในร่างสุนัขดาวตกเพลิงเห็นสิ่งนี้และรีบวิ่งหนีอย่างสุดความสามารถ
หลี่ซื่อจุนกรีดร้อง “โอ้ สวรรค์ ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณ ความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียว!”
หลังกล่าวจบคำ เขาวหันหลังกลับและวิ่งหนีเช่นกัน
ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวมีพลังการต่อสู้ที่สามารถเทียบเคียงกับผู้อมตะระดับแปด หลังจากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่ต้องส่งมอบค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณนี้ให้กับเผ่าไป่ซู
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขานำมันออกมาใช้งาน
“บึม!”
ยักษ์เขียวปรบมือ
แสงสีทองพุ่งออกมาทำลายกองทัพภูตมนุษย์ทั้งหมดในสนามรบ
แต่ตอนนี้ฟางหยวนเปลี่ยนร่างเป็นอินทรีย์ตัวเล็กๆตัวหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในรังอินทรีย์รังหนึ่ง
‘ดังคาด เมื่อยักษ์เขียวปรากฏตัว กองทัพภูตมนุษย์ของข้าก็ถูกทำลายทันที แต่รังอินทรีย์ที่เหลือกลับไม่เป็นอันตราย น่าเสียดายที่พวกเขายังไม่พบข้า’
ใบหน้าที่คุ้นเคยมีประโยชน์มาก
โดยปราศจากวิธีตรวจสอบบนเส้นทางแห่งโชคหรือวิธีการพิเศษบางอย่าง มันเป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบใบหน้าที่คุ้นเคย
ดวงตาของยักษ์เขียวระเบิดแสงสีทองออกมา กลุ่มผู้อมตะเผ่าไป่ซูกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบพร้อมกันแต่พวกเขายังไม่พบฟางหยวน
ไป่ซูเหว่ยก่นเสียงเย็นก่อนจะบังคับยักษ์เขียวให้คว้ารังอินรทรีย์เก็บไว้ในมิติช่องว่างของเขา
“หือ? เขาฉลาดขึ้น” ฟางหยวนถอนหายใจก่อนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนอีกครั้งและหลบหนีออกมา
เขาไม่สามารถเข้าไปในมิติช่องว่างของไป่ซูเหว่ยพร้อมกับรังอินทรีย์
แม้ที่นั่นจะเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ของไป่ซูเหว่ยแต่ฟางหยวนไม่มีวิธีทะลวงออกจากมิติช่องว่างของผู้อมตะ
สำหรับรังอินทรีย์สามรังที่เหลือ มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง
หลังจากทั้งหมดเขาคว้ารังอินทรีย์มาแล้วมากกว่าแปดสิบรัง!
“เขาอยู่ที่นี่!” ยักษ์เขียวกรีดร้องและโจมตีกองทัพภูตมนุษย์ทั้งหมด
ยักษ์เขียวสะบัดมือส่งดาบวายุเข้าโจมตีฟางหยวนขณะที่ฟางหยวนส่งกองทัพภูตมนุษย์ออกมาอย่างต่อเนื่อง
แต่ดาบวายุยังโจมตีเข้าเป้า ฟางหยวนพ่นเลือดคำโตออกมาจากปาก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที
นี่คือพลังการต่อสู้ระดับแปด!
ดาบวายุจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีร่างจริงของฟางหยวน
บุรุษคนก่อนหน้า!
ฟางหยวนกลับสู่สภาพปกติในเสี้ยวพริบตา
ยักษ์เขียวแสดงออกด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อเห็นฟางหยวนไม่ได้รับบาดเจ็บ
ฟางหยวนตัดสินใจบินเข้าไปหาหวังอู๋หมิง
เห็นฟางหยวนล่อลวงยักษ์เขียวเข้ามา หวังอู๋หมิงตกใจมากและรีบวิ่งหนีเพื่อรักษาชีวิตรอด
ฟางหยวนเข้าใกล้หวังอู๋หมิงมากขึ้นเรื่อยๆ
ยักษ์เขียวไล่ล่าพวกเขามาอย่างไม่ลดละ
“โฮ่ง! อย่ามาทางนี้!”
“โฮ่ง! หลิวกวนซื่อ เจาฉกฉวยผลประโยชน์ทั้งหมดไปแล้ว ตอนนี้เจ้ายังต้องการลากข้าไปตายพร้อมกับเจ้า เจ้าจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”
“โฮ่ง! ปล่อยข้าไป พวกเราต่างเป็นสหายของจักรพรรดิอมตะ!”
ฟางหยวนไม่สนถ้อยคำเหล่านี้ เขายังมุ่งมั่นที่จะใช้หวังอู๋หมิงเป็นเหยื่อบูชายัญ
ความเร็วของยักษ์เขียวเหนือกว่าวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ
โดยปราศจากเหยื่อสังเวย ฟางหยวนจะไม่สามารถหลบหนีจากยักษ์เขียว
เห็นฟางหยวนกับยักษ์เขียวเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา หวังอู๋หมิงรู้สึกโกรธและปลดปล่อยเจตนาสังหารออกมาอย่างรุนแรง
เขาอาศัยอยู่ในภาคเหนือมานานหลายปี เขาไม่เคยพบกับความยากลำบากเท่ากับวันนี้ หลิวกวนซื่อไม่ได้สร้างความประทับใจที่ดีต่อเขาตั้งแต่แรก เมื่อเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเด็กหนุ่มผู้นี้ยังขโมยผลประโยชน์ทั้งหมดไปโดยที่หวังอู๋หมิงไม่ได้รับสิ่งใดเลย
สิ่งสำคัญที่สุดคือตอนนี้หลิวกวนซื่อยังต้องการใช้เขาเป็นเหยื่อบูชายัญ
หวังอู๋หมิงต้องการโจมตีฟางหยวนแต่เขาต้องหยุดความคิดนี้เอาไว้
เหตุผลชัดเจนมาก พวกเขาสร้างข้อตกลงพันธมิตรและไม่สามารถโจมตีสมาชิก
เนื่องจากฟางหยวน หลี่ซื่อจุน และคนอื่นๆไม่ได้สนิทกัน เมื่อพวกเขาต้องทำงานร่วมกัน พวกเขาจึงต้องสร้างข้อตกลงพันธมิตร
ผู้สร้างข้อตกลงไม่ใช่ผู้ใดนอกจากผู้อมตะนิกายชูที่ชูตู๋เลือกมา
‘อย่างน้อยเจ้าก็ยังฉลาด’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา
ฟางหยวนบินผ่านหวังอู๋หมิงแต่เขายังไม่สามารถหลบหนีจากยักษ์เขียว
ยักษ์เขียวถือเป็นค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณอันดับสามในประวัติศาสตร์ มันเป็นรองเพียงยักษ์สวรรค์ และผู้พิทักษ์สวรรค์เท่านั้น
หากฟางหยวนไม่วางแผน เขาจะถูกจับกุมในที่สุด
การทำเช่นนี้อาจทำให้ฟางหยวนได้รับผลกระทบย้อนกลับจากข้อตกลงพันธมิตร แต่ขอบเขตของมันยังไม่รุนแรงนักเพราะฟางหยวนไม่ได้โจมตีพันธมิตรของเขาโดยตรง
หวังอู๋หมิงกังวลมาก เขาตระหนักได้ถึงเจตนาสังหารที่รุนแรงจากยักษ์เขียว
“ช่วยข้าด้วย!” หวังอู๋หมิงตะโกนด้วยความสิ้นหวัง
“อย่าห่วงพี่หวัง พวกเรามาช่วยท่านแล้ว” ห่าวเจิ้นตะโกนมาจากระยะไกล
ข้างกายเขายังมีเชาเหลาอู๋
หวังอู๋หมิงดีใจมาก เขารีบตะโกน “หากข้ารอด ข้าจะตอบแทนพวกเจ้าอย่างแน่นอน!”
ห่าวเจิ้นพยักหน้าและกล่าวกับเชาเหลาอู๋เบาๆ “พี่เชามาเริ่มกันเถอะ”
“ได้เลย” เชาเหลาอู๋ระเบิดพลังออกมา พลังงานอมตะจำนวนมากของเขาถูกใช้ไปในกระบวนการนี้
สายลมสีเขียวควบรวมกันเป็นบอลอากาศขนาดมหึมา
“วายุ…” เชาเหลาอู๋คำราม
“สายฟ้า!” ห่าวเจิ้นตะโกนต่อขณะที่กระแสสายฟ้าปะทุออกมาจากร่างของเขา
ต่อมาเชาเหลาอู๋และห่าวเจิ้นก็อ้าปากตะโกนไปยังยักษ์เขียว
“เสียงคำรามของวายุสายฟ้า!”
บอลอากาศสีเขียวก่อตัวเป็นพายุหมุนขณะที่สายฟ้าพุ่งเข้าหลอมรวมกับมัน
ในเวลาสองหรือสามลมหายใจต่อมา พายุสายฟ้าก็พุ่งกระแทกหน้าอกของยักษ์เขียวด้วยพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัว
พลังการต่อสู้ระดับเจ็ดบนจุดสูงสุด!
ยักษ์เขียวยกแขนขึ้นป้องกัน
หลังจากหลายลมหายใจพายุสายฟ้าก็อันตรธานหายไปขณะที่ยักษ์เขียวยังยืนอยู่อย่างมั่นคง
‘หากข้าถูกโจมตีด้วยเสียงคำรามของวายุสายฟ้า ข้าคงตายไปแล้ว!” ฟางหยวนบินหนีแต่ยังเฝ้ามองการต่อสู้ที่อยู่ด้านหลัง
หวังอู๋หมิงวิ่งหนีโดยไม่หันหลังกลับ
“ไม่แปลกใจเลยที่มันมีพลังการต่อสู้เทียบเคียงผู้อมตะระดับแปด ไปเถอะ!” ห่าวเจิ้นกล่าวด้วยใบหน้าซีดขาว
เชาเหลาอู๋ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีไปกว่าห่าวเจิ้น ดังนั้นทั้งสองจึงรีบล่าถอย
ยักษ์เขียวปิดกั้นเสียงคำรามของวายุสายฟ้าได้เกือบสมบูรณ์แบบ แต่ด้วยวิธีนี้มันจึงต้องหยุดเคลื่อนไหว
“มีบางอย่างแปลกๆ” ผู้อมตะเผ่าไป่ซูรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
สำหรับผู้บุกรุก พวกเขาทั้งหมดหนีไปไกลแล้ว
เป็นเพียงเวลานี้ที่ร่างของยักษ์เขียวเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงโดยไม่คาคดิด เศษชิ้นส่วนร่างกายของมันกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทุกทางและอันตรธานหายไปในเวลาต่อมา
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูทั้งหมดกระอักเลือดคำโตและล้มลงบนพื้นอย่างน่าอนาถ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1172 ไม่สามารถแก้ไข
แปลโดย iPAT
ค่ายกลวิญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณยักษ์เขียวถูกทำลาย ผู้อมตะเผ่าไป่ซูได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง
“ท่านเหว่ย!” บางคนกรีดร้อง
ไป่ซูเหว่ยเป็นบุคคลสำคัญในการควบคุมยักษ์เขียว ดังนั้นเขาจึงได้รับผลกระทบมากที่สุดและเสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ
ไป่ซูเหว่ยเป็นตัวตนอันดับหนึ่งรองจากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู เขาเป็นผู้อมตะคนสำคัญของเผ่า
แต่ผู้ใดจะคิดว่าเมื่อเผ่าไป่ซูกำลังจะก้าวเข้าสู่ความรุ่งโรจน์ เขากลับมาเสียชีวิตในฐานทัพของตนเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เพียงทำให้ผู้อมตะเผ่าไป่ซูตกใจและโศกเศร้า แต่ฟางหยวนกับคนอื่นๆก็แสดงออกด้วยความเคร่งเครียดเช่นกัน
สมาชิกเผ่าไป่ซูเสียชีวิต!
นี่เป็นปัญหาใหญ่มาก
หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง
ใบหน้าของหลี่ซื่อจุนกลายเป็นซีดเผือด เขาถามด้วยความกระวนกระวาย “ทำอย่างไร? พวกเราควรทำอย่างไร?”
ห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋รู้สึกแย่มาก
“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ยักษ์เขียวมีพลังการต่อสู้ระดับแปด เสียงคำรามของวายุสายฟ้าไม่ใช่ภัยคุกคามของมัน” เชาเหล่าอู๋รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
‘พวกเขาไม่คุ้นเคยกับค่ายกลวิญญาณนี้มากพอ…’ ฟางหยวนคิด
ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณยักษ์เขียวทรงพลังแต่มันไม่ง่ายที่จะควบคุม
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ดีเพราะพวกเขาฝึกฝนมาอย่างยาวนาน
แต่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูฝึกใช้ยักษ์เขียวเพียงช่วงเวลาสั้นๆ
และนี่เป็นการต่อสู้จริงครั้งแรกของพวกเขา เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะทำบางสิ่งผิดพลาด
“นี่เป็นเรื่องใหญ่ พวกเราต้องคุยกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป” ห่าวเจิ้นเรียกร้อง
“หือ พวกเจ้าทั้งสองเป็นคนฆ่าเขา นี่เกี่ยวสิ่งใดกับข้า?” ฟางหยวนหัวเราะและบินจากไป
“เจ้า!” ห่าวเจิ้นโกรธมาก
เชาเหลาอู๋เร่งกล่าว “หลิวกวนซื่อ พวกเราอยู่บนเรือลำเดียวกัน เจ้าคิดว่าจักรพรรดิสวรรค์จะปล่อยเจ้าไปงั้นหรือ?”
แต่ฟางหยวนไม่สนใจ เขาบินเข้าไปในกลุ่มเมฆและหายไปจากวิสัยทัศน์ของทุกคน
ผู้อมตะคนอื่นๆบินต่อแต่ไม่มีผู้ใดเปิดปากกล่าว
ห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋รู้สึกตื่นตระหนกและกระวนกระวายใจมาก
เชาเหลาอู๋พยายามสงบจิตใจ “หลิวกวนซื่อผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก…”
ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยค หวังอู๋หมิงขัดจังหวะ “อา…ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าต้องรีบรักษาตัว ลาก่อน”
เขาเปลี่ยนทิศทางและจากไปอย่างรวดเร็ว
หลี่ซื่อจุนเห็นสิ่งนี้และเผยรอยยิ้ม “ข้ามีทักษะในการรักษา หวังอู๋หมิง รอข้าด้วย ข้าจะช่วยท่าน”
หลังกล่าวจบคำ เขาเร่งติดตามหวังอู๋หมิงไปทันที
เชาเหลาอู๋มองห่าวเจิ้นและรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้อยู่คนเดียว
นอกจากนั้นห่าวเจิ้นก็ร่วมโจมตีพร้อมกันกับเขา
เชาเหลาอู๋และห่าวเจิ้นเป็นสหายที่ดี อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์นี้ไม่ได้ช่วยสิ่งใด
ทั้งสองมองหน้ากันก่อนที่ห่าวเจิ้นจะเปิดปากกล่าว “เรื่องเกิดขึ้นแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่พวกเราสามารถทำได้ ตอนนี้พวกเราต้องพึ่งชูตู๋เท่านั้น”
ดวงตาของเชาเหลาอู๋ส่องประกายขึ้น “ถูกต้อง ชูตู๋ขอความช่วยเหลือจากพวกเรา เขาย่อมไม่ละทิ้งพวกเรา ไปหาเขากันเถอะ!”
ด้านฟางหยวน เขากลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาทันที
‘สถานการณ์ค่อนข้างซับซ้อน’ เขาขมวดคิ้วและวิเคราะห์สถานการณ์
เดิมทีการบุกแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กดำเนินไปได้อย่างราบรื่น มันถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ
ฟางหยวนและคนอื่นๆทำลายและปล้นสะดมทรัพยากรจำนวนมาก นี่จะทำให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูต้องล่าถอยกลับมาปกป้องฐานทัพของเขา
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูทุ่มเทความพยายามเพื่อสร้างรอยแตกร้าวระหว่างสมาชิกตระกูลฮวงจินและจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อสร้างเผ่าของตน
หากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยังดื้นรั้นที่จะโจมตีถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน สถานการณ์ของเผ่าไป่ซูอาจเลวร้ายลง
ชื่อเสียงของเผ่าไป่ซูจะถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ กองกำลังอื่นจะรวมตัวกันบุกโจมตีเผ่าไป่ซูราวกับหมาป่าที่หิวโหยเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับเผ่าไห่มาแล้ว
เมื่อสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็ต้องพบกับความยากลำบาก
เพราะเขาไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดเพียงผู้เดียวของภาคเหนือ
เพื่อปกป้องผลประโยชน์ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูต้องรีบยึดครองถ้ำสวรรค์ไห่ฟานหรือยอมแพ้อย่างชาญฉลาดและกลับมาสร้างเสถียรภาพให้กับกองกำลังของเขา
แต่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่สามารถยึดครองถ้ำสวรรค์ไห่ฟานได้ในเวลาอันรวดเร็ว หากเขาทำได้ ตอนนี้เขาคงประสบความสำเร็จไปแล้ว
ชูตู๋สังเกตเห็นสิ่งนี้ ดังนั้นเขาจึงวางแผนโจมตีจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม
แต่น่าเสียดายที่สิ่งต่างๆมักไม่เป็นไปตามความคาดหมายของมนุษย์
ในช่วงเวลาสำคัญอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับผู้อมตะระดับเจ็ดของเผ่าไป่ซูและทำให้เขาเสียชีวิต
ฟางหยวนรู้ว่าห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋ช่วยชีวิตหวังอู๋หมิงเพราะต้องการสิ่งตอบแทน เมื่อพวกเขาสามารถช่วยหวังอู๋หมิงจากยักษ์เขียว หวังอู๋หมิงจะไม่ตอบแทนพวกเขาได้อย่างไร?
‘พวกเขาเป็นสองคนสุดท้ายที่เข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก พวกเขาไม่สามารถต่อต้านความหิวโหยของตน นี่คือเหตุผลที่พวกเขาต้องการโชคลาภจากหวังอู๋หมิง แต่น่าเสียดายที่พวกเขาประเมินไป่ซูเหว่ยสูงเกินไปและทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายนี้’ ฟางหยวนส่ายศีรษะและถอนหายใจ
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูต้องแก้แค้นเรื่องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
หากเขาไม่ทำ ชื่อเสียงของเขาจะถูกทำลาย ผู้อมตะระดับแปดไม่สามารถปกป้องคนของตน ในกรณีนี้มันหมายความว่าตัวเขาเองก็สามารถตายได้เช่นกัน
นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถอภัยยิ่งกว่าการที่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
โดยไม่ต้องกล่าวถึงการสร้างความรุ่งโรจน์ให้แก่เผ่าไป่ซู กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็จะสูญเสียชื่อเสียงทั้งหมดของเขา
‘นั่นหมายความว่าตอนนี้ความขัดแย้งระหว่างชูตู่กับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไปขณะที่ข้าเป็นหนึ่งในพันธมิตรของชูตู๋และร่วมบุกแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก’
ฟางหยวนถูกลากเข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นี้แม้สถานการณ์ของเขาจะดีกว่าเชาเหลาอู๋และห่าวเจิ้นก็ตาม
‘ข้าควรทำอย่างไร?’ ฟางหยวนเดินไปรอบๆห้องลับและคิดอย่างหนัก
ข้อตกลงพันธมิตรทำให้ฟางหยวนต้องการมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลมากขึ้น
‘ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดข้าต้องรับชูตู๋เข้าสู่นิกายหลางหยา นิกายหลางหยาเป็นสมาชิกกองกำลังพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ เมื่อถึงเวลานั้นเราสามารถใช้มังกรหินแรกกำเนิดต่อต้านจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู’
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ฟางหยวนประเมินความเป็นไปได้ที่ชูตู๋จะเข้าร่วมกับนิกายหลางหยา
แต่จักรพรรดิอมตะชูตู๋มีความภาคภูมิใจในฐานะผู้อมตะเผ่ามนุษย์ แล้วเขาจะก้มศีรษะให้กับกองกำลังเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ได้อย่างไร?
‘หรือบางทีชูตู๋อาจมีไพ่ตายเหลืออยู่?’ ฟางหยวนคิดถึงความเป็นไปได้อื่น
แน่นอนว่าฟางหยวนยังมีอีกวิธีหนึ่ง นั่นคือการออกจากภาคเหนือ
เขามีร่างทารกอมตะ เขาสามารถอยู่ได้ทุกภูมิภาค เขาแตกต่างจากผู้อมตะคนอื่นๆ ตัวอย่างเช่นผู้อมตะภาคเหนือที่ออกจากภาคเหนือ หากมิติช่องว่างของพวกเขาดูดซับปราณสวรรค์พิภพของภูมิภาคอื่น มันจะไม่เสถียรและอาจระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สำหรับการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่ต่างแดน มันคือการรนหาที่ตายเท่านั้น
‘หากข้าไม่สามารถต่อสู้ ข้าก็จะหลบหนี’ ฟางหยวนคิด ชื่อเสียงและความภาคภูมิใจไม่ใช่อุปสรรคของเขา
แน่นอนว่าหากฟางหยวนมีทางเลือก เขาจะไม่ออกจากภาคเหนือ
ที่นี่เขาสามารถหยิบยืนพลังอำนาจของนิกายหลางหยาและมีชีวิตที่ดี หากเขาจากไป เขาจะไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติ ไม่สามารถใช้หุบเขาเหล่าโป และยังมีปัญหาอีกมากมายรออยู่
…..
ภาคใต้
เช้ามืด
หมอกบนภูเขาหลอมรวมกับกลิ่นอายของพรรษาพันธุ์ทำให้บรรยากาศเย็นสบาย
สองร่างบินลงมาจากชั้นเมฆ
หนึ่งเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด อีกหนึ่งเป็นผู้อมตะระดับหก พวกเขาสวมเสื้อแขนสั้นสีเขียวเข้มและกางเกงขายาวสีดำ
“พี่ใหญ่ พวกเขาบอกว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามเสียสติไปแล้วงั้นหรือ?” ผู้อมตะระดับหกถาม
ผู้อมตะระดับเจ็ดถอนหายใจตอบ “ตั้งแต่พวกเราฝ่ายธรรมะเริ่มสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน ผู้อมตะสองคนหมดสติและอีกหนึ่งจิตวิญญาณถูกทำลาย ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามเสียสติ…ข้าเกรงว่ามันจะเป็นเรื่องจริง”
“อา…” ผู้อมตะระดับหกอ้าปากค้าง “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามมีการบ่มเพาะระดับเจ็ด เขาผ่านภัยพิบัติใหญ่มาแล้วสองคร้ง แล้วเขาจะเสียสติได้อย่างไร?”
ผู้อมตะระดับเจ็ดส่ายศีรษะ “การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันไม่เกี่ยวกับระดับการบ่มเพาะ จนกว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามจะกลับมา พวกเราต้องทำหน้าที่แทนเขา น้องชายของข้า เจ้าต้องระวังตัว เขาเป็นตัวอย่างที่ดี อย่าประมาทอาณาจักรแห่งความฝัน”
“พี่ใหญ่อย่ากังวล! ข้ารู้ขีดจำกัดของตนเอง ข้าจะรนหาที่ตายเพื่อสิ่งใด?” ผู้อมตะระดับหกกล่าวด้วยความหวาดกลัว
ผู้อมตะทั้งสองพูดคุยกันระหว่างเดินทางผ่านยอดเขาไร้นามแห่งหนึ่งก่อนจะหายไปบนท้องฟ้า
“พวกเขาไปแล้ว” ไห่ลั่วหลันกล่าว
ปัจจุบันนอกจากนางยังมีอิงอู๋เซี่ย ซื่อหนิว ไท่เป่ยหยุนเฉิง และไป่หนิงปิง
“ค่ายกลวิญญาณนี้ถูกสร้างขึ้นโดยจื่อฉูโหย่ว เขาใช้วิญญาณอมตะจำนวนมากของฝ่ายธรรมะ นั่นทำให้การป้องกันของมันแข็งแกร่งมาก” ซื่อหนิวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
ด้วยค่ายกลวิญญาณที่ทรงพลังนี้ ฝ่ายธรรมะของภาคใต้จึงสามารถปกป้องอาณาจักรแห่งความฝันจากผู้บุกรุก กระทั่งกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยก็ไม่สามารถบุกทะลวงเข้าไป
อย่างไรก็ตามอิงอู๋เซี่ยยังเผยรอยยิ้มบาง “ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่ใช่ปัญหา อาณาจักรแห่งความฝันยังขยายตัวขึ้นตลอดเวลา ทุกช่วงเวลาหนึ่งผู้อมตะฝ่ายธรรมะต้องจัดการมัน พวกเขาต้องสำรองพลังงานเอาไว้ เมื่อเวลานั้นมาถึง อุปสรรคที่แท้จริงของพวกเราจะมีเพียงอาณาจักรแห่งความฝันเท่านั้น”
เขาหยุดถอนหายใจก่อนกล่าวต่อ “ข้าสามารถนำวิญญาณเข้าสู่ความฝันแต่ข้าไม่มีวิธีคลี่คลายความฝัน”
“ฟางหยวนมี” ไห่ลั่วหลันถ่ายทอดเสียง
“เขา!?” หัวใจของอิงอู๋เซี่ยสั่นสะท้านขึ้น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1173 ถ้ำปีศาจคลั่ง
แปลโดย iPAT
ถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูนับหมื่นร่างลอยอยู่กลางอากาศและมองไปที่ชูตู๋
การแสดงออกของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมมาก
“ชูตู๋! มอบตัวฆาตกรและส่งถ้ำสวรรค์ไห่ฟานให้ข้า ด้วยวิธีนี้ข้าอาจไว้ชีวิตเจ้า!”
ปากนับหมื่นกล่าวอย่างพร้อมเพรียง
ชูตู๋ยืนอยู่บนพื้นและเงยหน้ามอง
หากเปรียบเทียบกับร่างนับหมื่นของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ชูตู๋ดูโดดเดี่ยวและอ่อนแอกว่ามาก
อย่างไรก็ตามร่างกายของเขายังตั้งตรงเหมือนหอกที่ไม่หวั่นไหว
“ฮืม! เจ้ากำลังบุกโจมตีถ้ำสวรรค์ของข้า แต่เจ้าต้องการให้ข้ายอมจำนนงั้นหรือ? หากคนเผ่าไป่ซูเสียชีวิต มันก็คือบทลงโทษและค่าตอบแทนที่เจ้าต้องจ่ายให้ข้า!”
ชูตู๋กล่าวเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัว
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยังต้องการกล่าวต่อแต่ชูตู๋กลับกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะทันที
ความแข็งแกร่งของสวรรค์พิภพ!
ร่างเทียมทั้งหมดของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูระเบิดในเวลาเดียวกันและสร้างเป็นฉากที่น่าประทับใจ
กองทัพศัตรูถูกทำลายโดยชูตู๋ในการโจมตีเดียว
“จักรพรรดิอมตะ!” ด้านนอกถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ร่างจริงของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูขมวดคิ้วและกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ
ไม่นานมานี้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูได้รับจดหมายแจ้งการเสียชีวิตของไป่ซูเหว่ยจากเผ่าของเขา
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูโกรธมาก
ไป่ซูเหว่ยเป็นเด็กที่เขาเลี้ยงดูมานานที่สุด
ผู้ใดจะคิดว่าหลังจากก่อตั้งเผ่าไป่ซูได้เพียงไม่นาน เขาจะเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว นี่เป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูตระหนักได้ทันทีว่าหากเรื่องนี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม มันจะเกิดวิกฤตครั้งใหญ่
‘หากข้าไม่ทำลายถ้ำสวรรค์ไห่ฟานและสังหารฆาตกร ชื่อเสียงของข้าจะพังพินาศ ผู้คนจะคิดว่าข้าอ่อนแอ เผ่าไป่ซูจะถูกผลักออกไป’
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น
แต่การเรียกร้องให้ยอมจำนนก่อนหน้านี้ไม่ได้ผล
‘จักรพรรดิอมตะชูตู๋! คนผู้นี้แข็งแกร่งราวกับหินบนชายหาด คลื่นเพียงลูกเดียวไม่สามารถหยุดเขา เช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้าพบกับคลื่นยักษ์!’ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูตั้งใจแน่วแน่
ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
“จักรพรรดิอมตะ ข้า ห่าวเจิ้น รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รู้จักกับท่าน!”
“จักรพรรดิอมตะ ข้า เชาเหลาอู๋ จะเชื่อฟังท่านเพียงผู้เดียว!”
ก่อนหน้านี้ห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋ถูกนำเข้ามาในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
พวกเขาซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน เพียงเมื่อชูตู๋กำจัดร่างเทียมทั้งหมดของจักรพรรดิสวรรค์ พวกเขาจึงปรากฏตัวขึ้น
แรกเริ่มพวกเขารู้สึกกังวล แต่ชูตู๋ปฏิเสธข้อเสนอยอมจำนนของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น นั่นทำให้ความสงสัยของพวกเขาถูกปัดเป่าออกไปและรู้สึกยกย่องชูตู๋เป็นอย่างมาก
“พวกเจ้าทั้งสอง” ชูตู๋แสดงออกอย่างจริงใจ “พวกเจ้าพบปัญหาเพราะข้า หากข้ายอมแพ้ต่อการคุกคามของผู้อมตะระดับแปดและละทิ้งพวกเจ้า ข้าคงต้องทิ้งชื่อจักรพรรดิอมตะ และนั่นไม่ใช่นิสัยของข้า ชูตู๋!”
“จักรพรรรดิอมตะตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไร?” เชาเหลาอู๋ถาม
ชูตู๋เผยรอยยิ้มบาง “อย่ากังวล ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าเพียงผู้เดียวยังสามารถปกป้องมันได้ ตอนนี้มีพวกเจ้าให้ความช่วยเหลือ พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวล”
เชาเหลาอู๋และห่าวเจิ้นพยักหน้าแต่ยังกังวลอยู่ภายใน
ชูตู๋กล่าวต่อ “แน่นอนว่าในที่สุดพวกเราจะพ่ายแพ้ แต่ตอนนี้ข้าส่งจดหมายของกำลังเสริมไปแล้ว พวกเราจะต่อสู้กับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูสักครั้ง!”
ห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋โห่ร้องเรียกขวัญกำลังใจ
“จักรพรรดิอมตะ ท่านสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างมั่นคง พวกเราสบายใจแล้ว”
“ชื่อเสียงของท่านจะดึงดูดผู้คนมาที่นี่เพื่อเอาชนะผู้อมตะระดับแปด นี่จะเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง”
ห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋มองหน้ากันก่อนกล่าวต่อ “เราเต็มใจที่จะแบกรักค่าใช้จ่ายในการเชิญชวนสหายร่วมศึก!”
ชูตู๋หัวเราะ “ไม่จำเป็น นี่เป็นปัญหาของข้าตั้งแต่เริ่มต้น แล้วข้าจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายได้อย่างไร?”
หลังกล่าวจบคำ ชูตู๋จับมือห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋ “โชคลาภและภัยพิบัติมาพร้อมกันเสมอ ไม่ว่ามันจะจบลงด้วยโชคลาภหรือภัยพิบัติ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการทำงานหนักของเรา หากเราสามารถปกป้องถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ข้ายินดีมอบพื้นที่หกสิบส่วนให้พวกเจ้าทั้งสอง มันเป็นโชคชะตาที่นำพวกเรามาพบกัน ตั้งแต่วันนี้ข้าหวังว่าพวกเราสามคนจะผ่านพ้นความยากลำบากไปด้วยกันไม่ว่าจะยากจนหรือร่ำรวย!”
ผลประโยชน์มหาศาล!
ชูตู๋สัญญาว่าหลังจากประสบความสำเร็จ เขาจะมอบพื้นที่หกสิบส่วนของถ้ำสวรรค์ไห่ฟานให้กับห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋!
ดวงตาของห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋ส่องประกายขึ้นทันที
นี่คือถ้ำสวรรค์ไห่ฟานที่ปราศจากภัยพิบัติใดๆทั้งสิ้น
ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถปกป้องมัน ชูตู๋จะมอบส่วนแบ่งให้พวกเขาคนละสามสิบส่วน!
พวกเขารู้สึกว่านี่คือโชคลาภที่สวรรค์ประทานอย่างแท้จริง!
ร่างของห่าวเจิ้นสั่นสะท้านขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ผ่านหนาวผ่านร้อนด้วยกันไม่ว่าจะยากจนหรือร่ำรวย!”
ดวงตาของเชาเหลาอู๋กลายเป็นสีแดง “การได้พบกับจักรพรรดิอมตะถือเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้า!”
ชูตู๋ไม่เพียงรับพวกเขาเข้าร่วมแต่ยังให้ผลประโยชน์มหาศาล แล้วพวกเขาจะไม่ยินดีได้อย่างไร?
ทันใดนั้นห้วงมิติบนท้องฟ้าของถ้ำสวรรค์ไห่ฟานพลันเกิดการบิดเบี้ยว
ต่อมาเงาร่างจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นไม่ว่าจะเป็นร่างเทียมของจักรพรรดิสรรค์ไป่ซูและสัตว์อสูรเดียวดายจำนวนมหาศาล
ใบหน้าของผู้อมตะทั้งสามเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งทาส เขาไม่สามารถเข้ามาในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานแต่เขาสามารถส่งกองทัพสัตว์อสูรเข้ามา
ท่ามกลางพวกมันมีสัตว์อสูรบรรพกาลหลายตัว
พืชอสูรบรรพกาลหลั่งรากลงสู่พื้นดินและเริ่มเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศ
“จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูใช้ทักษะที่แท้จริงออกมาแล้ว!”
“พวกเราต้องเคลื่อนไหว ฆ่าพวกมัน!”
ชูตู๋ตะโกนเสียงดัง “ดี พวกเจ้าไปฆ่าสัตว์อสูรเหล่านั้น ข้าจะควบคุมสถานการณ์และป้องกันไม่ให้ร่างจริงของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเข้ามา!”
หากร่างจริงของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเข้ามา พวกเขาจะไม่สามารถแข่งขัน
มีความแตกต่างขนาดใหญ่ระหว่างผู้อมตะระดับเจ็ดและระดับแปด
เหตุผลที่ชูตู๋สามารถต่อต้านจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเพราะเขาใช้ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเป็นโล่ป้องกัน
…..
แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ในห้องลับของเมืองเมฆา ฟางหยวนนั่งอยู่โดยมีวิญญาณอมตะดวงหนึ่งเคลื่อนที่อยู่รอบๆ
มันคือวิญญาณอมตะคิ้วดาบระดับเจ็ด!
ฟางหยวนใช้มันเพื่อเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบให้กับตนเอง
ห้องลับมืดมากแต่วิญญาณอมตะคิ้วดาบที่บินอยู่รอบๆทิ้งริ้วแสงสีเงินเอาไว้เบื้องหลัง
หลังจากไม่นานฟางหยวนก็หยุดการบ่มเพาะของเขา
ฟางหยวนใช้เวลาทุกวินาทีกับการบ่มเพาะไม่ว่าจะเป็นการบ่มเพาะจิตวิญญาณที่หุบเขาเหล่าโปหรือใช้วิญญาณอมตะคิ้วดาบเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบให้กับตนเอง
โดยรวมแล้ววิญญาณอมตะคิ้วดาบมีประโยชน์มากแต่โชคไม่ดีที่มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด
ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหก การใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ดทำให้เขาต้องจ่ายด้วยองุ่นเขียวอมตะจำนวนมาก
ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะคิ้วดาบได้อย่างอิสระ มีเพียงหลังจากผ่านพ้นภัยพิบัติและสถานะทางการเงินอยู่สถานการณ์ที่ดี เขาจึงจะสามารถใช้วิญญาณอมตะดวงนี้
“หือ ชูตู๋ส่งจดหมายมา” ฟางหยวนเก็บวิญญาณอมตะคิ้วดาบเมื่อเขาได้รับข้อความ
ชูตู๋อธิบายเกี่ยวกับว่าสถานการณ์ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน เขายังบอกฟางหยวนถึงทัศนคติที่มั่นคงของเขา
ขณะที่ชูตู๋เขียนจดหมายฉบับนี้ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยังไม่ได้ขอให้ชูตู๋ยอมจำนนและยังไม่ได้ส่งกองทัพสัตว์อสูรบุกถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน อย่างไรก็ตามชูตู๋สามารถคาดการณ์ล่วงหน้า
จดหมายกล่าวว่า “พลังการต่อสู้ระดับแปดไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถต่อต้าน แม้จะได้รับการปกป้องจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน แต่ความพ่ายแพ้ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยง มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น”
“เขาตระหนักถึงสถานการณ์ของตนเองเป็นอย่างดี” ฟางหยวนชื่นชมและอ่านต่อ
ชูตู๋ขอความช่วยเหลือจากฟางหยวนและบอกแผนการต่อไปของเขา
การขอกำลังเสริมเพื่อปกป้องถ้ำสวรรค์ไห่ฟานและป้องกันไม่ให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูได้รับประโยชน์ใดไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
สิ่งสำคัญคือกองกำลังอื่นๆและผู้อมตะที่ไม่พอใจเผ่าไป่ซู ตราบเท่าที่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูตระหนักว่าเผ่าไป่ซูตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย เขาจะหยุดโจมตีถ้ำสวรรค์ไห่ฟานและกลับไปรักษาเสถียรภาพของเผ่า
นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจากไป
เดิมทีจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่มีจุดอ่อนนี้แต่หลังจากเขาก่อตั้งกองกำลังและเข้าสู่ฝ่ายธรรมะ เขาจึงต้องปกป้องมัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแผนนี้จะใช้ได้ผล มันเป็นวิธีเดียวที่สามารถจัดการจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู
ฟางหยวนเคยคิดถึงวิธีนี้เช่นกัน
“ผู้ใดที่ชูตู๋ขอความช่วยเหลือ? ดูเหมือนเขาจะค่อนข้างมั่นใจ แต่เขาขอให้ข้าไปยังถ้ำปีศาจคลั่งเพื่อขอกำลังเสริมที่มีความสามารถเท่านั้น”
ถ้ำปีศาจคลั่ง!
หนึ่งในสิบเขตต้องห้ามของภาคเหนือ
ผู้บ่มเพาะสันโดษคนใดอยู่ที่นั่น ผู้ใดที่ชูตู๋คิดว่าสามารถสนับสนุนเขา?
ฟางหยวนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ถ้ำปีศาจคลั่งแตกต่างจากเขตต้องห้ามอื่นๆ
หากเป็นไท่ชิว แม้มันจะอันตราย แต่ก็ยังสามารถเดินทางไปได้ มีผู้บ่มเพาะสันโดษบางคนบ่มเพาะอย่างลับๆอยู่ที่นั่น นิกายหลางหยาก็กำลังทำสิ่งเดียวกันนั้นอยู่ในขณะนี้
แต่ถ้ำปีศาจคลั่งถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจไร้ขอบเขต ถ้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงปีศาจและผู้อมตะที่เสียสติ ในประวัติศาสตร์กระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็ยังสูญเสียตัวตนและกลายเป็นคนบ้าเพราะถ้ำแห่งนี้
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1174 สามปีศาจคลั่ง
แปลโดย iPAT
ชูตู๋ขอให้ฟางหยวนไปเชิญกำลังเสริมจากถ้ำปีศาจคลั่ง ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องใช้วิธีการบางอย่างเพื่อป้องกันเสียงปีศาจ
‘ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องไป’
ชูตู๋และจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกำลังต่อสู้กันอยู่ที่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน เรื่องนี้มีต้นกำเนิดมาจากฟางหยวน นอกจากนั้นเขายังร่วมมือกับชูตู๋และบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก กล่าวได้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้อย่างลึกซึ้ง
ฟางหยวนดำเนินการอย่างรวดเร็วและออกเดินทางทันที
เขาใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่งของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเพื่อเดินทางไปยังถ้ำปีศาจคลั่ง
ไม่มีปัญหาระหว่างทาง
สิบวันต่อมาฟางหยวนหยุดอยู่กลางอากาศและมองลงไปด้านล่าง
ในป่าดึกดำบรรพมีถ้ำขนาดใหญ่ซ่อนอยู่ มีเสียงสัตว์คำรามดังขึ้นเป็นครั้งคราว
ฟางหยวนบินลงไปก่อนจะเดินเข้าไปในถ้ำ
ถ้ำขนาดใหญ่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยและเถาวัลย์
“เจี๊ยก!”
ไกลออกไปลิงสีเทารูปร่างประหลาดกำลังวิ่งไล่จับกันอยู่บนกิ่งไม้
ทันใดนั้นเถาวัลย์ที่ไม่เคลื่อนไหวกลับอ้าปากและกลืนกินลิงสีเทาหลายสิบตัวเข้าไปในพริบตา
แท้จริงแล้วมันคืออสรพิษเถาวัลย์เดียวดายที่รอให้เหยื่อเข้ามาหา
เสียงกรีดร้องของฝูงลิงทำให้ราชาของพวกมันปรากฏตัว
อสรพิษเถาวัลย์เดียวดายที่กินอิ่มล่าถอย เป้าหมายของมันสำเร็จแล้ว มันไม่ต้องการต่อสู้กับราชาวานรขณะที่ราชาวานรก็ไม่ได้ไล่ล่า
เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงโหยหวยที่น่าสยดสยองดังขึ้น
‘โอ้ ไม่ เสียงปีศาจ’ ฟางหยวนเร่งใช้วิธีป้องกันเสียงปีศาจที่ได้รับมาจากชูตู๋
วิธีทั่วไปไม่สามารถป้องกันเสียงปีศาจ แต่วิธีของชูตู๋ได้ผลทันที ฟางหยวนรู้สึกเหมือนเสียงปีศาจหายไปราวกับมันไม่เคยมีอยู่
เสียงกรีดร้องของราชาวานรและอสรพิษเถาวัลย์เดียวดายดังขึ้น
พวกมันได้รับอิทธิพลจากเสียงปีศาจและเริ่มต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง
นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่รุนแรงแต่เป็นการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย
สัตว์อสูรเดียวดายทั้งสองต่อสู้กันอย่างชุลมุนวุ่นวายทำให้ต้นไม้ที่อยู่รอบๆพังทลายลง
ฝูงลิงที่อยู่รอบๆก็คลุ้มคลั่งเช่นกัน พวกมันไม่เพียงโจมตีพันธมิตรแต่ยังทำร้ายตนเองด้วยวิธีการที่หลากหลาย
ป่าอันเงียบสงบกลายเป็นสับสนวุ่นวาย เสียงคำรามดังขึ้นทุกหนแห่ง สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งขณะที่กลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ
ฟางหยวนยังสงบนิ่ง
แต่นกที่อยู่บินรอบๆพุ่งเข้าโจมตีเขา กระทั่งมดและผึ้งที่อยู่ใกล้ๆยังฆ่าตัวตาย
‘นี่คือถ้ำปีศาจคลั่ง…’ ฟางหยวนถอนหายใจ
ฟางหยวนมีหัวใจที่เย็นชาและมั่งคง เขายังมีวิธีการมากมายในการเอาชีวิตรอดจากสภาพแวดล้อมที่บ้าคลั่ง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกกดดันมากนัก
ท้ายที่สุดสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็ไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เขาเพียงผู้เดียวแต่พวกมันโจมตีอย่างไร้สติ
เสียงปีศาจดังขึ้นชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนจะหายไป
ป่าเงียบลงทันที
สัตว์ป่าจำนวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นซากศพที่ไม่สมบูรณ์กระจัดกระจายไปทั่ว บางแห่งกลายเป็นบ่อเลือด ต้นไม้ถูกหักโค่น ภูมิประเทศเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์
ไกลออกไปสัตว์อสูรเดียวดายสองตัวที่ต่อสู้กันตายไปแล้ว
ลำตัวของอสรพิษเถาวัลย์เดียวดายยังรัดพันร่างกายของราชาวานรอย่างแน่นหนาขณะที่ราชาวานรสามารถฉีกท้องของอสรพิษและคืนอิสรภาพให้แก่ลิงสีเท่าทั้งหมด อย่างไรก็ตามพวกมันตายแล้ว
ฟางหยวนเก็บซากศพสัตว์อสูรเดียวดายทั้งสองเข้าไปในมิติช่องว่างของตนและเดินทางต่อ
“หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่เสียแรงเปล่า สิ่งมีชีวิตที่เติบโตขึ้นในถ้ำปีศาจคลั่งไร้ค่า พวกมันไม่สามารถขายในสวรรค์สีเหลืองเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่สับสนวุ่นวาย” เสียงสายหนึ่งดังขึ้น
“ผู้ใด?” ฟางหยวนตกใจ
แม้เขาจะใช้ท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคยและท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งกาลเวลาภาพอนาคตสามลมหายใจแต่เขายังไม่เห็นสิ่งใด
อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาท่าไม้ตายภาพอนาคตสามลมหายใจก็ทำให้ฟางหยวนเห็นผู้อมตะชุดคลุมขาววัยกลางคนผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหลังทางขวามือของฟางหยวน
ฟางหยวนตรวจสอบต่อไปอย่างเต็มความสามารถ
สามลมหายใจต่อมาผู้อมตะชุดคลุมขาวก็ปรากฏตัวขึ้นที่จุดนั้น
คนผู้นี้มีใบหน้าซีดขาว ดวงตาส่องประกายราวกับดวงดาว ภาพลักษณ์ของเขาดูไม่ธรรมดา
ฟางหยวนรีบหันหลังกลับ
ผู้อมตะชุดคลุมขาวยิ้มและกล่าว “อย่ากังวล สหาย ข้าปู้อู๋หมิง”
ฟางหยวนปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับหกออกมาในเวลานี้ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับเจ็ดออกมาอย่างไม่ปกปิด
“หือ?” ฟางหยวนรู้สึกงุนงง
“ชื่อของข้าคือปู้อู๋หมิง ข้าอาศัยอยู่ในถ้ำปีศาจคลั่ง วิญญาณที่เจ้ามีคือป้ายเปิดทางที่พวกเราสามปีศาจคลั่งมอบให้จักรพรรดิอมตะชูตู๋” ผู้อมตะชุดคลุมขาวยิ้ม
ฟางหยวนเร่งทักทาย “คารวะผู้อาวุโส ข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญเพราะจักรพรรดิอมตะชูตู๋ให้ข้ามาขอการสนับสนุนจากผู้อาวุโส”
“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเราสามปีศาจคลั่งอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายร้อยปีโดยไม่เคยออกไปยังโลกภายนอก หากชูตู๋ต้องการเข้าร่วมกับพวกเรา พวกเรายินดีต้อนรับเขา แต่หากเขาต้องการให้พวกเราออกจากถ้ำปีศาจคลั่ง นั่นเป็นไปไม่ได้” ปู้อู๋หมิงยิ้ม
“โอ้?” ฟางหยวนแสดงออกด้วยความกังวลแต่ภายในเขาไม่รู้สึกใดๆ
ปู้อู๋หมิงกล่าวเช่นนี้อาจเป็นเพราะต้องการเพิ่มคุณค่าให้กับตนเองแต่จักรพรรดิอมตะชูตู๋ไม่ใช่บุคคลที่สามารถล้อเล่น
ชูตู๋มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสามปีศาจ หากเขาให้ฟางหยวนมาที่นี่ เขาย่อมมีแผนการ
“ตั้งแต่ชูตู๋มอบวิญญาณดวงนี้ให้เจ้า ข้าคิดว่าเขาต้องมอบวิธีการมากมายให้เจ้าด้วยเช่นกันถูกต้องหรือไม่?” ปู้อู๋หมิงถาม
“ถูกต้อง” ฟางหยวนพยักหน้า
ปู้อู๋หมิงประเมินฟางหยวนโดยไม่ได้ตั้งใจ ชูตู๋มอบความไว้วางให้ให้แก่ผู้อมตะหนุ่มผู้นี้ เขามีดีอย่างไร?
“เช่นนั้นตามข้ามา ฮ่าฮ่า เจ้าโชคดีมากที่ข้าออกมาที่นี่เพื่อพักหายใจ ถ้ำปีศาจคลั่งอันตรายมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เส้นทางของมันเปลี่ยนไปแล้ว ตามข้ามาอย่างใกล้ชิด หากเจ้าก้าวผิด เจ้าต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่ตามมาด้วยตัวของเจ้าเอง” ปู้อู๋หมิงกล่าวและเดินเข้าไปในป่าดงดิบ
ฟางหยวนลังเลเล็กน้อยก่อนจะเดินตามเข้าไป
ทั้งสองเดินลึกเข้าไปกระทั่งบรรลุถึงถ้ำชั้นที่สอง
ถ้ำปีศาจคลั่งมีเก้าชั้น ชั้นที่สองเต็มไปด้วยหินลาวาที่ร้อนแรง
ครู่ต่อมาพวกเขาก็ไปถึงชั้นที่สาม
ชั้นที่สามปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาว มีวิญญาณมากมายอาศัยอยู่ในป่าไผ่เมฆา ฟางหยวนยังเห็นร่างอันคลุมเครือของสัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่เคลื่อนไหวอยู่ในม่านหมอก
ถัดมาฟางหยวนมองเห็นเมืองในสายหมอก
มันเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนแต่ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา
“มันคือเมืองสายหมอก วิญญาณอาฆาตจะมารวมตัวกันที่นี่ มันไม่มีสิ่งใดน่าดูชม” ปู้อู๋หมิงกล่าว
ฟางหยวนตกใจเล็กน้อย เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเมืองสายหมอกมาก่อนแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น ดวงวิญญาณที่สามารถสร้างเมืองสายหมอกอย่างน้อยต้องเป็นดวงวิญญาณของผู้อมตะและยังมีจำนวนมาก ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฟางหยวน หากเขาเข้าไป เขาต้องตายอย่างแน่นอน
ถ้ำปีศาจคลั่งเป็นหนึ่งในสิบเขตต้องห้ามที่ดุร้ายของภาคเหนือ เป็นธรรมดาที่มันจะอันตรายมาก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความแข็งแกร่งของสามปีศาจคลั่งที่อาศัยอยู่ที่นี่ย่อมไม่ธรรมดา
ภายใต้การนำทางของปู้อู๋หมิง ฟางหยวนเดินลึกเข้าไปถึงชั้นที่หก
“กระทั่งพวกเราก็ยังไม่กล้าเข้าไปในสามชั้นสุดท้าย มันอันตรายเกินไป มา ให้ข้านำเจ้าไปพบเพิ่งซาน เขาสนิทกับชูตู๋มากที่สุด ชูตู๋รู้กฏของพวกเราแต่เขาก็ยังส่งเจ้ามาที่นี่ เพิ่งซานน่าจะรู้วัตถุประสงค์ของเขา”
ปู้อู๋หมิงนำฟางหยวนไปพบปีศาจอมตะเพิ่งซานที่หุบเขาเล็กๆในชั้นที่หก
คนยักษ์!
เพิ่งซานสูงหลายสิบเมตร เขาใช้เนินเขาเป็นเก้าอี้และอยู่ในท่าครึ่งนั่งครั่งนอน
เพิ่งซานเปิดเปลือกตาขึ้นจากการหลับใหล
“โอ้ ชูตู๋ขอกำลังเสริมงั้นหรือ? อืม เราเคยทำข้อตกลงกันมาก่อน” เพิ่งซานกล่าวอย่างช้าๆด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ดังคาด ตกลงกันว่าอย่างไร?” ปู้อู๋หมิงถาม
“ให้เขายืมวิญญาณอมตะและท่าไม้ตายที่สามารถกำจัดข้อตกลงพันธมิตร” เพิ่งซานตอบอย่างช้าๆ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1176 ข้อตกลงของปีศาจ
แปลโดย iPAT
ไม่กี่วันต่อมาฟางหยวนก็มาถึงถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
‘ผู้ใดจะคิดว่าชูตู๋จะสร้างค่ายกลวิญญาณขนส่งเพื่อเคลื่อนย้ายผู้อมตะเข้าและออกจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน’ ฟางหยวนรู้สึกชื่นชมการเตรียมการของชูตู๋
นี่คือแผนสำรองของเขา
ตราบเท่าที่มีค่ายกลวิญญาณขนส่ง พวกเขาจะไม่ติดอยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าแม้ชูตู๋จะแสดงท่าทีแข็งกร้าวแต่เขาไม่ใช่คนบุ่มบ่ามและบ้าบิ่น
“น้องหลิว เจ้ามาแล้ว” ชูตู๋มารับฟางหยวน
เมื่อเห็นฟางหยวน เขาแสดงออกอย่างมีความสุข
ฟางหยวนถอนหายใจ “โชคชะตามักล้อเล่นกับผู้คนเสมอ หากไม่เกิดอุบัติเหตุ ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจะกลายเป็นสวรรค์อันเงียบสงบ”
ฟางหยวนมองไปรอบๆและเห็นถ้ำสวรรค์ไห่ฟานกลายเป็นสนามรบที่ดุเดือด
ชูตู๋กล่าวในช่วงเวลาที่เหมาะสม “ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมีพื้นที่ขนาดใหญ่ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูส่งสัตว์อสูรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ข้าได้เชิญกำลังเสริมมาแล้วหลายคน พวกเขาเฝ้าระวังและปกป้องอยู่ในสถานที่ต่างๆขณะที่ข้าอยู่ที่นี่เพื่อป้องกันไม่ให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูสามารถเข้ามาด้วยตัวเขาเอง”
ฟางหยวนแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เขาเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ “พี่ชู ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบมากมาย ข้าย่อมไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ข้านำสิ่งที่ท่านต้องการมาแล้ว”
หลังกล่าวจบคำ ฟางหยวนสะบัดแขนเสื้อนำสองเจตจำนงออกมาทันที
เจตจำนงทั้งสองกลายร่างเป็นปู้อู๋หมิงและเพิ่งซานที่ถือวิญญาณอมตะและพลังงานอมตะเอาไว้ในมือ
ฟางหยวนไม่ได้เก็บเจตจำนงทั้งสองไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถเปิดเผยมัน
เดิมทีฟางหยวนเคยคิดที่จะทำลายเจตจำนงทั้งสองและขโมยวิญญาณอมตะ แต่สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้
เหตุผลหลักคือฟางหยวนถูกผูกมัดด้วยข้อตกลงพันธมิตร หากเขาโจมตีพวกมัน เขาจะตายเพราะผลกระทบย้อนกลับ
ประการที่สอง วิญญาณอมตะทั้งสองดวงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฉกฉวยเพราะวิญญาณอมตะทั้งสองบรรจุเจตจำนงของเจ้าของเอาไว้ภายใน เพียงความคิดเดียว พวกเขาก็สามารถระเบิดทำลายพวกมันได้ทันที
“ขอบใจมาก” ชูตู๋กล่าวก่อนจะเก็บเจตจำนงของเพิ่งซานเข้าไปในมิติช่องว่างของตนเอง
ฟางหยวนสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆนี้
มิติช่องว่างของผู้อมตะเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของผู้อมตะที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อคนนอก
จากการกระทำของชูตู๋ ดูเหมือนเขาจะเชื่อใจเพิ่งซานเป็นอย่างมาก
ชูตู๋กล่าวกับปู้อู๋หมิง “ปู้อู๋หมิง เจ้าสามารถอยู่กับพันธมิตรของข้า”
ปู้อู๋หมิงลูบเคราและยิ้มให้ฟางหยวน “ร่างหลักของข้าเดาถูกว่าเหตุใดเจ้าถึงเลือกคนผู้นี้”
“หมายความว่าอย่างไร?” ฟางหยวนถาม เขาเต็มไปด้วยความสงสัย
ชูตู๋ตอบ “ให้ข้าอธิบาย โดยผิวเผิน ถ้ำปีศาจคลั่งเป็นหนึ่งในสิบเขตต้องห้ามของภาคเหนือ แต่แท้จริงแล้วมันถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจไร้ขอบเขตเมื่อเขาไล่ล่าความลับของชีวิตนิรันดร์”
“เทพปีศาจไร้ขอบเขตหลอมรวมวิญญาณต้นกำเนิดในตำนาน เขาซ่อนตัวอยู่ในถ้ำปีศาจคลั่งและทำการหลอมรวมวิญญาณที่นั่น”
เทพปีศาจไร้ขอบเขต!
ชีวิตนิรันดร์!
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น “แล้วเทพปีศาจไร้ขอบเขตประสบความสำเร็จหรือไม่?”
ปู้อู๋หมิงส่ายศีรษะ “พวกเราไม่รู้แน่ชัด ตามบันทึกในประวัติศาสตร์ เทพปีศาจไร้ขอบเขตหายสาบสูญไปอย่างลึกลับ เขาจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ไม่มีผู้ใดล่วงรู้”
“อย่างไรก็ตาม” ปู้อู๋หมิงกล่าวต่อ “สิ่งที่ชูตู๋กล่าวเป็นเรื่องจริง ถ้ำปีศาจคลั่งเป็นสถานที่ที่เทพปีศาจไร้ขอบเขตเคยอาศัยอยู่ เขาอยู่ในชั้นที่ลึกที่สุดของถ้ำปีศาจคลั่ง วิญญาณต้นกำเนิดยังอยู่ในค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ที่ถูกจัดตั้งขึ้นโดยเขา”
“วิญญาณต้นกำเนิด…” ฟางหยวนพึมพำ
วิญญาณดวงนี้มีชื่อเสียงมาก ไม่เพียงผู้อมตะแต่กระทั่งผู้ใช้วิญญาณยังเคยได้ยินชื่อของมัน
เหตุผลเป็นเพราะมันอยู่ในตำนานมนุษยคนแรก
หลังจากสวรรค์ทั้งเจ็ดพังทลายลง บุตรทั้งสิบของมนุษย์คนแรกตายไปทีละคน มนุษย์คนแรกกำลังจะตายเพราะอายุขัยเช่นกัน แต่ในช่วงเวลานั้นมนุษย์คนแรกรวบรวมศพของบุตรทั้งสิบและบูชายัญตนเองกับวิญญาณต้นกำเนิด วิญญาณต้นกำเนิดระเบิดแสงแห่งชีวิตออกไปทั่วทั้งแผ่นดินและทำให้เกิดเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้น มนุษย์เหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์คนแรกหรือบุตรทั้งสิบของเขา แต่พวกเขาสามารถบ่มเพาะหลังจากปลุกทะเลวิญญาณให้ตื่นขึ้น
ด้วยเหตุนี้โลกใบนี้จึงพัฒนาเป็นโลกของผู้ใช้วิญญาณ ในช่วงเวลาเหล่านั้นผู้อมตะระดับเก้าถือกำเนิดขึ้น พวกเขาแต่ละคนเป็นตัวแทนของแต่ละยุคสมัยและสามารถฝากร่องรอยไว้ในประวัติศาสตร์
“เทพปีศาจไร้ขอบเขตได้รับวิญญาณต้นกำเนิดและพยายามเลียนแบบมนุษย์คนแรกเพื่อสร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมาอีกครั้งงั้นหรือ?” ฟางหยวนถาม
“ไม่ใช่กรณีนั้น” ปู้อู๋หมิงตอบ “มนุษย์คนแรกสร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ มันเป็นวิธีการทำซ้ำบนเส้นทางแห่งมนุษย์ อย่างไรก็ตามเทพปีศาจไร้ขอบเขตบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกฎ เขาต้องการใช้วิญญาณต้นกำเนิดเพื่อให้กำเนิดพลังงานแห่งเต๋าชนิดใหม่ พลังงานแห่งเต๋าเหล่านั้นคือเงื่อนงำของการบรรลุชีวิตนิรันดร์”
“ใช้วิญญาณต้นกำเนิดสร้างพลังงานแห่งเต๋า?” ฟางหยวนตะลึง
ชูตู๋พยักหน้า “แม้นี่จะเป็นเพียงการอนุมานของสามปีศาจคลั่งแต่ถ้ำปีศาจคลั่งก็เป็นหลักฐานสำคัญ เสียงปีศาจในถ้ำคือผลกระทบที่เกิดจากการสร้างค่ายกลวิญญาณของเทพปีศาจไร้ขอบเขต การทำให้สิ่งมีชีวิตคลุ้มคลั่งเป็นเพียงผลข้างเคียง แรงจูงใจที่แท้จริงของเขาคือให้กำเนิดพลังงานแห่งเต๋าชนิดใหม่ในร่างของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น”
“เป็นเช่นนี้” ฟางหยวนส่ายศีรษะ เขาคิดก่อนถาม “แล้วมันประสบความสำเร็จหรือไม่?”
ปู้อู๋หมิงตอบ “ยิ่งเจ้าเข้าไปลึกเท่าใด เสียงปีศาจก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น ท่ามกลางพลังงานแห่งเต๋าที่วุ่นวาย พลังงานแห่งเต๋าชนิดใหม่จะถือกำเนิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่พลังงานแห่งเต๋าชนิดใหม่เหล่านี้ถูกดึงเข้าไปในค่ายกลวิญญาณที่อยู่ในส่วนลึกของถ้ำ พวกเราสามปีศาจคลั่งอยู่ที่นั่นเพราะต้องการทะลวงเข้าไปยึดครองวิญญาณต้นกำเนิดและควบคุมค่ายกลวิญญาณนี้!”
“ผลที่ตามมาก็คือสามปีศาจคลั่งต้องการความแข็งแกร่งของข้า” ชูตู๋กล่าว
ฟางหยวนพยักหน้า เขาสามารถคาดเดา
ดังคาดคำกล่าวต่อไปของชูตู๋เป็นการยืนยันการคาดเดาของฟางหยวน
“ที่ชั้นนอกของถ้ำมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกเส้นทางปรากฏอยู่ สามปีศาจคลั่งมีความเชี่ยวชาญของตนเอง แต่เส้นทางความแข็งแกร่ง พวกเขายังด้อยกว่าข้า ดังนั้นพวกเขาจึงเชิญข้าไปช่วยทำลายอุปสรรคบนเส้นทางความแข็งแกร่ง”
ปู้อู๋หมิงถอนหายใจ “มันไม่ใช่การช่วยเหลือพวกเราแต่มันเป็นการช่วยเหลือตัวเจ้าเอง พวกเราสามปีศาจคลั่งอยู่ในถ้ำปีศาจคลั่งมาหลายร้อยปี แม้พวกเราจะมีความก้าวหน้าแต่เรายังไม่ได้รับประโยชน์มากนัก ความลับเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราทั้งสามจะได้รับมาด้วยเพียงความสามารถของพวกเรา พวกเราต้องการเจ้าและเจ้าก็ต้องการพวกเรา มีเพียงการร่วมมือกันพวกเราจึงจะได้รับผลประโยชน์จากเทพปีศาจไร้ขอบเขต”
ผ่านไปหลายร้อยปีแต่สามปีศาจคลั่งยังมีความก้าวหน้าไม่มากนัก พวกเขาต้องหาคนช่วย!
ชูตู๋คือเป้าหมายของพวกเขา
แต่ชูตู๋คิดว่าฟางหยวนเหมาะสมกับงานนี้เพราะความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง ชูตู๋คิดว่าเขาต้องร่วมมือกับฟางหยวนไปอีกนาน พวกเขาต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง
ดังนั้นเขาจึงขอให้ฟางหยวนไปที่ถ้ำปีศาจคลั่ง
ปู้อู๋หมิงและเพิ่งซานเข้าใจเจตนาของชูตู๋ ดังนั้นพวกเขาจึงต้อนรับฟางหยวนอย่างอบอุ่น
“จักรพรรดิอมตะ ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางความแข็งแกร่ง ในภาคเหนือหรือกระทั่งทั้งห้าภูมิภาคอาจไม่มีผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางความแข็งแกร่งคนใดเหนือไปกว่าท่าน ไม่แปลกที่ผู้อาวุโสทั้งสามต้องการตัวท่าน แต่ข้ามีความสามารถใดที่คู่ควรให้พวกท่านเลือก?” ฟางหยวนถาม
ชูตู๋หัวเราะเสียงดัง “น้องหลิว อย่าได้ถ่อมตน เจ้าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เจ้าสามารถปลอมตัวเป็นผู้อมตะระดับหกโดยไม่มีข้อบกพร่อง ข้าเห็นภัยพิบัติของเจ้าแล้ว แม้ข้าจะเห็นเพียงเล็กน้อยแต่ภัยพิบัติที่เจ้าเผชิญทรงพลังมาก นั่นแสดงให้เห็นว่าเจ้ามีรากฐานที่ลึกซึ้ง กวาดตามองไปทั่วภาคเหนือ ในแง่ของความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ผู้ใดจะสามารถแข่งขันกับเจ้า?”
“กระไรนะ!? เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดงั้นหรือ?” ได้ยินคำกล่าวของชูตู๋ ปู้อู๋หมิงตกใจมาก
เขาต้องประเมินฟางหยวนใหม่อีกครั้ง “น่าประทับใจมาก! มีรากฐานบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นร่างหลักของข้าหรือร่างหลักของเพิ่งซาน ไม่มีผู้ใดที่สามารถมองออก”
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น
สาเหตุหลักของเรื่องนี้มาจากท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย
แน่นอนว่ายังมีความประทับใจต่อภัยพิบัติของฟางหยวนที่ชูตู๋ได้พบเห็น
ใบหน้าที่คุ้นเคยเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง
ฟางหยวนรู้ว่าแม้ระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาจะไม่ต่ำต้อยแต่รากฐานบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขายังตื้นเขิน เขาอาศัยใบหน้าที่คุ้นเคนเพื่อทำให้คนนอกเข้าใจผิดเท่านั้น
แต่ความเข้าใจผิดนี้เป็นเรื่องดี
ดังนั้นตอนนี้ฟางหยวนจึงใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเปลี่ยนกลิ่นอายของผู้อมตะระดับหกเป็นกลิ่นอายของผู้อมตะระดับเจ็ด
ปู้อู๋หมิงตระหนักถึงกลิ่นอายระดับเจ็ดของฟางหยวนและจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“ข้าไม่ได้ตั้งใจหลอกลวงท่านแต่ข้ากำลังเข้าไปในสถานที่อันตราย ข้าต้องปกปิดตัวเองเพื่อความอยู่รอดของตนเอง หวังว่าผู้อาวุโสจะไม่โกรธข้า” ฟางหยวนขอโทษปู้อู๋หมิงอย่างสุภาพ
ปู้อู๋หมิงโบกมือ “ข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว จักรพรรดิอมตะช่างมองการณ์ไกลนัก”
ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไปมาก
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้อมตะมักขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งเสมอ
ชูตู๋กล่าวอย่างเคร่งขรึม “น้องหลิว เจ้ายินดีร่วมค้นหาความลับของชีวิตนิรันดร์กับพวกเราหรือไม่?”
“แน่นอนว่าข้าเต็มใจ” ฟางหยวนตอบอย่างจริงจัง
ปู้อู๋หมิงกล่าว “หลังการต่อสู้ครั้งนี้ น้องหลิวสามารถไปที่ถ้ำปีศาจคลั่งและทำข้อตกลงกับพวกเรา”
“ได้!” ฟางหยวนตอบอย่างหนักแน่น
“หลังจากนี้ปู้อู๋หมิงจะอยู่กับน้องหลิว” ชูตู๋จัดการ
นี่เป็นการแสดงความจริงใจ
หากชูตู๋เก็บเจตจำนงของเพิ่งซานและปู้อู๋หมิงไว้พร้อมกับวิญญาณอมตะสองดวง เขาสามารถทำลายข้อตกลงพันธมิตรได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับฟันเฟืองใดๆ
แต่เขาแยกเจตจำนงรวมถึงวิญญาณอมตะทั้งสองออกจากกันและวางไว้ในมือของฟางหยวน มันไม่เพียงช่วยปัดเป่าความหวาดระแวงของฟางหยวนแต่ยังทำให้ฟางหยวนรู้สึกถึงความจริงใจของชูตู๋และสามปีศาจคลั่ง
เจตจำนงของปู้อู๋หมิงมึนงงก่อนจะเข้าใจ
ชูตู๋หัวเราะ “น้องหลิว เจ้าต้องระวังตัวให้มาก เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1177 ดิ้นรนต่อสู้ (1)
แปลโดย iPAT
หลายวันต่อมาในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
กีบเท้าม้าอสูรเดียวดายสีดำเหยียบลงบนพื้นก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีศัตรู
ฟางหยวนลอบถอนหายใจ
เขาสามารถหลบได้แต่รอยแยกใต้พิภพซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญของชูตู๋อยู่ด้านหลังเขา
ดินหลากสีจำเป็นต้องดูดซับปราณพิภพและสารอาหารมากพอก่อนจะสามารถเคลื่อนย้ายอีกครั้ง หากพยายามเคลื่อนย้ายมันระหว่างนั้น พวกมันจะถูกทำลาย
ทรัพยากรส่วนใหญ่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานถูกย้ายกลับเข้าไปในมิติช่องว่างของชูตู๋แล้วแต่ทรัพยากรบางชนิดยังไม่สามารถนำกลับไป
ตั้งแต่ฟางหยวนนำเจตจำนงของสองปีศาจอมตะมาถึง ชูตู๋ขอให้เขาช่วยปกป้องสถานที่แห่งนี้
แน่นอนว่ามันมีค่าตอบแทน
ชูตู๋สัญญากับฟางหยวนว่าเขาจะมอบดินหลากสีครึ่งหนึ่งให้ฟางหยวน
เปลี่ยนเป็นหมีบิน!
ร่างของฟางหยวนส่องประกายขึ้นก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นหมีสีขาวขนาดใหญ่และปิดกั้นม้าอสูรเดียวดายเอาไว้
หลังจากปะทะเดือด หมีบินถอยหลังกลับไปห้าถึงหกก้าวก่อนจะล้มลงบนพื้น
สำหรับม้าอสูรเดียวดาย มันหยุดนิ่งและส่ายศีรษะปัดเป่าความมึนงงออกไป
“แข็งแรงใช้ได้” ฟางหยวนกัดฟันก่อนจะคำรามด้วยเสียงของหมี
เมื่อเห็นม้าอสูรเดียวดายยังเวียนศีรษะ หมีบินฟางหยวนพุ่งเข้าโจมตีทันที
“บึม!”
ฝุ่นควันลอยขึ้นสู่อากาศ
หมีบินใช้อุ้งเท้าฟาดม้าอสูรเดียวดายและทำให้มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
แม้ม้าอสูรเดียวดายจะแข็งแกร่งมากแต่หมีบินฟางหยวนสามารถกำหราบมัน
‘โชคดีที่ข้าเพิ่มวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบินเข้าไปในท่าไม้ตายเปลี่ยนเป็นหมีบิน นี่ทำให้ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก มิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถปราบปรามม้าอสูรเดียวดายตัวนี้’
ฟางหยวนหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นม้าอสูรเดียวดายหมดสติไป
เขาเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์และเก็บม้าอสูรเดียวดายเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
‘สัตว์อสูรเดียวดายตัวที่สาม’ ฟางหยวนคิด
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูส่งสัตว์อสูรเดียวดายที่หลากหลายเข้ามา
หลังจากฟางหยวนเรียนรู้ความลับของถ้ำปีศาจคลั่ง เขาตัดสินใจสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับชูตู๋
ฟางหยวนมาที่นี่เพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้ แม้การต่อสู้จะรุนแรงแต่ฟางหยวนยังมีช่วงเวลาที่ง่ายดาย
ไม่กี่วันมานี้มีสัตว์อสูรเดียวดายที่ทะลวงผ่านแนวหน้าเข้ามาถึงที่นี่สามตัว ม้าอสูรเดียวดายสองตัวและหมาป่าครีบฉลามเดียวดายหนึ่งตัว
ฟางหยวนถือว่าพวกมันเป็นคู่ฝึกซ้อมในการฝึกฝนทักษะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขา
เขาสังหารสัตว์อสูรเดียวดายสองตัวแรกและเก็บสัตว์อสูรเดียวดายตัวที่สาม
‘ม้าอสูรเดียวดายก่อนหน้านี้ไม่มีเงา มันน่าจะเป็นม้าไร้เงาที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือ’
แม้ฟางหยวนจะไม่เคยเห็นม้าไร้เงามาก่อนแต่เขายังสามารถแยกแยะ
ม้าไร้เงาเป็นเพียงสัตว์อสูรเดียวดายแต่มันก็เป็นสัตว์อสูรหายาก
ไม่มีม้าไร้เงาขายในสวรรค์สีเหลือง
ม้าไร้เงาตัวนี้เป็นสมบัติของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู หลังจากฟางหยวนเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างของตน เขารีบใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบมันทันที
ฟางหยวนตระหนักว่าบนร่างกายของม้าไร้เงาตัวนี้นอกจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืด มันยังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งทาสอีกมากมาย
หลังจากพยายามหลายวิธี ฟางหยวนก็ยังไม่สามารถกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งทาสเหล่านี้และต้องสังหารมันเท่านั้น
ม้าไร้เงาตัวนี้เป็นทาสของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู หากมันยังอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันจะทำลายทุกสิ่ง
แต่การฆ่ามัน ฟางหยวนจะสามารถขายเนื้อและกระดูกของมันในสวรรค์สีเหลือง
ม้าไร้เงาที่มีชีวิตมีค่ามากกว่า แต่มันเป็นสมบัติของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ผู้อื่นไม่สามารถกดขี่มัน
ผู้อมตะไม่ใช่คนโง่ พวกเขาจะไม่ซื้อม้าไร้เงาที่มีปัญหาตัวนี้
นอกจากนั้นการขายม้าไร้เงาตัวนี้อย่างเปิดเผยจะถูกค้นพบโดยจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู เขาอาจให้บางคนซื้อมันกลับไป
ต้องไม่ลืมว่าจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้อมตะระดับแปด มันจะเป็นการสร้างศัตรูที่น่ากลัว ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องฆ่ามันเท่านั้น
หลังจากสังหารม้าไร้เงาและแปรรูป ฟางหยวนนำส่วนหนึ่งของมันไปขายในสวรรค์สีเหลืองทันที
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ซากศพของอสรพิษเถาวัลย์เดียวดายและราชาวานรจากถ้ำปีศาจคลั่งที่เขาโยนเข้าไปในสวรรค์สีเหลืองแทบไม่ได้รับการตอบรับ
ฟางหยวนเคยใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบพวกมันมาก่อน
เขาตระหนักว่าซากศพของอสรพิษเถาวัลย์เดียวดายและราชาวานรมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกประเภท
เห็นได้ชัดว่าเสียงปีศาจในถ้ำปีศาจคลั่งทำให้เกิดสถานการณ์นี้
เสียงปีศาจถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจไร้ขอบเขต มันทำให้สิ่งมีชีวิตที่ได้ยินเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าในร่างของพวกมันก็จะเกิดความปั่นป่วนและเปลี่ยนแปลง
เฟางหยวนคิดถึงเรื่องนี้และนำซากศพอสรพิษเถาวัลย์เดียวดายกับราชาวานรกลับมาจากสวรรค์สีเหลือง
ยิ่งเขาวางไว้ในสวรรค์สีเหลืองนานเท่าใด เขาก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมมากเท่านั้น มันไม่คุ้มค่า
นอกจากซากศพของสัตว์อสูรเดียวดายทั้งสอง ฟางหยวนยังนำวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากกลับมาเช่นกัน ท่ามกลางวิญญาณเหล่านี้มีวิญญาณวัน วิญญาณเดือน และวิญญาณปีมากที่สุด
ตั้งแต่ฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาบ่อยครั้งและเสียค่าใช้จ่ายไปมากมาย
นอกเหนือจากวิญญาณวัน วิญญาณเดือน และวิญญาณปี ฟางหยวนยังต้องการวิญญาณเจตจำนงของตนเองจำนวนมาก
แต่วิญญาณเจตจำนงของตนเองเป็นวิญญาณหายาก ฟางหยวนจึงต้องขอให้ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนของนิกายหลางหยาช่วยหลอมรวมพวกมันให้เขาโดยแลกเปลี่ยนกับแต้มผลงาน
ฟางหยวนค้นหาผู้ขายคริสตัลสวรรค์ในสวรรค์สีเหลือง
จนถึงตอนนี้เขาพบเพียงสองรายเท่านั้น
หนึ่งคือผู้อมตะระดับแปด แต่ฟางหยวนไม่มีสิ่งแลกเปลี่ยนที่เขาต้องการ
อีกหนึ่งเป็นผู้อมตะระดับหกที่บังเอิญพบคริสตัลสวรรค์โดยบังเอิญ ฟางหยวนต้องการซื้อแต่ราคาของมันแพงกว่าปกติสามเท่า
ฟางหยวนคิดและเลือกที่จะยอมแพ้ แม้เขาจะมีทรัพยากรมากมาย แต่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้ากำลังจะมาถึงในเวลานั้น มันไม่คุ้มค่าที่จะใช้ทรัพยากรจำนวนมากแลกเปลี่ยนกับคริสตัลสวรรค์เพียงเล็กน้อย
‘โอ้?’ ในจังหวะนี้ฟางหยวนได้รับข้อความจากชูตู๋ เขาขอให้ฟางหยวนไปช่วยหลี่ซื่อจุน สถานการณ์ที่นั่นอันตรายมากและต้องการกำลังเสริม
สองสามวันที่ผ่านมา นี่เป็นข้อความแรกที่ฟางหยวนได้รับ
เขารีบไปที่สนามรบทันที
ที่นั่นหลี่ซื่อจุนกับหวังอู๋หมิงอยู่ในการต่อสู้ที่ยากลำบาก
ฝูงหมาป่าเดียวดายกำลังล้อมกรอบพวกเขาเอาไว้
แต่ฟางหยวนไม่แปลกใจ
เขาได้รับข้อมูลจากชูตู๋มาแล้ว
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมีท่าไม้ตายอมตะที่สามารถสร้างร่างเทียมของสัตว์อสูรเดียวดาย
ท่ามกลางพวกมันมีร่างจริงเพียงร่างเดียว หากหาร่างจริงไม่พบ ร่างเทียมของมันจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
สัตว์อสูรเดียวดายแต่ละตัวมีร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูนั่งอยู่บนแผ่นหลังของพวกมันทุกตัว
‘ร่างหลักอยู่ที่ใด?’ ฟางหยวนขมวดคิ้วก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายหมื่นตัวตน
กองทัพภูตมนุษย์พุ่งเข้าโจมตีฝูงหมาผ่า
“มันคือหลิวกวนซื่อ!” หลี่ซื่อจุนแทบร้องไห้ออกมาด้วยความสุข
หวังอู๋หมิงก่นเสียงเย็น ครั้งก่อนฟางหยวนใช้เขาเป็นเหยื่อล่อ ดังนั้นเขาจึงไม่มีความประทับใจที่ดีต่อฟางหยวน แม้ตอนนี้ฟางหยวนจะมาช่วยพวกเขา แต่หวังอู๋หมิงก็ไม่รู้สึกขอบคุณ
กองทัพภูตมนุษย์และฝูงหมาป่าปะทะกัน
ไม่กี่นาทีต่อมากองทัพภูตมนุษย์ก็ถูกทำลายจนแทบหมดสิ้นโดยฝูงหมาป่า
เปรียบเทียบกับท่าไม้ตายอมตะของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนก็ไม่ถือเป็นสิ่งใด
ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนเป็นท่าไม้ตายที่ผสมผสานระหว่างเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งทาส แต่หากคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป ประโยชน์ของพวกมันก็จะลดน้อยลง
แม้พวกมันจะมีจำนวนมากแต่พวกมันยังขาดพลังการต่อสู้
ในอดีตฟางหยวนมักใช้กองทัพภูตมนุษย์เพื่อซ่อนร่างจริงของเขา
กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!
ฟางหยวนเปลี่ยนท่าไม้ตายและทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป
ฝูงหมาป่าเดียวดายแทบไม่สามารถต่อต้านกำปั้นยักษ์ของฟางหยวน
…..
แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ยอดเขาที่หนึ่ง
ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมส่องประกายราวกับดวงตะวัน
“ครั้งที่สาม!” ท่านหญิงหว่านซูสูดหายใจลึก นางถือบอลสายฟ้าเดินเข้าไปหาหม่าหงหยุน
หม่าหงหยุนตะโกน “ไม่ ไม่ ปล่อยข้าไป ข้าไม่อยากตาย!”
บอลสายฟ้าลอยไปที่หน้าอกของเขา
ประกายสายฟ้าปะทุขึ้นก่อนที่หม่าหงหยุนจะหมดสติ
“ล้มเหลวอีกครั้ง” ท่านหญิงหว่านซูรู้สึกเวียนศีรษะอย่างรุนแรงและแทบล้มลงบนพื้น
นางไม่สนอาการบาดเจ็บและเริ่มรักษาหม่าหงหยุน
หม่าหงหยุนต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นวัสดุในการหลอมรวม
“หือ? ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ” ระหว่างการรักษา ท่านหญิงหว่านซูพบสิ่งผิดปกติ
“มันเป็นเพราะบอลสายฟ้างั้นหรือ? ในความเป็นจริงวิญาณบางดวงสามารถยกระดับการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณ”
“ที่รัก เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ปีศาจอมตะเซี่ยหูพึ่งมาถึงในเวลานี้
“อย่ากังวล” ใบหน้าของท่านหญิงหว่านซูซีดขาวแต่นางยังเผยรอยยิ้มให้ปีศาจอมตะเซี่ยหู “ข้าเพียงต้องพักสักเล็กน้อยเท่านั้น”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1178 ดิ้นรนต่อสู้ (2)
แปลโดย iPAT
ภายในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
ฝูงหมาป่าเดียวดายหนึ่งร้อยตัวพุ่งเข้ามา
ห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋ยืนเคียงข้างกันด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
พวกเขามองหน้ากันก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังที่สุด เสียงคำรามของวายุสายฟ้า!
“เปรี้ยง!”
พายุสายฟ้ากวาดสนามรบและทำลายหมาป่าเดียวดายแทบทั้งหมด
การแสดงออกของฟางหยวนและคนอื่นๆที่อยู่ด้านข้างเปลี่ยนแปลงไป
ทุกครั้งที่พวกเขาเห็นท่าไม้ตายอมตะเสียงคำรามของวายุสายฟ้า หัวใจของพวกเขาจะสั่นสะท้านขึ้น เนื่องจากพลังอำนาจของมันอยู่บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ด หมาป่าเดียวดายส่วนใหญ่เป็นร่างเทียม พวกมันไม่สามารถต่อต้านเสียงคำรามของวายุสายฟ้า
กระทั่งหมาป่าเดียวดายร่างจริงก็ยังตายไปสองตัว สำหรับตัวสุดท้าย มันโชคดีที่อยู่ด้านหลังและรอดชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้
“ฆ่ามัน! พวกเราไม่สามารถปล่อยให้ร่างจริงของมันหลบหนี มิฉะนั้นร่างเทียมของมันจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง!” ผู้อมตะเหว่ยหมิงตะโกน
เหว่ยหมิงเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ดวงตาของเขาบอดไปแล้ว นี่ทำให้พลังการต่อสู้ของเขาลดน้อยลง
“ระวังหมาป่าหยิน!” หวังอู๋หมิงตะโกนเตือน
ร่างกายของเหว่ยหมิงแข็งค้างขณะที่หมาป่าหยินพุ่งเข้าโจมตีเขา
เหว่ยหมิงก่นเสียงเย็นและล่าถอยออกมาราวกับภูตพราย
ใบหน้าของเหว่ยหมิงปกคลุมไปด้วยเหงื่อ เขากล่าว “โอ้ ไม่!”
หมาป่าหยินพุ่งเข้าโจมตีเขาอีกครั้ง
ร่างของเหว่ยหมิงถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ
ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยืนอยู่บนแผ่นหลังของหมาป่าหยินด้วยการแสดงออกที่เย็นชา
“ช่างวิ่งหนีได้เร็วนัก แต่คราวหน้าเจ้าจะไม่โชคดีเช่นนี้” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกล่าวเสียงเย็น
“เกือบไปแล้ว โชคดีที่ข้าใช้ท่าไม้ตายตัวแทน!” เหว่ยหมิงตัวจริงสามารถหลบหนี
“มันเกิดขึ้นอีกครั้ง!” แต่เขายังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อมองไปที่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู
หมาป่าหยินเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลที่มีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ด ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูสามารถใช้วิญญาณอมตะ นี่ทำให้พลังการต่อสู้ของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า
แรกเริ่มจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูส่งสัตว์อสูรเดียวดายจำนวนมากบุกโจมตีถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน แต่ตอนนี้เขาเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนกลยุทธ์และส่งสัตว์อสูรบรรพกาลเข้ามา
สัตว์อสูรบรรพกาลทุกตัวมาพร้อมกับร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู นี่ทำให้สถานการณ์ค่อยๆเปลี่ยนไป
หวังอู๋หมิงในร่างหมาป่าดาวตกเพลิงกล่าวด้วยภาษามนุษย์ “พี่ห่าว พี่เชา รีบถอยออกไป หมาป่าหยินที่ซ่อนตัวอยู่สามารถลอบโจมตีพวกท่าน”
หลังจากกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลัง ห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋อยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก
เสียงคำรามของวายุสายฟ้าต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงกลายเป็นไร้ประโยชน์
การต่อสู้ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานดำเนินอย่างต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว เสียงคำรามของวายุสายฟ้าเป็นอาวุธที่ทรงพลังของพวกเขาโดยเฉพาะกับฝูงสัตว์อสูรเดียวดาย
ทุกคนเห็นด้วยกับเรื่องนี้
เพื่อชัยชนะ พวกเขาต้องปกป้องห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋
ทั้งสองล่าถอยทันที
“ข้าจะพาพวกท่านไป” หลี่ซื่อจุนบินไปหาพวกเขา
ฟางหยวน หวังอู๋หมิง และเหว่ยหมิงยังอยู่ในสนามรบ
“จัดการสัตว์อสูรบรรพกาลตัวนี้อย่างรวดเร็ว ห่างออกไปประมาณสามพันลี้ยังมีสัตว์อสูรบรรพกาลอีกตัว” ชูตู๋ส่งข้อความถึงพวกเขา
“ข้าจะดึงดูดความสนใจของมัน พวกเจ้าคอยหาโอกาสฆ่ามัน!” หวังอู๋หมิงลอบส่งข้อความก่อนจะพุ่งเข้าเผชิญหน้ากับหมาป่าหยิน
ฟางหยวนและเหว่ยหมิงร่วมมือกัน หนึ่งบินขึ้นสู่ท้องฟ้า อีกหนึ่งวิ่งอ้อมไปด้านหลัง
การต่อสู้ที่รุนแรงปะทุขึ้น
ด้วยความร่วมมือระหว่างหวังอู๋หมิงและฟางหยวน ฟางหยวนพบโอกาสและส่งวิญญาณอมตะดาบบินออกไป
“บึม!”
ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูใช้วิญญาณอมตะต่อต้าน
“ใช้ท่าไม้ตายอมตะ! เพียงวิญญาณอมตะจะทำสิ่งใดได้!?” หวังอู๋หมิงตะโกนด้วยความกังวล
“เจ้าจะไปรู้สิ่งใด?” ฟางหยวนเย้ยหยัน
ในเวลาต่อมาเหว่ยหมิงฉวยโอกาสใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งแสงทำลายร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู
มันกลายเป็นว่าการโจมตีของฟางหยวนเป็นเพียงเหยื่อล่อขณะที่เหว่ยหมิงหาโอกาสโจมตี
ผู้อมตะในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเริ่มพัฒนาความร่วมมือกันมากขึ้น
‘พวกมันเป็นเพียงร่างเทียมที่มีสติปัญญาจำกัดแต่สามารถใช้วิญญาณอมตะ นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง’ ฟางหยวนลอบถอนหายใจ
เขารู้สึกเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว
การทำลายร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่ได้ทำลายวิญญาณอมตะ ดูเหมือนวิญญาณอมตะของเขาจะเป็นวิญญาณอมตะเทียมเช่นกัน
ดังนั้นการทำลายร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจึงมีประโยชน์เพียงเล็กน้อย
จากนั้นผู้อมตะทั้งสามก็ร่วมมือกันโจมตีหมาป่าหยิน
สัตว์อสูรบรรพกาลตัวนี้มีพลังป้องกันที่น่าทึ่ง ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะดาบบินแต่ยังไม่สามารถเจาะทะลวงร่างกายของมัน
โชคดีที่หมาป่าหยินไม่ได้รับความช่วยเหลือจากร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูอีกต่อไป เพียงสติปัญญาของมันไม่สามารถแข่งขันกับผู้อมตะสามคน
ห้วงมิติเกิดการบิดเบี้ยว จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูส่งร่างเทียมเข้ามาช่วยเหลือหมาป่าหยิน
แต่ฟางหยวนกับคนอื่นๆค้นพบอย่างรวดเร็วและป้องกันไม่ให้ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเข้าถึงตัวหมาป่าหยิน
ไม่กี่นาทีต่อมาหมาป่าหยินถูกสังหารและถูกแยกร่างออกเป็นชิ้นๆ
ความตายของสัตว์อสูรบรรพกาลทำให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูพบกับความสูญเสีย
แต่สถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ฟางหยวนและคนอื่นๆเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล
‘พวกเราต่อสู้มานานแล้ว หากยังดำเนินต่อไป องุ่นเขียวอมตะของข้าจะถูกใช้จนหมด’ ฟางหยวนไม่แสดงออกแต่รู้สึกกังวลอยู่ภายใน
ผู้อมตะระดับเจ็ดคนอื่นๆมีพลังงานอมตะระดับเจ็ด พวกเขาสามารถต่อสู้ได้นานกว่า
โชคดีที่ฟางหยวนขายซากศพสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลเป็นครั้งคราว นี่ทำให้เขาสามารถรักษาสภาพคล่อง
หลังจากสังหารหมาป่าหยิน ผู้อมตะทั้งสามเดินทางไปยังสนามรบถัดไปโดยไม่มีเวลาหยุดพัก
สถานการณ์เริ่มเลวร้ายลง
หลายวันผ่านมาฟางหยวนซ่อนตัวอยู่ในรอยแยกใต้พิภพและปกป้องดินหลากสี
แต่ไม่นานมานี้เขาต้องออกมาช่วยคนอื่นๆ
ตอนนี้เขาเหมือนนักผจญเพลิงที่เดินทางไปช่วยดับเพลิงในสถานที่ต่างๆโดยไม่ได้พักผ่อน
ร่างหลักของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูถูกปิดกั้นโดยชูตู๋แต่เขายังสามารถส่งสัตว์อสูรเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
กลุ่มของฟางหยวนมาถึงสนามรบต่อไปในที่สุด
มันเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บ
มีบางคนต่อสู้กับมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บอยู่ก่อนแล้ว นอกจากกลุ่มของหวังอู๋หมิง ชูตู๋ยังขอให้ผู้อมตะอีกหลายคนมาช่วย
คนผู้นี้เป็นผู้อมตะหญิงชื่อซานชิงฉวี
เส้นทางการบ่มเพาะของนางน่าสนใจมากเพราะมันคือเส้นทางแห่งการโจรกรรม!
นี่เป็นเส้นทางที่เทพปีศาจปล้นสวรรค์สร้างขึ้น มีมรดกเพียงเล็กน้อยบนเส้นทางสายนี้
ตอนนี้ซานชิงฉวีตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แม้นางจะสามารถขโมยวิญญาณจำนวนมากจากร่างมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บแต่มันกลับส่งผลต่อศัตรูเพียงเล็กน้อย
ฟางหยวนและคนอื่นๆรีบเข้าไปช่วยและโจมตีมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บ
แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่โชคดีเหมือนครั้งก่อน
หลังจากทุ่มเทความพยายามอย่างหนัก ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็ถูกทำลาย
การสังหารมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บตัวนี้ใช้เวลานานกว่าสัตว์อสูรบรรพกาลตัวก่อนหน้าเพราะมันบินได้และมีความเร็วสูง
หลังจากสังหารมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บตัวนี้ ฟางหยวนรู้สึกแย่มาก
เขาเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าก่อนหน้าหลายเท่า รายจ่ายของเขาสูงกว่ารายรับไปแล้ว หากสถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไป อีกไม่กี่วันหลังจากนี้พลังงานอมตะของเขาจะหมดจริงๆ
ชูตู๋ส่งข้อความเสียงมาอีกครั้งขณะที่กลุ่มผู้อมตะกำลังแบ่งชิ้นส่วนซากศพของมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บ “เร็ว! การต่อสู้ก่อนหน้าเป็นเพียงเหยื่อล่อ ตอนนี้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูปลูกต้นหลิวหิมะเดียวดายขึ้นแล้ว เราต้องรีบกำจัดมัน!”
ฟางหยวนและคนอื่นๆเข้าใจถึงความร้ายแรงของสถานการณ์และรีบลงมือทันที
ครู่ต่อมาพวกเขามาถึงสถานที่เกิดเหตุ
มันไม่เพียงมีต้นหลิวหิมะเดียวดายแต่ยังมีฝูงวานรเทพน้ำแข็งอีกนับร้อย ต้นหลิวหิมะเดียวดายมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะจำนวนมากขณะที่วานรเทพน้ำแข็งเป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งน้ำแข็ง ทั้งสองเส้นทางสนับสนุนซึ่งกันและกัน นอกจากนั้นยังมีร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจำนวนนับไม่ถ้วนคอยให้ความช่วยเหลือ
“เราต้องทำลายสิ่งนี้ หากปล่อยไว้ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ” ชูตู๋กล่าว “หากไม่มีทางเลือก ข้าจะลงมือเอง!”
“ท่านควรอยู่ที่นั่นและป้องกันไม่ให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูตัวจริงเข้ามา มิฉะนั้นพวกเราจะถึงคราวจบสิ้นอย่างแท้จริง” ห่าวเจิ้นเร่งตอบกลับ
เขากับเชาเหลาอู๋พึ่งมาถึง แม้พวกเขาจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ แต่สถานการณ์บังคับให้พวกเขาต้องเสี่ยงชีวิต
ผู้อมตะหกคนพุ่งเข้าไปในป่าหลิวหิมะเดียวดายและเข้าสู่การต่อสู้อันดุเดือด!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1179 ดิ้นรนต่อสู้ (3)
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศและหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
การต่อสู้ที่รุนแรงสิ้นสุดลงแล้ว
สนามรบเต็มไปด้วยหลุมบ่อและซากศพของวานรเทพน้ำแข็ง เปลวเพลิงจากท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งไฟลุกไหม้อยู่อย่างเงียบๆ
ผู้อมตะได้รับบาดเจ็บและล้มตาย
ผู้ที่เสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งนี้คือผู้อมตะหญิงบนเส้นทางแห่งการโจมกรรม
นางไม่ได้ถูกมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บสังหารแต่ถูกสังหารโดยร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู
ฟางหยวนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
ปอดซ้ายของเขาถูกแทงทะลุ หอกน้ำแข็งยังปักอยู่บนหน้าอกของเขา
ขาของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งขณะที่เนื้อเริ่มเน่าเปื่อย
ร่างทารกอมตะมีข้อได้เปรียบเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้งกัน แต่นี่ก็เป็นข้อบกพร่องที่สำคัญเช่นกัน เมื่อฟางหยวนถูกโจมตี เขาจะได้รับความเสียหายที่รุนแรงกว่าคนอื่นๆ
ในการต่อสู้ครั้งนี้ฟางหยวนได้เรียนรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับข้อบกพร่องร้ายแรงของร่างทารกอมตะ
‘ท่าไม้ตายสายป้องกันของข้ายังอ่อนแอเกินไป’
‘วิญญาณอมตะสมบัติเลือดยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ข้าไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์โลหิต การป้องกันบนเส้นทางแห่งกาลเวลาไม่มีประโยชน์มากนัก’
แม้ฟางหยวนจะได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน แต่วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำถูกผนึกเอาไว้ การใช้งานมันจะดึงดูดอสูรปีให้เข้ามา
หากอสูรปีระดับแปดบุกมิติช่องว่างของฟางหยวน เขาจะพบกับความสูญเสียอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้งานวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำในช่วงเวลานี้
มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานมีวิธีการป้องกันที่โดดเด่นแต่พวกมันล้วนใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำเป็นแกนกลาง
ท่าไม้ตายสายป้องกันในปัจจุบันของฟางหยวนใช้วิญญาณปีอมตะเป็นแกนกลาง หลังจากไห่ฟานบรรลุระดับเจ็ด เขาหยุดใช้มันทันที
‘จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งทาสที่น่าเกรงขามอย่างแท้จริง!’
‘แม้เขาจะอยู่นอกถ้ำสวรรค์และส่งเพียงร่างเทียมเข้ามา เขาก็ยังแข็งแกร่งมาก’
‘การบิดเบือนห้วงมิติและส่งฝูงสัตว์อสูรเข้ามาก็เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาจริงๆ’
ในการต่อสู้ครั้งนี้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูส่งวานรเทพน้ำแข็งหนึ่งร้อยตัวและต้นหลิวหิมะเดียวดายจำนวนมากเข้ามา
ระหว่างการต่อสู้ เขายังส่งวานรเทพน้ำแข็งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ฟางหยวนคุ้นเคยกับวานรเทพน้ำแข็ง ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเคยมีสัตว์อสูรชนิดนี้อยู่ตัวหนึ่ง
เมื่อนิกายกระเรียนอมตะบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู ฟางหยวนยืมวานรเทพน้ำแข็งมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
อย่างไรก็ตามมันตายในการต่อสู้เพื่อปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
นอกจากนั้นระหว่างไห่ลั่วหลันก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะที่แดนน้ำแข็ง ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งก็ปรากฏขึ้นในรูปลักษณ์ของวานรเทพน้ำแข็งเช่นกัน
‘วานรเทพน้ำแข็งตัวจริงแข็งแกร่งกว่าวานรเทพน้ำแข็งที่ถูกสร้างขึ้นจากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งในแง่ของความสามารถในการต่อสู้’
‘ในความเป็นจริงพืชอสูรและสัตว์อสูรเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูที่ควบคุมพวกมัน’
‘เมื่อกองทัพพืชอสูรและสัตว์อสูรเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบ พวกมันจะแข็งแกร่งขึ้น’
ฟางหยวนนึกถึงการต่อสู้ทั้งหมดและตระหนักถึงพลังอำนาจของผู้อมตะระดับแปด
แม้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะไม่ได้เข้าสู่สนามรบด้วยตนเอง แต่ฟางหยวนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
พวกเขาได้รับชัยชนะเพราะความร่วมมือของทุกคน
‘เป็นการต่อสู้ที่น่าสังเวชอย่างแท้จริง หากต้องต่อสู้อีกสองหรือสามครั้ง องุ่นเขียวอมตะของข้าจะหมดสิ้นลงอย่างสมบูรณ์’
‘สิ่งที่ข้าสะสมมานานกลับถูกใช้ไปในครั้งนี้’
‘กระทั่งอาการบาดเจ็บของข้าก็ยังต้องใช้ทั้งเวลาและพลังงานอมตะจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูมัน’
ฟางหยวนรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายได้อีกต่อไป
ในความเป็นจริวการสูญเสียของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยิ่งรุนแรงกว่าฟางหยวน
การต่อสู้มาถึงจุดที่ไร้ทางออกอีกครั้ง
แต่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถถอยหลัง
การต่อสู้ยังดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น
ความพยายามของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูอาจล้มเหลวแต่มันยังมีผล
เขาพยายามสร้างฐานที่มั่นชั่วคราวในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานและรักษามันไว้ ขณะเดียวกันเขาก็ส่งสัตว์อสูรบุกโจมตีศัตรูทำให้ฝ่ายของชูตู๋พบปัญหาในการป้องกัน
ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูพยายามทำลายแหล่งทรัพยากรที่เป็นรากฐานของชูตู๋ เรื่องนี้เขาประสบความสำเร็จ
แม้ชูตู๋ ฟางหยวน และคนอื่นๆจะได้เปรียบด้านจำนวนคนแต่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยังเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์
ทั้งสองฝ่ายต่างดื้อรั้น
แต่ฟางหยวนเป็นคนแรกที่ยอมแพ้
เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดปลอม ที่ผ่านมาเขาใช้เพียงองุ่นเขียวอมตะระดับหกเท่านั้น
สำหรับชูตู๋ การแสดงออกของเขาค่อนข้างน่าเกลียด
โดยเฉพาะเมื่อเขาอยู่ตามลำพังกับฟางหยวน เขาจะก้มหน้าและแสดงความกังวลออกมา
เขากล่าวกับฟางหยวน “ข้าขอความช่วยเหลือจากทุกคนที่ข้าสามารถขอแล้ว”
“แต่ผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้คือจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู แม้เราจะไม่ได้ต่อสู้กับร่างหลักของเขา แต่พวกเราก็ไม่สามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด”
“กุญแจสำคัญในการตัดสินชัยชนะไม่ได้อยู่ในสนามรบแต่เป็นเผ่าไป่ซูที่อยู่ด้านนอก”
ชูตู๋เข้าใจอย่างชัดเจน
เขาและฟางหยวนคิดเหมือนกัน
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่มีจุดอ่อน จุดอ่อนเดียวของเขาคือเผ่าไป่ซู
แต่การเคลื่อนไหวของชูตู๋ก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อโลกของผู้อมตะภาคเหนือ
ข่าวลือแพร่สะพัดออกไป
“จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกำลังบุกโจมตีถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน หากเขาประสบความสำเร็จและได้รับมัน รากฐานของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก”
“หากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูได้รับถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน อีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า เผ่าไป่ซูอาจเหนือกว่ากองกำลังตระกูลฮวงจิน!”
“จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ เขาไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน เมื่อเผ่าไป่ซูแข็งแกร่งขึ้น มันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะ!”
ข่าวลือทุกชนิดถูกกล่าวถึง แต่ประเด็นหลักยังเป็นภัยคุกคามที่มาจากเผ่าไป่ซูและการเน้นย้ำว่าพวกเขาไม่ใช่บุตรหลานที่สืบสายเลือดมาจากเทพอมตะตะวันเดือด
ยังมีผู้อมตะบางคนแอบอ้างว่ามาจากเผ่าไป่ซู
ไป่ซูเหว่ยเสียชีวิตไปแล้วในสนามรบ ผู้นำกลุ่มผู้อมตะคนใหม่ของเผ่าไป่ซูมีความสามารถไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาต่างๆ เขาบอกจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเกี่ยวกับความยากลำบากและอันตรายที่เผ่าไป่ซูกำลังเผชิญหน้า แต่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกลับไม่แยแส
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูตอบกลับไปว่า “นี่เป็นกลอุบายของชูตู๋ ชูตู๋ไม่ใช่สมาชิกฝ่ายธรรมะและไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน หากเผ่าไป่ซูของเราเกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้ กองกำลังตระกูลฮวงจินจะไม่พอใจ”
“ชูตู๋ปล่อยข่าวลือเหล่านั้นออกไปและสร้างภาพให้พวกเราตั้งใจยั่วยุกองกำลังตระกูลฮวงจิน นี่เป็นแผนการของเขา แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เขาอ่อนแอมาก เราต้องอดทน”
“กองกำลังอื่นไม่ใช่คนโง่ พวกเขาสามารถบอกได้ว่าชูตู๋กำลังทำสิ่งใด แต่เพราะการคงอยู่ของข้าในฐานะผู้อมตะระดับแปด พวกเขาจึงไม่กล้าทำสิ่งใด”
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่โง่เช่นกัน เขาเข้าใจสถานการณ์และยังมุ่งมั่นที่จะบุกถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
หลังจากทั้งหมดเขาเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดแล้ว
ตอนนี้เหยากวงกับปีศาจอมตะเซี่ยหูกำลังยุ่งอยู่กับการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด ปรมาจารย์ห้าธาตุยุ่งอยู่กับการบุกถ้ำสวรรค์นิรันดร แม้องค์ชายฟงเซี่ยนดูเหมือนไม่ได้ทำสิ่งใด แต่แท้จริงแล้วเขากำลังลอบกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างลับๆ
สำหรับฟางหยวน เขามีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อเพิ่มจำนวนองุ่นเขียวอมตะ เขาต้องขายสัตว์อสูรเดียวดายบางตัวออกไป
เขาขายปลามังกรเดียวดายสองตัวในสวรรค์สีเหลือง เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อมิติช่องว่างของเขาอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้สภาพคล่องทางการเงินของเขาถือว่าดีเยี่ยมแต่ตอนนี้มันกลับเลวร้ายลงอย่างมาก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นสัญญาณเตือน
‘ในแง่ของมิติช่องว่าง ข้าเหนือกว่าชูตู๋ แต่พลังงานอมตะระดับหกเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า ดังนั้นข้าจึงเป็นคนแรกที่ล้มลงท่ามกลางผู้อมตะระดับเจ็ดทั้งหมด ดูเหมือนว่าหลังการต่อสู้ครั้งนี้ข้าจำเป็นต้องก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ดอย่างรวดเร็วที่สุด!’
การต่อสู้รุนแรงขึ้นทุกขณะ ฐานทัพชั่วคราวทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดสวรรค์ไป่ซูถูกทำลายโดยชูตู๋
หลายครั้งที่ร่างจริงของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเกือบประสบความสำเร็จในการบุกเข้ามาในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
ฟางหยวนลอบขอความช่วยเหลือจากนิกายหลางหยาอย่างลับๆ
เขากล่าวกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาว่า “นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการดึงชูตู๋ให้เข้าร่วม!”
แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลับยกเลิกความคิดนี้ทันทีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปด เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่านิกายหลางหยาจะไม่ให้ความช่วยเหลือ หากมีบางสิ่งเกิดขึ้น ฟางหยวนต้องเก็บเรื่องของนิกายหลางหยาเอาไว้เป็นความลับ หากเขาเปิดเผย เขาจะตายเพราะข้อตกลงพันธมิตร
“แม้ข้าจะสามารถอดทน แต่ผลการต่อสู้ถูกตัดสินไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้จ่ายทรัพยากรไปมากกว่านี้” ชูตู๋ตัดสินใจยอมแพ้ เขาไม่ได้ปกปิดความคิดนี้จากฟางหยวนและกระทั่งพูดคุยเรื่องนี้กับเขา
ฟางหยวนอยากกลับแล้ว ดังนั้นเขาจึงตอบรับอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามขณะที่ชูตู๋กับฟางหยวนกำลังพูดคุยเกี่ยวกับแผนการล่าถอย โลกของผู้อมตะภาคเหนือกลับเกิดความวุ่นวายขึ้น
กองกำลังตระกูลฮวงจินรวมถึงกองกำลังฝ่ายธรรมะทั้งหมดต้องการตัดสินและคิดบัญชีกับเผ่าไป่ซู
ในช่วงเวลาสำคัญการเปลี่ยนแปลงที่ดีเกิดขึ้นแล้ว!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1180 วิถีมนุษย์และสวรรค์
แปลโดย iPAT
หลายวันต่อมา
ถ้ำสวรรค์นิรันดร
นี่คือถ้ำสวรรค์ระดับเก้าของเทพอมตะตะวันเดือด! แสงสีทองปกคลุมสี่ดินแดนขณะที่แปดเกาะสวรรค์สว่างไสวไปด้วยแสงสีฟ้า
สี่ดินแดนและแปดเกาะสวรรค์ ถ้ำสวรรค์นิรันดรคล้ายกับมิติช่องว่างจักรพรรดิที่มีเก้าสวรรค์และห้าภูมิภาค
ที่จุดศูนย์กลางของดินแดนทั้งสี่เป็นที่ตั้งของเกาะสวรรค์ทั้งแปด คฤหาสน์วิญญาณอมตะสร้างเสาแสงสีขาวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
มันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะแท่นบูชาแห่งโชค
แท่นบูชาแห่งโชคมีเสาหยกขาวตั้งแถวเป็นวงกลมสามชั้น
ผู้อมตะแปดคนของถ้ำสวรรค์นิรันดรยืนอยู่ที่จุดศูนย์กลางของแท่นบูชาและกำลังควบคุมการทำงานของมันอย่างเต็มความสามารถ
ผู้อมตะผู้หนึ่งนั่งอยู่บนพื้นและต่อต้านพลังอำนาจของแท่นบูชาแห่งโชค
รอบตัวคนผู้นี้มีวงแหวนห้าสีบินวนอยู่รอบๆ
“ปรมาจารย์ห้าธาตุ แม้เจ้าเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่ภายในแท่นบูชาแห่งโชค เจ้าไม่สามารถต่อต้าน! ข้าขอให้เจ้ายอมจำนน เมื่อผู้อมตะจากสี่ดินแดนของเราตื่นขึ้น พวกเราอาจไว้ชีวิตเจ้า” ผู้นำกลุ่มผู้อมตะจากแปดเกาะสวรรค์กล่าว
ปรากฏว่าผู้อมตะที่ติดอยู่ตรงกลางแท่นบูชาแห่งโชคคือหนึ่งในห้าผู้อมตะระดับแปดของภาคเหนือ ปรมาจารย์ห้าธาตุ!
ปรมาจารย์ห้าธาตุหัวเราะเสียงดัง “คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดไม่มีสิ่งใดน่าประทับใจ! พวกเจ้าแปดคนร่วมมือกันต่อต้านข้ามาเป็นเวลานานแต่ยังไม่สามารถทะลวงผ่านวงแหวนห้าธาตุชั้นแรกของข้า แล้วพวกเจ้ายังกล้าบอกให้ข้ายอมจำนนงั้นหรือ?”
ผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์เย้ยหยัน “นั่นเป็นเพราะเจ้ายังไม่รู้จักพลังอำนาจที่แท้จริงของแท่นบูชาแห่งโชค! ความสามารถที่แท้จริงของมันคือการเปลี่ยนหายนะให้เป็นโชคและเปลี่ยนโชคให้เป็นหายนะ เจ้าเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษ เจ้าจะไปรู้สิ่งใด!:”
เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ รอยยิ้มของปรมาจารย์ห้าธาตุอันตรธานหายไปจากใบหน้า
เทพอมตะตะวันเดือดบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งโชค มรดกของเขามีสามส่วนคือโชคของตนเอง โชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด และโชคแห่งสวรรค์พิภพ
โชคแห่งสวรรค์พิภพถูกสร้างขึ้นในช่วงท้ายๆของชีวิตของเทพอมตะตะวันเดือด มันทั้งยิ่งใหญ่และลึกลับ ปรมาจารย์ห้าธาตุลอบเข้ามาในถ้ำสวรรค์นิรันดรเพราะต้องการขโมยมรดกที่แท้จริงโชคแห่งสวรรค์พิภพ
แต่กระทั่งผู้อมตะจากสี่ดินแดนจะยังหลับใหลอยู่ การป้องกันของถ้ำสวรรค์นิรันดรก็ยังเกินกว่าความคาดหมายของปรมาจารย์ห้าธาตุ
หลังจากต่อสู้มาระยะเวลาหนึ่ง ปรมาจารย์ห้าธาตุถูกขังอยู่ในแท่นบูชาแห่งโชคและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
“เทพอมตะตะวันเดือดมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดทั้งหมดสามหลัง ข้ารู้จักแท่นบูชาแห่งโชคมานานแล้ว แต่มันสามารถเปลี่ยนหายนะให้เป็นโชคงั้นหรือ?” ปรมาจารย์ห้าธาตุคิดก่อนถาม
ผู้อมตะทั้งแปดมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาลอบพูดคุย “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าปรมาจารย์ห้าธาตุมีความกระหายในความรู้ ในช่วงเวลาที่เขายังเป็นมนุษย์ เขาซ่อนตัวและเดินทางไปรอบๆเพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆจากผู้เชี่ยวชาญที่หลากหลาย หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ เขาได้รับคำแนะนำจากผู้อมตะมากมาย ตอนนี้เขายังกล้าถามข้อมูลจากศัตรู เขาช่างมีความหลงใหลในความรู้จริงๆ อย่างไรก็ตามคนที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดเช่นเขา หากเราบอกความจริงกับเขา เขาอาจจะหยุดทุกสิ่ง”
บางคนเปิดปากกล่าว “ตอนนี้ผลลัพธ์ถูกตัดสินแล้ว แม้เราจะให้ข้อมูลกับเจ้า แต่แท่นบูชาแห่งโชคก็ทำงานไปแล้ว เมื่อเจ้าบุกถ้ำสวรรค์นิรันดร เจ้าก็ถือเป็นภัยพิบัติมนุษย์ของพวกเรา ดังนั้นแท่นบูชาแห่งโชคจะเปลี่ยนภัยพิบัติครั้งนี้ให้เป็นโชคดีของพวกเรา เจ้าจะกลายเป็นเชื้อเพลิงให้ถ้ำสวรรค์นิรันดรคงอยู่ต่อไป”
“ยอดเยี่ยม!” ดวงตาของปรมาจารย์ห้าธาตุส่องประกายขึ้น เขาถามอีกครั้ง “หากภัยพิบัติมนุษย์เป็นเช่นนี้ แล้วภัยพิบัติสวรรค์พิภพจะเป็นอย่างไร?”
“มันจะถูกเปลี่ยนเช่นกัน ภัยพิบัติสวรรค์พิภพไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหาย แต่มันเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงถ้ำสวรรค์นิรันดร” ผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
ปรมาจารย์ห้าธาตุเบิกตากว้าง “ถ้ำสวรรค์นิรันดรเป็นถ้ำสวรรค์ระดับเก้าแต่มันไม่จำเป็นต้องกลืนกินเศษชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้าเพื่อการดำรงอยู่ การคงอยู่ของแท่นบูชาแห่งโชคสามารถเปลี่ยนภัยพิบัติทั้งหมดให้เป็นแหล่งพลังงานของมันงั้นหรือ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าสมกับเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่เจ้ายังไม่รู้จักต้นกำเนิดของภัยพิบัติอีกงั้นหรือ?” ผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์หัวเราะ
ปรมาจารย์ห้าธาตุไม่โกรธและยังถามต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม “ข้าหวังว่าพวกท่านจะสามารถให้ความรู้แก่ข้า”
ผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์ตระหนักถึงทัศนคติที่จริงจังของปรมาจารย์ห้าธาตุ ดังนั้นความรู้สึกเดียดฉันท์จึงกลายเป็นความรู้สึกชื่นชม
ผู้นำกลุ่มผู้อมตะทั้งแปดถอนหายใจตอบ “เหตุใดมนุษย์จึงต้องพบกับภัยพิบัติ ความจริงก็คือไม่เพียงมนุษย์แต่สัตว์อสูรและพืชอสูรต่างก็ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเช่นกัน ต้นพันอสรพิษเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ มันเผชิญหน้ากับภัยพิบัติสายฟ้ามาตลอด”
“ต้นกำเนิดของภัยพิบัติมาจากกฎของสวรรค์ สวรรค์จะกำจัดส่วนเกินและเติมส่วนขาดเพื่อสร้างสมดุล ทุกสิ่งที่ทำลายสมดุลของธรรมชาติต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ”
“แต่มนุษย์มีสติปัญญาสูงที่สุด ดังนั้นพวกเราจึงเป็นภัยคุกคามต่อสมดุลของธรรมชาติมากกว่าสัตว์อสูรหรือพืชอสูร ผู้อมตะมีโลกใบเล็กของตนเอง ดังนั้นพวกเราจึงเป็นเป้าหมายหลักในการโจมตีของสวรรค์”
“ภัยพิบัติคือสิ่งใด? โชคคือสิ่งใด?” ผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์ตั้งคำถาม
ปรมาจารย์ห้าธาตุตอบกลับทันที “ข้าเข้าใจว่าสวรรค์ต้องการกำจัดส่วนเกินและเติมส่วนขาดเพื่อรักษาสมดุล สิ่งที่เรียกว่าภัยพิบัติจะนำส่วนเกินออกไปขณะที่โชคช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย”
ผู้นำกลุ่มผู้อมตะทั้งแปดยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “เจ้าตอบถูก เป็นเช่นนั้น บรรพชนของเราเทพอมตะตะวันเดือดเป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ ท่านสร้างเส้นทางแห่งโชคโดยพึ่งพาหลักการของสวรรค์ โชคของตนเองจะเติมส่วนขาดให้กับคนผู้หนึ่ง โชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะนำส่วนเกินของสิ่งมีชีวิตอื่นๆมาเป็นของตน และโชคแห่งสวรรค์พิภพจะดึงพลังงานส่วนเกินของสวรรค์พิภพมาสู่ตนเอง”
“เป็นเช่นนั้น” ปรมาจารย์ห้าธาตุถอนหายใจ “ไม่แปลกใจเลยที่เทพอมตะตะวันเดือดไม่ได้เข้าร่วมกับวังสวรรค์ตลอดช่วงชีวิตของเขา”
วังสวรรค์ปฏิบัติตามเจตจำนงสวรรค์และสนับสนุนความยุติธรรมของสวรรค์
ในขณะเดียวกันเส้นทางแห่งโชคของเทพอมตะตะวันเดือดเป็นการแย่งชิงพลังอำนาจของสวรรค์พิภพ สวรรค์พยายามกำจัดผู้คนที่แข็งแกร่งเกินไปโดยส่งภัยพิบัติมาปราบปรามพวกเขา แต่เส้นทางแห่งโชคของเทพอมตะตะวันเดือดกลับนำภัยพิบัติมาเติมเต็มส่วนที่ขาดให้กับตนเอง
นี่คือการเป็นปฏิปักษ์ต่อสวรรค์อย่างแท้จริง
“หากสวรรค์ไม่สามารถใช้ภัยพิบัติสวรรค์พิภพทำลายถ้ำสวรรค์นิรันดร มันก็จะใช้ภัยพิบัติมนุษย์เพื่อทำลาย” ผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์กล่าวต่อ “ปรมาจารย์ห้าธาตุ สวรรค์ส่งอิทธิพลต่อความคิดของเจ้าและส่งเจ้ามาที่นี่ในฐานะภัยพิบัติมนุษย์ น่าสงสาร ผู้อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่กลับถูกเจตจำนงสวรรค์ควบคุมโดยไม่รู้ตัว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าได้เรียนรู้มากมายจริงๆ” ปรมาจารย์ห้าธาตุหัวเราะเสียงดัง “กระทั่งมันจะเป็นเพราะเจตจำนงสวรรค์ แล้วอย่างไร? นี่เป็นความต้องการของข้าเช่นกัน! ข้าเชื่อว่ามนุษย์สามารถเอาชนะสวรรค์ แม้เจตจำนงสวรรค์จะยิ่งใหญ่เพียงใดแต่มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเจตจำนงของมนุษย์ ย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ พวกเราอ่อนแอและโง่เขลา แต่พวกเราก็พัฒนามาอย่างต่อเนื่องกระทั่งกลายเป็นผู้ปกครองโลกใบนี้เหนือเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ทำลายสมดุลของธรรมชาติมากที่สุด แต่สวรรค์จะเหนือกว่าพวกเรางั้นหรือ? มีผู้อมตะระดับเก้าปรากฏขึ้นตลอดช่วงเวลาอันยาวนานและมีผู้อมตะจำนวนนับไม่ถ้วน พวกเราท่องเที่ยวไปทั่วทั้งสวรรค์พิภพ พวกเขาสามารถพลิกคว่ำภูเขาและมหาสมุทร แล้วสวรรค์สามารถทำสิ่งใด?”
ผู้อมตะทั้งแปดหัวเราะอย่างมีความสุข
นี่เป็นความสุขที่เกิดจากการพบสหายร่วมทางที่สามารถแบ่งปันความคิด
หลังจากเสียงหัวเราะหยุดลง ผู้นำกลุ่มผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์จึงกล่าวต่อ “ดูเหมือนเจ้าจะศึกษาตำนานมนุษย์คนแรกมาเป็นอย่างดี”
“แน่นอน ผู้อมตะทุกคนที่บ่มเพาะถึงระดับสูงพยายามหาประโยชน์จากมัน โชคไม่ดีที่ข้าไร้สติปัญญาและความสามารถ ข้ารู้พียงว่าวิถีของมนุษย์สามารถเอาชนะวิถีแห่งสวรรค์ ข้าเคยได้ยินว่าหลังจากเทพอมตะตะวันเดือดสร้างโชคของตนเองและถึงทางตัน เขาได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานมนุษย์คนแรกและสามารถสร้างโชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด เมื่อกลายเป็นเทพอมตะ เขาจึงสามารถสร้างโชคแห่งสวรรค์พิภพ” ปรมาจารย์ห้าธาตุกล่าว
ผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์พยักหน้า “ถูกต้อง”
ปรมาจารย์ห้าธาตุกล่าวต่อไป “ข้าเป็นคนเหนือ ข้าเกิดและเติบโตที่นี่ แม้ข้าจะไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน แต่ข้าก็ชื่นชมเทพอมตะตะวันเดือดเป็นอย่างมาก วิถีมนุษย์สามารถเอาชนะวิถีแห่งสวรรค์ เส้นทางแห่งโชคของเทพอมตะตะวันเดือดใช้แก่นแท้ในวิถีมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง มนุษย์ไม่สามารถถูกทำลาย กระทั่งสวรรค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้! พวกท่านเห็นด้วยกับข้าหรือไม่?”
“แน่นอน เป็นเช่นนั่น!” ผู้อมตะทั้งแปดตอบรับด้วยความภาคภูมิใจในตนเอง
ปรมาจารย์ห้าธาตุยิ้ม “วิถีมนุษย์เห็นได้ชัดสำหรับผู้คนที่นี่ แต่ที่ภาคเหนือ พวกท่านสามารถเห็นมันหรือไม่?”
การแสดงออกของผู้อมตะทั้งแปดเปลี่ยนแปลงไป “เจ้าพยายามกล่าวสิ่งใด?”
ปรมาจารย์ห้าธาตุกล่าวอย่างสงบ “ตอนนี้ฝ่ายปีศาจกำลังรุ่งโรจน์ขณะที่ฝ่ายธรรมะตกต่ำลง วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงพังทลายลงแล้วและอนุญาตให้สมาชิกบนเส้นทางสายปีศาจและผู้บ่มเพาะสันโดษยกระดับขึ้น จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูสร้างเผ่าไป่ซูขึ้นมาด้วยตนเองและอนุญาตให้สายเลือดที่แตกต่างเข้าสู่ฝ่ายธรรมะ”
“สายเลือดของเทพอมตะที่ยิ่งใหญ่เริ่มตกต่ำลงในภาคเหนือ อิทธิพลของคนตายย่อมไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป ตอนนี้มันถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้ว”
“ไร้สาระ!” ผู้อมตะทั้งแปดโกรธมาก
ปรมาจารย์ห้าธาตุยังสงบนิ่ง “พวกท่านโกรธเพราะความกลัวที่อยู่ในใจ เทพอมตะตะวันเดือดและตระกูลฮวงจินที่ปกครองภาคเหนือมาตลอดเริ่มตกต่ำลงในเวลานี้ เหมือนกับสิบนิกายโบราณของภาคกลาง พวกเขาดูเหมือนแข็งแรงดีแต่แท้จริงแล้วพวกเขามีความขัดแย้งภายใน ขณะเดียวกันพวกเขาก็พบกับภัยคุกคามจากภายนอก สำหรับผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะ? ลองดูผู้อมตะระดับแปดของภาคเหนือ ท่ามกลางพวกเขา มีสายเลือดตระกูลฮวงจินอยู่กี่คน?”
“ปีศาจอมตะเซี่ยหูเป็นฝ่ายปีศาจ ข้าเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเปลี่ยนจากผู้บ่มเพาะสันโดษเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ องค์ชายฟงเซี่ยนเป็นสมาชิกเผ่ากงแต่เขาไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน มีเหยากวงเพียงผู้เดียวที่มาจากตระกูลฮวงจิน”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1181 กุญแจสำคัญคือผลประโยชน์
แปลโดย iPAT
ปรมาจารย์ห้าธาตุกล่าวต่อ “วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า ขณะที่เผ่าไป่ซูเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าอิทธิพลของตระกูลฮวงจินกำลังลดลง”
“นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ในภาคเหนือ!”
“พวกเจ้าบอกว่าข้าได้รับอิทธิพลจากเจตจำนงสวรรค์ แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น! ข้ามาที่นี่เพราะวิธีมนุษย์นำข้ามา ชื่อเสียงของเทพอมตะตะวันเดือดไม่สามารถข่มขวัญข้าได้อีกต่อไป หลังจากทั้งหมดเขาตายไปนานแล้ว!”
“ต่อไปผู้อมตะคนอื่นๆจะไม่พอใจตระกูลฮวงจินมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจะฉกชิงความรุ่งโรจน์ของพวกเจ้า ภาคเหนือเป็นดินแดนแห่งการต่อสู้ ผู้อมตะของภาคเหนือมีความกล้าหาญและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อยู่เต็มเปี่ยม การกดขี่พวกเขาจะทำให้เกิดการต่อต้านที่รุนแรง”
“ข้าเป็นคนแรกที่บุกถ้ำสวรรค์นิรันดร แต่หลังจากนี้จะมีผู้คนมาที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ พวกเจ้าพร้อมรับมือหรือไม่?”
เงียบ!
ผู้อมตะทั้งแปดโกรธจนตัวสั่นและแสดงออกด้วยความเย็นชา
ผู้นำกลุ่มผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์เผยรอยยิ้ม “ปรมาจารย์ห้าธาตุช่างน่าทึ่งนัก เจ้าพยายามโน้มน้าวพวกเราโดยใช้แนวความคิดนี้ พวกเราควรเลียนแบบเผ่ากงและเพาะเลี้ยงผู้บ่มเพาะสันโดษเพื่อให้พวกเขากลายเป็นผู้อมตะระดับแปดเช่นเจ้างั้นหรือ?”
“พวกเราไม่ได้มีความบาดหมางที่ลึกซึ้ง เราสามารถทำงานร่วมกัน” ปรมาจารย์ห้าธาตุกล่าวอย่างเคร่งขรึม “แม้ผู้อมตะสี่ดินแดนจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่พวกเขาก็เหลืออายุขัยไม่มาก พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่ข้าไม่มีปัญหานั้น”
ผู้อมตะทั้งแปดหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ากำลังดูแคลนรากฐานของตระกูลฮวงจิน! หรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นคือเจ้ากำลังดูแคลนเทพอมตะตะวันเดือด! หากไม่ใช่เพราะเจ้า พวกเราทั้งแปดคงสร้างวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงขึ้นมาอีกครั้งเรียบร้อยแล้ว สำหรับเผ่าไป่ซู พวกเขาจะอยู่ได้ไม่นาน พวกเขาไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน แล้วพวกเขาจะคู่ควรเป็นฝ่ายธรรมะได้อย่างไร? ฝ่ายธรรมะของภาคเหนือมีเพียงตระกูลฮวงจินเท่านั้น!”
…..
ฐานทัพหลักของเผ่าหลิว
แดนศักดิ์สิทธิ์ซวนไป่
“อา…คำสั่งจากถ้ำสวรรค์นิรันดร!” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าหลิวตกใจมาก เขาคุกเข่าลงเพื่อรับคำสั่ง
เผ่าหลิวเป็นหนึ่งในกองกำลังตระกูลฮวงจินซึ่งเป็นบุตรหลานของเทพอมตะตะวันเดือด ขณะที่ถ้ำสวรรค์นิรันดรถือเป็นตัวแทนของเทพอมตะตะวันเดือด
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าหลิวได้รับป้ายคำสั่งจากถ้ำสวรรค์นิรันดร
มันเป็นป้ายคำสั่งสีทองแต่แท้จริงแล้วมันคือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าหลิวขมวดคิ้ว “ถ้ำสวรรค์นิรันดรสั่งให้พวกเรากองกำลังตระกูลฮวงจินทั้งหมดร่วมมือกันกำจัดเผ่าไป่ซูงั้นหรือ?”
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกำลังต่อสู้อยู่กับชูตู๋ ผู้อมตะเผ่าหลิวมีความสุขที่เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น
เผ่าไป่ซูยึดครองเผ่าไห่ขณะที่ฐานทัพของเผ่าไห่อยู่ติดกับเผ่าหลิว
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นเผ่าหลิวจึงต้องระวังตัว ขณะเดียวกันชูตู๋ก็มีความบาดหมางฝังลึกกับเผ่าหลิวมาก่อน ชื่อเสียงในฐานะจักรพรรดิอมตะของชูตู๋ส่วนใหญ่มาจากผลงานที่เขากระทำต่อเผ่าหลิว
ด้วยเหตุนี้การต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกับชูตู๋จึงไม่ต่างจากศัตรูสองคนของเผ่าหลิวต่อสู้กัน เผ่าหลิวเฝ้ามองอยู่นอกสนามรบและหวังว่าศัตรูทั้งสองจะพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่
“แต่ตอนนี้ถ้ำสวรรค์นิรันดรถ่ายทอดคำสั่งมาแล้ว พวกเราต้องทำตาม”
“เผ่าหลิวอยู่ใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก เมื่อการต่อสู้ครั้งนี้เริ่มต้น พวกเราต้องพบกับแรงกดดันจากหลายทาง”
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าหลิวปล่อยวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลกลับไปยังถ้ำสวรรค์นิรันดร
…..
กลับสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน
ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
ชูตู๋กับฟางหยวนที่ได้ยินข่าวนี้รู้สึกทั้งประหลาดใจและดีใจ
“กองกำลังตระกูลฮวงจินทั้งหมดบุกโจมตีเผ่าไป่ซู ด้วยวิธีนี้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะต้องล่าถอย” ฟางหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ตระกูลฮวงจินไม่เคยกระทำการอย่างพร้อมเพรียงและรวดเร็วเช่นนี้ ข้าสสัยว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้น?” ชูตู๋รู้สึกสับสน
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น “บางทีอาจเป็นคำสั่งจากถ้ำสวรรค์นิรันดร”
“ถ้ำสวรรค์นิรันดร?” การแสดงออกของชูตู๋เปลี่ยนไป “ดูเหมือนจะมีเพียงเหตุผลนี้เท่านั้น”
ในความเป็นจริงโครงสร้างของโลกผู้อมตะภาคเหนือคล้ายกับภาคกลาง
สิบนิกายโบราณของภาคกลางและกองกำลังตระกูลฮวงจินล้วนอยู่ภายใต้กองกำลังส่วนกลาง ภาคกลางมีวังสวรรค์ขณะที่ภาคเหนือมีถ้ำสวรรค์นิรันดร
เป็นไปได้ว่าเทพอมตะตะวันเดือดเลียนแบบภาคกลางโดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างสถานการณ์นี้
‘เหตุใดถ้ำสวรรค์นิรันดรถึงสั่งให้กองกำลังตระกูลฮวงจินร่วมมือกันจัดการเผ่าไป่ซู หลังจากทั้งหมดเผ่าไป่ซูได้รับการสนับสนุนจากผู้อมตะระดับแปด’ ชูตู๋คิดด้วยความสงสัย
สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือเวลาที่ดีที่สุดในการโจมตีเผ่าไป่ซูคือช่วงเวลาหลังจากพวกเขาทำลายเผ่าไห่ หากถ้ำสวรรค์นิรันดรตั้งใจโจมตีเผ่าไป่ซู พวกเขาควรลงมือในเวลานั้น
เหตุใดถ้ำสวรรค์นิรันดรจึงต้องรอจนถึงเวลานี้? เป็นไปได้หรือไม่ว่าถ้ำสวรรค์นิรันดรสนใจถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเช่นกัน?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่หัวใจของชูตู๋จะจมดิ่งลง
“ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องใช้เวลาที่เหลือให้เกิดประโยชน์สูงสุดและพูดคุยกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเพื่อยุติความขัดแย้งนี้ วิญญาณอมตะไม่และวิญญาณอมตะใส่ใจยังต้องใช้เวลาเตรียมพร้อมอีกระยะหนึ่ง” ฟางหยวนเตือน
ชูตู๋ได้สติ “เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง”
เขารีบส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลออกไปเจรจากับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูทันที
ตอนนี้ชูตู๋เป็นเจ้าของถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน เขาได้เตรียมการมากมายเอาไว้ วิญญาณที่ถูกส่งออกไปไม่ถูกค้นพบโดยคนนอก
ก่อนที่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะได้รับข้อความจากชูตู๋
เขาได้เรียนรู้ว่ากองกำลังฝ่ายธรรมะกำลังมุ่งหน้าไปที่เผ่าไป่ซูเพราะคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดร
นี่ทำให้เขาตกใจมาก เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถ้ำสวรรค์นิรันดรจึงต้องการสร้างปัญหาให้กับเขา
ในอดีตเมื่อเผ่าไป่ซูถูกสร้างขึ้น จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน แต่ความเงียบของถ้ำสวรรค์นิรันดรทำให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรู้สึกว่าเขาได้รับการยอมรับแล้ว เขาคิดว่าในฐานะผู้อมตะระดับแปด ถ้ำสวรรค์นิรันดรไม่มีเหตุผลที่จะจัดการเขา
การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและรุนแรงทำให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรู้สึกมึนงง
‘เหยาหวงและองค์ชายฟงเซี่ยนเป็นผู้อมตะระดับแปดฝ่ายธรรมะ องค์ชายฟงเซี่ยนอาจไม่มาแต่เหยากวงเป็นสมาชิกตระกูลฮวงจิน นอกจากนั้นยังมีถ้ำสวรรค์นิรันดร ฮืม…ปรมาจารย์ห้าธาตุรู้จักถ้ำสวรรค์นิรันดรดีที่สุด บางทีข้าอาจได้รับข้อมูลบางอย่างจากเขา…’
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรู้สึกถึงแรงกดดัน
แต่เขายังไม่รู้ว่าปรมาจารย์ห้าธาตุกำลังต่อสู้อยู่ในถ้ำสวรรค์นิรันดร ในความเป็นจริงสถานการณ์นี้เกิดจากบทสนทนาระหว่างปรมาจารย์ห้าธาตุและกลุ่มผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์
‘สำหรับถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน…’ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูประเมิน ‘ตอนนี้ข้าไม่สามารถทำลายมัน ข้าควรหยุด ข้าไม่สามารถเสียเวลาและพลังงานที่นี่ ตอนนี้ข้าต้องใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อปกป้องเผ่าไป่ซู’
จักรพรรดิสวรรค์ตัดสินใจล่าถอย
สาเหตุที่เขาต้องการทำลายถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเนื่องจากการสูญเสียที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
แต่ตอนนี้เผ่าไป่ซูตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต ผลประโยชน์ของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูอาจถูกทำลายลงในครั้งนี้
สถานการณ์นี้เลวร้ายอย่างที่สุด จักรพรรดิสวรรค์ไม่สามารถเสียเวลากับถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาได้รับข้อความจากชูตู๋
‘โอ้ ดังคาด มันมาจากจักรพรรดิอมตะ…’ หลังจากตระหนักถึงความตั้งใจของชูตู๋ สายตาของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกลายเป็นมืดครึ้ม
การต่อสู้เพื่อแย่งชิงถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจบลงในที่สุด
สิ่งที่ทำให้โลกของผู้อมตะภาคเหนือตกตะลึงคือชูตู๋ไม่สามารถเพียงแก้ไขความขัดแย้งระหว่างเขากับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูแต่ชูตู๋ยังใช้ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานสร้างฐานที่มั่นและเปลี่ยนมันเป็นกองกำลังพันธมิตรของเผ่าไป่ซู
หลังจากบรรลุข้อตกลงพันธมิตร ชูตู๋อนุญาตให้ร่างจริงของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
ด้วยการหยิบยืมชื่อเสียงของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ชูตู๋สามารถบังคับให้ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะที่เขาเชิญมาก่อนหน้าเข้าร่วมกับนิกายชูของเขาในวันนั้น
นิกายชู
นี่เป็นนิกายแรกที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ!
ฟางหยวนเฝ้ามองจากด้านข้าง แม้นิกายหลางหยาจะก่อตั้งขึ้นมาก่อนแต่ฟางหยวนก็ยังรู้สึกชื่นชมความสามารถของชูตู๋
ชูตู๋สามารถเอาะชนะตัวเอง
เขายอมแพ้และถอยหลังหนึ่งก้าวแต่เขากลับได้รับการสนับสนุนจากผู้อมตะระดับแปด!
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นคนฉลาดเช่นกัน
สถานการณ์ของภาคเหนือทำให้เขารู้สึกกดดันมาก เขาต้องหาพันธมิตรจากภายนอก
ชูตู๋สามารถคาดเดาความคิดของเขา ดังนั้นเขาจึงสร้างนิกายชูขึ้นมาเพื่อสิ่งนี้
และถ้ำสวรรค์ไห่ฟานยังสามารถเป็นฐานที่มั่นของพวกเขา
ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงเปลี่ยนจากศัตรูมาเป็นมิตร
เชาเหลาอู๋และห่าวเจิ้นผู้สังหารไป่ซูเหว่ยโดยไม่ได้ตั้งใจถูกลงโทษเพียงเล็กน้อยก่อนที่พวกเขาจะรอดพ้นจากคดีอาชญากรรมนี้
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่สามารถละทิ้งกำลังรบที่สำคัญทั้งสอง
ดังนั้นห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋จึงรู้สึกขอบคุณจักรพรรดิอมตะและกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ภักดีที่สุดของนิกายชู
โลกของผู้อมตะภาคเหนือเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูที่อยู่บนจุดสูงสุดของภาคเหนือได้สร้างเผ่าไป่ซูขึ้นมาแต่ตอนนี้เขากลับต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของกองกำลังตระกูลฮวงจิน
ชูตู๋และจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูที่ต่อสู้กันมาอย่างดุเดือดกลายเป็นพันธมิตร
ผู้อมตะทั่วไปอาจตื่นตาตื่นใจกับเหตุการณ์ที่พลิกผันเหล่านี้ แต่สำหรับคนเช่นฟางหยวน เขาเข้าใจอย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเกิดความปั่นป่วนหรือการเปลี่ยนแปลงใดก็ตาม กุญแจสำคัญที่ทำให้เกิดุสถานการณ์เหล่านี้ยังเป็นผลประโยชน์ นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1182 ออกจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
แปลโดย iPAT
ภายในค่ายกลวิญญาณ
ฟางหยวนนั่งอยู่บนพื้นอย่างเงียบๆ
ชูตู๋รวมถึงเจตจำนงของเพิ่งซานและปู้อู๋หมิงก็เช่นกัน
“เริ่มได้” ชูตู๋กล่าวเสียงเรียบ
เจตจำนงของปู้อู๋หมิงและเพิ่งซานพยักหน้าและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะ
วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎ ไม่!
วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎ ใส่ใจ!
แสงสีดำและแสงสีแดงส่องประกายขึ้น
ชูตู๋กระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณในจังหวะที่เหมาะสมเพื่อหลอมรวมพลังอำนาจของวิญญาณอมตะไม่และวิญญาณอมตะใส่ใจเข้าด้วยกัน
แสงสองสีหลอมรวมกันภายใต้ค่ายกลวิญญาณและกลายเป็นเสาแสงสีดำแดง
เสาแสงปกคลุมร่างกายของฟางหยวนเอาไว้อย่างสมบูรณ์
“มันพร้อมแล้ว” ชูตู๋เตือน
ฟางหยวนกล่าวต่อ “พวกท่านจะไม่สามารถจินตนาการว่ามีสิ่งใดซ่อนอยู่ใต้แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ ข้าเกือบตายอยู่ที่นั่น…”
เขาเปิดเผยความลับของเผ่ามนุษย์หิมะและเผ่ามนุษย์หินต่อหน้าชูตู๋
“มีเรื่องเช่นนี้งั้นหรือ!? แดนน้ำแข็งของภาคเหนือมีกองกำลังเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ซ่อนตัวอยู่จริงๆ พวกมันซ่อนตัวมาตลอด!” ชูตู๋ตกใจมาก
เจตจำนงของปู้อู๋หมิงและเพิ่งซานตกใจเช่นกัน
ครู่ต่อมาแสงสีดำแดงก็เลือนหายไป ค่ายกลวิญญาณหยุดทำงาน ฟางหยวนค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินออกมา
เขาปลอดภัย!
แรกเริ่มเขาเป็นสมาชิกของพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์และเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหลางหยา เขาไม่สามารถเปิดเผยความลับของมนุษย์หิมะและมนุษย์หิน
แต่เนื่องจากวิญญาณอมตะไม่และวิญญาณอมตะใส่ใจรวมถึงความร่วมมือจากชูตู๋ ฟางหยวนสามารถฝ่าฝืนข้อตกลงพันธมิตรโดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบย้อนกลับ
เดิมทีวิญญาณอมตะสองดวงนี้มีไว้เพื่อชูตู๋
หลังจากต่อสู้มาอย่างยาวนาน ชูตู๋ตัดสินใจสร้างความร่วมมือกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ในความเป็นจริงชูตู๋วางแผนที่จะเสียสละห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋ แต่สถานการณ์ดีกว่าการคาดหมายของเขา
บางทีอาจเป็นเพราะแรงกดดันที่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกำลังเผชิญอยู่
ด้วยเหตุนี้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจึงไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดมากนักโดยเฉพาะการประหารชีวิตฆาตกร เขาลงโทษคนทั้งสองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“เป็นเพราะวิญญาณอมตะสองดวงนี้ มิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถอธิบายสถานการณ์นี้ให้ท่านฟัง” ฟางหยวนแสร้งทำเป็นโล่งใจและถอนหายใจกับตนเอง
แน่นอนว่าเขาซ่อนข้อมูลบางอย่างจากชูตู๋
ตัวอย่างเช่นฟางหยวนไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ฟางหยวนเป็นคนระวังตัว เขาจะไม่บอกชูตู๋ทุกอย่าง เขาคุ้นเคยกับการเก็บไพ่ไว้ในมือ
ชูตู๋กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ดูจากรูปการณ์ เราไม่สามารถเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็งได้อีก”
“ถูกต้อง” ฟางหยวนพยักหน้าและหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึงพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์
ตอนนี้พวกเขาหยุดใช้วิญญาณอมตะไม่และวิญญาณอมตะใส่ใจไปแล้ว หากฟางหยวนละเมิดข้อตกลงอีกครั้ง เขาต้องเผชิญหน้ากับฟันเฟืองและอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือกระทั่งตาย
วิญญาณอมตะไม่และวิญญาณอมตะใส่ใจมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์แต่มันต้องกระตุ้นใช้งานตลอดเวลา
สิ่งสำคัญก็คือพวกมันไม่สามารถลบข้อตกลงพันธมิตรได้อย่างสมบูรณ์
นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแต่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
“เกี่ยวกับเรื่องนี้พวกท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?” ฟางหยวนถามตรงๆ
เจตจำนงของปู้อู๋หมิงและเพิ่งซานมองหน้ากัน
ปู้อู๋หมิงส่ายศีรษะ “ถ้ำปีศาจคลั่งมีความลับเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์ ร่างหลักของเราไม่สามารถละทิ้ง ตราบเท่าที่มนุษยชาติยังไม่ถึงกาลวิบัติ พวกเราจะไม่ออกมา มนุษย์กลายพันธุ์สามารถพัฒนาตนเองได้เท่าที่พวกเขาต้องการ แม้พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมนุษย์”
เพิ่งซานกล่าวต่อ “การจัดการมนุษย์กลายพันธุ์ไม่ใช่เรื่องยาก เราเพียงประกาศข้อมูลนี้ออกไปและผู้อมตะภาคเหนือจะออกไล่ล่าพวกเขา”
“ไม่ ไม่มีทาง หากเป็นเช่นนั้นแดนน้ำแข็งของภาคเหนืออาจถูกทำลายจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ พวกเราจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆจากมันอีก” ชูตู๋ส่ายศีรษะ
“ข้าเพียงแสดงความคิดเห็นเท่านั้น” เพิ่งซานพึมพำ
หากเกิดการต่อสู้ระหว่างเผ่าพันธุ์ ฟางหยวนจะถูกขังไว้ตรงกลาง เขาจะไม่มีช่วงเวลาที่ง่ายดาย
ความกังวลของฟางหยวนถูกปัดเป่าออกไปเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้
เขาต้องบอกชูตู๋เกี่ยวกับสถานการณ์ของแดนน้ำแข็งเพราะพวกเขาได้ทำข้อตกลงพันธมิตรและยังต้องร่วมมือกันอีกมากในอนาคต
การปกปิดมันไว้จะไม่เป็นผลดีต่อเขา
ชูตู๋ไม่มีแผนการที่จะโจมตีกองกำลังเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของฟางหยวน ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้ชูตู๋ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งเป็นอันดับหนึ่งอีกต่อไปแต่มันคือการร่วมมือกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเพื่อต่อต้านกองกำลังฝ่ายธรรมะ
เจตจำนงของปู้อู๋หมิงและเพิ่งซานยังทำให้ฟางหยวนตระหนักถึงความคิดของสามปีศาจคลั่ง
‘ดูเหมือนคนทั้งสามมีความมุ่งมั่นในการค้นคว้าถ้ำปีศาจคลั่ง ความวุ่นวายของโลกภายนอกไม่สามารถล่อลวงพวกเขาให้ออกมา’
ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเข้าใจสามปีศาจคลั่งมากขึ้น
หากฟางหยวนไม่มีปัญหาในชีวิตมากนัก เขาก็จะทำเช่นเดียวกับสามปีศาจ
น่าเสียดายที่สถานการณ์ของฟางหยวนอันตรายมาก นอกจากนิกายเงา เขายังต้องระวังวังสวรรค์และศัตรูจากทุกทิศทาง
‘อย่างไรก็ตามหากพวกเขารู้จักตัวตนที่แท้จริงของข้า พวกเขาจะตอบสนองอย่างไร?’ ฟางหยวนคิด
หลังจากสนทนากันสักพัก ชูตู๋ก็เก็บวิญญาณอมตะทั้งสองดวงรวมถึงเจตจำนงของปู้อู๋หมิงและเพิ่งซานเข้าไปในมิติช่องว่างของตน
จากนั้นเขากับฟางหยวนก็ออกจากฐานทัพใต้ดินแห่งนี้พร้อมกันและขึ้นสู่พื้นผิวของถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
ตอนนี้ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานกำลังพัฒนา
มนุษย์กลายพันธุ์เผ่าต่างๆไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หิน มนุษย์จิ๋ว หรือมนุษย์วิหคจำนวนมากกำลังทำงานอย่างหนัก
ผู้อมตะมักเลี้ยงทาสมนุษย์กลายพันธุ์เอาไว้
“ทักทายผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งและผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สอง” เมื่อเห็นชูตู๋กับฟางหยวน ห่าวเจิ้นเร่งเข้ามาทักทาย
ชูตู๋ฉวยโอกาสสร้างนิกายชูและยังดึงฟางหยวนให้เข้าร่วม
แม้ฟางหยวนจะไม่เต็มใจแต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธ
เนื่องจากฟางหยวนวางแผนที่จะทำงานร่วมกับชูตู๋ต่อไป สิ่งนี้จะช่วยให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ชูตู๋ถามเกี่ยวกับการพัฒนาถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ห่าวเจิ้นตอบว่ามันยังอยู่ในขั้นแรกแต่ผู้อมตะหลายคนนำทรัพยากรของพวกเขาออกมาเพื่อพัฒนาสถานที่แห่งนี้ ฟางหยวนนำทรัพยากรบางอย่างออกมาเช่นกัน
มันเป็นทรัพยากรที่เคยอยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมาก่อน
หลังจากผ่านเหตุการณ์ต่างๆ พวกมันกลับมาอยู่ที่จุดเดิมอีกครั้ง
กระทั่งฟางหยวนก็ไม่เคยคาดคิดถึงเรื่องนี้
เหตุใดเขาถึงต้องนำทรัพยากรจำนวนมากออกมา?
ประการแรก การใช้วิญญาณอมตะไม่และวิญญาณอมตะใส่ใจมีค่าใช้จ่าย ฟางหยวนเจรจากับชูตู๋และใช้สิ่งเหล่านี้เป็นค่าตอบแทน
ประการที่สอง ฟางหยวนต้องการทำธุรกรรมบางอย่างกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู
ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นอาณาเขตของนิกายชูแต่พื้นที่บางส่วนเป็นของเผ่าไป่ซู
กล่าวได้ว่าถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพระหว่างนิกายชูและเผ่าไป่ซู
ฟางหยวนและชูตู๋บอกลาห่าวเจิ้น หลังจากบินมาได้ระยะหนึ่ง ฟางหยวนจึงเปิดปากกล่าว “เอาล่ะ ส่งข้าเท่านี้ก็พอแล้ว”
ชูตู๋แสดงออกด้วยความกังวล “เจ้าพึ่งได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ในความคิดเห็นของข้า การชะลอภัยพิบัติโดยทำให้เวลาในมิติช่องว่างของเจ้าเดินช้าลงเป็นวิธีที่ดีที่สุด เจ้าพึ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่ การก้าวข้ามภัยพิบัติในเวลานี้ถือว่าเสี่ยงมาก”
ฟางหยวนยิ้ม “จะมีกำไรได้อย่างไรหากปราศจากความเสี่ยง นอกจากนี้ท่านยังอยู่ใกล้ๆ หากข้าพบอันตราย ข้าจะขอความช่วยเหลือจากท่านอย่างแน่นอน”
ชูตู๋แสดงออกด้วยความเสียใจ “น่าเสียดาย นิกายชูพึ่งก่อตั้ง เรามีศัตรูที่แข็งแกร่ง มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่สงบสุข มิฉะนั้นข้าจะไปช่วยเจ้าอย่างแน่นอน แล้วเจ้าเลือกสถานที่เผชิญหน้ากับภัยพิบัติหรือยัง?”
“ข้ายังไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้” ฟางหยวนส่ายศีรษะ
“เอาล่ะ แล้วพบกันใหม่” ฟางหยวนบินออกจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟานโดยไม่หันหลังกลับ
ชูตู๋ปิดประตูทางเข้าออกถ้ำสวรรค์ไห่ฟานและถอนหายใจ
ฟางหยวนไม่ใช่บุคคลที่สามารถควบคุมได้โดยง่าย ชูตู๋ยังต้องการท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติแต่สถานการณ์ในปัจจุบันค่อนข้างซับซ้อน
พลังการต่อสู้ของฟางหยวนและความสัมพันธ์กับมนุษย์กลายพันธุ์ทำให้ชูตู๋เห็นคุณค่ามากมายในตัวฟางหยวน
ฟางหยวนต้องการร่วมมือกับชูตู๋มากขึ้นขณะที่ชูตู๋ก็คิดเช่นเดียวกัน
เมื่อฟางหยวนออกจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ที่ภาคใต้ไป่หนิงปิงก็ไปถึงภูเขาหม้อหยก
“เหตุใดเจ้าถึงพาข้ามาที่นี่?” ไป่หนิงปิงถาม
ไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆก็สงสัยเช่นกัน
อิงอู๋เซี่ยหยุดเดินและหันกลับมา “ไป่หนิงปิง เจ้ายังอ่อนแอเกินไป ภูเขาหม้อหยกมีบางสิ่งที่นิกายเงาจัดเตรียมไว้ มีวิญญาณอมตะดวงหนึ่งอยู่ที่นี่ พวกเราจะนำมันออกมาและเพิ่มความแข็งแกร่งให้เจ้า ด้วยวิธีนี้เจ้าจะสามารถจัดการกับการเดิมพันห้าเซียง”
“การเดิมพันห้าเซียง มันคือสิ่งใด?” ไป่หนิงปิงขมวดคิ้ว
อิงอู๋เซี่ยหัวเราะเสียงดัง “ยังเร็วเกินไปที่จะบอกเจ้าตอนนี้”
ไป่หนิงปิงขมวดคิ้วลึกมากขึ้น เขากล่าวอย่างเย็นชา “ส่วนนี้ของเจ้าเป็นสิ่งที่ข้าเกลียดที่สุด”
“โอหัง!” ซื่อหนิวมองไป่หนิงปิงด้วยความโกรธ เขาไม่มีความสุขกับท่าทีหยิ่งผยองของไป่หนิงปิงที่มีต่ออิงอู๋เซี่ย
“ไม่เป็นไร มันไม่ใช่เรื่องใหญ่” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ เขาไม่สนใจท่าทีของไป่หนิงปิงแม้แต่น้อย
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1183 เข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ใหม่ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้สำเร็จ
เขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่มิติช่องว่างจักรพรรดิ
‘ข้าตรวจสอบมาแล้วสิบแปดครั้ง มันไม่ควรมีปัญหา แต่กระทั่งมันจะมีปัญหา อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดที่พึ่งฟักออกจากไข่ก็มีพลังการต่อสู้เท่ากับสัตว์อสูรเดียวดายเท่านั้น มันไม่ใช่ภัยคุกคาม’ ฟางหยวนคิด
สวรรค์สีม่วงน้อยมีรังอินทรีย์ลอยอยู่
ภายในรังนอกจากไข่ของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็ไม่มีสิ่งใดอีก
ในรัศมีหนึ่งร้อยลี้รอบๆ ฟางหยวนวางผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากเอาไว้รวมถึงสัตว์อสูรเดียวดายและกระทั่งต้นไม้กินเนื้อเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด
เขากำลังจะฟักไข่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดอีกครั้ง
ฟางหยวนเริ่มเคลื่อนไหวในที่สุด
เขาส่งเลือดสดจำนวนมากเข้าไปหลอมรวมกับไข่อินทรีย์
นี่เป็นสิ่งที่เขาเคยทำมาก่อน
ย้อนกลับไปฟางหยวนใช้เลือดของไห่เจิ้ง แต่ครั้งนี้ฟางหยวนต้องการเปลี่ยนความทรงจำของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ดังนั้นเขาจึงใช้เลือดของตนเองในการฟักไข่
ฟางหยวนดำเนินการไปทีละขั้นตอนอย่างราบรื่น
แปดวันแปดคืนต่อมาอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็ฟักออกมาจากไข่
“เจี๊ยบ เจี๊ยบ”
อินทรีย์น้อยเห็นฟางหยวนและกระโดดเข้ามาหาเขาด้วยความรัก
ฟางหยวนในที่นี้ไม่ใช่ร่างจริงของฟางหยวน มันเป็นผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้เป็นตัวเขาเอง
แม้อินทรีย์น้อยจะพึ่งฟักออกมาแต่ร่างกายของมันก็ไม่เล็ก ตอนนี้มันมีความสูงเท่ากับเด็กห้าขวบ
อินทรีย์น้อยปฏิบัติต่อฟางหยวนราวกับบิดามารดา มันกระโดดไปรอบตัวฟางหยวนและส่งเสียงกรีดร้องอย่างมีความสุข
“พอแล้ว พอแล้ว” ฟางหยวนยิ้มและลูบศีรษะของอินทรีย์น้อย
อินทรีย์น้อยหยุดเคลื่อนไหวอย่างเชื่อฟังและส่งเสียงที่อ่อนโยนออกมา
“มากิน” ฟางหยวนนำคริสตัลสวรรค์ออกมา
เขาวางคริสตัลสวรรค์สีทองที่โปร่งแสงไว้ตรงหน้าอินทรีย์น้อย
ดวงตาของอินทรีย์น้อยส่องประกายขึ้น มันเริ่มจิกกัดคริสตัลสวรรค์ก่อนจะกลืนลงท้องไปอย่างรวดเร็ว
อินทรีย์น้อยเชื่อใจฟางหยวนอย่างสมบูรณ์ มันไม่ลังเลที่จะกินคริสตัลสวรรค์ที่ฟางหยวนส่งให้
หลังจากกินคริสตัลสวรรค์ชิ้นนี้ มันแสดงออกด้วยความพึงพอใจ
ท้องของมันโป่งพองขึ้นและกลายเป็นอินทรีย์อ้วนนั่งอยู่บนพื้น
“อิ่มแล้วหรือ?” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มอบอุ่นและนั่งลงเคียงข้างอินทรีย์น้อย
อินทรีย์น้อยรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย มันปิดเปลือกตาลงและเอนกายนอนบนตักของฟางหยวนก่อนผล็อยหลับไป
ฟางหยวนยกมือขึ้นลูบขนของอินทรีย์น้อย
ในวันต่อๆมาฟางหยวนยังทำเช่นเดิม นี่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอินทรีย์น้อยใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ
‘ข้ามีคริสตัลสวรรค์เพียงพอแล้ว’ ฟางยวนมองคริสตัลสวรรค์ที่อยู่รอบๆ
มันคือรังอินทรีย์ที่ฟางหยวนนำมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก
ฟางหยวนเลือกรังอินทีย์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นบ้านชั่วคราวให้กับอินทรีย์น้อย
ท่ามกลางคริสตัลสวรรค์เหล่านี้มีบางส่วนมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา อย่างไรก็ตามคริสตัลสวรรค์ส่วนใหญ่มาจากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู หลังจากชูตู๋กลายเป็นพันธมิตรกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ฟางหยวนสามารถทำธุรกรรมกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูผ่านชูตู๋
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้อมตะระดับแปด เขามีถ้ำสวรรค์ที่สามารถผลิตคริสตัลสวรรค์
เพื่อทำธุรกรรมนี้ ฟางหยวนต้องบอกความลับเกี่ยวกับอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดให้ชูตู๋รับรู้
แต่ในความจริงเรื่องนี้ไม่ถือเป็นความลับ
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเคยเป็นของเผ่าไห่มาก่อน แน่นอนว่าจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูตระหนักถึงการคงอยู่ของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและต้องการครอบครองมัน แต่ตอนนี้เขาต้องการชูตู๋มากกว่า ขณะที่ชูตู๋ก็ต้องการฟางหยวน ดังนั้นฟางหยวนจึงประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายในการทำธุรกรรมนี้
ฟางหยวนต้องจ่ายด้วยทรัพยากรจำนวนมาก แต่ทรัพยากรเหล่านี้ล้วนมาจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน เพื่อคริสตัลสวรรค์ ฟางหยวนไม่ลังเลที่จะขายพวกมันออกไป
ไม่ว่าจะเป็นนิกายชูหรือเผ่าไป่ซู พวกเขาต่างต้องการทรัพยากรเหล่านี้เป็นอย่างมาก
การต่อสู้ที่รุนแรงทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล ตอนนี้พวกเขาต้องการเติมเต็มและสะสมรากฐาน เมื่อทรัพยากรเหล่านี้เคยอยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมาก่อน พวกมันจึงไม่จำเป็นต้องปรับตัว
หลังจากประสบความสำเร็จในการฟักไข่อินทรีย์ ฟางหยวนเฝ้าสังเกตมันอยู่หลายวัน
หลังจากยืนยืนว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดไม่มีปัญหา ฟางหยวนก็ออกเดินทางไปยังไท่ชิว
ภัยพิบัติพิภพครั้งที่หกกำลังจะมาถึง แล้วเหตุใดฟางหยวนจึงต้องไปไท่ชิว?
เขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่ไท่ชิวเพราะมันอันตรายเกินไป
ที่นี่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรเดียวดายและพืชอสูรเดียวดายที่มีสติปัญญาต่ำ เจตจำนงสวรรค์สามารถควบคุมพวกมันได้อย่างง่ายดาย
ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยปลอมตัวเป็นสัตว์อสูรเดียวดายเพื่อเดินทางในไท่ชิว
เขาไม่กล้าไปที่จุดศูนย์กลางของไท่ชิวเพราะมันยิ่งอันตราย
โชคดีที่จุดหมายของฟางหยวนไม่ได้อยู่ที่นั่นแต่อยู่ที่ขอบรอบนอกของไท่ชิว
สามวันต่อมาเขาบรรลุถึงจุดหมาย
มันเป็นพื้นที่ที่ดูธรรมดาแต่มันไม่สามารถปกปิดร่องรอยของการต่อสู้
มีซากศพมากมายกระจัดกระจายอยู่ที่นี่
ฟางหยวนกวาดตามองไปรอบๆก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อไม่พบอันตรายใดๆ
‘ภัยพิบัติพิภพครั้งก่อน ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืดมาเป็นจำนวนมาก ครั้งนี้ข้าสามารถใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดเพื่อซ่อนตัวจากเจตจำนงสวรรค์ได้ดีขึ้นหลายเท่า! ด้วยเหตุนี้ข้าจึงปลอดภัย’
‘ต่อไปคือ…’ ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณจำนวนมากเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อม
เขาตรวจสอบอย่างพิถีพิถันและระวังตัวมาก
มีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดดวงหนึ่งอยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวน เขายืมวิญญาณอมตะดวงนี้มาจากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู การยืนวิญญาณอมตะเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงพันธมิตร ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะ
ด้วยการใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ดดวงนี้เป็นแกนกลาง ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะและค้นพบบางสิ่ง
‘ดี ความทรงจำของข้าถูกต้อง มันคือที่นี่!’
ท่าไม้ตายอมตะของฟางหยวนสามารถค้นหาแดนศักดิ์สิทธิ์!
‘อินทรีย์น้อย ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว’ ฟางหยวนเปิดมิติช่องว่างและปล่อยอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกมา
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเติบโตขึ้นหลายเท่านับตั้งแต่มันถือกำเนิดใหม่ ตอนนี้มันดูแข็งแรงขึ้นมาก
มันบินขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยแบกฟางหยวนไว้บนแผ่นหลัง ภายใต้การชี้นำของฟางหยวน มันพุ่งชนพื้นที่ที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่ง
เมื่อมันบรรลุถึงเป้าหมาย มันก็หายตัวไปจากไท่ชิวในพริบตา
ในช่วงเวลาต่อมาฟางหยวนมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1184 ผนวกแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตง
แปลโดย iPAT
แดนศักดิ์สิทธิ์นี้ดูค่อนข้างแปลกตา
ภูมิประเทศทั้งหมดของมันเป็นชายหาดน้ำตื้น
มีน้ำสีเขียวหยกลึกเพียงสามเมตร บนชายหาดเต็มไปด้วยกรวดหิน มีแอ่งน้ำสีเขียวหลายแห่งกระจัดกระจายอยู่ทำให้มันดูเหมือนกระดานหมากรุก
‘นี่ค่อนข้างคล้ายกับแดนศักดิ์สิทธิ์สระหยกของเผ่าตงฟาน’ ฟางหยวนคิด
แต่เขาทราบดีว่าสถานที่แห่งนี้แตกต่างจากแดนศักดิ์สิทธิ์สระหยก
แดนศักดิ์สิทธิ์สระหยกเต็มไปด้วแอ่งน้ำจำนวนนับไม่ถ้วนเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า ในแอ่งน้ำเหล่านั้นเป็นสถานที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำจำนวนมากที่แตกต่างกัน
แต่น้ำของที่นี่เชื่อมต่อกันทั้งหมด มันเป็นเพียงกรวดหินใหญ่น้อยที่ก่อตัวขึ้นคล้ายกับชายหาดเท่านั้น
ฟางหยวนมองสัตว์น้ำทุกประเภทรวมถึงวิญญาณระดับมนุษย์ที่อาศัยอยู่ใต้น้ำ
สิ่งที่มีมากที่สุดคืออสรพิษชนิดหนึ่ง
อสรพิษชนิดนี้มีร่างกายสีแดงอมชมพู ศีรษะของพวกมันมีขนาดเท่าหัวแม่มือของมนุษย์และมีร่างกายยาวเพียงไม่กี่เซนติเมตร
มันคืออสรพิษวิญญาณ
ผู้อมตะฮันตงมีความเชี่ยวชาญในการเปลี่ยนร่างเป็นอสรพิษชนิดนี้
นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตง
ผู้อมตะฮันตงเป็นหนึ่งในสามผู้พเนจร ย้อนกลับไปเมื่อตงฟางชางฟานพยายามยึดครองร่างของตงฟานหยูเหลียง เขาใช้ซากศพค้างคาวมรณะแรกกำเนิดเป็นสร้างฐานที่มั่น
ในเวลานั้นผู้อมตะฮันตงเสียชีวิตที่นี่
สามผู้พเนจรประกอบด้วยลู่ชิงหมิง ซูกวง และฮันตง
พวกเขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่มีชื่อเสียง
พวกเขาสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นรถม้าแสง
ในโลกของผู้อมตะ เมื่อผู้อมตะบางคนสร้างความร่วมมือ พวกเขาจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันรวมถึงบ่มเพาะด้วยกัน เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจะคุ้นเคยกันมากขึ้น หากพวกเขามีพรสวรรค์ พวกเขาจะสามารถสร้างท่าไม้ตายร่วมกัน
สามผู้พเนจรอยู่ในกรณีนี้
ท่าไม้ตายอมตะเสียงคำรามของวายุสายฟ้าของเชาเหลาอู๋กับห่าวเจิ้นก็เช่นกัน
ท่ามกลางสามผู้พเนจร ลู่ชิงหมิงบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวายุ ท่าไม้ตายเฉพาะตัวของเขาคือพันวายุ
ซูกวงเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งแสงขณะที่ฮันตงบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง
เขาเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตงจึงเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหกบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง
ฟางหยวนลอยอยู่บนท้องฟ้าขณะที่อสรพิษสีแดงชมพูเลื้อยเข้ามาหาเขา
“ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ”
มันส่งเสียงข่มขู่มาที่ฟางหยวน
เสียงของอสรพิษดังเข้าหูของฟางหยวนและเปลี่ยนเป็นคำพูดของมนุษย์ “เจ้าคือผู้ใด? เหตุใดเจ้าถึงบุกรุกบ้านของข้า? ออกไปเดี๋ยวนี้! เจ้าไม่ได้รับการต้อนรับที่นี่!”
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง “ข้ามาที่นี่เพราะข้าต้องการเป็นเจ้านายคนใหม่ของเจ้า บอกเงื่อนไขมา”
“ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ”
อสรพิษสีแดงชมพูส่งเสียงอย่างไม่มีความสุข
ฟ่างหยวนพยักหน้าและคิดกับตนเอง ‘ดังนั้นความปารถนาก่อนตายของฮันตงก็เกี่ยวข้องกับลู่ชิงหมิงและซูกวง’
แดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตงดูเรียบง่ายแต่มันมีเงื่อนไขที่เข้มงวด
อสรพิษที่อยู่ตรงหน้าฟางหยวนคือจิตวิญญาณแผ่นดินของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
จิตวิญญาณแผ่นดินตนนี้จะยอมรับเฉพาะลู่ชิงหมิงหรือซูกวงเท่านั้น
หากคนทั้งสองมาที่นี่ พวกเขาจะกลายเป็นเจ้าของคนใหม่ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ทันที
จากจุดนี้สามารถเห็นได้ชัดถึงความสัมพันธ์ระหว่างสามผู้พเนจร
“หากเป็นเช่นนั้นข้าจะพาลู่ชิงหมิงมาที่นี่ พวกเราเป็นสหายที่ดีต่อกัน”
“ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ”
อสรพิษถาม “เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ? หากเจ้าสามารถพาท่านลู่ชิงหมิงมาที่นี่ นั่นจะดีมาก”
“อันที่จริงเขาอยู่ในบริเวณนี้ ร่างหลักของเจ้าเสียชีวิตที่นี่ ลู่ชิงหมิงและซูกวงจึงคิดถึงเรื่องนี้ แต่ไท่ชิวอันตรายเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงขอความช่วยเหลือจากข้าและในที่สุดพวกเราก็พบเจ้า” ฟางหยวนเริ่มโกหก
อสรพิษเลื้อยไปรอบๆด้วยความตื่นเต้น
มันทำข้อตกลงกับฟางหยวน ก่อนจะส่งฟางหยวนออกจากแดนศักดิ์สิทธ์ฮันตงอย่างอบอุ่น “ขอบคุณเจ้ามาก เจ้าเป็นคนดีจริงๆ”
“เจ้าต้องตามหาท่านลู่ชิงหมิงให้พบ!” อสรพิษกล่าวก่อนจะปิดประตูทางเข้าออกแดนศักดิ์สิทธิ์
ฟางหยวนบินห่างออกไปก่อนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเปลี่ยนร่างเป็นลู่ชิงหมิง
เขาย้อนกลับมาขณะที่ทางเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ถูกเปิดออกจากภายใน
“ท่านลู่ชิงหมิง…” อสรพิษที่รออยู่สะอื้นไห้เมื่อเห็นลู่ชิงหมิง
ฟางหยวนปลอบใจมัน
อสรพิษถามว่า “ท่านลู่ชิงหมิง สหายของท่านมาจากที่ใด เขานำท่านมาที่นี่ เขาเป็นคนดีจริงๆ!”
“เขาเป็นคนใจดีและเป็นสหายที่พึ่งพาได้ เขาจากไปแล้ว เขาบอกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป เขาทำหน้าที่ของตนสำเร็จแล้ว” ฟางหยวนกล่าวตามบทละครที่เขาแต่งขึ้น
จิตวิญญาณแผ่นดินที่น่าสมเพชไม่สามารถมองทะลุใบหน้าที่คุ้นเคยและคิดว่ากำลังพูดคุยอยู่กับลู่ชิงหมิงตัวจริง ดังนั้นมันจึงรับลู่ชิงหมิงเป็นเจ้านายคนใหม่ทันที
“ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ”
อสรพิษแดงชมพูขดตัวอยู่บนไหล่ของฟางหยวน “จากนี้ไปท่านคือเจ้าของคนใหม่ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้”
ฟางหยวนเปลี่ยนน้ำเสียงทันที “วิเศษมาก ข้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้ว เมื่อข้าได้รับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ข้าจะมอบมันให้กับสหายคนก่อนหน้าของข้า”
“ฟ่อ!”
อสรพิษตะลึง
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง “…”
“ฟ่อ ฟ่อ”
อสรพิษก้มศีรษะลงอย่างไม่มีความสุขแต่มันก็ยังยอมรับการตัดสินใจของเจ้านายคนใหม่
ฟางหยวนจากไปก่อนจะเปลี่ยนร่างกลับมาเป็นคนเดิมและเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตง
จิตวิญญาณแผ่นดินอสรพิษแดงชมพูยอมรับเขาเป็นเจ้านายคนใหม่
“ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ”
อสรพิษกล่าว “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านคือเจ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เห้อ…แม้ข้าจะโศกเศร้า แต่นี่คือความปารถนาของท่านลู่ชิงหมิง”
แต่คำกล่าวที่น่าเศร้ายิ่งกว่ากลับดังออกมาจากปากของฟางหยวน “เนื่องจากเจ้ายอมรับข้าเป็นเจ้านายแล้ว เจ้าก็ต้องร่วมมือกับข้า ข้าต้องการผนวกแดนศักดิ์สิทธิ์นี้เข้ากับมิติช่องว่างของข้า”
“ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ”
อสรพิษตกตะลึงและโวยวาย “อันใด? เหตุใดเราต้องทำเช่นนั้น? หากทำเช่นนั้น ข้าจะหายไป!”
“แน่นอน ข้ารู้เรื่องนั้น แต่ด้วยการหลอมรวมแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติต่างๆ” ฟางหยวนกล่าวต่อ
อสรพิษนึกถึงบางสิ่งและกรีดร้องออกมา “หากต้องการผนวกแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ อย่างน้อยท่านต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง!”
“ข้าบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและยังเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางสายนี้!” ฟางหยวนเย้ยหยัน
อสรพิษก้มศีรษะลงอย่างหมดสิ้นหนทาง “ท่านเป็นเจ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์ ท่านสามารถทำทุกสิ่งที่ท่านต้องการ ข้าจะให้ความร่วมมือ”
มิติช่องว่างสามารถหลอมรวมกันแม้จะมีข้อจำกัดค่อนข้างมากก็ตาม
ประการแรก มิติช่องว่างขนาดเล็กไม่สามารถกลืนกินมิติช่องว่างที่ใหญ่กว่า
ประการที่สอง มิติช่องว่างที่ตายแล้วไม่สามารถกลืนกินมิติช่องว่างที่มีชีวิต
สุดท้ายการกลืนกินมิติช่องว่างของผู้อื่น คนผู้หนึ่งจำเป็นต้องมีระดับการบ่มเพาะและความสำเร็จบนเส้นทางสายนั้นพอสมควร
เมื่อบรรลุข้อกำหนดเหล่านี้ พวกเขาก็จะสามารถผนวกแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้อื่นเข้ากับมิติช่องว่างของตนเอง
สิ่งนี้มีประโยชน์มากมาย
ประการแรก ทรัพยากรที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เป้าหมายจะถูกย้ายไปยังมิติช่องว่างหลักของผู้อมตะอย่างสมบูรณ์โดยไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้าย
ประการที่สอง พวกเขาจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากแดนศักดิ์สิทธิ์เป้าหมาย
ประการที่สามและเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด นั่นคือการก้าวข้ามภัยพิบัติ
ตัวอย่างเช่นผู้อมตะไป่หู นางเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษบนเส้นทางแห่งทาสที่เสียชีวิตในภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้าโดยมนุษย์เงาสายฟ้า แม้มนุษย์เงาสายฟ้าจะยังอยู่ แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูก็สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งนั้น
หากผู้อมตะบางคนผนวกแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูเข้ากับมิติช่องว่างของพวกเขา พวกเขาจะได้รับทรัพยากรทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู ขณะเดียวกันพวกเขาก็จะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าและสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติอย่างน้อยหนึ่งครั้ง สูงสุดห้าครั้ง นอกจากนี้การนับถอยหลังสู่ภัยพิบัติของพวกเขาก็จะกลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง
ภาคใต้ ภูเขาหม้อหยก
กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยมาถึงด้านในของภูเขา
“ผู้ใดจะคิดว่าภูเขาหม้อหยกที่ธรรมดาจะมีโลกน้ำแข็งซ่อนอยู่ภายใน” ไป่หนิงปิงมองถ้ำน้ำแข็งและถอนหายใจ
ที่นี่หนาวเย็นมาก กระทั่งผู้อมตะจะมีวิธีป้องกัน แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกถึงมวลอากาศเย็นที่พุ่งเข้าโจมตีร่างกายของพวกเขาตลอดเวลา
อิงอู๋เซี่ยหยุดเท้าและมองไปยังที่ว่างด้านหน้า “แดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหกถูกทิ้งไว้ที่นี่โดยผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งของนิกายเงา”
อิงอู๋เซี่ยหันกลับมาพูดกับไห่ลั่วหลัน “ไห่ลั่วหลัน นี่สำหรับเจ้า ความสำเร็จบนเส้นทางความแข็งแกร่งของเจ้าเพียงพอที่จะผนวกแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ มันจะทำให้เจ้าสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติ”
การแสดงออกของไห่ลั่วหลันเปลี่ยนไป
นางมีร่างสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง ภัยพิบัติของสิบสุดยอดกายาทรงพลังมาก
การผนวกแดนศักดิ์สิทธิ์สามารถแก้ปัญหาของนาง แต่มันก็จะทำให้นางสูญเสียศักยภาพในการเติบโต นี่ถือเป็นผลประโยชน์ระยะสั้นเท่านั้น
นางลังเลแต่ในที่สุดนางก็กัดฟันเดินออกไปข้างหน้า
อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า เขาเข้าใจความรู้สึกของไห่ลั่วหลัน “ในการบ่มเพาะของผู้อมตะ การแสวงหาศักยภาพและการเติบโตระยะยาวไม่ใช่เรื่องฉลาดหากเจ้าไม่สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติ อย่ากังวล เจ้าจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งไม่น้อยไปว่าที่เจ้ามี นอกจากนั้นนิกายเงายังมีวิธีการมากมายที่สามารถช่วยในการบ่มเพาะ แต่เจ้าจะดูดซับมันได้มากน้อยเท่าใด นั่นขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าเอง เนื่องจากการดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากการผนวกแดนศักดิ์สิทธิ์มีโอกาสที่เจ้าจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยลงระดับหนึ่งหากเปรียบเทียบกับการดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่เต๋าจากศพของผู้อมตะโดยตรง”
ไห่ลั่วหลันแสดงออกด้วยความเคร่งเครียด
อิงอู๋เซี่ยนึกถึงฟางหยวนอย่างช่วยไม่ได้ เขากล่าวเสริม “แน่นอนว่าร่างทารกอมตะเป็นข้อยกเว้น”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1185 ความสุขที่ได้รับมาโดยไม่คาดคิด
แปลโดย iPAT
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฟางหยวนรู้สึกสับสน
ภายใต้ความร่วมมือของจิตวิญญาณแผ่นดิน ฟางหยวนสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตงได้อย่างไม่มีปัญหา
ชายหาดของแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตงปรากฏขึ้นในภาคเหนือน้อย
แอ่งน้ำตื้นยังเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
มีอสรพิษแดงชมพูจำนวนมากเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ
สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็คือมีอสรพิษแดงชมพูเดียวดายตัวหนึ่งอยู่ท่ามกลางพวกมัน
มันนอนหลับอยู่รอบๆโหดหิน กระทั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตงจะถูกกลืนกิน มันก็ยังไม่ตื่นขึ้น
ในสถานการณ์ทั่วไป หากฟางหยวนต้องการนำทรัพยากรเหล่านี้เข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ เขาต้องขุดทะเลสาบและสร้างที่อยู่อาศัยให้กับพวกมัน
หากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าแตกต่างจากสภาพแวดล้อมเดิม พวกมันอาจเหี่ยวเฉาหรือตายเช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อฟางหยวนนำทรัพยากรมาจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
แต่ด้วยการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตง มันสามารถแก้ปัญหามากมายให้กับฟางหยวน ทรัพยากรและสภาพแวดล้อมทั้งหมดถูกย้ายเข้ามาโดยตรง
ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงสามารถครอบครองทรัพยากรของแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตงได้อย่างเต็มที่
‘แดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตงสร้างสิ่งมีค่าได้เพียงอย่างเดียว นั่นคืออสรพิษแดงชมพู แม้มันจะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำแต่มันก็พัฒนามาถึงจุดที่โดดเด่น’
ตอนนี้ฟางหยวนสามารถรับสืบทอดธุรกิจของผู้พเนจรฮันตงและขายอสรพิษเหล่านี้
ฟางหยวนประเมินและตระหนักว่าผลประโยชน์ของมันเหนือกว่าทุ่งหญ้าสะเก็ดดาวที่อยู่บนสวรรค์สีน้ำเงินน้อย
ฟางหยวนทิ้งทรัพยากรเหล่านี้ไว้ก่อนเพราะมีบางสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจ
นั่นก็คือจิตวิญญาณแผ่นดินอสรพิษแดงชมพูยังปรากฏตัวอยู่ที่นี่
มันยังไม่ตาย!
“ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ”
อสรพิษแดงชมพูส่ายศีรษะด้วยความสับสน
แดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตงถูกผนวกเข้ากับมิติช่องว่างอื่นไปแล้ว โดยปกติจิตวิญญาณแผ่นดินจะสูญสลายไป
แต่ผู้ใดจะคิดว่าจิตวิญญาณแผ่นดินอสรพิษแดงชมพูจะยังมีชีวิตอยู่
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของฟางหยวนก่อตัวเป็นร่างมนุษย์เดินเข้าไปที่ชายหาด
อสรพิษแดงชมพูส่งเสียงทักทายอย่างมีความสุข “ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ”
“นายท่าน! เกิดสิ่งใดขึ้น? ข้ายังไม่ตาย ข้ายังมีชีวิตอยู่ นายท่านช่างยอดเยี่ยมนัก!”
ฟางหยวนหัวเราะ “แน่นอน นี่เป็นผลงานและความลับที่ยิ่งใหญ่ที่ข้าสร้างขึ้น ไม่มีผู้อมตะคนใดบนโลกใบนี้สามารถทำสิ่งเดียวกันนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะทำร้ายเจ้าจริงๆงั้นหรือ? แต่เจ้ามีความภักดีต่อข้าอย่างแท้จริงและเต็มใจที่จะเสียสละตนเองเพื่อข้า นี่เป็นสิ่งที่ดีมาก”
ดวงตาของอสรพิษแดงชมพูส่องประกายขึ้น “ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ”
“เจ้านายของข้ายอดเยี่ยมที่สุด พรสวรรค์ของท่านสูงส่งยิ่งกว่าสวรรค์! ข้ามีความสุขมากที่ได้รับใช้เจ้านายเช่นท่าน!”
ฟางหยวนพยักหน้า “เอาล่ะ แม้ข้าจะสร้างวิธีการผนวกแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้นมา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าใช้จริง เจ้าสามารถควบคุมชายหาดแห่งนี้ได้มากน้อยเพียงใด?”
อสรพิษแดงชมพูตอบ “ไม่ต่างจากก่อนหน้า”
“โอ้” ฟางหยวนไตร่ตรองก่อนกล่าว “หากเป็นเช่นนั้น อสรพิษน้อย เจ้าสามารถควบคุมพื้นที่อื่นๆหรือไม่?”
อสรพิษแดงชมพูส่ายศีรษะ “ไม่ ข้าทำไม่ได้”
‘ดูเหมือนมันจะสามารถควบคุมเฉพาะอาณาเขตเดิมเท่านั้น’ ฟางหยวนคิดก่อนจะเปิดปากกล่าว “เช่นนั้นเจ้าสามารถออกจากชายหาดแห่งนี้หรือไม่?”
อสรพิษแดงชมพูทดลองทันที
แต่น่าเสียดายที่มันไม่สามารถ
‘ดังนั้นอสรพิษตัวนี้ก็สามารถดูแลชายหาดแห่งนี้เท่านั้น’ ฟางหยวนรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
เขากำลังขาดแคลนบุคคลที่มีความสามารถในการจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิ ท้ายที่สุดแล้วมิติช่องว่างจักรพรรดิก็ใหญ่โตเกินไป สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของฟางหยวนต้องใช้เวลาไม่น้อยในการตรวจสอบและจัดการมัน
การปรากฏตัวของอสรพิษแดงชมพูถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจและน่ายินดี
ฟางหยวนต้องการใช้มันจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิ แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก
‘ลืมไปมันเถอะ สามารถดูแลชายหาดแห่งนี้ก็ถือว่าดีแล้ว เหตุใดข้าต้องไม่พอใจ?’
ฟางหยวนปัดเป่าความรู้สึกเสียดายออกไปและคิดต่ออย่างสงบ
จิตวิญญาณแผ่นดินอสรพิษแดงชมพูไม่ถูกทำลายแต่ยังคงอยู่ นี่เป็นเพียงบางแง่มุมที่ทำให้ฟางหยวนตกใจ
ยังมีเรื่องอื่นเช่นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า
‘ข้าสามารถดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตงได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันเกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฟางหยวนรู้สึกงงงวย
ตามตรรกะของโลกผู้อมตะ เมื่อผู้อมตะกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้อื่น พวกเขาจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากเป้าหมายน้อยมาก
แต่ฟางหยวนกลับได้รับทั้งหมด!
ก่อนกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตง ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ในแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตงมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด มันมีประมาณเจ็ดพันร่องรอย ตามมาด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารีและปฐพีอย่างละประมาณหนึ่งพันร่องรอย ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ เส้นทางแห่งไฟ และเส้นทางสายอื่นมีจำนวนที่แตกต่างกันไป บางชนิดมีไม่กี่ร้อยร่องรอยขณะที่บางชนิดมีไม่ถึงหนึ่งร้อยร่องรอย
อย่างไรก็ตามฟางหยวนสามารถดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้ได้ทั้งหมดโดยไม่ขาดไปแม้แต่ร่องรอยเดียว
‘ข้าเข้าใจแล้ว’ ฟางหยวนไตร่ตรองและตระหนักถึงบางสิ่ง
สิ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้เพราะร่างทารกอมตะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋า
ผู้อมตะทั่วไปกระทั่งร่างสิบสุดยอดกายาเมื่อกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้อื่นจะเผชิญหน้ากับความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าชนิดต่างๆ
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของผู้อมตะเหมือนเจ้าของบ้านขณะที่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่มาทีหลังเหมือนแขก
หากแขกต้องการเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่แต่เจ้าของบ้านคนเดิมไม่อนุญาต พวกมันก็จะถูกขับไล่ออกไป
ในที่สุดเจ้าของเดิมจะรับแขกจำนวนหนึ่งที่พวกเขาพึงพอใจเข้ามาเท่านั้น ในทางกลับกันแขกบางส่วนจะถูกขับไล่ออกไป
แต่ร่างกายของฟางหยวนแตกต่างออกไป
บ้านหลังนี้เปิดต้อนรับแขกทุกคน เนื่องจากเจ้าของเดิมอนุญาตให้แขกเข้ามาโดยไม่สร้างปัญหาใด
‘มันครอบคลุมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกชนิด กระทั่งจิตวิญญาณแผ่นดินยังถูกเชิญให้เข้ามา’ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะรู้สึกชื่นชมความพิถีพิถันของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
ร่างทารกอมตะถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ มันเป็นศูนย์รวมความเชื่อและความคิดทั้งหมดของเขา
นี่ทำให้ฟางหยวนต้องยกย่องเขาอยู่ในใจ ‘เทพปีศาจจิตวิญญาณก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยการสังหาร เขาสร้างเส้นทางแห่งจิตวิญยาณขึ้นมาและกลายเป็นเจ้าเหนือหัวของโลกใบนี้ กระทั่งเขาจะตายไปแล้วแต่เขายังสามารถทำลายขีดจำกัดของความตายและพยายามหวนคืนสู่ชีวิต ช่างน่าเหลือเชื่อนัก’
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้งกันทำให้ร่างกายของฟงหยวนบอบบางมากแต่มันก็มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย
ฟางหยวนสามารถใช้วิธีป้องกันที่ทรงพลังเพื่อลบจุดอ่อนนี้แต่ด้านที่ดีของร่างทารกอมตะไม่มีผู้ใดสามารถทำซ้ำ!
ยังมีผลประโยชน์อื่นที่ฟางหยวนได้รับจากการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตง นั่นคือฟางหยวนสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติ!
เขาประสบความสำเร็จ!
เดิมทีภัยพิบัติพิภพครั้งที่หกของเขากำลังจะมาถึง
แต่หลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตง เขาสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพครั้งที่หกได้ทันที ในความเป็นจริงมันกระทั่งกระโดดไปข้างหน้าถึงสี่ภัยพิบัติ!
‘ตอนนี้ข้าก้าวข้ามภัยพิบัติมาได้อีกสี่ครั้ง นั่นหมายความว่าตอนนี้ข้าก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพครั้งที่เก้ามาแล้ว ครั้งต่อไปจะเป็นภัยพิบัติสวรรค์ครั้งแรกของข้า!’
ความสำเร็จของฮันตงกลายเป็นความสำเร็จของฟางหยวน
แม้ฟางหยวนจะไม่เข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อย่างชัดเจน แต่ผู้อมตะหลายคนก็พิสูจน์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนตลอดระยะเวลาอันยาวนานว่าการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้อื่นจะช่วยให้ผู้อมตะก้าวข้ามภัยพิบัติของพวกเขา
นี่เป็นหนึ่งในวิธีก้าวข้ามภัยพิบัติ อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติ มันมีข้อจำกัดและเงื่อนไขมากมาย
และยังมีข้อเสียไม่น้อย
‘เห้อ…หลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางความแข็งแกร่งนี้ แม้ข้าจะได้รับประโยชน์อย่างมาก ข้าก็ยังสูญเสียโอกาสในอนาคตไปมากเช่นกัน’
ภายในภูเขาหม้อหยกของภาคใต้ ไห่ลั่วหลันประสบความสำเร็จในการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์
แต่การแสดงออกของนางยังดูมืดมนมาก
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1186 วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็ง
แปลโดย iPAT
แม้ไห่ลั่วหลันจะได้รับทรัพยากรมากมายและสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแต่นางก็ได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยมาก
จากการประเมินมันน้อยกว่าสามสิบส่วนจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทั้งหมดที่มีอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ที่นางกลืนกิน
ด้วยวิธีนี้นางสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติได้มากกว่าสิบครั้ง
นี่เป็นความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้ของไห่ลั่วหลัน!
เนื่องจากนางมีหนึ่งในสิบสุดยอดกายา ในการก้าวข้ามภัยพิบัติแต่ละครั้ง นางจะได้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมหาศาล
อย่างไรก็ตามตอนนี้นางก้าวข้ามภัยพิบัติมากกว่าสิบครั้งแต่นางกลับได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยมาก
นี่คือสิ่งที่นางสูญเสีย
แม้ภัยพิบัติจะอันตรายแต่สำหรับตัวละครที่กล้าหาญและดุร้ายเช่นไห่ลั่วหลัน นางไม่เคยเกรงกลัวต่อความยากลำบาก ตรงข้ามนางกลัวการเป็นคนธรรมดา
‘แม้ข้าจะไม่เต็มใจ แต่ข้าจะทำสิ่งใดได้ ข้าติดอยู่ใต้เหวลึกและไม่สามารถปีกขึ้นไป…’ ไห่ลั่วหลันถอนหายใจ
อิงอู๋เซี่ยสังเกตเห็นสิ่งนี้ เขาเผยรอยยิ้มอยู่ภายในขณะกล่าว “เอาล่ะ ออกเดินทางต่อกันเถอะ”
พวกเขาเดินทางผ่านอุโมงค์น้ำแข็งและเดินลึกเข้าไปในภูเขา
ในที่สุดพวกเขาก็พบกับกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่
มีหัวใจสีฟ้าอย่างน้อยหนึ่งพันดวงอยู่ภายใน
ไป่หนิงปิงไม่รู้จักสิ่งนี้
แต่ไท่เป่ยหยุนเฉิงกรีดร้อง “โอ้ สวรรค์ นี่คือหัวใจน้ำแข็ง พวกมันคือหัวใจน้ำแข็งทั้งหมด!”
การแสดงออกของไห่ลั่วหลันเปลี่ยนไปเช่นกัน “ไม่เพียงหัวใจน้ำแข็งแต่ยังมีหัวใจน้ำแข็งแฝด มันเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ด”
กระทั่งซื่อหนิวก็ยังอ้าปากค้าง “เหตุใดภูเขาหม้อหยกจึงมั่งคั่งนัก? หากผู้อมตะภาคใต้รู้เรื่องนี้ มันจะเกิดการต่อสู้แย่งชิงครั้งใหญ่!”
บนภูเขาหม้อหยกมีหมู่บ้านตระกูลอวี้ตั้งอยู่
หมู่บ้านตระกูลอวี้มีชีวิตอยู่ด้วยการพึ่งพาหินหยกและวิญญาณหยกที่อยู่บนภูเขา
พวกเขาเป็นกองกำลังมนุษย์ แม้ตระกูลอวี้จะมีผู้อมตะระดับห้าหลายคนแต่พวกเขาไม่มีผู้อมตะอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีคุณค่าให้กล่าวถึง
แต่ผู้ใดจะคิดว่าภูเขาหม้อหยกที่อยู่ภายใต้การปกครองของกองกำลังมนุษย์จะเต็มไปด้วยทรัพยากรอมตะ
อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจ “ภูเขาหม้อหยกไม่มีสิ่งใดพิเศษ ภายนอกมันดูเรียบง่ายแต่นิกายเงาของข้าพบสถานที่แห่งนี้โดยบังเอิญ หัวใจน้ำแข็งถือกำเนิดขึ้นตามธรรมชาติ เดิมทีมันมีอยู่ไม่มากนัก แต่ผู้อมตะนิกายเงาได้จัดตั้งค่ายกลวิญญาณเอาไว้เพื่อทำให้พวกมันเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว”
“ในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยให้กำเนิดวิญญาณหัวใจน้ำแข็งแต่พวกมันถูกนำออกไปแล้ว มีวิญญาณอมตะอยู่ที่นี่เช่นกัน ก่อนหน้านี้มันยังไม่พร้อมใช้งาน แต่ตอนนี้มันก่อตั้งขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ไป่หนิงปิง ไปนำมันออกมาด้วยวิธีที่ข้าสอน”
“ได้!” ไป่หนิงปิงตอบรับโดยไม่ลังเล
นางก้าวออกมาข้างหน้า
จากนั้นนางก็วางฝ่ามือไว้บนกำแพงน้ำแข็ง
มือของไป่หนิงปิงถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์
ไห่ลั่วหลันยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้
ไท่เป่ยหยุนเฉิงรู้สึกสงสาร
อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มบางขณะที่ซื่อหนิงไม่กล่าวสิ่งใด
ไป่หนิงปิงต้องอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรงขณะที่พลังงานความเย็นพุ่งเข้าโจมตีร่างกายและจิตใจของนาง
แต่นางยังนิ่งเฉย
ภายในดวงตาของนางสามารถมองเห็นความมุ่งมั่นและแน่วแน่ นางยังดื้อรั้นและเย็นชายิ่งกว่ากำแพงน้ำแข็ง
‘อดทนไว้!’
‘แม้ต้องตาย แล้วอย่างไร?’
‘ฮืม ตายเพราะถูกแช่แข็ง นี่น่าสนใจเช่นกัน’
‘นอกจากนี้นิกายเงายังต้องพบกับความยากลำบาก พวกเขากำลังต้องการกำลังคน อิงอู๋เซี่ยต้องการพลังการต่อสู้ของข้า แล้วเขาจะปล่อยให้ข้าตายเช่นนี้ได้อย่างไร?’
ดังคาด เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
กำแพงน้ำแข็งเริ่มเกิดการสั่นสะเทือนก่อนจะทวีความรุนแรงขึ้น
ไม่กี่สิบลมหายใจต่อมากำแพงน้ำแข็งเริ่มเกิดรอยแตกร้าว
กลิ่นอายของวิญญาณอมตะรั่วไหลออกมา
ไท่เป่ยหยุนเฉิงอยากช่วย
นี่คือวิญญาณอมตะที่ดุร้าย มันยากที่จะจับกุม หากพวกเขาไม่เคลื่อนไหวตอนนี้ มันอาจสายเกินไป
แต่อิงอู๋เซี่ยยังไม่เคลื่อนไหวและมองดูอยู่อย่างเงียบๆ
เมื่อเขาไม่เคลื่อนไหว ไห่ลั่วหลันและซื่อหนิงก็ไม่เคลื่อนไหว
ไป่หนิงปิงไม่สามารถขยับเขยื้อน
นางถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ อาจกล่าวได้ว่านางใกล้ตายแล้ว
แต่ในจังหวะที่นางกำลังจะตาย นางกลับดึงดูดวิญญาณอมตะออกมาจากกำแพงน้ำแข็ง
วิญญาณอมตะป่าดวงนี้บินเข้ามาหาไป่หนิงปิงอย่างช้าๆ
วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งระดับหก!
ไป่หนิงปิงตั้งสมาธิและเปิดทางเข้ามิติช่องว่างของนาง
วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งบินเข้าไปโดยตรง
เมื่อมิติช่องว่างของไป่หนิงปิงปิดตัวลง อิงอู๋เซี่ยจึงเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บของนางและดึงนางกลับมาจากขอบเหวแห่งความตาย
“ดี วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งอยู่กับเจ้าแล้ว มันไม่สามารถหลบหนี การปรับแต่งมันไม่ใช่เรื่องยาก” อิงอู๋เซี่ยปรบมือและยิ้ม
ดวงตาของไห่ลั่วหลันส่องประกายขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไป่หนิงปิงเพราะไป่หนิงปิงมีสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืด!”
“แท้จริงแล้วกลิ่นอายของสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืดมีแรงดึงดูดต่อวิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็ง ดังนั้นข้าจึงบอกให้ไป่หนิงปิงจับมันโดยไม่ต้องใช้วิธีป้องกันใดๆ วิธีนี้สามารถปลดปล่อยกลิ่นอายของสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืดออกมาได้อย่างเต็มที่” อิงอู๋เซี่ยพยักหน้าอธิบาย
“ตรงข้ามหากพลังของไป่หนิงปิงสูงเกินไป วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งจะลังเล มีเพียงช่วงเวลาที่ไป่หนิงปิงใกล้ตายเท่านั้นที่วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งจะออกมาหานางด้วยตัวมันเอง”
“เป็นเช่นนั้น” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเข้าใจในที่สุด
“นายท่านฉลาดมาก!” ซื่อหนิวผู้ภักดียกย่อง
“ฮ่าฮ่าฮ่า” อิงอู๋เซี่ยเงยหน้าหัวเราะ “นิกายเงามีทรัพยากรมากมาย การอยู่กับข้าจะทำให้พวกเจ้าได้รับประโยชน์มหาศาลเช่นเดียวกับกำแพงน้ำแข็งแห่งนี้ นิกายเงาของข้าใช้เวลาหลายพันปีในการเลียนแบบสภาพแวดล้อมและหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้”
“นิกายเงามีวิธีการบ่มเพาะมากมาย หากพวกเจ้ามีพรสวรรค์ต่ำ เราก็จะเพิ่มมัน หากพวกเจ้ามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อย เราก็จะเพิ่มมัน ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้น”
หัวใจของไห่ลั่วหลันสั่นสะท้านขึ้น
คำกล่าวสุดท้ายของอิงอู๋เซี่ยพุ่งตรงมาที่นางอย่างชัดเจน
‘คนผู้นี้สามารถเรียนรู้วิธีการเป็นผู้นำ เขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วจริงๆ’ ไห่ลั่วหลันคิด
อิงอู๋เซี่ยโบกมือ “ไปต่อ!”
ภาคเหนือ
‘ข้าก้าวข้ามภัยพิบัติน้อยเกินไป’ ฟางหยวนถอนหายใจและรู้สึกไม่มีความสุขกับเรื่องนี้
ในเวลาเดียวกันไห่ลั่วหลันกลับไม่มีความสุขที่ตนเองก้าวข้ามภัยพิบัติมากเกินไป
ฟางหยวนถอนหายใจกับผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง
หากเป็นไปได้เขาต้องการบรรลุระดับเจ็ดอย่างรวดเร็วที่สุด!
การต่อสู้ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานทำให้ฟางหยวนตระหนักถึงข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา นั่นคือระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำเกินไป องุ่นเขียวอมตะไม่เพียงพอต่อความต้องการของเขาอีกต่อไป
ในอดีตฟางหยวนสามารถควบคุมอนาคตได้ดีเพราะเขาอยู่เพียงลำพัง แต่ตอนนี้เขามีพันธมิตรมากมาย เขาไม่สามารถเพิกเฉยและไม่ให้ความช่วยเหลือพันธมิตรเหล่านั้น
และด้วยการเดินทางไปยังทะเลตะวันออก เขาตระหนักถึงการเติบโตที่รวดเร็วของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ นั่นยิ่งทำให้ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดัน
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเสียสละศักยภาพในอนาคตและเพิ่มมความแข็งแกร่งให้กับตนเองอย่างรวดเร็วที่สุด
‘หากไม่มีปัจจุบัน แล้วจะมีอนาคตได้อย่างไร?’
‘ศักยภาพเป็นสิ่งที่ดี แต่การบ่มเพาะต้องใช้เวลา’
‘การบ่มเพาะที่ถูกต้องคือการทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ที่ได้รับจริงในปัจจุบัน’
การสูญเสียของฟางหยวนรุนแรงกว่าไห่ลั่วหลันแต่เขาไม่รู้สึกเสียใจกับความสูญเสียเหล่านั้น
‘ฮันตงก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์มาแล้วสองครั้งและภัยพิบัติพิภพอีกมากกว่ายี่สิบครั้ง แต่เมื่อข้ากลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขา ข้ากลับก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพได้เพียงสี่ครั้ง’
‘นี่เป็นเพราะมิติช่องว่างจักรพรรดิใหญ่เกินไป ผลลัพธ์ของก้าวข้ามภัยพิบัติจึงไม่ชัดเจนเช่นนั้นหรือ?’
ฟางหยวนคิดและรู้สึกว่ามิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นสาเหตุของเรื่องนี้
ผู้อมตะระดับหกต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพทุกสิบปีและภัยพิบัติสวรรค์ทุกหนึ่งร้อยปี หลังจากสามร้อยปีและผ่านภัยพิบัติสวรรค์ครั้งที่สาม พวกเขาจะกลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด
ในกระบวนการนี้ฟางหยวนก้าวข้ามไปได้เกือบหนึ่งในสามส่วน
‘ยังไม่เร็วพอ ข้าต้องเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดโดยเร็วที่สุด นอกจากความแข็งแกร่งของข้าจะเพิ่มขึ้น สถานะทางการเงินของข้าก็จะมั่งคงขึ้นเช่นกัน’
‘หากแดนศักดิ์สิทธิ์ของฮันตงยังไม่เพียงพอ ข้าก็จะกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้มากขึ้น’
‘แม้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ได้รับจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับการก้าวข้ามภัยพิบัติด้วยตัวของข้าเอง แต่ข้าสามารถประหยัดเวลาและจะก้าวข้ามอุปสรรคได้ง่ายขึ้น’
‘นอกจากนี้การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้ายังทำให้ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทั้งหมด กระทั่งมันจะสูญหายไปบ้าง ข้าก็เพียงต้องฆ่าผู้อมตะให้มากขึ้น!’
คิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น
หลังจากค้นพบข้อได้เปรียบเพิ่มเติมของมิติช่องว่างจักรพรรดิ ฟางหยวนก็ได้เรียนรู้วิธีการใหม่ในการบ่มเพาะ
วิธีการปกติทำให้เขาได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากกว่า แต่วิธีนี้ช้าเกินไป มันไม่เหมาะสมกับฟางหยวนที่เผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากทุกทิศทาง
การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ทำให้เขาสามารถยกระดับการบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็ว เมื่อระดับการบ่มเพาะเพิ่มสูงขึ้น พลังการต่อสู้ของเขาก็จะพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน นี่เป็นวิธีที่จะทำให้เขาเติบโตขึ้นได้รวดเร็วที่สุดและจะทำให้ฟางหยวนมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1187 โอกาสในการบ่มเพาะ
แปลโดย iPAT
ท่าไม้ตายอมตะหนึ่งวันเคลื่อนผ่านราวกับหนึ่งปี!
วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนบินอยู่บนท้องฟ้าและปลดปล่อยแสงสว่างขึ้นในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
“ครืน…”
สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาปรากฏขึ้นในมิติช่องว่างจักรพรรดิและสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ภายใต้พลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะหนึ่งวันเคลื่อนผ่านราวกับหนึ่งปี สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาถูกบีบให้หดเล็กลง
ในที่สุดฟางหยวนก็พ่นลมหายใจออกมาด้วยความผ่อนคลาย
“ข้าทำสำเร็จ เวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิเดินช้าลงแล้ว มันช่วยขยายเวลาที่ข้าต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติออกไปอย่างมาก” หลังจากยืนยันความสำเร็จของท่าไม้ตายนี้ ฟางหยวนดึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองเมฆาของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
หลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตง ฟางหยวนก็เดินทางกลับทันที
ไท่ชิวเป็นสถานที่อันตรายขณะที่วิญญาณขีดจำกัดความมืดมีขีดจำกัดเรื่องระยะเวลาใช้งาน หากฟางหยวนยังรั้งรออยู่ที่นั่น เจตจำนงสวรรค์จะมีเวลาวางแผนสังหารเขา
เมื่อเวลาของมิติช่องว่างจักรพรรดิเดินช้าลง ภัยพิบัติครั้งต่อไปก็ถูกผลักออกไปเช่นกัน
ฟางหยวนรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อยจากแรงกดดันนี้
เขาไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบแล้วก่อนจะตัดสินใจเลือกวิธีนี้ เหตุผลเป็นเพราะการบ่มเพาะของเขาไม่จำเป็นต้องก้าวข้ามภัยพิบัติ เขาสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อยกระดับการบ่มเพาะของตนเองได้ทันที
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาในเวลานี้คือแดนศักดิ์สิทธิ์
เขาจะหาแดนศักดิ์สิทธิ์มาจากที่ใด?
ฟางหยวนนึกถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว
แต่ในไม่ช้าเขาก็ปัดความคิดนี้ทิ้งไป
มันเป็นไปไม่ได้!
ภาคกลางเป็นสถานที่อันตราย สิบนิกายโบราณพร้อมทั้งวังสวรรค์มีรากฐานที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าถ้ำสวรรค์นิรันดร
เช่นเดียวกับอิงอู๋เซี่ยที่ต้องหลบหนีออกจากภาคกลาง หากฟางหยวนเข้าไป มันจะเป็นเพียงการรนหาที่ตายเท่านั้น
ไม่นานมานี้แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ จิตวิญญาณแผ่นดินแห่งดวงดาวร้องขอความช่วยเหลือจากฟางหยวนแต่ฟางหยวนปฏิเสธ
สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู ฟางหยวนไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย
ต่อมาเขาคิดถึงหุบเขาเหล่าโป
หรือกล่าวให้ถูกต้องมากกว่านั้นคือที่ตั้งเดิมของมัน
ที่นั่นเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างกลุ่มผู้อมตะภาคกลางนำโดยฟงจิวเก้อและสมาชิกนิกายเงาที่นำโดยฉินไป่เฉิง มีผู้อมตะหลายคนตกตายอยู่ที่นั่น
‘แดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้อยู่ในภาคเหนือ ข้าจะยึดครองพวกมันได้หรือไม่?’ ฟางหยวนคิด
แต่หลังจากไตร่ตรอง เขายอมแพ้ตัวเลือกนี้เช่นกัน
เนื่องจากทางเลือกนี้มีความเสี่ยงสูงเกินไป
แม้การต่อสู้ครั้งนี้จะถูกซ่อนไว้จากโลกผู้อมตะภาคเหนือ แต่นิกายโบราณทั้งสิบและวังสวรรค์รู้เรื่องนี้เช่นเดียวกับนิกายเงา
หลังจากผู้อมตะตาย แดนศักดิ์สิทธิ์จะก่อตัวขึ้น
แดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เต็มไปด้วยทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังที่ร่ำรวยหรือยากจน ทุกฝ่ายจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อเก็บเกี่ยวทรัพยากรเหล่านี้
‘ภาคกลางส่งคนมายังภาคเหนือเพื่อตรวจสอบความจริงเบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะสามารถส่งบางคนมายึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น’
‘และนิกายเงาก็ต้องการพวกมันเช่นกัน’
‘ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ไปที่นั่นและไม่มีทางที่ข้าจะไปที่นั่นในเวลานี้’
นี่เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดมาก
เพราะตอนนี้คนที่ภาคกลางส่งมายึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็คือผู้อมตะระดับแปดองค์ชายฟงเซี่ยน!
หากฟางหยวนบุ่มบ่ามไปที่นั่น องค์ชายฟงเซี่ยนจะหัวเราะแม้ในยามหลับเพราะฟางหยวนส่งตัวเองไปหาเขาโดยที่เขาไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ
ฟางหยวนนึกถึงทะเลตะวันออก
ใจกลางทะเลไหลเชี่ยวมีเกาะฟองอากาศมากมาย
เกาะแห่งหนึ่งมีแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพเมืองจิ๋วตั้งอยู่และในเมืองจิ๋วมีแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้อมตะมากมาย
ผู้อมตะเหล่านี้ถูกฟางหยวนสังหารโดยการใช้ประโยชน์จากเมืองจิ๋ว เขายังเคยเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเพื่อเก็บเกี่ยวทรัพยากรมาแล้ว
สิ่งที่ดึงดูดใจมากที่สุดคือแดนศักดิ์สิทธิ์ของติงฉี
ติงฉีเป็นปีศาจอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งเลือด เขาระเบิดตัวเองและตายโดยไม่ทิ้งทรัพยากรใดๆหรือดวงวิญญาณของตนเองเอาไว้ให้กับฟางหยวน
แม้ฟางหยวนจะสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขา แต่ฟางหยวนก็ไม่ได้ทำเช่นนั้นในครั้งก่อน
ประการแรก จิตวิญญาณแผ่นดินของแดนศักดิ์สิทธิ์ติงฉีมีเงื่อนไขที่ยากลำบาก หากฟางหยวนต้องการเป็นเจ้าของคนใหม่ เขาต้องคิดค้นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเลือดล้างเลือด หากฟางหยวนใช้แสงแห่งปัญญา เขาจะสามารถทำสิ่งนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้งานวิญญาณสติปัญญา หากฟางหยวนต้องคิดค้นมันด้วยตนเอง เขาต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก มันไม่คุ้มค่า
ประการที่สอง วิธีการบ่มเพาะของฟางหยวนในเวลานั้นคือการให้ความสำคัญกับศักยภาพ เขาต้องก้าวข้ามภัยพิบัติเพื่อให้ได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ขณะที่การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของติงฮีจะลดศักยภาพในอนาคตของเขา
แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป
ประการแรก ฟางหยวนตระหนักถึงความเร็วในการเติบโตของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ ครั้งต่อไปที่พวกเขาพบกัน ฟางหยวนอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ พันธมิตรระหว่างจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซุ ชูตู๋ และข้อตกลงของสามปีศาจที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ สถานการณ์ของฟางหยวนซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกราวกับติดอยู่ในอ่างน้ำวน หากเขาไม่สามารถกำจัดข้อตกลงพันธมิตร เขาจะสูญเสียอิสรภาพ
เวลาเปลี่ยน สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป ฟางหยวนตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลง
ประสบการณ์ห้าร้อยปีของเขาทำให้เขารู้สึกถึงภัยคุกคามในอนาคต
เขามีความรู้สึกอันแรงกล้าว่าหากเขาไม่เปลี่ยนแปลง อนาคตของเขาจะเลวร้ายมาก
การตระหนักถึงลักษณะพิเศษของมิติช่องว่างจักรพรรดิเกี่ยวกับการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ทำให้เขาพบโอกาส
‘ข้าเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือด การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดไม่ใช่ปัญหา นอกจากนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์ติงฉียังเล็กกว่ามิติช่องว่างจักรพรรดิ’
หากกล่าวตามหลักการ การบ่มเพาะระดับหกของฟางหยวนไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดของติงฉี
แต่รากฐานของมิติช่องว่างจักรพรรดิสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดของติงฉีได้อย่างง่ายดาย
‘อย่างไรก็ตามจิจวิญญาณแผ่นดินยังเป็นปัญหา’
‘เงื่อนไขของจิตวิญญาณแผ่นดินติงฉีค่อนข้างยาก ข้าไม่สามารถตอบสนองความต้องการของมันในตอนนี้ หากข้าทำลายจิตวิญญาณแผ่นดิน ลมมรณะจะพัดมาทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์’
เพื่อให้แดนศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่หลังจากทำลายจิตวิญญาณแผ่นดิน แดนศักดิ์สิทธิ์นั้นๆจำเป็นต้องกลืนกินเศษชิ้นส่วนของเก้าสวรรค์เข้าไป ถ้ำสวรรค์ก็เช่นกัน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ฟางหยวนทำลายจิตวิญญาณสวรรค์ระฆังทองเหลืองแต่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานก็ยังคงอยู่เพราะมันเคยกลืนกินเศษชิ้นส่วนของสวรรค์สีฟ้าเข้าไป
สิ่งสำคัญที่ฟางหยวนต้องพิจารณาอีกประการก็คือทะเลไหลเชี่ยวอยู่ไกลเกินไป
เจตจำนงสวรรค์อาจวางแผนกำจัดหรือป้องกันไม่ให้ฟางหยวนไปถึงและยึดครองเมืองจิ๋ว
ฟางหยวนคิดและพบปัญหาอีกอย่าง นั่นคือระดับความสำเร็จของเขา
ฟางหยวนไม่ใช่เทพปีศาจจิตวิญญาณที่บรรลุความสำเร็จระดับสูงในทุกเส้นทางและสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆได้อย่างง่ายดาย
‘เป็นไปได้หรือไม่ว่านิกายเงาสร้างร่างทารกอมตะขึ้นมาเพื่อให้มันกลืนกินมิติช่องว่างของผู้อมตะ?’
ฟางหยวนตระหนักว่าหากเทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถฟื้นคืนสู่ชีวิตและครอบครองร่างทารกอมตะ พัฒนาการของเขาจะรวดเร็วจนน่าตกใจ
เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นคนกระหายเลือด เขามีท่าไม้ตายอมตะมากมายที่สามารถสังหารผู้อมตะ เขาจะกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเป้าหมายเพื่อเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าให้กับตนเองและสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติต่างๆ
นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
‘ไม่แปลกใจเลยที่เทพปีศาจจิตวิญญาณประสบความสำเร็จในชีวิตก่อนหน้าของข้า!’
‘ไม่แปลกใจเลยที่สวรรค์พยายามทุกวิถีทางและส่งข้ากลับมาในอดีตเพื่อหยุดยั้งเขา!’
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนหันหน้าไปทางทิศใต้โดยไม่รู้ตัว
มุ่งสู่ภาคใต้
ฟางหยวนรู้ว่ามีอาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่อยู่ที่นั่นรวมถึงดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณ มันยังเป้าหมายของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆเช่นกัน
‘ระดับความสำเร็จ…อาณาจักรแห่งความฝัน…ภาคใต้!’ ร่างของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้นเมื่อเขาคิดถึงบางสิ่ง
‘โอกาสในการบ่มเพาะที่ข้าต้องการอยู่ที่นั่น!’
…..
แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ยอดเขาที่หนึ่ง
ค่ายกลวิญญาณยังทำงานอยู่
ท่านหญิงหว่านซูปรากฏตัวต่อหน้าหม่าหงหยุนอีกครั้ง
หม่าหงหยุนเห็นนางและเริ่มกรีดร้อง “เจ้ามาที่นี่เพื่อทรมานข้าอีกครั้ง เจ้าต้องการทรมานข้าอีกกี่ครั้ง!”
“ดีที่เจ้ารู้” ท่านหญิงหว่านซูยิ้มและผลักบอลสายฟ้าออกไป
“อ๊าก…” หม่าหงหยุนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
เขาดิ้นรนอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหมดสติไป
“ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้เขายังอดทนได้นานกว่าก่อนหน้าสามสิบส่วน” ท่านหญิงหว่านซูขมวดคิ้ว
เลือดไหลออกมาจากดวงตาและใบหูของนาง
นี่คือฟันเฟือนจากความล้มเหลวในการหลอมรวม
แต่ท่านหญิงหว่านซูคุ้นเคยกับมันแล้ว วิธีการรักษาของนางก็รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
“นี่ค่อนข้างลำบาก ยิ่งหม่าหงหยุนถูกปรับแต่งด้วยบอลสายฟ้ามากเท่าใด การต่อต้านของเขาก็ยิ่งมากเท่านั้นและมีโอกาสที่ขั้นตอนนี้จะล้มเหลวมากขึ้นเช่นกัน ข้าควรทำอย่างไร? ข้าต้องเปลี่ยนวิธีการหลอมรวมหรือไม่? ไม่! หากข้าเปลี่ยนวิธีตอนนี้ ข้าต้องเปลี่ยนเคล็ดลับการหลอมรวมและหาวัสดุในการหลอมรวมใหม่ทั้งหมด กองกำลังภูเขาหิมะไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายดังกล่าว!”
ท่านหญิงหว่านซูถอนหายใจและรู้สึกกังวลมาก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น