ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 117-120

 บทที่ 117 ข่าวร้ายและข่าวดี

โดย

Ink Stone_Fantasy

การมาถึงของพาวลิสและเชอร์ลี่ย์ช่วยชีวิตของฉงต้าเอาไว้ ฉินสือโอวชะงักงัน รีบอธิบายเหตุการณ์ “เฮ้ เด็กๆ ฉันแค่จะ แค่จะ…”


“เรา เรา เราเข้าใจ จริงๆนะ ฉิน พวกเราเข้าใจ…” พาวลิสพูดออกมาอย่าตะกุกตะกัก “แต่ว่า แต่ว่า อ้อ พวกเรามารบกวนคุณแล้ว ฉิน ขอโทษด้วยครับ!”


เชอร์ลี่ย์มองไปที่ฉงต้าอย่างเวทนา เธอพูดเสียงเบาว่า “ฉิน อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ คุณปล่อยเจ้าหมีน้อยเถอะนะคะ ถ้ามีอะไรก็ให้มาลงที่หนู…”


พาวลิสและกอร์ดอนมองดูเชอร์ลี่ย์ด้วยใบหน้าตกตะลึง ฉินสือโอวรู้สึกว่าตนเองไม่มีหน้าจะไปพบใครที่ไหนแล้ว คราวนี้เขาจึงก้าวออกมาจากความรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่เพิ่งจะได้แร่เงินหนึ่งร้อยตันได้ในที่สุด เขาวางฉงต้าลงบนเตียงแล้วพูดกับเด็กๆว่า “โอเค เด็กๆ อย่าคิดไปไกล เมื่อครู่นี้ฉันแค่ตื่นเต้นเกินไปเลยเล่นเกมกับเจ้าฉงต้าก็เท่านั้น”


“เป็นเกมที่รุนแรงมากๆเลยนะ อาฮะ?” กอร์ดอนยักคิ้วใส่ฉินสือโอว ทำท่าทางเหมือนว่าผมก็โตแล้วเหมือนกันออกมา


“อาฮะบ้านนายสิ!” ฉินสือโอวใช้กำลังที่เร็วราวกับสายฟ้าฟาดพุ่งไปดีดมะกอกเขาหนึ่งครั้ง “ฉันเพิ่งจะสารภาพรักกับพี่วินนี่ของพวกนายได้สำเร็จ เธอจะมาเป็น เอ้อ เธอจะเป็นแฟนฉันแล้ว ดังนั้นฉันก็เลยตื่นเต้นมากๆ”


พาวลิสและคนอื่นๆ จึงค่อยรู้สึกวางใจ พวกเขาเร่งรีบออกไปจากห้อง กอร์ดอนที่เป็นคนสุดท้ายก็ยังยิ้มแหย่เขาทิ้งท้าย “เล่นเกมของคุณต่อไปเถอะ ฉิน พวกเราคงไม่มารบกวนคุณอีกแล้วล่ะ”


“รีบไปนอนซะ เจ้าพวกเด็กโง่!” ฉินสือโอวก่นด่าพร้อมกับหัวเราะออกมา


เมื่อมีเรื่องเข้ามารบกวน อารมณ์ของฉินสือโอวจึงสงบลง ทันใดนั้นเขาก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ โคตรแม่เอ๊ย ก้อนแร่โลหะบนเรือลำนั้นใช่เงินแท้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เป็นแค่การคาดคะเนของเขาเท่านั้น ขออย่าให้ต้องดีใจเก้อเลยนะ…


ฉินสือโอวให้หมึกยักษ์ตัวหนึ่งม้วนแผ่นเงินเอาไว้หนึ่งแผ่นแล้วส่งให้เจ้าปลาทูน่าครีบเหลือง จากนั้นจึงส่งมันไปที่แนวปะการังพรุ่งนี้เขาถึงจะเข้าไปตรวจสอบดู


แผ่นเหล็กขนาดเท่าสมุดโน้ตหนึ่งเล่มอันนี้ กลับมีน้ำหนักที่น่ากลัวมาก เจ้าดำใหญ่ที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าหนึ่งเมตรครึ่ง กับพลังเหนือปาฏิหาริย์แบบนั้น คิดไม่ถึงว่าแค่ว่ายไปได้พักเดียวก็เหนื่อยหมดแรงแล้ว


ฉินสือโอวเพิ่มพลังของจิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปหลายครั้ง ในที่สุดก็ช่วยเจ้าดำใหญ่ให้กลับไปถึงฟาร์มปลาได้ อีกทั้งในตอนนี้เจ้าดำใหญ่เพื่อนยากก็เหนื่อยจนจะมากๆแล้วด้วย


หลังจากฟ้าสว่างแล้ว ฉินสือโอวเห็นว่าอากาศข้างนอกไม่ดี จึงไม่ได้ไปออกกำลังกายเหมือนในยามปกติ เขาไปงมแผ่นเงินขึ้นมาก่อน แล้วจึงขับรถเข้าไปที่ร้านเครื่องประดับในเมือง แต่ปรากฏว่าพวกร้านยังไม่เปิดเขาจึงทำได้แค่รอ


คืนวานนี้ฝนก็เริ่มตกลงมาอีกแล้ว อีกทั้งในครั้งนี้ยังเป็นฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก จนทำให้สภาพถนนในเมืองย่ำแย่


ระบบการระบายน้ำของเมืองเล็กๆแห่งนี้ไม่ดีนัก อีกทั้งถนนหลายสายก็ยังเป็นถนนหน้าดิน เมื่อฝนตกลงมาจากสวนของพระเจ้าก็จึงกลายสภาพเป็นห้องน้ำของซาตานทันที


ปรากฏว่า ในเวลาเจ็ดโมงเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาเห็นว่าเป็นเหมาเหว่ยหลงนั่นเองที่โทรเข้ามา จึงรับโทรศัพท์แล้วถามไปว่า “ว่าไง โคโกโร่ อย่าบอกฉันนะว่าแกมาถึงโทรอนโตแล้ว”


เหมาเหว่ยหลงตอบกลับมาอย่างอ่อนระโหยโรยแรงว่า “ถึงโทรอนโตแล้วกับบ้านแกน่ะสิ ฉันจะบอกข่าวร้ายแกอย่างหนึ่ง แผนการที่วางไว้ต้องเลื่อนออกไปอีกครึ่งปี แม่มเอ้ย เฮงซวย! ตอนนี้ศุลกากรกับกองตรวจคนเข้าเมืองเปลี่ยนข้อกำหนดใหม่เยอะมาก ข้าราชการถ้าจะออกนอกประเทศต้องได้รับการตรวจสอบจากรัฐบาลครึ่งปี ตอนนี้ฉันยังไปไม่ได้”


“ให้ตายเหอะ ไม่น่าใช่นะ ตอนนี้ยังมีกฎแบบนี้อยู่อีกเหรอ?” ฉินสือโอวรู้สึกแปลกใจ


เหมาเหว่ยหลงจึงอธิบายให้เขาฟังว่า “หลังจากที่ท่านสีจิ้นผิงขึ้นมารับตำแหน่งท่านก็ปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง พวกคนเลวมันเลยฉวยโอกาสเคลื่อนย้ายทรัพย์สินกับคนในครอบครัวไปต่างประเทศ ที่จริงข้อกำหนดนี้ก็มีไว้ใช้จัดการคนพวกนี้แหละ แต่ว่า ข้าราชการทุกคนก็ต้องเจอแบบนี้เหมือนกัน พี่ครับผมโคตรซวยเลย!”


ฉินสือโอวถามเขากลับว่า “ถ้าอย่างนั้นแกก็รีบตรวจสอบตัวเองก่อนเลยสิ ปกติแล้วรับสินบนไหม มีผลประโยชน์ลับๆกับเจ้านายผู้หญิงหรือลูกน้องผู้หญิงอะไรพวกนั้นไหม? ถ้ามีเรื่องพวกนี้ก็รีบไปสารภาพกับที่ทำงานซะ บอกไปซะว่าเรื่องราวเป็นมายังไง ฮ่าฮ่า สารภาพแล้วโทษหนักจะได้เบาลง ปฏิเสธโทษจะยิ่งหนักนะ”


“ไสตูดแกไปเลย ฉันเป็นคนแบบนั้นที่ไหนกันล่ะ?” เหมาเหว่ยหลงหัวเราะแกมด่า “พี่ชายไม่กล้าพูดหรอกนะว่าตัวเองเป็นข้าราชการมือใสสะอาด แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่เคยทำสิ่งที่ต้องละอายใจตัวเอง ความคิดทางการเมืองอะไรพวกนั้นของฉัน ฉันยึดมั่นจนตายนั่นล่ะ ขนาดซื้อรถก็ซื้อแค่รถยี่ห้อฉางอันคันเดียว”


เมื่อพูดถึงรถ ฉินสือโอวก็จึงเปลี่ยนท่าทีเป็นเอาจริงเอาจังขึ้นมา “รถจี๊ป แกรนด์ เชอโรคีที่ฉันส่งไปให้แกไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”


“แกสบายใจได้ ไม่ต้องกังวลนะ เพื่อนร่วมสถาบันเดียวกันกับพวกเราช่วยตรวจสอบได้ อีกอย่างตอนนี้แกก็กลายเป็นมหาเศรษฐีแคนาดาแล้ว อาจจะวุ่นวายหน่อย แต่คงไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก”


ฉินสือโอวก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ที่เพื่อนโมริโคโกโร่ของเขาคนนี้พัวพันกับข้อกำหนดนั้น ก็อาจจะเป็นเพราะปัญหาจากรถจี๊ป แกรนด์ เชอโรคีของเขานั่นเอง


ทั้งสองคนพูดคุยถึงเรื่องต่างๆอยู่หนึ่งชั่วโมง ทั้งสองคุยโวเกี่ยวกับสารพัดเรื่องราวเหนือใต้ออกตก สุดท้ายก่อนจะวางสาย เหมาเหว่ยหลงก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันเตรียมของขวัญไว้ให้แกเล็กน้อย รอก่อนแล้วกันนะ รอฉันไปถึงแล้วจะเอาความเซอร์ไพรส์ไปให้”


เมื่อวางสายแล้ว ฉินสือโอวจึงไปทานอาหารเช้า แล้วกลับไปที่ร้านเครื่องประดับที่ตอนนี้เปิดร้านแล้ว


ฉินสือโอว ไม่อ้อมค้อม เขาให้เจ้าของร้านลองตรวจสอบคุณสมบัติของแผ่นเงิน


เจ้าของร้านเครื่องประดับเป็นชายผิวขาวอายุเจ็ดสิบกว่าปี เขาสวมแว่นตากรอบกระดองเต่า ท่าทางดูดีมาก


เมื่อรับเอาแผ่นเงินนี้มา เขาก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องตรวจสอบหรอก นี่เป็นแผ่นเงินของแท้ แค่มันจมอยู่ในทะเลนานเกินไปน่ะ นี่นายงมมันขึ้นมาจากในทะเลใช่ไหม? เจอเข้ากับซากเรืออับปางใช่ไหม? งั้นนายก็โชคดีแล้ว เจ้าหนุ่ม”


เมื่อได้ยินอย่างนี้ ฉินสือโอวก็สบายใจอย่างถึงที่สุด ชายสูงวัยท่านนี้เจรจาค้าขายเกี่ยวกับเงินและทองมาทั้งชีวิต การตรวจสอบของเขาก็คงจะน่าเชื่อถืออยู่มาก


แต่เพื่อเป็นการรับประกัน เขาจึงขอให้ชายสูงวัยใช้วิธีตรวจสอบที่น่าเชื่อถือลองตรวจสอบดู


เจ้าของร้านยิ้มออกมา เขาใช้มีดขีดลงไปบนแผ่นเงินให้เกิดร่องรอย แล้วเอาครีมก้อนหนึ่งทาลงไปเบาๆ พร้อมอธิบายว่า “นี่คือยาเงินที่ทำมาจากผงอะลูมิเนียมและปรอท ใช้สำหรับตรวจสอบเงินโดยเฉพาะ ถ้ามีสีของยาติดก็คือเงินแท้ ถ้าไม่ติดก็แปลว่าไม่ใช่”


หลังจากทายาเงินลงไปแล้ว ผ่านไปสักครู่เจ้าของร้านจึงเช็ดเอายาออก รอยบนแผ่นเงินก็มีสีของยาติดอยู่จริงๆ แต่ไม่ได้ชัดเจนเท่าไรนัก


เจ้าของร้านจึงใช้สว่านอันเล็กเจาะรูขนาดเล็กๆบนแผ่นเงิน จากนั้นจึงหยดสารละลายลงไปไม่กี่หยด แล้วพูดขึ้นว่า “นี่คือสารละลายซิลเวอร์ไนเตรท สามารถใช้ตรวจสอบระดับความบริสุทธิ์ของเงินได้”


จากนั้นจึงค่อยๆปรากฏให้เห็น บริเวณรอบๆรูเล็กที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อน เจ้าของร้านพยักหน้าแล้วพูดว่า “แน่นอนแล้วว่าเป็นเงินแท้ เพียงแต่ระดับความบริสุทธิ์ก็ทั่วๆไป ฉันน่าจะเดาไม่ผิด นี่เป็นสมบัติที่อยู่ในซากเรือใช่ไหม?”


ฉินสือโอวไม่ได้ปิดบัง เขาตอบไปอย่างตรงไปตรงมาว่า “ใช่แล้ว ผมดำน้ำอยู่ที่ฟาร์มปลาของผม ปรากฏว่าเจอเข้ากับซากเรือลำหนึ่ง โชคดีมาก เลยค้นเจอของพวกนี้นิดหน่อย


“โชคดีจริงๆ เจ้าหนุ่ม ยินดีกับความร่ำรวยของนายด้วยนะ”เจ้าของร้านพูดไปยิ้มไป


สำหรับเรื่องพวกนี้แล้วเขาไม่รู้สึกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย แล้วก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาด้วย เมืองที่อยู่ติดกับทะเลล้วนแต่มีทีมกู้ซากเรืออับปางทั้งนั้น แต่จะมีขุมสมบัติอยู่หรือไม่นั้นก็คงจะอยู่ที่ความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า


ตามข้อกำหนดทางสังคมที่ได้กำหนดไว้ของทุกประเทศทั่วโลก ซากเรือที่งมขึ้นมาจากทะเลหลวง จะเป็นของคนที่งมขึ้นมา งมขึ้นมาจากฟาร์มปลาส่วนบุคคล ก็จะเป็นของบุคคลที่งมขึ้นมาเช่นกัน


นี่คือข้อดีของประเทศทุนนิยม สำหรับที่แคนาดาแล้วอย่าว่าแต่ค้นพบซากเรืออับปางเลย ต่อให้งมลงไปเจอเหมืองเพชรที่ใต้ทะเล ก็จะเป็นของเจ้าของฟาร์มปลาอยู่ดี


เมื่อแน่ใจในคุณสมบัติของแผ่นเงินแล้ว ฉินสือโอวจึงคิดใคร่ครวญว่าจะกู้ซากเรือลำนั้นขึ้นมาอย่างไร ที่นั่นเขาเจอหมึกยักษ์ตัวที่ใหญ่ที่สุดและส่งพลังของจิตสำนึกโพไซดอนลงไปแล้ว เท่ากับว่าได้ระบุพิกัดการสื่อสารแล้วเรียบร้อย เหลือเพียงแค่กู้ขึ้นมาก็เท่านั้น


การตรวจสอบก้อนเงินก็มีค่าใช้จ่าย ฉินสือโอวตบธนบัตรร้อยดอลลาร์ลงเบาๆ พูดอย่างใจป้ำว่า ‘ไม่ต้องทอนครับ’ แล้วจึงเดินออกมา


เมื่อออกจากประตูมาแล้ว ขณะที่เขาเพิ่งจะเริ่มติดเครื่องรถยนต์ ก็มองไปเห็นรถคัมรี่คันหนึ่งที่ขับเข้ามา เป็นรถของนายกเทศมนตรีของเมืองนี้นั่นเอง


“เฮ้ ฉิน ฉันกำลังคิดว่าจะไปหานายอยู่พอดี โชคดี ไม่คิดว่าจะได้เจอนายที่นี่ เป็นยังไงบ้าง ไปดื่มกาแฟกันหน่อยไหม?” แฮมเล็ตที่สวมเสื้อกั๊กไว้ด้านในพร้อมทั้งสวมทับด้วยเสื้อสูทด้านนอกกล่าวทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น


เมื่อมาถึงร้านสะดวกซื้อของฮิวจ์ ฉินสือโอวสั่งกาแฟมือบดมาสองแก้ว กาแฟร้อนๆ กลิ่นหอมฟุ้ง แฮมเล็ตถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง แล้วพูดขึ้นว่า “สภาพอากาศย่ำแย่แบบนี้ ได้ดื่มกาแฟร้อนๆสักหน่อยมันรู้สึกสบายจริงๆ!”


“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ฉินสือโอวถาม


แฮมเล็ตยิ้มตอบเขาว่า “ข่าวดี เพื่อน ตอนนี้รัฐบาลกำลังให้ความสนใจกับการแพร่ระบาดของปลาคาร์ฟเอเชีย บรรดานักการเมืองของเมืองเมเปิลลีฟตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว สัปดาห์นี้ได้มีการลงประชามติ เมื่อวานนี้เพิ่งจะมีผลออกมา ว่ารัฐบาลจะใช้งบประมาณหนึ่งพันแปดร้อยล้านจัดการการแพร่ระบาดของปลา!”


…………………………………………………….


บทที่ 118 ยักษ์ใหญ่เข้าโจมตี

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวถึงกับช็อก ไอ้แม่ร่วง ดูนี่สิ นี่เป็นงานใหญ่ของรัฐบาลเลยนะ เขาแทบเสียสติจากการที่เขากำลังจะพาตัวเองก้าวเข้าสู่สมาคมร้อยล้าน ไหนจะรัฐบาลที่จะใช้เงินหนึ่งพันแปดร้อยล้านจัดการปลาคาร์ฟนี่อีก!


ทะเลสาบเฉินเป่าของพวกเราก็เป็นพื้นที่ที่ประสบภัยอย่างหนักเช่นกัน ดังนั้นเมืองเมเปิลลีฟจึงให้เงินทุนพวกเรามาราวๆห้าแสนหกหมื่นดอลลาร์เพื่อการจัดการแก้ปัญหา นายคิดว่าเราควรจะใช้มันยังไงถึงจะดี?”แฮมเล็ตดื่มกาแฟไปพร้อมกับที่เอ่ยถามเขา


เมเปิลลีฟคือชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งของออตตาวาเมืองหลวงของแคนาดา ชาวนิวฟันด์แลนด์นิยมเรียกกันอย่างนี้


ฉินสือโอวพูดเล่นๆขึ้นมาว่า “เพื่อนยาก ผมเป็นแค่เจ้าของฟาร์มปลาต่างเชื้อชาติ ดูเหมือนว่าคงไม่เหมาะที่จะร่วมหารือประเด็นนี้เท่าไรนะ”


แฮมเล็ตก็เริ่มหัวเราะออกมาบ้างแล้วเหมือนกัน “นายเลี้ยงกาแฟฉันแล้วแก้วหนึ่ง ดังนั้นในฐานะที่ฉันเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองนี้ ฉันขอตัดสินใจมอบอำนาจนี้ให้นาย”


ฮิวจ์ก้มลงมาใกล้เคาท์เตอร์แล้วพูดกับเขาว่า “ฉิน นายอย่าดูถูกตัวเองสิ บางทีนายอาจจะไม่รู้ว่านายกลายเป็นคนที่มีอิทธิพลในเมืองนี้ไปแล้ว ในหลายๆเรื่องฉันเองก็คิดว่า ถ้าพวกเราได้ฟังความคิดเห็นของนายก็น่าจะยิ่งดี”


แม้จะได้ยินเช่นนี้แล้ว แต่ฉินสือโอวเองก็ไม่ได้แสร้งทำว่าตัวเองเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า “ตอนนี้พวกเราอย่าเพิ่งพูดถึงสภาพโดยรวมของทั้งประเทศเลย พูดถึงแค่ทะเลสาบเฉินเป่าก่อนดีกว่า”


“ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของทะเลสาบเฉินเป่า ก็คือพันธุ์ปลาในท้องถิ่นถูกปลาคาร์ฟเอเชียหยุดยั้งไว้ทั้งหมด ปลาคาร์ฟเอเชียมีการสืบพันธุ์ที่ดีเยี่ยม เติบโตได้ไว เงื่อนไขในการกินอาหารก็น้อย เห็นได้ชัดว่าพวกมันเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในเขตทะเลสาบมากกว่าพันธุ์ปลาในท้องถิ่น หากต้องการใช้เงินห้าแสนมาแก้ไขสภาพโดยรวม ผมคิดว่ายากมาก”


เขาพูดขึ้นมาเช่นนี้ แฮมเล็ตก็พยักหน้าอย่างจริงจัง เนื่องจากนี่เป็นปัญหาที่ที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ ทั้งยังเป็นทางตันของปัญหาอีกด้วย


ปลาคาร์ฟเอเชียจัดการได้ยากเกินไป อีกทั้งพวกมันยังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับปลาในท้องถิ่น จะวางยาก็ไม่ได้ นี่เป็นภาระงานที่ต้องเจาะลึกเข้าไปในกลุ่มใหญ่ จะถอนรากถอนโคนพวกมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยจริงๆนอกเสียจากว่ารัฐบาลแคนาดาจะโง่เขลา ถึงได้ทุ่มเทเงินหนึ่งพันแปดร้อยล้านดอลลาร์เพื่อจัดการกับปัญหานี้?


“หรือว่านี่จะเป็นภารกิจที่ไร้ซึ่งทางแก้ไขกันนะ?”แฮมเล็ตถามขึ้นมาอย่างกลัดกลุ้มใจ


ฉินสือโอวโบกไม้โบกมือไปมาแล้วพูดกับเขาว่า “อย่าท้อสิ เพื่อน ผมเพิ่งจะเริ่มเปิดประเด็นเท่านั้น ท่านนายกเทศมนตรี ผมขอถามหน่อย ทำไมคุณถึงต้องการกำจัดปลาคาร์ฟเอเชียให้สิ้นซาก? คุณคิดดูนะ ทะเลสาบเฉินเป่าเป็นที่ปิด ต่อให้ปลาคาร์ฟเอเชียข้างในเยอะขึ้น ก็คงไม่สามารถหลุดไปคุกคามปลาในทางน้ำสายอื่นหรือเขตทะเลสาบอื่นหรอก”


ฮิวจ์พูดแทรกขึ้นมาว่า “คำถามนี้ง่ายมาก ทะเลสาบเฉินเป่าเป็นแหล่งทรัพยากรปลาน้ำจืดที่อุดมสมบูรณ์มาก ขอเพียงแค่ฟื้นฟูให้กลับสู่สภาวะเดิมได้ ชาวประมงจำนวนไม่น้อยก็จะสามารถพึ่งพามันเพื่อทำมาหากิน ดังนั้นปลาคาร์ฟเอเชียจึงนับว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์”


ในทางตรงข้ามกันกับฮิวจ์ แฮมเล็ตก็สามารถเห็นต้นเหตุของปัญหาได้ชัดเจนขึ้น เขาตระหนักได้ถึงความหมายที่ฉินสือโอวต้องการจะสื่อแล้ว แต่ไม่ได้ตอบกลับไปตรงๆ แต่ถามขึ้นมาว่า “นายหมายความว่ายังไง?”


ฉินสือโอวทุบโต๊ะแล้วตอบเขาไป “พวกคุณไม่รู้อะไรซะแล้ว ในทะเลสาบเฉินเป่ามีสมบัติที่ถูกเก็บไว้อยู่ นั่นก็คือปลาคาร์ฟเอเชียพวกนั้นยังไงล่ะ!” สำหรับคนในประเทศผมแล้วรสชาติของปลาพวกนี้นับว่าอร่อยมาก โดยเฉพาะปลาคาร์ฟเอเชียที่เกิดตามธรรมชาติ เพียงแค่พวกคุณเปิดเส้นทางการท่องเที่ยว ทำให้เกาะแฟร์เวลเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เมื่อถึงตอนนั้นปลาคาร์ฟเอเชีย ก็จะกลายเป็นเครื่องผลิตเงิน!”


ฮิวจ์กะพริบตาปริบๆ เขาส่ายหัวแล้วพูดขึ้นมาว่า “ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร”


แฮมเล็ตเองก็พูดขึ้นมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่า “แต่ที่เกาะแฟร์เวลของพวกเรา นอกจากปลาแล้ว ก็ไม่มีสิ่งที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ อีกทั้งการตกปลาก็ยังไม่มีแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวเช่นกัน”


ฉินสือโอวยิ้ม “ไม่ พวกคุณยังไม่เข้าใจความหมายของผม เพื่อนเอ๋ย พวกเราไม่ได้จะทำธุรกิจกับคนแคนาดา แต่เราทำธุรกิจกับคนจีน”


“ตอนนี้ประเทศจีนมีนโยบายที่ช่วยให้ประชาชนร่ำรวยขึ้นเป็นอย่างมาก เพื่อนร่วมชาติของผมก็ชอบออกไปเที่ยวต่างประเทศ ขอเพียงแค่พวกเราสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เดือนละร้อยคน ก็จะสามารถสร้างผลกำไรให้กับเมืองแฟร์เวลได้อย่างน้อยห้าแสนดอลลาร์!”


“สำหรับชาวแคนาดาแล้วเกาะของพวกเราก็เป็นเพียงแค่ฟาร์มปลา แต่สำหรับคนในชาติผมแล้ว เกาะของเราที่นี่มีทั้งชายหาด มีทั้งฟาร์มปลา มีทั้งป่าเขา อีกทั้งยังมีวิวธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย ต้องมีแรงดึงดูดแน่นอน!”


“เมื่อถึงตอนที่ทะเลสาบเฉินเป่าเปิดเป็นจุดท่องเที่ยวแล้ว การท่องเที่ยวทะเลสาบ ตกปลา ยิงปลา กิจกรรมต่างๆ ล้วนแต่สามารถดึงดูดคนในชาติผมได้ ยิ่งถ้าบนฝั่งมีคนให้เช่าเตาย่างบาร์บีคิว หรือมีบริการพวกเครื่องครัวให้พวกเขาปรุงปลาคาร์ฟเอเชียที่พวกเขาตกเองด้วยล่ะก็ พวกคุณรู้ไหมว่านี่จะสามารถทำเงินได้มากแค่ไหน?”


“พวกเขา พวกเขา จะมาเหรอ? กินของพวกนี้ได้ด้วยเหรอ?”ฮิวจ์ถามอย่างไม่แน่ใจ “เสียเงินเพื่อยิงปลา? ใช้เงินเพื่อกินปลาแปลกๆพวกนั้น? แล้วก็จ่ายเงินเพื่อเช่าเรือไปเที่ยวในทะเลสาบเนี่ยนะ?”


พอดีกับที่ ทีวีที่แขวนอยู่ข้างในร้านสะดวกซื้อกำลังประกาศข่าวอยู่ หนึ่งในนั้นมีข่าวเกี่ยวกับฟาร์มหลายแห่งในรัฐเท็กซัสของสหรัฐอเมริกาที่ประสบกับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจได้ร่วมกันจัดโปรแกรมท่องเที่ยว โดยได้เชิญคนจีนให้ไปขี่ม้า ล่าสัตว์ หุงหาอาหารกลางแจ้งและเที่ยวชมวิวทิวทัศน์ ปรากฏว่าในหนึ่งฤดูกาลของปีนี้ คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะสามารถพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเพื่อนำไปให้ชดเชยเงินที่ขาดหายไปจากการทำฟาร์มในปีที่แล้วได้!


 “พวกคุณคิดว่ากิจกรรมพวกยิงปลา โต้คลื่น ตกปลาทะเล ล่องเรือ เก็บเบอร์รีอะไรพวกนี้ เมื่อเทียบกับการขี่ม้า ล่าสัตว์ของพวกแยงกี้แล้ว อันไหนดูมีแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่ากัน?ฉินสือโอวถาม


“โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ เราก็ล่าสัตว์ได้เหมือนกัน! เขาคาบ็อกซ์ของพวกเรามีหมูป่า มีกวางอูฐ มีกระต่ายป่า พวกนี้ก็เป็นรายการท่องเที่ยวทั้งนั้นเลยนะ!”


แฮมเล็ตและฮิวจ์หันมามองหน้ากัน จากนั้นจึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เอาเลย!”


“ว่าแต่นักท่องเที่ยวจะมาจากไหนกันล่ะ” ฮิวจ์เริ่มกังวลขึ้นมาอีกครั้ง


ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดกับเขาว่า “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม พวกคุณลืมไปแล้วเหรอว่าผมเป็นคนประเทศอะไร?”


แฮมเล็ตยกแก้วกาแฟขึ้น ชนแก้วกับฉินสือโอว แล้วพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “ฉิน เพื่อนยาก เป็นเกียรติมากที่นายมาอยู่ที่เมืองเล็กๆของเราแห่งนี้! ฉันต้องขอบอกว่า นายอาจจะต้องมาช่วยเมืองของเราแล้วล่ะ” ถ้าโปรแกรมท่องเที่ยวของเราประสบความสำเร็จ เช่นนั้นเงินห้าแสนดอลลาร์ที่ใช้ในการแก้ปัญหาภัยพิบัติจากปลาก้อนนี้ก็จะให้เป็นรางวัลของนายแทนแล้วกัน!”


ฉินสือโอวยิ้มพร้อมทั้งส่ายหัว “ไม่ๆ เงินพวกนี้ต้องเอาไปซื้อเมล็ดพันธุ์หญ้า ถ้าอาหารในทะเลสาบมีมาก ปลาพันธุ์ท้องถิ่นก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่ใช่เหรอ?”


เรื่องนี้ถูกกำหนดไว้เพียงเท่านี้ก่อน แฮมเล็ตจึงเร่งรีบออกจากประตูไปเพื่อหาคนรับรองโครงการท่องเที่ยว ฉินสือโอวที่เพิ่งทิ้งเงินห้าแสนดอลลาร์ก็กำลังเตรียมตัวกลับ


ฮิวจ์รั้งเขาไว้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมรับเงิน ฉินสือโอวยิ้ม และพูดกับเขาไปว่า “อย่าทำแบบนี้เลย เพื่อน ฉันก็เป็นคนในเมืองแฟร์เวลเหมือนกันเรื่องที่ฉันช่วยพัฒนาเมืองก็เป็นสิ่งที่ควรทำ อีกอย่างกาแฟของนายก็มีไว้ขายด้วยฉันจ่ายเงินก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”


ขณะมองแผ่นหลังของฉินสือโอว ฮิวจ์ก็พูดขึ้นมาอย่างแน่วแน่ว่า “ฉินเป็นคนที่มีความสามารถ ต้องทำให้เขาอยู่กับพวกเราที่เมืองนี้ให้ได้ ใช่แล้ว ต้องหาหญิงสาวที่ดีที่สุดไปแต่งงานกับเขา ทำให้เขาอยู่กับพวกเราที่นี่”


ภรรยาของฮิวจ์ก็หัวเราะออกมา “แฟนของฉินน่าจะเป็นผู้หญิงที่อยู่กับเขาเมื่อคราวก่อนหรือเปล่านะ? ฉันเคยเจอครั้งหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่เจ๋งมาก ผู้หญิงในเมืองของเรา ไม่มีใครเทียบ……”


พูดยังไม่ทันจบ ภรรยาของฮิวจ์ก็เห็นมุมปากของฮิวจ์ที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มประหลาด เธอจึงพูดกับเขาว่า “ไม่ใช่ว่าคุณกำลังวางแผนอะไรอยู่นะ?”


เมื่อได้ช่วยเมืองแล้ว ฉินสือโอวจึงค่อนข้างมีความสุข ภายใต้ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านของความคิดและร่างกาย เขาเห็นว่าบนถนนไม่มีผู้คน จึงเพิ่มความเร็วในการขับรถขึ้น พร้อมความเร็วที่ราวกับพายุ


ปรากฏว่า บนถนนไม่มีคนอยู่ก็จริง แต่ถนนหน้าดินหลังจากฝนตกนั้นลื่นเกินไป โดยเฉพาะช่วงถนนที่เพิ่งจะออกมาจากเมือง รถเอสยูวีใต้ท้องรถสูงศูนย์กลางแรงถ่วงก็สูง เมื่อวิ่งอยู่บนพื้นโคลนจึงเกิดการลื่นไถล


ฉินสือโอวรีบเหยียบเบรก เรื่องที่แย่กว่านั้นก็เกิดขึ้นแล้ว รถไม่อยู่ในการควบคุมจึงลอยจากพื้น พุ่งไปตามแนวขนานไกลถึงสี่ห้าเมตร ล้อทางด้านขวาตกลงไปในร่องระบายน้ำเสียทันที


“แม่มเอ้ย!” ฉินสือโอวทุบพวงมาลัยรถด้วยความฉุนเฉียวหนึ่งที เขาลงจากรถมาดู ล้อรถแขวนอยู่ในร่องระบายน้ำ เขาลองติดเครื่องหลายครั้ง ล้อรถกลับไม่มีแรงมากพอ จึงขับออกไปไม่ได้


คราวนี้เขาจึงจนปัญญา คงทำได้แค่หารถกระบะมาลากแล้วล่ะ ขณะที่เขากำลังจะโทรหาชาร์ค เสียงฝีเท้าหนักๆจากถนนก็เข้ามากระทบกับหูของเขา


ฉินสือโอวเงยหน้าขึ้นไปดู คิ้วของเขาก็กระตุกขึ้นมาทันที ห่างไปไม่ไกล ชายร่างใหญ่คนหนึ่งกำลังตรงเข้ามาทางนี้


นี่คือชายร่างใหญ่ยักษ์ขนานแท้ น่าจะสูงสักประมาณสองเมตรถึงสองจุดหนึ่งเมตรได้ โครงร่างหนาใหญ่ หนวดเคราหนาเฟิ้ม ดวงตาสองข้างราวกับกระดิ่งทองแดง มือที่โผล่พ้นออกมาสองข้างใหญ่ราวกับพัดใบปาล์ม ท่อนขาใหญ่ยาว เดินมาบนถนนอย่างทะนงองอาจ!


บนตัวของชายร่างยักษ์สวมเสื้อผ้าขาดๆ เขาถือเอาถุงพลาสติกไว้ในมือ ไม่หยุดที่จะเอาของจากข้างในถุงพลาสติกยัดใส่ปาก เขาเดินคอตกมาตามทาง หยดน้ำฝนหนาวเย็นที่ตกใส่ตัวเขาดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบอะไรกับเขาเลย


เงาของรถคาดิลแลควัน เตะตามาก เมื่อชายร่างยักษ์เดินข้ามาแล้วก็เอาแต่มองดูไม่หยุด เมื่อมองเห็นฉินสือโอว เพียงครู่เดียวเขาก็ยิงฟันหัวเราะออกมา แล้วจึงเป็นฝ่ายเดินเข้ามาเอง พูดเสียงในลำคอว่า “เฮ้ สวัสดี นายมาทำอะไรที่นี่เหรอ? ฝนตกแล้ว ทางที่ดีอย่าอยู่ข้างนอกเลยดีกว่า”


หลังจากพูดกับเขาไม่กี่ประโยค มนุษย์ยักษ์ก็เดินหน้าต่อไป เดินไปได้สองก้าวก็หันหลังกลับมา “เอ้อ นายอยากกินพิซซ่าไหม?”


พิซซ่า? ทันใดนั้นฉินสือโอวก็นึกขึ้นมาได้ว่ามนุษย์ยักษ์ตรงหน้าคือใคร เจ้าหมอนี่ไม่ใช่มนุษย์ยักษ์ที่กินพิซซ่าเก่งๆที่เขากับวินนี่เจอหลังจากที่เขาเมาเหล้าเมื่อตอนวันวิคตอเรียหรอกเหรอ?


ฉินสือโอวมองไปที่มนุษย์ยักษ์และพูดกับเขาว่า “ตอนนี้ไม่ได้ เพื่อน ล้อรถของฉันตกลงไปในร่องระบายน้ำ ฉันต้องรอให้คนขับรถลากมันขึ้นมาน่ะ”


มนุษย์ยักษ์มองล้อรถที่ค้างอยู่ ก็เกาหัวแกรกๆพูดกับเขาว่า “ถ้าล้อรถขึ้นมาได้ ก็ไปกินพิซซ่าได้แล้วใช่ไหม?”


ฉินสือโอวยักไหล่ “ได้อยู่แล้ว”


มนุษย์ยักษ์ไม่ได้รีรอ แขวนถุงพลาสติกไว้ข้างเอว กระโดด ‘ตู้ม’ ลงไปในร่องน้ำ จากนั้นจึงโค้งตัวมุดเข้าไปที่ใต้รถ ใช้ไหล่แบกเอาล้อด้านหลังฝั่งขวาเอาไว้ คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันแน่น อ้าปากคำรามออกมา “ไฮย่า!”


เผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆทั้งท่อนบนท่อนร่างของเขาที่เด่นขึ้นมา เสื้อผ้าขาดๆก็เหมือนกับจะถูกกล้ามเนื้อที่ดูเหมือนจะไกลจากความเป็นจริงดันจนขาด กลิ่นอายของความมุทะลุดุดันแบบยุคโบราณก็บุกเข้ามาปะทะฉินสือโอวอย่างจัง


จากนั้นก็เสียง ‘แกรกแกรก’ ดังขึ้นด้านหลังทางฝั่งขวาของรถคาดิลแลควัน ก็ถูกดันขึ้นมาจริงๆ ต่อมารถก็ค่อยๆไถลไปกับพื้นแนวขนานทางฝั่งซ้ายได้ประมาณหนึ่งเมตรกว่า ฉินสือโอวมองภาพข้างหน้าด้วยความรู้สึกราวกับไร้วิญญาณ รถคาดิลแลคของเขากลับขึ้นมาบนพื้นแล้ว!


โทรศัพท์มือถือของฉินสือโอวดังขึ้น เป็นชาร์คที่โทรกลับหาเขานั่นเอง “บอส มีอะไรหรือเปล่า เมื่อครู่ทำไมคุณยังไม่ทันพูดอะไรก็วางสายไปซะแล้วล่ะ?”


ฉินสือโอวชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบเขา “อ้อ ไม่มีอะไร ฉันวางแล้วนะ”


เมื่อวางสายโทรศัพท์แล้ว เขาก็มองไปที่ชายร่างยักษ์ เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วจึงถามออกไปว่า “นายดันเอา รถขึ้นมาเหรอ?”


ตั้งแต่ที่เขามีจิตสำนึกโพไซดอน และหลังจากที่เขาถูกพลังของจิตสำนึกโพไซดอนทำให้เปลี่ยนแปลงไป เขาก็รู้สึกว่าตนเองคงมีพละกำลังมากที่สุดบนเกาะแฟร์เวล ตอนนี้ ดูท่าทางว่าเขาจะประเมินฮีโร่บนโลกนี้ได้ต่ำเกินไปแล้วล่ะ


ต่อให้เขามีความมั่นใจมากกว่านี้ ฉินสือโอวก็ไม่คิดว่า พละกำลังของตนเองจะสามารถดันรถคาดิลแลควัน ขนาดสามตันได้หรอกนะ! ถึงจะเป็นแค่การออกแรงผลัก ถึงจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่อยู่บนพื้นถนนลื่นๆก็ตาม!


มนุษย์ยักษ์ก็ดูท่าไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสักครู่ออกแรงมากเกินไป ตอนนี้หน้าของเขาค่อนข้างจะซีดเซียว อีกทั้งไหล่ซ้ายก็ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ จึงใช้มือข้างขวากดไว้ตลอด ปากบ่นพึมพำไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร


เมื่อพักผ่อนได้สักครู่ ชายร่างยักษ์ก็ปีขึ้นมาจากร่องระบายน้ำ เขาถามว่า “รถขึ้นมาได้แล้ว งั้นก็กินพิซซ่าได้แล้วใช่ไหม?”


ฉินสือโอวพยักหน้าแรงๆ แล้วตอบเขาไปว่า “ไม่มีปัญหา นายจะกินเท่าไรก็ได้ ต่อไปจะกินทุกๆวันเลยก็ได้!”


“เหอะๆ ไม่ได้หรอก อามังกี้ไม่ยอมให้อีวิลสันกินพิซซ่าทุกวันหรอก” มนุษย์ยักษ์บอกกับเขาอย่างเศร้าๆ


คราวนี้ฉินสือโอวจึงพบว่า มนุษย์ยักษ์คนนี้ถึงภายนอกจะดูดุดันโหดร้าย แต่คล้ายว่าสติปัญญา… น่าจะมีปัญหาหน่อยๆ?


……………………………………….


บทที่ 119 ลูกชายของปีศาจร้าย

โดย

Ink Stone_Fantasy

สายฝนยังไหลรินลงมาไม่หยุด ฉินสือโอวลองติดเครื่องดู รถไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่ฐานของรถถูกขูดเป็นรอยนิดหน่อย แต่ส่วนอื่นๆของรถต่างก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร


“เฮ้ อีวิลสัน ขึ้นรถสิ เดี๋ยวฉันเลี้ยงพิซซ่า” ฉินสือโอวเปิดประตูด้านหลังของรถแล้วเรียกเขา


มนุษย์ยักษ์อีวิลสันแต่งตัวเหมือนกันกับคนไร้บ้าน เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็เปียกตลอดทั่วทั้งตัว ทั้งน้ำโคลนและน้ำเสียในร่องระบายน้ำก็เปียกรวมกันไปหมด ดูไปแล้วไม่มีส่วนไหนเลยที่เข้ากันได้กับรถคาดิลแลควัน ที่แสนจะหรูหราฟู่ฟ่าคันนี้


ฉินสือโอวจะไม่ให้อีวิลสันขึ้นรถก็ได้ ถึงแม้รถคาดิลแลควัน จะนับว่าเป็นรถที่หรูหราอย่างมากในยุโรปและอเมริกา แต่หากถูกทำให้เปื้อนถึงอย่างไรก็คงรู้รู้สึกรังเกียจอยู่ดี


ทว่า ฉินสือโอวไม่สนใจ เขาเป็นมหาเศรษฐีร้อยล้านเชียวนะ! รถคันละสามแสนดอลลาร์มันจะสักเท่าไรกันเชียว? มิหนำซ้ำยังเปื้อนแค่นิดหน่อย เมื่อครู่นี้อีวิลสันไม่ลังเลที่จะลงไปในร่องระบายน้ำเพื่อช่วยเขาหามรถขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ หากฉินสือโอวยังคิดจะแบ่งแยกชนชั้นหรือเหยียดหยามอะไรอย่างนั้นก็คงจะเกินไปแล้ว


อีวิลสันเบิกตาโตราวกับกระดิ่งทองแดงของเขาพินิจพิเคราะห์รถอย่างละเอียด เขาเกาศีรษะแล้วพูดพึมพำว่า “พวกเขาไม่ให้ พวกเขาไม่ให้อีวิลสันนั่งรถ”


ฉินสือโอวไม่อยากจะเปียกฝนแล้ว เขาจึงยิ้มและพูดว่า “เพื่อน นี่รถนะ ก็มีไว้ให้คนนั่งนั่นล่ะ รีบขึ้นรถเร็ว ไม่อย่างนั้นพิซซ่าจะเย็นหมดนะ”


ประโยคสุดท้ายเขาก็แค่พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง ไม่คิดเลยว่าจะมีผลขนาดนั้น อีวิลสันรีบมุดตัวเข้ามาในรถด้วยความรวดเร็ว แล้วพูดขึ้นว่า “พิซซ่าจะเย็นไม่ได้นะ ถ้าเย็นแล้วก็จะไม่อร่อย ไม่หอมแล้ว”


และก็เป็นเพราะว่าที่นั่งด้านหลังของรถคาดิลแลควัน ทั้งสูงอีกทั้งยังกว้างขวาง ไม่เช่นนั้นรถทั่วๆไป คงไม่สามารถจุมนุษย์ยักษ์ได้แน่ๆ


เมื่อนั่งอยู่ในรถแล้ว อีวิลสันก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็น มองไปทางนั้น มองดูทางนี้ เขาเห็นว่าบนที่นั่งข้างคนขับมีเฟรนช์ฟรายส์อยู่หนึ่งห่อ ตาของเขาก็เป็นประกายขึ้น มือของเขาก็ยืดยาวออกมาเหมือนลิง เขาหยิบเอาห่อมันฝรั่งขึ้นมาฉีกออกแล้วกินเข้าไปคำโต


ฉินสือโอวยิ่งรู้สึกว่าสมองของหมอนี่ผิดปกติ หรือว่า….เขาโง่กันแน่?


กลับมาถึงในเมืองอีกครั้ง ฉินสือโอวขับรถไปยังร้านพิซซ่ามังกี้ เมื่อลุงมังกี้เจ้าของร้านเห็นอีวิลสันมุดออกมาจากรถคาดิลแลควัน ก็ถึงกับตกตะลึงอย่างหนัก เขาถามว่า “ฉิน เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย? นายให้เจ้าหมอนี่ขึ้นรถงั้นเหรอ?”


ฉินสือโอวยิ้มตอบเขา “ไม่เอาน่า เพื่อน ก็แค่รถคันหนึ่ง ทำไมอีวิลสันจะขึ้นไม่ได้กันล่ะ?”


ยิ่งเข้าใจชาวตะวันตกมากเท่าไร ฉินสือโอวก็ยิ่งผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น แท้จริงแล้วแคนาดาก็ไม่ใช่ที่ที่มีประเพณีของสังคมที่ไร้เดียงสาขนาดนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งที่เมืองเล็กๆแห่งนี้ การแบ่งแยกทางชนชั้นมีอยู่ทุกที่จริงๆ ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจของผู้คนก็เป็นสิ่งที่มีอย่างจำกัด


“พิซซ่า กินพิซซ่า!”อีวิลสันพูดกับฉินสือโอว ลูกกระเดือกหนาใหญ่ขยับขึ้นลง ท้องก็ส่งเสียงร้องโครกครากออกมา


ฉินสือโอวควักเอาโรเบิร์ต แลร์ด บอร์เดน (บุคคลสำคัญบนธนบัตร 100 ดอลลาร์แคนาดา) ออกมาสองใบ บอกเป็นนัยๆว่ามังกี้ให้ไปทำพิซซ่า


พอดิบพอดี กับที่พิซซ่าของตอนเช้าที่เพิ่งจะออกจากเตา ลุงมังกี้ยิ้มพร้อมทั้งยกมันขึ้นมา


อีวิลสันเห็นพิซซ่าที่เพิ่งออกมาจากเตาใหม่ๆ ก็ร้องขึ้นว่า “ผมอยากได้พิซซ่าซิซิลี ไม่เอาพิซซ่าหน้าเนื้อไก่ซอสกระเทียม!”


“รู้แล้วรู้แล้ว เอานี่พิซซ่าซิซิลี!” ลุงมังกี้พูดปลอบอีวิลสัน


พิซซ่าชนิดนี้เป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านพิซซ่ามังกี้ แป้งพิซซ่าบางกรอบแต่กลับนุ่มหนึบเป็นอย่างยิ่ง ท็อปปิ้งข้างบนก็เยอะเสียจนน่าตกใจ ไส้กรอกเผ็ดอิตาลีสไตล์แคนาดา ไส้กรอกอิตาลี เบคอนกรอบๆ เนื้อวัวบด แฮม รวมไปถึงเห็ดน้ำหมากสีแดง กลิ่นหอมเป็นอย่างยิ่ง


ถึงแม้ว่าตนเองจะทานข้าวเช้ามาแล้ว แต่เมื่อได้กลิ่นหอมๆของพิซซ่าที่เพิ่งออกจากเตา ฉินสือโอวก็อดความอยากอาหารไว้ไม่ได้ เขาคิดว่าจะสั่งอะไรทานสักหน่อย


ขณะที่ฉินสือโอวกำลังจะสั่งพิซซ่า อีวิลสันที่กำลังกินอย่างตะกรุมตะกรามก็หยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วส่งให้กลับฉินสือโอว พูดด้วยเสียงคลุมๆเครือๆว่า “พิซซ่าซิซิลีอร่อย อร่อยที่สุดเลย กินนี่สิ!”


ถึงแม้ฉินสือโอวจะรู้สึกซึ้งใจกับความหวังดีของอีวิลสัน แต่เมื่อมองเห็นคราบบนฝ่ามือของมนุษย์ยักษ์ เขาก็ทานไม่ลงจริงๆ จึงพูดออกไปว่า “ขอบคุณมาก เพื่อน แต่ว่าฉันอยากจะสั่งพิซซ่าคาลาเบรสสักหน่อยน่ะ”


“อื้ม พิซซ่าคาลาเบรสก็อร่อย แต่ว่าเนื้อน้อยไปหน่อย” อีวิลสันพยักหน้า ดึงเอาพิซซ่าชิ้นนั้นกลับมายัดเข้าไปในปากทั้งชิ้น


พิซซ่าคาลาเบรสต้องใช้เตาอบไม้เพื่อตบให้ความร้อน ด้านบนมีแยมผลไม้ และแผ่นไส้กรอก จากนั้นจึงอบด้วยความร้อนสูงเก้าร้อยองศาและโรยหน่อไม้น้ำจากทะเลสาบออนแทริโอลงไป รสชาติอร่อยเกินคำบรรยาย ฉินสือโอวได้ทานครั้งแรกก็ตกหลุมรักรสชาติของมันทันที


เขาก้มตัวลงหาเคาท์เตอร์ ฉินสือโอวถามเสียงเบาว่า “ลุงมังกี้ อีวิลสันก็ไม่ใช่คนในเมืองใช่ไหม? เล่าเรื่องเขาให้ผมฟังหน่อยสิ ผมอยากรู้เรื่องของเขามากๆ”


ลุงมังกี้ทำทีมองซ้ายขวาแล้วแกล้งเปลี่ยนเรื่อง “เอ๊ะ ฉันเอาผงงาไปวางไว้ไหนกันนะ? ให้ตายสิ ฉันเหมือนคนแก่ความจำเสื่อมเลย”


ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมา เขาพูดออกมาว่า “ลุงมังกี้ คุณคงรู้ว่าผมรวยมาก แต่คุณคงไม่รู้ว่า ที่เมืองนี้กำลังจะริเริ่มกิจการการท่องเที่ยว โดยมีผมเป็นคนนำร่อง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศผมเข้ามา คุณเชื่อไหมว่า ผมมีวิธีที่จะทำให้นักท่องเที่ยวพวกนั้นไม่มาเจอพิซซ่าของคุณ?”


เมื่อได้ฟังอย่างนี้ ลุงมังกี้ก็แกล้งโง่ต่อไปไม่ได้แล้ว เขายิ้มเจื่อนๆแล้วพูดว่า “ฉิน นายเป็นคนจิตใจดี ฉันว่านายคงจะไม่อยากให้คนแก่ๆคนหนึ่งเดือดร้อนหรอกใช่ไหม?”


ฉินสือโอวตอบเขากลับไปว่า “ผมแค่อยากรู้ว่าเรื่องของอีวิลสันเป็นยังไงกันแน่ เขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่ใช่เหรอ? แต่สถานการณ์ของเขาไม่ค่อยดีเลย ผมอยากช่วยเขา แต่เงื่อนไขแรกก่อนจะช่วยเขา คือผมต้องรู้เรื่องทั้งหมดก่อนว่าเป็นมายังไง!”


ลุงมังกี้มองไปที่อีวิลสัน ที่ยังคงนั่งตะกรุมตะกรามทานพิซซ่าอยู่เหมือนเดิม ลุงมังกี้เอาพิซซ่าซิซิลีไปส่งให้เขาอีกถาด เมื่อกลับมาแล้วจึงส่งสัญญาณให้ฉินสือโอวมานั่งข้างๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็หวังว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมา”


เขาถอนหายใจ แล้วพูดต่ออีก “ถ้าพูดถึงอีวิลสัน ก็ต้องพูดเรื่องพ่อของเขา เซนท์ วาร์ยัก เมื่อยี่สิบปีก่อน วาร์ยักเป็นคนที่ตัวใหญ่กำยำที่สุดในเมืองนี้ เขาสูงถึงสองเมตร ร่างกายกำยำสูงใหญ่ จากนามสกุล ‘วาร์ยัก’ ของเขา นายคงจะพอเดาได้ว่า เขาเป็นลูกหลานของโจรสลัดไวกิ้ง”


“ถึงแม้ว่าวาร์ยักจะแข็งแรงมาก แต่เจ้าหมอนั่นกลับไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย เขาชอบทะเลาะวิวาท หาเรื่องใส่ตัว รังแกคนที่อ่อนแอกว่า สรุปได้ว่า ในสายตาของฉัน เขาเป็นไอ้สารเลวคนหนึ่งนั่นเอง!”


“แต่เรื่องต่อจากนี้ก็พิสูจน์แล้ว่า เขาไม่ใช่คนเลว แต่เขาเป็นปีศาจที่ชั่วร้าย! เขามีน้องสาวอยู่หนึ่งคน เป็นผู้หญิงที่ดีมาก ต่างกันกับเจ้าปีศาจร้ายนี่อย่างเห็นได้ชัด ฉันไม่เคยเข้าใจเลย เด็กที่เกิดจากพ่อแม่คนเดียวกัน ทำไมอีกคนถึงเป็นนางฟ้า แล้วทำไมอีกคนถึงได้เป็นซาตาน!”ลุงมังกี้ถอนหายใจแล้วส่ายหัว


“เพราะชื่อเสียงแย่ๆและความยากจนของวาร์ยัก จึงไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมแต่งงานกับเขาเลย จนกระทั่งอายุสามสิบ เขามันอันธพาลแท้ๆ! ผู้หญิงทุกคนล้วนแต่หลบวาร์ยักอยู่ไกลๆ ยกเว้นนางฟ้าจูเลียน้องสาวของเขา


“ต่อมามีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่พวกเราเจอแค่วาร์ยัก แต่กลับไม่เจอจูเลียแล้ว วาร์ยักบอกว่าเธอหนีไปกับไอ้หนุ่มหน้าอ่อนคนหนึ่งแล้ว พวกเราเข้าใจเธอจริงๆ อีกทั้งยังดีใจแทนเธอมากๆ ดีใจที่เธอหลุดพ้นจากพี่ชายปีศาจ!”


“น่าเสียดาย ที่ความดีใจของพวกเราศูนย์เปล่า” ดวงตาที่ขุ่นมัวของลุงมังกี้จ้องมองไปที่ม่านฝนนอกหน้าต่าง “ฉันจำได้ว่า วันนั้นก็มีฝนตกแบบนี้ สถานีตำรวจนครเซนต์จอห์นส่งตำรวจฝ่ายปราบปรามอาชญากรรมให้บุกเข้าไปที่บ้านของวาร์ยัก เดิมทีพวกเขามาเพื่อที่จะตรวจสอบคดีปล้นและคดีฆาตกรรมเท่านั้น คดีนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวาร์ยัก แต่พวกเขากลับค้นพบอีกคดีหนึ่ง นั่นก็คือจูเลีย……”


“เขาฆ่าน้องสาวของตัวเอง?”ฉินสือโอวขมวดคิ้วถาม


ลุงมังกี้ส่ายหัวอย่างเศร้าๆ สายตาของเขามองไปที่อีวิลสัน “ถ้าหากเป็นแค่เรื่องการฆาตกรรม จะถึงกับเป็นปีศาจร้ายเหรอ?”


ฉินสือโอวมองไปที่อีวิลสัน มองไปที่รูปร่างของเขา คิดไปถึงสติปัญญาที่ต่ำและชื่อ ‘ลูกชายของปีศาจร้าย’ ของเขา สายตาของฉินสือโอวก็แข็งกร้าวขึ้นมา “คุณอย่าบอกนะว่า ไอ้สารเลวชิงนรกมาเกิดนั่น ทำเรื่องที่เลวยิ่งกว่าสัตว์แบบนั้นกับน้องสาวของตัวเอง?!”


“ถูกขังอยู่สองเดือน ที่ชั้นใต้ดิน ไอ้สารเลวที่สมควรไปลงนรกนั่น! ตอนที่จูเลียถูกพบตัวอีกครั้ง เธอก็เสียสติไปแล้ว!”ลุงมังกี้ถอนหายใจ


“หลังจากที่วาร์ยักถูกจับ จูเลียก็ใช้ชีวิตด้วยสติและจิตใจที่ล่องลอยอยู่แปดเก้าเดือน หลังจากคลอดอีวิลสันแล้ว ในคืนหนึ่งที่พายุโหมกระหน่ำเธอก็เดินลงทะเลไป……” ลุงมังกี้ปิดหน้าไว้ “พระเจ้า ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายแบบนี้ขึ้นกันนะ?!”


ฉินสือโอวเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนที่เขาถามเรื่องของอีวิลสันจากซีมอนสเตอร์กับชาร์ค สองคนนั้นถึงได้เงียบไป


สำหรับชาวคริสต์แล้ว ทั้งสองเรื่องล้วนแต่เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ เรื่องชู้สาวของญาติสนิทและการทำแท้ง อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองแห่งนี้นั้น ก็น่ากลัวเสียยิ่งกว่าสองข้อนี้เสียอีก


ฉินสือโอวตบไหล่ของลุงมังกี้แล้วพูดกับเขาว่า “ขอโทษด้วยจริงๆ คุณผู้ชาย ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ผมไม่ควรทำให้คุณต้องกลับไปคิดถึงเรื่องนี้เลย“


ลุงมังกี้ยิ้มเจื่อน “ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก เรื่องพวกนี้ฉันจำมันขึ้นใจ เพียงแต่ฝังมันไว้ หลอกตัวเองว่าลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ในความเป็นจริง ใครจะลืมได้ลงจริงๆกันหรือ?”


“แล้วอีวิลสันโตขึ้นมาได้ยังไงครับ? แล้วก็ชื่อของเขา……” ฉินสือโอวจุ๊ปาก evilson ลูกของปีศาจร้ายน่ะ มิน่าล่ะถึงได้ถูกตั้งชื่อแบบนี้


ลุงมังกี้ถอนหายใจอีกครั้ง “ในตอนแรกเขาถูกส่งไปที่สถานสงเคราะห์ ต่อมาพบว่าสติปัญญามีปัญหา แถมยังกินจุมากๆ สถานสงเคราะห์ก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างทารุณ ต่อมาคุณวินเซนต์นายกเทศมนตรีคนก่อนจึงไปรับเขากลับมา เมื่อเป็นเช่นนั้นทุกๆครอบครัวจึงช่วยกันส่งอาหารไปให้เขากินอย่างไม่ขาด เลี้ยงจนเขาโตมา”


“แต่นายคงจะรู้แล้วว่า ปริมาณการกินของอีวิลสันน่ากลัวเกินไป สมองก็ใช้การได้ไม่ดี เศรษฐกิจในเมืองเล็กๆแห่งนี้นับวันก็ยิ่งแย่ เหตุผลหลายๆข้อรวมกัน ทำให้สุดท้ายก็ไม่มีใครยอมรับเขาไปเลี้ยง”


ฉินสือโอวทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “สติปัญญาของอีวิลสันไม่ค่อยสูงก็จริง แต่เขาไม่ได้โง่เขลาแบบที่คิดไว้ขนาดนั้น ในความคิดของผม เขาแค่ความคิดสติปัญญายังไม่โตเต็มที่ ถ้าหากว่ามีคนสอน เขาน่าจะสามารถทำงานที่ใช้แรงกายได้ แล้วก็น่าจะทำได้ดีด้วย”


ในคืนวันวิคตอเรีย อีวิลสันเคยเจอเขาเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น จนกระทั่งตอนนี้เพียงแค่เห็นเขาครั้งเดียวก็สามารถจำเขาได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าความจำของเขาไม่ได้มีปัญหา


เมื่อสักครู่นี้ที่ยืนคุยกันอยู่บนถนน เขาพบว่าอีวิลสันมีความลำบากในการสื่อสาร แต่ก็สามารถสนทนาได้อย่างปกติ เพียงแต่ต้องใช้ความอดทนและเวลาก็เท่านั้น


พูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ก็คงจะไม่มีประโยชน์ อีวิลสันก็โตแล้ว สามารถพึ่งพาตัวเองในการใช้ชีวิตได้ ไม่ต้องอาศัยการเลี้ยงดูของคนอื่นแล้ว


ฉินสือโอวมีความคิดหนึ่ง ก็คือการพาเจ้ายักษ์นี่กลับไปด้วย หลังจากที่เขาแน่ใจแล้วว่าสติปัญญาของหมอนี่มีปัญหาความคิดนี้ของเขาก็ยิ่งถูกเร่งเร้า เขามีความลับมากเกินไป ไม่สามารถป่าวประกาศให้คนทั่วไปรับรู้ได้ แต่จะให้ลงมือเองก็ไม่ค่อยสะดวกแถมยังไม่เหมาะสมเท่าไร


อย่างเช่นเขาเตรียมพร้อมที่จะไปงมก้อนโลหะเงินแล้ว แต่ถ้าให้เขาไปทำเรื่องนี้เอง ก็คงจะเหนื่อยเปล่า อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพต่ำอีกต่างหาก หากเป็นคนอื่นแล้ว เขาก็ไม่ไว้ใจจริงๆ เนื่องจากมีหลายสิ่งที่เขาอธิบายไม่ได้


หากแต่ว่า ถ้ามีคนอย่างอีวิลสันอยู่ในมือแล้ว คนที่สติปัญญาไม่ค่อยสูงนักเช่นนี้ ก็น่าจะเป็นคนที่สามารถรักษาความซื่อสัตย์ได้อย่างแน่นอน เช่นนั้นหลายๆเรื่อง ก็คงจะจัดการได้อย่างง่ายดาย


จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อ ฉินสือโอวกำลังไตร่ตรองว่าจะรับอีวิลสันกลับไปอย่างไรดี ส่วนลุงมังกี้ก็กำลังย้อนคิดถึงอดีต มีเพียงแต่เสียงเคี้ยวอาหารคำใหญ่และเสียงเลียริมฝีปากของอีวิลสันเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่


รอจนกระทั่งอีวิลสันอิ่ม ฉินสือโอวก็จ่ายเงิน แล้วพูดกับลุงมังกี้ว่า “เตรียมจ้างพนักงานเสิร์ฟไว้สักคนสิ การท่องเที่ยวของเมืองนี้น่าจะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว พอถึงตอนนั้นผมจะช่วยทำโฆษณาดีๆให้ร้านพิซซ่าของคุณด้วย”


“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน”ลุงมังกี้ยิ้มแล้วพูดกับเขา


ฉินสือโอวและอีวิลสันออกจากร้านมาด้วยกัน เขาขึ้นไปบนรถ ส่วนอีวิลสันยืนอยู่ที่หน้าประตูร้านพิซซ่า น้ำฝนสาดลงมาใส่ตัวเขา ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึก ดูคล้ายกับรูปปั้นหนึ่งอัน


ในตอนที่ฉินสือโอวกำลังจะเปิดประตูรถ ทันใดนั้นอีวิลสันก็พูดด้วยเสียงดังทุ้มออกมาว่า “เฮ้ ถ้ารถของนายตกลงไปในร่องอีก นายช่วยไปบอกฉันทีได้ไหม?”


เมื่อเห็นท่าทางกระวนกระวายใจของอีวิลสัน ฉินสือโอวก็หัวเราะออกมา เขาเปิดประตูทางด้านหลังแล้วพูดว่า “เพื่อน ถ้าอย่างนั้นทำไมนายไม่ขึ้นรถมากับฉันล่ะ? ไปทำงานที่ฟาร์มปลาของฉันเถอะ ฉันว่า นายน่าจะมีความสามารถพอจะจับปลาได้นะ ใช่ไหม?”


“จะได้กินข้าวจนอิ่มใช่ไหม?” อีวิลสันถามเสียงเบา


ฉินสือโอวตอบเขากลับไปว่า “ฉันไม่ปล่อยให้คนงานของฉันต้องอดอยากหรอก”


เดิมทีเขาอยากจะลองทดสอบก่อนว่าอีวิลสันจะพูดจาระมัดระวังพอไหมแล้วค่อยพาเขากลับไปที่ฟาร์มปลา แต่ตอนนี้ เขาก็ใจอ่อนเสียแล้ว


รถคาดิลแลควันเปลี่ยนทิศทางเพื่อขับออกจากตัวเมือง ลุงมังกี้นั่งอยู่ที่ด้านหน้าของหน้าต่างมองตามท้ายรถคาดิลแลคไปอย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่


…………………………………………


บทที่ 120 สัญลักษณ์ปลาดังคิลออสเตียส

โดย

Ink Stone_Fantasy

ยามที่เห็นฉินสือโอวพาอีวิลสันกลับมาที่ฟาร์มปลา สีหน้าของชาร์ค ซีมอนสเตอร์และนีลเซ็นนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง


“บอส ทำไมคุณถึง ทำไมถึงพาเขากลับมาด้วยล่ะ?”ชาร์คที่มีท่าทีตื่นตระหนกพูดขึ้นมาว่า “คุณไม่รู้ เฮ้อ ให้ตายสิ มีบางเรื่องที่คุณยังไม่รู้……”


“ฉันรู้ทุกเรื่องนั่นแหละ ชาร์ค เรื่องที่ฉันรู้มีมากกว่าที่นายคิดเสียอีก”ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “อีกอย่าง มีเรื่องที่ดูเหมือนว่าพวกนายจะยังไม่ค่อยรู้แน่ชัดนัก ฉันเป็นเจ้าของฟาร์มปลาแห่งนี้ การจ้างพนักงาน ก็เป็นอำนาจของฉันไม่ใช่เหรอ?”


ซีมอนสเตอร์แบมือออกแล้วพูดกับเขาว่า “ไม่ใช่ว่าพวกเราสงสัยในตำแหน่งของคุณนะ บอส แต่ว่าถ้าคุณอยากได้ชาวประมงล่ะก็ ในเมืองมีชาวประมงเก่งๆไม่น้อยกว่าห้าสิบคนที่กำลังรอให้คุณไปจ้างอยู่”


ฉินสือโอวชี้ไปที่ชาร์คที่อยู่ข้างนอกประตู “แต่ว่า พวกเขาสูงถึงสองเมตรไหมล่ะ? พวกเขามีร่างกายที่ทรหดอย่างนี้ไหม? ฉันรู้จักการให้อภัยคน และฉันแค่ต้องการคนที่แข็งแรงบึกบึนแบบนี้!”


ชาร์คกับซีมอนสเตอร์หันมามองหน้ากัน แล้วจึงหันกลับไปมองอีวิลสันมนุษย์ยักษ์ที่มีร่างกายใหญ่โตเหมือนภูเขาที่อยู่ด้านนอก ทันใดนั้นพวกเขาก็ไม่มีคำจะพูดออกมา


พวกเขาคิดกันมันก็ถูก คนงานที่ฉินสือโอวจ้าง ก็ดูเหมือนว่าล้วนแต่เป็นคนที่มีรูปร่างภายนอกดุดัน ลักษณะภายนอกของนีลเซ็นนับว่าดูดีที่สุดแล้ว แต่เขาก็เป็นคนเดียวในบรรดาคนเหล่านี้ที่เคยฆ่าคนจริงๆมาก่อน เป็นทหารกองทัพภาคพิเศษ!


แท้จริงแล้วในใจของฉินสือโอวนั้น มนุษย์ยักษ์ที่มีความบึกบึนเหนือระดับทั่วไปแต่ไม่ได้มีสติปัญญาที่หลักแหลมอย่างอีวิลสัน เมื่อเทียบกับชาร์คและซีมอนสเตอร์ที่เป็นชาวประมงที่เก่งกาจแล้วก็ถือว่ามีความสำคัญกว่ามากนัก! คนคนนี้ เขาอยากสั่งสอนจนกลายเป็นมือขวาที่ีล่วงรู้ความลับของเขาได้!


ฉินสือโอวคิดว่าจะพาอีวิลสันไปจัดการอาบน้ำเสียหน่อย แต่เมื่อกลับมาก็พบว่า หู่จือและเป้าจือกลับพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว พวกมันกระโดดเข้าใส่หน้าอกของเขา ด้านหลังเป็นฉงต้าที่ช่วงนี้กำลังกินอิ่มนอนหลับจนอ้วนพลุ้ย


ฉงต้าก้าวเอาขาสั้นๆของมันวิ่งออกมา ทว่าครู่ต่อมาก็เจอเข้ากับอีวิลสัน


ร่างกายใหญ่ยักษ์ของอีวิลสันทำให้มันรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก หรืออาจจะพูดได้ว่าฉงต้ารู้สึกว่าศักดิ์ศรีความเป็นหมีน้ำตาลของมันถูกยั่วยุ จึงตะปบอุ้งเท้าสี่ข้างลงไปบนพื้นมันยื่นคอพร้อมยกหัวขึ้นแล้วส่งเสียงคำรามของราชาออกมา “โฮ่! โฮ่โฮ่! โฮ่โฮ่โฮ่!!! โฮ่ โฮ่……”


ทันใดนั้นเสียงคำรามก็ขาดหายไป ต่อมาก็มีเสียงร้องอย่าน่าเวทนาดังขึ้นมา “ฮู ฮู ฮู ฮู!”


ในตอนที่ฉงต้าเห็นอีวิลสัน อีวิลสันก็มองเห็นมันเช่นกัน มองเห็นหมีสีน้ำตาลปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายของฉินสือโอว สองก้าวใหญ่ๆของเขาก็บุกไปข้างหน้า มือใหญ่จับเข้าที่คอของฉงต้าแล้วจึงยกมันขึ้นมา จากนั้นก็กดมันลงไปบนพื้น!


เหมือนกับนกเหยี่ยวที่กำลังจับนกตัวน้อย เหมือนกับเสือร้ายกับลามะ แม้ว่าจะเป็นหมีสีน้ำตาลที่เป็นเจ้าแห่งป่าเขาแต่เมื่ออยู่ในมือของเขามันกลับไม่มีแรงที่จะตอบโต้กลับเลยแม้แต่น้อย จึงถูกกดตัวลงกับพื้นอย่างไร้ซึ่งอารมณ์โกรธไว้อย่างนั้น


ต่อมา หมัดขวาของอีวิลสันก็ถูกยกขึ้นมาราวกับค้อน ‘ตุ้บตุ้บ’ ค้อนใหญ่สองอันทุบลงมาแล้ว อีกนิดเดียวอึของฉงต้าก็เกือบจะถูกทุบจนแตกออกมา!


กับเจ้าหมอนี่ ฉงต้าจะวิ่งก็วิ่งไม่ไหว จะตีก็ตีไม่ได้ จะหลบก็หลบไม่พ้น นอกจากร้องออกมาอย่างน่าเวทนาแล้วมันจะยังทำอะไรได้อีก?


ฉินสือโอวและคนอื่นๆตกใจเป็นอย่างมาก ต่างคนต่างก็เร่งรีบเข้าไปใช้กำลังยื้อแย่งเอาลูกหมีสีน้ำตาลออกมาจากมือของอีวิลสัน อีวิลสันมีแรงฮึดเต็มเหนี่ยว ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ นีลเซ็น ล้วนแต่เป็นขุนพลกล้าที่ยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนรวบรวมแรงทั้งหมดเข้าด้วยกัน พวกเขาถูกอีวิลสันลากๆถูๆ แต่สุดท้ายก็แย่งฉงต้ามาไม่ได้อยู่ดี


หรือจะต้องเป็นฉินสือโอวที่ต้องลงมือ ให้นีลเซ็นเอาโซ่พันที่รอบๆข้อพับขาของอีวิลสันไว้ก่อน ต่อมาฉินสือโอวจึงคว้าเอาโอกาสนี้แย่งฉงต้าลงมาจากมือของอีวิลสัน นับว่าช่วย ‘ชีวิตหมี’ ตัวหนึ่งเอาไว้ได้


เมื่อมองเห็นฉินสือโอวที่กอดฉงต้าอยู่ อีวิลสันก็เบิกดวงตากระดิ่งทองแดงของเขาแล้วตะโกนลั่นว่า “มันเป็นหมีนะ มันกัดคน! กินคน! รีบโยนมันทิ้งเร็วเข้า อย่าปล่อยให้มันกัดนาย! “อย่าปล่อยให้มันกัดนายได้นะ!”


ฉงต้าถูกตีจนตะลึงตาค้างไปแล้ว ตอนนี้แม้แต่จะส่งเสียงคำรามก็ยังทำไม่ได้ ขาสี่ข้างของมันเกาะบนตัวของฉินสือโอวไว้นิ่งๆ เหมือนกับโคอาล่าตัวหนึ่ง มันมุดหาอกของเขาไม่หยุด


เกือบจะโดนตีตายซะแล้ว!


กลายเป็นหู่จือและเป้าจือมีใจกล้าหาญ เจ้าหมาตัวน้อยสองตัวกระโดดซ้ายขวาหูใหญ่ๆก็ถูกพับไปด้านหลัง ขนสีทองบนตัวก็สะบัดขึ้น พวกมันแยกเขี้ยวยิงฟันแล้วเห่าสู้ “โฮ่งโฮ่ง! โฮ่งโฮ่งโฮ่ง!!”


“ไม่ต้องพากันเสียงดังแล้ว เงียบกันให้หมด!”ฉินสือโอวตวาดลั่น เด็กๆทั้งสี่คนที่เพิ่งจะลงมาจากอาคารก็เกิดอาการตัวสั่น พากันนั่งยองๆแล้วมองภาพเหตุการณ์ในห้องรับแขกข้างล่างผ่านช่องระหว่างราวจับบันได


ทั้งคนทั้งหมาต่างก็เงียบลง ฉินสือโอวผ่อนลมหายใจออกมาหนึ่งครั้ง เขาลากฉงต้ามาแล้วพูดกับอีวิลสันว่า “ฟังนะ อีวิลสัน นี่คือฉงต้า เป็นเพื่อนของเรา เพื่อน! เข้าใจไหม? มันเป็นเพื่อน! ต่อไปนายต้องห้ามตีมันนะ!”


“มันเป็นหมีนะ มันกัดคน!” อีวิลสันเถียงเขากลับ


ฉินสือโอวดึงฉงต้ามาเพื่อให้เขาเห็นว่าลูกหมีตัวนี้ไม่กัดคน แต่ปรากฏว่าตอนนี้ฉงต้าถูกอีวิลสันทำให้ตกใจจนขวัญกระเจิงแล้ว มันร้องตะโกนพร้อมทั้งเอาอุ้งเท้าเกาะยึดพื้นบ้านไว้ให้ตายก็ไม่ยอมขยับไป


อธิบายไปแล้วหนึ่งครั้ง อีวิลสันจึงเพิ่งจะเข้าใจ เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “โอเค นี่เป็นหมีที่ไม่กัดคน ต่อไปฉันจะไม่ตีมันแล้ว”


แต่อีกครู่เดียว ตาดวงโตของเขาก็มีสายตาดุร้ายสว่างวาบขึ้นมาอีก “แต่ถ้ามันกัดคน งั้นฉันจะตีมันให้ตายเลย!”


ฉงต้าตัวสั่นเทิ้ม มันตกใจแววตาดุร้ายนั่นจนจะร้องไห้อยู่แล้ว!


ฉินสือโอวผลักอีวิลสันเข้าไปในห้องนอนแล้วไปเปิดน้ำให้เขา เสื้อผ้าขาดๆ พวกนั้นไม่สามารถซักได้แล้ว โชคดีที่ซีมอนสเตอร์ก็สูงราวๆหนึ่งจุดเก้าเมตร จึงหาเสื้อทีเชิ้ตสองตัวกับกางเกงชั้นในตัวใหญ่มาให้เขาได้ เจ้าหมอนี่ก็สวมใส่อย่างแน่นเปรี๊ยะ เหมือนกับผู้ใหญ่ที่ใส่เสื้อผ้าของเด็กอย่างไรอย่างนั้น


ซีมอนสเตอร์พูดกับฉินสือโอวอย่างหดหู่ใจว่า “บอส ผมรู้สึกว่าที่นี่ไม่เหมือนฟาร์มปลาเลย นับวันก็ยิ่งเหมือนสถานสงเคราะห์มากกว่า คุณดูสิ เด็กสี่คน อีวิลสัน ลูกหมาสองตัวที่เก็บมาเลี้ยง แถมยังมีหมีสีน้ำตาลที่นั่งกินนอนกินไปวันๆอีกต่างหาก”


ฉินสือโอวยิ้ม “วางใจเถอะ ฉันเลี้ยงเจ้าพวกนี้ได้น่า อีกทั้งอีวิลสันก็ยังแรงเยอะอย่างกับวัว ต่อไปถ้าฟาร์มปลาต้องเริ่มงาน ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่สุดยอดมากๆเลยล่ะ!”


ถึงอย่างไรเขาก็มีพลังควบคุมจิตสำนึกโพไซดอน เรื่องเงินๆทองๆสำหรับเขานับว่าไม่ใช่ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือสัตว์พวกนี้ ก็ล้วนแต่เป็นการทำเรื่องดีๆทั้งสิ้น มีประโยคหนึ่งที่บอกไว้ว่า ยิ่งมีความสามารถมากเท่าไร ภาระที่ต้องรับผิดชอบก็จะยิ่งใหญ่มากเท่านั้น


แม้กระทั่งอีวิลสัน เขาก็ไม่ใช่คนปัญญาอ่อนไร้ประโยชน์ นี่คือคนที่ฉินสือโอวต้องการสั่งสอนให้กลายเป็นมือขวาของเขา


“กลับกลายเป็นว่า เมื่อสักครู่นี้ผมเกือบจะถูกเขาจับยกขึ้นแล้วทิ้งลงมา”นีลเซ็นที่ยังคงหวาดผวาอยู่พูดขึ้น “เมื่อก่อนเคยเจอเขาไม่กี่ครั้งแต่ไม่เคยเข้าไปทำความรู้จัก ไม่คิดเลยว่าเจ้าหมอนั่นจะน่ากลัวขนาดนี้


สำหรับอาหารมื้อเที่ยง ฉินสือโอวนำเห็ดหอมภูเขาไปตุ๋น คิดไว้ว่าจะทำสปาเก็ตติอิตาลีให้เด็กๆทาน


แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลารับประทานอาหารอีวิลสันกลับเป็นคนที่กระตือรือร้นที่สุดบนโต๊ะ ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ แล้วถามเขาไปว่า “ไม่ใช่ว่านายเพิ่งจะอิ่มมาจากร้านพิซซ่าหรอกเหรอ? พิซซ่าสองร้อยดอลลาร์เลยนะ”


“หิวอีกแล้ว”อีวิลสันหัวเราะเหอะๆออกมาอย่างทึ่มๆ


ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองยอมแพ้ให้กับข้าวหม้อนี้แล้ว เขากินไปขนาดนั้นแล้วตอนนี้เขาไม่หิวเลยสักนิด แต่ทำไมอีวิลสันถึงได้หิวอีกแล้วล่ะ?!


เขาดูแลเรื่องอาหารการกินให้กับอีวิลสัน แต่คงไม่ได้เข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเองแน่ๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาต้องเหนื่อยตายแน่นอนเลย


ชาร์คต่างหากที่เป็นคนทำ ไม่ใช่ว่ายังเหลือหมูป่าทั้งตัวอยู่หรอกเหรอ? เขายกเอาเนื้อสิบกิโลกรัมที่ละลายน้ำแข็งแล้วขึ้นมาจากนั้นจึงปรับอุณหภูมิเตาอบขึ้นแล้วเริ่มทำการย่างเนื้อ


อีวิลสันสูดดมกลิ่นเนื้อย่าง เขานั่งยองๆอยู่ข้างๆเตาอบ เหมือนกับลูกหมาที่กำลังรออาหารอยู่อย่างไม่ผิดเพี้ยน


ฉินสือโอวมาผลัดมือกับชาร์ค เขาไม่ได้หิวพอดี จึงรับหน้าที่ในการย่างเนื้อ ท่อนเนื้อขนาดสิบกิโลกรัมถูกย่างจนถึงระดับความสุกแบบดัน (Done) จากนั้นก็ถูกอีวิลสันแย่งไปกินเสียแล้ว อีกทั้งยังกินตะกรุมตะกรามเหมือนกันกับพิซซ่าเมื่อตอนเช้าอีกต่างหาก!


กินเนื้อสันในเข้าไปสี่ห้ากิโล อีวิลสันถึงจะหยุดปากได้ แต่เนื้อที่ยังเหลืออยู่เขาก็หาถุงพลาสติกมาใส่ไว้เช่นกัน เดินไปที่ไหนก็พกไปที่นั่น อยากทานเมื่อไรก็ล้วงขึ้นมาใส่ปาก เหมือนกับสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ไม่มีผิด!


ฝนยังตกลงมาตลอด ที่ฟาร์มปลาไม่ได้มีงานอะไรให้ทำ ฉินสือโอวจึงนำเก้าอี้นอนตัวหนึ่งลงมาไว้ที่ใต้ชายคาบ้านเพื่อนดื่มด่ำกับวิวฝนตก


ภาพมหาสมุทรที่มีฝนกำลังตกอยู่มีเสน่ห์ของตัวมันเอง ลดพัดคลื่นโบก กระแสน้ำที่หมุนขึ้นลง สายฝนที่ตกลงมาสู่ผิวน้ำ ตกเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ


สภาพอากาศมืดครึ้ม บนพื้นดินมีละอองน้ำตลบไปทั่วสารทิศ ต้นหญ้าน้อยสีเขียวอ่อนและใบไม้ยิ่งเพิ่มความชุ่มชื้น หยดน้ำวาววับหยดลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ในความเงียบสงบกลับมีความเคลื่อนไหว ในความเคลื่อนไหวก็มีอยู่ซึ่งความสงบ


สูดหายใจเอาอากาศสดชื่นที่คงหาที่เมืองจีนไม่ได้แน่ๆ มองไปที่ท่าเรือที่เจิ่งนองไปด้วยละอองน้ำ ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ตบลงที่ต้นขาของตนเองแล้วพูดว่า “ให้ตายสิ ฉันเอาแต่รู้สึกว่ามันขาดอะไรไปสักอย่าง ฉันขาดเสื้อกันฝนกับหมวกงอบไปนี่หว่า!”


อีวิลสันนั่งข้างๆฉินสือโอว เขาลงบนพื้น แต่ก็ยังคงสูงกว่าเขาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อยู่ดี


เห็นฉินสือโอวที่ตบลงบนต้นขา อีวิลสันก็ส่งถุงใส่เนื้อย่างขึ้นไปข้างบน แล้วถามฉินสือโอวว่า “กินไหม?”


ฉินสือโอวโบกมือปฏิเสธ เรื่องที่เขากำลังคิดอยู่เป็นเรื่องที่คงคุยกับอีวิลสันไม่เข้าใจ เขาจึงเรียกชาร์คมา ถามว่าที่แคนาดามีเสื้อกันฝนกับหมวกงอบไหม? คนแก่สวมหมวกงอบผู้เดียวดาย นั่งตกปลาอยู่ที่แม่น้ำท่ามกลางหิมะ ทิวทัศน์ที่งดงามเหมือนในบทกลอนเช่นนี้ หากปรากฏขึ้นก็คงจะสวยงามน่าดู


แต่แคนาดาจะไปมีของแบบนั้นได้อย่างไรกัน? ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ล้วนแต่ไม่เข้าใจว่าสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่ สุดท้ายแล้วฉินสือโอวจึงทำได้แค่โบกมือปัดๆ แล้วจึงเข้าไปหาในเว็บไซต์อะเมซอนและอีเบย์แคนาดาด้วยตนเอง


ชมภาพทิวทัศน์ของสายฝนได้สักพัก จิตสำนึกโพไซดอนของฉินสือโอวก็ไปที่ซากเรือในก้นทะเลที่บรรจุแร่เงินไว้เต็มพิกัด


พื้นผิวมหาสมุทรที่มีฝนตกลมพัดโหมกระหน่ำ แต่ใต้มหาสมุทรกลับยังสงบเงียบดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แร่เงินอยู่ในซากเรืออย่างปลอดภัย ตอนนี้ฉินสือโอวเพียงแค่ต้องไตร่ตรองว่าจะงมมันขึ้นไปยังไง ไม่ต้องกังวลว่าแร่เงินพวกนี้จะหนีไปไหน


เขาพบกับหลักฐานระบุตัวตนของเรือลำนี้ในห้องของกัปตัน


มีสมุดจดบันทึกเล่มหนาหนึ่งเล่มอยู่ในลิ้นชักข้างหัวเตียงที่ถูกยางปิดผนึกไว้อย่างดี มันทำมาจากหนังแกะฟอก บนเรือสมัยก่อน กัปตันจะมีสมุดบันทึกแบบนี้อยู่หนึ่งเล่ม การฟอกหนังแกะก็เพื่อทำให้มันกันน้ำได้ เพื่อที่จะได้ตรวจสอบข้อมูลของเรือได้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างเรืออับปางลงในทะเล


ฉินสือโอวควบคุมให้เจ้าน้ำเงินใหญ่นำสมุดบันทึกเล่มนี้กลับไปด้วย ไม่รู้ว่าจมอยู่ในน้ำมานานกี่ปี สมุดบันทึกหนาๆเล่มนี้แช่น้ำจนเกือบจะเปื่อยหมดแล้ว ลายมือก็เลือนรางไปตั้งนานแล้ว จนแทบจะดูได้ไม่ชัดเจน


ทว่า ปกของสมุดบันทึกเล่มนี้นั้นหนามาก ตัวหนังสือข้างบนก็ถูกแกะสลักไว้ไม่ใช่การเขียนลงไป ดังนั้นจึงสามารถอ่านได้อย่างชัดเจน


ฉินสือโอวไม่รู้จักตัวอักษรพวกนี้เขาลองเทียบดูในอินเทอร์เน็ต จึงได้รู้ว่านี่เป็นภาษาสเปน ต่อมาเขาลองใช้เครื่องมือแปลภาษาแปลดู ยืนยันความหมายของกลุ่มตัวอักษรพวกนี้ได้ว่า ‘สัญลักษณ์ปลาดังคิลออสเตียส, ตระกูลเฟอร์นันเดสประเทศสเปน, 082’


เมื่อรู้ถึงอัตลักษณ์ของซากเรือแล้ว ฉินสือโอวจึงได้ลองค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตดู แต่ก็ต้องจนปัญญาเพราะนามสกุลเฟอร์นันเดสของสเปนมีเยอะเกินไปจึงทำให้ค้นหาได้ยาก แม้แต่สัญลักษณ์ปลาดังคิลออสเตียส ก็ไม่ไม่มีข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในอินเทอร์เน็ตเลย


ในที่สุดเขาก็เจอเว็บไซต์ที่ชื่อว่า ‘บ้านของเรืออับปาง’ เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับการกู้ซากเรือที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปและอเมริกา ลงทะเบียนสมัครสมาชิกเสร็จแล้ว จึงโพสต์ข้อความลงไป เพื่อถามดูว่ามีคนที่พอจะรู้จักเรือสินค้าสัญลักษณ์ปลาดังคิลออสเตียสของตระกูลเฟอร์นันเดสจากประเทศสเปนบ้างไหม


จนกระทั่งตอนเย็นก็ยังไม่มีคนตอบกลับ เขารู้สึกเบื่อ เมื่อทานข้าวเย็นเสร็จแล้วจึงขึ้นไปนอนเลย


วันที่มีฝนตกก็เหมาะกับการนอนหลับที่สุดไม่ใช่เหรอ?


ช่วงเวลาอาหารเย็น ในที่สุดอีวิลสันก็หยุดพักเสียที เขาไม่ได้ทานอะไรมากนัก เขากินไปแค่ไข่ทอดยี่สิบสองใบและพิซซ่าซิซิลีอีกสองถาดก็เท่านั้นเอง…


ฉงต้าถูกอีวิลสันตีไปหนึ่งครั้งก็ทำตัวดีขึ้น ตลอดทั้งบ่ายมันเอาแต่ตามติดฉินสือโอว ตกเย็นเข้านอน มันก็ปีนเตียงขึ้นไปอย่างงุ่มง่าม ไม่ว่าอย่างไรก็จะนอนกอดฉินสือโอวให้ได้


ฉินสือโอวไม่ได้ดึงออก เขาคลึงหัวหมีของมันแล้วถอนหายใจออกมา “ให้ตายเถอะ แกทำให้บรรพบุรุษหมีต้องขายหน้าจริงๆ!”


หู่จือกับเป้าจือก็แสนรู้มาก พวกมันขึ้นมาเลียหน้าฉินสือโอวจนหน้าเขาเต็มไปด้วยน้ำลาย จากนั้นพวกมันจึงเข้าไปนอนในเบาะนอนเล็กๆของพวกมันแล้วหลับไป


วันต่อมาฝนก็ยังคงตกอยู่ แต่ลมทะเลเบาลงแล้วเล็กน้อย ชาร์คพูดว่า “นี่เป็นสัญญาณว่ากระแสน้ำอุ่นกำลังจะหายไปแล้ว พวกเราต้องติดต่อฟาร์มเพาะเลี้ยงปูเสฉวนบก ปล่อยพันธุ์ปูตอนนี้ จะสามารถรับรองอัตราการรอดชีวิตของพวกมันได้มากที่สุด”


ฉินสือโอวก็พูดขึ้นว่า “นายคุมเรื่องนี้เลย ฉันต้องช่วยเด็กๆจัดการเรื่องสมัครเข้าชั้นเรียน”


ตอนเช้าต้มโจ๊กข้าวขาวไปหนึ่งหม้อ ฉินสือโอวใส่ไส้กรอกลงไปแล้วทานจนหมดหนึ่งชามใหญ่ เด็กๆทั้งสี่คนทานไปคนละหนึ่งถ้วยเล็ก อีวิลสันทานไปหนึ่งหม้อ นอกจากนี้ยังใส่เนื้อทอดลงไปอีกอย่างน้อยสองกิโลกรัม!


ในที่สุดฉินสือโอวก็เข้าใจถึงความอึดอัดใจของชาวเมืองแฟร์เวล ข้าวถังขนาดนี้ แม้แต่เขาที่เป็นมหาเศรษฐียังต้องเลี้ยงอย่างเหน็ดเหนื่อย แล้วยิ่งถ้าเป็นคนธรรมดาล่ะ?


วันจันทร์โรงเรียนเปิดเรียน ฉินสือโอวพาพาวลิสและคนอื่นๆไปที่โรงเรียน


เมื่อมองเห็นรถคาดิลแลควัน ของฉินสือโอว คุณพ่อชัคคนเฝ้าประตูก็ออกมาโบกมือให้เขา ท่านหัวเราะเหอะๆ แล้วพูดขึ้นว่า “นายมาหาเชอริลอีกแล้วใช่ไหม? อยากให้ฉันไปบอกเธอให้ไหม?”


ฉินสือโอวหัวเราะเจื่อนๆ “ไม่ใช่ครับ ผมพาเด็กๆมาสมัครเข้าเรียนครับ”


เขาพาเด็กๆทั้งสี่คนเดินไปที่ห้องพักครูใหญ่โดยตรง ครูใหญ่มิทช์ แกรนท์ ก็เข้ามาต้อนรับเขา “คุณเออร์บักเคยคุยเรื่องนี้กับผมไว้แล้ว จัดชั้นเรียนให้เด็กๆก่อนดีไหมครับ แล้วก็เพิ่มเติมในส่วนของขั้นตอนที่เหลืออยู่ก็เสร็จแล้ว เวลาเรียนจะเสียไปเปล่าไม่ได้”


…………………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)